00:00:00 → 00:00:03 จะเห็นว่าเทรนด์ในปีตั้งแต่ 2022 จนไปถึง
00:00:03 → 00:00:06 ปีนี้นะคะทั้งยูโรปียนอเมริกาหรือว่า
00:00:06 → 00:00:08 International Headache เนี่ยอัปเดตไป
00:00:08 → 00:00:11 ในทางเดียวกันว่าเราเนี่ยน่าจะนำยาฉีด
00:00:11 → 00:00:13 รักษาไมเกรนมาเป็นทางเลือกแรกๆให้กับคน
00:00:13 → 00:00:17 ไข้นะคะรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวข้องกับยาฉีด
00:00:17 → 00:00:20 รักษาไมเกรนก่อนที่ยาจะได้รับการ approve
00:00:20 → 00:00:22 ว่าเอามาใช้รักษาไมเกรนได้เนี่ยตัวยาจะ
00:00:22 → 00:00:25 ต้องแสดงให้เห็นว่ามันสามารถนำมาลดจำนวน
00:00:25 → 00:00:28 วันของคนไข้ไมเกรนได้จริงๆเพิ่มคุณภาพ
00:00:28 → 00:00:31 ชีวิตจริงๆโดยที่ผลข้างเคียงน้อยใช้
00:00:31 → 00:00:33 คอนเซปตนี้เลยค่ะว่าไกรน freedom ไปเลย
00:00:33 → 00:00:36 คือคนไข้แทบไม่ปวดหัวไปเลยเป้าหมายของการ
00:00:37 → 00:00:39 รักษาเวลาคนไข้เริ่มต้นจากกี่วันก็ตามแต่
00:00:39 → 00:00:42 เราจะทำให้คนไข้อ่ะปวดน้อยกว่า 4 วันให้
00:00:42 → 00:00:45 ได้เราสามารถนำกลุ่มยาฉีดไมเกรนเนี่ยมา
00:00:45 → 00:00:49 ใช้เป็นทางเรื่องแรกของการรักษาป้องกัน
00:00:49 → 00:00:51 ไมเกรนได้เลยสุดท้ายก็จะมาสู่จุดที่ว่า
00:00:51 → 00:00:54 แล้วเราจะหยุดยาเมื่อไหร่จะใช้ไปถึงเมื่อ
00:00:54 → 00:00:57 ไหร่ล่ะอันเนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยสวัสดี
00:00:57 → 00:00:59 ค่ะหมอนุ่มนะคะแพทยหญิงสุภพม่าวิบูล
00:00:59 → 00:01:01 สุขสันนะคะแพทย์เฉพาะทางระบบประสาทแล้วก็
00:01:01 → 00:01:05 สมองนะคะก็ไลฟ์คุยเรื่องสมองกับหมอนุ่มนะ
00:01:05 → 00:01:08 คะวันนี้กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะกับ
00:01:08 → 00:01:11 Breaking News ค่ะก็คือหมอถือโอกาสนะคะ
00:01:11 → 00:01:14 มาอัปเดตนะคะการรักษาไมเกรนในปัจจุบันให้
00:01:15 → 00:01:17 ฟังเนื่องจากว่าเอ่อประมาณปลายเดือนที่
00:01:17 → 00:01:19 แล้วเนี่ยทาง International Head
00:01:19 → 00:01:22 Society นะคะหรือว่าสมาคมปวดศีรษะนานา
00:01:22 → 00:01:25 ชาติเนี่ยเขาก็อ่าออกอัปเดตไกด์ไลน์การ
00:01:25 → 00:01:28 รักษาไมเกรนล่าสุดออกมานะคะที่ดีพิมพ์ใน
00:01:28 → 00:01:31 วารสารเซฟาเจียนะคะวันนี้ก็เลยถือโอกาส
00:01:32 → 00:01:35 รวบรวมทั้งหมดเลยละกันนะคะที่เป็นงาน
00:01:35 → 00:01:39 วิจัยเกี่ยวกับการรักษาไมเกรนในปัจจุบัน
00:01:39 → 00:01:42 มาพูดให้ทุกคนฟังนะคะซึ่งจริงๆอ่ะตั้งใจ
00:01:42 → 00:01:46 อยากมาพูดนานและแต่เค้าถือโอกาสออกไกมาพอ
00:01:46 → 00:01:50 ดีก็เลยถือเอ่อโอกาสนี้ในการรวบรวมข้อมูล
00:01:50 → 00:01:53 ที่เกี่ยวกับพวกการรักษาไมเกรนที่ผ่านมา
00:01:53 → 00:01:56 ทั้งหมดให้ฟังกันได้เลยนะคะก่อนเข้า
00:01:56 → 00:01:58 เรื่องเนี่ยเอ่อต้องบอกก่อนว่าอันเนี้ย
00:01:58 → 00:02:00 ไม่ได้มีเอ่อคลิปนี้นะคะไม่ได้มีแบบว่า
00:02:00 → 00:02:03 ส่วนใดส่วนเสียกับยาตัวใดตัวนึงนะคะเพราะ
00:02:03 → 00:02:06 ฉะนั้นเวลาฟังไปแล้วเนี่ยหมอไม่ได้จะพูด
00:02:06 → 00:02:09 ในเชิงว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหนนะคะเราพูด
00:02:09 → 00:02:11 กันในแง่ของเอ่อเรื่องของงานวิจัยหรือว่า
00:02:11 → 00:02:15 เรื่องของไกด์ไลน์การรักษาที่เป็นข้อ
00:02:15 → 00:02:17 recommendation หรือคำแนะนำล่าสุดใน
00:02:17 → 00:02:20 ปัจจุบันกันมากกว่าซึ่งแต่ละคนเนี่ยจะดี
00:02:20 → 00:02:22 กับตัวไหนหรือจะเหมาะกับตัวไหนหมอคิดว่า
00:02:22 → 00:02:25 อันเนี้ยมันขึ้นกับอาการแล้วก็ระยะของ
00:02:25 → 00:02:28 ไมเกรนแล้วก็โรคประจำตัวหรือโรคร่วมของ
00:02:28 → 00:02:32 แต่ละคนด้วยนะคะเนาะก็มาฟังกันนะคะอันนี้
00:02:32 → 00:02:36 เดี๋ยวขออัปเดตในตัวที่เอ่อเค้าตีพิมพ์มา
00:02:36 → 00:02:39 ล่าสุดอันเนี้ยให้ฟังก่อนว่าเค้าสรุปอะไร
00:02:39 → 00:02:43 มานะคะก็เค้าก็จะสรุปเป็นตารางสำหรับ
00:02:44 → 00:02:47 ไกด์ไลน์ในการที่หมออ่ะจะเลือกใช้ยาในการ
00:02:47 → 00:02:50 รักษาคนไข้ไมเกรนนะคะหลักๆก็จะแบ่งออก
00:02:50 → 00:02:54 เป็นแก้ปวดกับเป็นป้องกันนะคะจริงๆก็เคย
00:02:54 → 00:02:58 พูดเรื่องแนวทางการรักษาไมเกรนไว้หลาย
00:02:58 → 00:03:00 ครั้งแล้วล่ะแต่ว่าอันเนี้ยก็จะเหมือนมา
00:03:00 → 00:03:02 พูดในเชิงที่มันเป็นไกด์ไลน์จริงๆให้ฟัง
00:03:02 → 00:03:06 กันอีกทีนะคะสำหรับตัวอันแรกเนี่ยนะคะ
00:03:06 → 00:03:10 ตารางเนี้ยเค้าสรุปของตัวยาแก้ปวดก่อนนะ
00:03:10 → 00:03:14 คะตัวยาแก้ปวดอาจจะไม่ได้มีอะไรที่ดูแบบ
00:03:14 → 00:03:18 แตกต่างหรือว่าเอ่อมีอะไรใหม่จากการใช้ยา
00:03:18 → 00:03:22 ในอดีตมากนักนะคะหลักๆเลยของตัวแก้ปวดน่า
00:03:22 → 00:03:24 จะเป็นเรื่องของตัวกลุ่ม GPAN มากกว่าที่
00:03:24 → 00:03:28 มีโในการเอามาใช้ในการระงาปวดมากยิ่งขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 นะคะข้อดีของจุดกลุ่มนี้จริงๆก็คือว่าตัว
00:03:31 → 00:03:35 กลุ่มพวกเนี้ยมันไม่ได้นับว่าเป็นตัวแบบ
00:03:35 → 00:03:39 แก้ปวดที่จะทำให้เอ่อคนไข้มีโอกาสเกิดการ
00:03:39 → 00:03:42 ใช้ยาแก้ปวดเกินขนาดได้อ่ะค่ะยาแก้ปวด
00:03:42 → 00:03:44 กลุ่มเก่าๆพวกเอ่อไม่ว่าจะเป็นพวก
00:03:44 → 00:03:46 พาราเซนตามอลหรือว่ากลุ่มแก้ปวดที่ไม่ใช่
00:03:46 → 00:03:48 เจียรอยด์เอเซตหรือว่ากลุ่มทิปแทนอะไร
00:03:48 → 00:03:50 ต่างๆพวกนั้นเนี่ยใช้เยอะจะมีโอกาสที่จะ
00:03:50 → 00:03:53 ทำให้เราปวดหัวเพิ่มมากขึ้นได้นะคะแต่
00:03:53 → 00:03:56 กลุ่มใหม่ๆเนี่ยอันเนี้ยไม่สะอ่าเอ่อเค้า
00:03:56 → 00:03:58 เรียกก็ใช้เยอะก็ไม่ได้ทำให้เรามีความ
00:03:58 → 00:04:01 เสี่ยงตรงนั้นนะคะกับเชิงในจะเป็นในเชิง
00:04:01 → 00:04:04 เป็นในทางป้องกันมากกว่าด้วยนะคะอันนี้ก็
00:04:04 → 00:04:05 น่าจะเป็นตัวอันที่เป็น High
00:04:06 → 00:04:08 Recommendation ที่แตกต่างจากอันเดิมนะ
00:04:08 → 00:04:11 คะในเรื่องของตัวยาแก้ป่วยซึ่งวันเนี้ย
00:04:11 → 00:04:13 หมอว่าหมอจะไม่ได้เน้นเรื่องนี้นะคะหมอ
00:04:13 → 00:04:16 ว่าการใช้ยาแก้ปวดของแต่ละคนเนี่ยมันมี
00:04:16 → 00:04:19 ข้อบ่งใช้กันในแต่ละคนเนี่ยที่แตกต่างกัน
00:04:19 → 00:04:22 ออกไปรายละเอียดมันเยอะนะคะเอ่ออันนี้ก็
00:04:22 → 00:04:24 เป็นอีกตารางนึงที่เกี่ยวกับแก้ปวดนะคะ
00:04:24 → 00:04:28 ที่เขาก็สรุปมาให้ดูว่าเทียบกันเลยตัวนี้
00:04:28 → 00:04:30 กับตัวนี้ตัวไหนจะดีกว่ากันอะไรอย่าง
00:04:30 → 00:04:32 เงี้ยค่ะอันที่น่าสนใจเนาะหมออยากให้ดู
00:04:32 → 00:04:35 อันนี้ในพารทที่บอกว่าเป็น Strong
00:04:35 → 00:04:39 Recommendation นะคะแถวที่ประมาณอ่าแถว
00:04:39 → 00:04:42 ที่ 3 4 5 6 7 เนี้ยนะคะอันเนี้ยน่า
00:04:42 → 00:04:46 สนใจตรงที่เาเทียบทริปแทนอ่ะค่ะทริปแทนก็
00:04:46 → 00:04:50 คืออยู่ในกลุ่มยาที่เป็นยาแก้ปวดไมเกรน
00:04:50 → 00:04:53 ที่เอ่อใหม่กว่ากลุ่มพวกเออกอนะคะอาจจะ
00:04:53 → 00:04:56 เป็นพวกอริปแทมทิปแทนอะไรพวกนี้นะคะแล้ว
00:04:56 → 00:04:57 เาเทียบกับพวกกลุ่มเอกอที่ไปบวกกับ
00:04:57 → 00:05:00 คาเฟอีนน่ะค่ะก็คือกลุ่มที่ใช้กันมาเนิ่น
00:05:00 → 00:05:04 นานมากๆนะคะจะเห็นว่าเออกลุ่มทิปแทนมัน
00:05:04 → 00:05:06 เหนือกว่านะคะอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นตัว
00:05:06 → 00:05:09 ใดก็ตามนะคะอันนี้ก็ดูน่าสนใจเนาะงั้นโดย
00:05:09 → 00:05:11 ปกติแล้วเนี่ยถ้าเกิดสมมุติว่าเป็นการให้
00:05:11 → 00:05:14 ยาแก้ปวดคนไข้ในปัจจุบันจริงๆถ้าคนไข้อ่ะ
00:05:14 → 00:05:18 ไม่เคยใช้เออมาก่อนหมออ่ะมักจะมีแนวโน้ม
00:05:18 → 00:05:21 ที่แบบถ้าจะจ่ายก็อาจจะจ่ายไปทิป Trend
00:05:21 → 00:05:23 ไปมากกว่านะคะเดี๋ยวจะมาเล่า
00:05:23 → 00:05:25 ประวัติศาสตร์เออกอดให้ฟังอีกทีนึงว่า
00:05:25 → 00:05:29 แล้วทำไมคนอื่นถึงใช้เออกันมานานล่ะนะอัน
00:05:29 → 00:05:31 นี้ก็จะ 2 ตารางแรกผ่านไปเนี่ยคืออัปเดต
00:05:31 → 00:05:36 เรื่องยาแก้ปวดนะคะก็ไม่ได้มีเอ่ออะไรที่
00:05:36 → 00:05:40 เอ่อเปลี่ยนแปลงมากนักละกันนะคะมาถึงใน
00:05:40 → 00:05:43 พารทของที่เป็นเรื่องของยาป้องกันดีกว่า
00:05:43 → 00:05:46 นะคะยาป้องกันเนี่ยอันเนี้ยจริงๆก็จะถือ
00:05:46 → 00:05:51 ว่าเป็นตัวที่เอ่อเค้าเหมือนเป็นยุคใหม่
00:05:51 → 00:05:54 ของการรักษาไมเกรนน่ะค่ะมาสักระยะนึงนึง
00:05:54 → 00:05:56 ละนะคะแต่ตัว International Heading
00:05:56 → 00:05:58 Society เองเขาก็เหมือนเพิ่งมาสรุปตาราง
00:05:58 → 00:06:01 นี้กันให้อีกทีนึงนะคะตารางที่ 4 เนี่ย
00:06:01 → 00:06:03 เขาสรุปว่าแบบเอ่อสำหรับคนไข้ไมเกรนในการ
00:06:03 → 00:06:06 ป้องกันเนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยถ้าไม่ว่าจะ
00:06:06 → 00:06:09 เป็นคนไข้กลุ่มที่ปกติคนไข้เอ่อไมเกรนที่
00:06:09 → 00:06:11 ต้องได้ยาป้องกันเราจะแบ่งคนไข้ออกเป็น
00:06:11 → 00:06:14 ปวดแบบชั่วคราวแบบค้างคราวหรือEPิกับปวด
00:06:14 → 00:06:17 เรื้อรังที่เป็นแบบเป็นเกือบทุกวันไปแล้ว
00:06:17 → 00:06:20 นะคะในตารางแรกเนี่ยอ่าเค้าอ่าไม่แบ่ง
00:06:20 → 00:06:23 ก่อนไม่แบ่งก็คือไมเกรนอะไรก็ได้เป็นน้อย
00:06:23 → 00:06:25 เป็นมากก็ได้นะนะคะก็จะเห็นว่าเค้าเนี่ย
00:06:25 → 00:06:29 แนะนำนะคะหรือfaอรไปทางที่จะนำพวกกลุ่ม
00:06:29 → 00:06:31 GPAN หรือว่ากลุ่มที่เป็นยาฉีดนะคะ
00:06:32 → 00:06:35 Monโนคalแอนตี้บอี้เนี่ยมาใช้เหนือกว่า
00:06:35 → 00:06:37 กลุ่มยาป้องกันแบบเก่าๆไม่ว่าจะเป็นพวก
00:06:37 → 00:06:41 กลุ่มยากัญชักนะคะหรือกลุ่มยาความดันนะคะ
00:06:41 → 00:06:43 อ่าอันที่ 5 เนี่ยเค้าก็จะแบ่งย่อยไปอีก
00:06:43 → 00:06:45 ว่าอ่ะแล้วถ้าเกิดเป็นกลุ่มที่เป็น
00:06:46 → 00:06:48 episodic ล่ะเป็นครั้งคราวล่ะก็จะเห็น
00:06:48 → 00:06:51 ว่าอันที่เขาrecommมเนี่ยก็ยังอยู่ใน
00:06:51 → 00:06:54 กลุ่มที่เป็นเรื่องของตัวกลุ่มพวกจีมีแผน
00:06:54 → 00:06:55 กับกลุ่มmonโนocนalแอนตบอดี้หรือกลุ่มยา
00:06:55 → 00:06:59 ฉีดไมเกรนนั่นเองนะคะก็ยังเหนือกว่ากลุ่ม
00:06:59 → 00:07:02 ที่เป็นพวกกลุ่มเก่าๆเช่นยากันชัก
00:07:02 → 00:07:06 อมิทิปทิเอ่อยาคายเครียดหรือว่ายาเอ่อเ่อ
00:07:06 → 00:07:08 ความดันอะไรต่างๆนะคะจะมีอันเดียวที่แบบ
00:07:08 → 00:07:11 พอจะเอามาใช้ได้ก็คือกลุ่มยากัญชักนะคะ
00:07:11 → 00:07:14 ที่เป็นamateนั่นเองแต่ว่าจะต้องใช้ขนาด
00:07:14 → 00:07:18 ที่ค่อนข้างสูงนิดนึงนะคะส่วนตารางนี้นะ
00:07:18 → 00:07:21 คะก็คือเรื่องของการที่เป็นยาป้องกันแบบ
00:07:21 → 00:07:24 การเอ่อปวดเรื้อรังและเป็นไมเกรนเรื้อรัง
00:07:24 → 00:07:26 ไปแล้วนะคะจะเห็นว่ายิ่ง FA หรือว่ายิ่ง
00:07:26 → 00:07:29 สนับสนุนไปในเรื่องของการใช้พวกmonโนคนal
00:07:29 → 00:07:31 anบอดี้หรือว่ากลุ่มยาฉีดไมเกรนมากยิ่ง
00:07:32 → 00:07:35 ขึ้นนะคะแทบจะไม่มีโรของการใช้กลุ่มป้อง
00:07:35 → 00:07:38 กันที่เป็นแบบเก่าเท่าไหร่นะคะกับอีกอัน
00:07:38 → 00:07:40 นึงที่เอ่อพอเป็นกลุ่มเรื้อรังแล้วเอามา
00:07:40 → 00:07:43 ใช้ได้แล้วก็อันนี้จริงๆก็คือ approve มา
00:07:43 → 00:07:45 นานแล้วตั้งแต่ปีประมาณ 2010 ก็คือเรื่อง
00:07:45 → 00:07:49 ของการฉีดนะคะตัวเอ่อโบทุมท็อกซินเข้า
00:07:49 → 00:07:52 กล้ามเนื้อนั่นเองนะคะอันก็จะไม่ได้แบบ
00:07:52 → 00:07:55 อ่าแตกแตกต่างจากเดิมนะคะแล้วเขาก็มีการ
00:07:55 → 00:07:58 เทียบนะคะเป็น Head to Head เลยว่าอ่ะ
00:07:58 → 00:08:01 งั้นเดี๋ยวเทียบระหว่างยาฉีดไมเกรนกับยา
00:08:01 → 00:08:03 กลุ่มเก่าที่เป็นยาป้องกันกลุ่มยากันชัก
00:08:03 → 00:08:06 นะคะโทพราเมก็จะเห็นว่ากลุ่มที่เป็นกลุ่ม
00:08:06 → 00:08:08 นะคะยาฉีดไมเกรนหรือว่าเป็นmonโนocal
00:08:08 → 00:08:12 antibody เนี่ยมีstrองหรือว่าแนะนำที่จะ
00:08:12 → 00:08:15 ใช้แนวโน้มที่จะใช้ในการป้องกันไมเกรนมาก
00:08:15 → 00:08:19 กว่านะจริงๆเนี่ยหมออ่านอันนี้จบนะคะหมอ
00:08:19 → 00:08:22 ว่าโอเคมันไม่ได้แบบมีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก
00:08:22 → 00:08:23 นักในช่วงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเพราะว่า
00:08:23 → 00:08:27 จริงๆแล้วเนี่ยเรามีการนำการใช้อ่ายาฉีด
00:08:27 → 00:08:30 ไมเกรนเนี่ยมาใช้กันสักระยะนึงแล้วนะคะใน
00:08:30 → 00:08:34 ช่วงระยะเวลาประมาณถึง 6-7 ปีได้นะคะแต่
00:08:34 → 00:08:36 ว่าตาม recommendation หรือคำแนะนำหรือ
00:08:36 → 00:08:39 ไกด์ไลน์ต่างๆเนี่ยมันจะเหมือนเป็นการที่
00:08:39 → 00:08:42 ออกมาเป็นการคเฟิร์มยืนยันอีกครั้งนึงว่า
00:08:42 → 00:08:45 เออเดี๋ยวเนี้ยปัจจุบันการรักษาไมเกรนมัน
00:08:45 → 00:08:48 เป็นไปในทางที่เราจะต้องใช้ยาในกลุ่มพวก
00:08:48 → 00:08:51 นี้มากยิ่งขึ้นแล้วนะคะหมอว่ามันเป็น
00:08:51 → 00:08:56 เหมือนยุคที่แบบก่อนหน้านี้ที่เหมือนเอ่อ
00:08:56 → 00:08:59 มีมือถือแล้วก็มี iPhone เข้ามาใหม่ๆอ่ะ
00:08:59 → 00:09:02 หลายๆคนก็อาจจะแบบเออยังไม่ชินว่าเอ้ทำไม
00:09:02 → 00:09:05 ต้องใช้ iPhone จนกระทั่งแบบประมาณ 10 ปี
00:09:05 → 00:09:08 ผ่านไปก็คือแทบทุกคนก็คือจะใช้ iPhone
00:09:08 → 00:09:10 หรือว่าใช้สมาร์ทโฟนกันหมดแล้วเงี้ยค่ะ
00:09:10 → 00:09:13 ฉะนั้นไมเกรนเองก็เหมือนกันจริงๆแล้วตัว
00:09:13 → 00:09:15 เอ่อยาฉีดไมเกรนหรือว่ากลุ่มmonโนal
00:09:15 → 00:09:17 antibody เนี่ยมีการใช้มาสักระยะนึงแล้ว
00:09:17 → 00:09:20 ค่ะแต่ว่าตามแนว recommendation หรือคำ
00:09:20 → 00:09:23 แนะนำต่างๆเนี่ยเค้าก็จะมารวบรวมข้อมูล
00:09:23 → 00:09:27 จากการที่คนไข้ทั้งโลกเนี่ยอ่าหลังจากใช้
00:09:27 → 00:09:29 ยากลุ่มเนี้ยไปรักษากันแล้วจริงๆแล้วมัน
00:09:29 → 00:09:32 เป็นผลยังไงเขาก็จะพอได้เอ่อ evidence
