00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice มนุษย์เป็นคำเปรียบเปลยสำหรับ
00:00:08 → 00:00:12 บุคคลที่สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างมีความ
00:00:12 → 00:00:15 สามารถหลายๆอย่างแต่แต่ละอย่างเนี่ยมัน
00:00:15 → 00:00:18 ไม่ได้จะแบบ expert ไม่ได้จะดีเลิศสัก
00:00:18 → 00:00:19 อย่างเพราะฉะนั้นเขาก็เลยเอามาเปรียบ
00:00:20 → 00:00:23 เทียบกับคนนะคะที่แบบมีความสามารถหลาก
00:00:23 → 00:00:26 หลายเลยทำอะไรก็ได้ฟังพูดอ่านเขียนทำนู่น
00:00:26 → 00:00:29 ทำนี่ได้สารพัดเลยแต่ไม่มีอย่างไหนเลยที่
00:00:29 → 00:00:32 ถนัดหรือว่าเก่งหรือเชี่ยวชาญจริงๆคน
00:00:32 → 00:00:35 กลุ่มเนี้ยเขามักจะเกิดคำถามขึ้นมากับตัว
00:00:35 → 00:00:39 เองว่าตกลงแล้วฉันชอบอะไรอยากทำอะไรฉัน
00:00:39 → 00:00:43 ถนัดด้านไหนกันแน่คนที่แบบอะไรก็ได้อ่ะก็
00:00:43 → 00:00:46 จะถูกคนจูงชักจูงไป
00:00:46 → 00:00:50 ง่ายฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:00:50 → 00:00:54 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:54 → 00:00:58 ค่ะ This Is tha PBS podcast วันนี้
00:00:58 → 00:01:00 ค่ะคุณผู้ฟังคเราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่อง
00:01:00 → 00:01:03 ของมนุษย์เป็ดค่ะเป็นได้ทุกอย่างเลยแต่
00:01:03 → 00:01:07 ว่าบางทีก็ไม่สุดสักทางนึงเราอาจจะยังค้น
00:01:07 → 00:01:09 หาตัวเองไม่เจอหรือเปล่าหรือว่ามันเป็น
00:01:10 → 00:01:12 สิ่งที่เราต้องเป็นในทุกวันนี้เป็นได้
00:01:12 → 00:01:15 หลายๆอย่างทำได้หลายๆสิ่งหรือเปล่านะคะ
00:01:15 → 00:01:17 แล้วมันเป็นข้อดีหรือข้อเสียหรือยังไง
00:01:17 → 00:01:20 เดี๋ยววันนี้เราพูดคุยกับพันตำรวจเอกหญิง
00:01:20 → 00:01:24 แพทย์หญิงอธุรสจิตแพทย์นายแพทย์สบ 5 โรง
00:01:24 → 00:01:26 พยาบาลตำรวจค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดี
00:01:26 → 00:01:29 ค่ะคุณลีแล้วก็สวัสดีคุณผู้ฟังทางบ้าน
00:01:29 → 00:01:31 ด้วยค่ะค่ะทุกวันนี้ฟังก์ชันในการทำงาน
00:01:31 → 00:01:35 ของแต่ละคนเชื่อว่า 1 คนสามารถทำได้หลาย
00:01:35 → 00:01:36 หน้าที่เรียกว่า
00:01:36 → 00:01:39 มัลติฟังก์ชันกันเลยทีเดียวนะคะซึ่งใน
00:01:39 → 00:01:42 เรื่องนี้แน่นอนว่ามันก็จะมีคำว่ามนุษย์
00:01:42 → 00:01:44 เป็ดหลายคนอาจจะงงๆเอ๊ะมนุษย์เป็ดคืออะไร
00:01:44 → 00:01:47 เราเดินแบบเป็ดหรือเปล่าเลียนแบบเป็ดหรือ
00:01:47 → 00:01:48 เปล่าหรืออะไรยังไงเดี๋ยวให้คุณหมอได้
00:01:48 → 00:01:51 ช่วยอธิบายเรื่องของคำว่ามนุษย์เป็ดในคำ
00:01:51 → 00:01:54 นิยามหรือว่าเป็นการเทียบเปรียบเทียบหรือ
00:01:54 → 00:01:56 เปล่าอะไรอย่าเงี้ค่ะค่ะก็คำว่ามนุษย์
00:01:56 → 00:01:59 เปร็ดนะคะก็เป็นคำเปรียบเปลยสำหรับบุคคล
00:01:59 → 00:02:00 ที่
00:02:00 → 00:02:03 สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างมีความสามารถ
00:02:03 → 00:02:06 หลายๆอย่างแต่แต่ละอย่างเนี่ยมันไม่ได้จะ
00:02:06 → 00:02:09 แบบ expert ไม่ได้จะดีเลิศสักอย่างเพราะ
00:02:09 → 00:02:12 ว่าอย่างเป็ดใช่มั้ยคะเราก็ทราบว่าเป็ด
00:02:12 → 00:02:16 เนี่ยมีปีกแต่เขาจะบินได้แบบเตี๊ยๆบินได้
00:02:16 → 00:02:19 น้อยๆไม่สามารถบินได้สูงและไกลเหมือนนก
00:02:19 → 00:02:23 ใช่มั้ยคะขณะเดียวกันเป็ดเนี่ยเขามีตีน
00:02:23 → 00:02:27 เป็ดที่แบบสามารถว่ายน้ำได้แต่เป็ดเนี่ย
00:02:27 → 00:02:30 ก็ไม่สามารถว่ายน้ำได้ไวเหมือนปลาค่ะก็
00:02:30 → 00:02:34 คือเเป็นสัตว์ขึ้นบกขึ้นน้จะอยู่บนบกก็
00:02:34 → 00:02:38 ได้เล่นน้ำก็ได้นะคะคือเขาก็จะมีความถนัด
00:02:38 → 00:02:40 หลายๆอย่างแต่ว่าไม่เก่งสักอย่างเมื่อ
00:02:40 → 00:02:42 เทียบกับสัตว์ชนิดอื่นเพราะฉะนั้นเขาก็
00:02:42 → 00:02:45 เลยเอามาเปรียบเทียบกับคนนะคะกับมนุษย์
00:02:45 → 00:02:48 ที่แบบมีความสามารถหลากหลายเลยทำอะไรก็
00:02:48 → 00:02:51 ได้ฟังพูดอ่านเขียนทำนู่นทำนี่ได้สารพัด
00:02:51 → 00:02:54 เลยทำได้หลายๆอย่างแต่ไม่มีอย่างไหนเลย
00:02:54 → 00:02:57 ที่แบบถนัดหรือว่าเก่งหรือเชี่ยวชาญจริงๆ
00:02:57 → 00:03:00 นะคะเขาก็เลยเลือกคนกลุ่มนี้เเนี่ยว่า
00:03:00 → 00:03:02 มนุษย์เป็ดเรียกว่าเป็นคำเปรียบเปยดีกว่า
00:03:02 → 00:03:05 นะคะค่ะซึ่งหลายคนก็แน่นอนว่าทุกวันนี้
00:03:05 → 00:03:08 เนี่ยถ้าเกิดเข้าไปในสังคมของการทำงานใช่
00:03:08 → 00:03:11 มั้ยคะเราจะเห็นว่าเราต้องพยายามที่จะ
00:03:11 → 00:03:13 เป็นหลายๆอย่างไม่ใช่แบบว่าเป็นความ
00:03:13 → 00:03:16 เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมันเหมือนกับว่าเดี๋ยว
00:03:16 → 00:03:18 เนี้ยเอาเท่าที่ตัวเองสัมผัสจากการทำงาน
00:03:18 → 00:03:21 เนี่ยค่ะคุณหมอการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
00:03:21 → 00:03:24 เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก็ดีแต่ถ้าทำได้หลายๆ
00:03:24 → 00:03:26 อย่างก็จะยิ่งดีขึ้นเหมือนกับว่าเราจะมี
00:03:26 → 00:03:29 โอกาสมีภาษีดีกว่าคนอื่นอะไรประมาณนี้
00:03:29 → 00:03:32 ซึ่งไม่รู้ว่าแบบการเป็นหลายๆอย่างแบบ
