00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับหลายคนนะครับน่าจะได้เห็นข่าว
00:00:02 → 00:00:05 ที่มีการระบาดของโรคซิฟิสเพิ่มมากขึ้นใน
00:00:05 → 00:00:07 หมู่วัยรุ่นชาวไทยนะครับโรคนี้เนี่ยมัน
00:00:07 → 00:00:09 เป็นโรคติดต่อทางเพศสสัมพันธ์ที่มีความ
00:00:09 → 00:00:12 สำคัญเป็นอย่างมากเพราะว่ามันทำให้เกิด
00:00:12 → 00:00:15 ปัญหากับร่างกายเราได้เยอะมากเลยทีเดียว
00:00:15 → 00:00:18 หลายคนอาจจะคุ้นหูมันจากวิชาสุขศึกษานะ
00:00:18 → 00:00:21 ครับแต่ก็คงจะลืมไปแล้วว่ามันคืออะไรดัง
00:00:21 → 00:00:23 นั้นวันนี้ผมอยากจะหยิบยกโอกาสนี้มาเล่า
00:00:23 → 00:00:26 ให้เราฟังนะครับว่าโรคซิฟิสเนี่ยอาการของ
00:00:26 → 00:00:29 มันเป็นแบบไหนผลต่อร่างกายของเราทั้งระยะ
00:00:29 → 00:00:32 สั้นและระยะยาวมีอะไรได้บ้างแล้วเราจะ
00:00:32 → 00:00:34 ป้องกันรักษามันได้อย่างไรเดี๋ฟังกันดูนะ
00:00:34 → 00:00:37 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธันดีธันดียว
00:00:37 → 00:00:38 เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:38 → 00:00:41 อเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและ
00:00:41 → 00:00:44 วิกฤตบำบัดนะครับเวลาที่เราพูดกันถึงโรค
00:00:44 → 00:00:47 ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เนี่ยหลายคนก็คงจะ
00:00:47 → 00:00:50 นึกถึงการติดเชื้อ HIV ซึ่งนำไปสู่การ
00:00:50 → 00:00:52 เกิดโรคภูมิต้านทานบกพร่องหรือนั่นเองนะ
00:00:52 → 00:00:55 ครับเหตุผลที่เป็นฉะนั้นก็เพราะว่าโรค
00:00:55 → 00:00:59 เนี่ยมันเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหายเราจะ
00:00:59 → 00:01:02 ต้องกินยาไปตลอดชีวิตนะครับแล้วบางคนอาจ
00:01:02 → 00:01:05 เคยได้ยินว่าเฮ้ยมันมีเคสที่เขาไม่ต้อง
00:01:05 → 00:01:08 กินยาก็ได้นี่มันหายใช่ครับมันมีแต่มัน
00:01:08 → 00:01:10 น้อยมากนับหัวได้เลยในโรคใบนี้นะครับแล้ว
00:01:10 → 00:01:13 มันก็เป็นกรณีพิเศษจริงๆดังนั้นมันไม่
00:01:13 → 00:01:16 สามารถที่จะบอกได้ว่าคนอื่นที่เขา้าเป็น
00:01:16 → 00:01:18 โรคเนี้ยมันจะหายแบบกรณีพวกนั้นนะครับ
00:01:18 → 00:01:21 ส่วนมากก็จะต้องกินยาไปตลอดชีวิตนั่นแหละ
00:01:21 → 00:01:24 มันก็เลยทำให้แต่ละคนน่ะมาใส่ใจวิธีในการ
00:01:24 → 00:01:28 ป้องกันโรคให้ได้หลังจากนั้นครับมันก็เลย
00:01:29 → 00:01:32 มีการพัฒนายาที่เรียกว่า prep หรือ
00:01:32 → 00:01:34 pre-exposer prophylaxis เพื่อที่จะกิน
00:01:35 → 00:01:38 ก่อนมีเพศสัมพันธ์ในการป้องกันโรคนะครับ
00:01:38 → 00:01:41 ยาตัวนี้มันได้ผลดีมากในการป้องกันการติด
00:01:41 → 00:01:44 เชื้อ HIV เข้ามาในร่างกายของเราเลยทำให้
00:01:44 → 00:01:48 หลายคนใช้ยาตัวนี้แล้วก็หลงลืมในการป้อง
00:01:48 → 00:01:51 กันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น
00:01:51 → 00:01:54 เช่นซิฟิสเป็นต้นหรือหนองในหรืออย่างอื่น
00:01:54 → 00:01:57 นะครับทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับคือยา
00:01:57 → 00:02:00 เพปเนี่ยไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทาง
00:02:00 → 00:02:03 เพศสัมพันธ์ตัวอื่นๆได้เลยสักตัวเดียว
00:02:03 → 00:02:06 ป้องกันได้อย่างเดียวคือโรค HIV ครับอ่ะ
00:02:06 → 00:02:09 แต่บางคนก็อาจจะบอกว่าเราเคยได้ยินยาใน
00:02:09 → 00:02:12 กลุ่มที่เรียกว่าdoอกเปนะครับหรือชื่อ
00:02:12 → 00:02:15 เต็มๆคือ doxy cyclin บวกกับ post
00:02:15 → 00:02:17 exposure prophylaxis ซึ่งเป็นการเอายา
00:02:17 → 00:02:20 ในการป้องกัน HIV เนี่ยมากินเสริมไปกับยา
00:02:21 → 00:02:23 doอกซี่ไซคลินในการป้องกันโรคติดต่อทาง
00:02:23 → 00:02:25 เพศสัมพันธ์นะครับต้องบอกอย่างนี้ครับว่า
00:02:25 → 00:02:28 ยาตัวเนี้ยกินหลังมีเพศสัมพันธ์มันสามารถ
00:02:28 → 00:02:32 ป้องกันการติดเชื้อ HID ได้ดีแต่ในเรื่อง
00:02:32 → 00:02:34 ของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ตัวอื่นๆ
00:02:34 → 00:02:37 นั้นมันป้องกันได้ไม่ 100% ครับคุณก็ยัง
00:02:37 → 00:02:39 ติดมันได้อยู่ดีนะ
00:02:39 → 00:02:43 ฮะเนี่ยตรงเนี้ยคือปัญหาอย่างหนึ่งเพราะ
00:02:43 → 00:02:45 ว่าหลายคนอยากจะมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่
00:02:45 → 00:02:48 ได้ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางนะครับก็เลยมี
00:02:48 → 00:02:50 โอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น
00:02:50 → 00:02:54 ตามมาด้วยนะฮะบางคนก็บอกว่าเราจะมี
00:02:54 → 00:02:55 เพศสัมพันธ์โดยการใช้ปากอย่างเดียว
00:02:55 → 00:02:57 อันเนี้ยคุณก็จะสามารถติดเชื้อทั้งเป็น
00:02:58 → 00:03:00 สัมพันธ์ชนิดอื่นได้ไม่จำเป็นจะต้องมีแต่
00:03:00 → 00:03:02 เชื้อ HIV เท่านั้นนะครับมันก็เลยเป็นที่
00:03:02 → 00:03:05 มาของการที่เราต้องมาพูดถึงโรคติดต่อทาง
00:03:05 → 00:03:08 เพศสัมพันธ์ตัวอื่นๆด้วยนะครับงั้นวันนี้
00:03:08 → 00:03:10 เดี๋ยวเราเข้าเรื่องกันที่Silินะครับ
00:03:10 → 00:03:13 Sifilis เนี่ยต้องบอกว่ามันมีที่มาของ
00:03:13 → 00:03:17 ชื่อจากนวนิยายในสมัยโบราณนะครับประมาณ
00:03:17 → 00:03:20 สักปี 1500 แถวๆนั้นนะครับโดยชื่อของมัน
00:03:20 → 00:03:22 นะครับชื่อ
00:03:22 → 00:03:26 ว่าSeฟMusicันะครับโดยตัวเอกของเรื่อง
00:03:26 → 00:03:28 เนี่ยเขามีชื่อว่า
00:03:28 → 00:03:34 ซิฟิัสคนเนี้ยเขาโกรธเทพอลโลนะครับก็เลย
00:03:34 → 00:03:38 ไม่บูชาเทพอลโลเลยทำให้เทพอลโลก็โกรธคืน
00:03:38 → 00:03:42 นะครับโดยการส่งโรคระบาดลงมาบนโลกมนุษย์
00:03:42 → 00:03:45 นะครับโลกนั้นก็ติดเข้าไปคนชื่อซิฟิัส
00:03:45 → 00:03:48 เป็นคนแรกของโลกดังนั้นก็เลยเป็นที่มาของ
00:03:48 → 00:03:53 ชื่อโรคซิฟิครับนี่คือที่มาของชื่อโรคนี้
00:03:53 → 00:03:55 โรคตัวนี้เนี่ยจริงๆมันเป็นการติดเชื้อ
00:03:55 → 00:03:57 แบคทีเรียชื่อจริงจริงของแบคทีเรียเนี่ย
00:03:57 → 00:04:01 มีชื่อว่า Triponima Paridum นะครับ
00:04:01 → 00:04:04 ลักษณะของมันเป็นเกลียววิ่งไปวิ่งมาได้นะ
00:04:04 → 00:04:08 ครับแล้วมันก็จะเข้าสู่ร่างกายของเราได้
00:04:08 → 00:04:12 ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์หรือผ่านทางสิ่ง
00:04:12 → 00:04:15 คัดหลังที่มีเชื้อตัวนี้อยู่นะครับโดย
00:04:15 → 00:04:18 filis เนี่ยเราจะแบ่งเป็น 3 ระยะหลักๆนะ
00:04:18 → 00:04:21 ครับระยะที่ 1 เรียกว่า primary syilis
00:04:21 → 00:04:23 ระยะที่ 2 secondary syphilis และระยะ
00:04:23 → 00:04:26 ที่ 3 tertiary syphilis นะครับเดี๋ยว
00:04:26 → 00:04:28 เราจะลงรายละเอียดกันว่าแต่ละระยะมันเป็น
00:04:28 → 00:04:31 ยังไงบ้างนะครับรวมทั้งมันมีระยะแฝงที่
00:04:31 → 00:04:33 เรียกว่า latent syfilis อีกต่างหาก
00:04:33 → 00:04:36 เดี๋ยวเราก็จะต้องมาทำความเข้าใจในตรงนี้
00:04:36 → 00:04:39 ด้วยนะครับขอเริ่มที่ระยะที่ 1 ก่อนนะ
00:04:39 → 00:04:41 ครับระยะที่ 1 primary cfilis เนี่ยคือ
00:04:41 → 00:04:44 การที่คุณไปมีเพศสัมพันธ์หรือไปสัมผัสกับ
00:04:44 → 00:04:49 บริเวณของคนที่เขา้ามีเชื้อมากๆนะครับการ
00:04:49 → 00:04:51 ที่เราได้รับซิฟิสมาเนี่ยคุณอาจจะไปมีเพศ
00:04:51 → 00:04:55 สัมพันธ์กับใครบางคนซึ่งมันมีเชื้ออยู่ใน
00:04:55 → 00:04:58 ช่องคลอดนะครับหรืออยู่ในองคชาติหรือทวาร
00:04:58 → 00:05:01 หนักหรือทางปากหรือใครก็ได้นะครับพอเรา
00:05:01 → 00:05:04 ได้เชื้อมาเนี่ยมันจะเกิดแผลริมแข็งหรือ
00:05:04 → 00:05:07 ที่เรียกว่าแชงเคอรนะครับแชงเคอร์ลักษณะ
00:05:07 → 00:05:10 ของมันจะเป็นแผลเนี่ยนูนๆขึ้นมาซักประมาณ
00:05:10 → 00:05:13 1 เส้นหาศูนย์กลางซักประมาณ 1 ซม.นะครับ
00:05:13 → 00:05:16 แล้วมันจะไม่เจ็บมันจะเกิดตรงไหนก็ได้ที่
00:05:16 → 00:05:18 คุณไปรับเชื้อมาเช่นถ้าคุณทำทักทำรักทาง
00:05:18 → 00:05:21 ปากเนี่ยคุณก็ติดมาที่ช่องปากช่องคอได้ใน
00:05:22 → 00:05:24 ริมฝีปากก็ได้หรือในช่องคอข้างในก็ได้นะ
00:05:24 → 00:05:26 ครับถ้าที่องคชาติคุณก็ติดมาตรงบริเวณ
00:05:27 → 00:05:30 นั้นหรือทางอวัยวะเพศหญิงทางทวันน่ะคุณก็
00:05:30 → 00:05:33 ติดมาได้และที่สำคัญครับมันไม่เจ็บพอมัน
00:05:34 → 00:05:36 ไม่เจ็บเนี่ยหลายคนก็ไม่สังเกตว่าตัวเอง
00:05:36 → 00:05:39 มีแผลนะครับโดยเฉพาะถ้าบางคนมาเป็นแผลที่
00:05:39 → 00:05:42 ทวารหนักหรือที่เอ่อตรงบริเวณอันทะเนี่ย
00:05:42 → 00:05:45 ก็ไม่มีใครไปก้มมองมันก็ไม่เห็นทีนี้พอ
00:05:45 → 00:05:48 ไม่เห็นแล้วมันไม่เจ็บก็เลยไม่ได้เข้าสู่
00:05:48 → 00:05:51 กระบวนการรักษาแต่ไอ้แผลเนี่ยแผลแชงเคอร์
00:05:51 → 00:05:54 เนี่ยมันเป็นแผลที่มีเชื้อเยอะมากๆดัง
00:05:54 → 00:05:56 นั้นถ้าเกิดคุณไปสัมผัสกับแผลนี้โดยตรงนะ
00:05:56 → 00:05:58 ครับคุณมีโอกาสติดสูงมากเช่นถ้าคุณเอามือ
00:05:58 → 00:06:01 ไปแตะมันเนี่ยคุณก็ติดที่มือคุณทำรักที่
00:06:01 → 00:06:03 ปากคุณก็ติดเชื้อตรงเนี้ยเข้าไปได้ง่าย
00:06:03 → 00:06:07 มากนะครับแผลแชงเคิลหรือแผลริมแข็งนี่นะ
00:06:07 → 00:06:11 ครับถ้าคุณไม่รักษาอะไรมันนะมันหายเองได้
00:06:11 → 00:06:15 เออเออมันหายเองได้นะครับแต่มันไม่ได้แปล
00:06:15 → 00:06:18 ว่าโรคนี้มันหายไปจากคุณครับมันก็ยังอยู่
00:06:18 → 00:06:21 ในร่างกายของคุณนั่นแหละแล้วก็รอให้เกิด
00:06:21 → 00:06:25 ระยะที่ 2 ตามมานะครับโดยปกติถ้าเราไปรับ
00:06:25 → 00:06:28 เชื้อตัวนี้มานะครับจากการมีเพศสัมพันธ์
00:06:28 → 00:06:30 หรือเราไปสัมผัสกับสินค้าคั้นหลังที่มัน
00:06:30 → 00:06:33 มีไอ้เชื้อเนี่ยอยู่เยอะๆเนี่ยนะครับมัน
00:06:33 → 00:06:37 ก็จะใช้เวลาประมาณสัก 3 สัปดาห์กว่าคุณจะ
00:06:37 → 00:06:41 เริ่มเกิดแผลริมแข็งขึ้นมานะครับแต่ก็มี
00:06:41 → 00:06:43 บางกรณีเหมือนกันที่มันใช้เวลาถึง 3
00:06:43 → 00:06:45 เดือนเลยทีเดียวกว่าคุณจะเกิดเรื่องขึ้น
00:06:45 → 00:06:48 มาครับโดยเฉลี่ยใช้ 3 สัปดาห์แต่มัน
00:06:48 → 00:06:53 สามารถนานได้ถึง 3 เดือนครับนะอืมใช้เวลา
00:06:53 → 00:06:55 นานขนาดนั้นเลยดังนั้นแปลว่าสมมุติคุณไป
00:06:55 → 00:06:57 มีแพสัมพันธ์กับใครมาแล้วแล้วผ่านไปเดือน
00:06:57 → 00:07:00 นึงเอ้ยไม่เป็นไรผ่านมาตั้งเดือนนึงแล้ว
00:07:00 → 00:07:02 ไม่เห็นเป็นอะไรเลยสบายละอย่างี้เราไม่
00:07:02 → 00:07:05 เกิดอะไรขึ้นอ่าไว้ใจไม่ได้นะครับคุณอาจ
00:07:05 → 00:07:08 จะเกิดก็ได้มันใช้เวลานู่น 3 เดือนก็ยัง
00:07:08 → 00:07:10 เกิดได้เลยแล้วบางทีเกิดไปแล้วแต่คุณไม่
00:07:10 → 00:07:13 ได้มองเห็นมันนะครับไม่ได้มองว่ามันอยู่
00:07:13 → 00:07:16 ตรงไหนมันไม่เจ็บนี่ดังนั้นคุณก็ไม่รู้
00:07:16 → 00:07:18 เพราะไม่มีอาการอะไรเลยยกเว้นไอ้แผลริม
00:07:18 → 00:07:21 แข็งอย่างเดียวที่มันไม่เจ็บด้วยนะครับ
00:07:21 → 00:07:24 แล้วทีนี้เนี่ยถ้าคุณไม่ไปสังเกตมันไม่
00:07:24 → 00:07:26 รักษานะครับมันจะใช้เวลาประมาณสัก 1-2
00:07:26 → 00:07:28 เดือนในการที่มันหายไปเองโดยที่คุณไม่
00:07:28 → 00:07:31 ต้องทำอะไรกับมันมันหายไปได้เองมันแปลว่า
00:07:31 → 00:07:34 อะไรล่ะแปลว่าสมมุติว่าคุณมีอาการประมาณ
00:07:34 → 00:07:36 สักเดือนนึงหลังจากที่คุณมีเพศสัมพันธ์
00:07:36 → 00:07:38 โดยไม่ได้ป้องกันนะครับอ่าแล้วคุณไม่ได้
00:07:38 → 00:07:42 สังเกตแผลมันหายเอง 3 เดือนถัดมามันซ่อน
00:07:43 → 00:07:47 อยู่ในร่างกายคุณเออนะครับนั่นแหละอ่ะตรง
00:07:47 → 00:07:51 นี้คือปัญหาทีนี้ถ้าคุณไม่ได้รักษาแล้ว
00:07:51 → 00:07:54 มันอยู่ในร่างกายคุณคุณปล่อยมันไว้เดี๋ยว
00:07:54 → 00:07:57 มันจะเข้าสู่ระยะที่ 2 ครับระยะที่ 2
00:07:57 → 00:08:00 เนี่ยจะตามหลังแผลริมแข็งมาสซักประมาณ
00:08:00 → 00:08:03 เดือนถึง 2 เดือนนะครับหลังจากนั้นเนี่ย
00:08:03 → 00:08:05 พอเดือนถึง 2 เดือนหลังแผลริมแข็งมันเกิด
00:08:05 → 00:08:07 ขึ้นมาในร่างกายคุณละมันหายของมันไปเอง
00:08:07 → 00:08:10 เข้าสู่ระยะที่ 2 คือระยะที่เชื้อตัว
00:08:10 → 00:08:13 เนี่ยมันกระจายไปทั้งร่างกายละนะครับแล้ว
00:08:13 → 00:08:17 ก็เกิดปฏิกิริยาต่างๆทางภูมิต้านทานเราจะ
00:08:17 → 00:08:21 เรียกระยะเนี้ยว่าระยะออกดอกอ่ามันไม่ใช่
00:08:21 → 00:08:23 ว่าเรามีดอกไม้ขึ้นมาตามตัวนะครับแต่ระยะ
00:08:23 → 00:08:26 ออกดอกเนี่ยมันเหมือนกับการที่เรามีผืน
00:08:26 → 00:08:28 ขึ้นมาทางร่างกายนะครับผืนพวกเนี้ยสามารถ
00:08:28 → 00:08:31 ขึ้นได้ทั้งตัวเลยนะครับโดยเฉพาะมันจะ
00:08:31 → 00:08:34 ขึ้นตรงบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าด้วยนะครับ
00:08:34 → 00:08:37 ซึ่งโรคต่างๆที่ทำให้เกิดผื่นบริเวณฝ่า
00:08:37 → 00:08:39 มือฝ่าเท้าเนี่ยมันไม่ค่อยมีแต่ซิฟิเนี่ย
00:08:39 → 00:08:42 มันเป็นหนึ่งในนั้นที่ทำให้เกิดผื่นที่
00:08:42 → 00:08:45 บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าได้แล้วก็อาจจะมี
00:08:45 → 00:08:48 อาการอื่นร่วมมาด้วยเช่นอาการไข้เบือ
00:08:48 → 00:08:50 อาหารเพลียน้ำหนักลดบางคนมีท้องเสียได้
00:08:50 → 00:08:53 ด้วยนะครับแล้วก็บางคนมีปวดเมื่อยตามร่าง
00:08:53 → 00:08:56 กายตามมาอันเนี้ยก็จะเกิดได้เราเจอว่ามี
00:08:56 → 00:08:59 อาการตับอักเสบได้นะครับทางเดินอาหารข้าง
00:08:59 → 00:09:03 ในก็มีการอักเสบได้บางคนเนี่ยไตก็มีการ
00:09:03 → 00:09:05 อักเสบได้เช่นกันนะครับเราจะเจอว่ามี
00:09:05 → 00:09:08 โปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะได้บางทีไตก็
00:09:08 → 00:09:10 อักเสบนะครับมีความดันโลหิตสูงมีเม็ด
00:09:10 → 00:09:13 เลือดออกมาทางปัสสาวะได้นะครับพวกเนี้ยจะ
00:09:13 → 00:09:18 เจอในระยะที่ 2 นะครับแล้วบางคนก็หายเอง
00:09:18 → 00:09:21 เออมันมีคนที่หายเองได้ด้วยนะครับคือระยะ
00:09:21 → 00:09:23 ที่ 2 เนี่ยคุณไม่ทำอะไรมันไอ้พวกผื่นๆ
00:09:24 → 00:09:25 พวกเนี้ยมันใช้เวลา 2-3 อาทิตย์มันก็หาย
00:09:26 → 00:09:29 ไปเองอาการทุกอย่างหายไปเองหมดแต่ไม่ได้
00:09:29 → 00:09:32 แปลว่าร่างกายคุณกำจัดเชื้อได้ครับมันจะ
00:09:32 → 00:09:34 อยู่ในร่างกายคุณนั่นแหละรอเข้าสู่ระยะ
00:09:34 → 00:09:38 ที่ 3 จะมีข้อยกเว้นบางอย่างนะครับคือถ้า
00:09:38 → 00:09:41 ถ้าเกิดคุณเป็นโรคเป็นคนที่มีภูมิต้านทาน
00:09:41 → 00:09:44 บกพร่องคุณกินยากดภูมิต้านทานอยู่นะครับ
00:09:44 → 00:09:46 หรือคุณเป็นโรคเอดร่วมด้วยเนี่ยแล้วคุณไป
00:09:46 → 00:09:50 ติดไอ้นี่มาอีกนะครับมันจะมี filis ระยะ
00:09:50 → 00:09:52 ที่ 2 ที่เราเรียกว่า secondary cis
00:09:52 → 00:09:57 ชนิดหนึ่งนะครับอันเนี้ยเราจะเรียกว่า
00:09:57 → 00:09:59 malignna นะครับ malignna เนี่ยคือมันจะ
00:09:59 → 00:10:03 เป็นแผลแบบทั้งตัวเลยแต่ว่ามันจะเหมือนมี
00:10:03 → 00:10:06 แผ่นดำๆอยู่บนแผลเนี่ยอันเนี้ยคือมันจะ
00:10:06 → 00:10:09 ไม่หายเองแล้วก็มันจะเป็นรุนแรงจนกระทั่ง
00:10:09 → 00:10:11 คุณถึงตายได้นะครับมันจะไม่ใช่มีแค่เอ้ย
00:10:12 → 00:10:14 มีไข้มีต่อมน้ำเหลืองอักเสบมันจะมีอย่าง
00:10:14 → 00:10:15 อื่นหมดเลยมีตับอักเสบต่อมน้ำเหลือง
00:10:15 → 00:10:19 อักเสบไตอักเสบนะครับแล้วก็อาจจะทำให้ถึง
00:10:19 → 00:10:22 ขั้นเสียชีวิตก็ได้นะครับอันเนี้ยเป็นนก็
00:10:22 → 00:10:25 ต้องรักษาแต่ส่วนใหญ่แล้วระยะออกดอกเนี่ย
00:10:25 → 00:10:27 มันไม่มีใครที่ไม่ไปหาหมอเนาะไปก็ต้องรีบ
00:10:27 → 00:10:30 ไปหาหมออยู่ดีนะครับเอ่อเพียงแต่ว่าถ้า
00:10:30 → 00:10:33 หมอคนไหนที่ไม่เชี่ยวชาญหรือไม่ได้สังเกต
00:10:33 → 00:10:35 เนี่ยเขาอาจจะไม่ได้ไม่ได้ดูว่าเป็นโรค
00:10:35 → 00:10:37 นี้อันนั้นก็ต้องระวังไว้เหมือนกันคุณก็
00:10:37 → 00:10:39 จำเป็นจะต้องแจ้งหมอว่าเฮ้ยเรามี
00:10:39 → 00:10:41 เพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันนะเพราะ
00:10:41 → 00:10:43 ว่าถ้าเกิดคุณไม่ได้แจ้งแล้วหมอเไม่ได้
00:10:43 → 00:10:45 ตรวจคุณไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องคนที่
00:10:45 → 00:10:47 โชคร้ายก็คือคุณนั่นเองเพราะว่ามันจะเข้า
00:10:47 → 00:10:49 สู่ระยะถัดไปซึ่งมีอันตรายมากกว่าเดิมอีก
00:10:49 → 00:10:55 ต่างหากนะครับระยะที่ 2 เนี่ยมันจะมีรอย
00:10:55 → 00:10:58 โรคที่อยู่ในช่องปากหรือว่าตรงทวารหนัก
00:10:58 → 00:11:02 ได้ซึ่งอันเนี้ยเราจะเรียกว่าคอนโomaนะ
00:11:02 → 00:11:04 ครับหรือบางทีเราจะเรียกว่าmucั patch
00:11:04 → 00:11:07 มันจะอยู่ในปากนี่แหละนะครับข้างในแล้ว
00:11:07 → 00:11:11 หลายคนนะครับไม่มีอาการแต่ไอ้พวกเนี้ย
00:11:11 → 00:11:14 เชื้อโรคเต็มไปหมดเลยหมายความว่าอะไรครับ
00:11:14 → 00:11:16 หมายความว่าถ้าเกิดมันอยู่ในปากเนี่ยแล้ว
00:11:16 → 00:11:19 บางคนไม่มีผื่นให้เห็นมันอาจจะมีรอยโรคใน
00:11:19 → 00:11:21 ปากก่อนที่คุณจะมีผื่นก็ได้หรือผื่นหายไป
00:11:21 → 00:11:23 แล้วแล้วไอ้รอยโรคในปากมันยังอยู่ก็ได้ก็
00:11:23 → 00:11:25 แปลว่าคุณสามารถเอาตรงนั้นน่ะแพร่เชื้อ
00:11:26 → 00:11:29 ให้คนอื่นได้ด้วยครับเออมันแพร่ได้ด้วยนะ
00:11:29 → 00:11:32 ผืนที่อยู่ตามตัวเนี่ยไม่แพร่คุณจับไม่
00:11:32 → 00:11:35 แพร่ใส่เสื้อร่วมกันไม่แพร่อ่าใช้ผ้าใช้
00:11:35 → 00:11:38 ตัวผืนเดียวกันไม่แพร่แต่ถ้าคุณมีรอยโรค
00:11:38 → 00:11:41 อยู่ในปากแล้วคุณไปจุกับอีกคนนึงอีกคนนึง
00:11:41 → 00:11:45 ติดนะอ่าติดได้เลยนะครับสมมุติว่าคุณเป็น
00:11:45 → 00:11:47 หมอฟันทำฟันแล้วเกิดบังเอิญคุณไปแตะโดน
00:11:47 → 00:11:49 โดนให้ไม่รู้ตัวอย่างเงี้ยคุณก็มีโอกาส
00:11:49 → 00:11:51 ได้เหมือนกันนะครับในการติดอย่างไรก็ตาม
00:11:51 → 00:11:53 ถ้าใส่ถุงมือไว้มันก็ไม่ทะลุเข้ามาในถุง
00:11:53 → 00:11:57 มือซิฟิเนี่ยติดทางสิ่งคั้นหลังพวกนี้มัน
00:11:57 → 00:11:59 ไม่สามารถติดโดยการไอจามหรืออะไรพวกนั้น
00:11:59 → 00:12:03 ขนาดนั้นนะครับโอกาสติดยากมากยากมากๆยก
00:12:03 → 00:12:05 เว้นว่าคุณเจอนับลายที่มันมีเชื้อเยอะๆ
00:12:05 → 00:12:07 แล้วไปโดนหน้าอย่างเงี้ยอันนั้นก็อีก
00:12:07 → 00:12:09 เรื่องนึงนะครับแต่โอกาสที่จะติดมาทาง
00:12:09 → 00:12:11 เรือนหายใจเนี่ยแทบเป็นไปไม่ได้ต้องเป็น
00:12:11 → 00:12:14 การสัมผัสเท่านั้นในการติดนะครับอันนี้
00:12:14 → 00:12:18 เป็นซิฟิระยะที่ 2 ที่มันสามารถที่จะติด
00:12:18 → 00:12:21 ให้คนได้ง่ายนะครับดังนั้นระยะที่ 1 ระยะ
00:12:21 → 00:12:23 ที่ 2 เนี่ยแพร่เชื้อได้ง่ายมากแล้วจะ
00:12:23 → 00:12:26 ต้องเป็นการสัมผัสกับบริเวณที่มีเชื้อ
00:12:26 → 00:12:28 เยอะๆถ้าระยะที่ 1 ต้องเป็นแผลริมแข็งนะ
00:12:28 → 00:12:30 ครับจะอยู่ตรงไหนก็ได้ที่คุณไปรับเชื้อมา
00:12:30 → 00:12:33 สัมผัสแผลนี้คุณติดได้ระยะที่ 2 มันจะ
00:12:33 → 00:12:35 เป็นอยู่ตามเนื้อเยื่ออ่อนนะครับเช่นใน
00:12:35 → 00:12:38 ช่องปากนะครับตรงทวารหนักหรือตรงอวัยวะ
00:12:38 → 00:12:40 เพศหญิงพวกเนี้ยก็จะมีไอ้สิ่งเหล่านี้
00:12:40 → 00:12:43 ซึ่งทำให้คุณติดได้ง่ายมากเลยนะครับ
00:12:43 → 00:12:47 อันเนี้ยเป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจทีนี้
00:12:47 → 00:12:49 สมมุติว่าคุณไม่รักษาระยะที่ 2 ปล่อยไว้
00:12:49 → 00:12:53 เฉยๆมันก็หายไปเองครับแต่มันหายไปแล้ว
00:12:53 → 00:12:55 เนี่ยมันจะซ่อนอยู่ในร่างกายเรารอให้เกิด
00:12:55 → 00:12:58 ปัญหาขึ้นมานะครับโดยมันอาจจะเข้าสู่ระยะ
00:12:59 → 00:13:01 สงบหรือที่เราเรียกว่า latent syis ก็
00:13:01 → 00:13:03 ได้นะครับระยะสงบของโรคเนี่ยหมายความว่า
00:13:03 → 00:13:06 มีเชื้อในร่างกายแต่คุณไม่แสดงอาการอะไร
00:13:06 → 00:13:08 เลยคุณจะรู้ก็ต่อเมื่อไปตรวจเท่านั้นเอง
00:13:08 → 00:13:10 นะครับตรวจเลือดดูถึงจะรู้ว่ามันมีเชื้อ
00:13:10 → 00:13:13 อยู่นะครับอ้อต้องบอกก่อนว่าระยะที่ 1
00:13:13 → 00:13:16 กับระยะที่ 2 เนี่ยคุณสามารถเอาสินค้า
00:13:16 → 00:13:18 ขั้นหลังตรงบริเวณที่มันเป็นแผลเนี่ยมา
00:13:18 → 00:13:21 ป้ายแล้วก็ตรวจได้นะว่ามันเป็นจากเชื้อ
00:13:21 → 00:13:23 ตัวนี้นะครับเราสามารถเห็นมันได้เลยนะ
00:13:23 → 00:13:26 ครับแล้วก็มันสามารถที่จะเอาไปตรวจวิธี
00:13:26 → 00:13:27 พิเศษในการวินิจฉัยได้ซึ่งเดี๋ยวเราพูด
00:13:27 → 00:13:30 กันต่อไปว่าเราจะวินิจฉัยโรคนี้ได้ยังไง
00:13:30 → 00:13:31 นะ
00:13:31 → 00:13:35 ครับมาเข้าสู่ระยะสงบก่อนระยะสงบเนี่ยมัน
00:13:35 → 00:13:38 แบ่งเป็น early early latent กับ rate
00:13:38 → 00:13:40 latent early ก็คือเป็นระยะแรกที่โลก
00:13:40 → 00:13:43 มันสงบนะครับคือไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่
00:13:43 → 00:13:46 คุณรับเชื้อมานะครับแล้วถ้าเกิดเกิน 1 ปี
00:13:46 → 00:13:49 ที่คุณรับเชื้อมาเนี่ยมันก็จะเป็นเรท
00:13:49 → 00:13:52 laten ถามว่าเราแบ่งไปทำไมนะครับการ
00:13:52 → 00:13:55 รักษามันต่างกันครับถ้าเกิดว่า early นะ
00:13:55 → 00:13:58 ครับคือภายใน 1 ปีนับตั้งแต่คุณได้รับ
00:13:58 → 00:14:00 เชื้อมาแล้วคุณไม่ได้รับการรักษาเนี่ย
00:14:00 → 00:14:02 แล้วคุณยังไม่แสดงอาการอะไรมากมายเนี่ย
00:14:02 → 00:14:05 ตรงเนี้ยคุณยังสามารถฉีดยานะแล้วก็แป๊บ
00:14:05 → 00:14:08 เดียวหายได้แต่ถ้ามันเป็นเรท lensilis
00:14:08 → 00:14:10 เนี่ยคืออันเนี้ยคุณต้องฉีดยาเหมือนกัน
00:14:10 → 00:14:12 แต่อาจจะต้องฉีดเยอะหน่อยเช่น 3 ครั้งแทน
00:14:12 → 00:14:14 ที่จะเป็นครั้งเดียวอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:14:14 → 00:14:16 ครับอาทิตย์ละครั้งอย่างเงี้ยไปเรื่อยๆนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับจนกว่าคุณจะอ่าครบ 3 ครั้งถ้าเกิดคุณ
00:14:19 → 00:14:22 เป็นกรณีเรทิคือหมายความว่าคุณไม่มีอาการ
00:14:22 → 00:14:23 มันซ่อนอยู่ในร่างกายคุณไปตรวจเจอโดย
00:14:23 → 00:14:26 บังเอิญแล้วคุณเกิน 1 ปีไปแล้วนับตั้งแต่
00:14:26 → 00:14:28 วันรับเชื้อแต่ถ้าเกิดคุณไม่แน่ใจว่าคุณ
00:14:28 → 00:14:30 รับเชื้อมาก่อนคุณต้องคิดว่ามันเป็นเรท
00:14:30 → 00:14:32 เสมอเพราะว่าถ้าเกิดคุณรักษาไม่เพียงพอ
00:14:33 → 00:14:34 เนี่ยเชื้อไม่หายไปไหนก็จะเกิดอันตรายกับ
00:14:34 → 00:14:40 ร่างกายขึ้นมาได้นะครับทีนี้ระยะที่ 3
00:14:40 → 00:14:42 คืออะไร Turtiary seilis ต้องบอกอย่าง
00:14:42 → 00:14:45 งี้ครับว่าระยะที่ 3 เนี่ยมันเป็นระยะที่
00:14:45 → 00:14:48 ถ้าคุณไม่รักษาตั้งแต่แรกนะมันซ่อนอยู่ใน
00:14:48 → 00:14:51 ร่างกายของคุณมันอาจจะอยู่ในร่างกายคุณ
00:14:51 → 00:14:55 โน่นเป็น 10 ปีได้เลยบางรายปีอ่ะกว่าคุณ
00:14:55 → 00:14:58 จะเริ่มแสดงอาการนะครับแปลว่าถ้าเกิดคุณ
00:14:58 → 00:15:01 ไปรับเชื้อมาตอนวัยรุ่นเช่นอายุ 20 คุณ
00:15:01 → 00:15:03 อาจจะโน่นอายุ 40 50 คุณถึงจะแสดงอาการ
00:15:03 → 00:15:04 เทอชิ
00:15:04 → 00:15:09 ก็ได้นะครับคำว่า tury sy เนี่ยมันมีอัน
00:15:09 → 00:15:12 นึงที่น่ากลัวมากนะครับนั่นก็คืออาการทาง
00:15:12 → 00:15:15 ระบบหลอดเลือดและหัวใจที่เราเรียกว่า
00:15:15 → 00:15:20 คาร์ดcาร syphilis นะครับพวกเนี้ยมันจะทำ
00:15:20 → 00:15:23 ให้หลอดเลือดอักเสบนะครับโดยหลอดเลือดที่
00:15:23 → 00:15:25 อักเสบบ่อยๆก็คือหลอดเลือดที่มันเรียกว่า
00:15:25 → 00:15:28 เออติอนะครับก็คือหัวใจเราเนี่ยจะมีหลอด
00:15:28 → 00:15:30 เลือดใหญ่ที่ออกมาจากตรงนั้นเราเรียกว่า
00:15:30 → 00:15:32 เออนะครับตรงเออ้าจะมีการโค้งงอเป็น
00:15:32 → 00:15:34 เหมือนสะพานเราเรียกว่าเออติอ่าไอ้ตรง
00:15:34 → 00:15:37 เนี้ยจะอักเสบทำให้มันมีการโปร่งพองของ
00:15:37 → 00:15:40 หลอดเลือดได้แล้วการโป่งพองเนี่ยมันก็จะ
00:15:40 → 00:15:42 ลมไปสู่ลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจมันรั่ว
00:15:42 → 00:15:45 ได้นะครับดังนั้นคนไข้ก็จะมีอาการลิ้นหัว
00:15:45 → 00:15:47 ใจรั่วพวกเนี้ยก็อาจจะมีอาการเหนื่อยง่าย
00:15:48 → 00:15:50 นะครับแล้วเจอประวัติว่าเป็นพวกเนี้ยก็
00:15:50 → 00:15:52 ต้องไปผ่าตัดแก้ไขและไอ้ผ่าพวกเนี้ยไม่
00:15:52 → 00:15:54 ได้ง่ายเลยนะครับเพราะว่าเนื้อเยื่อข้าง
00:15:54 → 00:15:56 ในมันเปื่อยยุ่ยการเย็บซ่อมอะไรก็จะยาก
00:15:56 → 00:15:59 มากแล้วบางคนก็จะเสียชีวิตเพราะว่าซ่อม
00:15:59 → 00:16:01 ไม่ได้นะครับอันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้อง
00:16:01 → 00:16:03 มีความเข้าใจนะครับเพราะว่ามันอันตรายมาก
00:16:03 → 00:16:07 ๆนะครับเหตุผลที่มันเป็นที่เส้นเลือดตรง
00:16:07 → 00:16:09 เนี้ยเพราะว่าไอ้เส้นเลือดหรือหลอดเลือด
00:16:09 → 00:16:12 ใหญ่ๆตรงเอต้าตัวเนี้ยต้องบอกว่าตัวมัน
00:16:12 → 00:16:14 เองอ่ะผนังของหลอดเลือดเนี่ยมันหนามากนะ
00:16:14 → 00:16:17 ครับที่มันหนามากเนี่ยมันจะต้องเอาเลือด
00:16:17 → 00:16:19 ไปเลี้ยงตัวเองโดยมีหลอดเลือดเล็กๆเรา
00:16:19 → 00:16:22 เรียกว่าเซorumนะครับเล็กๆเอาไว้เลี้ยง
00:16:22 → 00:16:24 ตัวเองไอ้หลอดเลือดเล็กๆเนี่ยมันอักเสบพอ
00:16:24 → 00:16:26 มันอักเสบทั้งหมดเนี่ยทำให้ผนังของหลอน
00:16:26 → 00:16:29 เลือดแดงใหญ่ทั้งหมดมันอ่อนแอลงมันก็เลย
00:16:29 → 00:16:32 เกิดอาการโป่งพองขึ้นมานะครับแล้วก็ทำให้
00:16:32 → 00:16:35 บริเวณรอบๆเนี่ยมันมีปัญหาแล้วอันเนี้ย
00:16:35 → 00:16:38 แก้ยากมากอย่างที่บอกไปนะครับแบบที่ 2
00:16:39 → 00:16:42 ที่เป็น turist นะครับก็คือเราเรียกว่า
00:16:42 → 00:16:44 กมma
00:16:44 → 00:16:49 เออกม่าเนี่ยมันมีอ่ามันลักษณะของมันนะ
00:16:49 → 00:16:53 ครับคือมันจะเป็นก้อนกลมๆหยุ่นนิ่มๆ
00:16:53 → 00:16:55 เหมือนยางนะครับอันนี้คือจริงๆมันเป็นคำ
00:16:55 → 00:16:58 อธิบายของคนในสมัยก่อนซึ่งมีคนตายด้วย
00:16:58 → 00:17:00 ซิฟิสมากมายเพราะว่าช่วงนั้นน่ะมันยังไม่
00:17:00 → 00:17:03 มียานะครับเขาผ่าดชันสุพิกศพออกมาเนี่ยก็
00:17:03 → 00:17:05 เจอว่าตามอวัยวะต่างๆนะครับมันจะมีไอ้
00:17:05 → 00:17:07 ก้อนหยุ่นนิ่มๆเหมือนยางเนี่ยเค้าเลย
00:17:08 → 00:17:10 เรียกมันว่ากม่ากม่าคือหยุ่นนิ่มเหมือน
00:17:10 → 00:17:12 ยางนะครับประมาณนั้นและจะเกิดขึ้นตาม
00:17:12 → 00:17:15 อวัยวะต่างๆได้หมดทั้งร่างกายเลยตรงไหนก็
00:17:15 → 00:17:18 ได้เลยอวัยวะภายในนะครับที่ปอดที่ตับที่ม
00:17:18 → 00:17:20 เนี่ยมีได้หมดต่อมน้ำเหลืองก็มีได้กระดูก
00:17:20 → 00:17:23 ยังมีเลยเกิดกระดูกอักเสบก็ได้นะครับพวก
00:17:23 → 00:17:28 เนี้ยก็จะเจอได้เยอะนะครับอันนี้เป็นระยะ
00:17:28 → 00:17:34 ที่ 3 นะฮะแล้วไม่พอครับมันยังมีอันที่
00:17:34 → 00:17:38 เป็นพิเศษคือิระบบประสาทซึ่งต้องบอกอย่าง
00:17:38 → 00:17:40 งี้ครับซิฟิระบบประสาทนี่เป็นของพิเศษ
00:17:40 → 00:17:43 เพราะมันเกิดขึ้นระยะไหนก็ได้เลยคุณเป็น
00:17:43 → 00:17:45 ระยะที่ 1 คุณก็เป็นซิฟิสระบบประสาทได้
00:17:45 → 00:17:48 ระยะที่ 2 ก็เป็นได้ระยะที่ 3 ก็เป็นได้
00:17:48 → 00:17:51 นะครับหรือคุณยังอยู่ในช่วงที่เป็นlทen
00:17:51 → 00:17:53 cfilิคือคุณไม่แสดงอาการอะไรเลยยกเว้นทาง
00:17:53 → 00:17:57 ระบบประสาทก็ได้เหมือนกันแล้วอาการซิฟิ
00:17:57 → 00:17:59 ทางระบบประสาทนะครับมันเป็นสิ่งที่
00:17:59 → 00:18:02 อันตรายมากๆเพราะว่ามีการแสดงได้ไม่
00:18:02 → 00:18:04 เหมือนกันแบ่งเป็นการแสดงแบบฉับพลันและ
00:18:04 → 00:18:07 การแสดงแบบเรื้อรังนะครับเดี๋ยวตรงเนี้ย
00:18:07 → 00:18:10 สำคัญแล้วเพราะว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับ
00:18:10 → 00:18:15 กรณีความจำเสื่อมด้วยนะครับแบบฉับพลันนะ
00:18:15 → 00:18:18 ครับคือจะมีอาการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง
00:18:19 → 00:18:24 หรือเส้นประสาทของบริเวณสมองเช่นคุณอาจจะ
00:18:24 → 00:18:27 มีเส้นประสาทตาอักเสบนะเราจะเจอซิฟิสใน
00:18:27 → 00:18:30 ลูกตาได้นะซิฟิสในลูกตาเนี่ยก็คือทำให้
00:18:30 → 00:18:32 ข้างในตาเนี่ยเกิดการอักเสบนะครับถ้าเกิด
00:18:32 → 00:18:35 ว่าเป็นแพทย์เนี่ยเค้าก็จะบอกว่าเออเป็น
00:18:35 → 00:18:37 uvitis นะครับเป็นการอักเสบในลูกตาจะ
00:18:37 → 00:18:39 เป็นข้างหน้าก็ได้หรือข้างหลังก็ได้หรือ
00:18:39 → 00:18:41 ทั้งอันก็ได้เราจะเรียกว่าข้างหน้าก็
00:18:41 → 00:18:43 เรียก anterior uviitis ข้างหลัง
00:18:43 → 00:18:45 posterior uviitis ทั้งอันเราจะเรียก
00:18:45 → 00:18:49 pviitis นะครับตรงเคือเกิดขึ้นได้
00:18:49 → 00:18:51 อันเนี้ยก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะมันทำ
00:18:51 → 00:18:56 ให้ตาบอดได้นะครับหรือถ้าหูนะครับก็จะมี
00:18:56 → 00:18:59 อาการได้ยินเสียงวิงหรือทิัสนะครับมี
00:18:59 → 00:19:02 อาการมึนหัว vertical นะครับหรืออาการหู
00:19:02 → 00:19:05 ดับไปเลยซึ่งหูดับเนี่ยดับแล้วต่ำเลยนะ
00:19:05 → 00:19:08 ครับอันเนี้ยมันอันตรายเพราะว่าถ้าเกิด
00:19:08 → 00:19:10 ว่าหมอนที่เขา้าไม่รู้เรื่องเนี้ยแล้วเขา
00:19:10 → 00:19:12 ไม่รู้ประวัติคุณนะครับเค้าเเห็นว่าคุณมา
00:19:12 → 00:19:15 ด้วยอาการตามัวมองไม่ชัดส่องตาเข้าไปเอ้ย
00:19:15 → 00:19:17 เม็ดเลือดขาวเต็มไปหมดเลยแล้วก็หาสาเหตุ
00:19:17 → 00:19:21 โดยทั่วไปไม่เจอเค้าก็จะให้สเตียรอยด์
00:19:21 → 00:19:24 ครับแล้วถ้าให้สเตีรอยด์เข้าไปในภาวะนี้
00:19:24 → 00:19:28 นะครับเสร็จตายแน่นอนเพราะว่าคุณได้
00:19:29 → 00:19:31 สเตียรอยด์ในขณะที่คุณติดเชื้ออยู่เข้าไป
00:19:31 → 00:19:34 ในลูกตาตาคุณไม่รอดแน่นอนครับดังนั้น
00:19:34 → 00:19:37 เนี่ยเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องบอกหมอ
00:19:37 → 00:19:39 เสมอนะครับว่าถ้าคุณมีประวัติมี
00:19:39 → 00:19:41 เพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันด้วยการ
00:19:41 → 00:19:44 ใส่ถุงยางเนี่ยคุณต้องบอกนะครับเพราะมี
00:19:44 → 00:19:49 โอกาสเป็นซิฟิในลูกตาได้นะฮะอ่าแล้วก็อาจ
00:19:49 → 00:19:51 จะมีปัญหาเรื่องของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
00:19:51 → 00:19:53 พวกนี้ก็จะมีอาการไข้ปวดหัวนะครับคอเนี่ย
00:19:53 → 00:19:55 มันก็จะแข็งตึงเราเรียกว่า stiff neck
00:19:55 → 00:19:57 นะครับ stiffne หรือภาษาทางการแพทย์เลย
00:19:57 → 00:19:59 เรียกว่า nucleal rigidity นะครับพวก
00:19:59 → 00:20:01 เนี้ยคือเวลาที่เราก้มคออย่างที่ผมเคยทำ
00:20:01 → 00:20:04 ให้ดูเนี่ยคอเราควรจะเอาคางชิดอกได้ง่ายๆ
00:20:04 → 00:20:06 โดยที่เราไม่ปวดคอแต่คนพวกเนี้ยเวลามีการ
00:20:06 → 00:20:09 อักเสบของเยื่อหุ้มสมองแล้วเวลาเราไปยื่น
00:20:09 → 00:20:12 ออกด้วยการเอาคอให้งอจนคางชิดอกเนี่ยมัน
00:20:12 → 00:20:15 มันงอไม่ได้มันจะต้านอย่างเงี้ยเพราะว่า
00:20:15 → 00:20:18 มันลงมาแล้วมันเจ็บมากนะครับก็จะเป็นแบบ
00:20:18 → 00:20:21 นั้นนะครับอันนี้คือระยะที่มันเป็นระยะ
00:20:21 → 00:20:23 ต้นนะครับก็คือมีอาการอักเสบได้ของเยื่อ
00:20:23 → 00:20:26 หุ้มสมองมีลูกตามีหูหรือเส้นประสาทหน้า
00:20:26 → 00:20:28 อาจจะหน้าเบี้ยวไปเลยก็ได้นะครับอันนี้ก็
00:20:28 → 00:20:31 จะเจอได้นะครับในกรณีที่เป็นแบบฉับ
00:20:31 → 00:20:35 พลันปัญหาคือมันมีแบบเป็นเรื้อรังด้วย
00:20:35 → 00:20:39 ครับเออเป็นเรื้อรังเนี่ยถ้ามันเป็นที่
00:20:39 → 00:20:42 สมองนะครับก็จะมีอาการความจำเสื่อมได้
00:20:42 → 00:20:45 ครับมันจะมีปัญหาเรื่องของพฤติกรรมที่
00:20:45 → 00:20:49 เปลี่ยนแปลงไปความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้
00:20:49 → 00:20:53 หรือบางคนก็ก้าวร้าวนะครับพวกเนี้ยซึ่ง
00:20:53 → 00:20:55 หลายคนเนี่ยอาจจะคิดว่าเฮ้ยเดี๋ยว
00:20:55 → 00:20:57 อันเนี้ยเป็นโรคทางด้านจิตเวทหรือเปล่า
00:20:57 → 00:20:59 เพราะไม่มีอาการอะไรอย่างอื่นยกเว้นอาการ
00:20:59 → 00:21:01 อย่างนี้อย่างเดียวแล้วก็ลืมตรวจไปว่า
00:21:01 → 00:21:05 เฮ้ยมันอาจจะเป็นซิฟิก็ได้นะทำให้รักษา
00:21:05 → 00:21:07 ครับไม่ได้รักษาสุดท้ายก็จะเสียชีวิตได้
00:21:07 → 00:21:10 นะครับเออบางคนก็มีอาการชักมาด้วยนะครับ
00:21:10 → 00:21:13 ก็จะเป็นแบบนั้นได้หรืออีกอย่างนึงถ้ามัน
00:21:13 → 00:21:15 ไม่ได้เป็นที่สมองมันเป็น
00:21:15 → 00:21:19 ที่ไขสันหลังเราครับไขสันหลังเราเนี่ยมัน
00:21:19 → 00:21:21 มีเส้นเลือดไปเลี้ยงถ้าเกิดมันมีการ
00:21:21 → 00:21:23 อักเสบและอุดตันนะครับไขสันหลังตรงนั้น
00:21:23 → 00:21:26 น่ะตายไปคุณก็จะมีปัญหาเรื่องของอัมพฤกษ์
00:21:26 → 00:21:29 อัมพาตขยับตรงนั้นไม่ได้ขยับตรงนี้ไม่ได้
00:21:29 → 00:21:34 นะครับมีอาการอ่อนแรงทางร่างกายจากการที่
00:21:34 → 00:21:36 ไอ้เส้นประสาทพวกนี้มันเสียเราเรียกว่า
00:21:36 → 00:21:39 General Paris นะครับคืออ่อนแรงหมดเลย
00:21:40 → 00:21:42 หรือถ้าเกิดว่าไขสันหลังของเราเนี่ยนะ
00:21:42 → 00:21:44 ครับมันเสียไปโดยเฉพาะส่วนหลังที่เรา
00:21:44 → 00:21:46 เรียกว่าเอ่อ posterior คอลัมตรงเนี้ย
00:21:46 → 00:21:49 เสียไปจะมีโรคทางการแพทย์อันหนึ่งเรา
00:21:49 → 00:21:52 เรียกว่าTesี Dosolis นะครับTบis Dosolis
00:21:52 → 00:21:56 ก็คือมันเสียตรงอ่าไข่สันหลังส่วนด้าน
00:21:56 → 00:21:58 หลังของเราซึ่งอาการของมันเนี่ยก็จะทำให้
00:21:58 → 00:22:01 เรามีการรับรู้ความรู้สึกที่ผิดปกติไปนะ
00:22:01 → 00:22:03 ครับแรงสั่นสะเทือนเนี่ยก็จะรับไม่ได้นะ
00:22:03 → 00:22:06 ครับข้อเท้าเราขึ้นหรือลงอะไรก็จะรับไม่
00:22:06 → 00:22:09 ได้เหมือนกันก็จะมีปัญหานะครับแล้วพวก
00:22:09 → 00:22:12 เนี้ยคือรักษาแล้วมันก็ไม่หายนะฮะมันก็
00:22:12 → 00:22:14 ยังจะคงเป็นอย่างนั้นอยู่อ่ะนะครับแต่ก็
00:22:14 → 00:22:16 ต้องรักษาเพราะถ้าไม่รักษาเนี่ยอาการมัน
00:22:16 → 00:22:19 จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับดังนั้นเนี่ยถ้า
00:22:19 → 00:22:23 มีความสงสัยเรื่องซิฟิสมีประวัติว่ามีเพศ
00:22:23 → 00:22:25 สัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันแล้วคนไข้มี
00:22:25 → 00:22:28 อาการปวดหัวเราต้องตรวจนิวรโลซิฟิเสมอ
00:22:28 → 00:22:31 ด้วยการเจาะเอาน้ำไข่สลังมาตรวจนะครับอ่า
00:22:31 → 00:22:33 ตรงนี้ต้องสำคัญมากๆต้องเอามาตรวจนะครับ
00:22:33 → 00:22:36 ถ้าไม่ตรวจเนี่ยก็ไม่มีทางรู้นะฮะหรือถ้า
00:22:36 → 00:22:38 มีปัญหาเรื่องความจำเสื่อมนะครับเรื่อง
00:22:38 → 00:22:41 ของเอ่อเส้นประสาทที่มันผิดปกติไปเนี่ย
00:22:41 → 00:22:44 โรคหนึ่งที่เราต้องคิดถึงก็คือซิฟิสถึง
00:22:44 → 00:22:46 แม้ว่าคุณจะไม่มีประวัติว่าเคยมีผื่นอะไร
00:22:46 → 00:22:48 ขึ้นมาก่อนก็ตามนะครับตรงเเป็นสิ่งที่
00:22:48 → 00:22:50 สำคัญแล้วก็หลายๆคนเราอาจจะไม่ได้ทันคิด
00:22:50 → 00:22:53 ถึงตรงนี้ก็ได้เพราะว่ามันสมัยก่อนมันเจอ
00:22:53 → 00:22:55 น้อยแล้วตอนนี้มันเริ่มมาระบาดอีกรอบนึง
00:22:55 → 00:22:57 เพราะว่าคนมีเพศสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้
00:22:57 → 00:22:59 ป้องกันแล้วบางทีมีเรื่องของ Night Stand
00:22:59 → 00:23:02 อย่างเงี้ยก็อาจจะไม่รู้ด้วยว่าคนที่เรา
00:23:02 → 00:23:05 มีเพศสัมพันธ์ด้วยเค้ามีเชื้ออยู่หรือไม่
00:23:05 → 00:23:07 เค้าเป็นคนที่คุณไว้ใจแต่ปรากฏว่าอ้าคุณ
00:23:07 → 00:23:09 ได้เชื้อตัวนี้มาแล้วคุณไม่รู้เรื่องแล้ว
00:23:09 → 00:23:11 ไม่ได้รักษาเพราะว่าอายหรืออะไรสักอย่าง
00:23:11 → 00:23:15 นะครับก็อันตรายกับร่างกายได้นะ
00:23:15 → 00:23:19 ฮะกรณีพิเศษยังมีอีกครับคือลูกครับถ้า
00:23:19 → 00:23:23 เกิดว่าแม่ตั้งครรภ์เป็นซิฟิสแล้วไม่
00:23:24 → 00:23:27 รักษามันสามารถส่งต่อซิฟิลิสไปให้ลูกผ่าน
00:23:27 → 00:23:30 ทางรกได้ครับถ้าส่งต่อให้ลูกผ่านทางรกนี่
00:23:30 → 00:23:33 นะเด็กออกมาเนี่ยมีความผิดปกติได้หลาย
00:23:33 → 00:23:35 อย่างนะครับส่วนใหญ่แล้วตอนเกิดมาเนี่ย
00:23:35 → 00:23:38 เด็กไม่มีอาการส่วนใหญ่นะแต่มันจะมีบาง
00:23:38 → 00:23:41 ส่วนที่มีอาการอาการของในเด็กแรกข้อที่
00:23:41 → 00:23:44 ออกมาเนี่ยเอาจจะมีผื่นทั้งตัวนะครับอาจ
00:23:44 → 00:23:46 จะมีแผลต่างๆขึ้นได้นะครับแล้วก็จะมีน้ำ
00:23:46 → 00:23:50 มูกไหลไหลได้เยอะนะครับแล้วเราก็ต้องตรวจ
00:23:50 → 00:23:52 เลยแหละเพราะว่าตรวจแล้วต้องรักษาต้องรีบ
00:23:52 → 00:23:55 รักษานะครับเพราะว่าในเด็กเนี่ยถ้าไม่
00:23:55 → 00:23:58 รักษาอาจจะมีปัญหาทางระบบประสาทระยะยาว
00:23:58 → 00:24:00 แล้วก็แน่นอนครับเด็กมันเป็นวัยที่สมอง
00:24:01 → 00:24:02 ของเรากำลังเจริญเติบโตถ้าเกิดว่ามันมี
00:24:02 → 00:24:05 ปัญหาเราไม่เรียกรักษาก็จะมีผลในระยะยาว
00:24:05 → 00:24:08 ได้แต่ถึงแม้ว่าจะรักษาเด็กให้ดีแล้วก็
00:24:08 → 00:24:11 ตามครับมันจะยังมีผลระยะยาวอีกเช่นกัน
00:24:11 → 00:24:14 นั่นก็คือเรื่องของอาจจะมีตาบอดหูหนวก
00:24:14 → 00:24:17 ระยะยาวได้นะครับตาเนี่ยเขาจะมีโรคนึง
00:24:17 → 00:24:20 ชื่อว่า institional caratitis พวกเนี้ย
00:24:20 → 00:24:23 ไม่หายนะครับแล้วก็กระดูกผิดปกติได้
00:24:23 → 00:24:25 กระดูกเนี่ยเราจะเจออันนึงเรียกว่า saber
00:24:25 → 00:24:27 shin นะครับก็คือตรงบริเวณหน้าแข้งเนี่ย
00:24:27 → 00:24:29 กระดูกมันจะโค้งงอไปข้างหน้าอันนี้ก็ไม่
00:24:29 → 00:24:31 หายเหมือนกันก็เป็นอย่างนั้นตลอดชีวิตนะ
00:24:31 → 00:24:34 ครับยิ่งรักษาเร็วเนี่ยยิ่งดียิ่งรักษา
00:24:34 → 00:24:36 ช้าก็ยิ่งไม่ดีนะครับแล้วในแม่เนี่ยถ้า
00:24:36 → 00:24:38 เป็นต้องรีบรักษาผู้ชันจะถ่ายทอดมาให้ลูก
00:24:38 → 00:24:42 ได้นะครับอ่ะตรงนี้เป็นสิ่งที่เจอได้อ้อ
00:24:42 → 00:24:45 มีอีกอย่างนึงซิฟิสระยะเรื้อรังเนี่ยมัน
00:24:45 → 00:24:48 จะทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมๆได้นะครับคิ้วก็
00:24:48 → 00:24:50 ร่วงได้ผมก็ร่วงได้เป็นหย่อมๆเหมือนกับ
00:24:50 → 00:24:52 โดนแมลงแทะอย่างเงี้ยนะฮะจะเจออย่างนั้น
00:24:52 → 00:24:55 ได้เหมือนกันนะครับทีนี้มาถึงวิธีในการ
00:24:55 → 00:24:59 ตรวจอ่ะเราก็จะมีการตรวจ 2 แบบนะครับตรวจ
00:24:59 → 00:25:02 แบบสreenก็คือตรวจแบบคร่าวๆก่อนเราจะ
00:25:02 → 00:25:05 เรียกว่า non triponimal test นะครับ
00:25:05 → 00:25:08 กับแบบที่ 2 คือแบบยืนยันคือ Triponymal
00:25:08 → 00:25:10 test นะครับ non triponmal test เนี่ย
00:25:10 → 00:25:13 คือเป็นการตรวจอ่าเ้าเรียกว่าเป็น
00:25:13 → 00:25:15 แอนติเจนอย่างหนึ่งนะครับแอนติเจนตัว
00:25:15 → 00:25:18 เนี้ยก็จะเป็นจะเป็นแอนติเจนซึ่งมันมี
00:25:18 → 00:25:22 อยู่บนผิวของตัวแบคทีเรียตัวนี้นะครับโดย
00:25:22 → 00:25:26 เราจะดูพวกเ่อกลุ่มคอเลสเตอรอลเรซินะครับ
00:25:26 → 00:25:29 บนตัวของมันนะฮะเวลาที่เราตรวจอันเนี้ย
00:25:29 → 00:25:31 มันจะไม่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อตัวนี้มันอาจ
00:25:31 → 00:25:35 จะเจอในชนิดเชื้ออื่นก็ได้หรือว่าเจอใน
00:25:35 → 00:25:38 โรคภูมิต่อต้านตัวเองบางโรคก็ได้เช่น SLE
00:25:38 → 00:25:40 บางทีก็จะเจอไอ้นี้ได้นะครับโดยการตรวจ
00:25:41 → 00:25:43 เนี้ยจะมี 2 ตัวคือ 1 Rapid Plasma
00:25:43 → 00:25:47 Reaging RPR กับ VDL Vineral Disease
00:25:47 → 00:25:49 Research Laboratory นะครับชื่อเต็มๆ
00:25:49 → 00:25:51 ของมันไอ้ตัวเนี้ยก็จะเป็นตัวที่ใช้ตรวจ
00:25:51 → 00:25:53 นะครับแล้วถ้าเราเจาะน้ำไข่สลักมาตรวจ
00:25:53 → 00:25:55 แล้วก็จะตรวจตรวจไอ้ตัวนี้ในน้ำการสลัง
00:25:55 → 00:25:59 ได้เช่นกันนะฮะแบบที่ 2 คือการตรวจยืนยัน
00:25:59 → 00:26:01 มีหลายตัวครับ Triptomal test เช่น TPPA
00:26:01 → 00:26:04 TPHA หรือ FTA ABS อะไรพวกเนี้ยก็มี
00:26:04 → 00:26:06 หลายตัวนะครับตรงนั้นให้หมอเ้าเป็นคน
00:26:06 → 00:26:08 เลือกแล้วกันว่าเอ่อเราตรวจมาแล้วต้องยืน
00:26:08 → 00:26:12 ยันยังไงไอ้พวกเนี้ยต้องตรวจทั้งคู่เพราะ
00:26:12 → 00:26:14 ว่าเราจะใช้ในการติดตามการรักษานะครับตัว
00:26:14 → 00:26:16 ที่ใช้ในการตรวจยืนยันหรือ Tripmal test
00:26:17 → 00:26:20 เช่น TPHA TPPA FDA PS พวกเนี้ยมันจะ
00:26:20 → 00:26:24 ได้ผลบวกตลอดชีวิตไม่มีทางหาย
00:26:24 → 00:26:25 ถึงแม้ว่าคุณจะรักษาไปแล้วมันก็ยังจะบวก
00:26:26 → 00:26:28 อยู่ตลอดชีวิตคือเหมือนเป็นตราบาปของคุณ
00:26:28 → 00:26:30 น่ะว่าไม่มีทางหายแน่ๆตัวเจะยังอยู่ใน
00:26:31 → 00:26:33 ร่างกายถึงแม้ว่าคุณจะรักษาแล้วก็ตามแต่
00:26:33 → 00:26:36 ไอ้ตัวที่จะดีขึ้นได้ก็คือตัวพวก RPR
00:26:36 → 00:26:39 VDRL พวกเนี้ยเวลาที่คุณรักษาแล้วได้ผล
00:26:39 → 00:26:42 นะมันจะต้องลดลงอย่างน้อย 4 เท่าลดลง
00:26:42 → 00:26:46 อย่างน้อย 4 เท่านะแต่การลดลงของมันไม่
00:26:46 → 00:26:48 ได้เร็วนักเท่าไหร่ถ้าเกิดคุณรักษาตั้ง
00:26:48 → 00:26:52 แต่ระยะแรกๆนะครับภายในปีแรกมันจะลดลงใช้
00:26:52 → 00:26:54 เวลาประมาณ 6 เดือนถึงปีนึงแต่ถ้าเกิดคุณ
00:26:54 → 00:26:57 ไปรักษาช้าไปแล้วเนี่ยโน่นต้องรอปี 2 ปี
00:26:57 → 00:27:00 กว่ามันจะเริ่มลดลงนะครับแล้วถ้าเกิดคุณ
00:27:00 → 00:27:02 รักษาแล้วไปรับเชื้อเข้ามาใหม่คุณก็เป็น
00:27:02 → 00:27:05 อีกรอบนึงได้นะครับมันไม่ได้แปลว่าหาย
00:27:05 → 00:27:07 แล้วไม่เป็นอีกเลยมันเป็นแล้วเป็นอีกได้
00:27:07 → 00:27:10 ครับโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันแล้วยา
00:27:10 → 00:27:12 ที่ใช้ในการป้องกันก็ไม่ได้ผลแบบ 100%
00:27:12 → 00:27:15 อย่างเช่นคนที่กินยาdoอกเปบเนี่ย doxy
00:27:16 → 00:27:17 post exposure prophylaxis คือหลังจาก
00:27:17 → 00:27:19 มีเพศสหรุกกินไอ้นี่เข้าไปเนี่ยไม่ได้
00:27:19 → 00:27:22 ป้องกันได้ 100% นะครับมันก็จะมีปัญหา
00:27:22 → 00:27:25 อ่าขั้นตอนการรักษาสมมุติว่าคุณตรวจว่า
00:27:25 → 00:27:28 คุณเป็นแล้วทำยังไงดีนะครับถ้าคุณเป็น
00:27:28 → 00:27:31 ระยะที่ 1 หรือระยะที่ 2 เนี่ยเรายัง
00:27:31 → 00:27:34 สามารถใช้ยาเพนิซิลินฉีดได้เชื้อเมันไว
00:27:34 → 00:27:37 ต่อเพนิซิมากๆนะครับเราจะฉีดเข้ากล้ามนะ
00:27:37 → 00:27:40 ครับก็จะเป็นpenนิซิ G แบบเนีดเข้าไป
00:27:40 → 00:27:43 ครั้งนึงก็จบละนะง่ายๆนะครับพวกนี้ไม่ไม่
00:27:43 → 00:27:46 ได้ลำบากอะไรมากมายหรือคุณจะใช้ยา
00:27:46 → 00:27:49 doอกซีไซคลินกินไป 2 อาทิตย์ก็ได้หรือไม่
00:27:49 → 00:27:52 ฉะนั้นก็เป็นยาฉีดเซฟโซน
00:27:52 → 00:27:55 ก็ 2 อาทิตย์เหมือนกันนะครับในกรณีพวก
00:27:55 → 00:27:58 เนี้ยแต่ถ้าให้ดีจริงๆควรจะฉีดpนิซิเพราะ
00:27:58 → 00:28:01 ว่ามันเชื้อมันไวมากที่สุดนะครับนี่ใน
00:28:01 → 00:28:04 กรณีที่คุณรักษาเอ่อ primary secondary
00:28:04 → 00:28:06 อะไรพวกนี้นะครับที่มันเป็นไม่เยอะนะฮะก็
00:28:06 → 00:28:08 ใช้แบบนี้แต่บางกรณีอาจจะต้องมากกว่านี้
00:28:08 → 00:28:11 แล้วแต่กรณีที่คุณหมอเขาต้องประเมินนะ
00:28:11 → 00:28:14 ครับแต่ถ้ามันเป็นแบบเป็นเยอะเงี้ยเป็น
00:28:14 → 00:28:16 เกินปีไปแล้วแล้วเราเพิ่งมาตรวจเจอพวก
00:28:16 → 00:28:18 เนี้ยจะต้องฉีดทั้งหมด 3 ครั้งนะครับ
00:28:18 → 00:28:20 อาทิตย์ละครั้งถ้ามันเป็นเข้าไปในระบบ
00:28:20 → 00:28:24 ประสาทนะนะครับอันเนี้ยจะต้องฉีดเข้าเส้น
00:28:24 → 00:28:26 เลือดเลยฉีดเข้าเส้นเลือดแบบ 2 อาทิตย์
00:28:26 → 00:28:28 ไม่สามารถฉีดเข้ากล้ามได้คุณต้องเอาเข้า
00:28:28 → 00:28:29 เส้นเลือดอย่างเดียวไม่มียากินด้วยคุณ
00:28:29 → 00:28:33 ต้องรักษาไปอย่างน้อยเอ่อ 2 อาทิตย์แล้ว
00:28:33 → 00:28:35 หลังจากรักษาเสร็จเนี่ยจะต้องมีการประมาณ
00:28:35 → 00:28:38 ประเมินดูด้วยว่าเฮ้ยมันหายหรือยังนะครับ
00:28:38 → 00:28:40 ประเมินโดยที่อาการทางระบบประสาทเนี่ยคง
00:28:40 → 00:28:44 ที่นะครับไม่แย่ลงแล้วก็ต้องมีการตรวจ
00:28:44 → 00:28:47 เมื่อกี้ RPR VDRL ดูซิว่ามันลงหรือยัง
00:28:47 → 00:28:50 ในช่วง 6 เดือนนะครับไม่ใช่ตรวจหลังจาก
00:28:50 → 00:28:52 รักษาเสร็จมันยังไม่ลงหรอกครับมันใช้เวลา
00:28:52 → 00:28:55 อีกนานเลยกว่ามันจะลงนะครับดังนั้น
00:28:55 → 00:28:58 อันเนี้ยก็เล่าให้ฟังนะครับมันเป็นระยะ
00:28:58 → 00:29:01 ต่างๆของนะครับซึ่งมันมีความสำคัญที่เรา
00:29:01 → 00:29:04 จำเป็นจะต้องรู้นะครับงั้นโดยสรุปนะครับ
00:29:04 → 00:29:07 ซิฟิเนี่ยติดต่อได้ง่ายๆทางเพศสัมพันธ์นะ
00:29:07 → 00:29:10 ครับไม่ว่าคุณจะมีเพศสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม
00:29:10 → 00:29:12 ถ้าเกิดคุณไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยางเนี่ย
00:29:12 → 00:29:14 มันติดแน่นอนนะครับถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์
00:29:14 → 00:29:16 โดยการใช้ปากเนี่ยคุณก็ติดเข้ามาทางปาก
00:29:16 → 00:29:19 ได้เหมือนกันนะครับจากสิ่งคัดหลังของคน
00:29:19 → 00:29:22 ที่เขามีเชื้อซิฟิสอยู่ในร่างกายนะครับ
00:29:22 → 00:29:25 ระยะแรกเนี่ยเป็นแผลริมแข็งแล้วมันไม่
00:29:25 → 00:29:27 เจ็บคุณไม่มีทางสังเกตมาได้ถ้าคุณไม่ไปหา
00:29:27 → 00:29:30 มองมันแล้วมันถ้าอยู่ในมุมอัพคุณก็ไม่
00:29:30 → 00:29:32 เห็นมันไม่เห็นมันคุณก็ไม่รู้ว่าตัวเอง
00:29:32 → 00:29:35 เป็นนะครับงั้นป้องกันไว้ตั้งแต่แรกไม่มี
00:29:35 → 00:29:38 เพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันจะดีที่
00:29:38 → 00:29:40 สุดนะครับมันจะได้ไม่มีปัญหาอย่างนี้
00:29:40 → 00:29:44 เพราะว่าถ้าคุณมีคุณรักษารีบรักษามันจะดี
00:29:44 → 00:29:47 กว่านะครับแต่รักษาให้เสร็จยังไงเนี่ยผล
00:29:47 → 00:29:49 เลือดของคุณนะครับมันก็ยังเป็นบวกได้ตลอด
00:29:49 → 00:29:52 ชีวิตนะมันไม่หายไปไหนดังนั้นก็จะเป็นตรา
00:29:52 → 00:29:57 บาปติดตัวคุณไปแล้วที่สำคัญคือถ้าคุณเป็น
00:29:57 → 00:29:59 โรคอะไรซะอย่างป่วยแล้วไปหาหมอเนี่ยต้อง
00:29:59 → 00:30:02 บอกว่าเรามีปัญหาเรื่องการมีเพศสสัมพันธ์
00:30:02 → 00:30:04 ที่ไม่ได้ป้องกันนะครับเพราะมิฉะนั้นถ้า
00:30:04 → 00:30:06 คุณหมอเ้าไม่ได้วินิจฉัยหรือวินิจฉัยไม่
00:30:06 → 00:30:09 ถูกต้องหรือไม่ได้รักษาให้ถูกทางแย่นะ
00:30:09 → 00:30:13 ครับอ่าคุณก็แย่นะฮะอ้ออีกอย่างนึงที่
00:30:13 → 00:30:16 ต้องเตือนก็คือถ้าเรามีเรื่องของลูกตา
00:30:16 → 00:30:18 อักเสบหรือหูอักเสบเนี่ยเราจำเป็นจะต้อง
00:30:18 → 00:30:23 ตรวจดูสิซิว่ามันมีเชื้อเนี่ยอยู่ในระบบ
00:30:23 → 00:30:25 ประสาทของเราด้วยหรือเปล่าด้วยการเจาะเอา
00:30:25 → 00:30:27 น้ำแขกสลักมาตรวจเพราะว่าการรักษาเนี่ย
00:30:27 → 00:30:29 มันอาจจะต้องนานหน่อยอาจจะต้องเป็นการฉีด
00:30:29 → 00:30:32 ยาเข้าเส้นทั้งหมดเ่อ 2 สัปดาห์เต็มๆนะ
00:30:32 → 00:30:34 ครับมิฉะนั้นเนี่ยเชื้ออาจจะกำจัดไม่หมด
00:30:34 → 00:30:37 แล้วก็เดี๋ยวมันออกมาอีกได้นะครับนั้นก็
00:30:37 → 00:30:40 ทำให้เกิดปัญหาได้นะฮะโอเควันนี้ก็เล่า
00:30:40 → 00:30:42 ให้ฟังขนาดนานเหมือนกันนะครับเพราะว่ามี
00:30:42 → 00:30:44 หลายอย่างที่เราจำเป็นจะต้องเข้าใจเกี่ยว
00:30:44 → 00:30:46 กับข้องกับโรคซิฟิสนะครับยังไงถ้าใครมี
00:30:46 → 00:30:48 อะไรสงสัยก็สอบถามมาได้นะครับวันนี้เท่า
00:30:48 → 00:30:52 นี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี