00:00:00 → 00:00:02 ทำไมเราต้องกินอาหารเสริมคนสมัยก่อนน่ะ
00:00:02 → 00:00:04 แข็งแรงจะตายไปไม่เห็นต้องกินเลยเรา
00:00:04 → 00:00:06 จำเป็นต้องกินคอลลาเจนหรือเปล่ากินอาหาร
00:00:06 → 00:00:09 เสริมวันนึงกินได้กี่ตัววิธีการกินอาหาร
00:00:09 → 00:00:11 เสริมกินรูปแบบไหนกินตอนไหนกินต่อเนื่อง
00:00:12 → 00:00:13 ต้องหยุดหรือเปล่าถ้าเรากินอาหารเสริมที่
00:00:14 → 00:00:17 ช่วยกันขับขายทุกวันน่ะอาจทำให้เป็นหลาย
00:00:17 → 00:00:20 คนอาจจะคิดว่าเครียดแป๊บเดียวก็หายแต่
00:00:20 → 00:00:22 ร่างกายมันจำนะเคลียร์ได้รู้สึกไม่
00:00:22 → 00:00:26 กระปรี้กระเป๋าเลยง่วงตลอดเวลาหรือทำให้
00:00:26 → 00:00:28 น้ำหนักเพิ่มมากยิ่งขึ้น PM 2.5
00:00:28 → 00:00:31 ปัจจุบันน่ะโดน passy เนาะหรือแบ่งกันว่า
00:00:31 → 00:00:34 เป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งหรือเป็นสารก่อ
00:00:34 → 00:00:37 มะเร็งปี 2562 เนี่ยคนที่เป็นโรคจาก PM
00:00:37 → 00:00:40 2.5 เนี่ยประมาณ 30,000 กว่าคน 30,000
00:00:40 → 00:00:42 กว่าคนเนี้ยแบ่งเป็นโรคหัวใจอ่ะประมาณหมื
00:00:42 → 00:00:45 กว่าคนและที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นน่ะก็
00:00:45 → 00:00:47 คือเมื่อปี 65 ที่ผ่านมาเพราะว่าในบ้าน
00:00:47 → 00:00:50 เราอ่ะเป็นมะเร็งป่อ่ะถึงประมาณ 180,000
00:00:50 → 00:00:53 กว่าคนเลยนะปัจจุบันเนี่ยคนพบว่าคนไทย
00:00:53 → 00:00:55 เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และตายจากมะเร็งลำไส้
00:00:55 → 00:00:59 ใหญ่เนี่ยเพิ่มมากขึ้นเป็น 2.5 เท่าเยอะ
00:00:59 → 00:01:01 มากที่สุดเนี่ยคือคนกรุงเทพฯเพราะ
00:01:01 → 00:01:03 พฤติกรรมของการ
00:01:03 → 00:01:06 กินสวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่ Doctor
00:01:06 → 00:01:09 Talk podcast ที่หมอและผู้เชี่ยวชาญทาง
00:01:09 → 00:01:11 ด้านสุขภาพจะมาพูดคุยเรื่องประเด็นสุขภาพ
00:01:11 → 00:01:14 ต่างๆอยู่กับผมหมอจิมมี่แพพผู้เชี่ยวชาญ
00:01:14 → 00:01:17 ทางด้านวิทยาศาสตร์ป้องกันและหมอเอมมี่
00:01:17 → 00:01:19 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทศาสตร์ป้องกัน
00:01:19 → 00:01:22 กระแสของีแรกเรื่องของอาหารเสริมเนี่ย
00:01:22 → 00:01:25 เป็นอะไรที่เกินคาดมากๆเลยนะครับหมอเองก็
00:01:25 → 00:01:27 ค่อนข้างตกใจเลยนะครับเนาะไม่ว่าจะเป็นคำ
00:01:27 → 00:01:30 ชมคำติหรือว่าคนที่ที่แนะนำอะไรเข้ามา
00:01:30 → 00:01:33 เนี่ยหมอก็ขอขอบคุณนะครับจริงๆต้องพูดว่า
00:01:33 → 00:01:35 เรื่องของพแสเนี่ยเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับ
00:01:35 → 00:01:38 หมอทั้ง 2 คนมากเลยทีเดียวปกติเราเนี่ย
00:01:38 → 00:01:41 เราก็จะเจอแต่คนไข้ในห้องตรวจเป็นอาจารย์
00:01:41 → 00:01:43 ที่มหาลัยหรือว่าเป็นวิทยากรตามงานประชุม
00:01:44 → 00:01:46 ต่างๆยังไงถ้าใครอยากให้พูดประเด็นไหนก็
00:01:46 → 00:01:48 คอมเมนต์มาได้นะครับค่ะก็อยากบอกว่า
00:01:48 → 00:01:51 ประเด็นแรกก่อนเนาะที่อยากคุยเนี่ยอ่าน
00:01:51 → 00:01:54 คอมเมนต์ก็เจอบอกว่าหลายๆคนถามเข้ามาว่า
00:01:54 → 00:01:57 เนี่ยทำไมเราต้องกินอาหารเสริมคนสมัยก่อน
00:01:57 → 00:02:00 น่ะแข็งแรงจะตายไปไม่เห็นต้องกินเลยเปื
00:02:00 → 00:02:02 เงินเปล่าๆอันนี้คือแบบเจอเยอะมากแล้วก็
00:02:02 → 00:02:05 แบบว่าหลายคนถามคำถามนี้บอกก่อนเลยว่า
00:02:05 → 00:02:07 อันดับแรกอ่ะที่แตกต่างกันชัดเจนของคน
00:02:07 → 00:02:09 สมัยก่อนกับสมัยนี้ก็คือไลฟ์สไตล์เนาะโดย
00:02:09 → 00:02:12 เฉพาะเรื่องของการออกกำลังกายคือสมัยนี้
00:02:12 → 00:02:14 ต้องบอกว่าทุกอย่างมันง่ายมากใช่ป่ะร้อน
00:02:14 → 00:02:17 ก็เปิดแอร์ถูกป่ะขี้เกียจเดินก็บอกว่าใช้
00:02:17 → 00:02:19 รถอ่ะคือสมมุติว่าเราคนนึงเนี่ยยออกจาก
00:02:19 → 00:02:22 บ้านมาแต่เช้าก็ขับรถไปทำงานขับรถพอเถึง
00:02:22 → 00:02:24 ออฟฟิศทำงานปุ๊บก็ขึ้นลิฟตหรือขึ้นบันได
00:02:24 → 00:02:27 เลื่อนใช่มั้ยฉะนั้นการที่เราจะแคทีในการ
00:02:27 → 00:02:29 เดินน่ะถือว่าน้อยมากปัจจุบันเนี้ยมีงาน
00:02:29 → 00:02:31 วิจัยนะจากทั่วโลกออกมามากมายไม่ว่าจะ
00:02:31 → 00:02:33 เป็นเมืองไทยหรือต่างประเทศอ่ะโดยเฉพาะ
00:02:34 → 00:02:37 ที่อเมริกาเค้ามีงานวิจัยว่าคนเราอ่ะพอ
00:02:37 → 00:02:40 อายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปอ่ะ 15% น่ะมี
00:02:40 → 00:02:43 ปัญหาเรื่องการเนื่อยนิ่งเนือยนิ่งเนื่อย
00:02:43 → 00:02:45 นิ่งหมายความว่าอะไรคือเหมือนกับไม่ค่อย
00:02:45 → 00:02:48 ขยับเขยื้อนตัวเฉื่อยชาอะไรอย่างเงี้ย
00:02:48 → 00:02:51 เนาะก็บอกว่าคนเราเนี่ย 15% น่ะแบบว่ามี
00:02:51 → 00:02:53 ภาวะเนื่อยนิ่งเนาะไม่ค่อยแบบขยับเขยื้อน
00:02:53 → 00:02:57 ทำให้เป็นโรคเรื้อรังได้ในอนาคตซึ่งปีๆ
00:02:57 → 00:03:00 นึงอ่ะคนเราอ่ะจะตายจากการที่เราเนืยนิ่ง
00:03:00 → 00:03:02 แล้วทำให้เป็นโรคเรื้อรังเนี่ยประมาณ 4
00:03:03 → 00:03:06 ล้านคนต่อปีเนื่อยนิ่ง 4 ล้านคนโอ้โอเค
00:03:06 → 00:03:08 เยอะมากเนื่อยนิ่งแล้วก็ตายด้วยนะตายด้วย
00:03:08 → 00:03:10 เอออันนี้ก็คือเลยเป็นอะไรที่เยอะมากโดย
00:03:10 → 00:03:13 เฉพาะอะไรโรคเบาหวานโรคหัวใจเนาะแล้วก็ทำ
00:03:13 → 00:03:15 ให้เป็นแบบว่าโรคหัวใจวายหรือเป็นสตก
00:03:15 → 00:03:18 อย่างเงี้ยก็เลยบอกว่าเราควรจะแคทีมาก
00:03:18 → 00:03:20 ยิ่งขึ้นคือเพราะว่าไลฟ์สไตล์ของเรามัน
00:03:20 → 00:03:23 เปลี่ยนไปในอดีตกับปัจจุบันถูกมยถ้าอย่าง
00:03:23 → 00:03:25 เมื่อกี้ที่หมอเอมมี่มาเนี่ยบอกมาเนี่ยก็
00:03:26 → 00:03:29 คือในอดีตของเราอ่ะเอาจริงๆเนี่ยเราทำงาน
00:03:29 → 00:03:32 เนี่ยเหมือนเราใช้ระยะเวลาการทำงานตามพระ
00:03:32 → 00:03:34 อาทิตย์และพระจันทร์พระอาทิตย์ขึ้นเราก็
00:03:34 → 00:03:37 ไปทำงานแล้วพระอาทิตย์ตกดินเนี่ยห้ามมัน
00:03:37 → 00:03:39 ไม่มีแสงแดดปึ๊บสมัยก่อนเนี่ยเราก็ต้อง
00:03:39 → 00:03:42 เข้านอนพักผ่อนใช่เพราะมันมืดไงเพราะมัน
00:03:42 → 00:03:44 มืดแล้วคือร่างกายของเราที่จริงมันโดน set
00:03:44 → 00:03:47 up มาเรียบร้อยแล้วพอเราตื่นตอนเช้าแสง
00:03:47 → 00:03:50 ไฟกระทบตาของเราเนี่ยในตาของเราจะมีเซลล์
00:03:50 → 00:03:53 ประสาทเรียกว่าเรติน่าเรติน่าจะส่งเซลล์
00:03:53 → 00:03:57 แสงไฟเนี่ยพอโดนกระทบเรติน่าส่งไปที่สมอง
00:03:57 → 00:04:00 แล้วสมองก็จะส่งสัญญาณไปอวัยวะต่างๆใน
00:04:00 → 00:04:04 ร่างกายเราให้ทำงานตามเวลาธรรมชาติแต่
00:04:04 → 00:04:06 คราวนี้เนี่ยต้องบอกว่าปัจจุบันเราไม่ใช่
00:04:06 → 00:04:10 มีแค่แสงไฟธรรมชาติเรามีแสงจากมือถือ iPad
00:04:10 → 00:04:13 ทีวีถูกมยแล้วก็อ่ะแสงไฟในห้องแบบเนี้ย
00:04:13 → 00:04:16 เต็มไปหมดเลยซึ่งแสงไฟอันเนี้ยเขาเรียก
00:04:16 → 00:04:18 ว่า artificial Life ก็คือที่มนุษย์เรา
00:04:18 → 00:04:21 สร้างขึ้นมาเองคือแสงเทียมแสงเทียมนั่น
00:04:21 → 00:04:23 เองแสงเทียมเนี่ยปรากฏว่ามันไปทำลาย
00:04:23 → 00:04:26 นาฬิกาชีวิตซึ่งนาฬิกาชีวิตของเรามันมี
00:04:26 → 00:04:27 เซตไว้อยู่แล้วอย่างที่เมื่อกี้บอกไปถูก
00:04:27 → 00:04:31 มั้ยครับเนาะตั้งแต่เช้าจดเย็นถูกมยซึ่ง
00:04:31 → 00:04:33 นาฬิกาชีวิตเนี่ยมันเป็นตัวนึงเลยที่
00:04:33 → 00:04:36 สำคัญมากๆที่ทำให้ร่างกายเราทำงานตามเวลา
00:04:36 → 00:04:39 เราจะหิวเป็นเวลาของเราเพราะโฮร์โมนเนิน
00:04:39 → 00:04:41 ทำให้เราหิวมันจะเป็นเซตเป็นเวลาเรียบ
00:04:41 → 00:04:45 ร้อยแล้วนะครับให้ทายว่าร่างกายเราความ
00:04:45 → 00:04:48 ดันสูงสุดตอนกี่โมงถ้าเราตื่นตอนเช้าใช่
00:04:48 → 00:04:52 ป่ะก็น่าจะ 89 นมยไม่ 10:00 น 10 น 10:00
00:04:52 → 00:04:55 นจะเป็นเวลาที่ร่างกายจะมีความดันสูงที่
00:04:55 → 00:04:57 สุดอุณหภูมิในร่างกายเราจะสูงสุดตอนกี่
00:04:57 → 00:05:00 โมงสูงสุดถ้าความดันสูงสุดต่ำสุดอ่ะกี่
00:05:00 → 00:05:03 โมงอ่ะถ้าสูงสุดก็น่าจะเที่ยนต่ำสุดก็อาจ
00:05:03 → 00:05:04 จะเที่ยงคืนคือมันไม่ได้ไปตามอุณหภูมิ
00:05:04 → 00:05:06 เนาะตอนนี้ปืนใครร้อนมากมันไม่ใช่อย่าง
00:05:06 → 00:05:08 งั้นคืออุณหภูมิในร่างกายเราจะสูงสุดตอน
00:05:08 → 00:05:12 18:00 น 18:00 นและต่ำสุดตอน 4:00 นอ่า
00:05:12 → 00:05:14 เราจะเห็นได้ว่าทุกอย่างมันโดนเซตมาหมด
00:05:14 → 00:05:17 แล้วแต่พอมันมีแสงไฟเทียมเนี่ยมันทำให้
00:05:17 → 00:05:20 นาฬิกาชีวิตของเรามันเพี้ยนไปและความ
00:05:20 → 00:05:22 เพี้ยนเนี่ยมันน่ากลัวมากเพราะมันส่งผล
00:05:23 → 00:05:27 กระทบต่อสุขภาพเราไม่ว่าความอ้วนความดัน
