00:00:01 → 00:00:04 [เพลง]
00:00:04 → 00:00:06 You're listening to Sad X Channel
00:00:06 → 00:00:07 podcast
00:00:07 → 00:00:11 >> สวัสดีครับและนี่คือรายการพcส
00:00:11 → 00:00:14 ดีสร้างได้พื้นที่แบ่งปันความรู้สำหรับคน
00:00:14 → 00:00:20 รักสุขภาพทุกท่าน
00:00:20 → 00:00:24 คุณเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมบางคนดื่มกาแฟ
00:00:24 → 00:00:27 แล้วรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปาแต่บางคน
00:00:27 → 00:00:31 กลับมีอาการใจสั่นเวียนหัวหรือนอนไม่หลับ
00:00:31 → 00:00:34 ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นและกำลังเผชิญกับ
00:00:34 → 00:00:37 ปัญหาสุขภาพบางอย่างที่คุณไม่เคยรู้มา
00:00:37 → 00:00:40 ก่อนว่ามันเกี่ยวข้องกันวันนี้เราจะพาคุณ
00:00:41 → 00:00:44 ไปสำรวจ 5 กลุ่มโรคสำคัญที่ทางการแพทย์
00:00:44 → 00:00:48 และงานวิจัยยืนยันว่าควรหลีกเลี่ยงหรือลด
00:00:48 → 00:00:50 การดื่มกาแฟอย่างเด็ดขาดทำให้อยากให้
00:00:50 → 00:00:54 อาการที่เป็นอยู่หนักลงกว่าเดิมเนื้อหาใน
00:00:54 → 00:00:57 วันนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและมีผลกระทบ
00:00:57 → 00:01:00 โดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของคุณอย่าเพิ่ง
00:01:00 → 00:01:03 เลื่อนผ่านไปนะครับลองฟังดูว่าคุณเข้าขาย
00:01:03 → 00:01:06 หนึ่งในกลุ่มโรคนี้หรือไม่แล้วเรียนรู้
00:01:06 → 00:01:09 ว่าจะดูแลสุขภาพตัวเองได้อย่างไรเพื่อให้
00:01:09 → 00:01:12 คุณสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงได้
00:01:12 → 00:01:16 อย่างแท้จริงครับ 1 โรคความดันโลหิตสูง
00:01:16 → 00:01:19 ที่ควบคุมอาการไม่ได้เรามาเริ่มต้นกันที่
00:01:19 → 00:01:22 โรคแรกนะครับนั่นคือโรคความดันโลหิตสูง
00:01:22 → 00:01:25 โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังไม่สามารถควบคุม
00:01:25 → 00:01:28 ความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้แม้จะรับ
00:01:28 → 00:01:31 ประทานยาอย่างสม่ำเสมอแล้วก็ตามกาแฟ
00:01:31 → 00:01:34 ประกอบด้วยสารสำคัญอย่างคาเฟอีนและสารใน
00:01:34 → 00:01:38 กลุ่มไดอีนซึ่งสารทั้ง 2 ตัวนี้มีผลโดย
00:01:38 → 00:01:41 ตรงตอนหลอดเลือดของเรามันจะทำให้หลอด
00:01:41 → 00:01:44 เลือดหดตัวส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
00:01:44 → 00:01:48 ชั่วขนาดหลังการดื่มสำหรับคนปกติที่ดื่ม
00:01:48 → 00:01:51 กาแฟเป็นประจำร่างกายอาจจะปรับตัวจนไม่มี
00:01:51 → 00:01:54 ผลในระยะยาวแต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาความ
00:01:54 → 00:01:57 ดันโลหิตสูงอยู่แล้วการดื่มกาแฟจะยิ่งทำ
00:01:57 → 00:02:01 ให้ความดันพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติได้ซึ่งอาจ
00:02:01 → 00:02:04 นำไปสู่อาการใจสั่นและกระสับกระส่ายร่วม
00:02:04 → 00:02:07 ด้วยนอกจากนี้การดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย
00:02:08 → 00:02:10 เพื่อหวังผลเรื่องการเผาผลาญไขมันก็เป็น
00:02:10 → 00:02:13 สิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย
00:02:13 → 00:02:15 กลุ่มนี้เพราะการออกกำลังกายเพียงอย่าง
00:02:15 → 00:02:19 เดียวก็ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอยู่แล้ว
00:02:19 → 00:02:22 การมีคาเฟอีนเข้าไปกระตุ้นซ้ำอีกจะยิ่งทำ
00:02:22 → 00:02:25 ให้ความดันพุ่งสูงขึ้นจนอาจเป็นอันตราย
00:02:25 → 00:02:29 ได้โดยสรุปแล้วแม้ว่าในระยะยาวกาแฟอาจไม่
00:02:29 → 00:02:32 ได้ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงโดยตรงแต่
00:02:32 → 00:02:35 สำหรับผู้ที่คุมความดันไม่ได้การดื่มกาแฟ
00:02:35 → 00:02:38 คือการเพิ่มความเสี่ยงให้โรคกำเริบอย่าง
00:02:38 → 00:02:42 เห็นได้ชัด 2 โรคนอนไม่หลับเรื้อรังโรค
00:02:42 → 00:02:45 ถัดมาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกาแฟคือโรค
00:02:45 → 00:02:48 นอนไม่หลับเรื้อรังครับอาการนอนไม่หลับจะ
00:02:48 → 00:02:51 ถือว่าเป็นภาวะเรื้อรังก็ต่อเมื่อมีอาการ
00:02:51 → 00:02:54 ติดต่อกันนานเกินกว่า 3 เดือนซึ่งในกรณี
00:02:54 → 00:02:58 นี้การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเช่น
00:02:58 → 00:03:01 กาแฟชาหรือเครื่องดื่มชูกำลังอาจทำให้
00:03:01 → 00:03:05 อาการแย่ลงได้คาเฟอีนเป็นสารที่ทำหน้าที่
00:03:05 → 00:03:09 ขัดขวางการทำงานของสาริโนซีนในสมองซึ่ง
00:03:09 → 00:03:12 สาระดีโนซีนนี้มีหน้าที่ทำให้เรารู้สึก
00:03:12 → 00:03:16 ง่วงและช่วยให้ระบบประสาทสงบลงดังนั้นการ
00:03:16 → 00:03:19 ดื่มกาแฟจึงทำให้สมองถูกกระตุ้นและหลับ
00:03:19 → 00:03:22 ได้ยากขึ้นอย่างชัดเจนงานวิจัยหลายชิ้น
00:03:22 → 00:03:25 ยืนยันว่าการดื่มกาแฟภายใน 6 ช่โมงก่อน
00:03:25 → 00:03:28 เวลาเข้านอนจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อ
00:03:28 → 00:03:32 คุณภาพการนอนทำให้ใช้เวลาในการหลับนาน
00:03:32 → 00:03:35 ขึ้นและลดระยะเวลาการนอนหลับโดยรวมลง
00:03:35 → 00:03:38 สำหรับผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับอยู่แล้วการ
00:03:38 → 00:03:42 ดื่มกาแฟจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้นไปอีก
00:03:42 → 00:03:45 หากคุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องดื่มกาแฟจริงๆ
00:03:45 → 00:03:47 แนะนำให้ดื่มก่อนเที่ยงเท่านั้นเพื่อให้
00:03:47 → 00:03:50 ร่างกายมีเวลาขับคาเฟอีนออกไปก่อนถึงช่วง
00:03:50 → 00:03:54 เวลาพักผ่อนในตอนกลางคืนนอกจากนี้การดื่ม
00:03:54 → 00:03:57 เครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีนเช่นน้ำ
00:03:57 → 00:04:00 สมุนไพรหรือนมอุ่นก่อนนอนก็จะช่วยให้ระบบ
00:04:00 → 00:04:04 ประสาทสงบและหลับได้ง่ายขึ้น 3. โรคต้อ
00:04:05 → 00:04:08 หินหลายคนอาจเคยได้ยินความเชื่อที่ว่าการ
00:04:08 → 00:04:11 ดื่มกาแฟทำให้เป็นโรคต้อหินซึ่งในความ
00:04:11 → 00:04:14 เป็นจริงแล้วกาแฟไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง
00:04:14 → 00:04:17 ของการเกิดโรคต้อหินแต่สำหรับผู้ที่เป็น
00:04:17 → 00:04:21 โรคนี้อยู่แล้วคาเฟอีนอาจทำให้อาการแย่ลง
00:04:21 → 00:04:25 ได้ครับโรคต้อหินเกิดจากภาวะความดันในลูก
00:04:25 → 00:04:28 ตาสูงซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อเส้น
00:04:28 → 00:04:30 ประสาทตาได้ในที่สุดเมื่อเราดื่มเครื่อง
00:04:30 → 00:04:34 ดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไปมันจะส่งผลให้ความ
00:04:34 → 00:04:37 ดันในลูกตาสูงขึ้นเล็กน้อยซึ่งสำหรับคน
00:04:37 → 00:04:40 ปกติอาจไม่มีผลกระทบแต่สำหรับผู้ป่วยโรค
00:04:40 → 00:04:43 ต้อหินการเพิ่มขึ้นของความดันเพียงเล็ก
00:04:43 → 00:04:46 น้อยก็อาจทำให้อาการกำเริบและทำให้การควบ
00:04:46 → 00:04:50 คุมโรคเป็นไปได้ยากขึ้นนอกจากกาแฟแล้ว
00:04:50 → 00:04:52 เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงอื่นๆอย่าง
00:04:52 → 00:04:56 เช่นชาน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มชูกำลังก็
00:04:56 → 00:05:00 ควรได้รับการพิจารณาและหลีกเลี่ยงเช่นกัน
00:05:00 → 00:05:02 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีประวัติ
00:05:02 → 00:05:05 ครอบครัวเป็นโรคต้อนหินผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
00:05:05 → 00:05:08 ให้ลดการบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้เพื่อ
00:05:08 → 00:05:11 ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 4.
00:05:11 → 00:05:15 โรคกระดูกพรุนแบบรุนแรงมาถึงโรคที่ 4 ที่
00:05:15 → 00:05:19 หลายคนอาจมองข้ามไปนั่นคือโรคกระดูกพรุน
00:05:19 → 00:05:22 โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอาการรุนแรงอยู่แล้ว
00:05:22 → 00:05:25 คาเฟอีนมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะซึ่งจะส่ง
00:05:25 → 00:05:28 ผลให้ร่างกายมีการขับแคลเซียมออกไปพร้อม
00:05:28 → 00:05:32 กับปัสสาวะมากขึ้นกว่าปกติเมื่อแคลเซียม
00:05:32 → 00:05:34 ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างกระดูกถูก
00:05:35 → 00:05:37 ขับออกจากร่างกายมากขึ้นอย่างต่อเนื่องก็
00:05:37 → 00:05:41 จะทำให้มวลกระดูกลดลงและเปราะบางลงได้
00:05:41 → 00:05:44 สำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนอยู่แล้วนี่
00:05:44 → 00:05:46 คือปัจจัยที่ยิ่งทำให้อาการปวดข้อปวด
00:05:46 → 00:05:50 กระดูกเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามงานวิจัยบาง
00:05:50 → 00:05:53 ชิ้นชี้ให้เห็นว่าผลกระทบนี้ค่อนข้างน้อย
00:05:53 → 00:05:56 และสามารถชดเชยได้ด้วยการได้รับแคลเซียม
00:05:56 → 00:05:59 ที่เพียงพอในแต่ละวันเช่นการรับประทาน
00:05:59 → 00:06:02 อาหารที่มีแคลเซียมสูงหรือเสริมด้วย
00:06:02 → 00:06:04 ผลิตภัณฑ์แคลเซียมเสริมแต่เพื่อความไม่
00:06:04 → 00:06:08 ประมาทสำหรับผู้ป่วยโรคนี้การลดการบริโภค
00:06:08 → 00:06:10 เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนยังคงเป็นทาง
00:06:10 → 00:06:14 เลือกที่ปลอดภัยกว่าเสมอ 5. โรคแผลใน
00:06:14 → 00:06:18 กระเพาะอาหารเรือรังสุดท้ายคือโรคแผลใน
00:06:18 → 00:06:20 กระเพาะอาหารเรือรังซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรค
00:06:20 → 00:06:23 ที่ควรหลีกเลี่ยงกาแฟอย่างยิ่งแม้ว่ากาแฟ
00:06:23 → 00:06:26 ไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดแผลใน
00:06:26 → 00:06:29 กระเพาะอาหารซึ่งโดยหลักแล้วมักเกิดจาก
00:06:29 → 00:06:32 การติดเชื้อแบคทีเรีย H pโลไรดหรือการใช้
00:06:32 → 00:06:36 ยาแก้ปวดกลุ่มเอเซตในปริมาณที่มากเกินไป
00:06:36 → 00:06:38 แต่กาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งกรดใน
00:06:38 → 00:06:41 กระเพาะอาหารซึ่งสำหรับผู้ที่มีแผลเดิม
00:06:41 → 00:06:44 อยู่แล้วการหลั่งกรดที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งทำ
00:06:44 → 00:06:47 ให้อาการปวดท้องหรือปวดแสบปวดร้อนแย่ลง
00:06:47 → 00:06:51 และทำให้แผลหายได้ยากขึ้นงานวิจัยบางชิ้น
00:06:51 → 00:06:54 ยังพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟในปริมาณมากกว่า 2
00:06:54 → 00:06:57 แก้วต่อวันมีแนวโน้มที่จะมีระดับกรดใน
00:06:57 → 00:07:00 กระเพาะอาหารสูงกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟซึ่ง
00:07:00 → 00:07:02 อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดแผลใน
00:07:02 → 00:07:05 กระเพาะอาหารใหม่หรือทำให้แผลเดิมกลับมา
00:07:05 → 00:07:09 เป็นซ้ำได้ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ที่มีภาวะ
00:07:09 → 00:07:12 แผลในกระเพาะอาหารและกำลังอยู่ระหว่างการ
00:07:12 → 00:07:12 รักษา
00:07:12 → 00:07:15 การงดกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะ
00:07:15 → 00:07:18 ช่วยให้อาการดีขึ้นและรักษาหายได้เร็ว
00:07:18 → 00:07:21 ครับนอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม
00:07:21 → 00:07:24 ที่มีฤทธิ์กระตุ้นกรดในกระเพาะอาหารอื่นๆ
00:07:24 → 00:07:27 เช่นน้ำอัดลมชาเขียวหรือเครื่องดื่มผสม
00:07:27 → 00:07:30 แอลกอฮอล์เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้อาการ
00:07:30 → 00:07:34 แย่ลงได้เช่นกันลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า
00:07:34 → 00:07:37 หรือน้ำสมุนไพรที่ไม่กระตุ้นกรดแทนจะช่วย
00:07:37 → 00:07:40 ให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานได้ดีขึ้นใน
00:07:40 → 00:07:43 ระยะยาวครับท่านผู้ฟังครับกาแฟเป็น
00:07:43 → 00:07:46 เครื่องดื่มที่หลายคนชื่นชอบและขาดไม่ได้
00:07:47 → 00:07:49 แต่การรับฟังร่างกายตัวเองและปรับเปลี่ยน
00:07:49 → 00:07:52 พฤติกรรมเล็กๆน้อยๆเพื่อสุขภาพที่ดีใน
00:07:52 → 00:07:56 ระยะยาวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการ
00:07:56 → 00:07:59 ลดหรือเลี่ยงการดื่มกาแฟในบางสถานการณ์
00:07:59 → 00:08:02 ไม่ใช่เรื่องของการตัดขาดความสุขแต่การลง
00:08:02 → 00:08:05 ทุนเพื่อดูแลร่างกายของคุณให้แข็งแรงและ
00:08:05 → 00:08:08 พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
00:08:08 → 00:08:11 ครับผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลในตอน
00:08:11 → 00:08:14 นี้จะเป็นประโยชน์และทำให้ทุกท่านตระหนัก
00:08:14 → 00:08:17 ถึงความสำคัญของการเลือกอาหารและเครื่อง
00:08:17 → 00:08:20 ดื่มที่เหมาะสมกับวัยและภาวะสุขภาพของตัว
00:08:20 → 00:08:23 เองนะครับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในวัน
00:08:23 → 00:08:26 นี้สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ใน
00:08:26 → 00:08:29 วันหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อครับก่อนจะปิด
00:08:29 → 00:08:32 รายการในวันนี้ขอเรียนให้คุณผู้ฟังทราบ
00:08:32 → 00:08:36 ว่าเนื้อหาในพcสนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อ
00:08:36 → 00:08:39 มูลและความรู้ทั่วไปเท่านั้นและหากมีข้อ
00:08:39 → 00:08:43 สงสัยหรือปัญหาด้านสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
00:08:43 → 00:08:45 หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทุกครั้งนะ
00:08:45 → 00:08:49 ครับหากคุณชื่นชอบพcส.นี้อย่าลืมกดติดตาม
00:08:49 → 00:08:52 และแชร์ให้เพื่อนๆหรือคนในครอบครัวที่คุณ
00:08:52 → 00:08:54 รักนะครับเพราะการแบ่งปันความรู้เป็นสิ่ง
00:08:54 → 00:08:58 ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งขอบคุณที่รับฟังแล้ว
00:08:58 → 00:09:03 พบกันใหม่ในตอนหน้าสวัสดีครับ