00:00:00 → 00:00:02 วันนี้หัวข้ออาจจะดูขมคอไปสักนิดนึงนะฮะ
00:00:02 → 00:00:04 คุณหมอ
00:00:04 → 00:00:08 ฮะถ้าเป็นแพทย์ปกติเป็นแพทย์ก็ไม่ค่อยขุม
00:00:08 → 00:00:10 เท่าอยู่แล้วฮะเพราะว่า
00:00:10 → 00:00:15 ชินโอเคออค่ะถ้าคุณหมุหมเรินอาหารด้วย
00:00:15 → 00:00:17 เนี่ยมันยิ่งเป็นเรื่องที่เรียกว่ามัน
00:00:17 → 00:00:20 อยู่ในชีวิตประจำวันอ๋ออยู่ในชีวิตประจำ
00:00:20 → 00:00:22 วันนะหมอนะโอเคคือปกติเหมือนที่พี่ขวัญ
00:00:23 → 00:00:25 พูดเลยครับใช่ก็ต้องมาปรึษาเรืื่องปัญหา
00:00:25 → 00:00:27 พวกนี้อยู่เรื่อยๆใช่มั้ยครับอ๋ครับใช่ๆ
00:00:27 → 00:00:29 ก็คืออย่างที่เื่อกี้พี่ขวัญพูดเลยครับ
00:00:29 → 00:00:32 ปกติไอ้เรื่องของการผายลมหรือว่าภาษาพูด
00:00:32 → 00:00:35 ของคนปกติทั่วไปเรื่องของการตดเนี่ยไม่
00:00:35 → 00:00:38 ค่อยมีใครเอามาพูดกันเอ่อในที่สาธารณะสัก
00:00:38 → 00:00:42 เท่าไหร่ใช่วันนี้ต้องขอความรู้ว่าอาจจะ
00:00:42 → 00:00:44 เป็นเรื่องเหมือนกับว่าเอ๊ะไม่น่าพูดมั้ย
00:00:44 → 00:00:45 อะไรอย่างงี้ใช่มั้ยครับแต่จริงๆเป็น
00:00:46 → 00:00:49 เรื่องาคุยได้อย่างที่คุณฝันบอกนะครับอที
00:00:49 → 00:00:52 นี้จริงๆเรื่องคำว่าสดเนี่ยหรือว่าไผลม
00:00:52 → 00:00:55 จริงๆแล้วเราพูดกันภาษาเพื่อนๆก็คือตดเ
00:00:56 → 00:00:58 อ่าครับผมว่าเออใช้คำว่าตดอนี้ถ้าเราพูด
00:00:58 → 00:01:01 ได้เป็นทางการก็คือคือเป็นการายนมใช่มั้ย
00:01:01 → 00:01:04 ฮะแต่จริงๆไอ้ชื่อสดเนี่ยผมก็ไม่ได้ติดใจ
00:01:04 → 00:01:06 เท่าไหร่แต่ไม่ทราบว่าทีมงานคิดชื่อได้
00:01:06 → 00:01:10 วัยรุ่นใช่มั้ยฮะอ่าใช่คำว่าฉแหผมชอบจริง
00:01:10 → 00:01:13 ๆเลยพี่ขวัญเคิดมาครับคุณหมอครับแหมตดฉ่ำ
00:01:13 → 00:01:16 อ๋อๆำว่าคุณขวัญยังวยรุ่นนะเพราะว่าคำว่า
00:01:16 → 00:01:19 ฉ่ำเท่าที่รู้แปลว่ามากใช่มั้ยฮะฉ่ำของคน
00:01:19 → 00:01:21 สมัยนี้แปลว่าเยอะใช่มครับอ่าใช่ครับๆ
00:01:21 → 00:01:24 ครับคงไม่ได้หมายความเป็นภาษาไทยแบบเก่า
00:01:24 → 00:01:27 ฉ่ำอะไรอย่างงี้ไม่ใช่ใช่มั้ยไม่ใช่ค่ะ
00:01:27 → 00:01:31 เป็นภาษาวัยรุ่นค่ะเป็นภาษาเ 2024 อะไร
00:01:31 → 00:01:34 อย่างเงี้ยค่ะคุณหมอคะครับก็เข้าเรื่อง
00:01:34 → 00:01:38 อะไรก็ได้การถายลมก็คือในความหมายก็คือ
00:01:38 → 00:01:43 การที่มีลมหรืออาจาเนี่ยที่อยู่เอ่อในลำ
00:01:43 → 00:01:46 ไส้ใหญ่ครับนะครับค่ะแล้วก็มีการเคลื่อน
00:01:46 → 00:01:50 ผ่านเอ่อหูรูดเเรียกว่าก้ามเนื้อหูรูดตรง
00:01:50 → 00:01:53 ทวันน่ะนะฮะครับผ่านออกมาข้างนอกอันนี้
00:01:53 → 00:01:56 เราเรียกว่าอย่างเงี้ยนิยามเราเรียกว่า
00:01:56 → 00:02:00 ผายลมนะครับครับตรงข้ามกับ้าลมที่ผ่านจาก
00:02:00 → 00:02:03 กระเพาะอาหารขึ้นด้านบนอันนี้เราเรียกว่า
00:02:03 → 00:02:06 เรอใช่มั้ยครับครับค่ะทีนี้ก็มาถึงว่า
00:02:06 → 00:02:10 เอ๊ะทำไมคนไข้ถึงมีการผ่าลมได้ใช่มยฮะ
00:02:10 → 00:02:13 จริงๆแล้วอันนี้คือเป็นถ้าคนปกติถามว่า
00:02:13 → 00:02:16 เป็นได้มั้ยเป็นได้สบายเพราะว่าเป็นกลไก
00:02:16 → 00:02:19 ที่ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้เหมือนกับการ
00:02:19 → 00:02:21 เรอเนี่ยบางทีเราก็เรอได้นะครับถูกต้อง
00:02:21 → 00:02:25 มั้ยฮะองั้นกลไกการผายลมหรือการเรอเป็นกล
00:02:25 → 00:02:28 ไกธรรมชาตินะครับเพราะว่าโดยปกติแล้วทั้ง
00:02:28 → 00:02:32 2 อวัยวะคือกระเพาะและลำไส้ใหญ่เนี่ยมัก
00:02:32 → 00:02:36 จะมีอากาศหรือแก๊สลมอยู่แล้วนะครับครับ
00:02:36 → 00:02:38 ซึ่งส่วนประกอบของลมก็จะมีตั้งแต่หลาย
00:02:38 → 00:02:41 อย่างตั้งแต่ออกซิเจนก็มีแต่ไม่ได้เยอะมี
00:02:41 → 00:02:44 คาร์บอนไดออกไซด์มีไฮโดรเจนนะครับมี
00:02:45 → 00:02:49 ไนโตรเจนแก๊สมีเทนแล้วก็แก๊สอื่นๆนะครับ
00:02:49 → 00:02:53 ครับซึ่งพวกเนี้ยลมพวกนี้มาจากไหนลมพวก
00:02:53 → 00:02:56 นี้ส่วนหนึงก็มาจากการที่เรากลืนอากาศ
00:02:56 → 00:02:59 เข้าไปอาจจะงงนะฮะว่าทำไมเรากลืนอากาศ
00:02:59 → 00:03:03 เข้าไปไปนะครับเวลาเราในช่องปากเราเเรา
00:03:03 → 00:03:06 เราดื่มน้ำอะไรเงี้ยหรือเรามีน้ำลายเรา
00:03:06 → 00:03:08 กลืนน้ำลายลงไปเงี้ยมันไม่ได้ลงไปแต่น้ำ
00:03:09 → 00:03:12 ก็จะมีลมเข้าไปด้วยนะครับแต่ทีนี้บางคน
00:03:12 → 00:03:14 อาจจะมีภาวะตื่นเต้นหรืออะไนี้ก็จะมีกลไก
00:03:14 → 00:03:17 ที่เราคลืนบ่อยแล้วคืนลมเข้าไปได้เยอะ
00:03:17 → 00:03:20 ขึ้นงั้นข้อแรกก็คือลมที่มาจากในลำไส้ก็
00:03:20 → 00:03:23 คือผ่านมาจากกระเพาะนั่นเองนะครับแต่ว่า
00:03:23 → 00:03:26 เข้าใจว่าถ้าคนปกติจะไม่ได้เยอะมากในส่วน
00:03:26 → 00:03:30 นี้นะครับอึส่วนอื่นๆก็ได้จากที่สก็คือ
00:03:30 → 00:03:33 การที่ในสำไส้ใหญ่เราเนี่ยจะมีแบคทีเรีย
00:03:33 → 00:03:38 หรือจุลินทรีย์นะครับงั้นเรากินอาหารแล้ว
00:03:38 → 00:03:40 รับประทานอาหารเข้าไปเนี่ยอาหารที่ส่วน
00:03:40 → 00:03:43 ใหญ่จะถูกย่อยในส่วนของลำไส้เล็กนะครับ
00:03:43 → 00:03:47 มันก็จะมีส่วนเเรียกว่ากักอาหารผ่านออกมา
00:03:47 → 00:03:49 ที่ลำไส้ใหญ่ซึ่งแบคทีเรียพวกเนี้ยก็จะทำ
00:03:49 → 00:03:54 เตยะกับพวกกักใยอาหารที่ผ่านจากลำไส้เล็ก
00:03:54 → 00:03:57 ที่ดูดซึมแล้วนะครับย่อยแล้วเหลือจะกักใย
00:03:57 → 00:04:00 เข้ามานะครับก็ททำคือได้แก๊สอีกอย่าง
00:04:00 → 00:04:04 เงี้ยครับอืรวมถึงการปรยาเคมีต่างๆเพราะ
00:04:04 → 00:04:08 ร่างกายเรามีทั้งปริยาชีวภาพปริยาเคมีนะ
00:04:08 → 00:04:11 ครับก็จะสร้างแกสต่างๆในลำไส้ได้อันนี้
00:04:11 → 00:04:14 คร่าวๆตรงนี้ก่อนนะครับครับทนี้ถามว่าคน
00:04:14 → 00:04:17 ปกติมีลมมั้ยในลำไส้มีฮะเพราะเวลาคนปกติ
00:04:17 → 00:04:20 ถ้าเซเรย์ภาพเซเรย์ทองเนี่ยเราก็จะเห็นลม
00:04:20 → 00:04:22 อยู่ 2 กระจุกที่เห็นชัดๆก็คือในกระเพาะ
00:04:22 → 00:04:24 ส่วนนึงแล้วก็ลำไส้ยาอีกส่วนนึงแต่จะมาก
00:04:24 → 00:04:28 จะน้อยแล้วแต่กรณีนะครับครับอ่าส่วนลำไส้
00:04:28 → 00:04:30 เล็กเราเนี่ยเนื่องจากการเคลื่อนไหวค่อน
00:04:30 → 00:04:33 ข้างเร็วแล้วก็ผนังเมีผนังเ่อผนังของลำ
00:04:33 → 00:04:36 ไส้เล็กจะมีกล้ามเนื้อค่อนข้างจะแข็งแรง
00:04:36 → 00:04:39 งั้นเราจึงไม่ค่อยเห็นลมในลำไส้เล็กได้
00:04:39 → 00:04:43 จากเมเซเรย์ซ่ององเท่าไหร่นะนะครับอืมี
00:04:43 → 00:04:47 ได้แต่ไม่เยอะนะครับอืครับค่ะงั้นก็คุณ
00:04:47 → 00:04:52 หมอคะเข้าสูแล้วฮๆถามได้เลยครับค่ะจะปกติ
00:04:52 → 00:04:56 คนเราเนี่ยผายลมนึงวันนึงมันกี่ครั้งโดย
00:04:56 → 00:04:58 เฉลี่ยแล้วก็แบบเหมือนว่าเผื่อแบบคคนไหน
00:04:59 → 00:05:03 ที่แบบตดขี่ตดเอ้ยไม่ใช่ขอขออภัยค่ะตดชตด
00:05:03 → 00:05:06 บ่อยี่มันคือเท่าไหร่คือบ่อยอะไรอย่า
00:05:06 → 00:05:09 เงี้ยค่ะที่ต้องแบบมันต้องน่ากังวลมยอะไร
00:05:09 → 00:05:13 เงี้ยค่ะครับจริงๆก็ไม่ได้มีใครศึกษาชัด
00:05:13 → 00:05:16 เจนมากนักนะครับว่าไอ้คนปกติหายลมประมาณ
00:05:16 → 00:05:21 กี่ครั้งแต่ว่าเอ่อคือจริงๆแล้วมันคงนับ
00:05:21 → 00:05:23 ยากเพราะบางทีลมเนี่ยบางทีมันผ่านออกมา
00:05:23 → 00:05:26 โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ค่อยรู้ตัวนะครับ
00:05:26 → 00:05:28 แต่ส่วนใหญ่คนไข้ที่เขารู้ตัวเนี่ยมันมี 2
00:05:28 → 00:05:30 กรนี้คือร
00:05:30 → 00:05:33 ในท้องเนี่ยเยอะจริงๆนะครับแต่บางครั้ง
00:05:33 → 00:05:36 มันสร้างเสียงการที่มีเสียงเพราะว่าลมมี
00:05:36 → 00:05:39 เพชเชอร์สูงลมในลำไส้เขามีเพชเชอร์มีแรง
00:05:39 → 00:05:43 ดันเยอะแล้วก็ผ่านหูรูดแหูรูดออกมาซึ่ง
00:05:43 → 00:05:46 หูรูดเขอาจจะแบบค่อนข้างจะเ่อทำงานดีอ่ะ
00:05:46 → 00:05:51 ฮะเรียกว่าพอลมก็ได้ยินเสียงดังนะครับอื
00:05:51 → 00:05:54 งั้นคำถามของพิธีกรคุณขวัญเนี่ยออกยากว่า
00:05:54 → 00:05:57 กี่ครั้งเพราะว่าพยายามหาอยู่มกันก็ไม่
00:05:57 → 00:06:01 ค่อยมีใครพูดถึงนะว่าเอคิครั้งแต่ว่าถ้า
00:06:01 → 00:06:04 มันจะผิวโอสิก็คือเอ๊ะมันบ่อยมากหรือร่วม
00:06:04 → 00:06:07 กับการที่ท้องเราเนี่ยอืท้องอืดท้องเฟ้อ
00:06:07 → 00:06:11 มีลมนะครับอืค่ะอืครับคุณหมอครับเรื่อง
00:06:11 → 00:06:16 ของการผายลมเนี่ยเอ่อเราจำเป็นจะต้องผาย
00:06:17 → 00:06:19 ลมออกทุกวันมั้ยครับคุณหมอครับหรือว่าบาง
00:06:19 → 00:06:22 วันก็ไม่จำเป็นจะต้องผายก็ได้หรือว่ามัน
00:06:22 → 00:06:24 มันเป็นยังไงครับคุณหมอกลไกเรื่องของภาย
00:06:24 → 00:06:28 ในร่างกายของเรา่ะฮะครับคือมันขึ้นอยู่
00:06:28 → 00:06:31 กับความสมดุลระหว่างลมที่อยู่มีอยู่ในลำ
00:06:31 → 00:06:34 ไส้ใหญ่ณขนาดนั้นจริงๆลมเนี่ยมันผัมา
00:06:34 → 00:06:36 พร้อมกับการถ่ายอุจจาระได้อยู่แล้วโดยโด
00:06:36 → 00:06:39 ส่วนใหญ่ใช่มครับอืแล้วก็อีกส่วนหนึงก็
00:06:39 → 00:06:42 คือถ้าลมเราเยอะมันก็ผ่านออกมาได้อันนี้
00:06:42 → 00:06:44 งั้นการกลไกกันที่ลมผ่านออกมาจากลำไส้
00:06:44 → 00:06:46 ใหญ่เนี่ยจึงเป็นกลไกปกตินะครับมันไม่ใช่
00:06:46 → 00:06:49 เป็นคนไกที่ิดปกติแต่ทีนี้เมื่อกี้ที่กับ
00:06:49 → 00:06:51 ไปนิดนึงที่คุณควัญบอกว่าแล้วเมื่อไหร่จะ
00:06:51 → 00:06:56 ติดปกติก็คือกรณีที่แบบเอ่อปริมาณลมนในลำ
00:06:56 → 00:06:59 ไส้ค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะคนไข้เนี่ยมี
00:06:59 → 00:07:02 อาการท้องเฟ้อร่วมด้วยท้องเฟ้อท้องอื่นม
00:07:02 → 00:07:05 ว่าลมในลำไส้เนี่ยเยอะจนกระทั่งสร้าง
00:07:05 → 00:07:09 อาการให้ทำให้ท้องแบบเอ่อดูใหญ่หรือแน่น
00:07:09 → 00:07:12 ใส่เสื้อผ้าแล้วึดอัดอย่างเงี้ยครับออื
00:07:12 → 00:07:16 แล้วพอมีร่วมกันเนี่ยจะทำให้รู้สึกว่า
00:07:16 → 00:07:20 เอ๊ะความผี่ของการายลมบ่อยขึ้นนะครับแต่
00:07:20 → 00:07:22 อีกส่วนนึงก็คือคนแขก็ไม่ได้ท้องอือทอง
00:07:22 → 00:07:25 เฟอแต่สังเกตเห็นว่าเอ๊ะทำไมตัวเองมีสาย
00:07:25 → 00:07:28 ลมบ่อยอันนี้ก็บางคนก็จะสังเกตบ่อยก็จะ
00:07:28 → 00:07:32 เห็นบ่อยนะครับอือือค่ะเอ๊ะขวนเคยสังเกต
00:07:32 → 00:07:38 ตัวเองเวลากินน้ำที่มีแก๊สต่างๆอันนี้ก็
00:07:38 → 00:07:41 ก็เหมือนจะเป็นสาเหตุนึงหรือเปล่าคะถูก
00:07:41 → 00:07:45 ต้องฮะคือชนิดของอาหารเนี่ยี้เมื่อกี้หมอ
00:07:45 → 00:07:48 เ่นไว้บ้างแล้วว่าลมส่วนหนึ่งเนี่ยส่วน
00:07:48 → 00:07:52 ใหญ่เนี่ยมาจากการทำปฏิริยาเอ่อทั้งเคมี
00:07:52 → 00:07:56 แล้วก็ชีวภาพใช่มั้ยฮะทั้งโดยจากอาหารที่
00:07:56 → 00:07:58 เราผ่านจากลำไส้เล็กเนี่ยผ่านจากการย่อย
00:07:58 → 00:08:01 มาแล้วเนี่ยเราเรียกว่ากักใหญ่อาหารนะ
00:08:01 → 00:08:04 ครับก็จะเจอกับแบคทีเรียซึ่งปกติคนเรามี
00:08:04 → 00:08:06 จุลินซีอยู่แล้วนะครับเราที่เราเรียกว่า
00:08:06 → 00:08:09 โปรไบโอติกพวกเนะครับครับ
00:08:09 → 00:08:13 อืงั้นหมุจุลินทรีย์ชนิดดีพวกเนี้ยจะช่วย
00:08:13 → 00:08:19 หมักอาหารเพื่อลดการมันมันจะแบบว่าลดความ
00:08:19 → 00:08:21 เรียกว่าความเน่าเปื่อคือมันมันจะทำให้
00:08:21 → 00:08:25 เกิดยาอีกแบบนึงก็จะทำให้ความเน่าเนี้ย
00:08:25 → 00:08:27 มันไม่รุนแรงเท่าไหร่นะครับเข้าใจใช่มั้ย
00:08:27 → 00:08:31 ฮะอือฮฉนั้นอืออในลำไส้ใหญ่ของคนเราจึง
00:08:31 → 00:08:33 เป็นกลไกธรรมชาติที่จะต้องมีกลไกพวกนี้
00:08:33 → 00:08:38 เพื่อกระจัดสิ่งประติกูลให้มันลดเรียกว่า
00:08:38 → 00:08:41 ทำให้มีมีระเบียบวินัยมากขึ้นอย่างเงี้ย
00:08:41 → 00:08:45 นะครับอือันนี้ก็คือพูดออกมามันก็จะมีคน
00:08:45 → 00:08:48 ไกที่ซับซ้อนว่าแบบโหเอ่อทำไมเกิดอะไร
00:08:48 → 00:08:52 ขึ้นแต่เอาสุง่ายๆถ้าอาหารที่เรารับ
00:08:52 → 00:08:56 ประทานไปทำไปยากับแบคทีเรียแล้วได้ลมเยอะ
00:08:56 → 00:08:59 นะครับครับก็จะทำให้
00:09:00 → 00:09:03 มีอาการไผลมบ่อยอันนี้คือคนปกตินะครับไม่
00:09:03 → 00:09:07 รับรมคนที่เป็นโรคว่าแบบเอ๊ลมข้างในลำไส้
00:09:07 → 00:09:10 อย่างงนี้เรายังไม่นับนะครับอือาหารที่
00:09:10 → 00:09:13 เขาพูดถึงก็คือเคยได้ยินนะมันพวกตัวย่อ
00:09:13 → 00:09:16 ว่าเป็น Force Mat f for Max ก็คือ f
00:09:16 → 00:09:20 o d m a for Mat ครับ f นี่ก็คือ
00:09:20 → 00:09:24 fermentable คือย่อยสลาย้าครับครับโอก็
00:09:24 → 00:09:25 คือ
00:09:25 → 00:09:28 โอคาคือพวกนี้จะเป็นพวกน้ำน้ำตาลนะครับ
00:09:28 → 00:09:32 ครับโก็คือถ้าเราเรียนสมัยเคมีเก็จะแบบมี
00:09:32 → 00:09:37 สายสายความยาวกลางๆนะครับไดคก็คือโครง
00:09:37 → 00:09:40 สร้างคู่โมโนแซคคาไรด์นะฮะย่อนี่ตัวย่อ
00:09:41 → 00:09:45 เรียงมาเลยนะอือฮึแอน a นี่คือแอนแล้วก็
00:09:45 → 00:09:49 โิอนะครับทีนี้อาหารพวกนี้มีไหนๆบ้างก็
00:09:49 → 00:09:52 ได้แก่เอาเร็วๆเลยนะครับเช่นพวกน้ำผึ้งนะ
00:09:52 → 00:09:58 ครับพวกน้ำตาลเอ่อคอไซลต่างๆนะครับรวมถึง
00:09:58 → 00:10:01 พวกผลไม้อย่างเช่นแอปเปิลอย่างเงี้ยฮะใคร
00:10:02 → 00:10:04 ไปซิเออไม่ใช่ผดลงมาทุกอย่างนะแอปเปิ้ล
00:10:04 → 00:10:07 พวกเนี้ยหรือว่าเชอรี่พวกเนี้ยก็จะมีพวก
00:10:07 → 00:10:10 เอ่อ High พสมซึ่งเราควรจะเลี่ยงนะครับ
00:10:10 → 00:10:13 ข้าวสาลีพวกเนี้ยแล้วก็กระเทียมหอมที่เรา
00:10:13 → 00:10:16 กินรับประทานบ่อยนี้มอาหารไทยคือคุกหอม
00:10:16 → 00:10:20 กระเทียมครับครับอืมออไม้ฝรั่งส่วนใหญ่
00:10:20 → 00:10:22 เป็นถั่วเหลืองพวกนี้นะครับเพราะฉะนั้น
00:10:22 → 00:10:25 พวกนี้ก็คือถ้าช่วงที่ลมเยอะๆควรจะเลี่ยง
00:10:25 → 00:10:27 รวมถึงน้ำอัดลมอย่างที่คุณฝันว่าแต่พวก
00:10:27 → 00:10:29 นมันไม่ใช่เป็นอาหารนะแต่ว่าเป็นตัวตัว
00:10:29 → 00:10:32 ที่สร้างลมแล้วก็นมกำที่อาหารใหม่ๆก็คือ
00:10:32 → 00:10:35 พวกนมนะครับพวกนี้นอกจากเป็นเรื่องของ
00:10:35 → 00:10:37 High Force Map แล้วเนี่ยอย่างเป็น
00:10:37 → 00:10:40 เรื่องของแลคโตสซึ่งคนไทยหรือคนเอเชียบาง
00:10:40 → 00:10:42 ทีถ้าไม่ค่อยดื่มนมเนี่ยไปเรื่อยๆเนี่ยจะ
00:10:42 → 00:10:46 ขัดเอนไซมที่ย่อยนมเรียกว่าแลแลสนะครับแส