00:09:32 → 00:09:35 หรือว่าหลักฐานที่มันเป็นในเชิงสนับสนุน
00:09:35 → 00:09:37 ของการได้ประโยชน์จากการใช้ยาหรือว่าการ
00:09:38 → 00:09:40 รักษายิ่งขึ้นเขาก็จะมาสรุปอัปเดตให้เรา
00:09:40 → 00:09:43 ฟังกันอีกทีนะคะจริงๆแล้วอันเนี้ยไม่ใช่
00:09:43 → 00:09:48 เรื่องใหม่นะเอ่อตัวเอ่อยูโรเปี้นนะคะ
00:09:48 → 00:09:52 หรือว่าเป็นสมาคมแบบสเอ่อสมาพันธปวดศีรษะ
00:09:52 → 00:09:55 ของทางยุโรปเนี่ยเค้าเปลี่ยนเปลี่ยนไกดล
00:09:55 → 00:09:58 ของเขาเนี่ยมาตั้งแต่ 2022 แล้วก็คือ
00:09:58 → 00:10:01 ประมาณ 3 ปีที่แล้วและนะคะจริงๆยากลุ่มยา
00:10:01 → 00:10:03 ฉีดไมเกรนเนี่ยตัวแรกที่มีการนำเข้ามาใช้
00:10:03 → 00:10:06 เนี่ยก็เข้ามาใช้ตั้งแต่ประมาณสซัก
00:10:06 → 00:10:09 20189 ประมาณช่วงนั้นนะคะในช่วงแรกๆทาง
00:10:09 → 00:10:14 ยุโรปเองก็ยังแบบเอ่อแนะนำว่าเออถ้าคนที่
00:10:14 → 00:10:18 failียหรือว่าใช้ยาป้องกันแบบเดิมในในแง่
00:10:18 → 00:10:20 ของยารับประทานที่เราใช้กันมาหลายสิบปี
00:10:20 → 00:10:22 มากๆเนี่ยเอ่อไม่ได้ผลนะคะหรือว่ามีผล
00:10:23 → 00:10:25 ข้างเคียงก็จะค่อยแนะนำเป็นเรื่องของการ
00:10:25 → 00:10:29 ใช้ยาฉีดmonโนคนalantiบอดี้นะคะแต่ว่า 3
00:10:29 → 00:10:31 ปีผ่านไปยุโรปเปลี่ยนเร็วเปลี่ยนที่เป็น
00:10:31 → 00:10:35 เร็วที่สุดเลยนะคะเป็นในบรรดาแบบเอ่อ
00:10:35 → 00:10:38 ประเทศทั้งหมดนะคะก็ 2022-3 ปีผ่านไปก็
00:10:38 → 00:10:42 คือแนะนำเลยว่าจริงๆแล้วเนี่ยเราสามารถนำ
00:10:42 → 00:10:46 กลุ่มยาฉีดไมเกรนเนี่ยมาใช้เป็นการรักษา
00:10:46 → 00:10:49 หลักหรือว่าทางเรื่องแรกของการรักษาป้อง
00:10:49 → 00:10:53 กันไมเกรนได้เลยนะคะอเมริกาก็เลยไม่ยอม
00:10:53 → 00:10:57 แพ้กันนะคะ 2024 ก็คือปีที่แล้ว American
00:10:57 → 00:10:59 Header Society หรือว่าสมาคมปวดศีรษะ
00:10:59 → 00:11:03 อเมริกาก็โอเคอัปเดตไกด์ไลน์ของตัวเองตาม
00:11:03 → 00:11:06 ขึ้นมาเหมือนกันนะคะจะเห็นว่าของอเมริกา
00:11:06 → 00:11:09 เนี่ยไม่ว่าจะเป็นทั้งกลุ่มที่เป็นอ่าปวด
00:11:09 → 00:11:12 ไมเกรนน้อยๆนะคะยังไม่เยอะมากก็คือปวด
00:11:12 → 00:11:15 ประมาณ 4 ครั้งแต่ยังไม่เกินซัก 15 ครั้ง
00:11:15 → 00:11:18 นะคะหรือรวมไปถึงกลุ่มที่ปวดเรื้อรังก็
00:11:18 → 00:11:22 คือปวดเกิน 15 วันเป็นต้นไปนะคะในอดีต
00:11:22 → 00:11:24 เนี่ยเราก็จะพยายามใช้กลุ่มยาป้องกันแบบ
00:11:25 → 00:11:27 เก่าก่อนยากันชักยาความดันยาคลายเครียดยา
00:11:27 → 00:11:31 ต้านเศร้าต่างๆนะคะทั้งแต่ในปี 2024
00:11:31 → 00:11:33 เนี่ยทั้งกลุ่มที่เป็นปวดอิพิษดีปวดค้าง
00:11:33 → 00:11:35 คราวและปวดเรื้อรังเขาก็อัปเดตมาเลยว่า
00:11:36 → 00:11:39 สามารถนำกลุ่มที่เป็นยายักเ่อยายับยั้ง
00:11:39 → 00:11:41 สาร CGRP หรือว่ายาฉีดไมนเกรนเนี่ยหรือ
00:11:41 → 00:11:44 ว่าอาจจะเป็นยากินยารับประทานก็ได้ที่ออก
00:11:44 → 00:11:46 ฤทธิ์กับ CGRP เหมือนกันเนี่ยก็คือมาใช้
00:11:46 → 00:11:49 เป็น First Line เหมือนกันเลยนะคะว่าไม่
00:11:49 → 00:11:52 ต้องรอและไม่ต้องรอให้แบบยากินไม่ได้ผล
00:11:52 → 00:11:55 เราก็เอาตัวนี้มารักษาได้เลยเหมือนกันนะ
00:11:55 → 00:11:58 คะจะเห็นว่าเทรนด์ในปีตั้งแต่ 2022 จนไป
00:11:58 → 00:12:03 ถึงปีนี้นะคะไม่ว่าจะเป็นทางทั้งอเมริกา
00:12:03 → 00:12:06 หรือว่า International Headache เนี่ยก็
00:12:06 → 00:12:09 อัปเดตไปในทางเดียวกันว่าเราเนี่ยน่าจะนำ
00:12:09 → 00:12:12 ยาฉีดรักษาไมเกรนมาเป็นทางเลือกแรกๆให้
00:12:12 → 00:12:15 กับคนไข้นะคะทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเดี๋ยว
00:12:15 → 00:12:18 หมอจะเล่าให้ฟังนะคะหมอว่าก่อนอื่นที่เรา
00:12:18 → 00:12:21 จะไปสู่ว่าทำไมเราต้องใช้ยาฉีไมเกรนเรา
00:12:21 → 00:12:24 อาจจะต้องมาดูประวัติศาสตร์ของโรคไมเกรน
00:12:24 → 00:12:27 แล้วก็การรักษาไมเกรนกันมาก่อนนะคะจริงๆ
00:12:28 → 00:12:32 ไมเกรนเป็นโรคที่มีมานานจริงอ่ามีบรรยาย
00:12:32 → 00:12:35 มาตั้งแต่สมัยแบบอียิปต์โบราณอะไรอย่าง
00:12:35 → 00:12:38 เงี้ยค่ะว่าคนเรามีมีแบบปวดหัวเยอะปวดจน
00:12:38 → 00:12:41 แบบไม่รู้จะทำยังไงต้องแบบดูดเลือดออกมา
00:12:41 → 00:12:44 อะไรอย่างเงี้ยบอกว่าคือสมัยนั้นเนี่ยก็
00:12:44 → 00:12:48 น่าจะเป็นตั้งแต่แบบไมเกรนละนะคะหรืออย่า
00:12:48 → 00:12:52 อย่างคนดังๆสมัยก่อนอย่างเช่นอ่าแวนโก๊ะ
00:12:52 → 00:12:54 เองอย่างเงี้ยค่ะที่เขาวาดภาพนะคะออกมา
00:12:54 → 00:12:56 เนี่ยก็มีเหมือนบันทึกประวัติศาสตร์ไว้
00:12:56 → 00:13:00 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยตัวแบนโก๊ะเองก็น่าจะ
00:13:00 → 00:13:02 เป็นไมเกรนเหมือนกันเพราะว่าเขามีบรรยาย
00:13:02 → 00:13:05 ไว้ว่าเขา้าอ่ะปวดหัวหนักที่สุดแล้วเขา
00:13:05 → 00:13:08 เห็นแสงจ้านะคะถึงทำให้เขาวาดภาพนั้นออก
00:13:08 → 00:13:10 มาได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วเขาก็มีเรื่อง
00:13:10 → 00:13:12 ของปวดหัวที่เขาทนไม่ไหวเขารู้สึกอารมณ์
00:13:12 → 00:13:15 ที่เขาผิดปกตินะคะหลายๆคนในยุคปัจจุบันก็
00:13:15 → 00:13:17 เชื่อว่าเออตัวแวนกเองก็น่าจะมีไมเกรนมา
00:13:17 → 00:13:19 เหมือนกันเพราะฉะนั้นไมเกรนมันเป็นโรคที่
00:13:19 → 00:13:22 มีมานานมากๆล่ะค่ะไม่ใช่เพิ่งมีนะคะทีนี้
00:13:22 → 00:13:25 เนี่ยทางนักวิทยาศาสตร์เองเค้าก็เลย
00:13:25 → 00:13:29 เหมือนพยายามหาว่าทำไมคนเราเนี่ยถึงเป็น
00:13:29 → 00:13:35 ไมเกรนนะคะก็มีการศึกษาต่างๆมากมายเลยก็
00:13:35 → 00:13:39 พบว่าไมเกรนเนี่ยมันเหมือนเป็นโรคที่เอ่อ
00:13:39 → 00:13:42 คนเรามีระบบประสาทแล้วก็ระบบหลอดเลือดนะ
00:13:42 → 00:13:45 คะหรือว่าตัวไตใจมโนovasสาร system เนี่ย
00:13:45 → 00:13:48 ที่มันไวกว่าคนปกตินะคะทำให้เราเนี่ยเวลา
00:13:48 → 00:13:53 แบบเจอตัวกระตุ้นใดๆแสงกลิ่นเสียงฮอร์โมน
00:13:53 → 00:13:56 หรือว่าอาหารบางอย่างเนี่ยเข้ามาก็ถ้า
00:13:56 → 00:13:59 เป็นคนปกติก็ไม่เป็นไรแต่ว่าพอเป็นคนเป็น
00:13:59 → 00:14:02 ไมเกรนปุ๊บปรากฏว่ามันเกิดการกระตุ้นของ
00:14:02 → 00:14:04 ระบบประสาทแล้วก็สมองให้ส่งสัญญาณที่มัน
00:14:04 → 00:14:08 ผิดปกตินะคะเอ่อแรกๆก็เชื่อว่าเป็นเรื่อง
00:14:08 → 00:14:11 ของการอักเสบอย่างเดียวตอนหลังก็เชื่อว่า
00:14:11 → 00:14:14 เจอแล้วว่าน่าจะเป็นเรื่องของหลอดเลือด
00:14:14 → 00:14:17 ที่ขยายตัวมากยิ่งขึ้นแล้วก็จนตอนหลัง
00:14:17 → 00:14:19 เนี่ยก็ก็ไปเจอเรื่องของตัวสาร CGRP นี่
00:14:20 → 00:14:22 แหละค่ะเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็มาดูนะ
00:14:22 → 00:14:25 คะประวัติศาสตร์กันว่ายาในไมเกรนเมื่อ
00:14:25 → 00:14:28 ก่อนเนี่ยทำอะไรนะคะจะเห็นว่าเราเชื่อ
00:14:28 → 00:14:31 แล้วว่ามันเป็นเรื่องของระบบประสาทที่ไว
00:14:31 → 00:14:34 การอักเสบแล้วก็หลอดเลือดนะคะเพราะฉะนั้น
00:14:34 → 00:14:37 ยาป้องกันแบบเก่านะคะก็จะอยู่ในยากลุ่มยา
00:14:37 → 00:14:41 ที่มันไปออกฤทธิ์กับสารสื่อประสาทที่ลด
00:14:41 → 00:14:45 ความไวของสมองลงเช่นสารกลูตาเมนะคะหรือไป
00:14:45 → 00:14:48 เพิ่มสารที่ทำให้สมองเราไม่ไหวนะคะอย่าง
00:14:48 → 00:14:52 เช่นสารกาบ้านะคะยาใดๆเหล่านั้นก็ได้แก่
00:14:52 → 00:14:55 กลุ่มพวกยาคลายเครียดนะคะกลุ่ม
00:14:55 → 00:14:59 อมิทิปทิลีนกลุ่มยาความดันแล้วก็รวมไปถึง
00:14:59 → 00:15:03 เอ่อใหม่สุดของตัวยาป้องกันแบบเก่าก็จะ
00:15:03 → 00:15:05 เป็นเรื่องของกลุ่มยากันชักนี่แหละค่ะ
00:15:05 → 00:15:10 เนาะแล้วก็ภายหลังต่อมาอ่ะซักประมาณ 30
00:15:10 → 00:15:12 ปีแล้วแหละจริงๆเค้าก็เจอสาร CGRP แล้ว
00:15:12 → 00:15:16 แหละเค้าก็เลยรู้ว่าตอนหลังเนี่ยน่าจะ
00:15:16 → 00:15:18 เป็นจากตัว CGRP เนี่ยแหละที่เป็นตัวหลัก
00:15:18 → 00:15:21 เป็นตัวการหลักที่ทำให้หลอดเลือดของเรา
00:15:21 → 00:15:25 ขยายตัวนะคะงั้นเรามาดูไทมไลนกันว่าใน
00:15:25 → 00:15:29 อดีตเรามียาอะไรให้ใช้แล้วมาสู่ถึงยุคของ
00:15:29 → 00:15:33 ยายับยั้งสาร CGP ได้ยังไงนะคะซ้ายมือ
00:15:33 → 00:15:37 เป็นไทม์ไลน์ของการใช้ยาแก้ป่วยจะเห็นว่า
00:15:37 → 00:15:40 เออเนี่ยเออตามีนที่เราใช้กันแบบโอ้โห
00:15:40 → 00:15:43 อย่างแพร่หลายมากมายเนี่ยเพราะว่าเา้าใช้
00:15:43 → 00:15:46 กันมาเกือบ 100 ปีแล้วค่ะตั้งแต่ประมาณปี
00:15:46 → 00:15:49 1928 นะมันเป็นยาที่แบบโหยุคนั้นเนี่ย
00:15:49 → 00:15:52 คือแบบพอเราเจอแล้วว่าหลอดเลือดขยายตัว
00:15:52 → 00:15:54 แล้วหายาที่มันมาทำให้หลอดเลือดของเรา
00:15:54 → 00:15:56 เนี่ยหดตัวได้แล้วหายปวดได้ก็เป็นอะไรที่
00:15:56 → 00:16:00 แบบเปลี่ยนยุคไมเกรนไปยุคนั้นแล้วจริงๆนะ
00:16:00 → 00:16:03 คะต่อมาก็เริ่มมีการนำกลุ่มพวกเอ่อแก้ปวด
00:16:03 → 00:16:06 เอ็นเซตที่ไม่ใช่สเตียรอยด์เนี่ยมาใช้
00:16:06 → 00:16:08 เพราะว่าก็เชื่อว่าขบวนการปวดไมเกรนมันก็
00:16:08 → 00:16:11 เกี่ยวข้องกับการอักเสบด้วยนะคะแล้วก็มา
00:16:11 → 00:16:14 สู่ยุคทริปแทนทริปแทนนี่ก็มาเปลี่ยนการ
00:16:14 → 00:16:16 รักษาแก้ปวดไมเกรนเป็นอีกรอบนึงตั้งแต่
00:16:16 → 00:16:21 สมัยประมาณปี 1990 91 นะคะก็ 30 ปีและนะ
00:16:21 → 00:16:23 คะงั้นเนี่ยในกลุ่มพวกนี้ทั้งหมดคนจะคุ้น
00:16:23 → 00:16:27 เคยนะใครเป็นไมเกรนมา 20-30 ปีจะคุ้นเคย
00:16:27 → 00:16:30 กลุ่มยากลุ่มแก้ปวดนี้ทั้งหมดเลยนะคะจน
00:16:30 → 00:16:32 กระทั่งในปี 2019 ก็คือประมาณ 5-6 ปีแล้ว
00:16:32 → 00:16:36 ก็มีการพัฒนาGพนเข้ามาเป็นตัวแรกของกลุ่ม
00:16:36 → 00:16:41 ยาที่เป็นยาแก้ปวดไมเกรตนะคะแล้วก็คิดว่า
00:16:41 → 00:16:44 ในอนาคตข้างหน้าก็จะมีพัฒนาเรื่อยๆอีกต่อ
00:16:44 → 00:16:48 ไปนะคะมาในส่วนของฝั่งลูกศรด้านขวากัน
00:16:48 → 00:16:51 บ้างนะคะอันนี้นะคะจะเป็นเรื่องของตัวยา
00:16:51 → 00:16:55 ป้องกันไมเกรนนะซึ่งเราจะเน้นกันในวันนี้
00:16:55 → 00:17:00 นะคะจะเห็นว่าโพanนะยาที่เรารู้จักกันใน
00:17:00 → 00:17:03 รูปแบบยาความดันใช้มา 100 กว่าปีแล้วนะคะ
00:17:03 → 00:17:08 ใช้เอ้ยไม่ถึงประมาณ 70 50 ปี 50 ปีนะคะ
00:17:08 → 00:17:10 คือมันก็เป็นการเจอโดยการแบบบังเอิญนั่น
00:17:10 → 00:17:13 แหละว่าคนไข้นะคะแบบมีความดันมีอะไรแล้ว
00:17:13 → 00:17:16 ก็เอ่อเป็นไมเกรนแล้วก็พอกินยาแล้วก็ปวด
00:17:16 → 00:17:19 หัวน้อยลงนะคะแล้วก็พอต่อมาก็มีการนำ
00:17:19 → 00:17:21 กลุ่มพวกอมิทริปทรีนนะคะยาที่เป็นกลุ่มยา
00:17:21 → 00:17:25 คลายเครียดมาใช้ 1981 เป็นฟูนารีซีนนะคะ
00:17:25 → 00:17:28 หรือยาเทาแดงนั่นเองที่หลายๆคนก็รู้จัก
00:17:28 → 00:17:31 และน่าจะต้องเคยกินกันมาก่อนอยู่ละนะคะ 3
00:17:31 → 00:17:33 ตัวเนี้ยเพพานอลมีทิทิรีนและฟูนารีซีนบอก
00:17:33 → 00:17:36 ว่าก่อนมาเจอหมอคนไข้ทุกคนแทบจะเคยได้ทาน
00:17:36 → 00:17:39 กันมาหมดแล้วเพราะว่ามันเป็นยาที่เป็นการ
00:17:39 → 00:17:42 ใช้กันมาอย่างแพร่หลายนะคะมาสู่จุด
00:17:42 → 00:17:45 เปลี่ยนของตัวป้องกันไมเกรนในปีประมาณ
00:17:45 → 00:17:49 2004 เนี่ยมียากันซักเข้ามาหลักๆเลยคือ
00:17:49 → 00:17:52 นะคะตอนนั้นเนี่ยเอ่อย้อนไปสักประมาณ 20
00:17:52 → 00:17:57 ปีที่แล้วเนี่ยหมอว่าตอนนั้นที่เอ่อเอ่อ
00:17:57 → 00:18:00 ยาตัวนี้เข้ามาใหม่ๆก็คือค่อนข้าง
00:18:00 → 00:18:03 แบบเปลี่ยนการรักษาไมเกรนไประดับนึงเลย
00:18:03 → 00:18:06 ว่าคอนเซปตการมันการรักษาไมเกรนเนี่ยมัน
00:18:06 → 00:18:09 ไม่ใช่แค่รอคนไข้ปวดหัวแล้วให้กินแก้ปวด
00:18:09 → 00:18:12 ล่ะแต่มันคือการป้องกันแล้วตัวโทพิราเมด
00:18:12 → 00:18:15 เองเนี่ยถือว่าเป็นตัวป้องกันในแบบยากิน
00:18:15 → 00:18:19 แบบเก่าที่ค่อนข้างได้ผลดีมากๆนะคะก่อนจะ
00:18:19 → 00:18:23 มานำมาสู่ปี 2010 ที่เขาเอาพวกโาบทิมาใช้
00:18:23 → 00:18:27 แล้วก็มาสู่ 2017-29 ที่เอากลุ่มยาที่มัน
00:18:27 → 00:18:31 เป็นยายับยั้งสาร CGRP มาใช้นะคะแล้วก็
00:18:31 → 00:18:34 ยังมี oning ต่อไปก็คือปัจจุบันก็ยังมี
00:18:34 → 00:18:36 การศึกษาสารตัวอื่นๆอีกที่เชื่อว่าน่าจะ
00:18:36 → 00:18:38 เกี่ยวข้องกับไมเกรนของเรานี่แหละนะคะ
00:18:38 → 00:18:41 ซึ่งเร็วๆนี้คิดว่าตัวพcapเนี่ยใกล้ออกมา
00:18:42 → 00:18:44 และแล้วก็มีการศึกษาเกี่ยวกับพวก VIP
00:18:44 → 00:18:45 หรือว่าpoโพทสียum channel ต่างๆที่ยัง
00:18:45 → 00:18:49 อยู่ในระหว่างงานวิจัยอีกมากมายนะคะจะ
00:18:49 → 00:18:52 เห็นได้ว่าโรคไมเกรนเา้าไม่ได้หยุดแค่
00:18:52 → 00:18:55 เนี้ยเค้าไม่เค้าเยังพัฒนาต่อเรื่อยๆ
00:18:55 → 00:18:58 เพราะว่าคือคนทั้งโลกเป็นกันเยอะมากนะคะ
00:18:58 → 00:18:59 ถ้าเาค้าเก็บ presence หรือว่าเก็บคนเป็น
00:18:59 → 00:19:02 ไมเกรนเขาเชื่อว่าทั้งโลกเนี่ยทางโลกของ
00:19:02 → 00:19:05 เราเนี่ยเป็นไมเกรนกันประมาณพันล้านคนเลย
00:19:05 → 00:19:07 ทีเดียวนะคะเพราะฉะนั้นแล้วมันเป็นโรคที่
00:19:07 → 00:19:10 แบบว่าถ้าเกิดสมมุติว่าเราคุมไม่ดีหรือ
00:19:10 → 00:19:12 ว่าเราปวดบ่อยแล้วเนี่ยมันจะทำให้คุณภาพ
00:19:12 → 00:19:16 ชีวิตของคนแค่แย่และเป็นวัยทำงานงั้นต่าง
00:19:16 → 00:19:18 ประเทศนี่เขาคเซิร์นมากนะคะว่าเขาจะเสีย
00:19:18 → 00:19:21 บุคลากรในช่วงวัยทำงานที่ทำงานได้มีไม่มี
00:19:21 → 00:19:23 ประสิทธิภาพไปนะคะเพราะฉะนั้นโรคไเกณฑก็
00:19:23 → 00:19:26 ยังเชื่อว่าน่าจะมีการพัฒนายาใหม่ๆออกมา
00:19:26 → 00:19:28 อีกเรื่อยๆนะคะแต่ว่ายุคนี้ก็ต้องพูดว่า
00:19:28 → 00:19:32 เป็นยุคของ CGRP ไปก่อนละกันเนาะก็เหมือน
00:19:32 → 00:19:34 พัฒนามือถือเนาะมาตั้งแต่ยุคอะไรนะ
00:19:34 → 00:19:39 โทรศัพท์บ้านโทรเล่โทรศัพท์บ้านเพจแล้วก็
00:19:39 → 00:19:42 ใครทันแสดงว่าอายุเยอะแล้วนะคะแล้วก็มา
00:19:42 → 00:19:47 สู่สมาร์ทโฟนอะไรต่อไปนะคะอ่าถ้าเราจะรวบ
