00:00:00 → 00:00:02 6 ปีของ The Secret source เรากำลังจะ
00:00:02 → 00:00:05 มีงานใหญ่ที่สุดตั้งแต่เราทำรายการมาครับ
00:00:05 → 00:00:09 นั่นก็คือ The Secret Summit 2023
00:00:09 → 00:00:12 Event สำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจ
00:00:12 → 00:00:16 ที่ใหญ่และครบที่สุดในประเทศไทยครับกับ
00:00:16 → 00:00:19 ตีนปี 2023 Infinite ธุรกิจพุ่งทะยานใน
00:00:19 → 00:00:22 ความเปลี่ยนแปลง Event เดียวที่คุณจะได้
00:00:22 → 00:00:25 เจอกับ Conference เจาะลึก Inside Update
00:00:25 → 00:00:29 ทุกเทรนด์ธุรกิจของปี 2024 ครับไม่ว่าจะ
00:00:29 → 00:00:31 เป็นเทรนด์เศรษฐกิจเทรนกลยุทธ์เทรนด์การ
00:00:31 → 00:00:35 ตลาดเทรนด์เทคโนโลยีเทนบริหารคนแทนความ
00:00:35 → 00:00:37 ยั่งยืนพร้อมแจกฟรี framework ที่เอาไป
00:00:37 → 00:00:39 ปรับใช้ได้จริงอย่างที่ 2 ครับจะมีการ
00:00:39 → 00:00:42 แชร์เคสความสำเร็จจากผู้บริหารผู้ประกอบ
00:00:42 → 00:00:46 การนักธุรกิจตัวจริงทำจริงสำเร็จจริงเจ็บ
00:00:46 → 00:00:49 จริงแชร์จัดเต็มแบบไม่มีกั๊กนะครับนอก
00:00:49 → 00:00:51 เหนือจากนั้นครับยังมี workshop นะครับใน
00:00:51 → 00:00:55 การอัพสกิลผู้ประกอบการศตวรรษที่ 21 เป็น
00:00:55 → 00:00:57 expertistroom ครับไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:00:57 → 00:00:59 ของคาร์บอนเครดิตเรื่องของ quantum
00:00:59 → 00:01:01 เรื่องของ Toyota เรื่องของกฎหมายเรื่อง
00:01:01 → 00:01:05 ของ ipo และอีกหลายๆเรื่องราวเพื่อติด
00:01:05 → 00:01:07 อาวุธเสริมทักษะให้กับคุณครับเนื่องจาก
00:01:07 → 00:01:11 นี้ยังมีตลาดนัดครับตลาดรวมทุกโซลูชั่น
00:01:11 → 00:01:14 ของ SME หรือว่าผู้ประกอบการโดยเฉพาะผม
00:01:14 → 00:01:17 เรียกมันว่ามันคือ B2B marketplace ทุก
00:01:17 → 00:01:20 solution ที่คุณอยากได้ในการทำธุรกิจคุณ
00:01:20 → 00:01:22 กำลังตามหาอะไรอยู่ตามหาเรื่องของ
00:01:22 → 00:01:25 เทคโนโลยีตามหาเรื่องของไฟแนนซ์ตามหา
00:01:25 → 00:01:27 เรื่องของ Enterprise solution branding
00:01:27 → 00:01:29 and Marketing People and workpress
00:01:29 → 00:01:33 รวมไปถึง CEO ไลฟ์สไตล์กินดื่มเที่ยวมา
00:01:33 → 00:01:35 ที่นี่ครับเป็น networking Lounge ครับ
00:01:35 → 00:01:38 สร้าง Partner ปิดดีลหรือว่าหา community
00:01:38 → 00:01:41 ในการทำธุรกิจของคุณกว่า 3,000 คนครับที่
00:01:41 → 00:01:44 จะมาเจอกันที่นี่งานจัดขึ้นวันเสาร์และ
00:01:44 → 00:01:48 อาทิตย์ที่ 9-10 กันยายน 2566 จัดเต็ม
00:01:48 → 00:01:52 ครับตั้งแต่เช้าจนเย็นณบรูมพอ 1 2 0
00:01:52 → 00:01:54 ประตูแห่งชาติสิริกิติ์ครับซื้อบัตรได้
00:01:54 → 00:01:57 แล้วครับวันนี้ราคา Early Bird ครับ
00:01:57 → 00:02:00 2,990 บาทไม่ขายครับขายเพียง 1,990 บาท
00:02:00 → 00:02:03 ถึงวันที่ 20 สิงหาคมนี้เท่านั้นที่
00:02:03 → 00:02:06 อีเวนต์ครับแล้วพบกันนะครับกับงาน The
00:02:06 → 00:02:12 Secret Summit 2023 ครับ
00:02:12 → 00:02:16 เคยดูหนังไซไฟหรือว่าวิทยาศาสตร์ลำๆไหม
00:02:16 → 00:02:19 ครับว่าต่อไปในอนาคตเนี่ยเราจะสามารถควบ
