00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:23 เครียด เศร้า มีความทุกข์ หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะคุยกับใคร
00:00:23 → 00:00:26 อยากให้ทุกคนมาฟังมหิดลแชนแนลพอดแคสต์
00:00:26 → 00:00:29 ที่จะมาช่วยคุณในการจัดการ ปัญหาสุขภาพทางใจ
00:00:29 → 00:00:33 ในรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต สำรวจอารมณ์ความคิด
00:00:34 → 00:00:36 เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:00:36 → 00:00:39 กับผม หมอหลิว นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:00:40 → 00:00:45 จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:45 → 00:00:49 จาก EP ที่แล้ว ถ้าจำได้ เราพูดถึงเรื่องโรคซึมเศร้า
00:00:49 → 00:00:53 และคำพูดที่ไม่ควรพูดกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:00:53 → 00:00:57 วันนี้ผมจะชวนทุกคน เริ่มด้วยคำถามก่อนดีกว่านะครับ
00:00:58 → 00:01:02 คำว่า "โรคซึมเศร้า" ทำให้คุณผู้ฟัง รู้สึกอย่างไรกันบ้าง
00:01:03 → 00:01:06 หรือว่าหลังจากที่ฟัง EP ที่แล้วมานี่
00:01:06 → 00:01:08 มันรู้สึกอย่างไร
00:01:09 → 00:01:12 คำถามที่ถามกันมาบ่อย ๆ คือรู้สึกว่าจะเป็นคำพูดว่า
00:01:13 → 00:01:17 เป็นซึมเศร้าแล้วจะหายไหมหมอ
00:01:17 → 00:01:21 เป็นซึมเศร้าแล้วต้องกินยาไปตลอดชีวิตไหม
00:01:22 → 00:01:25 เอาฉันไปสะกดจิตหน่อยได้ไหม
00:01:25 → 00:01:29 โอ้ คำพูด คำถามต่าง ๆ นานามากมายหลากหลาย
00:01:29 → 00:01:31 จนกระทั่งเราต้องทำ EP นี้นะครับ
00:01:31 → 00:01:34 สำหรับ Mahidol Channel Podcast รายการ Re-Mind นี่ว่า
00:01:35 → 00:01:39 วิธีการรักษาโรคซึมเศร้ามีอะไรบ้าง
00:01:40 → 00:01:46 และในฐานะของคนรอบตัวของญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย
00:01:47 → 00:01:52 เราจะดูแลคนรอบตัว ที่เป็นผู้ป่วยซึมเศร้าอย่างไรนะครับ
00:01:52 → 00:01:55 วันนี้เราจะมาฟัง 2 หัวข้อใหญ่ ๆ กันเลยนะครับ
00:01:55 → 00:01:57 แต่ก่อนอื่นเริ่มแรกก่อนเลย
00:01:57 → 00:01:59 หลาย ๆ คนฟัง EP ที่แล้วมา
00:01:59 → 00:02:04 แล้วหมอก็ได้ยินมาว่า เริ่มมีคนเริ่มรู้สึกว่าอยากจะลองไปหาหมอดู
00:02:04 → 00:02:07 ไปแล้วมันจะดีไหม บางทีมันก็ลังเลสงสัยเหมือนกัน
00:02:07 → 00:02:09 ว่าเขาจะหาว่าฉันเป็นบ้าไหม
00:02:09 → 00:02:10 ขออนุญาตเลยนะครับ
00:02:11 → 00:02:15 คำพูด ความรู้สึกว่าผู้ป่วยจิตเวชคือ
00:02:15 → 00:02:17 ขออนุญาตคือคนบ้านี่
00:02:17 → 00:02:20 มันติดอยู่ในสังคมจริง ๆ
00:02:20 → 00:02:22 ไม่ใช่เฉพาะสังคมไทยนะครับ
00:02:22 → 00:02:24 สังคมทั่วโลกมีแบบนี้หมด
00:02:25 → 00:02:30 ผู้ป่วยทางจิตเวชถึงได้รับ การปฏิบัติบางอย่างแบบไม่เป็นธรรม
00:02:30 → 00:02:32 เพราะมันมีความเชื่อชุดนี้อยู่
00:02:32 → 00:02:34 อยากจะชวนคิดอย่างนี้ครับว่า
00:02:34 → 00:02:36 ถ้าเรามองว่าโรคจิตเวชเป็นโรค
00:02:36 → 00:02:38 ไม่ได้เป็นภาวะ
00:02:38 → 00:02:40 ไม่ได้เป็นนิสัย
00:02:40 → 00:02:42 เราจะเริ่มรู้สึกว่า
00:02:43 → 00:02:45 เออ...มันก็เหมือนไปหาหมอเบาหวานนะ
00:02:45 → 00:02:48 มันก็เหมือนไปหาหมอเพราะฉันเป็นหวัดนะ
00:02:48 → 00:02:50 มันก็เหมือนไปฉีดวัคซีนนะ
00:02:50 → 00:02:52 แต่อันนี้ ฉันเครียดไง
00:02:52 → 00:02:54 ฉันมีอาการซึมเศร้าไง
00:02:54 → 00:02:56 ฉันไปหาจิตแพทย์ดีไหม
00:02:57 → 00:02:58 คุณผู้ฟัง ฟังมาถึงตรงนี้
00:02:58 → 00:03:01 หรือมีคนรอบข้างเริ่มรู้สึกแบบนี้ ก็ลองคิดตามนะครับว่า
00:03:01 → 00:03:05 ในโรงพยาบาลจิตเวชก็จะมีหน่วยตรวจโรคทางจิตใจ
00:03:06 → 00:03:08 ซึ่งจะช่วยดูแลเรื่องพวกนี้ให้นะครับ
00:03:08 → 00:03:09 ทุก ๆ ท่านไปนี่
00:03:10 → 00:03:14 เราไม่รู้หรอก คนทั่วไปก็จะไม่รู้หรอกว่า เรามาหาหมอจิตเวชนะครับ
00:03:14 → 00:03:15 เพราะว่าไม่มีใครบอก
00:03:15 → 00:03:18 แล้วก็ขึ้นมาตรงชั้นตรวจคนไข้จิตเวช
00:03:19 → 00:03:22 เราก็ไม่ได้ไปเที่ยวป่าวประกาศกับใคร ว่าอันนี้คือคนไข้จิตเวช
00:03:22 → 00:03:25 หรือว่าเดินเข้าไปบางคนอาจจะวาดภาพว่า
00:03:26 → 00:03:30 จะมีคนที่เป็นอาการทางจิต เดินไปเดินมา เพ่นพ่าน
00:03:30 → 00:03:33 เสียงดัง โวยวาย ไม้ไล่ฟาดกัน ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ
00:03:33 → 00:03:35 หน่วยตรวจโรคจิตเวชของหมอนี่
00:03:35 → 00:03:37 เหมือนหน่วยตรวจโรคทั่วไปเลย
00:03:37 → 00:03:39 เหมือนคนที่เป็นไข้หวัด เหมือนคนที่เป็นเบาหวานไปหาหมอเลยครับ
00:03:39 → 00:03:42 ดังนั้น การเข้าถึงรูปแบบการรักษา
00:03:42 → 00:03:44 การเข้าถึงไปพบแพทย์สำคัญนะครับ
00:03:44 → 00:03:46 วันนี้เราจะมาลองดูกันว่า
00:03:46 → 00:03:51 แล้วถ้าเกิดว่าไปหาหมอ แล้วคุณหมอจะรักษาคนที่เป็นซึมเศร้าอย่างไร
00:03:51 → 00:03:53 เวลาไปถึงโรงพยาบาลนี่
00:03:53 → 00:03:55 แน่นอน คุณหมอเขาจะซักประวัตินะครับ
00:03:55 → 00:03:56 คุย นั่งคุยกันนี่ครับ
00:03:56 → 00:03:59 ทางการแพทย์เราเรียกซักประวัติ หรือสัมภาษณ์ทางจิตเวช
00:03:59 → 00:04:01 นั่งคุย คุณหมอเขาจะถามเรื่องทั่วไป
00:04:01 → 00:04:03 ว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เล่าให้หมอฟังหน่อย
00:04:03 → 00:04:05 อาการเป็นอย่างไรบ้าง
00:04:05 → 00:04:09 ซึ่งคุณหมอทั้งหมด จิตแพทย์ทั้งหลายที่ตรวจคนไข้ทางจิตเวช
00:04:09 → 00:04:12 ก็ได้รับการฝึกอบรม เรียนหนังสือมา
00:04:12 → 00:04:14 จบด้านจิตแพทย์เฉพาะทางมาโดยเฉพาะ
00:04:14 → 00:04:19 ดังนั้น คุณหมอจะมีคำพูด ที่จะช่วยให้คนไข้ได้เล่าเรื่อง
00:04:19 → 00:04:22 ในขณะเดียวกัน หลาย ๆ อย่างก็จะช่วยให้ คนไข้รู้สึกสบายใจมากขึ้น
00:04:22 → 00:04:25 แล้วอยากจะพูดคุย อยากจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้นนะครับ
00:04:27 → 00:04:29 ส่วนสุดท้ายคุณหมอก็จะบอกว่า คุณเป็นอะไร
00:04:29 → 00:04:31 ถ้าสมมุติคุณหมอเขาบอกว่า
00:04:31 → 00:04:33 โอเค คุณเป็นโรคซึมเศร้านะ
00:04:34 → 00:04:38 คุณหมอเขาจะเล่าต่อว่า แล้วจะต้องดูแลรักษาอย่างไรต่อนะครับ
00:04:38 → 00:04:43 การรักษาโรคซึมเศร้า หมอจะขอแบ่งเป็น 2 อย่างนะครับ
00:04:43 → 00:04:46 อันแรกคือ การรักษาด้วยการใช้ยา
00:04:46 → 00:04:48 อันที่สองคือ การรักษาด้านจิตใจนะครับ
00:04:48 → 00:04:49 อย่างแรกก่อนครับ
00:04:51 → 00:04:53 เรื่องการรักษาด้วยยานะครับ
00:04:53 → 00:04:57 อย่างที่เรียนไปเบื้องต้น หรือว่าเมื่อตอน EP ที่แล้วว่า
00:04:57 → 00:05:03 โรคซึมเศร้าเป็นเรื่องของสารเคมีในสมอง หรือสารสื่อประสาทที่เปลี่ยนแปลงไปใช่ไหมครับ
00:05:04 → 00:05:06 ดังนั้น ยาที่ให้เข้าไปนี่
00:05:07 → 00:05:09 จะเป็นยาที่เราเรียกว่า ยาต้านเศร้า
00:05:09 → 00:05:11 ภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Antidepressant
00:05:13 → 00:05:16 จะไปปรับสารเคมีในสมอง สารที่หมอพูดน่ะนะครับ
00:05:16 → 00:05:22 เรื่องของซีโรโตนิน นอร์เอพิเนฟริน หรือบางตัวก็ไปเกี่ยวข้องกับโดปามีน
00:05:22 → 00:05:23 สารเคมีต่าง ๆ เหล่านี้
00:05:24 → 00:05:27 ยาจะเข้าไปทำงานกับตัวสารเคมีเหล่านี้นะครับ
00:05:28 → 00:05:31 หรือบางทีถ้ามีอาการอื่นร่วมด้วย อย่างเช่น
00:05:31 → 00:05:34 บางคนอาจจะมีอาการเรื่องของ หูแว่ว ประสาทหลอนร่วมด้วย
00:05:35 → 00:05:39 บางทีคนไข้ที่มีเรื่องของซึมเศร้าที่เป็น มีอาการเหล่านี้ร่วมนี่
00:05:39 → 00:05:43 บางทีอาจจะต้องใช้ยากลุ่มต้านอาการทางจิต
00:05:43 → 00:05:44 ที่ใส่ไปเพิ่มมากขึ้น
00:05:44 → 00:05:46 ภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Antipsychotic
00:05:47 → 00:05:50 ซึ่งยาก็จะไปเกี่ยวข้องกับสารเคมี ที่ชื่อว่าโดพามีนนี่แหละครับ
00:05:50 → 00:05:55 ดังนั้น ยาเหล่านี้ ก็จะจ่ายโดยแพทย์เท่านั้นนะครับ
00:05:55 → 00:05:56 อันนี้ขอเน้นย้ำนะ
00:05:56 → 00:05:57 อย่างน้อย ๆ ต้องเป็นแพทย์
00:05:57 → 00:06:00 หรือถ้าดีก็จะเป็นจิตแพทย์นะ
00:06:00 → 00:06:03 ไม่แนะนำให้ไปซื้อทานเอง
00:06:03 → 00:06:04 เพราะว่าอะไร
00:06:04 → 00:06:08 ยาทุกตัวมีข้อบ่งใช้ที่ชัดเจน
00:06:09 → 00:06:12 คนไข้ ผู้ป่วย ต้องได้รับการแนะนำ
00:06:12 → 00:06:16 ต้องได้รับการบอกถึงผลข้างเคียง
00:06:16 → 00:06:20 ต้องได้รับการสั่งจ่าย โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะครับ
00:06:20 → 00:06:23 ยาทุกตัวมีผลข้างเคียงหมดนะครับ
00:06:23 → 00:06:25 เช่น ในเรื่องของยาต้านเศร้าที่บอกไป
00:06:25 → 00:06:31 ยาหลาย ๆ ตัวที่เราใช้บ่อย ๆ จะมีเกี่ยวข้อง กับเรื่องปัญหาของระบบทางเดินอาหาร
00:06:31 → 00:06:34 เช่น บางคนทานแล้วอาจจะมีคลื่นไส้
00:06:34 → 00:06:36 ปั่นป่วนในท้อง
00:06:36 → 00:06:40 บางคนทานแล้วอาจจะมีเรื่องของระบบประสาท เช่น มีอาการมึนหัว
00:06:40 → 00:06:44 หรือมีเรื่องของนอนหลับไม่ดี หรือบางคนก็ง่วงนอนผิดปกติ
00:06:44 → 00:06:45 เห็นไหมว่ามันแตกต่างกัน
00:06:45 → 00:06:47 ทำไมมีทั้งง่วงนอน และนอนหลับผิดปกติ
00:06:47 → 00:06:50 ทำให้ต้องเป็นคุณหมอเป็นคนจ่าย
00:06:50 → 00:06:52 เพราะหมอเขาจะรู้ดีที่สุด
00:06:52 → 00:06:55 ขออนุญาตนะ อันนี้หมอก็เรียนมา เชื่อหมอเถอะเนอะ
00:06:55 → 00:06:56 อย่าไปซื้อกินเองเลย
00:06:56 → 00:06:59 มันก็ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ถ้าเกิดอะไรเกิดขึ้นนะครับ
00:06:59 → 00:07:01 ดังนั้น ยาพวกนี้มีผลข้างเคียง
00:07:01 → 00:07:03 แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้
00:07:03 → 00:07:07 จะถูกกำกับ ติดตาม มอนิเตอร์ โดยคุณหมอผู้จ่ายยา
00:07:07 → 00:07:09 ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะว่า
00:07:09 → 00:07:14 ไปแล้วหมอให้ยา แล้วเกิดกินไม่ไหว หมอจะอะไรฉันไหม
00:07:14 → 00:07:15 ไม่ต้องห่วงนะครับ
00:07:15 → 00:07:16 บอกได้เลยนะ
00:07:16 → 00:07:20 คุณหมอจิตเวชทุก ๆ ท่านที่เป็นคนจ่ายยา พร้อมที่จะรับฟัง
00:07:20 → 00:07:21 แล้วก็ดูแล ยินดีช่วยเหลือนะครับ
00:07:22 → 00:07:25 ดังนั้น อยากให้คนไข้ หรือว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้อยู่
00:07:25 → 00:07:27 หรือญาติ ๆ รอบตัวนะ
00:07:27 → 00:07:30 ถ้าทานยาแล้วมีปัญหา ให้สอบถามนะครับ
00:07:30 → 00:07:34 ยาบางตัวอาจจะมีผลต่อเรื่องของสมาธิ ความจำบ้างนิดหน่อย
00:07:34 → 00:07:35 ในช่วงแรกก็เป็นไปได้
00:07:35 → 00:07:37 ดังนั้น ให้สอบถามครับ จะดีที่สุดนะ
00:07:37 → 00:07:40 ซึ่งอันนี้ การรักษาด้วยยานี่ก็คือ
00:07:40 → 00:07:42 คุณหมอเขาจะให้ยา แล้วเอากลับบ้านไป
00:07:42 → 00:07:44 แล้วก็อาจจะมีนัดกันครั้งใหม่ ครั้งหน้า
00:07:44 → 00:07:48 อาจจะเป็นช่วงแรกอาจจะถี่หน่อย 2 อาทิตย์ 1 เดือนนะครับ
00:07:48 → 00:07:49 เพื่อกลับมาตรวจติดตามว่า
00:07:50 → 00:07:53 ทานยาไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีผลข้างเคียงอะไรไหม
00:07:53 → 00:07:55 หลังกินยาไป อารมณ์เป็นอย่างไรบ้าง
00:07:55 → 00:07:56 แต่ต้องบอกอย่างนี้ก่อนครับว่า
00:07:56 → 00:08:00 ยาทางจิตเวชหลาย ๆ ตัวที่เป็นยารักษาหลัก ของโรคซึมเศร้า
00:08:00 → 00:08:02 ไม่ได้ออกฤทธิ์ทันที
00:08:02 → 00:08:07 ไม่ได้เป็นเหมือนพาราเซตามอล ที่กินปุ๊บ ครึ่งชั่วโมงหายปวดหัว
00:08:07 → 00:08:09 4 ชั่วโมงหมดฤทธิ์ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ
00:08:09 → 00:08:13 ยาทางจิตเวชหลาย ๆ ตัวที่รักษาโรคซึมเศร้านี่
00:08:13 → 00:08:19 ต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์เลย กว่าตัวยาจะคงที่ในเลือดนะครับ
00:08:19 → 00:08:23 ดังนั้น อย่าคาดหวังว่ากินปุ๊บ หายทันทีนะ
00:08:23 → 00:08:24 ถ้าหายทันที
00:08:25 → 00:08:27 อาจจะเป็นเรื่องของจิตใจเรา ที่คงดีขึ้นด้วยนะครับ
00:08:28 → 00:08:31 สารสื่อประสาทบางตัวอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไป แต่มันไม่ได้ทันทีทันใด
00:08:32 → 00:08:35 ดังนั้น ใจเย็น ๆ ถ้าทานแล้วรู้สึกว่ายังไม่ดี
00:08:35 → 00:08:37 บางคนมีครับ ในประสบการณ์ของหมอเอง
00:08:37 → 00:08:40 พอทานแล้ว วันสองวันยังไม่ดี ก็บอกว่าไม่มาแล้ว
00:08:40 → 00:08:43 เพราะรู้สึกว่าหมอรักษาไม่เก่ง
00:08:43 → 00:08:45 หรือแบบ...หมอรักษาไม่ตรงจุด
00:08:45 → 00:08:47 แต่จริง ๆ มันเป็นธรรมชาติของยานะครับ
00:08:47 → 00:08:48 ดังนั้น ใจเย็น ๆ
00:08:49 → 00:08:52 มีอะไรปรึกษา สอบถามคุณหมอที่ดูแลอยู่นะครับ
00:08:53 → 00:08:56 อันนี้คือในเรื่องของการรักษาด้วยยานะ
00:08:56 → 00:08:59 ซึ่งจริง ๆ แล้ว การรักษาด้วยยานี่
00:08:59 → 00:09:00 อย่างที่บอกว่าคุณหมอเป็นคนจ่าย
00:09:00 → 00:09:02 ดังนั้น เมื่อไหร่ที่จะหยุดได้
00:09:03 → 00:09:04 ก็ต้องเป็นคุณหมอเหมือนกันนะครับ
00:09:04 → 00:09:07 คุณหมอเขาจะเป็นคนบอกเองนะ ว่าเมื่อไหร่จะหยุดได้
00:09:07 → 00:09:10 โดยธรรมชาติแล้ว ตัวโรคซึมเศร้าเองนี่
00:09:10 → 00:09:12 ถ้าตัวโรคหายขาด
00:09:12 → 00:09:17 ปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ที่พูดให้ฟัง เมื่อ EP ที่แล้วมันดี
00:09:17 → 00:09:19 ปัจจัยทางชีวภาพโอเค
00:09:19 → 00:09:23 รูปแบบจิตใจของคนไข้ ผู้ป่วยโอเคมากขึ้น
00:09:23 → 00:09:27 คุณหมอเขาอาจจะให้ทานยาสัก 6-12 เดือน ถ้าเป็นครั้งแรกนะครับ
00:09:27 → 00:09:32 ทั้งนี้ทั้งนั้น หมอไม่ได้บอกว่าทุกราย คนไข้ทุกคนที่จะได้หยุดแบบนี้
00:09:32 → 00:09:34 ดังนั้น ก็ฟังเป็นแนวทางนะครับ
00:09:34 → 00:09:40 แล้วก็เผื่อได้มีข้อมูลเบื้องต้นในการพูดคุย สื่อสารกับคุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้
00:09:40 → 00:09:47 แต่ถ้าเกิดว่าเป็นซึมเศร้าที่เกิดขึ้น ครั้งที่ 2, 3, 4 หรือ 5 ในชีวิต
00:09:48 → 00:09:51 การรักษาด้วยยาจะใช้เวลาที่นานมากยิ่งขึ้น
00:09:51 → 00:09:55 เช่น บางคนอาจจะต้องขยายเวลา จาก 6 เดือน เป็น 1 ปี
00:09:55 → 00:09:58 บางคนอาจจะต้องเป็น 2 ปี เป็น 3 ปี หรืออะไรก็ว่าไปนะครับ
00:09:58 → 00:09:59 ดังนั้น เหมือนเดิมนะครับ
00:10:00 → 00:10:01 ขึ้นอยู่กับคุณหมอที่ดูแลนะครับ
00:10:01 → 00:10:04 อยากให้พูดคุยและสื่อสาร
00:10:04 → 00:10:07 ในฐานะของหมอเองที่เป็นจิตแพทย์เอง
00:10:07 → 00:10:12 ตัวหมอเอง หมอโอเคเลยนะครับ เวลาที่ผู้ป่วยสอบถามว่า
00:10:12 → 00:10:13 เขาสงสัยในประเด็นนี้
00:10:13 → 00:10:16 เขาอยากรู้ว่าตัวเขาต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
00:10:16 → 00:10:18 ต้องทานยานานแค่ไหน
00:10:18 → 00:10:21 หมอยินดีมาก ๆ เลย เพราะรู้สึกว่า
00:10:21 → 00:10:24 การที่เราพูดคุยสื่อสารตั้งแต่ต้นที่รักษา
00:10:24 → 00:10:27 หรือมีข้อข้องใจตรงไหน แล้วสอบถามกันโดยตรง
00:10:27 → 00:10:30 จะทำให้การรักษานั้นได้ผลมากยิ่งขึ้นนะครับ
00:10:30 → 00:10:32 นอกจากการทานยาแล้วนะครับ
00:10:32 → 00:10:35 อันถัดไป จะเป็นเรื่องของการรักษาทางด้านจิตใจนะครับ
00:10:35 → 00:10:39 สำหรับการรักษาทางด้านจิตใจ ขอพูดเป็นภาพรวม ๆ แล้วกันนะครับ
00:10:39 → 00:10:40 จะได้ไม่สับสน
00:10:40 → 00:10:43 คุณหมอจิตแพทย์เอง หรือว่านักจิตวิทยา
00:10:43 → 00:10:47 จะเป็นทีมเดียวกันที่จะคอยดูแล ผู้ป่วยทางจิตเวชนะครับ
00:10:47 → 00:10:49 หรือว่าคุณพยาบาลจิตเวช
00:10:49 → 00:10:52 นักอาชีวบำบัด นักสังคมสงเคราะห์
00:10:53 → 00:10:54 วิชาชีพต่าง ๆ เหล่านี้
00:10:55 → 00:10:57 จะเป็นคนที่คอยช่วยดูแลผู้ป่วยจิตเวชนะครับ
00:10:58 → 00:11:01 บางขั้นตอนจะเป็นเรื่องของการพูดคุยเฉย ๆ
00:11:01 → 00:11:03 เป็นเรื่องของการให้คำปรึกษา
00:11:04 → 00:11:06 การให้คำปรึกษาส่วนใหญ่ก็เป็นสั้น ๆ นะครับ
00:11:06 → 00:11:09 ไม่ได้นานมาก อาจจะครึ่งชั่วโมงพูดคุยกัน
00:11:09 → 00:11:12 หรือว่านัดมาไม่ได้มีรูปแบบชัดเจนตายตัว
00:11:12 → 00:11:15 มาเจอกันแล้วก็ให้คำแนะนำ เช่น
00:11:15 → 00:11:16 พบเจอปัญหานี้มา
00:11:17 → 00:11:18 ทำอย่างไรดีหมอ
00:11:18 → 00:11:22 นี่เครียดจังเลย มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่บ้าน
00:11:22 → 00:11:25 ทะเลาะกับสามีที่บ้าน
00:11:25 → 00:11:26 ทำอย่างไรดีหมอ
00:11:26 → 00:11:29 บางทีเราก็ใช้เรื่องของการแก้ปัญหา
00:11:29 → 00:11:33 โฟกัสหรือว่าเพ่งเล็งไปที่ตัวปัญหาเป็นหลัก เป็น Problem focus นะครับ
00:11:33 → 00:11:36 ทำเรื่องของการแก้ปัญหา Problem solving ไป เป็นเรื่อง ๆ ไป
00:11:36 → 00:11:39 แต่ถัดมา อาจจะลึกลงไปมากขึ้นนะครับ
00:11:39 → 00:11:41 คือการทำเรื่องของจิตบำบัดนะครับ
00:11:42 → 00:11:43 การทำจิตบำบัดนี่
00:11:44 → 00:11:46 จะต้องถูกทำโดยผู้เชี่ยวชาญนะครับ
00:11:46 → 00:11:52 ก็คือคนที่ได้รับการฝึกฝนด้านจิตบำบัด ด้านนั้น ๆ มาโดยตรง
00:11:52 → 00:11:58 สำหรับจิตบำบัดที่มีหลักฐานทางวิชาการ ว่าสัมพันธ์และรักษาโรคซึมเศร้าได้
00:11:59 → 00:12:00 หมอจะขอแบ่งเป็น 2-3 อย่างนะครับ
00:12:00 → 00:12:05 ก็เป็นเรื่องของการทำจิตบำบัด เพื่อปรับความคิดและพฤติกรรม
00:12:05 → 00:12:10 หรือว่าภาษาอังกฤษคือ Cognitive behavioral therapy (CBT)
00:12:10 → 00:12:11 ไปลองเสิร์ชได้นะครับ
00:12:11 → 00:12:17 คำว่า CBT คำนี้เป็นคำที่ ปัจจุบันมีการพูดถึงอย่างมากในวงการจิตเวช
00:12:17 → 00:12:21 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคซึมเศร้า หรือเรื่องโรควิตกกังวลต่าง ๆ นานา
00:12:21 → 00:12:23 มีคนพูดถึง CBT อยู่เยอะมาก
00:12:24 → 00:12:28 CBT หรือ จิตบำบัดเพื่อปรับความคิด และพฤติกรรม ทำงานอย่างไร
00:12:28 → 00:12:32 เขาก็เชื่อว่ามนุษย์เราเวลาที่ แสดงพฤติกรรมอะไรออกมาบางอย่าง
00:12:33 → 00:12:35 มันจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบความคิด
00:12:36 → 00:12:39 หรือว่ารูปแบบความเชื่อของคนนั้น ๆ นะครับ
00:12:39 → 00:12:40 แล้วสัมพันธ์กับเรื่องอารมณ์
00:12:40 → 00:12:42 หรืออาการทางกายบางอย่าง
00:12:43 → 00:12:48 คุณหมอหรือนักจิตวิทยาหรือผู้บำบัด ที่ผ่านการฝึกฝนการทำ CBT มา
00:12:48 → 00:12:51 เขาก็จะรู้ว่าเขาจะต้องทำอย่างไร
00:12:51 → 00:12:54 จะมีโครงสร้างของการบำบัดชัดเจน ว่าจะทำทั้งหมดกี่ครั้ง
00:12:55 → 00:12:57 มีการวางเรื่องของแนวทาง
00:12:57 → 00:13:01 เป้าหมายที่ค่อนข้างชัดว่าเราจะทำอะไร
00:13:01 → 00:13:05 แล้วเราจะทำแค่ไหน จะเรื่องอะไรเป็นหลัก จะมุ่งไปที่เรื่องไหน
00:13:06 → 00:13:10 ซึ่งอย่างที่บอกนะครับ ต้องทำโดย ผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกอบรมมาโดยเฉพาะนะครับ
00:13:10 → 00:13:12 ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้นะ
00:13:12 → 00:13:15 ดังนั้น ส่วนนี้ก็ค่อนข้างสำคัญ
00:13:15 → 00:13:19 แล้วก็ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในโรงพยาบาล หรือว่าคลินิกที่ดูแลเรื่องโรคจิตเวชนะครับ
00:13:20 → 00:13:23 ส่วนจิตบำบัดแบบอื่น ๆ ที่อาจจะพูดให้ฟังเบื้องต้นนะครับ
00:13:23 → 00:13:27 ก็อาจจะมี เช่น จิตบำบัดแบบ ปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
00:13:27 → 00:13:31 หรือว่าจิตบำบัดเชิงลึก ที่เข้าใจเรื่องที่มาที่ไปของคน ๆ นั้นนะครับ
00:13:32 → 00:13:36 หรือบางรายมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับ ครอบครัวโดยรวมรอบข้าง
00:13:36 → 00:13:40 บางทีก็จะต้องเป็นเรื่องของ จิตบำบัดแบบบำบัดครอบครัว
00:13:40 → 00:13:44 อาจจะไม่ใช่บำบัดรายเดียว แต่ต้องเป็นบำบัดแบบทั้งหมดมาทั้งบ้านนะ
00:13:45 → 00:13:50 ซึ่งอันนี้ไม่ว่าจะบำบัดแบบไหน ก็จะขึ้นอยู่กับจิตแพทย์เจ้าของไข้นะครับ
00:13:50 → 00:13:52 ที่จะเป็นคนช่วยพิจารณา
00:13:52 → 00:13:54 แนะนำข้อดีข้อเสีย
00:13:54 → 00:13:58 ในส่วนคนที่จะเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ
00:13:58 → 00:14:00 เป็นตัวผู้ป่วยกับตัวญาตินะครับ
00:14:00 → 00:14:03 แพทย์เองมีหน้าที่ในการแนะนำ นำเสนอ
00:14:03 → 00:14:06 ผู้ป่วยมีสิทธิ์จะเลือกได้ว่า จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร
00:14:06 → 00:14:08 หมอแนะนำว่าถ้าสงสัยอย่างที่บอกครับ
00:14:09 → 00:14:13 ลองวิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยน กับคุณหมอที่ดูแลอยู่ว่า
00:14:13 → 00:14:15 ควรจะทำหรือไม่ควรจะทำแบบไหน
00:14:15 → 00:14:19 เพราะหลาย ๆ ทีตัวคนไข้เอง ก็จะมีเหมือนแนวทางของตัวเองมา
00:14:19 → 00:14:20 ว่าอยากจะทำอันนี้อันนั้น
00:14:21 → 00:14:23 แต่ว่าในฐานะของฝั่งหมอนะครับ
00:14:23 → 00:14:28 หมอผู้รักษาเองเราก็จะรู้ว่าบางที อาจจะไม่เหมาะกับการทำจิตบำบัดแบบนี้
00:14:28 → 00:14:30 อาจจจะไม่เหมาะกับการรักษาแบบนี้ ขอให้มาคุยกันก่อน
00:14:30 → 00:14:33 อันนี้คือการรักษาแบบเรื่องของจิตใจนะครับ
00:14:34 → 00:14:37 ซึ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็น การรักษาแบบผู้ป่วยนอก
00:14:38 → 00:14:41 การรักษาแบบผู้ป่วยนอกหมายความว่า มาโรงพยาบาล แล้วก็กลับบ้าน
00:14:41 → 00:14:42 มาโรงพยาบาล แล้วก็กลับบ้านไม่ได้มีอะไร
00:14:43 → 00:14:45 แต่ซึมเศร้าบางรายเป็นเยอะ
00:14:46 → 00:14:49 หรือบางคนมีเรื่องของความคิด ฆ่าตัวตายที่รุนแรง
00:14:49 → 00:14:54 อันนี้อันตรายถึงชีวิต อันนี้อาจจะต้องมีการรับไว้รักษาแบบผู้ป่วยใน
00:14:54 → 00:14:58 การรักษาแบบผู้ป่วยในก็ เข้มข้นขึ้น intensive มากขึ้น
00:14:58 → 00:15:00 คนไข้ก็จะอยู่ทั้งวันนะครับ
00:15:00 → 00:15:02 แล้วก็นอนค้างที่โรงพยาบาล เหมือนผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป
00:15:02 → 00:15:06 ซึ่งไม่ได้ขอลงรายละเอียดไว้ ณ ตรงนี้นะครับ
00:15:06 → 00:15:08 ซึ่งผู้ป่วยในบางรายที่เป็นเยอะ
00:15:08 → 00:15:10 อาจจะมีการรักษาด้วยกระแสไฟฟ้านะครับ
00:15:10 → 00:15:15 เพื่อปรับเรื่องของคลื่นสมอง หรือในเรื่องของระบบสารเคมีในสมอง
00:15:15 → 00:15:17 ซึ่งอันนี้อาจจะลึกไปนิดนึงนะครับ
00:15:17 → 00:15:20 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีหรือความรู้ทางการแพทย์ของเรา
00:15:21 → 00:15:23 ช่วยเรื่องซึมเศร้าได้จริง ๆ
00:15:23 → 00:15:27 เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกว่า ฉันอาจจะเป็น คนรอบข้างฉันอาจจะเป็น
00:15:27 → 00:15:30 มาเถอะ มาลองตรวจมาลองดูเถอะว่า
00:15:30 → 00:15:32 เป็นหรือไม่เป็นอะไรอย่างไรนะครับ
00:15:32 → 00:15:34 จะได้ดูแลช่วยเหลือกันต่อไปเนอะ
00:15:34 → 00:15:37 ไม่เป็นก็ไม่มีอะไร ก็กลับไปใช้ชีวิตปกติ
00:15:37 → 00:15:39 ถ้าเป็นก็มารักษา จะได้ดูแลกันนะครับ
00:15:39 → 00:15:44 [เสียงดนตรี]
00:15:45 → 00:15:47 หมอพูดเรื่องของการรักษาด้วยยาไปแล้ว
00:15:47 → 00:15:49 พูดถึงการรักษาทางจิตใจไปแล้ว
00:15:50 → 00:15:51 หมออยากจะมาพูดถึงเรื่องว่า
00:15:52 → 00:15:55 แล้วถ้าคนรอบตัวเป็น เราจะช่วยเหลืออย่างไร
00:15:55 → 00:15:58 สำหรับผู้ดูแลแล้วนะ สำหรับคนรอบข้างแล้วนะครับ
00:15:58 → 00:15:59 เราจะช่วยเหลืออย่างไร
00:16:00 → 00:16:03 อยากบอกว่าต้องเริ่มด้วยสเตปแรกเลยครับ
00:16:04 → 00:16:08 คือ เราต้องไปรับฟังเขาครับ
00:16:09 → 00:16:10 การรับฟัง
00:16:10 → 00:16:12 การไปอยู่ข้าง ๆ
00:16:13 → 00:16:14 มันจะแปลว่า
00:16:15 → 00:16:16 เราเข้าใจเขาไงครับ
00:16:17 → 00:16:18 มันจะแปลว่า
00:16:19 → 00:16:23 เราพร้อมที่จะช่วยเหลือและดูแล
00:16:24 → 00:16:29 ส่วนนี้ตอบโจทย์ ที่เมื่อ EP ที่แล้วเราคุยกันไว้เนอะ
00:16:29 → 00:16:30 เราคุยกันไว้ว่า
00:16:31 → 00:16:32 คำพูดต้องห้ามจะทำอย่างไร
00:16:32 → 00:16:34 ดังนั้น หมอทิ้งไว้นิดนึงเมื่อ EP ที่แล้วว่า
00:16:35 → 00:16:36 บางทีไม่รู้จะพูดอะไรให้เข้าไปฟัง
00:16:36 → 00:16:38 ก็เลยอยากเริ่มข้อแรกว่าเข้าไปฟังก่อน
00:16:39 → 00:16:41 คุณผู้ฟังทุกท่านลองนึกตาม
00:16:41 → 00:16:43 ทุก ๆ วันนี้ เราบอกเวลาเราฟังใครต่อใคร
00:16:43 → 00:16:44 ฟังลูกที่บ้าน
00:16:44 → 00:16:48 ฟังภรรยา ฟังเพื่อนร่วมงาน ฟังหัวหน้า ฟังลูกน้อง
00:16:49 → 00:16:50 ฟังจริง ๆ หรือเปล่า
00:16:51 → 00:16:54 หรือจริง ๆ เราฟังเพื่อที่ว่า เราจะรอว่าเราจะตอบอะไรเขา
00:16:55 → 00:16:59 หรือฟังเพื่อที่เราจะสอนอะไรเขาตอนท้าย
00:16:59 → 00:17:00 ใช่ไหมครับ
00:17:01 → 00:17:02 แต่ผู้ป่วยซึมเศร้านี่
00:17:02 → 00:17:06 เขาต้องการคนฟังที่เข้าใจเขานะครับ
00:17:07 → 00:17:09 เข้าใจและใส่ใจนะ
00:17:09 → 00:17:11 ผมชอบคำภาษาไทยมาก ๆ เลยครับ
00:17:11 → 00:17:15 คำว่าเข้าใจ คือเข้าไปอยู่ในใจ ใส่ใจคือ เอาใจลงไปใส่กับเขาว่า
00:17:15 → 00:17:17 ฉันเข้าใจนะ
00:17:17 → 00:17:18 ฉันรู้ว่าเธอเศร้า
00:17:19 → 00:17:21 แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าเธอไม่ได้แกล้งทำ
00:17:22 → 00:17:25 ฉันรู้ด้วยว่าเธอกำลังไม่ไหว
00:17:25 → 00:17:26 ฉันอยู่ข้าง ๆ นะ
00:17:27 → 00:17:30 แต่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ มันอาจจะไม่ได้ออกมาเป็นคำพูดแบบนี้ไงครับ
00:17:30 → 00:17:34 บางอย่างอาจจะเป็นการที่นั่งฟัง นั่งอยู่ข้าง ๆ
00:17:34 → 00:17:35 โดยไม่ต้องทำอะไร
00:17:36 → 00:17:41 ส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เราเข้าไปช่วยเหลือ คนที่เครียดหรือคนที่เป็นซึมเศร้า
00:17:41 → 00:17:44 เราก็มักจะไปช่วยเหลือคนที่เรารู้จักใช่ไหม
00:17:44 → 00:17:48 ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เป็นคนที่เป็นวิชาชีพ นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ หรือผู้ให้คำปรึกษา
00:17:48 → 00:17:50 เราก็จะเข้าไปแบบเป็นคนรู้จัก แล้วเราก็มักจะรู้ว่า
00:17:51 → 00:17:52 เขามีสไตล์แบบไหน
00:17:53 → 00:17:55 เขาชอบที่จะอยู่คนเดียว
00:17:55 → 00:17:56 เขาชอบที่จะบ่น
00:17:56 → 00:17:59 เขาชอบที่อยู่เงียบ ๆ เวลาที่เขามีเรื่องเศร้าเรื่องเครียด
00:18:00 → 00:18:01 ลองใช้วิธีนั้นนะครับ
00:18:02 → 00:18:09 ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว หลาย ๆ คนชอบที่จะ ให้มีคนเข้าไปนั่งอยู่ข้าง ๆ หรือเข้าไปฟัง
00:18:09 → 00:18:13 แต่ถ้าเกิดเข้าไปนะ แล้วเขาบอกว่า ปล่อยฉันก่อน อย่าเพิ่งยุ่งกับฉันตอนนี้
00:18:13 → 00:18:14 ก็อย่าเพิ่งเข้าไปนะครับ
00:18:15 → 00:18:17 แต่เกิดคำถามอีก บางคนก็จะถามว่า
00:18:17 → 00:18:22 อ้าว แล้วถ้าเกิดเขาเกิดมีความคิดเชิงลบ อยากตาย ไม่อยากอยู่ขึ้นมา
00:18:22 → 00:18:24 แล้วจะปล่อยเขาไว้ได้อย่างไร
00:18:25 → 00:18:30 ก็อาจจะต้องเก็บเรื่องของของมีคม อาวุธต่าง ๆ ที่เขาจะทำร้ายตัวเองออกจากตรงนั้น
00:18:30 → 00:18:33 เปิดประตูไว้สักนิดนึง เราเดินผ่าน เราเห็นเขาอยู่ว่าเขาทำอะไรอยู่นะครับ
00:18:34 → 00:18:37 แต่ในเคสทั่ว ๆ ไป เราเข้าไปฟัง
00:18:37 → 00:18:39 แล้วก็ไปอยู่ข้าง ๆ เคียงข้าง
00:18:39 → 00:18:41 อาจจะอยู่เงียบ ๆ
00:18:41 → 00:18:47 พลังแห่งความเงียบ บางทีมันทรงคุณค่า และทรงพลังมากกว่าพูดไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน
00:18:47 → 00:18:51 บางคนฟังแล้วมีจังหวะ บางทีเขาก็ต้องการการสัมผัสบางทีเหมือนกัน
00:18:51 → 00:18:53 เช่น จับมือ โอบไหล่
00:18:54 → 00:18:56 กอด ถ้าเกิดเป็นญาติสนิทกันนะครับ
00:18:56 → 00:18:58 เป็นลูก เป็นพ่อแม่กันอะไรอย่างนี้ ได้อยู่แล้วล่ะ
00:18:59 → 00:19:04 สัมผัสบางทีมีพลังมหาศาล ยิ่งกว่าคำพูดเป็นสิบเป็นร้อยคำนะครับ
00:19:04 → 00:19:07 ดังนั้น อยากให้เริ่มด้วยการฟัง
00:19:07 → 00:19:12 ฟังด้วยใจจริง ๆ ฟังโดยไม่รีบสอน ฟังโดยไม่รีบโต้ตอบนะครับ
00:19:12 → 00:19:13 แล้วเมื่อไหร่เขาพร้อม
00:19:13 → 00:19:15 หมอเชื่อเลยนะ ถึงเวลานั้น
00:19:15 → 00:19:18 คุณผู้ฟังสามารถแนะนำ
00:19:18 → 00:19:23 สามารถช่วยเขาด้วยวิธีของเรา ในแบบที่เราคิดว่าเหมาะได้มากขึ้น
00:19:23 → 00:19:28 ด้านที่สองนะครับในเรื่องของการช่วยเหลือ คือ เรื่องของทัศนคติของเรา
00:19:28 → 00:19:29 สำคัญมาก ๆ
00:19:29 → 00:19:31 อย่างที่หมอพูดไปหลาย ๆ ทีว่า
00:19:31 → 00:19:33 อยากให้รู้เลยนะครับว่า
00:19:33 → 00:19:36 คนเป็นซึมเศร้า เขาไม่ได้อยากเป็นหรอก
00:19:37 → 00:19:39 ไม่มีใครอยากเป็นซึมเศร้าหรอก
00:19:39 → 00:19:41 สิ่งที่เขาเป็น มันเป็นขึ้นมาเอง
00:19:42 → 00:19:44 มันเป็นเพราะว่าเขาเป็นโรคนะครับ
00:19:45 → 00:19:47 เขาไม่ได้แกล้งทำ
00:19:47 → 00:19:50 เขาไม่ได้นิสัยไม่ดี
00:19:50 → 00:19:53 เขาไม่ได้อ่อนแอ
00:19:54 → 00:19:56 ที่พูดมาทั้งหมด 3 อย่างนี้นะ
00:19:56 → 00:19:58 ผู้ป่วยซึมเศร้าช้ำใจมากนะครับ
00:19:58 → 00:20:01 เวลาที่เขามาพบกับจิตแพทย์ เขาจะบอกตลอดว่า
00:20:01 → 00:20:04 เขาโดนพูดแบบนี้จากคนทางบ้าน จากคนรอบตัว
00:20:05 → 00:20:07 เขารู้สึกว่า เขาไม่ได้อยากเป็น
00:20:07 → 00:20:09 แต่เขาออกจากมันไม่ได้นะครับ
00:20:10 → 00:20:11 แต่ก็อย่างว่านะครับ
00:20:11 → 00:20:14 หมอก็เข้าใจคนที่อยู่รอบตัว คนที่เป็นซึมเศร้าเหมือนกัน
00:20:14 → 00:20:20 บางทีบางเรื่อง เราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ...เป็นซึมเศร้าจริง ๆ หรือเปล่านี่
00:20:20 → 00:20:22 ทำไมเป็นซึมเศร้าแล้วยังโพสต์เฟซบุ๊กได้
00:20:23 → 00:20:26 ทำไมเป็นซึมเศร้าแล้วยังไปมี กิจวัตรประจำวันอื่น ๆ เหมือนคนอื่นได้
00:20:27 → 00:20:29 ก็อยากจะบอกอย่างนี้ครับว่า
00:20:29 → 00:20:31 โรคซึมเศร้าเป็นคุณหมอวินิจฉัย
00:20:32 → 00:20:36 ถ้าคุณหมอเขาวินิจฉัยแล้วก็ลองดู ลองเชื่อดู แล้วลองติดตามไปดู
00:20:36 → 00:20:44 แล้วลองอยู่กับเขาแบบที่เพื่อนมนุษย์ ที่มีจิตใจที่อยากดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
00:20:45 → 00:20:46 อยู่เคียงข้างกันนะครับ
00:20:46 → 00:20:49 เราลบทัศนคติเชิงลบของเราออกไปก่อน
00:20:50 → 00:20:53 เราอาจจะอยู่กับเขา ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นนะครับ
00:20:53 → 00:20:57 เชื่อมโยงไปสู่ข้อถัดไป ทำให้บางทีเราก็เหมือนกับรักและหวังดี
00:20:57 → 00:20:58 ยิ่งเป็นคนในครอบครัว
00:20:58 → 00:21:02 บางทีเราอาจจะคาดหวัง หรือว่ากดดัน
00:21:02 → 00:21:03 หรือใช้คำพูดที่รุนแรง
00:21:04 → 00:21:09 เช่น เรื่องแค่นี้ ไม่ไหวเลย แบบนี้ไม่ใช่ลูกพ่อ
00:21:10 → 00:21:10 โอ้โฮ
00:21:11 → 00:21:16 คุณผู้ฟังครับ คำพูดมันทำร้ายใจคนเป็นลูก ที่เป็นโรคซึมเศร้ามาก ๆ เลยนะครับ
00:21:17 → 00:21:21 หรือแบบ...พูดว่าตายอยู่ได้ ไม่ไปตาย ๆ สักที
00:21:22 → 00:21:22 โอ้โฮ
00:21:23 → 00:21:26 หลาย ๆ ทีเกิดการสูญเสียถึงชีวิตนะครับ
00:21:26 → 00:21:31 ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ควรเอามา ล้อเล่นหรือไม่ควรเอามาพูดนะครับ
00:21:31 → 00:21:33 หรือบางทีเราอยากจะให้เขาสู้ บอกว่า เอ้า ไปทำสิ
00:21:33 → 00:21:35 นั่งร้องไห้อยู่ทำไม
00:21:36 → 00:21:37 ลองไปหาอะไรทำ
00:21:37 → 00:21:41 อย่างที่บอกครับ คนไข้ซึมเศร้า เขามีปัญหาเรื่องสารเคมี
00:21:41 → 00:21:46 วิธีการมองโลก เขารู้สึกว่ามันหม่นหมอง มันมัวไปหมด จนกระทั่งเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
00:21:46 → 00:21:48 ดังนั้น คำพูดมีผลนะครับ
00:21:48 → 00:21:50 วิธีการตอบสนอง มีผลจริง ๆ
00:21:50 → 00:21:54 อยากให้ทุก ๆ คนที่อยู่รอบข้างคนเป็นซึมเศร้า
00:21:54 → 00:21:57 มองเขาด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์
00:21:57 → 00:22:00 เป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ถึงแม้จะรู้จักหรือไม่สนิทกับเขาก็ตาม
00:22:01 → 00:22:03 แต่อยากให้ลองนึกนะครับว่า
00:22:03 → 00:22:05 ถ้าวันหนึ่งเราเป็นซึมเศร้าขึ้นมา
00:22:06 → 00:22:09 เราอยากให้คนรอบข้างปฏิบัติกับเราอย่างไร
00:22:09 → 00:22:13 อันสุดท้ายนะครับ ของการช่วยเหลือคนที่เป็นซึมเศร้านะครับ
00:22:14 → 00:22:17 คือ ในเรื่องของการทำกิจวัตรอื่น ๆ
00:22:18 → 00:22:22 เขาบอกว่าจริง ๆ แล้วผู้ป่วยที่เป็นซึมเศร้า ในระดับที่เป็นน้อย ๆ
00:22:22 → 00:22:24 การออกไปมีกิจวัตร
00:22:24 → 00:22:28 เช่น ไปทำงานอดิเรกที่เขาเคยชอบ
00:22:28 → 00:22:31 ออกกำลังกาย ไปเที่ยวต่างจังหวัด
00:22:32 → 00:22:35 เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ทำอาหาร เลี้ยงสัตว์
00:22:35 → 00:22:36 ต่าง ๆ นานาเหล่านี้
00:22:37 → 00:22:39 ช่วยให้ซึมเศร้าดีขึ้นนะ
00:22:39 → 00:22:41 ดังนั้น อย่าไปดูถูก จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้นะครับ
00:22:42 → 00:22:44 แต่หมอจะเจออย่างนี้ครับว่า
00:22:45 → 00:22:46 คนไข้ที่เป็นซึมเศร้าเอง
00:22:46 → 00:22:49 เขาจะบอกว่า มันเพลีย
00:22:49 → 00:22:52 มันไม่มีแรง มันยากมากเลยที่จะทำแบบที่คุณหมอบอก
00:22:54 → 00:22:55 หมอถึงบอกไงครับว่า
00:22:56 → 00:23:01 เป็นส่วนที่อยากให้คนรอบข้าง ช่วยเหลือผู้ป่วยซึมเศร้าสักนิดนึง
00:23:01 → 00:23:06 บางทีเขามีแรงกระตุ้น แรงฉุดนิดนึง แล้วทำไปด้วยกัน พาไปด้วยกัน
00:23:06 → 00:23:09 ยิ่งคนที่ชวน เป็นคนสำคัญในชีวิต
00:23:09 → 00:23:12 เป็นพ่อแม่ เป็นคนในครอบครัว เป็นแฟน เป็นอะไรนะ
00:23:12 → 00:23:14 โอ้โฮ พลังมหาศาลเลยนะครับ
00:23:14 → 00:23:16 เพียงแต่ว่าอยากให้พวกเราช่วยชวนกันนิดนึง
00:23:16 → 00:23:22 เขาจะได้ไปอย่างมีพลัง แล้วก็ไปอย่างต่อเนื่องและมีความสุขมากขึ้น
00:23:23 → 00:23:25 ที่พูดไปทั้งหมดนะครับ
00:23:25 → 00:23:26 ทั้ง 4 อย่างนี้นะครับ
00:23:26 → 00:23:29 ก็คือเรื่องของ การช่วยเหลือผู้ป่วยซึมเศร้านะครับ
00:23:29 → 00:23:32 รับฟัง อย่ามองว่าเขาเรียกร้องความสนใจ
00:23:32 → 00:23:33 อย่าไปกดดัน คาดหวังมากจนเกินไป
00:23:34 → 00:23:36 แล้วก็การชวนทำกิจกรรมต่าง ๆ นะครับ
00:23:37 → 00:23:43 เป็นไงครับ สำหรับวันนี้เราได้รับฟัง เรื่องของการดูแลเรื่องของโรคซึมเศร้า
00:23:43 → 00:23:44 การรักษา ทั้งในฐานะผู้ป่วยเอง
00:23:44 → 00:23:48 และในฐานะของญาติหรือคนรอบตัว ของผู้ป่วยซึมเศร้านะครับ
00:23:49 → 00:23:53 น่าจะทำให้คุณผู้ฟังเคลียร์ใจ เคลียร์ประเด็นได้มากขึ้น
00:23:53 → 00:23:55 ว่าตกลงซึมเศร้ารักษาหายไหม
00:23:55 → 00:23:57 ตกลงซึมเศร้าต้องรักษาไปนานเท่าไหร่
00:23:57 → 00:24:00 กินยาแล้วจะเป็นอย่างไร ผลข้างเคียงจะมีไหม
00:24:00 → 00:24:03 แล้วทำจิตบำบัดดีไหม ต้องทำอย่างไร
00:24:03 → 00:24:09 หมอคิดว่า ใน EP นี้คงช่วยให้ทุก ๆ ท่าน เคลียร์ใจและหายสงสัยในหลาย ๆ ประเด็น
00:24:09 → 00:24:13 แล้วจะทำให้เรามาช่วยกัน ในการดูแลผู้ป่วยซึมเศร้า
00:24:14 → 00:24:17 หรือในฐานะผู้ป่วยเอง มีการรักษาที่ต่อเนื่องและเหมาะสม
00:24:17 → 00:24:19 และทำให้หายจากโรคซึมเศร้า
00:24:19 → 00:24:23 หรืออยู่กับโรคซึมเศร้านี้ ได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นนะครับ
00:24:23 → 00:24:26 พบกับรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต
00:24:27 → 00:24:31 สำรวจอารมณ์ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:24:32 → 00:24:34 ทุกวันจันทร์ เวลา 18.00 น.
00:24:34 → 00:24:36 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:24:36 → 00:24:38 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:39 → 00:24:40 YouTube Mahidol Channel
00:24:40 → 00:24:42 Apple Podcasts
00:24:42 → 00:24:43 Spotify
00:24:43 → 00:24:44 Anchor
00:24:44 → 00:24:45 Blockdit
00:24:47 → 00:24:52 ดำเนินรายการโดย หมอหลิว อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข