00:00:00 → 00:00:03 วันนี้เอ่อชวนพี่หมอบิ้วมาพูดคุยกันคือ
00:00:03 → 00:00:06 วันนี้พี่หมอบิคก็นำเสนอเรื่องของลมชัก
00:00:06 → 00:00:08 ใช่มั้ยฮะพี่หมอวันนี้เรามาคุยกันเรื่อง
00:00:08 → 00:00:12 ของโรคลมชักครับใช่คือมันก็มันก็มันก็ตรง
00:00:12 → 00:00:14 กับที่ผมแบบว่าอยากจะคุยกับพี่หมอเหมือน
00:00:14 → 00:00:16 กันตอนแรกไม่แน่ใจว่าเอ๊ะพี่หมออยากจะคุย
00:00:16 → 00:00:18 เรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ยเพราะว่าเมื่อวาน
00:00:18 → 00:00:21 เนี่ยผมดูคลิปในโลกออนไลน์มันมีเรื่องที่
00:00:21 → 00:00:23 คอนเสิร์ตพี่ปามมี่ไม่รู้พี่โยกได้เห็น
00:00:23 → 00:00:25 หรรือเปล่านะแจกทองใช่มั้ยฮะอ่ะแจกทองก็
00:00:25 → 00:00:28 ส่วนหนึ่งใช่แต่ว่าแจกค่าตเครื่องบินโอัน
00:00:28 → 00:00:32 นี้เห็นว่ามันมีพี่ผู้ชายคนึงเมาดู
00:00:32 → 00:00:35 คอนเสิร์ตแล้วเก็บอกกับพี่ปัมว่าเเนี่ย
00:00:35 → 00:00:38 โอหต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างมากทั้ง
00:00:38 → 00:00:41 เมียทั้งแม่เพราะว่าเขาที่บ้านไม่อยากให้
00:00:41 → 00:00:44 มาทำไมฮะเพราะพี่ผู้ชายท่านนี้เาเป็นโรค
00:00:44 → 00:00:47 ลมชักเป็นห่วงสุขภาพเป็นห่วงสุขภาพแล้ว
00:00:47 → 00:00:50 คือพอตอนแรกเนี่ยคนยังไม่รู้ใช่มั้ยเพราะ
00:00:50 → 00:00:53 ว่าอาการลักษณะการพูดอ่ะมันมันมันจะดูไม่
00:00:53 → 00:00:55 ค่อยปกติสักเท่าไหร่อะไรงแสดงว่าอาจจะมี
00:00:55 → 00:00:58 บางอย่างที่มีความปิดปกติด้านโครงสร้าง
00:00:58 → 00:01:00 ของสมองเออนั่นแหละคือเพูดแบบ
00:01:00 → 00:01:03 เหมือนหลายคนเขาก็คอมเมนต์กันอะไรเ
00:01:03 → 00:01:05 วิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนคนเมาอ่ะโอหเมามา
00:01:05 → 00:01:07 ป่าววะอะไรอย่างเงี้ยอุยอยากเห็นคลิปเลย
00:01:07 → 00:01:11 แต่ปรากฏว่าพอเขาบอกว่าผมเป็นโรคลมชักทุก
00:01:11 → 00:01:14 คนร้องฮือเลยอ่ะว่าอุส่าห์มาได้ขนาใช่ยัง
00:01:14 → 00:01:16 อุตส่าห์มาได้มาดูคอนเสิร์ตได้อะไรอย่าง
00:01:16 → 00:01:18 เงี้ยก็เลยวันนี้อยากจะมาพูดคุยกับพี่หมอ
00:01:18 → 00:01:22 บิคเรื่องของโรคลมชักเคใช้คำว่าโรคใช่
00:01:22 → 00:01:24 มั้ยพี่หมอเป็นจริงๆเราแบ่งเป็น 2 อย่าง
00:01:24 → 00:01:27 นะฮะทั้งพี่หยกพี่ดรมฮะโรคโรคลมชักกับ
00:01:27 → 00:01:31 อาการชักครับซึ่งคำจกัดความเนี่ยมันจะไม่
00:01:31 → 00:01:33 เหมือนกันถ้าโรคเนี่ยมันจะเรียกว่าเป็น
00:01:33 → 00:01:36 โรคประจำตัวะอือการที่จะถอดคำว่าโรคลมชัก
00:01:36 → 00:01:39 ออกจากโรคประจำตัวได้เนี่ยมีขั้นตอนมี
00:01:39 → 00:01:41 ขบวนการและต้องอาศัยเวลาอแต่ถ้าเกิดมี
00:01:41 → 00:01:43 อาการชักอย่างเงี้ยอันนี้คือแค่อาการ
00:01:43 → 00:01:48 อย่างเช่นสมมุติพี่ดรีมไปสูบกัญชามาอ่าฮะ
00:01:48 → 00:01:51 อันนี้สมมุตินะฮะสมมุติแล้วพี่ดรีมชักถ้า
00:01:51 → 00:01:53 ักครั้งแรกเนี่ยเราเรียกว่าอาการฉักก่อนอ
00:01:53 → 00:01:55 แต่ถ้าเกิดว่าหลังจากนั้นโอเคครับผมไม่
00:01:55 → 00:01:58 สูบกัญชาแล้วแล้วอยู่ดีๆชักขึ้นมาอย่าง
00:01:58 → 00:02:00 เงี้ยแล้วก็มีการชักต่อเนื่องชักซซ้ำโดย
00:02:00 → 00:02:03 ที่ตัวโดยที่ไม่มีตัวกระตุ้นชัดเจนนั่น
00:02:03 → 00:02:06 แหละจะกลายเป็นโรคลงชักเอเพราะฉะนั้นคำ
00:02:06 → 00:02:07 จัดความไม่เหมือนกันอ๋อไม่เหมือนกันใช่
00:02:07 → 00:02:10 มั้ยจริงๆตอนนี้ก็เหมือนจะเริ่มจะชักละ
00:02:10 → 00:02:12 เพราะว่าเหมือนเหมือนมีแววว่าปีหน้าจะไม่
00:02:12 → 00:02:14 ได้ขึ้นเงินเดือนเพราะว่าต้องอสมทอาจจะ
00:02:14 → 00:02:19 ต้องเอาเงินไปจ่ายคุณไพบูลย์นิติตะวันอ๋อ
00:02:19 → 00:02:22 เฮ้ยอยกันนั้นสิมันเป็นคนละรายการอ๋อคนละ
00:02:22 → 00:02:25 รายการใช่มั้ยคนละส่วนนะโอเคอุผมว่างผม
00:02:25 → 00:02:27 ว่างนะผมว่างอุ้ยหมอได้
00:02:27 → 00:02:31 ๆแหมอุตส่าห์อุตส่าห์แวะมานะฮะเอออ่ะยัง
00:02:31 → 00:02:33 ไงต่อๆครับพี่หมอครับผมอเรามาคุยกัน
00:02:33 → 00:02:35 เรื่องของโรคลมชักนะครับโรคลมชักเนี่ย
00:02:35 → 00:02:38 ต้องบอกก่อนว่าหลักๆเลยมันเกี่ยวข้องกับ
00:02:38 → 00:02:41 สมองนะครับที่ที่ที่วันนี้มาพูดลืมลืมแนะ
00:02:41 → 00:02:45 นำตัวลืมแนะนำตัวลืมแนะนำตัวด้วความที่
00:02:45 → 00:02:47 รู้จักกันอยู่แล้วเลยขออภัยนะครับผมหมอ
00:02:47 → 00:02:50 บิคนะครับนายแพทย์พีมนพัฒนชาวิสิตนะครับ
00:02:50 → 00:02:52 เป็นแพทย์เฉพาะทางระบบประสาทและสมองตอน
00:02:52 → 00:02:55 นี้อยู่ที่โรงพยาบาลวิมุตนะครับโรงพยาบาล
00:02:55 → 00:02:58 วิมุตอยู่ตรงไหนอยู่แถวๆสะพานควายครับผม
00:02:58 → 00:03:02 สะพานควายหรือว่าแถวๆอ่าแถวๆอารีนะแถวๆ
00:03:02 → 00:03:04 ปฏิพัฒน์สุธิสารโซนนั่นแหละครับโรงพยาบาล
00:03:04 → 00:03:07 วิมุตเป็นโรงพยาบาลเอกชนเปิดใหม่ประมาณ 4
00:03:07 → 00:03:10 ปีละก็มาเป็นคุณหมอฟไ Time ประจำอยู่ที่
00:03:10 → 00:03:12 นั่นนะครับคนไข้เยอะมั้ยครับพี่หมอเรื่อย
00:03:12 → 00:03:15 ๆครับไม่ไม่ไม่ได้เยอะมากครับก็มีเวลาใน
00:03:15 → 00:03:18 การเทค care ให้ความรู้ให้ความเข้าใจแล้ว
00:03:18 → 00:03:22 ก็ตอบคำถามแบบแบบดีไซน์แบบคนต่อคนน่ะให้
00:03:22 → 00:03:24 คำแนะนำเฉพาะคนนะครับแต่ว่าคำแนะนำที่พูด
00:03:24 → 00:03:28 ตรงนี้จะเป็นคำแนะนำแบบรวมๆนะอ่ะเรามารู้
00:03:28 → 00:03:30 จักกับโรคลมชักกันก่อนนะครับมชักเนี่ย
00:03:30 → 00:03:33 เกิดจากความผิดปกติของสมองสมองของเรา
00:03:33 → 00:03:35 สามารถควบคุมแล้วก็สั่งการร่างกายของเรา
00:03:35 → 00:03:38 ได้ด้วยกระแสไฟฟ้าครับอืสั่งการผ่านการ
00:03:38 → 00:03:41 สสายไฟฟ้าคือสมองเก็จะสั่งว่าโอเคแขนขวา
00:03:41 → 00:03:45 ยกแขนซ้ายยกอทุกคนจะรู้พื้นฐานว่าเฮ้ย
00:03:45 → 00:03:49 สมองขวามันคุมร่างกายข้างซ้ายสมองซ้ายควบ
00:03:49 → 00:03:52 คุมร่างกายข้างขวานะครับขามันคุยกันยังไง
00:03:52 → 00:03:54 มันคุยกันผ่านกระแสไฟฟ้าอ่อนๆหรือว่าสาร
00:03:54 → 00:03:57 สืบประสาทนั่นเองออเหรออ่ะทุกคนจะเคยได้
00:03:57 → 00:03:59 ยินคำว่าไฟฟ้ารัดวงจรใช่มั้ยฮะครับค่ะ
00:03:59 → 00:04:01 เกิดไฟช็อตขึ้นมาใช่มั้ยครับอาการชักก็
00:04:01 → 00:04:04 คือแบบนั้นแหละอไฟฟ้านี่สมองมันรัดวงจร
00:04:04 → 00:04:07 มันก็เลยรวนไปทั้งตัวผลของที่มันรวนก็คือ
00:04:07 → 00:04:10 ร่างกายเกิดอาการชักเกร็งกระตุกนั่นเอง
00:04:10 → 00:04:13 ครับอ่าทนี้ถ้าคนทั่วไปเจะแบบว่าเอ๊ะแล้ว
00:04:13 → 00:04:15 โลกเนี้ยค่ะเวลาสำหรับคนที่แบบเป็นเงี้ย
00:04:15 → 00:04:17 มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของสมองใช่
00:04:17 → 00:04:20 มั้ยอย่างที่คุณหมอบอกแล้วโอกาสที่ทุกคน
00:04:20 → 00:04:22 มีคนคนกี่คนที่แบบโอกาสที่จะเป็นโรคนี้
00:04:22 → 00:04:24 หรือมันเป็นโรคทางพันธุกรรมหรือว่าสาเหตุ
00:04:25 → 00:04:27 มันเกิดจากอะไรทำไมคนเราถึงเป็นลมชัก
00:04:27 → 00:04:32 เพราะมันเกิดจากความผิดปกติของอืพันรหือ
00:04:32 → 00:04:35 เป็นโบังเอที่เบังเอิญเจอเป็นอันเนี้ยผม
00:04:35 → 00:04:38 บอกเลยว่าทุกคนมีความเสี่ยงหมดในในช่วง 1
00:04:38 → 00:04:41 ช่วงชีวิตเนี่ยมีทุกคนมีโอกาสจะชักได้
00:04:41 → 00:04:43 ครับให้โควต้าคนละครั้งพออให้โคต้าคนละ
00:04:43 → 00:04:47 ครั้งในการใช้คำว่าเป็นเ่อเป็นอาการชัก
00:04:47 → 00:04:49 อาการนะครับยังไม่ใช่โรคนะครับทีนี้เมื่อ
00:04:49 → 00:04:51 กี้พี่หยกพูดถึงเรื่องของสาเหตุของโรคลม
00:04:51 → 00:04:54 ชักมีสาเหตุหลายรูปแบบครับ 1 ในนั้นคือ
00:04:54 → 00:04:57 พันธุกรรมพี่หยกแทงมาถูกะ 1 คือพันธุกรรม
00:04:57 → 00:04:59 ครับส่วนใหญ่เนี่ยโรคทำพันธุกรรมก็จะเกิด
00:04:59 → 00:05:02 ขึ้นขึ้กับเด็กน้อยอที่เป็นโรคทาง
00:05:02 → 00:05:06 พันธุกรรมที่เอ่อพันธุกรรมกับกรรมพันธ์
00:05:06 → 00:05:08 อาจจะมีความความใกล้เคียงกันนิดนึงนะครับ
00:05:08 → 00:05:12 แต่ว่าอันนี้ขอเจาะจงคำว่าพันธุกรรมคือ
00:05:12 → 00:05:15 ยีนของเขาหรือโครโมโซมของเขาหรือโครง
00:05:15 → 00:05:18 สร้างในการพัฒนาของเขาเนี่ยมันผิดปกติ
00:05:18 → 00:05:20 ตั้งแต่ตอนเขาอยู่ในท้องของคุณแม่อือออก
00:05:20 → 00:05:23 มาปุ๊บกลายเป็นเด็กที่ดูภายนอกอาจจะปกติ
00:05:23 → 00:05:25 ก็ได้หรือไม่ปกติก็ได้แต่ในตัวเนื้อสมอง
00:05:25 → 00:05:29 ในตัวโครงสร้างของสมองอ่ะไม่ปกติอืเลยทำ
00:05:29 → 00:05:31 ให้เกิดอาการชักตั้งแต่เยังเป็นเด็กครับ
00:05:31 → 00:05:33 ออชักตั้งแต่ด็เลยซึ่งเด็กเหล่านี้ก็จะมี
00:05:33 → 00:05:36 ปัญหาเรื่องของการเจริญเติบโตครับก็จะตัว
00:05:36 → 00:05:39 แคะแกนตัวเล็กกว่าเามีโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
00:05:39 → 00:05:42 มีติดเชื้อได้ง่ายหรือบางรายก็อาจจะอยู่
00:05:42 → 00:05:45 ไม่ถึงจนเป็นเด็กโตก็คือเสียชีวิตก่อนจาก
00:05:45 → 00:05:47 ภาวะต่างๆที่มารุมเร้าอันนี้คืออย่างที่ 1
00:05:47 → 00:05:50 คือพันธุกรรมนะครับแต่ถ้าเกิดว่าไม่ใช่
00:05:50 → 00:05:52 พันธุกรรมล่ะอืคนอย่างเราๆโตกันมาแล้ว
00:05:52 → 00:05:54 เนี่ยรอดกันมาถึงผู้ใหญ่แบบนี้เนี่ยโอกาส
00:05:54 → 00:05:57 ที่จะเกิดโรคลมชักมีมั้ยมีครับอ
00:05:57 → 00:06:00 อุบัติเหตุครับอ๋ออบัติเหตุจราจร
00:06:00 → 00:06:02 อุบัติเหตุอะไรก็ได้อย่างเช่นพี่ดมอย่า
00:06:02 → 00:06:05 เงี้โดนตีหัวไงฮะฟาดไป่ามีเลิศออกในสมอง
00:06:05 → 00:06:09 เราจะเรียกว่าการทำให้สมองมีแผลอ๋อแผลสด
