00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับจะเป็นยังไงบ้างถ้าเกิดว่า
00:00:03 → 00:00:06 วิญญาณของเราเนี่ยถูกกักขังไว้ในร่างกาย
00:00:06 → 00:00:11 ของตัวเองเรายังมีสติรับรู้ทุกอย่างได้ดี
00:00:11 → 00:00:17 ได้ยินมองเห็นมีความดีใจเสียใจเศร้าใจ
00:00:17 → 00:00:23 โกรธแล้วก็เจ็บปวดเย็นร้อนครบทุกอย่างแต่
00:00:23 → 00:00:27 เราพูดไม่ได้เราเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้
00:00:27 → 00:00:31 เลยแล้ววันดีคืนดีเราก็น้ำตาไหลออกมาโดย
00:00:31 → 00:00:36 ที่ไม่รู้ตัวบางครั้งเราก็หัวเราะออกมาทำ
00:00:36 → 00:00:40 ให้คนที่อยู่รอบข้างเราหลอนไปตามๆกันโรค
00:00:40 → 00:00:44 นี้มีจริงๆครับในทางการแพทย์ชื่อว่า
00:00:44 → 00:00:46 locked in Syndrome ซึ่งวันนี้ผมจะ
00:00:46 → 00:00:49 เล่าให้ทุกคนฟังว่ามันคือโรคอะไรเป็นได้
00:00:49 → 00:00:53 ยังไงแล้วใครที่เสี่งจะเป็นโรคนี้พบกับผม
00:00:53 → 00:00:55 นะครับนายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์
00:00:55 → 00:00:57 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:00:57 → 00:01:00 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:01:00 → 00:01:03 โรค lock in Syndrome เนี่ยมีการรายงาน
00:01:03 → 00:01:06 ไว้ตั้งแต่ปี
00:01:06 → 00:01:10 1966 โดยเคเจอคนไข้ที่อยู่ๆเหมือนกับหมด
00:01:10 → 00:01:12 สติกระทันหัน
00:01:12 → 00:01:16 แต่ว่าพอเปิดเปลือกตาขึ้นมาเนี่ยสามารถ
00:01:16 → 00:01:19 ที่จะสื่อสารได้ด้วยการกรอกตาขึ้นลงขึ้น
00:01:19 → 00:01:23 ลงแบบเนี้ยตามคำถามที่เขาป้อนให้เป็นคำ
00:01:23 → 00:01:27 ถามง่ายๆใช่ไม่ใช่ Yes No แค่นั้นแต่ทำ
00:01:27 → 00:01:31 อย่างอื่นไม่ได้บางคนคนสามารถกระพริบตา
00:01:31 → 00:01:34 ได้แบบนี้แทนคำตอบแต่ไม่สามารถพูดได้ไม่
00:01:34 → 00:01:41 สามารถเคลื่อนไหวมือเท้าแขนขาได้
00:01:41 → 00:01:44 เลยและบางครั้งมีน้ำตาไหลหรือหัวเราะขึ้น
00:01:44 → 00:01:50 มาโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมโรคนี้มันคือ
00:01:50 → 00:01:55 โรคสกหรือหลอดเลือดมีปัญหาตรงบริเวณก้าน
00:01:55 → 00:01:59 สมองส่วนที่เราเรียกว่า ventral PS หรือ
00:02:00 → 00:02:03 ส่วนหน้าของก้านสมองที่อยู่ด้านล่างนิด
00:02:03 → 00:02:06 นึงนะครับก้านสมองเรามีทั้งบนทั้งล่าง
00:02:06 → 00:02:08 หน้าและหลังนี่อยู่ส่วนล่างด้านหน้านะ
00:02:08 → 00:02:10 ครับหรือ ventral
00:02:10 → 00:02:14 PS เส้นเลือดที่ว่าเคือเส้นเลือดชื่อว่า
00:02:14 → 00:02:17 Bill artery ถ้าเส้นเลือดนี้มีปัญหา
00:02:17 → 00:02:21 เช่นมันแตกมันมีลิ่มเลือดไปอุดตันหรือ
00:02:21 → 00:02:24 บริเวณนี้มันมีเนื้องอกนะครับมีการติด
00:02:24 → 00:02:28 เชื้อหรือมีการอักเสบอะไรก็แล้วแต่เนี่ย
00:02:28 → 00:02:31 มันจะทำให้สมองส่วน ventral PS ตรงนี้
00:02:31 → 00:02:35 เนี่ยขาดเลือดและใน ventral PS นั้นมัน
00:02:35 → 00:02:38 จะมีทางเดินเส้นประสาทมากมายทางเดนเส้น
00:02:38 → 00:02:42 ประสาทเหล่านี้มีหน้าที่ในการควบคุมแขนขา
00:02:42 → 00:02:45 กล้ามเนื้อการพูดการแสดงออกทางสีหน้าทุก
00:02:45 → 00:02:46 อย่าง
00:02:46 → 00:02:50 เลยแต่ส่วนที่มันไม่เสียไปก็คือส่วนที่
00:02:50 → 00:02:53 อยู่ด้านหลังและด้านบนซึ่งบริเวณนั้น
00:02:53 → 00:02:57 เนี่ยเป็นที่อยู่ของระบบประสาทที่ใช้ใน
00:02:57 → 00:03:01 การรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดร้อนหนาวทั้ง
00:03:01 → 00:03:04 หมดเลยรวมไปถึงเรื่องของระบบประสาท
00:03:04 → 00:03:08 อัตโนมัติด้วยใช่ระบบอัตโมัตินี่แหละนะ
00:03:08 → 00:03:12 ครับยังไม่โดนอะไรตรงนั้นนะครับดังนั้น
00:03:12 → 00:03:15 การเต้นของชีพจรของหัวใจความดันโลหิตไม่
00:03:15 → 00:03:16 โดนไป
00:03:16 → 00:03:20 ด้วยและเรื่องของการรับรู้สติของเราก็
00:03:20 → 00:03:23 อยู่ทางด้านหลังเหมือนกันนะครับตรงนั้น
