00:00:01 → 00:00:06 โรคไข้ดินอันตรายถึงชีวิตฝนนี้ต้อง
00:00:06 → 00:00:10 ระวังโรคไข้ดินอย่าประมาทเท้ามีแผลอย่า
00:00:10 → 00:00:12 ลุยน้ำสัมผัส
00:00:12 → 00:00:16 ดินรับประธานขิงสมุนไพรไทยเสริมภูมิคุ้ม
00:00:16 → 00:00:20 กันปรับตัวรับหน้าฝนติดตามเรื่องราวทั้ง
00:00:20 → 00:00:25 หมดได้ในรายการ TNN Health วัน
00:00:25 → 00:00:27 [เพลง]
00:00:27 → 00:00:31 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:31 → 00:00:33 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:33 → 00:00:36 คุ้มกันรู้ทันโลคไปกับ TNN He ค่ะและ
00:00:37 → 00:00:40 ดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัตดาวจังวังกรแพทย์
00:00:40 → 00:00:43 เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะ
00:00:43 → 00:00:45 รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชม
00:00:45 → 00:00:50 มาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:50 → 00:01:00 [เพลง]
00:01:00 → 00:01:03 สำหรับสัปดาห์นี้นะคะคุณผู้ชมเราจะมารู้
00:01:03 → 00:01:07 จักโรคที่มากับหน้าฝนนั่นก็คือโรคไข้ดิน
00:01:07 → 00:01:09 ค่ะเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากการ
00:01:09 → 00:01:13 สัมผัสดินในช่วงหน้าฝนเป็นอย่างไรติดตาม
00:01:13 → 00:01:17 ในช่วงนี้ค่ะโดยในปีพุทธศัก
00:01:17 → 00:01:21 2566 มีผู้ป่วยโรคไข้ดินหรือเมลิออย osis
00:01:21 → 00:01:26 386 คนมีผู้เสียชีวิต 58 คนส่วนใหญ่พบ
00:01:26 → 00:01:29 มากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลุ่มอายุที่
00:01:29 → 00:01:33 พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไปรองลงมา
00:01:33 → 00:01:39 คือ 55 -64 ปีและกลุ่มอายุ 45 -54 ปี
00:01:39 → 00:01:42 ตามลำดับทั้งนี้ผู้ป่วยโรคไข้ดินพบได้ทุก
00:01:43 → 00:01:45 ภาคทั่วประเทศแต่พบมากทางภาคตะวันออก
00:01:45 → 00:01:48 เฉียงเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัด
00:01:48 → 00:01:49 ขอนแก่นและ
00:01:49 → 00:01:53 อุบลราชธานีผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 60 -95
00:01:53 → 00:01:57 เป็นชาวไร่ชาวนาหรือผู้ที่ทำงานกับดินและ
00:01:57 → 00:02:02 น้ำโรคไข้ดินเดินั้นเกิดจากการติดเชื้อ
00:02:02 → 00:02:08 แบคทีเรียเคียูดที่พบได้ทั่วไปในดินน้ำ
00:02:08 → 00:02:11 เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสน้ำ
00:02:11 → 00:02:14 หรือดินที่มีเชื้อป่นเปื้อนดื่มน้ำหรือ
00:02:14 → 00:02:18 รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อและการสูด
00:02:18 → 00:02:21 หายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจื้อปนอยู่
00:02:21 → 00:02:25 เข้าไปหลังติดเชื้อ 1-21 วันจะมีอาการ
00:02:25 → 00:02:28 ป่วยแต่บางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับ
00:02:29 → 00:02:31 ปริมาณเชื้อที่ที่ได้รับและภูมิต้านทาน
00:02:31 → 00:02:34 ของแต่ละคนโดยกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ
00:02:34 → 00:02:37 ได้ง่ายและมีอาการรุนแรงได้แก่คนที่มีโรค
00:02:37 → 00:02:41 ประจำตัวเช่นผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุม
00:02:41 → 00:02:45 ระดับน้ำตาลได้ไม่ดีผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์
00:02:45 → 00:02:48 รวมถึงผู้ที่มีโรคเรื้อรังเช่นผู้ป่วย
00:02:48 → 00:02:52 ล้างไตผู้ป่วยที่มีภาวะปอดเรื้อรังหรือ
00:02:52 → 00:02:54 ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องผู้
