00:00:00 → 00:00:03 เรื่องการระลึกชาติและการสะกดจิตมัน
00:00:03 → 00:00:07 เกี่ยวข้องกับหนังวิทยาศาสตร์ล้ำยุคอย่าง
00:00:07 → 00:00:11 Inception อย่างไรมาฟังกันดูนะครับ
00:00:11 → 00:00:16 [เพลง]
00:00:16 → 00:00:19 สวัสดีครับทุกท่านเพจหมอเฉพาะทางบาทเดียว
00:00:19 → 00:00:21 และ YouTube Channel หมอเฉพาะทางบาด
00:00:21 → 00:00:23 เดียวนะครับกระผมเหมาะเกมนายแพทย์อดุลชัย
00:00:23 → 00:00:26 ธรรมาแสงเสริฐนะครับกับในครั้งหนึ่งใน
00:00:26 → 00:00:28 เรื่องของคำถามทางบ้าน
00:00:28 → 00:00:31 เผอิญมี Facebook มีแฟนคลับท่านนึงนะครับ
00:00:32 → 00:00:35 ท่านอยากจะให้หมอพูดเกี่ยวกับเรื่องของ
00:00:35 → 00:00:37 หนังเรื่องเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่เกี่ยว
00:00:37 → 00:00:40 ข้องกับการแพทย์
00:00:40 → 00:00:43 หมอก็เลยนึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมา
00:00:43 → 00:00:45 ได้ก็คือเรื่อง Inception
00:00:45 → 00:00:48 ทำไมถึงได้คิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ
00:00:48 → 00:00:53 แพทย์เพราะว่าพอดูหนังเรื่องนี้ทำให้นึก
00:00:53 → 00:00:57 ถึงเรื่องที่คุณหมอที่เป็นจิตแพทย์เพื่อน
00:00:57 → 00:01:00 กับหมอเนี่ยเล่าให้ฟังเรื่องเงิน
00:01:00 → 00:01:04 บอกว่าเฮ้ยมันเรื่องมันคล้ายๆกันเลยอยาก
00:01:04 → 00:01:07 จะมาเล่าให้ฟังหลายท่านอาจจะรู้จักหนัง
00:01:07 → 00:01:10 เรื่อง Inception แล้วแต่ว่าหลายท่านอาจ
00:01:10 → 00:01:15 จะไม่เคยดูเดี๋ยวหมอขออนุญาตรีวิวให้กับ
00:01:15 → 00:01:18 คนที่ยังไม่เคยดูได้เข้าใจนิดนึง
00:01:18 → 00:01:22 หนังเรื่องนี้หลักๆก็คือว่ามีบริษัทคู่
00:01:22 → 00:01:27 แข่งเนี่ยต้องการจ้างทีมโจรกรรมความฝันไป
00:01:27 → 00:01:30 โจรกรรมความฝันลูกชายของบริษัทอีกบริษัท
00:01:30 → 00:01:36 หนึ่งเพื่อที่จะปลูกจิตใต้สำนึกฝังความ
00:01:36 → 00:01:39 คิดเขาเรียกว่าฝังความคิดให้ลูกชายของ
00:01:39 → 00:01:42 บริษัทของบริษัทคู่แข่ง
00:01:42 → 00:01:46 เมื่อได้รับมรดกแล้วเนี่ยให้ทำลายบริษัท
00:01:46 → 00:01:51 ของพ่อตัวเองเรื่องราวมีประมาณแค่นี้ทีม
00:01:51 → 00:01:54 โจรกรรมความฝันปกติบอกว่าเขาแค่ขโมยความ
00:01:54 → 00:01:57 คิดยกตัวอย่างเวลาเราหลับแล้วฝันไปเนี่ย
00:01:57 → 00:02:01 เขาบอกว่าทีมจะทำความฝันสามารถเข้าไปขโมย
00:02:01 → 00:02:02 ความคิดว่า
00:02:02 → 00:02:06 ผ่านรหัสของเบอร์โทรศัพท์เบอร์อะไรอย่าง
00:02:06 → 00:02:09 นี้ทีมจะทำความฝันเข้าไปโจรกรรมได้แต่ยัง
00:02:09 → 00:02:14 ไม่เคยขนาดที่เข้าไปปลูกฝังจิตใต้สำนึก
00:02:14 → 00:02:18 การที่จะปลูกฝังจิตใต้สำนึกได้เนี่ยหัว
00:02:18 → 00:02:22 หน้าทีมเนี่ยเขาบอกว่าจะต้องฝังซ้อนกัน
00:02:22 → 00:02:26 อย่างน้อย 3 ฝันปกติเราเคยฝันซ้อนฝันใช่
00:02:26 → 00:02:31 ไหมนี่ต้องฝันซ้อนกัน 3 ขั้นถึงจะเข้าไป
00:02:31 → 00:02:34 ถึงจุดลึกที่สุดของจิตใจได้นั่นคือจิตใต้
00:02:34 → 00:02:37 สำนึกวิธีการก็ทำยังไง
00:02:37 → 00:02:40 วิธีการคือเขามีเครื่องมือที่ชื่อว่า
00:02:40 → 00:02:49 Portable automated
00:02:49 → 00:02:52 เข้าไปเพื่อเป็นให้ทุกคนเนี่ยหลับไปพร้อม
00:02:52 → 00:02:55 ๆกันในระยะเวลาที่นานได้
00:02:55 → 00:02:58 ส่วนตัวเครื่องมือนี้เมื่อเชื่อมต่อถึง
00:02:58 → 00:03:02 กันเหมือนให้ให้น้ำเกลือแล้วฉีดยาเข้า
00:03:02 → 00:03:05 แล้วทุกคนเนี่ยจะมาฝังรวมกันได้โดยมีเจ้า
00:03:05 → 00:03:09 ของความฝันคือก็คือหัวหน้าทีมของทีม
00:03:09 → 00:03:11 โจรกรรมความฝัน
00:03:11 → 00:03:18 เพื่อที่ว่าจะได้โจรกรรมความฝันได้
00:03:18 → 00:03:23 ความฝันนำไปสู่จิตใต้สำนึกนี่คือคำพูดของ
00:03:23 → 00:03:28 sigmon Floyd นะนักจิตวิทยาลำดับโลกเลย
00:03:28 → 00:03:33 ความฝันนำไปสู่จิตใต้สำนึกดังนั้นถ้า
00:03:33 → 00:03:36 สมมติเราฝันลึกลงไปลึกลงไปหลายๆขั้นตอนก็
00:03:36 → 00:03:40 ทำให้ถึงจิตใต้สำนึกได้
00:03:40 → 00:03:44 จิตใต้สำนึกจิตเหนือสำนึกเป็นอย่างไรเขา
00:03:44 → 00:03:47 บอกว่าสิ่งที่เราคิดอยู่พูดอยู่เนี่ยคือ
00:03:47 → 00:03:51 จิตสำนึกก็คือความเชื่อ Smile ซึ่งเปรียบ
00:03:51 → 00:03:55 เสมือนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ยอดขึ้นมาแต่
00:03:55 → 00:03:58 ส่วนที่อยู่ใต้น้ำไปอีกว่ากว่า 90% นั้น
00:03:58 → 00:04:03 คือจิตใต้สำนึกซึ่งจิตใต้สำนึกมันแบ่งออก
00:04:03 → 00:04:06 มาอีกเป็นส่วนที่เป็น
00:04:06 → 00:04:08 subcons ก็คือ
00:04:08 → 00:04:12 จิตใต้สำนึกแบบตื้นๆกับ
00:04:12 → 00:04:17 uncons จิตใต้สำนึกแบบลึกๆเลยนะซับความ
00:04:17 → 00:04:21 เชื่อในจะมีความทรงจำที่เป็น long Memory
00:04:21 → 00:04:24 เหมือนกับเป็นความทรงจำในสมัยวัยเด็กอะไร
00:04:24 → 00:04:29 ก็แล้วแต่ความคิดประเภทอารมณ์นะแล้วก็
00:04:29 → 00:04:33 ความคิดสร้างสรรค์รวมถึงลักษณะนิสัยจะ
00:04:33 → 00:04:35 อยู่ศัพท์ความเชื่อมาแต่ส่วนที่เป็น
00:04:35 → 00:04:40 uncons
00:04:40 → 00:04:44 เข้าไปตรงนี้เนี่ยเป็นส่วนที่เก็บความเขา
00:04:44 → 00:04:45 เรียกว่า
00:04:45 → 00:04:50 thomasic Light คือปมชีวิตตรงที่ไม่มี
00:04:50 → 00:04:53 ที่เราไม่อยากพูดถึงหรือสิ่งที่เคยกระทบ
00:04:53 → 00:04:56 กระเทือนจิตใจในตอนเด็กๆหรือแม้แต่
00:04:56 → 00:05:01 กระทั่งว่าความอยากความต้องการทางเพศก็
00:05:01 → 00:05:06 อยู่ในส่วนของ uncon
00:05:06 → 00:05:11 น่าสนใจแล้วนะจะทำอย่างไรให้เราสามารถฝัน
00:05:11 → 00:05:16 และไปถึงจุดๆนั้นได้
00:05:16 → 00:05:20 หมอพูดเกี่ยวกับเรื่องของการระลึกชาติมัน
00:05:20 → 00:05:22 เกี่ยวอะไรกัน
00:05:22 → 00:05:26 มีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งบอกว่าการระลึก
00:05:26 → 00:05:29 ชาติหรือ Past Live เนี่ยความทรงจำของ
