00:00:01 → 00:00:12 [เพลง]
00:00:12 → 00:00:16 อาจารย์ครับอืเอ่อเรานัดกันว่าจะพาพามาดู
00:00:16 → 00:00:18 เครื่องเเลที่ต้องกลืนแป้งแต่นี่มันเป็นเ
00:00:18 → 00:00:21 เรียกเป็นสีเฮะสีแดงสีขาวมันเป็นน้ำคือ
00:00:21 → 00:00:23 อะไรครับอาจารย์ครับอันนี้จริงๆก็คือแป้ง
00:00:23 → 00:00:26 อ่ะครับะแป้งสำหรับผู้ป่วยที่จะใช้กลืน
00:00:26 → 00:00:28 ครับสีขาวๆที่เห็นอยู่เนี่ยครับสมัยนี้
00:00:28 → 00:00:31 เป็นน้ำแล้วครับก็ดื่มได้เลยดื่มได้เลย
00:00:31 → 00:00:33 ครับผสมมาเสร็จไอ้แป้งที่ว่าที่เราเห็น
00:00:33 → 00:00:35 เนี่ยเดี๋ยวนี้เป็นของเหลวละใช่มันมีชื่อ
00:00:36 → 00:00:37 ว่าอะไรครับไอ้แป้งนี้ครับชื่อ
00:00:37 → 00:00:41 แบเรียมซัลเฟตครับแบเรียมซัลเฟตใช่ครับ
00:00:41 → 00:00:43 มันมีผลยังไงเมื่อทานเข้าไปแล้วครับกับ
00:00:43 → 00:00:45 เครื่องเกรยครับแบเรียมนี่ก็จัดว่าเป็น
00:00:45 → 00:00:48 โลหะชนิดหนึ่งในตามตารางธาตุนะครับทาง
00:00:48 → 00:00:52 เคมีซึ่งเมื่อทานเข้าไปก็จะทึบรังสีครับ
00:00:52 → 00:00:54 สามารถที่จะเกิดความแตกต่างระหว่างเนื้อ
00:00:54 → 00:00:56 เยื่อได้เนื้อเยื่อของเราเนี่ยอ่าทำให้
00:00:56 → 00:00:59 รู้ว่าอันนี้เ่อแป้งเข้าไปเคลือบอวัยยวะ
00:00:59 → 00:01:03 ภายในเช่นหลอดอาหารกระเพาะลำไส้ครับแสดง
00:01:03 → 00:01:05 ว่าดื่มนี่แล้วปั๊บเนี่ยมันก็จะเข้าไปทำ
00:01:05 → 00:01:08 ให้เราดูในภาพฟิล์มเซเรย์แล้วเนี่ยมันออก
00:01:08 → 00:01:10 มาเป็นรูปร่างอวัยวะภายในของเราเลยอย่าง
00:01:10 → 00:01:12 งั้นเลยใช่ครับก็จะเห็นผลวินิจฉัยทแ
00:01:12 → 00:01:15 วินิจฉัยได้ครับมีพยาที่สภาพก็เห็นครับ
00:01:15 → 00:01:17 แล้วน้ำแดงนี่มาเกี่ยวอะไรครับน้ำแดงนี่
00:01:17 → 00:01:20 คือส่วนประกอบครับเราเรียนรู้มาว่าคนไข้
00:01:20 → 00:01:23 ดื่มแป้งเฉยๆได้ลำบากครับหากผสมเข้าไป
00:01:23 → 00:01:26 แล้วรสชาติกลิ่นต่างๆชวนดื่มมากขึ้นครับ
00:01:26 → 00:01:28 อ๋อขนาดนั้นเลยเหรอฮะครับลองผสมเทเข้าไป
00:01:28 → 00:01:30 ครับเหมือนนมเย็นเลยครับเอาจริงๆนะฮะครับ
00:01:30 → 00:01:33 เอาเลยครับเทเลยนะฮะหมดเลยปเทเทหมดเลยก็
00:01:33 → 00:01:34 ได้
00:01:34 → 00:01:38 ครับครับแล้วเมื่อเราเขย่าหรือว่ากวนแล้ว
00:01:38 → 00:01:41 สภาพมันก็จะเป็นสีชมพูเรื่อๆครับเหมือนนม
00:01:41 → 00:01:44 เย็นเหมือนนมเย็นแล้วก็รสชาติดีขึ้นมากที
00:01:44 → 00:01:46 เดียวหลังจากนั้นก็คนแล้วฮะครับเพื่อรส
00:01:46 → 00:01:51 ชาติที่ดีขึ้นใช่ๆครับผมเพิ่งรู้แล้วไงฮะ
00:01:51 → 00:01:54 คุณหมอครับเริ่มเห็นเป็นสีชมพูแล้วครับ
00:01:54 → 00:01:56 กลิ่นเหมือนน้ำแดงเลยคือก่อนที่จะมา
00:01:56 → 00:01:59 เซเรย์แบบเนี้ยต้องอดอาหารมาก่อนมั้ยครับ
00:01:59 → 00:02:02 ควรอดอาหารอันนี้จะแตกต่างจากการเซเรย์
00:02:02 → 00:02:04 เครื่องที่ผ่านมาใช่ครับเครื่องนี้ต้องอด
00:02:04 → 00:02:07 อาหาร 4-6 ชั่วโมงใช่ครับเพื่อให้อวัยวะ
00:02:07 → 00:02:10 ภายในกระเพาะำไส้ไม่มีมีอาหารอหารอยู่
00:02:10 → 00:02:13 เวลาที่เรากลืนไปเราจะบอกให้คนไข้กลืนไป
00:02:13 → 00:02:16 ด้วยและเราทำการบันทึกภาพหรือถ่าย xray
00:02:16 → 00:02:19 ไปด้วยครับพร้อมที่กับคนไข้กลืนแป้งกับ
00:02:19 → 00:02:20 กลืนแป้งเลยครับในเวลาเดียวกันเลยในเวลา
00:02:21 → 00:02:23 เดียวกันเพื่อให้เห็นตั้งแต่จุดเริ่มต้น
00:02:23 → 00:02:27 ว่านับตั้งแต่กินเข้าไปกลืนลงมาผ่านหลอด
00:02:27 → 00:02:29 อาหารแล้วหลอดอาหารมีการเคลื่อนไหวในลักษ
00:02:29 → 00:02:33 ขณะไหนลงสู่กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อน
00:02:33 → 00:02:35 ไหวไปตามเกณฑ์ปกติหรือไม่ออแสดงว่า
00:02:35 → 00:02:37 เครื่องนี้เป็นภาพเคลื่อนไหวเหรอฮะครับ
00:02:37 → 00:02:40 สามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้ครับอ๋อมัน
00:02:40 → 00:02:42 เป็นภาพนิ่งแต่สามารถบันทึกต่อเนื่องคือ
00:02:42 → 00:02:46 ถ่ายหลายครั้งๆๆๆๆๆอย่างงั้นจนเหมือนกับ
00:02:46 → 00:02:48 ภาพเคลื่อนไหวได้เลยครับอ่าแล้วพอเอาภาพ
00:02:48 → 00:02:50 มาต่อกันมันก็จะดูเหมือนภาพนี้เคลื่อนไหว
00:02:50 → 00:02:53 ใช่ครับมันจะเห็นอวัยวะภายในทำงานว่าถูก
00:02:53 → 00:02:55 ต้องหรือเปล่าอย่างงั้นครับถูกต้องครับ
00:02:55 → 00:02:57 ถ้าอย่างงั้นเนี่ยคนไข้เวลาเซเรย์ก็ต้อง
00:02:58 → 00:03:00 ดื่มพร้อมกับคุณหมอทำงานไปด้วยพร้อมใช่
00:03:00 → 00:03:02 ครับพร้อมกันแล้วดื่มแป้งแบบนี้เข้าไป
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยมันเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือว่าตก
00:03:04 → 00:03:06 ค้างภายในร่างกายมั้ยครับอครับถ้าแป้งแรล
00:03:06 → 00:03:09 ซัลเฟตแล้วไม่มีอันตรายต่อร่างกายเราแล้ว
00:03:09 → 00:03:13 ก็ถูกขับโดยการเ่อถ่ายออกมาตามปกติอย่าง
00:03:13 → 00:03:16 ทุกวันที่เราถ่ายออกมานี่แหละครับก็คือ
00:03:16 → 00:03:17 ร่างกายสามารถขับออกไปได้ขับออกไปได้ทั้ง
00:03:18 → 00:03:20 หมดเลยครับอ๋อปลอดภัยนะกลืนได้ไม่ต้อง
00:03:20 → 00:03:22 ห่วงไม่มีเอฟเฟคปลอดไม่มีผลครับนะครับ
00:03:22 → 00:03:25 แล้วโรคแบบไหนครับที่จะต้องอาศัยเครื่อง
00:03:25 → 00:03:27 แล้วก็การกลึงแป้งแบบนี้ครับออครับโรคที่
00:03:27 → 00:03:30 มีข้อบ่งชี้ทำนองว่ามีการเปลี่ยนแปลงของ
00:03:30 → 00:03:34 ระบบทางเดินอาหารเช่นเป็นแผลในกระเพาะแผล
00:03:34 → 00:03:37 ของหลอดอาหารหรือโรคมะเร็งตามกระเพาะลำ
00:03:37 → 00:03:41 ไส้เล็กลำไส้ใหญ่พญาซิสภาพเหล่านี้เราจะ
00:03:41 → 00:03:44 อาศัยกลืนแป้งหรือสวนแป้งทามทวารหนัก
00:03:44 → 00:03:47 เพื่อให้เห็นครบถ้วนของอ่าพยาที่ิสภาพ
00:03:47 → 00:03:51 ครับอ๋อแสดงว่าเเรียกว่าแต่ละโรคพอเรา
00:03:51 → 00:03:54 กลืนแป้งเข้าไปปั๊บมันจะบ่งบอกออกมาเป็น
00:03:54 → 00:03:56 ภาพไม่เหมือนกันเลยระหว่างคนปกติกับคน
00:03:56 → 00:04:01 เป็นโรคเหมือนใช่่ครับ
00:04:01 → 00:04:03 การกลืนแป้งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้า
00:04:04 → 00:04:06 ในการตรวจซึ่งขั้นตอนการตรวจก็ต้องฉาย
00:04:06 → 00:04:10 รังสีเซเรย์ในขณะที่คนไข้กำลังดื่มน้ำ
00:04:10 → 00:04:16 หรือแป้งแบเรียมที่ว่านี่แหละ
00:04:16 → 00:04:20 ครับเอาล่ะครับตอนนี้เราก็เเยคนไข้เรียบ
00:04:20 → 00:04:21 ร้อยแล้วนะครับคุณหมอครับแต่ทานี้ต้องบอก
00:04:21 → 00:04:24 คุณผู้ชมก่อนว่าการเซเรย์แบบเนี้ยก็จะ
00:04:24 → 00:04:26 เป็น 2 มิติเหมือนกับเครื่องเเรก่อนหน้า
00:04:26 → 00:04:30 นี้แต่เครื่องนี้พิเศษตรงที่ว่าสามาถถ่าย
00:04:30 → 00:04:33 ภาพนิ่งนี่นะฮะได้หลายช็อตเห็นบอกว่า
00:04:33 → 00:04:36 วินาทีนึงถ่ายได้ 3 ภาพ 3 ภาพครับเพราะ
00:04:36 → 00:04:38 ฉะนั้นระหว่างที่คนไข้กำลังกลื่นแป้งลงไป
00:04:38 → 00:04:40 เา้าก็จะเก็บภาพไปเรื่อยๆเก็บภาพนิ่งไป
00:04:40 → 00:04:43 เรื่อยๆแล้วสุดท้ายเอาภาพแต่ละภาพมาเรียง
00:04:43 → 00:04:46 กันใช่ครับดูติดต่อกันเราก็จะดูเหมือนภาพ
00:04:46 → 00:04:47 นั้นเคลื่อนไหว
00:04:47 → 00:04:50 ได้เพื่อที่จะดูอะไรนะฮะดูว่าลักษณะภายใน
00:04:50 → 00:04:53 ของคนไข้ปกติหรือเปล่าใช่ครับอเดี๋ยวเรา
00:04:53 → 00:04:55 มาไล่ดูทีละภาพไล่ไปเรื่อยๆเหมือนภาพ
00:04:55 → 00:04:57 เคลื่อนไหวให้คุณหมอเลื่อนเลยนะครับมัน
00:04:57 → 00:04:59 ยังไงมันจะบ่งบอกอะไรยังไงครับครับเรา
00:04:59 → 00:05:02 เริ่มต้นต้นจากบริเวณรูปนี้เป็นภาพของผู้
00:05:02 → 00:05:04 ป่วยนะครับอยู่ในท่านอนคว่ำเราจะเห็นสี
00:05:04 → 00:05:07 ขาวๆบริเวณช่องปากอันนี้ล่ะครับคือแป้ง
00:05:07 → 00:05:09 ที่ทานเข้าไปที่ตอนแรกที่คุณหมอบอกให้อม
00:05:10 → 00:05:12 เอาไว้ในปากอย่างั้นอันนี้คืออมไว้อยู่
00:05:12 → 00:05:14 ใช่ครับแล้วก็จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกัน
00:05:14 → 00:05:17 กับตัวกระดูกมีลักษณะทึบรังสีเช่นเดียว
00:05:17 → 00:05:19 กันอเพราะฉะนั้นสิ่งนี้เราจึงบางครั้ง
00:05:19 → 00:05:22 เรียกมันว่าสารทึบรังสีคือแป้งนี่แหละคือ
00:05:22 → 00:05:25 แป้งเนี่ยเป็นหนึ่งในสารทึบรังสีจากนั้น
00:05:25 → 00:05:28 มาดูการที่คนไข้กลืนนะครับเราเลื่อนภาพที
00:05:28 → 00:05:31 ละส่วนอันนี้กลืนเข้ามาตรงบริเวณส่วนของ
00:05:31 → 00:05:35 ไฮโฟซึ่งเป็นต้นทางของตัวหลอดอาหารครับ
00:05:35 → 00:05:38 แล้วก็เริ่มเห็นหลอดอาหารเป็นท่อต่ำลงมา
00:05:38 → 00:05:41 แสดงว่าหลอดอาหารของเรามันมันยืดหดได้ฮะ
00:05:41 → 00:05:43 ในส่วนนี้มันมันใหญ่นะถูกต้องครับเวลาไม่
00:05:43 → 00:05:46 มีอาหารมันก็จะแฟบขมันจะเล็กนะฮะใช่แต่พอ
00:05:46 → 00:05:49 กลืนลงไปปบมันอยู่ก็ก็จะขยายครับเอตาม
00:05:49 → 00:05:52 ลักษณะของอาหารที่เข้าไปโอ้โหครับมาลงสู่
00:05:52 → 00:05:55 ระดับช่องอกก็มีหลอดอาหารอยู่ภายในช่องอก
00:05:55 → 00:05:58 ของเรานะครับไหลลงมาลนี่อยู่ช่วงอกละใช
00:05:58 → 00:06:01 ใช่ครับอืก็ต่อลงไปเรื่อยๆก็ดูติดตามจะ
00:06:01 → 00:06:05 เห็นได้ว่าผนังของหลอดอาหารนี้เรียบดีฮะ
00:06:05 → 00:06:07 อย่างนี้กรณีนี้ไม่มีโรคอะไรอ๋อแสดงว่า
00:06:08 → 00:06:11 บางคนคนไข้บางคนที่เป็นโรคเนี่ยในหลอด
00:06:11 → 00:06:13 อาหารมันจะไม่เป็นเส้นเรียบอย่างงี้เรียบ
00:06:13 → 00:06:15 อย่างงมันจะตะปุ่มตะป่ำขึ้นมาเลยใช่ครับ
00:06:15 → 00:06:19 เป็นรอยสีดำๆขุขระไม่ราบเรียบถ้าเกิดมี
00:06:19 → 00:06:21 ตะปุ่มตะป่ำยื่นขึ้นมาอย่าเงี้ยอันนี้มี
00:06:21 → 00:06:24 ความผิดปกติใช่ครับอาจจะเป็นพวกเป็น
00:06:24 → 00:06:26 มะเร็งก็จะเป็นก้อนยื่นหรือว่าเป็นแผลของ
00:06:26 → 00:06:30 หลอดอาหารเช่นหลอดอาหารอักเสบมีแผลก็จะ
00:06:30 → 00:06:32 สามารถเห็นได้ครับซึ่งไม่เหมือนกับรูปนี้
00:06:32 → 00:06:33 เลย
00:06:33 → 00:06:36 [เพลง]
00:06:36 → 00:06:39 ครับภาพเหล่านี้เนี่ยมันมันช่วยวงการ
00:06:39 → 00:06:41 แพทย์ยังไงบ้างครับครับคือเปลี่ยนจากโรค
00:06:41 → 00:06:44 ซึ่งไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยคือบางทีถ้า
00:06:44 → 00:06:47 เราย้อนกลับไปเป็นภาพเซเรย์ทั่วไปกว่าที่
00:06:47 → 00:06:50 เราจะรู้ว่ามีกระเพาะทะลุก็ต่อเมื่อ
00:06:50 → 00:06:52 กระเพาะนั้นต้องทะลุไปเรียบร้อยจนกระทั่ง
00:06:52 → 00:06:56 มีอากาศรั่วออกมาในช่องท้องถึงจะเเรปกติ
00:06:56 → 00:06:58 แล้วเออกมาเห็นเป็นภาพว่ากระเพาะรั่วใช่
00:06:58 → 00:07:01 ครับแต่ถ้ามีมีอย่างนี้เราสามารถวินิจฉัย
00:07:01 → 00:07:04 ได้ตั้งแต่เริ่มเป็นแผลในกระเพาะเล็กๆยัง
00:07:04 → 00:07:06 ไม่ทะลุพอปวดท้องเนี่ยนะคนไข้มาเราให้
00:07:06 → 00:07:08 กลืนแป้งเราจะเห็นแล้วว่ากระเพาะเริ่มมี
00:07:08 → 00:07:10 ปัญหาอ่าอย่างงั้นไม่ต้องรอกระเพาะทะลุ
00:07:10 → 00:07:13 เหมือนจวัเพราะรักษาได้ทันท่วงทีได้ทัน
00:07:13 → 00:07:14 ท่วงทีครับโอถือว่าเป็นประโยชน์มากนะฮะ
00:07:14 → 00:07:17 ครับอโอเคครับ
00:07:17 → 00:07:24 [เพลง]