00:03:23 → 00:03:27 เนี่ยไม่โดนการกรอกตาของเรากรอกไปด้าน
00:03:27 → 00:03:30 ข้างจะทำไม่ได้มันเสียไปด้วยแต่กรอกขึ้น
00:03:30 → 00:03:32 ลงเนี่ยยังทำได้บางคนกระพริบตาได้บางคน
00:03:33 → 00:03:35 กระพริบตาไม่ได้นะ
00:03:35 → 00:03:40 ครับและต้องแจ้งอย่างนี้ครับว่าแล้วใคร
00:03:40 → 00:03:44 ล่ะที่จะมีโอกาสเป็นโรคนี้
00:03:44 → 00:03:48 เออโอกาสที่จะเกิดโรคสตกตรงบริเวณเส้น
00:03:48 → 00:03:51 เลือดซิล่าเนี่ยมีไม่เยอะนะครับแต่ปัจจัย
00:03:51 → 00:03:55 เสี่ยงในการเกิดคือคนที่มีความดลหิตสูง
00:03:55 → 00:03:59 ที่คุมไม่ได้ไขมันสูงที่คุมไม่ได้เบาหวาน
00:03:59 → 00:04:01 ที่ที่กำเริบและคุมไม่
00:04:01 → 00:04:06 ได้นี่แหละพวกเนี้ยแล้วก็คนที่สู
00:04:06 → 00:04:09 บุหรี่ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงพวกนี้ต้องรีบคุม
00:04:09 → 00:04:12 มันให้ได้โดยเร็วเพราะมิฉะนั้นท่านก็จะมี
00:04:12 → 00:04:15 ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้และไม่ใช่ทุก
00:04:15 → 00:04:18 คนจะรอดชีวิตคนที่รอดชีวิตก็ไม่ใช่ทุกคน
00:04:18 → 00:04:21 ที่จะกลับมาเป็นปกติเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
00:04:21 → 00:04:24 ว่ามันกลับมาเป็นปกติแค่ไหนอย่างไรต้องทำ
00:04:24 → 00:04:28 แบบไหนบ้างนะครับดังนั้นใครที่มีความ
00:04:28 → 00:04:31 เสี่ยงเมื่อกี้ต้องรีบจัดการควบคุมมันให้
00:04:31 → 00:04:37 ได้นะครับนอกเหนือจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น
00:04:37 → 00:04:42 อีกเช่นบางคนเป็นหัวใจเต้นผิดปกติชนิด ure
00:04:42 → 00:04:46 fibrillation แล้วบังเอิญมันมีช่องที่
00:04:46 → 00:04:48 มันเชื่อมระหว่างหัวใจห้องซ้ายและห้องขวา
00:04:48 → 00:04:50 เรียกว่า patent forent ลนะครับเป็นรู
00:04:50 → 00:04:53 กลมๆถ้ามันเกิดลิ่มเลือดเมื่อไหร่แล้วล่ะ
00:04:53 → 00:04:55 ก็มันสามารถข้ามจากอีกข้างนึงแล้วก็ไปที่
00:04:55 → 00:04:59 สมองของเราได้ก็จะมีปัญหาได้ยังโชคดี
00:04:59 → 00:05:02 หน่อยนะครับที่สตกบริเวณนี้เนี่ยมันเจอ
00:05:02 → 00:05:06 ได้ยากหน่อยนะฮะเหตุผลที่มันเจอได้ยากนะ
00:05:06 → 00:05:10 ครับข้อแรกเป็นเรื่องของปริมาณเลือดที่
00:05:10 → 00:05:14 มันใช้นะครับในทางสมองเนี่ยเราจะแบ่งระบบ
00:05:14 → 00:05:17 ไหลายเวนเลือดเป็นระบบส่วนหน้าและส่วน
00:05:17 → 00:05:19 หลังส่วนหน้าเรียกว่า anterior
00:05:19 → 00:05:21 circulation เลี้ยงบริเวณสมองใหญ่ข้างบน
00:05:21 → 00:05:24 ของเราตรงนี้นะครับและส่วนหลัง posterior
00:05:24 → 00:05:26 circulation เลี้ยงบริเวณส่วนสมองส่วน
00:05:26 → 00:05:29 น้อยเบลลัมข้างหลังนี้แล้วก็ก้านสมองนะ
00:05:29 → 00:05:30 ครับ
00:05:30 → 00:05:33 เส้นเลือดของสมองส่วนหน้าเนี่ยมันต้องใช้
00:05:33 → 00:05:35 เลือดเยอะนะครับเนื่องจากว่ามันเลี้ยง
00:05:35 → 00:05:38 บริเวณสมองที่มีการใช้พลังงานสูงดังนั้น
00:05:38 → 00:05:42 จึงมีการไหลที่เร็วแรงและมีปริมาณเลือด
00:05:42 → 00:05:44 เยอะโอกาสที่เส้นเลือดจะบาดเจ็บเนี่ยมัน
00:05:44 → 00:05:47 เยอะกว่าข้างหลังนะครับก็เลยทำให้เวลาที่
00:05:47 → 00:05:50 เกิดสตกเนี่ยมักจะมีอาการของสมองส่วนหน้า
00:05:50 → 00:05:52 เยอะกว่าเช่นอ่อนแรงแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง
00:05:52 → 00:05:55 ข้างซ้ายข้างขวาอย่างเงี้ยถ้าเป็นข้างขวา
00:05:55 → 00:05:57 ก็ขวาทั้งข้างข้างซ้ายก็ซ้ายทางข้างนะ
00:05:57 → 00:06:00 ครับนี่คือปัญหาของการเกิดโรค Stroke ของ
00:06:01 → 00:06:03 ฝั่ง anterior circulation หรือเส้น
00:06:03 → 00:06:05 เลือดฝั่งหน้าแต่ไอ้ฝั่งหลังเนี่ยถ้ามัน
00:06:05 → 00:06:07 เป็นแล้วมันน่ากลัวกว่าเยอะโดยเฉพาะตรง
00:06:07 → 00:06:10 ก้านสมองเพราะถ้าเกิดคุณไปโดนเซิ artery
00:06:10 → 00:06:14 เส้นเนี้ยคุณติดทำอะไรไม่ได้เลยพูดก็ไม่