00:02:55 → 00:02:57 ป่วยเอดส์ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิลั้ง
00:02:57 → 00:03:01 ปลูกถ่ายอวัยวะหรือเพื่อรักษาโรคแพ้ภูมิ
00:03:01 → 00:03:04 ตัวเองผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
00:03:04 → 00:03:07 เป็นต้นนอกจากนี้ผู้ที่ประกอบอาชีพที่
00:03:07 → 00:03:11 สัมผัสกับดินและน้ำเป็นเวลานานเช่นทำนาก็
00:03:11 → 00:03:14 เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงเช่นกัน
00:03:14 → 00:03:18 อาการของโรคไข้ดินไม่มีลักษณะเฉพาะอาการ
00:03:18 → 00:03:21 ของโรคนี้จะมีความคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ
00:03:21 → 00:03:26 เช่นมีไข้สูงมีฝีที่ผิวหนังปวดท้องปวดข้อ
00:03:26 → 00:03:30 ปวดกระดูกมีอาการทางระบบทางเดินหายใจบาง
00:03:30 → 00:03:33 รายพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วยส่วนใหญ่
00:03:33 → 00:03:36 มักจะเริ่มจากอาการไข้ทำให้วินิจฉัยโรค
00:03:36 → 00:03:39 ได้ยากต้องตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติ
00:03:39 → 00:03:43 การเพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการของ
00:03:43 → 00:03:47 โรคไข้ดินแบ่งเป็นหลายกลุ่มได้ดังนี้ค่ะ
00:03:47 → 00:03:49 การติดเชื้อที่ปอดชนิดเฉียบพลันซึ่งมี
00:03:49 → 00:03:52 อาการคล้ายปอดติดเชื้อชนิดอื่นทั่วไปได้
00:03:52 → 00:03:58 แก่ไข้ไอมีเสมหะหายใจลำบากการติดเชื้อที่
00:03:58 → 00:04:00 ปอดชนิดเรื้อ
00:04:00 → 00:04:03 ซึ่งคล้ายกับวัณโรคทำให้มีค่า้ไอต่อ
00:04:03 → 00:04:06 เนื่องหลายสัปดาห์การติดเชื้อที่ผิวหนัง
00:04:06 → 00:04:10 เป็นตุ่มเป็นหนองฝีอาการติดเชื้อในกระแส
00:04:10 → 00:04:12 เลือดนั้นมีความรุนแรงมากค่ะเพราะว่า
00:04:12 → 00:04:15 สามารถทำให้เกิดเรื่องของความดันตกนำไป
00:04:15 → 00:04:19 สู่การเสียชีวิตได้การติดเชื้ออวัยวะภาย
00:04:19 → 00:04:22 ในร่างกายเป็นฝีหนองที่ม้ามตับต่อมลูก
00:04:22 → 00:04:26 หมากเป็นต้นโดยโรคไข้ดินมีความรุนแรงที่
00:04:26 → 00:04:29 หลากหลายโดยหากมีการติดเชื้อในกระแสเลือด
00:04:29 → 00:04:32 จะส่งผลให้ความดันตกและเสียชีวิตได้ส่วน
00:04:32 → 00:04:35 การติดเชื้อในรูปแบบอื่นโดยทั่วไปไม่ได้
00:04:35 → 00:04:38 อันตรายถึงแก่ชีวิตแต่อาจจะต้องใช้เวลาใน
00:04:38 → 00:04:41 การรักษานานซึ่งอาจจะนำไปสู่เรื่องของ
00:04:41 → 00:04:44 ทุพพลภาพของผู้ป่วยได้อย่างที่กล่าวไป
00:04:44 → 00:04:48 แล้วว่าโรคไข้ดินมีความคล้ายโรคติดเชื้อ
00:04:48 → 00:04:51 อื่นๆการวินิจฉัยโรคนี้จึงทำได้โดยการ
00:04:51 → 00:04:55 เพ้อเชื้อจากเลือดหรือสิ่งส่งตรวจเช่น
00:04:55 → 00:04:58 เสมหะหนองจากฝีและปัจจุบันมีการตรวจระดับ
00:04:59 → 00:05:02 โมเลกุลซึ่งทำให้การวินิจฉัยรวดเร็วมาก
00:05:02 → 00:05:05 ยิ่งขึ้นได้รู้จักโรคไข้ดินกันไปแล้วนะคะ
00:05:05 → 00:05:08 และในช่วงนี้นะคะเราจะไปพูดคุยกับแพทย์
00:05:08 → 00:05:12 ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของโรคค่ายดิน
00:05:12 → 00:05:15 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:05:15 → 00:05:16 เลยนะ
00:05:16 → 00:05:22 [เพลง]
00:05:22 → 00:05:27 คะโรคไข้ดินมีสาเหตุเกิดจากอะไรคะโรคไข้
00:05:27 → 00:05:30 ดินหรือว่าโรคเมดินะคะก็คือเกิดจากการติด
00:05:30 → 00:05:31 เชื้อแบคทีเรียชนิดนึงค่ะชื่อว่า
00:05:31 → 00:05:35 แบคทีเรียเอ่อเคียสดายค่ะซึ่งแบคทีเรีย
00:05:35 → 00:05:38 ชนิดนี้เนี่ยจะพบได้บ่อยนะคะในบริเวณดิน
00:05:38 → 00:05:41 แล้วก็น้ำค่ะอุบัติการณ์ของโรคไข้ดินเป็น
00:05:41 → 00:05:43 อย่างไรบ้างคะจริงๆโรคค้ดินเนี่ยก็พบเป็น