00:03:32 → 00:03:35 เนี้ยมันดีหรือไม่ดียังไงก็ความจริงแล้ว
00:03:35 → 00:03:38 ถ้าเราคิดบวกอ่ะทุกอย่างที่เรามีทุกอย่าง
00:03:38 → 00:03:41 ที่เราเป็นมันก็ดีหมดเสมอนะคะสำหรับก็ก็
00:03:41 → 00:03:43 ต้องบอกว่าเป็นข่าวดีสำหรับมนุษย์เป็ดใน
00:03:43 → 00:03:46 ยุคนี้นะคะเพราะว่าเขามีการสำรวจค่ะว่า
00:03:46 → 00:03:49 ปัจจุบันนี้เนี่ยตลาดแรงงานหรือว่าผู้
00:03:49 → 00:03:53 ประกอบกิจการหรือว่าเจ้าของธุรกิจอะไร
00:03:53 → 00:03:57 ต่างๆเนี่ยเค้ามักจะชอบจ้างมนุษย์เป็ดคือ
00:03:57 → 00:04:00 เขาจะชอบจ้างคน 1 คนที่สทำหน้าที่หลายๆ
00:04:00 → 00:04:04 อย่างไมคจิ้มฟันยันเรือรบนะคะเัเทำทุก
00:04:05 → 00:04:06 อย่างขับรถก็ได้ทำบัญชีก็ได้ทำ
00:04:06 → 00:04:09 คอมพิวเตอร์ก็ได้โทรศัพท์ติดต่อลูกค้าก็
00:04:09 → 00:04:12 ได้อะไรแบบทุกอย่างเลยเนี่ยปัจจุบันเนี่ย
00:04:12 → 00:04:16 จะเป็นที่ต้องการนะคะแต่ขณะเดียวกันอาชีพ
00:04:16 → 00:04:18 หรือว่าคนที่แบบมีความเก่งเชี่ยวชาญเฉพาะ
00:04:18 → 00:04:21 ด้านเนี่ยก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่แต่ก็จะ
00:04:21 → 00:04:25 เฉพาะกลุ่มไปปัจจุบันสังเกตดูว่าบริษัท
00:04:25 → 00:04:29 นึงเนี่ยจะไม่จ้างพนักงานเยอะเขาจะจ้างคน
00:04:29 → 00:04:32 น้อยแต่เจะจ้างคนที่ทำได้หลหทำได้หลาย
00:04:32 → 00:04:36 อย่างแล้วก็สามารแบบควบคุม AI ได้อีกที
00:04:36 → 00:04:38 นึงเพราะเดี๋ยวเยเขาจะแบบเริ่มจ้างคนน้อย
00:04:38 → 00:04:42 ลงจะเริ่มใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้นใช้ตัว
00:04:42 → 00:04:45 ช่วยใช้ AI มากขึ้นค่ะอือแต่ถ้าเกิดมอง
00:04:45 → 00:04:47 อย่างนี้คือมันอาจจะมีคำถามขึ้นมาเหมือน
00:04:47 → 00:04:50 กันค่ะคุณหมอว่าแล้วจริงๆเราควรที่จะ
00:04:50 → 00:04:52 เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมอย่างบางคนที่ทำได้
00:04:52 → 00:04:54 หลายๆอย่างอาจจะรู้สึกว่าเออมันทำได้หลาย
00:04:54 → 00:04:56 อย่างก็จริงมันเป็นความสามารถเป็นการ
00:04:56 → 00:04:59 เรียนรู้ของเขาที่เขาสามารถทำได้หลาย
00:04:59 → 00:05:02 อย่างอนะแต่ว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่าอืมัน
00:05:02 → 00:05:05 น่าจะ expert ไปทางใดทางหนึ่งเลยหรือ
00:05:05 → 00:05:09 เปล่าอันอันไหนมันน่าจะโอเคกว่ากันในมุม
00:05:09 → 00:05:12 มองค่ะก็คือโบราณเขาบอกว่ารู้อะไรรู้
00:05:12 → 00:05:14 กระจ่างแต่อย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิด
00:05:14 → 00:05:18 จะเกิดผลนะคะถามว่ายุคสมัยนี้ใช้ได้จริง
00:05:18 → 00:05:22 มยก็ยังใช้ได้นะคะแต่ว่าเราต้องค้นหาตัว
00:05:22 → 00:05:26 เองให้เจอว่าเราถนัดอะไรทำอะไรได้ดีเลิศ
00:05:26 → 00:05:30 ด้านไหนยกตัวอย่างเช่นคนคนนึงเนี่ยคือตี
00:05:30 → 00:05:34 กอฟอย่างเดียวเลยแต่ว่าตีกอฟแบบเก่งมากจน
00:05:34 → 00:05:37 แบบได้ระดับแชมป์โลกได้กวาดรางวัลได้เงิน
00:05:37 → 00:05:39 เป็นรอยล้านพันล้านใช่มั้ยคะนี่แหละเขา
00:05:39 → 00:05:41 ไม่ต้องทำอย่างอื่นละแค่ตีกอฟเป็นอย่าง
00:05:42 → 00:05:44 เดียวเนี่ยรวยละรวยมีตังค์ละหาเลี้ยงตัว
00:05:44 → 00:05:48 เองได้ละค่ะแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะสามารถ
00:05:48 → 00:05:51 ไปอยู่จุดนั้นได้ออเพราะว่าคือมนุษย์เรา
00:05:51 → 00:05:54 เกิดมาต้องบอกว่ามนุษย์นี่เป็นสิ่งมี
00:05:54 → 00:05:57 ชีวิตที่ซับซ้อนนะเออแล้วก็มนุษย์คนนึง
00:05:57 → 00:06:01 อ่ะเข้าเรียกมันมีความพหุปัญญา multiple
00:06:01 → 00:06:05 intelligence ความถนัดความฉลาดทางปัญญา
00:06:05 → 00:06:07 เ่ะมันมีหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้าน
00:06:07 → 00:06:11 กีฬาหรือด้านร่างกายด้านคณิตศาสตร์ด้าน
00:06:11 → 00:06:15 ธรรมชาติด้านจิตวิทยาด้านสังคมด้านอะไร
00:06:15 → 00:06:18 เยอะแยะมากมายเลยดนตรีศิลปะอย่างเงี้ย
00:06:18 → 00:06:22 อย่างบางคนน่ะคือเล่นดนตรีเก่งร้องเพลง
00:06:22 → 00:06:24 เพราะอย่างเงี้ยเป็นศิลปินดังขึ้นมาก็ไม่
00:06:24 → 00:06:28 ต้องทำกับข้าวเป็นก็ได้ก็ร้องเพลงทำงาน
00:06:28 → 00:06:32 เต้นอย่างเดียวก็อสามารถหาเลี้ยงดูตัวเอง
00:06:32 → 00:06:35 ได้แล้วใช่มั้ยคะแต่มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคน
00:06:35 → 00:06:38 ที่จะไปอยู่จุดนั้นมันก็ต้องหลหลายๆอย่าง
00:06:38 → 00:06:41 ต้องมีทั้งพรสวรรค์ด้วยบวกพรแสวงด้วยบาง
00:06:41 → 00:06:45 ทีเกิดมามีบางคนเนี่ยเกิดมามีพรสวรรค์มี
00:06:45 → 00:06:48 ความสามารถด้านดนตรีแต่ถ้าคุณไม่เคยเรียน
00:06:48 → 00:06:52 เลยไม่เคยฝึกไม่เคยซ้อมเลยคุณก็อาจจะได้
00:06:52 → 00:06:55 แค่ระดับนึงนะคะแต่ว่าถ้าหากว่าได้รับการ
00:06:55 → 00:06:58 ฝึกฝนเนี่ยเออก็ก็จะสามารถแบบพัฒนาตัวเอง
00:06:59 → 00:07:02 ไปได้ดีขึ้นเร็วขึ้นอันนี้หมอขอยกตัว
00:07:02 → 00:07:05 อย่างนะคะคุณพ่อหมอเนี่ยแกไม่รู้จักโดเ
00:07:05 → 00:07:09 เรนีฟาซอลคือไม่รู้จักตัวโน้ตดนตรีไม่รู้
00:07:09 → 00:07:12 ไม่เคยไปเรียนไม่เคยอะไรคือเป็นคนแบบ
00:07:12 → 00:07:15 โบราณแล้วเกิดมาในครอบครัวที่ฐานะยักษ์ชน
00:07:15 → 00:07:18 ใช่มั้ยคะไม่ได้ไปเรียนไม่ได้มีครูด้าน
00:07:18 → 00:07:22 ดนตรีอะไรใดๆแต่เขาเห็นเปียโนมาอันนึง
00:07:23 → 00:07:26 เนี่ยเขาฟังเพลงปึ๊บเขาสามารถิดเป็นเพลง
00:07:26 → 00:07:29 นั้นได้เลยโอเอออันเนี้ยก็คือเเมี
00:07:29 → 00:07:33 พรสวรรค์น่ะเมีหูที่ดีมีเซ้นด้านดนตรี
00:07:33 → 00:07:38 เรียบเรียมเสียงที่ดีแต่เขาขาดโอกาสที่
00:07:38 → 00:07:41 เขาไม่ได้ไปเรียนขณะเดียวกันเาเจอเครื่อง
00:07:41 → 00:07:44 เมาส์ออร์แกนเนี่ยเขาไปเห็นคนเป่าปุ๊บๆๆ
00:07:44 → 00:07:46 เมาส์ออร์แกนใช่มั้ยคะสมัยก่อนอย่างเงี้ย
00:07:46 → 00:07:49 เออเขาคก็เป่าเนี่ยเขาคก็เห็นเขาคก็เก็บ
00:07:49 → 00:07:52 ตังค์แล้วเก็ไปซื้อมาเค้าก็ลองเป่าดูไล่ๆ
00:07:52 → 00:07:55 เสียงดูเ้าไม่รู้จักนะโดเรมีฟาซอลคืออะไร
00:07:55 → 00:07:58 โนตมีทั้งหมดกี่โนตเไม่รู้เคเป่าเทียบไป
00:07:58 → 00:08:01 มาเสามารถเป่าเป็นเพลงได้อืฟังเพลงปึ๊บ
00:08:01 → 00:08:05 อ่าบเพลงนี้เนี่ยเเอามาไล่แป๊บเดียวเป่า
00:08:05 → 00:08:07 เป็นเพลงได้จบเสร็จศัพท์แต่ไม่รู้โดเรมี
00:08:07 → 00:08:10 ฟาซอลอันเนี้ยยกตัวอย่างว่าเค้าอ่ะมีความ
00:08:10 → 00:08:14 มีพรสวรรค์มีความถนัดมีความคือสมองด้าน
00:08:14 → 00:08:17 ดนตรีเขาคอ่ะมาแต่ว่าเขาขาดโอกาสตรงนั้น
00:08:17 → 00:08:20 อือแต่ถ้าสมมุติว่าวัยเด็กนะเคเกิดมาใน
00:08:20 → 00:08:25 ครอบครัวที่แบบเออสนับสนุนด้านดนตรีเค้า
00:08:25 → 00:08:28 เกิดมาอาจจะไม่ไม่รวยก็ได้แต่บังเอินไป
00:08:28 → 00:08:31 เจอครูที่ที่โโรงเรียนที่แบบสอนด้านดนตรี
00:08:31 → 00:08:35 เค้าก็อาจจะคือพัฒนาได้ด้านดนตรีได้มาก
00:08:35 → 00:08:37 กว่านี้เขอาจจะสามารถเอาด้านดนตรีเนี่ยมา
00:08:37 → 00:08:41 ทำมาหากินมาประกอบอาชีพได้รายได้จากดนตรี
00:08:41 → 00:08:45 ก็ได้ใช่มั้ยคะแต่คือจะบอกว่ามนุษย์เรา
00:08:45 → 00:08:48 อ่ะโอกาสมันไม่เท่ากันเนาะเออเพราะฉะนั้น
00:08:48 → 00:08:50 เนี่ยเราเกิดมาเราเป็นยังไงเราก็ต้อง
00:08:50 → 00:08:54 ศึกษาเราก็ต้องเรียนรู้ตัวเองว่าเราเนี่ย
00:08:54 → 00:08:58 ถนัดด้านไหนเราอ่ะเชี่ยวชาญด้านไหนเราชอบ
00:08:58 → 00:09:01 ด้านไหนแล้วก็ฝึกพัพัฒนาให้มันเก่งให้มัน
00:09:01 → 00:09:05 เชี่ยวชาญอือฮึอือถ้าฟังแบบนี้แล้วดูดู
00:09:05 → 00:09:08 เหมือนว่าถ้าย้อนไปในยุคก่อนๆในเจนก่อนๆ
00:09:09 → 00:09:11 เนี่ยเนาะเขาก็จะต้องแบบอย่างน้อยต้องมี
00:09:11 → 00:09:13 ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างใดอย่างหนึ่ง
00:09:13 → 00:09:17 มีพรสวรรค์และแล้วเขาก็มีพรแสวงซึ่งก็ทำ
00:09:17 → 00:09:20 ให้เอ่อบางคนประสบความสำเร็จในการทำงานก็
00:09:20 → 00:09:23 เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างที่เวลาตำแหน่งทาง
00:09:23 → 00:09:25 วิชาการก็จะต้องเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
00:09:25 → 00:09:28 อะไรประมาณนี้ใช่มั้ยคะแต่ในยุคทุกวัน
00:09:28 → 00:09:30 เนี้อีกเจนนึงขึ้นมาเนี่ยเป็นเจนใหม่ๆ
00:09:30 → 00:09:34 เนี่ยน้องๆหลายคนเคก็เก่งเนาะแบบฟังก์ชัน
00:09:34 → 00:09:37 ต่างๆหลายๆอย่างเสามารถเรียนรู้ได้ไวทำ
00:09:37 → 00:09:40 ออกมาได้หลายๆรูปแบบเลยแต่มันก็บางคนบอก
00:09:40 → 00:09:43 อุ๊ยแต่มันก็เป็นข้อเสียเปรียบนะแต่บางคน
00:09:43 → 00:09:46 ก็บอกว่าเอ้ยมันมันก็ดีนะเราสามารถที่จะ
00:09:46 → 00:09:49 ทำได้ในทุกสถานการณ์มันทำให้หลายคนบอกว่า
00:09:49 → 00:09:51 เอ๊ะตกลงแล้วเราควรจะเป็นยังไงเราควรจะ
00:09:52 → 00:09:55 ค้นหาตัวเองมหรือว่าเราควรจะไปอย่างเงี้ย
00:09:55 → 00:09:57 เรื่อยๆไอ้การไปอย่างนี้เรื่อยๆเป็นได้
00:09:57 → 00:09:59 หลายๆอย่างเงี้ยมันจะทำให้
00:09:59 → 00:10:03 เกิดอะไรได้บ้างในอนาคตนะคเช่นแบบเออทำไม
00:10:03 → 00:10:06 เราไปไม่สุดสักทางหรือว่าแบบมันเสียเวลา
00:10:07 → 00:10:10 มั้ยหรืออะไรเงี้ยค่ะก็ต้องบอกว่าการเป็น
00:10:10 → 00:10:14 มนุษย์เป็ดหรือว่าคนที่มีสามารถทำทักษะ
00:10:14 → 00:10:17 อะไรได้หลายๆอย่างอันนี้ก็ได้ทำ
00:10:17 → 00:10:20 คอมพิวเตอร์พูดคุยก็ได้ดูแลลูกค้าอะไรก็
00:10:20 → 00:10:23 ได้คือมีความถนัดหลายๆอย่างหรือบางคนทำ
00:10:23 → 00:10:27 กับข้าวก็อร่อยบางคนดนตรีก็ได้บางคนศิลปะ
00:10:27 → 00:10:29 ก็ได้คือคนกลุ่มนี้เนี่ยก็ต้องบอกว่ามี
00:10:29 → 00:10:34 ข้อดีตรงที่เค้าสามารถทำงานได้หลายๆอย่าง
00:10:34 → 00:10:37 หลายๆด้านแล้วก็เค้ามีการศึกษาพบว่าคน
00:10:37 → 00:10:40 กลุ่มเนี้ยจะสามารถปรับตัวกับที่ทำงานได้
00:10:40 → 00:10:44 ดีกว่าคนที่แบบมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
00:10:45 → 00:10:47 มากๆแล้วก็คนกลุ่มเนี้ยสามารถที่จะคาด
00:10:47 → 00:10:51 การณ์เหตุการณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเนี่ย
00:10:51 → 00:10:54 เขาจะสามารถคาดการ์คำนวนแล้วก็แก้ไขปัญหา
00:10:54 → 00:10:58 สถานการณ์โดยการใช้ทักษะหลายๆอย่างที่เขา
00:10:58 → 00:10:59 มีเนี่ยทำให้เ
00:10:59 → 00:11:03 อยู่รอดปลอดภัย Survive ได้ในวงการหน้า
00:11:03 → 00:11:06 ที่การงานของเขานะคะอันนี้เนี่ยเป็นข้อดี
00:11:06 → 00:11:09 แต่มันก็จะมีข้อเสียตรงนี้แหละค่ะที่คน
00:11:09 → 00:11:12 กลุ่มเนี้ยเขามักจะเกิดคำถามขึ้นมากับตัว
00:11:12 → 00:11:16 เองว่าตกลงแล้วฉันชอบอะไรตกลงแล้วฉันอยาก
00:11:16 → 00:11:20 ทำอะไรตกลงแล้วฉันถนัดด้านไหนกันแน่ขณะ
00:11:20 → 00:11:23 เดียวกันคนกลุ่มนี้บางทีจะรู้สึกแบบต้อย
00:11:23 → 00:11:25 ต่ำ inferiority ต่ำต้อยด้อยค่าว่าเอ๊ะ
00:11:25 → 00:11:30 ทำไมฉันไม่เชี่ยวชาญเหมือนเอ่ะดนตรีฉันก็
00:11:30 → 00:11:32 เล่นได้นะแต่ฉันไม่ expert ฉันไม่เก่งฉัน
00:11:32 → 00:11:35 ไม่อัจฉริยะไม่จีเนียสเหมือนเค้าอ่ะเออ
00:11:35 → 00:11:40 บางคนก็จะรู้สึกแบบน้อยเนื้อต่ำใจนะคะบาง
00:11:40 → 00:11:43 คนก็รู้สึกสับสนว่าเออตกลงแล้วเนี่ยชีวิต
00:11:43 → 00:11:46 กูเอาอะไรกันแน่เนี่ยจะไปทางไหนเออจะไป
00:11:46 → 00:11:48 ทางไหนดีงงไปหมดซึ่งอันเนี้ยมีเด็กวัย
00:11:48 → 00:11:51 รุ่นหลายๆคนหรือแม้แต่คนวัยทำงานเนี่ยมา
00:11:51 → 00:11:54 ปรึกษาจิตแพทย์เรื่องนี้เยอะเหมือนกัน
00:11:54 → 00:11:57 เพราะว่าสิ่งที่ตามมาก็คือจะสับสนในชีวิต
00:11:57 → 00:11:59 ว่าค่ะไม่รู้ว่า
00:11:59 → 00:12:02 อยากทำอะไรกันแน่โดยเฉพาะถ้าเป็นกลุ่มคน
00:12:02 → 00:12:06 ที่แบบอะไรก็ได้อ่ะเออพวกเนี้ยก็จะถูกคน
00:12:06 → 00:12:10 จูงชักจูงไปง่ายจูงไปด้านนี้ทีด้านนู้นที
00:12:10 → 00:12:14 เออไปหมดไปได้อ่ะทำได้ไงทำแต่ว่าทำแล้ว
00:12:14 → 00:12:17 ไม่ได้เก่งเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาบางที
00:12:17 → 00:12:20 ก็จะรู้สึกแบบต่ำต้อยด้อย่าซึ่งอันเนี้ย
00:12:20 → 00:12:25 อยากจะบอกว่าไม่ต้องไปรู้สึกแย่หรอกคือ
00:12:25 → 00:12:27 มนุษย์เกิดมาเราเกิดมาไม่เหมือนกันน่ะเรา
00:12:27 → 00:12:30 มีความถนัดเรามีความเชวานไม่เหมือนกันนะ
00:12:30 → 00:12:33 บางทีเราก็อยากจะเก่งด้านดนตรีเหมือน
00:12:33 → 00:12:35 เพื่อนน่ะแต่ว่าสมองเราได้แค่เนี้ยเราก็
00:12:35 → 00:12:38 ต้องยอมรับบางทีเราแบบอยากจะเก่งกีฬา
00:12:38 → 00:12:41 เหมือนเพื่อนอยากจะตีกอล์ฟได้เหมือน
00:12:41 → 00:12:44 เพื่อนแต่มันได้แค่นี้อ่ะเออบางทีเราก็
00:12:44 → 00:12:47 ต้องยอมรับในสิ่งที่เราเป็นแล้วเราก็ค้น
00:12:47 → 00:12:51 หาว่าอะไรที่เราถนัดอะไรที่เราชอบนะคะ
00:12:51 → 00:12:53 เพราะฉะนั้นเนี่ยคนที่กำลังเป็นมนุษย์
00:12:53 → 00:12:56 เป็ดอยู่ทุกวันนี้นะคะอยากจะบอกว่าไอ้
00:12:56 → 00:12:59 สิ่งที่คุณทำได้หลายๆอย่างถนัดหลายหลาย
00:12:59 → 00:13:01 อย่างเนี่ยอันเนี้ยต้องบอกว่าเป็นจุดแข็ง
00:13:01 → 00:13:05 เป็น Strength ของคุณนะอืรักษามันไว้ไม่
00:13:05 → 00:13:08 ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถหลายๆอย่าง
00:13:08 → 00:13:11 เหมือนคุณเอออันเนี้ยให้ภูมิใจในตัวเอง
00:13:11 → 00:13:14 เลยแล้วก็ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ
00:13:14 → 00:13:18 กับใครแต่คือให้ดูว่าแล้วเราอ่ะอยากจะทำ
00:13:18 → 00:13:21 อะไรเรามีความสุขตรงไหนเราชอบตรงไหนแล้ว
00:13:21 → 00:13:24 เราถนัดด้านไหนเป็นพิเศษแล้วก็พัฒนาใน
00:13:24 → 00:13:29 ส่วนนั้นไปนะคะะบางทีคือแต่มนุษย์เราเรา
00:13:29 → 00:13:33 อ่ะเรามักจะชอบในสิ่งที่เราถนัดสังเกตดู
00:13:33 → 00:13:35 เพราะว่าอะไรที่เราไม่ถนัดน่ะเล่นแป๊บ
00:13:35 → 00:13:37 เดียวทำแป๊บเดียวเราจะเบื่อละเราจะแบบ
00:13:37 → 00:13:40 โอ๊ยทำไมเหนื่อยจังเลยแบบทำไมมันยังไม่
00:13:40 → 00:13:43 ได้ซะทีอ่ะเออเพราะฉะนั้นเราก็จะเบื่อ
00:13:43 → 00:13:46 แล้วก็จะซาาไปเองแต่ว่าถ้าตรงไหนที่เรา
00:13:46 → 00:13:50 ชอบอ่ะเราชอบเรามีความถนัดเราก็จะชอบฝึก
00:13:50 → 00:13:53 ไปแล้วมันก็จะพัฒนาแล้วก็จะรู้สึกภาคภูมิ
00:13:53 → 00:13:57 ใจในตัวเองค่ะอืก็มีเคยถามน้องๆที่เป็น
00:13:57 → 00:14:01 นักศึกษาฝึกงานค่ะคุณหมอว่าเอ่อจบไปแล้ว
00:14:01 → 00:14:03 เนี่ยเคอยากทำอะไรคำตอบที่ได้ส่วนใหญ่บอก
00:14:03 → 00:14:06 ยังไม่รู้เลยค่ะหลายคนจะตอบแบบนี้มันจะ
00:14:06 → 00:14:09 ไม่เหมือนกับเราในสมัยก่อนว่าโตขึ้นเนี่ย
00:14:09 → 00:14:12 เป็นอะไรเราจะมีเป้าหมายในชีวิตค่อนข้าง
00:14:12 → 00:14:15 ชัดเจนแต่จะโตมาจะเป็นได้อย่างที่เราคิด
00:14:15 → 00:14:17 หรือเปล่าเนี่ยอีอีกเรื่องนึงเพราะมันมี
00:14:17 → 00:14:20 หลายปัจจัยแต่ก็เห็นใจน้องๆว่าเฮ้ยถ้า
00:14:20 → 00:14:22 ขนาดนี้แล้วเนี่ยใกล้เรียนจบแล้วเนี่ยเขา
00:14:22 → 00:14:26 ยังไม่สามารถที่จะคิดว่าตัวเองเอ่อถนัด
00:14:26 → 00:14:29 อะไรหรืออยากจะทำอะไรแล้วก็ไปลองเอาในขณะ
00:14:29 → 00:14:32 ที่แบบฝึกงานแล้วค่อยมาดูว่าโอเคฉันชอบ
00:14:33 → 00:14:35 แบบนี้มันเหมือนเป็นการลองไปเรื่อยๆมันจะ
00:14:35 → 00:14:39 เหนื่อยอ่ะสิคะค่ะก็ต้องบอกว่าเด็กเเรช
00:14:39 → 00:14:43 ใหม่อ่ะถ้าเราถามเขาว่าเออโตขึ้นอยากทำ
00:14:43 → 00:14:46 อะไรโตขึ้นอยากเป็นอะไรคำตอบนึงที่เด็กจะ
00:14:46 → 00:14:52 รู้คืออยากรวยอออยากรวยแต่ไม่รู้ว่า How
00:14:52 → 00:14:55 to จะรวยเนี่ยจะทำยังไงถามว่าชอบอะไร
00:14:55 → 00:14:57 เนี่ยเอออันนี้ก็ชอบอันนี้ก็ได้อันนี้ก็
00:14:58 → 00:15:00 คือต้องบอกว่าเด็กเเรชใหม่อ่ะค่ะเขาเกิด
00:15:00 → 00:15:03 มาพร้อมกับยุคข้อมูลข่าวสารเค้ามีข้อมูล
00:15:03 → 00:15:08 เค้าแบบมองเห็นเค้าโลกเ้าเปิดกว้างแบบมัน
00:15:08 → 00:15:11 ไร้ขีดไร้พรมแดนไม่เหมือนยุคเราสมัยเรา
00:15:11 → 00:15:14 อ่ะเนาะเออเด็กยุคใหม่อ่ะเขาคข้อมูลเยอะ
00:15:14 → 00:15:19 เคเห็นอะไรมาเยอะอ่าแต่บางทีก็ต้องบอกว่า
00:15:19 → 00:15:22 การศึกษาบ้านเราอ่ะบางครั้งมันไม่ได้ส่ง
00:15:22 → 00:15:25 เสริมให้เด็กได้ทดลองปฏิบัติให้เรียนรู้
00:15:25 → 00:15:28 ตัวเองอ่ะค่ะเหมือนมันเป็นการศึกษาที่แบบ
00:15:29 → 00:15:31 แบบทุกคนเรียนเหมือนกันหมดเลยฟิสิกส์
00:15:31 → 00:15:33 เคมีชีวะ
00:15:33 → 00:15:37 แบบเออเรียนแบบเดียวกันมาแล้วไม่ได้แบบ
00:15:37 → 00:15:40 มุ่งเน้นให้เด็กลองแบบลงมือปฏิบัติลองค้น
00:15:40 → 00:15:44 หาเรื่องอาชีพว่าอาชีพมันเป็นอะไรยังไง
00:15:44 → 00:15:47 ชอบทำอะไรคือข้อมูลตรงนี้ยังน้อยอยู่ขณะ
00:15:47 → 00:15:51 เดียวกันระดับมหาวิทยาลัยบางทีก็ยังแบบ
00:15:51 → 00:15:57 เป็นแสอ่ะสอนคือไม่ได้ส่งเสริมให้เด็กแบบ
00:15:57 → 00:16:00 ค้นหาตัวเองอย่างแท้จริงอ่ะออซึ่งอันนี้
00:16:00 → 00:16:03 ก็อยากให้ปรับปรุงการศึกษาบ้านเราให้ดี
00:16:03 → 00:16:07 ขึ้นเนาะให้เด็กแบบเออค้นหาตัวเองเจอรู้
00:16:07 → 00:16:10 ว่าตัวเองชอบอะไรอันนี้มันก็ต้องบอกว่า
00:16:10 → 00:16:14 โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาก็มีส่วนอัน
00:16:14 → 00:16:17 อีกอันนึงก็คือครอบครัวก็มีส่วนที่จะส่ง
00:16:17 → 00:16:20 เสริมสนับสนุนให้เด็กแบบอมองเห็นศักยภาพ
00:16:20 → 00:16:23 ตัวเองค้นหาศักยภาพตัวเองแล้วก็ส่งเสริม
00:16:23 → 00:16:27 เขไปค่ะอกว่าจะมาค้นหาตัวเองเจอก็ใช้ระยะ
00:16:27 → 00:16:29 เวลานานซึ่งมันมันก็เสียเวลาไปอยู่พอสม
00:16:29 → 00:16:32 ควรมีอยู่สถาบันนึงค่ะขออนุญาตไม่ได้เอ่ย
00:16:32 → 00:16:35 เอ่ยถึงนะคะชื่อว่าเป็นสถาบันอะไรแต่ว่า
00:16:35 → 00:16:37 เคยเข้าไปศึกษาดูงานณที่นั้นค่ะคุณหมอ
00:16:37 → 00:16:40 เค้าก็จะให้เด็กเนี่ยได้มาเรียนรู้ถึงการ
00:16:40 → 00:16:43 ทำงานจริงๆคือเรียน 4 ปีเหมือน
00:16:43 → 00:16:46 มหาวิทยาลัยทั่วไปล่ะค่ะแต่ว่าในปี 2 3
00:16:46 → 00:16:49 4 หรืออะไรอย่าเงี้ยก็เริ่มแบบเข้ามาลง
00:16:49 → 00:16:52 ในการที่จะไปทำเพื่อที่ออกมาประกอบอาชีพ
00:16:52 → 00:16:55 จริงๆเอ้ยมันก็ดีเนอะมันไม่ต้องมาเสีย
00:16:55 → 00:16:58 เวลาว่าในระยะเวลา 4 ปีเนี่ยกว่าเราจะ
00:16:58 → 00:17:00 มาเรียนเอ่อเราเรียนพื้นฐานทั่วไปก่อน
00:17:00 → 00:17:02 แล้วค่อยมาเรียนเฉพาะทางแล้วแต่เราจะ
00:17:02 → 00:17:05 เลือกใช่มมคะมันก็อาจจะทำให้หลายคนแบบบาง
00:17:05 → 00:17:09 ทีเรียนไปแล้วอ่ะเฮ้ยไม่ชอบอ่ะมันปี 4
00:17:09 → 00:17:11 แล้วอ่ะหรือว่าปี 3 หรือปี 2 ระหว่างทาง
00:17:11 → 00:17:13 อย่างเงี้ยมันก็ต้องย้อนกลับมามันก็เลย
00:17:13 → 00:17:15 กลายเป็นเสียเวลาแต่อันนี้สถาบันนี้คือ
00:17:15 → 00:17:19 แบบเออแนวคิดเขาโอเคนะอันนี้ไม่ได้มา
00:17:19 → 00:17:22 โฆษณานะคะคุณผู้ฟังแต่ว่าเอ่อในการที่ทำ
00:17:22 → 00:17:25 ให้เด็กเนี่ยได้ได้รู้ว่าตัวเองออกมาจบมา
00:17:25 → 00:17:28 แล้วทำอะไรแล้วก็ได้เรียนรู้ผ่า
00:17:29 → 00:17:31 ประสบการณ์จริงจากตั้งแต่ในช่วงที่เรียน
00:17:31 → 00:17:34 เนี่ยมันก็ทำให้เขาได้เห็นถึงว่าการแก้
00:17:34 → 00:17:37 ปัญหาสิ่งที่เขาต้องเผชิญหรือความเป็น
00:17:37 → 00:17:40 จริงที่เกิดขึ้นเนี่ยมันคืออะไรเอออันนี้
00:17:40 → 00:17:41 มันดีเหมือนกันเนาะไม่ต้องมานั่งเป็น
00:17:41 → 00:17:44 มนุษย์เแบบรองหลายๆอย่างใช่ค่ะจริงๆอ่ะ
00:17:44 → 00:17:47 การเรียนปัจจุบันน่ะเขาเน้นเรื่องการ
00:17:47 → 00:17:50 ปฏิบัติคือทฤษฎีจะมีส่วนนึงแล้วก็ปฏิบัติ
00:17:50 → 00:17:54 เนี่ยอยิ่งคือการศึกษายุคใหม่ๆอ่ะแต่ก่อน
00:17:54 → 00:17:58 คือทฤษฎีอซัก 80 ปฏิบัติ 20 ตอนหลังๆ
00:17:58 → 00:18:00 เนี่ยที่ทฤษฎีจะเหลือแค่ 20 แล้วนะคะ
00:18:00 → 00:18:03 ปฏิบัติจะไป 80 ละคือการลงมือการไป
00:18:03 → 00:18:07 ปฏิบัติเนี่ยก็จะทำให้เด็กเนี่ยเาเห็นตัว
00:18:07 → 00:18:11 เองมากขึ้นว่าเาแบบชอบอะไรถนัดอะไรซึ่ง
00:18:11 → 00:18:15 บางทีอ่ะเราพบว่าเด็กจบการศึกษาระดับ
00:18:15 → 00:18:19 ปริญญาตรีจบมายังทำอะไรไม่เป็นแม้แต่อ่ะ
00:18:19 → 00:18:23 จบเฉพาะด้านอ่ะจบยกตัวอย่างเช่นวิศวะไฟฟ
00:18:23 → 00:18:27 ฟ้าอย่างเงี้ยจบมาอ่ะเรียนได้รับปริญญานะ
00:18:27 → 00:18:32 แต่จะทำงานเป็นจะออกแบบอะไรไฟฟ้าวงจร
00:18:32 → 00:18:36 อาคารระดับใหญ่ได้ก็ต้องมาฝึกงานกันต่อออ
00:18:36 → 00:18:41 เอออย่างแม้แต่หมอเนี่ยแต่หมอเราก็จะมี
00:18:41 → 00:18:44 สแตนดาร์ดก็คือเรียนจบมาก็จะรักษาโรคทั่ว
00:18:44 → 00:18:48 ไปได้แต่ยังไม่เก่งนะอืเออก็คุณก็จะทั่ว
00:18:48 → 00:18:51 ไปจริงๆอ่ะรู้ทุกระบบทุกด้านเลยแต่ก็
00:18:51 → 00:18:54 รักษาได้ระดับนึงแต่ว่าไม่ได้มีความ
00:18:54 → 00:18:57 เชี่ยวชาญถ้าโรคที่มีความซับซ้อนอะไรก็
00:18:57 → 00:18:59 ต้องส่งแพ่
00:18:59 → 00:19:02 เฉพาะทางเฉพาะด้านอีกทีนึงอืคือทุกอาชีพ
00:19:02 → 00:19:04 มันจะมีมีความเฉพาะด้านแตกต่างกันออกไป
00:19:05 → 00:19:07 อย่างเงี้ยแต่ถ้าเกิดเรายังมัวเป็นมนุษย์
00:19:07 → 00:19:09 มนุษย์เป็ดมัลติฟังก์ชันกันอยู่แบบนี้
00:19:09 → 00:19:11 เนี่ยมันก็ไม่แต่แต่ความรู้สึกว่าแม้
00:19:11 → 00:19:14 กระทั่งบางทีทุกวันนี้เนี่ยสิ่งที่เจอคือ
00:19:14 → 00:19:17 อเราอาจจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในบาง
00:19:17 → 00:19:19 อย่างแต่เราก็ต้องทำอย่างอื่นด้วยมันเป็น
00:19:19 → 00:19:22 สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ใหม่หลายๆอย่าง
00:19:22 → 00:19:24 เงี้ยค่ะแล้วใน 1 คนต้องทำได้หลายอย่าง
00:19:24 → 00:19:27 เราถึงจะมีโอกาสเราเราอย่างใดอย่างหนึ่ง
00:19:27 → 00:19:29 เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วอ่ะใช่ค่ะเพราะ
00:19:29 → 00:19:32 อย่างที่บอกอค่ะปัจจุบันตลาดแรงงานเนี่ย
00:19:32 → 00:19:35 เขาจ้างคนน้อยเขาจะเน้นคนที่แบบทำได้หลาย
00:19:35 → 00:19:39 อย่างซึ่งเราก็พบว่ามนุษย์ทำงานน่ะค่ะ
00:19:39 → 00:19:42 มนุษย์เงินเดือนหลายๆคนน่ะก็ซัฟเฟอร์จาก
00:19:42 → 00:19:47 เรื่องนี้ก็คือชันคือสมัครงานมาในตำแหน่ง
00:19:47 → 00:19:50 เนี้ยผู้เชี่ยวชาญด้านเนี้ยแต่พอในทาง
00:19:50 → 00:19:53 ปฏิบัติอ่ะทำทุกอย่างเลยตั้งแต่แม่บ้าน
00:19:53 → 00:19:57 ยันบัญชีคอมพิวเตอร์พนักงานขับรถทำหมดทุก
00:19:57 → 00:20:01 อย่างส่งของเองได้ด้วยเหรอใช่ทำทุกอย่าง
00:20:01 → 00:20:03 ทุกสิ่งเลยบางคนก็รู้สึกซัฟเฟอร์กับตรง
00:20:03 → 00:20:06 นี้ว่าเอ๊ะตกลงเนี่ยเค้าจ้างเรามาทำอะไร
00:20:06 → 00:20:08 กันแน่เนี่ยคือมารู้อีกทีตอนที่เข้ามาทำ
00:20:08 → 00:20:12 งานแล้วตอนตอนตอนสมัครเนี่ยมันตำแหน่งนี้
00:20:12 → 00:20:13 ยังไม่ได้รู้ว่าจะต้องอะไรบ้างแต่พอเข้า
00:20:13 → 00:20:17 มาจริงๆโอ้โหล้าเหมือนกันนะใช่ก็หลายๆคน
00:20:18 → 00:20:21 ก็รู้สึกแบบซัฟเฟอร์กับตรงนี้แต่จริงๆถ้า
00:20:21 → 00:20:25 ให้คิดบวกนะอเออมีงานทำก็ดีแล้วสิ้นเดือน
00:20:25 → 00:20:29 ได้เงินก็ดีแล้วเอเออตรงไหนที่เคเห็นคุณ
00:20:29 → 00:20:32 ค่าเราตรงไหนที่เราอยู่เราแฮปปี้สบายใจ
00:20:32 → 00:20:37 ตรงไหนที่เราอยู่แล้วเรามีความสุขก็อยู่
00:20:37 → 00:20:40 ไปแต่ว่าถ้าอยู่ตรงไหนแล้วมันไม่สบายใจ
00:20:40 → 00:20:44 คับที่อยู่ง่ายคับใจอยู่ยากที่ที่แบบเขา
00:20:44 → 00:20:47 ไม่ให้ฆ่าเราบางทีเราก็ต้องพิจารณาตัวเอง
00:20:47 → 00:20:50 เนาะแล้วก็มองหาที่ไหนที่เหมาะกับเราบาง
00:20:50 → 00:20:53 ทีก็ต้องบอกว่ามนุษย์เราเกิดมาเราไม่ได้
00:20:54 → 00:20:56 เก่งทุกอย่างนะเออเพราะฉะนั้นเราต้อง
00:20:56 → 00:20:59 เลือกอยู่ให้ถูกที่ไงบางบางทีอ่ะเราเกิด
00:20:59 → 00:21:01 มาเป็นปลาเราควรจะอยู่ในน้ำว่ายน้ำมีความ
00:21:01 → 00:21:05 สุขลั้นลาของเราเราเป็นปลาจะให้เราแบบมา
00:21:05 → 00:21:09 ปีนต้นไม้มันก็เป็นไปไม่ได้เออบางทีเราก็
00:21:09 → 00:21:13 ต้องหาว่าเออเราชอบอะไรเราถนัดตรงไหนเรา
00:21:13 → 00:21:15 ทำตรงไหนแล้วมีความสุขเนาะแล้วเราก็พัฒนา
00:21:16 → 00:21:19 ตัวเองไปคือจะบอกว่าบางอย่างการเสียเวลา
00:21:19 → 00:21:22 อย่างเงี้ยอคืออย่าไปคิดว่ามันเสียเวลา
00:21:22 → 00:21:25 โดยเป่าประโยชน์ตรงความเสียเวลาตรงนั้น
00:21:25 → 00:21:28 น่ะเราก็ได้ศึกษาแล้วก็ได้ค้นหาแล้วก็ได้
00:21:28 → 00:21:32 ค้นพบตัวเองเราก็ได้ประสบการณ์หลายๆอย่าง
00:21:32 → 00:21:34 ที่เงินมันซื้อไม่ได้คืออยากจะบอกว่าทุก
00:21:35 → 00:21:37 สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเราอ่ะมันดีทั้ง
00:21:37 → 00:21:40 นั้นแหละมันเพื่อจะส่งเราไปอยู่ในจุดที่
00:21:40 → 00:21:45 เราดีขึ้นอือืบางทีแบบอย่าไปรู้สึกแย่มัน
00:21:45 → 00:21:48 ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปมันเป็นอดีตไง
00:21:48 → 00:21:51 เราแก้ไขไม่ได้ไงแต่ว่าเราก็สามารถแบบ
00:21:51 → 00:21:54 เรียนรู้จากอดีตได้แล้วก็ทำปัจจุบันให้
00:21:54 → 00:21:57 มันดีขึ้นอืงั้นก็ง่ายๆว่าเอ่อมนุษย์เป็ด
00:21:57 → 00:22:00 เนี่ยจริงๆมันก็มีข้อดีนะคือเค้าสามารถทำ
00:22:00 → 00:22:01 ได้หลายอย่างเนี่ยวันนึงเขาคก็มี
00:22:01 → 00:22:04 ประสบการณ์ในหลายๆทางอาจจะทำให้เค้าเห็น
00:22:04 → 00:22:07 ว่าตัวเองชอบอะไรในในในสิ่งที่เขาทำมา
00:22:07 → 00:22:09 ทั้งหมดเนี่ยแล้วรู้สึกชอบสิ่งนั้นอาจจะ
00:22:09 → 00:22:12 ไปหาความรู้เพิ่มเติมหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:22:12 → 00:22:14 ทำให้เขา expert ในด้านใดด้านหนึ่งในขณะ
00:22:14 → 00:22:17 เดียวกันเก็สามารถทำได้หลายๆอย่างได้เช่น
00:22:17 → 00:22:21 เดียวกันแต่มันอาจจะมีในแง่ที่เป็นข้อ
00:22:21 → 00:22:23 เสียเปรียบคือมันมันไม่สามารถที่จะเป็น
00:22:23 → 00:22:26 ผู้เชี่ยวชาญในเฉพาะทางในขณะนั้นได้ในทัน
00:22:26 → 00:22:29 ทีอาศัยประสบการณ์ถ้าเป็นถ้าเป็นเด็กๆก็
00:22:29 → 00:22:32 ยังพอมีแรงนะคะคุณหมอถ้าเกิดแบบไปเริ่ม
00:22:32 → 00:22:35 แบบเอ่อยิ่งยุคสมัยนี้เนี่ยทำงานมันต้อง
00:22:35 → 00:22:39 หลายๆอย่างเนี่ยงมันก็จะไม่ไหวเหมือนกัน
00:22:39 → 00:22:43 เนอะค่ะแต่หลายๆคนเลยนะคะก็มาเรียนรู้มา
00:22:43 → 00:22:47 รู้จักตัวเองตอนอายุ 60 70 ก็มีนะอืเออ
00:22:47 → 00:22:50 ก็ได้มาเรียนรู้ตัวเองว่าเออตกลงแล้วเรา
00:22:50 → 00:22:53 ชอบอะไรคือจะบอกว่าชีวิตมันคือการเรียน
00:22:53 → 00:22:56 รู้อ่ะคะแล้วก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆบางทีวัน
00:22:56 → 00:22:58 เนี้ยเราคิดว่าเราชอบอันเนี้ย
00:22:58 → 00:23:01 อีก 10 ปีผ่านไปเราอาจจะไม่ชอบแล้วก็ได้
00:23:01 → 00:23:03 เพราะว่ามนุษย์น่ะเปลี่ยนเสมอทุกอย่าง
00:23:03 → 00:23:08 เปลี่ยนได้เสมอแต่ว่าคือเราเกิดมาเราก็
00:23:08 → 00:23:11 ต้องยอมรับว่าเราเกิดมาพร้อมกับศักยภาพใน
00:23:11 → 00:23:15 ตัวเองเราก็เหมือนเพชรเม็ดนึงอ่ะที่มัน
00:23:15 → 00:23:17 ต้องอาศัยการเจียรไนเนาะมันถึงจะเป็นเพชร
00:23:18 → 00:23:21 ที่งดงามไงถ้ามันไม่ได้เจียรนัยมันก็เป็น
00:23:21 → 00:23:24 ก้อนกรวดคนก็เห็นก็ไม่ได้ให้ค่าให้ราคา
00:23:24 → 00:23:27 ใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็ต้องมั่น
00:23:27 → 00:23:30 ใจแล้วก็ต้องภูมิใจแล้วก็ต้องรักตัวเองใน
00:23:30 → 00:23:34 แบบที่เราเป็นน่ะเราเกิดมาเป็นแบบไหนเออ
00:23:34 → 00:23:37 เราก็ยอมรับตัวเองในแบบนั้นแล้วก็พัฒนา
00:23:37 → 00:23:40 มันไปยกตัวอย่างหมอแอร์ก็เป็นคนนึงนะคะ
00:23:40 → 00:23:43 ที่เป็นมนุษย์เป็ดหมอแอเเนี่ยสมัยเรียนนะ
00:23:43 → 00:23:47 คะคือกีฬาเนี่ยหวยแตกคือไปเล่นกีฬาเล่น
00:23:47 → 00:23:50 อะไรก็แล้วแต่จะเป็นตัวแถมที่อาเอาแอร์ไป
00:23:50 → 00:23:53 อยู่ข้างนั้นนะจะเป็นตัวแถมที่แบบจะได้
00:23:53 → 00:23:56 บวกคะแนนเพิ่มอะไรอารมณ์นั้นคือไม่มีความ
00:23:56 → 00:24:00 สามารถใดๆเลยดนตรีก็แบบดีดได้ป๊าแป๊ะป
00:24:00 → 00:24:03 แป๊ะแต่ว่าก็จะเป็นผู้นำน้านดนตรีเสมอก็
00:24:03 → 00:24:07 คือผู้นำน้านจังหวะคือจังหวะใช่นำไปก่อน
00:24:07 → 00:24:12 แล้วค่ะเออก็คือไม่มีความถนัดอะไรใดๆเลยอ
00:24:12 → 00:24:14 เพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็ต้องแบบเออยอมรับ
00:24:15 → 00:24:18 ตัวเองเราจะไปแข่งกีฬากับเพื่อนเป็นนัก
00:24:18 → 00:24:22 บาสชูตอะไรเนี่ยก็ต้องบอกว่าคือกว่าจะ
00:24:22 → 00:24:26 ซ้อมคือกว่าจะแบบเวลามีเรียนวิชาพละอะไร
00:24:26 → 00:24:29 เงี้ยกว่าหมอแอจะผ่านได้เนี่ยเราต้องใช้
00:24:29 → 00:24:32 ความพยายามมากกว่าคนอื่นเพราะว่าร่างกาย
00:24:32 → 00:24:36 เรามันคล้ซี่ไปหมดอ่ะเออโยนลูกบาสให้เข้า
00:24:36 → 00:24:39 ก็ไม่มีแรงตัวก็เล็กผอมกล่องคือสู้เพื่อน
00:24:39 → 00:24:43 ที่เขาเออหน่วยก้านดีคล่องแค้วไม่ได้เรา
00:24:43 → 00:24:46 ก็ต้องยอมรับตรงนี้แล้วเราก็ค้นหาว่าเออ
00:24:46 → 00:24:49 เราถนัดอะไรพอดีว่าเป็นคนแบบเออความจำดี
00:24:49 → 00:24:52 หน่อยเออเรียนเรียนเก่งด้านทฤษฎีอ่ะอ่าน
00:24:52 → 00:24:55 แป๊บๆจำได้เออเพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องไป
00:24:55 → 00:24:58 เป็นหรอกนะนักกงนักกีฬาโรงเรียนเนี่ยไม่
00:24:58 → 00:25:01 ต้องไปหหรือว่าจะไปอยู่แบบวงดนตรีโรง
00:25:01 → 00:25:04 เรียนจะให้ร้องเพลงก็ร้องเพี้ยนมากเลยค่ะ
00:25:05 → 00:25:08 ร้องไม่ได้เป็นผู้นำด้วยเพี้ยนด้วยนะคะจะ
00:25:08 → 00:25:11 ไปเป็นนักดนตรีโรงเรียนก็อย่าเป็นเลยนะคะ
00:25:11 → 00:25:15 เราก็เอาดีด้านเรานี่แหละก็คือเออเรียน
00:25:15 → 00:25:18 เรียนหนังสือด้านทฤษฎีไปค่ะอือก็เหมือน
00:25:18 → 00:25:20 กับว่าในระหว่างทางเราก็ได้ค้นหาตัวเอง
00:25:21 → 00:25:23 ด้วยไม่ใช่ปล่อยไปเฉยๆให้รู้ว่าตัวเอง
00:25:23 → 00:25:26 ถนัดอะไรไม่ถนัดอะไรถ้าอันสิ่งที่ถนัดทำ
00:25:26 → 00:25:28 แล้วมีความสุขทำใช่มคะคุณหมอแต่ถ้าเกิด
00:25:28 → 00:25:32 ว่าอันไหนที่ทำแล้วมันอาจจะไม่แฮปปี้แต่
00:25:32 → 00:25:35 มันจำเป็นน่ะมันด้วยต้องเรียงชีพอ่ะเนาะ
00:25:35 → 00:25:38 ก็อาจจะต้องแบบหาจุดที่มันทำให้เราสบายใจ
00:25:38 → 00:25:41 แล้วก็มีความสุขแล้วก็รู้สึกแบบเหนื่อย
00:25:41 → 00:25:43 ล้าให้น้อยลงเหมือนพูดแล้วก็บอกตัวเองไป
00:25:43 → 00:25:46 ในตัวด้วยใช่ค่ะคือบางอย่างเรารู้รู้ว่า
00:25:46 → 00:25:49 มันไม่ได้อ่ะยกตัวอย่างเช่นสมัยเรียน
00:25:49 → 00:25:52 อย่างเงี้ยเรารู้ว่าภาระเนี่ยเราเราไม่
00:25:52 → 00:25:55 ได้อ่ะอคือแต่ว่าถ้าเราไม่ซ้อมเลยเราก็จะ
00:25:55 → 00:25:58 สอบตกไงเพราะฉะนั้นเราก็ต้องแบบเออมาซ้อม
00:25:58 → 00:26:02 แป๊บนึงอ่ะเออพยายามนิดนึงเออพอมันได้ก็
00:26:02 → 00:26:05 อ่ะให้มันได้แค่ผ่านแล้วอาจจะไม่ได้คาด
00:26:05 → 00:26:08 หวังเออฮะคาดหวังแบบคะแนนเต็มเราก็เออให้
00:26:08 → 00:26:12 มันผ่านดีกว่าที่เราจะแบบเออไม่พยายาม
00:26:12 → 00:26:15 อะไรเลยแบบยอมแพ้กับมันเราก็ไม่ได้พัฒนา
00:26:15 → 00:26:18 ตัวเองออือันนี้ตรงข้ามกับหมอแอร์เลยค่ะ
00:26:18 → 00:26:20 งานเ่อเรื่องเกี่ยวกับภาระเนี่ยที่ใช้
00:26:20 → 00:26:23 กำลังไม่ต้องใช้สมองนี้ถนัดเรื่องเรียน
00:26:23 → 00:26:25 นี่ไม่ค่อยได้ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่
00:26:25 → 00:26:29 ตรงข้ามกันเลยนะแต่ให้ให้กำลังใจกับ
00:26:29 → 00:26:31 มนุษย์เป็ดแล้วะกันที่ทำได้หลายๆอย่างอ่ะ
00:26:31 → 00:26:34 ดีนะจริงๆแล้วมันดีนะแต่ว่าลองลองอาจจะ
00:26:34 → 00:26:37 ต้องแบบค้นหาตัวเองอีกนิดนึงถ้าไม่ไม่
00:26:37 → 00:26:39 ลำบากมากจนเกินไปแล้วก็ให้ตัวเองอาจจะมี
00:26:39 → 00:26:41 ความเชี่ยวชาญขึ้นมาในอีกสเต็ปนึงก็ได้
00:26:41 → 00:26:44 ไม่ต้องสูงสุดก็ได้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้ว
00:26:44 → 00:26:47 ก็บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าเอ้ยบางทีการได้
00:26:47 → 00:26:50 เป็นหลายๆอย่างเนี่ยมันดีแล้วทำให้เราได้
00:26:50 → 00:26:54 ทำได้หลายๆอย่างจริงๆนะคะซึ่งตอนนี้ก็
00:26:54 → 00:26:57 หลายๆบริษัทเขคก็ต้องการแนวๆนี้นะคะอัน
00:26:57 → 00:26:59 นี้มันต้องก็ก็เป็นแนวทางไว้ให้เนาะเพราะ
00:26:59 → 00:27:02 ว่าแล้วแต่แต่ละคนว่าจะมีแนวทางยังไง
00:27:02 → 00:27:04 ขอบคุณคุณหมอแอร์นะคะที่แนะนำวันนี้
00:27:04 → 00:27:07 ขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้
00:27:07 → 00:27:09 ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง
00:27:09 → 00:27:12 ไทย PBS podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะ
00:27:12 → 00:27:16 สวัสดีค่ะ This Is Thai PBS podcast
00:27:16 → 00:27:18 เมื่อการกินของเราไม่ได้เกิดจากความหิว
00:27:18 → 00:27:20 เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่เกิดจากความ
00:27:20 → 00:27:23 อยากเพื่อบำเรอความสุขเป็นอย่างไรผู้ช่วย
00:27:23 → 00:27:26 ศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชผู้เชี่ยวชาญ
00:27:26 → 00:27:29 ด้านโภชนาการมาเล่าให้ฟังครับครับการกิน
00:27:29 → 00:27:32 ของเราเนี่ยไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความหิว
00:27:32 → 00:27:34 อย่างเดียวและแต่มันอาจจะเกิดจากความ
00:27:34 → 00:27:38 ปรารถนาที่กินเพื่อความสุขกินแบบเนี้ยจะ
00:27:38 → 00:27:42 ตอบสนองต่อความพึงพอใจทางอารมณ์ของเรามัน
00:27:42 → 00:27:46 ไม่อยู่ว่าแต่อยากและความอยากไม่เคยปราณี
00:27:46 → 00:27:49 ใครเช่นเรากินขนมหวานหรืออาหารที่มีรส
00:27:49 → 00:27:52 ชาติอร่อยเวลาเราเครียดๆเราก็แบบเฮ้ยอยาก
00:27:52 → 00:27:55 กินขนมหวานอยากกินไอศกรีมเพื่อกินตอบสนอง
00:27:55 → 00:27:58 ความสุขของเราเหมือนเสพติดอ่ะเสพติดน้ำ
00:27:58 → 00:28:01 ตาลเสพติดความหวานความอร่อยแล้วเราเกิด
00:28:01 → 00:28:03 ความพึงพอใจปุ๊บเราต้องการเติมเต็มสิ่ง
00:28:03 → 00:28:06 เหล่าเนี้ยเมื่อเราเครียดเมื่อเราไม่ค่อย
00:28:06 → 00:28:08 มีความสุขหรือเราต้องการแบบเอนเตอร์เทน
00:28:08 → 00:28:11 ต้องบอกก่อนครับว่าความหิวความอิ่มของเรา
00:28:11 → 00:28:15 เนี่ยมันจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในร่างกาย
00:28:15 → 00:28:18 เวลาเช้าตื่นขึ้นมาเราท้องว่างใช่มั้ย
00:28:18 → 00:28:21 ครับค่ะร่างกายของเราเนี่ยกระเพาะอาหาร
00:28:21 → 00:28:23 มันจะหลั่งฮอร์โมนออกมาตัวนึงชื่อว่า
00:28:23 → 00:28:26 ฮอร์โมนเกรินฮอร์โมนตัวเนี้ยจะส่งสัญญาณ
00:28:26 → 00:28:28 ไปที่สมองส่วนกลางของของเราที่
00:28:28 → 00:28:32 ไฮโปทาลามัสบอกว่าเฮ้ยหิวแล้วพอทานอาหาร
00:28:32 → 00:28:35 เข้าไปในอาหารก็จะมีสารอาหารต่างๆใช่มั้ย
00:28:35 → 00:28:37 ครับโดยเฉพาะสารอาหารหลักคาร์โบไฮเดรต
00:28:37 → 00:28:40 โปรตีนไขมันมันก็จะไปกระตุ้นศูนย์อิ่มทำ
00:28:40 → 00:28:44 ให้เราอิ่มอโดยผ่านระบบทางเดินอาหารของ
00:28:44 → 00:28:47 เรานี่แหละครับเช่นลำไส้เล็กพอลำไส้เล็ก
00:28:47 → 00:28:50 มันถูกอาหารเคลื่อนมาโดนและสัมผัสปุ๊บมัน
00:28:50 → 00:28:55 ก็หลั่งฮอร์โมนต่างๆเช่นโี่ซิสติน GL lp1
00:28:55 → 00:28:57 อะไรโอ้โหสารพัดแล้วมันก็จะส่งสัญญาณไป
00:28:57 → 00:29:00 ที่สมองก็จะทำให้เรารู้สึกเฮ้ยเริ่มอิ่ม
00:29:00 → 00:29:03 นอกเหนือจากนั้นครับเรายังมีฮอร์โมนที่
00:29:03 → 00:29:06 ช่วยที่ทำให้เราอิ่มอีกหลั่งออกมาจาก
00:29:06 → 00:29:09 เซลล์ไขมันชื่อว่าเลปตินเป็นเหมือนกลไกใน
00:29:09 → 00:29:13 การปกป้องตัวเราเองว่าแบบเฮ้ยเวลาเราอ้วน
00:29:13 → 00:29:16 ขึ้นไขมันมากขึ้นเลปตินหลั่งมากขึ้นเพื่อ
00:29:16 → 00:29:19 ส่งสัญญาณไปที่สมองว่าให้อิ่มนะอย่าให้
00:29:19 → 00:29:23 กินเยอะนะแต่กินแบบที่เราเรียกว่าโดดิ
00:29:23 → 00:29:25 นั้นเ่ะมันคือความอยากอ่ะเป็นหลักสังเกต
00:29:26 → 00:29:28 ว่าหุยกินอิ่มเท่าไหร่ก็ตามแต่เรากินกิน
00:29:28 → 00:29:31 อิ่มไปปุ๊บเนี่ยเราอยากกินขนมหวานขนมหวาน
00:29:31 → 00:29:33 ตบท้ายอยากกินตบท้ายไอศครีมมีขนมหวานอะไร
00:29:33 → 00:29:37 มยทั้งๆที่อิ่มแล้วนะอแต่มันอยากอยู่แต่
00:29:37 → 00:29:40 จริงๆแล้วเนี่ยจะบอกว่าความอยากเนี่ยมัน
00:29:40 → 00:29:43 ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเป็นหลักและเป็น
00:29:43 → 00:29:45 External Factor หรือ non
00:29:45 → 00:29:48 physiological เป็นหลัก
00:29:49 → 00:29:53 เลย This Is Thai PBS
00:29:53 → 00:29:56 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:56 → 00:29:58 podcast ได้ทางเว็บ
00:29:58 → 00:30:13 www.thaipbs.or.th
00:30:13 → 00:30:16 [เพลง]