00:00:00 → 00:00:04 เคยรู้สึกกลัวกังวลหรือไม่มั่นใจกับยาเบา หวานมั้ยคะ
00:00:04 → 00:00:08 หรือสงสัยไหครับว่าทำไมเราต้องกินยาไป ตลอดชีวิต
00:00:08 → 00:00:15 ถ้าคำตอบคือใช่แสดงว่าคุณมาถูกที่แล้วค่ะ เพราะวันนี้สุขภาพสนทนาจะพาคุณไปค้นหาคำ
00:00:15 → 00:00:19 ตอบเพื่อคลายทุกความกังวลใจเกี่ยวกับยา เบาหวานค่ะ
00:00:19 → 00:00:26 ใช่ครับคุณเกตเพราะพอพูดถึงยาเบาหวานทีไร หลายคนอาจจะรู้สึกถอนหายใจหรือรู้สึกว่า
00:00:26 → 00:00:31 ชีวิตนี้จะต้องอยู่กับยาไปตลอดเลยหรือ เปล่าผลข้างเคียงยังจะเป็นยังไงบ้างนะ
00:00:31 → 00:00:36 หรือบางทีก็มีความเชื่อผิดๆที่ทำให้ไม่ กล้ากินยาตามที่หมอสั่งด้วยซ้ำไป
00:00:36 → 00:00:41 นั่นแหละค่ะคุณกันวันนี้เราถึงอยากจะมา คุยกันแบบเปิดอกทำความเข้าใจกันไปทีละ
00:00:41 → 00:00:47 ขั้นเพื่อให้ทุกคนได้รู้ความจริงที่คุณ หมออยากจะบอกกับเราทุกคนเพื่อให้เรา
00:00:47 → 00:00:53 สามารถใช้ยาเบาหวานได้อย่างมั่นใจและอยู่ กับโรคนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ
00:00:53 → 00:00:59 ถูกต้องครับคุณเกตเพราะสร้างสุขภาพดี เริ่มต้นจากความเข้าใจครับและก่อนที่เรา
00:00:59 → 00:01:04 จะไปเจาะลึก 7 ความจริงนั้นขออนุญาตชวน คุณผู้ฟังทุกท่านนะครับถ้าคุณไม่อยากพลาด
00:01:04 → 00:01:10 เรื่องสุขภาพดีๆที่จะช่วยให้ชีวิตคุณดี ขึ้นอย่าลืมกดติดตามช่องสุขภาพสนทนาของ
00:01:10 → 00:01:13 เราไว้ด้วยนะครับจะได้ไม่พลาดทุกตอนที่ เราอัปเดตครับ
00:01:13 → 00:01:20 วันนี้เราจะมาคุยกันแบบสบายๆเป็นกันเองนะ คะเหมือนนั่งคุยกับเพื่อนคุณกันคะก่อน
00:01:20 → 00:01:25 อื่นเลยเรามาคุยกันถึงเรื่องความรู้สึก ที่คนส่วนใหญ่มีต่อยาเบาหวานกันก่อนดี
00:01:25 → 00:01:31 กว่าว่าทำไมหลายคนถึงยังกลัวหรือไม่สบาย ใจที่จะกินยาเบาหวานค่ะ
00:01:31 → 00:01:38 ความจริงข้อที่ 1 ครับคุณเกตยาเบาหวานไม่ ได้ทำร้ายไตหรือตับเสมอไปถ้าใช้ถูกวิธี
00:01:38 → 00:01:41 ฟังดูแล้วอาจจะขัดกับความเชื่อของใครหลาย คนนะครับ
00:01:41 → 00:01:48 ใช่ค่ะคุณกันเพราะหลายคนเข้าใจว่ากินยา มากๆแล้วไต่จะทำงานหนักตับจะพังแต่จริงๆ
00:01:48 → 00:01:54 แล้วยาเบาหวานส่วนใหญ่มีหน้าที่หลักคือ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์
00:01:54 → 00:02:01 ปกติค่ะซึ่งการที่น้ำตาลในเลือดสูงเรื้อ รังต่างค่ะที่เป็นตัวทำร้ายไตทำร้ายตับทำ
00:02:01 → 00:02:06 ร้ายหลอดเลือดทั่วร่างกาย อธิบายให้เข้าใจง่ายๆนะครับเหมือนกับว่า
00:02:06 → 00:02:12 ยาเบาหวานเป็นเหมือนยามที่คอยควบคุมระดับ น้ำตาลไม่ให้มันไปอาละวาดทำร้ายอวัยวะ
00:02:12 → 00:02:18 ต่างๆของเรายาบางชนิดจะไปกระตุ้นตับอ่อน ให้ผลิตอินซูลินเพิ่มขึ้นบางชนิดก็ช่วย
00:02:18 → 00:02:24 ให้ร่างกายใช้อินซูลินที่มีอยู่แล้วได้ดี ขึ้นหรือบางชนิดก็ช่วยขับน้ำตาลออกทาง