00:05:29 → 00:05:35 อดีตชาติมันอยู่ในส่วนของ unconsias
00:05:35 → 00:05:38 คือส่วนที่อยู่ดำดิ่งลึกสุดเลย
00:05:38 → 00:05:42 ซึ่งมันมีลักษณะที่
00:05:42 → 00:05:46 เปรียบเสมือนกับเขาเรียกว่าประตูตู้เซฟ
00:05:46 → 00:05:52 ของธนาคารใหญ่ๆแล้วพอเปิดเข้าไปเนี่ยมี
00:05:52 → 00:05:56 ความทรงจำเป็นหมื่นๆ
00:05:56 → 00:06:00 แสนๆความทรงจำอยู่ในกล่องแต่ละกล่องพอจะ
00:06:00 → 00:06:03 นึกจินตนาการหรือเปล่าเพราะฉะนั้นถ้า
00:06:03 → 00:06:05 สมมุติว่าเราหา
00:06:05 → 00:06:08 กุญแจตู้เซฟของธนาคารแล้วเปิดเข้าไปได้
00:06:08 → 00:06:12 เนี่ยเราก็สามารถเข้าไปในส่วนของความทรง
00:06:12 → 00:06:14 จำในอดีตได้
00:06:14 → 00:06:18 แล้วทำไมเราถึงได้ลืมความทรงจำในอดีตล่ะ
00:06:18 → 00:06:21 หลายท่านคงนึกถึงยายเมิ่งใช่ไหมในเมื่อ
00:06:21 → 00:06:25 กับน้ำเบญจรสว่าก่อนที่เราจะมาเกิดเราจะ
00:06:25 → 00:06:28 ต้องกินน้ำเย็นจะลดซะก่อนไม่งั้นเนี่ย
00:06:28 → 00:06:31 หรือเป็นน้ำชานั่นแหละไม่งั้นเนี่ยเราจะ
00:06:31 → 00:06:34 นำความทรงจำในชาติที่แล้วกับมาได้เพราะ
00:06:34 → 00:06:38 ฉะนั้นเขาบอกว่าคนที่ระลึกชาติได้คือคน
00:06:38 → 00:06:43 ไม่ได้กินน้ำชาของใหญ่มั่ง
00:06:43 → 00:06:47 วิธีการเจาะตู้เซฟอย่างที่บอกว่าใน
00:06:47 → 00:06:49 Inception นั้นเนี่ยใช้วิธีใช้เครื่อง
00:06:49 → 00:06:53 มือ Portable นะครับนะ intha Venus
00:06:53 → 00:06:57 Device ก็คือทุกคนฝันเข้าไปรวมกันเปรียบ
00:06:57 → 00:07:00 เสมือนเขาเรียกว่าการทำให้จิตสู่ภวังค์
00:07:00 → 00:07:03 แบบรุ่นใหม่แต่ในปัจจุบันก็คือการที่เรา
00:07:03 → 00:07:07 เขาเรียกว่าแกว่งพวกนาฬิกาใช่ไหมทำให้
00:07:07 → 00:07:10 ร่างกายจิตสู่ความเพื่อที่จะให้เขาสะกด
00:07:10 → 00:07:15 จิตเราเข้าไปสู่ส่วนลึกของจิตใต้สำนึก
00:07:15 → 00:07:19 หลายคนคงได้ยินคำว่าสะกดจิตบำบัดตาม HT
00:07:19 → 00:07:24 nlp นะครับนะพวกนี้ต้องบอกว่าหมอคุยกับ
00:07:24 → 00:07:26 เพื่อนที่เป็นจิตแพทย์
00:07:26 → 00:07:30 เขาบอกว่าเขาไม่แนะนำนะโดยเขาให้เหตุผล
00:07:30 → 00:07:34 ว่าเมื่อคุณสะกดจิตแล้วคุณฝากเนี่ยคือ
00:07:34 → 00:07:37 เวลาคุณหลับแล้วคุณฝันไปคุณรู้ได้ยังไงนะ
00:07:37 → 00:07:40 มันเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกคุณรู้ได้ไง
00:07:40 → 00:07:42 ว่ามันเป็นเรื่องที่เก็บเอาไว้ในอดีตจริง
00:07:42 → 00:07:46 ๆหรือเป็นความทรงจำในอดีตจริงๆเหมือน
00:07:46 → 00:07:49 อย่างที่บอกว่าเขาสะกดจิตเด็กบางคนเพื่อ
00:07:49 → 00:07:52 ที่จะดูว่าเด็กจำได้ไหมว่ามีฆาตกรรมเกิด
00:07:52 → 00:07:56 ขึ้นหรือเปล่าแล้วเด็กลืมไปแล้วปิดไปซ่อน
00:07:56 → 00:08:00 อยู่ในจิตใต้สำนึกบอกว่าบางทีเด็กอาจจะ
00:08:00 → 00:08:03 ไม่พูดพูดความพูดไม่จริงก็ได้
00:08:03 → 00:08:08 พระพุทธเจ้าเนี่ยไขปริศนาในการเจาะ
00:08:08 → 00:08:12 จิตใต้สำนึกของเราหรือเจาะตู้เซฟของเรา
00:08:12 → 00:08:14 ได้นะ
00:08:14 → 00:08:17 โดยการนั่งวิปัสสนากรรมฐานหรือการนั่ง
00:08:18 → 00:08:20 สมาธินี่แหละ
00:08:20 → 00:08:23 พระพุทธเจ้าท่าน
00:08:23 → 00:08:25 รับมา
00:08:25 → 00:08:30 เราสามารถคอนโทรลจิตของเราได้โดยที่ไม่
00:08:30 → 00:08:33 จำเป็นให้ใครมาสะกดจิตเรา
00:08:33 → 00:08:36 เพราะอย่างที่บอกเราไม่รู้นะว่าเขามาสะกด
00:08:36 → 00:08:39 จิตเราเนี่ยเขาฝังความคิดอะไรเข้าไปในจิต
00:08:39 → 00:08:43 ใจเราหรือเปล่านะหรือว่าขอเลขรหัสเลข
00:08:43 → 00:08:47 บัญชีไปเปิดเงินในธนาคารนี้เราไม่ได้เลย
00:08:47 → 00:08:51 นะอย่างที่บอกว่าพระพุทธเจ้าสอนว่าการ
00:08:51 → 00:08:55 นั่งวิปัสสนากรรมฐานสามารถเปิดตู้เซฟความ
00:08:55 → 00:09:00 ทรงจำในอดีตชาติได้และท่านเองก็สามารถ
00:09:00 → 00:09:04 เปิดตู้เซฟความทรงจำของท่านเป็นเรื่อง
00:09:04 → 00:09:08 เล่าชาดกพระเจ้า 500 ชาติและเอามาสั่งสอน
00:09:08 → 00:09:17 สาวก
00:09:17 → 00:09:19 คุณหมอท่านหนึ่ง
00:09:19 → 00:09:24 นะชื่อดรไบอัน Bright
00:09:24 → 00:09:26 on rice
00:09:26 → 00:09:32 เมื่อปี 1980 เนี่ยเขาทำการสะกดจิตผู้
00:09:32 → 00:09:35 หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าแคทเธอรีนเขาสะกด
00:09:35 → 00:09:38 จิตผู้หญิงในระหว่างคือผู้หญิงคนนี้มาหา
00:09:38 → 00:09:42 เขาด้วยเรื่องว่ากลัวน้ำใช้คำพูดว่าอะไร
00:09:42 → 00:09:45 ไม่รู้นะ Water phobia หรือเปล่าแต่มี
00:09:45 → 00:09:49 ความอาการกลัวน้ำจนไม่อยากอาบน้ำซึ่งไม่
00:09:49 → 00:09:52 รู้ว่าสาเหตุเป็นอะไรเขาก็เลยใช้วิธีการ
00:09:52 → 00:09:57 สะกดจิตสะกดจิตเพื่อให้คนไข้เนี่ยย้อน
00:09:57 → 00:10:02 ความคิดไปดูว่าในตอนเด็กๆเนี่ยมีความทรง
00:10:02 → 00:10:06 จำอะไรไม่ดีหรือเปล่าที่ทำให้เกลียดหรือ
00:10:06 → 00:10:08 กลัวน้ำ
00:10:08 → 00:10:10 ปรากฏว่าในระหว่างที่เขาให้ชื่อว่า
00:10:10 → 00:10:15 แคทเธอรีนเขาย้อนความทรงจำกับไปเรื่อยๆๆๆ
00:10:15 → 00:10:16 ๆ
00:10:16 → 00:10:21 อยู่ดีๆแคทเธอรีนก็พูดขึ้นมาว่าเขาเห็น
00:10:21 → 00:10:26 คล้ายๆลักษณะเป็นเมืองมายาของเม็กซิโก
00:10:26 → 00:10:30 เห็นตัวเองเป็นคนที่อยู่ในเมืองเมืองนั้น
00:10:30 → 00:10:32 และเกิด
00:10:32 → 00:10:37 สึนามิถล่มเข้ามาแล้วเขาจมน้ำตายทำให้เขา
00:10:37 → 00:10:40 เกลียดแล้วก็กลัวน้ำ
00:10:40 → 00:10:45 พอกดดรไบรอันสไลด์งงเลยว่าพูดจริงหรือพูด
00:10:45 → 00:10:46 หลอก
00:10:46 → 00:10:49 พูดจริงหรือพูดหลอก
00:10:49 → 00:10:52 แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้รู้ความจริงว่า
00:10:52 → 00:10:54 ตัวเองเนี่ย
00:10:54 → 00:10:58 เกลียดหรือกลัวน้ำจากสาเหตุนี้ทำให้อาการ
00:10:58 → 00:11:01 เกลียดหรือกลัวน้ำของเขาดีขึ้นนะเหมือนคน
00:11:01 → 00:11:04 มันรู้สาเหตุแล้วอ่ะมันก็เลยแบบเออโอเค
00:11:04 → 00:11:07 เข้าใจแล้วแต่การรักษาอันนี้ไม่ได้จบ