00:02:19 → 00:02:22 คุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้เพียง
00:02:22 → 00:02:24 แค่เราคิดเท่านั้นนะฮะโดยที่ไม่ต้องหยิบ
00:02:24 → 00:02:27 จับอุปกรณ์นั้นขึ้นมาเลยนะครับถามว่ามัน
00:02:27 → 00:02:29 มีความเป็นไปได้ไหมบอกเลยว่าเป็นไปได้ฮะ
00:02:29 → 00:02:31 เพราะว่าอย่างล่าสุดเนี่ยครับมีข่าวมาว่า
00:02:31 → 00:02:34 มีบริษัทนิวรอลิงก์นะครับได้รับการอนุญาต
00:02:34 → 00:02:37 จาก US ffta หรือว่าอยเมกาให้ทดสอบ
00:02:37 → 00:02:40 ผลิตภัณฑ์ของเขาที่สามารถที่จะใช้สมองเรา
00:02:40 → 00:02:43 นี่แหละคุ้มอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้วในเฟส
00:02:43 → 00:02:45 แรกในมนุษย์นะครับเพราะฉะนั้นวันนี้ผมคาด
00:02:45 → 00:02:47 ต้นสมบูรณ์แล้วก็ Top Two เนี่ยจะมาเล่า
00:02:47 → 00:02:49 ให้ฟังว่าไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มันคืออะไร
00:02:49 → 00:02:53 ทำงานยังไงแล้วอนาคตเนี่ยโลกเราจะเปลี่ยน
00:02:53 → 00:03:01 ไปมากแค่ไหนครับ
00:03:01 → 00:03:05 สุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่
00:03:05 → 00:03:08 หัวจดเท้า
00:03:08 → 00:03:11 เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ที่ว่ากัน
00:03:11 → 00:03:13 ก่อนแล้วนะครับผมขอพูดถึงอุปกรณ์ของ
00:03:13 → 00:03:16 บริษัทนิวรอลิงละกันนะหน้าตาเนี่ยมันจะ
00:03:16 → 00:03:19 เป็นกลมๆจินตนาการเหมือนกับหน้าปัดนาฬิกา
00:03:19 → 00:03:21 กลมๆนะครับมีความหนานิดๆขนาดอยู่ไม่เกิน
00:03:21 → 00:03:23 ประมาณเหรียญ 10 เนี่ยนะครับในนั้นเนี่ย
00:03:23 → 00:03:26 ครับมันจะมีชิปอยู่ชิปก็คือเหมือนกับสมอง
00:03:26 → 00:03:29 ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ไม่ว่าจะ
00:03:29 → 00:03:31 เป็นในโทรศัพท์มือถือหรือว่าใน
00:03:31 → 00:03:33 คอมพิวเตอร์นะครับไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้
00:03:33 → 00:03:36 ครับมันจะถูกฝังไว้ที่กะโหลกของคนเรานะ
00:03:36 → 00:03:40 ครับและจะมีสายยื่นออกมาจากไอ้เจ้า
00:03:40 → 00:03:42 อุปกรณ์ตัวนี้ครับที่จะไปจิ้มอยู่กับส่วน
00:03:42 → 00:03:45 ของสมองของเราถามว่าไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้
00:03:45 → 00:03:47 ผมเรียกมันว่าลิงค์ก็แล้วกันนะครับเขา
00:03:47 → 00:03:50 ตั้งชื่อเล่นว่าลิงก์ไอ้เจ้าลิงเนี่ยจะทำ
00:03:50 → 00:03:51 หน้าที่อะไรนะครับไอ้เจ้าลิงก์เนี่ย
00:03:51 → 00:03:53 สามารถที่จะประมวลได้ว่าตอนนี้เราคิดอะไร
00:03:53 → 00:03:56 อยู่นะครับจากกระแสไฟฟ้ากระแสประสาทของ
00:03:56 → 00:03:59 เรานะครับจากนั้นเนี่ยมันก็จะแตกขวาออกมา
00:03:59 → 00:04:02 เป็นคำสั่งแล้วพอมันแปลความได้แล้วว่าเรา
00:04:02 → 00:04:04 คิดอะไรอยู่เนี่ยมันก็จะมีบลูทูธเชื่อม
00:04:04 → 00:04:06 ระหว่างไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวเนี้ยกับอุปกรณ์
00:04:06 → 00:04:09 อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่นอกร่างกายก็จะเป็น
00:04:09 → 00:04:11 โทรศัพท์มือถือคอมพิวเตอร์หรือว่าเครื่อง
00:04:11 → 00:04:13 ใช้ไฟฟ้าต่างๆนะครับเพื่อที่จะเหมือนกับ
00:04:13 → 00:04:15 ว่าเฮ้ยไอ้สิ่งที่เราคิดอ่ะเป็นการออกคำ