00:02:24 → 00:02:27 ปัสสาวะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเรากินยาเบาหวานตามที่
00:02:27 → 00:02:33 แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดแพทย์ก็จะมีการ ปรับยาให้เหมาะสมกับเราเสมอและมีการตรวจ
00:02:33 → 00:02:39 ติดต่างค่าการทำงานของไตและตับเป็นประจำ อยู่แล้วเพื่อให้แน่ใจว่ายาที่ใช้อยู่
00:02:39 → 00:02:46 ปลอดภัยและได้ผลดีที่สุดสำหรับเราค่ะ สำคัญคือถ้าใช้ถูกวิธีนะครับนั่นหมายความ
00:02:46 → 00:02:52 ว่าต้องกินยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์กำหนด อย่างเป๊ะๆไม่ใช่ไปหาซื้อยากินเองหรือ
00:02:52 → 00:02:57 เพิ่มลดขนาดเองอันนั้นล่ะครับที่อาจจะทำ ให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้
00:02:57 → 00:03:03 ใช่เลยค่ะคุณกันเพราะฉะนั้นความจริงข้อ แรกที่เราต้องจำให้ขึ้นใจเลยก็คือยาเบา
00:03:03 → 00:03:09 หวานไม่ได้เป็นผู้ร้ายที่ทำร้ายร่างกาย เราค่ะแต่เป็นผู้ช่วยที่สำคัญในการปกป้อง
00:03:09 → 00:03:14 อวัยวะต่างๆของเราจากการถูกทำลายโดยน้ำ ตาลที่สูงเกินไปต่างหากค่ะ
00:03:14 → 00:03:21 มาต่อกันที่ความจริงข้อที่ 2 ครับคุณเกด การกินยาอย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญในการ
00:03:21 → 00:03:27 คุมเบาหวานอันนี้สำคัญมากๆเลยนะครับ สำคัญมากๆเลยค่ะคุณกันเหมือนที่เราตื่นมา
00:03:27 → 00:03:32 หายใจทุกวันนั่นแหละค่ะยาเบาหวานก็เหมือน อากาศที่เราต้องหายใจเข้าไปเพื่อให้ร่าง
00:03:32 → 00:03:38 กายทำงานได้ปกติถ้าเราหายใจติดขัดๆหรือ ไม่หายใจเลยร่างกายก็แย่ใช่มั้ยคะ
00:03:38 → 00:03:45 เห็นภาพเลยครับคือบางคนพอรู้สึกว่าวันนี้ ร่างกายแข็งแรงดีไม่มีอาการอะไรน้ำตาลคง
00:03:45 → 00:03:50 ไม่ขึ้นหรอกน่าก็เลยคิดว่าไม่กินยาก็ได้ หรือลืมกินบ้างอะไรบ้าง
00:03:50 → 00:03:56 อันตรายมากนะคะคุณกันเพราะโรคเบาหวาน เนี่ยบางทีมันก็ไม่ได้แสดงอาการชัดเจนทัน
00:03:56 → 00:04:02 ทีเมื่อน้ำตาลขึ้นสูงแต่การที่น้ำตาลขึ้น ๆลงๆไม่สม่ำเสมอหรือสูงเรื้อรังเนี่ยมัน
00:04:02 → 00:04:08 ค่อยๆทำลายอวัยวะภายในของเราไปทีละน้อยๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยค่ะ
00:04:08 → 00:04:13 ครับยาเบาหวานจะทำงานได้ดีที่สุดก็ต่อ เมื่อมันมีระดับคงที่อยู่ในร่างกายของเรา
00:04:13 → 00:04:19 ครับการกินยาอย่างสม่ำเสมอตามเวลาที่ แพทย์กำหนดจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
00:04:19 → 00:04:24 ให้คงที่อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมตลอดทั้ง วันซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะ
00:04:24 → 00:04:29 แทรกซ้อนในระยะยาวได้ ลองคิดดูนะคะคุณผู้ฟังว่าถ้าเรามีหน้าที่