00:05:27 → 00:05:30 โรคหลอดเลือหัวใจจนถึงเป็นมะเร็งคราวนี้
00:05:30 → 00:05:33 มันมีงานวิจัยค้นพบว่าเราเปรียบเทียบผู้
00:05:33 → 00:05:36 หญิง 2 กลุ่มด้วยกันระยะเวลา 5 ปีออก
00:05:36 → 00:05:39 กำลังกายเหมือนกันกินเหมือนกันแต่สิ่งที่
00:05:39 → 00:05:43 แตกต่างก็คือปิดไฟหรือไม่ปิดไฟตอนที่นอน
00:05:43 → 00:05:47 พองานวิจัยครบ 5 ปีเนี่ยค้นพบว่ากลุ่มที่
00:05:47 → 00:05:50 เปิดไฟนอนต่อกลางคืนเนี่ยมีน้ำหนักเพิ่ม
00:05:50 → 00:05:53 มากขึ้น 4.5 กหืเยอะนะเฉลี่ยแล้วเนี่ยก็
00:05:53 → 00:05:57 คืออ่ะประมาณ 1 กกต่อปีแล้วกันเราจะเห็น
00:05:57 → 00:06:01 ได้ว่าการนอนที่ดีมันส่งผลกระทบต่อระบบ
00:06:01 → 00:06:04 การเผาผลาญของเราคุณเผาผลาญดีก่อนการนอน
00:06:05 → 00:06:07 คุณก็ต้องดีด้วยเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่
00:06:07 → 00:06:11 เรานอนดีเนี่ยมันทำให้เมลาโทนินคุณดีอืโส
00:06:11 → 00:06:13 ฮอร์โมนของคุณก็ดีและอันสุดท้ายก็คือระบบ
00:06:14 → 00:06:16 ดีท็อกซ์ในร่างกายของคุณก็ดีตามมันมี
00:06:16 → 00:06:19 แพทย์แผนจีนบอกไว้ว่าเวลาที่เรานอนน่ะ
00:06:19 → 00:06:22 เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเราจะฟื้นฟูและขับ
00:06:22 → 00:06:26 ของเสียหรือดีท็อกซ์ออกจากร่างกายนะครับ
00:06:26 → 00:06:29 อวัยวะแรกเลยยกยกตัวอย่างเช่นอวัยยวะตับ
00:06:29 → 00:06:32 ตับจากการเอาของเสียออกจากร่างกายไม่ว่า
00:06:32 → 00:06:34 จะเป็นของเสียจากเอ่อสภาพแวดล้อมหรือ
00:06:34 → 00:06:37 แอลกอฮอล์เนาะถ้าเราดื่มมากๆมันจะเอาของ
00:06:37 → 00:06:40 เสียออกจากร่างกายได้ดีที่สุดตอน 1 นถึง
00:06:40 → 00:06:43 3:00 นสมมุติอ่ะผับติด 2:00 นแต่คุณกลับ
00:06:43 → 00:06:45 บ้านกว่าจะกลับบ้าน 3:00 นอ่ะอ่ากว่าจะ
00:06:45 → 00:06:47 ได้นอน 4:00 กว่าจะได้นอน 4:00 นอ้าว
00:06:47 → 00:06:49 เอาวาเอาเอาแอลกอฮอลออกร่างกายไม่ทัน
00:06:49 → 00:06:51 เพราะตับยังขับออกไม่ทันเลยเวลาไปแล้วคุณ
00:06:51 → 00:06:53 ก็ไม่มีเวลาซ่อมแซมวันนั้นตื่นมาแฮง
00:06:53 → 00:06:57 โอเวอรเลยนะครับเนาะอีกอวัยวะนึงเช่นปอด
00:06:57 → 00:07:00 ปอดเนี่ยจะทำงานได้ดีที่สุดคือ 3:00 น -
00:07:00 → 00:07:04 5:00 นถ้าคุณไม่ได้นอนเวลานั้นเนี่ยศา
00:07:04 → 00:07:08 ที่ไปอยู่ในปอดเช่นอ่าศาภูมิแพ้อืจาก PM
00:07:08 → 00:07:12 2.5 หรือว่าศาลจากควันบุหรี่ต่างๆก็ไม่
00:07:12 → 00:07:15 สามารถขับออกจากร่างกายเราได้งานวิจัยล่า
00:07:15 → 00:07:17 สุดของ harvard medical School ได้บอก
00:07:17 → 00:07:22 ไว้ว่ามี 5 พฤติกรรมของการนอนถือว่าดีมาก
00:07:22 → 00:07:25 ที่ทำให้ผู้ชายอายุยืนได้ถึงเพิ่มอายุไข
00:07:25 → 00:07:28 สิต้องพูดคำนี้เพิ่มอายุไขได้ถึง 5 ปีและ
00:07:28 → 00:07:32 ของผู้หญิงเพิ่มถึงได้ 2.5 ปี 5 พฤติกรรม
00:07:32 → 00:07:37 นี้ได้แก่ 1 ต้องนอนให้ครบ 7-8 ชมต่อวัน 2
00:07:37 → 00:07:42 ก็คือต้องนอนโดยไม่ใช้ยานอนหลับก็คือนอน
00:07:42 → 00:07:44 แบบธรรมชาตินอนแบบธรรมชาติโดยไม่ใช้ยานอน
00:07:44 → 00:07:47 หลับอันที่ 3 ก็คือไม่ตื่นไปเข้าห้องน้ำ
00:07:47 → 00:07:50 แต่ถ้าตื่นเนี่ยได้แค่มากสุด 2 ครั้งต่อ
00:07:50 → 00:07:52 คืนเท่านก็คือเหมือนกับหลับยาวเลยหลับยาว
00:07:52 → 00:07:55 เลยอันที่ 4 ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่นและ
00:07:55 → 00:07:57 อันสุดท้ายอันที่ 5 เนี่ยคือหลับอย่างต่อ
00:07:57 → 00:08:00 เนื่องทุกวันจริงๆมันก็ไม่ได้ยากมากเนาะ
00:08:00 → 00:08:02 ในการที่จะทำพฤติกรรมเหล่านี้แต่ว่าก็อาจ
00:08:02 → 00:08:04 จะไม่ง่ายอย่างเงี้ยเพราะมันอาจจะมีอาชีพ
00:08:04 → 00:08:06 บางอาชีพที่ค่อนๆยากส่วนอีกอันนึงอ่ะที่
00:08:06 → 00:08:09 เจอได้ค่อนข้างเยอะมากก็คือว่าสมัยก่อน
00:08:09 → 00:08:12 ต้องบอกว่าการที่เราจะแบบติดต่อสื่อสารหา
00:08:12 → 00:08:14 กันน่ะมันค่อนข้างยากเนาะอ่าเขียนจดหมาย
00:08:15 → 00:08:18 อ่าก็จะส่งจดหมายอ่านกพิราบส่งโทรเลขใช่
00:08:18 → 00:08:20 ป่ะหรือว่าต้องไปแบบรอหนังสือพิมพ์กว่าจะ
00:08:20 → 00:08:23 ได้ข่าวสารของแต่ละวันน่ะแต่ปัจจุบัน
00:08:23 → 00:08:25 เนี่ยแคอยากโทรหาก็ LINE ละถูกป่ะหรือว่า
00:08:25 → 00:08:27 ถ้าเราอยากจะบอกว่าเอ้ยอยากจะรู้อะไรใหม่
00:08:27 → 00:08:30 ๆเนี่ยก็หาอากู๋ฉะนั้นมันกดแป๊บนึงอ่ะมัน
00:08:30 → 00:08:33 ก็แบบข้อความขึ้นมาเลยซึ่งพฤติกรรมเหล่า
00:08:33 → 00:08:35 เนี้ยมันส่งผลให้ให้คนเราเนี่ยกลายเป็น
00:08:35 → 00:08:39 โรคสมาธิสั้นหรือว่า adhd เนาะมันก็มีคน
00:08:39 → 00:08:41 เนี่ยทำเรียกว่าคนสมัยก่อนอ่ะไม่ค่อยเข้า
00:08:41 → 00:08:44 ใจหรอกว่าโรคสมาธิสั้นคืออะไรคราวนี้ก็
00:08:44 → 00:08:47 เลยมีงานนักวิจัยว่าสมัยก่อนน่ะปี 2003
00:08:47 → 00:08:49 อ่ะมีผู้ใหญ่นะเป็นโรคสมาสิทธิสั้นเนี่ย
00:08:50 → 00:08:52 ประมาณแค่แบบ 4% แต่แบบว่าพอผ่านมาถึง
00:08:52 → 00:08:54 ปัจจุบัน 20 ปีผ่านไปเนี่ยผู้ใหญ่อ่ะเป็น
00:08:54 → 00:08:56 โรคสมาธิสั้นประมาณถึง 10% โอเพิ่มขึ้น
00:08:57 → 00:08:58 เยอะมากก็ถือว่าเพิ่มขึ้นเยอะมากเลยโดย
00:08:58 → 00:09:01 เฉพาะในเด็กเนี่ยเค้าก็บอกว่ามีคนน่ะทำ
00:09:01 → 00:09:04 งานวิจัยในอเมริกาเด็กอ่ะประมาณ 2,500 คน
00:09:04 → 00:09:07 เนาะในระดับไฮ School หรือว่าระดับมัธยม
00:09:07 → 00:09:09 ปลายใช่ป่ะเค้าบอกว่าแบ่งเด็กอ่ะเป็น 2
00:09:09 → 00:09:11 กลุ่มเท่าๆกันกลุ่มนึงอ่ะเป็นกลุ่มที่
00:09:11 → 00:09:13 เหมือนกับสมัยก่อนอ่านหนังสือธรรมดาเนาะ
00:09:13 → 00:09:15 สมาร์ทโฟนให้ใช้แค่ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อ
00:09:15 → 00:09:18 วันไม่เกินอะไรเงี้ยกลุ่มที่ 2 นี่ก็คือ
00:09:18 → 00:09:20 เออยูจะทำอะไรยูก็ทำไปตามปกติใช้
00:09:20 → 00:09:22 สมาร์ทโฟนก็ได้จะใช้คอมอะไรก็ได้ปรากฏว่า
00:09:22 → 00:09:24 เด็กในกลุ่มที่เหมือนกับว่าใช้สมาร์ทโฟน
00:09:24 → 00:09:27 วันนึงแค่ชั่วโมงนึงอ่ะพบว่าเป็นโรคสมาทิ
00:09:27 → 00:09:31 สัแค่ประมาณ 4% แต่ในกลุ่มที่ใช้ Whatever
00:09:31 → 00:09:32 ที่ you want ที่อยากจะใช้อ่ะปรากฏว่า
00:09:32 → 00:09:35 เป็นโรคสมาธิ่าประมาณ 10% เขาก็เลยกล่าว
00:09:35 → 00:09:39 ได้ว่าถ้าเราวันๆนึงอ่ะติดโซเชียลคนโพสต์
00:09:39 → 00:09:41 อะไรก็หันไปมองดูคนถามอะไรก็เอาแต่ไปมอง
00:09:41 → 00:09:44 ดูมันทำให้เราไม่ได้โฟกัสไงอมัวแต่คิดว่า
00:09:44 → 00:09:47 เออคนนี้จะทำอะไรคนนั้นจะตอบอะไรเราหรือ
00:09:47 → 00:09:49 เพื่อนจะว่าอะไรอย่างเงี้ยทำให้เราไม่ได้
00:09:49 → 00:09:51 พักเลยก็เลยบอกว่าการที่เราเป็นสิ่งเหล่า
00:09:51 → 00:09:54 เนี้ยทำให้เรามีภาวะเป็นสมาธิสั้นได้ง่าย
00:09:54 → 00:09:57 มากไม่ใช่แค่ในเด็กผู้ใหญ่ก็เป็นเหมือน
00:09:57 → 00:10:00 กันจริงๆแล้วการบำบัดที่ดีที่สุดก็คือการ
00:10:00 → 00:10:03 ที่คุณวางโทรศัพท์ทิ้งข้างตัวซะแล้วก็ใช้
00:10:03 → 00:10:06 เวลาโฟกัสกับสิ่งที่คุณทำถ้าคุณจะเล่นน่ะ
00:10:06 → 00:10:08 วันนึงแนะนำไม่เล่นเล่นไม่ให้เกิน 1
00:10:08 → 00:10:11 ช่วโมงต่อวันแต่ก็มีคนถามว่าอ้าวแล้วถ้า
00:10:11 → 00:10:13 สมมุติว่ามันทำไม่ได้ล่ะคะหมอก็บอกว่าให้
00:10:13 → 00:10:15 มันน้อยหน่อยแล้วกันอาจจะจำกัดเนาะใน
00:10:15 → 00:10:17 เฉพาะในเด็กๆเนี่ยอาจจะบอกว่าตั้งเป็น
00:10:17 → 00:10:19 เค้าเรียกว่าอะไรมีโปรแกรมขึ้นมาว่าลูก
00:10:19 → 00:10:21 คุณน่ะจะสามารถเล่นได้วันละเท่าไหร่อะไร
00:10:21 → 00:10:23 อย่าเงี้ยพ่อแม่สามารถมอนิเตอร์ได้หรือ
00:10:23 → 00:10:26 ถ้าในเราอย่างเงี้ยจำเป็นต้องทำงานใช่ป่ะ
00:10:26 → 00:10:28 ก็จะมีคนถามว่าเออหมอคะมีแบบว่าอาหาร
00:10:28 → 00:10:31 เสริมตัวไหนบ้างที่พอช่วยได้ก็จะมี 1 ก็
00:10:31 → 00:10:34 คือโอเมก้า 3 เนาะหรือฟิช Oil ให้มันช่วย
00:10:34 → 00:10:37 มุงสมองทั้งผู้ใหญ่และเด็กก็กินได้เนาะ 2
00:10:37 → 00:10:39 ที่เจอได้บๆก็คือแบบว่าใบแปะก๊วยหรือ
00:10:39 → 00:10:42 กิงโกะที่พอช่วยได้อแต่อันนี้ก็ต้องเ่อ
00:10:42 → 00:10:45 ให้แน่ใจเนาะให้ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนแล้ว
00:10:45 → 00:10:47 กันเพราะว่าเด็กกับผู้ใหญ่เนี่ยมีโดสของ
00:10:47 → 00:10:50 แต่ละตัวที่ไม่เหมือนกันเอออันนี้ก็อยาก
00:10:50 → 00:10:52 แนะนำว่าให้แต่ละคนน่ะเออลองไปปรึกษา
00:10:52 → 00:10:55 แพทย์ก่อนใช่เพราะบางทีเราซื้อมาเนี่ยอาจ
00:10:55 → 00:10:57 จะเจอ Side เอฟเฟคได้ง่ายกว่ากว่าที่จะ
00:10:57 → 00:10:59 ได้ผลประยคุณถ้าคุณกินยาตัวอื่นอยู่ด้วย
00:10:59 → 00:11:02 ใช่ๆและอีกปัจจัยนึงที่เราน่าจะพูดถึง