00:10:46 → 00:10:49 deficiency ซึ่งพวกเนี้ยพอเรามาดื่มนม
00:10:49 → 00:10:52 เนี่ยนอกจากจะเกิดท้องเสียแล้วบางทีอาจจะ
00:10:52 → 00:10:55 มีลมเยอะด้วยนะครับอ๋อนมนี่มันส่วนอาหาร
00:10:55 → 00:10:58 ที่ไม่ได้พูดมาทั้งหมดเไม่กลุ่มนมหรือ
00:10:58 → 00:11:00 กลุุ่มที่เราพูดมาพวกนั้นก็คือรับประทาน
00:11:00 → 00:11:04 ได้เพเป็นกลุ่มที่มี God แโนะครับครับถาม
00:11:04 → 00:11:07 ว่าต้องเล่นตลอดมยไม่จำเป็นเพราะว่าถ้า
00:11:07 → 00:11:09 ช่วงที่ไม่มีอาการก็ถ่านได้แต่กรณีที่คน
00:11:09 → 00:11:12 มีลงเยอะๆมากๆช่วงนั้นอาจจะต้องเลี่ยง
00:11:12 → 00:11:16 กลุ่ม HP ครับอือ๋ออาจจะพูดชื่ออาหารได้
00:11:16 → 00:11:20 ไม่ครบ 100% มีเยอะนะประมาณคร่าวๆนี้นะ
00:11:20 → 00:11:25 ครับครับคุณหมอครับแล้วเรื่องของเอ่อนอก
00:11:25 → 00:11:28 จากเรื่องของอาหารแล้วเนี่ยเราจะรู้ได้
00:11:28 → 00:11:31 ยังไงครับว่าเราตอนนี้เนี่ยณเวลานี้เนี่ย
00:11:31 → 00:11:35 เรามีลมอยู่ภายในเอ่อร่างกายของเราเนี่ย
00:11:35 → 00:11:40 เยอะมากผิดปกติครับคุณหมอฮะคือคือถ้ามัน
00:11:40 → 00:11:42 เยอะแล้วเราผ่าลมออกเราก็จะไม่มีอาการถูก
00:11:42 → 00:11:44 ต้องมั้ยงี้เพราะฉะนั้นข้อดีของการผายลม
00:11:44 → 00:11:47 คือมันขับลมที่มีส่วนเกินออกมาใช่มั้ย
00:11:47 → 00:11:51 ครับค่ะแต่ถ้ามันจะมีปัญหาก็คือายไม่ไม่
00:11:51 → 00:11:55 ยอมายออกมาหรือว่ามันมากกว่าการที่เราจะ
00:11:55 → 00:11:59 ายลมได้ทันนั้นก็จะมีอาการท้องใหญ่ขึ้น
00:11:59 → 00:12:03 ท้องอืดลมแน่นอย่างเงี้ยนะครับที่จะรู้
00:12:03 → 00:12:08 ว่าท้องอืดท้องเฟ้อนะครับอือฮึอืค่ะแล้ว
00:12:08 → 00:12:10 บางครั้งอาจจะมาคู่กับคนท้องผูกเพราะว่า
00:12:11 → 00:12:14 พอคนท้องผูกไม่ถ่ายเนี่ยลมก็คั่งด้วยนะ
00:12:14 → 00:12:15 ครับ
00:12:15 → 00:12:19 ออครับนะครับทีนี้ถามว่าเมื่อกี้ตอบคุณ
00:12:19 → 00:12:22 เอ่อีมบอกว่าเมื่อไหร่จะต้องระวังก็คือ 1
00:12:23 → 00:12:26 ก็คือมันมีลมแน่นจนกระทั่งท้องใหญ่ขึ้น
00:12:26 → 00:12:28 อ๋อก็คือหรือถ้าจะต้องไปหาแพทย์เลยก็ได้
00:12:28 → 00:12:33 แก่พวกถ่ายอุจจระผิดปกติเช่นมีเลือดกลมี
00:12:33 → 00:12:36 น้ำหนักลดเอ๊ะเป็นมะเร็งหรือเปล่าอะไร
00:12:36 → 00:12:39 อย่างนี้ใช่มั้ยครับครับหรือว่ามีอาการ
00:12:39 → 00:12:42 ปวดท้องรุนแรงนะครับจริงๆลำไส้แปรปรวนที่
00:12:42 → 00:12:44 เราเคยคุยกันเมื่อก่อนเนี้ยก็เป็นตัวนึง
00:12:44 → 00:12:47 ที่ที่มีลมในลำไส้เยอะถ้าเป็นลำไส้แปปนี่
00:12:47 → 00:12:49 ไม่อันตรายนะครับครับแต่ทีนี้ถ้าเราไม่
00:12:49 → 00:12:52 เคยตรวจเนี่ยแล้วเราปวดท้องร่วมด้วยเนี่ย
00:12:52 → 00:12:55 แนะนำว่าถ้าเรามีปวดท้องปดใส่เป็นเลือด
00:12:55 → 00:12:57 น้ำหนักลดต่างๆพวกเนี้ยเราควรจะต้องพบ
00:12:57 → 00:13:00 แพทย์ก่อนเพราะว่าอันนเนี่ยเป็นสิ่งที่
00:13:00 → 00:13:03 เราต้องมองหาโรคว่ามีโรคภยไข้เจ็บซ่อน
00:13:03 → 00:13:07 อยู่หรือไม่นะครับอืครับผมได้นะฮะแต่กลับ
00:13:07 → 00:13:10 มาที่เดิมก็คือคนท้องขายลมปกติมันก็เป็น
00:13:10 → 00:13:13 ได้แต่ถ้าเป็นเยอะๆเราก็ต้องเป็นพบแพทย์
00:13:13 → 00:13:18 ก่อนนะครับอือครับค่ะแล้ววิธีการที่แบบ
00:13:18 → 00:13:21 เหมือนมันมีวิธีการนวดลำไส้มั้ยคะคุณหมอ
00:13:21 → 00:13:24 ที่จะช่วยให้ลมมันขับได้แบบเอ่อออกมาไม่
00:13:24 → 00:13:27 ว่าจะเป็นวิธีการเลอหรือวิธีการผายลมเอ่อ
00:13:27 → 00:13:30 เช่นแบบการกดตรงบริเวณท้องถ้าท้องอืดมากๆ
00:13:30 → 00:13:31 อะไรเงี้ย
00:13:31 → 00:13:35 ค่ะคือจริงๆถามว่าช่วยมช่วยนะครับถ้าเรา
00:13:35 → 00:13:39 รู้หลักการที่ถูกต้องเพราะว่าการที่เรากด
00:13:39 → 00:13:42 ท้องเนี่ยมันก็เหมือนกับไปส่งให้ท้อง
00:13:42 → 00:13:46 เนี่ยเอ่อลำไส้ใหญ่เราเนี่ยถูกเอ่อนวดและ
00:13:47 → 00:13:50 เพื่อแต่แต่ไม่แนะนำให้ทำเองนะครับหรือ
00:13:50 → 00:13:53 แม้กระทั่งคนที่ไม่ไม่ทราบใวิพากษ์ปกติ
00:13:53 → 00:13:56 ของน้ำไส้ใหญ่เนี่ยกดผิดกดถูกก็เดี๋ยวอาจ
00:13:56 → 00:14:00 จะสร้างเอ่อความผอติมากขึ้นนะครับตั้งโรค
00:14:00 → 00:14:02 มากขึ้นส
00:14:02 → 00:14:07 อค่ะถ้าท้องอืดหรือมีอาการลมในท้องก็ควร
00:14:07 → 00:14:11 อ่ารับคำปรึกษาจากแพทย์ดีกว่าใช่มั้ยคะ
00:14:11 → 00:14:14 ใช่แต่ทีนี้สมมุติว่าถ้าเราเ่อแก้ปัญหา
00:14:14 → 00:14:16 เฉพาะหน้าเราอาจจะรับประทานยาขับลมบ้าง
00:14:16 → 00:14:20 ที่ง่ายๆเป็นยาสามัญประจำบ้านไปก่อนได้นะ
00:14:20 → 00:14:23 ครับออืเมื่อกี้เดี๋ยวย้อนถ้ายังมีอาการ
00:14:23 → 00:14:26 ิติชัดเจนก็ควรจะไปผแพร่อย่างที่ผมพูดไป
00:14:26 → 00:14:28 เมื่อสักครู่นะครับโอเมื่อกี้เดี๋ยวขอ
00:14:28 → 00:14:31 ย้อนกลับไปที่คุณหมอพูดทิ้งท้ายก่อนที่
00:14:31 → 00:14:33 พี่ขวัญจะถามนะเรื่องของตดนี่มันกลายเป็น
00:14:33 → 00:14:35 ดูเป็นเรื่องยากไปเลยนะครับพอฟังคุณหมอ
00:14:35 → 00:14:37 อธิบายคุณ
00:14:37 → 00:14:41 หมอคือเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ว่าพอพูดไป
00:14:41 → 00:14:44 พูดมาแล้วเดี๋ยวถ้าผสมความรู้นึกเกินไป
00:14:44 → 00:14:46 เนี่ยเดี๋ยวเดี๋ยวจะกลายเป็นเดี๋ยวจะทำ
00:14:46 → 00:14:48 ให้สับสนเอาเป็นว่าสมมติไงลมส่วนใหญ่
00:14:48 → 00:14:51 เนี่ยมาจากการกินแล้วก็มาจากปฏิริยาจาก
00:14:51 → 00:14:54 แบคทีเรียกับอาหารทีนี้คือจุลินทรีย์ชนิด
00:14:54 → 00:14:58 ดีในลำไส้งั้นเราต้องรับอาหารที่ทำปิยา
00:14:58 → 00:15:02 ให้ได้ลมน้อยก็คือกแต่ำนะครับก็คือกลุ่ม
00:15:02 → 00:15:05 อื่นๆที่ไม่ใช่ที่พูดมาเมื่อกี้นะครับพวก
00:15:05 → 00:15:07 นี้เราอาจจะหาความรู้ได้เพราะว่าเป็นความ
00:15:08 → 00:15:11 รู้ที่ในเมภาษาไทยก็มีนะครับ f o m นะ
00:15:12 → 00:15:16 ฮะครับ f o m ซึ่งไม่ใช่เป็นยี่ห้ออะไร
00:15:16 → 00:15:19 ทั้งสิ้นมันเป็นตัวย่อมาจากเอ่อที่ผมพูด
00:15:19 → 00:15:22 เมื่อกี้อ่าเป็นตัวย่อทางวิทยาส้างอาหาร
00:15:22 → 00:15:26 ที่มีน้ำตาลบางชนิดที่เวลาทำปฏิกิริยากับ
00:15:26 → 00:15:29 แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ชนิดดีในไส้แล้ว
00:15:29 → 00:15:32 เนี่ยลมจะเยอะก็ควรจะเลี่ยงตอนที่เรารู้
00:15:32 → 00:15:35 สึกว่าเอ๊ะลมมันเยอะใช่มครับแต่ตอนปกติ
00:15:35 → 00:15:38 แล้วก็ทันได้นะครับไม่ใช่บอกว่าโอ้พออยาก
00:15:38 → 00:15:40 เลิกเลิกกันแล้วก็เลิกกันไปเลยไม่กินไม่
00:15:40 → 00:15:43 รับประทานเลยไม่ใช่อเราจะขาดสาอาหารเพราะ
00:15:43 → 00:15:49 เราเลือกทาเอ่อเริ่มทันเขเลยนะครับอืครับ
00:15:49 → 00:15:52 อืค่ะคุณหมอเรื่องของการผายลมหรือว่าการ
00:15:52 → 00:15:58 ตดนี่คุณหมอครับบางคนก็เสียงดังบางคนก็
00:15:58 → 00:16:01 ออกเงียบแต่ว่าออกมาแทนที่ด้วยกลิ่นอ่า
00:16:01 → 00:16:04 อะไรอย่างเงี้ยบางคนดังแต่ว่าไม่มีอะไร
00:16:04 → 00:16:06 อย่างเงี้ยมันเป็นการบ่งบอกอะไรภายในลำ
00:16:07 → 00:16:09 ไส้ของเรามยครับคุณหมอครับบางทั้งเจะบอก
00:16:09 → 00:16:12 ว่าตดดังไม่เหม็นสดเหม็นไม่ดังอ่าใช่ๆๆๆ
00:16:12 → 00:16:14 คุณหมอแบบนี้เลยครับคุณหมอ
00:16:14 → 00:16:16 ฮะจริงๆก็ไม่อาจจะไม่ไม่จริงนะ
00:16:16 → 00:16:19 วิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ที่สูขนาดนั้นนะครับ
00:16:19 → 00:16:22 ก็แต่ว่าความดังก็นี่บอกว่าก็คือถ้า
00:16:22 → 00:16:27 ปริมาณลมเยอะใช่มฮะแล้วผ่านเอ่อ้ามหูรูด
00:16:27 → 00:16:30 ตรรงควันน่ะซึ่งบางคนข้าหัวรุเขอาจจะติด
00:16:30 → 00:16:33 สนิทมากใช่มครับตรงนี้ก็จะสร้างเสียงเวลา
00:16:33 → 00:16:36 ลมผ่านที่แคบก็จะสร้างเสียงดังเสียงสูง
00:16:36 → 00:16:39 สิดอะไรอย่างเงี้ยนะครับอืค่ะนะครับแต่
00:16:39 → 00:16:42 ถ้ากลิ่นพูดถึงกลิ่นแก๊สส่วนใหญ่ที่พูดมา
00:16:42 → 00:16:44 เมื่อกี้เนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:16:44 → 00:16:47 คาร์บอนไดออกไซด์ไฮโดรเจนไนโตรเจนหรือ
00:16:47 → 00:16:50 มีเทนอะไรพวกเนะครับส่วนใหญ่ไม่มีกลิ่นนะ
00:16:50 → 00:16:53 ฮะ 99% ไม่มีกลิ่นอีก 1% เท่านั้นเนี่ย
00:16:53 → 00:16:57 ที่เรียกว่าเป็นแก๊สที่มีกลิ่นเฉพาะเลยนะ
00:16:57 → 00:17:02 ครับได้แกพวกเอ่อกลุ่มซซันฟายนะครับ
00:17:02 → 00:17:06 ไฮโดรเจนซันฟายแล้วก็กลุ่มอีกกลุ่มนึงก็
00:17:06 → 00:17:11 คือกลุ่มเเอ่อมีเทนเมิอย่างเงี้ยนะครับ 2
00:17:11 → 00:17:13 ตัวนี้ที่เป็นกลุ่มที่เรียกว่ามีกลิ่น
00:17:13 → 00:17:17 สร้างกลิ่นเฉพาะของเรียกว่าไม่ไม่รันจวน
00:17:17 → 00:17:20 งั้นเถอะไม่ไม่น่าพิสมัยั้นเถอะนะครับอ
00:17:20 → 00:17:23 ใช่เพราะว่าบางคนบอกว่าคือถ้าจะผายลมและ
00:17:23 → 00:17:25 กลิ่นขนาดนี้เนี่ยไปถ่ายเถอะครับไปเข้า
00:17:25 → 00:17:27 ห้องน้ำเลยครับ
00:17:27 → 00:17:30 อมันจะเป็นซึ่งต้องระวังใช่คือจริงๆแล้ว
00:17:30 → 00:17:33 สายลมถ้าเค้าไม่ทคนอื่นเไม่ทราบเนี่ยเรา
00:17:34 → 00:17:36 ก็ทราบคนเดียวใช่มั้ยอ่าใช่ครับคุณหมอ
00:17:36 → 00:17:38 ครับบางทีรังเกียจตัวเองเหมือนกันนะคุณ
00:17:38 → 00:17:40 หมอครับมีเสียงด้วยมีกลิ่นด้วยเนี่ยอัน
00:17:40 → 00:17:45 นี้อันนี้ตัวใครตัวมันอเออเพราะว่าพูดถึง
00:17:45 → 00:17:47 เรื่องนี้บางบางครั้งเนี่ยเราอยู่คนเดียว
00:17:47 → 00:17:49 เราเรายังรู้สึกว่ารังเกียจตัวเองเหมือน
00:17:49 → 00:17:51 กันโอ้โหถ้าจะกลิ่นขนาดนี้ก็ต้องแยกย้าย
00:17:51 → 00:17:54 กันดีกว่านะฮะคุณหมอทีนี้มาถึงเรื่องของ
00:17:54 → 00:17:57 การผายลมครับไผลมนี่มันสามารถบ่งบอก
00:17:57 → 00:18:01 เรื่องราวของโรคภัยไข้เจ็บที่อยู่ภายใน
00:18:01 → 00:18:03 ตัวเราเนี่ยได้มากน้อยขนาดไหนครับคุณหมอ
00:18:03 → 00:18:07 ครับจากการผายลมเนี่ยฮะเป็นคำถามที่ดีมาก
00:18:07 → 00:18:12 ครับคือถ้าเราายารมไม่ได้บ่อยมากคือันๆที
00:18:13 → 00:18:15 อย่างเงี้ยอันนี้คือเรื่องปกติครับแต่ถ้า
00:18:15 → 00:18:18 อย่างที่คุณขวัญบอกว่าอู้บ่อยจริงๆซึ่งผม
00:18:18 → 00:18:21 ก็ไม่สามารถตอบคำถามที่ยากๆนั้นได้ว่ากี่
00:18:21 → 00:18:23 ครั้งจว่า
00:18:23 → 00:18:26 บ่อยติดไว้ก่อนแล้วกันขออนุญาตติดคำถาม
00:18:26 → 00:18:29 ของคุณขวัญไม่สามารถตอบได้ว่ากี่ครั้ง
00:18:29 → 00:18:32 บ่อยแต่คำว่าบ่อยเนี่ยก็คือบ่อยจริงๆอื
00:18:32 → 00:18:35 และรวมกทมีอาการที่อื่นที่ปกติเช่นถ่าย
00:18:35 → 00:18:39 อุจระเปลี่ยนไปอุจจระำรีบเล็กแบบไม่เคย
00:18:39 → 00:18:43 เป็นมาก่อนอุจจระเป็นเลือดนะครับอืหรือมี
00:18:43 → 00:18:48 อาการเอ่อน้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
00:18:48 → 00:18:51 ครับมีไข้ขึ้นหรือว่ามีปวดท้องรุนแรง
00:18:51 → 00:18:54 เหล่าๆเงี้ย 4-5 ครั้งอันเนี้ยนะครับถ้า
00:18:54 → 00:18:59 มีเนี่ยก็ต้องปวดหาสาเหตุว่าเอ๊ะในลำไส้
00:18:59 → 00:19:04 เรามีปัญหาเช่นก้อนอักเสบหรือว่ามีแผล
00:19:04 → 00:19:08 หรือไม่นะครับครับพวกนี้ก็ต้องตรวจหา
00:19:08 → 00:19:10 สาเหตุต่อไปเช่นการส่องกล้องหรือเ
00:19:10 → 00:19:12 คอมพิวเตอร์ต่างๆนะครับซึ่งเป็นหน้าที่
00:19:13 → 00:19:15 ของแพทย์ที่จะต้องหาหรือทั่งการตรวจ
00:19:15 → 00:19:19 อุจจาระดูว่ามีตัดอักเสบมั้ยมีเลือดปน
00:19:19 → 00:19:23 มั้ยอะไรอย่างเงี้ยเป็นต้นนะครับครับค่ะ
00:19:23 → 00:19:27 เอ๊ะคุณหมอคะถ้าเตรียมตัวเพื่อไปตรวจเอ่อ
00:19:27 → 00:19:29 เ่อโรคเกี่ยวกับเรื่องของระบบทางเดิน
00:19:29 → 00:19:32 อาหารหรือการส่องกล้องอะไรทำนองเงี้ยค่ะ
00:19:32 → 00:19:34 มันจะต้องมีวิธีการเตรียมตัวก่อนไปพบ
00:19:34 → 00:19:35 แพทย์ยังไงหรอ
00:19:35 → 00:19:39 คะเอ่อเวลาไปถ้าไปปรึกษาแพทย์ธรรมดาเราก็
00:19:40 → 00:19:42 ยังไม่ต้องเตรียมตัวอะไรแต่ทีนี้เนี่ยถ้า
00:19:42 → 00:19:45 การสองกล้องนี่ยังไงแพทย์พอเจอหนเอเห็น
00:19:45 → 00:19:48 แพทย์แล้วเนี่ยก็ยังไม่ได้ส่องกล้องภายใน
00:19:48 → 00:19:51 ณวันนั้นเพราะว่าต้องมีการเตรียมตัวคนไข้
00:19:51 → 00:19:54 ก่อนงั้นการเตรียมปก่อ 2 กล้องก็คือจะ
00:19:54 → 00:19:58 ต้องงดอาหารที่มีากใยสูงแล้วก็กินยาระบาย
00:19:58 → 00:20:03 ล้างลำใช่นะครับที่หมอเต้องจัดให้ครับอือ
00:20:03 → 00:20:05 อันนี้คือวิวิธีการเตรียมตัวนะคุณหมอที่ี
00:20:05 → 00:20:07 นี้เดี๋ยวผมขออนุญาตย้อนกลับมาที่เรื่อง
00:20:07 → 00:20:10 เมื่อกี้นิดนึงฮะคุณหมอครับเรื่องของการ
00:20:10 → 00:20:14 ผายลมมันบ่งบอกถึงโร่เนี่ยคือผมไปอ่านเจอ
00:20:14 → 00:20:17 มานะแล้วรวมทั้งคุณผู้ฟังทางบ้านก็สอบถาม
00:20:17 → 00:20:22 มาด้วยเหมือนกันว่ามันมันจะเป็นการบ่งบอก
00:20:22 → 00:20:26 ว่าเราเนี่ยมีอาการลำไส้แปรปรวนมหรือรวม
00:20:26 → 00:20:29 ไปถึงเรื่องของโรคกระเพาะอาหารด้วยหรือ
00:20:29 → 00:20:31 เปล่าครับกับกับเรื่องของการผายลมที่มัน
00:20:31 → 00:20:36 อาจจะไม่ไม่ปกติหมายถึงว่าอาจจะถี่อาจจะ
00:20:36 → 00:20:39 บ่อยเกินเกินกว่าปกติทั่วไปอะไร
00:20:39 → 00:20:42 เงี้ยส่วนใหญ่ส่วนใหญ่ต้องบอกว่าการไผลม
00:20:42 → 00:20:45 พู้กว่าลำไส้ใหญ่มากกว่านะครับส่วนถ้า
00:20:45 → 00:20:48 กระเพาะเนี่ยจะเป็นการเรอครับถ้าเกิดเอ่อ
00:20:48 → 00:20:51 กระเพาะส่งถานอาหารไม่ได้หรือลมก็าลงมา
00:20:51 → 00:20:54 ไม่ได้เราต้องคิดถึงทางกระเพาะอาหารนะ
00:20:54 → 00:20:57 ครับเพราะว่าลมที่เยอะขนาดเนี้ยคงข้างมา
00:20:57 → 00:21:00 ส่งผลให้เกิดการถายลมเนี่ยโอกาสที่จะเป็น
00:21:00 → 00:21:03 ทางกะพอเนี่ยยากอือฮึต้องเป็นทางลำไส้
00:21:03 → 00:21:06 ใหญ่หรือทางแถววารน่ะแถวกล้ามเนื้ออะไร
00:21:06 → 00:21:08 แถวเนี้ยอู่รูดแถวเนี้ยครับ
00:21:08 → 00:21:13 อ๋อครับผมนะครับอืทีนี้มีอีกครับคุณหมอ
00:21:13 → 00:21:16 เชิญฮเชิญเชิฮคุณหมอฮอีกอันนึงคือนอกจาก
00:21:16 → 00:21:18 มีปัญหาเรื่องอาหารแล้วเนี่ยความวิตก
00:21:18 → 00:21:20 กังวลเนี่ยอย่างลำไส้แปปวนเนี่ยเราก็จะ
00:21:20 → 00:21:24 เจอว่าคนไข้ก็มีลมเยอะนะครับครับทีนี้คน
00:21:24 → 00:21:29 ไข้ก็จะเอ่อเวลาเรามีการกำเลิกของใช้หรือ
00:21:29 → 00:21:32 ว่ามีความกังวลวิตกกังวลอย่างเงี้ยครับก็