00:04:29 → 00:04:36 รดน้ำต้นไม้ทุกวันตอนเช้าแต่บางวันก็รด บางวันก็ไม่รดต้นไม้ก็จะโตไม่สม่ำเสมออาจ
00:04:36 → 00:04:41 จะเฉาไปบ้างหรือไม่สมบูรณ์ใช่ไหมคะการกิน ยาก็เหมือนกันค่ะต้องสม่ำเสมอเพื่อให้
00:04:41 → 00:04:47 ร่างกายเราได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญการกินยาอย่างสม่ำเสมอยังช่วย
00:04:47 → 00:04:53 ให้คุณหมอประเมินผลการรักษาและปรับยาได้ อย่างแม่นยำด้วยครับถ้าเรากินยาบ้างไม่
00:04:53 → 00:04:58 กินยาบ้างคุณหมอก็จะวิเคราะห์ผลเลือดได้ ยากว่าที่หม้ำตาลไม่ลดลงนั้นเป็นเพราะยา
00:04:58 → 00:05:02 ไม่ได้ผลหรือเป็นเพราะเรากินยาไม่สม่ำ เสมอเอง
00:05:02 → 00:05:07 เพราะฉะนั้นใครที่ชอบลืมกินยาหรือคิดว่า กินบ้างไม่กินบ้างไม่เป็นไรต้องเปลี่ยน
00:05:07 → 00:05:13 ความคิดใหม่เลยนะคะการมีวินัยในการกินยา คือสิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมเบาหวานเลย
00:05:13 → 00:05:18 ค่ะอาจจะใช้วิธีตั้งเตือนในโทรศัพท์มือ ถือหรือจัดยาใส่กล่องแบ่งยาไว้เลยก็ได้
00:05:18 → 00:05:21 ค่ะ มาถึงความจริงข้อที่ 3 ครับคุณเกดที่คน
00:05:21 → 00:05:28 กังวลกันเยอะมากๆคือผลข้างเคียงป้องกัน ได้ถ้ารู้ทันและปรึกษาหมอฟังดูน่าสนใจนะ
00:05:28 → 00:05:32 ครับ ใช่ค่ะคุณกันเพราะไม่มีใครอยากเจอผลข้าง
00:05:32 → 00:05:37 เคียงอยู่แล้วแต่ผลข้างเคียงของยาเบาหวาน เนี่ยมันไม่ได้น่ากลัวเสมอไปนะคะและส่วน
00:05:37 → 00:05:43 ใหญ่ก็ป้องกันหรือจัดการได้ค่ะที่พบบ่อย ที่สุดก็คือภาวะน้ำตาลตกค่ะ
00:05:43 → 00:05:47 ภาวะน้ำตาลตกนี่คือยังไงครับคุณเกตอธิบาย ให้คุณผู้ฟังฟังหน่อย
00:05:47 → 00:05:53 ภาวะน้ำตาลตกคือภาวะที่ระดับน้ำตาลใน เลือดต่ำกว่า 70 มกรัต่อเดซิลค่ะมักเกิด
00:05:53 → 00:06:00 จากการกินยามากเกินไปกินอาหารน้อยเกินไป หรือออกกำลังกายหนักเกินไปอาการที่สังเกต
00:06:00 → 00:06:08 ได้ง่ายๆก็คือใจสั่นเหงื่อออกตัวเย็นหน้า มืดเวียนหัวมือสั่นหิวผิดปกติหรือบางคน
00:06:08 → 00:06:13 อาจจะสับสนพูดจาไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ฟังดูน่ากลัวนะครับแล้วถ้าเกิดอาการแบบ
00:06:13 → 00:06:17 นี้ต้องทำยังไงครับ สิ่งที่ต้องทำทันทีเลยคือรีบหาอะไรหวานๆ
00:06:17 → 00:06:25 กินค่ะเช่นน้ำผลไม้นมหวานลูกอมน้ำตาลก้อน หรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมเร็ว
00:06:25 → 00:06:31 ประมาณ 15 กรัมแล้วรอดูอาการประมาณ 15 นาทีถ้ายังไม่ดีขึ้นก็กินซ้ำอีกรอบแล้ว
00:06:31 → 00:06:38 รีบแจ้งแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ แสดงว่าถ้าเรารู้จักอาการสังเกตตัวเองและ
00:06:38 → 00:06:40 รีบจัดการอย่างถูกต้องก็จะปลอดภัยใช่ ไหมั้ครับ
00:06:40 → 00:06:46 ถูกต้องค่ะคุณกันและนอกเหนือจากน้ำตาลตก แล้วยาเบาหวานบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง
00:06:46 → 00:06:53 อื่นๆเช่นท้องอืดคลื่นไส้ท้องเสียซึ่งมัก จะเกิดในช่วงแรกๆที่เริ่มกินยาแล้วร่าง
00:06:53 → 00:06:59 กายจะค่อยๆปรับตัวจนอาการดีขึ้นเองค่ะ สำคัญที่สุดคือปรึกษาหมอนะครับไม่ใช่การ
00:06:59 → 00:07:05 หยุดยาเองเพราะบางทีอาการที่เราสงสัยว่า จะเป็นผลข้างเคียงอาจจะไม่ได้เกิดจากยา
00:07:05 → 00:07:10 โดยตรงก็ได้หรือบางครั้งแพทย์อาจจะปรับ ขนาดยาหรือเปลี่ยนชนิดยาที่เหมาะสมกว่า
00:07:10 → 00:07:14 ให้เราได้ครับ เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะแจ้งคุณหมอหรือ
00:07:14 → 00:07:19 เภสัชกรทุกครั้งที่มีอาการผิดปกติหลังกิน ยานะคะยิ่งเราสื่อสารกับทีมแพทย์มากเท่า
00:07:19 → 00:07:23 ไหร่การรักษาก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพและ ปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
00:07:23 → 00:07:30 มาถึงความจริงข้อที่ 4 ครับคุณเกดยาเบา หวานมีหลายชนิดไม่ได้มีแค่เม็ดเดียวอัน
00:07:30 → 00:07:35 นี้หลายคนอาจจะยังไม่ทราบนะครับว่าจริงๆ แล้วยาเบาหวานมีให้เลือกหลากหลายมากๆ
00:07:35 → 00:07:41 ใช่เลยค่ะคุณกันไม่ได้มีแค่เม็ดกลมๆหรือ หญ้าฉีดอินซูลินอย่างเดียวอย่างที่หลายคน
00:07:41 → 00:07:46 เข้าใจนะคะหญ้าเบาหวานแต่ละชนิดมีกลไกการ ออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันไปเหมือนเป็นผู้
00:07:46 → 00:07:51 ช่วยที่ทำงานคนละหน้าที่กันเลยค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับบางชนิดก็ไปช่วย
00:07:51 → 00:07:57 กระตุ้นให้ตับอ่อนของเราผลิตอินซูลินได้ มากขึ้นซึ่งเหมาะกับคนที่ตับอ่อนยังพอ
00:07:57 → 00:08:01 ผลิตอินซูลินได้อยู่ บางชนิดก็ไปช่วยให้ร่างกายเราตอบสนองต่อ
00:08:01 → 00:08:06 อินซูลินที่มีอยู่ได้ดีขึ้นเหมือนกับว่า ตัวรับสัญญาณอินซูลินของเราทำงานได้ดี
00:08:06 → 00:08:10 ขึ้นน้ำตาลก็จะถูกนำไปใช้ในเซลล์ได้ง่าย ขึ้นค่ะ
00:08:10 → 00:08:16 และบางชนิดก็ไปช่วยลดการสร้างน้ำตาลจาก ตับหรือลดการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้หรือแม้
00:08:16 → 00:08:21 กระทั่งยาชนิดใหม่ๆที่ช่วยขับน้ำตาลส่วน เกินออกจากร่างกายทางปัสสาวะเลยก็มีนะ
00:08:21 → 00:08:25 ครับ ส่วนยาฉีดอินซูลินหลายคนก็กลัวการฉีดแต่
00:08:25 → 00:08:30 จริงๆแล้วอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกาย เราผลิตขึ้นเองอยู่แล้วแต่ในคนเป็นเบา
00:08:30 → 00:08:36 หวานโดยเฉพาะชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 ที่ เป็นมานานตับอ่อนอาจจะผลิตอินซูลินได้ไม่
00:08:36 → 00:08:41 เพียงพอการฉีดอินซูลินก็คือการเติม ฮอร์โมนตัวนี้กลับเข้าไปในร่างกายเพื่อ
00:08:41 → 00:08:45 ช่วยลดระดับน้ำตาลค่ะ การที่มียาหลายชนิดแบบนี้ก็เป็นข้อดีนะ