00:06:09 → 00:06:13 ก็ฉักได้อืแผลสดที่หายแล้วกลายเป็นแผล
00:06:13 → 00:06:15 เป็นออยู่นานๆไปอยู่ดีแผลเป็นเป็นจุด
00:06:15 → 00:06:18 กำเนิดชักก็เป็นไปได้ครับอือุบัติเหตุไป
00:06:18 → 00:06:21 แล้วนะฮะค่ะโรคติดเชื้อครับผมอ้าโรคอะไร
00:06:21 → 00:06:24 ติดเชื้อบางคนเป็นไข้สมองอักเสบออติด
00:06:24 → 00:06:26 เชื้อแบคทีเรียติดเชื้อไวรัสไม่ว่าจะด้วย
00:06:26 → 00:06:28 จากสาเหตุอะไรก็ตามนะครับมีเหตุต้องติด
00:06:28 → 00:06:31 เชื้อในสมองหมอนอนโรงพยาบาลหมอรักษาหาย
00:06:31 → 00:06:34 เรียบร้อยะหลังจากนั้นเกิดอาการชักตามมา
00:06:34 → 00:06:36 มันก็เป็นไปได้เพราะว่าการอักเสบหรือการ
00:06:36 → 00:06:38 ติดเชื้อมันก่อให้เกิดแผลในสมองเหมือนกัน
00:06:38 → 00:06:42 อือไอ้โรคเหล่านี้เนี่ยคือยังไม่หมดพี่ิม
00:06:42 → 00:06:45 ยังไม่หมยังไม่หมดเหรอยหมอต่อต่อ่อเลย
00:06:45 → 00:06:48 ครับต่อเลยครับผมผมแค่โอโหอ่ะโรคหลอด
00:06:48 → 00:06:50 เลือดสมองครับโรคหลอดเลือดสมองมีทั้งโรค
00:06:50 → 00:06:54 หลอดเลือดสมองตีบตันแตกนะครับนี่คือฝั่ง
00:06:54 → 00:06:57 หลอดเลือดดแดงแล้วก็ฝั่งหลอดเลือดดำก็
00:06:57 → 00:06:59 หลอดเลือดดำในสมองก็ทำให้เกิดอาการฉักได้
00:06:59 → 00:07:02 อืเพราะฉะนั้นคนเป็นโรคหลอเลสมองเองส่วน
00:07:02 → 00:07:06 นึงก็จะมีอาการชักเป็นเป็นเป็นของแถมโอ
00:07:06 → 00:07:10 พ่วงมาด้วยอืครับผมอันนี้ยังไม่รวมใน
00:07:10 → 00:07:13 กลุ่มที่อายุมากขึ้นสมองเหี่ยวลงก็มี
00:07:13 → 00:07:16 เปอร์เซ็นต์ที่จะชักมากขึ้นในคนที่เป็น
00:07:16 → 00:07:19 ผู้สูงอายุหรือเป็นอัลไซเมอร์ได้ครับโอโอ
00:07:19 → 00:07:21 สมองเรามันเหี่วได้ด้วยหรอพี่หมอเหี่ยว
00:07:21 → 00:07:24 ได้ฮะเหี่ยวได้ฮะหน้าเรายังเหี่ยวตามใ้ว
00:07:24 → 00:07:27 เลยเราเพราะสมองมันอยู่ข้างในเราไม่รู้ไง
00:07:27 → 00:07:30 ว่ามันก็มันจะสามารถหดฝ่อเหี่ยวอะไรอย่าง
00:07:30 → 00:07:32 เเมีข้อมูลวิจัยของต่างประเทศครับว่าคน
00:07:32 → 00:07:35 ตั้งแต่อายุสักประมาณ 35 ปีขึ้นไปเนี่ย
00:07:35 → 00:07:38 สมองวอหรือว่าปริมาตของสมองเนี่ยจะเต็ม
00:07:38 → 00:07:41 เปี่ยมณจุดที่อายุประมาณสัก 35 ปีหลังจาก
00:07:41 → 00:07:44 นั้นน่ะมันจะค่อยๆลดลงทีละน้อยทีละน้อยที
00:07:44 → 00:07:47 ละน้อยทีละน้อยเกินกันหมดแล้วใช่มั้ยฮะผม
00:07:47 → 00:07:50 ก็เกินผมก็เกินผมก็เกินแล้วเออผมก็เกิน
00:07:50 → 00:07:52 แล้วเพราะฉะนั้นคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป
00:07:52 → 00:07:55 เนี่ยโดยธรรมชาติสมองมันจะเริ่มเป็นขาลงอ
00:07:55 → 00:07:58 แต่ว่าโอเคขาลงไม่ต้องตกใจว่าเฮ้ยขาลง
00:07:58 → 00:08:01 ต้องหาอะไรมาเสริมหาอะไรมายันเป่ามันเป็น
00:08:01 → 00:08:04 ไปตามธรรมชาติครับเพราะฉะนั้นทุกคนแกะ
00:08:04 → 00:08:06 เหมือนกันหมดทุกคนแกะเหมือนกันหมดแต่เป็น
00:08:06 → 00:08:09 แค่ว่าอย่าไปเร่งให้มันแก่เร็วด้วยสารเสพ
00:08:09 → 00:08:12 ติดด้วยอะไรล่ะแอลกอฮอล์อะไรแบบนี้เป็น
00:08:12 → 00:08:15 ต้นนะครับอืค่ะอันนี้ก็คือเป็นเป็นสาเหตุ
00:08:15 → 00:08:18 ที่มันสาเมื่อกี้พี่ดิมถามผมอะไรต่อนะฮะ
00:08:18 → 00:08:21 เอ่อไอ้ไอ้เชื้อชไวรัสต่างๆเนี่ยคือคือ
00:08:21 → 00:08:25 มันมันมันมาจากอาการหรือว่าเป็นโห่งเป็น
00:08:25 → 00:08:27 หวัดอะไรงงี้ถือว่านับได้มยพี่หมอโเป็น
00:08:27 → 00:08:29 หวัดอันนี้จุ่มจิมไปครับต้องเป็นเชื้อที่
00:08:29 → 00:08:33 มันติดเชืเข้าไปในสมองอเช่นไข้สมองอักเสบ
00:08:33 → 00:08:35 หรือบางคนมีปัญหาั้แบคทีเรียหรือไวรัส
00:08:35 → 00:08:38 อย่างเงี้ครับเอ่อมีอะไรอีกล่ะพยาธิพยาธ
00:08:38 → 00:08:42 อ๋อพยาธนี่ก็นพยาธโปรโตซัวอ่าอย่างงี้
00:08:42 → 00:08:44 เป็นต้นครับอย่างพยาธอย่างเช่นที่เราเคย
00:08:44 → 00:08:47 ได้ยินข่าวพยาตตัวตืดครับตัวตืดขึ้นสมอง
00:08:47 → 00:08:50 ใช่มั้ยครับตัวตืดขึ้นสมองเนี่ยมันจะเกิด
00:08:50 → 00:08:53 จากการที่เราเนี่ยกินกินพยาตตัวตืดหลายๆ
00:08:53 → 00:08:57 คนอาจจะแบบนึกถึงเม็ดสาครูในเนื้อหมูอือ
00:08:57 → 00:08:59 นึกออกมั้ยฮะเม็ดเม็ดสาครูในเนื้อหมูกับ
00:08:59 → 00:09:02 พยาธตัวตื่นที่ที่ออกมาจากก้นน่ะดึงออกมา
00:09:02 → 00:09:04 เป็นตัวๆเป็นเส้นๆน่ะเหมือนเส้นสปาเกตตี้
00:09:04 → 00:09:07 อ่ะเหมือนเราเห็นในคลิปใน tiktok หรือใน
00:09:07 → 00:09:10 Facebook Instagram ที่ว่ามีมีสัตว์
00:09:10 → 00:09:13 เลี้ยงหรือว่าสัตว์ป่าที่มีอาฮะมีพยามา
00:09:13 → 00:09:17 ที่ก้นอ่าอันนี้มันจะเป็นทางออกลำไส้หรือ
00:09:17 → 00:09:20 ทางออกของเขาคือของมันอยู่ที่นี่มันมันมี
00:09:20 → 00:09:23 2 กลไกครับกลไกแรกเนี่ยถ้าเกิดเรากินเรา
00:09:23 → 00:09:27 กินไข่ของมันอ้อไข่ของพยาธถ้าไข่พยาธิ
00:09:27 → 00:09:29 เนี่ยมันจะปนเปื้อนอยู่ในกับพวกดินครับ
00:09:29 → 00:09:32 เราคงไม่กินดินเนาะแต่เราอาจจะกินผักสด
00:09:32 → 00:09:35 ที่มันล้างไม่สะอาดมีไข่พยาธติดอยู่ถ้า
00:09:35 → 00:09:38 ไข่พยาธเหล่านั้นเรากินเข้าไปอตัวเราจะ
00:09:38 → 00:09:41 เหมือนเนื้อหมูครับจะมีเม็ดสาคูในตัวเรา
00:09:41 → 00:09:44 อืปอดก็ได้กล้ามเนื้อแขนขาหรือในหัวก็ได้
00:09:45 → 00:09:48 ครับอืแต่ถ้าเกิดว่าเราอ่ะดั้นเผลอไปกิน
00:09:48 → 00:09:52 ตัวเม็ดสาคูที่อยู่ในเนื้อหมูเช่นลาบก้อย
00:09:52 → 00:09:56 ลููถูกมั้อ่ะลาบลูอ่ะแบบสดๆสุกๆดิบๆอะไร
00:09:56 → 00:09:58 แบบเยครับเราจะกินเม็ดสาคูเข้าไปแล้วไ
00:09:58 → 00:10:01 เม็ดสาครูเหล่านั้นน่ะจะกลายเป็นตัวพยาธอ
00:10:01 → 00:10:05 เต็มตัวเต็มวัยในท้องเราแล้วพยาธก็จะ
00:10:06 → 00:10:09 ปล่อยป้องมีไข่ออกมาก็จะวนอยู่ในวัฏจักร
00:10:09 → 00:10:12 แบบนี้เพราะฉะนั้นหากไกลจากพยาธก็ต้องผัก
00:10:12 → 00:10:14 ก็ต้องล้างให้สะอาดผักสดต้องล้างให้สะอาด
00:10:14 → 00:10:16 ขณะเดียวกันเนื้อสัตว์ก็ต้องเป็นเนื้อ
00:10:16 → 00:10:20 สัตว์ที่สุขสดสะอาดครับผมสุอันนี้เป็น
00:10:20 → 00:10:23 สาเหตุใช่มั้ยที่ที่พอจะพอจะอธิบายได้ว่า
00:10:23 → 00:10:25 มันเกิดทำให้เกิดโรคลมชักทั้งหมดทั้งมด
00:10:25 → 00:10:29 นี้ใช่ครับ่ครับคือพอมันเกิดพอเราทราบ
00:10:29 → 00:10:34 สาเหตุแล้วว่าพี่หมอครับคือกลุ่มคนที่มัก
00:10:34 → 00:10:38 จะเจอกันได้เนี่ยช่วงอายุอะไรเงี้ยที่พี่
00:10:38 → 00:10:40 หมอเจอเนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็นคนกลุ่มไหน
00:10:40 → 00:10:42 วัยไหนยังเป็นของผมเนี่ยเป็นเป็นหมอผู้
00:10:42 → 00:10:44 ใหญ่เนาะผมก็จะเจอผู้ใหญ่แต่ถ้าเกิดว่า
00:10:44 → 00:10:46 เป็นคุณหมอที่ดูแลเด็กๆเก็จะดูแลตั้งแต่
00:10:46 → 00:10:50 แบบเด็กแรกเกิดเลยจนถึงน้องอายุแบบ 17 18
00:10:50 → 00:10:52 อะไรเงี้ยแล้วค่อยถ่ายโอนมาให้คุณหมอผู้
00:10:52 → 00:10:55 ใหญ่ดูต่อเอออันนี้พี่นึกถึงอันนึงอ่ะค่ะ
00:10:55 → 00:10:58 เพราะว่าหมอบิ้วบอกว่ามันเป็นเรื่องของฝ
00:10:58 → 00:11:03 ศาลสื่อประสาทไฟฟนึกถ่อสยบนึกถึงด้วยซ้ำ
00:11:03 → 00:11:07 เพราะว่าเวลารักาสัยก่อนรักษาแบบใช่เงี้
00:11:07 → 00:11:10 แต่ว่าสมัยเราจะถูกสอนกันว่าถ้าเจอคนเป็น
00:11:10 → 00:11:13 ลมชักเงี้ยใช่มคะเราก็บอกว่าชักเหมือนที่
00:11:13 → 00:11:16 เหมือนเราจะไปแบบชักเหมือนที่มีคำสโลแกน
00:11:16 → 00:11:18 เหมือนชักอยากจะวิ่งเเดี๋ยวเดี๋ยวเป็น
00:11:18 → 00:11:22 แล้วหยุดเองอะไรนะพี่จำคไม่ได้อๆๆไม่งัด
00:11:22 → 00:11:25 ไม่ง้างไม่ถังไม่กดไม่ทั้งหมดชักจะหยุด
00:11:25 → 00:11:27 เองครับใช่แต่ว่าส่วนส่วนใหญ่ของคนนะคะ
00:11:27 → 00:11:30 เราจะถูกสอนกันว่าถ้าเราเห็นคนเป็นลมชัก
00:11:31 → 00:11:33 เนี่ยเด็กๆเเราจะบอกว่าเอาช้อนเอาอะไรไป
00:11:33 → 00:11:35 งัดไว้อย่าๆให้เคเดี๋ยวเากัดลิ้นนะเดี๋ยว
00:11:35 → 00:11:38 เขาจะเสียชีวิตนะแต่ปัจจุบันเยค่ะเป็นยัง
00:11:38 → 00:11:41 ไงบ้างจากข้อมูลที่ผ่านมาลที่เราพยายามส
00:11:41 → 00:11:45 บอกกันไปมีผมเดี๋ยวๆผมมีมีเคสแชร์ให้ฟัง
00:11:45 → 00:11:47 อันนี้แบบเป็นเรื่องที่แบบว่าโอ้โหเป็น
00:11:47 → 00:11:50 อันเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากอก่อนไปเล่าฮะ
00:11:50 → 00:11:54 เล่าให้ฟังก่อนว่าช้อนเนี่ยก็เจอผมก็เคย
00:11:54 → 00:11:56 เจออือผมเคยเจอแม้กระทั่งเอารองเท้าแตะ
00:11:56 → 00:12:00 ยัดเพราะมันหาอะไรข้างตัวไม่ได้ยไงตกจอ่ะ
00:12:00 → 00:12:02 หาหาอะไรไม่ได้บางคนก็อ่ะถ้าเป็นคนใน
00:12:02 → 00:12:05 ครอบครัวอ่ะนิ้วนี่แหละยัดเข้าไปเลยใช่
00:12:05 → 00:12:08 พี่เคยเจอคนเอามือยัดกันันโอโหมือเป็นแผ
00:12:08 → 00:12:10 เต็มไปหมดเลยคือคนป่วยคนที่ 1 คือเป็นโรค
00:12:10 → 00:12:12 ลมชักคนป่วยคนที่ 2 คือนิ้วแบกไปเลยนิ้ว
00:12:12 → 00:12:15 แบบนิ้วแตกไปเลยนะฮใช่เห็นจริงๆแล้ว
00:12:15 → 00:12:18 อิทธิพลเรื่องของการเป็นโรคลมชักแล้วกัด
00:12:18 → 00:12:20 ลิ้นแล้วตายเนี่ยเกิดจากการที่เราดูหนัง
00:12:20 → 00:12:24 จีนเยอะไปอืเฮ้ยจริงจริงๆมั้ยฮะเฮ้ยจริงๆ
00:12:24 → 00:12:28 มาชักนางสนมน้อยใจฮ่องเต้กัดลิ้นอึตายเลย
00:12:28 → 00:12:31 เออเอเอซึ่งกัดลิ้นแล้วไม่ตายครับผมเลือด
00:12:31 → 00:12:34 ออกก็ไปโรงพยาบาลอ่ะต้องเข้าใจก่อนว่า 1
00:12:34 → 00:12:35 กัดลิ้นแล้วไม่ตายเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง
00:12:35 → 00:12:38 ลิ้นนี่ผมยังเข้าใจทกวันนี้นะเฮ้ยผมพูด
00:12:38 → 00:12:41 จริงนะเราดูหนังจีนใช่มั้ยอีนหนังจบจนใช่
00:12:41 → 00:12:44 มั้ฮะปบูจิ้นชอบ 9 ึเปล่าฮะคือผมยังเข้า
00:12:44 → 00:12:46 ใจทุกวันนี้ว่าไอ้การกัดลิ้นเนี่ยโอ้โห
00:12:46 → 00:12:48 มันทำให้เราตายเลยหรอวะไม่ตายไม่ตายไม่
00:12:48 → 00:12:51 ตายมันก็แค่ลิ้นขาดเวเดี๋ยวก็เย็บได้ไม่
00:12:51 → 00:12:53 ตายอเหรอไม่ตายใช่มกัดล้แล้วตายไม่ตายไม่
00:12:53 → 00:12:56 ตายคุณผู้ฟังฮะกัดิแล้วไม่ตายนะฮะกดแล้ว
00:12:56 → 00:12:58 ไม่ตายตายแล้วผมดูหนังจีจแบบว่าอันดับแรก
00:12:58 → 00:13:02 คุณจะเโอเคโอเโอเอ่ะๆโอเคผ่านไปต่อโอเคที
00:13:02 → 00:13:05 นี้เคสที่จะเล่าให้ฟังอันนี้เป็น setting
00:13:05 → 00:13:08 ที่ผมผมได้อาจารย์น่ะให้ผมเข้าไปช่วย
00:13:08 → 00:13:11 โปรเจคอยู่โปรเจคหนึงซึ่งเป็นโปรเจคที่
00:13:11 → 00:13:13 เค้าอยาก
00:13:13 → 00:13:17 จะทำเป็นคลิปให้ความรู้กับประชาชนครับขอ
00:13:17 → 00:13:19 อนุญาตเล่าให้ฟังแล้วก็ผมไม่แน่ใจว่าจะหา
00:13:19 → 00:13:22 ในออนไลน์ได้มนะฮะคือมีผู้ชายผู้หญิงคู่
00:13:22 → 00:13:24 หนึ่งอันนี้คือของจริงเลยนะฮะเป็นแฟนกัน
00:13:24 → 00:13:28 ผู้ชายผู้หญิงเป็นแฟนกันค่ะทีมงานก็ไปบอก
00:13:28 → 00:13:33 ผู้ชายบอกว่าเนี่ยเดี๋ยวเราจะพาคุณคุณผู้
00:13:33 → 00:13:35 ชายนะกับคุณผู้หญิงเนี่ยไปกินข้าวร้านนึง
00:13:35 → 00:13:38 เขอยากมีซิขอแต่งงานเดี๋ยวเราจัดให้เรา
00:13:38 → 00:13:41 จัดให้เราถ่ายคลิปให้เรามีอีเวนให้ทีมงาน
00:13:41 → 00:13:44 ก็บอกฝั่งผู้ชายว่าเดี๋ยวจะพาหลอกผู้หญิง
00:13:44 → 00:13:47 มานะพาผู้หญิงมาที่ร้านอาหารแล้วก็เดี๋ยว
00:13:47 → 00:13:49 จะโทรศัพท์ผู้ชายออกมาไปเปลี่ยนชุดแล้วก็
00:13:49 → 00:13:52 มาเป็นซีนเอาดอกไม้ขอแต่งงานอันนี้คือ
00:13:52 → 00:13:55 ฝั่งผู้ชายได้รับบรีฟแบบนี้ค่ะนะครับฝั่ง
00:13:55 → 00:13:59 ผู้หญิงได้รับบรีฟว่าโอเคเนี่ยเดี๋ยวเรา
00:13:59 → 00:14:02 อยากจะดูความรู้ของคนทั่วไปว่าถ้าเกิดเขา
00:14:02 → 00:14:05 เจอสถานการณ์โรคลมชักเขาจะปฏิบัติอย่างไร
00:14:06 → 00:14:08 เ้าอือ่าอันนี้คือบีฟฝั่งผู้หญิงเพราะ
00:14:08 → 00:14:12 ฉะนั้นผู้หญิงอ่ะจะมาหาหมอก่อนอ่ามาหาผม
00:14:12 → 00:14:14 เดี๋ยวหมอจะซ้อมให้ดูนะว่าถ้าเกิดชักเวลา
00:14:14 → 00:14:18 ชักเนี่ยต้องทำท่าอย่างไรออมันไม่ได้ชัก
00:14:18 → 00:14:21 เหมือนในหนังในละครถ้าจะเล่นทั้งทีต้อง
00:14:21 → 00:14:24 เล่นให้เหมือนคนไข้จริงหมอก็คือเป็นเป็น
00:14:24 → 00:14:26 โค้ชบีฟเองเลยว่าแบบไหนแบบไหนยังไงบ้างก็
00:14:26 → 00:14:28 สอนเขาว่าเดี๋ยวชักเป็นแบบนี้นะโดยที่เรา
00:14:28 → 00:14:30 อ่ะรู้ทั้งหมดแล้วแหละว่าจะเกิดอะไรขึ้น
00:14:30 → 00:14:33 แต่เราไม่บอกเาว่าจะมีซีนขอแต่งงานอ๋ออ่ะ
00:14:33 → 00:14:36 พอถึงวันจริงครับเราก็รับบทเป็นชาวบ้าน 1
00:14:36 → 00:14:39 ชาวบ้านหนึไปน้ากินไปน่ากินข้าวอยู่โต๊ะ
00:14:39 → 00:14:41 ข้างๆผู้ชายผู้หญิงก็เข้ามาทีมงานก็ติดกง
00:14:41 → 00:14:43 ติดกล้องเรียบร้อยผู้ชายผู้หญิงเข้ามา
00:14:43 → 00:14:45 แล้วก็เริ่มกินข้าวกันกินข้าวเสร็จปุ๊บ
00:14:45 → 00:14:49 ทีมงานก็มาแล้วฮะโทรหาผู้ชายอือ้อเล่า
00:14:49 → 00:14:52 ย้อนนิดนึงว่าณสถานที่ที่เขาจัดเนี่ยมัน
00:14:52 → 00:14:55 เป็นร้านอาหารของโฮสเทลหรือโรงแรมซึ่ง
00:14:55 → 00:14:57 ข้างบนก็มีโฮสเทลซึ่งก็มีนักท่องเที่ยว
00:14:57 → 00:15:00 ชาวต่างชาติอครับเมามาพักอยู่ก็มีคนเดิน
00:15:00 → 00:15:02 เข้าเดินออกก็เหมือนปกติมีชาวบ้าน 1 ชาว
00:15:02 → 00:15:05 บ้าน 2 นั่งกินข้าวอยู่ผมทีมงานนั่งกิน
00:15:05 → 00:15:07 ข้าวอยู่แล้วก็แบบแอบมองเหล่ๆอยู่ว่าเฮ้ย
00:15:07 → 00:15:10 จะเป็นยังไงบ้างอะไรเงี้ยก็คิกมาก็โทร
00:15:10 → 00:15:12 เข้าโทรศัพท์มือถือผู้ชายะอ่ะเอ้ยเดี๋ยว
00:15:12 → 00:15:15 ไปรับสายแป๊บนึงนะผู้ชายก็ไปรับสายวาง
00:15:15 → 00:15:18 ช้อนวางซ่อมไปรับสายการที่เขาไปรับสายคือ
00:15:18 → 00:15:21 เขาไปเปลี่ยนเสื้อใส่ชุดให้มันดูดีหน่อย
00:15:21 → 00:15:25 หยิบดอกไม้มาอ่ะค่ะทีมงานชุดที่ 2 ก็ไปหา
00:15:25 → 00:15:27 ผู้หญิงว่าโอเคผู้ชายกำลังจะมาแล้วนะ
00:15:27 → 00:15:30 เดี๋ยวเดี๋ยวเตรียมอืชักเลยอืผู้ชายมาถึง
00:15:30 → 00:15:33 โต๊ะผู้หญิงก็เริ่มออกอาการชักละตามบีฟ
00:15:33 → 00:15:37 เป๊ะภูมิใจมากตามบีฟทุกอย่างมีอาการชัก
00:15:37 → 00:15:41 ผู้ชายตกใจวางดอกไม้เข้าไปปฐมพยาบาลแต่คำ
00:15:41 → 00:15:45 ว่าปฐมพยาบาลคืออย่างแรกคือเลิกลก่อนใช่ๆ
00:15:45 → 00:15:49 ทำอะไรไม่ถูกอก็คนต้องอย่างั้นตกใจเอแล้ว
00:15:49 → 00:15:52 จังหวะนั้นพี่ดรมหยิบรองเท้าไม่ใช่ฮะไม่
00:15:52 → 00:15:55 ใช่รองเท้าโอ้โหพี่ใร้ายว่ะจังหวะซิคอม
00:15:55 → 00:15:59 มากโจังหวะนั้นคือมีนักท่องเที่ยวจีนเดิน
00:15:59 → 00:16:02 เข้ามาในซีนแบบไม่ได้บีฟนะฮะเดินเข้ามาใน
00:16:02 → 00:16:06 ซีนคือเกำลังจะขึ้นรงแรมชอเา้าก็เอ้ยๆๆ
00:16:06 → 00:16:08 คือเพูดภาษาจีนกันน่ะอะไรก็ไม่รู้เราก็
00:16:08 → 00:16:12 ฟังไม่ออกแต่กำลังแบบเอาล่ะเว้ยเฮ้ยมี
00:16:12 → 00:16:15 เป็นซีนที่เราควบคุมไม่ได้หันไปอีกทีหยิบ
00:16:15 → 00:16:20 หมอนยัดปากก็ยังดีที่เป็นมอแสดงว่าประเทศ
00:16:20 → 00:16:24 จีนเ้าก็สงสัยว่าิแล้วตายเหมือนกันออใช่ๆ
00:16:25 → 00:16:30 ก็มายัดปากเเน่าจะกำเนดูหนังเหมือนพวกเรา
00:16:30 → 00:16:32 เเป็นต้นกำเนิดด้วยไงประเทศเผมเวูจินอ่ะ
00:16:32 → 00:16:36 ตอนสัเปลี่ยนชายเอๆๆเสร็จปุ๊บอ่ะคราวนี้
00:16:36 → 00:16:39 ก็อ่ะทีมงานก็ต้องเข้าไปะก็ผมก็เข้าไป
00:16:39 → 00:16:42 ช่วยอ่ะไม่เป็นไรนะเอาหมอนออกนะจับนอ
00:16:42 → 00:16:44 ตะแคงเดี๋ยวค่อยๆหยุดหยุดเสร็จปุ๊บอ่ะทุก
00:16:44 → 00:16:48 อย่างคลี่คลายลงปุ๊บพนักงานก็เดินมา
00:16:48 → 00:16:51 พนักงานเดินมาเอาขนมอมีขนมสเปเชียลมา
00:16:51 → 00:16:54 เสริมนะครับเปิดมาเป็นแหวนอ่ะขอแต่งงาน
00:16:54 → 00:16:57 อ่าก็เป็นซีที่แบบประทับใจเออผู้ชาย
00:16:58 → 00:17:00 ประทับใจมั้ผู้ชายเหวอไป
00:17:00 → 00:17:03 เลยคุณคุณผู้ชายก็เหวอเหวอตรงที่ว่าเฮ้ย
00:17:03 → 00:17:07 ชักจริงหรอหวะเออคุณผู้หญิงก็เหวออ้าขอ
00:17:07 → 00:17:09 แต่งงานเหรอวะเออซึ่งเค้าก็ขอแต่งงานกัน
00:17:09 → 00:17:14 จริงๆอเออก็แสดงว่าทำให้รู้ว่าเอ่อความ
00:17:14 → 00:17:16 รู้ในเรื่องของการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกับ
00:17:16 → 00:17:19 คนที่เป็นโรคลมชักในบ้านเราเนี่ยยังถือ
00:17:19 → 00:17:21 ว่าน้อยอยู่ใช่มั้ยพี่หมอยังยังอาจจะไม่
00:17:21 → 00:17:24 ค่อยทูกถึงเพราะว่าเราคงถูกปลูกฝังมาว่า
00:17:25 → 00:17:28 กริแล้วตายใช่ถูกปลูกฝังการผฐมพยาบาลที่
00:17:28 → 00:17:33 อาจจะให้ความสำคัญกับจุดที่ไม่สำคัญอ่าเอ
00:17:33 → 00:17:35 จุดที่สำคัญคืออะไรคะจุดที่สำคัญคือเวลา
00:17:36 → 00:17:38 เราชักอ่ะครับไม่มีใครห้ามเขาได้อ่าแม้
00:17:38 → 00:17:40 แต่กระทั่งตัวเขาเองเราก็ต้องปล่อยให้เขา
00:17:40 → 00:17:44 ค่อยๆหยุดชักไปด้วยตัวเองหน้าที่เราคือดู
00:17:44 → 00:17:48 แลซีนให้ปลอดภัยไม่ให้ตกน้ำไม่ให้รถทับ
00:17:48 → 00:17:50 ไม่ให้หัวกระแทกใช่ครับให้ล้มลงในสถานที่
00:17:50 → 00:17:55 ที่มันมันราบมันปลอดภัยแล้วก็ไม่มีอะไรมา
00:17:55 → 00:17:58 ที่เขาจะกระแทกไปชนได้อเฉลี่ยเวลาคนชัก
00:17:58 → 00:18:00 อย่างเงี้ยค่ะเชักกันนานมั้ยคะประมาณ 2-3
00:18:00 → 00:18:02 นาทีเท่านั้นแหละครับอ๋อไม่นานแต่ผมบอก
00:18:02 → 00:18:05 ตามตรงว่าเวลาเราถามประวัติญาติหรือคนไข้
00:18:05 → 00:18:09 โหชักนานมากหมอนานนานขนาดไหนนานๆนานกี่
00:18:09 → 00:18:13 นาทีนานมากเลยสรุปกี่นาทีป่ะเนานในความ
00:18:13 → 00:18:15 รู้ึกว่า 5 นาที 10 นาทีซึ่งจริงๆมันอาจ
00:18:16 → 00:18:18 จะไม่ถึงแต่เวลาเราอยู่ในสถานการณ์ที่มัน
00:18:18 → 00:18:20 ความเป็นความตายครับหรือตกอกตกใจอมันทุก
00:18:21 → 00:18:22 วินาทีมันดูนานนะพี่มเวลามันถูกหยุดไว้
00:18:23 → 00:18:26 อ่ะมันนานมากอ่ะเลิ่นนานดุดดุดดุดุดการ
00:18:26 → 00:18:29 หยุดนิ่งอ่ะคือเวลาหยุดนิ่งไปเลยอ่ะเพราะ
00:18:29 → 00:18:31 สิ่งที่ช่วยได้ก็คือเดี๋ยวนี้บางบ้านพอ
00:18:31 → 00:18:34 เวลามีคนไข้ชักมาในบ้านเ้ามีกล้องวงจรปิด
00:18:34 → 00:18:37 ครับเรีกล้องให้หมอดูเลยอ๋อเป็นสิ่งที่
00:18:37 → 00:18:39 หมอชอบมากนะครับเพราะว่า 1 คือเราเห็นว่า
00:18:40 → 00:18:43 เขาชักตอนกี่โมงเริ่มกี่โมงจบกี่โมง 2
00:18:44 → 00:18:47 นาที 3 นาทีอ่ะเริ่มจากตำแหน่งไหนของการ
00:18:47 → 00:18:51 ชักผมจะบอกว่าตำแหน่งของการชักเนี่ยไม่
00:18:51 → 00:18:53 ไม่ใช่ว่าชักชั้นบนชั้นล่างนะฮะคือแขนขวา
00:18:54 → 00:18:56 ขึ้นก่อนแขนซ้ายขึ้นก่อนมันสามารถบอก
00:18:56 → 00:19:00 ตำแหน่งในสมองได้อ้าอ้าเหรอเอแล้วยังไงคะ
00:19:00 → 00:19:01 ผมบอกเลยว่าเปรียบเทียบว่าสมองเราเนี่ย
00:19:01 → 00:19:03 เปรียบเทียบว่ากว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร
00:19:03 → 00:19:06 ใช่มั้ยฮะแต่จะให้หมอมางมเข็มว่าเฮ้ยจุด
00:19:06 → 00:19:09 กำเนิดชักหรือสิ่งที่เป็นแผลเป็นในสมองก็
00:19:09 → 00:19:12 ได้มันเกิดขึ้นจากตรงไหนงมเข็มกันสุดเลย
00:19:12 → 00:19:14 แต่ถ้าเกิดเราเห็นคำใบ้จากตำแหน่งหรรือ
00:19:14 → 00:19:17 ท่าที่เขาเริ่มชักมือก่อนหมอบอกเลยว่าออ
00:19:17 → 00:19:19 อยู่สมองซ้ายสมองขวาอตัดไปเลยครึ่ง
00:19:19 → 00:19:23 มหาสมุทรออมันมันช่วยทำให้การค้นหามันแคบ
00:19:23 → 00:19:25 ลงได้อ่ะแล้วเมื่อค้นหาแคบลงอ่ะค่ะการ