00:06:14 → 00:06:18 ได้คุณลองคิดดูถ้าเกิดว่ามีคนเอาเข็มมา
00:06:18 → 00:06:23 จิ้มคุณคุณเจ็บแต่คุณร้องไม่ได้คุณขยับ
00:06:23 → 00:06:25 หนีไม่
00:06:25 → 00:06:30 ได้มีแมลงมากักคุณคุณคันคุณเจ็บแต่คุณเกา
00:06:30 → 00:06:34 ไม่ได้คุณเคลื่อนไหวไม่ได้คุณจะรู้สึกยัง
00:06:34 → 00:06:39 ไงนี่แหละ Bill artery Stroke แล้วบาง
00:06:39 → 00:06:41 คนมันเป็นเส้นเลือดสมองตรงนั้นแตกขึ้นมา
00:06:41 → 00:06:43 ก็เกิดจากปัจจัยเสี่ยงเดียวกันนั่นแหละ
00:06:43 → 00:06:46 ความดันไขมันเบาหวานการสูบบุหรี่บางคนอาจ
00:06:46 → 00:06:49 จะมีเส้นเลือดผิดปกติที่เราเรียกว่า avm
00:06:49 → 00:06:52 arter Venus malformation หรือโรคแปลก
00:06:52 → 00:06:54 ประหลาดอย่างอื่นที่ทำให้มีการแข่งตัวของ
00:06:54 → 00:06:58 เลือดผิดปกติไปเป็นต้นนะครับทีนี้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:02 ถ้าเราเป็นลอ in Syndrome นะครับหมอเจะ
00:07:02 → 00:07:06 รู้ได้ยังไงข้อแรกเลยนะมาด้วยอาการเหมือน
00:07:06 → 00:07:10 คนหมดสติไม่ได้สติเลยนะครับแล้วแน่นอนว่า
00:07:10 → 00:07:13 ไม่ได้สติหมอก็ต้องสงสัยว่ามันมีภาวะสตก
00:07:14 → 00:07:16 หรือเปล่าหรือลิ่มเลือดไปอุดตันเส้นเลือด
00:07:16 → 00:07:19 สมองมยนะฮะแน่นอนว่าเขาจะต้องทำ CT สแกน
00:07:19 → 00:07:22 สมองแล้วก็ต้องตรวจหาเหตุผลอื่นเช่นอ่ะมี
00:07:22 → 00:07:24 น้ำตาลตกหรือเปล่านะครับได้รับสารพิษอะไร
00:07:24 → 00:07:28 สักอย่างไปมั้ยนะฮะอออีกอย่างนึงคนที่
00:07:28 → 00:07:31 เสี่ยงอ่ะมีในวัยรุ่นด้วยนะฮะคนที่เป็น
00:07:31 → 00:07:34 โรคพวกเนี้ยคือคนที่ใช้ยาบ้าเม็ด
00:07:34 → 00:07:37 แอมเฟตามีนพวกเนี้ยหรือโคเคนก็จะเสี่ยง
00:07:37 → 00:07:41 กว่าคนปกติเยอะงั้นต้องระวังนะวัยรุ่นก็
00:07:41 → 00:07:42 ไม่ได้แปลว่าเกิดไม่ได้นะเกิดได้ถ้าคุณไป
00:07:42 → 00:07:46 ใช้ของพวกนี้เรื่อยๆนะฮะอ่ะกลับมาที่การ
00:07:46 → 00:07:51 ตรวจนะครับคืออยู่ๆจะหมดสติไปเลยในคนพวก
00:07:51 → 00:07:54 เนี้ยจะเหมือนหมดสติแต่ว่าสติถ้าเราเปิด
00:07:54 → 00:07:56 ตาแล้วเราด่ดยังอยู่นะครับหมอเจะตรวจหา
00:07:56 → 00:07:59 เหตุผลอย่างอื่นหาแล้วก็ไม่เจออะไรแล้วก็
00:07:59 → 00:08:02 มาทำ CT สแกนหรือ MRI ของสมองจะเจอรอยโรค
00:08:02 → 00:08:04 ที่ทำให้เกิดการขาดเลือดหรือไม่ใช่นั้นก็
00:08:04 → 00:08:08 เลือดออกตรงบริเวณ ventral P หรือก้าน
00:08:08 → 00:08:12 สมองส่วนล่างด้านหน้านะครับพอเจอตรงนี้
00:08:12 → 00:08:15 ปุ๊บหมอทุกคนเนี่ยจะต้องรู้แล้วว่าเรา
00:08:15 → 00:08:21 ต้องทำการตรวจตาดูซิว่าเค้าถ้าเกิดเรา
00:08:21 → 00:08:23 เปิดเปลือกตาเมาเนี่ยบางคนกระพริบได้บาง
00:08:23 → 00:08:25 คนไม่ได้ถ้าเกิดเา้ากระพริบไม่ได้เราเปิด
00:08:25 → 00:08:29 ปึกตาเข้ามาเต้องให้กรอกขึ้นลงได้แต่เวลา
00:08:29 → 00:08:32 ทำแบบเนี้ยนานๆแล้วตามันจะแห้งนะครับการ
00:08:32 → 00:08:37 ดูแลคนเหล่าเนี้ยจะต้องมั่นใจว่าเราหยอด
00:08:37 → 00:08:39 น้ำตาเทียมให้เขาคเรื่อยๆเหตุผลเพราะว่า
00:08:39 → 00:08:42 มันเป็นวิธีสื่อสารเดียวของเค้าถ้าเกิด
00:08:42 → 00:08:43 ว่าจะสื่อสารกับเขาได้คุณก็ต้องเปิด
00:08:43 → 00:08:46 เปลือกตาเค้าค้างไว้ในคนที่เขาเปิดเปลือก
00:08:46 → 00:08:48 ตาเองไม่ได้แล้วคุณก็ต้องให้ขึ้นลงขึ้นลง
00:08:48 → 00:08:51 อย่างนี้ไปเรื่อยๆมันแสบตาตามันแห้งแล้วเ
00:08:51 → 00:08:54 ทำได้แป๊บเดียวมันจะเมื่อยดังนั้นคนพวก
00:08:54 → 00:08:57 เนี้ยเราจะถามเค้านานไม่ได้ทำไปสักพัก
00:08:57 → 00:08:59 เค้าจะตอบไม่ได้เจะไม่ตอบแล้วเราเราก็จะ
00:08:59 → 00:09:01 คิดว่าเค้ามีปัญหาอะไรแต่เค้าไม่ได้มี
00:09:01 → 00:09:03 ปัญหาอะไรครับเคตอบไม่ได้เพราะว่ามัน
00:09:03 → 00:09:07 ล้าดังนั้นถ้าเป็นคนที่ดูแลเนี่ยจะต้อง
00:09:07 → 00:09:09 พยายามเตรียมคำถามให้ดีให้เรียบร้อยซะ
00:09:09 → 00:09:13 ก่อนแล้วอ่านให้เค้าฟังถ้าเป็นไปได้เขียน
00:09:13 → 00:09:18 ตัวโตๆให้เค้าดูนะครับให้เตอบสนองแบบมอง
00:09:18 → 00:09:21 ลงคือใช่มองบนคือไม่ใช่อย่างเงี้ยเราต้อง
00:09:21 → 00:09:23 บอกให้ชัดเจนแล้วอย่ามีหลายคำถามไม่
00:09:23 → 00:09:25 ฉะนั้นเนี่ยเค้าล้าตาเราทำเองเรายังล้า
00:09:26 → 00:09:29 เลยนะครับนี่คือข้อแรกที่ต้องใช้การดูแล
00:09:29 → 00:09:32 แลเนะครับการดูแลต่อมาคือเรื่องของการ
00:09:32 → 00:09:36 ช่วยหายใจเรื่องของอ่าเลือดออกในกระเพาะ
00:09:36 → 00:09:38 อาหารเรื่องของการเกิดลิ่มเลื่อดบิเวณ
00:09:38 → 00:09:40 อื่นซึ่งตรงเนี้ยเดี๋ยวหมอเจะเป็นคนดูแล
00:09:40 → 00:09:44 ให้เองนะครับแต่ภาวะหนึ่งซึ่งผมคิดว่าหมอ
00:09:44 → 00:09:48 หลายคนอาจจะไม่รู้นั่นก็คือคนไข้พวกเนี้ย
00:09:48 → 00:09:50 มักจะมืนหัว
00:09:50 → 00:09:53 มากถ้าไม่ถามไม่มีทางรู้เลยฮะเหตุผลที่
00:09:54 → 00:09:56 มันเป็นเช่นนั้นเนี่ยเพราะว่าตรงบริเวณ
00:09:56 → 00:10:00 ที่มันโดนการขาดเลือดทำลายเนี่ยมันมี
00:10:00 → 00:10:02 เรื่องของเส้นประสาทการทรงตัวหรือ
00:10:02 → 00:10:06 vestibular System ด้วยแล้วพอมีปัญหา
00:10:06 → 00:10:08 ตรงนี้เนี่ยนะครับคนไข้พวกเจะมึนหัวง่าย
00:10:08 → 00:10:11 มากเลยแต่ถ้าคุณไม่ถามเขาก็ไม่บอกคุณ
00:10:11 → 00:10:14 เพราะมันบอกไม่ได้ดังนั้นถ้าหมอเข้ามาฟัง
00:10:14 → 00:10:16 กรุณาถามคนไข้ด้วยเรื่องการเวียนหัวเพราะ
00:10:16 → 00:10:21 ไม่มียาที่ใช้ได้นะครับเช่นยากลุ่มอ่า
00:10:21 → 00:10:25 เคปยากลุ่มเอ่อเคซีนพวกเนี้ย
00:10:25 → 00:10:27 ไดเฟนไฮดรามีนพวกเนี้ยสามารถช่วยได้
00:10:27 → 00:10:30 ดรามามีนพวกนี้ช่วยได้นะนะครับเราถามเค้า
00:10:30 → 00:10:32 ด้วยนะไม่ถามต้องไปตอบไม่ได้นะครับคนพวก
00:10:32 → 00:10:35 นี้เพูดไม่ได้คุณคิดดูคนมึนหัวแต่มันพูด
00:10:35 → 00:10:37 ไม่ได้หลับตาก็ไม่หายอย่าง
00:10:37 → 00:10:41 เงี้ยมันมันทรมานนะใช่มย
00:10:41 → 00:10:44 ฮะแล้วก็มาถึงอาการที่เมื่อกี้ผมบอกว่า
00:10:44 → 00:10:47 มันหน่าหลอนมากก็คืออยู่ๆน้ำตาไหลอยู่ๆก็
00:10:47 → 00:10:51 หัวเราะขึ้นมาอันเนี้ยในทางการแพทย์เรา
00:10:51 → 00:10:54 เรียกมันว่าพ pathological crying and
00:10:54 → 00:10:56 pathological
00:10:56 → 00:10:58 laughing เป็นอาการกลุ่มที่เราเรียกว่า
00:10:58 → 00:11:00 pud เบา
00:11:00 → 00:11:03 symptoms นะครับเหตุผลที่มันเกิดเนี่ยนะ
00:11:04 → 00:11:06 ครับเพราะว่าส่วนที่ควบคุมอารมณ์ของเรา
00:11:06 → 00:11:09 ทั้งหมดเนี่ยมันไม่โดนปิดกั้นแล้วมันไม่
00:11:09 → 00:11:14 โดนปิดกั้นอะไรเลยนะฮะคือระบบเกี่ยวข้อง
00:11:14 → 00:11:16 กับอารมณ์ของเราเนี่ยความรู้สึกมันอยู่
00:11:16 → 00:11:18 ตรงสมองส่วนที่เราเรียกว่า limbic System
00:11:18 → 00:11:21 มี amiga มี limbic นะครับแล้วก็มีบริเวณ
00:11:21 → 00:11:24 อื่นข้างเคียงพวกเนี้ยมันจะส่งกระแส
00:11:24 → 00:11:26 ประสาทมาแล้วมันไม่โดนขวางกั้นใดๆทั้ง
00:11:26 → 00:11:29 สิ้นและมันสามารถทำให้เราร้องไห้ได้ได้
00:11:30 → 00:11:33 มันก็สามารถทำให้เราหัวเราะได้แต่พูดมา
00:11:33 → 00:11:35 ถึงตรงนี้คงจะมีคนที่แบบเอ๊ะขึ้นมาในหัว
00:11:35 → 00:11:38 เมื่อกี้ผมบอกว่าถ้าเกิดว่ามันเป็นโรคนี้
00:11:38 → 00:11:40 ขึ้นมาล็อกอิน Syndrome เนี่ยเราจะไม่
00:11:40 → 00:11:43 สามารถแสดงสีหน้าได้เราจะไม่สามารถ
00:11:43 → 00:11:46 เคลื่อนไหวแขนขาไม่สามารถพูดได้อ้าวแล้ว
00:11:46 → 00:11:48 ทำมหัวเราะได้
00:11:48 → 00:11:52 อ่ะอย่างงี้ครับการที่คุณไม่สามารถควบคุม
00:11:52 → 00:11:55 ส่วนต่างๆของเราได้นั้นเป็นความควบคุมที่
00:11:55 → 00:12:00 อยู่ภายใต้สติของตัวเองหรือ vol Control
00:12:00 → 00:12:06 แต่มันจะมีเส้นประสาทอีกส่วนหนึซึ่งเป็น
00:12:06 → 00:12:09 เส้นประสาทที่เราควบคุมเองไม่ได้ควบคุม
00:12:10 → 00:12:13 ไม่ได้นะครับเหมือนกับที่อยู่ๆมีใครพูด
00:12:13 → 00:12:14 อะไรตลกแล้วเราหัวเราะขึ้นมาเองโดยที่แบบ
00:12:14 → 00:12:16 เอ๊ยเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจหัวเราแล้วคุม
00:12:16 → 00:12:19 มันไม่อยู่มันออกมาเองนั่นแหละครับส่วน
00:12:19 → 00:12:22 ที่เราควบคุมมันไม่ได้แล้วมันก็ยังจะทำ
00:12:22 → 00:12:25 งานได้อยู่คนไข้เหล่าเนี้ยบางคนก็หัวเราะ
00:12:25 → 00:12:28 บางคนก็ร้องไห้และเราก็จะเป็นคนที่เห็น
00:12:28 → 00:12:30 แล้วแบบเฮ้ยเค้านิ่งๆทำไมอยู่ๆเค้า
00:12:31 → 00:12:33 หัวเราะได้เราหลอนน่ะแต่ต้องบอกครับว่า
00:12:33 → 00:12:36 เนี้ยคือความทรมานอย่างยิ่งคนเหล่านี้
00:12:36 → 00:12:39 เนี่ยไม่สามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ได้
00:12:40 → 00:12:42 คือเขาคพูดไม่ได้นะแต่เขาหัวเราะร้องไห้
00:12:42 → 00:12:44 ได้แสดงสีหน้าได้ถ้ามันเป็นการควบคุมที่
00:12:45 → 00:12:46 เหนือสติของ
00:12:46 → 00:12:50 เขาแล้วปกติคนเราเนี่ยรู้สึกยังไงเราไม่
00:12:50 → 00:12:53 แสดงออกไปทุกเรื่องใช่มั้ยครับหรือถ้ามี
00:12:53 → 00:12:55 คนคนนึงเขาเดินผ่านมาพิการแล้วเราไป
00:12:55 → 00:12:59 หัวเราะเค้ามันไม่เหมาะสมอ่าเห็นคนคเจ็บ
00:12:59 → 00:13:01 แล้วเราหัวเราะมันไม่เหมาะสมสมองของเรา
00:13:01 → 00:13:04 เนี่ยถ้าเรามีสติเราจะสามารถควบคุมมันได้
00:13:04 → 00:13:06 แต่คนเหล่าเนี้ยมันไม่
00:13:06 → 00:13:11 ได้ถามว่าแก้ได้มยได้ครับแต่วิธีในการแก้
00:13:11 → 00:13:14 เนี่ยคือผมทราบว่ามันต้องใช้อะไรนะแต่ว่า
00:13:14 → 00:13:16 ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมต้องใช้วิธีนี้
00:13:16 → 00:13:19 ด้วยนะครับยาตัวแรกที่เขาทดลองคือยาอะไร
00:13:19 → 00:13:24 รู้มั้ยครับยาแก้ไอ Dex เฟนบวกกับยา
00:13:24 → 00:13:26 quinidine
00:13:26 → 00:13:29 เอออันเนี้ยผมก็พยายามหาเหตุผลหลายรอบ
00:13:30 → 00:13:31 แล้วว่าทำไมถึงต้องใช้ตัวนี้ก็คือไม่เคย
00:13:31 → 00:13:34 เจอว่ามันทำไมต้องใช้ตัวนี้แต่มันเป็นตัว
00:13:34 → 00:13:37 ที่เา้ามีงานวิจัยในสมัยก่อนเยอะมากกว่า
00:13:37 → 00:13:40 วิธีอื่นนะครับ next Metal Fan เนี่ยเา
00:13:40 → 00:13:43 คิดว่ามันอาจจะไปยุ่งวุ่นวายกับสารสื่อ
00:13:43 → 00:13:46 ประสาทบางตัวแต่ผมอ่านแล้วก็รู้สึกว่ายัง
00:13:46 → 00:13:48 ไม่ค่อยรู้สึกว่ามันถูกเท่าที่ควรนะแต่ก็
00:13:48 → 00:13:50 มีคนใช้กันเอาเป็นว่าประมาณนี้แล้วะกันนะ
00:13:50 → 00:13:54 ครับยาตัวที่ 2 ที่ใช้ก็คือิทินเป็นยาที่
00:13:54 → 00:13:56 ช่วยต้านซึมเศร้าแล้วก็อาจจะเกี่ยวข้อง
00:13:56 → 00:14:00 กับการปรับปรุงอ่าสารสืบประสาทบางตัวยา
00:14:00 → 00:14:02 ตัวที่ 3 คือ fluvoxamine ตัวเนี้ยเป็นยา
00:14:02 → 00:14:05 ในกลุ่มเอ่อ selective serotonin
00:14:05 → 00:14:08 reuptake inhibitor หรือ ssri ที่เรา
00:14:08 → 00:14:10 สามารถใช้ในคนเหล่านี้ได้เพื่อช่วยอาการ
00:14:10 → 00:14:13 pathological crying กับ pathological
00:14:13 → 00:14:16 laughing ให้เขาควบคุมพวกนี้ได้ดีขึ้นนะ
00:14:16 → 00:14:21 ครับนี่คือการดูแลทีนี้แหละแน่นอนว่ามัน
00:14:21 → 00:14:23 ก็ต้องมีคนสงสัยว่ามันมีอาการอื่นมยของ
00:14:24 → 00:14:25 โรคอื่นที่มันเหมือนกับแบบเนี้ยอยู่ๆมา
00:14:25 → 00:14:28 หน้าตาเหมือนมสติเราจะรู้ได้ไงเป็นโรคนี้
00:14:28 → 00:14:30 ไม่ใช่โรคอื่นนะครับข้อแรกนะครับนอกเหนือ
00:14:30 → 00:14:32 จากการตรวจร่างกายทั้งหมดแล้วเนี่ยหมอเขา
00:14:32 → 00:14:35 จะดู MRI CT Scan ว่ารอยโรคมันเข้าได้
00:14:35 → 00:14:37 กับ lock in Syndrome มแต่มันก็จะมี
00:14:37 → 00:14:39 ภาวะอื่นเหมือนกันที่อยู่ๆหมดสติมาทันที
00:14:39 → 00:14:43 เช่นภาวะผักที่เราเคยเรียกกันนี่แหละ
00:14:43 → 00:14:46 vegetative Stage นะครับ vegetative
00:14:46 → 00:14:48 state เนี่ยมันเป็นภาวะที่เหมือนกับ
00:14:48 → 00:14:51 เอิ่มเรานอนนานๆแล้วเราทำอะไรไม่ได้อีก
00:14:51 → 00:14:53 เลยนะครับมันมีอีกชื่อนึงเเรียกว่า
00:14:53 → 00:14:55 unresponsive wakefulness Syndrome
00:14:55 → 00:14:58 คือคนไข้ตื่นนะแต่มันไม่ตอบสนองอะไรกับ
00:14:58 → 00:15:02 เราเลยมันตื่นแล้วก็ตาลอยไม่ไม่ไม่หือไม่
00:15:02 → 00:15:05 อือไม่อะไรเลยเคลื่อนไหวก็ไม่ได้นะครับ
00:15:05 → 00:15:07 อาจจะได้นิดๆหน่อยๆแต่ว่าไม่ตอบสนองอะไร
00:15:07 → 00:15:11 เลยภาวะที่ 2 ก็คือเอิ่ม minimally
00:15:11 → 00:15:14 conscious state นะครับตัวเนี้ย
00:15:14 → 00:15:17 minimally conscious state ก็คือเค้า
00:15:17 → 00:15:20 อาจจะสามารถมองตามเราได้นิดนึงหรือขยับ
00:15:20 → 00:15:23 ตามคำสั่งได้นิดหน่อยแต่ก็ได้แค่นั้นนะ
00:15:23 → 00:15:26 ครับไอ้ 2 โรคเนี้ยมักจะเกิดจากการที่
00:15:26 → 00:15:28 สมองโดนกระทบกระเทือนเยอะขาดเลือดเยอะ
00:15:28 → 00:15:31 หรือไม่เลือสมองแตกมากนะครับแล้วก็จะติด
00:15:31 → 00:15:33 อยู่ในภาวะนั้นนะครับยังไม่ถือเป็นภาวะ
00:15:33 → 00:15:36 ็อก in ดรมเพราะคนเหล่าเนี้ยสติไม่เต็ม
00:15:36 → 00:15:38 ร้อยเาทำตามทุกอย่างอย่างที่คนที่เป็น
00:15:38 → 00:15:41 ล็อกอินน่ะไม่ได้คนล็อกอินเครู้ทุกอย่าง
00:15:41 → 00:15:44 แต่คนพวกเนี้ไม่รู้นะครับแล้วก็อีกภาวะ
00:15:44 → 00:15:47 นึงคือภาวะ akinetic mutism พวกเนี้ยก็
00:15:47 → 00:15:49 จะมีปัญหาที่สมองส่วน prefrontal ด้าน
00:15:50 → 00:15:55 หน้าตรงเนะฮะคนพวกนี้นะครับสติดีหมดนะทำ
00:15:55 → 00:15:58 ตามได้แต่จะให้เค้าเคลื่อนไหวทำไม่ได้พูด
00:15:58 → 00:16:02 ก็ไม่ได้ด้วยนะครับแล้วบางคนก็ถามว่าเอ๊ะ
00:16:02 → 00:16:05 แล้วมันโรคอย่างงี้เอ่อโรคที่ steen
00:16:05 → 00:16:10 hawking เป็นนะครับที่เขาเป็นอ่า als นะ
00:16:10 → 00:16:13 ครับ amyotrophic lateral sclerosis
00:16:14 → 00:16:16 เนี่ยที่เขานอนอยู่นั่งอยู่ในรถเข็นอย่าง
00:16:16 → 00:16:17 เงี้ยแล้วเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้มันเป็นโรค
00:16:18 → 00:16:19 นี้หรือเปล่าไม่ใช่ครับนั่นไม่ใช่ lock
00:16:20 → 00:16:21 in Syndrome lock in Syndrome คือ
00:16:21 → 00:16:24 เป็นจาก Stroke เป็นทันทีทันใด als เนี่ย
00:16:24 → 00:16:26 มันค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับไม่ใช่อยู่ๆวัน
00:16:26 → 00:16:29 นี้อ่อนแรงทั้งตัวไม่ใช่แบบนั้นนะครับอัน
00:16:29 → 00:16:31 นี้คือวิธีในการแยกซึ่งหมอเขจะเป็นผู้ทำ
00:16:31 → 00:16:34 เองคำถามต่อมาแล้วคนเหล่าเนี้ยมันจะฟื้น
00:16:34 → 00:16:38 ได้แค่ไหนต้องบอกว่าอัตราการตายค่อนข้าง
00:16:38 → 00:16:42 สูงนะครับประมาณ 60% เนี่ยจะเสียชีวิตใน
00:16:42 → 00:16:45 ช่วงประมาณ 4 เดือนแรกมีแค่ 40% เท่านั้น
00:16:45 → 00:16:49 ที่รอดไปได้นะครับ 60% ตายตายเพราะอะไร
00:16:49 → 00:16:52 ตายเพราะว่าติดเชื้อในกระแสเลือดสำลักแล
00:16:52 → 00:16:54 เป็นปอดอักเสบเข้าไปในร่างกายเปิดปอดติด
00:16:55 → 00:16:57 เชื้อหรือมีลิ่มเลือดในขาแล้วมันวิ่งไป
00:16:57 → 00:16:59 อุดตันที่ปอดอย่างเงี้ยก็ทำให้ให้เสีย
00:16:59 → 00:17:02 ชีวิตได้หรือรอยโรคในตรงบริเวณของสมอง
00:17:02 → 00:17:05 เนี่ยมันขยายตัวนะครับขาดเลือดมากกว่า
00:17:05 → 00:17:07 เดิมก็อาจจะทำให้เขาเสียชีวิตได้นะครับ
00:17:07 → 00:17:10 อันเนี้ยเป็นเป็นเหตุผลหนึเลยอ้อเดี๋ยวขอ
00:17:10 → 00:17:13 นอกเรื่องนิดนึงคือเนื่องจากว่าโรคที่
00:17:13 → 00:17:15 เส้นเลือดบราซิลเนี่ย Bill artery ที่
00:17:16 → 00:17:17 มันทำให้เกิดการขาดเลือดบริเวณเยมันเป็น
00:17:17 → 00:17:19 โรคที่ทำให้เกิด lck in Syndrome ได้
00:17:19 → 00:17:22 เราก็อาการจะน่ากลัวมากมันมีวิธีในการ
00:17:22 → 00:17:24 รักษาอย่างหนึ่งเรียกว่า mechanical
00:17:24 → 00:17:27 thrombectomy นะครับคือการเอาสายสวนเข้า
00:17:27 → 00:17:30 ไปทางอ่าขหนีบแล้วก็วิ่งเข้าตรงเส้นเลือด
00:17:30 → 00:17:32 บริเวณนั้นแล้วดึงเอาลิ่มเลือดออกมาเองนะ
00:17:32 → 00:17:36 ครับแต่ว่ามันจะทำได้ใน 24 ชมงแรกเท่า
00:17:36 → 00:17:39 นั้นคือถ้ามีอาการปุ๊บนับเลยครับภายใน 24
00:17:39 → 00:17:41 ชมงถ้าทำได้คือดีแต่ถ้าเลยอย่านั้นไปแล้ว
00:17:41 → 00:17:44 ทำไม่ได้แล้วนะครับมันจะแตกต่างจากสตกแบบ
00:17:44 → 00:17:46 อื่นนะครับที่แบบนี้เราต้องรีบจัดการถ้า
00:17:46 → 00:17:49 ได้ภายใน 6 ช่วโมงแล้วดีมากเลยนะแต่ 24
00:17:49 → 00:17:51 ชมงก็ยังถือว่าโอเคอยู่สำหรับ Bill
00:17:51 → 00:17:55 artery นะครับเรากลับมาต่อกันเรื่องของ
00:17:55 → 00:17:58 พยากรณ์โรคนะครับบอกแล้วประมาณ 60% ไม่
00:17:58 → 00:18:03 รอดนะฮะอีก 40% ที่เหลือเนี่ยในนี้แหละใน
00:18:03 → 00:18:07 ใน 40% น่ะมันก็จะมีแคบเสี้ยวนึงอ่ะ
00:18:07 → 00:18:11 ประมาณ 10% ไม่เกินเนี้ยที่ยังสามารถกลับ
00:18:11 → 00:18:15 มาคล้ายปกติได้คือสามารถพอช่วยเหลือตัว
00:18:15 → 00:18:18 เองได้แต่ก็ยังต้องใช้คนอื่นช่วยเยอะอยู่
00:18:18 → 00:18:21 นะครับเนี่ยเป็นแค่เสี้ยวส่วนนึงของทั้ง
00:18:21 → 00:18:25 หมดถ้าให้ตีนะ 60% นะครับตายในช่วง 4
00:18:25 → 00:18:28 เดือนแรก 10% อาจจะกลับมาช่วยเหลือตัวเอง
00:18:28 → 00:18:30 ได้บางคนก็ได้มากบางคนก็ได้น้อยไอ้ที่
00:18:30 → 00:18:31 เหลือเนี่ย
00:18:31 → 00:18:36 30% มันมักจะมีลักษณะที่คล้ายเดิมคือทำ
00:18:36 → 00:18:40 อะไรไม่ได้นอนอยู่กับเตียงนะครับส่วนใหญ่
00:18:40 → 00:18:43 ถ้าเราจะเห็นความก้าวหน้าของการเคลื่อน
00:18:43 → 00:18:45 ไหวการพูดได้การช่วยเหลือตัวเองได้มักจะ
00:18:45 → 00:18:47 เกิดขึ้นในประมาณสัก 3-6 เดือนหลังจาก
00:18:47 → 00:18:53 เกิดอาการแต่บางคนก็นานได้ถึง 2 ปีนะครับ
00:18:53 → 00:18:55 ทีนี้ถ้าเกิดภาวะพวกนี้ขึ้นมาแล้วเนี่ยก็
00:18:55 → 00:18:57 ต้องเหมือนเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่เราจะ
00:18:57 → 00:19:00 ต้องมาคอยดูแลเ้านั่นแหละนะฮะมันดูแลยาก
00:19:01 → 00:19:04 ลำบากมากมายพวกเนี้ยจริงๆเราแก้ไขตั้งแต่
00:19:04 → 00:19:08 แรกจะได้มาเป็นโรคพวกนี้จะดีที่สุดนะครับ
00:19:08 → 00:19:10 แล้วก็มีอีกอย่างนึงซึ่งผมรู้สึกว่ามัน
00:19:10 → 00:19:14 น่าสนใจอย่างนึงก็คือเค้าเคยมีคนไปสำรวจ
00:19:14 → 00:19:18 เ่อคนไข้พวกเนี้ยว่าชีวิตของเค้าเค้าเป็น
00:19:18 → 00:19:22 ยังไงบ้างปรากฏว่าน่าแปลกใจมากว่าคนไข้
00:19:22 → 00:19:24 เหล่าเนี้ยถึงแม้ว่าจะติดเตียงนะครับเพอ
00:19:24 → 00:19:27 ใจกับคุณภาพชีวิตของเขาซึ่งตรงเนี้ยผมก็
00:19:27 → 00:19:29 ไม่ได้ลงไปดูอะไระละเอียดของงานวิจัยชิ้น
00:19:29 → 00:19:32 นี้เหมือนกันคิดว่ามันคงต้องแบบมีมีความ
00:19:33 → 00:19:36 พิเศษอะไรบางอย่างเพราะว่าการที่จะมาเอ่อ
00:19:36 → 00:19:39 ถามความเข้าใจของคนเหล่านี้มันยากนะเพราะ
00:19:39 → 00:19:41 คนเราจะกรอกตาขึ้นลงขึ้นลงอย่างเงี้ยตลอด
00:19:41 → 00:19:43 เวลามันยากมากนะครับมันเมื่อยมันล้าแล้ว
00:19:43 → 00:19:46 ไม่รู้เตอบอะไรได้แค่ไหนรวมทั้งไปรวบรวม
00:19:46 → 00:19:47 ตัวอย่างมาทั้งหมดกี่คนอันนี้ผมไม่ได้ลง
00:19:47 → 00:19:50 ไปดูแต่ว่าเห็นเอ๊ะมันน่าสนใจเดี๋ยววัน
00:19:50 → 00:19:52 หลังผมก็จะตามไปอ่านเหมือนกันว่าเค้าคิด
00:19:52 → 00:19:54 ว่ายังไงแต่ยังไงก็ตามผมจะแปะลิงก์ให้ทุก
00:19:54 → 00:19:56 คนสามารถไปอ่านวิจัยตัวนี้ได้ด้วยตัวเอง
00:19:56 → 00:19:58 เลยนะครับเผื่อว่าจะเห็นอะไรนอกเหนือจาก
00:19:58 → 00:20:01 อย่านี้นะครับเพราะว่าในนั้นมันบอกว่ามี
00:20:01 → 00:20:05 คนที่ต้องการขออ่าทำการุณยฆาตเพียงแค่คน
00:20:05 → 00:20:07 เดียวเออนี้ก็แปลกดีเหมือนกันไม่น่าใช่
00:20:07 → 00:20:09 เนาะแต่ว่าอันนั้นผมไม่ได้ลงไปอ่านอาจจะ
00:20:09 → 00:20:14 พลาดได้นะครับดังนั้นถ้าเราเข้าใจทางด้าน
00:20:14 → 00:20:17 วิทยาศาสตร์เข้าใจร่างกายมันไม่มีหรอก
00:20:17 → 00:20:20 ครับคำว่าผีเข้านะฮะไอ้โรคเนี้ยเป็นโรค
00:20:20 → 00:20:24 ที่แบบชัดเจนมากเลยนะที่เกิดล็อกอิน
00:20:24 → 00:20:26 Syndrome เคลื่อนไหวไม่ได้นะครับร่างกาย
00:20:26 → 00:20:29 เราติดอยู่ในร่างกายตัวเองออมีอีกอย่าง
00:20:29 → 00:20:33 นึงซึ่งผมต้องเตือนน้องหมอที่ทำงานมากๆ
00:20:33 → 00:20:36 เลยคือถ้าเราไปเจอคนไข้ที่มีโซเดียมต่ำ
00:20:36 → 00:20:38 อ่ะโดยเฉพาะพวกที่ขาดสารอาหารเช่นคนแก่
00:20:38 → 00:20:40 หรือว่าคนที่เป็นโรคตับแล้วมาด้วยโซเดียม
00:20:40 → 00:20:44 ต่ำอย่าได้รีอาให้โซเดียมเข้มข้นด้วยความ
00:20:44 → 00:20:48 เร็วเพราะว่ามันอาจจะทำให้สมองส่วนเนี้ย
00:20:48 → 00:20:52 เสียเราจะเรียกภาวะนี้ว่า Central pine
00:20:52 → 00:20:55 minis คือเส้นประสาทตรงนั้นมันเสียหมด
00:20:55 → 00:20:57 เลยแล้วคนไข้จะเป็นิน Syndrome แบบนี้
00:20:57 → 00:20:59 แล้วแก้ไม่ได้ด้วย
00:20:59 → 00:21:01 ดังนั้นต้องระวังเป็นอย่างมากนะครับถ้า
00:21:01 → 00:21:04 เกิดว่าแก้เรื่องโซเดียมไม่เป็นเนี่ยแนะ
00:21:04 → 00:21:08 นำว่าปรึกษาสาฟดีที่สุดนะครับอย่าไปทำ
00:21:08 → 00:21:11 ด้วยตัวเองเพราะว่ามันอันตรายมากถ้าเกิด
00:21:11 → 00:21:13 น้องแก้ไม่เป็นนะถ้าถ้าแก้เป็นก็ดีก็ไป
00:21:13 → 00:21:17 หัดควบไปหัดคำนวณโซเดียมวิธีในการให้ให้
00:21:17 → 00:21:19 ยังไงถึงจะปลอดภัยแล้วะกันโดยทั่วไปมัน
00:21:19 → 00:21:21 ไม่ต้องรีบให้มันค่อยๆให้ก็ได้ยกเว้นทุคน
00:21:22 → 00:21:24 ไข้ชักเอออย่างเงี้ยอันนั้นอาจจะต้องให้
00:21:24 → 00:21:28 เร็วนิดนึงนะครับเออถ้าถามผมนะวิธีที่ให้
00:21:28 → 00:21:31 แล้วแล้วปอนไพที่สุดใช่มั้ยฮะก็ถ้าชัก
00:21:31 → 00:21:35 เนี่ยผมจะให้นี่เลยมันที่ไทยไม่แน่ใจว่า
00:21:35 → 00:21:37 มีหรือเปล่าแต่ที่อเมริกาจะมีโซเดียม
00:21:37 → 00:21:41 คลอไรด์ 20% ผมจะให้เข้าไป 100 ซีซแล้ว
00:21:41 → 00:21:44 ที่เหลือเนี่ยคือให้ 3% โซเดียมคลอไรด์
00:21:44 → 00:21:48 ดริป 20 ซีซต่อช่วโมงพวกเนี้ยปลอดภัยแต่
00:21:48 → 00:21:50 ถ้าเกิดว่าคนไข้ชักที่ประเทศไทยผมจำไม่
00:21:50 → 00:21:52 ได้ว่ามี 20% หรือเปล่าถ้าไม่มีก็อาจจะ
00:21:52 → 00:21:54 ต้องใช้วิธีอื่นอาจจะต้องใช้ 3% ให้เร็ว
00:21:54 → 00:21:57 นิดนึงถ้า 3% คิดอะไรไม่ออกใช่มั้ยให้ 20
00:21:57 → 00:22:00 ซีซต่อชั่วโมงเนี่ยโอเคสุดและแล้วเจาะ
00:22:00 → 00:22:02 เลือดติดตามอาการแล้วค่อยปรับเอาทีหลัง
00:22:02 → 00:22:05 ได้โซเดียมเนี่ยไม่ว่าคุณจะคำนวณดีขนาด
00:22:05 → 00:22:08 ไหนนะคนเรากับการคำนวณมันจะไม่เหมือนกัน
00:22:08 → 00:22:11 คุณจะใช้การคำนวณอย่างเดียวเป๊ะเลยไม่ได้
00:22:11 → 00:22:13 ต่อให้คำนวณถูกวิธีอย่างที่อาจารย์เสอน
00:22:13 → 00:22:16 มันก็ไม่เป๊ะถ้าเอาไปใช้กับคนไข้คนจริงๆ
00:22:16 → 00:22:19 นะครับงั้นก็ต้องฝากน้องๆที่เจอคนไข้พวก
00:22:19 → 00:22:22 นี้ที่ต่างจังหวัดด้วยเอ่อถ้าคำนวณดีแล้ว
00:22:22 → 00:22:24 ที่ทำเป็นนะครับแต่ว่าจะต้องมีการตรวจติด
00:22:24 → 00:22:27 ตามโซเดียมอย่างใกล้ชิดทุก 3 ช่วโมงอย่า
00:22:27 → 00:22:30 ไปทุก 4 ใช่มยชั่วโมงได้มั้ยทุก 6
00:22:30 → 00:22:32 ชั่วโมงได้มไม่ได้ครับถ้าเราจำเป็นจะต้อง
00:22:32 → 00:22:36 ให้โซเดียม 3% เนี่ยทุกชทุกทุก 3 ช่วโมง
00:22:37 → 00:22:39 รีบทำเลยนะครับต้องทำใน ICU นะไม่งั้นนี่
00:22:39 → 00:22:42 แย่ได้นะครับโอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟัง
00:22:42 → 00:22:45 เพียงเท่านี้นะครับหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย
00:22:45 → 00:22:48 จากโรคล็อกอิน Syndrome นะครับและรักษา
00:22:48 → 00:22:52 ตัวด้วยครับความดันเบาหวานไขมันสูบบุหรี่
00:22:52 → 00:22:56 นะครับอย่าทำยาเสพติดอย่าใช้นะฮะมฉะนั้น
00:22:56 → 00:22:58 โอกาสที่จะเป็นแบบนี้มันก็อยู่กับคุณนะ
00:22:59 → 00:23:01 ครับแล้วเป็นขึ้นมาเป็นยังไงต่อตอบไม่ได้
00:23:01 → 00:23:03 ครับวันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:23:04 → 00:23:07 สวัสดีครับ