00:11:02 → 00:11:05 เรื่องของความเครียดคือสมัยก่อนเนี่ยคน
00:11:05 → 00:11:08 อาจจะมีความเครียดน้อยกว่าคนสมัยปัจจุบัน
00:11:08 → 00:11:10 เพราะว่าปัจจุบันเนี่ยโอเคเราอาจจะมีความ
00:11:10 → 00:11:12 เครียดจากเรื่องการเงินการงานสุขภาพที่
00:11:12 → 00:11:14 ไม่แข็งแรงไม่ยอมออกกำลังกายหรือนอนไม่
00:11:14 → 00:11:17 เพียงพอหลายคนอาจจะคิดว่าเครียดแป๊บเดียว
00:11:17 → 00:11:20 ก็หายแต่ร่างกายมันจำนะเพราะความเครียด
00:11:20 → 00:11:22 เนี่ยมันอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกวันความ
00:11:22 → 00:11:24 เครียดในร่างกายเนี่ยเวลามันเกิดขึ้น
00:11:24 → 00:11:26 เนี่ยร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า
00:11:26 → 00:11:30 คอร์ติซอลอ่ะมีหน้าที่ในการจัดการกับความ
00:11:30 → 00:11:32 เครียดที่จริงคิซมันมีหน้าที่เยอะแยะมาก
00:11:32 → 00:11:34 มายเลยเนาะคุณลองคิดดูสิห้าคุณมีความ
00:11:34 → 00:11:37 เครียดตลอดเวลาและหลายเรื่องพร้อมพร้อม
00:11:37 → 00:11:41 กันความเครียดเนี้ยมันจะสะสมไปเรื่อยๆและ
00:11:41 → 00:11:44 ร่างกายมันจะจำนะฮอร์โมนตัวคอร์ติโซน
00:11:44 → 00:11:48 เนี่ยแรกๆมันอาจจะผลิตได้ดีแต่หลังๆพอมี
00:11:48 → 00:11:51 คนคุณมีอายุมากขึ้นความเครียดที่มากขึ้น
00:11:51 → 00:11:55 มันเริ่มน้อยลงมันจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย
00:11:55 → 00:11:57 ของคุณทำให้คุณอาจจะเกิดภาวะ chronic
00:11:57 → 00:12:00 fatigue Syndrome ก็คือเพลียได้รู้สึก
00:12:00 → 00:12:04 ไม่กระปี้กระเป๋าเลยง่วงตลอดเวลาหรือทำ
00:12:04 → 00:12:07 ให้น้ำหนักเพิ่มมากยิ่งขึ้นจริงๆก็เจอนะ
00:12:07 → 00:12:09 จริงๆแบว่าถ้าในวัยทำงานเราที่เจอบ่อยก็
00:12:09 → 00:12:12 คือแบบเบิรน Out ไปเลยก็คือบอกว่าแบบว่า
00:12:12 → 00:12:14 หมอคะหนูไม่มีแรงนะค่ะหมอคะหนูแบบไม่อยาก
00:12:14 → 00:12:17 ไปทำงานหรือถ้าเจอหนักๆก็คือแบบหมอคะหนู
00:12:17 → 00:12:19 แบบไม่อยากทำอะไรเลยแล้วภาวะนี้เนี่ยมัน
00:12:19 → 00:12:22 ส่งผลกระทบต่อเรื่องของจิตใจและเรื่องของ
00:12:22 → 00:12:25 อารมณ์ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตเนี่ยในปี
00:12:25 → 00:12:29 2565 ค้นพบว่าคนอายุตั้งแต่ 20-50 19
00:12:29 → 00:12:33 ปีน่ะมีคนฆ่าตัวตาย 3,650 คนเลยนะซึ่งการ
00:12:33 → 00:12:36 ฆ่าตัวตายเนี่ยมันเกิดจากภาวะเครียดสะสม
00:12:36 → 00:12:40 จากการงานการเงินหรือสุขภาพที่ไม่ดีเพราะ
00:12:40 → 00:12:43 ฉะนั้นเนี่ย้าคุณมีความเครียดที่เยอะมาก
00:12:43 → 00:12:45 คนสมัยเนี้ยชอบเปรียบเทียบกันเนาะฉันต้อง
00:12:45 → 00:12:48 ดีกว่าฉันต้องไปเที่ยวกว่าฉันต้องไป
00:12:48 → 00:12:51 เที่ยวต่างประเทศฉันต้องมีกระเป๋ามีรถมี
00:12:51 → 00:12:53 อะไรอย่างเงี้ยชอบบสองเออชอบส่องคนอื่น
00:12:53 → 00:12:55 แล้วเรากดดันตัวเองทำให้เรายิ่งมีความ
00:12:55 → 00:12:58 เครียดถ้ามีความเครียดพวกเนี้ยสะสมมากๆ
00:12:58 → 00:13:01 มันจะทำให้คุณเนี่ยมีสุขภาพที่ไม่ดีใน
00:13:01 → 00:13:05 อนาคตเพราะฉะนั้นเนี่ยลองหาวิธีผ่อนคลาย
00:13:05 → 00:13:07 ความเครียดอือไปอยู่กับเพื่อนๆอยู่กับ
00:13:07 → 00:13:10 ครอบครัวทำงานอดีเด็กที่คุณชอบไม่ว่าจะ
00:13:10 → 00:13:14 เป็นออกกำลังกายทำอาหารเล่นดนตรีแต่ถ้า
00:13:14 → 00:13:17 มันไม่ไหวจริงๆเนี่ยก็แนะนำให้มาเจอแพทย์
00:13:17 → 00:13:19 เถอะ Call for Health เนเออ Call for
00:13:19 → 00:13:22 Health เนาะและอีกภาวะนึงหมอเอมี่เคยได้
00:13:22 → 00:13:26 ยินมยคพต Vision Syndrome ไม่นะอันนี้
00:13:26 → 00:13:30 เป็นไรอ่ะคือมันเป็นภาวะที่ชอบชอบเล่นจอ
00:13:30 → 00:13:33 อ่าจอมือถือจอคอมพิวเตอร์จออะไรที่แล้ว
00:13:33 → 00:13:37 แต่ถ้าเราเล่นมากกว่า 7 ชมต่อวันเนี่ยมัน
00:13:37 → 00:13:41 จะมีภาวะนี้แต่จริงๆเงานวิจัยคนพบว่าแค่
00:13:41 → 00:13:44 คุณเล่นมากกว่า 3 ช่วโมงต่อวันคุณก็จะ
00:13:44 → 00:13:47 เป็นภาวะนี้แล้วภาวะนี้จะมีอาการเช่นตา
00:13:47 → 00:13:52 ผ้าปวดตาปวดหัวจนส่งผลกระทบต่อเรื่องการ
00:13:52 → 00:13:54 นอนเลยทำให้นอนไม่หลับอืออันเนี้ยเจอบ่อย
00:13:54 → 00:13:56 ในเด็กๆเพราะว่าเด็กสมัยเนี้ยชอบเล่นเกม
00:13:56 → 00:14:00 ไงเล่นเกหน้าจอเยอะอืที่จริงเด็กเนี่ยก็
00:14:00 → 00:14:02 มีภาวะเหมือนผู้ใหญ่ได้เหมือนกันผู้ใหญ่
00:14:02 → 00:14:04 เนี่ยเมื่อกี้ที่เราเรียกว่าคพต Vision
00:14:04 → 00:14:06 Syndrome ของเด็กเนี่ยเราจะเรียกว่า
00:14:06 → 00:14:08 Digital ey Strength อันนี้มันหมาย
00:14:09 → 00:14:11 ความว่าเด็กที่ติดหน้าจอไม่ว่าจะเป็น
00:14:11 → 00:14:14 โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์แท็บเล็ตเนาะ
00:14:14 → 00:14:16 ที่เด็กเขาเล่นตลอดเวลาเนี่ยเด็กก็จะมี
00:14:16 → 00:14:19 ภาวะป่วยได้เหมือนผู้ใหญ่เหมือนกันก็มี
00:14:19 → 00:14:22 อาการปวดตาหรือว่าปวดศีรษะหรือนอนไม่หลับ
00:14:22 → 00:14:25 ทำให้เด็กพวกนี้เนี่ยค้นพบว่ามีความ
00:14:25 → 00:14:27 เสี่ยงที่จะเป็นสายตาสั้นเพิ่มมากขึ้นได้
00:14:27 → 00:14:30 ถึง 30% ด้วยกันจริงๆอันนี้คิดว่าน่าใช่
00:14:30 → 00:14:33 เขแบบว่าอย่างของหมอเองเนาะก็คือเจอ
00:14:33 → 00:14:36 เหมือนกันว่าแบบว่าคนไข้อ่ะพาลูกมาลูกแค่
00:14:36 → 00:14:38 2 ขวบกว่าเองเนาะก็คือแบบน้องก็คือวิ่ง
00:14:38 → 00:14:40 ค่อนข้างเยอะมากเลยก็คิดว่าแบบเป็น adhd
00:14:40 → 00:14:42 อย่างเงี้ยอย่างที่เราคุยกันไปคราวนี้ก็
00:14:42 → 00:14:44 เลยบอกว่าเอ๊ะสงสัยทำไมน้องเหมือนกับแบบ
00:14:44 → 00:14:46 ไม่ค่อยโฟกัสเลยก็เลยแบบว่าแนะนำคุณแม่
00:14:46 → 00:14:48 เออคุณแม่พาน้องไปตรวจตาหน่อยเคิดว่าแบบ
00:14:48 → 00:14:50 น้องอาจจะมีสายตาหรือเปล่าเพราะเวลาดูก็ช
00:14:50 → 00:14:52 แบบแบบหรี่ตาเล็กๆอะไรอย่างเงี้ยปรากฏว่า
00:14:52 → 00:14:55 พอไปหาหมอตาหมอก็บอกว่าเออน้องมีเพราะสาย
00:14:55 → 00:14:58 ตาสั้นกับสายตาเอียงเยอะมากก็เลยคิดว่า
00:14:58 → 00:14:59 การที่น้องอ่ะดูแท็บเล็ตตั้งแต่เด็กอ่ะ
00:15:00 → 00:15:02 เพราะเวลาพอน้องนั่งหรือซนนิดนึงอ่ะแม่ก็
00:15:02 → 00:15:04 ชอบให้น้องอ่ะใช้แท็บเล็ตใช่ป่ะเพราะเด็ก
00:15:04 → 00:15:06 อ่ะชอบนั่งไงแล้วก็ดูก็เลยคิดว่าอันเนี้ย
00:15:06 → 00:15:08 เกี่ยวข้องกันชัดเจนก็เลยบอกแนะนำคุณแม่
00:15:08 → 00:15:11 ว่าเออจริงๆแล้วอ่ะควรพาน้องอ่ะไปแบบตัด
00:15:11 → 00:15:13 แว่นใส่ดีกว่าแล้วก็ควรจะควบคุมเวลาในการ
00:15:13 → 00:15:15 เล่นจออืไปทำกิจกรรมอย่างอื่นให้เด็กเล่น
00:15:15 → 00:15:17 มากกว่าใช่ๆดีกว่าที่แบบนั่งแล้วก็แบบว่า
00:15:17 → 00:15:20 มีสมาธิแต่จริงๆมันไม่ใช่ไงอือแล้วอีก
00:15:20 → 00:15:22 ปัจจัยนึงอ่ะที่อยากพูดถึงก็คือเกี่ยวกับ
00:15:22 → 00:15:25 เรื่องมลภาวะทางอากาศเพราะว่าปัจจุบัน
00:15:25 → 00:15:27 เนี้ยเราก็รู้อยู่ว่า PM 2.5 เป็นอะไร
00:15:27 → 00:15:29 ปัญหาระดับประเทศเลยเเนาโดยเฉพาะใน
00:15:29 → 00:15:32 กรุงเทพฯแล้วก็ในภาคเหนือของเมืองไทย PM
00:15:32 → 00:15:35 2.5 เนี่ยมันจะสูงมากๆช่วงหน้าหนาวถึง
00:15:35 → 00:15:37 หน้าร้อนบ้านเราก็คือประมาณพฤจิกายน
00:15:37 → 00:15:39 ธันวาคมอย่างเงี้ยจนถึงประมาณเมษายนแล้ว
00:15:39 → 00:15:42 พอเข้าสู่หน้าฝนก็จะดีขึ้นปัญหาก็คือ PM
00:15:42 → 00:15:45 2.5 ปัจจุบันน่ะโดน classify เนาะหรือ
00:15:45 → 00:15:47 แบ่งกันว่าเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งหรือ
00:15:48 → 00:15:51 เป็นสารก่อมะเร็งแล้วก็นอกจาก PM 2.5
00:15:51 → 00:15:54 แล้วเนี่ยสารที่ทำให้มีมลภาวะเนี่ยเป็น
00:15:54 → 00:15:56 ตัวที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังด้วยซึ่งมัน
00:15:56 → 00:15:58 เป็นอะไรที่เราแบบว่าต้องเข้าใจเป็นอะไร
00:15:58 → 00:16:01 เนาก็คือว่าในกรมอนามัยบ้านเราอ่ะก็เลย
00:16:01 → 00:16:05 บอกว่าเนี่ยปี 2562 เนี่ยคนที่เป็นโรคจาก
00:16:05 → 00:16:08 PM 2.5 เนี่ยประมาณ 30,000 กว่าคน
00:16:08 → 00:16:11 30,000 กว่าคนเนี้ยแบ่งเป็นโรคหัวใจอ่ะ
00:16:11 → 00:16:13 ประมาณหมื่กว่าคนและที่น่าตกใจไปมากกว่า
00:16:13 → 00:16:16 นั้นน่ะก็คือเมื่อปี 65 ที่ผ่านมาเพะว่า
00:16:16 → 00:16:18 ในบ้านเราอ่ะเป็นมะเร็งปอดอ่ะถึงประมาณ
00:16:18 → 00:16:21 180,000 กว่าคนเลยนะซึ่ง PM 35 เรารู้
00:16:21 → 00:16:23 อยู่แล้วว่าเป็นสารที่ตั้งต้นทำให้เกิด
00:16:23 → 00:16:26 มะเร็งปอดได้เพราะว่า PM 2.5 เนี่ยพอเรา
00:16:26 → 00:16:29 สูดเข้าไปข้างในอ่ะมันจะเป็นอนุเล็กๆเนาะ
00:16:29 → 00:16:31 มันเข้าไปถึงระดับแบบเนื้อเยื่อปอดได้เลย
00:16:31 → 00:16:34 พอยไปถึงในเนื้อเยื่อปอดเนี่ยคนบางคนน่ะ
00:16:34 → 00:16:36 มีแบบว่าเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะอาจจะแบบ
00:16:36 → 00:16:38 ดีท็อกไม่ดีอย่างที่เรากล่าวมาในข้างต้น
00:16:38 → 00:16:42 ใช่มยมันก็เลยทำให้ยีนมีความผิดปกติไปพอ
00:16:42 → 00:16:45 ยีนมันมีการเปลี่ยนแปลงไปอ่ะกายของยีน
00:16:45 → 00:16:47 เนาะก็เลยทำให้เป็นมะเร็งได้โดยเฉพาะใน
00:16:47 → 00:16:50 ผู้หญิงเป็นเยอะมากเนาะเราเรียกว่าอิน
00:16:50 → 00:16:53 คารินสมัยที่เราเคยเคยเรียนกันก็อาจะได้
00:16:53 → 00:16:56 ยินว่าผู้หญิงอายุ 45 ปีไม่สูบบุหรี่เนาะ
00:16:56 → 00:16:59 แล้วก็เป็นมะเร็งเอออันนี้ก็คือเกี่ยวกับ
00:16:59 → 00:17:02 การแบบสูต PM 2.5 บ่อยมากแลอันนึงที่น่า
00:17:02 → 00:17:04 กลัวเขาบอกว่าถ้าวันนั้นน่ะสมมุติว่ามัน
00:17:04 → 00:17:06 ขึ้นสีแดงอ่ะขึ้นสีแดงมันก็ขึ้นประมาณแบบ
00:17:06 → 00:17:08 ว่า 100 กว่าใช่ป่ะหรือ 50 กว่าอย่าง
00:17:08 → 00:17:11 เงี้ยแต่ถ้าเมื่อไหร่มันขึ้นน่ะ 22 อ่ะ
00:17:11 → 00:17:13 ลูกบาทเมตรขึ้นไปของ PM อ่ะนั่นเท่ากับ
00:17:14 → 00:17:16 การสูบบุหรี่ 1 มวลแล้วนะโอหเยอะมากงั้น
00:17:16 → 00:17:18 ถ้ามันสีแดงขึ้นมาเยอะๆบคุณคุณสูบบุหรี่
00:17:18 → 00:17:21 ทางอ้อมไปเลยอ่ะใช่ฉะนั้นถ้ามันสูงสูบแบบ
00:17:21 → 00:17:23 ว่าเราอ่ะสูบอากาศทุกๆวันแล้วก็เจอ PM
00:17:23 → 00:17:25 เยอะขนาดนั้นน่ะถ้าบอกว่าคุณสูบบุหรี่กี่
00:17:25 → 00:17:27 มวลคุณต้องไปคิดเอาฉะนั้นอันนี้ก็เลยบอก
00:17:27 → 00:17:29 ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อยากให้ทุกคนแบบ
00:17:29 → 00:17:32 ว่าตระหนักถึงแล้วก็นอกจากเก็ยังเจอว่า
00:17:32 → 00:17:35 อาจารย์ที่มชนะที่เราเห็นอ่าเป็นหลายๆ
00:17:35 → 00:17:38 ข่าวเลยข่าวเยอะมากที่บอกว่าแม้ว่าคุณอาจ
00:17:38 → 00:17:40 จะมีไลฟ์สไตล์ดีกินอาหารดีออกกำลังกาย
00:17:40 → 00:17:43 ตลอดเวลาดูแลสุขภาพดีทุกอย่างเป็นหมอด้วย
00:17:43 → 00:17:45 เป็นหมอด้วยอะไรอย่างเงี้ยก็ปรากฏว่าถ้า
00:17:45 → 00:17:47 คุณได้เจอแต่อากาศแย่ๆอย่าเงี้ยก็ทำให้
00:17:47 → 00:17:50 คุณเป็นมะเร็งปอดได้เหมือนกันนอกจากที่จะ
00:17:50 → 00:17:52 เจอแบบมลภาวะทางอากาศแล้วเนาะอีกอันนึง
00:17:52 → 00:17:55 ที่เจอเยอะมากๆก็คือมลภาวะจากน้ำก็คือใน
00:17:55 → 00:17:58 คนไทยเราเนี่ยบอกว่าเฮ้ยเรากินอาหารทะเล
00:17:58 → 00:18:01 แบบเซฟมั้ยแบบมีสารปนเปื้อนอะไรหรือเปล่า
00:18:01 → 00:18:04 เงี้ยเค้าก็เลยพบว่าในคนไทยเนี่ยเ้ามีการ
00:18:04 → 00:18:06 สุ่มตรวจเนาะเช่นว่าเอาปลาหมึกแห้งอย่า
00:18:06 → 00:18:09 เงี้ยมาสุ่มตดว่ามีสารอะไรบ้างปรากฏใน
00:18:09 → 00:18:11 บ้านเราที่จะเจอเยอะก็คือจะเจอปลอดเจอสาร
00:18:12 → 00:18:15 แคดเมียมเจอสารหนูสิ่งเหล่าเนี้ยเราเรียก
00:18:15 → 00:18:18 ว่าสารโลหะหนักสารโลหะหนักเนี่ยหมายถึง
00:18:18 → 00:18:20 อะไรก็หมายถึงว่าเป็นโลหะที่มีความหนัก
00:18:21 → 00:18:24 กว่าน้ำมากกว่า 5 เท่าเนาะโลผ่าหนักเนี่ย
00:18:24 → 00:18:26 มีทั้งข้อมีทั้งแบบดีและแบบไม่ดีแบบดีคือ
00:18:26 → 00:18:29 อะไรก็เช่นสังกสีที่เราคุยกันถึงแมงกานีส
00:18:29 → 00:18:31 ที่เราคุยกันเนาะเซเลเนียมพวกนี้จะเป็น
00:18:31 → 00:18:34 สารที่ต้องใช้ที่ต้องในร่างกายต้องกินอีก
00:18:34 → 00:18:37 อันนึงก็คือสารที่ไม่ควรเจอหรือว่าถ้ากิน
00:18:37 → 00:18:39 เข้าไปแล้วจะเป็นอันตรายก็คือเนี่ยพวก
00:18:39 → 00:18:42 ปลอดแคดเมียมสารตะกวดต่างๆอันนี้เราเรียก
00:18:42 → 00:18:45 ว่าสารพิษโลหหนักที่ให้เกิดโทษปรากฏว่าใน
00:18:45 → 00:18:48 นามบ้านเราเนี่ยเจอค่อนข้างเยอะแต่ว่ายัง
00:18:48 → 00:18:51 อยู่ในปริมาณที่ควบคุมได้เนาะคราวนี้กรม
00:18:51 → 00:18:53 วิทเคก็เลยไปตรวจแล้วเจอว่าเออเนี่ยบางที
00:18:53 → 00:18:55 เรากินปลาหมึกแห้งอะไรอย่างเงี้ยหรือกุ้ง
00:18:55 → 00:18:58 แห้งตัวเล็กๆเนี่ยค่ะมันทำให้มีสารพวกเปน
00:18:58 → 00:19:00 กเปื้อนแต่มันปอนเปื้อนในระดับน้อยมาก
00:19:00 → 00:19:03 แล้วค่อนข้างปลอดภัยเนาะแต่คราวนี้เบอก
00:19:03 → 00:19:05 ปลอดภัยจริงหรอก็เลยมีคนไปตรวจเพิ่มเติม
00:19:05 → 00:19:07 ศึกษาวิจัยเพิ่มเติมคือเอาปลากระป๋อง
00:19:07 → 00:19:10 ซาดีนบ้านเรานี่แหละง่ายๆเลยเนาะไปตรวจพบ
00:19:10 → 00:19:13 5 ยี่ห้อเจอว่า 2 ยี่ห้อเกินมาตรฐาน
00:19:13 → 00:19:16 ประเด็นคือเกินแล้วเป็นยังไงเขาก็บอกว่า
00:19:16 → 00:19:18 ปกติแล้วถ้าสมมุติเรากินปลาปลากระป๋อง
00:19:18 → 00:19:21 ซาดีนใช่ป่ะกินไปเปปุ๊บเนี่ยกินน้ำเยอะๆ
00:19:21 → 00:19:24 เนาะปัจจุบันก็คือบอกว่า 2-5 วันเนี่ยมัน
00:19:24 → 00:19:27 ก็ออกหมดแะอ๋อขับออกปัสวะขับออกปัสสาวะไป
00:19:27 → 00:19:30 เลยเป็นการดีท็อกซ์เนาะแต่ว่าถ้าคุณกิน
00:19:30 → 00:19:33 ปลากระป๋องสาดินทุกวันทุกวันอย่างเงี้ย
00:19:33 → 00:19:35 เออมันก็สะสมไงหมอจิมมี่เคยเจอคนไข้มที่
00:19:35 → 00:19:38 เป็นมีๆเหมือนกันก็มีคนไข้ที่โดยเฉพาะที่
00:19:38 → 00:19:42 แบบอยู่จังหวัดพวกระยองพัทยาชลบุรีหรือ
00:19:42 → 00:19:45 พวกสมุดสมุทรสาครสมุทรปราการเนี่ยที่เขา
00:19:45 → 00:19:47 อยู่ในใกล้โรงงานและกินอาหารพวกเเป็น
00:19:47 → 00:19:49 ประจำเนี่ยก็จะมีสารโลหหนักค่อนข้างเยอะ
00:19:49 → 00:19:52 เหมือนกันใช่เพราะว่าเขาบอกว่าที่บ้านเรา
00:19:52 → 00:19:55 อ่ะเจอเยอะในกลุ่มทะเลแถวนั้นเนาะโดย
00:19:55 → 00:19:57 เฉพาะพวกระยองสมสาครเพราะอะไรเพราะว่ามี
00:19:57 → 00:19:59 โรงงานไงโรงงานเหล่าเนี้ยอาจจะเป็นโรงงาน
00:19:59 → 00:20:02 ทำแบตเตอรี่โรงงานทำพวกปุ๋ยเคมีเนี่ยมัน
00:20:02 → 00:20:05 เลยมีค่อนข้างเยอะฉะนั้นถ้าประชากรคนไทย
00:20:05 → 00:20:07 อาศัยอยู่ในถิ่นเหล่าเนี้ยก็ต้องคอยๆ
00:20:08 → 00:20:09 ระวังนิดนึงแต่ปัจจุบันก็ยังเจอว่ายัง
00:20:09 → 00:20:12 ค่อนข้างปลอดภัยอยู่นะของบ้านเราแต่ก็บอก
00:20:12 → 00:20:15 ว่าเออถ้าบเซฟโซนสุดราคะอย่างเงี้ยเขาก็
00:20:15 → 00:20:18 บอกว่าให้กินใต้ลงไปนิดนึงก็คือว่าเลย
00:20:18 → 00:20:20 สุราษฎร์ธานีลงไปก็จะค่อนข้างเซฟเพราะว่า
00:20:20 → 00:20:22 ไม่ค่อยมีโรงงานอุตสาหกรรมอีกอันนึงที่
00:20:22 → 00:20:24 เจอค่อนข้างเยอะก็คือในดินใกล้เคียงกัน
00:20:24 → 00:20:26 เลยก็คือในดินบ้านเราก็เจอจากโรงงาน
00:20:26 → 00:20:29 เหมือนกันพอโรงงานน่ะมันปล่อยสารพิษออกมา
00:20:29 → 00:20:32 ทางน้ำใช่ป่ะมันก็ไปตามดินไงยก็เจอคล้ายๆ
00:20:32 → 00:20:34 กันเลยปัญหาบ้านเราหนักสุดก็คือสาร
00:20:34 → 00:20:37 อาร์เซนิกเนาะค่อนข้างเยอะหรือสารหนูนั่น
00:20:37 → 00:20:40 เองแล้วก็อีกอันนึงที่เจอก็คือแคดเมียม
00:20:40 → 00:20:42 คราวนี้ในดินน่ะมันต่างจากสัตว์ยังไงก็
00:20:43 → 00:20:45 คือสัตว์มันต้องไปกินแล้วสะสมแต่ในดินน่ะ
00:20:45 → 00:20:48 คือเวลาเราปลูกพืชเข้ามามันดูดจากดินขึ้น
00:20:48 → 00:20:50 มาใช่มยแล้วพืชที่เจอส่วนใหญ่ก็คือจะเป็น
00:20:50 → 00:20:55 พืชประเภทหัวหัวเช่นอะไรกะหล่ำปีเนาะเจอ
00:20:55 → 00:20:58 อะไรในมันฝรั่งอย่างเงี้ยหรือว่าเจอในที่
00:20:58 → 00:21:00 เจอเยอะมากก็คือในผักชีจะมีค่อนข้างเยอะ
00:21:00 → 00:21:03 แต่อันอื่นน่ะจะค่อนข้างเซฟฉะนั้นแล้วก็
00:21:03 → 00:21:04 เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ว่าทำไมเวลาเรา
00:21:04 → 00:21:07 ประกอบอาหารหรือจะทำอาหารเนี่ยเราต้อง
00:21:07 → 00:21:09 ล้างค่อนข้างเยอะมากเพราะว่าถ้าเราไม่
00:21:09 → 00:21:12 ล้างเนี่ยเราก็ได้สารปนเปื้อนเข้าไปเยอะ
00:21:12 → 00:21:14 คือในปัจจุบันน่ะมันจะมีการเ้าเรียกว่า
00:21:14 → 00:21:16 ถ้าเราได้รับสารปนเปื้อนเข้าไปอ่ะมันจะมี
00:21:16 → 00:21:19 พิษ 2 แบบเนาะแบบแรกก็คือแบบฉับพลันกิน
00:21:19 → 00:21:22 เข้าไปปุ๊บตาลายหน้ามืดปวดหัวแบบน้ำลาย
00:21:22 → 00:21:25 ฟูมปากเงี้ยเเรียกว่าแบบฉับพลันคนส่วน
00:21:25 → 00:21:26 ใหญ่ไม่ค่อยเป็นหรอกกลุ่มเยจะเป็นในแง่
00:21:27 → 00:21:29 ของแบบชาวสวนเกษตกได้เจออันนี้ก็เราจะรีบ
00:21:29 → 00:21:32 ส่งโรงพาบาลอยู่แล้วะแต่ประเภทอันดับ 2
00:21:32 → 00:21:34 อ่ะที่เจอก็คือจะเป็นแบบเรื้อรังแบบเรื้อ
00:21:34 → 00:21:36 รังเนี่ยจะไม่ค่อยรู้ไงเพราะว่าค่อยๆสะ
00:21:36 → 00:21:39 สะสมเออในร่างกายใช่มยแล้วพอมันค่อยๆสะสม
00:21:40 → 00:21:42 ในร่างกายอ่ะนานๆเข้ามันถึงทำให้เกิดโรค
00:21:42 → 00:21:45 เช่นอะไรโรคเบาหวานนี่เจอเยอะมากเนาะโรค
00:21:45 → 00:21:48 ผิวหนังเป็นผื่นโดยไม่ทราบสาเหตุอะไร
00:21:48 → 00:21:50 อย่างเงี้ยการปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุบาง
00:21:50 → 00:21:53 ทีมันเกี่ยวข้องกับพวกผิดโรกหาหนักเหล่า
00:21:53 → 00:21:55 นี้นะเพราะว่ามันสะสมค่อนข้างเยอะเนาะ
00:21:55 → 00:21:57 ฉะนั้นมันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมเรา
00:21:57 → 00:21:59 ซื้ออาหารมาประกอบอาหารแล้วเนี่ยควรจะ
00:21:59 → 00:22:02 ล้างให้สะอาดถ้าเราสามารถทำได้เองนะเวลา
00:22:02 → 00:22:05 เราล้างเนี่ยควรจะล้างมากกว่า 20-30 นาที
00:22:05 → 00:22:09 ขึ้นไปจริงๆอ่ะมีคนพบว่าถ้าเราสามารถแช่
00:22:09 → 00:22:12 ล้างเช่นแช่ในน้ำเกลือแช่ในด่างทับทิมอ่ะ
00:22:13 → 00:22:15 มากกว่า 45 นาทีขึ้นไปถึงจะเซฟสุดอคือคือ
00:22:15 → 00:22:18 เอาอย่างน้อยล้างเอาสารพวกนี้ออกแต่ก็มี
00:22:18 → 00:22:21 คนถามอีกว่าอ้าแล้วถ้ากินออร์แกนิคล่ะคะ
00:22:21 → 00:22:24 ซื้อแบบมีป้ายโลโก้ออร์แกนิคเลยเนี่ย
00:22:24 → 00:22:27 สะอาดจริงมั้ยมันจะปลอดภัยจริงมั้ยก็อยาก
00:22:27 → 00:22:30 บอกว่าก็มีการสสุ่มตรวจน้องก็บอกว่า 45%
00:22:30 → 00:22:33 น่ะยังเจอสารตกขังอยู่ 45 ถึงแม้จะมีตรา
00:22:33 → 00:22:36 เธอจะมีตราบอกว่าโลโก้บอกว่าเธอออร์แกนิค
00:22:36 → 00:22:38 แล้วก็ยังเจออยู่ฉะนั้นก็บอกว่ามีทริปนิด
00:22:38 → 00:22:41 นึงในการที่นอกจากคุณจะซื้อว่าเป็นป้าย
00:22:41 → 00:22:44 โลโก้ออร์แกนิคแล้วเนี่ยก็คือคุณต้อง 1
00:22:44 → 00:22:46 ก็คือพยายามซื้อตามฤดูกาลเพราะคุณกินแบบ
00:22:46 → 00:22:49 ว่าผลไม้กินผักตามฤดูกาลเี่มันจะใช้สาร
00:22:49 → 00:22:52 เคมีน้อยอยู่ะอันนี้ก็คือข้อ 1 เนาะข้อ 2
00:22:52 → 00:22:54 เลยก็คือแบบว่าเช็คว่าแบบว่ามันอาจจะมีรู
00:22:54 → 00:22:56 เลยอะไรอย่างเงี้ยถ้ามันมีรูบ้างไม่ได้
00:22:56 → 00:22:59 สวย 100% ก็แปลว่ามันน่าจะปลอดภัยเพเพราะ
00:22:59 → 00:23:02 มีแมลงไปกัดเพราะหนอนแมลงไปกินเราก็น่าจะ
00:23:02 → 00:23:04 กินได้อเอันนี้อันดับ 2 เนาะแล้วก็อันดับ
00:23:04 → 00:23:07 3 ก็คืออยากให้ล้างที่คุยกันเนี่ยก็คือ
00:23:07 → 00:23:10 ถ้าเราสามารถล้างได้ประมาณสักแบบ 30 นาที
00:23:10 → 00:23:12 ขึ้นไปหรือ 45 นาทีขึ้นไปโดยใช้พวกด่าง
00:23:12 → 00:23:15 ทับทิมช่วยหรือเกลือช่วยเนี่ยก็จะช่วยได้
00:23:15 → 00:23:16 เยอะมากคือคือเราต้องตั้งสติเยอะมากเลยนะ
00:23:17 → 00:23:19 เนี่ยการกินอย่างนึงใช่ใช่เพราบอกว่าแบบ
00:23:19 → 00:23:22 ว่าสารพิษรอบตัวมันเยอะไงคือๆหมอยไม่พูด
00:23:22 → 00:23:24 มาเนี่ยเรื่องของอาหารเนี่ยจริงๆเนี่ย
00:23:24 → 00:23:26 ปกติเราสามารถแบ่งอาหารได้ 4 ประเภทด้วย
00:23:26 → 00:23:28 กันอย่างแรกเนี่ยก็คืออาหารไม่แปรรูปก็
00:23:28 → 00:23:31 คืออาหารที่เราซื้อสดๆมาเนาะผักสดผลไม้สด
00:23:31 → 00:23:34 เนื้อเนื้อสัตว์ไข่ไก่เนี่ยคืออาหารไม่
00:23:34 → 00:23:37 แปรรูปคืออันแบบที่ 1 แบบที่ 2 เนี่ยคือ
00:23:37 → 00:23:42 อาหารที่เราไว้ใช้ปรุงน้ำตาลน้ำมันน้ำปลา
00:23:42 → 00:23:44 นะครับน้ำผึ้งที่ไว้ปรุงอาหารอันนี้คือ
00:23:44 → 00:23:47 อาหารแบบที่ 2 อาหารที่แบบที่ 3 เรียกว่า
00:23:47 → 00:23:51 อาหารแปรรูปอาหารแปรรูปคือสามารถเก็บไว้
00:23:51 → 00:23:53 นานมากขึ้นนะครับเนาะคือมีขั้นตอนนิด
00:23:53 → 00:23:56 เดียวใส่เข้าไปเช่นแฮมเบคอนอาหารกระป๋อง
00:23:56 → 00:23:59 ปลากระป๋องเมื่อกี้ครับเนาะคือเป็นแบบที่
00:23:59 → 00:24:01 3 แต่อันสุดท้ายเนี่ยเป็นอะไรที่น่ากลัว
00:24:01 → 00:24:05 ที่สุดคืออาหารแปรรูปขั้นสูงหรือ Ultra
00:24:05 → 00:24:09 pret Food เช่นขนมขนมกรอบๆขนมเค้กน้ำ
00:24:09 → 00:24:12 อัดลมรวมไปถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่ง
00:24:13 → 00:24:15 อาหารพวกนี้เนี่ยมันเปลี่ยนวัตถุดิบไป
00:24:15 → 00:24:19 เยอะมากๆเพิ่มรสชาติเพิ่มสารนู่นนี่นั่น
00:24:19 → 00:24:22 ทำให้มันอร่อยมากยิ่งขึ้นแต่ความอร่อย
00:24:22 → 00:24:25 เนี่ยรู้ไหมว่าคุณค่าทางอาหารไม่มีเลยคุณ
00:24:25 → 00:24:28 ค่าในแง่ไม่ว่าวิตามินและแร่ธาตุออื
00:24:28 → 00:24:31 โปรตีนนี่ไม่มีเลยเพราะอาหารพวกนี้เนี่ย
00:24:31 → 00:24:35 จะมีแคลอรี่ค่อนข้างสูงมีน้ำตาลสูงและอัน
00:24:35 → 00:24:38 สุดท้ายคือใยอาหารหรือไฟเบอร์เราเคยพูด
00:24:38 → 00:24:41 ถึงเรื่องของประโยชน์ของไฟเบอร์ในลำไส้
00:24:41 → 00:24:43 และอ่าเรื่องของจุลินทรีย์ต่างๆคราวนี้
00:24:43 → 00:24:46 ห้ามไม่มียอาหารพวกเนี้ยลำไส้ของเราก็จะ
00:24:46 → 00:24:49 ทำงานได้แย่มากยิ่งขึ้นอือปัจจุบันเนี่ย
00:24:49 → 00:24:52 ค้นพบว่าคนไทยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และตาย
00:24:52 → 00:24:55 จากมะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยเพิ่มมากขึ้นเป็น
00:24:55 → 00:24:58 2.5 เท่าโอนี้ถือว่าเยอะนะถือว่าเยอะนะ
00:24:58 → 00:25:00 เยอะมากที่สุดเนี่ยคือคนกรุงเทพฯเพราะ
00:25:00 → 00:25:04 พฤติกรรมของการกินเราทำงานเร่งรีบแต่รู้ไ
00:25:04 → 00:25:06 ว่าการที่คุณพฤติกรรมที่คุณเปลี่ยนไปกับ
00:25:06 → 00:25:08 การกินเนี่ยมันทำให้คุณอาจจะเป็นโรคใน
00:25:08 → 00:25:12 อนาคตก็ได้อย่างถ้าเราเดินอยู่ในกรุงเทพฯ
00:25:12 → 00:25:16 เนี่ยแสนคนหมอเอมมี่คิดว่าคนจะเป็นมะเร็ง
00:25:16 → 00:25:19 ลำไส้ใหญ่สักกี่คนโอก็น่าจะประมาณสัก 5
00:25:19 → 00:25:24 คนม 15 คน 15 คน 15 คน 15 คนือว่าเยอะนะ
00:25:24 → 00:25:26 เยอะนะเออเพราะว่าเกิดจากพฤติกรรมที่
00:25:26 → 00:25:28 เปลี่ยนไปนอกจากเรื่องของมะเร็งเองะอีก
00:25:28 → 00:25:31 อันนึงที่น่าสนใจจากการกินอาหารแปรรูป
00:25:31 → 00:25:34 เรื่องน้ำหนักตัวอืการที่เรากินอาหารแปร
00:25:34 → 00:25:38 รูปขั้นสูงเนี่ยบ่อยๆนานๆเข้าเนี่ยมันทำ
00:25:38 → 00:25:43 ให้เราไม่อิ่มอืเราก็กินตลอดกินอีกกินอีก
00:25:43 → 00:25:46 แคลรี่ก็สูงขึ้นไปอีกน้ำหนักตัวเราก็สูง
00:25:46 → 00:25:48 มากยิ่งขึ้นด้วยเพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่อง
00:25:48 → 00:25:51 ของอาหารเป็นอะไรที่สำคัญเนี่ยกะจากการ
00:25:51 → 00:25:53 ที่เราพูดมาเนาะทำให้เราเห็นว่าความแตก
00:25:53 → 00:25:55 ต่างของคนสมัยก่อนกับสมัยเนี้ยมันมีแบบ
00:25:55 → 00:25:58 หลายๆปัจจัยมากเลยที่มันแบบไม่เหมือนกัน
00:25:58 → 00:26:00 แล้วมันก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาทำให้คิดว่า
00:26:00 → 00:26:03 เราอ่ะไม่สามารถแบบเปรียบเทียบได้ว่าสมัย
00:26:03 → 00:26:05 ก่อนทำอันนั้นแล้วหรือกินแบบนั้นแล้วโอเค
00:26:05 → 00:26:07 หรือสมัยนี้กินแบบนี้แล้วแบบว่าไม่โอเค
00:26:07 → 00:26:10 เพราะแบบว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่
00:26:10 → 00:26:12 สามารถแบบเปรียบเทียบกันได้เนาะคราวนี้
00:26:12 → 00:26:15 เราจะมาตอบคำถามที่มาทางโซเชียล Media
00:26:15 → 00:26:17 ค่อนข้างเยอะเลยอันแรกเนี่ยกินอาหารเสริม
00:26:17 → 00:26:20 ที่ผิวขาวขาวขึ้นจริงหรือเปล่าต้องเข้าใจ
00:26:20 → 00:26:23 ก่อนว่าอาหารเสริมส่วนมากที่ทำให้ผิวขาว
00:26:23 → 00:26:25 อ่ะมี 2 ตัวด้วยกันตัวแรกเรียกว่ากูทนอัน
00:26:25 → 00:26:28 ที่ 2 ก็คือ asra santin เรามาเข้าใจ
00:26:28 → 00:26:31 กลไกของกูต้าไทโอนก่อนดีกว่ากลไกของกูต้า
00:26:31 → 00:26:34 ไทโอนจริงๆตัวมันแล้วเนี่ยมันไปลดเอมไซม์
00:26:34 → 00:26:37 ที่เรียกว่าไทโรซิเนสเอนไซมตัวนี้เนี่ย
00:26:37 → 00:26:41 ที่จริงมันเป็นไปลดเม็ดสีในผิวหนังของเรา
00:26:41 → 00:26:44 เนาะเปลี่ยนจากเมลานินยูเมลานินเปลลี่ยน
00:26:44 → 00:26:48 เป็นมลินทำให้ผิวขาวสว่างใสมากยิ่งขึ้น
00:26:48 → 00:26:50 แต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยต้องเข้าใจว่าอาหาร
00:26:50 → 00:26:53 เสริมที่มีกลูต้าไทโอเนี่ยมันโดนย่อยใน
00:26:53 → 00:26:56 กระเพาะของเราทำให้เราดูดซึมไม่ได้เพราะ
00:26:56 → 00:26:58 ฉะนั้นเนี่ยกูทไทโอนจริงๆแล้วแล้วเนี่ย
00:26:58 → 00:27:02 รูปแบบฉีดอ่ะส่วนมากเขาก็เอามาใช้กันและ
00:27:02 → 00:27:04 อีกตัวนึงเนี่ยก็คือ asra santin สาร
00:27:04 → 00:27:06 asra santin เนี่ยเราสามารถเจอได้ใน
00:27:06 → 00:27:10 สาหร่ายสีแดงหรือในของผิวของปลาแซลมอนน่ะ
00:27:10 → 00:27:13 ที่มันสีแดงๆสีชมพเอชมพูนั่นแหละพอคนกิน
00:27:13 → 00:27:16 เข้าไปปึ๊บเนี่ยสารตัวเนี้ยมันไปลดี
00:27:16 → 00:27:19 Radical หรืออมนอิสระใต้ผิวหนังของเรา
00:27:19 → 00:27:22 ป้องกันทำให้ผิวหนังของเรามีความยืดหยุ่น
00:27:22 → 00:27:25 ที่ดีมากขึ้นป้องกันแสงแดดแสง uvb ได้
00:27:25 → 00:27:29 ด้วยและทำให้ผิวเค้าเรียกว่าสีชมพูอมชมพู
00:27:29 → 00:27:32 อมชมพูออกมาเพราะ as ก็เลยเป็นตัวนึง
00:27:32 → 00:27:35 เนี่ยที่สามารถเอามาทานได้เพื่อทำให้ผิว
00:27:35 → 00:27:37 เนี่ยดูดีเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเรามาดู 2
00:27:37 → 00:27:41 ตัวนี้กูทนกับแซนเนี่ยกูไทออนก็คือย่อย
00:27:41 → 00:27:44 สลายในกระเพาะของเราและไม่ดูดซึมแต่ asine
00:27:45 → 00:27:46 เป็นอาหารเสริมอีกชนิดนึงที่จริงแล้ว
00:27:46 → 00:27:49 เนี่ยสามารถกินและดูดซึมเข้าร่างกายได้สย
00:27:49 → 00:27:53 ด้วยซ้ำนะครับเนาะขาวจริงไมมันไม่ได้ขาว
00:27:53 → 00:27:56 จริงแต่มันทำให้เม็ดสีเราลดน้อยลงนั่นเอง
00:27:56 → 00:27:59 อืก็เลยทำให้ผิวดูใสขึ้นดูผิวดูใสสว่าง
00:27:59 → 00:28:02 มากขึ้นเออแล้วก็อีกอันนึงที่อยากพูดเนาะ
00:28:02 → 00:28:05 ก็คือคนไม่ได้ถามมานะแต่อยากเตือนนิดนึง
00:28:05 → 00:28:07 ก็คือถ้าเรากินอาหารเสริมที่ช่วยกันขับ
00:28:07 → 00:28:10 ถ่ายทุกวันน่ะอาจทำให้เป็นคือต้องบอกก่อน
00:28:10 → 00:28:12 ว่าปัจจุบันเนี้ยคนเราอ่ะเป็นโรคเกี่ยว
00:28:12 → 00:28:14 กับว่าการขับถ่ายค่อนข้างยากหรือท้องผูก
00:28:14 → 00:28:17 เนี่ยเยอะมากคือการท้องผูกเนี่ยหมายถึง
00:28:17 → 00:28:19 ว่าไม่ใช่ว่าเฮ้ยวันนี้ไม่ถ่ายแล้วท้อง
00:28:19 → 00:28:22 ผูกนะคือมันแล้วแต่ลักษณะนิสัยของคนเนาะ
00:28:22 → 00:28:24 หมายถึงอะไรบางคนอาจจะถ่ายทุกวันแต่ท้อง
00:28:24 → 00:28:27 ผูกก็มีหรือบางคนแบบถ่ายวันเว้นวันแต่ไม่
00:28:27 → 00:28:30 ทองท้องผูก็ได้อาการของท้องผูก็คือถ้าคุณ
00:28:30 → 00:28:34 ถ่ายแล้วมันแข็งแข็งแบบว่าไม่นิ่มอ่ะถ่าย
00:28:34 → 00:28:37 ยากเนี่ยเรียกว่าอาการท้องผูเนาะก็คือคน
00:28:37 → 00:28:39 เราเนี่ยประมาณ 30% เนาะสามารถแบบว่าเจอ
00:28:39 → 00:28:41 อาการท้องผูกได้ในแต่ละวันเลยมันเป็นอะไร
00:28:41 → 00:28:44 ที่แบบเจอได้คอมมอนมากฉะนั้นก็เลยบอกว่า
00:28:44 → 00:28:46 การที่คุณจะบอกว่าคุณท้องผูกหรือท้องไม่
00:28:46 → 00:28:49 ผูกแล้วควรจะกินอาหารเสริมมอ่ะอันดับแรก
00:28:49 → 00:28:51 ที่ต้องเช็คก่อนก็คือคุณมีโรคอะไรหรือ
00:28:51 → 00:28:53 เปล่าที่ทำให้ท้องผูกเช่นคุณอาจจะเป็น
00:28:53 → 00:28:56 ไทรรอยด์ไทรรอยด์ก็คือในแง่ว่าไทรอยด์มัน
00:28:56 → 00:28:59 ต่ำไปทำให้การเผาผลาญช้าลงการเคลื่อนไหว
00:29:00 → 00:29:02 ของลำไส้เลยช้าลงหรือคุณอาจจะเป็นบางคน
00:29:02 → 00:29:05 อาจจะมีก้อนในลำไส้อย่างเงี้ยหรือคุณอาจ
00:29:05 → 00:29:08 จะเป็นโรคลำไส้แปรปวนถ้าคุณเป็นโรคกลุ่ม
00:29:08 → 00:29:11 เนี้ยควรจะรักษาที่สาเหตุแล้วอาการท้อง
00:29:11 → 00:29:14 ผูกก็จะหายไปแต่ทางกลับกันอ่ะตรจทุกอย่าง
00:29:14 → 00:29:16 และแต่ยังท้องผูกอยู่เลยเนี่ยเออจะแบบว่า
00:29:16 → 00:29:19 กินได้ไหมก็บอกว่าก่อนที่คุณเนี่ยจะกิน
00:29:19 → 00:29:22 เนี่ยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนเพราะว่า
00:29:22 → 00:29:24 คนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีเลยท้องผูก
00:29:24 → 00:29:28 เช่นรีบไงวิ่งๆๆตื่นเช้ามาายแล้วแต่แล้ว
00:29:28 → 00:29:30 ไม่ทานดื่มนปุ๊บไปเลยอย่างเงี้ยคุณก็จะ
00:29:30 → 00:29:32 ไม่มีเวลาในการนั่งเข้าห้องน้ำฉะนั้นก็
00:29:32 → 00:29:35 คือถ้าคุณให้เวลาตัวเองตอนเช้าตื่นขึ้นมา
00:29:35 → 00:29:38 มีเวลาแล้วก็เข้าห้องน้ำเนี่ยส่วนใหญ่จะ
00:29:38 → 00:29:41 ถ่ายได้ค่อนข้างโอเคอันดับที่ 2 ก็คือคน
00:29:41 → 00:29:44 ปัจจุบันน่ะชอบกินน้ำแก้วแต่ไม่ชอบกินน้ำ
00:29:44 → 00:29:47 เปล่าหรือน้ำดื่มน้ำแก้วน้ำแก้วที่ซื้อ
00:29:47 → 00:29:51 เป็นแก้วๆกินเนาะก็คือพวกนั้นนจะมีชาเนาะ
00:29:51 → 00:29:53 หรือว่าจะเป็นพวกกาแฟใช้เยอะซึ่งมันมี
00:29:53 → 00:29:56 คาเฟอีนคาเฟอีนน่ะเป็นกลุ่มทำให้เรา
00:29:56 → 00:29:58 ปัสสาวะเยอะอยู่และก็เลยทำให้นน้ำในร่าง
00:29:58 → 00:30:01 กายอ่ะลดลงก็เลยทำให้เรามีภาวะท้องผูกได้
00:30:01 → 00:30:03 ง่ายขึ้นอันนี้อันดับ 2 ที่เจออันดับ 3
00:30:03 → 00:30:06 ที่เจอเยอะก็คือผักผลไม้ไม่ค่อยกินอย่าง
00:30:06 → 00:30:08 ที่เราคุยกันในเมื่อกี้ว่าชอบกินอาหารแปร
00:30:08 → 00:30:11 รูปเยอะมีแต่แป้งเยอะอะไรเยอะไฟเบอร์ไม่
00:30:11 → 00:30:13 ค่อยมีเนาะก็เลยทำให้เราทองผูกได้ง่าย
00:30:13 → 00:30:16 ขึ้นฉะนั้นถ้าเราแก้ตรงนี้ก่อนน่ะแล้วมัน
00:30:16 → 00:30:19 ยังท้องผูกอ่ะค่อยตัดสินใจว่าคนกินอาหาร
00:30:19 → 00:30:21 เสริมมยสำหรับเรื่องการท้องูท้องผูฉั้น
00:30:21 → 00:30:23 ถ้าบอกว่าเออถ้าเราแก้แล้วเอ้ยมันยังท้อง
00:30:23 → 00:30:27 ูอยู่ดีทำยังไงดีเนาะก็คือขอขอพูดใน
00:30:27 → 00:30:29 เรื่องของ 2 กลุ่มหลักๆก่อนอันดับแรกก็
00:30:29 → 00:30:32 คือที่เป็นท็อปฮิตมากก็คือไฟเบอร์การกิน
00:30:32 → 00:30:34 ไฟเบอร์หมายถึงอะไรพอเรากินไฟเบอร์เนี่ย
00:30:34 → 00:30:37 มันจะแบบว่าเข้าไปอยู่ในลำไส้ใช่ป่ะแล้ว
00:30:37 → 00:30:39 ก็ไฟเบอร์กลุ่มเเราเรียกว่าเป็นกลุ่ม
00:30:39 → 00:30:42 ไฟเบอร์ที่ไม่ไม่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
00:30:42 → 00:30:45 เนาะกินเข้าไปปุ๊บอยู่ในลำไส้ทำให้ลำไส้
00:30:45 → 00:30:47 เราอ่ะดูดน้ำอือทำให้อุจจาระมันนิ่มมัน
00:30:47 → 00:30:50 นิ่มเนาะมันเป็นฟอร์มนิ่มมากมันก็เลยขับ
00:30:50 → 00:30:53 ถ่ายง่ายแต่ต้องบอกก่อนว่าการที่คุณกิน
00:30:53 → 00:30:56 อันเนี้ยคุณต้อง1ึดื่มน้ำเยอะๆดื่มน้ำให้
00:30:56 → 00:30:59 ถึงเนาะถ้าคุณดื่มน้ำไม่ถึงเนี่ยมันจะทำ
00:30:59 → 00:31:02 ให้อุจจระคุณแข็งขึ้นกว่าเดิมแล้วมันก็จะ
00:31:02 → 00:31:05 ไปแบบว่าเป็นกองกันในลำไส้บางคนทำให้ลำ
00:31:05 → 00:31:08 ไส้ตันได้เคยเจอก็คือว่าคนไข้อ่ะเป็นคน
00:31:08 → 00:31:11 แบบอายุค่อนข้างเยอะะประมาณ 60 กว่า 70
00:31:11 → 00:31:14 มาบอกว่าหมอคบอกว่าพึ่งลำไส้อักเสบมากค่ะ
00:31:14 → 00:31:16 กระเปาะในลำไส้เนี่ยอักเสบติดเชื้อแล้วก็
00:31:16 → 00:31:19 บอกว่าเอ๊ะแล้วขับถ่ายมีปัญหามยคะถามลูก
00:31:19 → 00:31:22 ลูกก็บอกว่าแม่ขับถ่ายดีมากนะคะถามคนไข้
00:31:22 → 00:31:25 คนไข้บอกว่าขับถ่ายดีมากเลยค่ะแต่ปรากฏ
00:31:25 → 00:31:28 ว่าไปเซเรย์มานะอุจจาระเต็มท้องเลยก็หมาย
00:31:28 → 00:31:30 ความว่าอะไรหมายความว่าคนไข้อ่ะบอกว่า
00:31:30 → 00:31:33 ถ่ายแต่ถ่ายไม่สุดไงเพราะแบบชอบกิน
00:31:33 → 00:31:36 ไฟเบอร์แล้วก็แบบว่ามันไปติดกันในในลำไส้
00:31:36 → 00:31:38 เนาะอันนี้ก็เลยแบบว่าอยากเตือนว่ากินน่ะ
00:31:38 → 00:31:42 กินได้นะแต่คุณต้องดื่มน้ำให้ถึงเนาะแล้ว
00:31:42 → 00:31:44 ก็ต้องมีการขับถ่ายว่ามีแบบว่าสุขลักษณะ
00:31:44 → 00:31:47 ในการขับถ่ายที่ดีก่อนอันดับ 2 ที่อยากจะ
00:31:47 → 00:31:49 พูดก็คือเกี่ยวกับเรื่องโปรไบโอติกเพราะ
00:31:49 → 00:31:51 ตอนเโปรไบโอติกเป็นอะไรที่ฮิตมากคนส่วน
00:31:51 → 00:31:53 ใหญ่ค่อนข้างชอบกินเยอะแล้วก็บอกว่าเออ
00:31:53 → 00:31:55 กินทุกวันได้ไหมอะไรได้ไหมจริงๆบอกว่าถ้า
00:31:55 → 00:31:58 เราอ่ะกินโปรไบโอติกจากอาหารอารธรรมดา
00:31:58 → 00:32:01 เช่นกินจากกิมจิอะไรอย่างเงี้ยหรือว่ากิน
00:32:01 → 00:32:03 จากพวกโยเกิร์ตอะไรอย่างเงี้ยก็คือสามารถ
00:32:03 → 00:32:06 กินได้แหละแต่ถ้าคุณจะกินโพติในรูปแบบแบบ
00:32:06 → 00:32:09 ซัพพลีเมนท์เลยเป็นเม็ดเลยเป็นซองเลยจริง
00:32:09 → 00:32:12 ๆควรจะศึกษาให้ดีก่อนว่ามันเหมาะกับเราไห
00:32:12 → 00:32:15 เพราะว่ามีงานวิจัยชนิดนึงอ่ะที่บอกว่าเ
00:32:15 → 00:32:17 อ่ะเอาหนูมาเนาะแล้วก็บป้อนโพรไบโอติกอ่ะ
00:32:17 → 00:32:19 ให้กินทุกวันทุกวันแต่เป็นเชื้อเดิมๆนะ
00:32:20 → 00:32:23 กินติดต่อกันเนี่ยประมาณักแบบ 1-2 เดือน
00:32:23 → 00:32:26 ซ้ำๆซ้ำๆเลยโดยที่ไม่ได้บอกว่าหนูตัวเ
00:32:26 → 00:32:28 ต้องการโปรไบโอติกชนิดนี้หรือเปล่าปรากฏ
00:32:28 → 00:32:31 ว่าหนูตัวนั้นน่ะก็คือมันมีการอักเสบในลำ
00:32:31 → 00:32:33 ไส้มากขึ้นทำให้หนูแบบเป็นเบาหวานแล้วก็
00:32:33 → 00:32:36 มีเสียงเป็นโรคหัวใจมากขึ้นแต่ว่า
00:32:36 → 00:32:39 อันเนี้ยต้องไป study ในคนต่อเนาะชั้นมัน
00:32:39 → 00:32:41 ก็บอกว่าถ้ามันเกิดขึ้นอย่างเงี้ยขึ้นน่ะ
00:32:41 → 00:32:44 เราควรจะมีการเปลี่ยนแปลงถึงว่าคุณอาจจะ
00:32:44 → 00:32:46 กินโพรไบโอติกได้นะแต่คุณอาจจะมีการ
00:32:46 → 00:32:48 เปลี่ยนยี่ห้อหรือเปลี่ยนชนิดของ
00:32:48 → 00:32:51 โพรไบโอติกแต่ว่าในที่สิ่งที่สำคัญที่สุด
00:32:51 → 00:32:53 ก็อยากจะบอกว่าก่อนที่คุณจะกินอะไรอ่ะคุณ
00:32:53 → 00:32:56 ต้องรู้ก่อนว่าร่างกายเราอ่ะปกติมั้ยปรับ
00:32:56 → 00:32:58 เปลี่ยนพฤติกรรมก่อนอีกคำถามถามนึงที่คน