00:19:25 → 00:19:28 รักษาต่างกันมั้ยคะระหว่างซีกซ้ายกับซีก
00:19:28 → 00:19:31 ขวาซิกซ้ายซิกขวาจริงๆการรักษาอาจจะไม่
00:19:31 → 00:19:34 ต่างกันแต่สมองซิกซ้ายและซิกขวามีความ
00:19:34 → 00:19:37 สำคัญต่างกันต่าต่างกันมากเลยครับพี่หยก
00:19:37 → 00:19:39 เพราะว่าโดยทั่วไปเนี่ยเราก็จะรู้จักว่า
00:19:39 → 00:19:43 เฮ้ยสมองขวาคุมข้างซ้ายสมองซ้ายคุมข้าง
00:19:44 → 00:19:47 ขวาข้างขคนส่วนใหญ่ถนัดข้างขขวาก็ต้อง
00:19:47 → 00:19:49 เป็นข้างซ้ายคูข้างซ้ายจะเป็นสมองข้าง
00:19:49 → 00:19:52 เด็ดนะครับซึ่งจริงๆตรงเก็อาจจะเข้าใจถูก
00:19:52 → 00:19:54 ส่วนนึงแต่จริงๆแล้วครับไม่ว่าคุณจะถนัด
00:19:54 → 00:19:57 ขวาหรือถนัดซ้ายสมองซ้ายคือสมองข้างเด่น
00:19:57 → 00:20:01 ครับอืข้างเด่นนี้เนี่ยเด่นกกว่าข้างขวา
00:20:01 → 00:20:05 อะไรบ้างการพูดศูนย์ภาษาการสื่อสารฮะค่ะ
00:20:05 → 00:20:08 การพูดการ
00:20:08 → 00:20:12 เอ่อทั้งการพูดการฟังหลักๆของมนุษย์ที่
00:20:12 → 00:20:15 สื่อสารได้การคิดคำนวณเลขอยู่ฝั่งซ้ายหมด
00:20:15 → 00:20:18 เลยอืฝั่งขวาเนี่ยทำหน้าที่เหล่านั้นไม่
00:20:18 → 00:20:22 เป็นอ๋ออเพราะฉะนั้นพูดเล่นๆนะฮะถ้าจะล้ม
00:20:22 → 00:20:25 ทั้งทีเอาหัวขวาลงอย่าเอาหัวซ้ายลงงั้นแห
00:20:25 → 00:20:28 ซ้ายสมว่าถ้าใครอยากตบหน้าดรมก็ให้เลือก
00:20:28 → 00:20:32 ตบด้านขวาขวาไม่ฮะเราต้องตบด้านซ้ายเจะ
00:20:32 → 00:20:34 ได้หนักไปเลยฮะอล้อเล่นล้อเล่นพี่ดีผมล้อ
00:20:34 → 00:20:38 เล่นผมล้อเล่นแหมไม่มีปัญหามีมีปุ่มมี
00:20:38 → 00:20:41 ปุ่มเพตรงนี้มั้ยฮะเอไม่มีเลยไม่มีเลยเออ
00:20:41 → 00:20:43 เออไอ้รูปแบบการชักกับพี่หมอมันมันจะมี
00:20:43 → 00:20:47 มันจะมีหลากหลายรูปแบบมยครับเวลาเราเจอ
00:20:47 → 00:20:50 การชักอุ้ยมีหลากหลายรูปแบบครับเคยเห็น
00:20:50 → 00:20:53 ข่าวสมัยสักประมาณสัก 2 ปีที่แล้วมั้งฮะ
00:20:53 → 00:20:56 มันจะมีภาพอันมีมีภาพข่าวอันนึงว่าเป็น
00:20:56 → 00:20:59 จากกล้องวงจรปิดว่าน้องคนนึงอ่ะนั่งอยู่
00:20:59 → 00:21:02 ที่มานั่งข้างๆมีสาพระภูมิอยู่แล้วก็เก็
00:21:02 → 00:21:05 มองมุมกล้องออนึกว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็
00:21:05 → 00:21:09 เริ่มชักอ๋อคุ้นๆมั้ยฮะคุ้นๆมั้ยฮะไอ้พวก
00:21:09 → 00:21:14 รบรูอ่าไอมันต้องแอบไปกินน้ำแดงแน่ๆเลยอ
00:21:14 → 00:21:16 คือจริงจริงแล้วอ่ะครับถ้าเกิดไปดูคลิป
00:21:16 → 00:21:19 ย้อนตรงนั้นน่ะถ้าผมจำไม่ผิดนะอาการชัก
00:21:19 → 00:21:21 เขาจะเริ่มจากการที่มือเข้าอ่ะขยิบไม่ใช่
00:21:22 → 00:21:25 ขยิบขยำมือก่อนขยำมือก่อนหลังจากนั้น
00:21:25 → 00:21:28 เนี่ยตาก็เหลือกมองไปข้างนึงแล้วหัวก็
00:21:28 → 00:21:31 ค่อยแงนไปข้างนึงแล้วก็เริ่มมีอาการชักอื
00:21:31 → 00:21:35 อจนกระทั่งตกแล้วหลุดจอไปซึ่งจุดเริ่มต้น
00:21:35 → 00:21:37 ของการชักเริ่มต้นที่มืออซึ่งที่มือเนี่ย
00:21:37 → 00:21:40 มันหมายถึงว่าในบางส่วนของสมองมันจะเป็น
00:21:40 → 00:21:42 มันจะมีตำแหน่งของมันนะครับว่าเริ่มจาก
00:21:42 → 00:21:46 ตรงไหนอนี่คือบางคนบางคนมีอาการชักแบบนี้
00:21:46 → 00:21:49 ถ้าเกิดทางภาคอีสานอือเห็นท่าแบบเนี้ยคือ
00:21:49 → 00:21:52 อะไรฮะปอบหยิบ
00:21:52 → 00:21:57 อ๋อเฮ้ยจริงมั้ยฮะเฮ้ยเฮ้ยหนนี้เราไม่ได้
00:21:57 → 00:22:01 ดูหนหคือนอกนอกจากมือเขาแบบขยำตลอดเวลา
00:22:01 → 00:22:05 แล้วก็จะมีท่าแบบเลียปากซึ่งแล้วก็ตาจะ
00:22:05 → 00:22:08 แข็งๆหน่อยเลียปากนี่ถูกต้องูแข็งเรียปาก
00:22:08 → 00:22:12 นี่คือมีปากแห้งหรืออะไรใช่ไม่ใช่คือการ
00:22:12 → 00:22:15 ที่ปากมันขมุบขมิบหรือหรือภาษาหมอจะเรียก
00:22:15 → 00:22:18 ว่าธ่าเคี้ยวปากท่าเคี้ยวปากกับกับมือที่
00:22:18 → 00:22:21 มันขยับเนี่ยภาษาภาษาทางโรคลมชักจะเรียก
00:22:21 → 00:22:24 ว่าอาการชักแบบออโตมอร์ซึ่งมันมีลักษณะ
00:22:24 → 00:22:27 แบบนั้นจริงๆและไอแบบเนี้ยมันก็ตรงกับปอบ
00:22:27 → 00:22:30 หยิบของเมืองไทยอาฮะฮซึ่งจริงๆคนที่เป็น
00:22:30 → 00:22:33 ปอบเเอาจจะเป็นโรคลมชักก็ได้เลยเห็นอาการ
00:22:33 → 00:22:35 เป็นแบบนั้นซึ่งณตอนนั้นเขาอาจจะไม่รู้
00:22:35 → 00:22:38 สติก็เหมือนผีเข้ามั้ยฮะไม่รู้สติผีเข้า
00:22:38 → 00:22:41 เลียปากขยำมือก็เป็นปอบเนี่ยพี่เห็นแบบ
00:22:41 → 00:22:43 บางคนแบเก็ใช้ความรุนแรงบางคนก็แบบว่า
00:22:43 → 00:22:46 เป็นอย่างงี้ใช่มั้ยนึกว่าเหมือนผีเข้าไป
00:22:46 → 00:22:49 ตบไปตบเอาธูปจี้ใช่มั้ยเอาน้ำสาดอะไร
00:22:49 → 00:22:52 เงี้ยมันช่วยมันช่วยไม่ได้่งซึ่งณตรงนั้น
00:22:52 → 00:22:54 น่ะมันนสงสาเคซึ่งนตรงนั้นซึยิ่งทำให้เ้า
00:22:54 → 00:22:57 เป็นแใช่มั้ยใช่ใช่มันเจ็บปวดด้วยฮะพี่ยก
00:22:57 → 00:23:00 แล้วก็ดสุดท้ายพอพอเาหลุดอ่าพออาการชัก
00:23:00 → 00:23:04 มันสงบลงโดยโดยธรรมชาตินะครับการชักที่
00:23:04 → 00:23:06 หยุดชักแล้วเนี่ยคนไข้ก็จะมีอาการได้หลาย
00:23:06 → 00:23:09 รูปแบบส่วนใหญ่เลยมักจะแบบเหมือนคนจะหลับ
00:23:09 → 00:23:13 อ่อนเปี้ยเพรนเหมือนคนจะหลับไปเลยนะฮะกับ
00:23:13 → 00:23:15 อีกกลุ่มนึงก็คือว่าอีกกลุ่มนึงเนี่ยก็
00:23:15 → 00:23:19 คือจะมีภาวะสับสนอืสับสนแบบโอ้โหเหมือน
00:23:19 → 00:23:22 เป็นคนละคนเลยอ่ะเหมือนมีภาวะเหมือนเป็น
00:23:22 → 00:23:25 จิตเภทเหมือนเป็นโรคจิตเลยอ่ะซึ่งณจุดที่
00:23:25 → 00:23:28 เขากำลังสับสนอยู่อ่ะเอาธูปไปชเขาเอาน้ำ
00:23:28 → 00:23:32 ไปสาดเ้าไปตบตีเพื่อให้เขาแบบให้ปอบมัน
00:23:32 → 00:23:34 ออกไปอย่างเงี้ยตเรียกสติกลับมาอะไร
00:23:34 → 00:23:36 ประมาณนั้นเอ้ยจริงๆเราน่าจะตั้งชื่อช่วง
00:23:36 → 00:23:41 ว่าลมชักหรือกระปอเออเฮ้ยแล้วครับแล้ว
00:23:41 → 00:23:44 แล้วสมมุติถ้ามันเกิดลักษณะแบบนี้นี่ก็
00:23:45 → 00:23:48 คือมันมันต้องเริ่มจากมือก่อนตลอดนะพี่
00:23:48 → 00:23:50 หมออ๋ออาจจะไม่เริ่มจากมือเสมอไปครับอาจ
00:23:50 → 00:23:52 จะไม่เริ่มจากมือเสมอไปบางครั้งอาจจะ
00:23:52 → 00:23:54 เริ่มจากตาก่อนก็ได้หรือชักแบบนิ่งๆเงียบ
00:23:54 → 00:23:56 ๆเฮ้ยตามันเป็นยังไงพี่หมออาจจะมีตา
00:23:56 → 00:23:58 กระตุกก่อนก็ได้ครับแต่อันนี้พบน้อยเรา
00:23:58 → 00:24:01 อาจจะมองเห็นค่อยชัมีชักในตำแหน่งของ
00:24:01 → 00:24:04 อย่างเช่นชักที่ตำแหน่งของมุกปากใบหน้าใ
00:24:04 → 00:24:07 อ่าหน้ามืออ่ะหลังจากนั้นก็ค่อยลามไปทั้ง
00:24:07 → 00:24:11 ตัวอืจริงๆการชักถ้าเกิดว่าเราเราแบ่งได้
00:24:11 → 00:24:13 หลายหลายหลายรูปแบบนะครับแต่รูปแบบที่เรา
00:24:13 → 00:24:15 จะแบ่งทางการแพทย์ก็จะมีอยู่แบ่งเป็นแบบ 1
00:24:15 → 00:24:19 คือชักเป็นแค่บางส่วนกับชักทั้งตัวโอซึ่ง
00:24:19 → 00:24:21 ชักบางส่วนเนี่ยคนไข้อาจจะมีอาการชักได้
00:24:21 → 00:24:23 อย่างเงี้ยสมมติสมมุติว่ามือผมเนี่ย
00:24:23 → 00:24:26 กระตุกอยู่ผมยังมีสติผมยังคุยกับพี่หยก
00:24:26 → 00:24:29 ได้อยู่ค่ะแต่ถ้าเกิดว่ามันหยุด
00:24:29 → 00:24:31 ก็จบออแต่ถ้าเกิดว่าอาการชักที่มันเริ่ม
00:24:31 → 00:24:34 ต้นจากเ่อบางส่วนของสมองครับมีมือกระตุก
00:24:34 → 00:24:36 อยู่อย่างเงี้ยแล้วมันไม่หยุดอ่ะแล้วมัน
00:24:36 → 00:24:39 ลามมันลามไปสมองอีกข้างนึงผมชักทั้ง 2
00:24:39 → 00:24:41 ข้างจังหวะที่มันไปทั้ง 2 ข้างอ่ะผมไม่
00:24:41 → 00:24:43 ได้สติละเพราะสมอง 2 ข้างสมองข้างเดียว
00:24:43 → 00:24:46 ถูกช็อตมันยังพอมีสติอยู่แต่ถ้าเกิดสมอง 2
00:24:46 → 00:24:49 ข้างถูกช็อตสติมันไม่เหลือลครับคนไข้ก็จะ
00:24:49 → 00:24:52 ไม่มีสติแล้วอพออย่างเงี้ยค่ะคนส่วนใหญ่
00:24:52 → 00:24:54 เนี่ยที่เขาเป็นกันมาตอนที่เขาชักอ่ะโอเค
00:24:54 → 00:24:58 เขาหายและเควรที่บ้านควรพาไปหาคุณหมอเลย
00:24:59 → 00:25:02 มยหรือยังเฉยๆดูอาการพักหายใจก่อนหรือ
00:25:02 → 00:25:04 กลัวว่าเดี๋ยวมันชักอีกรอให้มันเต็มที่
00:25:04 → 00:25:06 ค่อยไปหาหรือชักหนเดียวไปหาคุณหมอเลยอ่า
00:25:06 → 00:25:08 โอเคอย่างแรกเลยครับถ้าเกิดเป็นชักครั้ง
00:25:08 → 00:25:12 แรกไม่เคยชักมาก่อนอยู่ดีๆชักพาไปหามอเลย
00:25:12 → 00:25:14 ครับเพราะว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าสาเหตุ
00:25:14 → 00:25:17 ที่แท้จริงอ่ะมันมีมันมันเกิดจากอะไรอือ
00:25:17 → 00:25:20 ไม่ไม่อาจจะรู้ว่าเฮ้ยคนนี้เขาเล่นยาเสพ
00:25:20 → 00:25:22 ติดมาหรือเปล่าคนนี้เขาอดนอนหรือเปล่าคน
00:25:22 → 00:25:24 นี้เขากินเหล้าหนักหรือเปล่าใช้สารเสพติด
00:25:24 → 00:25:26 หรือเปล่าหรือมีเลือดออกในสมองหรือเป็น
00:25:26 → 00:25:30 โรคอะไรในสมองหรือเป็นพยาธเป็นก้อนเนื้อ
00:25:30 → 00:25:32 เป็นมะเร็งจากที่อื่นกระจายมาสมองสิ่งที่
00:25:32 → 00:25:34 พูดเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้ชักได้หมด
00:25:34 → 00:25:36 เลยเพราะฉะนั้นชักครั้งแรกมีความสำคัญมาก
00:25:36 → 00:25:38 ที่ต้องพาไปโรงพยาบาลครับอย่างน้อยจะได้
00:25:38 → 00:25:41 รู้ว่าในหัวเนี่ยมีของหรือไม่มีของถ้า
00:25:41 → 00:25:45 เกิดมีของจะได้จัดการเช่นมีเลือดออกมี
00:25:45 → 00:25:48 เนื้องอกมีมะเร็งมีติดเชื้อก็ต้องจัดการ
00:25:48 → 00:25:50 ไปแต่ถ้าเกิดว่าตรวจแล้วมันไม่มีของมัน
00:25:50 → 00:25:53 อาจจะชักจากการที่คุณอดนอนชักจากการที่
00:25:53 → 00:25:56 คุณเอ่อดื่มเหล้าอย่างเงี้ยมันเป็นสาเหตุ
00:25:56 → 00:26:00 ที่มันเข้ามาแล้วก็ผ่านไปถ้าไม่ทำอีกมัน