00:05:43 → 00:05:46 ปัญหาของหลายประเทศด้วยกันนะคะมีรายงานใน
00:05:46 → 00:05:48 แถบเอ่อประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
00:05:48 → 00:05:51 แล้วก็ในเแถบแถบภาคเหนือของทวิป
00:05:51 → 00:05:53 ออสเตรเลียค่ะรวมถึงในประเทศไทยเนี่ยจริง
00:05:53 → 00:05:56 ๆพบได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยนะคะแต่
00:05:56 → 00:05:58 ว่าจะพบมากที่บริเวณเอ่อแถบภาคตะวันออก
00:05:58 → 00:06:01 เฉียงเหนือค่ะแล้วก็ภาคใต้ค่ะโดยผู้ป่วย
00:06:01 → 00:06:03 60 -95 per เนี่ยจะเป็นผู้ป่วยชาวไร่
00:06:03 → 00:06:06 ชาวนาที่สัมผัสกับดินแล้วก็น้ำบ่อยๆค่ะ
00:06:06 → 00:06:09 แล้วก็พบมากในช่วงฤดูฝนค่ะใครคือกลุ่ม
00:06:09 → 00:06:12 เสี่ยงคะที่จะเป็นโรคไข้ดินกลุ่มเสี่ยงก็
00:06:12 → 00:06:14 คืออย่างที่ได้เก่าไปก็จะเป็นผู้ที่
00:06:14 → 00:06:16 สัมผัสน้ำแล้วก็ดินบ่อยๆนะคะเป็นเวลานาน
00:06:16 → 00:06:18 แล้วก็นอกจากนี้ก็จะเป็นผู้ป่วยกลุ่ม
00:06:18 → 00:06:21 เสี่ยงโรคเรื้อรังค่ะเช่นพวกโรคไต้โรคเบา
00:06:21 → 00:06:24 หวานค่ะโรคปอดโรควัณโรคนะคะแล้วก็ผู้ป่วย
00:06:24 → 00:06:26 ที่มีกินยากดภูมิมีภาวะภูมิคุ้มกันบก
00:06:26 → 00:06:28 พร่องถ้าสมมุติว่าเรามีโรคประจำตัวเนี่ย
00:06:28 → 00:06:30 ก็จะทำให้เราติดเชื้อเนี่ยได้ง่ายขึ้นค่ะ
00:06:30 → 00:06:32 แล้วก็อาการถ้าเราเป็นเนี่ยอาจจะมีอาการ
00:06:32 → 00:06:34 ที่รุนแรงกว่าคนปกติได้แล้วก็จะทำให้เกิด
00:06:34 → 00:06:37 ภาวะแทรกซอได้เยอะโรคไข้ดินค่ะอาจารย์
00:06:37 → 00:06:40 เข้าสู่ร่างกายได้ทางใดบ้างไข้ดินเนี่ย
00:06:40 → 00:06:42 สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทางด้วยกันนะ
00:06:42 → 00:06:44 คะ 1 เนี่ยก็คือทางบาดแผลที่บริเวณผิว
00:06:44 → 00:06:47 หนังค่ะเชื้อโรคเข้าไปหรือว่า 2 เนี่ยก็
00:06:47 → 00:06:49 คือดื่มน้ำหรือว่าอาหารค่ะที่ปนเปื้อน
00:06:49 → 00:06:52 เชื้อแล้วก็ 3 เนี่ยก็คือเอ่อมีการสูด
00:06:52 → 00:06:55 ละอองฝุ่นที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไปค่ะ
00:06:55 → 00:06:58 อาการของโรคไข้ดินเป็นอย่างไรคะและแบ่ง
00:06:58 → 00:07:00 ได้เป็นกี่กลุ่มจริงๆอาการของโรคไข้ดิน
00:07:00 → 00:07:02 เนี่ยไม่จำเพาะนะคะระยะฟักตัวเจริงๆเป็น
00:07:02 → 00:07:05 ได้ตั้งแต่ 1-21 วันเลยค่ะคนไข้ส่วนมาก
00:07:05 → 00:07:08 เนี่ย 90% จะมาโรงพยาบาลตอนที่มีอาการแต่
00:07:08 → 00:07:10 ว่าอีก 10% อาจจะเป็นพวกอาการเรื้อรังค่ะ
00:07:10 → 00:07:12 หรือบางคนเนี่ยไม่ได้แสดงอาการมานานๆเลย
00:07:12 → 00:07:14 ก็เพิ่งมาแสดงอาการตอนที่มีภูมิคุ้มกัน
00:07:14 → 00:07:16 ที่เราตกลงไปอ่ะค่ะอาการเนี่ยส่วนมากก็
00:07:16 → 00:07:19 คือจะมีเรื่องของไข้เรื้อรังค่ะอาจจะมีฝี
00:07:19 → 00:07:22 หรือว่าเป็นก้อนตุ่มหนองขึ้นมาที่บริเวณ
00:07:22 → 00:07:24 ร่างกายได้ค่ะแล้วก็อาจจะมีต่อมน้ำเหลือง
00:07:24 → 00:07:27 โตได้ค่ะนอกจากนี้ก็ยังจะสามารถติดเชื้อ
00:07:27 → 00:07:29 ไปที่บริเวณอวัยวะต่างๆได้เช่นกันเช่นพวก
00:07:29 → 00:07:33 พวกที่ปอดที่ไตตับม้ามค่ะแล้วก็กระดูกและ
00:07:33 → 00:07:35 ข้อด้วยนะคะแล้วก็รุนแรงที่สุดก็คือเชื้อ
00:07:35 → 00:07:37 เนี่ยเข้าสู่กระแสเลือดไปอ่ะค่ะซึ่งอัน
00:07:37 → 00:07:38 นี้ก็จะทำให้มีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อน
00:07:38 → 00:07:41 ข้างเยอะที่มาส่วนมากเลยก็จะเป็นไข้แต่
00:07:41 → 00:07:43 ว่าเนื่องจากว่าเชื้อมันสามารถติดไปที่
00:07:43 → 00:07:45 อวัยวะอื่นๆได้ด้วยมันก็อาจจะมีอาการตาม
00:07:45 → 00:07:48 อวัยวะนั้นๆเช่นถ้ามันนี้เข้าไปที่ปอดอ่ะ