00:32:58 → 00:33:00 ถามเยอะมากเราจำเป็นต้องกินคอลลาเจนหรือ
00:33:00 → 00:33:02 เปล่าคือคอลลาเจนในร่างกายของเรามี 5 แบบ
00:33:03 → 00:33:05 ด้วยกันแต่แบบที่สำคัญที่สุดคือแบบที่ 1
00:33:05 → 00:33:09 ที่มันช่วยเรื่องการส่งเสริมเอิกระดูก
00:33:09 → 00:33:12 กล้ามเนื้อข้อต่างๆแล้วก็รวมถึงผิวหนัง
00:33:12 → 00:33:14 ของเราถูกมมครับเนาะแต่ถ้าเราพูดถึง
00:33:14 → 00:33:16 เรื่องของอาหารเสริมเนี่ยเราต้องกินเป็น
00:33:16 → 00:33:19 รูปแบบไฮโดรไลส์คอลลาเจนหลายคนอาจจะไม่
00:33:19 → 00:33:21 เข้าใจเฮ้ยไฮโดรไลส์คืออะไรคอลลาเจนน่ะ
00:33:21 → 00:33:24 มันคือโปรตีนชนิดนึงคือมันมันเป็นโมเลกุล
00:33:24 → 00:33:26 ที่ใหญ่มากตัวมันใหญ่อ่ะพูดง่ายๆตัวมัน
00:33:26 → 00:33:29 ใหญ่มันตัวใหญ่ขนาดนั้นน่ะถ้าทาบนผิวหนัง
00:33:29 → 00:33:31 ของเราคิดว่ามันไม่น่าซึมมันซึมตรงไหนอ่ะ
00:33:31 → 00:33:34 มันมันมีรูตรงไหนให้มันซึมอ่ะคือมันซึม
00:33:34 → 00:33:36 ไม่ได้เพราะฉะนั้นน่ะมันต้องผ่านขบวนการ
00:33:36 → 00:33:38 ย่อยอ่ะให้มันสั้นนะให้มันสั้นให้มันสั้น
00:33:38 → 00:33:41 ลงมันเลยเรียกว่าไฮโดรไลส์คอลลาเจนซึ่ง
00:33:41 → 00:33:44 ไฮโดรไลส์คอลลาเจนก็เป็นรูปแบบฟอร์มกิน
00:33:44 → 00:33:47 ย่อยและดูดซึมได้เข้าไปในร่างกายซึ่งงาน
00:33:47 → 00:33:50 วิจัยค้นพบว่าไไอ้แบบไฮโดรไลส์คอลลาเจน
00:33:50 → 00:33:53 เนี่ยเออมันทำให้เรื่องของกระดูกเรื่อง
00:33:53 → 00:33:57 ของข้อและเรื่องของผิวหนังเนี่ยดีมากยิ่ง
00:33:57 → 00:33:58 ขึ้น
00:33:58 → 00:34:00 ถ้าเรามาดูของงานวิจัยเนี่ยเมื่อเรามี
00:34:00 → 00:34:03 อายุ 30 ปีในคนเอเชียเนาะ 30 ปีขึ้นไป
00:34:04 → 00:34:08 คอลลาเจนจะตก 1% ทุกๆปีก็คือจะลดลงลดลง
00:34:08 → 00:34:10 เรื่อยๆลดลงเรื่อยๆตามอายุของเราโดยเฉพาะ
00:34:10 → 00:34:14 ผู้หญิงเมื่อคุณเข้าภาวะวัยทองมากกว่า 5
00:34:14 → 00:34:19 ปีคุณจะมีคอลลาเจนต่ำกว่าถึง 30% เลยที
00:34:19 → 00:34:22 เดียวอืก็ไม่น่าถึงเขาบอกว่าแบบว่าพอไว
00:34:22 → 00:34:23 ทองแล้วมันก็เลยเหี่วอยู่มันก็เลยเหียว
00:34:23 → 00:34:26 เยอะเพราะฉะนั้นเนี่ยฮาโลเจนจำเป็นมยก็ 1
00:34:26 → 00:34:29 ขึ้นกับพฤพฤติกรรมของคุณคุณมีพฤติกรรมที่
00:34:29 → 00:34:32 เสี่ยงทำให้คอลลาเจนในร่างกายคุณเสื่อม
00:34:32 → 00:34:36 หรือเปล่าเช่นตากแดดอืไม่ทาติแมแดดอถูก
00:34:36 → 00:34:39 มั้ยนอนไม่ดีซ่อมแซมไม่ได้อันที่ 3 ดื่ม
00:34:39 → 00:34:42 เหล้าสูบุหรี่อันที่ไปเพิ่มสารอนุมูล
00:34:42 → 00:34:44 อิสระในำร่างกายเนี่ยมันคือ fre Radical
00:34:44 → 00:34:47 หมดเลยก็คือมันไปทำลายพวกผิวพรรณทำให้
00:34:47 → 00:34:48 เซลล์เราเสื่อมมากยิ่งขึ้นเนี่ยลองดูว่า
00:34:49 → 00:34:51 พฤติกรรมพวกนี้เนี่ยมีหรือเปล่าแล้วคุณ
00:34:51 → 00:34:53 ค่อยไปเสริมเรื่องของอาหารเสริมเอ่อแล้ว
00:34:53 → 00:34:55 ก็นอกจากอันเนี้ยนอกจากอาหารเสริม
00:34:55 → 00:34:57 คอลลาเจนเนาะก็มีคนถามมาค่อนข้างเยอะ
00:34:58 → 00:35:00 เหมือนกันว่าเออถ้าจะกินแบบว่าแมกนีเซียม
00:35:00 → 00:35:03 เนี่ยคนถามมาค่อนข้างเยอะว่าควรกินรูปแบบ
00:35:03 → 00:35:06 ไหนดีประเภทไหนดีเพราะบอกว่าแมกนีเซียมมี
00:35:06 → 00:35:09 เยอะมากๆเนาะต้องอธิบายก่อนว่าแมกนีเซียม
00:35:09 → 00:35:11 เนี่ยก็คือที่กินเข้าไปอ่ะมันช่วยในการ
00:35:11 → 00:35:13 ไม่ว่าจะเป็นช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อ
00:35:13 → 00:35:15 ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายหรือแม้กระทั่ง
00:35:15 → 00:35:18 ผ่อนคลายการนอนหลับเนี่ยแต่ว่าแต่ละ
00:35:18 → 00:35:20 ประเภทของแมกนีเซียมก็ช่วยไม่เหมือนกัน
00:35:20 → 00:35:22 พูดก่อนว่าอันที่อยู่ในตลาดท้องตลาดทั่ว
00:35:22 → 00:35:26 ไปเลยเเคยคำว่าดีเกลือมยดีเกลือดีเกลือก็
00:35:26 → 00:35:28 คือเป็นแมกนีเซียมซัลเฟตเนาอเป็นเป็นดี
00:35:29 → 00:35:30 เกลือที่มันช่วยที่เหมือนกับว่าเราเอามา
00:35:30 → 00:35:33 แช่เท้ามาแบบว่ามาแช่ในน้ำแล้วทำให้เรา
00:35:34 → 00:35:36 ใส่เข้าไปเออบำบัดแล้วทำให้ผ่อนคลาย
00:35:36 → 00:35:38 อันเนี้ยอันเนี้ยเป็นรูปแบบที่กินปึ๊บ
00:35:38 → 00:35:41 แล้วถ่ายท้องเสียเลยก็คือไม่ควรกินแต่ควร
00:35:41 → 00:35:44 ไปวนรูปแบบแช่เนาะอันนี้คือแบบแบบรูปแบบ
00:35:44 → 00:35:46 ที่ 1 ประเภทที่ 1 ประเภทที่ 2 เนี่ยจะ
00:35:47 → 00:35:49 เป็นแบบกินละแต่เป็นจะเป็นในรูปแบบของ
00:35:49 → 00:35:51 แมกนีเซียมออกไซด์อันเนี้ยจะเป็นรูปแบบ
00:35:51 → 00:35:53 ที่มีมาค่อนข้างนานในเมืองไทยแล้วก็ค่อน
00:35:53 → 00:35:56 ข้างถูกเนาะอันเนี้ยกินเพื่อเหมือนกับว่า
00:35:56 → 00:35:58 ถ้าคุณมีปัญญหาอาหารเรื่องการขับถ่ายแล้ว
00:35:58 → 00:36:01 อยากจะกินท้องผูกเนี่ยฟอร์มเนี้ยกินได้
00:36:01 → 00:36:04 เพราะว่ามันดูดซึมไม่ดีมันอยู่แค่ในลำไส้
00:36:04 → 00:36:06 แล้วทำให้ลำไส้คุณน่ะเหมือนกับเคลื่อนไหว
00:36:06 → 00:36:09 ได้เร็วขึ้นแต่มันก็จะมีผลข้างเคงค่อน
00:36:09 → 00:36:12 ข้างเยอะเช่นอาจจะปวดท้องเยอะเนาะที่เป็น
00:36:12 → 00:36:15 ได้ค่อนข้างง่ายรูปแบบประเภทที่ 3 ค่ะที่
00:36:15 → 00:36:18 มีเยอะในเมืองไทยก็คือชื่อแมกนีเซียมิต
00:36:18 → 00:36:21 เนาะิตเนี่ยค่อนข้างปลอดภัยก็คือถ้าคุณ
00:36:21 → 00:36:23 กินแมกนีเซียมซิเตรตอ่ะอยากช่วยการขับ
00:36:23 → 00:36:26 ถ่ายก็ช่วยได้เนาะอยากช่วยในการเ้าเรียก
00:36:26 → 00:36:29 ว่าทำให้กล้ามเนื้อเนี่ยเหมือนกับว่าไม่
00:36:29 → 00:36:31 แข็งไม่ตึงอะไรอย่างเงี้ยผ่อนคลายก็พอ
00:36:31 → 00:36:34 ช่วยได้รูปแบบสุดท้ายที่จะพูดถึงวันนี้ก็
00:36:34 → 00:36:37 คือแมกนีเซียมไซตเนาะรูปแบบเจะเป็นรูปแบบ
00:36:37 → 00:36:39 ค่อนข้างใหม่อาจจะมีไม่ค่อยเยอะมากในท้อง
00:36:39 → 00:36:42 ตลาดแต่เป็นแมกนีเซียมที่จะทำให้เรารู้
00:36:42 → 00:36:44 สึกผ่อนคลายผ่อนคายในด้านของจิตใจก็คือ
00:36:44 → 00:36:47 รู้สึกว่ากินแล้วรู้สึกเออรีแลกจังเลย
00:36:47 → 00:36:49 ผ่อนคลจังเลยเอออยากจะหลับอยากจะนอนได้ดี
00:36:49 → 00:36:52 อะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็คือจะช่วยในเรื่อง
00:36:52 → 00:36:55 ของด้านของสมองในด้านของอารมณ์ค่อนข้าง
00:36:55 → 00:36:57 เยอะฉะนั้นถ้ากินแมกนีเซียมไซตก็จะมะใน
00:36:58 → 00:37:00 พาร์ทนี้แล้วก็ไม่ค่อยมีเค้าเรียกว่าผล
00:37:00 → 00:37:02 ข้างเคียงของยาเท่าไหร่แต่ทั้งนี้ทั้ง
00:37:02 → 00:37:04 นั้นน่ะก่อนการกินแมกนีเซียมอ่ะเราก็ต้อง
00:37:04 → 00:37:07 รู้ก่อนว่าเออเราควรจะกินมเนาะควรจะเช็ค
00:37:07 → 00:37:10 ก่อนละกันคราวนี้เรามาถึงคำถามวิธีการกิน
00:37:10 → 00:37:13 อาหารเสริมกินรูปแบบไหนกินตอนไหนแล้วกิน
00:37:13 → 00:37:15 ต่อเนื่องต้องหยุดหรือเปล่าถ้าเราดูในตาม
00:37:15 → 00:37:18 ท้องตลาดเนาะคืออาหารเสริมมันมีฟอร์มเยอะ
00:37:18 → 00:37:21 มากๆฟอร์มหมายความว่าประเภทเช่นแบบเม็ด
00:37:21 → 00:37:24 แบบแคปซูลแบบผงแบบเยลลี่งงไปหมดเลยแล้ว
00:37:24 → 00:37:27 แบบไหนดีที่สุดคราวนี้มันก็ขึ้นกับแต่แต่
00:37:27 → 00:37:29 ละตัวเพราะแต่ละตัวการดูซึมเมื่อกกี้หมอ
00:37:29 → 00:37:32 มีมาบางตัวละลายในน้ำบางตัวละลายในไขมัน
00:37:32 → 00:37:35 ยกตัวอย่างง่ายๆวิตามินซีวิตามินซีก็มี
00:37:35 → 00:37:38 แบบเม็ดแบบเยลลี่เดี๋ยวนี้เนาะให้เด็กกิน
00:37:38 → 00:37:42 ได้เนาะแบบลูกอมแบบผงเนี่ยถ้าเรามาดูอ่ะ
00:37:42 → 00:37:44 สมมุติเป็นวิตามินซีเนาะไม่เทียบกับตัว
00:37:44 → 00:37:47 อื่นวิตามินซีแต่มีรูปแบบหลายอย่างเนี่ย
00:37:47 → 00:37:51 เอาจริงๆเนี่ยแบบผงอ่ะถือว่าดีที่สุดเรา
00:37:51 → 00:37:53 ต้องมาดูก่อนว่าทำไมมันดีที่สุดเพราะแบบ
00:37:53 → 00:37:57 ผม 1 ย่อยเร็วอถ้าเทียบกับตัวอื่นดูดซึม
00:37:57 → 00:37:58 ง่าย
00:37:58 → 00:38:01 แล้วเเรียกว่า concentration หรือว่าโด
00:38:01 → 00:38:04 ความเข้มข้นเนี่ยสามารถสูงได้แล้วเราก็
00:38:04 → 00:38:07 ดูดซึมได้เร็วเอาไปใช้ได้เร็วแต่ข้อเสีย
00:38:07 → 00:38:09 เนี่ยมันอาจจะพกพาลำบากหรือเปล่าเพราะมัน
00:38:09 → 00:38:11 เป็นผงแล้วคำนวณเอ้ยมันจะต้องตั๊กเท่า
00:38:11 → 00:38:13 ไหร่หรือถ้าถ้าอันไหนที่มันเป็นซองๆแล้ว
00:38:13 → 00:38:16 มันก็ง่ายแต่คราวนี้มันมีเคสตลกมากคือคน
00:38:16 → 00:38:19 ไข้ของหมอเองเนี่ยคือไปต่างประเทศเนาะไป
00:38:19 → 00:38:22 ไปอเมริกาไปอะไรอย่างเงี้ยแล้วก็ไปซื้อ
00:38:22 → 00:38:24 อาหารเสริมที่เรียกว่าเมลาโทนินเมลาโทนิน
00:38:24 → 00:38:27 คือกกินก่อนนอนทำให้เราหลักสบายเนี่ยแต่
00:38:27 → 00:38:30 เป็นซื้อแบบเยลลี่เออแล้วคราวนี้ก็อุ๊ย
00:38:30 → 00:38:33 หมออยากกินอยากกินตัวเมลาโทนินเนี่ยทำให้
00:38:33 → 00:38:36 นอนหลับดีมากขึ้นคนไข้คนนี้ก็เลยกินแมล
00:38:36 → 00:38:39 ทนนตอนกลาคืนแต่คือนั่งดูทีวีไปกินไปแล้ว
00:38:39 → 00:38:42 เพลินอือหยิบไปกินหยิบอ้าวรู้ตัวอีกทีหมด
00:38:42 → 00:38:45 ไปครึ่งขวดวันเดียวคืนเดียวคืนนั้นคือ
00:38:45 → 00:38:48 เพิ่งเปิดเลยนะหมดไปครึ่งขวดเลยอร่อยแล้ว
00:38:48 → 00:38:52 คนไขหลับไม่รู้ตัวหลับดีเลยแต่ปกดว่ามีผล
00:38:52 → 00:38:54 ข้างเคียงของเมลาโทนินที่มันสูงเกินไปมัน
00:38:54 → 00:38:59 เกิดอวอร์ดสแล้วใช่คนไข้มาเลยมกินมลโทนิ
00:38:59 → 00:39:02 เนี่ยแบบมันเกิดภาวะเนี่ยทำให้เหงื่อออก
00:39:02 → 00:39:04 ตอนกลางคืนนะฝันเยอะมากแล้วตื่นมาเหมือน
00:39:04 → 00:39:08 แฮงโอเวอร์เหมือนแบบมันซึมมันจะง่วงอ้าว
00:39:08 → 00:39:10 แล้วคุณกินไปเท่าไหร่ล่ะกินไปครึ่งขวดค่ะ
00:39:10 → 00:39:12 ครึ่งกระป๋องคือคือต้องมาระหว่างนิดนึง
00:39:12 → 00:39:15 เพราะพวกเีเนี่ยเขาใส่สารที่ทำให้มันมัน
00:39:15 → 00:39:18 มีรสชาติมากขึ้นมันอร่อยแต่ต้องระวังด้วย
00:39:18 → 00:39:21 เนาะคนที่เป็นเบาหวานพวกเนี้ยมันมีน้ำตาล
00:39:21 → 00:39:23 แอบแฝงอยู่อืมันก็เลยจะทำให้แบบว่ามี
00:39:23 → 00:39:26 ปัญหาเรื่องน้ำตาลได้ใช่ก็ต้องมาระวังมาก
00:39:26 → 00:39:28 ๆเนาะสำหรับเรื่องของเยลลี่มีคนถามเยอะ
00:39:28 → 00:39:32 ว่าเนี่ยกินอาหารเสริมันนึงอกินได้กี่ตัว
00:39:32 → 00:39:34 กินพร้อมๆกันเลยได้มั้ยเออเยอะๆเลยได้มก็
00:39:35 → 00:39:37 บอกว่าอันดับแรกเลยอ่ะคือถ้าเราอ่ะสุขภาพ
00:39:37 → 00:39:40 ร่างกายค่อนข้างโอเคไม่มีโรคประจำตัวเนาะ
00:39:40 → 00:39:42 อาหารเสริมจริงๆแล้วอ่ะมันก็กินพร้อมกัน
00:39:42 → 00:39:45 ได้ค่อนข้างหลายตัวแต่คุณต้องศึกษาก่อน
00:39:45 → 00:39:47 ว่าอาหารเสริมที่เราจะกินน่ะเป็นประเภท
00:39:47 → 00:39:50 ไหนเช่นมันเป็นรูปแบบว่าละลายในน้ำหรือ
00:39:50 → 00:39:52 ละลายในไขมันอย่างเงี้ยสมมุติว่าคุณจะกิน
00:39:52 → 00:39:55 วิวิตามินซีใช่มยแล้วคคุณจะกินวิตามินดี
00:39:55 → 00:39:57 อะไรอย่างเงี้ยคุณกินพร้อมกันก็ได้แต่การ
00:39:57 → 00:39:59 แบบว่าการดูดซึมอาจจะไม่เหมือนกันเพราะ
00:39:59 → 00:40:02 ว่าวิตามินซีอ่ะมันละลายในน้ำคุทคนกินแบบ
00:40:02 → 00:40:04 ว่าตอนท้องว่างอะไรอย่างเงี้ยส่วนวิตามิน
00:40:04 → 00:40:07 ดีอย่างเงี้ยคก็คควรกินหลังอาหารฉันถาม
00:40:07 → 00:40:10 บอกว่าจะกินพร้อมกันได้มก็ได้เพราะมันจะ
00:40:10 → 00:40:12 มีรูปแบบแบบที่แบบว่าเป็นมัลติวิตามินอ่ะ
00:40:12 → 00:40:15 ในเม็ดนึงอยู่แล้วถูกป่ะมันก็จบเลยคุณก็
00:40:15 → 00:40:17 สามารถกินได้เพราะบางที 1 1 เม็ดอ่ะมี
00:40:17 → 00:40:19 ตั้ง 10 กว่าตัวคุณสามารถกินได้อยู่แล้ว
00:40:19 → 00:40:23 แต่ว่าแค่ต้องการดู้ว่า 1 มันควรจะดูดซึม
00:40:23 → 00:40:26 ในรูปแบบไหน 2 เนี่ยมันมีอะไรที่ขัดแย้ง
00:40:26 → 00:40:28 กันหรือเปล่าเช่นบางคนบอกว่าว่าฉันอยาก
00:40:28 → 00:40:30 กินนธาตุเหล็กฉันอยากกินวิตามินซีด้วยอ่ะ
00:40:30 → 00:40:32 กินพร้อมกันกไปเลยจ้ะปรากฏว่ากินพร้อมกัน
00:40:32 → 00:40:35 เนี่ยวิตามินซีมันทำให้เกิดแบบว่าฟรี
00:40:35 → 00:40:37 Radical หรือสารอนุมูลอิสระได้ด้วย
00:40:37 → 00:40:39 เหมือนกันเหล็กก็ทำให้เกิดเนาะมันก็เลยทำ
00:40:39 → 00:40:41 ให้บอกว่าการกินพร้อมกันเนี่ยทำให้เกิด
00:40:41 → 00:40:43 เค้าเรียกว่า Side เอฟเฟคนะหรือปฏิกิริยา
00:40:43 → 00:40:46 ข้างเคียงเช่นแก่เร็วได้อันนี้ก็เลยต้อง
00:40:46 → 00:40:48 มีการศึกษาเพิ่มเติมก่อนดีที่สุดก็คือมี
00:40:48 → 00:40:51 การศึกษาก่อนหรือว่าอาจจะถามผู้เชี่ยวชาญ
00:40:51 → 00:40:53 ในด้านนี้เพิ่มเติมเมื่อกี้ที่หมอมีพูดมา
00:40:53 → 00:40:55 ว่าบางตัวมันต้องดูเวลาเนาะว่าควรกินตอน
00:40:55 → 00:40:59 ไหนหลายคนถามว่าแล้วกินตอนไหนล่ะคือมัน
00:40:59 → 00:41:02 ขึ้นกับว่าอาหารเสริมที่คุณกินน่ะเป็นตัว
00:41:02 → 00:41:05 ไหนวิตามินบีเนี่ยจริงๆเขาก็แนะนำและว่า
00:41:05 → 00:41:08 ให้กินตอนเช้าเพราะว่ามันจะทำให้เราเพิ่ม
00:41:08 → 00:41:09 พลังงานทำให้เรากระปรี้กระเป๋าเพราะ
00:41:09 → 00:41:12 ฉะนั้นอย่าไปกินตอนเย็นนะอย่าไปกินตอน
00:41:12 → 00:41:14 กลางคืนนะนอนไม่หลับตัวต่อมาก็คือ
00:41:14 → 00:41:17 คอลลาเจนคอลลาเจนที่เราพูดถึงกันมาเนี่ย
00:41:17 → 00:41:20 ที่เป็นตัวไฮโดรไลส์เนี่ยคอลลาเจนเราก็
00:41:20 → 00:41:23 แนะนำว่าคุณควรกินหลังอาหารนะประมาณ 30
00:41:23 → 00:41:25 นาทีแล้วต้องดื่มน้ำเยอะๆถ้าคุณดื่มน้ำ
00:41:25 → 00:41:28 ไม่เยอะเนี่ยคอลลาเจนก็ทำงานไม่ดีและตัว
00:41:28 → 00:41:30 สุดท้ายคือน้ำมันปลาหรือฟิช Oil นั่นเอง
00:41:30 → 00:41:33 ฟิ Oil เนี่ยควรกินไม่เกินวันละ 3,000
00:41:33 → 00:41:36 มิลกรัมต่อวันเนาะและควรกินพร้อมอาหาร
00:41:36 → 00:41:38 เพราะว่าตัวน้ำมันเนี่ยมันจะดูดซึมได้
00:41:38 → 00:41:41 ค่อนข้างดีแต่ฟิชอเนี่ยต้องระมัดระวัง
00:41:41 → 00:41:44 สำหรับคนไข้บางคนที่กินยาพวกละลายลิ่ม
00:41:44 → 00:41:46 เลือดแสปนฟิิทั้งหลายพวกเยเพราะมันทำ
00:41:47 → 00:41:49 ปฏิกิริยากันเพราะฉะนั้นคุณควรปรึกษา
00:41:49 → 00:41:52 แพทย์ก่อนว่าคุณจะกินอาหารเสริมตัวนี้ได้
00:41:52 → 00:41:54 หรือเปล่าอือันนี้ก็เห็นก็คือว่าถ้าคุณ
00:41:54 → 00:41:57 น่ะมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่า
00:41:57 → 00:41:59 อาหารเสริมจะกินได้ไเนาะเพราะว่าก็มีคน
00:41:59 → 00:42:01 ถามว่าเอ๊ะถ้าเรากินอาหารเสริมต่อเนื่อง
00:42:01 → 00:42:03 นานๆน่ะจำเป็นจะต้องหยุดพักมยกินได้นาน
00:42:03 → 00:42:06 เท่าไหร่ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า
00:42:06 → 00:42:08 ถ้าคุณกินแบบว่าละลายในน้ำอ่ะแปลว่าคุณ
00:42:08 → 00:42:11 กินปุ๊บมันฉี่ออกส่วนใหญ่ไม่ค่อยสะสม
00:42:11 → 00:42:13 อันเนี้ยจะไม่ค่อยแบบว่าห่วงเท่าไหร่แต่
00:42:14 → 00:42:16 อีกแบบหนึ่งอ่ะที่เราคุยกันว่าถ้าเรากิน
00:42:16 → 00:42:19 แล้วแล้วมันสะสมเนาะอันเนี้ยก่อนกินจริงๆ
00:42:19 → 00:42:21 ควรตรวจก่อนเช่นถ้าคุณจะกินวิตามินดีอ่ะ
00:42:21 → 00:42:23 คุณก็รู้ว่าเลเวลของคุณอยู่เท่าไหร่ใช่
00:42:23 → 00:42:25 ป่ะมันตรวจจากเลือดตรวจจากเลือดเนาะเออ
00:42:25 → 00:42:28 แล้วก็พอเรากินไปแล้วเนี่ยมันสูงถึงค่า
00:42:28 → 00:42:30 ที่โอเคยังถ้ามันสูงถึงค่าที่ดีแล้วเนี่ย
00:42:30 → 00:42:32 คุณก็หยุดไปสักพักก็ได้แล้วค่อยกลับมากิน
00:42:32 → 00:42:35 เนาะแต่อีกแบบนึงก็คือว่าถ้าสมมุติคุณ
00:42:35 → 00:42:37 อยากกินแบบวิตามินซีอย่างเงี้ยคุณกินอ่ะ
00:42:37 → 00:42:39 1,000 มิลลิกรัมต่อ 1 วันอันเนี้ยคุณอาจ
00:42:39 → 00:42:41 จะสามารถกินได้ทุกวันถ้าคุณกินน้ำถึงชั้น
00:42:41 → 00:42:43 มันต้องดูก่อนว่าอาหารเสริมที่เราจะกิน
00:42:43 → 00:42:46 น่ะมันเป็นแบบไหนมันมีการสะสมในร่างกายมย
00:42:46 → 00:42:48 แล้วอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหรือ
00:42:49 → 00:42:51 เปล่าอีกอันนึงที่เจอได้เยอะมากก็คือการ
00:42:51 → 00:42:53 กินวิตามินเอเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่ากิน
00:42:53 → 00:42:56 วิตามิน a ตาได้ผิวได้ใช่ป่ะตาดีอย่าง
00:42:56 → 00:43:01 เงี้สรักาสิครวนี้วิตามินถ้าเรานขะที่ผู้
00:43:01 → 00:43:04 หญิงตั้งค่ะมันสามาแบบว่ามีอันตรายต่อ
00:43:04 → 00:43:06 เด็กในคันแล้วทำให้แทงได้เลยเนาะก็คือถ้า
00:43:06 → 00:43:09 กินมากกว่าแค่ 700 ไมโครกรัมต่อวันก็ทำ
00:43:09 → 00:43:12 ให้เด็กอ่ะแทงได้เลยเนาะอันตรายมากคือคน
00:43:12 → 00:43:15 น่ะนึกว่ากินน่ะอันตรายแต่ลืมทาเพราะผู้
00:43:15 → 00:43:17 หญิงส่วนใหญ่บางทีแกลัวสิวกลัวอะไรอย่าง
00:43:17 → 00:43:20 เงี้ยก็ซื้อแบบเรตินอลมาทาเองอะไรเองซึ่ง
00:43:20 → 00:43:22 มันก็สามารถดูดซึมทางผิวหนังได้เหมือนกัน
00:43:22 → 00:43:25 ก็อยากเตือนว่าอะไรที่มีสารอนุพันธ์ของ
00:43:25 → 00:43:27 วิตามินเอทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรูปแบบกิน
00:43:27 → 00:43:30 หรือแบบทาถ้าเราจะตั้งครรภ์น่ะควรงดทั้ง
00:43:30 → 00:43:32 หมดเลยและนี่คือ doc Talk podcast ที่
00:43:33 → 00:43:35 หมอและผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจะมาพูด
00:43:35 → 00:43:37 ประเด็นเรื่องสุขภาพต่างๆถ้าชอบ Content
00:43:37 → 00:43:40 แนวนี้ฝากกดไและ Subscribe เป็นกำลังใจ
00:43:40 → 00:43:43 ให้หมอ 2 คนด้วยครับฝากติดตามใน EP หน้า
00:43:43 → 00:43:48 ด้วยนะครับสวัสดีครับสวัสดีค่ะ