00:26:00 → 00:26:02 ก็คงไม่เกิดขึ้นอีกค่ะแบบนี้เป็นต้นครับ
00:26:02 → 00:26:04 แล้ววิธีการตรวจอ่ะคะคนส่วนใหญ่จะบอกว่า
00:26:04 → 00:26:06 ถ้าเป็นเรื่องสมองโูต้องเสียตังค์แพงแน่ๆ
00:26:06 → 00:26:09 เลยต้อง MRI หรือ CT สแกนหรือเปล่าสำหรับ
00:26:10 → 00:26:13 การตรวจของลมชักเนี่ยค่ะคุณหมอเป็นการชัก
00:26:13 → 00:26:16 แบบว่าซักถามอาการในเบื้องต้นก็รู้เลย
00:26:16 → 00:26:18 หรือว่ายังไงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อยู่ดี
00:26:18 → 00:26:20 คะอือย่างงี้ครับตัว
00:26:20 → 00:26:24 เอ่ออย่างแรกเลยการการที่จะดูว่าคนไข้ชัก
00:26:24 → 00:26:28 หรือไม่ชักนะครับถ้าดีที่สุดเลยคือเห็นณ
00:26:28 → 00:26:31 หน้างานอโอเคแต่ณหน้างานมาถึงโรงพยาบาล
00:26:31 → 00:26:33 แล้วมันหยุดชักไปแล้วอ่ะการที่มีคลิป
00:26:33 → 00:26:35 วีีดีโอถ่ายมาในมือถือหรือกล้องวงจรปิด
00:26:35 → 00:26:37 ที่บ้านจะเป็นสิ่งที่ช่วยได้ดีมากเพราะ
00:26:38 → 00:26:40 ว่าอาการชักต่างๆเนี่ยถ้ามันง่ายๆเลยฮะ
00:26:40 → 00:26:44 หมอคือตำรวจอ่ะชักคือผู้ร้ายถ้ามันจับได้
00:26:44 → 00:26:46 ซึ่งหน้ายังไงมันก็คือผู้ร้ายจับได้คา
00:26:46 → 00:26:48 หนังคาเขาแต่ถ้าเกิดว่ามาโรงพยาบาลแล้ว
00:26:48 → 00:26:51 อ่ะมันไม่มีผู้ร้ายแล้วอ่ะหมอคือกลายเป็น
00:26:51 → 00:26:54 หน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้าไปดูว่ามันมีโร่ง
00:26:54 → 00:26:56 รอยอะไรที่มันเหมือนชักหรือเปล่าหมอต้อง
00:26:56 → 00:26:59 ดูว่าณตรงนั้นมีอารออกอ่อนแรงหรือมีอาการ
00:26:59 → 00:27:02 หลังเหมือนเหมือนหลังชักมยดูลิ้นว่ามีรอย
00:27:02 → 00:27:04 กัดมีปากอะไรกัดหรือเปล่าไปดูหลักฐานที่
00:27:04 → 00:27:07 หลงเหลือและก็ได้แต่ว่าสงสัยว่าโจรขึ้น
00:27:07 → 00:27:11 บ้านนะสงสัยว่าเป็นโรคลมชักอ่ะงั้นขอตรวจ
00:27:11 → 00:27:14 เพิ่มเติมอาจจะพิจารณาทำ CT สแกนหรือว่า
00:27:14 → 00:27:16 MRI อันนี้แล้วแต่หน้างานหรือว่าแล้วแต่
00:27:17 → 00:27:19 คนไข้ในแต่ละเคสตามความเหมาะสมนะครับต้อง
00:27:19 → 00:27:22 สแกนสมองดูว่ามีความผิดปกติด้านโครงสร้าง
00:27:22 → 00:27:25 หรือเปล่าเช่นเนื้องอกเหือดออกพยาธติด
00:27:25 → 00:27:28 เชื้อออืมะเร็งแพร่กระจายแบบนี้เป็นต้นนะ
00:27:28 → 00:27:30 ครับแล้วก็มีมากกว่านี้อีกฮะเป็นการติด
00:27:31 → 00:27:34 เคลื่อนไฟฟ้าสมองออเอาคนไข้ไปที่เครื่อง
00:27:34 → 00:27:37 นะครับแล้วก็ติดติดติดอิเล็กโทรดที่หัว
00:27:37 → 00:27:39 เนาะอาจจะเหมือนในหนังเลยอ่ะเหมือนที่เขา
00:27:39 → 00:27:41 แบบว่าแบบ Sleep Test ก็คือเป็นเหมือน
00:27:41 → 00:27:44 Test ใช่ฮใช่ซึ่งเครื่องของ Sleep เสกับ
00:27:44 → 00:27:47 เครื่องของตรวจเ่อโรคลมชักเนี่ยบางทีเป็น
00:27:47 → 00:27:49 เครื่องเดียวกันอมันสามารถทำได้ทั้ง 2 ดู
00:27:49 → 00:27:52 ไฟ้าใช่ครับดูคลื่นไฟฟ้าว่ามีคลื่นมี
00:27:52 → 00:27:54 คลื่นชักหรือเปล่าอต้องบอกก่อนบางคนแบบ
00:27:54 → 00:27:56 เฮ้ยกลัวมากเลยอ่ะดูดูหนังเยอะไปบอกว่า
00:27:56 → 00:28:00 เอ่อตรวจขึไฟฟ้าสมองเนี่ยหมออ่านใจฉันออก
00:28:00 → 00:28:03 หรือเปล่าอ่านใจไม่ออกนะฮะคลื่นเป็นคลื่น
00:28:03 → 00:28:06 ยึกๆยูๆอย่างเดียวเนี่ยโอเคคลื่นยึกๆยืๆ
00:28:06 → 00:28:08 ตรงนี้เนี่ยหมอก็จะดูได้ว่าเฮ้ยมันเป็น
00:28:08 → 00:28:12 คลื่นที่คนไข้หลับอยู่คนไข้ตื่นอยู่หรือ
00:28:12 → 00:28:15 มันเป็นคลื่นของโรคลมฉักเราก็สามารถดูได้
00:28:15 → 00:28:18 นะครับก็จะเป็นชเป็นตัวนึงที่ช่วยในการ
00:28:18 → 00:28:20 วินิจฉัยใช้คำว่าช่วยในการวินิจฉัยนะครับ
00:28:20 → 00:28:22 การวินิจฉัยหลักยังคงอยู่ที่การซัก
00:28:22 → 00:28:25 ประวัติการตรวจร่างกายแล้วก็การเห็นหลัก
00:28:25 → 00:28:27 ฐานหรือการเห็นหนหน้างานว่าคนไข้มีอาการ
00:28:27 → 00:28:31 ชาอืการตรวจเครื่นไฟฟ้าสมองการตรวจเ่อ CT
00:28:31 → 00:28:35 หรือ MRI ก็เป็นแค่ตัวที่ซัพพอร์ตหรือ
00:28:35 → 00:28:38 เป็นตัวที่ช่วยในการวินิจฉัยครับอือ่ะพอ
00:28:38 → 00:28:41 เราคุณหมอพิสูจน์หลักฐานครบะหลักฐานอยู่
00:28:41 → 00:28:43 กับในมือะกระบวนการกว่าจะอยู่ในมือนี่มัน
00:28:43 → 00:28:46 ใช้เวลานานมั้ยคะหลักขบวนการสแกนสมองอาจ
00:28:47 → 00:28:49 จะใช้เวลาไม่นานครับอาจจะใช้เวลาไม่กี่
00:28:49 → 00:28:52 นาทีจนถึงไม่กี่ชั่วโมงอืส่วนคืนไฟฟ้า
00:28:52 → 00:28:54 สมองก็ตรวจอย่างน้อยก็ใช้เวลาอย่างน้อย
00:28:54 → 00:28:56 ประมาณสักชั่วโมงนึงพร้อมกับว่าอาจจะต้อง
00:28:56 → 00:28:59 ดูว่าแปลผลได้เลยหรือเปล่าถ้าเกิดแปลผล
00:28:59 → 00:29:02 ได้เลยก็ก็รู้ณหน้างานเลยอืครับแล้วเมื่อ
00:29:02 → 00:29:04 มาถึงแบบเค่ะในเบื้องกระบวนการของการ
00:29:04 → 00:29:07 รักษาวินิจฉัยจ่ายยาทันทีหรือว่าต้องเ
00:29:07 → 00:29:09 ต้องปรับตัวอะไรหรือเปล่าเต้องไปแก้ไข
00:29:09 → 00:29:11 อะไรยังไงอย่างแรกเลยครับถ้าเกิดว่ามี
00:29:11 → 00:29:13 อาการชักเนาะหรือพิสูจน์ได้ว่าเฮ้ยชัก
00:29:13 → 00:29:15 จริงๆไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามให้ยา
00:29:15 → 00:29:17 กันชักครับออ admit นอนโรงพยาบาลสังเกต
00:29:17 → 00:29:20 อาการแล้วก็จัดการกับสาเหตุถ้าเกิดมี
00:29:20 → 00:29:23 เนื้องอกหรือมีเลือดออกก็ไปผ่าตัดนะฮะอื
00:29:23 → 00:29:26 มีเนื้องอกก็ไปผ่าตรงผ่าตัดอะไรไปนะฮะ
00:29:26 → 00:29:28 ซึ่งแต่ถ้าเกิดว่าไม่ไม่ใช่เนื้องอกไม่
00:29:28 → 00:29:31 ใช่สิ่งที่ต้องไปผ่าสมองก็เป็นการหา
00:29:31 → 00:29:34 สาเหตุอื่นๆมีติดเชื้อมั้ยอ่ะให้ยาฆ่า
00:29:34 → 00:29:37 เชื้อมีเกลือแร่ในร่างกายที่มันต่ำหรือ
00:29:37 → 00:29:40 สูงเกินไปก็แก้เกอแร่ตรงนั้นแบบนี้เป็น
00:29:40 → 00:29:42 ต้นครับหรือใช้ยาเกินขนาดก็ล้างธงล้าง
00:29:42 → 00:29:45 ท้องอะไรว่ากันไปวงรอบของการชักอ่ะค่ะรอบ
00:29:45 → 00:29:49 หนึเรามีรอบหนึไปและรอบ 2 มันจะมาถี่มั้ย
00:29:49 → 00:29:51 คะมันจะบอกมันสามารถพยากรณ์ได้มั้ยคำถาม
00:29:51 → 00:29:53 นี้ดีมากเลยครับพี่หยกก็ต้องดูว่าสาเหตุ
00:29:53 → 00:29:55 มันเกิดจากอะไรถ้าเกิดเป็นสาเหตุที่มัน
00:29:55 → 00:29:57 ยังแก้ไขไม่ได้เช่นเนื้องอกยังไม่ได้ผ่า
00:29:57 → 00:30:00 ตัดยังไม่ได้เอาออกอก็ต้องให้ยาการชักไป
00:30:00 → 00:30:04 ก่อนอืหวังว่ายาการชักที่ให้ไปจะเพียงพอ
00:30:04 → 00:30:07 มากพอแล้วก็เพียงพอที่จะควบคุมอาการชัก
00:30:07 → 00:30:09 ได้อแต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นในกลุ่มของอาการ
00:30:10 → 00:30:12 ที่มันแวะเวียนมาประเดี๋ยวประดาเช่นคุณ
00:30:12 → 00:30:15 ภัทรดนัยไปดื่มเหล้ามาหนักมากอดหลับอดนอน
00:30:15 → 00:30:18 ถ้าเกิดคุณพัฒนในยไม่ทำแบบนั้นอีกโอกาส
00:30:18 → 00:30:21 ชักก็น้อยลงใช่ครับลงไอ้การชักจากสาเหตุ
00:30:21 → 00:30:25 ที่มันสามารถเลิกได้หายได้เนี่ยมันมันจะ
00:30:25 → 00:30:28 ต่างจากโรคลมชักมั้ยพี่หมออย่างสมอเมื่อ
00:30:28 → 00:30:31 กี้ผมสนใจตรงที่พักผ่อนน้อยอยครับอ่าพัก
00:30:31 → 00:30:33 ผ่อนน้อยนี่มันก็ชักชักได้นะครับจริงเหรอ
00:30:33 → 00:30:36 พี่มันยังไงไฟฟ้ารดวงจรได้นะฮะมันเป็นยัง
00:30:36 → 00:30:38 ไงสมมติสมมติอ่ะสมมุติถ้าผมนอนน้อยผมนอน
00:30:38 → 00:30:40 สัก 2 ชั่วโมงดูบอลอย่าเงี้ยแล้ววันรุ่ง
00:30:40 → 00:30:42 ขึ้นต้องมาทำงานอะไรอย่างเงี้ยถ้ามันจะ
00:30:42 → 00:30:46 ชักกาวขาเช้าใช่มั้ยครับพี่ดรีมจุดเฮ้ยทำ
00:30:46 → 00:30:49 งานปกติก่อนสิออๆโอเคโอคฮะจุดที่มันจะทำ
00:30:49 → 00:30:53 ให้เราเกิดอาการชักได้จากไอ้สาเหตุไอ้พวก
00:30:53 → 00:30:55 เครับมันมันมาจากอะไรพี่หมอมันไม่มี
00:30:55 → 00:30:57 สัญญาณเตือนนะครับพี่ดรมมันจะชักมัน
00:30:57 → 00:30:59 กระชักของเลยรเหรออ่าจริงมันไม่มีสัญญา
00:30:59 → 00:31:02 เตือนเช่นแบบว่าปิ้งปองอีก 30 นาทีคุณ
00:31:02 → 00:31:05 ภัทรนจะมีอาการชมันไม่ได้มีสัญญาแบบว่า
00:31:05 → 00:31:08 แบบเหมือนเหมือนเริ่มตัวมือกระตุกก่อนมือ
00:31:08 → 00:31:10 กระตุกก่อนถ้าเกิดมือกระตุกก่อนอันนมือ
00:31:10 → 00:31:12 กระตุกอันนี้คือชักแล้วอ่าแต่อาจจะเป็น
00:31:12 → 00:31:15 แค่ชักแบบเพิ่งเริ่มแล้วก็กำกำลังกำลัง
00:31:15 → 00:31:19 กำลังจะใหญแต่เพียงแค่ว่าบางครั้งเนี่ยจะ
00:31:19 → 00:31:23 มีอาการนำมาก่อนอาการนำเราเรียกว่าอ่าอ่า
00:31:23 → 00:31:25 เหมือนยี่ห้อน้ำดื่มเลยฮะหรืออ่าเหมือน
00:31:25 → 00:31:28 กับอาการนำของไมเกรนอ้อเหมือนกับอาการนำ
00:31:28 → 00:31:31 ของไมเกรนเลยซึ่งซึ่งอาการตรงนี้นะครับ
00:31:31 → 00:31:33 หลายๆคนอาจจะมีความแตกต่างกันไปเช่นรู้
00:31:33 → 00:31:37 สึกหวิวๆโหวงๆขนลุกหรือรู้สึกกลัวเป็น
00:31:37 → 00:31:40 อาการนำได้หมดเลยนะครับซึ่งแต่ละคนจะมี
00:31:40 → 00:31:43 ความจำเพาะไม่เหมือนกันแต่อาการนำมาปุ๊บ
00:31:43 → 00:31:45 แป๊บเดียวแป๊บคำว่าแป๊บเดียวคือภายในไม่
00:31:45 → 00:31:48 กี่วินาทีหรือไม่กี่นาทีมันก็ชักเลยอืออ
00:31:48 → 00:31:51 เพราะฉะนั้นณตอนนั้นคงคงคงทำคงงั้นเดี๋ยว
00:31:51 → 00:31:54 ผมผมพดานในขอลาไปนอนก่อนไม่ทันครับพี่ีม
00:31:54 → 00:31:58 ชักแล้วอ๋อชักไปแล้วหรอใช่ครับคือสนใจตรง
00:31:58 → 00:32:00 ที่พี่หมอพูดไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าในช่วง
00:32:00 → 00:32:03 ชีวิตหนึ่งของคนเราครับมันจะมีโอกาสมี
00:32:03 → 00:32:06 โอกาสมีโควต้าแต่ผมก็ไม่อยากใช้โควต้านะ
00:32:06 → 00:32:09 เออเคยมั้ยพี่หมอเคยรึยังยังยังไม่เคยอ่ะ
00:32:09 → 00:32:12 เคยเคยแต่รักษาคนไข้นะฮอยู่ดีๆมาถามหมอ
00:32:12 → 00:32:15 ว่าหมอชก็ไม่รู้ไงก็ถามหนยช่วงชีวิตนึง
00:32:15 → 00:32:18 อะไรอย่างเงี้ต้องต้องบอกว่าคือคือการการ
00:32:18 → 00:32:20 ที่เป็นอาการชักหรือโรคลมชักเนี่ยผม
00:32:20 → 00:32:23 พยายามเน้นว่านี่คืออาการนะนี่คือโรคนะ
00:32:23 → 00:32:26 เพราะสมมุตินึกถึงฮะสมมุติว่าอพี่ดรีมจะ
00:32:26 → 00:32:29 แต่งงานครับถ้าเกิดบ้านบ้านแฟนรู้ว่าพี่
00:32:29 → 00:32:32 ดีเป็นโรคลมชักอ่ะคิดหนักมั้ยเออเขาก็คง
00:32:32 → 00:32:34 จะแบบว่าเฮ้ยเออเฮ้ยฉันจะส่งลูกสาวฉัน
00:32:35 → 00:32:37 ต้องไปดูแลคนป่วยหรือเปล่าหรือว่าลูกหลาน
00:32:37 → 00:32:39 จะออกมาเป็นยังไงบ้านนั้นเคิดแล้วเออมชัก
00:32:40 → 00:32:41 ก็ดีสมบัติจะได้อยู่กับเราเต้องคิดอย่าง
00:32:42 → 00:32:45 เงี้แน่นอนอ่ะไม่มีทางความจริงมาพูดคุณ
00:32:45 → 00:32:48 หยกไม่เอาสิคุณหยกเบอกว่าพ้อดูแลคุณอัน
00:32:48 → 00:32:50 นี้คือยเป็นยังเป็นฝั่งผู้ชายถ้าเกิดว่า
00:32:50 → 00:32:53 เป็นคุณสุภาพสตรีฉักเฮ้ยจะมีลูกได้มั้ย
00:32:53 → 00:32:57 เอออ้าท้องแล้วชักได้รือเปล่าซึ่งอันนี้
00:32:57 → 00:32:59 คิดหนักกว่าเดิมเออคิดหนักกว่าเดิมนะฮ
00:32:59 → 00:33:02 เพราะฉะนั้นการที่หมอจะบอกว่าคุณเป็นแค่
00:33:02 → 00:33:05 อาการชักกับคุณเป็นโรคลมชักเนี่ยมันยิ่ง
00:33:05 → 00:33:08 ใหญ่มากสำหรับคนไข้นะมันยิ่งใหญ่มากนะ
00:33:08 → 00:33:09 เพราะฉะนั้นต้องอยู่ในมือของคุณหมอเฉพาะ
00:33:09 → 00:33:13 ทางแล้วก็ค้นหาสาเหตุให้เจอว่าเนี่ยมัน
00:33:13 → 00:33:15 เป็นแค่อาการหรือเป็นแค่อาการหรือภาวะ
00:33:16 → 00:33:18 หรือเป็นโรคลมชักที่คุณต้องกินยาถ้าเกิด
00:33:18 → 00:33:21 เป็นโรคลมชักแล้วเนี่ยนะครับการกินยาต้อง
00:33:21 → 00:33:24 ขออย่างน้อยต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปีอู้หู
00:33:24 → 00:33:28 5 ปีนาปีโดยที่ 5 ปีนั้นคุณไม่มีอาการ
00:33:28 → 00:33:32 ชักแล้วหยุดยาไปอีก 5 ปีโอคือปีที่ 6 รึง
00:33:32 → 00:33:36 ปีที่ 10 พอพ้นปีที่ 10 ตลอด 10 ปีนี้กิน
00:33:36 → 00:33:38 ยา 5 ปีแรกอีก 5 ปีหลังไม่กินยาแล้วไม่มี
00:33:38 → 00:33:41 อาการชักเลยถอนครับว่าโรคลมชักออกจากโรค
00:33:41 → 00:33:44 ประจำตัวโอ้โหกว่าจะถอนเนี่ยมันสอดคล้อง
00:33:44 → 00:33:46 กับที่มีคุณผู้ฟังทางบ้านเี่ก็ก็แชร์
00:33:46 → 00:33:49 ประสบการณ์มาเหมือนกันครับพี่หมอบิ้วยัง
00:33:49 → 00:33:53 ไฮคุณพี่บีเาบอกว่าเาเคยมสลมอ่าแล้วก็หัว
00:33:53 → 00:33:56 เนี่ยไปฟาดพื้นหลังจากนั้นก็มีอาการชัก
00:33:56 → 00:33:59 ต้องกินยาตลอดแล้วโมีอยู่ครั้งนึงคุณหมอ
00:33:59 → 00:34:03 ไม่จ่ายยากันชักมาให้สักพักกลับมาชักใหม่
00:34:03 → 00:34:06 โอครับจนตอนนี้เนี่ยต้องกินยาเนี่ยตลอด
00:34:06 → 00:34:08 เลยเลยตลอดอ่าใช่ครับเพราะว่าบางครั้ง
00:34:08 → 00:34:11 เนี่ยนะครับบางครั้งบางครั้งที่อาจจะไม่
00:34:11 → 00:34:13 ได้อยู่ในมือของคุณหมอเฉพาะทางหรือว่าคุณ
00:34:13 → 00:34:17 หมอคิดว่าคิดว่ารอยแผลจากในสมองคือทุกๆ
00:34:17 → 00:34:19 อย่างมีสิทธิ์คิดได้นะครับรอยแผลจากใน
00:34:19 → 00:34:21 สมองเองเนี่ยอาจจะไม่ได้ประทับตาไว้เป็น
00:34:21 → 00:34:25 โรคลมชักจะเป็นแค่ภาวะชักก็ได้เราให้
00:34:25 → 00:34:27 โอกาสคนไข้ทุกคนไม่อยากกินยาระยะยาวใช่
00:34:28 → 00:34:29 แต่ถ้าเกิดว่าโอเคงั้นเดี๋ยวเรามาลองกัน
00:34:29 → 00:34:33 นะสมมติว่ามีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วผม
00:34:33 → 00:34:36 เป็นหมอผมต้องจ่ายยาคชักให้พี่ดรมเพราะ
00:34:36 → 00:34:38 ว่าพี่ดรมมีอุบัติเหตุครับพอจ่ายสเอ้ยกิน
00:34:38 → 00:34:41 ยาไปสัก 3 เดือนเอางี้คุณพัฒนนนยเดี๋ยว
00:34:41 → 00:34:43 เรามาลองกันหมอก็ไม่อยากให้คุณกินยาระยะ
00:34:43 → 00:34:47 ยาวเดี๋ยวเราหยุดยาเนาะถ้าเกิดว่าไม่ชัก
00:34:47 → 00:34:50 ก็รอดไปก็แล้วไปแต่ถ้าชักก็ต้องกินยานะ
00:34:50 → 00:34:54 ครับโอเคเนาะมาลองกันลองปุ๊บถ้าคุณภัทรน
00:34:54 → 00:34:57 จุดหนึ่งรอดไปได้ก็ไม่ต้องกินยาถ้าคุณ
00:34:57 → 00:35:00 ภัทรดนัยจุด 2 ชักคุณพัฒนคนที่ 2 ก็กิน
00:35:00 → 00:35:04 หญ้าไปออของคุณบีน่าจะเป็นแบบแบบที่2บใช่
00:35:04 → 00:35:07 ครับคงผ่านการลองมาแล้วว่าพอรองรับปุ๊บ
00:35:07 → 00:35:09 ชักงั้นก็โอเคครับกินยาต่อเนื่องนะครับ
00:35:09 → 00:35:12 งั้นก็คงจะต้องดูไปอีกคุณหมอไม่สามารถรู้
00:35:12 → 00:35:14 ได้เลยครับว่าดูโหงเฮ้งหรือจับเนื้อต้อง
00:35:14 → 00:35:16 ตัวแล้วบอกว่าคนนเนี้ยต้องกินยาตลอดต้อง
00:35:16 → 00:35:19 กินยายาวบอกไม่ได้ครับต้องเป็นการทดลอง
00:35:19 → 00:35:23 ร่วมกันมีบางเคสที่ผมมมีมีบางเคสที่ผมลด
00:35:23 → 00:35:26 ยาเ้าจนเหลือน้อยมากจนจนบอกบอกว่าหมอบอก
00:35:26 → 00:35:28 ตามตรงว่ายาแค่เม็ดเดียวที่คุณกินอยู่อ่ะ
00:35:28 → 00:35:31 ถ้ามันจะชักอ่ะมันคุมชักไม่ได้หรอกแต่ที่
00:35:31 → 00:35:33 คุณกินอยู่เพื่อความสบายใจอกินมานานขนาด
00:35:33 → 00:35:36 เนี้ยหมอคิดว่าน่าจะหยุดได้แล้วกี่ปีคุณ
00:35:36 → 00:35:39 หมอหเกิน 5 ปีครับอเพราะว่าซึ่งซึคนไข้ก็
00:35:39 → 00:35:43 จะบอกว่าไม่เอาอ่ะหมอกลัวเอออ่ะก็บอกแล้ว
00:35:43 → 00:35:46 แต่นะเพราะว่าหมอหมอเข้าใจคนไข้เพราะว่า
00:35:46 → 00:35:49 เวลาคนที่ชักอ่ะหมอไม่ได้ชักเค้าอ่ะชัก
00:35:49 → 00:35:53 เราก็ต้องใจเใจเราแต่จากโอเคจากข้อมูลทาง
00:35:53 → 00:35:56 วิชาการตำราความรู้หรือประสบการณ์บอกว่าณ
00:35:56 → 00:35:58 มิ่งณเวลาตอนเนี้ยเราดูกันมา 5 ปีแล้วอ่ะ
00:35:58 → 00:36:01 หมอว่าถอยยาหรือว่าหยุดยาได้แล้วมันอุ่น
00:36:01 → 00:36:06 ใจเหมือนกำพระอ่ะอ่ากำพระเออเอมียาไว้มัน
00:36:06 → 00:36:09 ก็เป็นเครื่องอ่านะบางคนบอกว่ายังไม่ได้
00:36:09 → 00:36:12 ตากฝนมาครับกินยาดักไว้ก่อนก็อันนี้
00:36:12 → 00:36:14 เหมือนกันอันนี้ก็คนคนเราจะมีความเชื่อ
00:36:14 → 00:36:18 แบบนี้ป่ะมันจะแคุณคุณหมอบอกว่าพอเถอะไม่
00:36:18 → 00:36:20 เอาแต่ว่าหรือถ้าเป็นถ้าเป็นคนไข้ที่เป็น
00:36:20 → 00:36:23 ผู้สูงอายุอ่ะค่ะก็จะแบบขอติดไว้สักหน่อย
00:36:23 → 00:36:27 ก็งดีใช่ไม่เป็นไรแต่ว่าจริงๆแล้วทุก
00:36:27 → 00:36:30 อย่างกินไปนานๆมันก็ไม่อยากให้กินอยากให้
00:36:30 → 00:36:32 เป็นคนปกติอ่ะนะคะตจะได้ทำไมแต่แต่มีบาง
00:36:32 → 00:36:36 อาชีพนะที่หมอจะบังคับให้คนไข้กินไปตลอด
00:36:36 → 00:36:39 คือเช่นคนที่ต้องรับผิดชอบกับชีวิตคนเยอะ
00:36:39 → 00:36:42 ๆครับออ่ะลองนึกภาพนักบินอ่ะค่ะอ่ะนักบิน
00:36:42 → 00:36:46 คนขับรถเมล์อืคนที่ต้องดูแลเกี่ยวกับ
00:36:46 → 00:36:48 สาธารณะครับหรือทำงานในที่สูงเช่นคนที่
00:36:48 → 00:36:52 ต้องแบบปีนต้นไม้ปีนเสาไฟฟ้านักผจญเพลิง
00:36:52 → 00:36:55 นักดับเพลิงที่เขาต้องเห้ามชักในทุก
00:36:55 → 00:36:59 สถานการณ์น่ะอือ่าหรือว่าบางคคนบางคนแบบ
00:36:59 → 00:37:02 คิดง่ายๆเลยฮะอาชีพที่ต้องอยู่กับความ
00:37:02 → 00:37:07 เสี่ยงอ่ะไฟฟ้าความร้อนความสูงน้ำแบบ
00:37:07 → 00:37:11 เนี้ยเป็นต้นต้องเป็นการดที่อยู่ในชาย
00:37:11 → 00:37:14 ฝั่งอะไรเงี้ยฮะเชักไม่ได้ถ้าเคชักเกลาย
00:37:14 → 00:37:16 เป็นผู้ประสบภัยทันทีช่วยจจากผู้ช่วยจาก
00:37:17 → 00:37:19 ผู้ช่วยเหลือจากกู้ภัยกลายเป็นประสบภัย
00:37:19 → 00:37:22 ทันทีเพราะฉะนั้นบางอาชีพบางอาชีพเขาก็จะ
00:37:22 → 00:37:24 สกรีนนิ่งก่อนทำงานเหล่านั้นเลยว่าคุณ
00:37:24 → 00:37:26 ห้ามเป็นโรคลมชักอ่าเหมือนอันนี้เลยค่ะ
00:37:26 → 00:37:29 ที่เขาบอกว่าใบขับขี่ทุกวันนี้ก็ยังคง
00:37:29 → 00:37:31 เป็นอยู่ใช่มคะใบขับขี่มีอย่างนี้ครับแต่
00:37:31 → 00:37:34 ว่าโดยทั่วๆไปเนี่ยใบขับขี่เนี่ยก็จะให้
00:37:34 → 00:37:37 คำแนะนำว่าอย่างน้อยนะคุณต้องคอนโทรลชัก
00:37:37 → 00:37:41 ได้อย่างน้อย 1 ปีอืชักได้แปลว่าอย่าควบ
00:37:41 → 00:37:44 คุมควบคุมอาการชักได้ไม่ว่าจะคุณจะกินยา
00:37:44 → 00:37:46 หรือไม่กินยาก็ตามนะครับต้องต้องชอร์ฟรี
00:37:46 → 00:37:48 หรือว่าไม่ชักอย่างน้อย 1 ปีรับผิดชอบ
00:37:48 → 00:37:52 ชีวิตสูงชักคีมันชนเคยเราดูข่าวชนกัน 5-6
00:37:52 → 00:37:56 คันอใช่ 1 คือตัวคุณบาดเจ็บ 2 คนในรถคทำ
00:37:56 → 00:38:00 ให้คนอื่นบาดเจ็บเยอศิอื 4 คู่กรณีใช่ 5
00:38:00 → 00:38:04 ชีวิตคู่กรณีใช่เพียบ 6 ของหลวงเนี่ยชัก
00:38:04 → 00:38:07 ทีนึงเสียหาย 6 อย่างอ่ะเออนะครับแล้วจะ
00:38:07 → 00:38:09 หงายการเป็นโรครมชักก็ไม่ได้นะไม่ได้เออ
00:38:09 → 00:38:12 เดี๋ยวนี้เดี๋ยวนี้มันมันมีมันมีการคัด
00:38:12 → 00:38:14 กรองต่างๆที่ที่เข้มข้นมากขึ้นนะครับใจ
00:38:14 → 00:38:17 เ้าใจเราครับใจเใจเราก็ต้องต้องดูแลตัว
00:38:17 → 00:38:19 เองให้ดีรับผิดชอบตัวเองรับผิดชอบคนอื่น
00:38:19 → 00:38:21 ด้วยอันนี้มีคุณผู้ฟังทางบ้านอันนี้ถ่า
00:38:21 → 00:38:23 อันนี้พี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องยาก
00:38:23 → 00:38:27 หรือเปล่าคนไข้ติดเตียงที่เปลี่ยนท่าทาง
00:38:27 → 00:38:30 จากนอนแล้วมานั่งยืนนเร็วแล้วชักครับเกิด
00:38:30 → 00:38:34 จากอะไรคะเดิมไม่เคยชักคนดูแลจับยืนจับ
00:38:34 → 00:38:37 ยืนแล้วก็โอเคชักอันนี้ตอบได้เลยครับผม
00:38:37 → 00:38:39 อาจจะเป็นไปได้ 2 กรณีครับผมกรณีที่ 1 นะ
00:38:39 → 00:38:42 ครับคือมันเป็นชักจริงๆอืเป็นชักจริงๆ
00:38:42 → 00:38:46 เนาะซึ่งอาจจะเกิดจากเ่อช่วงของการที่จับ
00:38:46 → 00:38:48 คนไข้ลุกขึ้นมานั่งการที่ลุกขึ้นมานั่ง
00:38:48 → 00:38:50 เร็วๆครับกับคนที่นอนติดเตียงมานานนะครับ
00:38:50 → 00:38:53 ระบบประสาทอัตโนมัติเคทำงานไม่ดีอืผลก็
00:38:53 → 00:38:55 คือ
00:38:55 → 00:39:00 ว่าผลก็คือว่าอาการมันจะคล้ายกับขอโทษเอา
00:39:00 → 00:39:02 ใหม่เอาใหม่จูนใหม่จูนใหม่พูดผิดอันนี้
00:39:02 → 00:39:05 คือ 1 คืออันนี้ยังไม่ได้ชักนะไม่ได้ชัก
00:39:05 → 00:39:08 โอเ 1 คือ 1 คือไม่ใช่อาการชักแต่เป็น
00:39:08 → 00:39:11 อาการคล้ายชักครับอาการคล้ายชักคนไข้จะมี
00:39:11 → 00:39:13 อาการเกร็งเหมือนชักเลยแต่จริงๆสาเหตุไม่
00:39:13 → 00:39:15 ใช่ไม่ใช่ชักเพราะว่าอย่างงี้ครับเพราะ
00:39:16 → 00:39:18 ว่าเวลาที่คนไข้นอนติดเตียงนานๆเนี่ยระบบ
00:39:18 → 00:39:21 ประสาทอัตโนมัติไม่ค่อยได้ทำงานพอเวลาจับ
00:39:21 → 00:39:23 ขึ้นมานั่งปุ๊บเลือดลมมันวิ่งขึ้นไปหัว
00:39:23 → 00:39:26 ไม่ทันอืผลก็คือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
00:39:26 → 00:39:30 อ๋อสมองก็เหมือนชัดดาวน์ไปแป๊บนึงจังหวะ
00:39:30 → 00:39:32 ที่จังหวะที่สมองมันชัดดาวน์ไปแป๊บนึงอ่ะ
00:39:32 → 00:39:34 ครับมันจะไม่สามารถกดหรือควบคุมอาการไม่
00:39:35 → 00:39:37 พึงประสงค์บางอย่างได้1ึในนั้นคืออาการ
00:39:37 → 00:39:41 กระตุกอมันรเหมือนชักอืมีมีเยอะครับมี
00:39:41 → 00:39:43 เยอะที่ที่เห็นได้เวลาจับคนแก่ลุกขึ้นั่ง
00:39:43 → 00:39:46 เร็วๆออ่าอันนี้คืออาการที่ไม่ใช่ชักนะ
00:39:46 → 00:39:49 แต่อาการคล้ายชักอย่างที่ 2 คือชักจริงๆ
00:39:50 → 00:39:52 ก็ได้ครับบางทีก็ถูกกระตุ้นด้วยการไปไป
00:39:52 → 00:39:55 กระตุ้นเโดยการเปลี่ยน Position ต่างๆแต่
00:39:55 → 00:39:58 ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแบบที่ 1 มากกว่าอ
00:39:58 → 00:40:00 ออเดี๋ยวเราพักกันสักแป๊บนึงแล้วกันนะ
00:40:00 → 00:40:02 แล้วเดี๋ยวรายการรายการเราต้องพักใช่มั้ย
00:40:02 → 00:40:05 ฮะมีแบมีเบรกมีเบรกอ่าได้ๆแป๊บนึงนะโอเค
00:40:05 → 00:40:09 เอมีหลายคำถามถามกันเข้ามาเยอะเหลือเกิน
00:40:09 → 00:40:11 นะครับเกี่ยวกับเรื่องของโรคลมชักหนึ่งใน
00:40:11 → 00:40:15 นั้นก็คือเดี๋ยวพี่หมอพร้อมจะตอบครับอ่ะ
00:40:15 → 00:40:17 เราเริ่มมาจากที่คำแรกที่เขาถามเลยได้
00:40:17 → 00:40:21 ครับผมผู้ใหญ่เป็นโรคลมชักใหครับกินคีโต
00:40:21 → 00:40:24 จะหายไหมอุ๊ยตายะอันนี้ผมเพิ่งเคยได้ยิน
00:40:24 → 00:40:27 พี่หมอครับคีโตใช่มั้ฮะคีโตหรือหรือว่า
00:40:27 → 00:40:33 คิจิไดเอตนะครับก็เอ่อจริงๆหายมยหายมยก็
00:40:33 → 00:40:36 ต้องบอกว่าหนึ่งในการรักษาโรคลมชักคือการ
00:40:36 → 00:40:40 กินคีโตนะครับอือ่าพี่ดรีมสนใจมั้ยฮะดรีม
00:40:40 → 00:40:44 น่าจะชอบหรือเปล่าการกินคีโตนะครับมการ
00:40:44 → 00:40:46 กินคีโตคือการกินในตระกูลพวกอ่าที่เป็น
00:40:46 → 00:40:49 พวกไขมันไขมันดีป่ะไขมันไขไขมันอย่าง
00:40:49 → 00:40:51 เดียวเลยฮะโดยที่ไม่กินไม่กินแป้งหรือ
00:40:51 → 00:40:53 หลีกเลี่ยงการกินพวกน้ำตาลหรือว่าแป้งไป
00:40:53 → 00:40:56 เลยนะครับซึ่งการกินอาหารในกลุ่มเหล่านี้
00:40:56 → 00:41:00 เนี่ยก็สามารถที่จะช่วยลดการชักได้แต่ๆๆ
00:41:00 → 00:41:03 ต้องแตะไว้ใส่ดอกจันทไว้ 10 ดวงขีดเส้น
00:41:03 → 00:41:06 ใต้ไว้ 3 เส้นว่าวิธีการเหล่านี้เราจะ
00:41:06 → 00:41:09 เลือกใช้ในกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มลมชักที่
00:41:09 → 00:41:12 ดื้อต่อยากันชักครับค่ะหรือล้มเหลวต่อการ
00:41:12 → 00:41:16 เอ่อล้มเหลวต่อการใช้ยาการชักหลายชนิด
00:41:16 → 00:41:19 แล้วหนึ่งในวิธีการที่หมอจะเสนอให้ก็คือ
00:41:19 → 00:41:23 เป็นการกินคีโตครับต้องกินไม่ไม่ไม่ไม่
00:41:23 → 00:41:25 ใช่อย่างแรกนะครับเพราะว่ามันมันใช้ชีวิต
00:41:25 → 00:41:27 ลำบากถ้าเค้าดื้อต้องกินนานมั้ยอ่ะคะกว่า
00:41:27 → 00:41:31 แบบมันจะเอ่อก็คือกินตลอดเลยครับพี่ยก
00:41:31 → 00:41:34 จริงมีมีมีเคสในเมืองนอกที่แบบว่าเา้า
00:41:34 → 00:41:37 เป็นโรคลมชักเนาะแล้วเขากินคีโตคอนโทรลมา
00:41:37 → 00:41:40 อย่างดีเลยแล้วมีบางอย่างบางอย่างไป
00:41:40 → 00:41:42 กระตุ้นที่เขาหลุดชักขึ้นมาอืแล้วก็ไป
00:41:42 → 00:41:45 แอดมิที่โรงพยาบาลอแล้วน้ำเกลือเนี่ยถ้า
00:41:45 → 00:41:48 เป็นน้ำเกลือปกติคือเป็นน้ำกับเกลือแต่
00:41:48 → 00:41:50 เป็นที่น้ำเกลือบางชนิดจะเป็นน้ำเกลือที่
00:41:50 → 00:41:53 มีน้ำตาลด้วยครับค่ะโอเคหมอมีสิทธิ์ให้
00:41:53 → 00:41:56 ทั้ง 2 อย่างได้ไม่ผิดแต่เขาเป็นคนที่กิน
00:41:56 → 00:41:59 คิดโตมาตลอดอืแล้วพอได้น้ำเกลือที่มีน้ำ
00:41:59 → 00:42:02 ตาลเข้าไปชักหนักกว่าเดิมอูยเพราะว่าน้ำ
00:42:02 → 00:42:05 ตาลมันไปกระตุ้นให้ชักได้อ้าจากคนที่เคย
00:42:05 → 00:42:08 ควบคุมแบบแบบ strictly อ่ะครับมันเลยกลาย
00:42:08 → 00:42:11 เป็นแบบนั้นเพราะฉะนั้นการกินคีโตถูกต้อง
00:42:11 → 00:42:14 ครับช่วยลดอาการลมชักได้แต่ต้องเป็น
00:42:14 → 00:42:16 select เสหรือต้องเป็นเคส by cas เท่า
00:42:16 → 00:42:18 นั้นไม่ใช่ว่าเป็นลมชักเท่ากับไปกินคีโต
00:42:18 → 00:42:20 นะครับต้องกินแบบมีความรู้ต้องกินแบบมี
00:42:20 → 00:42:23 นักโชนาการแล้วก็มีคุณหมอควบคุมด้วยก็คือ
00:42:23 → 00:42:26 แล้วแต่กรณีไปกใช่ๆไม่ไม่งั้นแฟทจะเกิน
00:42:26 → 00:42:29 ไม่งั้นแฟจะเกินสารอาหารจะมีปัญหาแล้วก็
00:42:29 → 00:42:31 อาจจะคุมชักไม่ได้ด้วยต้องกินอย่างมี
00:42:31 → 00:42:34 วัตถุประสงค์กินอย่างรู้รอบคอบแล้วก็ปลอด
00:42:34 → 00:42:36 ภัยครับโก็ไม่งๆเหมือนกันเนาะในเรื่องของ
00:42:36 → 00:42:39 การกินคีโตเนี่ยแล้วเมื่อกี้จึงคิดถึง
00:42:39 → 00:42:41 ไฮไลท์ของเราอีกอันค่ะสายเขียวของพี่ดิม
00:42:41 → 00:42:43 สายเขียวสายเขียวที่เราคุยกันว่าเพราะมัน
00:42:43 → 00:42:47 มีแต่ก่อนเราจะชุดเอ่อคามคิดข้อมูลที่แบบ
00:42:47 → 00:42:50 ว่าส่งต่อกันมาเยอะๆว่าน้ำมันกันสวัสดี
00:42:50 → 00:42:54 วันจันทร์เหรอฮะเใช่เอ่อน้ำมันกัญชามัน
00:42:54 → 00:42:57 ช่วยเรื่องของอาการชักเกร็งได้
00:42:57 → 00:43:01 ถูกต้องอยู่ 1 ครับถูกต้องถูกต้องส่วนนึง
00:43:01 → 00:43:03 แต่ไม่ทั้งหมดครับจริงๆถ้าเกิดไปดูข้อโปง
00:43:03 → 00:43:05 ชี้ของกรมการแพทย์ในการให้น้ำมันกัญชาจะ
00:43:05 → 00:43:06 เขียนไว้้เลยว่าเป็น
00:43:06 → 00:43:10 อ่าผมขออนุญาตใช้แปลภาษาไทยที่เข้าใจง่าย
00:43:10 → 00:43:14 ๆนะครับเป็นการรักษาโรคลมชักบางชนิดใน
00:43:14 → 00:43:17 เด็กอืบางชนิดบางชนิดด้วยนะพี่พี่เห็นว่า
00:43:17 → 00:43:20 มันเป็นให้ใช้ในเด็กเด็ในเด็กที่ล้มเหลว
00:43:20 → 00:43:23 ต่อการรักษาด้วยยาแผ่นปัจจุบันอ๋อนั่น
00:43:23 → 00:43:25 หมายความว่าสมมุติว่าตารางยาในการให้
00:43:25 → 00:43:29 รักษารดลมชักมีไม่ได้ผล 10 อย่างกัญชาคือ
00:43:29 → 00:43:31 เบอร์ 11 คือเบอร์สุดท้ายครับก็คือคุณ
00:43:31 → 00:43:34 ต้องผ่าน 1-10 มาแล้วว่ามันไม่ได้คุณถึง
00:43:34 → 00:43:36 มาค่อยเริ่มอันนี้ใช่ครับแล้วมันมีสักกี่
00:43:36 → 00:43:38 เปอร์เซ็นต์่ะคะคนที่เป็นแบบนี้น้อยมาก
00:43:38 → 00:43:41 ครับน้อยมากน้อยมากพี่ดรมน้อยมากพี่หยก
00:43:41 → 00:43:44 น้อยมากเพราะฉะนั้นโอเคกัญชามันเป็นกระแส
00:43:44 → 00:43:47 มันบูมเนาะมันเลยแซงทุกเบอร์ขึ้นมาเป็น
00:43:47 → 00:43:50 เบอร์ 1 แล้วก็ทำให้คนที่ไม่ได้มีอะไรไป
00:43:50 → 00:43:53 ลองแล้วก็ชักมาโรงพาบาลเยอะมากนะครับกลาย
00:43:53 → 00:43:57 เป็นผู้ป่วยลมชักรายใหม่จากสายเขียวหยิบ
00:43:57 → 00:44:00 ออกมาคือเขียวเลยหรืออ้วกออกมาคือเขียว
00:44:00 → 00:44:03 เลยก็มีออืเพราะว่าอะไรเพราะเาไปใช้น้ำ
00:44:03 → 00:44:06 มันกัญชางี้เหรอหรือว่านอกจากกัญชาแล้วมี
00:44:06 → 00:44:10 ญาติของกัญชาคือกระท่อมอ่าๆชด้วๆๆๆแต่
00:44:10 → 00:44:13 ส่วนใหญคนเคิดว่ากระท่อมอ่ะไม่แรงมันเป็น
00:44:13 → 00:44:16 สมุนไพรเออแล้วเบางคนบอกขนาดเาเคี้ยวกิน
00:44:16 → 00:44:19 ตักแดดก็ไม่เห็นใครชักอ้าก็ไอ้คนที่ชักเ
00:44:19 → 00:44:21 ไม่บอกต่อไงไอ้คนที่ชักเก็เงียบไงอุ๊ย
00:44:21 → 00:44:24 จริงมั้ยคนที่ชักเคก็เงียบอ่ะเออสมมุติ
00:44:24 → 00:44:28 อ่ะผมบอกเลยไปหาหมออ่ะไม่ไม่ใช่หมอไปหา
00:44:28 → 00:44:31 เอาอะไรดีสมมุติอ่ะไปหาหมอหมอทางเลือก
00:44:31 → 00:44:34 แล้วกันนะครับหมอทางเลือกแล้วกันอันเนี้ย
00:44:34 → 00:44:39 ดีอดีไปมาแล้วหายผมก็ถามว่าไอ้ที่ไปแล้ว
00:44:39 → 00:44:42 ตายอ่ะไปแล้วไม่ดีอ่ะมีใครมาบอกต่อป่ะล่ะ
00:44:42 → 00:44:45 ไม่มีไม่มีแต่ของหมอรักษาโรงพยาบาลน่ะมัน
00:44:45 → 00:44:47 มีทั้งหายแล้วก็ตายแต่เราสามารถดีแคลร์
00:44:47 → 00:44:49 หรือสามารถบอกได้ว่าตายเพราะอะไรตายเพราะ
00:44:49 → 00:44:52 ด้วยตัวโรคตายเพราะว่าผลข้างเคียงหรือตาย
00:44:52 → 00:44:54 เพราะด้วยอะไรเงี้ยเราสามารถพูดได้เพราะ
00:44:54 → 00:44:56 บางคนตุยไปก่อนเลยไม่ได้มาบอกเราเพราะว่า
00:44:56 → 00:44:58 บางคนน่ะไปรักษาจากจากทางเลือกสุดท้ายมา
00:44:58 → 00:45:02 ตุยไหนฮะตุยโรงพบาลงบาลอืเอ้ออันนี้ก็พูด
00:45:02 → 00:45:05 พูดความจริงแบบติดตลกนะครับแต่มันก็เป็น
00:45:05 → 00:45:07 ตลกร้ายที่ว่าการที่ไปรักษาบางอย่างที่
00:45:07 → 00:45:09 เป็นทางเลือกที่มันผิดอ่ะมันเสียเวลาแล้ว
00:45:09 → 00:45:13 เสียโอกาสนะครับอืมีมีอะไรมาอีกมั้ยฮะพี่
00:45:13 → 00:45:15 ดรีมอ๋อเมื่อกี้มีคำถามถามว่ามันจะมี
00:45:15 → 00:45:18 โอกาสถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้มั้ยครับถ้า
00:45:18 → 00:45:20 เกิดว่าเป็นโรคลมชักที่เกิดจากโรคหลอด
00:45:20 → 00:45:22 เลือดสมองเกิดจากอุบัติเหตุเกิดจากการติด
00:45:22 → 00:45:25 เชื้อหรือเกิดจากการเอ่อมีเนื้องอกอันนี้
00:45:25 → 00:45:28 ไม่ได้แไม่ไม่ถ่ายทอดทพัธุกรรมครับแต่ถ้า
00:45:28 → 00:45:31 เกิดว่าเป็นโรคลมชักที่เป็นตั้งแต่เด็กอ
00:45:31 → 00:45:33 อันนี้อาจจะเป็นทงพันธุกรรมได้นะครับหรือ
00:45:33 → 00:45:38 เป็นโรคบางอย่างที่มีโรคลมชักอยู่ในอาการ
00:45:38 → 00:45:40 เหล่านั้นร่วมด้วยก็อาจจะเป็นทำา
00:45:40 → 00:45:44 พันธุกรรมได้ครับอืนั่นแหมายความว่าดู
00:45:44 → 00:45:48 ช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ดูแน่ๆต้องไปดู
00:45:48 → 00:45:52 ถึงแม่ยายอก็คือดูประวัติครอบครัวโหูถึง
00:45:52 → 00:45:55 เจนนั้นเลยเหรอคะแม่ยายเลยพี่นึกว่าเจน
00:45:55 → 00:45:58 แค่คุพพ่อแม่จบใช่แม่ก็น่าจะจบแต่ว่าต้อง
00:45:58 → 00:46:01 ไปคุณตาคุณยายบางทีเนี่ยในในบางโลกอ่ะ
00:46:01 → 00:46:05 เวลาผมถามผมถามคนไข้ถามว่ามีประวัติคนอ่า
00:46:05 → 00:46:07 ในครอบครัวเป็นมยคำว่าคนในครอบครัวเนี่ย
00:46:07 → 00:46:12 ในสมัยเนี้ยคนก็จะฟังว่าครอบครัวคือฉัน
00:46:12 → 00:46:15 แฟนแล้วก็ลูกพ่อแม่ลูกซึ่งจริงๆไม่ใช่ใน
00:46:15 → 00:46:17 ความหมายของหมอครอบครอบครัวคือสาแหรก
00:46:17 → 00:46:21 ขึึ้นไปหมดเลยสาแหรกอออืคุณตัวคุณพี่น้อง
00:46:21 → 00:46:24 ของคุณพ่อแม่ของคุณพี่น้องของทั้งพ่อและ
00:46:24 → 00:46:28 แม่ของคุณแลขึ้นไปถึงเเชของปปู่ยตาายหรือ
00:46:28 → 00:46:31 พี่น้องของปู่ย่าตายายถ้าคุณทราบอ่าก็ดีๆ
00:46:31 → 00:46:34 นั่นจะเป็นประวัติที่สมบูรณ์ขดกับคำว่า
00:46:34 → 00:46:36 ครอบครัวทั้งประวัติทงการแสแสุขภาพสาแดก
00:46:36 → 00:46:40 สุขภาพจำมากอ่านะคะมีคำถามอีกคำามเวลาเรา
00:46:40 → 00:46:43 เหลือไม่เยอะฮะเรามาเลนิดนึงนะอุ๊ยมันจะ
00:46:43 → 00:46:46 ทันเ่าวะมาเลยฮะคนไข้ผ่าตัดหัวใจผ่าเสร็จ
00:46:47 → 00:46:50 ย้ายเข้ามาห้อง ccu แล้วชักผลต่อไปมันจะ
00:46:50 → 00:46:52 เป็นยังไงมันจะมีโอกาสชักเพิ่มเติมต่อ
00:46:52 → 00:46:54 ครับหมอโอเคการหลังหลังจากการผ่าตัดหัวใจ
00:46:54 → 00:46:56 มันเกิดขึ้นได้หลายอย่างนะครับการผ่าตัด
00:46:56 → 00:46:59 หัวใจเองเนี่ยมันจะต้องมีการแคมหรือว่าใน
00:46:59 → 00:47:03 การบีบบีบเลือดอ่ะแเอ่อบีบเลือดเหมือนบีบ
00:47:03 → 00:47:04 หลอดเลือดเหมือนบีบสายยางเพื่อไม่ให้น้ำ
00:47:04 → 00:47:06 มันไหลอ่ะครับในการช่วงเปลี่ยนหัวใจหรือ
00:47:06 → 00:47:09 ผ่าตัดหัวใจเงี้ยครับโอกาสที่เลือดจะไปหา
00:47:09 → 00:47:12 สมองไม่พอในช่วงขณะนึงทำให้มีปัญหาเรื่อง
00:47:12 → 00:47:15 ของโรคหล่อเลือดสมองมีได้สมองขาดเลือด
00:47:15 → 00:47:17 ชั่วคราวมีได้ก็เหมือนกับความดันบีบใส่
00:47:17 → 00:47:19 ยางน้ำยังไม่ขึ้นเหมือนเหมือนแรงดันน้ำ
00:47:19 → 00:47:22 ยังไม่ไปขึ้ใช่ครับน้ำไปไม่ถึงสมองสมอง
00:47:22 → 00:47:24 ขาดเลือดอันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้หรือ
00:47:24 → 00:47:27 ระหว่างนั้นมีลิ่มเลือดในการระว่างการผาด
00:47:27 → 00:47:30 ตัดมันปลิวไปอุดสมองทำให้เกิดอาการชักได้
00:47:30 → 00:47:32 ครับอันเนี้ยต้องไปสแกนสมองต่อว่าในสมอง
00:47:32 → 00:47:34 มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าแล้วก็ต้องมีการ
00:47:35 → 00:47:37 รักษาควบคู่กันไปซึ่งมันเป็นสิ่งนึงที่
00:47:37 → 00:47:40 สามารถพบได้บ่อยนะครับของการผ่าตัดหัวใจ
00:47:40 → 00:47:43 แล้วก็ลิ่มเลือดอไปที่สมองหรือสมองมันขาด
00:47:43 → 00:47:45 เลือดระหว่างการผ่าตัดแต่ไม่ผ่าตัดได้
00:47:45 → 00:47:48 มั้ยไม่ผ่าตัดหัวใจก็ไม่ได้คนไข้ก็ไม่รอด
00:47:48 → 00:47:50 อก็เป็นสิ่งที่คุณหมอไม่อยากให้เกิดแต่
00:47:50 → 00:47:52 เป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น
00:47:52 → 00:47:55 ได้ครับก็ก็จะมีหมอสมองมาดูแลเพิ่มอีกคน
00:47:55 → 00:47:57 นึงเพิ่มเติมใช่มั้ยก็เป็น 2 หมอใช่ครับ
00:47:57 → 00:48:01 โคนี้รักษาหายมพี่หมอเอ่ออาจจะกลายเป็น
00:48:01 → 00:48:03 แค่อาจจะเป็นแค่ภาวะชักชั่วคราวได้หลัง
00:48:03 → 00:48:06 จากที่รักษาทุกอย่างหายแล้วกินยากันซัก
00:48:06 → 00:48:08 ประมาณ 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือนอาจจะทยอย
00:48:08 → 00:48:10 ลดยาแล้วก็หยุดยาได้ครับหวังว่าจะเป็นแบบ
00:48:10 → 00:48:15 นั้นชักชั่วคราวแปลว่าอาการชักภาวะชักที่
00:48:15 → 00:48:18 ยังไม่ใช่โรคยังไม่ใช่โรคยังไม่ประทับตา
00:48:18 → 00:48:21 ว่ายังไม่ประทับตาว่าเป็นโรคประจำตัวบ่อย
00:48:21 → 00:48:23 ๆถึงเป็นโรคผมต้องบอกกว่าข้อมูลตรงนี้
00:48:23 → 00:48:25 เนี่ยจริงๆทางวิชาการมันมีความลึกหรือมี
00:48:25 → 00:48:28 ความละเอียดเแบ่งย่อยค่อนข้างจะเยอะแต่ผม
00:48:28 → 00:48:31 พยายามเอามาย่อยให้เป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย
00:48:31 → 00:48:34 อาจจะไม่ได้ถูกต้องตามวิชาการเป๊ะๆนะครับ
00:48:34 → 00:48:37 แต่ว่าเน้นความเข้าใจแล้วก็เข้าถึงได้
00:48:37 → 00:48:39 ง่ายๆนะครับอ่ะก็มีคนผู้ฟังแชร์
00:48:39 → 00:48:41 ประสบการณ์เรื่องของครอบครัวค่ะบอกว่าพี่
00:48:41 → 00:48:43 ชายเคยตกมาจากที่สูงอะไรอย่าเงี้ยแต่ว่า
00:48:43 → 00:48:46 ตอนแรกก็จำใครไม่ได้เดินไม่ได้ตอนหลังก็
00:48:46 → 00:48:49 มาฝึกหัดฝึกเดินจนทั่วนี้อ่ะจบปริญญาโท
00:48:49 → 00:48:53 แล้วด้วยอ่าก็สามารถมีการฟื้นฟูมีการ
00:48:53 → 00:48:57 พัฒนาเอ่อแล้วก็ในระยะฟื้นตัวได้นะชักเรา
00:48:57 → 00:49:00 มีเรามีข้อมูลอะไรที่แบบโอ๊ยคุยกันได้อีก
00:49:00 → 00:49:02 เยอะเลยครับทั้งอย่างเช่นเปิดประเด็นไว้
00:49:02 → 00:49:06 ล่วกหน้านะฮะโรคลมชักในคนท้องอือันโรคลม
00:49:06 → 00:49:09 ชักที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดแล้วถ้าท้อง
00:49:09 → 00:49:11 ถ้าเกิดชักแล้วลูกจะเป็นยังไงเออนัสมันจะ
00:49:11 → 00:49:13 มีผลต่อลูกมั้ยมีครับผมเวลาชักก็คือมดลูก
00:49:13 → 00:49:16 ก็ต้องบีบตัวนะฮะอาจจะ 1 คือเวลามดลูกบีบ
00:49:16 → 00:49:19 ตัวนั่นหมายความว่าเลือดไปหาเด็กน้อยลงอ
00:49:19 → 00:49:21 เด็กก็เหมือนถูกบีบคอถูกขาดออกซิเจนไป
00:49:21 → 00:49:24 ชั่วคราวแม่ชักไป 2 นาทีลูกก็ขาดออกซิเจน
00:49:24 → 00:49:26 ไป 2 นาทีแต่สมองลูกอ่ะขาดออกซิเจนมัน
00:49:26 → 00:49:28 สำคัญนะฮะเพราะอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต
00:49:28 → 00:49:32 หรือพัฒนาการของสมองอ่าหรือบางคนชักแล้ว
00:49:32 → 00:49:37 ล้มท้องกระแทกอ่าแทงแทงอีกแทงอีกก็เป็น
00:49:37 → 00:49:38 อันตรายที่เกิดขึ้นได้เพราะฉะนั้นคนที่จะ
00:49:38 → 00:49:42 ท้องคนที่คนที่เป็นโรคลมชักจะท้องต้องขอ
00:49:42 → 00:49:45 ให้ซ้อมไม่ชักก่อนอย่างน้อย 1 ปีเหมือน
00:49:45 → 00:49:48 กันซ้อมอีกเหรอซ้อมไม่ชักก็คือไม่ชักก่อน
00:49:48 → 00:49:51 1 ปีแล้วปรับยาแล้วปรับยากันชักที่เป็น
00:49:51 → 00:49:54 ยาที่ไม่มีผลต่อการพัฒนาการของตัวอ่อน
00:49:54 → 00:49:57 แล้วด้วยนะอจากนั้นค่อยตั้งใช่ครับเพราะ
00:49:57 → 00:50:01 ว่ายากระชักบางตัวเนี่ยดีแต่เด็กพิการอโอ
00:50:01 → 00:50:04 ก็ก็ให้ไม่ได้หมอก็ต้องมีการเปลี่ยนยา
00:50:04 → 00:50:07 เป็นยาตัวที่อาจจะไม่ได้ดีที่สุดแต่พิการ
00:50:07 → 00:50:10 น้อยหรือมีความพิการที่น้อยมากๆอือแบบนี้
00:50:10 → 00:50:12 เป็นต้นครับแล้วค่อยให้คุณท้องได้น่าจะ
00:50:12 → 00:50:15 เป็นช่วงคำสุดท้ายเลยนะพี่หมอนาทีสุดท้าย
00:50:15 → 00:50:17 แล้วพี่พี่พี่โมีอะไรเพิ่มเติมต่อค่ะอยาก
00:50:17 → 00:50:19 ให้คุณหมอช่วยทักทายคุณผู้ฟังด้วยเพราะ
00:50:19 → 00:50:22 ทุกคุณผู้ฟังทักหมอบิวเยอะมากเลยอ่ะ
00:50:22 → 00:50:24 ขอบคุณนะฮขอบคุขอบคุณหอคุยสนุกจังค่ะ
00:50:24 → 00:50:27 เดี๋ยวให้เชิญมาอีกได้นะฮะซึ่งจริงๆมีคิว
00:50:27 → 00:50:29 แล้วอญสัมพันธวันอังคารที่จะถึงนี้นะฮะ
00:50:30 → 00:50:31 วันอังคารคือวันที่เท่าไหร่นะวันอังคาร
00:50:32 → 00:50:35 ที่ 10 17 ครับ 17 ผมจะมาคุยกันเรื่อง
00:50:35 → 00:50:38 ของโรคพิสันอ๋อพินันสุขภาพดี 2 นนะฮะ
00:50:38 → 00:50:40 Parkinson นะครับโอเครอติดตามเร่สมอง
00:50:40 → 00:50:42 เหมือนกันจะมาที่นี่เหมือนกันเบอกว่าติด
00:50:42 → 00:50:45 ตามพี่หมอขึ้น 99 ตลอดเลยขึ้น 99 ตลอดเลย
00:50:45 → 00:50:46 แสดงว่าเมื่อเช้านี้ก็มาเมื่อเช้าผมตื่น
00:50:46 → 00:50:49 ตั้งแต่ 5:00 นมาจัดรายการ 18:00 นนะฮะ
00:50:49 → 00:50:52 อ่าแล้วก็มาที่นี่ต่อวันนี้นะขอบคุณหมโอย
00:50:52 → 00:50:55 ดีใจมากดีใจมากดีใจมากที่พี่หมอโอ้โหให้
00:50:55 → 00:50:57 เกียรติรายการของเรานะครับมา
00:50:57 → 00:51:02 คลายช่นชมพี่หมออธิบายง่าฟังสนุกแล้วก็
00:51:02 → 00:51:05 พะเยาก็มีนะฮะพะเยาฝนตกะเนี่ยดูแลสุขภาพ
00:51:05 → 00:51:08 กันด้วยนะครับผมวันนี้หมดเวลาของสุขภาพ
00:51:08 → 00:51:10 แล้วนะครับผมอ่ะคืนนี้นอนหลับฝันทุกท่าน
00:51:10 → 00:51:12 ขอบคุณพี่หมอด้วยนะครับพี่หมอครับขอบคุณ
00:51:12 → 00:51:14 ขอบคุณขอบคุณพี่หอคผู้ฟังทกท่านนะสวัดี
00:51:14 → 00:51:19 ทุกท่านนะสวัสดีครับสวัสดีครับ