00:11:07 → 00:11:11 เพียงแค่นี้ดรไบรอันไว้เนี่ยเชิญผู้หญิง
00:11:11 → 00:11:14 คนนี้มาทำการรักษาต่อเนื่องแล้วก็ทำการ
00:11:14 → 00:11:17 สะกดจิตแบบเดิมซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าสิ่ง
00:11:17 → 00:11:20 ที่เราสะกดจิตเนี่ยไปทำให้ผู้หญิงคนนี้
00:11:20 → 00:11:22 ระลึกชาติได้
00:11:22 → 00:11:28 คือย้อนความทรงจำไปก่อนชาติชาตินี้อีกอ่ะ
00:11:28 → 00:11:31 ประเด็นคืออะไรหรือเปล่าที่ทำให้ดร
00:11:31 → 00:11:34 ไบรอันซ์ไว้เนี่ยเขาตกกะใจก็คือ
00:11:34 → 00:11:38 เพราะเขาย้อนความทรงจำของผู้หญิงคนนี้ไป
00:11:38 → 00:11:41 เรื่อยๆอยู่ดีผู้หญิงคนนี้ก็พูดเกี่ยวกับ
00:11:41 → 00:11:45 ความทรงจำของดรไบรัสไว้
00:11:45 → 00:11:48 งงเลยป่ะ
00:11:48 → 00:11:52 พูดถึงเรื่องพ่อเรื่องแม่ของดรไบรัสไวท์
00:11:53 → 00:11:57 พูดถึงขนาดเรื่องที่ว่ามีเฉพาะด็อกเตอร์
00:11:57 → 00:12:00 briance White รู้คนเดียวเท่านั้น
00:12:00 → 00:12:04 ดรเขาก็เลยเริ่มเชื่อเพราะตอนสมัยนั้นน่ะ
00:12:04 → 00:12:07 ปี 1980 มันไม่มีอินเทอร์เน็ตไม่สามารถ
00:12:07 → 00:12:09 Search หาข้อมูลอะไรได้
00:12:09 → 00:12:11 จากนั้น
00:12:11 → 00:12:15 ไว้เนี่ยเขาก็เลยเริ่มเขียนตำราแล้วก็
00:12:15 → 00:12:19 เริ่มสะกดจิตคนให้ลึกๆชาติเนี่ยหลายพันคน
00:12:19 → 00:12:24 เลยนะเขียนตำรา same So many body
00:12:24 → 00:12:27 Body เนี่ยคล้ายๆอย่างที่เรารู้กันใน
00:12:27 → 00:12:32 ศาสนาพุทธก็คือร่างกายเนี่ยคือกายหยาบเรา
00:12:32 → 00:12:34 ทิ้งร่างกายเราและวิญญาณเราออกจากร่าง
00:12:34 → 00:12:37 เป็นกายละเอียดชะตาแล้วก็ไปสู่รากใหม่แบบ
00:12:37 → 00:12:41 นั้นเลย
00:12:41 → 00:12:43 คราวนี้มาพูดเกี่ยวกับเรื่องเล่าของ
00:12:43 → 00:13:20 จิตแพทย์ที่เป็นเพื่อนหมอนะ
00:13:20 → 00:13:24 พาลูกไปตรวจหลายที่และปรากฏว่าลูกไม่เคย
00:13:24 → 00:13:27 ไม่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดหลายท่านอาจจะ
00:13:27 → 00:13:29 บอกว่าลูกที่บ้านฉันก็เป็นแบบนี้ตอนเด็กๆ
00:13:30 → 00:13:33 เนี่ยเชื่อฟังพอโตขึ้นเนี่ยมันก็เป็นวัย
00:13:33 → 00:13:35 ว้าวุ่นหรือเปล่า Wild Hormones ใช่ไหม
00:13:35 → 00:13:38 ไม่ฟังพ่อแม่เนี่ยเป็นอย่างนี้แต่บ้านนี้
00:13:38 → 00:13:41 เขาไม่ได้คิดแบบนั้นบ้านนี้เขาคิดว่ามี
00:13:41 → 00:13:45 ปัญหาเกี่ยวกับทางด้านจิตเวชหรือเปล่าเลย
00:13:45 → 00:13:49 พาลูกไปตระเวนตรวจและดันไปเจอ
00:13:49 → 00:13:55 เขาเรียกว่านักบำบัดจิตนะบำบัดจิตโดยทำ
00:13:55 → 00:14:01 การสะกดจิตนะก็กดว่า
00:14:01 → 00:14:04 นักบำบัดจิตเนี่ยเขาก็สะกดจิตเด็กผู้หญิง
00:14:04 → 00:14:06 คนนี้อันนี้คือเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์เล่า
00:14:06 → 00:14:10 นะสะกดจิตเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ตามสเต็ปก็
00:14:10 → 00:14:11 คือ
00:14:11 → 00:14:18 จะต้องให้นอนแล้วก็นึกฝันก็แล้วกันฝันแต่
00:14:18 → 00:14:21 โดยย้อนรอยชีวิตของตัวเองย้อนตั้งแต่
00:14:21 → 00:14:26 ชีวิตปัจจุบันอายุ 15 ย้อนไป 14 13 12
00:14:26 → 00:14:30 10 เพื่อที่จะดูว่า
00:14:30 → 00:14:34 มีปมในใจอะไรหรือเปล่า
00:14:34 → 00:14:38 มีชาย abuild อะไรตอนเด็กหรือเปล่าพอโต
00:14:38 → 00:14:41 ขึ้นแล้วเนี่ยอายุ 15-16 แล้วไม่ยอมแล้ว
00:14:41 → 00:14:44 ที่โดนชายแอบริ้วตอนเด็กเป็นอย่างนั้น
00:14:44 → 00:14:47 หรือเปล่าย้อนรอยชีวิตไปปรากฏว่าเด็กผู้
00:14:47 → 00:14:51 หญิงคนนี้ก็ย้อนความคิดความทรงจำไปหมอก็
00:14:51 → 00:14:54 พูดว่าตอนนี้เป็นยังไงเด็กก็บอกว่าตอนนี้
00:14:54 → 00:14:59 หนูอยู่กับพ่อแม่ค่ะจำได้ค่ะว่าใส่ชุดนี้
00:14:59 → 00:15:02 ชุดนี้ไปเที่ยวสวนสนุกมีความสุขมากๆเลย
00:15:02 → 00:15:06 คราวนี้หมอก็พูดต่อไปว่าย้อนไปดูตอนอายุ 4
00:15:06 → 00:15:11 ขวบโอ้ย 4 ขวบจำได้ค่ะเออเด็ก 4 ขวบนะหนู
00:15:11 → 00:15:14 ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกคุณพ่อคุณแม่ไปส่ง
00:15:14 → 00:15:18 หมอถามไล่มาเรื่อยๆในทุกอายุปรากฏว่าทุก
00:15:18 → 00:15:21 อายุมีแต่ความทรงจำดีๆคราวนี้หมออะไรบอก
00:15:21 → 00:15:24 ว่างั้นเดี๋ยวย้อนกลับไปอีกปรากฏว่าเด็ก
00:15:24 → 00:15:28 ก็ย้อนกลับไปอีกคราวนี้ไปอยู่บอกว่ามืด
00:15:28 → 00:15:34 มากเลยค่ะแต่ได้ยินเสียงเพลงรู้สึกได้ว่า
00:15:34 → 00:15:36 อบอุ่นนะ
00:15:36 → 00:15:40 คุณแม่น่าจะเปิดเพลงให้ฟัง
00:15:40 → 00:15:42 ตอนนี้คืออยู่ในท้องแล้วไงอยู่ตั้งครรภ์
00:15:42 → 00:15:46 อยู่คุณแม่เนี่ยเปิดเพลงให้ฟังเหมือนแบบ
00:15:46 → 00:15:49 พวกที่แบบเปิดเพลงคลาสสิคเปิดเพลงอะไรให้
00:15:49 → 00:15:50 ลูกฟัง
00:15:50 → 00:15:53 คราวนี้หมอก็บอกว่าย้อนกลับไปอีก
00:15:53 → 00:15:59 คราวนี้ปรากฏว่าเด็กก็เงียบไปสักพักนึง
00:15:59 → 00:16:01 เด็กเริ่มพูดว่า
00:16:01 → 00:16:04 หนูเห็นบ้าน
00:16:04 → 00:16:08 เหมือนลักษณะของบ้านในวังเลยค่ะ
00:16:08 → 00:16:13 สวยมากน่าจะเป็นบ้านในอดีตหนูไม่เคยเห็น
00:16:13 → 00:16:17 บ้านแบบนี้มาก่อนเลย
00:16:17 → 00:16:24 หนูรู้สึกว่าหนูอาศัยอยู่ที่บ้านหลับนี้
00:16:24 → 00:16:29 หนูจำได้ว่าหนูอยู่บ้านหลังนี้หนูเป็นผู้
00:16:30 → 00:16:35 ดีหนูเป็นผู้ดีแต่งตัวในชุดสวยงามมีค่า
00:16:35 → 00:16:39 บริวารเยอะแยะแต่เมื่อหนูอายุมากขึ้น
00:16:39 → 00:16:42 เนี่ยค่าราชพรหมลีพานก็เหลือกันไม่กี่คน
00:16:42 → 00:16:46 เหลือคนรับใช้ของหนูซึ่งเป็นผู้หญิงคนนึง
00:16:46 → 00:16:51 และคนทำสวนอีกคนนึงซึ่งหนูจำได้ว่าคนรับ
00:16:51 → 00:16:56 ใช้ของหนูคนนี้คือแม่ของหนูเองส่วนคนที่
00:16:56 → 00:17:00 ทำสวนนั้นน่ะเป็นคุณพ่อของหนูส่วนตัวหนู
00:17:00 → 00:17:05 เนี่ยเป็นผู้หญิงสูงวัย
00:17:05 → 00:17:10 เหมือนกับว่าหนูจะพูดจาไม่ค่อยดีค่อนข้าง
00:17:10 → 00:17:11 ดุ
00:17:11 → 00:17:14 ดุคนรับใช้และดูคนสวนอยู่เป็นประจำด้วย
00:17:14 → 00:17:15 ค่ะ
00:17:15 → 00:17:20 เขาก็บอกอ่ะหนูเล่าต่อปรากฏว่าเด็กก็
00:17:20 → 00:17:21 เงียบ
00:17:21 → 00:17:26 ไม่พูดอะไรต่อหมอก็นักจิตวิทยาเขาก็
00:17:26 → 00:17:29 พยายามพูดอ่ะเห็นอะไรอีกไหม
00:17:29 → 00:17:32 แต่ก็เงียบ
00:17:32 → 00:17:33 ปรากฏว่า
00:17:33 → 00:17:35 อยู่ดีๆเด็กก็พูดขึ้นมา
00:17:35 → 00:17:41 หยุดหยุดหายใจไม่ออกหายใจไม่ออกไปๆ
00:17:41 → 00:17:43 สักพักหนึ่ง
00:17:43 → 00:17:46 เด็กก็เงียบไปแล้วก็ลืมตาขึ้นมา
00:17:46 → 00:17:49 หมอก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
00:17:49 → 00:17:53 เกิดอะไรขึ้นเด็กก็พูดว่า
00:17:53 → 00:17:55 มีอยู่วันหนึ่ง
00:17:55 → 00:17:59 หนูจะทั้งคนรับใช้แล้วก็คนสวน
00:18:00 → 00:18:02 ปรากฏว่าตอนกลางคืน
00:18:02 → 00:18:05 คนรับใช้เปิดประตูบ้านหนู
00:18:05 → 00:18:11 แล้วให้คนสวนเข้ามา 2 คนนี้ร่วมมือกันเอา
00:18:11 → 00:18:15 หมอนปิดหน้าลงจนหนูหายใจไม่ออกและทำให้
00:18:15 → 00:18:17 หนูเสียชีวิต
00:18:17 → 00:18:20 พ่อแม่ตกตะลึง
00:18:20 → 00:18:23 เพราะว่าในความฝันนั้นเนี่ย
00:18:23 → 00:18:28 เด็กผู้หญิงจำได้ว่าตัวคนรับใช้ขึงแม่
00:18:28 → 00:18:33 และคนสวนนั้นคือพ่อ
00:18:33 → 00:18:35 คราวนี้เลยกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเลย
00:18:35 → 00:18:40 เพราะว่าเด็กก็มีปัญหาอยู่แล้วใช่ไหมเขา
00:18:40 → 00:18:45 ก็ต้องพาไปลบความคิดนี้ไปหาหมอจิตเวชหมอ
00:18:45 → 00:18:48 จิตเวชก็บอกว่าวิธีการสะกดจิตเนี่ยมัน
00:18:48 → 00:18:53 เป็นปัญหามากกว่าจะได้ประโยชน์
00:18:54 → 00:18:56 เพราะว่าถ้าฝันอย่างนี้แล้วจะไปยังไงต่อ
00:18:56 → 00:18:57 ล่ะ
00:18:57 → 00:18:59 เพราะว่ากลายเป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร
00:19:00 → 00:19:05 กันเกิดขึ้นมามาดูกันต่อ
00:19:05 → 00:19:08 ตามมาก็คือกรรมใช่ไหมเราเป็นทายาทแห่ง
00:19:08 → 00:19:12 กรรม genetic ก็คือพันธุกรรมเราได้รับ
00:19:12 → 00:19:16 ถ่ายทอดจากพ่อแม่มากรรมก็เหมือนกันบางที
00:19:16 → 00:19:20 การที่เป็นลูกของเรานั้นหรือการที่เป็น
00:19:20 → 00:19:23 พ่อเป็นแม่เป็นลูกกันก็เชื่อมโยงกันด้วย
00:19:23 → 00:19:24 กรรม
00:19:24 → 00:19:29 เขาบอกว่ามีลูก 4 แบบที่จะมาเกิดกับเรา
00:19:29 → 00:19:34 แบบที่ 1 ก็คือเกิดมาเพื่อทดแทนคุณด้วย
00:19:34 → 00:19:39 บุญในอดีตที่สะสมร่วมกันมาลูกพวกนี้จะ
00:19:39 → 00:19:42 เป็นลูกกตัญญูเขามาเพื่อทดแทนคุณเราเป็น
00:19:42 → 00:19:46 เด็กดีเด็กฉลาดเชื่อฟังไม่มีทางทำอะไรให้
00:19:46 → 00:19:50 เสียหายไม่มีทางทำให้บิดามารดาต้องกลัด
00:19:50 → 00:19:52 กลุ้มกังวลใจเหมือนในหนังเรื่องทองเนื้อ
00:19:52 → 00:19:54 เก้าใช่ไหม
00:19:54 → 00:20:01 แม่ไม่ดีแต่ลูกนี่โอ้โหประเสริฐมากๆนะ
00:20:01 → 00:20:05 นี่คือลูกที่เกิดมาเพื่อทดแทนบุญคุณใน
00:20:05 → 00:20:11 อดีต
00:20:11 → 00:20:15 ที่สร้างร่วมกันมา
00:20:15 → 00:20:17 เด็กพวกนี้มันเกิดในครอบครัวเดียวกันนะ
00:20:17 → 00:20:21 เมื่อเติบโตกลายเป็นลูกหลานลูกหลานทำให้
00:20:21 → 00:20:33 ครอบครัวล่มสลายหลายคนเรียกบุตร
00:20:33 → 00:20:37 อาจจะไม่เกี่ยวกันในเรื่องของอดีตชาตินะ
00:20:37 → 00:20:39 แต่บางทีมันก็
00:20:39 → 00:20:43 แอบคิดนะว่าเอ๊ะเป็นเพราะว่าชาติก่อนทำ
00:20:43 → 00:20:46 กรรมอะไรร่วมกันมาหรือเปล่าเขาเป็นลูกเรา
00:20:46 → 00:20:49 นะทำไมอยู่ดีๆเข้ามาล้างมาผ่านหรือแม้แต่
00:20:49 → 00:20:52 บางเรื่องราวก็คือแม่เนี่ยรักลูกมากให้
00:20:52 → 00:20:56 ลูกทุกอย่างแต่ว่าปรากฏว่าลูกเสียคนใช้
00:20:56 → 00:21:00 จ่ายเงินขโมยข้าวของจนไม่เหลืออะไรเลย
00:21:00 → 00:21:03 จนมีวันนึงขโมยของสมบัติชิ้นสุดท้ายแล้ว
00:21:03 → 00:21:07 พ่อไปขอบอกว่าเนี่ยสมบัติชิ้นสุดท้ายแล้ว
00:21:07 → 00:21:10 ยกมือไหว้ขอลูกบอกจะเอาไปขายเลย
00:21:10 → 00:21:16 เป็นลูกบอกว่ากูยกให้ก็ได้แล้วก็เดินออก
00:21:16 → 00:21:19 ไปข้างนอกโดนรถชนตายเลย
00:21:19 → 00:21:24 คือยอมอโหสิกรรมให้ยอมให้ก็เลยจบอันนี้ก็
00:21:24 → 00:21:27 มีนะแบบนี้นะ
00:21:27 → 00:21:31 หรือมาทวงหนี้ชาติก่อนฝนหลังลูกที่เกิดมา
00:21:31 → 00:21:34 ทวงหนี้บุญคุณก็คือบิดามารดาเป็นหนี้ไว้
00:21:34 → 00:21:37 แล้วก็ไม่ได้ชดใช้คืนในชาติที่แล้วมาชาติ
00:21:37 → 00:21:43 นี้ก็ต้องมาใช้คืนเขาแต่เด็กพวกนี้มักจะ
00:21:43 → 00:21:46 ไม่ค่อยผูกพันกับพ่อแม่
00:21:46 → 00:21:48 คือไม่ได้รู้สึกว่าแบบจะต้องเลี้ยงดู
00:21:48 → 00:21:50 เพราะว่า
00:21:50 → 00:21:55 ชาติที่แล้วคุณทำหนี้กับเขาไว้เพราะชาติ
00:21:55 → 00:21:58 นี้เขาใช้หนี้คุณใช้หนี้เขาจบแล้วก็ต่าง
00:21:58 → 00:22:02 คนต่างแยกย้ายแบบนี้ก็มีนะแบบนี้ก็มีนะ
00:22:02 → 00:22:07 หรือสุดท้ายแบบที่ 4 มาใช้นี้ชาติก่อนคน
00:22:07 → 00:22:13 รักคือบิดาคือตัวลูกเป็นหนี้ของบิดามารดา
00:22:13 → 00:22:18 แต่ไม่ได้ชดใช้คืนมาชาตินี้ก็ต้องมาใช้
00:22:18 → 00:22:23 หนี้คืนพวกนี้เราจะเจอหลายเคสนะบอกว่าพ่อ
00:22:23 → 00:22:30 แม่คอยจะสร้างหนี้ให้ลูกนะ
00:22:30 → 00:22:33 ย้ายกันตามอัตภาพหรือเลี้ยงดูกันตาม
00:22:33 → 00:22:39 อัตภาพหลายคราวเราก็เคยเห็นใช่ไหมว่าการ
00:22:39 → 00:22:44 ลงยาลาออกมาพูดว่าแม่ไปสร้างหนี้สร้างสิน
00:22:44 → 00:22:48 ตัวเองชดใช้นี่คือมาใช้หนี้แต่ชาติปาง
00:22:48 → 00:22:51 ก่อน
00:22:51 → 00:22:53 สุดท้าย
00:22:53 → 00:22:58 ตัวท่านคิดว่าลูกของท่านเป็นลูกแบบไหน 1
00:22:58 → 00:23:01 2 3 4 แล้วตัวของท่านเองเป็นรูปแบบไหน
00:23:01 → 00:23:05 1 2 3 4 มาตอบในเม้นได้นะสาระความรู้
00:23:05 → 00:23:08 ดีๆจากเพจหมอเฉพาะทางบาดเจ็บและ YouTube
00:23:08 → 00:23:13 Channel นะครับขอบคุณครับสวัสดีครับ