00:21:32 → 00:21:36 จะส่งผลให้การทำงานของหลไส้ไม่ดีก็จะมี
00:21:36 → 00:21:39 การขั่งของอุจจาระและลมอย่างเงี้ยครับออ
00:21:39 → 00:21:42 เหรองั้นส่วนแรกที่บอกว่าเรื่องของอาหาร
00:21:42 → 00:21:44 กับแบคทีเรียแต่ที่สำคัญมากนอกจากเรื่อง
00:21:44 → 00:21:47 อาหารแล้วก็คือเรื่องของจิตใจเรานั่นแหละ
00:21:47 → 00:21:50 ครับเพราะว่ากายกับใจนี่สำคัญกันโดยเฉพาะ
00:21:50 → 00:21:54 ลำไส้เนี่ยภาษาอังกฤตหือว่ากัดกัก็คือ Gu
00:21:54 → 00:21:58 กัดก็คือลำไส้ทางเดินอาหารกั Brain acd
00:21:58 → 00:22:00 ว่ามันมีการเชื่อมกันมีแกนเชื่อมกัน
00:22:00 → 00:22:06 ระหว่างลำไส้กับอ่าทางสมองครับครับคนั่น
00:22:06 → 00:22:09 แปลว่าถ้าเรามีผลกระทบทางจิตใจเครียดหรือ
00:22:09 → 00:22:13 วิตกบ่อยๆก็จะส่งผลให้ลำไส้เรามีการบีบ
00:22:13 → 00:22:17 ตัวที่ไม่สำพัญกันอุจระและลมเนี่ยแทนที่
00:22:17 → 00:22:20 จะถูกค่อยๆผายโดยไม่รู้ตัวก็คั่งอยู่ในลำ
00:22:20 → 00:22:23 ไส้ก็ทำให้เกิดมาผายแล้วเกิดเสียงดัง
00:22:23 → 00:22:26 อย่างที่คุณเอ่อคุณินขัดถึงเมื่อสักครู่
00:22:26 → 00:22:29 อะไรอย่างเงี้ยครับนะฮะค่ะอ๋อเรื่องของ
00:22:29 → 00:22:31 อาการเครียดนี่มันส่งผลต่อเรื่องของลำไส้
00:22:31 → 00:22:34 แล้วก็มันอาจจะทำให้มีอาการแปรปรวนได้
00:22:34 → 00:22:37 ขนาดนี้เลยหรอฮคุณหมอเครียดตได้โดยตรง
00:22:37 → 00:22:41 ครับจริงๆฮะเพราะว่าโรคของลำไส้ก็คือหลัง
00:22:41 → 00:22:43 อย่าลำไส้แปปวนเนี่ยมันเป็นเรื่องของการ
00:22:43 → 00:22:47 ทำงานที่ไม่ปกติไม่ได้เกิดจากแผลหรือก้อน
00:22:47 → 00:22:50 มฮะครับแต่เป็นเป็นการบิตัวและคายตัวที่
00:22:50 → 00:22:54 ไม่ปกติและตัวที่กระตุ้นทุนก็คือเรื่อง
00:22:54 → 00:22:59 ของอารมณ์จิตใจด้วยครับโอครับๆๆแล้วเพ่ง
00:22:59 → 00:23:02 ความเครียดนี่มันก็มีผลต่อร่างกายเอ่อ
00:23:02 → 00:23:05 หลายด้านเหมือนกันนะคะสำคัญมากครับอการ
00:23:05 → 00:23:08 ออกกำลังกายคนที่ออกกายเป็นประจำทางเริน
00:23:08 → 00:23:11 อาหารก็จะบีบตัวได้ดีก็ลมอุจจาระก็จะไม่
00:23:11 → 00:23:15 คั่งอืนะครับการดื่มน้ำที่เพียงพออุจจาระ
00:23:16 → 00:23:18 ก็จะไม่แข็งลมก็จะออกมาพอุจจาระได้ง่ายๆ
00:23:19 → 00:23:20 อย่างเงี้เป็นต้นนะเพราฉนั้นการดูแลลำไส้
00:23:20 → 00:23:24 จึงต้องครบองค์ประกอบทั้งหมดอืค่ะคุณหมอ
00:23:24 → 00:23:28 คะสำหรับคนที่เป็นเอ่อเกี่ยวกับอุจจาร
00:23:28 → 00:23:30 เต็มท้องที่เคยได้ยินกันในข่าวที่แบบเอ่อ
00:23:30 → 00:23:34 ก่อนหน้านี้นะคะเขาจะมีภาวะของเรื่องของ
00:23:34 → 00:23:40 การผายลมที่มีปัญหาหรือเปล่าคะอ๋อถ้ากรณี
00:23:40 → 00:23:43 ที่อุจาระเต็มท้องนั่นน่ะมันอีกโรคนึงเลย
00:23:43 → 00:23:46 นะคือกนั้นคือเกิดจากลำไส้ใหญ่เนี่ยปกติ
00:23:46 → 00:23:48 ลำไส้ใหญ่เราเนี่ยจะเหมือนกับเอ่อเหมือน
00:23:49 → 00:23:51 กับหนอนตัวใหญ่ๆคือมันจะพูดว่าเป็นหนอนก็
00:23:51 → 00:23:53 ไม่ได้เพราะว่าตัวเขาเองเขาจะต้องบีบไล่
00:23:53 → 00:23:55 จากต้นมาปลายใช่มั้ยฮะทางเรินอาหารเรา
00:23:55 → 00:23:58 เนี่ยงั้นการบีบตรงเนี้ยจะทำให้ขับไล่
00:23:58 → 00:24:02 เอ่อตัวกากแยงอาหารหรืออุจระออกมาจากส่วน
00:24:02 → 00:24:05 ต้นมาถึงส่วนปลายแล้วก็ถ่ายออกมาทีนี้ก็
00:24:05 → 00:24:07 จะมีคนไข้อีกกลุ่มนึงที่แบบว่าการบีบตัว
00:24:07 → 00:24:10 เ่อการบีบตัวและคายตัวของลำไส้เนี่ยไม่
00:24:10 → 00:24:12 ปกติเลยหรือบางครั้งก็ไม่บีบตัวเลยก็ได้
00:24:13 → 00:24:16 นะครับครับก็เลยทำให้ทุกอย่างเนี่ยคั่ง
00:24:16 → 00:24:20 ค้างอยู่ในลำไส้จนกระทั่งมาเจอในภาพเกรย
00:24:20 → 00:24:23 นะครับอืสิ่งนั้นมันจะไม่ได้ว่าเกิดภายใน
00:24:23 → 00:24:25 วันเดียวก็ต้องค่อยๆสะสมมาหลายอาทิตย์
00:24:25 → 00:24:29 หรือสกว่าเป็นเดือนนะครับครับอืก็คือพูด
00:24:29 → 00:24:31 ง่ายๆอาการนี้ก็คืออันนั้นก็เป็นอีกกรณี
00:24:31 → 00:24:34 นึงะก็คือเป็นโรคะเป็นโรคที่ลำไส้ไม่บีบ
00:24:34 → 00:24:38 ตัวะนะครับครับทีนี้กลับมาที่เรื่องของ
00:24:38 → 00:24:40 การตดหรือว่าผายลมกันหน่อยแล้วกันคุณหมอ
00:24:40 → 00:24:44 ครับบางคนก็กังวลแหมบางคนมันก็ครับมันก็
00:24:44 → 00:24:47 ห้ามกันไม่ไหวจริงๆนะคุณหมอนะบางทีมันถ้า
00:24:47 → 00:24:51 มันจะมาอะไรเงี้ยการกลั้นตดเนี่ยมันดี
00:24:51 → 00:24:53 มั้ยคุณหมอ
00:24:53 → 00:24:58 ครับโอเคขอบคุณมากตอคำถามเอ่อจริงๆแล้ว
00:24:58 → 00:25:02 คุณจะกั้นกดได้นานๆนี้ต้องบอกว่าไม่เยอะ
00:25:02 → 00:25:06 นะจริงๆแล้วโดยธรรมชาติแล้วถ้าถึงจุดนึงเ
00:25:06 → 00:25:08 ก็กั้นไม่อยู่ออนะครับเพราะว่าเหมือนกับ
00:25:08 → 00:25:10 Pressure Pressure คือแรงดันใช่มั้ยฮะ
00:25:10 → 00:25:14 ความดันยิ่งเยอะเนี่ยก็จะชนะแรงดันของหู
00:25:14 → 00:25:16 รูดนี่เก็จะออกไปเองแต่นี้กรณีเกั้นเนี่ย
00:25:16 → 00:25:20 เค้าก็ต้องออกแรงเเสริมกับแรงหู่รูดเข้า
00:25:20 → 00:25:22 ไปด้วยครับทีนี้ถาม
00:25:22 → 00:25:26 ว่าเมื่อกี้ถามว่าเ่อทำแล้วเกิดอันตรายม
00:25:26 → 00:25:30 ใช่มั้ยครับอืครับจริงๆแล้วก็ไม่มีใครพูด
00:25:30 → 00:25:32 ถึงว่าแหมกั้นลมจนถึงร่างกายจะเสียหายได้
00:25:32 → 00:25:36 เพราะว่าถึงจุดนึงร่างกายก็กลับตัวแล้วลม
00:25:36 → 00:25:40 ก็ชนะออกมาได้เองนะครับอือย่างน้อยตอนนอน
00:25:40 → 00:25:43 ก็ไม่สามารถออกแร่งสู้กับเได้นะใช่มครับอ
00:25:43 → 00:25:47 ใช่ๆคือมันก็เคยมันก็เคยมีคนพูดอันนี้มัน
00:25:47 → 00:25:49 อาจจะเป็นตมุกตลกหรือว่ามันอาจจะเป็นโจ๊ก
00:25:50 → 00:25:54 ขำๆก็ได้ดเพูดว่าคือบางทีกั้นกั้นตดอะไร
00:25:54 → 00:25:56 อย่างเงี้ยมันอาจจะไม่ออกล่างมันจะไปออก
00:25:56 → 00:25:58 ข้างบนแทนมันจะไปออกปากแทนมีโอกาสเกิด
00:25:59 → 00:26:00 ขึ้นมั้ยคุณหมอครับ
00:26:00 → 00:26:04 เอ่อถามว่าถ้าถามว่ามีโอกาสมั้ยทุกอย่าง
00:26:04 → 00:26:10 ในโลกนี้มันมีโอกาสทเฮ้ยจริงๆเดที่มีมีซู
00:26:10 → 00:26:14 รู้จักมั้ยฮะมีูที่ต่อมีูก็คือโอกาสที่ลม
00:26:14 → 00:26:17 จะผ่านจากลำไส้ใหญ่ไปจริงๆตลอดทางผ่านลำ
00:26:17 → 00:26:21 ไส้เล็กนี่ไม่ได้นะฮะครับแต่ว่ามันจะมีคน
00:26:21 → 00:26:25 ไข้ที่มีแผ่เนื้อนังจากลำไส้ใหญ่แล้วไป
00:26:25 → 00:26:29 เปิดที่กระเพาะอย่างเงี้ยครับไอ้อย่าง
00:26:29 → 00:26:33 เงี้ยไม่ได้เจอบ่อยคือต้องบอกว่ายากพอๆ
00:26:33 → 00:26:36 กับงบเข็มในมหาสมุทรเลยนะครับก็คือจะมี
00:26:36 → 00:26:39 กรณีที่เรียกว่ามีรอยต่อระหว่างลำไส้ใหญ่
00:26:39 → 00:26:42 เป็นทางพิเศษต่อขึ้นไปยังกระเพาะอาหารเลย
00:26:42 → 00:26:45 อืซึ่งพวกเนี้ยก็จะมีลมหายใจมีกลิ่น
00:26:45 → 00:26:48 อุจจาระได้พวกนี้อันนี้ต้องรักษาเนาะอัน
00:26:48 → 00:26:51 นี้ก็คือเป็นโรคที่ไม่ปกติแล้วแต่ถามว่า
00:26:51 → 00:26:54 ถ้าคนปกติกั้นแล้วลมจะผ่านจากลำไส้ใหญ่
00:26:54 → 00:26:56 ซึ่งยาวเมตรกว่าลำไส้เล็กยาวประมาณ 5-6
00:26:56 → 00:26:59 เมตขึ้นไปถึงกพเนี่ยเอ่อยากเพราะว่ามัน