00:04:15 → 00:04:18 สั่งให้เจ้าอุปกรณ์ตัวนั้นทำงานดังที่
00:04:18 → 00:04:21 สมองเราคิดได้ทันทีเลยนะครับต้องบอกว่า
00:04:21 → 00:04:23 Concept มาเนี่ยสุดยอดเหลือเชื่อเลยก็
00:04:24 → 00:04:25 น่าทึ่งมากๆนะครับแล้วไอ้เจ้าอุปกรณ์
00:04:25 → 00:04:28 เหล่านี้ที่สามารถที่จะเชื่อมระหว่างสมอง
00:04:28 → 00:04:30 ของเรากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่
00:04:30 → 00:04:33 นอกร่างกายนะครับมันมีคำรวมๆด้วยนะครับ
00:04:33 → 00:04:35 เขาเรียกมันว่า Brain คอมพิวเตอร์
00:04:35 → 00:04:38 Interface หรือว่า bci นั่นเองซึ่งไม่
00:04:38 → 00:04:40 ได้มีแค่บริษัทนี้บริษัทเดียวนะครับมี
00:04:40 → 00:04:43 หลายบริษัทมากเลยที่กำลังซุ่มทำไอ้เจ้า
00:04:43 → 00:04:45 อุปกรณ์ที่มีหลักการทำงานคล้ายๆกันนะครับ
00:04:45 → 00:04:49 เพื่อที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของ
00:04:49 → 00:04:52 มนุษย์ในอนาคตนะครับแต่ถามว่าจุดประสงค์
00:04:52 → 00:04:54 แรกที่อุปกรณ์เหล่านี้มันถูกเกิดขึ้นนะ
00:04:54 → 00:04:57 ครับตอนนี้ทุกบริษัทพยายามสร้างขึ้นเพื่อ
00:04:57 → 00:05:01 ที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีอาการที่
00:05:01 → 00:05:03 เกี่ยวข้องกับทางสมองนะครับยกตัวอย่าง
00:05:03 → 00:05:06 เช่นผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพาตก็คือไม่
00:05:06 → 00:05:08 สามารถที่จะขยับแขนขาเพราะฉะนั้นการที่
00:05:08 → 00:05:10 เขาเพื่อใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างยาก
00:05:10 → 00:05:13 ลำบากถ้าสามารถที่จะเชื่อมความคิดของเขา
00:05:13 → 00:05:16 เข้ากับอุปกรณ์อย่างเช่นโทรศัพท์ที่
00:05:16 → 00:05:18 สามารถจะ Control ได้ว่าให้พิมพ์แป้นแบบ
00:05:18 → 00:05:20 นี้แล้วกด text ส่งไปหรือสามารถกดโทรออก
00:05:20 → 00:05:23 เพื่อพูดคุยได้ก็จะทำให้ชีวิตเขาเนี่ยมัน
00:05:23 → 00:05:26 ง่ายขึ้นนะครับและในอนาคตถ้าเกิดว่า
00:05:26 → 00:05:28 สามารถที่จะใช้ดูแลผู้ป่วยอัมพาตได้แล้ว
00:05:28 → 00:05:30 เนี่ยเขาก็จะค่อยๆขยับขยายไปเป็นโรคอื่น
00:05:30 → 00:05:34 เช่นโรคพาร์กินสันโรคอัลไซเมอร์ซึ่งรวมๆ
00:05:34 → 00:05:37 ก็คือโรคที่เกี่ยวข้องกับทางระบบประสาท
00:05:37 → 00:05:39 นั่นเองนะครับและถ้าเกิดว่ามีการพิสูจน์
00:05:39 → 00:05:41 แล้วว่ามันเวิร์คที่จะช่วยกับคนไข้เชื่อ
00:05:41 → 00:05:43 เหลือเกินว่าเดี๋ยวอุปกรณ์เหล่านี้มันจะ
00:05:43 → 00:05:47 ค่อยๆเข้ามาถึงบุคคลทั่วไปนะครับที่สมอง
00:05:47 → 00:05:49 ปกตินี่แหละแต่ว่าช่วยให้ดำรงชีวิตได้
00:05:49 → 00:05:52 ง่ายมากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นจำเป็นมากเลย
00:05:52 → 00:05:53 ที่เราควรจะมารู้จักพวกมันไว้ตอนนี้นะ
00:05:53 → 00:05:57 ครับอ่ะขอขยายความต่อนิดนึงให้ลึกขึ้นนิด
00:05:57 → 00:05:59 นึงแล้วกันนะครับว่าเอ้ยเจ้าอุปกรณ์ตัว
00:05:59 → 00:06:02 นี้มันสามารถที่จะอ่านสัญญาณสมองของเรา
00:06:02 → 00:06:04 ได้ยังไงนะครับจริงๆสมองของเราเวลาที่มัน
00:06:04 → 00:06:06 จะสื่อสารกันนะครับสมองก็เหมือนกับ
00:06:06 → 00:06:09 เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งมันใช้การส่ง
00:06:09 → 00:06:12 กระแสไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งเพื่อออก
00:06:12 → 00:06:14 คำสั่งนะครับเพราะฉะนั้นตอนที่เราเรียน
00:06:14 → 00:06:16 ตอนเด็กๆเราอาจจะเคยได้ยินคำว่า Action
00:06:16 → 00:06:19 potential บ้างอะไรบ้างมีโซเดียม
00:06:19 → 00:06:21 โปแตสเซียมปั๊มนะครับมีการเปลี่ยนประจุ
00:06:21 → 00:06:24 ของชาร์จแล้วกระแสประสาทก็จะวิ่งได้เพราะ
00:06:24 → 00:06:25 ฉะนั้นนะครับในเซลล์ประสาทของเราเนี่ย
00:06:25 → 00:06:27 ครับจินตนาการเหมือนกับสายไฟเลยก็ได้ครับ
00:06:27 → 00:06:30 คือคำสั่งเนี่ยมันจะเคลื่อนจากจุดนึงไป
00:06:30 → 00:06:32 ยังจุดหนึ่งได้ก็คือกระแสไฟฟ้าเนี่ยมันจะ
00:06:32 → 00:06:34 เคลื่อนได้ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงของความ
00:06:34 → 00:06:37 ต่างศุภนะครับเพราะฉะนั้นจะบอกเราเนี่ยก็
00:06:37 → 00:06:39 จะมีคำว่าโวลต์มีคำว่า current มาเกี่ยว
00:06:39 → 00:06:41 ข้องเหมือนกับในเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยและทุก
00:06:42 → 00:06:43 ๆครั้งที่สมองเราคิดจะทำอะไรสักอย่างนึง
00:06:43 → 00:06:46 นะครับยกตัวอย่างเช่นผมอยากจะสั่งให้มือ
00:06:46 → 00:06:48 ซ้ายของผมยกขึ้นเนี่ยครับสิ่งที่เกิดขึ้น
00:06:48 → 00:06:51 คือว่ามันจะมีจุดนึงในสมองของผมนะครับ
00:06:51 → 00:06:55 เป็นบอสออกคำสั่งปึ้งมีกระแสไฟฟ้าวิ่งออก
00:06:55 → 00:06:58 จากจุดนี้เป็นจุดสตาร์ทนะครับกระแสไฟฟ้า
00:06:58 → 00:07:01 นี้ก็จะวิ่งตึ๊ดๆๆผ่านจากสมองผ่านกระดูก
00:07:01 → 00:07:03 สันหลังขายสันหลังมาวิ่งมาผ่านแขนมาถึง
00:07:03 → 00:07:07 กล้ามเนื้อที่แขนที่มือผมแล้วก็บอกให้มัน
00:07:07 → 00:07:10 ขยับหรือหดตัวมันก็จะทำก็คือกระแสประสาท
00:07:10 → 00:07:12 หรือกระแสไฟฟ้าเนี่ยมันจะวิ่งลงไปเรื่อยๆ
00:07:12 → 00:07:16 ไปยังเป้าหมายที่มันต้องการจะออกคำสั่งนะ
00:07:16 → 00:07:18 ครับด้วยเหตุนี้ครับไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้
00:07:18 → 00:07:20 จะมีเซ็นเซอร์ที่สามารถจะตรวจจับการ
00:07:20 → 00:07:23 เปลี่ยนแปลงของ work Trade หรือว่ากระแส
00:07:23 → 00:07:26 ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในสมองแล้วประมวลได้ครับ
00:07:26 → 00:07:30 ว่าเฮ้ยตอนนี้เรากำลังคิดอะไรอยู่นะครับ
00:07:30 → 00:07:32 แล้วจากตัวนั้นเนี่ยจากตัวสัญญาณที่เป็น
00:07:32 → 00:07:34 ครึ่งๆอย่างนี้เหมือนกับคลื่นที่เราเห็น
00:07:34 → 00:07:37 หัวใจเต้นเป็นคลื่นๆแบบนี้ครับมันก็จะ
00:07:37 → 00:07:40 แปลงหน้าอ๋อถ้าสมองเรามันออกคำสั่งแล้ว
00:07:40 → 00:07:42 เป็นคลื่นแบบนี้มันแปลว่าสมองบอกให้มือ
00:07:42 → 00:07:45 ซ้ายยกอ่ะแบบนั้นเองนะครับไอ้ตัวเนี้ยมัน
00:07:45 → 00:07:47 ก็จะสามารถจะตีความได้ครับแต่จู่ๆเนี่ย
00:07:48 → 00:07:50 ไอ้เจ้าตัวนี้มันคงไม่ฉลาดพอนะครับที่มัน
00:07:50 → 00:07:53 จะตีความได้เลยว่าเฮ้ยถ้าเกิดว่าคลื่นใน
00:07:53 → 00:07:54 สมองเป็นแบบนี้มันหมายความว่าเรากำลังคิด
00:07:54 → 00:07:56 อย่างนี้อยู่ไอ้เจ้าชิปตัวนี้มันก็ต้อง