00:19:47 → 00:19:51 รวมงานวิจัยเกี่ยวกับ CGRP เนี่ยโอ้โหถ้า
00:19:51 → 00:19:53 เกิดเสิร์ช CGRP กับไมเกรนเนี่ยหมอว่ามัน
00:19:53 → 00:19:56 เยอะมากเลยก็เริ่มมาบูมๆก็ตั้งแต่ประมาณ
00:19:56 → 00:19:57 สัก
00:19:57 → 00:20:00 2018-29 นี่แหละค่ะตอนที่จะมียาตัวแรก
00:20:00 → 00:20:04 monโนคalแอนตี้บอดี้ตัวแรกออกมานะคะก็แปะ
00:20:04 → 00:20:07 อันนี้เรามาแปะให้ฟังกันเพราะฉะนั้นเรามา
00:20:07 → 00:20:11 รู้คอนเซปตของ CGRP ก่อนละกันนะคะหมอจะ
00:20:11 → 00:20:14 สรุปสั้นๆใครอยากรู้ยาวๆเนี่ยเคยพูดไว้ใน
00:20:14 → 00:20:17 คลิปที่มันเป็นเรื่องของตัวกลไกการเกิด
00:20:17 → 00:20:19 โรคแบบยาวๆะนะคะวันนี้เราออกแบบสั้นๆก่อน
00:20:19 → 00:20:23 ว่า CGRP คืออะไร CGRP นะคะเป็นสารตึง
00:20:23 → 00:20:26 เป็นโปรโปรตีนนะคะที่อยู่ในร่างกายของเรา
00:20:26 → 00:20:29 นะคะเราเชื่อว่าในสภาวะปกติอ่ะโปรตีนนี้
00:20:29 → 00:20:31 ก็ต้องเอ่อสารนี้ก็อยู่ในระดับปกตินะคะ
00:20:32 → 00:20:34 แต่สำหรับคนเป็นไมเกรนเนี่ยเค้าไปเจอแล้ว
00:20:34 → 00:20:37 ว่าตอนที่คนไข้ไมเกรนแทackขึ้นมาพอเจาะ
00:20:37 → 00:20:41 CGRP Level ในคนไข้อ่ะมันสูงกว่าปกตินะ
00:20:41 → 00:20:45 คะซึ่งเจ้า CGRP เนี่ยมันจะทำให้นะคะ
00:20:45 → 00:20:48 เอฟเฟคก็คือว่าทำให้หลอดเลือดขยายตัวทำ
00:20:48 → 00:20:51 ให้เกิดสมองเกิดการอักเสบแล้วก็ทำให้เกิด
00:20:51 → 00:20:55 เอ่อการกระตุ้นเพนพารเวย์หรือว่าเอ่อเ่อ
00:20:55 → 00:20:59 กลไกความปวดในร่างกายต่อไปนะคะซึ่งเอ่อ
00:20:59 → 00:21:02 ไม่เพียงเท่านั้นนะคะพบว่าคนไข้ที่เวลา
00:21:02 → 00:21:05 ไมเกรนเนี่ยกำเริบเนี่ย CGRP สูงขึ้นใช่
00:21:05 → 00:21:08 มั้ยคะแล้วจริงๆพอเวลาจะหายกำเริบ CGRP
00:21:08 → 00:21:11 ก็ควรจะกลับไปสู่สภาวะปกติแต่ปรากฏว่าคน
00:21:11 → 00:21:14 ไข้ไมเกรนที่ถ้าเกิดปวดบ่อยๆเป็นบ่อยๆอ่ะ
00:21:14 → 00:21:17 ค่ะ CGRP มันไม่กลับไปสู่สภาวะปกติอีกเลย
00:21:17 → 00:21:19 มันเหมือนมันขึ้นแล้วมันค้างไว้แล้วก็
00:21:20 → 00:21:23 พร้อมที่จะขึ้นต่อไปในการเจอตัวกระตุ้น
00:21:23 → 00:21:25 รอบหน้านะคะเพราะฉะนั้นจะเห็นว่าคนไข้ที่
00:21:25 → 00:21:28 เป็นมานานๆนะคะตัว CGP นี้เองแหละมันจะ
00:21:28 → 00:21:31 สูงกว่าปกติเนาะแล้วก็ทำให้คนไข้อ่ะนอก
00:21:31 → 00:21:33 จากจะมีแค่อาการปวดหัวแล้วยังมีอาการ
00:21:33 → 00:21:36 sensitive หรือความไวของระบบประสาทอื่นๆ
00:21:36 → 00:21:39 อีกมากมายไม่ว่าจะไวกลิ่นวัยแสงวัยเสียง
00:21:39 → 00:21:41 นะคะบางคนไม่ปวดหัวแต่รู้สึกว่าสู้แสงจ้า
00:21:41 → 00:21:44 ไม่ได้ละหรือว่าเดินผ่านแบบซุ้มน้ำหอม
00:21:44 → 00:21:46 หรือว่ากินฉุนๆไม่ได้อีกต่อไปแล้วทั้งๆ
00:21:46 → 00:21:49 ที่ไมเกรนยังไม่ได้กำเริบเลยนะคะเพราะว่า
00:21:49 → 00:21:51 อันเนี้แหละก็คือเรื่องของตัว CRP ที่มัน
00:21:51 → 00:21:54 แบบ Sensitive มากยิ่งขึ้นนะคะอันนี้ก็
00:21:54 → 00:21:57 เป็นรูปที่โชว์ให้เห็นว่าแบบเออพอเวลามัน
00:21:57 → 00:22:01 มีตัวกระตุ้นอะไรเข้ามาเนี่ยเอ่อในไมเกรน
00:22:01 → 00:22:03 น่ะเราไม่ได้คิดไปเองนะมันเกิดการกระตุ้น
00:22:03 → 00:22:05 ระบบประสาทส่งสัญญาณต่างๆแล้วก็หลั่งสาร
00:22:05 → 00:22:08 อะไรออกมามากมายเลยอ่ะจนคนไข้เกิดมาเป็น
00:22:08 → 00:22:10 ความปวดอ่ะฉะนั้นอยากให้มองเห็นเบื้อง
00:22:10 → 00:22:13 หลังของความปวดนั้นว่ามันไม่ใช่แค่ปวดหัว
00:22:13 → 00:22:17 ค่ะมันมีการกระตุ้นสมองอย่างมากมายมีการ
00:22:17 → 00:22:20 อักเสบอย่างมากมายนะคะอันนี้เค้าโชว์ให้
00:22:20 → 00:22:24 เห็นว่าเห็นมั้ยคะว่า CGRP เนี่ยจริงๆพอ
00:22:24 → 00:22:26 ในระยะเอ่อที่ปวดหัวมันก็เยอะขึ้นกว่า
00:22:26 → 00:22:30 ปกติแล้วนะแต่ถ้าปวดขึ้นเรื่อยๆปวดแล้ว
00:22:30 → 00:22:34 ไม่หายปวดบ่อยๆตัว Ctrp ยิ่งสูงขึ้นไปอีก
00:22:34 → 00:22:37 และนอกจากจะสูงขึ้นแล้วยังเพิ่มความไว
00:22:37 → 00:22:39 sensitivity มากยิ่งขึ้นด้วยก็คือถูก
00:22:39 → 00:22:42 กระตุ้นได้ง่ายขึ้นนะคะคนเป็นมาเกนนานมา
00:22:42 → 00:22:45 นานๆจะรู้เลยจะบอกเสมอว่าคือตัวกระตุ้น
00:22:45 → 00:22:49 มันมันเหมือนมันน้อยลงนี่แบบเลเวลของการ
00:22:49 → 00:22:51 ถูกกระตุ้นมันมันถูกกระตุ้นง่ายขึ้น
00:22:51 → 00:22:53 เรื่อยๆอ่ะค่ะเช่นเมื่อก่อนต้องเจอแดด
00:22:53 → 00:22:55 ร้อนประมาณนี้เดี๋ยวนี้คือแค่ออกแดดจ้าน
00:22:55 → 00:22:57 นิดเดียวมาและอะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือว่า
00:22:58 → 00:23:00 เอ่อเมื่อก่อนจะเป็นสมมุติว่าแพ้อาหารบาง
00:23:00 → 00:23:04 อย่างเช่นแพ้แบบเอ่อแอลกอฮอล์หลังๆคือแค่
00:23:04 → 00:23:07 ได้กลิ่นยังไม่ต้องกินเข้าไปก็ปวดหัวได้
00:23:07 → 00:23:09 แล้วเหมือนกันนะคะเพราะว่า sensitivity
00:23:09 → 00:23:10 หรือความไว้ตรงเนี้ยมันเพิ่มมากขึ้น
00:23:10 → 00:23:14 เรื่อยๆนะคะงั้นก็คอนเซปตของการเป็น
00:23:14 → 00:23:18 ไมเกรนก็คือว่ายิ่งเป็นบ่อยคนไข้นะคะก็จะ
00:23:18 → 00:23:21 ยิ่งเป็นได้ง่ายขึ้นนะคะอันเนี้ยจะเห็น
00:23:21 → 00:23:24 ว่าแบบเออคนเป็นน้อยๆนานๆทีเป็นทีเค้าก็
00:23:24 → 00:23:27 จะเป็นแล้วก็หายไปเลยก็มีช่วงสุขสบายดี
00:23:27 → 00:23:30 ให้เค้าใช้ชีวิตได้ปกตินะคะแต่ถ้าคนที่
00:23:30 → 00:23:33 เริ่มเป็นบ่อยเป็นถี่นะคะมาแบบมาเรื่อยๆ
00:23:33 → 00:23:35 นะคะเช่นอย่างเงี้ยเดือนนึงสักแบบ 4 รอบ
00:23:35 → 00:23:39 เนี่ยคนไข้จะมีเฟสของการแบบถูกกระตุ้นปวด
00:23:39 → 00:23:42 ปวดหัวและจะหายปวดหัว-4วันเอามาใหม่อีก
00:23:42 → 00:23:46 แล้วนะคะแต่ก็ยังมีช่วงเว้นความปกติให้
00:23:46 → 00:23:48 เห็นบ้างแต่จะเห็นมั้คะว่าถ้าเกิดสมมุติ
00:23:48 → 00:23:51 ใครที่ปวดบ่อยแบบอื้อหือบ่อยมากๆเลยแบบ
00:23:51 → 00:23:54 แทบจะมาแทบทุกวันคนไข้จะแทบเหมือนไม่มี
00:23:54 → 00:23:58 ภาวะปกติของสมองอีกเลยนะคะคนไข้จะอยู่ใน
00:23:58 → 00:24:00 ความรู้สึกที่ว่ารู้สึกว่าหัวมันเบลอๆล้า
00:24:00 → 00:24:04 ๆหรือมันมึนๆตลอดเวลาหรือบางคนก็ใช้คำว่า
00:24:04 → 00:24:07 แบบเอ่อสมองล้าค่ะรู้สึกว่าแบบคิดงานไม่
00:24:07 → 00:24:10 ออกเอ่อสมาสมาธิไม่ดีนะคะหรืออารมณ์เนี่ย
00:24:10 → 00:24:13 แหละที่มันดูแปรปรวนมากขึ้นวิตกกังวลหรือ
00:24:13 → 00:24:15 ว่าซึมเศร้าง่ายยิ่งขึ้นนะคะรวมไปถึงรู้
00:24:16 → 00:24:19 สึกว่าแบบมันเริ่มมีความแบบซับซ้อนมีความ
00:24:19 → 00:24:21 กลัวการจะปวดหัวหรืออะไรพวกเนี้ยเพิ่มมาก
00:24:21 → 00:24:23 ยิ่งขึ้นด้วยนะคะเพราะฉะนั้นกลุ่มที่เป็น
00:24:23 → 00:24:26 ปวดบ่อยมากๆนะคะคนไข้ถึงมักจะมีโรคร่วม
00:24:26 → 00:24:29 อื่นๆไม่ว่าจะเป็นวิตกกังวลซึมเศร้ากล้าม
00:24:29 → 00:24:33 เนื้อตึงนะคะรวมไปถึงเอ่อภาวะเอ่ออื่นๆ
00:24:33 → 00:24:36 ที่ตามมาเช่นการนอนหลับที่ผิดปกติอะไรแบบ
00:24:36 → 00:24:39 นี้ได้นะคะฉะนั้นนั้นเราก็
00:24:39 → 00:24:42 เลยการรักษาไมเกรนเราก็เลยต้องการการ
00:24:42 → 00:24:47 รักษาคือเอ่อป้องกันไม่ให้ปวดนะคะทำยังไง
00:24:47 → 00:24:51 ให้คนไข้ของเราเนี่ยใช้เอ่อยาแก้ปวดน้อย
00:24:51 → 00:24:54 ที่สุดปวดหัวน้อยที่สุดนะคะถ้าจะเห็นว่า
00:24:54 → 00:24:56 ถ้าเกิดสมมุติคนไข้ปวดหัว 2-3 ครั้งต่อ
00:24:56 → 00:24:58 เดือนแล้วเากินยาแค่ 2-3 เม็ดอันนี้ก็ไม่
00:24:58 → 00:25:02 เป็นไรแต่นึกภาพว่าถ้าเกิดคนไข้อ่ะปวดหัว
00:25:02 → 00:25:05 10 กว่าวันแล้วกินยาทุกครั้งที่ปวดคนไข้
00:25:05 → 00:25:07 จะมีภาวะการใช้ยาแก้ปวดเกินขนาดแล้วก็สุด
00:25:07 → 00:25:11 ท้ายเนี่ยมันจะเกิดวงจรซ้ำๆอ่ะค่ะยิ่งกิน
00:25:11 → 00:25:13 ยิ่งปวดแต่ไม่กินก็ไม่หายแล้วก็ยิ่งกิน
00:25:13 → 00:25:15 เข้าไปก็ยิ่งกระตุ้นความปวดมากยิ่งขึ้นนะ
00:25:15 → 00:25:19 คะเพราะฉะนั้นการรักษาเราเลยเน้นที่การ
00:25:19 → 00:25:23 ป้องกันทำให้ยังไงให้คนไข้ไม่ปวดหัวนะ
00:25:23 → 00:25:27 คะซึ่งเอ่อปัจจัยที่จะทำให้คนๆนึงเนี่ย
00:25:27 → 00:25:31 เค้าเค้าปวดหัวบ่อยยิ่งขึ้นคืออะไรก็คือ
00:25:31 → 00:25:34 เอ่อระยะเวลาที่เป็นไมเกรนมานะคะยิ่งเป็น
00:25:34 → 00:25:37 มานานหลายๆปีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่
00:25:37 → 00:25:40 มันจะปวดมากยิ่งขึ้นนะคะการปริมาณการใช้
00:25:40 → 00:25:42 ยาแก้ปวดนะคะซึ่งอันนี้มันก็จะล้อตามไป
00:25:42 → 00:25:46 กับคนไข้ปวดหัวบ่อยนั่นแหละนะคะแล้วก็รวม
00:25:46 → 00:25:48 ไปถึงภาวะโรคร่วมอื่นๆไม่ว่าจะเป็นวิตก
00:25:48 → 00:25:51 กังวลซึมเศร้าความเครียดเรื่องงานหรือ
00:25:51 → 00:25:53 อะไรต่างๆรวมไปถึงเอ่อจริงๆอีกอันนึงที่
00:25:53 → 00:25:56 คนไม่ค่อยรู้คือภาวะ obesity หรือว่าน้ำ
00:25:56 → 00:25:59 หนักตัวเกินนะคะจะเห็นว่าหลายๆคนเนี่ย
00:25:59 → 00:26:02 เอ่อพอมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปเนี่ยมัน
00:26:02 → 00:26:04 เป็นลิงก์กับโรคที่เกี่ยวกับโรคเรื้อรัง
00:26:04 → 00:26:06 ต่างๆมากมายเลยนะคะไม่ใช่แค่ไมเกรนด้วย
00:26:07 → 00:26:09 โรคภาวะวิตกกังวลซึมเศร้าก็มากยิ่งขึ้น
00:26:09 → 00:26:12 ด้วยรวมไปถึงโรคพวกเมบลิต่างๆเช่นโรคหัว
00:26:12 → 00:26:16 ใจหรือว่าโรคไขมันในเลือดสูงนะคะเห็นเอ่อ
00:26:16 → 00:26:17 ภาวะน้ำหนักตัวเกินนี้ถือว่าเป็นอะไรที่
00:26:18 → 00:26:20 แบบกระตุ้นการอักเสบในร่างกายได้หลายๆ
00:26:20 → 00:26:22 อย่างเลยเนาะไว้เดี๋ยวมีโอกาสหมอจะมาเล่า
00:26:22 → 00:26:25 เรื่องนี้กับไมเกรนให้ฟังกันอีกทีนึงนะคะ
00:26:25 → 00:26:27 ทีนี้จะเห็นว่าปัจจัยในการที่จะทำให้คน
00:26:27 → 00:26:29 นึงเป็นไมเกรนเรื้อรังเนี่ยมันเยอะมากใช่
00:26:29 → 00:26:31 มั้ยคะงั้นเราก็ต้องพยายามคุมปัจจัย
00:26:31 → 00:26:34 เสี่ยงทั้งหมดแล้วสิ่งสำคัญก็คือเราก็จะ
00:26:34 → 00:26:40 ต้องหายาที่มาทำให้คนไข้อ่ะเอ่อปวดน้อย
00:26:40 → 00:26:43 ที่สุดนะที่โชว์อันเนี้ยเพราะว่ามันจะ
00:26:43 → 00:26:46 ลิงก์ไปกับว่ายาแก้ปวดหรือว่ายาป้องกัน
00:26:46 → 00:26:50 แบบเก่ายาแบบเก่าเนี่ยมันไม่ดียังไงเห็น
00:26:50 → 00:26:53 ว่าปัจจัยเสี่ยงนะคะมีเรื่องของเช่นภาวะ
00:26:53 → 00:26:56 น้ำหนักตัวเกินยาป้องกันแบบเก่าไซส์
00:26:56 → 00:26:59 เอฟเฟคนึงเลยที่เจอบ่อยคือน้ำหนักขึ้นนะ
00:26:59 → 00:27:01 คะหลายคนจะรู้เลยพอกินยาพวกคลายเครียดยา
00:27:01 → 00:27:04 ต้านเศร้าน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นนะคะหรือ
00:27:04 → 00:27:07 ตัวเอ่อแคปซูลซูนเทาวแดงหรือฟาลิซีนเอง
00:27:07 → 00:27:11 เนี่ยก็มีเรื่องของน้ำหนักนะคะเอ่อมีภาวะ
00:27:11 → 00:27:16 เรื่องของเอ่อความเครียดหรือเอ่อBrainฟ
00:27:16 → 00:27:18 อย่างเงี้ยไซเอฟเฟคหลักของยากินแบบเก่า
00:27:18 → 00:27:24 คือคนไข้จะง่วงมึนซึมนะคะทำงานได้ไม่ดีนะ
00:27:24 → 00:27:28 คะจะเห็นว่าขานึงเราอยากจะใช้ยาเพื่อให้
00:27:28 → 00:27:31 ไมเกรนไม่มาแต่กลายเป็นว่าเรากลับไปได้
00:27:31 → 00:27:34 อีกขานึงก็คือเรื่องของผลข้างเคียงจากยา
00:27:34 → 00:27:39 แทนนะนั่นเลยนำไปสู่เอ่อการพัฒนายาใหม่ๆ
00:27:39 → 00:27:44 นั่นเองนะคะจะรีวิวให้ฟังก่อนว่ายาแบบ
00:27:44 → 00:27:48 เก่ามันดียังไงและไม่ดียังไงนะคะอันนี้นะ
00:27:48 → 00:27:53 คะเป็นเอ่องานวิจัยของเอ่อนะคะ Head ก็
00:27:53 → 00:27:56 คือทางยุโรปเนี่ยเขารวบรวมรีวิว Meta
00:27:56 → 00:28:00 Analysis นะคะปีเพิ่งเอ่อออกมาตอน 2023
00:28:00 → 00:28:02 คือคือเหมือนเขามารวบรวมรีวิวใหม่อีก
00:28:02 → 00:28:06 ครั้งนึงว่าเอ้ยมาดูกันซิว่าเมื่อก่อนที่
00:28:06 → 00:28:09 เรามียาป้องกันแบบเก่าเนี่ยที่เราใช้กัน
00:28:09 → 00:28:13 มาเนี่ยมันโอเคมยนะคะก็เค้าก็รีวิวยาหลัก
00:28:13 → 00:28:16 ๆที่เราใช้กันเยอะๆนี่แหละพวกอมิทิปทิลีน
00:28:16 → 00:28:20 โพนอลนะคะฟูนิซีนแล้วก็โทพิราเมดนะคะลอง
00:28:20 → 00:28:24 มาดูที่ตัวกลไกยากันนะรูปแรกเนี่ยเป็นตัว
00:28:24 → 00:28:28 ของเอ่อperพoralนะคะรูป 2 บนเนี่ยเป็นของ
00:28:28 → 00:28:30 ทpิamาateรูป 3 เป็นของอมิทิทิลินแล้วก็
00:28:30 → 00:28:33 รูปสุดท้ายเป็นของตัวแคปซูลเทวาแดงนะคะคน
00:28:33 → 00:28:35 ไข้หลายคนน่ะจะชอบถามหมอ
00:28:35 → 00:28:39 ว่าทำไมเป็นไมเกรนถึงให้ยาความดันทำไม
00:28:39 → 00:28:42 เป็นไมเกรนถึงต้องกินยากันชักนะคะอธิบาย
00:28:42 → 00:28:45 ได้จากรูปนี้เลยค่ะก็คือจะเห็นว่าจริงๆ
00:28:45 → 00:28:48 แล้วอ่ะชื่อยาเค้าเช่นอ่ะชื่อยาว่าเป็นยา
00:28:48 → 00:28:51 ความดันนะคะแต่ว่าตัวเค้าเนี่ยมันไม่ได้
00:28:51 → 00:28:53 ลดความยันดันอย่างเดียวนะคะมันไปออกฤทธิ์
00:28:53 → 00:28:57 ตรงปลายประสาทด้วยนะคะซึ่งสุดท้ายมันก็ไป
00:28:57 → 00:29:00 ส่งผลที่ทำให้ไอ้ตัวระบบประสาทไอ้หลอด
00:29:00 → 00:29:03 เลือดของเราที่มันไวๆเนี่ยน้อยลงนะคะหรือ
00:29:03 → 00:29:06 อย่างไอ้ในตัวเอิ่มเจ้าตัวโทพิราเมดเอง
00:29:06 → 00:29:08 หรือตัวยากันซักเองนะคะรูปที่ 2 จะเห็น
00:29:08 → 00:29:11 ว่าเขาไปแอคชั่นหลายอย่างมากๆเขาออกฤทธิ์
00:29:11 → 00:29:14 หลายตำแหน่งมากๆไปลดทั้งสารที่มันกเ่อ
00:29:14 → 00:29:17 กระตุ้นสมองเช่นพวกกลูตาเมตนะคะไปเพิ่ม
00:29:17 → 00:29:19 ทั้งกาบ้าที่เป็นสารที่ทำให้สมองของเรา
00:29:19 → 00:29:23 เนี่ยถูกกระตุ้นน้อยลงนะคะแล้วก็สุดท้าย
00:29:23 → 00:29:25 ท้ายที่สุดคือเขา้าก็เลยจะไปทำให้ไอ้ตัว
00:29:25 → 00:29:29 CTRP เนี่ยมันน้อยลงแล้วก็ทำให้เราระบบ
00:29:29 → 00:29:32 ประสาทของเราเนี่ยไวต่อความปวดน้อยลงนะคะ
00:29:32 → 00:29:36 จะเห็นว่าโดยตัวกลไกของยาสุดท้ายทั้งหมด
00:29:36 → 00:29:39 ทั้งปวงก็คือไปออกฤทธิ์ที่ตัวปลายประสาท
00:29:39 → 00:29:41 เนี่ยแหละค่ะที่ทำให้เกิดการอักเสบน้อยลง
00:29:41 → 00:29:45 กว่าเกิดการกระตุ้นความปวดน้อยลงนะคะแต่
00:29:45 → 00:29:47 จะเห็นว่ายากลุ่มเก่าเค้าไม่ได้ออกฤทธิ์
00:29:47 → 00:29:50 แบบจำเพาะนะคะเค้าไปออกฤทธิ์กับหลายๆ
00:29:50 → 00:29:53 ตำแหน่งกับหลายๆสารสืบประสาทนะคะหลักๆก็
00:29:53 → 00:29:57 จะเป็นพวกเนี่ยเซโรโทนินกาบ้ากุทเมต่างๆ
00:29:57 → 00:30:00 นะคะแต่ไม่ได้มีตัวไหนที่จะไปออกฤทธิ์แบบ
00:30:00 → 00:30:03 จำเพาะจริงๆก็คือเรื่องของตัวเจ้า CGRP
00:30:03 → 00:30:07 ที่ตอนหลังที่เล่าให้มาฟังมาทั้งหมดเนี่ย
00:30:07 → 00:30:09 ว่าตอนหลังเนี่ยเค้ารู้แล้วว่าเอ้ยสารนี้
00:30:09 → 00:30:13 เป็นสารหลักนะเพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆเนี่ย
00:30:13 → 00:30:15 เค้าก็ไม่ได้สรุปว่ายามันไม่ดีนะคะจริงๆ
00:30:16 → 00:30:18 ยาป้องกันแบบเก่ายังถือว่าประสิทธิภาพ
00:30:18 → 00:30:22 ค่อนข้างดีมากๆแต่จะมาติดตรงที่เค้าไม่
00:30:22 → 00:30:25 สเปซิฟicมันไม่สปซิฟินะคะไม่จำเเพาะผล
00:30:25 → 00:30:29 ข้างเคียงก็เลยเยอะเกินไปนะคะอย่างหมอขอ
00:30:29 → 00:30:31 ยกตัวอย่างโทราเมดให้ดูเพราะว่าโทราเมด
00:30:31 → 00:30:33 เนี่ยจะเปรียบเหมือนเป็นยาป้องกันกลุ่ม
00:30:33 → 00:30:36 เก่าที่หมายถึงว่าเหมือนเป็นคลาส A อ่ะ
00:30:36 → 00:30:39 แบบถ้าคนไข้เป็นไมเกรนหนักๆเป็นเยอะๆส่วน
00:30:39 → 00:30:42 ใหญ่ถ้าได้ยากลุ่มเนี้ยก็อาการปวดก็มักจะ
00:30:42 → 00:30:44 ลดลงได้นะคะถ้าได้อย่างอื่นมานิดๆหน่อยๆ
00:30:44 → 00:30:46 แล้วโดสยังไม่ถึงบางทีก็ยังปวดเยอะอยู่
00:30:46 → 00:30:48 แต่ว่าโทพิราเมตถือว่าเป็นยาที่ป้องกัน
00:30:48 → 00:30:51 ได้ค่อนข้างดีเลยจะเห็นว่าในตัวงานวิจัย
00:30:51 → 00:30:54 เองก็บอกเหมือนกันว่าโทิเมดไม่ได้แย่นะ
00:30:54 → 00:30:56 คือสามารถลดอาการปวดหัวของคนไข้ได้เกิน
00:30:56 → 00:31:00 50% เลยนะคะซึ่งถือว่าเยอะนะคะมากๆเช่น
00:31:00 → 00:31:03 อ่าถ้าคนไข้ปวดหัวอาจจะลดลงไปเหลือแบบ 15
00:31:03 → 00:31:06 วันหรือนอกเหนือจากตัวปิเอ่อความถี่ที่
00:31:06 → 00:31:10 ปวดอ่ะตัวเอ่อความรุนแรงของการปวดก็ลดลง
00:31:10 → 00:31:12 ด้วยคนไข้หลายคนที่เคยได้กินยากลุ่มนี้มา
00:31:13 → 00:31:16 ก็จะรู้สึกแบบนั้นแต่ปัญหาคือผลข้างเคียง
00:31:16 → 00:31:19 ค่ะที่ทำให้คนไข้ส่วนใหญ่เนี่ยทนกินต่อ
00:31:19 → 00:31:22 ไม่ไหวนะคะที่หมอเจอคนไข้เยอะๆเลยก็มักจะ
00:31:22 → 00:31:24 ได้ทพิรเมดมาแล้วเหมือนกันแต่ว่าส่วนใหญ่
00:31:24 → 00:31:26 ก็กินกันได้แบบ 2 เดือน 3 เดือนแล้วตัวคน
00:31:26 → 00:31:29 ไข้เองอาจจะไม่ได้เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้อง
00:31:29 → 00:31:32 กินพอกินแล้วทำงานไม่ได้เอ่อมีผลต่อ
00:31:32 → 00:31:35 เรื่องของความจำหรือว่ารู้สึกว่าสมาธิแย่
00:31:35 → 00:31:38 ลงเาก็เลยหยุดกินไปก่อนแล้วก็กลับไปสู่
00:31:38 → 00:31:41 การใช้ยาแก้ปวดแบบเดิมนะคะซึ่งอันนี้
00:31:41 → 00:31:45 เนี่ยก็จะมีงานวิจัยเขาก็ไปรวบรวมมาให้
00:31:45 → 00:31:47 อีกเหมือนกันว่าจริงหรือเปล่าคนกินไม่ได้
00:31:47 → 00:31:50 จริงๆหรือเปล่านะคะอันนี้นะคะก็ตั้งแต่
00:31:50 → 00:31:53 2012 แล้วเาก็คือไปศึกษาดูว่าคนไข้เนี่ย
00:31:53 → 00:31:57 กินยาไมเกรนป้องกันไมเกรนแบบเก่าเนี่ยโ
00:31:57 → 00:32:01 กินยาไมเกรนโฟซิได้ดีแค่ไหนนะคะจะเห็นว่า
00:32:01 → 00:32:04 เค้าติดตามไป 3 เดือนเนี่ยเอ่อ 2 เดือน
00:32:04 → 00:32:07 เนี่ย 60 วันประมาณ 2-3 เดือนน่ะคนที่ได้
00:32:07 → 00:32:10 ยาป้องกันเนี่ยเหลือแค่ครึ่งเดียวเองนะคะ
00:32:10 → 00:32:13 ที่กินยาหมายความว่าคนไข้ไมเกรน 10 คนที่
00:32:13 → 00:32:16 ที่เข้าขายว่าต้องได้ยาป้องกันแล้วอ่ะ
00:32:16 → 00:32:19 ผ่านไป 2 เดือนคนไข้หยุดกินไปครึ่งนึง
00:32:19 → 00:32:22 แล้วค่ะแสดงว่าอีกครึ่งนึงคือไม่ได้รักษา
00:32:22 → 00:32:25 แล้วสมองก็จะเกิดการอักเสบอักเสบแล้วก็
00:32:25 → 00:32:29 กินยาแก้ปวดไปเรื่อยๆนะคะตามไปจนถึง 6
00:32:29 → 00:32:34 เดือนเหลือแค่ 10% ที่กินยานะคะเนี่ยเลย
00:32:34 → 00:32:39 เป็นข้อจำกัดของยาในอดีตว่ามันเหมือนเรา
00:32:39 → 00:32:42 มีคนไข้ที่ต้องรักษาสัก 100 คนน่ะ 90 คน
00:32:42 → 00:32:45 กินยาไม่ไหวกินยาไม่ได้อยู่กับการรักษา
00:32:45 → 00:32:48 จริงๆแค่ 10 คนซึ่งถ้าเรามานึกภาพตามกัน
00:32:48 → 00:32:50 ไปอ่ะก็คือ 90 คนที่เหลือนั้นน่ะคนไข้ก็
00:32:51 → 00:32:53 จะต้องปวดหัวอยู่ถูกมั้ยคะแล้วก็กลับไป
00:32:53 → 00:32:57 กินยาแก้ปวดผ่านไปอีกสัก 5 ปีคนไข้ตรง
00:32:57 → 00:33:00 นั้นเนี่ยหมอว่าต้องมีสักสักครึ่งนึงที่
00:33:00 → 00:33:02 กลายเป็นไมเกรนเรื้อรังจากเดิมเขาอาจจะ
00:33:02 → 00:33:05 ปวดอยู่แค่เป็นชั่วคราวปวด 4 ครั้ง 8
00:33:05 → 00:33:08 ครั้ง 10 ครั้งแต่สัก 2 ปี 3 ปีผ่านไปกิน
00:33:08 → 00:33:11 ยาบ่อยๆบ่อยๆบ่อยๆมาเจอกันอีกทีก็คือเป็น
00:33:11 → 00:33:14 ไมเกรนเรื้อรังไปแล้วนี่แหละเป็นเหตุผล
00:33:14 → 00:33:17 ว่าทำไมเราถึงต้องเอายาที่มันมีเอ่อ
00:33:17 → 00:33:19 ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหรือว่าผลข้าง
00:33:19 → 00:33:22 เคียงที่น้อยลงมาใช้กับการรักษาไมเกรนและ
00:33:22 → 00:33:25 นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาพัฒนายาใหม่ๆ
00:33:25 → 00:33:28 ขึ้นมานะคะนี่ก็เป็นอีก study นึงนะคะอัน
00:33:28 → 00:33:29 นี้ก็อ่ะใหม่ขึ้นมาหน่อยอันนั้นน่ะคือ
00:33:30 → 00:33:32 ตั้งแต่ 2012 คอนเฟิร์มแล้วแหละว่ายาที่
00:33:32 → 00:33:35 เราสั่งๆไปอ่ะสั่งไป 100 คนกินแค่ 10 คน
00:33:35 → 00:33:39 นะ 2022 เขาก็เลยมาติดตามดูใหม่นะคะว่าคน
00:33:40 → 00:33:44 ไข้กินยาได้ดีแค่ไหนนะคะก็เหมือนเดิมแต่
00:33:44 → 00:33:47 ว่าตรง 22 เนี่ยเขาเอายากลุ่มใหม่ๆเข้ามา
00:33:47 → 00:33:50 เทียบด้วยเนาะนอกจากเราจะเทียบยากลุ่ม
00:33:50 → 00:33:52 เก่าที่เป็นพวกยาความดันกันชักแล้วก็ยา
00:33:52 → 00:33:54 คลายเครียดละเ้ามาเทียบเลยว่าแล้วอ่ะ
00:33:54 → 00:33:57 กลุ่มยาฉีดล่ะกลุ่มยาnoนalแอนิบอี้หรือ
00:33:57 → 00:34:00 ว่ากลุ่มคนที่เขาฉีดโบทเข้าไปเนี่ยเป็น
00:34:00 → 00:34:04 ยังไงบ้างนะคะจะเห็นว่าเอ่อแท่งกราฟที่
00:34:04 → 00:34:07 เอ่อสูงๆเนี่ยนะคะฝั่งขวามือก็คือกลุ่มยา
00:34:07 → 00:34:11 ฉีดนะคะmonโนคอalanบอดี้นั่นเองนะคะแล้ว
00:34:11 → 00:34:15 ตัวที่สีเขียวเลยสีเขียวอ่อนสุดต่ำเตี้ย
00:34:15 → 00:34:17 เลี้ยนสุดอันนั้นก็คือโทพิราเมดนั่นเอง
00:34:17 → 00:34:20 ค่ะซึ่งเป็นยาป้องกันในอดีตที่มันใช้ได้
00:34:20 → 00:34:23 ดีแต่เหมือนเดิมเลยค่ะก็คือคนไข้มักจะทน
00:34:23 → 00:34:26 กินไม่ค่อยไหวนะคะในขณะที่ยาอื่นๆอย่าง
00:34:26 → 00:34:29 เช่นไม่ว่าจะเป็นพวกเอ่อเอ่ออมิทริปทิลีน
00:34:29 → 00:34:32 หรือว่ายากลุ่มความดันเนี่ยก็ยังดีขึ้นมา
00:34:32 → 00:34:34 บ้างนะคะอมิทริปทิลีนถือว่าเป็นยากลุ่ม
00:34:34 → 00:34:37 เก่าที่คนไข้ก็กินค่อนข้างได้เลยนอกนอก
00:34:37 → 00:34:39 เหนือจากเรื่องแค่พวกปากแห้งคอแห้งท้อง
00:34:39 → 00:34:43 ผูกนะคะแต่ตัวที่เป็นตัวเอ่อ CGRP
00:34:43 → 00:34:45 monoconal antiบอี้นะคะจะเป็นกลุ่มสี
00:34:45 → 00:34:48 เขียวเข้มจะเห็นว่าขนาดเป็นยากลุ่มใหม่
00:34:48 → 00:34:51 ที่ไซส์เอฟเฟคน้อยแล้วเนี่ยยังรีชัหรือ
00:34:51 → 00:34:55 ว่าคนไข้ใช้ยาไปจริงๆเนี่ยก็ยังลดลงไปแบบ
00:34:55 → 00:34:58 เยอะเลยนะคะแต่ว่าเหตุผลที่ของการลดลงของ
00:34:58 → 00:35:01 กลุ่มใหม่ๆที่เราไปดูกันจริงๆส่วนใหญ่จะ
00:35:01 → 00:35:04 เป็นเรื่องของคนไข้ดีขึ้นแล้วหยุดไปก่อน
00:35:04 → 00:35:06 ก็คือไม่เข้าใจนั้นเองว่าเอ๊ะอ่ะสมมุติ
00:35:06 → 00:35:09 ว่าฉีดไป 3 เดือนดีขึ้นละก็เลยเข้าใจว่า
00:35:09 → 00:35:11 หยุดยาได้นะคะกับอีกอันนึงก็จะเป็นเรื่อง
00:35:11 → 00:35:13 ของปัญหาเรื่องของไฟแนนเชียลมากกว่า
00:35:13 → 00:35:16 เรื่องของราคายาที่พอคนไข้รู้สึกว่าโอเค
00:35:16 → 00:35:20 ดีขึ้นแล้วก็มักจะแบบเอ่อไม่ไหวนะคะก็อาจ
00:35:20 → 00:35:22 จะหยุดไปก่อนแต่ไม่ใช่เป็นเรื่องของ
00:35:22 → 00:35:24 Sซฟเฟectนะคะไม่ใช่เรื่องของตัวผลข้าง
00:35:24 → 00:35:26 เคียงของตัวยานะ
00:35:26 → 00:35:30 ค่ะก็อันนี้ก็จะโชว์ให้เห็นอีกครั้งนึง
00:35:30 → 00:35:33 ว่าความแตกต่างของยาที่เป็นยายั้งสาร CGRP
00:35:33 → 00:35:38 จริงๆกับตัวยาด้านขวาคือยาเอ่อกัชักนะคะ
00:35:38 → 00:35:42 แบบกล่าวก็คือความจำเพาะเจาะจงต่อการออก
00:35:42 → 00:35:44 ฤทธิ์ของยาเนี่ยแหละค่ะถ้าเป็นยากลุ่มที่
00:35:44 → 00:35:47 เป็นยาฉีดไมเกรนเราก็เรียกไปเลยว่าเป็นยา
00:35:47 → 00:35:49 ยับยางสาร CGRP ก็คือเขาค่อนข้างจะเป็น
00:35:49 → 00:35:52 สเปิคออกฤทธิ์แค่ตรงนั้นนั่นแหละที่ไปยับ
00:35:52 → 00:35:54 ยางไม่ให้หลอดเลือดขยายตัวยับยางการ
00:35:54 → 00:35:56 อักเสบนะคะแต่ถ้าเป็นกลุ่มกลุ่มยารับ
00:35:56 → 00:35:59 ประทานก็เหมือนที่หมอโชว์ไปก็คือเขาไปออก
00:35:59 → 00:36:02 ฤทธิ์ต่ออ่าตำแหน่งของสารสื่อประสาทต่างๆ
00:36:02 → 00:36:05 นะคะที่ไม่จำเาเจาะโจงก็เลยได้เรื่องของ
00:36:05 → 00:36:09 ผลข้างเคียงอื่นๆตามมาด้วยนะคะฉะนั้นก็
00:36:09 → 00:36:13 อันนี้ก็เป็นตัวเอ่อสรุปการออกฤทธิ์นะคะ
00:36:13 → 00:36:16 ของยาฉีดป้องกันไมเกรนหรือว่ารวมไปถึงยา
00:36:16 → 00:36:18 รับประทานด้วยที่เป็นยารับประทานที่ออก
00:36:18 → 00:36:21 ฤทธิ์ต่อสาร CGRP นะคะปัจจุบันเรามีอะไร
00:36:21 → 00:36:24 บ้างอ่าเรามี an CGRP แอนตี้บอดี้นะคะ
00:36:24 → 00:36:28 ซึ่งไปจับปกติเวลาสาร CGRP หรือว่าสาร
00:36:28 → 00:36:31 สื่อประสาทในสมองในร่างกายเนี่ยจะออกทำ
00:36:31 → 00:36:33 งานออกฤทธิ์ได้ก็จะมีตัวสารก็คือเหมือน
00:36:33 → 00:36:37 เป็นสาร CGRP แล้วก็มีตัวรับนะคะก็เหมือน
00:36:37 → 00:36:41 เอ่อปลั๊กไฟกับสายไฟเนาะอ่าก็จะออกฤทธิ์
00:36:41 → 00:36:44 ได้คือต้องมีแบบทำงานร่วมกันนะคะอ่ายาฉีด
00:36:44 → 00:36:48 มี 3 ตัวนะคะที่ไปออกลิสต์จับ CGRP ตรงๆ
00:36:48 → 00:36:50 นะคะก็จะอยู่ในกลุ่มยาดิบไมเกรนที่ฉีดทุก
00:36:50 → 00:36:53 3 เดือนกับตัวปากกา 2 ตัวนะคะที่ออก
00:36:53 → 00:36:56 ฤทธิ์ตรงนี้แล้วก็ก็จะมีตัวปากกาออกนึง
00:36:56 → 00:37:00 อ่าตัวนึงนะคะที่ออกฤทธิ์ตัวรับรวมไปถึง
00:37:00 → 00:37:02 ยาที่เป็นยาพวกยารับประทานที่ออกฤทธิ์กับ
00:37:02 → 00:37:05 CGRP ก็จะไปออกฤทธิ์ที่ตัวรับเหมือนกัน
00:37:05 → 00:37:07 นะคะฉะนั้นก็จะเห็นว่าอ่ะมันมีความแตก
00:37:07 → 00:37:09 ต่างของการออกฤทธิ์ยาอยู่บ้างนะเพราะ
00:37:09 → 00:37:12 ฉะนั้นข้อบ่งใช้หรือว่าเวลาเราสลับสับ
00:37:12 → 00:37:14 เปลี่ยนอ่าการใช้ยาในคนไข้เนี่ยเราก็จะ
00:37:14 → 00:37:16 คำนึงถึงการออกฤทธิ์ยาตรงนี้เป็นหลักด้วย
00:37:16 → 00:37:19 เหมือนกันนะคะแล้วก็เรามีอะไรเรามีเนี่ย
00:37:19 → 00:37:22 ค่ะanี้ Par capap ancค reiptor anบอดี้
00:37:22 → 00:37:25 นะคะพวกเนี้ยที่อยู่ในเอ่อกำลังอยู่ใน
00:37:25 → 00:37:29 ช่วงที่เป็นเหมือนทar์เก็ตใหม่ๆนะคะซึ่ง
00:37:29 → 00:37:32 ก็อยู่ในช่วงพัฒนายาขึ้นมาแล้วก็นำมาใช้
00:37:32 → 00:37:37 กับคนไข้ไมเกรนจริงๆนะคะอันนี้เอ่อรวบรวม
00:37:37 → 00:37:40 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับยาฉีดรักษา
00:37:40 → 00:37:43 ไมเกรนหมอจะแบ่งออกเป็นพาร์ทคือพาร์ทแรก
00:37:43 → 00:37:46 เนี่ยเป็นพาร์ทของตัว study ของยาค่ะคือ
00:37:46 → 00:37:49 ก่อนที่ยายาตัวนึงเนี่ยจะออกมาใช้กับการ
00:37:49 → 00:37:51 รักษาโรคโรคใดได้นึงจริงๆเนี่ยมันจะต้อง
00:37:51 → 00:37:55 มีการพูนะคะหลายเฟสมากๆนะนะคะตั้งแต่ใน
00:37:55 → 00:37:58 ห้องทดลองนำมาใช้กับหนูทดลองสัตว์ทดลองนำ
00:37:58 → 00:38:01 มาใช้กับคนจริงๆแล้วก็รวมไปถึงการติดตาม
00:38:01 → 00:38:05 ผลหลังใช้ยาด้วยนะคะฉะนั้นกว่าที่ยาตัว
00:38:05 → 00:38:08 นึงจะออกมาเนี่ยมันพัฒนาหลายปีนะคะเรา
00:38:08 → 00:38:11 ต้องคำนึงถึงของทั้งเรื่องของประสิทธิภาพ
00:38:11 → 00:38:14 แล้วก็ความปลอดภัยจริงๆนะคะเอ่อใน
00:38:14 → 00:38:16 อันเนี้ยทั้งหมดนะคะจะเห็นว่ามันเป็น
00:38:16 → 00:38:19 study หรือว่างานวิจัยเกี่ยวกับตัวยา
00:38:19 → 00:38:23 ก่อนก็คือก่อนที่ยาจะได้รับการวิ approve
00:38:23 → 00:38:26 ว่าเอามาใช้รักษาไมเกรนได้เนี่ยตัวยาจะ
00:38:26 → 00:38:29 ต้องแสดงให้เห็นว่ามันสามารถแบบนำมาลด
00:38:29 → 00:38:32 จำนวนวันของคนไข้ไมเกรนได้จริงๆเพิ่ม
00:38:32 → 00:38:36 คุณภาพชีวิตจริงๆโดยที่ผลข้างเคียงน้อยนะ
00:38:36 → 00:38:38 คะหรือแทบไม่มีผลข้างเคียงด้วยนะคะจะเห็น
00:38:38 → 00:38:42 ว่า study เยอะมากอย่างเช่นกับอาญาของก็
00:38:42 → 00:38:45 มีพวกแบบ al drive อะไร fremap ก็จะมี
00:38:45 → 00:38:49 แบบ hoo มีชื่อ study มากมาย Evo 1 Evo
00:38:49 → 00:38:52 2 นะคะหรือว่าregน promise one promise
00:38:52 → 00:38:56 เยอะมากๆนะนะคะอันนี้คนไข้คงไม่ต้องรู้นะ
00:38:56 → 00:39:00 เพราะว่าคือเอาตัวตัวหมอเองเนี่ยจะให้ไป
00:39:00 → 00:39:02 จำสตี้จริงๆก็คงแบบว่าเออก็ต้องมานั่ง
00:39:02 → 00:39:05 เปิดกันทีแล้วสตี้อีกทีนึงถ้าเวลาเราอยาก
00:39:05 → 00:39:07 จะรู้เรื่องอะไรในหเรื่องของเชิงลงลึกแต่
00:39:07 → 00:39:10 อยากโชว์ให้เห็นว่าส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเขา
00:39:10 → 00:39:13 ก็จะเก็บข้อมูลนะคะหลักๆก็จะเป็นเรื่อง
00:39:13 → 00:39:17 ของฉีดยาเทียบกับไม่ฉีดยานะคะแล้วก็ดู
00:39:17 → 00:39:20 จำนวนวันของอาการปวดศีรษะนะคะดูคุณภาพ
00:39:20 → 00:39:23 ชีวิตของคนไข้โดยการเป็นวัดสกอร์นะคะหรือ
00:39:23 → 00:39:27 ว่าดูการลดลงของการใช้ยาแก้ปวดแบบเฉียบ
00:39:27 → 00:39:31 พันด้วยนะคะจะเห็นว่าทุกตัวเนี่ยต้องอ่า
00:39:31 → 00:39:34 มีการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติคือ
00:39:34 → 00:39:36 พวกนี้มันก็จะเป็นการเก็บสatเนาะเอาจริงๆ
00:39:36 → 00:39:38 ถ้าไปอ่านจริงๆอย่างช่วงแรกๆเนี่ยหมอจะ
00:39:38 → 00:39:42 รู้สึกว่ามัน significant ขนาดนั้นหรอนะ
00:39:42 → 00:39:45 คะอย่างเช่นอ่าอะไรอย่างยกตัวอย่างเช่น
00:39:45 → 00:39:49 บางตัวเนี่ยฉีดยาเนี่ยลดจำนวนปวดหัวไปได้
00:39:49 → 00:39:53 4.7 วันเทียบกับไม่ฉีดคือ 2.8 8 อะไร
00:39:53 → 00:39:56 วันอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งตอนนหมอๆเองก็จะ
00:39:56 → 00:39:58 รู้สึกว่าตายละ 2.8 วันกับ 4.7 7 เนี่ย
00:39:58 → 00:40:01 มันต่างกันขนาดนั้นเลยหรอนะคะในทางสตเค้า
00:40:01 → 00:40:04 คำนวณออกมาแล้วว่ามันต่างนะคะเพราะว่า
00:40:04 → 00:40:06 เค้าคงคำนึงถึงเรื่องของคุณภาพชีวิตของคน
00:40:06 → 00:40:09 ไข้แล้วก็ปัจจัยเรื่องอื่นๆด้วยแต่ก็ต้อง
00:40:09 → 00:40:13 บอกว่าพอเราเอ่อเอามาใช้จริงๆหรือว่าพอ
00:40:13 → 00:40:16 เอามารักษากับคนไข้จริงๆมันไปวัดจำนวนวัน
00:40:16 → 00:40:20 นั้นน่ะไม่ได้มันมันเหนือกว่าตรงนั้นตรง
00:40:20 → 00:40:23 ที่ในเรื่องของงานวิจัยอ่ะค่ะหมอว่าเวลา
00:40:23 → 00:40:25 หมอรักษาคนไข้กลุ่มที่เป็นยาฉีดมาจริงๆ
00:40:25 → 00:40:28 เนี่ยซึ่งแบบใช้มาหลายปีมากๆนะคะ 6-7 ปี
00:40:28 → 00:40:32 เนี่ยก็คือคุณภาพชีวิตของคนไข้อ่ะดีขึ้น
00:40:32 → 00:40:34 ซึ่งเราจะไปเทียบแบบแค่ปริมาณวันที่มันลด
00:40:34 → 00:40:37 ลงเนี่ยไม่ได้นะคะแล้วก็อีกอย่างคือหมอ
00:40:37 → 00:40:40 ว่าในงานวิจัยเองอ่ะพอมันเป็นการฉีดยา
00:40:40 → 00:40:43 กระเทียบกับ paraible ก็คือยาหลอกแต่ว่า
00:40:43 → 00:40:45 ในยาหลอกนั้นเนี่ยคนไข้ก็จะต้องได้รับ
00:40:45 → 00:40:48 เหมือนว่าฉีดยาจริงๆแต่คนไข้แค่ไม่รู้ว่า
00:40:48 → 00:40:51 ในนั้นน่ะมียาหรือไม่มียาทีเนี้ยในเรื่อง
00:40:51 → 00:40:53 ของไมเกรนหรือเรื่องของความปวดนะคะโรคที่
00:40:53 → 00:40:55 เกี่ยวข้องกับความปวดหรือว่าสารสื่อ
00:40:55 → 00:40:57 ประสาทการรับความเจ็บปวดทั้งหลายเนี่ยไอ้
00:40:57 → 00:41:00 ตรงเนี้ย passible effect เนี่ยยังไงก็
00:41:00 → 00:41:03 มีผลค่ะคนไข้รู้สึกว่าได้รับยาไปถึงแม้
00:41:03 → 00:41:05 ว่ายานั้นจะเป็นยาหลอกอ่ะมันมีผลทำให้
00:41:05 → 00:41:08 เขา้าอ่ะปวดหัวลดลงได้จริงๆเหมือนกับการ
00:41:08 → 00:41:12 ทำเหมือนกับบางอย่างเช่นการทำ MRI อ่ะทำ
00:41:12 → 00:41:16 MRI ไปแล้วปกติปรากฏว่าอ่ะปวดหัวดีขึ้น
00:41:16 → 00:41:18 ความเครียดลดลงอะไรอย่างเงี้ยค่ะพวกนี้
00:41:18 → 00:41:22 มันมีปัจจัยที่มีผลนะคะเพราะฉะนั้นในใน
00:41:22 → 00:41:24 ข้อมูลของในงานวิจัยก็เลยอาจจะรู้สึกว่า
00:41:24 → 00:41:27 เอ้ยจำนวนวันหรืออะไรมันไม่ได้ต่างจาก
00:41:27 → 00:41:29 เดิมมากนักนะคะอันนี้ก็เป็นงาน study
00:41:29 → 00:41:33 แหละที่เขา FA มาว่าแบบเออยากลุ่มยาฉีด
00:41:33 → 00:41:36 ไมเกรนมันช่วยนะนะคะซึ่งมันก็มีการสรุป
00:41:37 → 00:41:39 ว่าเออมันก็ลดได้ทั้งตัวจำนวนวันของที่
00:41:39 → 00:41:43 ปวดไมเกรนนะการใช้ยาแก้ปวดนะเอ่อหรือ
00:41:44 → 00:41:47 คุณภาพชีวิตของคนไข้ที่ดีขึ้นต่างๆนะ
00:41:47 → 00:41:52 คะทีนี้ก็โอเคผ่านเฟสตรงนั้นไปหมอว่าเฟส
00:41:52 → 00:41:54 แรกมันเป็นเรื่องของเฟสงานวิจัยของตัวยา
00:41:54 → 00:41:58 ว่าเค้าต้องพูฟมาก่อนว่ายาเค้าช่วยอ่ะค่ะ
00:41:58 → 00:42:00 แต่เฟสต่อๆไปของการเก็บงานวิจัยมันจะเป็น
00:42:01 → 00:42:05 เรื่องของเทียบกับยาเก่าละนะคะคือเอ่อ
00:42:05 → 00:42:08 เวลาเราจะพัฒนายามายานึงเราไม่สามารถเรา
00:42:08 → 00:42:11 ไม่สามารถทำตัวยาไปเทียบกับยาตัวอื่นๆได้
00:42:11 → 00:42:13 เนาะมันต้องเทียบกับยาหลอกก่อนให้เกิด
00:42:13 → 00:42:16 ความแตกต่างอย่างนัยยะสำคัญทางสถิติก่อน
00:42:16 → 00:42:19 นะคะแต่ว่าพอเรามาใช้ real world ใช้ใน
00:42:19 → 00:42:21 คนไข้จริงๆแล้วเาเก็บข้อมูลเนี่ยมันจะได้
00:42:21 → 00:42:24 ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นนะคะอย่างในอันนี้
00:42:24 → 00:42:27 เองเนี่ยเนี่ยก็คือยาฉีดทั้ง 4 ตัวนะคะ
00:42:27 → 00:42:30 ที่เรามีกันนะคะในไทยก็มีครบทั้ง 4 ตัวไป
00:42:30 → 00:42:32 แล้วเนี่ยก็มีการเก็บอันนึงที่นอกเหนือ
00:42:32 → 00:42:36 จากตัว study เดิมนะคะก็คือการเก็บว่าอ่ะ
00:42:36 → 00:42:39 ถ้าคนไข้กินยาป้องกันแบบเดิมมาแล้วเฟล่ะ
00:42:39 → 00:42:43 นะคะยาเช่นกินยากัญชักแล้วกินยาเ่อความ
00:42:43 → 00:42:45 ดันมาแล้วแล้วยังคุมไมเกรนไม่ได้นะคะก็
00:42:45 → 00:42:47 คืออ่ะงั้นลองมาเปลี่ยนมาเป็นยาฉีดเป็น
00:42:47 → 00:42:50 ยังไงบ้างนะคะก็มีของทั้ง 4 ตัวเลยทุกคน
00:42:50 → 00:42:52 เ้าก็เก็บเหมือนกันหมดเนาะก็จะมีชื่อ
00:42:52 → 00:42:56 Study มี Liberty โฟกัสอะไรแบบว่าอะไร
00:42:56 → 00:42:59 ต่างๆนะคะนี้ก็เป็นตารางสรุปให้นะคะตาราง
00:42:59 → 00:43:02 สรุปให้ก็พบว่าคนไข้ที่เคยกินยาป้องกัน
00:43:02 → 00:43:06 แบบเก่านะคะก็คือยากลุ่มยากินแล้วไม่ได้
00:43:06 → 00:43:09 ผลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทั้งกินยาไม่ได้
00:43:09 → 00:43:12 หรือว่ากินยาได้แต่ก็จำนวนวันไม่ลดลงพอมา
00:43:12 → 00:43:14 เป็นเปลี่ยนเป็นกลุ่มยาฉีดไมเกรนหรือ
00:43:14 → 00:43:17 กลุ่มmonโนคอalแอนตี้บอดี้นะคะก็มีการลด
00:43:17 → 00:43:20 ลงของจำนวนวันของอาการปวดศีรษะอย่างมี
00:43:20 → 00:43:23 นัยยะสำคัญเช่นกันนะคะรวมไปถึงเอ่อเหมือน
00:43:23 → 00:43:26 เดิมค่ะเวลาวัดก็คือวัดคุณภาพชีวิตอะไร
00:43:26 → 00:43:28 พวกนี้ด้วยนะคะนี้ก็จะเป็นตัวคเฟิร์มมาก
00:43:29 → 00:43:32 ยิ่งขึ้นว่าเออมันมันเหมือนมันมาช่วยเอ่อ
00:43:32 → 00:43:35 แก้ปัญหาเรื่องของคนที่กินยากลุ่มเก่าไม่
00:43:35 → 00:43:39 ได้นะประมาณนั้นนะคะนี่ก็เป็นตัวอ่ากราฟ
00:43:39 → 00:43:42 เปรียบเทียบจากตารางนี้นะคะให้เห็นชัดๆ
00:43:42 → 00:43:45 มากยิ่งขึ้นตัวสีกราฟสีเทาเนี่ยคือกราฟ
00:43:45 → 00:43:49 ที่คนไข้ได้อ่อเอ่อไม่ได้ยาฉีดนะคะก็จะ
00:43:49 → 00:43:52 เห็นว่าเออในตัวของยาเองเนี่ยมันลดจำนวน
00:43:52 → 00:43:55 วันได้ทิศมากกว่าเทียบกับคนที่ไม่ได้ยา
00:43:55 → 00:43:58 อันนี้ดูจะแตกต่างมากกว่าตัว study แรก
00:43:58 → 00:44:02 เริ่มของตัวยาแต่ละตัวนะคะอันนี้นะคะยา
00:44:02 → 00:44:05 ของทั้ง 4 ตัวไม่ได้บอกนะคะว่าตัวไหนดี
00:44:05 → 00:44:07 กว่าตัวไหนเพราะว่าแต่ละอันเนี่ยมันจะ
00:44:07 → 00:44:11 ต้องไปเทียบกับคนที่ไม่ได้ยานะคะฉะนั้น
00:44:11 → 00:44:13 มันไม่ได้มีการเปรียบเทียบเทียบกันตรงๆ
00:44:13 → 00:44:16 ว่ายาฉีดตัวนี้เทียบกับยาฉีดตัวนี้นะคะ
00:44:16 → 00:44:17 เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบ
00:44:17 → 00:44:21 ยาแต่ละตัวได้แต่ว่าเราจะเปรียบเทียบยา
00:44:21 → 00:44:24 ฉีดเทียบกับไม่ฉีดกันมากกว่าซึ่งทั้ง 4
00:44:24 → 00:44:27 ตัวที่เป็นกลุ่มยาฉีดไมเกรนก็มีการลดลง
00:44:27 → 00:44:30 ของจำนวนวันของอาการปวดที่ดีกว่าคนที่ไม่
00:44:30 → 00:44:35 ได้ยาฉีดนะคะทีนี้อ่ะแล้วเราอ่าอันนี้ก็
00:44:35 → 00:44:37 จะเป็น study แรกที่นะคะที่เขา้าจะไป
00:44:37 → 00:44:41 เทียบกับตัวยากลุ่มเก่าคือเป็นการรวบรวม
00:44:41 → 00:44:44 met อ่า meta analysis มากกว่าว่าเอ้ย
00:44:44 → 00:44:47 ไหนลองมาดูเลยซิว่าคนไข้ที่ฉีดยากับคนไข้
00:44:47 → 00:44:50 ที่ได้ยาป้องกันกลุ่มเก่าหมอจะให้
00:44:50 → 00:44:53 โปรโตไทpeคือโปโทพีราดนะเพราะโทพิรเม
00:44:53 → 00:44:56 เนี่ยคือประสิทธิภาพเขาดีแต่ปัญหาเขาคือ
00:44:56 → 00:44:58 เรื่องของผลข้างเคียงนะคะเพราะฉะนั้น
00:44:58 → 00:45:01 โทพิราเมดจึงเป็นตัวที่เอามาจับนะคะเทียบ
00:45:01 → 00:45:04 กับกลุ่มยาฉีดเพราะว่าเราอยากรู้เรื่อง
00:45:04 → 00:45:07 ของตัว efficacy ประสิทธิภาพจริงๆจากใน
00:45:07 → 00:45:11 งานวิจัยนี้นะปี 2021 อ่ะเค้าสรุปว่าจริง
00:45:11 → 00:45:14 ๆโทพิราเมดไม่ได้แย่กว่ายาฉีดเลยนะคะคือ
00:45:14 → 00:45:18 ยาป้องกันกลุ่มเก่าเนี่ยโอเคเลยนะแบบอัน
00:45:18 → 00:45:20 นี้ที่ฟังเนี่ยเพราะว่าเอ้ยที่พูดเนี่ย
00:45:20 → 00:45:22 เพราะว่าอยากให้ผู้ฟังที่ที่บางทีฟังมาจน
00:45:22 → 00:45:25 ถึงตุดนี้แล้วรู้สึกว่าอุ๊ยตายแล้วแบบ
00:45:25 → 00:45:28 ไกด์ไลน์ใหม่ๆมีแต่การใช้ยาฉีดอัปเดตมามี
00:45:28 → 00:45:30 แต่ยาฉีดยาฉีดแต่เราเข้าไม่ถึงอย่างเงี้ย
00:45:30 → 00:45:33 ค่ะเพราะว่าตัวยาฉีดในไทยเองก็อาจจะยัง
00:45:33 → 00:45:35 ไม่ได้มีในทุกโรงพยาบาลหรือว่าในเรื่อง
00:45:35 → 00:45:37 ของตัวราคาหรืออะไรที่มันก็ยังแบบค่อน
00:45:37 → 00:45:40 ข้างสูงเนี่ยก็ฟังมาแบบฟังไปฟังมาแล้วแบบ
00:45:40 → 00:45:43 อุ๊ยตายละแบบตายแล้วปวดหัวหนักกว่าเดิม
00:45:43 → 00:45:45 อะไรอย่างเงี้ยนะคะอยากให้เห็นว่าจริงๆ
00:45:45 → 00:45:48 แล้วเนี่ยยาป้องกันแบบเก่าไม่ได้แย่นะคะ
00:45:48 → 00:45:50 ประสิทธิภาพในการรักษาไมเกรนถือว่าค่อน
00:45:50 → 00:45:53 ข้างดีเลยติดอันเดียวก็คือเรื่องของ
00:45:54 → 00:45:56 เฟเฟectผลข้างเคียงแค่นั้นเองนะคะซึ่งผล
00:45:56 → 00:45:59 ข้างเคียงหลักๆของตัวเนี่ยจะเป็นเรื่อง
00:45:59 → 00:46:02 ของพวกเอ่อ cognitive ก็คือเรื่องของความ
00:46:02 → 00:46:04 คิดความอ่านนะ่ะค่ะบางคนกินไปแล้วจะรู้
00:46:04 → 00:46:07 สึกเบลอๆเหมือนสมองมันช้าๆรู้สึกสมาธิแย่
00:46:07 → 00:46:10 ลงอะไรพวกนี้นะคะเนาะเพราะฉะนั้นตัว
00:46:10 → 00:46:13 เอฟเฟคตรงเนี้ยมันไม่ได้เจอในทุกคนนะหมอ
00:46:13 → 00:46:17 เจอคนไข้ที่เคยกินโทเมดแล้วกินไม่ได้อ่ะ
00:46:17 → 00:46:20 แล้วไปเป็นไมเกรนหนักกลับมาเริ่มกันใหม่
00:46:20 → 00:46:23 อ่ะยังฉีดยาไม่ไหวหมอก็เริ่มทำพีระเมด
00:46:23 → 00:46:25 ใหม่เนี่ยแหละค่ะเพียงแต่ว่าเราอาจจะต้อง
00:46:26 → 00:46:29 เอ่อคุยกับคนไข้ให้เห็นความสำคัญของการ
00:46:29 → 00:46:31 กินยาคือส่วนใหญ่ที่หยุดไปบางทีแบบเหมือน
00:46:31 → 00:46:33 พอรู้ว่ามีผลข้างเคียงเราไม่ได้เห็นความ
00:46:33 → 00:46:36 สำคัญขนาดนั้นว่าทำไมต้องกินก็เลยเหมือน
00:46:36 → 00:46:39 อ่ะหยุดไปก่อนแต่พอเห็นความสำคัญจริงๆ
00:46:39 → 00:46:42 แล้วเราค่อยๆปรับนะคะอย่าไปใส่ขนาดเยอะ
00:46:42 → 00:46:45 ตั้งแต่แรกแบบค่อยๆอ่ะใจเย็นๆหน่อยอะไร
00:46:45 → 00:46:48 อย่างเงี้ยค่ะค่อยๆเพิ่มขนาดยาพบว่าหลาย
00:46:48 → 00:46:51 เคสนะคะยิ่งโดยเฉพาะในคนไทยเนี่ยอ่ะกลับ
00:46:51 → 00:46:54 ใช้กลับไปใช้โทิเมแล้วก็สุดท้ายไมเกรนก็
00:46:54 → 00:46:57 ดีขึ้นได้จริงๆนะคะเยอะเลยด้วยซ้ำนะคะอัน
00:46:57 → 00:47:00 นี้ข้อมูลอันนี้อาจจะต่างจากต่างประเทศ
00:47:00 → 00:47:02 นิดนึงเพราะว่าเวลาหมอคุยกับแบบเอ่อ
00:47:02 → 00:47:04 Profเฟessเซอร์ที่ต่างประเทศเนี่ยเขาจะ
00:47:04 → 00:47:07 มักจะบอกว่าเค้าแบบไม่ใช้โทิราเมจะเพราะ
00:47:07 → 00:47:10 ว่าแบบเหมือนแทบจะไม่ได้ผลอะไรอย่างเงี้ย
00:47:10 → 00:47:12 ค่ะหรือว่าผลข้างเคียงที่แบบมันเยอะเกิน
00:47:12 → 00:47:14 ไปเนี่ยแต่หมอมองว่าจริงๆคนไทยอ่ะเวลา
00:47:14 → 00:47:18 ปรับจริงๆยังพอใช้ได้นะคะแล้วก็ใช้ได้ดี
00:47:18 → 00:47:22 เลยนะคะแต่โอเคถ้ากินใหม่แล้วมันมีผลข้าง
00:47:22 → 00:47:24 เคียงที่ทนไม่ไหวจริงๆแล้วสุดท้ายแบบเอา
00:47:24 → 00:47:26 ทำงานไม่ได้แต่หายปวดไมเกรนอย่างเงี้ยอัน
00:47:26 → 00:47:28 นั้นเราก็ค่อยมาว่ากันอีกทีนึงว่าเราจะ
00:47:28 → 00:47:32 ใช้แบบใดใช้ยายาฉีดมาเข้าช่วยมอะไรแบบนี้
00:47:32 → 00:47:35 นะคะงั้นตัวเปอร์อันนี้ตัวงานวิจัย
00:47:35 → 00:47:38 อันเนี้ยมันเป็นการตัวบอกว่าเอ้ยจริงๆลด
00:47:38 → 00:47:42 ลดได้ดีนะแต่แค่มีผลข้างเคียงนะคะนี่ก็จะ
00:47:43 → 00:47:46 เป็นตัว study อีกกลุ่มนึงละก็คือเมื่อ
00:47:46 → 00:47:48 กี้เล่าให้ฟังก่อนเนาะว่ามันมีงานวิจัย
00:47:48 → 00:47:51 ของตัวเองออกมาก่อนของยาฉีดทั้ง 4 ตัวว่า
00:47:51 → 00:47:54 ได้ผลก่อนอ่ะพอเสร็จก็มาเทียบกับกลุ่มคน
00:47:54 → 00:47:58 ที่กินยากินแล้วมีปัญหาหรือไม่ได้ผลอ่ะ
00:47:58 → 00:48:00 สุดท้ายก็เอ่อลองเก็บ Real World Study
00:48:00 → 00:48:03 เลย Real World ก็คือพอยาฉีดมีการนำออก
00:48:03 → 00:48:06 มาใช้จริงๆเขาก็ไปเก็บคนไข้กลุ่มที่ฉี่
00:48:06 → 00:48:09 จริงเหล่าเนี้ยว่าเป็นยังไงบ้างนะคะก็มี
00:48:09 → 00:48:11 ของทุกตัวเลยอีกเหมือนกันนะคะอย่างอันนี้
00:48:11 → 00:48:15 ก็จะเป็นของตัวอ่าอ่าตัวที่ใช้มาแรกสูตร
00:48:15 → 00:48:17 เนี่ยก็จะเห็นว่าเออพอมาใช้ใน Real World
00:48:17 → 00:48:22 จริงๆนะก็ลดอาการปวดได้ค่อนข้างดีนะคะอ่า
00:48:22 → 00:48:25 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ยาฉีดนะคะ
00:48:25 → 00:48:27 หรืออันนี้ก็เป็นอีก study นึงเหมือนกัน
00:48:27 → 00:48:30 นะคะอันนี้ก็จะเป็นอ่าตัว GID Study นะ
00:48:30 → 00:48:33 คะก็เทียบกลุ่มคนที่ปวดความถี่เยอะๆกับ
00:48:33 → 00:48:36 กลุ่มปวดเรื้อรังนะคะก็จะเห็นว่าลดจำนวน
00:48:36 → 00:48:38 วันของอาการปวดไปได้ดีทีเดียวเลยนะคะ
00:48:38 → 00:48:40 อย่างเช่นกลุ่ม High Frequency ก็คือปวด
00:48:40 → 00:48:43 ประมาณสซัก 8 วันเนี่ยก็ลดไปได้ครึ่งนึง
00:48:43 → 00:48:46 เลยลดลงไปแบบประมาณ 4-5 วันเลยนะคะหรือ
00:48:46 → 00:48:48 กลุ่มคนที่ปวนเป็นโครนิคไมเกรนปวดเรื้อ
00:48:48 → 00:48:52 รางเกินแบบประมาณอ่า 35 วันขึ้นไปหรือ
00:48:52 → 00:48:55 20-30 วันก็ลดลงไปได้สูงถึงประมาณ 10
00:48:55 → 00:48:59 กว่าวันเลยนะคะจะเห็นว่ายาลดลงเกินแบบ 50%
00:48:59 → 00:49:02 70% เนี่ยได้ค่อนข้างดีมากๆนะคะพอเวลา
00:49:02 → 00:49:04 แบบมาเก็บในคนไข้ที่เป็น Real World
00:49:04 → 00:49:07 จริงๆเนาะหมอว่า Real World มันมันต้อง
00:49:07 → 00:49:09 ได้ผลดีกว่าใน Study หลักอยู่แล้วแหละ
00:49:09 → 00:49:11 เพราะว่าใน Study หลักเขาก็จะกำอ่าเค้า
00:49:11 → 00:49:13 เรียกว่าลิมิการใช้ยาอื่นหรืออะไรด้วย
00:49:13 → 00:49:16 เพื่อให้แปลผลไม่ผิดพลาดอะไรอย่างเงี้ย
00:49:16 → 00:49:18 ค่ะแต่พอเรามาใช้ในเรบจริงๆอ่ะอ่ะอย่าง
00:49:18 → 00:49:21 ตัวหมอเองอย่างเงี้ยค่ะเวลาฉีดยาให้คนไข้
00:49:21 → 00:49:24 อ่ะมันไม่ใช่แค่ฉีดอ่ะค่ะมันต้องทำอย่าง
00:49:24 → 00:49:27 อื่นร่วมกันด้วยนะคะเช่นอ่ะฉีดยาไปแล้ว
00:49:27 → 00:49:31 เราก็ต้องadvวคนไข้ด้วยถึงเรื่องของการ
00:49:31 → 00:49:34 หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นถึงเรื่องของเอ่อการ
00:49:34 → 00:49:37 ปรับพฤติกรรมการนอนให้เพียงพออะไรต่างๆนะ
00:49:37 → 00:49:41 คะงั้นเอ่อรวมไปถึงการแม้จะฉีดยาแล้วแต่
00:49:41 → 00:49:43 บางคนเนี่ยยังมีข้อบ่งชี้ของการใช้ยารับ
00:49:43 → 00:49:46 ประทานเช่นคนความดันสูงอ่ะเราก็ปรับตัว
00:49:46 → 00:49:49 ความดันที่ป้องกันไมเกรนด้วยหรือว่าคนไข้
00:49:49 → 00:49:52 ที่มีเรื่องของกล้ามเนื้อตึงมีเอ่อภาวะ
00:49:52 → 00:49:54 เครียดหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะเราก็อาจจะ
00:49:54 → 00:49:56 ใช้ยาในกลุ่มที่ลดความตึงของกล้ามเนื้อยา
00:49:56 → 00:49:58 คลายเครียดอะไรเงี้ยเพราะฉะนั้นมันจะเป็น
00:49:58 → 00:50:00 เหมือนการ mix การพอเก็บในเรวมันจริงๆ
00:50:00 → 00:50:04 เนี่ยว่ามันประสิทธิภาพมันถึงดีกว่าแบบ
00:50:04 → 00:50:07 ที่ใช้ยาฉีดอย่างเดียวหรือว่าในงานวิจัย
00:50:07 → 00:50:09 ที่มันเวลาเราไปดูตัวเลขจริงๆเรารู้สึก
00:50:09 → 00:50:12 ว่ามันไม่ได้เยอะมากขนาดนั้นนะคะที่สำคัญ
00:50:12 → 00:50:15 อีกอันนึงก็คือเอ่ออย่างในเรวอันนี้ก็จะ
00:50:15 → 00:50:19 เป็นตัวเก็บยายาฉีดนะคะเอ่อในอเมริกาที่
00:50:19 → 00:50:22 เป็นยาดริบไมเกรนเนี่ยเอ่อเค้าเรียกว่า
00:50:22 → 00:50:25 รีวิว study อันเนี้ยน่าสนใจตรงไหนหมอว่า
00:50:25 → 00:50:29 น่าสนใจตรงที่โอเคเขาก็เก็บข้อมูลตรง
00:50:29 → 00:50:33 เรื่องของจำนวนวันยาแก้ปวดอะไรมันก็ลดลง
00:50:33 → 00:50:37 อ่ะอยู่ละแต่สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของ
00:50:37 → 00:50:41 อาการอื่นๆน่ะค่ะที่ในไมเกรนที่หมอเคยพูด
00:50:42 → 00:50:44 ว่ามันมีอาการอื่นๆอาการร่วมนะที่เรา
00:50:44 → 00:50:47 เรียกว่า most Butterm
00:50:47 → 00:50:51 sympom แสงความไวกลิ่นที่มากกว่าคนปกติ
00:50:51 → 00:50:55 วัยเสียงนะคะรวมไปถึงอาการเบนฟหรืออาการ
00:50:55 → 00:50:59 สมองล้าอาการเวียนศีรษะซีสต่างๆที่เป็น
00:50:59 → 00:51:01 หนึ่งในอาการร่วมของไมเกรนเนี่ยเพราะว่า
00:51:01 → 00:51:06 กลุ่มที่ใช้ยาฉีดไปตรงเนี้ยลดลงด้วยนะคะ
00:51:06 → 00:51:11 เบนฟดีขึ้นนะคะเอ่อทนต่อกลิ่นต่อแสงต่อ
00:51:11 → 00:51:14 เสียงได้มากขึ้นรวมไปถึงการที่เขา้าจะ
00:51:14 → 00:51:17 กลับไปใช้ชีวิตกลับไปทำงานกลับไปทำอะไร
00:51:17 → 00:51:19 อย่างเงี้ยได้มีความสุขมากยิ่งขึ้นอันนี้
00:51:19 → 00:51:22 มันก็เห็นเป็นแบบมันเหมือนเป็นการเก็บข้อ
00:51:22 → 00:51:25 มูลของคนที่ใช้จริงๆมาว่าแบบเออจริงๆนอก
00:51:25 → 00:51:28 เหนือจากแค่ที่เรามองแค่ว่าแบบให้ปวดหัว
00:51:28 → 00:51:31 ลดลงอ่ะให้ปวดหัวเ่อจำนวนวันน้อยลงแต่
00:51:31 → 00:51:33 สิ่งอื่นที่มันได้ตามมาเหนือจากนั้นเนี่ย
00:51:33 → 00:51:37 คือเหมือนคนไข้ได้ชีวิตกลับมาค่ะอาการที่
00:51:37 → 00:51:39 บางอย่างอ่ะเค้าไม่รู้ว่ามันเป็นอาการ
00:51:39 → 00:51:41 ร่วมไมเกรนอ่ะอย่างเช่นสมองลาคิดไม่ออก
00:51:41 → 00:51:44 อย่างเงี้ยปรากฏว่าพอรักษาไมเกรนแล้วเออ
00:51:44 → 00:51:47 ตรงนี้มันดีขึ้นไปด้วยเหมือนกันนะคะหรือ
00:51:47 → 00:51:50 ความกลัวความกังวลต่างๆที่เค้าอาจจะเริ่ม
00:51:50 → 00:51:53 มีปัญหากับคนรอบข้างเริ่มแบบไม่อยากจะออก
00:51:53 → 00:51:55 ไปไหนไม่อยากจะไปเจอแดดไม่อยากจะไปเที่ยว
00:51:55 → 00:51:58 อะไรแบบเหมือนไม่อยากจะไปให้ไมเกรนมันถูก
00:51:58 → 00:52:01 กระตุ้นน่ะค่ะเค้ากลับมีความกล้าที่จะแบบ
00:52:01 → 00:52:04 อ่ะไปใช้ชีวิตได้มากขึ้นนะคะไปเที่ยวกับ
00:52:04 → 00:52:06 ครอบครัวได้มากขึ้นอะไรอย่างเงี้ยตรงนี้
00:52:06 → 00:52:08 เค้าก็เก็บความพึงพอใจหรือว่าเอ่อคุณภาพ
00:52:08 → 00:52:10 ชีวิตของคนไข้ตรงเนี้ยกลับมาเนาะก็พบว่า
00:52:11 → 00:52:14 เออกลุ่มที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
00:52:14 → 00:52:18 เนี่ยก็ได้ชีวิตคืนกลับมาจริงๆนะ
00:52:18 → 00:52:22 คะอีกอันนึงที่น่าสนใจอันเนี้ยอ่าก็เพิ่ง
00:52:22 → 00:52:25 ตีพิมพ์เมื่อปลายปีที่แล้วเหมือนกัน
00:52:25 → 00:52:28 เกี่ยวกับเรื่องของvestibularารไมเกรน
00:52:28 → 00:52:31 หรือกลุ่มไมเกรนที่มีอาการเวียนหัวเด่นนะ
00:52:31 → 00:52:37 คะเอ่อก็มีการใช้จริงๆเอ่อเหมาะในในทาง
00:52:37 → 00:52:39 ปฏิบัติจริงๆเนี่ยคนไข้เหมาะที่เป็นกลุ่ม
00:52:39 → 00:52:41 vestibular ไมเกรนแล้วก็ได้รับกลุ่มยา
00:52:41 → 00:52:44 ฉีดรักษาไมเกรนเนี่ยก็พบว่าได้ผลค่อนข้าง
00:52:44 → 00:52:48 ดีนะคะอาการเวียนหัวก็ลดลงแบบบางทีเราไป
00:52:48 → 00:52:50 กินยาเวียนหัวหรือรักษาเวียนหัวอะไรมา
00:52:50 → 00:52:52 แล้วก็ไม่ดีขึ้นน่ะแต่จริงๆคนไข้เป็น
00:52:52 → 00:52:55 ไมเกรนอย่างเงี้ยค่ะแล้วพอเรานำยาพวกยา
00:52:55 → 00:52:58 ยับยั้งสาร CGRP เนี่ยมาใช้ปรากฏว่าเออ
00:52:58 → 00:53:01 อาการเวียนหัวเขาก็ดีขึ้นจริงๆในหลายๆเคส
00:53:01 → 00:53:04 เลยนะคะตัว study นี้เองก็เลยเหมือนเก็บ
00:53:04 → 00:53:06 กลุ่มเนี้ยเหมือนกันแล้วก็เพิ่งตีพิมพ์มา
00:53:06 → 00:53:08 ปลายปีที่แล้วนะคะเราเรียกว่า Investment
00:53:08 → 00:53:11 Study นะคะเค้าก็พบว่าเออคนไข้ที่ฉีดยา
00:53:11 → 00:53:14 ไปเนี่ยนอกเหนือจากอาการปวดหัวที่ดีขึ้น
00:53:14 → 00:53:17 อาการateหรืออาการเวียนหัวคนไข้ก็ดีขึ้น
00:53:17 → 00:53:19 อย่างมีนัยยะสำคัญอีกเหมือนกันนะคะเพราะ
00:53:19 → 00:53:22 ฉะนั้นตัว vestul ไมเกรนเองมันก็เลย
00:53:22 → 00:53:24 เหมือนแบบเป็นคนไข้เป็นไมเกรนเนี่ยเอ่อ
00:53:24 → 00:53:26 มันไม่ใช่แค่ปวดหัวแต่อาการอะไรที่มัน
00:53:26 → 00:53:30 สัมพันธ์กับไอ้อ่ากลไกการเกิดโรคตรงเนี้ย
00:53:30 → 00:53:32 เกี่ยวกับสาร GTR CGRP ตรงเนี้ยมันช่วย
00:53:32 → 00:53:34 หมดเลยนะ
00:53:34 → 00:53:39 คะทีนี้ก็จะเห็นแล้วว่าอ่ะทั้งหมดเนี่ยก็
00:53:39 → 00:53:44 เป็นการแบบเอ่อนำไปสู่ว่าทำไมตัวเอ่อเอ่อ
00:53:44 → 00:53:46 International Headach Society อ่ะเขา
00:53:46 → 00:53:49 เถึงก็อ่ะสรุปตีพิมพ์มาเดือนที่แล้ว
00:53:49 → 00:53:52 เหมือนกันว่าเออมันก็เหมือนแบบมันต้อง
00:53:52 → 00:53:56 อัปเดตแล้วแหละว่าเอ่อเหมือนการใช้ยาฉีด
00:53:56 → 00:54:00 รักษาไมเกนควรจะแบบเออพิจารณาแรกๆอ่ะไม่
00:54:00 → 00:54:03 ใช่รอให้คนไข้ไปแบบเฟลเลียยากินก่อนแล้ว
00:54:03 → 00:54:05 นะอะไรอย่างเงี้ยค่ะสมมุติว่าเราเลยัง
00:54:05 → 00:54:08 เห็นแล้วว่าคนๆเนี้ยเค้าดูจะปวดเยอะเป็น
00:54:08 → 00:54:11 เยอะอย่างเงี้ยมันก็ไม่ใช่แบบไปรอค่อยๆ
00:54:11 → 00:54:15 ปรับยาทีละตัวค่ะข้อเสียของยากินเนี่ยคือ
00:54:15 → 00:54:17 ช้าออกฤทธิ์ช้าเช่นยาแต่ละตัวกว่าจะออก
00:54:17 → 00:54:20 ฤทธิ์เนี่ยก็ประมาณ 4 สัปดาห์แล้วเวแล้ว
00:54:21 → 00:54:22 ด้วยความที่ผลข้างเคียงเขาเยอะอย่างเช่น
00:54:22 → 00:54:25 ที่เอ่อหมอบอกไว้อย่างเรื่องโทีเมดเนี่ย
00:54:25 → 00:54:27 เวลาจะปรับเนี่ยสมมุติว่าเราต้องปรับไป
00:54:27 → 00:54:29 ถึง 50 หรือ 100 มลกรัเราก็ไม่สามารถให้
00:54:29 → 00:54:31 คนไข้ 50 มิลกรัได้ตั้งแต่แรกคนไข้ก็จะ
00:54:31 → 00:54:34 มึนเบลอแล้วเราก็ต้องค่อยๆปรับจาก 25 อ่ะ
00:54:34 → 00:54:37 อีกเดือนนึงมา 50 หมายความว่า 2 เดือน
00:54:37 → 00:54:40 ผ่านไปบางทียายังไม่ได้ระดับเลยค่ะแต่ใน
00:54:40 → 00:54:42 เกณฑ์เราที่แบบเดิมทีอาจจะเป็นอยู่เลเวล
00:54:42 → 00:54:46 เนี้ยแล้วพอ 2 เดือนผ่านไปก็ไปเลเวลเนี้ย
00:54:46 → 00:54:49 ยาก็ปรับตามมาอ่ะพอปรับยาได้ทีละนิดขึ้น
00:54:49 → 00:54:51 ไปอีกเอ่อไมเกรนหนีเราไปอีกมันเป็นเรื่อง
00:54:51 → 00:54:55 ของการที่เหมือนเราไม่สามารถเอาชนะไมเกรน
00:54:55 → 00:54:58 หรือว่าโปรเกชการดำนโรคของไมเกรนได้จริงๆ
00:54:58 → 00:55:02 สักทีนะคะถึงเอายากลุ่มที่ไซส์ไม่ใช้
00:55:02 → 00:55:04 เอฟเฟคเนาะอย่างเช่นกลุ่มยาฉีดหรือว่าให้
00:55:04 → 00:55:05 ประสิทธิภาพมันดียิ่งขึ้นเนี่ยเพื่อ
00:55:05 → 00:55:09 เหมือนแบบเราต้องการการหยุด process ของ
00:55:09 → 00:55:11 การดำเนินโรคของ inflammation
00:55:11 → 00:55:15 ของการอักเสบเราต้องการลดระดับสาร CGRP
00:55:15 → 00:55:18 ที่ทำให้คนไข้ไม่ไวต่อตัวกระตุ้นลงมาก่อน
00:55:18 → 00:55:22 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ค่อยอ่ะค่อยๆคุมโรคไป
00:55:22 → 00:55:26 อีกทีนึงนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็เลยนำมา
00:55:26 → 00:55:29 สู่เเปอร์นี้นะคะเห็นปว่าวันนี้งานวิจัย
00:55:29 → 00:55:32 เยอะมากคือแบบโอหมอเตรียมมาแบบว่าเยอะมาก
00:55:32 → 00:55:36 อยากแบบเหมือนมองภาพให้คนที่จะฉีดยาหรือ
00:55:36 → 00:55:39 ว่าคนที่เป็นไมเกรนเนี่ยเห็นภาพนิดนึงว่า
00:55:39 → 00:55:41 ทำไมมันถึงต้องฉีดอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็คือ
00:55:41 → 00:55:44 มันเปอร์เนี้ยก็คือเพิ่งตีพิมพ์เมื่อ
00:55:44 → 00:55:47 ประมาณซักน่าจะมีปีนี้เองนะคะก็คือ 2025
00:55:47 → 00:55:50 เหมือนกันเ้าบอกว่าไม่เอาละการรักษา
00:55:50 → 00:55:54 ไมเกรนแบบเก่าที่เราบอกเอา 50% รีดักชก็
00:55:54 → 00:55:57 คืออย่างเงี้ยที่หมอผ่านมามาทั้งหมดอ่ะ
00:55:57 → 00:56:00 ค่ะเวลาเขาเก็บคนไข้ไมเกงเขาจะเอา
00:56:00 → 00:56:05 50%ชหมายความว่าสมมุติว่าคนไข้ปวดหัว 20
00:56:05 → 00:56:10 วันถ้าลดลงมา 50% คือ 10 วันถือว่าโอเคละ
00:56:10 → 00:56:15 อ่าค่ะแต่ว่าปัจจุบันเราไม่เอาแล้วนะคะ
00:56:15 → 00:56:17 จริงๆอ่ะไม่ต้องปัจจุบันล็อคเนาะ common
00:56:17 → 00:56:20 sense เราก็ไม่เอาแล้วนะคะเพราะว่าอะไร
00:56:20 → 00:56:22 เพราะว่าคนที่ลดลงมาจาก 20 อ่ะไปเหลือ 10
00:56:22 → 00:56:25 คืออะไร 10 วันนั้นถามว่าเขาทำยังไง 10
00:56:25 → 00:56:28 วันที่ปวดไมเกรนน่ะเวลาคนไข้ปวดไมเกรนคน
00:56:28 → 00:56:30 ไข้รู้อยู่แล้วเป็นความปวดที่ไม่กินยาไม่
00:56:30 → 00:56:33 ได้มันไม่ใช่แค่ปวดแบบกล้ามเนื้อปวดตึงๆ
00:56:33 → 00:56:36 ปวดอดนอนน่ะค่ะฉะนั้นต่อให้คนไข้ลดจาก 20
00:56:36 → 00:56:39 มาเหลือ 10 คนไข้ก็มักจะยังต้องใช้ยารับ
00:56:39 → 00:56:42 ประทานแก้ปวดไมเกรนอยู่ดีอ่ะถามว่าถ้า
00:56:42 → 00:56:45 เกิดสมมุติว่าคนไข้กินเออกอหรือกินทริป
00:56:45 → 00:56:47 แทนซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าปริมาณที่ห้าม
00:56:47 → 00:56:50 กินเกินต่อเดือนคือ 10 เม็ดต่อเดือนถ้า
00:56:50 → 00:56:53 เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆคนไข้จะเกิด
00:56:53 → 00:56:55 medication overuse ใช้เทก็คือปวดหัว
00:56:55 → 00:56:58 จากที่ยาแก้ปวดมันเยอะเกินไปนะคะนึกภาพ
00:56:58 → 00:57:04 ตามนะปวดหัว 20 วันฉีดยาต่อให้ยาฉีดดีแค่
00:57:04 → 00:57:08 ไหนก็ตามลดลงมาเหลือ 10 วัน 10 วันกินยา
00:57:08 → 00:57:12 แก้ปวด 10 20 เพราะฉะนั้นติดตามไปคนไข้
00:57:12 → 00:57:15 กลับมาปวดเยอะขึ้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะและ
00:57:15 → 00:57:18 นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนบอกว่าฉีดยา
00:57:18 → 00:57:21 แล้วก็ยังไม่ได้ผลเพราะมันยังไม่เคย
00:57:21 → 00:57:25 สามารถลดความถี่ของไมเกรนลงไปถึงจุดที่
00:57:25 → 00:57:29 คุมไมเกรนได้จริงๆนะคะงั้นโดยส่วนตัวหมอ
00:57:29 → 00:57:31 ก็ไม่ใช้50%ชเท่าไหร่อยู่แล้วด้วยเพราะ
00:57:31 → 00:57:34 ว่าหมอรู้สึกว่าเฮ้ยปวด 10 วันน่ะปวด 12
00:57:34 → 00:57:37 วันปวดแบบ 8 วันมันก็ยังแบบปวดมากอ่ะส่วน
00:57:37 → 00:57:40 ใหญ่ก็คือจะแบบแทบจะต้องปรับรถลงไปให้คน
00:57:40 → 00:57:43 ไข้แทบไม่ปวดหัวเลยหรืออย่างน้อยก็ต้องลง
00:57:43 → 00:57:45 ไปจุดที่เขาบอกให้สตาร์ทยาจุดที่สตาร์ทยา
00:57:45 → 00:57:48 คือบอกปวดเกิน 4 ครั้งต่อเดือนต้องเริ่ม
00:57:48 → 00:57:52 ให้ยาป้องกันเพราะฉะนั้นง่ายๆเลยจะหยุดยา
00:57:52 → 00:57:54 ป้องกันได้คนไข้ก็ต้องปวดไม่เกิน 4 ครั้ง
00:57:54 → 00:57:56 ต่อเดือนถูกมั้ยคะถ้ายังปวดเกิน 4 ครั้ง
00:57:56 → 00:57:58 ต่อเดือนก็แสดงว่าคนไข้ยังต้องได้ยาป้อง
00:57:58 → 00:57:59 กันอยู่มันก็จะหยุดยาไม่ได้สักทีเพราะ
00:57:59 → 00:58:02 ฉะนั้นเวลารักษาเนี่ยส่วนใหญ่ก็คือจะแบบ
00:58:02 → 00:58:04 ปรับยังไงก็ได้ให้จนสุดท้ายคนไข้เนี่ยลง
00:58:04 → 00:58:06 ไปปวดน้อยกว่าอาทิตย์ละวันหรือ 4 ครั้ง
00:58:06 → 00:58:09 ต่อเดือนให้ได้นะคะซึ่งอันเนี้ยก็อ่ะ
00:58:09 → 00:58:11 เซฟฟาเจียก็ออกมาอีกเหมือนกันว่างั้นเรา
00:58:11 → 00:58:15 มาเซตstandนารดกันใหม่ทำให้มันเป็นแบบ
00:58:15 → 00:58:17 เป็นเหมือนเค้าเรียกว่าอะไรทุกคนคิด
00:58:17 → 00:58:20 เหมือนกันนะคะคือเขาก็ใช้คอนเซปตนี้เลย
00:58:20 → 00:58:23 ค่ะว่าไม่เอาแล้วนะไม่ใช้คำว่า 50% 75%
00:58:23 → 00:58:27 แล้วเพราะว่าจุดตั้งต้นของแต่ละคนไม่เท่า
00:58:27 → 00:58:31 กันโอเคปวด 10 วันลด 50% เหลือ 5 วันก็ก็
00:58:31 → 00:58:34 พอไหวแต่ถ้าปวด 30 วันลด 50% เหลือ 15
00:58:34 → 00:58:37 วันคนไข้ก็ยังเป็นไมเกรนเรื้อรังอยู่ดีนะ
00:58:37 → 00:58:40 คะฉะนั้นเราเลยมาใช้คำใหม่ดีกันดีกว่าก็
00:58:40 → 00:58:42 คือมาใช้คำว่าให้เป็นไมเกรน freedom ไป
00:58:42 → 00:58:45 เลยคือคนไข้แทบไม่ปวดหัวไปเลยก็คือเป้า
00:58:45 → 00:58:48 หมายของการรักษาเวลาคนไข้เริ่มต้นจากกี่
00:58:48 → 00:58:51 วันก็ตามแต่เราจะทำให้คนไข้อ่ะปวดน้อย
00:58:51 → 00:58:54 กว่า 4 วันให้ได้นะคะหรืออย่างน้อยต้อง
00:58:54 → 00:58:56 เป็น optimal control นะคะ optimal
00:58:56 → 00:58:58 control ก็คือไม่เกิน 4 นะคะถ้าเมื่อ
00:58:58 → 00:59:02 ไหร่ที่เป็นแค่ระดับ modest control
00:59:02 → 00:59:05 หรือว่าเอิ่มคุ้มได้กลางๆก็คือ 5-6 ครั้ง
00:59:05 → 00:59:08 ถือว่าเริ่มไม่พอแล้วนะเห็นมั้ยสัญญาณ
00:59:08 → 00:59:11 เริ่มบอกว่าไม่ไม่ได้อยู่ในโซนเขียวแล้ว
00:59:11 → 00:59:15 ไม่ได้อยู่ในเซฟโซนละนะคะและถ้าปวดเกิน 6
00:59:15 → 00:59:17 ครั้งต่อเดือนกลายเป็นเกือบสีแดงแล้วนะคะ
00:59:17 → 00:59:21 ก็คือไม่เพียงพอแล้วนะคะนะคะจะเห็นว่าแบบ
00:59:21 → 00:59:25 โหบางทีอ่ะเวลาเรารักษา 30 วันไปเหลือ 6
00:59:25 → 00:59:28 วันบางทีแบบดีใจละเ้ยหายแล้วหายแล้วหยุด
00:59:28 → 00:59:31 ยาแล้วะกันนะคะเดี๋ยวก็กลับมาใหม่นะคะ
00:59:31 → 00:59:35 เพราะว่าเดี๋ยวพอของขบวนการเกิดการอักเสบ
00:59:35 → 00:59:37 ในร่างกายถูกกระตุ้นซ้ำซ้ำๆเดี๋ยว 6 ก็
00:59:37 → 00:59:40 กลายเป็น 8 กลายเป็น 10 นะงั้นเราเวลา
00:59:40 → 00:59:42 รักษาแล้วเข้าสู่กระบวนการรักษาแล้วต้อง
00:59:42 → 00:59:45 กลับไปสู่จุดที่เป็น optimal control
00:59:45 → 00:59:48 หรือว่าจุดที่แทบจะเป็นไม่มีไมเกรนกำริบ
00:59:48 → 00:59:51 ให้ได้จริงๆอ่ะแล้วถามว่าแล้วเราจะไปตรง
00:59:51 → 00:59:55 นั้นได้ยังไงล่ะนะคะถ้าจะไปตรงนั้นให้
00:59:55 → 00:59:59 ได้ก็ต้องเริ่มให้เร็วถูกมั้ยคะสมมุติว่า
00:59:59 → 01:00:05 คนไข้เมื่อก่อนปวดหัวแบบ 8 ครั้งนะคะ 8
01:00:05 → 01:00:07 ครั้งเนี่ยเราก็จะมองว่าคนไข้เป็นกลุ่ม
01:00:07 → 01:00:09 High Frequency คือปวดถี่เยอะแต่ยังไม่
01:00:09 → 01:00:13 เรื้อรังอ่ะ 8 ครั้งเราอาจจะบอกว่าเออคน
01:00:13 → 01:00:15 ไข้ต้องได้ยาป้องกันแล้วนะงั้นเดี๋ยวเรา
01:00:15 → 01:00:20 มาเริ่มยากินป้องกันนะคะอ้าเดือนนี้เริ่ม
01:00:20 → 01:00:24 8 ปรับยากินปรากฏว่าอ่ะปรับได้น้อยๆ
01:00:24 → 01:00:27 เดือนหน้าอาจจะปวดไปเป็น 8 เหมือนเดิม
01:00:27 → 01:00:29 อยู่หรืออาจจะเพิ่มไปเป็น 10 อ่ะงั้นเรา
01:00:29 → 01:00:33 ปรับยากินนะนะคะอ่าเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะ
01:00:33 → 01:00:36 ยังปวดอยู่ 8 ครั้งนะคะทำแบบเนี้ยไป
01:00:36 → 01:00:38 เรื่อยๆมันก็เหมือนว่าเราไม่สามารถลด
01:00:38 → 01:00:41 จำนวนวันลงได้สักทีนะคะงั้นคอนเซปตใหม่
01:00:41 → 01:00:46 ถึงเอายาฉีดไมเกรนมาใช้เป็น first line
01:00:46 → 01:00:49 หรือมาใช้ให้เร็วขึ้นเพื่ออ่ะสมมุติว่าคน
01:00:50 → 01:00:52 ไข้ปวด 8 วันฉีดปุ๊บเนี่ยยังไงเรารู้ว่า
01:00:52 → 01:00:54 ยาฉีดอ่ะมันจะได้เกิน 50% แน่ๆอ่ะคนไข้
01:00:54 → 01:00:57 กลับมาเหลือ 4 วันเลยสบายใจนะคะหลังจาก
01:00:57 → 01:00:59 เหลือ 4 วันเสร็จปุ๊บจะคอนโทรลด้วยอะไรก็
01:00:59 → 01:01:03 ว่ากันละอาจจะฉีดต่อจะปรับยากินจะอะไรไป
01:01:03 → 01:01:05 ทริกเกอร์ง่ายละก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่
01:01:05 → 01:01:07 คอนโทรลได้ละนะคะแต่ถ้าเมื่อก่อนอย่าง
01:01:07 → 01:01:10 เงี้ยเมื่อก่อนไกดไลนเก่าๆบอกว่าอ่ะรอให้
01:01:10 → 01:01:12 เฟลยากิน 2 ตัวก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยฉีดหรือ
01:01:12 → 01:01:15 ว่ารอให้เป็นไมเกรนเรื้อรังก่อนแล้วค่อย
01:01:15 → 01:01:17 ฉีดอ่ะสมมุติว่าไมเกรนเรื้อรังอย่างเงี้ย
01:01:17 → 01:01:21 จากภาพคนสุดท้ายฉีดปุ๊บ 30 วันยาฉีดอ่ะ
01:01:21 → 01:01:24 จริงๆหมอว่าแบบโอเคฉีดมาจริงๆมันจะลดลง
01:01:24 → 01:01:27 ได้ถึงแบบสัก 7-80% เลยอ่ะ 30 วันลดลงไป
01:01:27 → 01:01:31 เหลือ 780 สมมุติได้ 80% เหลือ 6 วันอ้าว
01:01:32 → 01:01:34 ไม่เพียงพอละนะคะถือว่ายังคนไข้แล้วยัง
01:01:34 → 01:01:37 ปวดถี่นะคะเพราะฉะนั้นก็เลยเป็นคอนเซปต
01:01:37 → 01:01:39 ว่าเออปัจจุบันเนี่ยเริ่มให้เร็วเถอะอย่า
01:01:39 → 01:01:42 รอให้เป็นเรื้อรังเลยนะคะเพราะว่ากลุ่ม
01:01:42 → 01:01:45 ที่เป็นเรื้อรังไปแล้วเนี่ยไม่ใช่ว่ายา
01:01:45 → 01:01:47 ฉีดจะเอาอยู่แล้วนะคะต่อให้ยาฉีดปัจจุบัน
01:01:47 → 01:01:51 เนี่ยเอ่อผลการรักษามันค่อนข้างดีมาก
01:01:51 → 01:01:53 เนี่ยแต่ถ้าเป็นเรื้อรังไปแล้วอ่ะพอเป็น
01:01:53 → 01:01:56 เรื้อรังไปแล้วอ่ะกลไกการเกิดโรคมันเป็น
01:01:56 → 01:01:58 แบบคนละแบบไปแล้วอ่ะมันเกิด chronic
01:01:58 → 01:02:01 inflammation มันเกิดการกระตุ้นสาร
01:02:01 → 01:02:04 สื่อปาทที่นอกเหนือจาก CGRP พอพอพอเป็น
01:02:04 → 01:02:05 ไมเกนเลื้อล่ะมันจะไม่ใช่แค่ CGRP อย่าง
01:02:05 → 01:02:07 เดียวแล้วด้วยอย่างเดียวแล้วด้วยอ่ะค่ะ
01:02:07 → 01:02:09 มันจะเป็นโพสแบบอื้อหือพาร์ทเวย์ของความ
01:02:09 → 01:02:12 ปวดหรืออะไรที่มันเกิดความ sensitization
01:02:12 → 01:02:14 ไปหมดอ่ะเพราะฉะนั้นพอกลุ่มที่เป็นเรื้อ
01:02:14 → 01:02:16 รังจริงๆต่อให้ฉีดยาอย่างเดียวก็มักจะไม่
01:02:16 → 01:02:19 ค่อยได้ผลดีนักเท่ากับกลุ่มที่กำลังจะ
01:02:19 → 01:02:23 เรื้อรังนะคะฉะนั้นปัจจุบันเนี่ยก็เวลา
01:02:23 → 01:02:26 แนะนำก็คือเกิน 4 ครั้งเนี่ยรักษาได้และ
01:02:26 → 01:02:29 แล้วยิ่งถ้ามากลุ่มแตะๆอยู่ที่แบบความถี่
01:02:29 → 01:02:32 สูงๆก็คือประมาณสัก 8 ครั้งไม่เกินสัก 12
01:02:32 → 01:02:34 ครั้งเนี่ยถ้าเลือกยาฉีดได้ก็เลือกได้เลย
01:02:34 → 01:02:37 นะคะถ้าติดปัญหาเรื่องว่าฉีดยาไม่ไหวหรือ
01:02:37 → 01:02:40 อะไรก็เริ่มยากินให้มันเร็วแล้วก็รีบปรับ
01:02:40 → 01:02:43 ให้ทันแล้วสอนวิธีการกินยาแก้ปวดให้คนไข้
01:02:43 → 01:02:46 ทำยังไงให้กินไม่เกินเพื่ออย่างน้อยป้อง
01:02:46 → 01:02:49 กันการการดำเนินโรคที่มันจะไปเรื้อรังไป
01:02:49 → 01:02:53 ก่อนนะคะใส่คอนเซปตที่ถูกต้องเอ่อแนะนำ
01:02:53 → 01:02:55 วิธีการกินยาแก้ปวดอย่างถูกต้องเพื่อใช้
01:02:55 → 01:02:57 ไม่เกินไปก่อนนะคะแต่ถ้าใครที่เป็นเรื้อ
01:02:57 → 01:03:01 รังไปแล้วก็อย่าเพิ่งแบบท้อหรือหมดหวังนะ
01:03:01 → 01:03:04 คะรักษาก็ยังดีกว่าไม่รักษาเพราะว่าเรื้อ
01:03:04 → 01:03:07 รังมันมีความเรื้อรังได้อีกนะเรื้อรัง
01:03:07 → 01:03:09 ใหม่ๆเนี่ยคนไข้อ่ะสมมุติว่าปวดจาก 20
01:03:09 → 01:03:12 วันเป็นแบบ 20 กว่าวัน 30 วันน่ะเรื้อรัง
01:03:12 → 01:03:14 ใหม่ๆจะยังกินยาแก้ปวดถ่ายนะคะแบบว่าโอเค
01:03:15 → 01:03:17 ต่อให้ต้องกินยาทุกวันเนี่ยยังได้ผลแต่พอ
01:03:17 → 01:03:21 เรื้อรังไปเรื่อยๆอ่ะกินยาก็ไม่ได้ผลแล้ว
01:03:21 → 01:03:24 อันนั้นเนี่ยหนักสุดเลยเพราะว่ากินยาแก้
01:03:24 → 01:03:27 ปวดก็ไม่หายละก็เท่ากับว่าปวดหัวทุกวันจะ
01:03:27 → 01:03:30 ใช้ยาป้องกันก็เริ่มไม่ค่อยดีและนะคะเนาะ
01:03:30 → 01:03:33 ฉะนั้นอย่าให้ไปถึงจุดนั้นหรือถ้าตอนนี้
01:03:33 → 01:03:35 ใครมีจุดนั้นอยู่ก็ต้องรีบรักษาอย่าให้
01:03:35 → 01:03:37 มันไปต่ออีกนะ
01:03:37 → 01:03:41 คะสุดท้ายก็จะมาสู่จุดที่ว่าอ่ะแล้วเราจะ
01:03:41 → 01:03:44 หยุดยาเมื่อไหร่นะคำถามคือเริ่มยาตอน
01:03:44 → 01:03:46 เนี้ยคนไม่ค่อย question ละใช้เป็น first
01:03:46 → 01:03:49 line เลยนะคะแต่จะใช้ไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ
01:03:49 → 01:03:52 นะคะอันเนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยนะคะเพราะ
01:03:52 → 01:03:56 ว่ายาฉีดปัจจุบันคืออ่ะติดเรื่องราคาแหละ
01:03:56 → 01:03:58 หมอว่าความปลอดภัยหรืออะไรใน Real World
01:03:58 → 01:04:00 Study เนี่ยติดตามกันมาค่อนข้างแบบหลาย
01:04:00 → 01:04:03 ปีระดับนึงเนี่ยผลข้างเคียงมันค่อนข้าง
01:04:03 → 01:04:06 น้อยและปลอดภัยนะคะถ้าจะติดจะเลิกจะหยุด
01:04:06 → 01:04:08 ฉีดกันจริงๆก็ติดเรื่องที่เรื่องของตัว
01:04:08 → 01:04:11 ไฟแนาหรือว่าเรื่องของราคาเนี่ยแหละนะคะ
01:04:11 → 01:04:13 แม้ในต่างประเทศเองก็เหมือนกันนะคะเพราะ
01:04:13 → 01:04:16 ฉะนั้นเนี่ยมันก็เลยมีว่าอ่ะแล้วเราจะ
01:04:16 → 01:04:20 หยุดยาเมื่อไหร่ล่ะนะคะง่ายๆเลยค่ะคือถ้า
01:04:20 → 01:04:24 เอาคอนเซปตนะคะก็คือเราต้องการคุมไมเกรน
01:04:24 → 01:04:27 ให้ได้ก่อนเนาะอย่างถ้าเป็นหมอส่วนใหญ่
01:04:27 → 01:04:29 หมอก็จะใช้อันนี้เหมือนกันก็คือว่าก็ใน
01:04:29 → 01:04:31 เมื่อถ้าปวดเกิน 4 ครั้งต่อเดือนคือจุด
01:04:31 → 01:04:34 ที่ต้องเริ่มยาป้องกันเพราะฉะนั้นถ้าคน
01:04:34 → 01:04:37 ไข้ยังไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งต่อเดือนมักจะ
01:04:37 → 01:04:40 ยังหยุดยาไม่ได้นะคะถ้าเรายึดๆคอนเซปตนี้
01:04:40 → 01:04:43 ปุ๊บมันไม่มีละว่าคนไข้จะต้องได้ยาป้อง
01:04:43 → 01:04:45 กันนานเท่าไหร่เพราะแต่ละคนไม่เท่ากันแน่
01:04:45 → 01:04:49 นอนนึกภาพว่าถ้าคนที่เริ่มจาก 30 ไปเหลือ
01:04:49 → 01:04:55 20 ไปเหลือ 15 ไปเหลือ 10 ไปเหลือ 5 ไป
01:04:55 → 01:04:58 เหลือ 4 6 เดือนผ่านไปอ่ะจาก 30 เหลือ 4
01:04:58 → 01:05:01 นี่คือเก่งละนะคะเพราะฉะนั้น 6 เดือนผ่าน
01:05:01 → 01:05:05 ไปเพิ่งเริ่มคุ้มได้นะคะแล้วคอนเซปตของ
01:05:05 → 01:05:07 การรักษาไมเกนนักนับจากจุดที่เริ่มคุมได้
01:05:07 → 01:05:09 เนี่ยอย่างเช่นขุ่มคุมจุดที่เริ่มแบบน้อย
01:05:10 → 01:05:11 กว่า 4 ครั้งต่อเดือนละเราต้องคุมต่อไป
01:05:11 → 01:05:14 อีกนะไม่ใช่ 4 ปุ๊บแล้วหยุดเลยนะคะต้อง
01:05:14 → 01:05:17 ให้มั่นใจว่าสมองเนี่ยไม่ไวต่อตัวกระตุ้น
01:05:17 → 01:05:20 แล้วจริงๆเพราะฉะนั้นพอจุดที่มันต่ำกว่า 4
01:05:20 → 01:05:21 ครั้งแล้วอาจจะต้องคุมต่อไปอีกอย่างน้อย
01:05:21 → 01:05:24 ประมาณสัก 6 เดือนอย่างเงี้ยค่ะงั้นคนที่
01:05:24 → 01:05:26 เริ่มจากเป็นโครนิคไมเกรนหรือไมเกรนเรื้อ
01:05:26 → 01:05:29 รังระยะเวลารวมๆถึงอาจจะต้องใช้ประมาณ 12
01:05:29 → 01:05:33 เดือนถึง 18 เดือนนะคะอ่าตามเอ่อไกด์ไลน์
01:05:33 → 01:05:36 ของตัวยูโรเปียนหรือว่าเ่อของอเมริกาเอง
01:05:36 → 01:05:37 เดี๋ยวนี้ก็เลยแนะนำว่าโอเคถ้าเกิดเป็น
01:05:37 → 01:05:39 กลุ่มเรื้อรังเนี่ยก็ควรจะฉีดอย่างน้อย
01:05:39 → 01:05:42 12-18 เดือนเหมือนกันนะคะเป็นตัวเลข
01:05:42 → 01:05:45 คร่าวๆแต่หมอว่ามันเริ่มที่จุดตั้งต้นของ
01:05:45 → 01:05:48 แต่ละคนและการตอบสนองของแต่ละคนด้วยบางคน
01:05:48 → 01:05:50 แบบเป็นเรื้อรางจริงแต่เหมือนเพิ่งเป็น
01:05:50 → 01:05:52 เรื้อรังไม่นานมากหรือว่าไม่ได้มีภาวะใช้
01:05:52 → 01:05:55 ยาแก้ปวดเยอะไปด้วยเนี่ยบางทีรักษาเลยดี
01:05:55 → 01:05:58 เลยก็อาจจะหยุดยาได้เร็วขึ้นนะคะถ้าเป็น
01:05:58 → 01:06:02 กลุ่มที่เป็นepิโซิหรือที่ปวดยังไม่เยอะ
01:06:02 → 01:06:03 มากเช่นปวดความถี่สูง 8 ครั้ง 10 ครั้ง
01:06:04 → 01:06:06 อันนี้ยิ่งง่ายเพราะส่วนใหญ่พอฉีดไปแล้ว
01:06:06 → 01:06:08 ปุ๊บหรือว่าเริ่มยาป้องกันแล้วปุ๊บส่วน
01:06:08 → 01:06:10 ใหญ่มักจะมาสู่ในจุดที่คอนโทรลได้เลย
01:06:10 → 01:06:12 เหมือนกันนะคะงั้นกลุ่มที่เป็นปวดครั้ง
01:06:13 → 01:06:15 คราวที่ยังไม่ได้เรื้อรังเนี่ยประมาณสัก 6
01:06:15 → 01:06:17 เดือนเนี่ยส่วนใหญ่เอาอยู่แล้ว 3 เดือน
01:06:17 → 01:06:19 เนี่ยคือมักจะต้องแบบแตะน้อยกว่า 4 ครั้ง
01:06:19 → 01:06:22 ให้ได้แล้วแล้วก็คอนโทรลต่อไปนะคะก็จะฉีด
01:06:22 → 01:06:25 ยาอยู่ประมาณ 6 เดือน 12 เดือนนะคะเอ่อ
01:06:25 → 01:06:28 ระยะเวลา 12 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 18
01:06:28 → 01:06:30 เดือนจริงๆไม่ได้จำเป็นจะต้องเป็นการฉีด
01:06:30 → 01:06:34 ยาอย่างเดียวเท่านั้นนะคะมันคือการป้อง
01:06:34 → 01:06:37 กันคลุมไมเกรนเพราะฉะนั้นจริงๆนับรวมหมด
01:06:37 → 01:06:41 นะไม่ว่าจะเป็นยาฉีดยากินไลฟ์สไตล์การ
01:06:41 → 01:06:43 ปรับพฤติกรรมนะคะแค่จริงๆเราเลี่ยงตัว
01:06:43 → 01:06:45 กระตุ้นก็เหมือนเป็นหนึ่งในยาการรักษา
01:06:45 → 01:06:48 ไมเกรนของเราแล้วอย่าไปฟิกว่าเราจะต้อง
01:06:48 → 01:06:50 แบบฉีดยาเท่านั้นฉีดยาอย่างเดียวแล้วหาย
01:06:50 → 01:06:53 เลยยามันยังไม่ได้วิเศษขนาดนั้นนะคะถ้า
01:06:53 → 01:06:55 เราไม่ปรับอย่างอื่นร่วมกันด้วยยังไปเจอ
01:06:55 → 01:06:57 ตัวกระตุ้นอยู่เรื่อยๆอ่ะอย่างบางคน
01:06:57 → 01:06:59 สมมุติตัวกระตุ้นเป็นแอลกอฮอล์ต่อให้ฉีด
01:06:59 → 01:07:02 ยาไปแล้วไปดื่มแอลกอฮอล์ก็ปวดนะคะเพราะ
01:07:02 → 01:07:05 ฉะนั้นเอ่อการรักษาไมเกรนที่ดีที่สุดจริง
01:07:05 → 01:07:07 ๆก็คือเลี่ยงให้เราไม่ปวดอ่ะตัวกระตุ้น
01:07:07 → 01:07:08 อะไรที่ทำให้เราปวดแล้วเราเลี่ยงสิ่งนั้น
01:07:08 → 01:07:12 เนี่ยก็จะดีกว่านะ
01:07:12 → 01:07:17 คะก็มาสู่อ่ะพูดแบบว่าไกด์ไลน์ของทั่วโลก
01:07:17 → 01:07:19 นะคะของ international
01:07:19 → 01:07:23 ของอเมริกามานะคะก็มาฉู่ของไทยจริงๆไทยก็
01:07:23 → 01:07:26 ล้อไปกันกับทางฝั่งยุโรปและอเมริกาเนี่ย
01:07:26 → 01:07:30 ล่ะค่ะนะคะก็อันนี้ก็ตั้งแต่ 2565 ก็คือ 3
01:07:30 → 01:07:33 ปีแล้วแหละก็มีการนำตัวยาฉีดไมเกรนมาใช้
01:07:33 → 01:07:35 ค่อนข้างเยอะมากเหมือนกันนะคะอย่างเอ่อ
01:07:35 → 01:07:38 คือของหมอเอก็ใช้มาตั้งแต่ตอนที่ตัวยา
01:07:38 → 01:07:41 เข้ามาใหม่ๆเพราะฉะนั้นมันก็จะเกินเกิน 5
01:07:41 → 01:07:44 6-7 ปีอยู่ละนะคะซึ่งอ่าในถ้าในตาม
01:07:45 → 01:07:47 ไกด์ไลน์ของเราจริงๆก็คือยังเอาปวดคนที่
01:07:47 → 01:07:48 เป็นกลุ่ม High Frequency ก็คือปวด
01:07:48 → 01:07:51 ประมาณมากกว่า 8 ครั้งขึ้นไปก่อนนะคะ
01:07:51 → 01:07:55 เพื่อที่จะได้ให้ประโยชน์จากยาสูงสุดนะ
01:07:55 → 01:07:57 แต่อ่าอย่างที่บอกคือถ้าคอนเซปตใหม่ก็คือ
01:07:57 → 01:07:59 เกิน 4 ครั้งที่ต้องได้ยาป้องกันถ้าใคร
01:07:59 → 01:08:03 ที่ prefer ไม่อยากกินยากินเลยก็สามารถนำ
01:08:03 → 01:08:06 มาใช้เป็น first line ได้แล้วเหมือนกัน
01:08:06 → 01:08:09 นะคะแล้วก็จะถ้าอย่างในไทยเองก็จะยังเป็น
01:08:09 → 01:08:11 กลุ่มที่แบบโอเคเฟลยากินก็คล้ายๆต่าง
01:08:11 → 01:08:14 ประเทศล่ะค่ะกลุ่มไมเกรนเรื้อรังกลุ่มที่
01:08:14 → 01:08:17 กินยากินแล้วมีผลข้างเคียงอะไรประมาณนั้น
01:08:17 → 01:08:20 นะคะซึ่งเดี๋ยวคิดว่าในหลังจากที่เรามี
01:08:20 → 01:08:22 ข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆเนี่ยเราก็จะสามารถ
01:08:22 → 01:08:25 เอาเอ่อตัวยาฉีดเนี่ยมาเป็นตัว First
01:08:25 → 01:08:28 Line ดักนะคะเหมือนกันนะ
01:08:28 → 01:08:30 คะสุดท้าย
01:08:30 → 01:08:36 คือก็หมอว่าการรักษาไมเกรนมันยามันส่วน
01:08:36 → 01:08:40 หนึ่งมันมาเป็นจุดที่เหมือนเป็นความหวัง
01:08:40 → 01:08:44 ให้กับคนไข้ที่แบบว่าอาจจะเป็นมานานๆแล้ว
01:08:44 → 01:08:46 แล้วรู้สึกว่าก็เคยเข้าสู่ขบวนการรักษา
01:08:46 → 01:08:50 แล้วเคยได้ยากินป้องกันแล้วแล้วกินยาไม่
01:08:50 → 01:08:52 ได้หรืออาจจะหยุดไปก่อนด้วยเหตุผลอะไรก็
01:08:52 → 01:08:56 แล้วแต่เนี่ยอยากให้รู้ว่าไมเกรนปัจจุบัน
01:08:56 → 01:09:01 น่ะคือยามันพัฒนาไปไกลมากๆแล้วก็
01:09:01 → 01:09:04 ประสิทธิภาพหรืออะไรต่างๆเนี่ยมันดีขึ้น
01:09:04 → 01:09:06 มากๆนะคะถึงแม้เราจะไม่ใช้ยาฉีดแต่ว่าเรา
01:09:06 → 01:09:08 แค่เข้าใจคอนเซปตของตัวโรคมากยิ่งขึ้น
01:09:08 → 01:09:12 เนี่ยเราก็จะสามารถคุมไมเกรนของเราเนี่ย
01:09:12 → 01:09:16 ได้ดียิ่งขึ้นนะคะงั้นจริงๆสุดท้ายคือเรา
01:09:16 → 01:09:20 ต้องเข้าใจไมเกรนของเราก่อนนะว่าเราอยู่
01:09:20 → 01:09:24 ในจุดไหนเราเป็นไมเกรนแบบไหนเป็นแค่แบบ
01:09:24 → 01:09:29 นานๆทีมาทีหรือจริงๆมันเริ่มมาสม่ำเสมอ
01:09:29 → 01:09:32 หรือจริงๆเราเป็นความถี่สูงแล้วนะเกือบ
01:09:32 → 01:09:35 แล้วนะอีกนิดนึงคือเรื้อรังแล้วนะหรือเรา
01:09:35 → 01:09:39 เป็นเรื้อรังไปแล้วสิ่งเนี้ยจะไม่เกิด
01:09:39 → 01:09:42 ขึ้นหรือไม่รู้เลยว่าเราเป็นจุดไหนถ้าเรา
01:09:42 → 01:09:47 ไม่จดนะคะต่อให้คนไข้เดินมาหาหมอในวิสิต
01:09:47 → 01:09:51 แรกที่เจอกันแล้วหมอถามย้อนกลับไปอ่ะ
01:09:51 → 01:09:53 สมมุติว่าเดือนที่แล้วปวดหัวกี่วันคะสะ
01:09:53 → 01:09:56 ย้อนไปอีกเดือนนึงข้อข้อมูลที่ได้มักจะ
01:09:56 → 01:10:00 ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความจริง 100% เพราะ
01:10:00 → 01:10:03 มันมีเรื่องของตัวความจำที่มันอาจจะเรือน
01:10:03 → 01:10:06 ลงไปบ้างนะคะส่วนใหญ่ข้อมูลที่ได้มาอาจจะ
01:10:06 → 01:10:11 ตรงเป๊ะสัก 50% หรือ 70% นะคะยิ่งอาการ
01:10:11 → 01:10:13 ที่เป็นอาการปวดหัวด้วยแล้วอาหมอว่าถ้า
01:10:13 → 01:10:16 ปวดน้อยๆ 2 ครั้ง 3 ครั้งอันเนี้ยเป๊ะอ่ะ
01:10:16 → 01:10:18 หรือถ้าปวดทุกวันอันนั้นก็จำง่ายไม่ต้อง
01:10:19 → 01:10:23 จำอะไรมากทุกวันค่ะแต่กลุ่มที่ 10 วัน 15
01:10:23 → 01:10:27 วันอ่ะ 8 วัน 10 วัน 12 วัน 15 วันเนี่ย
01:10:27 → 01:10:30 จริงๆกลุ่มเนี้ยถ้าไม่ได้บันทึกจริงๆว่า
01:10:30 → 01:10:33 เออเราปวดหัวเรากินยาอันนี้ปวดน้อยๆไม่
01:10:33 → 01:10:36 ใช่กินยาเอแค่กล้ามเนื้อตึงๆเอออันนี้
01:10:36 → 01:10:39 ไมเกรนเรากินยามันแทบจะแยกจากกันค่อนข้าง
01:10:39 → 01:10:42 ยากมากๆเลยเพราะว่าข้อมูลมันเป็นข้อมูล
01:10:42 → 01:10:44 เหมือนเรานึกย้อนค่ะแต่ถ้าเกิดเราเริ่มจด
01:10:44 → 01:10:46 บันทึกของเราเนี่ยมันจะเหมือนเป็นข้อมูล
01:10:46 → 01:10:49 ที่เป็น real time อ่ะวันนี้ปวดก็อ่ะวัน
01:10:49 → 01:10:51 นี้ปวดไมเกรนอ่ะวันนี้ปวดอะไรก็ไม่รู้ว่า
01:10:51 → 01:10:53 ปวดหัวแต่ไม่รู้ว่าไม่มั่นใจไมเกรนหรือ
01:10:53 → 01:10:55 เปล่าโจทย์ไปก่อนอ่ะอะไรอย่างเงี้ยค่ะตรง
01:10:55 → 01:10:58 เนี้ยก็จะเป็นตัวที่มันบอกว่าไมเกรนเรา
01:10:58 → 01:11:01 อยู่ในจุดไหนดีที่สุดแล้วมันจะนำไปสู่ว่า
01:11:01 → 01:11:06 เราควรจะรักษาแบบไหนเราควรจะใช้ยาป้องกัน
01:11:06 → 01:11:08 แล้วหรือยังแล้วถ้าจะใช้ยาป้องกันเราควร
01:11:08 → 01:11:12 จะกินดีหรือว่าเราจะฉีดดีนะคะซึ่งข้อมูล
01:11:12 → 01:11:15 ตรงเนี้ยก็เริ่มจากที่คนไข้นี่แหละช่วย
01:11:15 → 01:11:19 หมอนะคะว่าเออเราเป็นไมเกรนมีอะไรเป็นตัว
01:11:19 → 01:11:23 กระตุ้นบ้างเราปวดกี่วันเราใช้ยาอะไรนะคะ
01:11:23 → 01:11:25 แล้วถ้าเป็นข้อมูลที่เอามาปรึกษากันก็จะ
01:11:25 → 01:11:29 เป็นแบบเหมือนมาเจอกันวิสิตแรกแล้วก็ได้
01:11:29 → 01:11:32 ข้อมูลที่แม่นยำแล้วก็รักษาได้เลยนะคะ
01:11:32 → 01:11:34 เพราะฉะนั้นก็อยากให้คนไข้ไมเกรนทุกคน
01:11:34 → 01:11:37 เนี่ยก็เริ่มจากอะไรง่ายๆแบบเนี้ยค่ะเนาะ
01:11:37 → 01:11:40 ปฏิทินจดที่บ้านก็ได้อ่ะในมือถือก็ได้ใน
01:11:40 → 01:11:43 แอปพลิเคชัก็ได้ในใครชอบเขียนไดก็เขียน
01:11:43 → 01:11:47 ไดอารี่ป่ะนะคะบรรยายมันออกมานะคะอย่าง
01:11:47 → 01:11:50 น้อยก็เหมือนเป็นที่บรรยายความรู้สึกวัน
01:11:50 → 01:11:52 นี้ปวดหัวไม่ไหวแล้วอะไรอย่างเงี้ยค่ะนะ
01:11:53 → 01:11:56 คะก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเริ่มเข้าใจ
01:11:56 → 01:11:59 ไมเกงของเราได้ได้ดียิ่งขึ้นแล้วมันก็จะ
01:11:59 → 01:12:02 ค่อยนำไปสู่ไอ้เรื่องที่พูดมาทั้งหมด
01:12:02 → 01:12:06 เนี่ยว่าเราจะใช้ยาอะไรกันดีนะคะก็อ่ะดู
01:12:06 → 01:12:11 ซิมีคำถาม
01:12:11 → 01:12:16 มยสวัสดีค่ะคุณกุ๋ยภูเก็ตนะคะส่วนตัวผม
01:12:16 → 01:12:19 ต้องกินพนal 10 มลกรัมวันละ 1 เม็ดทุก
01:12:19 → 01:12:22 เย็นและอิทิปทิน 10 มลกรัมก่อนนอนวันละ 1
01:12:22 → 01:12:24 เม็ดเป็นกินมาเป็นปีแล้วครับอ่านี้ก็เป็น
01:12:24 → 01:12:27 แบบยาป้องกันพื้นฐานเลยเนาะที่ใช้กันมา
01:12:27 → 01:12:30 นานถ้าทานได้ไม่มีผลข้างเคียงอะไรไม่ได้
01:12:30 → 01:12:33 ง่วงเกินไปนะคะแล้วคุมไมเกรนของเราได้ดี
01:12:33 → 01:12:37 อ่ะค่ะก็ทานต่อไปนะคะจนกว่าไมไมเกรนเราจะ
01:12:37 → 01:12:40 ไม่กำเลิบนะคะเนาะก็ไม่ได้จำเป็นจะต้อง
01:12:40 → 01:12:42 แบบฉีดยาอะไรนะ
01:12:42 → 01:12:46 คะคุณสาวชัยภูมิบอกหายใจไม่อิ่มแน่นหน้า
01:12:46 → 01:12:50 อกแน่นท้องถ่ายดำเป็นอะไรครับหมอโออันนี้
01:12:50 → 01:12:52 ต้องไปหาหมอนะคะเพราะว่าหลายอาการเลยอาจ
01:12:52 → 01:12:55 จะต้องเช็คเล็กนิดนึงนะถ่ายดำเนี่ยต้อง
01:12:55 → 01:12:57 ระวังว่าเป็นถ้าไม่ได้ทานทาตเหล็กหรือ
01:12:58 → 01:13:00 อะไรอยู่ก็ต้องระวังเรื่องของพวกเลือดออก
01:13:00 → 01:13:03 ในทางเดินอาหารนะคนกินยาแก้ปวดมานานๆโดย
01:13:03 → 01:13:06 เฉพาะกลุ่มเอ็นเซตอ่ะค่ะกลุ่มเนี่ยแก้ปวด
01:13:06 → 01:13:08 ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ทั้งอะไรก็คือแก้ปวด
01:13:08 → 01:13:10 ทั่วไปนั่นแหละส่วนใหญ่ปวดอะไรเราก็ได้
01:13:10 → 01:13:12 กลุ่มนี้ล่ะค่ะถ้ากินมานานๆส่วนใหญ่มี
01:13:12 → 01:13:15 โอกาสที่จะมีแผลในทางเดินอาหารในกระเพาะ
01:13:15 → 01:13:17 อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะมีโอกาสที่แบบทำให้
01:13:17 → 01:13:19 เลือดออกมีถ่ายเป็นสีดำได้นะคะถ้าเกิด
01:13:20 → 01:13:22 ถ่ายดำจริงๆอันนี้ต้องไปหาหมอนะ
01:13:22 → 01:13:27 คะคุณวัชนีบอกว่าเป็นเรื้อรังแล้วค่ะแสดง
01:13:27 → 01:13:31 ว่าเอ่อปวดเกิน 15 วันแล้วเนาะนะคะถ้า
01:13:31 → 01:13:36 กลุ่มนี้นะคะอ่าก็ควรจะควรจะเริ่มการ
01:13:36 → 01:13:41 รักษานะคะปรึกษาคุณหมอก่อนเลยอ่ะนะไม่
01:13:41 → 01:13:43 จำเป็นหรอกว่าจะเป็นแบบยาฉีดยากินยาอะไร
01:13:43 → 01:13:45 อ่ะแบบแต่คือถ้าเป็นเรื้อรังแล้วยังไง
01:13:45 → 01:13:47 ต้องรักษานะคะถ้าปล่อยไว้เนี่ยเดี๋ยวมัน
01:13:47 → 01:13:50 จะเกิดยิ่งเรื้อรังขึ้นไปอีกแล้วก็ส่วน
01:13:50 → 01:13:52 ใหญ่ที่ตามมาคือเรื่องของโรคโคร่วมอ่ะค่ะ
01:13:52 → 01:13:55 เนาะวิตกกังวลซึมเศร้าเนี่ยในไมเกรนตอน
01:13:55 → 01:13:58 ที่เป็นไม่หนักอาจจะเจอแค่สัก 30% น่ะค่ะ
01:13:58 → 01:14:01 แต่ถ้าพอเป็นเรื้อรังนะคะเกิน 50% แน่นอน
01:14:01 → 01:14:03 อยู่แล้วอ่ะนึกภาพเราปวดหัวทุกวันน่ะจะมี
01:14:03 → 01:14:06 ความสุขได้ยังไงใช่มั้คะแล้วก็มันก็จะ
01:14:06 → 01:14:08 ต้องวิตกกังวลอยู่แล้วแบบเราเป็นอะไรตรวจ
01:14:08 → 01:14:10 อะไรก็ไม่เจออะไรอย่างเงี้ยค่ะเมื่อไหร่
01:14:10 → 01:14:12 จะหายอะไรอย่างเงี้ยแล้วก็รวมไปถึงกลไก
01:14:12 → 01:14:15 การเกิดโรคเองทั้งไม่เกณฑแล้วก็ซูมเช่า
01:14:15 → 01:14:17 มันก็แชร์กลไกการเกิดโรคเดียวกันน่ะเพราะ
01:14:17 → 01:14:22 ฉะนั้นก็เอ่อรักษารักษาแล้วทางไม่บางคนไป
01:14:22 → 01:14:24 รักษาซึมเศร้าก่อนไมเกรนก็ดีขึ้นรักษา
01:14:24 → 01:14:27 ไมเกรนก่อนซึมเศร้าก็ดีขึ้นนะคะฉะนั้นก็
01:14:27 → 01:14:29 รักษาทางใดทางหนึ่งหรือร่วมกันไปเลยได้
01:14:29 → 01:14:32 ยิ่งดีนะคะเนาะขอให้เข้าสู่กระบวนการ
01:14:32 → 01:14:37 รักษาค่ะคุณแอนบอกว่าหาสาเหตุหาสาเหตุไม่
01:14:37 → 01:14:40 เจออ้อเดี๋ยวนะคะต้องเอาประโยคแรกก่อน
01:14:40 → 01:14:44 สามีมึนแบบสมองไม่โล่งเป็นมาเป็นปีค่ะหา
01:14:44 → 01:14:46 สาเหตุไม่เจอหาหมออะไรที่แรกค่ะถ้าเป็น
01:14:46 → 01:14:49 มึนนะคะไม่ใช่ปวดอันเนี้ยเอ่อจะมีไลฟ์ที่
01:14:49 → 01:14:52 แล้วอ่ะค่ะที่ที่หมอไลฟ์เรื่องมึนศีรษะ
01:14:52 → 01:14:55 เรื้อรังไว้นะคะจะให้คุณแอนลองไปฟังดูนิด
01:14:55 → 01:14:58 นึงนะคะอาจจะพอดูว่าเข้าข่ายกับเราหรือ
01:14:58 → 01:15:01 เปล่าหรือยังมีอะไรที่บอกว่าตรวจมาหลายที
01:15:01 → 01:15:03 แล้วมีอันไหนที่ยังไม่ได้ตรวจหรือเปล่านะ
01:15:03 → 01:15:06 คะจะได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นนะเจอบ่อยๆก็
01:15:06 → 01:15:08 เป็นกลุ่มมึนศีรษะเรื้อรางจากสมองที่ปรับ
01:15:08 → 01:15:12 ตัวไม่ได้เนี่ยค่ะรวนๆแบบเหมือนเกิดอีเวน
01:15:12 → 01:15:15 มาแล้วมันเหมือนอ่าไม่สู่สภาวะปกตินะคะ
01:15:15 → 01:15:18 หรืออีกอันนึงก็คือเรื่องนอนกรนนะคะหรือ
01:15:18 → 01:15:20 ภาวะ obstructive sleep เนี่ยเนี่ยก็
01:15:20 → 01:15:23 เป็นสาเหตุที่เจอว่ามึนศีรษะเรื้อรังได้
01:15:23 → 01:15:24 บ่อยก็อาจจะต้องตรวจการนอนหลับเพิ่มเติม
01:15:24 → 01:15:29 อะไรต่อไปนะคะโอเคมีอีกมั้ยคะคุณพลอย
01:15:29 → 01:15:31 ไพรินทร์นะคะบอกว่าหนูเป็นไมเกรนเวียน
01:15:32 → 01:15:35 ศีรษะนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะก็อาการเวียน
01:15:35 → 01:15:40 ศีรษะเจอร่วมกับไมเกรนได้นะคะทั้งทั้งที่
01:15:40 → 01:15:42 เป็นแบบคนที่เป็นไม่เรื้อรังอ่ะสมมุติว่า
01:15:42 → 01:15:44 คนที่เป็นไม่เรื้อรังเนี่ยเวียนศีรษะอาจ
01:15:44 → 01:15:45 จะเป็นเหมือนหนึ่งในอาการร่วมอ่ะคือตอน
01:15:45 → 01:15:48 เราปวดหัวไมเกรนเราจะมีแบบปวดตึงกล้าม
01:15:48 → 01:15:52 เนื้อเวียนหัวอะไรอย่างเงี้ยได้หรือเป็น
01:15:52 → 01:15:54 โรคร่วมอันอื่นเช่นแบบเป็นไมเกรนด้วยแล้ว
01:15:54 → 01:15:56 มีน้ำในหูไม่เท่ากันหรืออะไรหูชั้นในผิด
01:15:57 → 01:15:58 ปกติอะไรอย่างเงี้ยด้วยก็ได้เพราะว่าคน
01:15:58 → 01:16:00 เป็นไมเกรนก็จะเสี่ยงต่อการเวียนหัวง่าย
01:16:00 → 01:16:03 หรือถ้าคนเป็นไมเกรนเรื้อรังอ่ะอันเนี้ย
01:16:03 → 01:16:05 มักจะเจอว่าแบบมักจะเวียนหัวร่วมด้วยมาก
01:16:06 → 01:16:08 ยิ่งขึ้นอีกนะคะเป็นหนึ่งในอาการที่อาจจะ
01:16:08 → 01:16:10 ไม่ได้ต้องมาแบบแอทackพร้อมกันแล้วอ่ะแต่
01:16:10 → 01:16:13 แบบคนไข้ไมเกรนเรื้อรังมักจะเวียนหัวเป็น
01:16:13 → 01:16:15 ส่วนใหญ่อะไรอย่างเงี้ยค่ะเนาะเพราะฉะนก็
01:16:15 → 01:16:19 เจอร่วมกันได้ก็เริ่มจากรักษาเอ่อเอ่อ
01:16:19 → 01:16:22 ไมเกรนนะคะบางทีเวียนหัวก็ดีขึ้นตามมา
01:16:22 → 01:16:25 ด้วยเลยนะคะแต่ถ้าเกิดแบบโอเครักษาไมเกรน
01:16:25 → 01:16:26 ไมเกรนดีขึ้นไปแล้วเวียนหัวไม่หายอันนั้น
01:16:26 → 01:16:28 อาจจะต้องหาสาเหตุเวียนศีรษะอื่นๆร่วม
01:16:28 → 01:16:32 ด้วยอีกเหมือนกันนะคะคำถามหมดแล้วเนาะ
01:16:32 → 01:16:37 โอเคก็สำหรับวันนี้นะคะก็ลงลึกนิดนึงนะคะ
01:16:37 → 01:16:40 แต่อยากมาเหมือนเป็นการแบบอัปเดตอ่าให้
01:16:40 → 01:16:43 ทุกคนได้ฟังดีกว่าว่าเราการรักษาไมเกนเรา
01:16:43 → 01:16:45 อยู่จุดไหนแล้วอ่ะแล้วแบบคนอื่นเขาทำอะไร
01:16:45 → 01:16:49 กันแล้วเราทำอะไรการแบบว่าทำไมมันถึงคือ
01:16:49 → 01:16:53 หมอว่าหมอพูดเรื่อง CGRP แล้วก็เรื่องการ
01:16:53 → 01:16:55 รักษาเยอะแต่อาจจะไม่ได้เคยแบบโชว์ว่าแบบ
01:16:55 → 01:16:57 เอองานวิจัยที่มันมาสนับสนุนว่าทำไมเรา
01:16:57 → 01:17:01 ถึงมาสู่ยุคที่มันต้องมาสู่การใช้ยา CGRP
01:17:01 → 01:17:04 และแบบนี้นะคะก็ฟังเพลินๆเนาะเป็นข้อมูล
01:17:04 → 01:17:09 ไว้ว่าให้รู้ที่มาที่ไปอ่ะว่าทำไมถึงถึง
01:17:09 → 01:17:12 มีการนำถึงมีการศึกษาสารตัวนี้ถึงมีการ
01:17:13 → 01:17:15 พัฒนายามารักษาแบบนี้นะคะเพราะว่ามีข้อ
01:17:15 → 01:17:19 จำกัดของยาในอดีตยังไงอะไรแบบนี้นะคะก็
01:17:19 → 01:17:21 หวังว่าคลิปนี้นะคะสำหรับคนเป็นไมเกรน
01:17:21 → 01:17:24 หรือเอ่อมีคนใกล้ตัวเป็นไมเกรนนะคะแล้วก็
01:17:24 → 01:17:27 กำลังแบบเออสงสัยเรื่องเกี่ยวกับเรื่อง
01:17:27 → 01:17:28 การรักษาในปัจจุบันอยู่ก็น่าจะได้
01:17:29 → 01:17:32 ประโยชน์อะไรกลับไปนะคะก็สำหรับวันนี้ก็
01:17:32 → 01:17:35 ค่ะเอ่อเท่านี้ก่อนนะคะสำหรับใครที่มี
01:17:35 → 01:17:37 คอมเมนต์เพิ่มเติมนะคะก็สามารถทิ้ง
01:17:37 → 01:17:39 คอมเมนต์ไว้ได้นะคะแล้วก็เดี๋ยวหมอก็จะมา
01:17:39 → 01:17:42 ตอบให้อีกครั้งนึงนะคะหรือถ้าใครมีเรื่อง
01:17:42 → 01:17:46 ไหนที่อยากให้แนะนำนะคะก็เอ่อทิ้งไว้ได้
01:17:46 → 01:17:49 นะคะว่าเอออยากให้ไลฟ์เรื่องนี้ค่ะนะน่า
01:17:49 → 01:17:50 จะเป็นประโยชน์กันหลายๆคนก็สามารถ
01:17:50 → 01:17:53 คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้นะคะสำหรับวันนี้ก็
01:17:53 → 01:17:55 สวัสดี