00:26:59 → 00:27:03 มันมันไม่ไหลบวกย้อนทางขนาดนั้นนะครับอ๋อ
00:27:03 → 00:27:05 แต่ถ้าถามว่ามีโอกาสมั้ยคุณหมอก็ไม่ได้
00:27:05 → 00:27:09 ปิดโอกาสไปเลยซะทีเดียวมันอาจจะมีหนึในใน
00:27:09 → 00:27:14 รเนี่ยใน้านส่งเสริมให้ใช่ๆอืมอาจจะต้อง
00:27:14 → 00:27:16 มีภาวะอย่างอื่นแต่คนปกติไม่เป็นอ่าคน
00:27:16 → 00:27:19 ปกติไม่เป็นต้องเป็นคนที่ไม่ปกตินะคุณหมอ
00:27:19 → 00:27:23 นะคนที่มีโรคพิเศษครับคุณหมอแล้วคืออ่ะ
00:27:23 → 00:27:26 เมื่อกี้เราพูดถึงเรื่องของการกลั้นด้วย
00:27:26 → 00:27:29 นะอ่ะแล้วทีนี้เนี่ยถ้าคนที่เา้าไม่ตดเลย
00:27:30 → 00:27:32 เนี่ยถือว่าดีมั้ยครับคุณหมอครับหรือว่า
00:27:33 → 00:27:34 มันอันเนี้ยอันเนี้ยก็ผิดปกติเหมือนกัน
00:27:35 → 00:27:38 คุณหมอครับจริงๆเค้าไม่อย่างว่าเไม่ตดเ
00:27:38 → 00:27:40 ไม่รู้ตัวมากกว่าอ้าคือจะสังเกตว่าเจคน
00:27:40 → 00:27:43 ไข้หมอเนี่ยคนที่สังเกตว่าตัวเองมีตดเยอะ
00:27:43 → 00:27:45 ๆเนี่ยมีไถลมเยอะๆเนี่ยมักจะเป็นคนช่าง
00:27:45 → 00:27:48 สังเกตเป็นคนละเอียดคินะฮะเป็นคนที่มี
00:27:48 → 00:27:52 ความใส่ใจสุขภาพมากโอ้โหแต่ว่าอีกคนๆนึงเ
00:27:52 → 00:27:54 อาจจะถายลมพอๆกันหรือมากกว่าแต่ก็ไม่ได้
00:27:54 → 00:27:58 สังเกต่ะครับครับเออผมก็อยากจะเห็นที่ไม่
00:27:58 → 00:28:00 ได้รู้ว่าตัวเองายลมไม่ได้แปลว่าเ้าไม่าย
00:28:00 → 00:28:04 ลมเออครับค่ะยผมก็อยากอยากรู้เหมือนกัน
00:28:04 → 00:28:08 มันอาจจะไม่ได้ยินเสียงไงเ้าก็เลยไม่
00:28:08 → 00:28:11 เอะใช่หรือบางทีมันค่อยๆออกมาเก็ไม่ได้
00:28:11 → 00:28:12 สังเกตอะไอย่างเงี้ยเพงั้นเรื่องพวกนี้
00:28:12 → 00:28:15 เหมือนก็ไม่ไม่ไม่มีใครที่ไม่ไถลมแล้วมัน
00:28:15 → 00:28:18 ก็ต้องมีบ้านนะครับอ๋อไม่มีนะคุณหมอนะ
00:28:18 → 00:28:21 เพียงแต่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวนั่นอีก
00:28:21 → 00:28:23 เรื่องนึงนะครับถ้ามีกลิ่นหรือเสียงดังก็
00:28:23 → 00:28:26 รู้ตัวเร็วใช่มั้อใช่ๆๆครับคุณหมอโอบางที
00:28:26 → 00:28:29 ก็อยากคุยเยบๆผมหมอก็เลปวกปล่อยมุกมากนะ
00:28:29 → 00:28:31 ขอโทษด้วยโอยไม่มีปัญหาดีครับชอบครับจะ
00:28:31 → 00:28:33 ได้สนุกสนานกันยามค่ำคืนจริงๆผมก็อยากคุย
00:28:34 → 00:28:36 กับคนไข้คุณหมอที่คุณหมอบอกเหมือนกันนะ
00:28:36 → 00:28:39 ว่าเออเขาก็เป็นคนที่ละเอียดขนาดที่นั่ง
00:28:39 → 00:28:42 นับการผายลมของตัวเองนี่ก็ถือว่าโอ้
00:28:42 → 00:28:46 ละเอียดน่ากลัวเหมือนกันนะครับก็บางคนก็
00:28:46 → 00:28:48 อาจจะเป็นคนใส่ใจสุขภาพจริงๆนะครับเก็
00:28:48 → 00:28:50 สังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นนะครับอันนี้ก็
00:28:50 → 00:28:52 จริงๆแต่ถามว่าเป็นข้อดีมั้ยก็ดีนะฮะอ่า
00:28:52 → 00:28:55 เอ๊ะเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยคุณหมอครับคนเรา
00:28:55 → 00:28:59 เนี่ยควรจะต้องสังเกตหรือว่านับถึงขั้น
00:28:59 → 00:29:02 การผายลมของเราในแต่ละวันด้วยมยเพื่อเป็น
00:29:02 → 00:29:07 การที่จะเอ่อดูความผิดปกติอ้าว่าอเราอาจ
00:29:07 → 00:29:10 จะมีความสุ่มเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บอะไร
00:29:10 → 00:29:12 ต่างๆหรือเปล่าฮะคุณหมอ
00:29:12 → 00:29:16 ฮะอืจริงๆหมอว่าไม่ต้องไปตั้งใจนักขนนก็
00:29:16 → 00:29:19 ได้นะครับไม่ต้องเอ่อคือไม่แนะนำว่าจะ
00:29:19 → 00:29:21 ต้องไปใส่่ใจขนาดนั้นเพราะว่าเราก็เอา
00:29:21 → 00:29:25 เวลาไปทำงานอดิกอื่นดีกว่านะครับก็อย่าง
00:29:25 → 00:29:28 ที่ตอต้นแล้วว่าให้สังเกตค่ะให้สังเกต
00:29:28 → 00:29:32 อื่นๆดีกว่าเช่นการถ่ายอุระเปลี่ยนไฟไม้
00:29:32 → 00:29:37 อ่าครับๆๆท้องเราโตเขย่ขึ้นผิดปกติไหมนะ
00:29:37 → 00:29:41 ครับอึดอัดหรือไม่นะครับมีน้ำหนักลดผิด
00:29:41 → 00:29:43 สังเกตหรือไม่อย่างเงี้ยครับสังเกตพวก
00:29:43 → 00:29:45 นั้นดีกว่าครับเพราะดูแค่การายลมอย่าง
00:29:45 → 00:29:50 เดียวมันบอกโรคยากอ่ะครับอมันอืจริงๆคนคน
00:29:50 → 00:29:52 ที่มีลมเยอะก็ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีโรคร้าย
00:29:52 → 00:29:56 แรงอะไอืครับก็คือให้ไปไปสังเกตอย่างอื่น
00:29:56 → 00:29:59 ดีกว่าที่มันอาจจะบ่งบอกถึงความผิดปกติ
00:29:59 → 00:30:01 ภายในร่างกายของเราได้ดีดีกว่าที่จะมา
00:30:01 → 00:30:05 นั่งนับการผ่าลมนับตดของเรานะคุณหมอเนาะ
00:30:05 → 00:30:08 บางทีผมยังได้นคนไข้นะว่าจริงๆเรามีโอกาส
00:30:08 → 00:30:12 ายลมเนี่ยเป็นสิ่งที่ดีครับเพราะว่าคนไข้
00:30:12 → 00:30:14 บางคนเนี่ยบางทีลมเต็มทองแล้วแต่ลมยังไม่
00:30:14 → 00:30:18 ออกเลยนะครับก็คือมีการอุดตันของลำไส้
00:30:18 → 00:30:20 เกิดขึ้นอย่างเงี้ยเป็นต้นอย่างเงอันนั้น
00:30:20 → 00:30:24 น่ะลำบากอครับคุณหมออย่างบางคนเนี่ยคือ
00:30:24 → 00:30:28 เขาเป็นคนที่ช่างสังเกตแต่ว่าอาจจะลืมนึก
00:30:28 → 00:30:30 ไปว่าอาหารที่เราทานไปเนี่ยอ่ะะอย่างที่
00:30:30 → 00:30:34 หลายคนก็พอจะทราบกันว่าทานถั่วอ่าผายลม
00:30:34 → 00:30:38 บ่อยส้มโอเเนี่ยอาหาก็อือก็ถี่แล้วก็มี
00:30:38 → 00:30:40 กลิ่นเหม็นเขียวกันพอสมควรทีเดียวอะไร
00:30:40 → 00:30:43 อย่างเงี้ยอ่าอะไรอย่างงี้ถือๆถือว่าไอ้
00:30:43 → 00:30:47 การกินของพวกนี้แล้วมันก็ผายลมบ่อยๆถีๆ
00:30:47 → 00:30:49 เนี่ยมันก็ไม่ได้แสดงถึงความผิดปกติใช่
00:30:49 → 00:30:52 มั้ยมันเป็นเพราะว่าเรามีตัวไปกระตุ้นทำ
00:30:52 → 00:30:54 ให้เกิดลมภายในร่างกายของเราแล้วก็มัน
00:30:54 → 00:30:57 ต้องปล่อยออกมาแบบนี้ใช่มั้ยฮะคุณหมอใช่
00:30:57 → 00:30:59 ฮะคือถ้าถสมมุติว่าถ้าเราคิดว่ามันเป็น
00:30:59 → 00:31:02 เรื่องของอาหารเนี่ยเราลองลดปริมาณที่ทาน
00:31:02 → 00:31:05 ชนิดนั้นๆลงแล้วเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดูนะ
00:31:05 → 00:31:09 ครับอเ่อแล้วดูว่าดีขึ้นหรือไม่นะครับ
00:31:09 → 00:31:12 ซึ่งส่วนใหญ่มักจะดีขึ้นอนอกจากเรื่องของ
00:31:12 → 00:31:14 ชิอาหารที่เราพูดกันตอนต้นรายการแล้ว
00:31:14 → 00:31:18 เนี่ยครับๆเอ่อสุขนิสัยการรับประทานเี่
00:31:18 → 00:31:19 การเคี้ยวอาหารไม่
00:31:19 → 00:31:24 ละเอียดการรับประทานเร็วเกินไปบางคนแั
00:31:24 → 00:31:28 เดียวจานมันเริ่มหมดและนะครับออการรับ
00:31:28 → 00:31:31 ประทานเยอะเกินไปพวกเนี้ยพวกนี้จะสร้างลม
00:31:31 → 00:31:34 ได้เยอะนะครับอืหมายความว่าในอาหารชนิด
00:31:34 → 00:31:37 เดียวกันเนี่ยถ้าสุกกใส่กันแล้วประทาน
00:31:37 → 00:31:42 ค่อยๆทานเคี้ยวช้าๆอย่างเงี้ยพวกนี้ก็จะ
00:31:42 → 00:31:46 ลมน้อยกว่านะครับอืค่ะเกี่ยวกันหมดเลยนะ
00:31:46 → 00:31:49 อ๋อถ้าเคี้ยวช้าๆลมน้อยกว่าอันนี้อาจจะ
00:31:49 → 00:31:53 เป็นการทำให้เราผายลมก็จริงแต่เราอาจจะ
00:31:53 → 00:31:56 ไม่ได้ยินเสียงก็ได้อันนี้เป็นไปได้หรือ
00:31:56 → 00:31:59 เปล่าคะคุณหมอใช่ก็คือถ้ามน้อยเสียงก็จะ
