00:00:06 → 00:00:09 ผลของอาหารต่อสมอง
00:00:09 → 00:00:12 ถ้าดูดเอาความชื้นทั้งหมดออกจากสมองของคุณ
00:00:12 → 00:00:16 และแยกส่วนตาม องค์ประกอบสารอาหารพื้นฐาน
00:00:16 → 00:00:18 สมองจะมีหน้าตาอย่างไร
00:00:18 → 00:00:22 น้ำหนักของสมองที่เอาน้ำออกแล้ว ส่วนใหญ่มาจากไขมัน
00:00:22 → 00:00:24 หรือที่เรียกว่า ลิปิด
00:00:24 → 00:00:28 ส่วนที่เหลือ เป็นโปรตีนและกรดอะมิโน
00:00:28 → 00:00:30 สารอาหารรองอื่น ๆ อีกเล็กน้อย
00:00:30 → 00:00:32 และกลูโคส
00:00:32 → 00:00:37 แน่นอนว่า สมองเป็นมากกว่า สารอาหารต่าง ๆ ที่นำมารวมกัน
00:00:37 → 00:00:41 แต่สารอาหารแต่ละชนิด ส่งผลเฉพาะต่อการทำงาน
00:00:41 → 00:00:42 พัฒนาการ
00:00:42 → 00:00:43 อารมณ์
00:00:43 → 00:00:44 และพลังงาน
00:00:44 → 00:00:46 ดังนั้น ที่คุณเซื่องซึมหลังมื้ออาหาร
00:00:46 → 00:00:49 หรือตื่นตัวช่วงกลางคืน
00:00:49 → 00:00:54 ก็อาจเป็นแค่ผลที่อาหารมี ต่อสมองของคุณ
00:00:54 → 00:00:59 ในบรรดาไขมันในสมองของคุณ ดาราสำคัญคือ โอเมกา 3 และ 6
00:00:59 → 00:01:01 กรดไขมันจำเป็นเหล่านี้
00:01:01 → 00:01:05 ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม
00:01:05 → 00:01:07 มาจากอาหารที่เราบริโภคเท่านั้น
00:01:07 → 00:01:09 ดังนั้น การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโอเมกา
00:01:09 → 00:01:09 เช่น ถั่ว
00:01:09 → 00:01:10 เมล็ดพืช
00:01:10 → 00:01:11 และปลาที่มีไขมันมาก
00:01:11 → 00:01:16 จึงสำคัญต่อการสร้างและบำรุงรักษา เยื่อหุ้มเซลล์
00:01:16 → 00:01:19 แต่ในขณะที่โอเมกาเป็นไขมันที่ดีต่อสมอง
00:01:19 → 00:01:23 การบริโภคไขมันชนิดอื่น เช่น ไขมันทรานส์ และไขมันอิ่มตัวในระยะยาว
00:01:23 → 00:01:26 อาจส่งผลร้ายต่อสมอง
00:01:26 → 00:01:29 ในขณะเดียวกัน โปรตีน และกรดอะมิโน
00:01:29 → 00:01:32 อันเป็นหน่วยสารอาหาร ที่ช่วยให้ร่างกายเติบโตและพัฒนา
00:01:32 → 00:01:35 กำกับความรู้สึกและพฤติกรรมของเรา
00:01:35 → 00:01:39 กรดอะมิโนมีสารตั้งต้นของสารสื่อประสาท
00:01:39 → 00:01:43 ซึ่งเป็นสารเคมี ที่นำสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท
00:01:43 → 00:01:45 และส่งผลต่อสิ่งต่าง ๆ เช่น อารมณ์
00:01:45 → 00:01:46 การนอนหลับ
00:01:46 → 00:01:47 สมาธิ
00:01:47 → 00:01:49 และน้ำหนัก
00:01:49 → 00:01:53 จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เรารู้สึกเนือย หลังจากกินพาสต้าจานโต
00:01:53 → 00:01:56 หรือตื่นตัวขึ้นหลังกินอาหารที่มีโปรตีนสูง
00:01:56 → 00:01:59 ส่วนผสมของสารประกอบที่ซับซ้อนในอาหาร
00:01:59 → 00:02:04 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองให้หลั่ง สารที่ส่งผลต่ออารมณ์ อย่างเช่น นอร์อิพิเนฟริน
00:02:04 → 00:02:06 โดพามีน
00:02:06 → 00:02:07 หรือ เซโรโทนิน
00:02:07 → 00:02:09 แต่การส่งสารเหล่านี้ไปยังเซลล์สมองไม่ใช่เรื่องง่าย
00:02:09 → 00:02:13 และกรดอะมิโนต้องแข่งกัน เพราะสารเข้าถึงสมองได้จำกัด
00:02:13 → 00:02:17 การบริโภคอาหารที่หลากหลาย ช่วยคงสมดุล
00:02:17 → 00:02:19 ของสารสื่อประสาท
00:02:19 → 00:02:23 และคงสมดุลอารมณ์ ไม่ให้เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป
00:02:23 → 00:02:25 เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นในร่างกาย
00:02:25 → 00:02:30 สมองของเรายังได้รับประโยชน์ จากสารอาหารรอง เมื่อได้รับอย่างสม่ำเสมอ
00:02:30 → 00:02:32 สารต้านอนุมูลอิสระในผักและผลไม้
00:02:32 → 00:02:37 ช่วยให้สมองแข็งแรง พร้อมต่อกร กับอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์สมอง
00:02:37 → 00:02:41 ทำให้สมองทำงานได้ดีได้นานขึ้น
00:02:41 → 00:02:43 หากไม่มีสารอาหารรอง
00:02:43 → 00:02:44 เช่น วิตามิน บี 6
00:02:44 → 00:02:45 บี 12
00:02:45 → 00:02:47 และ กรดโฟลิก
00:02:47 → 00:02:51 สมองของเราก็จะอ่อนแอต่อ โรคสมองและภาวะสมองเสื่อม
00:02:51 → 00:02:53 แร่ธาตุต่าง ๆ ในปริมาณเล็กน้อย เช่น เหล็ก
00:02:53 → 00:02:54 ทองแดง
00:02:54 → 00:02:55 สังกะสี
00:02:55 → 00:02:56 และโซเดียม
00:02:56 → 00:03:01 ยังสำคัญต่อสุขภาพสมอง และพัฒนาการทางความจำในวัยเด็กด้วย
00:03:01 → 00:03:04 การที่สมองจะแปลงและสังเคราะห์
00:03:04 → 00:03:06 สารอาหารทรงคุณค่าเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพได้
00:03:06 → 00:03:08 ต้องอาศัยพลังงานปริมาณมาก
00:03:08 → 00:03:12 ในขณะที่สมองมนุษย์ มีน้ำหนักเพียงร้อยละ 2 ของน้ำหนักร่างกาย
00:03:12 → 00:03:16 แต่กลับใช้พลังงานถึงร้อยละ 20 ของพลังงานทั้งหมด
00:03:16 → 00:03:19 เราได้พลังงานส่วนใหญ่จากคาร์โบไฮเดรต
00:03:19 → 00:03:24 ที่ร่างกายย่อยเป็นกลูโคส หรือน้ำตาลในเลือด
00:03:24 → 00:03:28 อันที่จริงแล้ว สมองส่วนหน้าไว ต่อการลดลงของกลูโคสมาก
00:03:28 → 00:03:31 จนความสามารถของสมองที่เปลี่ยนไป นับเป็นหนึ่งในสัญญาณเบื้องต้น
00:03:31 → 00:03:34 ว่าเราขาดสารอาหาร
00:03:34 → 00:03:37 สมมติว่าเราได้กลูโคสเป็นประจำ
00:03:37 → 00:03:42 คาร์โบไฮเดรตชนิดต่าง ๆ ที่เรากิน มีผลต่อสมองของเราต่างกันอย่างไร
00:03:42 → 00:03:44 คาร์โบไฮเดรตมีอยู่สามรูปแบบ
00:03:44 → 00:03:44 แป้ง
00:03:44 → 00:03:45 น้ำตาล
00:03:45 → 00:03:47 และใยอาหาร
00:03:47 → 00:03:48 แม้บนฉลากบอกปริมาณสารอาหารส่วนใหญ่
00:03:48 → 00:03:52 จะนับสารเหล่านี้เป็นคาร์โบไฮเดรตรวมกันหมด
00:03:52 → 00:03:56 แต่อัตราส่วนของน้ำตาลและใยอาหาร ต่อปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
00:03:56 → 00:03:59 ส่งผลว่าร่ายกายและสมองของเรา จะตอบสนองอย่างไร
00:03:59 → 00:04:02 อาหารที่มีค่าไกลซีมิกสูง อย่างเช่น ขนมปัง
00:04:02 → 00:04:05 ปล่อยกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว
00:04:05 → 00:04:07 ก่อนลดฮวบลง
00:04:07 → 00:04:12 น้ำตาลในเลือดลดต่ำลง ส่งผลให้สมาธิและอารมณ์ของเราก็ตกลงด้วย
00:04:12 → 00:04:17 ในทางกลับกัน ข้าวโอ๊ต เมล็ดพืช และถั่ว ปล่อยกลูโคสช้ากว่า
00:04:17 → 00:04:21 ทำให้ระดับสมาธิของเราเสถียรกว่า
00:04:21 → 00:04:23 เพื่อประคองระดับพลังงานสมอง
00:04:23 → 00:04:27 การเลือกบริโภคอาหารหลากหลาย ที่อุดมสารอาหารสำคัญอย่างยิ่ง
00:04:27 → 00:04:29 เมื่อเป็นเรื่องอาหารที่คุณกัด เคี้ยว และกลืน
00:04:29 → 00:04:33 สิ่งที่คุณเลือกกิน มีผลโดยตรงและยาวนาน
00:04:33 → 00:04:35 ต่ออวัยวะที่ทรงอำนาจที่สุดในร่างกาย