00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับมีท่านไหนไหมครับที่เคยได้ยิน
00:00:03 → 00:00:07 คำว่า Life Blood analysis นะครับอาจจะ
00:00:07 → 00:00:09 มีบางคนอ๋อขึ้นมาบางคนเคยตรวจมาแล้วนะ
00:00:09 → 00:00:12 ครับบางคนเคยได้ยินมาจากทางข่าวสารนะครับ
00:00:12 → 00:00:15 ทางช่องทาง Social ต่างๆส่วนบางคนเนี่ย
00:00:15 → 00:00:17 อาจจะไม่คุ้นกับคำนี้เพียงแต่ว่าอาจจะมี
00:00:18 → 00:00:20 คำหนึ่งที่ท่านอาจจะคุ้นก็คือมีสถาน
00:00:21 → 00:00:24 พยาบาลนะครับโรงพยาบาลหรือคลินิกต่างๆโทร
00:00:24 → 00:00:26 มาชักชวนว่าจะมีการตรวจเลือดให้ท่านฟรีนะ
00:00:27 → 00:00:29 ครับโดยใช้เพียงแค่เลือดจากปลายนิ้ว 1
00:00:29 → 00:00:31 หยดเท่านั้นเองนะครับแล้วก็สามารถ
00:00:31 → 00:00:34 วิเคราะห์ว่าท่านมีโรคต่างๆอะไรที่เป็น
00:00:34 → 00:00:36 อยู่ในขณะนี้บ่งบอกถึงภูมิต้านทานที่เป็น
00:00:36 → 00:00:39 อยู่ในปัจจุบันนะครับแล้วก็โรคอะไรต่างๆ
00:00:39 → 00:00:41 ที่จำเป็นในอนาคตนะครับท่านก็คงจะคิดว่า
00:00:41 → 00:00:44 เออมันก็ดีเนาะใช้เลือดแค่หยดเดียวแถมเขา
00:00:44 → 00:00:47 ทำให้เราฟรีมีคนให้คำปรึกษาครบวงจรทำไม
00:00:47 → 00:00:50 เราถึงจะไม่ทำล่ะนะครับวันนี้ผมก็เลยอยาก
00:00:50 → 00:00:53 จะเอาคำว่าไลฟ์ปรับอะไรเสร็จมาเล่าให้ทุก
00:00:53 → 00:00:56 คนฟังว่าเวลาที่เราตรวจเนี่ยเราเอาไว้ทำ
00:00:56 → 00:00:58 อะไรกันแน่นะครับแล้วมันสามารถบ่งบอกอะไร
00:00:58 → 00:00:59 ได้บ้างนะครับ
00:01:00 → 00:01:02 พบกับผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวรรณนะครับ
00:01:02 → 00:01:03 เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:01:03 → 00:01:06 อเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและ
00:01:06 → 00:01:08 วิกฤตบำบัดนะครับ
00:01:08 → 00:01:12 นั้นถ้าผู้คนไหนที่ไม่ได้อยากจะฟังจนจบ
00:01:12 → 00:01:15 คลิปนะครับบอกง่ายๆเลยครับว่าไลฟ์อะไร
00:01:15 → 00:01:18 สิทธิ์ไม่มีประโยชน์ใดๆในทางการแพทย์ไม่
00:01:18 → 00:01:20 สามารถบอกอะไรได้เลยในทางการแพทย์นะครับ
00:01:20 → 00:01:24 แล้วมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เราตรวจแล้วพอ
00:01:24 → 00:01:26 เจอความผิดปกติอะไรที่อยู่ในนั้นเนี่ยมัน
00:01:26 → 00:01:29 จะบ่งบอกว่าเราเป็นโรคอะไรสักโรคเดียวนะ
00:01:29 → 00:01:31 ครับดังนั้นไม่สามารถใช้ได้นะครับแต่ว่า
00:01:31 → 00:01:34 วันนี้ผมจะวิเคราะห์ว่าเออทำไมมันถึงใช้
00:01:34 → 00:01:37 ไม่ได้แล้วเหตุผลอะไรที่ในทางการแพทย์เรา
00:01:37 → 00:01:41 ถึงไม่แนะนำวิธีนี้นะครับและในเมื่อวิธี
00:01:41 → 00:01:43 นี้มันใช่ไม่ได้ทำไมจึงถึงยังมีคนใช้อยู่
00:01:43 → 00:01:46 นะครับทำไมมันถึงไม่ผิดกฎหมายวันนี้ผมจะ
00:01:46 → 00:01:49 เล่าเรื่องนี้ให้ฟังกันเลยนะครับ
00:01:49 → 00:01:51 หลังปรับอะไรเสร็จเนี่ยขั้นตอนของเขาก็
00:01:51 → 00:01:53 คือมีการเจาะเลือดตรงบริเวณปลายนิ้วหนึ่ง
00:01:54 → 00:01:56 หยดนะครับหยดไปบนสไลด์หลังจากนั้นเนี่ย
00:01:56 → 00:01:59 เขาก็จะเอาไป 2 ที่กล้องจุลทรรศน์นะครับ
00:01:59 → 00:02:02 โดยกล้องที่เขาส่องเนี่ยจะมีวิธีพิเศษอัน
00:02:02 → 00:02:04 นึงนะครับเรียกว่าเป็น Dark fill หรือ
00:02:04 → 00:02:07 contrast Stage นะครับคือแสงเนี่ยแทน
00:02:07 → 00:02:09 ที่จะเข้าจากด้านหลังแล้วก็โชว์เม็ดเลือด
00:02:09 → 00:02:11 แดงให้เราเห็นเป็นเม็ดๆแบบสีออกจากแดงๆ
00:02:11 → 00:02:14 เหมือนที่เรายอมเสียนะครับของเขาเนี่ยจะ
00:02:14 → 00:02:16 เป็นแสงที่เข้าจากทางด้านข้างจากเลนส์ตัว
00:02:16 → 00:02:19 พิเศษทำให้ลักษณะที่เราเห็นเนี่ยจะเป็น
00:02:19 → 00:02:22 พื้นหลังที่สีมืดๆสีดำหน่อยนะครับแล้วก็
00:02:22 → 00:02:24 ตัว Mirror เนี่ยขอบมันก็จะมีการสะท้อน
00:02:24 → 00:02:27 แสงนะครับคนที่เขาอ่านตัวนี้ให้เราฟัง
00:02:27 → 00:02:30 เนี่ยเขาก็จะอ่านในขณะที่เลือดของเรามัน
00:02:30 → 00:02:32 ยังมีการเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในตัวสไลด์เลย
00:02:32 → 00:02:35 นะครับแล้วก็จะสามารถบอกเหตุต่างๆนะครับ
00:02:35 → 00:02:40 ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างอ่าทีนี้แล้วเวลาเขา
00:02:40 → 00:02:41 บอกเองสิ่งเหล่านี้เนี่ยเขามักจะบอกอะไร
00:02:41 → 00:02:44 เรานะครับขั้นแรกเลยเขาจะวิเคราะห์ลักษณะ
00:02:44 → 00:02:47 ของเม็ดเม็ดเลือดก่อนนะครับเม็ดเลือดมัน
00:02:47 → 00:02:50 มีการเรียงซ้อนตัวกันไหมนะครับถ้ามัน
00:02:50 → 00:02:52 เรียงซ้อนตัวกันเยอะๆเนี่ยเขาอาจคือต้อง
00:02:52 → 00:02:55 บอกอย่างนี้ก่อนนะครับการแปลผลไอ้ตัวร้าย
00:02:55 → 00:02:58 ประธานาธิบดีแต่ละเจ้าแต่ละหมอแต่ละคน
00:02:58 → 00:03:00 อ่านแต่ไม่เหมือนกันเลยสักคนนะครับมัน
00:03:00 → 00:03:04 ขึ้นอยู่กับคนไหนถูกฝึกมาจากสำนักไหนที่
00:03:04 → 00:03:07 อเมริกาก็มีคนแปลที่ 2-3 คนแปลไอ้บัตร
00:03:07 → 00:03:08 เลือดอย่างเดียวกันเนี่ยไม่เหมือนกันนะ
00:03:08 → 00:03:11 ครับทำให้เราสับสนได้นะครับเช่นบางคนบอก
00:03:11 → 00:03:13 ว่าการที่เม็ดเลือดแดงมันมาเกาะเกาะกัน
00:03:13 → 00:03:16 เยอะๆเนี่ยมันเป็นเพราะว่าเรามีพิษอยู่ใน
00:03:16 → 00:03:18 ร่างกายนะครับจำเป็นจะต้องขับพิษออกมานะ
00:03:18 → 00:03:20 ฮะไม่อย่างนั้นเนี่ยเมล็ดมันเกาะกันอย่าง
00:03:20 → 00:03:24 นี้จะทำให้การไหลเวียนของเลือดเราไม่ดีนะ
00:03:24 → 00:03:26 ครับหรือบางกรณีเจอเม็ดเลือดแดงเกาะเป็น
00:03:26 → 00:03:28 กลุ่มนะครับเป็นกลุ่มๆอย่างเงี้ยนะฮะแทน
00:03:28 → 00:03:29 ที่จะเป็นเหรียญต่างๆเหมือนเมื่อกี้มัน
00:03:29 → 00:03:32 เกาะเป็นกลุ่มเอ๊ะอย่างนี้มันก็แปลว่าถ้า
00:03:32 → 00:03:33 มันเกาะเป็นกลุ่มขนาดในเลือดหยดเดียวคุณ
00:03:33 → 00:03:36 ลองคิดดูสิครับว่าถ้าในร่างกายของเรามัน
00:03:36 → 00:03:38 เกาะเป็นกลุ่มอย่างเงี้ยแล้วมันวิ่งตาม
00:03:38 → 00:03:41 ที่ต่างๆมันไม่ไปอุดตันตามที่ต่างๆเหรอนะ
00:03:41 → 00:03:43 ครับนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมี
00:03:43 → 00:03:46 อาการอ่อนเพลียปวดหัวนะครับเครียดหรือ
00:03:46 → 00:03:48 อะไรพวกนี้ต่างๆก็ได้นะครับเขาก็จะเล่าไป
00:03:48 → 00:03:52 แบบนั้นนะหรือบางกรณีเนี่ยที่ผิวของเม็ด
00:03:52 → 00:03:53 เลือดแดงมันจะเหมือนเป็นหนามๆมีตุ่มๆออก
00:03:54 → 00:03:57 มานะครับบางคนก็จะบอกว่าเนี่ยมันเป็น
00:03:57 → 00:04:00 เพราะว่ามีเชื้อยีสต์นะครับหรือเชื้อ
00:04:00 → 00:04:03 แบคทีเรียมันกำลังแกะเกาะกินไอ้ตัวเม็ด
00:04:03 → 00:04:05 เลือดแดงตัวนี้แล้วมันกำลังแตกตัวออกมา
00:04:06 → 00:04:08 จากเม็ดเลือดแดงกลายเป็นตัวใหม่คุณดูสินะ
00:04:08 → 00:04:09 ครับหรือมีเศษอะไรอยู่ข้างๆเขาจะบอกว่า
00:04:09 → 00:04:12 ไอ้ตัวเนี้ยเป็นแบคทีเรียในร่างกายนะครับ
00:04:12 → 00:04:16 คือการที่จะบอกว่าร่างกายของเรามีกรดมี
00:04:16 → 00:04:19 ด่างมีพิษอะไรอย่างนี้นะครับเราไม่สามารถ
00:04:19 → 00:04:21 บอกได้ด้วยการดูเม็ดเลือดอย่างเดียวนะใน
00:04:21 → 00:04:23 ทางการแพทย์เราต้องวัดระดับสิ่งต่างๆ
00:04:23 → 00:04:26 เหล่านั้นได้นะครับมันถึงจะบอกได้นะฮะ
00:04:26 → 00:04:29 แต่ตอนนี้นะครับเขาก็จะอธิบายประมาณนี้
00:04:30 → 00:04:32 นอกเหนือจากนั้นก็จะดูอะไรอีกนะครับเขาก็
00:04:32 → 00:04:35 จะดูว่ามันในนั้นมันจะมีเม็ดเลือดขาวถ้า
00:04:35 → 00:04:36 ไปเจอเม็ดเลือดขาวแล้วเม็ดเลือดขาวมันจะ
00:04:36 → 00:04:38 วิ่งไปวิ่งมาเขาจะบอกว่าเนี่ยการที่เม็ด
00:04:39 → 00:04:41 เลือดขาวมาตรงบริเวณนี้เนี่ยนะครับมันมา
00:04:41 → 00:04:43 เพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งใน
00:04:43 → 00:04:47 ที่นี้ก็คือการมากำจัดเชื้อโรคนะครับแล้ว
00:04:47 → 00:04:50 ก็จะมีการอธิบายว่าเหตุที่เม็ดเลือดขาว
00:04:50 → 00:04:52 มันต้องวิ่งมาตรงนั้นเนี่ยเพราะว่าในร่าง
00:04:52 → 00:04:54 กายในเลือดหยดเนี้ยมันมีเชื้อโรคเชื้อ
00:04:54 → 00:04:57 แบคทีเรียบางทีบอกว่ามีเชื้อพยาธิอยู่ใน
00:04:57 → 00:05:00 นั้นนะฮะหรือบางตัวมีลักษณะที่แปลกๆก็จะ
00:05:00 → 00:05:04 บอกว่าตัวเนี้ยคืออะมีบานะครับผมบอกเลยนะ
00:05:04 → 00:05:06 ครับการมีเชื้อโรคเนี่ยเราไม่สามารถมอง
00:05:06 → 00:05:10 เห็นได้ด้วยการทำการตรวจกล้องแบบนี้นะ
00:05:10 → 00:05:12 ครับเราต้องมีแรงขยายมากกว่านั้นอีกเยอะ
00:05:12 → 00:05:16 เลยนะครับแล้วที่สำคัญก็คือถ้าเรามีไอ้
00:05:16 → 00:05:17 เชื้อโรคแบบเนี้ยอยู่ในร่างกายของเรา
00:05:17 → 00:05:20 เนี่ยเราตายไปนานแล้วครับเราป่วยหนักเรา
00:05:20 → 00:05:23 ไม่มาเดินไปเดินมาแบบนี้หรอกครับนะบางคน
00:05:23 → 00:05:25 บอกว่าไอ้ยีสต์ตัวนั้นคือ candida นะครับ
00:05:25 → 00:05:27 แคนดิด้าเนี่ยถ้ามันอยู่ในเลือดของเรา
00:05:27 → 00:05:30 เนี่ยเราตายไปแล้วครับเราไม่มาเดินไปเดิน
00:05:30 → 00:05:32 มาอย่างนี้นะครับเราจะเจอคนที่มีแคนาดาใน
00:05:32 → 00:05:34 เลือดในคนที่มีอาการหนักมากๆนะครับทาน
00:05:34 → 00:05:38 สเตียรอยด์ขนาดเยอะๆได้ยากดภูมิหรือคนที่
00:05:38 → 00:05:41 อาจจะมีไอ้ตัวสายที่สอดเข้าไปในเส้นเลือด
00:05:41 → 00:05:42 อย่างนี้ครับแล้วมันติดเชื้อเข้าไปตรง
00:05:42 → 00:05:44 นั้นคนไข้เนี่ยป่วยลงไอซียูทั้งนั้นแหละ
00:05:44 → 00:05:47 ครับนะแบบนั้นนะครับเชื้อที่จะเจอในกระแส
00:05:47 → 00:05:49 เลือดนะครับหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า
00:05:49 → 00:05:53 ติดเชื้อในกระแสเลือดนะครับแล้วพอคนเหล่า
00:05:53 → 00:05:55 นี้เขาบอกความนั้นท่านก็จะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:05:55 → 00:05:57 ตกใจอย่างนี้แปลว่าฉันติดเชื้อในกระแส
00:05:57 → 00:05:59 เลือดหรอมีมีเชื้อแบคทีเรียอยู่จะต้องไป
00:05:59 → 00:06:02 กินยาฆ่าแบคทีเรียหรือเปล่านะครับเขาจะ
00:06:02 → 00:06:05 บอกว่าไม่อันเนี้ยมันเป็นการเจอเชื้อ
00:06:05 → 00:06:08 แบคทีเรียระยะต้นๆทุกคนก็มีนะครับเราอาจ
00:06:08 → 00:06:11 จะเกิดจากการไปเจอสิ่งแวดล้อมไม่ดีสูบ
00:06:11 → 00:06:13 บุหรี่หรือว่าได้รับสิ่งผิดปกติเข้ามาใน
00:06:13 → 00:06:16 ร่างกายนะครับดังนั้นเนี่ยตรงเนี้ยให้เรา
00:06:16 → 00:06:19 ใช้อาหารเสริมของเรามันจะสามารถกำจัดพวก
00:06:19 → 00:06:21 นี้ออกไปได้นะครับแต่สุดท้ายก็คือขายของ
00:06:21 → 00:06:22 อีกนะฮะ
00:06:22 → 00:06:25 หรือบางกรณีก็บอกว่าลักษณะของเม็ดเลือด
00:06:25 → 00:06:30 แบบนี้มันแปลว่าเราเนี่ยมีภาวะขาดสาร
00:06:30 → 00:06:33 อาหารบางชนิดขาดวิตามินบี 12 นะครับขาด
00:06:33 → 00:06:36 โฟลิคขาดตัวใดตัวหนึ่งเราต้องกินเสริม
00:06:36 → 00:06:38 เข้าไปนะครับซึ่งของพวกนี้เราไม่สามารถ
00:06:39 → 00:06:41 มองได้จากลักษณะของหน้าตาของเม็ดเลือดแบบ
00:06:41 → 00:06:45 นั้นได้นะครับโอเคในทางการแพทย์ถ้าเรามี
00:06:45 → 00:06:48 การขาดวิตามินบี 12 เนี่ยเรามีลักษณะบาง
00:06:48 → 00:06:50 อย่างของเม็ดเลือดที่เราบอกได้นะครับเช่น
00:06:50 → 00:06:53 เม็ดเลือดแดงมันจะตัวใหญ่กว่าปกตินะครับ
00:06:53 → 00:06:56 แล้วถ้าเราไปเจอเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียก
00:06:56 → 00:06:59 ว่า nutro feel เนี่ยลักษณะของมันแทนที่
00:06:59 → 00:07:02 จะมีเอ่อตรงนิวเคลียสของมันเนี่ยมันจะ
00:07:02 → 00:07:04 เป็นปุ่มปรับปุ่มปรับนะครับปกติจะมี 3-5
00:07:04 → 00:07:07 ปุ่มนะฮะแต่ถ้าเราไปเจอ 8 ปุ่ม 9 ปุ่ม
00:07:07 → 00:07:09 เนี่ยนะครับอันนั้นน่ะแปลว่ามันอาจจะมี
00:07:09 → 00:07:11 ความเกี่ยวข้องกับการเกิดวิตามินบี 12
00:07:11 → 00:07:14 ที่เราขาดอยู่ก็ได้นะครับแต่อย่างไรก็ตาม
00:07:14 → 00:07:16 การมองแค่สไลด์แล้วมันไม่เจอไอ้ตัวพวก
00:07:16 → 00:07:19 เนี้ยมันไม่ได้บอกอะไรนะครับบอกไม่ได้ว่า
00:07:19 → 00:07:23 เราขาดวิตามินอะไรนะที่สำคัญบางมันก็จะมี
00:07:23 → 00:07:25 การบอกไปอีกว่าเนี่ยจากผลเลือดตรงนี้นะ
00:07:25 → 00:07:28 เราดูแล้วเลือดเราเป็นกรดนะ
00:07:28 → 00:07:32 เลือดเราเป็นกรดไม่ใช่ครับเลื่อนลงเป็น
00:07:32 → 00:07:34 กรดเนี่ยมันบอกได้ด้วยวิธีเดียวคือวัดค่า
00:07:34 → 00:07:36 ความเป็นกรดด่างในร่างกายไม่สามารถมอง
00:07:36 → 00:07:38 แล้วบอกได้ว่าเป็นกรดนะครับหรือบางทีบอก
00:07:38 → 00:07:41 ว่าตับเราทำงานไม่ดีเราถึงมีเซลล์เม็ด
00:07:41 → 00:07:43 เลือดแดงที่เป็นหนามๆตับไตทำงานไม่ดีนะ
00:07:43 → 00:07:46 ครับระยะต้นไอ้การที่มันเป็นหนักๆเนี่ย
00:07:46 → 00:07:49 มันเกิดขึ้นจากเทคนิคในการเตรียมเลือดนะ
00:07:49 → 00:07:50 ครับเช่นบางทีเราอาจจะไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ
00:07:51 → 00:07:53 ไปเอานิ้วแปะไปบนสไลด์แล้วเอาเราแปะนะฮะ
00:07:53 → 00:07:55 ถ้าสไลด์ไม่สะอาดแม้แต่นิดเดียวลักษณะของ
00:07:55 → 00:07:57 เม็ดเลือดหรือว่าถ้าเราไปดูบางบริเวณของ
00:07:57 → 00:08:00 สไลด์เนี่ยเม็ดเลือดมันจะผิดปกติได้นะ
00:08:00 → 00:08:02 ครับในทางการแพทย์เวลาเราทำสไลด์พวกนี้
00:08:02 → 00:08:05 เพื่อที่จะอ่านสอนผลเนี่ยนะครับเราจะต้อง
00:08:05 → 00:08:07 มีการดูว่าเราต้องดูบริเวณไหนของสไลด์ถึง
00:08:07 → 00:08:10 จะสามารถแปลผลได้ถ้าเราไปดูที่มันผิด
00:08:10 → 00:08:12 บริเวณเนี่ยนะครับมันจะแปลผลอะไรไม่ได้
00:08:12 → 00:08:15 เลยเพราะว่าบริเวณนั้นเม็ดเลือดมันจะผิด
00:08:15 → 00:08:18 ปกติอยู่แล้วโดยธรรมชาติของมันนะครับมัน
00:08:18 → 00:08:21 จะไม่สามารถส่งของรูปร่างปกติอยู่ได้นะ
00:08:21 → 00:08:22 ครับ
00:08:22 → 00:08:24 นั่นก็คือเป็นสิ่งที่เรารู้กันอยู่แล้วใน
00:08:24 → 00:08:26 ทางการแพทย์แต่คนเหล่านี้เขาก็คิดว่านั่น
00:08:26 → 00:08:28 คือความผิดปกติจริงๆก็เลยเอามันมาใช้นะฮะ
00:08:28 → 00:08:31 นอกเหนือจากนี้ไม่ใช่แค่นั้นนะครับบางที
00:08:31 → 00:08:34 บอกว่าเรามีโลหะหนักเกินในร่างกายแนะนำ
00:08:34 → 00:08:37 ว่าเราจะต้องทำคีเลชั่นนี่ก็ไปใหญ่เลยนะ
00:08:37 → 00:08:39 ครับเพราะว่าอย่างที่ผมเคยมีคลิปเรื่อง
00:08:39 → 00:08:41 ของคิเลชั่นว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรนะครับ
00:08:41 → 00:08:45 แล้วมันยังมีผลเสียด้วยนะที่สำคัญมันเสีย
00:08:45 → 00:08:47 เงินเยอะโดยใช้เหตุนะครับบางคนเสียเป็น
00:08:47 → 00:08:50 แสนหลายแสนนะครับการตรวจเลือดหยดเดียวมัน
00:08:50 → 00:08:53 ฟรีก็จริงแต่ว่ามันจะนำไปสู่คำแนะนำต่างๆ
00:08:53 → 00:08:56 เช่นคุณจะต้องไปตรวจปัสสาวะตรวจเส้นผมนะ
00:08:56 → 00:08:58 ดูว่ามันมีโลหะหนักเกินหรือเปล่านะครับ
00:08:58 → 00:09:01 ตรวจตัวนั้นตัวนี้นะครับหรือคุณต้องไป
00:09:01 → 00:09:05 สแกนนะเดี๋ยวคุณต้องไปทำการตรวจพิเศษ
00:09:05 → 00:09:08 อย่างอื่นนะครับอ่าอีกตัวนึงก็ยกตัวอย่าง
00:09:08 → 00:09:10 เช่นสมัยก่อนมีเครื่องตรวจ quantum อย่าง
00:09:10 → 00:09:13 เงี้ยนะครับหรือบางคนก็อาจจะมีหลายๆชื่อ
00:09:13 → 00:09:15 เช่นอ่าเป็น
00:09:15 → 00:09:17 โมเลกุลาร์เรสโซแนนซ์อะไรสักอย่างเนี่ยฮะ
00:09:17 → 00:09:20 Imagine Technology นะครับ Mr it นะ
00:09:20 → 00:09:21 ครับตัวเนี้ยผมเคยได้ยินอยู่เรื่อยๆนะ
00:09:21 → 00:09:24 ครับเป็นโมเลกุลาร์เรสโซแนนซ์ image
00:09:24 → 00:09:26 cannoty ก็คือแปลว่าเราไปจับโดนอะไรจับ
00:09:26 → 00:09:28 ไอ้ตัวเครื่องสักอย่างแล้วให้เครื่องมัน
00:09:28 → 00:09:30 อ่านนะครับมันจะบอกได้เลยว่าเรามีความ
00:09:30 → 00:09:32 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมปัจจุบัน
00:09:32 → 00:09:35 เนี่ยตับอ่อนเรากำลังไม่แข็งแรงนะอ่า
00:09:35 → 00:09:36 เสียงต่อการเป็นเบาหวานเป็นอันนั้นอันนี้
00:09:36 → 00:09:38 นะครับซึ่งเครื่องแบบเนี้ยก็เหมือนกัน
00:09:38 → 00:09:41 ครับหลอกลวงไม่มีประโยชน์แล้วก็ไม่สามารถ
00:09:41 → 00:09:44 เอามาใช้ในทางการแพทย์อะไรใดอะไรสักอย่าง
00:09:44 → 00:09:45 เลยนะครับ
00:09:45 → 00:09:49 ทีนี้ก็ยังมีคนที่เอาผลเลือดพวกนี้ไปแปล
00:09:49 → 00:09:52 อะไรอีกมากมายนะครับทั้งติดเชื้อทั้งมี
00:09:52 → 00:09:55 เลือดอยู่ที่มีกรดในเลือดนะครับไปเจอผลึก
00:09:55 → 00:09:57 อะไรสักอย่างหนึ่งนั้นก็จะบอกว่าอันนั้น
00:09:57 → 00:09:59 น่ะมันเป็นกรดยูริคที่กลายเป็นผลึกซึ่ง
00:09:59 → 00:10:01 จริงๆไม่ใช่พวกนั้นส่วนใหญ่มันเป็นไขมัน
00:10:01 → 00:10:03 ซึ่งติดมาจากไอ้นิ้วเรานี่แหละครับแล้วก็
00:10:03 → 00:10:05 ลักษณะของมันไม่สะอาดก็เลยกลายเป็นแบบ
00:10:05 → 00:10:08 นั้นบางคนไปเจอเส้นอะไรอยู่ในนั้นก็บอก
00:10:08 → 00:10:10 ว่านี่ไงแบคทีเรียตัวยาวๆนะครับเขาเรียก
00:10:10 → 00:10:12 ว่าแลคโตบาซิลลัสนะครับหรือเรียกว่า
00:10:12 → 00:10:14 basilus มันถึงยาวๆนะครับบางคนรู้เยอะก็
00:10:14 → 00:10:16 เลยบอกว่าถ้ากลมๆจุดๆเนี่ยจะเรียกเป็น
00:10:16 → 00:10:19 ค็อกคลาสอ่าถ้ายาวๆเรียกว่าซีรัสนะครับ
00:10:19 → 00:10:23 อ่าแบบเนี้ยไม่ได้นะครับคือไม่ว่าจะเป็น
00:10:23 → 00:10:25 แบบไหนก็แล้วแต่นะครับเราไม่สามารถบอกได้
00:10:25 → 00:10:27 ว่าพวกนั้นน่ะมันคือแบคทีเรียแล้วมันก็
00:10:27 → 00:10:29 ไม่ใช่ด้วยเพราะว่าพวกนั้นคือสิ่งปน
00:10:29 → 00:10:31 เปื้อนพวกฝุ่นพวกเศษอะไรสักอย่างที่ตกมา
00:10:31 → 00:10:33 ตรงนั้นแหละครับมันถึงมีลักษณะแบบนั้น
00:10:33 → 00:10:36 ขึ้นมาได้ซึ่งลักษณะแบบนี้ในทางการแพทย์
00:10:36 → 00:10:38 เราก็ไม่รู้สึกแปลกอะไรนะครับเพราะเราก็
00:10:38 → 00:10:39 เจออยู่บ่อยๆเวลาที่เราอ่านสไลด์เลือดเรา
00:10:39 → 00:10:43 จะรู้ว่าอะไรที่มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่
00:10:43 → 00:10:46 เราไม่ต้องแปลผลนะครับเพราะว่ามันเป็น
00:10:46 → 00:10:48 สิ่งปนเปื้อนเข้ามาเฉยๆมันไม่ได้เกี่ยว
00:10:48 → 00:10:50 ข้องอะไรกับเลือดของไข้เลยแม้แต่น้อยนะ
00:10:50 → 00:10:54 ครับนะดังนั้นจะเจอแล้วครับเลือกเป็นกรด
00:10:54 → 00:10:56 การไหลเวียนเลือดไม่ดีนะครับมีเชื้อโรค
00:10:56 → 00:10:59 อยู่ตรงนี้มีการอักเสบอยู่ในร่างกายขาด
00:10:59 → 00:11:02 วิตามินต่างๆนะครับมีโลหะหนักเกินในร่าง
00:11:02 → 00:11:06 กายนะครับหรือเราเจอเชื้อพยาธิเจออะมีบา
00:11:06 → 00:11:09 เจอเชื้อแบคทีเรียบางคนก็บอกว่ามีการเจอ
00:11:09 → 00:11:13 ตัวก้อนคอเลสเตอรอลลอยไปลอยมาเจอว่าเรามี
00:11:13 → 00:11:16 ยูริคสูงในร่างกายซึ่งพวกนี้ทั้งหมดไม่
00:11:16 → 00:11:18 เป็นความจริงทั้งสิ้นนะครับ
00:11:18 → 00:11:21 แต่แน่นอนคนที่เขาทำเรื่องนี้เขาก็จะต้อง
00:11:21 → 00:11:23 มีคำโต้แย้งถูกไหมครับต้องเถียงบอกว่า
00:11:23 → 00:11:27 เฮ้ยคุณก็พิสูจน์มาสิว่าของเราเนี่ยมัน
00:11:27 → 00:11:30 ไม่ได้ผลจริงๆนะครับเพราะว่าเขาก็มีใช้มา
00:11:30 → 00:11:33 นานที่อเมริกายังมีเลยคุณเห็นไหมนะครับมี
00:11:33 → 00:11:35 คนทำมีคนทำเป็นศูนย์เลยนะที่อเมริกาที่
00:11:36 → 00:11:38 เอกชนที่ออสเตรเลียก็มีมีงานวิจัยอันน้อย
00:11:38 → 00:11:41 อันนี้จะบอกจริงๆเลยนะครับว่ามันมีจริงๆ
00:11:41 → 00:11:44 นะครับแต่หน้าที่ในการพิสูจน์เหล่าเนี้ย
00:11:44 → 00:11:46 ว่ามันได้ผลจริงๆอ่ะมันไม่ใช่พวกเราไม่
00:11:46 → 00:11:48 ใช่พวกผมไม่ใช่พวกหมอไม่ใช่องค์การใดทั้ง
00:11:48 → 00:11:50 สิ้นคุณนั่นแหละครับ
00:11:51 → 00:11:52 ที่เอาตัวนี้มาใช้จะต้องมีหน้าที่ในการ
00:11:52 → 00:11:56 พิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าของคุณน่ะมันทำได้
00:11:56 → 00:11:58 อย่างนั้นจริงๆนะครับต้องมีงานวิจัยออกมา
00:11:58 → 00:12:02 ทำมาสิครับนะผมเคยพยายามหางานวิจัยพวกนี้
00:12:02 → 00:12:05 ไม่มีนะครับที่มีมันก็เขียนไม่ดีแล้วก็
00:12:05 → 00:12:08 หลายๆครั้งที่เป็นงานวิจัยเนี่ยมันก็ไม่
00:12:08 → 00:12:10 ได้เอาเข้าไปอยู่ในเว็บไซต์หลักก็คือผับ
00:12:10 → 00:12:13 meth.com มันอยู่ในไหนครับ
00:12:13 → 00:12:16 มันอยู่ในศูนย์ที่เขาทำร้ายปัด analysis
00:12:16 → 00:12:18 นี่แหละครับแล้วก็ไปอ้างอิงมาอย่างเช่น
00:12:18 → 00:12:19 อ้างอิงออสเตรเลียอ้างอิงที่นู่นที่นี่มา
00:12:19 → 00:12:22 แล้วก็คนที่ให้ทุนทำสนับสนุนเนี่ยเป็น
00:12:22 → 00:12:24 บริษัทที่ทำร้ายปลัดอะไรสิทธิ์นี่แหละ
00:12:24 → 00:12:27 ครับเป็นบริษัทเอกชนแล้วงานวิจัยก็ไม่ได้
00:12:27 → 00:12:29 ตีพิมพ์นะครับแต่มันตีพิมพ์ไว้ในเว็บไซต์
00:12:29 → 00:12:32 ของตัวเองไม่ได้ตีพิมพ์ในสากลโลกนะครับ
00:12:32 → 00:12:35 ดังนั้นอันนี้ไม่สามารถใช้ได้นะครับมัน
00:12:35 → 00:12:37 เป็นหน้าที่ของพวกคุณที่จะเอาพวกนี้มาใช้
00:12:37 → 00:12:40 ในการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ามันสามารถใช้
00:12:40 → 00:12:44 ได้มันสามารถบอกอันนั้นอันนี้ได้นะครับ
00:12:44 → 00:12:47 พอฟังมาถึงตรงนี้หลายคนก็คงสงสัยว่าเฮ้ย
00:12:47 → 00:12:50 แล้วทำไมมันถึงไม่ผิดกฎหมายล่ะในเมื่อมัน
00:12:50 → 00:12:54 เป็นการหลอกลวงเออตรงนี้นะครับต้องบอก
00:12:54 → 00:12:55 อย่างนี้นะครับที่อเมริกาเนี่ยไลฟ์ตอน
00:12:55 → 00:12:59 อะไร 10 เนี่ยไม่ได้ผิดกฎหมายยกเว้นกรณี
00:12:59 → 00:13:03 ที่เอาร้ายเปิดทางหลายสิบไปทำแล้วมีการ
00:13:03 → 00:13:07 แนะนำที่มันเกินกว่าที่จะบอกได้นะครับถ้า
00:13:07 → 00:13:09 บอกว่าโอเคเลือดเป็นกรดอะไรพวกนี้แล้วคุณ
00:13:09 → 00:13:11 อาจจะต้องไปกินพวกอาหารเสริมอาจจะไปทำ
00:13:11 → 00:13:14 คีเลชั่นพวกนี้นะครับถ้าคุณยินยอมนะอัน
00:13:14 → 00:13:16 นี้ไม่ถือผิดกฎหมายเพราะว่าครีเอชั่น
00:13:16 → 00:13:19 เนี่ยหรือว่าอาหารเสริมต่างๆมันไม่ได้ถือ
00:13:19 → 00:13:21 ว่าเป็นอันตรายแบบชัดเจนที่ไม่สามารถทำ
00:13:21 → 00:13:24 ได้นะครับต่อให้ในทางการแพทย์เรารู้ว่า
00:13:24 → 00:13:25 มันไม่มีประโยชน์ก็ตามนะครับมันไม่มี
00:13:25 → 00:13:27 ประโยชน์ไม่ได้แปลว่ามันอันตรายถึงชีวิต
00:13:27 → 00:13:30 หรืออันตรายมากจนกระทั่งเราไม่สามารถที่
00:13:30 → 00:13:33 จะเอ่อห้ามเอามาใช้ได้นะครับดังนั้นพวก
00:13:33 → 00:13:36 นี้เนี่ยเขาก็ยังจะใช้ได้อยู่นะครับมันก็
00:13:36 → 00:13:40 ไม่ได้ผิดกฎหมายแต่ว่าถ้าเขาไปแนะนำต่อนะ
00:13:40 → 00:13:43 ครับว่าเอ้ยจากผลการตรวจเลือดเนี่ยนะคุณ
00:13:43 → 00:13:46 เนี่ยเป็นมะเร็งแน่ๆเลย
00:13:46 → 00:13:48 คุณเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนะ
00:13:48 → 00:13:51 คุณต้องรีบกินอาหารเสริมของเราไม่ฉะนั้น
00:13:51 → 00:13:53 เนี่ยมะเร็งต่อมเหลืองของคุณรามแน่ๆนะ
00:13:53 → 00:13:55 ครับไอ้อย่างนี้จะเริ่มผิดกฎหมายแล้วนะ
00:13:55 → 00:13:57 ครับแนะนำอะไรที่มันเกินขอบเขตวินิจฉัย
00:13:57 → 00:13:59 อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ด้วยการดูเลือด
00:14:00 → 00:14:02 อย่างเดียวนะครับขนาดหมอโรคเลือดเองเนี่ย
00:14:02 → 00:14:04 เขามองเม็ดเลือดเฉยๆน้อยกว่าเขาจะ
00:14:04 → 00:14:07 วินิจฉัยว่ามันเป็นโรคแปลกๆอะไรของเขาได้
00:14:07 → 00:14:10 นะครับมันยังไม่ได้ง่ายเลยนะครับมันยัง
00:14:10 → 00:14:12 ยากอยู่เลยนะดังนั้นก็มีการเรียนการสอน
00:14:12 → 00:14:14 อีกเยอะนะครับคนพวกนี้เนี่ยบางคนก็ไม่ใช่
00:14:14 → 00:14:16 หมอด้วยและส่วนใหญ่หลายๆคนก็ไม่ใช่หมอ
00:14:16 → 00:14:18 เป็นใครก็ไม่รู้เอามาฝึกแล้วก็มาอ่านนะ
00:14:18 → 00:14:21 ครับผมว่าเอาลิงข้างบ้านมาก็ยังจะอ่านได้
00:14:21 → 00:14:23 เลยครับมั่วขึ้นมาพูดอะไรขึ้นมาก็ได้ให้
00:14:23 → 00:14:26 มันดูผิดปกติไว้ก็ใช้ได้ครับไม่ได้ยาก
00:14:26 → 00:14:29 อะไรนะแต่ว่าหลายๆคนเขาก็จะมีคำเถียงว่า
00:14:29 → 00:14:31 เนี่ยเห็นมั้ยพอไปทำมาแล้วไอ้เลือดหยดนี้
00:14:31 → 00:14:35 ของเขานะมันดูสวยงามขึ้นเยอะเลยแหมของพวก
00:14:35 → 00:14:37 นี้มันเทคนิคนะครับเทคนิคเราจะทำยังไงก็
00:14:37 → 00:14:39 ได้ให้เลือดมันออกมาสวยนะครับมันไม่ได้
00:14:39 → 00:14:41 ยากอะไรขนาดนั้นนะให้ผมลองไปนั่งเล่นๆ
00:14:41 → 00:14:42 เดี๋ยวผมก็ทำให้เลือดมันสวยขึ้นมาได้แล้ว
00:14:42 → 00:14:44 ก็อ่านอะไรก็ได้ผมจะมั่วอะไรขึ้นมาก็ไม่
00:14:44 → 00:14:47 มีใครรู้อยู่ดีถูกไหมครับอ่าดังนั้นถ้า
00:14:47 → 00:14:50 คุณพูดเฉยๆโดยที่ไม่มีงานวิจัยสนับสนุน
00:14:50 → 00:14:52 ไม่ทำงานวิจัยออกมาเนี่ยมันเชื่อไม่ได้นะ
00:14:52 → 00:14:55 ครับแล้วก็การที่มันผิดกฎหมายเนี่ยมันจะ
00:14:55 → 00:14:57 ขึ้นอยู่กับว่าคุณเอาผลอันนั้นไปทำอะไรนะ
00:14:57 → 00:15:01 ครับแล้วก็คนที่เป็นลูกค้าเข้าไปเนี่ยคุณ
00:15:01 → 00:15:04 ต้องสำเร็จไว้เลยนะครับว่าโอเคตรวจเลือด
00:15:04 → 00:15:06 หยดเดียวมันฟรีไม่ได้มีปัญหาแต่หลังจาก
00:15:06 → 00:15:09 นั้นล่ะครับคุณจะโดนการเสนอขายสิ่งต่างๆ
00:15:09 → 00:15:11 อีกมากมายเช่นคุณต้องเข้าคอร์สบำบัดนะ
00:15:12 → 00:15:15 ครับเข้าคอร์สนั้นผิดทำดีท็อกซ์นะครับทำ
00:15:15 → 00:15:17 คีย์เลชั่นจะต้องเอาวิตามินตัวนี้ไปกิน
00:15:17 → 00:15:19 เสริมจะต้องรีบวิตามินเข้าในร่างกายเพื่อ
00:15:19 → 00:15:22 ที่จะเสริมสร้างนะครับหรือบางคนอาจจะทำ
00:15:22 → 00:15:24 คอร์สตัวอื่นต่อเช่นว่าเอ๊ะอันนี้คุณอาจ
00:15:24 → 00:15:26 จะเกี่ยวข้องกับการที่คุณทานอาหารไม่
00:15:26 → 00:15:28 สมบูรณ์นะคุณไปทานอาหารอะไรที่แพ้หรือ
00:15:28 → 00:15:32 เปล่าลองไปตรวจภูมิแพ้แฝงอีกรอบนึงไหมนะ
00:15:32 → 00:15:34 ครับนั่นผมเคยพูดไปแล้วนะครับว่าเรื่อง
00:15:34 → 00:15:37 ของภูมิแพ้แฝงเนี่ยมันยังเป็นสิ่งที่เรา
00:15:37 → 00:15:39 ไม่ยอมรับกันในวงการทางการแพทย์และเหตุผล
00:15:39 → 00:15:43 ที่ไม่ยอมรับนั้นก็คือมันมีข้อมูลที่คัด
00:15:43 → 00:15:45 ค้านกับไอ้เรื่องเนี้ยชัดเจนนะครับแล้วก็
00:15:45 → 00:15:49 หน่วยงานต่างๆของโลกที่เป็นหน่วยงานใหญ่ๆ
00:15:49 → 00:15:53 เลยนะครับซึ่งหน่วยงานพวกนี้ไม่ใช่มีหมอ
00:15:53 → 00:15:55 คนเดียวนะครับเขามีหมอเป็นเป็นพันเป็น
00:15:55 → 00:15:57 หมื่นเป็นแสนคนที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน
00:15:57 → 00:16:01 นี้โดยเฉพาะเอาหลักฐานทั้งโลกมาดูร่วมกัน
00:16:01 → 00:16:03 แล้วก็ตัดสินใจร่วมกันออกมาเป็นคำแนะนำ
00:16:03 → 00:16:06 ว่าการตรวจภูมิแพ้แสงนั้นในทางการแพทย์
00:16:06 → 00:16:09 แผนปัจจุบันคือว่าไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ
00:16:09 → 00:16:12 ทั้งสิ้นการตรวจออกมาว่าแพ้อะไรสักอย่าง
00:16:12 → 00:16:15 ไม่ได้แปลว่าท่านแพ้อาหารชนิดนั้นกินเข้า
00:16:15 → 00:16:17 ไปก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะมีปัญหาใดๆทั้ง
00:16:17 → 00:16:20 สิ้นนะครับคนที่คัดค้านไม่ว่าจะเป็นหมอ
00:16:20 → 00:16:22 ด้านไหนก็แล้วแต่ที่คัดค้านคำพูดอันนี้นะ
00:16:22 → 00:16:25 ครับคุณเองไม่ได้ต้องต่อสู้กับผมนะครับ
00:16:25 → 00:16:28 คุณน่ะจะต้องต่อสู้กับหน่วยงานที่มันใหญ่
00:16:28 → 00:16:32 ขนาดนั้นของโลกนะครับอ่าต้องไปต่อสู้กัน
00:16:32 → 00:16:35 เอาเองนะครับแล้วถ้าเกิดคุณชนะด้วยข้อมูล
00:16:35 → 00:16:37 ต่างๆนะครับถ้าต่อสู้กับหมอพวกนั้นแล้ว
00:16:37 → 00:16:40 คุณชนะขึ้นมานะครับดีเลยครับอย่างนั้นคุณ
00:16:40 → 00:16:42 จะได้ตีพิมพ์เป็นคนแรกของโลกนะครับที่
00:16:42 → 00:16:46 เป็นคนไทยนะแล้วเราสามารถที่จะพิสูจน์ได้
00:16:46 → 00:16:48 ว่าวิธีในการตรวจนี้มันถูกถูกต้องแล้วมัน
00:16:48 → 00:16:51 ดีจริงครับในขณะนี้ผมเชื่อว่าคนที่เขาแนะ
00:16:51 → 00:16:54 นำวิธีต่างๆเช่นไลฟ์ปรับอะไรเสร็จนะครับ
00:16:54 → 00:16:57 molexula resume imaging Technology
00:16:57 → 00:17:00 การตรวจภูมิแพ้แฝงหรืออะไรพวกนี้เขาไม่
00:17:00 → 00:17:02 ได้มีเจตนาร้ายต่อท่านนะครับต้องบอกไว้
00:17:02 → 00:17:06 ก่อนเลยนะไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับแล้วเขา
00:17:06 → 00:17:09 ก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกแต่ว่าต้องบอกว่าคน
00:17:09 → 00:17:11 เหล่านี้เนี่ยเชื่อในสิ่งเหล่านี้จริงๆ
00:17:11 → 00:17:15 เลยเชื่อจริงๆแล้วความเชื่อของเขาเนี่ย
00:17:15 → 00:17:18 บอกเกิดมาจากอะไรนะครับเขาก็จะเชื่อสิ่ง
00:17:18 → 00:17:21 เหล่านี้เหมาะเกิดมาจากว่าไอ้การตรวจการ
00:17:21 → 00:17:23 แพทย์ปกติเนี่ยมันไม่เจอมีการตรวจเล็กๆ
00:17:23 → 00:17:26 น้อยๆที่มันอาจจะพอบ่งบอกอะไรได้ถ้าเราทำ
00:17:26 → 00:17:29 ตรงนี้มันสามารถที่จะบ่งบอกได้แต่ว่าทาง
00:17:29 → 00:17:32 การแพทย์แผนปัจจุบันเนี่ยเขาไม่ไม่อนุญาต
00:17:32 → 00:17:35 ให้ทำแบบนี้ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้เหตุผล
00:17:35 → 00:17:39 เพราะว่ามันมีอะไรครับ
00:17:39 → 00:17:43 องค์การใหญ่ๆที่มีเงินเยอะแยะ
00:17:43 → 00:17:46 ผู้ผลิตยาอยู่เบื้องหลังไงเขาถึงไม่ให้
00:17:46 → 00:17:48 เอาตัวนี้ออกมา
00:17:48 → 00:17:51 งานวิจัยก็โดนขัดแข้งขัดขาไม่สามารถออกมา
00:17:51 → 00:17:54 ได้ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้คำพวกนี้นะครับออก
00:17:54 → 00:17:57 มาบอกว่านี่ไงมันเป็นเพราะแบบนี้ต่างหาก
00:17:57 → 00:18:00 นะอย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ไม่มีหลักฐานใด
00:18:00 → 00:18:02 ทั้งสิ้นนะครับว่าองค์การเหล่านั้นเขาทำ
00:18:02 → 00:18:04 แบบนี้ถ้าคุณหาหลักฐานมันไม่ได้ในโลกนี้
00:18:04 → 00:18:07 มันแปลว่ามันไม่มีฮะคุณต้องหาหลักฐานมา
00:18:07 → 00:18:09 ให้ได้แล้วเดี๋ยวนี้โลกมันเปิดกว้างถ้า
00:18:09 → 00:18:10 เราไม่มีหลักฐานเราจะบอกแบบนั้นไม่ได้นะ
00:18:10 → 00:18:14 ครับมันผิดนะนี่ดีแค่ไหนที่เอ่อพวกนั้น
00:18:14 → 00:18:16 เขาไม่เอามาฟ้องนะครับเพราะถ้าฟ้องหลาย
00:18:16 → 00:18:18 ตัวเนี่ยสงสัยอาจจะโดนกันล้านนาเหมือนกัน
00:18:18 → 00:18:20 นะครับเรื่องพวกนี้นะ
00:18:20 → 00:18:23 ดังนั้นถ้าท่านจะไปทำร้ายป่าอะไร Sister
00:18:23 → 00:18:26 ความสนุกของท่านก็ได้นะครับถ้าท่านเอ่อทน
00:18:26 → 00:18:30 การขยันขยอจากคนที่เขาทำแล้วก็แนะนำให้ไป
00:18:30 → 00:18:32 ทำโน่นทำนี่ต่อหรือตรวจนั่นตัวนี้ต่อได้
00:18:32 → 00:18:35 อันนี้แล้วแต่ชอบเลยนะครับแล้วถ้าทำไป
00:18:35 → 00:18:38 แล้วฟังคำอธิบายของเขารู้สึกกังวลไปกับ
00:18:38 → 00:18:40 มันแล้วเราต้องไปทำอะไรสักอย่างต้องรีบไป
00:18:40 → 00:18:42 หาหมออะไรสักอย่างอันนั้นแล้วแต่ท่าน
00:18:42 → 00:18:43 เหมือนกันนะครับเพราะว่าหลายคนเนี่ยเคยมี
00:18:43 → 00:18:46 คนเหมือนกันที่บอกว่าเอาผลพวกนี้มาปรึกษา
00:18:46 → 00:18:50 ผมเลยนะฮะส่งมาหลังผมก็ดูเออผมก็บอกเลย
00:18:50 → 00:18:52 ว่าไม่ต้องไปสนใจพวกนี้มันไม่เชื่อไม่มี
00:18:52 → 00:18:55 อะไรน่าจะจริงสักอย่างเลยนะครับแต่เขาก็
00:18:55 → 00:18:58 ยังไม่สบายใจก็เลยไปตรวจสมองหมอก็บอกว่า
00:18:58 → 00:19:00 ตรวจแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอะไรก็ยังไม่สบาย
00:19:00 → 00:19:02 ใจอยู่ดีก็ยังบอกว่าก็เนี่ยผลเลือดอะไร
00:19:03 → 00:19:05 บ้างมันยังมันยังบอกว่าเราเป็นเลยเพราะ
00:19:05 → 00:19:07 ว่าเขาเลือดเรามาตอนที่มันเคลื่อนไหว
00:19:07 → 00:19:09 เนี่ยเคลื่อนไหวเครื่องมันยังเป็นๆอยู่
00:19:09 → 00:19:11 มันยังต้องบอกได้ดีกว่าเรื่องเส้นตายไป
00:19:11 → 00:19:14 แล้วที่หมอไปทำน่ะไปทำในห้องแลปสินะครับ
00:19:14 → 00:19:16 ก็เถียงไปอย่างนั้นอีกถ้าท่านคิดจะเถียง
00:19:16 → 00:19:18 แบบนั้นคิดว่ายังไงก็ต้องมีความผิดปกตินะ
00:19:18 → 00:19:21 ครับอันนั้นน่ะท่านต้องไปอีกสายนึงแล้ว
00:19:21 → 00:19:24 ครับจำไป 3 มาทางด้านปกติได้แล้วนะครับ
00:19:24 → 00:19:27 เราตรวจในทางการแพทย์เรามีข้อมูลอะไรต่าง
00:19:27 → 00:19:30 ๆชัดเจนแต่ถ้าท่านจะมาทำแบบนั้นน่ะนะครับ
00:19:30 → 00:19:33 อันนี้เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของท่านนะครับก็
00:19:33 → 00:19:36 แล้วแต่ละกันนะครับงั้นโดยส่วนตัวผมถ้าผม
00:19:36 → 00:19:39 แนะนำนะผมจะแนะนำว่าอย่าไปตรวจนะครับอย่า
00:19:39 → 00:19:40 ไปตรวจมันไม่สามารถบอกอะไรใดๆทั้งสิ้นได้
00:19:40 → 00:19:43 ที่เขาเคลมที่เขาพูดมาทั้งหมดที่เขา
00:19:43 → 00:19:45 อธิบายมันไม่มีอะไรที่เป็นความเป็นจริง
00:19:45 → 00:19:47 แต่ถ้าท่านอยากจะไปทำเพื่อความสนุกนะครับ
00:19:47 → 00:19:50 แล้วก็เชื่อในศาสตร์นี้อันนี้ก็เป็น
00:19:50 → 00:19:53 วิทยากรวิจารณญาณของท่านแล้วก็สิทธิ์ส่วน
00:19:53 → 00:19:55 ตัวของท่านนะครับโอเควันนี้ก็บ่นมาเยอะ
00:19:55 → 00:19:57 เหมือนกันนะครับฝนเท่านี้ละกันนะครับ
00:19:57 → 00:20:00 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