00:31:59 → 00:32:04 น่าจะเบาลงใช่ครับอืงั้นเป็นทริกนะคะวัน
00:32:04 → 00:32:06 ไหนใครมีงานประชุมใหญ่ๆหรืองานแกรนด
00:32:06 → 00:32:12 Opening เนี่ยก็เคี้ยวละเอียดนิดนึง
00:32:12 → 00:32:16 ออโอเคโอเคเอออันอันนี้เผื่อว่าเป็นเป็น
00:32:16 → 00:32:18 คำแนะนำจากคุณหมอแล้วกันนะคุณหมอนะฮะเออ
00:32:18 → 00:32:20 คุณหมอพอดีว่ามีคุณผู้ฟังทางบ้านเนี่ย
00:32:20 → 00:32:24 อยากจะขอสอบถามคุณหมอมานิดนึงครับคุณหมอ
00:32:24 → 00:32:26 ครับพอดีว่าคุณหมอท่านนี้เนี่ยเมื่อกี้
00:32:26 → 00:32:29 พูดถึงเรื่องของ Map นะหนึ่งในนั้นก็คือ
00:32:29 → 00:32:32 มีพวกนมพวกโยเกิร์ตเนาะคุณพี่ท่านนี้
00:32:32 → 00:32:35 เนี่ยมีนมเยครับคุณพี่ท่านนี้เนี่ยถามมา
00:32:35 → 00:32:39 ว่าแปลกใจเหมือนกันว่าตัวเองเนี่ยเป็นคน
00:32:39 → 00:32:43 ที่ชอบทานนมทานโยเกิร์ตมากแต่ว่าไม่เคยมี
00:32:43 → 00:32:46 อาการท้องไส้ปั่นป่วนท้องเสียหรือแม้แต่
00:32:46 → 00:32:49 การผายลมเลยครับคุณหมอครับอันนี้มันถือ
00:32:49 → 00:32:51 ว่าเป็นสิ่งผิดปกติมั้ยครับคุณหมอฮะเป็น
00:32:51 → 00:32:54 คำถามที่ดีมากครับคือจริงๆที่เมื่อกี้เรา
00:32:54 → 00:32:57 พูดหมอพูดยกตัวอย่างว่าที่เศึกษาว่ากลุ่ม
00:32:57 → 00:32:59 เนี้ยพอพอเจอแบคทีเรียแล้วให้ลมเยอะเนี่ย
00:32:59 → 00:33:02 คือเขาคิดเป็นค่าเฉลี่ยครับฮะแต่ทีนี้
00:33:02 → 00:33:05 เนี่ยกลไกกระจัดลมของแต่ละคนแล้วก็รวมถึง
00:33:05 → 00:33:08 แบชนิดของแบคจุรินทรีของของในร่างกายแต่
00:33:08 → 00:33:12 ละคนเนี่ยก็ไม่เหมือนกันครับไม่เหมือนกัน
00:33:12 → 00:33:16 นะครับไม่ได้แปลว่าเอ๊ะเอ่อ10ิคนทานอาหาร
00:33:16 → 00:33:19 ที่เขาบอกว่าจะสร้างลมเยอะจะเกิดอาการทุก
00:33:19 → 00:33:22 คนก็ไม่ใช่มันขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ
00:33:22 → 00:33:27 เช่นปริมาณที่ทานนะครับลักษณะจุรินทรีของ
00:33:27 → 00:33:32 คนๆนั้นครับแล้วก็รวมถึงการพานช้าพานเร็ว
00:33:32 → 00:33:35 ของคนๆนั้นด้วยการเคี้ยวอาหารอะไรอย่าง
00:33:35 → 00:33:38 เงี้ยนะครับดังนั้นไอ้ที่เขาบอกว่าชนิด
00:33:38 → 00:33:41 ของอาหารเนี่ยคือคิดเป็นโดยเฉลี่ยโดยทั่ว
00:33:41 → 00:33:45 ไปว่าถ้าอาหารชนิดเนี้ยเจอแบคทีเรียแล้ว
00:33:45 → 00:33:50 เนี่ยจะทำพยาให้ลมเยอะอืนะครับแต่ไม่ได้
00:33:50 → 00:33:53 บอกว่าทุกคนรับประทานนี้แล้วจะต้องลมเยอะ
00:33:53 → 00:33:57 อันนี้อันนี้คนละประเด็นนะครับอืครับงั้น
00:33:57 → 00:34:00 อืแล้วอีกอย่างก็อยู่ที่ช่วงนั้นด้วยว่า
00:34:00 → 00:34:04 ลำไส้ของแต่ละคนนั้นทำงานดีหรือไม่ถ้าทำ
00:34:04 → 00:34:08 งานดีทานยังไงก็ไม่เป็นไรออ๋อนี่ไงคือคุณ
00:34:08 → 00:34:10 พี่ท่านนี้ก็เลยตอบให้ข้อมูลมาเพิ่มเติม
00:34:10 → 00:34:13 ครับว่าอ่าชอบทานโยเกิร์ตชอบทานนมแต่ว่า
00:34:13 → 00:34:16 ไม่ค่อยจะไผลมเพราะคุณพี่ท่านนี้เคี้ยว
00:34:16 → 00:34:19 อาหารละเอียดมากเขาบอกเวลาเคี้ยวเนี่ยมี
00:34:19 → 00:34:22 สมาธิกับการกินอาหารทุกครั้งถึงขั้นนับ
00:34:22 → 00:34:24 ครั้งเลยนะคุหมอนะอันนี้ถือว่ายอดเยี่ยม
00:34:24 → 00:34:27 เลยใช่มั้ยคุณหมอยอดเยี่ยมเป็นการรทาน
00:34:27 → 00:34:30 อาหารที่ถูกต้องครับอูเนี่ยผมอยากเจอคือ
00:34:30 → 00:34:32 อย่างที่ดีฮะคืออยากให้ทุกคนเวลารับ
00:34:32 → 00:34:36 ประทานอาหารก็ต้องต้องเอเ่อเอาแแบอย่าง
00:34:36 → 00:34:38 จากคุณพี่ท่านเนี้ยนะครับว่าค่อยๆทานใจ
00:34:39 → 00:34:41 เย็นๆอะไรอย่างเงี้ยอ๋อเดี๋ยวผมจะผมจะ
00:34:41 → 00:34:43 ต้องไปก็ทานให้หลากหลายทานอาหารให้หลาก
00:34:43 → 00:34:45 หลายด้วยนะครับอย่าอย่าเลือกทานเฉพาะบาง
00:34:45 → 00:34:50 อย่างออคนสับเ่นไปเรื่อยๆนะครับอครับมี
00:34:50 → 00:34:53 อีกสัก 1 ผลไม้ด้วครับได้ครับคุณหมอครับ
00:34:53 → 00:34:55 ทานครบ 5 หมูพูดกันง่ายๆอ่ะให้ครบนะเพื่อ
00:34:55 → 00:34:59 สุขภาพหมูม้ำไม่พอด้วยครับดื่มน้ำเนี่ย
00:34:59 → 00:35:02 ช่วงนี้หน้าร้อนก็ต้องดื่มเพิ่มเติมถู
00:35:02 → 00:35:04 กว่าปกติเพราะเราเสียเหงื่อเยอะมากครับ
00:35:04 → 00:35:07 แต่ละันครับครับคุณหมอมีอีก 1 คำถามนะ
00:35:07 → 00:35:10 ครับคุณหมอครับถามคุณพี่ท่านนี้่าฝากถาม
00:35:10 → 00:35:13 มาอันนี้อันนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
00:35:13 → 00:35:17 เรื่องของการผายลมโดยตรงแต่ว่ามันก็น่าจะ
00:35:17 → 00:35:19 เกี่ยวข้องกับระบบภายในท้องของเราคุณพี่
00:35:19 → 00:35:23 ท่านนี่บอกว่าพยายามทานอาหารเนี่ยให้มาก
00:35:23 → 00:35:26 ขึ้นกว่าปกติเพราะอยากจะทำน้ำหนักแต่
00:35:26 → 00:35:30 ปรากฏว่าไอ้การทานของพี่เาเนี่ยทานมากยัง
00:35:30 → 00:35:33 ไงน้ำหนักก็ไม่ยอมขึ้นครับคือพยายามกิน
00:35:33 → 00:35:36 แบบเยมาตั้งแต่ปี 60 คุณหมอจนถึงปัจจุบัน
00:35:36 → 00:35:39 เนี่ยจากเดิมน้ำหนักเนี่ยเขาอยู่ที่ 65
00:35:39 → 00:35:43 แต่ว่าณปัจจุบันกลายเป็นว่าเหลือ 56 แล้ว
00:35:43 → 00:35:46 ก็หยุดอยู่เท่านี้เนี่ยมา 1 ปีะก็เลยมีคำ
00:35:46 → 00:35:49 ถามว่าคุณหมอครับแบบนี้เนี่ยมันถือว่ามี
00:35:49 → 00:35:52 อาการผิดปกติมยระบบย่อยอาหารของเ้ามี
00:35:52 → 00:35:55 ปัญหาหรือเปล่าลำไสอ่าไม่ได้แจ้งอายุมา
00:35:55 → 00:35:59 ครับคุณหมอครับดูน้ำหนักลดไปเยอะนะฮะนั่น
00:35:59 → 00:36:02 น่ะสิคือคืออย่างงี้เอาเอาอย่างงี้ก่อน
00:36:02 → 00:36:03 อย่างเงี้ยไม่ใช่น้ำหนักไม่ขึ้นอันนี้คือ
00:36:03 → 00:36:07 น้ำหนักลดเลยนะครับครับถ้าน้ำหนักลดเนี่ย
00:36:07 → 00:36:10 ยังไงเราต้องไปตรวจเช็คร่างกายก่อนนะครับ
00:36:10 → 00:36:15 ว่าเอ๊ะร่างกายเราพบเ่อทุกเอ่อทุกๆอวะ
00:36:15 → 00:36:17 เนี่ยได้ตรวจเช็คเรียบร้อยหรือยังว่าไม่
00:36:17 → 00:36:21 มีสาเหตุให้น้ำหนักผอมลงลดลงนะครับอันที่
00:36:21 → 00:36:24 1 นะครับก่อนแต่ีนี้เราก็จะเจอคนไข้
00:36:24 → 00:36:26 กลุ่มนึงเหมือนกันที่แบบว่าเป็นมคนรูป
00:36:26 → 00:36:30 ร่างสนอใช้แบบว่า slender อ่ะครับทางเท่า
00:36:30 → 00:36:32 ไหร่ก็ไม่ขึ้นตรวจแล้วนี่คือยืนยันว่า
00:36:33 → 00:36:36 ตรวจแล้วไม่มีโรคครับแน่ใจว่าไม่มีโรคเลย
00:36:36 → 00:36:39 อือันนี้ก็จะแนะนำว่าคนกลุ่มนี้ทำบุญมาดี
00:36:39 → 00:36:42 ทันเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนนะครับแต่ทีนี้ถ้า
00:36:42 → 00:36:46 สมมุติว่าเอยากจะเพิ่มความหนาของร่างกาย
00:36:46 → 00:36:49 ครับการกินอาหารเยอะแค่ไหนก็ไม่ใช่คำตอบ
00:36:49 → 00:36:52 ถูกต้องมั้ยครับครับที่หมอจะแนะนำก็คือ
00:36:52 → 00:36:54 อาจจะต้องเอ่อเปลี่ยนเอ่อวิธีการออกกำลัง
00:36:54 → 00:36:58 ใกบางอย่างเช่นอาจจะสร้างกล้าด้วยกันยก
00:36:58 → 00:37:02 เว็ดเล่นเว็ดบ้างนะครับฮะเพื่อให้รูปร่าง
00:37:02 → 00:37:06 ที่ผอมบางให้มีความหนาด้วยกาบเนื้อที่หนา
00:37:06 → 00:37:09 ขึ้นซึ่งหลายคนทำแล้วก็ได้ผลแล้วน้ำหนัก
00:37:09 → 00:37:12 ก็ขึ้นมาด้วยนะครับอ๋ออันนี้สำหรับคนที่
00:37:12 → 00:37:15 ไม่มีโรคนะครับครับอย่างกรณีที่เมื่อกี้
00:37:15 → 00:37:18 ที่ยกมาว่าน้ำหนักรถจาก 60 กว่าเป็น 50
00:37:18 → 00:37:20 กว่ายังไงควรจะไปตรวจร่างกายก่อนนะครับ
00:37:20 → 00:37:23 ให้แน่ใจว่าไม่มีโรคซ่อนอยู่นะครับคุณพี่
00:37:23 → 00:37:25 ท่านนี้ให้ข้อมูลมาเพิ่มเติมครับคุณหมอ
00:37:25 → 00:37:28 อายุ 63 ปีฮะก็ถือว่ามีอายุแล้วพอสมควร
00:37:28 → 00:37:31 เหมือนกันนะฮะก็ต้องตรวจร่างกายนะครับไป
00:37:31 → 00:37:34 ตรวจสุขภาพนะครับอ๋อไปตรวจดีกว่านะครับ
00:37:34 → 00:37:37 คุณหมอถ้าตรวจแล้วแข็งแรงก็ทำอย่างที่หมอ
00:37:37 → 00:37:40 ว่าก็ลองเอ่อส้างกล้ำเบาๆแต่อายุเยอะแล้ว
00:37:41 → 00:37:43 ก็ไม่ต้องตัวอ้วนก็จะดีดีที่สุดครับอออ
00:37:43 → 00:37:47 ใช่ๆโอเคได้ครับก็ถือว่าอ่ะได้คำแนะนำจาก
00:37:47 → 00:37:50 คุณหมอไปกันพอสมควรทีเดียวก็จะได้สบายอก
00:37:50 → 00:37:54 สบายใจกันไปนะครับคุณหมอนี่มีคุณหมอมีคณ
00:37:54 → 00:37:56 มีแต่เรื่องยากๆนะฮะโอ้ใช่ครับราการนี้มี
00:37:56 → 00:37:59 แต่หัวข้อยากๆต้องขอชมโอ้โหนี่เรื่องตด
00:37:59 → 00:38:01 นี่กลายเป็นเรื่องยากไปซะแล้วนะฮะเออไอ้
00:38:01 → 00:38:04 นึกไอเราก็นึกว่าปกติทั่วไปนะครับเออมี
00:38:04 → 00:38:07 คุณผู้ฟังทางบ้านชื่นชมคุณหมอด้วยว่าคุณ
00:38:07 → 00:38:10 หมอตอบคำถามสนุกมากชอบอ่าเห็นมั้ยคุณหมอ
00:38:10 → 00:38:14 ออขอบพระคุณครับพิธีกรชงมาดีเราก็พยายาม
00:38:14 → 00:38:16 ชงครับแลคุณหมอให้คุณหมอตบได้อย่างสนุก
00:38:16 → 00:38:21 สนานครับคุณหมอฮะออืครับผมพพรเก่งนะทั้ง
00:38:21 → 00:38:23 คู่เลยฮะครับคุณหมอครับมีอีก 1 คำถามครับ
00:38:23 → 00:38:26 พี่ขวัญครับน่าจะเป็นคำถามท้ายๆแล้วฮะคุณ
00:38:26 → 00:38:30 หมอฮะท้องอื่นเกิดจากอะไรครับแล้วก็เอ่อ
00:38:30 → 00:38:33 คุณผู้ฟังท่านที่บอกว่าเอ่อมีอาการผายลม
00:38:33 → 00:38:36 บ่อยบางครั้งเนี่ยกินอาหารแล้วเหมือนมัน
00:38:36 → 00:38:40 มันจุกตรงคอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร
00:38:40 → 00:38:42 แต่ว่าก็กินยาช่ยย่อยเนี่ยมันก็ยังไม่หาย
00:38:43 → 00:38:45 ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรครับคุณ
00:38:45 → 00:38:48 หมอครับครับมีหลายคำถามอยู่ในนี้ตอบเร็วๆ
00:38:48 → 00:38:52 แล้วกันนะฮะอืส่วนใหญ่จะหมายถึงลมในลำไส้
00:38:52 → 00:38:55 ลำไส้เราจะมีทั้งลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่นะ
00:38:55 → 00:38:57 ครับซึ่งถ้าเป็นแค่ลำไส้ใหญ่เนี่ยอาจจะ
00:38:57 → 00:39:00 ส่วนใหญ่พุกลำไส้แปปวนอะไรพวกนี้ก็ได้แต่
00:39:00 → 00:39:03 ถ้าไม่เคยเป็นมาก่อนให้ไปสูดแต่ถ้าลมในลำ
00:39:03 → 00:39:06 ไส้เล็กร่วมด้วยอันนี้ไม่ปกติะอันนี้แต่
00:39:06 → 00:39:09 เราเราจะไม่รู้ว่าลำไช้ลำไช้ใหญ่ต้องเป็น
00:39:09 → 00:39:13 หน้าที่แพทย์นะครับครับนะครับทีนี้ข้อต่อ
00:39:13 → 00:39:16 ๆไปถามว่าเรามีถายลมบ่อยกันอย่างที่บอก
00:39:16 → 00:39:18 คือถ้าเราถายลมบ่อยแต่ว่าอาการอย่างอื่น
00:39:18 → 00:39:21 ปกติเนี่ยเราก็ไม่ไม่ได้เราเราก็ถ้าถ้า
00:39:21 → 00:39:23 คิดว่ามันบ่อยติดอูตจริงๆยังไงเราก็ต้อง
00:39:23 → 00:39:26 ไปสูอืถ้าคิดว่าเราควบคุมอาหารแล้วเรา
00:39:26 → 00:39:28 กระจัดอาหารที่สร้างลมแล้วเราออกกำลังกาย
00:39:28 → 00:39:31 เราทานอาหารช้าๆแล้วก็ยังเป็นอันนี้ก็ควร
00:39:31 → 00:39:33 ไปสรวจให้แน่ชัดว่าอ่าลำไส้เราไม่มี
00:39:34 → 00:39:36 อักเสบไม่มีแผลไม่มีก้อนนะอะไรอย่างเงี้ย
00:39:36 → 00:39:39 นะครับอืสุแล้วถ้าตรวจแล้วปกติก็มาควบคุม
00:39:39 → 00:39:42 อาหารควบคุมอารมณ์ต่อเพราะว่าทุกปัจจัย
00:39:42 → 00:39:45 ที่มีผลต่อรำไส้ก็ทำให้เกิดมีลมในในลำไส้
00:39:45 → 00:39:48 ทั้งนั้นนะครับมีคำถามอะไรซ่อนเมื่อกี้มี
00:39:48 → 00:39:51 คำถามอะไรที่ซ่อนอยู่อีกอ๋อคำถามที่ซ่อน
00:39:51 → 00:39:54 ก็คือบางครั้งทานอาหารเนี่ยเหมือนมันมา
00:39:54 → 00:39:57 จุกอยู่ที่คอครับคือพยายามที่จะซื้อ
00:39:57 → 00:40:01 ชแต่ก็ไม่หายทีครับคุณหมอครับเกิดจากอะไร
00:40:01 → 00:40:03 จุกที่คอที่เราคุยกันว่าวันก่อนคุยเรื่อง
00:40:03 → 00:40:06 กดไหลยออ่าใช่ๆๆๆครับคุณหมอฮะหนึ่งใน
00:40:06 → 00:40:09 อาการของกดไหลย้อนคือมีอาการจุกที่คอได้
00:40:09 → 00:40:13 ทีนี้ที่ผมพูดเไ้ว่ากดไหลย้อนมีปฐมภูมิ
00:40:13 → 00:40:17 กับทุติยภูมิครับถ้าเราท้องอืดมีลมเยอะก็
00:40:17 → 00:40:19 สามารถทำให้เกิดกฎไหลย้อนแบบทุติยภูมิได้
00:40:19 → 00:40:24 ถูกออกมถูกต้องั้ฮะครับหรือจริงๆแล้วแค่
00:40:24 → 00:40:26 มีก้อนในคออย่างเดียวมันก็อาจจะไม่ได้แปล
00:40:26 → 00:40:29 ว่ามีกดในยอดก็ต้องไปดูให้แน่ชัดว่าในลำ
00:40:29 → 00:40:32 คอนี้มีภูมิแพทมีก้อนมีอะไรอยู่ข้างใน
00:40:32 → 00:40:35 หรือเปล่านะครับถึงแม้ทั่งความวิตกกังวล
00:40:35 → 00:40:37 ก็เกกิดโบัเซนที่เราคุยกันในรายการที่ว่า
00:40:37 → 00:40:41 มีก้อนจุกในคอนะครับอืครับผมพูดง่ายๆก็
00:40:41 → 00:40:44 คือถ้าเอ่อสรุปว่าก็ต้องรักษาถ้ามีอืด
00:40:44 → 00:40:47 แน่นจนกระทั่งมีลมมีเือจุกในคอก็ต้อง
00:40:47 → 00:40:49 รักษาภาวะท้องอืดนั้นต้องตรวจก่อนฮะว่ามี
00:40:49 → 00:40:53 ลำไส้อุดปันมั้ยมีลำไส้อักเสบมีแผลมั้ยนะ
00:40:53 → 00:40:56 ครับอืมครับผมก็คือง่ายๆคือถ้ามีอาการ
00:40:56 → 00:40:59 ลักษณะแบบนี้ไปพบแพทย์จะดีกว่าไปตรวจก่อน
00:40:59 → 00:41:03 ดีกว่าเพราะว่าดูแล้วรุนแรงขึ้นครับอืได้
00:41:03 → 00:41:07 ครับผมค่ะอ่าวันนี้คำถามครบถ้วนนะคะออใช่
00:41:07 → 00:41:09 ๆๆวันนี้มีคำถามเยอะครับคุณหมอตอบสนุกมี
00:41:09 → 00:41:11 คุณผู้ฟังทางบ้านก็เลยเนี่ยถามกันเข้ามา
00:41:11 → 00:41:15 เยอะเลยเดี๋ยวถ้ามีโอกาสหน้าเนี่ยจะต้อง
00:41:15 → 00:41:19 ขอใช่ขอความกรุณาจากคุณหมออีกสักครั้งนะ
00:41:19 → 00:41:21 ครับคุณหมอครับในในครั้งหน้านะคุณหมอครับ
00:41:21 → 00:41:26 อ๋อยินดีครับเกรงใจเลยครับคุณหมอวันนี้
00:41:26 → 00:41:29 ต้องไม่ต้องเกผมผมจริงๆผมผมว่าผมก็มีความ
00:41:29 → 00:41:32 สุขนะครับว่าผมได้มาคุยในรายการอย่าง
00:41:32 → 00:41:35 เงี้ยผมว่าดีมากๆเพราะปกติไม่ค่อยได้ไม่
00:41:35 → 00:41:38 ได้กรอกพรรคประชาชนเยอะขนาดนี้นะครับก็
00:41:38 → 00:41:42 ยินดีครับได้ครับผมโอฟังฟังแบบนี้เราก็ดี
00:41:42 → 00:41:44 ใจแทนคนฟังทางบ้านเผื่อว่าคนที่เขาอาจจะ
00:41:44 → 00:41:47 มีปัญหาสุขภาพเนี่ยจะได้มาสอบถามคุณหมอ
00:41:47 → 00:41:50 ได้โดยตรงนะครับวันนี้ต้องขอกราบขอบพระ
00:41:50 → 00:41:52 คุณคุณหมอมากๆจริงๆนะครับที่มาให้ความรู้
00:41:52 → 00:41:54 กับเราในค่ำคืนวันนี้ขอบพระคุณมากๆนะครับ
00:41:54 → 00:41:58 คุณหมอครับครับยินดีครับครับสวัสดีนะครับ
00:41:58 → 00:42:00 สวัสดีทุกท่านครับขอบพระคุณมากๆครับคุณ
00:42:00 → 00:42:03 หมอกิตติชื่นยงนะครับนายแพทย์เชี่ยวชาญ
00:42:03 → 00:42:06 กลุ่มงานอายุรศาสตร์จากโรงพยาบาลราชวิถี
00:42:06 → 00:42:10 กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขนะครับ