00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับมีคนสอบถามผมเข้ามาเกี่ยวข้อง
00:00:03 → 00:00:06 กับการแปลผลการตรวจค่าตับนะครับหรือการ
00:00:06 → 00:00:09 แปลผลการตรวจ lft นั่นเองนะครับวันนี้ผม
00:00:09 → 00:00:11 ก็เลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาพูดให้ฟังนะ
00:00:11 → 00:00:13 ครับแต่ว่าต้องบอกไว้ก่อนว่ามันค่อนข้าง
00:00:13 → 00:00:15 ที่จะเข้าใจยากหน่อยนะครับแล้วที่สำคัญก็
00:00:15 → 00:00:16 คือ
00:00:16 → 00:00:19 เรื่องของการแปลผลมันไม่ตรงไปตรงมานะครับ
00:00:19 → 00:00:21 จะต้องอาศัยข้อมูลหลากหลายอย่างในการ
00:00:21 → 00:00:24 ประกอบการเพื่ออธิบายว่าสิ่งที่เราเจอ
00:00:24 → 00:00:26 ความผิดปกตินั้นมันเป็นจากอะไรนะครับบาง
00:00:26 → 00:00:28 ครั้งเราดูแค่ข้อมูลค่าที่เราตรวจออกมา
00:00:28 → 00:00:31 ยังบอกอะไรไม่ได้เลยนะครับต้องมีการตรวจ
00:00:31 → 00:01:15 เพิ่มเติมนะครับ
00:01:15 → 00:01:18 แต่คำๆนี้จริงๆเนี่ยมันไม่ได้เป็นการตรวจ
00:01:18 → 00:01:22 สอบหน้าที่ของตับนะครับมันเป็นการตรวจสอบ
00:01:22 → 00:01:25 ลักษณะที่เป็นเอนไซม์ของตับที่ถูกหลั่ง
00:01:25 → 00:01:28 ออกมาเวลาที่มันมีปัญหาของตับนะครับซึ่ง
00:01:28 → 00:01:30 เดี๋ยววันนี้เราจะพูดกันว่าปัญหาอะไรที่
00:01:30 → 00:01:32 ทำให้มันมีการหลั่งเอนไซม์บางชนิดของตับ
00:01:32 → 00:01:35 ออกมาผิดปกตินะครับ
00:01:35 → 00:01:39 ในค่า iot ที่เราจะเคยเห็นนะครับมันก็จะ
00:01:39 → 00:01:42 มีค่าชื่อว่า ast นะครับ
00:01:42 → 00:01:46 alt นะครับ
00:01:46 → 00:01:50 2 ตัวนี้เป็นตัวหนึ่งนะครับแล้วก็มันมี
00:01:50 → 00:01:53 ชื่อว่า
00:01:53 → 00:01:58 Astro aspect
00:01:58 → 00:02:04 amino Trans
00:02:04 → 00:02:06 นี่ชื่อมันจะยาวๆอย่างนี้นะครับเราก็เลย
00:02:06 → 00:02:08 เรียกชื่อย่อของมันนะครับตัว alt ก็จะ
00:02:08 → 00:02:12 เป็นอะไร
00:02:12 → 00:02:18 นะครับ amino Translate
00:02:18 → 00:02:21 มันก็เป็นเอนไซม์ซึ่งใช้ในการส่งต่อหมู่
00:02:21 → 00:02:24 อะมิโนนะครับเอาระหว่างศาลหนึ่งไปอีกศาล
00:02:24 → 00:02:27 หนึ่งนะครับสมัยก่อนมันจะมีอีกชื่อหนึ่ง
00:02:27 → 00:02:29 หรือว่าเวลาบางคนไปตรวจเลือดเนี่ยก็จะได้
00:02:29 → 00:02:32 ยินชื่ออีกชื่อหนึ่งนะครับอย่าง s t นี่
00:02:32 → 00:02:36 ก็มีชื่อ sgot นะครับมันก็คือตัวเดียวกัน
00:02:36 → 00:02:37 นั่นเองแต่ว่ามันเรียกกันคนละชื่อนะครับ
00:02:37 → 00:02:42 มันย่อมาจากคำว่าเซรั่มนะครับ
00:02:42 → 00:02:46 Serum glutamic
00:02:46 → 00:02:52 ob slow acetic
00:02:52 → 00:02:57 S
00:02:57 → 00:02:59 นี่ชื่อมันยาวหน่อยนะครับส่วน alt ก็มี
00:03:00 → 00:03:03 เหมือนกันไม่น้อยหน้า sgpt นะครับตัวแรก
00:03:03 → 00:03:05 ก็คือ Serum เหมือนกันนะครับ
00:03:05 → 00:03:13 อันนี้ก็คือกลูตาเม็กซ์
00:03:13 → 00:03:18 Trans
00:03:18 → 00:03:21 คือไอ้สองตัวนี้มันเป็นเอนไซม์ซึ่งอยู่ใน
00:03:21 → 00:03:23 เนื้อตับนะครับแล้วก็อาจจะมีความผิดปกติ
00:03:23 → 00:03:26 ได้แล้วเดี๋ยวผมจะบอกว่ามันผิดปกติแล้ว
00:03:26 → 00:03:29 เราสงสัยอะไรเป็นยังไงได้บ้างนะครับเอา
00:03:29 → 00:03:33 เป็นว่า 2 ตัวนี้มันอยู่ในค่า lfg ที่เรา
00:03:33 → 00:03:35 ตรวจนะครับตัวอื่นๆที่เรามีการตรวจกันใน
00:03:35 → 00:03:38 แง่ของพวกค่าพวกนี้ก็คือเราจะเห็นชื่อว่า
00:03:38 → 00:03:44 a l p หรือเอา
00:03:44 → 00:03:49 cryst นะครับ
00:03:49 → 00:03:51 ตัวนี้จะเป็นเอนไซม์ซึ่งมันมีความเกี่ยว
00:03:51 → 00:03:54 ข้องกับท่อน้ำดีเป็นหลักนะครับ
00:03:54 → 00:03:57 แล้วนอกเหนือจากไอ้ 3 ตัวนี้เนี่ยมันก็จะ
00:03:57 → 00:04:01 มีตัวอื่นซึ่งมีความเกี่ยวข้องก็คือ Total
00:04:01 → 00:04:06 Beauty rubin นะครับ
00:04:06 → 00:04:09 แล้วก็มันจะมีพ่วงอีกตัวนึงก็คือตัวชื่อ
00:04:09 → 00:04:12 ว่า Direct
00:04:12 → 00:04:17 หรืออีกคำหนึ่งก็คือ contugated
00:04:17 → 00:04:20 นะครับ
00:04:20 → 00:04:22 ตัว Billy rubin เนี่ยมันก็เป็นสารซึ่ง
00:04:22 → 00:04:25 เกิดจากการสลายของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือด
00:04:25 → 00:04:27 แดงนะครับมันทำให้ตัวนี้มันลักษณะออกสี
00:04:27 → 00:04:31 เหลืองๆนะครับแล้วก็ปกติมีรูริบบิ้นเนี่ย
00:04:31 → 00:04:34 จะต้องโดนขับออกไปจากร่างกายคือขับออกไป
00:04:34 → 00:04:36 ทางอุจจาระแล้วบางส่วนก็ไปทางปัสสาวะนะ
00:04:36 → 00:04:39 ครับงั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าตับมันมี
00:04:39 → 00:04:42 หน้าที่ทำในเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วงไป
00:04:42 → 00:04:43 ด้วยดีนะครับดังนั้น
00:04:43 → 00:04:46 มันจะต้องดูดเอาไปดูรูบิ้นเข้ามาในร่าง
00:04:46 → 00:04:47 กายก่อนนะครับแล้วหลังจากนั้นมันจะทำการ
00:04:47 → 00:04:50 conjuge แปลว่ามันเอาตัวปิรูปิเนี่ยไป
00:04:50 → 00:04:52 ต่อกับไอ้ตัวหนึ่งนะครับเพื่อที่จะให้มัน
00:04:52 → 00:04:54 ละลายน้ำได้แล้วก็ขับออกไปจากร่างกายได้
00:04:54 → 00:04:57 นะครับถ้ากระบวนการขั้นตอนในการ continate
00:04:57 → 00:05:00 มันเสียไปก็จะมีปัญหาต่างๆต่อร่างกายนะ
00:05:00 → 00:05:01 ครับอ่า
00:05:01 → 00:05:05 งั้นเนี่ยมันจะมีแบ่งเป็น 2 อย่างนะครับ
00:05:05 → 00:05:08 แต่ว่าแบ่งเป็นยังไงบ้างคือแบ่งเป็น
00:05:08 → 00:05:13 direct นะครับแล้วก็ indirect
00:05:13 → 00:05:16 นะครับ direct ก็คือ contugate ที่เมื่อ
00:05:16 → 00:05:18 กี้เราบอก interest ก็คือ unconguegrate
00:05:18 → 00:05:21 นะครับ
00:05:21 → 00:05:24 Un conuate หมายความว่า belu rubin
00:05:24 → 00:05:26 ที่เรามีเนี่ยมันยังไม่ได้รวมกับสารสัก
00:05:26 → 00:05:28 ตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในตับนะครับดังนั้นมัน
00:05:28 → 00:05:29 ไม่รวมมันก็คืออยู่ของมันเดี่ยวๆเนี่ยตัว
00:05:29 → 00:05:33 นี้นะครับนั่นก็คือเป็นที่มานะอันนี้ตรง
00:05:33 → 00:05:37 นี้ก็คือเป็นการตรวจคร่าวๆของเรื่องของ
00:05:37 → 00:05:40 lft ที่เราตรวจนะครับอย่างไรก็ตามมันไม่
00:05:40 → 00:05:43 ใช่มีแค่ 5 ตัวนี้ที่เราตรวจแล้วเราเจอมา
00:05:43 → 00:05:46 ได้นะครับสิ่งที่เรามักจะตรวจควบคู่ไปกับ
00:05:46 → 00:05:50 พวกนี้ด้วยก็คือโปรตีนนะครับ
00:05:50 → 00:05:53 Total โปรตีน
00:05:54 → 00:05:55 ซึ่ง
00:05:55 → 00:05:57 ในโปรตีนตัวนี้จะประกอบไปด้วย 2 อย่างที่
00:05:57 → 00:06:00 เราดูกันก็คือเอาบูมเมนนะครับ
00:06:00 → 00:06:04 และ globullin
00:06:04 → 00:06:07 พวกนี้จะมีความสำคัญนะครับมีความสำคัญใน
00:06:07 → 00:06:11 แง่อีกแง่หนึ่งนะครับโดยเรื่องของตับ
00:06:11 → 00:06:14 เนี่ยนะครับตรงนี้ทั้งหมดที่ผมบอกเนี่ยจะ
00:06:14 → 00:06:17 เป็นสิ่งที่เราตรวจใน lft นะครับในที่จะ
00:06:17 → 00:06:21 มีสิ่งเหล่านี้ให้ตรวจแต่เวลาที่เราแยกใน
00:06:21 → 00:06:23 การแปลผลเนี่ยเราจะไม่ได้แยกกันตามนี้นะ
00:06:23 → 00:06:26 ครับอ่าเราจะแยกยังไงเดี๋ยวเราต้องไปดูนะ
00:06:26 → 00:06:28 ครับเพราะตรงนี้มันจะค่อนข้างเข้าใจลำบาก
00:06:28 → 00:06:31 นิดนึงผมก็จะพยายามย่อยให้เข้าใจง่ายนะ
00:06:31 → 00:06:33 ครับ
00:06:33 → 00:06:36 ตรงนี้เนี่ยเวลาที่เรามีความสงสัยเพิ่ม
00:06:36 → 00:06:38 เติมเช่นว่าเออถ้าเราสงสัยว่าคนนี้มีโรค
00:06:38 → 00:06:41 ตับมีโรคอะไรผิดปกติแล้วเนี่ยเราจะมีการ
00:06:41 → 00:06:44 ตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติมเช่นการตรวจอะไร
00:06:44 → 00:06:45 บ้าง
00:06:45 → 00:07:04 ตรวจ ggt นะครับตัวนี้คือแกมมา
00:07:04 → 00:07:06 เดี๋ยวเราจะมาอธิบายกันเป็นตัวๆไปเลยนะ
00:07:06 → 00:07:08 ครับว่ามันคืออะไรมันทำอะไรนะครับแล้วมัน
00:07:08 → 00:07:11 อยู่ตรงไหนด้วยที่สำคัญนะฮะอีกอันหนึ่ง
00:07:11 → 00:07:14 ที่มีการตรวจก็คือ Five ไอ้ตัวนี้คือตัว
00:07:14 → 00:07:26 ที่เรียกว่า Prime นะครับนิวคลีโอ
00:07:26 → 00:07:28 นอกเหนือจากนี้
00:07:28 → 00:07:32 การตรวจหน้าที่ของตับจริงๆนะครับอ่าหน้า
00:07:32 → 00:07:35 ที่ของตับจริงๆคือฟังก์ชันของตับจริงๆ
00:07:35 → 00:07:38 ฟังก์ชันของตับจริงๆเนี่ยมันมีหน้าที่ใน
00:07:38 → 00:07:40 การสร้างบางอย่างนะครับสร้างบางอย่างคือ
00:07:40 → 00:07:43 อะไรสร้างเอาบุญมินนะครับ
00:07:43 → 00:07:46 เมื่อกี้ที่เราบอกเรื่องคือมันสร้างเอาก็
00:07:46 → 00:07:48 อีกอย่างหนึ่งคือสร้างสารที่ใช้ในการแข็ง
00:07:48 → 00:07:51 ตัวของเลือดนะครับโดยเราจะวัดออกมาด้วย
00:07:51 → 00:07:58 ค่าชื่อว่าโปรดของไทยนะครับ
00:07:58 → 00:08:00 ซึ่งโปรดทอมบี้ทานในแต่ละคนเนี่ยมันอาจจะ
00:08:00 → 00:08:02 ไม่เหมือนกันเราก็ต้องขึ้นอยู่กับแล็บที่
00:08:03 → 00:08:05 เราตรวจด้วยนะครับดังนั้นเขาจะต้องมีค่า
00:08:05 → 00:08:07 กลางอันหนึ่งซึ่งใช้ให้มันเป็นมาตรฐานไม่
00:08:07 → 00:08:09 ว่าจะเป็น Lab นี้แลปไหนเนี่ยจะได้มีค่า
00:08:09 → 00:08:11 กลางที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ถ้าเอาถ้า
00:08:11 → 00:08:13 โปร tombian มาเปรียบเทียบกันบางครั้งมัน
00:08:13 → 00:08:15 เปรียบเทียบกันไม่ได้เนื่องจากว่าแล็บแต่
00:08:15 → 00:08:17 ละที่เนี่ยมันไม่เหมือนกันนะครับก็เลยมี
00:08:17 → 00:08:20 การตรวจตัวหนึ่งก็คู่กับโปรทวินฐานชื่อ
00:08:20 → 00:08:28 ว่า i n r นะครับ International
00:08:28 → 00:08:34 นะครับ
00:08:34 → 00:08:37 ก็คือเป็นเป็นค่าค่าหนึ่งแล้วกันที่
00:08:37 → 00:08:39 เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดเพราะว่า
00:08:39 → 00:08:41 ตับมันทำได้ที่นี้ดังนั้นถ้าเกิดว่าตับ
00:08:41 → 00:08:43 มันเสียไปจริงๆแล้วเนี่ยจะมีผลต่อการ
00:08:43 → 00:08:45 สร้าง albumin นะครับมันจะสร้างไม่ค่อย
00:08:45 → 00:08:48 ได้นะครับเราก็ไอ้เรื่องของการแข็งตัวของ
00:08:48 → 00:08:50 เลือดเนี่ยจะเสียไปจะทำให้มีค่าพวกเนี้ย
00:08:50 → 00:08:53 ผิดปกติไปได้นะครับแล้วหน้าที่อย่างที่ 3
00:08:54 → 00:08:56 ของตับเนี่ยก็เกี่ยวข้องกับการเอา Bull
00:08:56 → 00:08:59 Robin ในกระแสเลือดมาทำให้มันเป็นฟอร์ม
00:08:59 → 00:09:01 ที่สามารถที่จะขับออกไปจากร่างกายได้ถ้า
00:09:01 → 00:09:04 มันตัดเสียไปเนี่ยไอ้สิ่งเหล่านี้ก็จะผิด
00:09:04 → 00:09:08 ปกตินะครับอ่าทีนี้พอเรารู้แล้วว่าพวกนี้
00:09:08 → 00:09:10 มันคืออะไรนะครับ
00:09:10 → 00:09:12 liver function Test อย่างที่ผมบอกก็
00:09:12 → 00:09:14 คือเป็นสิ่งที่เราตรวจกันทั่วไปแล้วก็มี
00:09:14 → 00:09:18 5-6 ตัวนี้ในการตรวจนะครับคำต่อมาก็คือ
00:09:18 → 00:09:20 ว่าเฮ้ยแล้วมันหมายความว่าอะไรเพราะเรา
00:09:20 → 00:09:23 เจอพวกนี้วันนี้ผมจะไม่พูดในแง่ของตัวไหน
00:09:23 → 00:09:25 มันต้องสูงต้องต่ำกว่าเท่าไหร่นะครับ
00:09:25 → 00:09:27 เพราะว่าเวลาที่ท่านได้ผลการตรวจมามันจะ
00:09:27 → 00:09:29 เขียนอยู่แล้วนะครับว่าตัวนี้ต้องต่ำกว่า
00:09:29 → 00:09:31 เท่าไหร่ตัวนี้ต้องสูงกว่าเท่าไหร่มันจะ
00:09:31 → 00:09:33 บอกไว้เรียบร้อยแล้วนะครับผมจะไม่ลงลึกไป
00:09:33 → 00:09:35 ถึงตรงตัวเลขนะไม่งั้นเดี๋ยวเราจะจะเยอะ
00:09:36 → 00:09:38 เกินนะครับ
00:09:38 → 00:09:41 ตัว ast ตัวนี้นะครับกับ alt 2 ตัวนี้
00:09:41 → 00:09:45 อยากจะให้ดูคู่กันนะครับนี่ตัว S T กับ
00:09:45 → 00:09:47 ตัว SAT นะครับอยากจะให้ดูคู่กันหรือถ้า
00:09:47 → 00:09:51 เป็นแล็ปเก่าเนี่ยเขาจะใช้ชื่อ sgot
00:09:51 → 00:09:53 2 ตัวนี้เนี่ยมันจะเป็นตัวที่อยู่ใน
00:09:53 → 00:09:56 เซลล์ต่ำในแนวในเซลล์ในเซลล์เนื้อต่ำนะ
00:09:56 → 00:10:00 ครับเซลล์ตับเราก็จะเรียกว่าแอปประตูซ้าย
00:10:00 → 00:10:02 นั้นให้พอโตแบบว่าตัดนะครับไซส์ก็แปลว่า
00:10:02 → 00:10:06 เซลล์นะครับอ่าตัวนี้มันอยู่ในให้ประตู
00:10:06 → 00:10:07 ไซส์ดังนั้นเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เซลล์
00:10:07 → 00:10:11 ตับมันตายหรือมันมีพิษไปทำให้มันผิดปกติ
00:10:11 → 00:10:14 เนี่ยมันก็จะเกิดการรั่วของเอนไซม์เหล่า
00:10:14 → 00:10:18 นี้ออกมาข้างนอกนะครับอ่าการที่ระดับ ast
00:10:18 → 00:10:21 หรือ LT สูงขึ้นเนี่ยนะครับเราก็มีคำ
00:10:21 → 00:10:25 เรียกมันเหมือนกันนะครับชื่อว่า
00:10:25 → 00:10:27 HP Store
00:10:27 → 00:10:33 Cellular injury นะครับ
00:10:33 → 00:10:36 นี่ถ้ามันสูงขึ้นชัดๆนะจะเล็กแบบนี้หรือ
00:10:36 → 00:10:39 ว่าคำศัพท์สมัยก่อนที่เราใช้เรียกกันก็
00:10:39 → 00:10:44 คือคำว่า transite
00:10:44 → 00:10:46 คำนี้มาจากไหนคำนี้มาจากนี่เลยครับ
00:10:46 → 00:10:49 transmineas นะครับ it แปลว่าอักเสบ
00:10:49 → 00:10:52 transmanaze ก็คือมาจากไอ้คำๆนี้
00:10:52 → 00:10:55 คาซามิเนสก็แปลว่าเป็นการส่งหมู่เอามโนไป
00:10:55 → 00:10:58 ให้อีกตัวหนึ่งนะครับดังนั้นเวลาที่เรา
00:10:58 → 00:11:02 เจอค่า lft ผิดปกตินะครับสิ่งสิ่งหนึ่ง
00:11:02 → 00:11:04 ซึ่งเราต้องดูว่ามันผิดปกติจากอะไรพยายาม
00:11:04 → 00:11:06 หาเหตุผลจากอะไรเราก็ต้องมาดูแยกย่อยใน
00:11:06 → 00:11:08 แต่ละตัวนะครับถ้าเป็นกรณีที่ AIS ที่
00:11:09 → 00:11:10 หรือ iot สูงขึ้น
00:11:10 → 00:11:13 เราจะเรียกว่าเป็นแคปประตู Cellular in
00:11:13 → 00:11:15 Jerry form นะครับหรือ transminisis
00:11:15 → 00:11:18 ซึ่งก็จะมีสาเหตุของมันนะครับเดี๋ยวเราจะ
00:11:18 → 00:11:21 แยกให้ฟังนะครับตัวที่ 2 ที่จะต้องดูก็
00:11:21 → 00:11:22 คือไอ้นี่เลย
00:11:22 → 00:11:25 เอาคะแนน Force นะครับเอาคะแนน Force
00:11:25 → 00:11:28 เนี่ยมันจะเป็นเอนไซม์ซึ่งมีความเกี่ยว
00:11:28 → 00:11:32 ข้องกับตัวท่อน้ำดีเป็นหลักนะครับท่อน้ำ
00:11:32 → 00:11:35 ดีนะ
00:11:35 → 00:11:37 ตรงนี้คือเกี่ยวข้องกับท่อน้ำดีท่อน้ำดี
00:11:37 → 00:11:43 เราลำบากนะครับนี่นะฮะแต่ท่อน้ำดีตรงนี้
00:11:43 → 00:11:43 เนี่ย
00:11:43 → 00:11:46 มันเอนไซม์ตัวนี้มันไม่ได้มีแค่เฉพาะใน
00:11:46 → 00:11:49 ท่อน้ำดีนะครับมันก็มีในบริเวณอื่นด้วยนะ
00:11:49 → 00:11:52 ครับแต่ว่าถ้าเรามีค่า alp ที่สูงผิดปกติ
00:11:52 → 00:11:55 เราจะต้องสงสัยเรื่องของน้ำดีก่อนนะครับ
00:11:55 → 00:11:57 อ่า
00:11:57 → 00:12:01 มันก็จะมีความเกี่ยวข้องกันนะครับแล้วก็
00:12:01 → 00:12:03 ตัวที่ 3 ที่อยากจะให้ดูแยกก็คือบีได้
00:12:03 → 00:12:05 รูบิ้นนะครับอ่า
00:12:05 → 00:12:08 ถ้าสมมุติตรงนี้นะครับมันจะมีชื่อเรียก
00:12:08 → 00:12:11 อย่างถ้าเป็น ascot ผิดปกติตัวเดียวเราจะ
00:12:11 → 00:12:13 เรียกว่าใช้ประตูสุดละลาย enterry ถ้า
00:12:13 → 00:12:16 เป็นตัว alp มันผิดปกติตัวเดียวนะครับ
00:12:16 → 00:12:19 เป็นเรื่องของท่อน้ำดีจริงๆอาจจะเป็น
00:12:19 → 00:12:20 เรื่องอื่นได้ด้วยนะครับเดี๋ยวผมจะเล่า
00:12:20 → 00:12:22 ต่อไปว่าเป็นเรื่องไหนได้บ้างตรงเนี้ยถ้า
00:12:22 → 00:12:27 เป็นจากตับเราจะเรียกว่าโคลีน
00:12:27 → 00:12:31 นะครับ
00:12:31 → 00:12:33 นี่โครีแต่ว่าน้ำดี static แปลว่าไม่
00:12:33 → 00:12:35 เคลื่อนไหวอยู่กับที่แปลว่าน้ำดีเหมือน
00:12:35 → 00:12:37 ข้างนั้นเองพูดง่ายๆนะครับ
00:12:37 → 00:12:40 แล้วอันนี้ 3 เรื่องของรูบิ้นถ้าไปดู
00:12:40 → 00:12:43 รูบิ้นผิดปกติเดี่ยวๆเลยนะครับเดี่ยวๆตัว
00:12:43 → 00:12:47 เนี้ยเราจะเรียกว่า isolated
00:12:47 → 00:12:55 Hyper ซึ่งแปลว่าสูงนะครับ
00:12:55 → 00:12:58 ดังนั้นปัจจุบันเนี่ยเรารู้ว่ามันมีความ
00:12:58 → 00:13:02 ผิดปกติของ lft หรือค่าการคำนวณได้ 3 แบบ
00:13:02 → 00:13:05 นะครับก็คือแบบที่เป็น hep ประตู Cellular
00:13:05 → 00:13:09 injury นะครับหรือ transmin แบบที่ 2
00:13:09 → 00:13:11 คือ colistatic Pattern นะครับหรือแบบ
00:13:11 → 00:13:14 ที่ 3 คือ isolated
00:13:14 → 00:13:17 มันผสมกันได้นะครับนั่นคือความยุ่งยากของ
00:13:17 → 00:13:19 มัน
00:13:19 → 00:13:23 ทีนี้เรามาลองพยายามเข้าใจดูซิว่าอะไรที่
00:13:23 → 00:13:26 ทำให้มันเกิดเรื่องพวกนี้ได้นะครับเรา
00:13:26 → 00:13:27 เริ่มจาก
00:13:27 → 00:13:29 เวลาที่เราดูก่อนเวลาที่เราดูเนี่ยเรา
00:13:29 → 00:13:32 ต้องดูว่าอะไรที่มันเป็นความผิดปกติเด่น
00:13:32 → 00:13:36 ในนั้นเช่นสมมุติว่า a s t aot มันสูง
00:13:36 → 00:13:42 แบบมหาศาลนะครับ AIS ที a LT เนี่ยมัน
00:13:42 → 00:13:44 สูงแบบมากๆเลยนะครับมากๆเนี่ยนะฮะ
00:13:44 → 00:13:47 แล้วเอาคลายฟอสมาเทสที่เมื่อกี้บอกสูงแค่
00:13:47 → 00:13:50 นิดเดียวนะครับถ้ากรณีแบบนี้เนี่ยเราต้อง
00:13:50 → 00:13:53 บอกว่าความผิดปกติเด่นคือตัวแค่ประตู
00:13:53 → 00:13:55 โซล่า engineering นะครับแต่เมื่อไหร่ก็
00:13:55 → 00:13:57 แล้วแต่ที่มันกลับกันเช่น a LP มันสูง
00:13:57 → 00:13:59 มากๆอ่าอันนี้ก็ต้องไปบอกว่ามันเกี่ยว
00:13:59 → 00:14:02 ข้องกับระบบท่อน้ำดีนะครับ
00:14:02 → 00:14:05 แล้วทีนี้เราจะพอหาเหตุผลได้ยังไงนะครับ
00:14:05 → 00:14:08 เวลาหาเหตุผลเนี่ยคือเราต้องแยกก่อนว่า
00:14:08 → 00:14:11 เนี่ยมันเป็น 1 ใน 3 อันนี้แล้วถ้ามัน
00:14:11 → 00:14:13 สมมุติมันมีการปนกันอันไหนที่เด่นที่สุด
00:14:13 → 00:14:15 อันนั้นแหละครับที่จะเป็นตัวที่เราจะใช้
00:14:15 → 00:14:19 ในการสืบต่อไปว่าเป็นจากอะไรนะครับเรามา
00:14:19 → 00:14:21 เริ่มกันที่แถบประตู Cellular injury
00:14:21 → 00:14:22 ก่อนนะครับ
00:14:22 → 00:14:28 ตรงนี้เราเริ่มที่ตรงนี้ก่อน
00:14:28 → 00:14:30 หรือที่เรียกว่า transmin9 ติดนะครับ HP
00:14:30 → 00:14:39 อีก
00:14:39 → 00:14:46 นี่ให้ประตู Solar injury หรือ Trans
00:14:46 → 00:14:50 ในกรณีนี้คือมี alt เพิ่มขึ้นกับ AIS ที
00:14:50 → 00:14:54 เพิ่มขึ้นนะครับตรงนี้ต้องบอกว่า alt
00:14:54 → 00:14:56 เนี่ยมันมีความจำเพาะกับตับมากกว่านะครับ
00:14:56 → 00:14:59 มากกว่า SD เยอะเพราะว่า AIS จริงๆเจอใน
00:14:59 → 00:15:02 ที่อื่นได้อีกเยอะแยะไปหมดนะครับนอกเหนือ
00:15:02 → 00:15:05 จากตับก็จะมีที่หัวใจนะครับที่เอิ่ม
00:15:05 → 00:15:07 กล้ามเนื้อนะครับ
00:15:07 → 00:15:12 มีที่ไตแล้วก็สมอง
00:15:12 → 00:15:15 ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับน่าจะจำถูกนะครับมัน
00:15:15 → 00:15:17 มีที่อื่นอีกผมจำไม่ได้เหมือนกันแต่ว่า
00:15:17 → 00:15:20 ไอ้เนี่ยคือเจอเยอะมากนะครับแล้วก็
00:15:20 → 00:15:23 เนี่ยถ้าลองคิดดูสิครับว่าถ้ามันเจอในที่
00:15:23 → 00:15:26 อื่นด้วยเนี่ยถ้ามีปัญหาระบบอื่นไอ้ค่า s
00:15:26 → 00:15:28 t ตัวนี้ก็จะสูงขึ้นได้เช่นอะไรบ้างเช่น
00:15:28 → 00:15:30 สมมุติว่ากล้ามเนื้อตายมันก็สูงนะครับ
00:15:30 → 00:15:33 กล้ามเนื้อหัวใจตายก็สูงนะครับไตวายบางคน
00:15:33 → 00:15:36 ก็สูงแน่ดังนั้นมันจะมีความจำเพาะน้อย
00:15:36 → 00:15:39 กว่า alt ซึ่งมันมักจะมีอยู่ในตับอย่าง
00:15:39 → 00:15:43 เดียวนะครับตรงนี้เวลาที่เราเห็นถ้าเป็น 2
00:15:43 → 00:15:45 ตัวนี้สูงมากๆเราต้องไปหาดูว่ามันมีอะไร
00:15:45 → 00:15:48 ที่เป็นพิษต่อตับหรือเปล่านะครับพิษต่อ
00:15:48 → 00:15:50 ตับเช่นอะไรบ้างนะครับตรงนี้แหละครับที่
00:15:50 → 00:15:52 เราต้องทราบประวัติและอันแน่ๆที่ทุกคนรู้
00:15:52 → 00:15:56 จักคือแอลกอฮอล์นะครับถูกมั้ยฮะแอลกอฮอล์
00:15:56 → 00:16:00 ยาสมุนไพรนะครับเราก็จะเขียนว่านะครับ
00:16:00 → 00:16:04 สมุนไพรก็อาจจะเป็นเฮิร์บนะครับแล้วก็ไม่
00:16:04 → 00:16:07 ได้ซีนนะครับอาหารเสริมทรัพย์เพ้นท์นะ
00:16:07 → 00:16:10 ครับ
00:16:10 → 00:16:13 แล้วก็พวกยาเสพติดทั้งหลายนะครับเอ่อเรา
00:16:13 → 00:16:15 ก็จะเขียน elective
00:16:15 → 00:16:17 druct นะครับ
00:16:17 → 00:16:21 พวกนี้ถ้าใครที่ใช้ของพวกนี้อยู่แน่นอน
00:16:21 → 00:16:23 มันต้องเป็นปัญหานะครับเราต้องไปแก้ไข
00:16:23 → 00:16:26 เรื่องปัญหาพวกนี้ก่อนนะฮะเราถามประวัติ
00:16:26 → 00:16:29 สั้นๆว่ามีอะไรอยู่หรือเปล่านะครับแล้ว
00:16:29 → 00:16:30 ถ้าไม่ใช่พวกนี้ล่ะมันมีอะไรอย่างอื่นอีก
00:16:30 → 00:16:33 ที่เราต้องคิดไวรัสนะครับ
00:16:33 → 00:16:35 ไวรัสที่ทำให้เกิดตับอักเสบหายแน่นอนหลาย
00:16:36 → 00:16:38 ๆคนก็คงจะรู้จักไวรัสแต่อักเสบชื่อว่า
00:16:38 → 00:16:40 hepatitis นะครับ
00:16:40 → 00:16:46 ซึ่งมีหลายชนิดมีตั้งแต่ A B C D E
00:16:46 → 00:16:48 อย่างนี้นะครับอ่า
00:16:48 → 00:16:51 ไวรัสตรงนี้ผมจะไม่ลงรายละเอียดแล้วกัน
00:16:51 → 00:16:53 เอาเป็นว่ามันมีประมาณนี้นะครับ
00:16:53 → 00:16:55 แล้วก็มีเวลาส่วนอื่นๆอีกที่มันทำให้เป็น
00:16:55 → 00:16:57 อย่างนี้ได้คือปี
00:16:57 → 00:17:01 เริ่มเรานี่แหละครับ simplex ถ้ามันลงตับ
00:17:01 → 00:17:06 เนี่ยเสร็จแน่นอนนะครับ
00:17:06 → 00:17:08 การที่จะบอกว่าเป็นไวรัสตัวไหนทำให้ต่ำ
00:17:08 → 00:17:10 กว่าอักเสบอันนี้โอ้โหต้องคุยกันยาวแล้ว
00:17:10 → 00:17:13 ครับต้องไปตรวจพิเศษนะฮะอ่า
00:17:13 → 00:17:17 ไอ้พวกเนี้ยคือสาเหตุหลักๆที่เราพอเจอแต่
00:17:17 → 00:17:20 ตัวอื่นๆที่เราเจอได้ไหมมีครับถ้ามันมี
00:17:20 → 00:17:22 ระบบภูมิต้านทานไปทำลายตับนะครับเราก็เจอ
00:17:22 → 00:17:26 ได้ชื่อว่าออโต้อีเมล
00:17:26 → 00:17:30 แอปไทยติดนะครับ
00:17:30 → 00:17:34 พวกนี้เราก็ต้องไปตรวจว่ามันมีอะไรที่มัน
00:17:34 → 00:17:37 ไปทำลายที่ตับอะไรพวกนี้หรือเปล่าโดยเวลา
00:17:37 → 00:17:40 ที่เราตรวจค่า autoinemoon หรือว่าพวก
00:17:40 → 00:17:44 ภูมิที่ไปทำลายตับเราจะตรวจนะครับ ana นะ
00:17:44 → 00:17:46 ครับเป็นต้องตรวจเสริมพวกนี้ต้องไปตรวจ
00:17:46 → 00:17:50 เสริมเอาเองนะครับ
00:17:50 → 00:17:55 แอนตี้สมุทร Muscle นะครับ
00:17:55 → 00:18:01 พวกนี้แล้วก็เอิ่มมีตัวนึงผมจำไม่ค่อยได้
00:18:01 → 00:18:03 ก็แอนตี้
00:18:03 → 00:18:06 ริเวอร์
00:18:06 → 00:18:08 คิดส์
00:18:08 → 00:18:12 ไมโครโซมอล
00:18:12 → 00:18:14 แอนติบอดี้
00:18:14 → 00:18:17 ถ่ายบอล
00:18:17 → 00:18:18 ชื่อมันประหลาดนะครับแล้วมันไม่ได้
00:18:18 → 00:18:20 วินิจฉัยกันวินิจฉัยกันง่ายๆคือเราเห็น
00:18:20 → 00:18:22 แค่ความผิดปกติเนี่ยมันบอกอะไรไม่ได้นะ
00:18:22 → 00:18:25 ครับเราต้องไปซัดประวัติตรวจโน่นตรวจนี่
00:18:25 → 00:18:27 เพิ่มเติมอีกเยอะแยะไปหมดก่อนที่เราจะบอก
00:18:27 → 00:18:29 ได้ว่าเฮ้ยมันสูงจากอะไรแต่ถ้าเกิดว่าคน
00:18:29 → 00:18:31 ไหนที่แน่นอนดื่มเหล้าใช้ยาเสพติดอยู่นะ
00:18:31 → 00:18:33 ครับไปกินยาอะไรที่ไม่เคยกินมาก่อนนะครับ
00:18:33 → 00:18:37 แล้วก็พวกอาหารเสริมหรืออะไรก็แล้วแต่
00:18:37 → 00:18:39 เนี่ยให้สงสัยตัวพวกนั้นไว้ก่อนต้องหยุด
00:18:39 → 00:18:41 ก่อนนะครับ
00:18:41 → 00:18:44 นอกเหนือจากนี้ก็แน่นอนว่าโอเคเราบอกว่า
00:18:44 → 00:18:47 มันมีสารพิษไปทำลายตับละนะครับสารพิษที่
00:18:47 → 00:18:49 เรากินเข้าไปอันนี้อาจจะมีอีกอย่างหนึ่ง
00:18:49 → 00:18:52 ซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่รู้จักก็คือไวนิล
00:18:52 → 00:18:55 คลอไรด์
00:18:55 → 00:18:58 ไวนิลคลอไรด์นี้คือมันเป็นสารในทาง
00:18:58 → 00:19:01 อุตสาหกรรมที่ทำให้ตับมันเสียได้นะครับ
00:19:01 → 00:19:06 พิษอย่างอื่นมีไหมมีมีพวกเห็ดพิษบางทีก็
00:19:06 → 00:19:09 ทำลายตับเหมือนกันนะครับเช่นพวกที่แบบ
00:19:09 → 00:19:12 เก็บเห็ดเมาเก็บแล้วอยากมากินนะครับมัน
00:19:12 → 00:19:16 ชื่อ A manita
00:19:16 → 00:19:20 จำไม่ได้ว่าเขียนยังไง
00:19:20 → 00:19:21 น่าจะอย่างนี้นะครับ
00:19:21 → 00:19:25 คือ
00:19:25 → 00:19:27 ตัวนี้นะตัวนี้น่าจะเป็นตัวที่ผม
00:19:27 → 00:19:29 ไม่ได้
00:19:29 → 00:19:33 โหลดแล้วก็เอ่อมันมีอเมริกันอีกตัวนึง
00:19:33 → 00:19:38 เอ่อ
00:19:39 → 00:19:41 พวกนี้เป็นเห็ดนะครับเห็ดเห็ดที่มันมีพิษ
00:19:41 → 00:19:45 ต่อตับนะครับก็จะเป็นปัญหาได้นะฮะ
00:19:45 → 00:19:47 อันนี้คือพวกสารพิษและนอกเหนือจากนี้ยัง
00:19:47 → 00:19:49 มีอีกเยอะแยะเลยนะครับเช่นถ้าเราอ้วนมากๆ
00:19:49 → 00:19:53 นะครับอ้วนเราใช้ opacity นะครับมีไขมัน
00:19:53 → 00:19:56 สูงเช่นมีไตรกลีเซอไรด์สูงนะครับพวกนี้
00:19:56 → 00:19:59 บางทีเราจะรู้เราจะสงสัยว่าเป็นอ่าถ้าไม่
00:19:59 → 00:20:01 ได้กินแอลกอฮอล์นะครับก็คือนอน
00:20:01 → 00:20:12 แอลกอฮอล์เหล็ก
00:20:12 → 00:20:15 มันก็คือตับมีไขมันจับจนกระทั่งมันเกิด
00:20:15 → 00:20:17 การอักเสบนั่นแหละครับนะพวกนี้เจอนะครับ
00:20:17 → 00:20:20 ถ้าคนท้องคนท้อง
00:20:20 → 00:20:23 คนท้องก็จะมีโรคของเขาเป็นพิเศษนะครับบาง
00:20:23 → 00:20:25 คนถ้ามันเป็นรุนแรงเช่นเป็นความดันสูงมาก
00:20:25 → 00:20:27 ๆในคนท้องมากๆอย่างนี้แล้วก็มีโปรตีนรั่ว
00:20:27 → 00:20:32 ในทางเดินปัสสาวะมีเกล็ดเลือดต่ำเขาจะมี
00:20:32 → 00:20:34 โรคโรคหนึ่งชื่อ Health Syndrome นะครับ
00:20:35 → 00:20:38 help synd ไม่ใช่ช่วยเหลือนะครับ
00:20:38 → 00:20:42 นี่นะครับ Health Syndrome คือ Simulator
00:20:42 → 00:20:48 เม็ดเลือดแดงแตกนะครับ elevator
00:20:48 → 00:20:51 ก็คือเกร็ดเริ่มต่ำนะครับถ้าเกิดขึ้นในคน
00:20:51 → 00:20:54 ท้องอันเนี้ยคือโอ้โหมันมหาศาลมากมายนะ
00:20:54 → 00:20:56 ครับนอกเหนือจากนี้มีเยอะแยะไปหมดเลยนะ
00:20:56 → 00:20:59 ครับผมจะยกตัวอย่างง่ายๆอ่ายกตัวอย่าง
00:20:59 → 00:21:04 เช่นวิวสั้นดีซีนะครับ
00:21:04 → 00:21:15 Alfa One And
00:21:15 → 00:21:21 มีอะไรอีกอ่ะบางคนมีโรค ibd นะครับคือทาง
00:21:21 → 00:21:23 เดินอาหารมาอักเสบเช่น
00:21:23 → 00:21:29 อัลเซอร์ทีฟ collatis
00:21:29 → 00:21:33 ตรงนี้ใครจำไม่ได้ช่างมันนะครับโคลน This
00:21:33 → 00:21:36 is seriac
00:21:36 → 00:21:39 พวกนี้ก็ทำให้มันอักเสบได้แล้วก็
00:21:39 → 00:21:42 มีอะไรอีกอ่ะมีโรคไทรอยด์นะครับโรค
00:21:42 → 00:21:45 ไทรอยด์ก็เป็นไปได้แล้วก็อีกโรคหนึ่งก็
00:21:45 → 00:21:54 คือโรคต่อมหมวกไตมันทำงานผิดปกติ
00:21:54 → 00:21:59 นะครับนี่คิดว่ายังไม่หมดนะครับเช่นนอก
00:21:59 → 00:22:01 เหนือจากนี้ก็จะมีถ้าเราขาดเลือดเราเรียก
00:22:01 → 00:22:05 ว่า Shock River นะครับหรือ ethania
00:22:05 → 00:22:08 ถ้าปรับมันไม่มีเลือดมาเลี้ยงอ้าว
00:22:08 → 00:22:12 ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีอะไรไปอุดตันเส้น
00:22:12 → 00:22:18 เลือดต่ำเราจะเรียกว่าโรคบัตรเครดิต
00:22:18 → 00:22:20 หรืออีกอันนึงคือถ้าเราความดันตกมากๆนะ
00:22:20 → 00:22:23 ครับความดันตกเราจะเรียกว่าบัตร Pressure
00:22:24 → 00:22:26 นะครับหรือ BP มันตกมากๆนะครับเช่นเราติด
00:22:26 → 00:22:29 เชื้อช็อคติดเชื้อในกระแสเลือดความดันตก
00:22:29 → 00:22:31 มากๆตับไม่มีเลือดเลี้ยงมันก็ตายได้ครับ
00:22:31 → 00:22:34 นี้ก็เรียกว่า It's Clinic
00:22:34 → 00:22:39 นะครับ
00:22:39 → 00:22:43 ดังนั้นตรงนี้เนี่ยเราเห็นชื่อมันเยอะมาก
00:22:43 → 00:22:44 มายขนาดนี้
00:22:44 → 00:22:48 เนี่ยผมถึงบอกว่ามันไม่สามารถที่จะเอาไป
00:22:48 → 00:22:51 ผลการตรวจตับมาแล้วก็บอกให้ผมแปลได้ว่า
00:22:51 → 00:22:52 ทำไมมันถึงเป็นนะครับ
00:22:52 → 00:22:55 เพราะว่ามันเยอะขนาดนี้นี่ยังไม่หมดนะ
00:22:55 → 00:22:59 ครับผมเอาเท่าที่ผมจำได้ก่อนนะครับเพราะ
00:22:59 → 00:23:01 ฉะนั้นสิ่งแรกที่ท่านจะต้องรู้ก็คือถ้า
00:23:01 → 00:23:03 เมื่อไหร่ท่านมีค่า aots ที่สูงขึ้นนะ
00:23:03 → 00:23:06 ครับทั้งคู่เราต้องไปดูก่อนเราดื่มเหล้า
00:23:06 → 00:23:09 หรือเปล่าเราใช้ยาเสพติดอะไรไหมยาตัวใหม่
00:23:09 → 00:23:13 ที่เรากินไหมมีพวกสมุนไพรหรืออาหารเสริม
00:23:13 → 00:23:15 อะไรที่เราเริ่มกินใหม่ไหมพวกนั้นหยุดไป
00:23:15 → 00:23:17 ก่อนเลยนะครับนั่นคือข้อแรกที่ต้องทำนะฮะ
00:23:17 → 00:23:19 ข้อที่ 2 เราก็ต้องได้ดูว่ามันมีพิษอะไร
00:23:19 → 00:23:22 ที่มันทำลายที่ต่ำไหมไวนิลคลอไรด์หรือจะ
00:23:22 → 00:23:24 เป็นพิษจากเหตุเมื่อกี้ที่ผมบอกนะครับอ่า
00:23:24 → 00:23:29 แล้วก็มีพวกกลุ่มที่เอ่อไปยุ่งกับตัดพวก
00:23:29 → 00:23:31 เนี้ยที่มันเป็นพิษต่างๆก็ต้องก็ต้องรู้
00:23:31 → 00:23:34 นะครับเรื่องของการติดเชื้อไวรัสชนิดต่าง
00:23:34 → 00:23:36 ๆทำลายอันตรายตับได้นะครับถ้าตัดขาดเลือก
00:23:36 → 00:23:38 มาเลี้ยงนะครับด้วยอะไรก็แล้วแต่นะครับ
00:23:38 → 00:23:39 มันก็จะเสียไปได้นะครับ
00:23:39 → 00:23:43 โรคทางพันธุกรรมบางอย่างที่ผมเขียนก็มี
00:23:43 → 00:23:44 วิวสั้น disease แล้วก็มี Ultra One
00:23:44 → 00:23:46 Active แล้วก็โรคทางการอักเสบต่างๆที่ทำ
00:23:46 → 00:23:49 ให้เกิดปัญหาที่ตับนะนี่เยอะแยะไปหมดดัง
00:23:49 → 00:23:53 นั้นมันจะต้องไปหาสาเหตุเยอะๆโดยทั่วไป
00:23:53 → 00:23:56 เนี่ยหมอทั่วไปเขาจะดูว่าเรามีข้อที่ควร
00:23:56 → 00:23:59 ระวังอะไรไหมนะครับถ้ามียาใหม่มีอะไรใหม่
00:23:59 → 00:24:00 ก็หยุดไปก่อนแล้วก็ตรวจซ้ำถ้ามันลงไปแล้ว
00:24:00 → 00:24:03 โอเคนั่นนำไปเพราะยาเพราะว่าไอ้ของที่เรา
00:24:03 → 00:24:05 กินเข้าไปแต่ถ้ามันไม่ลงอันนี้ต้องไปหา
00:24:05 → 00:24:07 เห็ดอื่นนะอย่างอื่นแล้วครับหรือว่าบางคน
00:24:07 → 00:24:09 ถ้าตรวจร่างกายแล้วเจออะไรที่มันเข้าได้
00:24:09 → 00:24:12 กับทางโลกเนี่ยเราก็จะไปหาอย่างอื่นนะ
00:24:12 → 00:24:16 ครับอ่านี่ก็คือขั้นแรกเท่านั้นเองนะครับ
00:24:16 → 00:24:20 แต่ว่าเอาเป็นว่าสมมุติว่าผมอยากจะให้
00:24:20 → 00:24:23 ท่านมีความรู้มากขึ้นกว่านี้อีกนิดนึงจะ
00:24:23 → 00:24:24 ทำยังไงดี
00:24:24 → 00:24:26 มันมีรายละเอียดแบบมหาศาลมากมายนะครับยก
00:24:26 → 00:24:28 ตัวอย่างอ่ะยกตัวอย่างแอลกอฮอล์นะครับ
00:24:28 → 00:24:30 แอลกอฮอล์จะมีลักษณะพิเศษอย่างนึงก็คือ
00:24:30 → 00:24:31 ว่า
00:24:31 → 00:24:42 ast เนี่ย
00:24:42 → 00:24:44 หมอชอบโดนถามว่าเฮ้ยแล้วทำไมมันเป็นอย่าง
00:24:44 → 00:24:45 งั้นแหละนะครับ
00:24:45 → 00:24:48 ผมก็ชอบไปถามเด็กเหมือนกันนะครับคือในคน
00:24:48 → 00:24:50 ที่กินเหล้าเยอะๆเนี่ยเขาจะขาดวิตามินบี 6
00:24:50 → 00:24:53 นะครับขาดวิตามินบี 6
00:24:53 → 00:24:56 วิตามินบี 6 มีส่วนสำคัญในการสร้าง ast
00:24:56 → 00:24:59 และ aot แต่ว่า alt ต้องการ b6 มากกว่า
00:24:59 → 00:25:02 ssd นะครับดังนั้นเวลาที่เกิดการอักเสบ
00:25:02 → 00:25:04 ขึ้นมา aot มันสร้างไม่ค่อยได้แต่ aft
00:25:04 → 00:25:07 สร้างได้เยอะดังนั้นกรณีนี้ก็คือมันจะทำ
00:25:07 → 00:25:11 ให้ค่า ast มีสูงกว่า alt อ่านั่นคือคน
00:25:11 → 00:25:13 ที่กินเหล้านะครับอีกอย่างในคนที่กิน
00:25:13 → 00:25:14 เหล้าที่เราเจอก็คือ
00:25:15 → 00:25:17 มี
00:25:17 → 00:25:20 grammaruto Trans สูงขึ้นนะมาในคนที่
00:25:20 → 00:25:23 กินเหล้านะเราจะเจอนะฮะแต่ถามว่าไอ้พวก
00:25:23 → 00:25:26 นี้มันมีอะไรพิเศษนอกเหนือจากนี้หรือ
00:25:26 → 00:25:30 เปล่ามีครับมีโรคโรคหนึ่งซึ่งผมอยากจะพูด
00:25:30 → 00:25:33 ไม่นิดหน่อยละกันคือโรคนี้วิวสั้นดีซิส
00:25:33 → 00:25:36 เนี่ยลักษณะคล้ายๆกับกรณีของแอลกอฮอล์ได้
00:25:36 → 00:25:40 ได้เหมือนกันนะครับแต่ว่ามันเอ่อวิวสั้น
00:25:40 → 00:25:42 คืออะไรก่อนหรือสั้นดีซีมันก็คือเป็นการ
00:25:42 → 00:25:45 ที่เรามีค่า copper หรือทองแดงเนี่ยเกิด
00:25:45 → 00:25:47 ในร่างกายเนื่องจากว่ามันมีความผิดปกติ
00:25:47 → 00:25:50 ทางยีนตัวหนึ่งที่เอ่อนำส่งไอ้ตัว
00:25:50 → 00:25:54 คอปเปอร์นะครับคือยีนส์ตัวนี้ชื่อ ATP 7
00:25:54 → 00:25:55 B นะครับ
00:25:55 → 00:25:59 ถามว่าทำไมผมจำได้แต่ก่อนมันมีสอบครับ
00:25:59 → 00:26:01 สมัยที่ผมสอบอเมริกาเนี่ยผมท่องตัวนี้ได้
00:26:01 → 00:26:03 ผมก็เลยรู้ตัวนี้นะครับตัวนี้เวลามันทำ
00:26:03 → 00:26:05 ให้มันมีปัญหาเนี่ยมันทำให้เราขับทองแดง
00:26:05 → 00:26:08 ไม่ได้ทองแดงมันไปไหนนะครับทองแดงคือ
00:26:08 → 00:26:10 คอปเปอร์นะครับ
00:26:10 → 00:26:13 มันก็ไปสะสมที่ตับนะครับ
00:26:13 → 00:26:16 ที่สมอง
00:26:16 → 00:26:22 แล้วก็ที่ตานะครับ
00:26:22 → 00:26:24 ที่ปรับเนี่ยแน่นอนว่าก็ทำให้ตับอักเสบ
00:26:24 → 00:26:27 แบบนี้นะครับที่สมองบางคนมีโรคทางด้าน
00:26:27 → 00:26:29 จิตเวชขึ้นมานะครับมีอาการชักมีอาการ
00:26:29 → 00:26:33 เคลื่อนไหวที่ผิดปกตินะครับบางคนเมียเขา
00:26:33 → 00:26:35 ใส่คล้ายๆเหมือนไก่ที่ตีปีกอย่างนี้บางคน
00:26:35 → 00:26:38 จะมีกันสั่นแบบนั้นได้นะครับแล้วก็ถ้าเรา
00:26:38 → 00:26:41 ไปดูที่ตัวตาดำเนี่ยมันจะมีเป็นวงแหวนอัน
00:26:41 → 00:26:44 หนึ่งเราจะเรียกว่า kf Ring นะครับแล้ว
00:26:44 → 00:26:46 ก็ต้องไปส่องดูไอ้พวกนี้ก็เป็นจาก Wilson
00:26:46 → 00:26:49 ได้นะครับก็คือพวก astm มันจะสูงขึ้นมา
00:26:49 → 00:26:51 นิดนึงนะครับอาจจะมากกว่า 2 เท่าได้คือ
00:26:51 → 00:26:54 ปกติแล้วเนี่ยถ้าตับมันอักเสบจริงๆ aot
00:26:54 → 00:26:58 มักจะสูงกว่า ast แต่ใน 2 ภาวะเนี้ย alt
00:26:58 → 00:27:01 เนี่ยมันอาจจะสูงกว่าก็ได้นะครับอย่างนี้
00:27:01 → 00:27:04 นอกเหนือจากนี้ก็คือเราต้องไปดูละว่าเอ๊ะ
00:27:04 → 00:27:05 มันมีโรคอะไรที่มัน
00:27:06 → 00:27:09 ถ้ามันสูงแบบสูงมากๆเลยอ่ะสมมุติว่าเนี่ย
00:27:09 → 00:27:13 ไอ้ ST a LT สูงแบบสูงมากๆเลยนะครับสูง
00:27:13 → 00:27:16 แบบ 50 เท่า 100 เท่าเงี้ยฮะพวกนี้มัน
00:27:16 → 00:27:21 เฉพาะเจาะจงและนะครับคืออะไรคือขาดเลือด
00:27:21 → 00:27:24 นะครับหรือที่เรียกว่า Shock River นะ
00:27:24 → 00:27:25 ครับ
00:27:25 → 00:27:28 ไวรัสนะครับที่แบบรุนแรงมากๆแล้วก็พิษ
00:27:28 → 00:27:29 ต่างๆนะครับ
00:27:29 → 00:27:32 ยังมีแค่ 3 อย่างนี้ที่ทำไมมันเสียมากๆ
00:27:32 → 00:27:35 ได้นะครับที่สูงแบบหลายๆเท่านะอันนี้ก็
00:27:35 → 00:27:37 คือต้องเป็นหน้าที่ของหมอแล้วที่เขาจะ
00:27:37 → 00:27:39 ต้องไปดูว่ามันเป็นจากอะไรนะครับวันที่
00:27:39 → 00:27:41 เราพูดมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับเรา
00:27:41 → 00:27:44 เพิ่งได้ไปนิดเดียวเองแล้วก็เนี่ยมันถึง
00:27:44 → 00:27:46 แปลผลยากแบบนี้อันนี้เป็นกรณีที่ 1 นะ
00:27:46 → 00:27:50 ครับถ้าเรามี s t l t สูงกรณีที่ 2
00:27:50 → 00:27:53 เมื่อตะกี้ที่เราคุยกันก็คือ
00:27:53 → 00:27:56 static Pattern นะครับหรือมีการเกิดน้ำ
00:27:56 → 00:28:01 ดีข้างเราสงสัยเมื่อมี alp สูงนะครับ alp
00:28:01 → 00:28:04 ตัวนี้มันมีปัญหาเพราะว่า alp ไม่ได้มี
00:28:04 → 00:28:07 เฉพาะในน้ำดีไม่ๆในท่อน้ำดีมันมีที่อื่น
00:28:07 → 00:28:10 อีกนะครับ alp ที่เอากำลังมีตรงไหนได้อีก
00:28:10 → 00:28:15 มีอ่ามีท่อน้ำดีมีที่มีที่กระดูกนะครับมี
00:28:15 → 00:28:17 ที่รก
00:28:17 → 00:28:21 มีที่เอ่อ
00:28:21 → 00:28:27 ลำไส้อ่า
00:28:27 → 00:28:30 น่าจะประมาณนี้เท่าที่ผมจำได้โอเค
00:28:30 → 00:28:33 เวลาที่เราเจอกับค่า All cryst สูงเนี่ย
00:28:33 → 00:28:35 ไม่ใช่ว่าอยู่ๆเราบอกว่าไปลบตับเป็นโรค
00:28:36 → 00:28:38 ท่อน้ำดีไม่ได้นะครับเราต้องไปคิดก่อนว่า
00:28:38 → 00:28:40 มันมีเหตุผลอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า
00:28:40 → 00:28:43 มันเจอในกระดูกได้มันเกิดอะไรขึ้นถ้าท่าน
00:28:43 → 00:28:45 กำลังมีกระดูกหักหรือเด็กที่กำลังโตเนี่ย
00:28:45 → 00:28:49 นะครับหรือกระดูกมันมีมะเร็งไปแทรกมีอะไร
00:28:49 → 00:28:50 ก็แล้วแต่ที่ทำให้กระดูกมันเสียนะครับ
00:28:51 → 00:28:53 หรือมีโรคพาราไทรอยด์มันทำงานเกินกระดูก
00:28:53 → 00:28:57 เสียพวกนี้มันก็จะสูงได้นะครับหรือมีโรค
00:28:57 → 00:28:59 แปลกๆโลกหนึ่งชื่อว่า PAT 7 นะครับ
00:28:59 → 00:29:01 PAT 7 เนี่ยมันก็จะไปยุ่งกับกระดูกได้
00:29:01 → 00:29:03 ทำให้กระดูกมันเสียไปก็ได้นะครับพวกนี้ก็
00:29:03 → 00:29:08 จะเอาทนายฟอสเฟตสูงเพราะเซนต้ารกนะครับใน
00:29:08 → 00:29:11 แม่ที่ท้องนะครับท้องโดยเฉพาะอ่าไตรมาส
00:29:11 → 00:29:13 ที่ 3 นะครับ
00:29:13 → 00:29:16 บางคนนะมีไอ้ตัวเนี้ยสูงขึ้นมาได้แต่มัน
00:29:16 → 00:29:18 สูงขึ้นเพราะว่ารถเด็กนะครับไม่ได้เกี่ยว
00:29:18 → 00:29:19 อะไรกันเลย
00:29:19 → 00:29:22 แล้วก็ไอ้ intestin อันเนี้ยโอ้อันนี้อัน
00:29:22 → 00:29:26 นี้มีอะไรประหลาดๆให้ทุกคนรู้นะครับผมไม่
00:29:26 → 00:29:28 คิดว่าหมอหลายคนจะรู้ตรงนี้นะครับแต่ผม
00:29:28 → 00:29:30 อยากจะให้ทุกท่านรู้ไว้อ่ะท่านอาจจะเก่ง
00:29:30 → 00:29:33 กว่าหมอนะครับตรงนี้ก็คือคนที่มีหมู่
00:29:33 → 00:29:40 เลือด O กับ B นะครับถ้านะครับถ้าถ้ากิน
00:29:40 → 00:29:43 อาหารที่มีไขมันเยอะ
00:29:43 → 00:29:46 ที่มีอยู่แล้วกัน
00:29:46 → 00:29:52 มันจะทำให้ค่าอัลคาไลน์ฟอสเทสสูงนี่
00:29:52 → 00:29:54 นะครับ
00:29:54 → 00:29:56 แต่ว่าสูงชั่วคราวนะครับไม่ได้สูงไปตลอด
00:29:56 → 00:29:59 มานะครับคือถ้ากินของมันๆเนี่ยมันจะทำให้
00:29:59 → 00:30:01 ตัวอัลคาไลน์ฟอสเฟตที่อยู่ในลำไส้เนี่ย
00:30:01 → 00:30:03 รั่วเข้ามาในกระแสเลือดทำให้เราตรวจได้
00:30:03 → 00:30:05 เพิ่มขึ้นแต่ว่าคนพวกนี้ไม่ต้องทำอะไรมัน
00:30:05 → 00:30:07 ไม่ได้อันตรายไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันไม่
00:30:07 → 00:30:10 ได้เป็นโรคตับอะไรทั้งสิ้นนะครับ
00:30:10 → 00:30:12 ในเมื่อผมบอกว่ามันมาจากหลายที่เราจะมี
00:30:12 → 00:30:15 วิธีในการยืนยันได้ไหมว่ามันมาต่ำนะครับ
00:30:15 → 00:30:17 มาจากความดีจริงๆได้ครับเรายืนยันด้วย
00:30:17 → 00:30:18 อะไร
00:30:18 → 00:30:21 ยืนยันด้วย ggt ซึ่งมันจะต้องสูงด้วยนะ
00:30:21 → 00:30:26 ครับหรือ Five plan newcle สูงด้วยนะ
00:30:26 → 00:30:29 ครับ 2 ตัวนี้เนี่ยมันมีความไวที่บอกว่า
00:30:29 → 00:30:32 จำเพาะเจาะจงกลับท่อน้ำดีมากกว่าดังนั้น
00:30:32 → 00:30:34 ถ้าไอ้ตัวนี้มันสูงด้วยนะครับเราต้อง
00:30:34 → 00:30:37 สงสัยว่าเฮ้ยมันเป็นจากท่อน้ำดีนะครับที
00:30:37 → 00:30:37 นี้
00:30:37 → 00:30:41 ถามว่าสูงถ้าเรายืนยันว่ามันเป็นจากตัว
00:30:42 → 00:30:46 ท่อน้ำดีแล้วเนี่ยแล้วไงต่ออ่ะเออแล้วไง
00:30:46 → 00:30:50 ต่อนะครับต้องบอกอย่างนี้ครับปกติสูงที่
00:30:50 → 00:30:55 มาจากท่อนเดียวมันมักจะมีมีบวกนะครับมี
00:30:55 → 00:30:58 ฤทธิ์สูงขึ้นด้วยนะครับ
00:30:58 → 00:31:01 มักจะมี beli rubin สูงขึ้นด้วยทีนี้พอ
00:31:01 → 00:31:04 มันสูงขึ้นเราก็ต้องไปสงสัยละทำไมมันสูง
00:31:04 → 00:31:07 ขึ้นมีรูริบบิ้นมันๆมาจากไหนมันมายังไงนะ
00:31:07 → 00:31:09 ครับก็คือบอกแล้วว่ามันเกิดจากการสลายของ
00:31:09 → 00:31:11 ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงกลายมาเป็นปีรู
00:31:11 → 00:31:12 รูบิ้นนะครับ
00:31:12 → 00:31:14 แล้วตอนนี้เราต้องไปดูว่าถ้าเกิดว่าท่อ
00:31:14 → 00:31:17 มันดีในตับมันมีปัญหาเนี่ยปัญหามันอยู่
00:31:17 → 00:31:20 ตรงไหนของท่อน้ำดีนะครับต้องดูอย่างนี้
00:31:20 → 00:31:22 ครับในตับเนี่ยมันจะมีท่อน้ำดีที่อยู่
00:31:22 → 00:31:25 ข้างในแล้วก็ข้างนอกตัดนะครับสมมุติว่าผม
00:31:25 → 00:31:27 ว่าตัด
00:31:27 → 00:31:30 ผมคนเราหน้าตาประหลาดเหมือนเหมือนรูป
00:31:30 → 00:31:33 อย่างนี้แล้วกันนะครับมันก็จะมีทองจาก
00:31:33 → 00:31:35 ข้าง 2 ข้างมารวมกันแล้วก็ออกมาเป็นน้ำดี
00:31:35 → 00:31:38 นะครับคือมันอาจจะมีท่อน้ำดีฝอยเล็กๆที่
00:31:38 → 00:31:39 อยู่ในนี้นะครับ
00:31:39 → 00:31:43 ปัญหาของมันเนี่ยคืออาจจะมีการตันตรงที่
00:31:43 → 00:31:45 มันมีตรงนี้ก็ได้หรือจะเป็นการเสียของท่อ
00:31:45 → 00:31:47 น้ำดีที่อยู่ในตับก็ได้นะครับพวกนี้ก็คือ
00:31:47 → 00:31:50 ทำให้มันสูงขึ้นได้แล้วพวกนี้ก็ไปทำ
00:31:50 → 00:31:52 อัลตร้าซาวด์เราอาจจะเห็นอะไรสักอย่างที่
00:31:52 → 00:31:54 ไปอุดตันนะครับเช่น New เช่นอะไรก็แล้ว
00:31:54 → 00:31:56 แต่นะครับหรือยาบางชนิดก็จะทำให้เป็นพวก
00:31:56 → 00:31:59 นี้ได้เหมือนกันนะครับอันนี้คือที่เรา
00:31:59 → 00:32:01 ต้องไปดูนะฮะสำหรับวันนี้ผมจะไม่ลงราย
00:32:01 → 00:32:03 ละเอียดตรงนี้แล้วกันว่าเออเราจะไปค้นยัง
00:32:03 → 00:32:05 ไงแต่โดยทั่วไปถ้าเกิดว่าเราสงสัยเรื่อง
00:32:05 → 00:32:08 ท่อน้ำดีที่มันมีค่าเอากำไรสูงแล้วเรายืน
00:32:08 → 00:32:11 ยันว่าเป็นจากตับจริงๆนะเนี่ยเราจะทำ
00:32:11 → 00:32:13 อัลตร้าซาวด์ก่อนนะครับไอ้แน่ใจว่ามันไม่
00:32:13 → 00:32:16 มีการไปอุดกั้นไม่มีมะเร็งไม่มีเนื้องอก
00:32:16 → 00:32:18 ไม่มีอะไรก็แล้วแต่ไม่มีพยาธิไปอุดในท่อ
00:32:18 → 00:32:20 น้ำดีนะครับเพื่อจะแน่ใจแล้วถ้าเกิดว่า
00:32:20 → 00:32:22 สมมุติว่าเออไม่เจอแล้วเนี่ยค่อยไปหายา
00:32:22 → 00:32:25 อื่นๆยกตัวอย่างเช่นพวกยาที่เรากินต่างๆ
00:32:25 → 00:32:29 นี่แหละครับที่มันมีปัญหานะครับ
00:32:29 → 00:32:33 มาถึงอันสุดท้ายแล้วในกรณีที่
00:32:33 → 00:32:38 ค่า astaalt มันปกติล่ะแต่ว่ามันสูงขึ้น
00:32:38 → 00:32:42 มาอยู่อย่างเดียวเนี่ยนะครับ AIS ทีเขียน
00:32:42 → 00:32:45 ผิด
00:32:45 → 00:32:48 AIS ที a l t
00:32:48 → 00:33:21 เอา Cry Force
00:33:21 → 00:33:24 เวลามันเอามารวมกันทีนี้เราจะรู้ได้ยังไง
00:33:24 → 00:33:26 ว่ามันเป็นอันไหนนะครับเพราะว่าแต่ละโลก
00:33:27 → 00:33:28 เนี่ยมันไม่เหมือนกันนะครับมันมีสาเหตุ
00:33:28 → 00:33:32 ที่ไม่เหมือนกันด้วยนะฮะอ่าเรามาว่ากัน
00:33:32 → 00:33:34 ที่ถ้าเกิดว่ามี
00:33:34 → 00:33:39 direct หรือ DB นะครับสูงขึ้นมันหมาย
00:33:39 → 00:33:43 ความว่า direct
00:33:43 → 00:33:46 มันมากกว่า 20%
00:33:46 → 00:33:52 นะครับของ
00:33:52 → 00:33:56 นะครับมากกว่า 20%
00:33:56 → 00:34:04 และถ้าเกิดว่ามันเป็น indirect
00:34:04 → 00:34:07 Hyper bedroominia หรือว่า indirect
00:34:07 → 00:34:11 เนี่ยมันสูงขึ้น
00:34:12 → 00:34:13 ตรงนี้หมายความว่า
00:34:13 → 00:34:16 ค่า direct ค่า direct นะครับเราจะวัดกัน
00:34:16 → 00:34:17 ที่ค่า Direct
00:34:17 → 00:34:22 มันน้อยกว่า 20% ของ Total โดยทั้ง 2
00:34:22 → 00:34:24 กรณีนี้ Total
00:34:24 → 00:34:29 สูงขึ้นพอมันสูงขึ้นเราก็ต้องไปดูว่ามัน
00:34:29 → 00:34:30 เป็นแบบ Direct หรือมันเป็นแบบเป็น direct
00:34:30 → 00:34:33 เพราะว่าสาเหตุไม่เหมือนกันนะครับสาเหตุ
00:34:33 → 00:34:35 ไม่เหมือนกัน
00:34:35 → 00:34:38 เรามาดูกันที่ direct ก่อน direct อย่าง
00:34:38 → 00:34:40 ที่ผมบอกก็คือว่ามันจะต้องเอา belu rubin
00:34:40 → 00:34:42 มารวมกับสารบางอย่างทำให้มันละลายน้ำแล้ว
00:34:42 → 00:34:44 ร่างกายจะขับออกไปได้เขาเรียกว่าการทำ
00:34:44 → 00:34:47 contuation นะครับถ้าหน้าที่นี้มันเสีย
00:34:47 → 00:34:49 ไปแล้วก็มันก็จะเกิด
00:34:49 → 00:34:53 ข้างในร่างกายก็จะทำให้เรามีอาการดีซ่าน
00:34:53 → 00:34:55 ตัวเหลืองตาเหลืองได้นะครับ
00:34:55 → 00:34:57 มีโรคอะไรที่ทำให้เป็นพวกนี้ได้นะครับถ้า
00:34:57 → 00:35:00 สมมุติเอนไซม์ตัดทุกตัวปกติหมดเลยนะครับ
00:35:00 → 00:35:02 แล้วเรามีค่าตัวนี้สูงอย่างเดียวไม่ต้อง
00:35:02 → 00:35:05 ห่วงครับมันมีโรคแปลกๆอยู่เนี่ยมีอยู่ 2
00:35:05 → 00:35:07 โลกที่ผมจำได้แต่ไม่อันตรายเราไม่ต้องทำ
00:35:07 → 00:35:08 อะไรทั้งสิ้นไม่ต้องยืนยันไม่ต้องยุ่ง
00:35:08 → 00:35:11 อะไรกับมันเลยไม่เป็นอะไรไม่มีข้อเสียข้อ
00:35:11 → 00:35:14 อะไรทั้งนั้นในอนาคตนะครับ
00:35:14 → 00:35:16 ตรงนี้ท่านจำได้เล่นไม่ต้องจำก็ได้นะครับ
00:35:16 → 00:35:19 ชื่อมันจะแปลกๆชื่อว่ารูบิ้น
00:35:19 → 00:35:22 Johnson นะครับ
00:35:22 → 00:35:26 และอีกอันหนึ่งชื่อโรเตอร์นะครับ
00:35:26 → 00:35:34 รูบิ้นจอห์นสันซินโดรมกับโรเตอร์ซินโดรม
00:35:34 → 00:35:38 2 อันนี้นะครับไม่ได้อันตรายอะไรนะ
00:35:38 → 00:35:42 ครับถ้าดูบิลดูบินจอห์นสันตัวนี้นะครับ
00:35:42 → 00:35:45 มันเกิดจากการที่ไอ้ตัวเซลล์ตับของเรา
00:35:45 → 00:35:49 เนี่ยนะครับมันไม่สามารถที่จะหลั่งเอาน้ำ
00:35:49 → 00:35:50 ดีออกมาได้เพราะมันหลั่งไม่ได้มันก็คั่ง
00:35:50 → 00:35:52 อยู่ข้างในนะครับไม่สามารถหลั่งได้มันก็
00:35:52 → 00:35:57 ข้างแต่โรเตอร์เนี่ยนะครับมันจะปกติเนี่ย
00:35:57 → 00:36:00 พอน้ำดีหลั่งออกไปแล้วเนี่ยนะครับมันจะ
00:36:00 → 00:36:03 ต้องคือน้ำดีตัวนี้มันจะต้องถูกดึงเข้ามา
00:36:03 → 00:36:05 ไว้ในเซลล์เพื่อที่จะไปทำ contribution
00:36:05 → 00:36:08 พวกนี้นะครับแต่ถ้ามันดูดดึงดึงเข้าไม่
00:36:08 → 00:36:09 ได้เนี่ยมันก็จะมีปัญหานะครับเขาเรียกว่า
00:36:09 → 00:36:12 Take implement นะครับแต่ว่าไม่ต้องสน
00:36:12 → 00:36:14 ใจเอาเป็นว่า 2 โรคนี้ไม่ได้อันตรายไม่
00:36:14 → 00:36:16 ต้องทำอะไรเลยทั้งสิ้นนะครับเป็นแค่ว่ามี
00:36:16 → 00:36:20 direct ที่มันเกิน 20% นะครับแล้วเราเจอ
00:36:20 → 00:36:23 ว่ามี Total เป็น rubin ที่สูงขึ้นนะ
00:36:23 → 00:36:25 เอาแค่ประมาณนั้นแล้วมันไม่ต้องตรวจอะไร
00:36:25 → 00:36:28 เพิ่มเติมแต่ว่า indirect เนี่ยมันสำคัญ
00:36:28 → 00:36:30 ละนะครับ indirect ตรงเนี้ยสำคัญและว่า
00:36:30 → 00:36:34 เฮ้ยทำไมอ่ะนะครับเวลา indirect มันสูง
00:36:34 → 00:36:37 ขึ้นเนี่ยเราต้องคิดอยู่เอ่อสามแยกนะครับ
00:36:37 → 00:36:41 อย่างแรกก็คือมันสร้างมีรูบินมากเกินไป
00:36:41 → 00:36:46 หรือเปล่าหรือเรียกว่า Over Production
00:36:46 → 00:36:49 นะครับอย่างที่ 2 ที่ต้องคิดก็อ่า
00:36:49 → 00:36:54 impere
00:36:54 → 00:36:56 up Take
00:36:57 → 00:36:59 คือเซลล์ตับไม่สามารถเอาไปดูริบบิ้นเข้า
00:36:59 → 00:37:01 มาในตับได้เพื่อที่จะเอาไปทำให้มันกลาย
00:37:01 → 00:37:03 เป็นตัวละลายน้ำได้คือมันดูดเข้าไปตัดไม่
00:37:03 → 00:37:05 ได้มันก็จะคั่งอยู่ในเลือดแล้วมันก็ทำให้
00:37:05 → 00:37:10 เราตรวจเจอนะครับแล้วก็อันที่ 3 เอาเข้า
00:37:10 → 00:37:13 มาได้แล้วแต่ว่าไป contuate ไม่ได้ก็
00:37:13 → 00:37:17 impair
00:37:17 → 00:37:20 contugation
00:37:20 → 00:37:21 พวกนี้เวลาเรียนหมอเราต้องเรียนกันหมด
00:37:21 → 00:37:23 แล้วนะครับแล้วเราก็ต้องมานั่งดูว่ามัน
00:37:23 → 00:37:26 เป็นจากตรงไหนอะไรได้นะครับคือสุดยอดจะงง
00:37:26 → 00:37:29 มันยากนะครับแล้วก็เนี่ยผมถึงไม่ค่อยอยาก
00:37:29 → 00:37:31 จะแปลผลโรคตับให้ใครเพราะว่ามันวุ่นวาย
00:37:31 → 00:37:34 ขนาดนี้นะครับดูมันง่ายๆนะครับแต่ว่ามัน
00:37:34 → 00:37:35 เยอะ
00:37:35 → 00:37:38 Production มีการสร้างไปดูรูบิ้นแบบเยอะ
00:37:38 → 00:37:42 ๆมันสร้างมาจากไหนนะครับ
00:37:42 → 00:37:46 สลับกันเยอะแยะเลยมันสร้างมาจากนี่เลย
00:37:46 → 00:37:51 เป็นเลือดแดงแตกหรือที่เรียกว่าฮีโมไลซิส
00:37:51 → 00:37:53 คนพวกนี้เม็ดเลือดแดงแตกก็มีหลากหลาย
00:37:53 → 00:37:55 สาเหตุทำไมมันถึงแตกนั้นจะต้องไปหาและ
00:37:55 → 00:37:58 เช่นว่าเป็นธาลัสซีเมียเป็นจีซิก 3D
00:37:58 → 00:38:01 เอ่อเป็น Auto ที่ทำลายเม็ดเลือดแดงนะ
00:38:01 → 00:38:03 ครับมีหลากหลายนะครับกับอีกอันนึงคือ
00:38:03 → 00:38:12 interfactive
00:38:12 → 00:38:15 ก็คือเป็นการสร้างเม็ดเลือดแดงที่สร้าง
00:38:15 → 00:38:17 ไม่ค่อยได้สร้างแล้วมันแย่มันเสียมันก็
00:38:17 → 00:38:20 เลยตายไปแล้วเราก็ตรวจเจอนะครับ impair
00:38:20 → 00:38:22 up Take คือ OK สร้างไม่ได้เยอะขึ้น
00:38:22 → 00:38:25 แล้วแหละแต่ว่ามันเอาเข้าไปในเซลล์ตัด
00:38:25 → 00:38:27 เพื่อเอาไปทำการ convergate ไม่ได้นะครับ
00:38:27 → 00:38:31 หลุดเข้าไปในเซลล์ต่างไม่ได้อันนี้อันนี้
00:38:31 → 00:38:32 ก็คือ
00:38:32 → 00:38:35 เราจะไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่มันจะมีโรคโรค
00:38:35 → 00:38:39 นึงชื่อว่า gilbert
00:38:39 → 00:38:42 Syndrome
00:38:42 → 00:38:44 โลกนี้ไม่น่ากลัวทั้งสิ้นไม่ต้องทำอะไรนะ
00:38:44 → 00:38:46 ครับมันจะมีแค่ตัวเหลืองตาเหลืองแต่ว่า
00:38:46 → 00:38:49 ข้อสำคัญเวลาที่หมอเรียนเนี่ยก็คือ Total
00:38:49 → 00:38:51 ไปหรือริบบิ้นเนี่ยมันจะไม่ค่อยเกิน 4 นะ
00:38:51 → 00:38:53 ครับไม่ก็เกิน 4 ผมจำนวนไม่ได้น่าจะเป็น
00:38:54 → 00:38:56 อเมริกาต่อเดซิลิตรประมาณนี้ไม่เกิน 4
00:38:56 → 00:38:59 แน่ๆตัวเลข 4 ผมจำได้นะครับแล้วก็เกิด
00:38:59 → 00:39:01 อาการเมื่อ
00:39:01 → 00:39:04 เมื่อเราอดอาหาร fasting พวกทำไม f ทั้ง
00:39:04 → 00:39:07 หลายแหล่ถ้ากินกินถ้าทำฟาสซิ่งแล้วอยู่ๆ
00:39:07 → 00:39:09 ตาเหลืองขึ้นมาเนี่ยก็ต้องไปดูและโลกนี้
00:39:09 → 00:39:12 หรือเปล่านะครับหรือมีการเจ็บป่วยมีความ
00:39:12 → 00:39:15 เครียดนะครับ stress นะฮะพวกนี้อ่าก็จะ
00:39:15 → 00:39:18 เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถเอามันมาจัดการได้
00:39:18 → 00:39:21 นะครับอันสุดท้ายคือโอเคมันไม่ได้สร้าง
00:39:21 → 00:39:23 เพิ่มขึ้นมันเอาเข้ามาในเซลล์ต่ำได้แต่
00:39:23 → 00:39:25 มันเอาไปรวมกับสารที่ควรจะต้องรวมไม่ได้
00:39:25 → 00:39:27 อันนี้ก็เรียกว่า impac contination ตรง
00:39:27 → 00:39:31 เนี้ยมี - แปลกประหลาดนะครับมันก็จะมีโรค
00:39:31 → 00:39:32 ชื่อว่า
00:39:32 → 00:39:33 clicker
00:39:33 → 00:39:36 แต่ผมจำไม่ได้ว่ามันเขียนยังไงน่าจะเขียน
00:39:36 → 00:39:41 อย่างนี้คลิกเกินนะน่าจะเจ 2 ตัว
00:39:41 → 00:39:44 นะครับมันก็มีสองท้ายนะครับหรือ 2 ชนิด
00:39:44 → 00:39:46 Type 1 กับ type 2 ซึ่งท้ายหนึ่งมันจะ
00:39:46 → 00:39:49 ซีเรียมันรุนแรงมากๆเลยมันจะเจอในเด็ก
00:39:49 → 00:39:51 แล้วเด็กก็มักจะมีการชักแล้วก็ตายได้แต่
00:39:51 → 00:39:54 ไอ้ชนิดที่ 2 เนี่ยมันไม่ค่อยเยอะเท่า
00:39:54 → 00:39:57 ไหร่มันโตมันจะเป็นผู้ใหญ่ได้นะครับพวก
00:39:57 → 00:40:00 นี้มันก็จะมีมีปัญหาได้แล้วไอ้พวกนี้บาง
00:40:00 → 00:40:03 ทีมันมีการรักษาพิเศษนะครับการรักษาพิเศษ
00:40:03 → 00:40:05 เดี๋ยวเราไม่เราก็ไม่พูดกันแล้วกันนะครับ
00:40:05 → 00:40:07 เดี๋ยวจะงง
00:40:07 → 00:40:10 พูดแล้วก็พูดไปเลยแล้วกัน
00:40:10 → 00:40:13 มันมีตัวนึงสาเหตุที่มันเกิดขึ้นได้เนี่ย
00:40:13 → 00:40:16 นะครับเป็นเพราะว่าเรามีการลดลงของ belie
00:40:16 → 00:40:19 rubin
00:40:19 → 00:40:24 udp อยู่ดีๆ
00:40:24 → 00:40:41 ใด Force
00:40:41 → 00:40:43 นี่ชื่อยาวมากนะครับ
00:40:43 → 00:40:46 นี่มันเกิดจากไอ้ตัวนี้ผิดปกติมันลดลงไป
00:40:46 → 00:40:50 ปกตินะครับคือมันจะต้องเอาหมู่กูรูซิ่ว
00:40:50 → 00:40:52 เนี่ยใส่เข้าไปที่รูหรือบินทำไม่ได้นะ
00:40:52 → 00:40:55 ครับทำไม่ได้แต่ว่าเรามีวิธีรักษาวิธี
00:40:55 → 00:40:57 รักษาที่แปลกประหลาดมากคือให้ยากันชักตัว
00:40:57 → 00:40:59 หนึ่งนะครับยากันชักตัวนี้ชื่อว่า
00:41:00 → 00:41:05 ฟีโนบาบิทาวน์
00:41:05 → 00:41:09 นะครับถ้าเราให้ตัวนี้เข้าไปมันจะไปทำให้
00:41:09 → 00:41:12 ตัวนี้มันสูงขึ้นพอมันสูงขึ้นสิ่งที่เกิด
00:41:12 → 00:41:15 ขึ้นก็คือมันจะลดค่า Total beliabloan
00:41:15 → 00:41:17 ของเราลงนะครับก็ทำให้เราไม่เหลืองนะครับ
00:41:17 → 00:41:21 โอเควันนี้คือเกือบเนี่ยทั้งหมดของการแปล
00:41:21 → 00:41:23 ผลโรคตับซึ่งเป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้น
00:41:24 → 00:41:25 แล้วเวลาเรียนหมอจริงๆมันยากกว่านี้เยอะ
00:41:25 → 00:41:28 แล้วก็ไม่สามารถแปลได้ตรงตัวนะครับดัง
00:41:28 → 00:41:31 นั้นเนี่ยผมจะขอสรุปให้อีกทีนึงเพื่อให้
00:41:31 → 00:41:35 เราพอเข้าใจอะไรได้บ้างนะครับการตรวจค่า
00:41:35 → 00:41:37 การทำของตับเราก็เรียกว่าริเวอร์ฟังก์ชัน
00:41:37 → 00:41:42 Test นะครับโดยจะมีการตรวจ ast aot For
00:41:42 → 00:41:44 Test นะครับเราก็โทเทิลไปรูบิ้นกับ
00:41:44 → 00:41:47 direct ร่วมไปกับการตรวจ Total โปรตีน
00:41:47 → 00:41:49 ซึ่งแยกเป็น 2 อย่าง albumin กับ goblins
00:41:49 → 00:41:53 นะครับอันนี้คือมันจะพอแบ่งได้นะครับขึ้น
00:41:53 → 00:41:55 อยู่กับว่าตัวไหนที่มันผิดปกติแล้วเราก็
00:41:55 → 00:41:57 ต้องไปหาสาเหตุนะครับตัวที่ผิดปกติเนี่ย
00:41:57 → 00:42:00 ถ้าเป็น alt หรือ ast เราจะเรียกว่า Apple
00:42:00 → 00:42:02 Cellular injury นะครับ
00:42:02 → 00:42:05 คือตัวเซลล์เนื้อตับมันผิดปกติจากเหตุผล
00:42:05 → 00:42:08 ต่างๆนะครับเอา Cry Force ผิดปกติพวกนี้
00:42:09 → 00:42:11 ต้องไปดูเรื่องของท่อน้ำดีนะครับเรียกว่า
00:42:11 → 00:42:14 โคลีเซติกแพทเทิร์นนะครับอันที่ 3 คือถ้า
00:42:14 → 00:42:16 เกิดว่ามีฤดูบินเนี่ยมันผิดปกติตัวเดียว
00:42:16 → 00:42:18 ตัวอื่นไม่มีเราจะเรียกว่า isolated
00:42:18 → 00:42:20 Hyper มีฤดูเป็นอินเดียทั้ง 3 ชนิดนี้
00:42:20 → 00:42:23 สามารถเกิดร่วมกันได้นะครับส่วนใหญ่เวลา
00:42:23 → 00:42:26 ที่เราเจอค่าปรับผิดปกติขั้นแรกที่เรา
00:42:26 → 00:42:29 ต้องถามเลยก็คือว่าเรากินยากินเหล้ากิน
00:42:29 → 00:42:32 อะไรของใหม่หรือเปล่างดนะครับนะไม่ว่าจะ
00:42:32 → 00:42:35 ดูปลอดภัยขนาดไหนก็งดก่อนมันถึงจะเริ่มดี
00:42:35 → 00:42:38 ขึ้นได้นะครับต่อมาเราก็ต้องไปดูว่ามันมี
00:42:38 → 00:42:40 ไวรัสตับอักเสบไหมนะครับอ่ามีแอลกอฮอล์มี
00:42:40 → 00:42:42 ไวรัสตับอักเสบไหมหน้าที่การงานเป็นอย่าง
00:42:42 → 00:42:45 ไรนะครับมีเรื่องภูมิต่อต้านตัวเองไหมไป
00:42:45 → 00:42:47 กินเห็ดประหลาดนี้ความอ้วนคนท้องโรคประจำ
00:42:47 → 00:42:50 ตัวปลัดๆเยอะแยะพวกนี้หรือเปล่านะครับก็
00:42:50 → 00:42:53 ต้องไปหาหมอเพื่อตรวจยืนยันนะครับแล้วก็
00:42:53 → 00:42:55 เนี่ยมันไม่ได้ตรงไปตรงมาถึงแม้เป็นผิด
00:42:55 → 00:42:58 ปกติเราต้องไปตรวจเพิ่มเติมอยู่ดีนะครับ
00:42:58 → 00:43:00 วันนี้ผมไม่รู้จะพูดแล้วงงมากขึ้นหรือ
00:43:00 → 00:43:02 เปล่านะครับเพราะเรื่องนี้มันยากแล้วจริง
00:43:02 → 00:43:04 ๆผมก็ไม่อยากจะเอามาพูดให้ทุกคนฟังเท่า
00:43:04 → 00:43:07 ไหร่เนื่องจากว่ามันอาจจะทำให้สับสนและ
00:43:07 → 00:43:10 บางครั้งเนี่ยมีคนพยายามส่งผลพวกนี้มาให้
00:43:10 → 00:43:13 ผมแปลผมก็ไม่รู้จะแปลท่านได้ยังไงเพราะ
00:43:13 → 00:43:15 ว่ามันต้องอาศัยข้อมูลอีกมากมายมหาศาลบาง
00:43:15 → 00:43:18 ทีต้องตรวจเพิ่มเติมต้องซักประวัติต้องทำ
00:43:18 → 00:43:21 การทำตรวจอัลตร้าซาวด์ต้องดูว่าเม็ดเลือด
00:43:21 → 00:43:23 แดงแตกไหมเม็ดเลือดแดงแตกก็ต้องตรวจอย่าง
00:43:23 → 00:43:26 อื่นตรวจตัวค่าแปลกๆที่เราอาจจะไม่เคยได้
00:43:26 → 00:43:29 ยินนะครับก็เนี่ยแหละครับประมาณนี้นะฮะ
00:43:29 → 00:43:34 หวังว่าเอ่ออันนี้อาจจะพอให้ความกระจ่าง
00:43:34 → 00:43:38 ท่านได้นิดนึงละกันว่าเราดูไว้เรื่องพวก
00:43:38 → 00:43:41 นี้แล้วเราสงสัยอะไรนะครับแล้วเราต้องไป
00:43:41 → 00:43:44 มีแนวทางการสืบค้นต่ออย่างไรบ้างนะครับ
00:43:44 → 00:43:47 โอเคงั้นถ้าเกิดว่ามีใครที่ตามคลิปนี้ไม่
00:43:47 → 00:43:49 ทันแล้วก็อ่านแล้วไม่เข้าใจเนี่ยไม่ต้อง
00:43:49 → 00:43:53 แปลกใจนะครับมันเป็นปกตินะครับขนาดหมอนัก
00:43:53 → 00:43:54 เรียนแพทย์เองที่เรียนเรื่องพวกนี้นะครับ
00:43:54 → 00:43:59 ก็ยังไม่สามารถที่จะแปลผลทางตับได้อย่าง
00:43:59 → 00:44:01 ดีเท่าที่ควรนะครับแล้วมันมีรายละเอียด
00:44:01 → 00:44:04 เยอะมากๆนะครับเช่นว่าเอนไซม์พวกนี้สูง
00:44:04 → 00:44:07 แค่ไหนเราสงสัยอะไรนะครับหรือบางกรณีมัน
00:44:07 → 00:44:10 มีค่าอย่าง AIS สูงกว่า aot มันมีในโลก
00:44:10 → 00:44:12 ไหนบ้างอะไรนะครับพวกเนี้ยเยอะแยะไปหมด
00:44:12 → 00:44:15 เลยนะฮะดังนั้นเอาสนุกๆพอแล้วกันคลิปนี้
00:44:15 → 00:44:17 นะครับถ้าใครมีอะไรสงสัยนอกเหนือไปทางนี้
00:44:17 → 00:44:20 ก็สอบถามเข้ามาได้นะครับแต่ว่าบอกอย่าง
00:44:20 → 00:44:22 หนึ่งคือไม่ต้องส่งมาให้ผมแปลผลนะครับ
00:44:22 → 00:44:23 เพราะว่าถ้าให้ผมแปลผลนี่คือมันต้องเอา
00:44:23 → 00:44:26 ข้อมูลพวกนี้มาให้ผมทั้งหมดซึ่งผมคงไม่มี
00:44:26 → 00:44:28 เวลาอ่านให้ท่านอยู่ดีดังนั้นถามหมอที่
00:44:28 → 00:44:31 เขาตรวจให้ท่านจะดีที่สุดนะครับโอเควัน
00:44:31 → 00:44:34 นี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