00:07:48 → 00:07:51 ค่ะก็จะมีเรื่องของปอดอักเสบได้อาการของ
00:07:51 → 00:07:54 โรคบางกลุ่มค่ะอาจารย์คล้ายกับวรรณโรค
00:07:54 → 00:07:57 แล้วเราจะแยกได้อย่างไรคะจริงๆถ้าแค่จาก
00:07:57 → 00:07:58 อาการน่ะค่ะอาจจะไม่ได้สามารถแยกได้ชัด
00:07:58 → 00:08:00 เจนขนาดนั้นเพราะว่าจริงๆเหมือนกับ
00:08:00 → 00:08:03 วรรณโรคก็คือจะเป็นไข้เรื้อรังได้มีไอ
00:08:03 → 00:08:05 เบื่ออาหารน้ำหนักลดได้ถ้าเชื้อมันเข้าไป
00:08:05 → 00:08:07 ที่ปอดค่ะหรือว่าจริงๆอาจจะทำให้เกิดเป็น
00:08:07 → 00:08:09 ฝีเป็นตุ่มหนองต่อมน้ำเหลืองก็โตได้
00:08:09 → 00:08:11 เหมือนกันเหมือนวรรณโรคเลยค่ะทีเนี้ถ้า
00:08:11 → 00:08:13 เกิดว่าแยกจากอาการอย่างเดียวอ่ะคงไม่ได้
00:08:14 → 00:08:15 ค่ะก็คือถ้าสมมุติว่าเริ่มมีอาการที่
00:08:15 → 00:08:17 สงสัยโรคติดเชื้อ 2 โรคเค่ะอาจจะต้องมาพบ
00:08:18 → 00:08:20 แพทย์เพื่อที่จะมาตรวจแยกโรคให้มันถูก
00:08:20 → 00:08:22 ต้องเพราะว่ายารักษาเนี่ยไม่เหมือนกันคน
00:08:22 → 00:08:24 ไข้มาหาส่วนใหญ่เลยค่ะก็จะเป็นไข้นี่แหละ
00:08:24 → 00:08:26 เป็นไข้สูงเลยจริงๆอาจจะ 38 กว่า 39 เลย
00:08:26 → 00:08:29 อ่ะค่ะแล้วก็เป็นไข้เรื้อรังแล้วหาสาเหตุ
00:08:29 → 00:08:31 ไม่เจเจอนะคะก็คืออาจเราก็อาจจะไม่ได้มี
00:08:31 → 00:08:33 อาการอื่นร่วมแบบชัดเจนมากเช่นไม่ได้มีไอ
00:08:33 → 00:08:36 น้ำมูกเจ็บคอหรือปวดม้วยตามตัวอะไรชัดเจน
00:08:36 → 00:08:39 ค่ะเอ่อเพราะว่าออย่างที่โลกเนี้มันอาจจะ
00:08:39 → 00:08:41 ทำให้เกิดฝีบริเวณต่างๆในอวัยวะข้างใน
00:08:41 → 00:08:43 เพราะฉะนั้นเนี่ยมันอาจจะค่อนข้างยากที่
00:08:43 → 00:08:45 จะแสดงอาการออกมาชัดเจนข้างนอกอค่ะถ้า
00:08:45 → 00:08:47 เป็นไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุค่ะก็ควรที่จะมา
00:08:47 → 00:08:49 ตรวจเพื่อที่จะดูว่าจริงๆแล้วมันเรามี
00:08:49 → 00:08:52 อะไรซ่อนอยู่ข้างในร่างกายหรือเปล่าค่ะ
00:08:52 → 00:08:55 แล้วก็จริงๆอาการไม่ค่อยจำเพาะเป็นได้ทุก
00:08:55 → 00:08:57 อย่างเลยเช่นแบบบางคนมีแบบข้อบวมข้อ
00:08:57 → 00:08:59 อักเสบมาอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็อาจจะเป็นโรค
00:08:59 → 00:09:01 ก็ได้เหมือนกันค่ะถ้าเราเป็นกลุ่มเสียง
00:09:01 → 00:09:04 ที่เราโดนน้ำลุยดินบ่อยๆหรือว่าเป็นกลุ่ม
00:09:04 → 00:09:06 เสียงที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังอยู่แล้วจะ
00:09:06 → 00:09:09 ทำให้ติดเชื้อเนี่ยได้ง่ายขึ้นจะวินิจฉัย
00:09:09 → 00:09:12 โรคไข้ดินได้อย่างไรคะปกติก็คือดูอาการ
00:09:12 → 00:09:14 แล้วก็กลุ่มเสี่ยงก่อนนะคะแล้วก็ถ้าเรา
00:09:14 → 00:09:16 สงสัยเนี่ยการวินิจฉัยเนี่ยจะต้องใช้การ
00:09:16 → 00:09:18 ตรวจทางห้องปฏิบัติการช่วยก็คือจะเป็นการ
00:09:18 → 00:09:21 เพาะเชื้อแบคทีเรียตัวเค่ะซึ่งจะใช้เวลา
00:09:21 → 00:09:23 เพาะประมาณ 2-5 วันนะคะแล้วก็หลังจากที่
00:09:23 → 00:09:25 เราได้เชื้อเชื้อมันขึ้นแล้วเนี่ยก็จะมี
00:09:25 → 00:09:28 การทดสอบทางชีวเคมีเพื่อดูเรื่องของชนิด
00:09:28 → 00:09:30 ของเชื้อแล้วก็ดูเรื่องของการตอบสนองต่อ
00:09:30 → 00:09:33 ยาปฏิชีวนะค่ะถ้าเป็นโรคไข้ดินแล้วจะมี
00:09:33 → 00:09:37 อันตรายและภาวะแทรกซ้อนอะไรได้บ้างคะไข้
00:09:37 → 00:09:39 ดินเนี่ยสามารถที่จะติดเชื้อไปตามอว
00:09:39 → 00:09:41 อวัยวะต่างๆที่ได้บอกไปนะคะเพราะฉะนั้น
00:09:41 → 00:09:43 เนี่ยอาจจะทำให้มีเรื่องของปอดอักเสบได้
00:09:43 → 00:09:46 ค่ะมีเรื่องของกระดูกและข้ออักเสบได้เป็น
00:09:46 → 00:09:49 เยื้อหุ้มสมองอักเสบได้นะคะเป็นฝีต่างๆ
00:09:49 → 00:09:52 ตรงในตับในม้ามได้แล้วก็อาจจะมีรุนแรงเลย
00:09:52 → 00:09:54 ก็คือเข้ากระแสเลือดไปอ่ะค่ะซึ่งก็จะทำ
00:09:54 → 00:09:56 ให้มีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อนข้างเยอะ
00:09:56 → 00:09:57 แล้วพอสมมุติเราติดเชื้อกระแสเลือดแล้ว
00:09:58 → 00:10:00 เนี่ยก็จะทำให้มีภาวะแทรกซอเช่นพวกไตวย
00:10:00 → 00:10:02 เฉียบพลันได้หรือว่าอวัยวะอื่นๆเนี่ยล้ม
00:10:02 → 00:10:06 เหลวตามมาได้ค่ะโรคไข้ดินรักษาได้อย่างไร
00:10:06 → 00:10:09 คะการรักษาเนี่ยก็จะเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะ
00:10:09 → 00:10:11 นะคะซึ่งเอ่อในโลกนี้เนี่ยก็จะแบ่งการ
00:10:11 → 00:10:13 รักษาออกเป็น 2 ช่วงช่วงแรกเนี่ยจะเป็น
00:10:13 → 00:10:15 การรักษาช่วงแรกเนี่ยจะใช้ยาค่าเชื้อ
00:10:15 → 00:10:19 ปฏิชีวนะนะคะทั้งหมดเนี่ย 10-14 วันค่ะ
00:10:19 → 00:10:22 แล้วก็ดูว่าถ้าไข้ลงดีเกิน 48 ชั่วโมง
00:10:22 → 00:10:23 เป็นต้นไปอ่ะค่ะก็จะมีการเปลี่ยนยาให้
00:10:23 → 00:10:26 เป็นยากินนะคะแล้วก็กินยาต่อยัยาปฏิชีวะ
00:10:26 → 00:10:29 เนี่ยต่ออีกประมาณ 12-20 สัปดาห์ค่ะค่ะ
00:10:29 → 00:10:31 เพื่อที่จะฆ่าเชื้อให้หมดแล้วก็จะป้องกัน
00:10:31 → 00:10:34 การกลับเป็ดซ้ำฝากถึงการป้องกันให้ห่าง
00:10:34 → 00:10:37 ไกลจากโรคไข้ดินค่ะอาจารย์การป้องกัน
00:10:37 → 00:10:39 เนี่ยเนื่องจากว่ามันติดจากพวกดินแล้วก็
00:10:39 → 00:10:42 น้ำนะคะแล้วก็เอ่อฝุ่นละอองที่ปนเปื้อน
00:10:42 → 00:10:43 เนี่ยค่ะก็คือการป้องกันแล้วก็จะต้อง
00:10:43 → 00:10:46 พยายามอย่าลุยน้ำค่ะอย่าย่ำโคลนแล้วก็ถ้า
00:10:46 → 00:10:48 สมมุติว่าเราต้องมีการสัมผัสดินหรือว่า
00:10:48 → 00:10:50 น้ำที่เป็นเวลานานก็ควรที่จะต้องใส่
00:10:50 → 00:10:52 เครื่องป้องกันนะเช่นรองเท้าบูทอาจจะมี
00:10:52 → 00:10:54 ถุงมือยางค่ะกางเกงขายาวแล้วก็อาจจะเป็น
00:10:54 → 00:10:57 ชุดที่ลุยน้ำได้นะคะแล้วก็ถ้าสมมุติว่า
00:10:57 → 00:10:59 เรามีแผลเนี่ยก็ควรที่จะทำแผลให้สะอาดนะ
00:10:59 → 00:11:02 คะแล้วก็หลีกเลี่ยงการโดนน้ำลุยดินในกรณี
00:11:02 → 00:11:04 ที่แผลมันยังไม่ได้แห้งสนิทแล้วก็พยายาม
00:11:04 → 00:11:08 ที่จะดื่มน้ำเอ่อกินอาหารที่สุขสะอาดนะคะ
00:11:08 → 00:11:10 แล้วก็สุดท้ายเลยก็คือถ้าเราเป็นกลุ่ม
00:11:10 → 00:11:12 เสี่ยงอยู่แล้วที่มีโรคประจำตัวเนี่ยเรา
00:11:12 → 00:11:14 ก็ควรที่จะต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดีค่ะก็
00:11:14 → 00:11:16 ควรที่จะควบคุมโรคประจำตัวของเราให้ดี
00:11:16 → 00:11:18 เช่นถ้าเป็นเบาหวานเนี่ยก็ควรที่จะควบคุม
00:11:18 → 00:11:20 น้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและสุด
00:11:20 → 00:11:23 ท้ายค่ะอยากให้อาจารย์ฝากถึงคุณผู้ชมใน
00:11:23 → 00:11:26 การดูแลตัวเองในช่วงหน้าฝนค่ะในช่วงหน้า
00:11:26 → 00:11:28 ฝนนะคะก็จะทำให้เราเนี่ยมีโอกาสติดเชื้อ
00:11:28 → 00:11:31 ได้จากหลายๆโรคนะคะก็คือเอ่ออากาศเนี่ย
00:11:31 → 00:11:34 มันชื้นแล้วก็จะมีพวกไวรัสแบคทีเรียอะไร
00:11:34 → 00:11:35 ที่มันล่องลอยอยู่ในอากาศทำให้เราติด
00:11:35 → 00:11:37 เชื้อเข้าไปได้ง่ายขึ้นนะคะส่วนมากเนี่ย
00:11:37 → 00:11:39 จริงๆอาจจะพบในเป็นช่วงเกี่ยวกับเอ่อโรค
00:11:39 → 00:11:41 ทางเดินหายใจเป็นหลักเช่นอาจจะเป็นไข้วัด
00:11:41 → 00:11:43 ใยโควิด- 199 นะคะหรืออาจจะเป็นปลอดบวม
00:11:43 → 00:11:46 ปอดอักเสบได้นะคะแล้วก็นอกจากนั้นเนี่ย
00:11:46 → 00:11:48 ยังอาจจะติดพวกที่มาจากยุงค่ะเช่นพวกไข้
00:11:49 → 00:11:51 เลือดออกนะคะแล้วก็ถ้าเป็นจากน้ำขังเนี่ย
00:11:51 → 00:11:54 อาจจะมีพวกฉี่หนูหรืออาจจะมีไข้ดินอย่าง
00:11:54 → 00:11:56 ที่เราได้กล่าวมาแล้วได้นะคะเพราะฉะนั้น
00:11:56 → 00:11:58 เนี่ยการดูแลรักษาเบื้องเอ่อดูแลตัวเอง
00:11:58 → 00:12:01 เบื้องต้นเลยเนี่ยก็คือการทำให้สุขภาพเรา
00:12:01 → 00:12:03 แข็งแรงคะเป็นการแบบสร้างภูมิคุ้มกันให้
00:12:03 → 00:12:06 เรามีได้ปกตินะคะก็คือการอ่าพักผ่อนให้
00:12:06 → 00:12:09 เพียงพอดื่มน้ำสะอาดนะคะแล้วก็รับประทาน
00:12:09 → 00:12:12 อาหารที่ปรุงสุกค่ะแล้วก็ออกกำลังกายนะคะ
00:12:12 → 00:12:14 รวมไปถึงการใส่แมสแล้วก็ล้างมือบ่อยๆด้วย
00:12:14 → 00:12:16 ค่ะอันนี้ก็จะเป็นเบื้องต้นที่จะทำให้เรา
00:12:16 → 00:12:18 สามารถป้องกันได้นะคะส่วนเรื่องอ่าไข้
00:12:19 → 00:12:20 เลือดออกเนี่ยก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงอย่า
00:12:20 → 00:12:23 ให้ยุงกัดนะคะแล้วก็เรื่องของการพวกชีนู
00:12:23 → 00:12:24 พวกการติดเชื้อที่มากับน้ำกับดินเนี่ยก็
00:12:24 → 00:12:27 คือที่จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปลุยน้ำ
00:12:27 → 00:12:29 บ่อยๆหรือว่าจะต้องใส่รองเท้าที่มันป้อง
00:12:29 → 00:12:31 กันได้ซึ่งนอกจากจะป้องกันพวกเชื้อโรค
00:12:31 → 00:12:33 แล้วก็ยังต้องป้องกันพวกแบบสัตว์มีพิษ
00:12:33 → 00:12:35 อะไรของมีคมอะไรที่มันจะอยู่ในน้ำที่เรา
00:12:35 → 00:12:38 ไม่เห็นได้ด้วยค่ะขอบพระคุณอาจารย์ที่มา
00:12:38 → 00:12:40 ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคไข้
00:12:40 → 00:12:44 ดินค่ะในช่วงนี้นะคะเราจะไปรู้กับวิธีใน
00:12:44 → 00:12:47 เรื่องของการรับประทานขิงเพื่อที่จะเสริม
00:12:47 → 00:12:51 ภูมิคุ้มกันปรับตัวรับหน้าฝนกันค่ะฤดูฝน
00:12:51 → 00:12:54 ของประเทศไทยเป็นฤดูกาลที่ต่อเนื่องจาก
00:12:54 → 00:12:57 ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
00:12:57 → 00:13:01 ไปจนถึงเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน
00:13:01 → 00:13:04 จึงถือว่าเป็นฤดูกาลที่มีระยะเวลายาวนาน
00:13:04 → 00:13:07 ที่สุดโดยในช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่อากาศ
00:13:07 → 00:13:10 ค่อนข้างแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงง่ายซึ่ง
00:13:10 → 00:13:13 อาจส่งผลให้ภูมิต้านทานในร่างกายต่ำลงและ
00:13:13 → 00:13:17 ยังมีโอกาสทำให้ร่างกายผิดปกติเกิดอาการ
00:13:17 → 00:13:20 เจ็บป่วยได้ง่ายการใช้สมุนไพรไทยใกล้ตัว
00:13:20 → 00:13:23 อย่างขิงจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่นิยมใช้
00:13:23 → 00:13:27 เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันในหน้าฝนขิงเป็น
00:13:27 → 00:13:30 สมุนไพรที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมีฤทธิ์
00:13:30 → 00:13:32 ร้อนช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
00:13:32 → 00:13:36 ค่ะขิงมีคุณสมบัติในการช่วยต้านไข้หวัด
00:13:36 → 00:13:39 นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการช่วยแก้อาการ
00:13:39 → 00:13:42 ท้องอืดท้องเฟ้อช่วยขับลมโดยสามารถนำมา
00:13:42 → 00:13:46 ปรุงอาหารได้หลากหลายเช่นไก่ผัดขิงหมูผัด
00:13:46 → 00:13:50 ซอสขิงหรือจะนำมาต้มเป็นน้ำขิงก็สามารถทำ
00:13:50 → 00:13:54 ได้เช่นกันขิงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดย
00:13:54 → 00:13:58 เฉพาะรสและกลิ่นจากการศึกษาวิจัยพบว่าขิง
00:13:58 → 00:14:01 มีน้ำมันระเหยง่ายและสารสำคัญหลายชนิดที่
00:14:01 → 00:14:05 ทำให้ขิงมีกลิ่นฉุนรสเผ็ดร้อนขิงช่วยแก้
00:14:05 → 00:14:08 หวัดบรรเทาอาการน้ำมุกไหลอาการคลื่นเฮี้น
00:14:08 → 00:14:12 เจ็บคอไอและมีเสมหะขิงค่ะสามารถรับประทาน
00:14:12 → 00:14:15 ได้ทั้งสดและแห้งนะคะกรณีที่อยากรับ
00:14:15 → 00:14:18 ประทานสดต้องเป็นขิงแก่ค่ะและต้องรับ
00:14:18 → 00:14:22 ประทานประมาณ 5 กรัมค่ะล้างให้สะอาดทุบ
00:14:22 → 00:14:26 ให้แตกต้มดื่มครั้งละเ 1 สด 3 ถ้วยแก้ว
00:14:26 → 00:14:31 วันละ 3 ครั้งหลังอาหารหรือฝานขิงสด 4-5
00:14:31 → 00:14:35 แว่นเคี้ยวกินหรือชงเป็นชาดื่มโดยนำขิงมา
00:14:35 → 00:14:38 ปอกเปลือกล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นใส่
00:14:38 → 00:14:42 หม้อที่เตรียมน้ำไว้ตั้งไฟต้มจนเดือดยกลง
00:14:42 → 00:14:46 กรองเอาขิงออกชิมรสตามชอบดื่มวันละ 3-4
00:14:46 → 00:14:49 ครั้งข้อควรระวังสำหรับการใช้ขิงคือการ
00:14:50 → 00:14:52 ใช้ร่วมกับยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของ
00:14:52 → 00:14:55 เลือดยาละลายลิ่มเลือดและผู้ป่วยที่มี
00:14:55 → 00:14:58 ปัญหาเรื่องการจับตัวของเกล็ดเลือดและไม่
00:14:58 → 00:15:02 ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหานิ่วในถุงน้ำดี
00:15:02 → 00:15:07 สรุปแล้วรับประทานขิงดีหรือไม่แม้ว่าขิง
00:15:07 → 00:15:10 จะไม่ได้ช่วยป้องกันโรคแต่มีงานวิจัยหลาย
00:15:10 → 00:15:13 ๆชิ้นที่บอกว่าขิงนั้นมีสารต้านอนุมูล
00:15:13 → 00:15:17 อิสระและสารต้านการอักเสบอยู่มากมายโดยพบ
00:15:17 → 00:15:20 ว่าคิงสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้าม
00:15:20 → 00:15:23 เนื้อหลังจากการออกกำลังกายได้นอกจากนี้
00:15:23 → 00:15:26 สารในขิงบางตัวยังทำหน้าที่ป้องกันการ
00:15:26 → 00:15:29 เจริญเติบโตและการกลายพันธุ์ของเมะเร็ง
00:15:29 → 00:15:32 ได้หลากหลายชนิดแต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการ
00:15:32 → 00:15:35 วิจัยในระดับหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่า
00:15:35 → 00:15:38 นั้นและต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกสรุป
00:15:38 → 00:15:42 แล้วควรรับประทานคิงดีหรือไม่คำตอบคือรับ
00:15:42 → 00:15:45 ประทานได้ค่ะและรับประทานได้ดีด้วยควรรับ
00:15:45 → 00:15:48 ประทานจากอาหารธรรมชาติเป็นหลักเช่นต้ม
00:15:48 → 00:15:52 น้ำขิงดื่มแทนน้ำหวานน้ำอัดลมหรือชาหวาน
00:15:52 → 00:15:55 ต่างๆโดยที่เราต้องไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำ
00:15:55 → 00:15:59 ผึ้งมากเกิน 1 ช้อนชาต่อแก้วต่อวันหรือ
00:15:59 → 00:16:02 อาจจะนำขิงไปผัดคู่กับเนื้อสัตว์ประเภท
00:16:02 → 00:16:06 ต่างๆเช่นปลาผัดขิงก็จะได้คุณค่าทาง
00:16:06 → 00:16:09 โภชนาการที่ดียิ่งขึ้นต้องบอกว่าสมุนไพร
00:16:09 → 00:16:13 ไทยเป็นมรดกทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทย
00:16:13 → 00:16:16 อย่างหนึ่งที่มีการนำเอาพืชสมุนไพรพื้น
00:16:16 → 00:16:19 บ้านมาเป็นยารักษาโรครวมถึงนำมาใช้ในการ
00:16:20 → 00:16:23 ป้องกันหรือรักษาอาการเจ็บป่วยโดยเฉพาะ
00:16:23 → 00:16:27 อย่างยิ่งในฤดูฝนมีสมุนไพรไทยหลายชนิดที่
00:16:27 → 00:16:30 ช่วยในการป้องกันช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและ
00:16:30 → 00:16:33 ป้องกันโรคหวัดได้นอกจากนี้นะคะยังมี
00:16:33 → 00:16:37 สมุนไพรอื่นๆที่ช่วยต้านหวัดในช่วงหน้าฝน
00:16:37 → 00:16:40 มีดังต่อไปนี้ค่ะมะขามป้อมรู้หรือไม่ว่า
00:16:40 → 00:16:44 ผลไม้อย่างมะขามป้อมนั้นมีวิตามินซีสูง
00:16:44 → 00:16:47 กว่าส้มถึง 3 เท่าและยังเป็นหนึ่งในตำรับ
00:16:47 → 00:16:51 ยาที่ช่วยบรรเทาอาการไอคันคอเจ็บคอมี
00:16:51 → 00:16:54 เสมหะพริกไทยนอกจากจะเพิ่มความเผ็ดร้อน
00:16:54 → 00:16:57 ให้กับอาหารแล้วยังมีสรรพคุณในการช่วยขับ
00:16:57 → 00:17:01 เสมหะแก้อายแก้เจ็บคอทำให้จมูกโลงจนหาย
00:17:01 → 00:17:04 จากอาการคัดจมูกและไข้หวัดที่สำคัญผู้ที่
00:17:04 → 00:17:08 เป็นไข้หวัดหากรับประทานพริกไทยดำจะช่วย
00:17:08 → 00:17:11 ในการขับเหงื่อและช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย
00:17:11 → 00:17:14 ได้ตะไคร้เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรใกล้ตัวที่
00:17:14 → 00:17:17 มีประโยชน์ในช่วงหน้าฝนโดยเป็นสมุนไพรที่
00:17:17 → 00:17:20 มีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านอนุมูล
00:17:21 → 00:17:24 อิสระแก้อักเสบและต้านไข้หวัดได้สรรพคุณ
00:17:25 → 00:17:29 ของรากตะไคร้ช่วยบำรุงธาตุขับปัสสาวะแก้
00:17:29 → 00:17:32 ขัดเบาแก้นิ่วรวมถึงรักษากลักเลื่อนได้
00:17:32 → 00:17:36 อีกด้วยโดยสามารถนำต้นตระไคร้มาต้มกับน้ำ
00:17:36 → 00:17:39 สะอาดเพื่อจิบบ่อยๆได้ตลอดทั้งวัน
00:17:39 → 00:17:42 กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรค
00:17:43 → 00:17:46 หวัดมาอย่างยาวนานเนื่องจากมีสรรพคุณใน
00:17:46 → 00:17:49 การต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียส่งเสริม
00:17:49 → 00:17:52 ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนอกจากนี้ยัง
00:17:52 → 00:17:55 ช่วยลดอาการคัดจมูกช่วยกำจัดเชื้อราที่
00:17:55 → 00:17:59 โรงจมูกลดอาการหวัดน้ำมูกไหลคลายเมือกที่
00:17:59 → 00:18:03 พรงจมูกทำให้หายใจได้สะดวกมากขึ้นได้รู้
00:18:03 → 00:18:06 จักสมุนไพรทายใกล้ตัวแล้วอย่างไรก็ดีคุณ
00:18:06 → 00:18:09 ผู้ชมลองหามาปรุงอาหารเพื่อรับประทานเป็น
00:18:09 → 00:18:12 ตัวช่วยช่วงหน้าฝนนี้ในการต้านหวัดลดการ
00:18:12 → 00:18:15 เจ็บป่วยและเสริมสร้างเกราะภูมิคุ้มกัน
00:18:15 → 00:18:18 ที่ดีให้ร่างกายนะคะเป็นอย่างไรกันบ้างคะ
00:18:18 → 00:18:22 กับสาระสุขภาพดีๆที่ TNN He นำมาฝากคุณ
00:18:22 → 00:18:24 ผู้ชมกันในวันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณ
00:18:24 → 00:18:28 ผู้ชมจะสามารถนำสาระสุขภาพดีๆที่ได้นะคะ
00:18:28 → 00:18:31 ไปดูแลตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัยห่าง
00:18:31 → 00:18:34 ไกลจากโรคร้ายกันค่ะและขอขอบคุณคุณผู้ชม
00:18:34 → 00:18:37 นะคะที่ติดตามรับชมรายการ TNN He มาตลอด
00:18:37 → 00:18:40 ทั้งรายการเลยคุณผู้ชมสามารถติดตามรับชม
00:18:40 → 00:18:43 รายการ TNN Health ได้เป็นประจำนะคะทุก
00:18:43 → 00:18:48 วันเสาร์ค่ะเวลาดี 15:00 น- 15:30 นที่
00:18:48 → 00:18:51 นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะที่สำคัญค่ะต้องไม่
00:18:51 → 00:18:54 ลืมนะคะกดไลคกดแชร์กด Subscribe กด
00:18:54 → 00:18:57 กระดิ่งติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้หมอดาว
00:18:57 → 00:18:59 และทีมงาน TNN Health ในช่องทางโซเชียล
00:18:59 → 00:19:01 Network ต่างๆไม่ว่าจะเป็น YouTube
00:19:01 → 00:19:04 tiktok Facebook Instagram และ LINE
00:19:04 → 00:19:06 official ค่ะเพื่อที่จะเข้าถึงทุการะ
00:19:06 → 00:19:09 สุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปด้วย
00:19:09 → 00:19:12 กันและสำหรับวันนี้นะคะหมอดาวและทีมงาน
00:19:12 → 00:19:15 TNN He ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อน
00:19:15 → 00:19:19 สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
00:19:19 → 00:19:28 [เพลง]
00:19:28 → 00:19:32 เ
00:19:32 → 00:19:46 [เพลง]