00:07:56 → 00:08:00 ใช้ AI ในการประมวลเพราะฉะนั้นเมื่อพูด
00:08:00 → 00:08:03 ถึง AI เนี่ยครับมันต้องผ่านการเทรนมา
00:08:03 → 00:08:05 ก่อนถึงมันจะใช้งานได้นะครับผมเล่าให้ฟัง
00:08:05 → 00:08:07 อย่างนี้แล้วกันก่อนหน้านี้บริษัทนิวรอน
00:08:07 → 00:08:10 นึงนะครับเขาโชว์ดูคลิปที่เขาเอาเจ้า
00:08:10 → 00:08:13 อุปกรณ์ตัวนี้ไปทดสอบกับลิงนะครับให้ลิง
00:08:13 → 00:08:16 ลองใช้ตัวนี้ควบคุมในการเล่นเกมสิ่งที่
00:08:16 → 00:08:19 เขาทำก็คือเริ่ม Step แรกนะครับเขาจะมี
00:08:19 → 00:08:22 หุ่นยนต์ผ่าตัดในการเปิดกะโหลกเจ้าลิงนะ
00:08:22 → 00:08:25 ครับแล้วก็เอาไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ที่
00:08:25 → 00:08:27 เป็นกลมๆไหมครับแปะเอาไว้แล้วก็มีการ
00:08:27 → 00:08:31 เชื่อมสายไฟนะครับเข้ากับสมองของลิงหลัง
00:08:31 → 00:08:34 จากนั้นก็เสร็จการผ่าตัดนะครับ Step ที่ 1
00:08:34 → 00:08:36 หลังจากนั้นนะครับเขาก็เอาหน้าจอ
00:08:36 → 00:08:38 คอมพิวเตอร์มาที่ต่อกับเกมแล้วก็มี
00:08:38 → 00:08:41 จอยสติ๊กมาให้ลิงเป็นตัวจับแล้วก็คอนโทรล
00:08:41 → 00:08:43 นะครับแล้วก็มีท่อเพื่อป้อนอาหารให้กับ
00:08:43 → 00:08:45 ลิงด้วยนะครับว่าถ้าเกิดว่าลิงเนี่ยมัน
00:08:45 → 00:08:48 ขยับมือซ้ายขวาบนล่างถูกนะครับมันก็จะมี
00:08:48 → 00:08:51 อาหารออกมานะครับทีนี้เขาก็หลอกล่อให้ลิง
00:08:51 → 00:08:53 เล่นเกมนะครับเกมมันคือเกมเหมือนกับเกม
00:08:53 → 00:08:56 ปิงปองครับมีการเลื่อนของแท่นแล้วก็จะมี
00:08:56 → 00:08:58 ลูกวิ่งไปวิ่งมานะครับลิงเนี่ยต้องพยายาม
00:08:58 → 00:09:01 ให้ไอ้เจ้าไม้ปิงปองเนี่ยวิ่งไปเคลื่อน
00:09:01 → 00:09:03 แล้วก็ไปโดนลูกปิงปองให้ลูกปิงปองไม่ตกนะ
00:09:03 → 00:09:05 ครับถ้าลิงทำถูกต้องลิงก็จะได้อาหารนะ
00:09:05 → 00:09:07 ครับสิ่งที่เกิดขึ้นคือไอ้เจ้าลิงเนี่ย
00:09:07 → 00:09:10 มันก็จะบังคับจอยสติ๊กเลื่อนขึ้นเลื่อนลง
00:09:10 → 00:09:12 เลื่อนซ้ายเลื่อนขวานะครับและจังหวะนั้น
00:09:12 → 00:09:14 เองนะครับเป็นจังหวะที่ไอ้เจ้าชิปตัว
00:09:14 → 00:09:18 เนี้ยมันก็ค่อยๆเรียนรู้ครับว่าอ๋อถ้าลิง
00:09:18 → 00:09:21 เลื่อนมือไปทางซ้ายสัญญาณประสาทมันจะเป็น
00:09:21 → 00:09:22 แพทเทิร์นแบบนี้
00:09:22 → 00:09:27 อ๋อถ้าลิงเลื่อนไปทางขวาสัญญาณประสาทมัน
00:09:27 → 00:09:30 จะมีแพทเทิร์นแบบนี้เทรนอยู่สักพักหนึ่ง
00:09:30 → 00:09:33 สักพักหนึ่งสักพักหนึ่งจน AI ของไอ้เจ้า
00:09:33 → 00:09:36 ชิปตัวนี้มันเรียนรู้และว่าถ้ามันดีเทค
00:09:36 → 00:09:39 สัญญาณประสาทแบบนี้ได้แสดงว่าลิงมันกำลัง
00:09:39 → 00:09:43 ออกคำสั่งให้มือขยับทางขวาแบบนี้ถ้าเกิด
00:09:43 → 00:09:46 เป็นแบบนึงลิงกำลังบอกให้มือขยับทางซ้าย
00:09:46 → 00:09:49 พอ AI พร้อมเทรนเรียบร้อยครับทีนี้นัก
00:09:49 → 00:09:52 วิทยาศาสตร์นะครับเขาก็ถอดปลั๊กที่เชื่อม
00:09:52 → 00:09:54 ระหว่างไอ้เจ้าจอยสติ๊กกับตัวเกมครับก็
00:09:54 → 00:09:58 คือลิงอ่ะมันก็อาจจะยังบังคับจอยสติ๊ก
00:09:58 → 00:09:59 อยู่จริงๆแล้ว joystem ไม่ได้บังคับเกม
00:09:59 → 00:10:02 แล้วนะครับแต่ว่าลิงเนี่ยมันคิดอยู่ในหัว
00:10:02 → 00:10:04 พร้อมกับที่มือมันทำแต่ตอนนั้นเนี่ย
00:10:04 → 00:10:06 จอยสติ๊กเนี่ยไม่ได้บังคับเกมนะครับสิ่ง
00:10:06 → 00:10:08 ที่บังคับเกมเนี่ยคือสิ่งที่ลิงคิดแล้วพอ
00:10:08 → 00:10:10 ลิงคิดปึ๊บไอ้เจ้าอุปกรณ์เนี่ยครับมันก็
00:10:10 → 00:10:13 จะแปลคำสั่งแล้วก็ Connect ไปควบคุมตัว
00:10:13 → 00:10:16 เกมด้วยตัวเองนะครับมันเป็นการโชว์ว่าอ๋อ
00:10:16 → 00:10:19 วิธีการใช้งานของอุปกรณ์ตัวนี้คือมันต้อง
00:10:19 → 00:10:22 มี Step แรกคือผ่านการเทรนให้ AI เนี่ย
00:10:22 → 00:10:24 มันเข้าใจก่อนเรียนรู้ก่อนว่าเฮ้ยสัญญาณ
00:10:24 → 00:10:27 แบบนี้ Command ของมันจริงๆแล้วมันคือ
00:10:27 → 00:10:29 อะไรนะครับทีนี้
00:10:29 → 00:10:32 ถามว่าถ้าเกิดมาใช้ในคนละมันจะต้องทำยัง
00:10:32 → 00:10:34 ไงเหมือนกันครับถ้าเกิดว่าเอามาใส่ในคน
00:10:34 → 00:10:37 ไข้แล้วเนี่ยครับในช่วงแรกเนี่ยก็ต้องมี
00:10:37 → 00:10:39 การเทรนก่อนถามว่าจะเทรนยังไงคนไข้เนี่ย
00:10:39 → 00:10:42 ก็ต้องจินตนาการเหมือนกับว่าฉันอยากจะ
00:10:42 → 00:10:46 เปิดโทรศัพท์ก็ต้องคิดในหัวว่าเปิด
00:10:46 → 00:10:47 โทรศัพท์ซิอย่างเงี้ย
00:10:48 → 00:10:50 สัญญาณมันก็จะมีเป็น Pattern มา AI ก็จะ
00:10:50 → 00:10:53 เรียนรู้ว่าโอเคแบบนี้คือเปิดโทรศัพท์
00:10:53 → 00:10:55 แล้วก็ให้เขาเทรนอีกว่า
00:10:55 → 00:10:59 จะปิดก็เรียนรู้ข้อมูลไปเรื่อยๆเรื่อยๆ
00:10:59 → 00:11:02 เมื่อ AI ถูกเทรนพร้อมเรียบร้อยแล้วนะ
00:11:02 → 00:11:05 ครับก็สามารถที่จะควบคุมไอ้เจ้า
00:11:05 → 00:11:07 อิเล็กทรอนิกส์นี้ไว้ได้ตามที่ต้องการนะ
00:11:07 → 00:11:09 ครับแต่ทั้งหมดที่พูดมาเป็นเพียงแค่
00:11:09 → 00:11:12 Concept นะครับสำหรับบริษัทนิวรอลิงก์
00:11:12 → 00:11:15 เพราะว่าการทดลองในคนยังไม่เกิดขึ้นข่าว
00:11:15 → 00:11:17 ที่แถลงเมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคมที่
00:11:17 → 00:11:21 ผ่านมาคืออยเมกาเพิ่งจะรองรับว่าโอเค
00:11:21 → 00:11:24 อนุญาตให้บริษัท
00:11:24 → 00:11:28 สามารถเอาเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ไปทดสอบในคน
00:11:28 → 00:11:31 เฟสแรกนะครับถามว่าทำไมมีเศษและเศษ 2 เฟส
00:11:31 → 00:11:33 3 ด้วยหรอแน่นอนครับอุปกรณ์เหล่านี้ครับ
00:11:33 → 00:11:36 ในทางการเขาเรียกว่า medical Device
00:11:36 → 00:11:38 หรือว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งก็ไม่ได้
00:11:38 → 00:11:41 แตกต่างไปจากพวกมีดผ่าตัดคอนแทคเลนส์เป็น
00:11:41 → 00:11:43 อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยนะ
00:11:43 → 00:11:47 ครับซึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์เนี่ยครับมัน
00:11:47 → 00:11:49 ก็จะแบ่งคลาสตามความอันตรายหรือความ
00:11:49 → 00:11:51 เสี่ยงที่เกิดขึ้นกับคนใช้งานอุปกรณ์
00:11:51 → 00:11:54 เหล่านี้มีการผ่าตัดค่อนข้างเสี่ยงเพราะ
00:11:54 → 00:11:56 ฉะนั้นเป็นแบบที่เรียกว่าคลาส 3 คือคลาส
00:11:57 → 00:11:58 ที่แบบอันตรายหรือมีความเสี่ยงมากที่สุด
00:11:58 → 00:12:01 นะครับเพราะฉะนั้นเวลาบริษัทจะผลิตสินค้า
00:12:01 → 00:12:03 อะไรก็ตามที่เป็นอุปกรณ์การแพทย์เนี่ยก็
00:12:03 → 00:12:05 ต้องผ่านการทดลองในห้องแลปสเต็ปที่ 1
00:12:06 → 00:12:08 ผ่านการทดลองในสัตว์ทดลองเป็นด่านที่ 2
00:12:08 → 00:12:12 ซึ่งบริษัทนี้ทำแล้วคือในหมูในหมูในลิงนะ
00:12:12 → 00:12:15 ครับต่อไปก็ต้องผ่านการทดลองในคนเฟส 1
00:12:15 → 00:12:18 เฟส 2 เฟส 3 แต่ละเฟสเนี่ยเฟส 1 คือดู
00:12:18 → 00:12:20 ความปลอดภัยทำกับคนยังไม่เยอะนะครับถ้า
00:12:20 → 00:12:22 เกิดเฟส 1 ผ่านแล้วว่าโอเคปลอดภัยต่อไป
00:12:22 → 00:12:26 เป็นเฟส 2 คือดูแล้วว่าปลอดภัยแล้วก็มัน
00:12:26 → 00:12:28 แอปพลิเคซี่คือประสิทธิภาพเป็นยังไงใช้คน
00:12:28 → 00:12:31 เยอะขึ้นถ้าผ่านเฟส 2 ต่อก็ต้องเป็น Phase
00:12:31 → 00:12:33 3 คราวนี้คนเยอะกว่าเดิมนะครับดูทั้ง
00:12:33 → 00:12:37 เซฟตี้ effic Crazy แล้วก็ดู repeat ที่
00:12:37 → 00:12:40 คือว่าเฮ้ยมันทำซ้ำๆได้เยอะๆจริงเปล่าถ้า
00:12:40 → 00:12:42 เกิดว่ามันติ๊กถูกทุกข้ออ่ะทั้งปลอดภัย
00:12:42 → 00:12:45 ทั้งใช้งานได้ผลได้ผลแล้วก็ใช้งานกับคน
00:12:45 → 00:13:38 ได้เยอะๆเนี่ยก็พร้อมที่จะให้ผลิต
00:13:38 → 00:13:47 [เพลง]
00:13:47 → 00:13:51 เรากำลังคิดอะไรอยู่แล้วพอแปลความได้แล้ว
00:13:51 → 00:13:53 เนี่ยมันก็มีบลูทูธไป Connect กับ
00:13:53 → 00:13:55 อิเล็กทรอนิกส์ Device ที่อยู่นอกร่างกาย
00:13:55 → 00:13:58 ของเราหลักการเหมือนกันสิ่งที่ต่างกันมี 2
00:13:58 → 00:14:01 เรื่องครับอย่างที่ 1 ก็คือรูปร่างหน้าตา
00:14:01 → 00:14:03 ของตัว product ไม่เหมือนกันอย่างสิ้น
00:14:03 → 00:14:06 เชิงเลยนะแบบที่ 2 ก็คือกระบวนการผ่าตัด
00:14:06 → 00:14:08 หรือกระบวนการที่แบบ deliver นำส่งไอ้
00:14:08 → 00:14:10 เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เข้าไปอยู่ในสมองของเรา
00:14:10 → 00:14:13 เนี่ยไม่เหมือนกันของนิวรอลิงก์เนี่ยมัน
00:14:13 → 00:14:15 เป็นกลมๆลอง search อยู่ได้ครับเป็นกลมๆ
00:14:15 → 00:14:17 เหมือนกับเหรียญหนาๆหน่อยแล้วก็เขามีหุ่น
00:14:18 → 00:14:20 ยนต์ผ่าตัดเหมือนกับคิดง่ายๆเหมือนกับ
00:14:20 → 00:14:23 เวลาเราจะเฉาะมากลางมะพร้าวเพื่อที่จะกิน
00:14:23 → 00:14:25 มะพร้าวครับเอาเฉพาะตรงกลางของมะพร้าวออก
00:14:25 → 00:14:28 ไปแล้วก็เอาไอ้ตัวเหรียญนี้ไปแปะแทนแล้ว
00:14:28 → 00:14:29 มันเชื่อมกับเนื้อมะพร้าวซึ่งคือสมองของ
00:14:29 → 00:14:33 เรานั่นคือหลักการของนิวรอลิงแต่ของ
00:14:33 → 00:14:35 syncrone เนี่ยครับมันคือ stain
00:14:35 → 00:14:37 Strength คืออะไร Step เนี่ยเป็นเหมือน
00:14:37 → 00:14:40 กับลวดตาข่ายทรงกระบอกนะครับเอาไว้ใช้ใน
00:14:40 → 00:14:44 การขยายหลอดเลือดเวลาที่เรามีเส้นเลือด
00:14:44 → 00:14:47 ตีบเส้นเลือดตีบต่างๆนะครับหมอเนี่ยก็จะ
00:14:47 → 00:14:50 ใส่สเต็กเข้าไปแล้วก็มีบอลลูนทำให้ stain
00:14:50 → 00:14:53 เนี่ยมันขยายนึกถึงตาข่ายที่ห่อผลไม้ครับ
00:14:53 → 00:14:55 ตาข่ายที่เป็นโฟมห่อมะม่วงอ่ะแบบนั้นน่ะ
00:14:55 → 00:14:57 เหมือนหน้าตาคล้ายๆกันนะครับแต่ทำด้วย
00:14:57 → 00:15:00 โลหะคือมันสามารถที่จะยุบแล้วก็พองได้นะ
00:15:00 → 00:15:02 ครับทุกวันนี้หมอใส่ Strength เข้าไปใน
00:15:02 → 00:15:04 หลอดเลือดเพื่อขยายทำบอลลูนนะครับคือ
00:15:04 → 00:15:07 บริษัทซินโคเนี่ยออกแบบชิปให้หน้าตาเป็น
00:15:07 → 00:15:11 แบบนั้นเป็นแบบสเตนซ์นะครับแล้วก็วิธีการ
00:15:11 → 00:15:13 ด้วยความที่มันเป็น Strength เนี่ยใช้
00:15:13 → 00:15:15 หลักการเดียวกับการทำบอลลูนเลยครับเขานำ
00:15:15 → 00:15:18 ส่ง stain ผ่านเส้นเลือดใหญ่ตรงบริเวณคอ
00:15:18 → 00:15:21 ของคนไข้นะครับเป็นวิธีการปกติที่ทำ
00:15:21 → 00:15:23 บอลลูนเลยใส่เข้าไปนะครับแล้วก็พายเจ้า
00:15:24 → 00:15:26 สเตนเนี้ยวิ่งขึ้นไปไปที่จุดมอเตอร์
00:15:26 → 00:15:29 cortex หรือส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว
00:15:29 → 00:15:31 นะครับเพราะว่าเพื่อให้คนไข้เนี่ยสามารถ
00:15:31 → 00:15:34 ที่จะควบคุมคำสั่งการเคลื่อนไหวของ Muscle
00:15:34 → 00:15:37 ได้นะครับมันก็จะถูกนำส่งไปใกล้ๆตรงนั้น
00:15:37 → 00:15:40 เพื่อที่จะไปรับสัญญาณประสาทตรงนั้นนั่น
00:15:40 → 00:15:43 เองนะครับหลักการก็เหมือนกันพอรับแล้วมัน
00:15:43 → 00:15:45 ก็จะตีความว่าเฮ้ยกระแสประสาทแบบนี้เป็น
00:15:45 → 00:15:48 ยังไงนะได้เป็นคำ Command หรอกหรือออกมา
00:15:48 → 00:15:50 แล้วก็ Connect Bluetooth ไปที่อุปกรณ์
00:15:50 → 00:15:52 ที่อยู่ข้างนอกแล้วก็จะทำงานได้เช่นกัน
00:15:52 → 00:15:55 ครับงั้นในอนาคตต่อๆไปจะมีอีกหลายบริษัท
00:15:55 → 00:15:57 โชว์ product ออกมาอีกเพียบแน่นอน
00:15:57 → 00:15:59 คอนเซ็ปต์ของเจ้า Brain computer
00:15:59 → 00:16:01 Interface Device นะครับเหมือนกันนะ
00:16:01 → 00:16:03 ครับอย่างที่บอกไปดีเทคสัญญาณได้แปลความ
00:16:03 → 00:16:05 แล้วก็ควบคุมอุปกรณ์ที่อยู่ข้างนอกตัวนะ
00:16:06 → 00:16:09 ครับแค่รูปแบบแล้วก็วิธีการนำส่งจะแตก
00:16:09 → 00:16:12 ต่างกันออกไปแค่นั้นเองครับถึงแม้ว่าตอน
00:16:12 → 00:16:15 นี้จำเป็นจุดเริ่มต้นของการทดลองในมนุษย์
00:16:15 → 00:16:18 ของอุปกรณ์ bci Brain computer
00:16:18 → 00:16:20 Interface ของทุกๆบริษัทเลยครับตอนนี้มี
00:16:20 → 00:16:22 2 บริษัทและซึ่งแน่นอนครับกว่าที่เจ้า
00:16:22 → 00:16:24 อุปกรณ์ตัวนี้จะผ่านการทดสอบความปลอดภัย
00:16:24 → 00:16:27 ทดสอบเรื่องประสิทธิภาพอาจจะใช้เวลาอีก
00:16:27 → 00:16:30 ประมาณ 10 ปี 15 ปีนะครับขึ้นอยู่กับ
00:16:30 → 00:16:32 ประสิทธิภาพของมันเนาะแต่วันนึงเนี่ยครับ
00:16:32 → 00:16:35 รับรองได้เลยว่ามันจะเข้ามาใกล้ตัวเรามาก
00:16:35 → 00:16:38 กว่าที่คิดไว้ถ้าเกิดว่าเราทุกคนเนี่ยยัง
00:16:38 → 00:16:40 ดูแลตัวเองดีมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ถึงวัน
00:16:40 → 00:16:42 นั้นที่ไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวเนี้ย
00:16:42 → 00:16:45 ถูกเอามาผลิตขายสำหรับคนทั่วไปเพื่อใช้ใน
00:16:45 → 00:16:48 ชีวิตประจำวันแล้วก็ก็เป็นเวลาที่ดีครับ
00:16:48 → 00:16:50 ที่เราควรจะเริ่มทำความรู้จักกับ
00:16:50 → 00:16:53 เทคโนโลยีนี้ไว้เพราะว่าในอนาคตนะครับ
00:16:53 → 00:16:56 เรื่องของการสื่อสารแล้วก็ไลฟ์สไตล์การ
00:16:56 → 00:16:58 ใช้ชีวิตของเราเนี่ยมันจะเปลี่ยนไปแบบที่
00:16:58 → 00:17:04 เราจินตนาการไม่ถึงนะครับ
00:17:04 → 00:17:08 [เพลง]