00:08:45 → 00:08:50 ครับคุณเกดเพราะคุณหมอจะสามารถเลือกยาที่ เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้อย่างละเอียด
00:08:50 → 00:08:56 โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่นชนิดของเบาหวานระดับน้ำตาลในเลือดการ
00:08:56 → 00:09:02 ทำงานของไตและตับโรคประจำตัวอื่นๆหรือแม้ กระทั่งพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย
00:09:02 → 00:09:07 เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจเลยนะคะถ้าคุณหมอ ให้ยาที่ไม่เหมือนกับเพื่อนหรือยาไม่
00:09:07 → 00:09:12 เหมือนกับที่เคยได้ยินมาเพราะนั่นคือยา ที่ถูกออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเพื่อให้
00:09:12 → 00:09:17 การรักษามีประสิทธิภาพสูงค่ะ มาถึงความจริงข้อที่ 5 ครับคุณเกดอันนี้
00:09:17 → 00:09:23 เป็นความหวังของใครหลายคนเลยนะการปรับยา ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
00:09:23 → 00:09:29 ใช่เลยค่ะคุณกันและเจตว่านี่คือข่าวดี สำหรับหลายๆท่านเลยนะการกินยาเบาหวานไม่
00:09:29 → 00:09:35 ได้หมายความว่าเราจะกินไปเรื่อยๆโดยไม่ ต้องทำอะไรเลยนะคะยาเป็นเพียงตัวช่วยค่ะ
00:09:35 → 00:09:41 แต่ตัวหลักที่จะทำให้การรักษาได้ผลดีที่ สุดก็คือตัวเราเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่าง
00:09:41 → 00:09:46 จริงจัง หมายความว่าถ้าเราดูแลตัวเองดีขึ้นเช่น
00:09:46 → 00:09:51 ปรับพฤติกรรมการกินออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
00:09:51 → 00:09:57 จัดการความเครียดและนอนรับพักผ่อนให้ เพียงพอสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการปรับยาเบา
00:09:57 → 00:10:01 หวานใช่ไหมครับ ถูกต้องที่สุดเลยค่ะคุณกันยกตัวอย่างเช่น
00:10:01 → 00:10:08 ถ้าเราสามารถลดน้ำหนักลงได้ 5-10% ของน้ำ หนักตัวเดิมการตอบสนองต่ออินซูลินของร่าง
00:10:08 → 00:10:14 กายเราก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและในบางรายคุณหมอ
00:10:14 → 00:10:19 อาจจะพิจารณาลดขนาดยาหรือลดจำนวนยาที่ ต้องกินลงได้ค่ะ
00:10:19 → 00:10:25 โอ้โหฟังแบบนี้แหละแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะ เลยนะครับเพราะหมายความว่าเราไม่ได้อยู่
00:10:25 → 00:10:31 กับยาไปตลอดชีวิตโดยไม่มีทางเลือกแต่เรา สามารถกำหนดทิศทางการรักษาได้ด้วยการดูแล
00:10:31 → 00:10:35 ตัวเอง แต่นี่คือจุดสำคัญที่สุดนะคะคุณกันว่าการ
00:10:35 → 00:10:42 ปรับยาการลดขนาดยาหรือการหยุดยาใดๆก็ตาม จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของ
00:10:42 → 00:10:48 แพทย์ผู้รักษาเท่านั้นห้ามปรับยาเองหรือ หยุดยาเองเด็ดขาดนะคะเพราะอันตรายมากค่ะ
00:10:48 → 00:10:53 เน้นย้ำอีกครั้งนะครับคุณผู้ฟังสิ่งที่ คุณทำในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการ
00:10:53 → 00:10:59 เลือกกินอาหารที่ดีการขยับร่างกายการลด น้ำหนักหรือแม้แต่การจัดการกับความเครียด
00:10:59 → 00:11:05 ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ ประสิทธิภาพของยาและโอกาสที่แพทย์จะ
00:11:05 → 00:11:11 พิจารณาปรับยาทั้งสิ้นครับเพราะฉะนั้นการ ดูแลตัวเองคือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีใน
00:11:11 → 00:11:16 ระยะยาวของเราจริงๆครับ มาถึงความจริงข้อที่ 6 แล้วนะคะคุณกันนี่
00:11:16 → 00:11:22 คือข้อที่เกดอยากจะย้ำเตือนคุณผู้ฟังทุก คนมากๆเลยค่ะห้ามหยุดยาเองเด็ดขาดอันตราย
00:11:22 → 00:11:26 ถึงชีวิต ข้อนี้ผมเห็นด้วย 100% เลยครับคุณเกด
00:11:26 → 00:11:33 เพราะมีหลายเคสที่คิดว่าตัวเองอาการดี ขึ้นน้ำตาลลดลงแล้วก็เลยหยุดยากระทันหัน
00:11:33 → 00:11:38 ซึ่งบางทีมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะครับ ใช่เลยค่ะคุณกันหยุดยาเบาหวานเองโดยไม่
00:11:38 → 00:11:44 ปรึกษาแพทย์เนี่ยเปรียบเสมือนการที่เรา กำลังขับรถอยู่ดีๆแล้วจู่ๆก็เหยียบเบรก
00:11:44 → 00:11:50 กระทั้นหันหรือดึงเบรกมือขึ้นมาดื้อๆเลย ค่ะร่างกายเราจะปรับตัวไม่ทันทำให้ระดับ
00:11:50 → 00:11:54 น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและ ควบคุมไม่ได้ค่ะ
00:11:54 → 00:11:59 ผลที่ตามมาคืออะไรครับคุณเกต ผลที่ตามมาคือภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเฉียบ
00:11:59 → 00:12:06 พลันซึ่งอันตรายมากค่ะอาจจะทำให้เกิดภาวะ แทรกซ้อนที่รุนแรงได้ทันทีเช่นภาวะเลือด
00:12:06 → 00:12:13 เป็นกรดจากคีโตนไดอาเบติคีโตอซิโดosis ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หรือภาวะหมด
00:12:13 → 00:12:19 สติหรือการเสียชีวิตได้เลยนะคะ นอกจากการยึดยาเองแล้วการเปลี่ยนไปใช้ยา
00:12:19 → 00:12:25 สมุนไพรหรืออาหารเสริมที่อ้างว่าช่วยลด น้ำตาลได้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ก็เป็นอีก
00:12:25 → 00:12:31 อย่างที่ต้องระวังมากๆเลยนะครับคุณเกต อันนี้แหละค่ะน่าเป็นห่วงเพราะผลิตภัณฑ์
00:12:31 → 00:12:37 เหล่านี้มักจะไม่มีการรับรองที่ชัดเจน หรือมีการศึกษาทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ
00:12:37 → 00:12:43 และที่สำคัญคือเราไม่รู้ว่ามีส่วนผสมอะไร อยู่ในนั้นบ้างซึ่งอาจจะไปตีกับยาที่เรา
00:12:43 → 00:12:47 กำลังกินอยู่หรือมีผลข้างเคียงที่เราไม่ คาดคิดได้ค่ะ
00:12:47 → 00:12:51 เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนจำไว้เลยนะครับว่าถ้าจะมีการ
00:12:51 → 00:12:57 เปลี่ยนแปลงการใช้ยาไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม การลดหรือการหยุดยาต้องปรึกษาแพทย์ผู้
00:12:57 → 00:13:03 รักษาของเราก่อนเสมอแพทย์จะทำการประเมิน สุขภาพของคุณอย่างละเอียดและให้คำแนะนำ
00:13:03 → 00:13:07 ที่ปลอดภัยที่สุดครับ การดูแลตัวเองคือสิ่งสำคัญแต่ต้องอยู่ภาย
00:13:07 → 00:13:13 ใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเสมอนะคะเพื่อ ความปลอดภัยสูงสุดของคุณผู้ฟังทุกท่านค่ะ
00:13:13 → 00:13:19 มาถึงความจริงข้อสุดท้ายครับคุณเกตและ เป็นข้อที่สำคัญมากมากที่จะเชื่อมโยงทุก
00:13:19 → 00:13:25 อย่างเข้าด้วยกันนั่นก็คือการปรึกษาและ สื่อสารกับแพทย์คือกุญแจสำคัญ
00:13:25 → 00:13:31 จริงที่สุดเลยค่ะคุณกันเพราะคุณหมอไม่ใช่ แค่คนจ่ายยานะคะแต่เป็นผู้ร่วมเดินทางใน
00:13:31 → 00:13:37 การดูแลสุขภาพของเราค่ะและการเดินทางจะ ราบรื่นได้ก็ต้องมีการสื่อสารที่ดีต่อกัน
00:13:37 → 00:13:44 บางคนอาจจะรู้สึกเกรงใจคุณหมอหรือไม่กล้า ถามคำถามที่สงสัยเกี่ยวกับยาเช่นยานี้มี
00:13:44 → 00:13:50 ผลข้างเคียงอะไรบ้างต้องกินตอนไหนลืมกิน ยาไปเม็ดหนึ่งต้องทำยังไงหรือบางคนก็ไม่
00:13:50 → 00:13:55 กล้าบอกว่าตัวเองกินยาไม่สม่ำเสมอ นั่นแหละค่ะคือปัญหาที่ทำให้การรักษาไม่
00:13:55 → 00:14:01 ได้ผลเต็มที่เพราะถ้าเราไม่สื่อสารออกไป คุณหมอก็จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา
00:14:01 → 00:14:06 หรือมีข้อสงสัยตรงไหนยิ่งเราให้ข้อมูลกับ คุณหมอได้มากเท่าไหร่คุณหมอก็จะยิ่ง
00:14:06 → 00:14:10 สามารถปรับแผนการรักษาหรือปรับยาให้เหมาะ สมกับเราได้มากเท่านั้นค่ะ
00:14:10 → 00:14:17 การสื่อสารที่ดีรวมถึงการบอกคุณหมอว่าคุณ มีอาการผิดปกติอะไรบ้างไม่ว่าจะเป็นอาการ
00:14:17 → 00:14:23 เล็กน้อยแค่ไหนเช่นคลืนไส้เวียนหัวท้อง เสียหรืออาการที่สงสัยว่าจะเป็นผลข้าง
00:14:23 → 00:14:30 เคียงคุณมีพฤติกรรมการกินยาอย่างไรกินครบ มยลืมกินบ้างไหมมีปัญหาในการกินยาอย่างไร
00:14:30 → 00:14:37 คุณมีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้างเช่นออก กำลังกายสม่ำเสมอมยกินอาหารแบบไหนมีภาวะ
00:14:37 → 00:14:43 เครียดอะไรไหมคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร จดเอาไว้ล่วงหน้าเลยยิ่งดีจะได้ไม่ลืม
00:14:43 → 00:14:46 เวลาไปพบแพทย์ครับ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณหมอเข้าใจสภาพ
00:14:46 → 00:14:51 ภาพร่างกายของเราได้อย่างถ่องแท้และ สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับ
00:14:51 → 00:14:57 เราที่สุดได้ค่ะอย่าลืมว่าการรักษาเบา หวานเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ป่วย
00:14:57 → 00:15:02 และแพทย์นะคะยิ่งทำงานร่วมกันได้ดีเท่า ไหร่ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีเท่านั้นค่ะ
00:15:02 → 00:15:08 เพราะฉะนั้นขังหน้าที่จะไปพบคุณหมออย่า ลืมเตรียมคำถามข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ
00:15:08 → 00:15:14 ที่พบไว้ล่วงหน้านะครับการเปิดใจคุยกัน อย่างตรงไปตรงมาจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อ
00:15:14 → 00:15:18 ตัวคุณเองครับ คุณกันคะวันนี้เราได้เปิด 7 ความจริง
00:15:18 → 00:15:24 เกี่ยวกับยาเบาหวานไปแล้วเกดรู้สึกว่า ความกังวลที่หลายคนมีต่อยาเนี่ยมันลดน้อย
00:15:24 → 00:15:30 ลงไปเยอะเลยนะคะเพราะเราได้เข้าใจมากขึ้น ว่ายาไม่ใช่ผู้ร้ายแต่เป็นผู้ช่วยที่
00:15:30 → 00:15:33 สำคัญจริงๆ ใช่เลยครับคุณเกดสรุปกันอีกครั้งนะครับ
00:15:33 → 00:15:41 ว่า 1 ยาเบาหวานไม่ได้ทำลายไตหรือตับถ้า ใช้ถูกวิธี 2 การกินยาอย่างสม่ำเสมอคือ
00:15:41 → 00:15:48 หัวใจสำคัญ 3 ผลข้างเคียงป้องกันได้ทารู้ ทันและปรึกษาศึกษาหมอ 4 ยาเบาหวานมีหลาย
00:15:48 → 00:15:54 ชนิดไม่ได้มีแค่เม็ดเดียว 5 การปรับยา ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง 6 ห้ามหยุดยา
00:15:54 → 00:16:01 เองเด็ดขาดอันตรายถึงชีวิต 7 การปรึกษา และสื่อสารกับแพทย์คือกุญแจสำคัญ
00:16:01 → 00:16:06 ขอให้คุณผู้ฟังทุกท่านมั่นใจได้เลยนะคะ ว่าการใช้ยาเบาหวานที่ถูกต้องตามคำแนะนำ
00:16:06 → 00:16:12 ของแพทย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะยา เหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยควบคุม
00:16:12 → 00:16:18 ระดับน้ำตาลป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วย ให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถใช้ชีวิตได้อย่าง
00:16:18 → 00:16:23 ปกติสุขค่ะ หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจการมีวินัย
00:16:23 → 00:16:28 และที่สำคัญที่สุดคือการทำงานร่วมกับทีม แพทย์นะครับคุณผู้ฟังทุกท่านสามารถจัดการ
00:16:28 → 00:16:32 กับเบาหวานได้และใช้ชีวิตได้อย่างมีความ สุขแน่นอนครับ
00:16:32 → 00:16:38 อย่าลืมนะคะว่าสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจาก ความเข้าใจวันนี้ขอบคุณคุณกันมากๆนะคะ
00:16:38 → 00:16:42 สำหรับข้อมูลดีๆ และที่สำคัญที่สุดอย่าลืมกดติดตามช่อง
00:16:42 → 00:16:48 สุขภาพสนทนาของเราไว้ด้วยนะครับเพื่อที่ คุณจะไม่พลาดทุกเรื่องราวดีๆที่จะช่วยให้
00:16:48 → 00:16:52 สร้างสุขภาพดีเริ่มต้นจากความเข้าใจไป ด้วยกันครับ
00:16:52 → 00:16:58 สำหรับวันนี้ต้องขอลาคุณผู้ฟังไปก่อนนะคะ พบกันใหม่ในตอนต่อไปนะครับสวัสดีครับ
00:16:58 → 00:17:02 สวัสดีค่ะ เนื้อหาในตอนนี้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วม
00:17:02 → 00:17:07 มื้อของปัญญาประดิษฐ์และเสียงที่คุณได้ ยินก็ถูกสังเคราะห์ขึ้นด้วย AI เช่นกัน
00:17:07 → 00:17:15 เพื่อให้เราสามารถนำเสนอข้อมูลสุขภาพดีๆ ได้อย่างสม่ำเสมอและมีคุณภาพครับ