00:00:10 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:21 TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:00:21 → 00:00:24 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:00:24 → 00:00:27 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:31 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:00:31 → 00:00:34 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:00:34 → 00:00:38 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:38 → 00:00:42 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:00:42 → 00:00:48 [เพลง]
00:00:54 → 00:00:58 โรคโรคร่มช้าจริงๆเป็นโรคของสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 เป็นโรคที่เกิดจากการสร้างไฟฟ้าที่ผิด
00:01:00 → 00:01:03 ปกติของเซลล์สมองนะครับแล้วก็ทำให้เกิด
00:01:03 → 00:01:06 อาการชักอ่าตามบริเวณของจุดที่เป็นจุด
00:01:06 → 00:01:10 กำเนิดนะครับเช่นสมมุติสมมติว่าเ่าชัก
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันเกิดจากความผิดิของเซลล์สมองใน
00:01:13 → 00:01:16 ส่วนของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนั้น
00:01:16 → 00:01:19 เวลาที่ชักเกิดเซลล์สมรเหล่านั้นก็จะ
00:01:19 → 00:01:22 สร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรูปแบบของอาชัก
00:01:22 → 00:01:24 อาจะเห็นเป็นลักษณะของเกรงกระตุกอย่างนี้
00:01:24 → 00:01:26 เป็นต้นนะ
00:01:26 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ครับ
00:01:31 → 00:01:34 อ่าสาเหตุส่วนใหญ่เนี่ยประมาณ 60 70%
00:01:34 → 00:01:37 เราไม่ทราบนะครับว่าเกิดจากอะไรเนี่ยก็พบ
00:01:37 → 00:01:39 ว่า 1 ใน 3 ของในกลุ่มเนี้ยที่เราไม่ทราบ
00:01:39 → 00:01:42 เหตุเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุที่จักพันธุกรรม
00:01:42 → 00:01:45 นะครับส่วนใน 30-40 per ที่เราทราบเหตุ
00:01:45 → 00:01:48 เนี่ยสาเหตุก็จะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
00:01:48 → 00:01:51 นะครับอย่างในเด็กเล็กๆเนี่ยสาเหตุก็อาจ
00:01:51 → 00:01:54 จะเป็นเ่อการขาดออกซิเจนแลกคลอดนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 หรือมีการติดเชื้อในสมองหรือเป็นการพัฒนา
00:01:57 → 00:02:00 ของสมองที่ผิดปกตินะครับถ้าโตขึ้นมาใน
00:02:00 → 00:02:04 ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีการเดินทางมีการขับ
00:02:04 → 00:02:06 รถสาเหตุของรบชักอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ
00:02:06 → 00:02:09 เงี้เป็นต้นในผู้สูงอายุก็จะเริ่มมี
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองเข้ามาโรคหลอด
00:02:12 → 00:02:14 เลือดสมองนี่เองเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุทำ
00:02:14 → 00:02:23 ให้เกิดเ่อโรคลมชักในผู้สูงอายุได้นะ
00:02:23 → 00:02:26 ครับก็อันนี้อยากจะทำความเข้าใจอย่างให้
00:02:26 → 00:02:29 คนทั่วไปพอทราบนะครับว่าจริงๆรูปแบบของ
00:02:29 → 00:02:31 อาจารย์ชักเนี่ยมันสามารถมีหลากหลายได้
00:02:31 → 00:02:34 เลยนะครับอ่าอ่ารูปแบบที่หลายคนอาจจะเห็น
00:02:34 → 00:02:36 นะฮะคือการเกร็งกระตุกอันนั้นเป็นเพียง
00:02:36 → 00:02:40 แค่รูปแบบหนึ่งนะครับเอ่อรูปแบบอื่นๆเช่น
00:02:40 → 00:02:43 คนไข้อาจจะไม่รู้ตัวเนิ่งทำอะไรโดย
00:02:43 → 00:02:47 อัตโนมัติอ่ามีเขี้ยวปากมีมือคลำนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 อันนี้ก็เป็นรูปแบบของอาการชักได้นะครับ
00:02:51 → 00:02:53 อยากจะบอกว่าข้อสังเกตเนี่ยเราจะรู้ว่า
00:02:53 → 00:02:56 อาการนั้นเป็นอาการชักหรือไม่เนี่ยก็จะมี
00:02:56 → 00:02:59 ลักษณะร่วมอยู่ 2 อย่างที่สำคัญนะครับอัน
00:02:59 → 00:03:02 ที่ 1 ก็คือว่าอาการเหล่านั้นที่ผิดปกติ
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยอาจจะต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะฮะสั้น
00:03:04 → 00:03:07 ก็คือเป็นหลักวินาทีหรือ 1-2 นาทีอย่าง
00:03:07 → 00:03:09 งี้เป็นต้นนะครับแล้วก็เวลาที่มันเป็นซ้ำ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยมันก็จะเป็นคล้ายๆกันเ่อเหมือนๆกัน
00:03:12 → 00:03:15 ในทุกๆครั้งนะครับงั้นถ้าเรามีอาการที่
00:03:15 → 00:03:19 ผิดปกติแล้วก็เป็นช่วงสั้นๆแล้วก็เป็นซ้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ๆเหมือนๆกันนะครับเราอาจจะต้องข้อมีข้อ
00:03:22 → 00:03:25 สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการหนึ่งของชักได้นะ
00:03:25 → 00:03:28 ครับอย่างที่บอกไปล่ะครับรูปแบบมันก็ขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 อยู่กับว่าจุดที่ปลกระแสไฟฟ้าที่ปกติ
00:03:31 → 00:03:33 เนี่ยมันเป็นส่วนไหนเป็นสมองส่วนไหนนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับถ้าเป็นควบคุมเรื่องการเคลื่อนไหวก็
00:03:35 → 00:03:38 อาจจะเป็นเกลงกระตุกอ่าถ้าเป็นสมองส่วน
00:03:38 → 00:03:41 ของที่รับภาพอ่ารูปแบบของชักอาจจะเป็นการ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นภาพที่ผิดปกติการเห็นแสงเ่อที่ผิด
00:03:45 → 00:03:52 ปกติอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับง่ายที่สุดนะฮะแล้วก็ทำได้ง่ายแล้วก็
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือเราต้องมาเล่า
00:03:58 → 00:04:03 เล่าประวัติเ่อให้คุณหมอฟังนะครับแต่หลาย
00:04:03 → 00:04:06 คนก็คงสงสัยว่าในขณะที่เกิดอาการเนี่ยผู้
00:04:06 → 00:04:09 ป่วยก็จะไม่รู้ตัวใช่มั้ครับเ่อฉะนั้น
00:04:09 → 00:04:11 เนี่ยสิ่งที่สำคัญมากก็คือคนที่เห็นเหตุ
00:04:11 → 00:04:15 การณ์คนในครอบครัวอาจจะต้องมาพบคุณหมอ
00:04:15 → 00:04:17 ด้วยนะครับเพราะคุณหมอก็คงต้องซักประวัติ
00:04:17 → 00:04:20 อย่างละเอียดจากตัวผู้ป่วยเองในช่วงก่อน
00:04:20 → 00:04:24 ที่เขาจะหมดสติแล้วก็ต้องซักจากญาติเ่อ
00:04:24 → 00:04:26 เพื่อให้รายละเอียดของอาการในขณะที่ผู้
00:04:26 → 00:04:29 ป่วยหมดสติไปนะครับอ่าลักษณะประวัติทั้ง
00:04:29 → 00:04:31 หมดเหล่านี้แหละนะครับที่คุณหมอจะมา
00:04:31 → 00:04:34 ประมวลและให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก
00:04:34 → 00:04:36 จริงหรือไม่นะครับหรือเป็นอาการอื่นๆนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับอ่าส่วนการตรวจที่ละเอียดลงไปนะฮะก็
00:04:40 → 00:04:43 อาจจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองนะครับหรือ
00:04:43 → 00:04:46 อ่าในบางกรณีนะครับคุณหมออาจจะต้องส่ง
00:04:46 → 00:04:50 ตรวจภาพอ่าทางรังสีด้วยเช่นทำ CT สแกน
00:04:50 → 00:04:52 หรือทำ M อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือเบื้อง
00:04:52 → 00:04:55 ต้นนะครับในการช่วยวินิจฉัยแต่สิ่งที่
00:04:55 → 00:04:57 สำคัญที่สุดเอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วคือ
00:04:57 → 00:05:00 ประวัตินี่แหละสำคัญมากชั้นเวลาเวลาเราพา
00:05:00 → 00:05:04 เอ่อญาติเราหรือเอ่อคนไข้ไปหาหมอเนี่ยอาจ
00:05:04 → 00:05:08 จะต้องมีญาติหรือคนเห็นเหตุการณ์ไปด้วยนะ
00:05:08 → 00:05:11 [เพลง]
00:05:12 → 00:05:16 ครับปัจจุบันเนี่ยการรักษาเนี่ยผมว่าคน
00:05:16 → 00:05:19 ส่วนใหญ่คือคนโชคดีนะครับอย่างเช่นเรื่อง
00:05:19 → 00:05:21 การรักษาด้วยการใช้ยาเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถหายด้วยแต่ยังคงต้องทานยานะ
00:05:24 → 00:05:28 ครับส่วนที่จะหยุดยาไปเลยเนี่ยปัจจุบันก็
00:05:28 → 00:05:31 อาจจะต้องคิดถึงวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัดนะ
00:05:31 → 00:05:35 ครับอ่าแต่อย่างที่บอกนะการเ่าผ่าตัด
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยอาจจะทำไม่ได้ทุกรายนะครับเราจะ
00:05:38 → 00:05:40 เลือกจริงๆว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่ดื้อต่อ
00:05:40 → 00:05:44 ยาและเราคุมด้วยด้วยยาเราไม่ได้ผลแล้วก็
00:05:44 → 00:05:47 เป็นอาการชักแบบเฉพาะที่ที่เราหาจุด
00:05:47 → 00:05:50 กำเนิดชากได้ชัดเจนนะครับถ้าเราประเมิน
00:05:50 → 00:05:53 โดยแพทย์สาหาสาขาและว่าผู้ป่วยรนั้นเหมาะ
00:05:53 → 00:05:56 ต่อการผ่าตัดเนี่ยเ่อเราก็จะเลือกวิธีการ
00:05:56 → 00:05:58 ผ่าตัดผู้ป่วยส่วนหนึ่งเนี่ยสามารถหายขาด
00:05:59 → 00:06:02 ได้และและหยุดยาได้ด้วยการผ่าตัด
00:06:02 → 00:06:06 [เพลง]
00:06:06 → 00:06:11 ครับอ่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าเอ้อทานยา 2
00:06:11 → 00:06:14 ปีถ้าไม่มีชักสามารถหยุดยาได้นะครับอ่าผม
00:06:14 → 00:06:17 จะบอกมันก็เป็นความจริงแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย
00:06:17 → 00:06:20 ทุกรายนะครับอ่าถ้าเราหาข้อมูลจริงๆก็จะ
00:06:20 → 00:06:23 พบว่าในผู้ป่วยที่เ่อสามารถหยุดยาได้
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ชักมาตั้ง
00:06:26 → 00:06:27 แต่เด็กนะครับผู้ป่วยเหล่านี้เนี่ยเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 สมองเขาโตขึ้นนะครับการพัฒนาของสมองเนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 อาจจะมีส่วนทำให้ชักมันหยุดไปได้ฉะนั้น
00:06:34 → 00:06:37 ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถที่จะหยุดยาได้เลย
00:06:37 → 00:06:39 นะครับแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยถ้าชักมันร่วง
00:06:39 → 00:06:43 เลยเข้ามาสู่วัยผู้ใหญ่โอกาสที่จะหยุดแบบ
00:06:43 → 00:06:47 ไม่ทานเลยเนี่ยอ่าอาจจะเกิดได้น้อยนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 แต่สามารถที่จะลดขนาดได้สุดท้ายแล้วเนี่ย
00:06:50 → 00:06:54 อาจจะต้องติดยาไว้นิดๆนึงนะครับไปไปตลอด
00:06:54 → 00:06:58 นะครับฉะนั้นอ่าการจะหยุดได้ไม่ได้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:00 มันเป็นลักษณะจำเพาะของผู้ป่วยเตลอยู่
00:07:00 → 00:07:02 เหมือนกันนะครับฉะนั้นถ้าให้ดีเนี่ยเรา
00:07:02 → 00:07:05 ควรจะมาปรึกษาแพทย์นะครับแล้วตัดสินใจ
00:07:05 → 00:07:07 ร่วมกันอ่าว่าโรคของเราเนี่ยสามารถที่จะ
00:07:07 → 00:07:10 หยุดยาได้หรือไม่นะครับหรืออย่างน้อย
00:07:10 → 00:07:14 สามารถที่จะลดขนาดได้หรือไม่นะ
00:07:14 → 00:07:17 [เพลง]
00:07:17 → 00:07:21 ครับปัจจุบันยากัญชรมีมากมายนะฮะมีมาก
00:07:21 → 00:07:24 กว่า 20 ชนิดนะฮะฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะมี
00:07:24 → 00:07:27 ความหลากหลายอยู่พอสมควรนะครับแต่ที่เรา
00:07:27 → 00:07:30 อาจจะเจอเยอะเช่นทานแล้วง่วงนอนมีเวียน
00:07:30 → 00:07:34 หัวมีเดินเซนะครับฉะนั้นเนี่ยเราอาจจะ
00:07:34 → 00:07:37 ต้องมาปรึกษาแพทย์จริงๆครับว่ายาที่ทาน
00:07:37 → 00:07:39 อยู่เนี่ยลักษณะของผลกล้างเคียงเป็นอย่าง
00:07:39 → 00:07:42 ไรและอาการที่เรามีขนาดนั้นมันเป็นผล
00:07:42 → 00:07:45 กล้างเคียงจากยาหรือไม่นะครับก็คงต้องไป
00:07:45 → 00:07:48 ปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วอาการ
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราสงสัยอ่ะใช้ผลข้างเคียงหรือเปล่านะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับจริงๆอย่างที่ผมว่าเนี่ยเนื่องจากยา
00:07:54 → 00:07:57 กระชักมันมีหลากหลายมากมายสมมุติว่าเรา
00:07:57 → 00:08:00 ใช้ยาตัวเนี้ยแล้วมีผลข้างเียงเราสามารถ
00:08:00 → 00:08:02 ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ฉะนั้นมัน
00:08:02 → 00:08:06 ไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้สิ้นหวังอนะครับ
00:08:06 → 00:08:08 เพราะยาเรามีให้เลือกเยอะฉะนั้นแล้วก็ไม่
00:08:08 → 00:08:15 ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับอันนี้เรื่องสำคัญเลยนะครับอยากฝาก
00:08:18 → 00:08:22 ทุกคนว่าการรักษาโรคลมชักให้ได้ผลอ่าควบ
00:08:22 → 00:08:24 คุมอาการชักได้ดีเนี่ยอาจจะไม่ได้พึ่งคุณ
00:08:24 → 00:08:27 หมออย่างเดียวนะครับเราอาจจะต้องพึ่งตัว
00:08:27 → 00:08:29 เองและครอบครัวด้วยนะครับว่าเราจะต้อง
00:08:29 → 00:08:32 ปรับการดำรงชีวิตให้ดีด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:32 → 00:08:35 เราจะพบว่าจะมีสาเหตุที่เราเจอบ่อยๆเลยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับที่สามารถทำให้ชักมันออกมาเป็นบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:42 อันที่ 1 ก็คือการทานยาไม่สม่ำเสมอนะครับ
00:08:42 → 00:08:45 อันนี้เราควรจะต้องหาวิธีอะไรก็ตามเนี่ย
00:08:45 → 00:08:47 ที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้ป่วยทานยาให้สม่ำ
00:08:47 → 00:08:50 เสมอนะครับอันที่ 2 ก็คือการพักผ่อนไม่
00:08:50 → 00:08:53 เพียงพอเราสังเกตเลยว่าผู้ป่วยรดลมชัก
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยส่วนใหญ่นะครับถ้านอนน้อยปุ๊บเดี๋ยว
00:08:56 → 00:08:58 ชักก็จะหลุดออกมาฉะนั้นเราก็คงทำยังไงก็
00:08:58 → 00:09:02 ได้ให้เราพักผ่อนให้ได้ดีนะครับอไม่ใช้
00:09:02 → 00:09:05 โทรศัพท์หรือเ่ออยู่ในโลกออนไลน์จนดึก
00:09:05 → 00:09:06 อย่างเงี้ยฮะเราจะเจอบ่อยมากโดยเฉพาะใน
00:09:06 → 00:09:09 วัยรุ่นนะครับนั้นเราควรจะปรับการนอนให้
00:09:09 → 00:09:12 ให้ดีนะครับอันสุดท้ายคือเรื่องของความ
00:09:12 → 00:09:15 เครียดนะครับเครียดในวันนี้ผมว่ามันก็ก็
00:09:15 → 00:09:18 เอ่อจัดการยากเหมือนกันแต่วิธีนึงที่อยาก
00:09:18 → 00:09:21 จะแนะนำคือการออกกำลังกายนะครับเวลาที่
00:09:21 → 00:09:23 เราออกกำลังกายเนี่ยมันก็จะช่วยให้ความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดลดลงแล้วก็นอนได้ดีด้วยอ่ะครับ
00:09:26 → 00:09:28 ฉะนั้น 3 เหตุปัจจัยเนี่ยถ้าเราช่วยคุณ
00:09:28 → 00:09:31 หมอได้นะครับก็จะทำให้เราบางทีเราไม่ต้อง
00:09:31 → 00:09:35 ใช้ยาขนาดสูงๆเลยนะครับเราใช้ยานิดเดียว
00:09:35 → 00:09:38 ร่วมกับการปรับการดำรงชีวิตให้ดีการคุม
00:09:38 → 00:09:42 ชักก็จะทำได้ดีไปด้วยโดยอัตโนมัตินะ
00:09:42 → 00:09:44 [เพลง]
00:09:44 → 00:09:48 ครับ tn and Health เราจะรวบรวมความรู้
00:09:48 → 00:09:51 ทางด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อ
00:09:51 → 00:09:54 ถือพร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุก
00:09:54 → 00:09:58 ประเด็นสุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุม
00:09:58 → 00:10:00 มองของของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความ
00:10:00 → 00:10:04 รู้ทางด้านต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุก
00:10:04 → 00:10:09 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:10:09 → 00:10:21 [เพลง]
00:10:21 → 00:10:28
00:10:28 → 00:10:38 โลค
00:10:38 → 00:10:41 แ
00:00:10 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:21 TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:00:21 → 00:00:24 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:00:24 → 00:00:27 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:31 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:00:31 → 00:00:34 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:00:34 → 00:00:38 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:38 → 00:00:42 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:00:42 → 00:00:48 [เพลง]
00:00:54 → 00:00:58 โรคโรคร่มช้าจริงๆเป็นโรคของสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 เป็นโรคที่เกิดจากการสร้างไฟฟ้าที่ผิด
00:01:00 → 00:01:03 ปกติของเซลล์สมองนะครับแล้วก็ทำให้เกิด
00:01:03 → 00:01:06 อาการชักอ่าตามบริเวณของจุดที่เป็นจุด
00:01:06 → 00:01:10 กำเนิดนะครับเช่นสมมุติสมมติว่าเ่าชัก
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันเกิดจากความผิดิของเซลล์สมองใน
00:01:13 → 00:01:16 ส่วนของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนั้น
00:01:16 → 00:01:19 เวลาที่ชักเกิดเซลล์สมรเหล่านั้นก็จะ
00:01:19 → 00:01:22 สร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรูปแบบของอาชัก
00:01:22 → 00:01:24 อาจะเห็นเป็นลักษณะของเกรงกระตุกอย่างนี้
00:01:24 → 00:01:26 เป็นต้นนะ
00:01:26 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ครับ
00:01:31 → 00:01:34 อ่าสาเหตุส่วนใหญ่เนี่ยประมาณ 60 70%
00:01:34 → 00:01:37 เราไม่ทราบนะครับว่าเกิดจากอะไรเนี่ยก็พบ
00:01:37 → 00:01:39 ว่า 1 ใน 3 ของในกลุ่มเนี้ยที่เราไม่ทราบ
00:01:39 → 00:01:42 เหตุเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุที่จักพันธุกรรม
00:01:42 → 00:01:45 นะครับส่วนใน 30-40 per ที่เราทราบเหตุ
00:01:45 → 00:01:48 เนี่ยสาเหตุก็จะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
00:01:48 → 00:01:51 นะครับอย่างในเด็กเล็กๆเนี่ยสาเหตุก็อาจ
00:01:51 → 00:01:54 จะเป็นเ่อการขาดออกซิเจนแลกคลอดนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 หรือมีการติดเชื้อในสมองหรือเป็นการพัฒนา
00:01:57 → 00:02:00 ของสมองที่ผิดปกตินะครับถ้าโตขึ้นมาใน
00:02:00 → 00:02:04 ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีการเดินทางมีการขับ
00:02:04 → 00:02:06 รถสาเหตุของรบชักอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ
00:02:06 → 00:02:09 เงี้เป็นต้นในผู้สูงอายุก็จะเริ่มมี
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองเข้ามาโรคหลอด
00:02:12 → 00:02:14 เลือดสมองนี่เองเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุทำ
00:02:14 → 00:02:23 ให้เกิดเ่อโรคลมชักในผู้สูงอายุได้นะ
00:02:23 → 00:02:26 ครับก็อันนี้อยากจะทำความเข้าใจอย่างให้
00:02:26 → 00:02:29 คนทั่วไปพอทราบนะครับว่าจริงๆรูปแบบของ
00:02:29 → 00:02:31 อาจารย์ชักเนี่ยมันสามารถมีหลากหลายได้
00:02:31 → 00:02:34 เลยนะครับอ่าอ่ารูปแบบที่หลายคนอาจจะเห็น
00:02:34 → 00:02:36 นะฮะคือการเกร็งกระตุกอันนั้นเป็นเพียง
00:02:36 → 00:02:40 แค่รูปแบบหนึ่งนะครับเอ่อรูปแบบอื่นๆเช่น
00:02:40 → 00:02:43 คนไข้อาจจะไม่รู้ตัวเนิ่งทำอะไรโดย
00:02:43 → 00:02:47 อัตโนมัติอ่ามีเขี้ยวปากมีมือคลำนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 อันนี้ก็เป็นรูปแบบของอาการชักได้นะครับ
00:02:51 → 00:02:53 อยากจะบอกว่าข้อสังเกตเนี่ยเราจะรู้ว่า
00:02:53 → 00:02:56 อาการนั้นเป็นอาการชักหรือไม่เนี่ยก็จะมี
00:02:56 → 00:02:59 ลักษณะร่วมอยู่ 2 อย่างที่สำคัญนะครับอัน
00:02:59 → 00:03:02 ที่ 1 ก็คือว่าอาการเหล่านั้นที่ผิดปกติ
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยอาจจะต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะฮะสั้น
00:03:04 → 00:03:07 ก็คือเป็นหลักวินาทีหรือ 1-2 นาทีอย่าง
00:03:07 → 00:03:09 งี้เป็นต้นนะครับแล้วก็เวลาที่มันเป็นซ้ำ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยมันก็จะเป็นคล้ายๆกันเ่อเหมือนๆกัน
00:03:12 → 00:03:15 ในทุกๆครั้งนะครับงั้นถ้าเรามีอาการที่
00:03:15 → 00:03:19 ผิดปกติแล้วก็เป็นช่วงสั้นๆแล้วก็เป็นซ้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ๆเหมือนๆกันนะครับเราอาจจะต้องข้อมีข้อ
00:03:22 → 00:03:25 สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการหนึ่งของชักได้นะ
00:03:25 → 00:03:28 ครับอย่างที่บอกไปล่ะครับรูปแบบมันก็ขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 อยู่กับว่าจุดที่ปลกระแสไฟฟ้าที่ปกติ
00:03:31 → 00:03:33 เนี่ยมันเป็นส่วนไหนเป็นสมองส่วนไหนนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับถ้าเป็นควบคุมเรื่องการเคลื่อนไหวก็
00:03:35 → 00:03:38 อาจจะเป็นเกลงกระตุกอ่าถ้าเป็นสมองส่วน
00:03:38 → 00:03:41 ของที่รับภาพอ่ารูปแบบของชักอาจจะเป็นการ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นภาพที่ผิดปกติการเห็นแสงเ่อที่ผิด
00:03:45 → 00:03:52 ปกติอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับง่ายที่สุดนะฮะแล้วก็ทำได้ง่ายแล้วก็
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือเราต้องมาเล่า
00:03:58 → 00:04:03 เล่าประวัติเ่อให้คุณหมอฟังนะครับแต่หลาย
00:04:03 → 00:04:06 คนก็คงสงสัยว่าในขณะที่เกิดอาการเนี่ยผู้
00:04:06 → 00:04:09 ป่วยก็จะไม่รู้ตัวใช่มั้ครับเ่อฉะนั้น
00:04:09 → 00:04:11 เนี่ยสิ่งที่สำคัญมากก็คือคนที่เห็นเหตุ
00:04:11 → 00:04:15 การณ์คนในครอบครัวอาจจะต้องมาพบคุณหมอ
00:04:15 → 00:04:17 ด้วยนะครับเพราะคุณหมอก็คงต้องซักประวัติ
00:04:17 → 00:04:20 อย่างละเอียดจากตัวผู้ป่วยเองในช่วงก่อน
00:04:20 → 00:04:24 ที่เขาจะหมดสติแล้วก็ต้องซักจากญาติเ่อ
00:04:24 → 00:04:26 เพื่อให้รายละเอียดของอาการในขณะที่ผู้
00:04:26 → 00:04:29 ป่วยหมดสติไปนะครับอ่าลักษณะประวัติทั้ง
00:04:29 → 00:04:31 หมดเหล่านี้แหละนะครับที่คุณหมอจะมา
00:04:31 → 00:04:34 ประมวลและให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก
00:04:34 → 00:04:36 จริงหรือไม่นะครับหรือเป็นอาการอื่นๆนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับอ่าส่วนการตรวจที่ละเอียดลงไปนะฮะก็
00:04:40 → 00:04:43 อาจจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองนะครับหรือ
00:04:43 → 00:04:46 อ่าในบางกรณีนะครับคุณหมออาจจะต้องส่ง
00:04:46 → 00:04:50 ตรวจภาพอ่าทางรังสีด้วยเช่นทำ CT สแกน
00:04:50 → 00:04:52 หรือทำ M อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือเบื้อง
00:04:52 → 00:04:55 ต้นนะครับในการช่วยวินิจฉัยแต่สิ่งที่
00:04:55 → 00:04:57 สำคัญที่สุดเอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วคือ
00:04:57 → 00:05:00 ประวัตินี่แหละสำคัญมากชั้นเวลาเวลาเราพา
00:05:00 → 00:05:04 เอ่อญาติเราหรือเอ่อคนไข้ไปหาหมอเนี่ยอาจ
00:05:04 → 00:05:08 จะต้องมีญาติหรือคนเห็นเหตุการณ์ไปด้วยนะ
00:05:08 → 00:05:11 [เพลง]
00:05:12 → 00:05:16 ครับปัจจุบันเนี่ยการรักษาเนี่ยผมว่าคน
00:05:16 → 00:05:19 ส่วนใหญ่คือคนโชคดีนะครับอย่างเช่นเรื่อง
00:05:19 → 00:05:21 การรักษาด้วยการใช้ยาเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถหายด้วยแต่ยังคงต้องทานยานะ
00:05:24 → 00:05:28 ครับส่วนที่จะหยุดยาไปเลยเนี่ยปัจจุบันก็
00:05:28 → 00:05:31 อาจจะต้องคิดถึงวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัดนะ
00:05:31 → 00:05:35 ครับอ่าแต่อย่างที่บอกนะการเ่าผ่าตัด
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยอาจจะทำไม่ได้ทุกรายนะครับเราจะ
00:05:38 → 00:05:40 เลือกจริงๆว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่ดื้อต่อ
00:05:40 → 00:05:44 ยาและเราคุมด้วยด้วยยาเราไม่ได้ผลแล้วก็
00:05:44 → 00:05:47 เป็นอาการชักแบบเฉพาะที่ที่เราหาจุด
00:05:47 → 00:05:50 กำเนิดชากได้ชัดเจนนะครับถ้าเราประเมิน
00:05:50 → 00:05:53 โดยแพทย์สาหาสาขาและว่าผู้ป่วยรนั้นเหมาะ
00:05:53 → 00:05:56 ต่อการผ่าตัดเนี่ยเ่อเราก็จะเลือกวิธีการ
00:05:56 → 00:05:58 ผ่าตัดผู้ป่วยส่วนหนึ่งเนี่ยสามารถหายขาด
00:05:59 → 00:06:02 ได้และและหยุดยาได้ด้วยการผ่าตัด
00:06:02 → 00:06:06 [เพลง]
00:06:06 → 00:06:11 ครับอ่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าเอ้อทานยา 2
00:06:11 → 00:06:14 ปีถ้าไม่มีชักสามารถหยุดยาได้นะครับอ่าผม
00:06:14 → 00:06:17 จะบอกมันก็เป็นความจริงแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย
00:06:17 → 00:06:20 ทุกรายนะครับอ่าถ้าเราหาข้อมูลจริงๆก็จะ
00:06:20 → 00:06:23 พบว่าในผู้ป่วยที่เ่อสามารถหยุดยาได้
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ชักมาตั้ง
00:06:26 → 00:06:27 แต่เด็กนะครับผู้ป่วยเหล่านี้เนี่ยเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 สมองเขาโตขึ้นนะครับการพัฒนาของสมองเนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 อาจจะมีส่วนทำให้ชักมันหยุดไปได้ฉะนั้น
00:06:34 → 00:06:37 ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถที่จะหยุดยาได้เลย
00:06:37 → 00:06:39 นะครับแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยถ้าชักมันร่วง
00:06:39 → 00:06:43 เลยเข้ามาสู่วัยผู้ใหญ่โอกาสที่จะหยุดแบบ
00:06:43 → 00:06:47 ไม่ทานเลยเนี่ยอ่าอาจจะเกิดได้น้อยนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 แต่สามารถที่จะลดขนาดได้สุดท้ายแล้วเนี่ย
00:06:50 → 00:06:54 อาจจะต้องติดยาไว้นิดๆนึงนะครับไปไปตลอด
00:06:54 → 00:06:58 นะครับฉะนั้นอ่าการจะหยุดได้ไม่ได้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:00 มันเป็นลักษณะจำเพาะของผู้ป่วยเตลอยู่
00:07:00 → 00:07:02 เหมือนกันนะครับฉะนั้นถ้าให้ดีเนี่ยเรา
00:07:02 → 00:07:05 ควรจะมาปรึกษาแพทย์นะครับแล้วตัดสินใจ
00:07:05 → 00:07:07 ร่วมกันอ่าว่าโรคของเราเนี่ยสามารถที่จะ
00:07:07 → 00:07:10 หยุดยาได้หรือไม่นะครับหรืออย่างน้อย
00:07:10 → 00:07:14 สามารถที่จะลดขนาดได้หรือไม่นะ
00:07:14 → 00:07:17 [เพลง]
00:07:17 → 00:07:21 ครับปัจจุบันยากัญชรมีมากมายนะฮะมีมาก
00:07:21 → 00:07:24 กว่า 20 ชนิดนะฮะฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะมี
00:07:24 → 00:07:27 ความหลากหลายอยู่พอสมควรนะครับแต่ที่เรา
00:07:27 → 00:07:30 อาจจะเจอเยอะเช่นทานแล้วง่วงนอนมีเวียน
00:07:30 → 00:07:34 หัวมีเดินเซนะครับฉะนั้นเนี่ยเราอาจจะ
00:07:34 → 00:07:37 ต้องมาปรึกษาแพทย์จริงๆครับว่ายาที่ทาน
00:07:37 → 00:07:39 อยู่เนี่ยลักษณะของผลกล้างเคียงเป็นอย่าง
00:07:39 → 00:07:42 ไรและอาการที่เรามีขนาดนั้นมันเป็นผล
00:07:42 → 00:07:45 กล้างเคียงจากยาหรือไม่นะครับก็คงต้องไป
00:07:45 → 00:07:48 ปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วอาการ
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราสงสัยอ่ะใช้ผลข้างเคียงหรือเปล่านะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับจริงๆอย่างที่ผมว่าเนี่ยเนื่องจากยา
00:07:54 → 00:07:57 กระชักมันมีหลากหลายมากมายสมมุติว่าเรา
00:07:57 → 00:08:00 ใช้ยาตัวเนี้ยแล้วมีผลข้างเียงเราสามารถ
00:08:00 → 00:08:02 ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ฉะนั้นมัน
00:08:02 → 00:08:06 ไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้สิ้นหวังอนะครับ
00:08:06 → 00:08:08 เพราะยาเรามีให้เลือกเยอะฉะนั้นแล้วก็ไม่
00:08:08 → 00:08:15 ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับอันนี้เรื่องสำคัญเลยนะครับอยากฝาก
00:08:18 → 00:08:22 ทุกคนว่าการรักษาโรคลมชักให้ได้ผลอ่าควบ
00:08:22 → 00:08:24 คุมอาการชักได้ดีเนี่ยอาจจะไม่ได้พึ่งคุณ
00:08:24 → 00:08:27 หมออย่างเดียวนะครับเราอาจจะต้องพึ่งตัว
00:08:27 → 00:08:29 เองและครอบครัวด้วยนะครับว่าเราจะต้อง
00:08:29 → 00:08:32 ปรับการดำรงชีวิตให้ดีด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:32 → 00:08:35 เราจะพบว่าจะมีสาเหตุที่เราเจอบ่อยๆเลยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับที่สามารถทำให้ชักมันออกมาเป็นบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:42 อันที่ 1 ก็คือการทานยาไม่สม่ำเสมอนะครับ
00:08:42 → 00:08:45 อันนี้เราควรจะต้องหาวิธีอะไรก็ตามเนี่ย
00:08:45 → 00:08:47 ที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้ป่วยทานยาให้สม่ำ
00:08:47 → 00:08:50 เสมอนะครับอันที่ 2 ก็คือการพักผ่อนไม่
00:08:50 → 00:08:53 เพียงพอเราสังเกตเลยว่าผู้ป่วยรดลมชัก
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยส่วนใหญ่นะครับถ้านอนน้อยปุ๊บเดี๋ยว
00:08:56 → 00:08:58 ชักก็จะหลุดออกมาฉะนั้นเราก็คงทำยังไงก็
00:08:58 → 00:09:02 ได้ให้เราพักผ่อนให้ได้ดีนะครับอไม่ใช้
00:09:02 → 00:09:05 โทรศัพท์หรือเ่ออยู่ในโลกออนไลน์จนดึก
00:09:05 → 00:09:06 อย่างเงี้ยฮะเราจะเจอบ่อยมากโดยเฉพาะใน
00:09:06 → 00:09:09 วัยรุ่นนะครับนั้นเราควรจะปรับการนอนให้
00:09:09 → 00:09:12 ให้ดีนะครับอันสุดท้ายคือเรื่องของความ
00:09:12 → 00:09:15 เครียดนะครับเครียดในวันนี้ผมว่ามันก็ก็
00:09:15 → 00:09:18 เอ่อจัดการยากเหมือนกันแต่วิธีนึงที่อยาก
00:09:18 → 00:09:21 จะแนะนำคือการออกกำลังกายนะครับเวลาที่
00:09:21 → 00:09:23 เราออกกำลังกายเนี่ยมันก็จะช่วยให้ความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดลดลงแล้วก็นอนได้ดีด้วยอ่ะครับ
00:09:26 → 00:09:28 ฉะนั้น 3 เหตุปัจจัยเนี่ยถ้าเราช่วยคุณ
00:09:28 → 00:09:31 หมอได้นะครับก็จะทำให้เราบางทีเราไม่ต้อง
00:09:31 → 00:09:35 ใช้ยาขนาดสูงๆเลยนะครับเราใช้ยานิดเดียว
00:09:35 → 00:09:38 ร่วมกับการปรับการดำรงชีวิตให้ดีการคุม
00:09:38 → 00:09:42 ชักก็จะทำได้ดีไปด้วยโดยอัตโนมัตินะ
00:09:42 → 00:09:44 [เพลง]
00:09:44 → 00:09:48 ครับ tn and Health เราจะรวบรวมความรู้
00:09:48 → 00:09:51 ทางด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อ
00:09:51 → 00:09:54 ถือพร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุก
00:09:54 → 00:09:58 ประเด็นสุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุม
00:09:58 → 00:10:00 มองของของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความ
00:10:00 → 00:10:04 รู้ทางด้านต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุก
00:10:04 → 00:10:09 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:10:09 → 00:10:21 [เพลง]
00:10:21 → 00:10:28
00:10:28 → 00:10:38 โลค
00:10:38 → 00:10:41 แ
00:00:10 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:21 TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:00:21 → 00:00:24 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:00:24 → 00:00:27 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:31 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:00:31 → 00:00:34 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:00:34 → 00:00:38 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:38 → 00:00:42 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:00:42 → 00:00:48 [เพลง]
00:00:54 → 00:00:58 โรคโรคร่มช้าจริงๆเป็นโรคของสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 เป็นโรคที่เกิดจากการสร้างไฟฟ้าที่ผิด
00:01:00 → 00:01:03 ปกติของเซลล์สมองนะครับแล้วก็ทำให้เกิด
00:01:03 → 00:01:06 อาการชักอ่าตามบริเวณของจุดที่เป็นจุด
00:01:06 → 00:01:10 กำเนิดนะครับเช่นสมมุติสมมติว่าเ่าชัก
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันเกิดจากความผิดิของเซลล์สมองใน
00:01:13 → 00:01:16 ส่วนของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนั้น
00:01:16 → 00:01:19 เวลาที่ชักเกิดเซลล์สมรเหล่านั้นก็จะ
00:01:19 → 00:01:22 สร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรูปแบบของอาชัก
00:01:22 → 00:01:24 อาจะเห็นเป็นลักษณะของเกรงกระตุกอย่างนี้
00:01:24 → 00:01:26 เป็นต้นนะ
00:01:26 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ครับ
00:01:31 → 00:01:34 อ่าสาเหตุส่วนใหญ่เนี่ยประมาณ 60 70%
00:01:34 → 00:01:37 เราไม่ทราบนะครับว่าเกิดจากอะไรเนี่ยก็พบ
00:01:37 → 00:01:39 ว่า 1 ใน 3 ของในกลุ่มเนี้ยที่เราไม่ทราบ
00:01:39 → 00:01:42 เหตุเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุที่จักพันธุกรรม
00:01:42 → 00:01:45 นะครับส่วนใน 30-40 per ที่เราทราบเหตุ
00:01:45 → 00:01:48 เนี่ยสาเหตุก็จะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
00:01:48 → 00:01:51 นะครับอย่างในเด็กเล็กๆเนี่ยสาเหตุก็อาจ
00:01:51 → 00:01:54 จะเป็นเ่อการขาดออกซิเจนแลกคลอดนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 หรือมีการติดเชื้อในสมองหรือเป็นการพัฒนา
00:01:57 → 00:02:00 ของสมองที่ผิดปกตินะครับถ้าโตขึ้นมาใน
00:02:00 → 00:02:04 ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีการเดินทางมีการขับ
00:02:04 → 00:02:06 รถสาเหตุของรบชักอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ
00:02:06 → 00:02:09 เงี้เป็นต้นในผู้สูงอายุก็จะเริ่มมี
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองเข้ามาโรคหลอด
00:02:12 → 00:02:14 เลือดสมองนี่เองเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุทำ
00:02:14 → 00:02:23 ให้เกิดเ่อโรคลมชักในผู้สูงอายุได้นะ
00:02:23 → 00:02:26 ครับก็อันนี้อยากจะทำความเข้าใจอย่างให้
00:02:26 → 00:02:29 คนทั่วไปพอทราบนะครับว่าจริงๆรูปแบบของ
00:02:29 → 00:02:31 อาจารย์ชักเนี่ยมันสามารถมีหลากหลายได้
00:02:31 → 00:02:34 เลยนะครับอ่าอ่ารูปแบบที่หลายคนอาจจะเห็น
00:02:34 → 00:02:36 นะฮะคือการเกร็งกระตุกอันนั้นเป็นเพียง
00:02:36 → 00:02:40 แค่รูปแบบหนึ่งนะครับเอ่อรูปแบบอื่นๆเช่น
00:02:40 → 00:02:43 คนไข้อาจจะไม่รู้ตัวเนิ่งทำอะไรโดย
00:02:43 → 00:02:47 อัตโนมัติอ่ามีเขี้ยวปากมีมือคลำนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 อันนี้ก็เป็นรูปแบบของอาการชักได้นะครับ
00:02:51 → 00:02:53 อยากจะบอกว่าข้อสังเกตเนี่ยเราจะรู้ว่า
00:02:53 → 00:02:56 อาการนั้นเป็นอาการชักหรือไม่เนี่ยก็จะมี
00:02:56 → 00:02:59 ลักษณะร่วมอยู่ 2 อย่างที่สำคัญนะครับอัน
00:02:59 → 00:03:02 ที่ 1 ก็คือว่าอาการเหล่านั้นที่ผิดปกติ
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยอาจจะต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะฮะสั้น
00:03:04 → 00:03:07 ก็คือเป็นหลักวินาทีหรือ 1-2 นาทีอย่าง
00:03:07 → 00:03:09 งี้เป็นต้นนะครับแล้วก็เวลาที่มันเป็นซ้ำ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยมันก็จะเป็นคล้ายๆกันเ่อเหมือนๆกัน
00:03:12 → 00:03:15 ในทุกๆครั้งนะครับงั้นถ้าเรามีอาการที่
00:03:15 → 00:03:19 ผิดปกติแล้วก็เป็นช่วงสั้นๆแล้วก็เป็นซ้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ๆเหมือนๆกันนะครับเราอาจจะต้องข้อมีข้อ
00:03:22 → 00:03:25 สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการหนึ่งของชักได้นะ
00:03:25 → 00:03:28 ครับอย่างที่บอกไปล่ะครับรูปแบบมันก็ขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 อยู่กับว่าจุดที่ปลกระแสไฟฟ้าที่ปกติ
00:03:31 → 00:03:33 เนี่ยมันเป็นส่วนไหนเป็นสมองส่วนไหนนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับถ้าเป็นควบคุมเรื่องการเคลื่อนไหวก็
00:03:35 → 00:03:38 อาจจะเป็นเกลงกระตุกอ่าถ้าเป็นสมองส่วน
00:03:38 → 00:03:41 ของที่รับภาพอ่ารูปแบบของชักอาจจะเป็นการ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นภาพที่ผิดปกติการเห็นแสงเ่อที่ผิด
00:03:45 → 00:03:52 ปกติอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับง่ายที่สุดนะฮะแล้วก็ทำได้ง่ายแล้วก็
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือเราต้องมาเล่า
00:03:58 → 00:04:03 เล่าประวัติเ่อให้คุณหมอฟังนะครับแต่หลาย
00:04:03 → 00:04:06 คนก็คงสงสัยว่าในขณะที่เกิดอาการเนี่ยผู้
00:04:06 → 00:04:09 ป่วยก็จะไม่รู้ตัวใช่มั้ครับเ่อฉะนั้น
00:04:09 → 00:04:11 เนี่ยสิ่งที่สำคัญมากก็คือคนที่เห็นเหตุ
00:04:11 → 00:04:15 การณ์คนในครอบครัวอาจจะต้องมาพบคุณหมอ
00:04:15 → 00:04:17 ด้วยนะครับเพราะคุณหมอก็คงต้องซักประวัติ
00:04:17 → 00:04:20 อย่างละเอียดจากตัวผู้ป่วยเองในช่วงก่อน
00:04:20 → 00:04:24 ที่เขาจะหมดสติแล้วก็ต้องซักจากญาติเ่อ
00:04:24 → 00:04:26 เพื่อให้รายละเอียดของอาการในขณะที่ผู้
00:04:26 → 00:04:29 ป่วยหมดสติไปนะครับอ่าลักษณะประวัติทั้ง
00:04:29 → 00:04:31 หมดเหล่านี้แหละนะครับที่คุณหมอจะมา
00:04:31 → 00:04:34 ประมวลและให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก
00:04:34 → 00:04:36 จริงหรือไม่นะครับหรือเป็นอาการอื่นๆนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับอ่าส่วนการตรวจที่ละเอียดลงไปนะฮะก็
00:04:40 → 00:04:43 อาจจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองนะครับหรือ
00:04:43 → 00:04:46 อ่าในบางกรณีนะครับคุณหมออาจจะต้องส่ง
00:04:46 → 00:04:50 ตรวจภาพอ่าทางรังสีด้วยเช่นทำ CT สแกน
00:04:50 → 00:04:52 หรือทำ M อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือเบื้อง
00:04:52 → 00:04:55 ต้นนะครับในการช่วยวินิจฉัยแต่สิ่งที่
00:04:55 → 00:04:57 สำคัญที่สุดเอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วคือ
00:04:57 → 00:05:00 ประวัตินี่แหละสำคัญมากชั้นเวลาเวลาเราพา
00:05:00 → 00:05:04 เอ่อญาติเราหรือเอ่อคนไข้ไปหาหมอเนี่ยอาจ
00:05:04 → 00:05:08 จะต้องมีญาติหรือคนเห็นเหตุการณ์ไปด้วยนะ
00:05:08 → 00:05:11 [เพลง]
00:05:12 → 00:05:16 ครับปัจจุบันเนี่ยการรักษาเนี่ยผมว่าคน
00:05:16 → 00:05:19 ส่วนใหญ่คือคนโชคดีนะครับอย่างเช่นเรื่อง
00:05:19 → 00:05:21 การรักษาด้วยการใช้ยาเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถหายด้วยแต่ยังคงต้องทานยานะ
00:05:24 → 00:05:28 ครับส่วนที่จะหยุดยาไปเลยเนี่ยปัจจุบันก็
00:05:28 → 00:05:31 อาจจะต้องคิดถึงวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัดนะ
00:05:31 → 00:05:35 ครับอ่าแต่อย่างที่บอกนะการเ่าผ่าตัด
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยอาจจะทำไม่ได้ทุกรายนะครับเราจะ
00:05:38 → 00:05:40 เลือกจริงๆว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่ดื้อต่อ
00:05:40 → 00:05:44 ยาและเราคุมด้วยด้วยยาเราไม่ได้ผลแล้วก็
00:05:44 → 00:05:47 เป็นอาการชักแบบเฉพาะที่ที่เราหาจุด
00:05:47 → 00:05:50 กำเนิดชากได้ชัดเจนนะครับถ้าเราประเมิน
00:05:50 → 00:05:53 โดยแพทย์สาหาสาขาและว่าผู้ป่วยรนั้นเหมาะ
00:05:53 → 00:05:56 ต่อการผ่าตัดเนี่ยเ่อเราก็จะเลือกวิธีการ
00:05:56 → 00:05:58 ผ่าตัดผู้ป่วยส่วนหนึ่งเนี่ยสามารถหายขาด
00:05:59 → 00:06:02 ได้และและหยุดยาได้ด้วยการผ่าตัด
00:06:02 → 00:06:06 [เพลง]
00:06:06 → 00:06:11 ครับอ่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าเอ้อทานยา 2
00:06:11 → 00:06:14 ปีถ้าไม่มีชักสามารถหยุดยาได้นะครับอ่าผม
00:06:14 → 00:06:17 จะบอกมันก็เป็นความจริงแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย
00:06:17 → 00:06:20 ทุกรายนะครับอ่าถ้าเราหาข้อมูลจริงๆก็จะ
00:06:20 → 00:06:23 พบว่าในผู้ป่วยที่เ่อสามารถหยุดยาได้
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ชักมาตั้ง
00:06:26 → 00:06:27 แต่เด็กนะครับผู้ป่วยเหล่านี้เนี่ยเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 สมองเขาโตขึ้นนะครับการพัฒนาของสมองเนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 อาจจะมีส่วนทำให้ชักมันหยุดไปได้ฉะนั้น
00:06:34 → 00:06:37 ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถที่จะหยุดยาได้เลย
00:06:37 → 00:06:39 นะครับแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยถ้าชักมันร่วง
00:06:39 → 00:06:43 เลยเข้ามาสู่วัยผู้ใหญ่โอกาสที่จะหยุดแบบ
00:06:43 → 00:06:47 ไม่ทานเลยเนี่ยอ่าอาจจะเกิดได้น้อยนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 แต่สามารถที่จะลดขนาดได้สุดท้ายแล้วเนี่ย
00:06:50 → 00:06:54 อาจจะต้องติดยาไว้นิดๆนึงนะครับไปไปตลอด
00:06:54 → 00:06:58 นะครับฉะนั้นอ่าการจะหยุดได้ไม่ได้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:00 มันเป็นลักษณะจำเพาะของผู้ป่วยเตลอยู่
00:07:00 → 00:07:02 เหมือนกันนะครับฉะนั้นถ้าให้ดีเนี่ยเรา
00:07:02 → 00:07:05 ควรจะมาปรึกษาแพทย์นะครับแล้วตัดสินใจ
00:07:05 → 00:07:07 ร่วมกันอ่าว่าโรคของเราเนี่ยสามารถที่จะ
00:07:07 → 00:07:10 หยุดยาได้หรือไม่นะครับหรืออย่างน้อย
00:07:10 → 00:07:14 สามารถที่จะลดขนาดได้หรือไม่นะ
00:07:14 → 00:07:17 [เพลง]
00:07:17 → 00:07:21 ครับปัจจุบันยากัญชรมีมากมายนะฮะมีมาก
00:07:21 → 00:07:24 กว่า 20 ชนิดนะฮะฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะมี
00:07:24 → 00:07:27 ความหลากหลายอยู่พอสมควรนะครับแต่ที่เรา
00:07:27 → 00:07:30 อาจจะเจอเยอะเช่นทานแล้วง่วงนอนมีเวียน
00:07:30 → 00:07:34 หัวมีเดินเซนะครับฉะนั้นเนี่ยเราอาจจะ
00:07:34 → 00:07:37 ต้องมาปรึกษาแพทย์จริงๆครับว่ายาที่ทาน
00:07:37 → 00:07:39 อยู่เนี่ยลักษณะของผลกล้างเคียงเป็นอย่าง
00:07:39 → 00:07:42 ไรและอาการที่เรามีขนาดนั้นมันเป็นผล
00:07:42 → 00:07:45 กล้างเคียงจากยาหรือไม่นะครับก็คงต้องไป
00:07:45 → 00:07:48 ปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วอาการ
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราสงสัยอ่ะใช้ผลข้างเคียงหรือเปล่านะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับจริงๆอย่างที่ผมว่าเนี่ยเนื่องจากยา
00:07:54 → 00:07:57 กระชักมันมีหลากหลายมากมายสมมุติว่าเรา
00:07:57 → 00:08:00 ใช้ยาตัวเนี้ยแล้วมีผลข้างเียงเราสามารถ
00:08:00 → 00:08:02 ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ฉะนั้นมัน
00:08:02 → 00:08:06 ไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้สิ้นหวังอนะครับ
00:08:06 → 00:08:08 เพราะยาเรามีให้เลือกเยอะฉะนั้นแล้วก็ไม่
00:08:08 → 00:08:15 ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับอันนี้เรื่องสำคัญเลยนะครับอยากฝาก
00:08:18 → 00:08:22 ทุกคนว่าการรักษาโรคลมชักให้ได้ผลอ่าควบ
00:08:22 → 00:08:24 คุมอาการชักได้ดีเนี่ยอาจจะไม่ได้พึ่งคุณ
00:08:24 → 00:08:27 หมออย่างเดียวนะครับเราอาจจะต้องพึ่งตัว
00:08:27 → 00:08:29 เองและครอบครัวด้วยนะครับว่าเราจะต้อง
00:08:29 → 00:08:32 ปรับการดำรงชีวิตให้ดีด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:32 → 00:08:35 เราจะพบว่าจะมีสาเหตุที่เราเจอบ่อยๆเลยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับที่สามารถทำให้ชักมันออกมาเป็นบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:42 อันที่ 1 ก็คือการทานยาไม่สม่ำเสมอนะครับ
00:08:42 → 00:08:45 อันนี้เราควรจะต้องหาวิธีอะไรก็ตามเนี่ย
00:08:45 → 00:08:47 ที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้ป่วยทานยาให้สม่ำ
00:08:47 → 00:08:50 เสมอนะครับอันที่ 2 ก็คือการพักผ่อนไม่
00:08:50 → 00:08:53 เพียงพอเราสังเกตเลยว่าผู้ป่วยรดลมชัก
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยส่วนใหญ่นะครับถ้านอนน้อยปุ๊บเดี๋ยว
00:08:56 → 00:08:58 ชักก็จะหลุดออกมาฉะนั้นเราก็คงทำยังไงก็
00:08:58 → 00:09:02 ได้ให้เราพักผ่อนให้ได้ดีนะครับอไม่ใช้
00:09:02 → 00:09:05 โทรศัพท์หรือเ่ออยู่ในโลกออนไลน์จนดึก
00:09:05 → 00:09:06 อย่างเงี้ยฮะเราจะเจอบ่อยมากโดยเฉพาะใน
00:09:06 → 00:09:09 วัยรุ่นนะครับนั้นเราควรจะปรับการนอนให้
00:09:09 → 00:09:12 ให้ดีนะครับอันสุดท้ายคือเรื่องของความ
00:09:12 → 00:09:15 เครียดนะครับเครียดในวันนี้ผมว่ามันก็ก็
00:09:15 → 00:09:18 เอ่อจัดการยากเหมือนกันแต่วิธีนึงที่อยาก
00:09:18 → 00:09:21 จะแนะนำคือการออกกำลังกายนะครับเวลาที่
00:09:21 → 00:09:23 เราออกกำลังกายเนี่ยมันก็จะช่วยให้ความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดลดลงแล้วก็นอนได้ดีด้วยอ่ะครับ
00:09:26 → 00:09:28 ฉะนั้น 3 เหตุปัจจัยเนี่ยถ้าเราช่วยคุณ
00:09:28 → 00:09:31 หมอได้นะครับก็จะทำให้เราบางทีเราไม่ต้อง
00:09:31 → 00:09:35 ใช้ยาขนาดสูงๆเลยนะครับเราใช้ยานิดเดียว
00:09:35 → 00:09:38 ร่วมกับการปรับการดำรงชีวิตให้ดีการคุม
00:09:38 → 00:09:42 ชักก็จะทำได้ดีไปด้วยโดยอัตโนมัตินะ
00:09:42 → 00:09:44 [เพลง]
00:09:44 → 00:09:48 ครับ tn and Health เราจะรวบรวมความรู้
00:09:48 → 00:09:51 ทางด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อ
00:09:51 → 00:09:54 ถือพร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุก
00:09:54 → 00:09:58 ประเด็นสุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุม
00:09:58 → 00:10:00 มองของของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความ
00:10:00 → 00:10:04 รู้ทางด้านต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุก
00:10:04 → 00:10:09 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:10:09 → 00:10:21 [เพลง]
00:10:21 → 00:10:28
00:10:28 → 00:10:38 โลค
00:10:38 → 00:10:41 แ
00:00:10 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:21 TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:00:21 → 00:00:24 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:00:24 → 00:00:27 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:31 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:00:31 → 00:00:34 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:00:34 → 00:00:38 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:38 → 00:00:42 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:00:42 → 00:00:48 [เพลง]
00:00:54 → 00:00:58 โรคโรคร่มช้าจริงๆเป็นโรคของสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 เป็นโรคที่เกิดจากการสร้างไฟฟ้าที่ผิด
00:01:00 → 00:01:03 ปกติของเซลล์สมองนะครับแล้วก็ทำให้เกิด
00:01:03 → 00:01:06 อาการชักอ่าตามบริเวณของจุดที่เป็นจุด
00:01:06 → 00:01:10 กำเนิดนะครับเช่นสมมุติสมมติว่าเ่าชัก
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันเกิดจากความผิดิของเซลล์สมองใน
00:01:13 → 00:01:16 ส่วนของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนั้น
00:01:16 → 00:01:19 เวลาที่ชักเกิดเซลล์สมรเหล่านั้นก็จะ
00:01:19 → 00:01:22 สร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรูปแบบของอาชัก
00:01:22 → 00:01:24 อาจะเห็นเป็นลักษณะของเกรงกระตุกอย่างนี้
00:01:24 → 00:01:26 เป็นต้นนะ
00:01:26 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ครับ
00:01:31 → 00:01:34 อ่าสาเหตุส่วนใหญ่เนี่ยประมาณ 60 70%
00:01:34 → 00:01:37 เราไม่ทราบนะครับว่าเกิดจากอะไรเนี่ยก็พบ
00:01:37 → 00:01:39 ว่า 1 ใน 3 ของในกลุ่มเนี้ยที่เราไม่ทราบ
00:01:39 → 00:01:42 เหตุเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุที่จักพันธุกรรม
00:01:42 → 00:01:45 นะครับส่วนใน 30-40 per ที่เราทราบเหตุ
00:01:45 → 00:01:48 เนี่ยสาเหตุก็จะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
00:01:48 → 00:01:51 นะครับอย่างในเด็กเล็กๆเนี่ยสาเหตุก็อาจ
00:01:51 → 00:01:54 จะเป็นเ่อการขาดออกซิเจนแลกคลอดนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 หรือมีการติดเชื้อในสมองหรือเป็นการพัฒนา
00:01:57 → 00:02:00 ของสมองที่ผิดปกตินะครับถ้าโตขึ้นมาใน
00:02:00 → 00:02:04 ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีการเดินทางมีการขับ
00:02:04 → 00:02:06 รถสาเหตุของรบชักอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ
00:02:06 → 00:02:09 เงี้เป็นต้นในผู้สูงอายุก็จะเริ่มมี
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองเข้ามาโรคหลอด
00:02:12 → 00:02:14 เลือดสมองนี่เองเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุทำ
00:02:14 → 00:02:23 ให้เกิดเ่อโรคลมชักในผู้สูงอายุได้นะ
00:02:23 → 00:02:26 ครับก็อันนี้อยากจะทำความเข้าใจอย่างให้
00:02:26 → 00:02:29 คนทั่วไปพอทราบนะครับว่าจริงๆรูปแบบของ
00:02:29 → 00:02:31 อาจารย์ชักเนี่ยมันสามารถมีหลากหลายได้
00:02:31 → 00:02:34 เลยนะครับอ่าอ่ารูปแบบที่หลายคนอาจจะเห็น
00:02:34 → 00:02:36 นะฮะคือการเกร็งกระตุกอันนั้นเป็นเพียง
00:02:36 → 00:02:40 แค่รูปแบบหนึ่งนะครับเอ่อรูปแบบอื่นๆเช่น
00:02:40 → 00:02:43 คนไข้อาจจะไม่รู้ตัวเนิ่งทำอะไรโดย
00:02:43 → 00:02:47 อัตโนมัติอ่ามีเขี้ยวปากมีมือคลำนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 อันนี้ก็เป็นรูปแบบของอาการชักได้นะครับ
00:02:51 → 00:02:53 อยากจะบอกว่าข้อสังเกตเนี่ยเราจะรู้ว่า
00:02:53 → 00:02:56 อาการนั้นเป็นอาการชักหรือไม่เนี่ยก็จะมี
00:02:56 → 00:02:59 ลักษณะร่วมอยู่ 2 อย่างที่สำคัญนะครับอัน
00:02:59 → 00:03:02 ที่ 1 ก็คือว่าอาการเหล่านั้นที่ผิดปกติ
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยอาจจะต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะฮะสั้น
00:03:04 → 00:03:07 ก็คือเป็นหลักวินาทีหรือ 1-2 นาทีอย่าง
00:03:07 → 00:03:09 งี้เป็นต้นนะครับแล้วก็เวลาที่มันเป็นซ้ำ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยมันก็จะเป็นคล้ายๆกันเ่อเหมือนๆกัน
00:03:12 → 00:03:15 ในทุกๆครั้งนะครับงั้นถ้าเรามีอาการที่
00:03:15 → 00:03:19 ผิดปกติแล้วก็เป็นช่วงสั้นๆแล้วก็เป็นซ้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ๆเหมือนๆกันนะครับเราอาจจะต้องข้อมีข้อ
00:03:22 → 00:03:25 สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการหนึ่งของชักได้นะ
00:03:25 → 00:03:28 ครับอย่างที่บอกไปล่ะครับรูปแบบมันก็ขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 อยู่กับว่าจุดที่ปลกระแสไฟฟ้าที่ปกติ
00:03:31 → 00:03:33 เนี่ยมันเป็นส่วนไหนเป็นสมองส่วนไหนนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับถ้าเป็นควบคุมเรื่องการเคลื่อนไหวก็
00:03:35 → 00:03:38 อาจจะเป็นเกลงกระตุกอ่าถ้าเป็นสมองส่วน
00:03:38 → 00:03:41 ของที่รับภาพอ่ารูปแบบของชักอาจจะเป็นการ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นภาพที่ผิดปกติการเห็นแสงเ่อที่ผิด
00:03:45 → 00:03:52 ปกติอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับง่ายที่สุดนะฮะแล้วก็ทำได้ง่ายแล้วก็
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือเราต้องมาเล่า
00:03:58 → 00:04:03 เล่าประวัติเ่อให้คุณหมอฟังนะครับแต่หลาย
00:04:03 → 00:04:06 คนก็คงสงสัยว่าในขณะที่เกิดอาการเนี่ยผู้
00:04:06 → 00:04:09 ป่วยก็จะไม่รู้ตัวใช่มั้ครับเ่อฉะนั้น
00:04:09 → 00:04:11 เนี่ยสิ่งที่สำคัญมากก็คือคนที่เห็นเหตุ
00:04:11 → 00:04:15 การณ์คนในครอบครัวอาจจะต้องมาพบคุณหมอ
00:04:15 → 00:04:17 ด้วยนะครับเพราะคุณหมอก็คงต้องซักประวัติ
00:04:17 → 00:04:20 อย่างละเอียดจากตัวผู้ป่วยเองในช่วงก่อน
00:04:20 → 00:04:24 ที่เขาจะหมดสติแล้วก็ต้องซักจากญาติเ่อ
00:04:24 → 00:04:26 เพื่อให้รายละเอียดของอาการในขณะที่ผู้
00:04:26 → 00:04:29 ป่วยหมดสติไปนะครับอ่าลักษณะประวัติทั้ง
00:04:29 → 00:04:31 หมดเหล่านี้แหละนะครับที่คุณหมอจะมา
00:04:31 → 00:04:34 ประมวลและให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก
00:04:34 → 00:04:36 จริงหรือไม่นะครับหรือเป็นอาการอื่นๆนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับอ่าส่วนการตรวจที่ละเอียดลงไปนะฮะก็
00:04:40 → 00:04:43 อาจจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองนะครับหรือ
00:04:43 → 00:04:46 อ่าในบางกรณีนะครับคุณหมออาจจะต้องส่ง
00:04:46 → 00:04:50 ตรวจภาพอ่าทางรังสีด้วยเช่นทำ CT สแกน
00:04:50 → 00:04:52 หรือทำ M อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือเบื้อง
00:04:52 → 00:04:55 ต้นนะครับในการช่วยวินิจฉัยแต่สิ่งที่
00:04:55 → 00:04:57 สำคัญที่สุดเอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วคือ
00:04:57 → 00:05:00 ประวัตินี่แหละสำคัญมากชั้นเวลาเวลาเราพา
00:05:00 → 00:05:04 เอ่อญาติเราหรือเอ่อคนไข้ไปหาหมอเนี่ยอาจ
00:05:04 → 00:05:08 จะต้องมีญาติหรือคนเห็นเหตุการณ์ไปด้วยนะ
00:05:08 → 00:05:11 [เพลง]
00:05:12 → 00:05:16 ครับปัจจุบันเนี่ยการรักษาเนี่ยผมว่าคน
00:05:16 → 00:05:19 ส่วนใหญ่คือคนโชคดีนะครับอย่างเช่นเรื่อง
00:05:19 → 00:05:21 การรักษาด้วยการใช้ยาเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถหายด้วยแต่ยังคงต้องทานยานะ
00:05:24 → 00:05:28 ครับส่วนที่จะหยุดยาไปเลยเนี่ยปัจจุบันก็
00:05:28 → 00:05:31 อาจจะต้องคิดถึงวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัดนะ
00:05:31 → 00:05:35 ครับอ่าแต่อย่างที่บอกนะการเ่าผ่าตัด
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยอาจจะทำไม่ได้ทุกรายนะครับเราจะ
00:05:38 → 00:05:40 เลือกจริงๆว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่ดื้อต่อ
00:05:40 → 00:05:44 ยาและเราคุมด้วยด้วยยาเราไม่ได้ผลแล้วก็
00:05:44 → 00:05:47 เป็นอาการชักแบบเฉพาะที่ที่เราหาจุด
00:05:47 → 00:05:50 กำเนิดชากได้ชัดเจนนะครับถ้าเราประเมิน
00:05:50 → 00:05:53 โดยแพทย์สาหาสาขาและว่าผู้ป่วยรนั้นเหมาะ
00:05:53 → 00:05:56 ต่อการผ่าตัดเนี่ยเ่อเราก็จะเลือกวิธีการ
00:05:56 → 00:05:58 ผ่าตัดผู้ป่วยส่วนหนึ่งเนี่ยสามารถหายขาด
00:05:59 → 00:06:02 ได้และและหยุดยาได้ด้วยการผ่าตัด
00:06:02 → 00:06:06 [เพลง]
00:06:06 → 00:06:11 ครับอ่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าเอ้อทานยา 2
00:06:11 → 00:06:14 ปีถ้าไม่มีชักสามารถหยุดยาได้นะครับอ่าผม
00:06:14 → 00:06:17 จะบอกมันก็เป็นความจริงแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย
00:06:17 → 00:06:20 ทุกรายนะครับอ่าถ้าเราหาข้อมูลจริงๆก็จะ
00:06:20 → 00:06:23 พบว่าในผู้ป่วยที่เ่อสามารถหยุดยาได้
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ชักมาตั้ง
00:06:26 → 00:06:27 แต่เด็กนะครับผู้ป่วยเหล่านี้เนี่ยเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 สมองเขาโตขึ้นนะครับการพัฒนาของสมองเนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 อาจจะมีส่วนทำให้ชักมันหยุดไปได้ฉะนั้น
00:06:34 → 00:06:37 ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถที่จะหยุดยาได้เลย
00:06:37 → 00:06:39 นะครับแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยถ้าชักมันร่วง
00:06:39 → 00:06:43 เลยเข้ามาสู่วัยผู้ใหญ่โอกาสที่จะหยุดแบบ
00:06:43 → 00:06:47 ไม่ทานเลยเนี่ยอ่าอาจจะเกิดได้น้อยนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 แต่สามารถที่จะลดขนาดได้สุดท้ายแล้วเนี่ย
00:06:50 → 00:06:54 อาจจะต้องติดยาไว้นิดๆนึงนะครับไปไปตลอด
00:06:54 → 00:06:58 นะครับฉะนั้นอ่าการจะหยุดได้ไม่ได้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:00 มันเป็นลักษณะจำเพาะของผู้ป่วยเตลอยู่
00:07:00 → 00:07:02 เหมือนกันนะครับฉะนั้นถ้าให้ดีเนี่ยเรา
00:07:02 → 00:07:05 ควรจะมาปรึกษาแพทย์นะครับแล้วตัดสินใจ
00:07:05 → 00:07:07 ร่วมกันอ่าว่าโรคของเราเนี่ยสามารถที่จะ
00:07:07 → 00:07:10 หยุดยาได้หรือไม่นะครับหรืออย่างน้อย
00:07:10 → 00:07:14 สามารถที่จะลดขนาดได้หรือไม่นะ
00:07:14 → 00:07:17 [เพลง]
00:07:17 → 00:07:21 ครับปัจจุบันยากัญชรมีมากมายนะฮะมีมาก
00:07:21 → 00:07:24 กว่า 20 ชนิดนะฮะฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะมี
00:07:24 → 00:07:27 ความหลากหลายอยู่พอสมควรนะครับแต่ที่เรา
00:07:27 → 00:07:30 อาจจะเจอเยอะเช่นทานแล้วง่วงนอนมีเวียน
00:07:30 → 00:07:34 หัวมีเดินเซนะครับฉะนั้นเนี่ยเราอาจจะ
00:07:34 → 00:07:37 ต้องมาปรึกษาแพทย์จริงๆครับว่ายาที่ทาน
00:07:37 → 00:07:39 อยู่เนี่ยลักษณะของผลกล้างเคียงเป็นอย่าง
00:07:39 → 00:07:42 ไรและอาการที่เรามีขนาดนั้นมันเป็นผล
00:07:42 → 00:07:45 กล้างเคียงจากยาหรือไม่นะครับก็คงต้องไป
00:07:45 → 00:07:48 ปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วอาการ
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราสงสัยอ่ะใช้ผลข้างเคียงหรือเปล่านะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับจริงๆอย่างที่ผมว่าเนี่ยเนื่องจากยา
00:07:54 → 00:07:57 กระชักมันมีหลากหลายมากมายสมมุติว่าเรา
00:07:57 → 00:08:00 ใช้ยาตัวเนี้ยแล้วมีผลข้างเียงเราสามารถ
00:08:00 → 00:08:02 ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ฉะนั้นมัน
00:08:02 → 00:08:06 ไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้สิ้นหวังอนะครับ
00:08:06 → 00:08:08 เพราะยาเรามีให้เลือกเยอะฉะนั้นแล้วก็ไม่
00:08:08 → 00:08:15 ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับอันนี้เรื่องสำคัญเลยนะครับอยากฝาก
00:08:18 → 00:08:22 ทุกคนว่าการรักษาโรคลมชักให้ได้ผลอ่าควบ
00:08:22 → 00:08:24 คุมอาการชักได้ดีเนี่ยอาจจะไม่ได้พึ่งคุณ
00:08:24 → 00:08:27 หมออย่างเดียวนะครับเราอาจจะต้องพึ่งตัว
00:08:27 → 00:08:29 เองและครอบครัวด้วยนะครับว่าเราจะต้อง
00:08:29 → 00:08:32 ปรับการดำรงชีวิตให้ดีด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:32 → 00:08:35 เราจะพบว่าจะมีสาเหตุที่เราเจอบ่อยๆเลยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับที่สามารถทำให้ชักมันออกมาเป็นบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:42 อันที่ 1 ก็คือการทานยาไม่สม่ำเสมอนะครับ
00:08:42 → 00:08:45 อันนี้เราควรจะต้องหาวิธีอะไรก็ตามเนี่ย
00:08:45 → 00:08:47 ที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้ป่วยทานยาให้สม่ำ
00:08:47 → 00:08:50 เสมอนะครับอันที่ 2 ก็คือการพักผ่อนไม่
00:08:50 → 00:08:53 เพียงพอเราสังเกตเลยว่าผู้ป่วยรดลมชัก
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยส่วนใหญ่นะครับถ้านอนน้อยปุ๊บเดี๋ยว
00:08:56 → 00:08:58 ชักก็จะหลุดออกมาฉะนั้นเราก็คงทำยังไงก็
00:08:58 → 00:09:02 ได้ให้เราพักผ่อนให้ได้ดีนะครับอไม่ใช้
00:09:02 → 00:09:05 โทรศัพท์หรือเ่ออยู่ในโลกออนไลน์จนดึก
00:09:05 → 00:09:06 อย่างเงี้ยฮะเราจะเจอบ่อยมากโดยเฉพาะใน
00:09:06 → 00:09:09 วัยรุ่นนะครับนั้นเราควรจะปรับการนอนให้
00:09:09 → 00:09:12 ให้ดีนะครับอันสุดท้ายคือเรื่องของความ
00:09:12 → 00:09:15 เครียดนะครับเครียดในวันนี้ผมว่ามันก็ก็
00:09:15 → 00:09:18 เอ่อจัดการยากเหมือนกันแต่วิธีนึงที่อยาก
00:09:18 → 00:09:21 จะแนะนำคือการออกกำลังกายนะครับเวลาที่
00:09:21 → 00:09:23 เราออกกำลังกายเนี่ยมันก็จะช่วยให้ความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดลดลงแล้วก็นอนได้ดีด้วยอ่ะครับ
00:09:26 → 00:09:28 ฉะนั้น 3 เหตุปัจจัยเนี่ยถ้าเราช่วยคุณ
00:09:28 → 00:09:31 หมอได้นะครับก็จะทำให้เราบางทีเราไม่ต้อง
00:09:31 → 00:09:35 ใช้ยาขนาดสูงๆเลยนะครับเราใช้ยานิดเดียว
00:09:35 → 00:09:38 ร่วมกับการปรับการดำรงชีวิตให้ดีการคุม
00:09:38 → 00:09:42 ชักก็จะทำได้ดีไปด้วยโดยอัตโนมัตินะ
00:09:42 → 00:09:44 [เพลง]
00:09:44 → 00:09:48 ครับ tn and Health เราจะรวบรวมความรู้
00:09:48 → 00:09:51 ทางด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อ
00:09:51 → 00:09:54 ถือพร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุก
00:09:54 → 00:09:58 ประเด็นสุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุม
00:09:58 → 00:10:00 มองของของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความ
00:10:00 → 00:10:04 รู้ทางด้านต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุก
00:10:04 → 00:10:09 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:10:09 → 00:10:21 [เพลง]
00:10:21 → 00:10:28
00:10:28 → 00:10:38 โลค
00:10:38 → 00:10:41 แ
00:00:10 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:21 TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:00:21 → 00:00:24 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:00:24 → 00:00:27 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:31 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:00:31 → 00:00:34 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:00:34 → 00:00:38 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:38 → 00:00:42 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:00:42 → 00:00:48 [เพลง]
00:00:54 → 00:00:58 โรคโรคร่มช้าจริงๆเป็นโรคของสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 เป็นโรคที่เกิดจากการสร้างไฟฟ้าที่ผิด
00:01:00 → 00:01:03 ปกติของเซลล์สมองนะครับแล้วก็ทำให้เกิด
00:01:03 → 00:01:06 อาการชักอ่าตามบริเวณของจุดที่เป็นจุด
00:01:06 → 00:01:10 กำเนิดนะครับเช่นสมมุติสมมติว่าเ่าชัก
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันเกิดจากความผิดิของเซลล์สมองใน
00:01:13 → 00:01:16 ส่วนของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนั้น
00:01:16 → 00:01:19 เวลาที่ชักเกิดเซลล์สมรเหล่านั้นก็จะ
00:01:19 → 00:01:22 สร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรูปแบบของอาชัก
00:01:22 → 00:01:24 อาจะเห็นเป็นลักษณะของเกรงกระตุกอย่างนี้
00:01:24 → 00:01:26 เป็นต้นนะ
00:01:26 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ครับ
00:01:31 → 00:01:34 อ่าสาเหตุส่วนใหญ่เนี่ยประมาณ 60 70%
00:01:34 → 00:01:37 เราไม่ทราบนะครับว่าเกิดจากอะไรเนี่ยก็พบ
00:01:37 → 00:01:39 ว่า 1 ใน 3 ของในกลุ่มเนี้ยที่เราไม่ทราบ
00:01:39 → 00:01:42 เหตุเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุที่จักพันธุกรรม
00:01:42 → 00:01:45 นะครับส่วนใน 30-40 per ที่เราทราบเหตุ
00:01:45 → 00:01:48 เนี่ยสาเหตุก็จะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
00:01:48 → 00:01:51 นะครับอย่างในเด็กเล็กๆเนี่ยสาเหตุก็อาจ
00:01:51 → 00:01:54 จะเป็นเ่อการขาดออกซิเจนแลกคลอดนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 หรือมีการติดเชื้อในสมองหรือเป็นการพัฒนา
00:01:57 → 00:02:00 ของสมองที่ผิดปกตินะครับถ้าโตขึ้นมาใน
00:02:00 → 00:02:04 ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีการเดินทางมีการขับ
00:02:04 → 00:02:06 รถสาเหตุของรบชักอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ
00:02:06 → 00:02:09 เงี้เป็นต้นในผู้สูงอายุก็จะเริ่มมี
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองเข้ามาโรคหลอด
00:02:12 → 00:02:14 เลือดสมองนี่เองเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุทำ
00:02:14 → 00:02:23 ให้เกิดเ่อโรคลมชักในผู้สูงอายุได้นะ
00:02:23 → 00:02:26 ครับก็อันนี้อยากจะทำความเข้าใจอย่างให้
00:02:26 → 00:02:29 คนทั่วไปพอทราบนะครับว่าจริงๆรูปแบบของ
00:02:29 → 00:02:31 อาจารย์ชักเนี่ยมันสามารถมีหลากหลายได้
00:02:31 → 00:02:34 เลยนะครับอ่าอ่ารูปแบบที่หลายคนอาจจะเห็น
00:02:34 → 00:02:36 นะฮะคือการเกร็งกระตุกอันนั้นเป็นเพียง
00:02:36 → 00:02:40 แค่รูปแบบหนึ่งนะครับเอ่อรูปแบบอื่นๆเช่น
00:02:40 → 00:02:43 คนไข้อาจจะไม่รู้ตัวเนิ่งทำอะไรโดย
00:02:43 → 00:02:47 อัตโนมัติอ่ามีเขี้ยวปากมีมือคลำนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 อันนี้ก็เป็นรูปแบบของอาการชักได้นะครับ
00:02:51 → 00:02:53 อยากจะบอกว่าข้อสังเกตเนี่ยเราจะรู้ว่า
00:02:53 → 00:02:56 อาการนั้นเป็นอาการชักหรือไม่เนี่ยก็จะมี
00:02:56 → 00:02:59 ลักษณะร่วมอยู่ 2 อย่างที่สำคัญนะครับอัน
00:02:59 → 00:03:02 ที่ 1 ก็คือว่าอาการเหล่านั้นที่ผิดปกติ
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยอาจจะต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะฮะสั้น
00:03:04 → 00:03:07 ก็คือเป็นหลักวินาทีหรือ 1-2 นาทีอย่าง
00:03:07 → 00:03:09 งี้เป็นต้นนะครับแล้วก็เวลาที่มันเป็นซ้ำ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยมันก็จะเป็นคล้ายๆกันเ่อเหมือนๆกัน
00:03:12 → 00:03:15 ในทุกๆครั้งนะครับงั้นถ้าเรามีอาการที่
00:03:15 → 00:03:19 ผิดปกติแล้วก็เป็นช่วงสั้นๆแล้วก็เป็นซ้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ๆเหมือนๆกันนะครับเราอาจจะต้องข้อมีข้อ
00:03:22 → 00:03:25 สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการหนึ่งของชักได้นะ
00:03:25 → 00:03:28 ครับอย่างที่บอกไปล่ะครับรูปแบบมันก็ขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 อยู่กับว่าจุดที่ปลกระแสไฟฟ้าที่ปกติ
00:03:31 → 00:03:33 เนี่ยมันเป็นส่วนไหนเป็นสมองส่วนไหนนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับถ้าเป็นควบคุมเรื่องการเคลื่อนไหวก็
00:03:35 → 00:03:38 อาจจะเป็นเกลงกระตุกอ่าถ้าเป็นสมองส่วน
00:03:38 → 00:03:41 ของที่รับภาพอ่ารูปแบบของชักอาจจะเป็นการ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นภาพที่ผิดปกติการเห็นแสงเ่อที่ผิด
00:03:45 → 00:03:52 ปกติอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับง่ายที่สุดนะฮะแล้วก็ทำได้ง่ายแล้วก็
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือเราต้องมาเล่า
00:03:58 → 00:04:03 เล่าประวัติเ่อให้คุณหมอฟังนะครับแต่หลาย
00:04:03 → 00:04:06 คนก็คงสงสัยว่าในขณะที่เกิดอาการเนี่ยผู้
00:04:06 → 00:04:09 ป่วยก็จะไม่รู้ตัวใช่มั้ครับเ่อฉะนั้น
00:04:09 → 00:04:11 เนี่ยสิ่งที่สำคัญมากก็คือคนที่เห็นเหตุ
00:04:11 → 00:04:15 การณ์คนในครอบครัวอาจจะต้องมาพบคุณหมอ
00:04:15 → 00:04:17 ด้วยนะครับเพราะคุณหมอก็คงต้องซักประวัติ
00:04:17 → 00:04:20 อย่างละเอียดจากตัวผู้ป่วยเองในช่วงก่อน
00:04:20 → 00:04:24 ที่เขาจะหมดสติแล้วก็ต้องซักจากญาติเ่อ
00:04:24 → 00:04:26 เพื่อให้รายละเอียดของอาการในขณะที่ผู้
00:04:26 → 00:04:29 ป่วยหมดสติไปนะครับอ่าลักษณะประวัติทั้ง
00:04:29 → 00:04:31 หมดเหล่านี้แหละนะครับที่คุณหมอจะมา
00:04:31 → 00:04:34 ประมวลและให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก
00:04:34 → 00:04:36 จริงหรือไม่นะครับหรือเป็นอาการอื่นๆนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับอ่าส่วนการตรวจที่ละเอียดลงไปนะฮะก็
00:04:40 → 00:04:43 อาจจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองนะครับหรือ
00:04:43 → 00:04:46 อ่าในบางกรณีนะครับคุณหมออาจจะต้องส่ง
00:04:46 → 00:04:50 ตรวจภาพอ่าทางรังสีด้วยเช่นทำ CT สแกน
00:04:50 → 00:04:52 หรือทำ M อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือเบื้อง
00:04:52 → 00:04:55 ต้นนะครับในการช่วยวินิจฉัยแต่สิ่งที่
00:04:55 → 00:04:57 สำคัญที่สุดเอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วคือ
00:04:57 → 00:05:00 ประวัตินี่แหละสำคัญมากชั้นเวลาเวลาเราพา
00:05:00 → 00:05:04 เอ่อญาติเราหรือเอ่อคนไข้ไปหาหมอเนี่ยอาจ
00:05:04 → 00:05:08 จะต้องมีญาติหรือคนเห็นเหตุการณ์ไปด้วยนะ
00:05:08 → 00:05:11 [เพลง]
00:05:12 → 00:05:16 ครับปัจจุบันเนี่ยการรักษาเนี่ยผมว่าคน
00:05:16 → 00:05:19 ส่วนใหญ่คือคนโชคดีนะครับอย่างเช่นเรื่อง
00:05:19 → 00:05:21 การรักษาด้วยการใช้ยาเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถหายด้วยแต่ยังคงต้องทานยานะ
00:05:24 → 00:05:28 ครับส่วนที่จะหยุดยาไปเลยเนี่ยปัจจุบันก็
00:05:28 → 00:05:31 อาจจะต้องคิดถึงวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัดนะ
00:05:31 → 00:05:35 ครับอ่าแต่อย่างที่บอกนะการเ่าผ่าตัด
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยอาจจะทำไม่ได้ทุกรายนะครับเราจะ
00:05:38 → 00:05:40 เลือกจริงๆว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่ดื้อต่อ
00:05:40 → 00:05:44 ยาและเราคุมด้วยด้วยยาเราไม่ได้ผลแล้วก็
00:05:44 → 00:05:47 เป็นอาการชักแบบเฉพาะที่ที่เราหาจุด
00:05:47 → 00:05:50 กำเนิดชากได้ชัดเจนนะครับถ้าเราประเมิน
00:05:50 → 00:05:53 โดยแพทย์สาหาสาขาและว่าผู้ป่วยรนั้นเหมาะ
00:05:53 → 00:05:56 ต่อการผ่าตัดเนี่ยเ่อเราก็จะเลือกวิธีการ
00:05:56 → 00:05:58 ผ่าตัดผู้ป่วยส่วนหนึ่งเนี่ยสามารถหายขาด
00:05:59 → 00:06:02 ได้และและหยุดยาได้ด้วยการผ่าตัด
00:06:02 → 00:06:06 [เพลง]
00:06:06 → 00:06:11 ครับอ่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าเอ้อทานยา 2
00:06:11 → 00:06:14 ปีถ้าไม่มีชักสามารถหยุดยาได้นะครับอ่าผม
00:06:14 → 00:06:17 จะบอกมันก็เป็นความจริงแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย
00:06:17 → 00:06:20 ทุกรายนะครับอ่าถ้าเราหาข้อมูลจริงๆก็จะ
00:06:20 → 00:06:23 พบว่าในผู้ป่วยที่เ่อสามารถหยุดยาได้
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ชักมาตั้ง
00:06:26 → 00:06:27 แต่เด็กนะครับผู้ป่วยเหล่านี้เนี่ยเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 สมองเขาโตขึ้นนะครับการพัฒนาของสมองเนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 อาจจะมีส่วนทำให้ชักมันหยุดไปได้ฉะนั้น
00:06:34 → 00:06:37 ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถที่จะหยุดยาได้เลย
00:06:37 → 00:06:39 นะครับแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยถ้าชักมันร่วง
00:06:39 → 00:06:43 เลยเข้ามาสู่วัยผู้ใหญ่โอกาสที่จะหยุดแบบ
00:06:43 → 00:06:47 ไม่ทานเลยเนี่ยอ่าอาจจะเกิดได้น้อยนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 แต่สามารถที่จะลดขนาดได้สุดท้ายแล้วเนี่ย
00:06:50 → 00:06:54 อาจจะต้องติดยาไว้นิดๆนึงนะครับไปไปตลอด
00:06:54 → 00:06:58 นะครับฉะนั้นอ่าการจะหยุดได้ไม่ได้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:00 มันเป็นลักษณะจำเพาะของผู้ป่วยเตลอยู่
00:07:00 → 00:07:02 เหมือนกันนะครับฉะนั้นถ้าให้ดีเนี่ยเรา
00:07:02 → 00:07:05 ควรจะมาปรึกษาแพทย์นะครับแล้วตัดสินใจ
00:07:05 → 00:07:07 ร่วมกันอ่าว่าโรคของเราเนี่ยสามารถที่จะ
00:07:07 → 00:07:10 หยุดยาได้หรือไม่นะครับหรืออย่างน้อย
00:07:10 → 00:07:14 สามารถที่จะลดขนาดได้หรือไม่นะ
00:07:14 → 00:07:17 [เพลง]
00:07:17 → 00:07:21 ครับปัจจุบันยากัญชรมีมากมายนะฮะมีมาก
00:07:21 → 00:07:24 กว่า 20 ชนิดนะฮะฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะมี
00:07:24 → 00:07:27 ความหลากหลายอยู่พอสมควรนะครับแต่ที่เรา
00:07:27 → 00:07:30 อาจจะเจอเยอะเช่นทานแล้วง่วงนอนมีเวียน
00:07:30 → 00:07:34 หัวมีเดินเซนะครับฉะนั้นเนี่ยเราอาจจะ
00:07:34 → 00:07:37 ต้องมาปรึกษาแพทย์จริงๆครับว่ายาที่ทาน
00:07:37 → 00:07:39 อยู่เนี่ยลักษณะของผลกล้างเคียงเป็นอย่าง
00:07:39 → 00:07:42 ไรและอาการที่เรามีขนาดนั้นมันเป็นผล
00:07:42 → 00:07:45 กล้างเคียงจากยาหรือไม่นะครับก็คงต้องไป
00:07:45 → 00:07:48 ปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วอาการ
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราสงสัยอ่ะใช้ผลข้างเคียงหรือเปล่านะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับจริงๆอย่างที่ผมว่าเนี่ยเนื่องจากยา
00:07:54 → 00:07:57 กระชักมันมีหลากหลายมากมายสมมุติว่าเรา
00:07:57 → 00:08:00 ใช้ยาตัวเนี้ยแล้วมีผลข้างเียงเราสามารถ
00:08:00 → 00:08:02 ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ฉะนั้นมัน
00:08:02 → 00:08:06 ไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้สิ้นหวังอนะครับ
00:08:06 → 00:08:08 เพราะยาเรามีให้เลือกเยอะฉะนั้นแล้วก็ไม่
00:08:08 → 00:08:15 ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับอันนี้เรื่องสำคัญเลยนะครับอยากฝาก
00:08:18 → 00:08:22 ทุกคนว่าการรักษาโรคลมชักให้ได้ผลอ่าควบ
00:08:22 → 00:08:24 คุมอาการชักได้ดีเนี่ยอาจจะไม่ได้พึ่งคุณ
00:08:24 → 00:08:27 หมออย่างเดียวนะครับเราอาจจะต้องพึ่งตัว
00:08:27 → 00:08:29 เองและครอบครัวด้วยนะครับว่าเราจะต้อง
00:08:29 → 00:08:32 ปรับการดำรงชีวิตให้ดีด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:32 → 00:08:35 เราจะพบว่าจะมีสาเหตุที่เราเจอบ่อยๆเลยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับที่สามารถทำให้ชักมันออกมาเป็นบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:42 อันที่ 1 ก็คือการทานยาไม่สม่ำเสมอนะครับ
00:08:42 → 00:08:45 อันนี้เราควรจะต้องหาวิธีอะไรก็ตามเนี่ย
00:08:45 → 00:08:47 ที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้ป่วยทานยาให้สม่ำ
00:08:47 → 00:08:50 เสมอนะครับอันที่ 2 ก็คือการพักผ่อนไม่
00:08:50 → 00:08:53 เพียงพอเราสังเกตเลยว่าผู้ป่วยรดลมชัก
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยส่วนใหญ่นะครับถ้านอนน้อยปุ๊บเดี๋ยว
00:08:56 → 00:08:58 ชักก็จะหลุดออกมาฉะนั้นเราก็คงทำยังไงก็
00:08:58 → 00:09:02 ได้ให้เราพักผ่อนให้ได้ดีนะครับอไม่ใช้
00:09:02 → 00:09:05 โทรศัพท์หรือเ่ออยู่ในโลกออนไลน์จนดึก
00:09:05 → 00:09:06 อย่างเงี้ยฮะเราจะเจอบ่อยมากโดยเฉพาะใน
00:09:06 → 00:09:09 วัยรุ่นนะครับนั้นเราควรจะปรับการนอนให้
00:09:09 → 00:09:12 ให้ดีนะครับอันสุดท้ายคือเรื่องของความ
00:09:12 → 00:09:15 เครียดนะครับเครียดในวันนี้ผมว่ามันก็ก็
00:09:15 → 00:09:18 เอ่อจัดการยากเหมือนกันแต่วิธีนึงที่อยาก
00:09:18 → 00:09:21 จะแนะนำคือการออกกำลังกายนะครับเวลาที่
00:09:21 → 00:09:23 เราออกกำลังกายเนี่ยมันก็จะช่วยให้ความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดลดลงแล้วก็นอนได้ดีด้วยอ่ะครับ
00:09:26 → 00:09:28 ฉะนั้น 3 เหตุปัจจัยเนี่ยถ้าเราช่วยคุณ
00:09:28 → 00:09:31 หมอได้นะครับก็จะทำให้เราบางทีเราไม่ต้อง
00:09:31 → 00:09:35 ใช้ยาขนาดสูงๆเลยนะครับเราใช้ยานิดเดียว
00:09:35 → 00:09:38 ร่วมกับการปรับการดำรงชีวิตให้ดีการคุม
00:09:38 → 00:09:42 ชักก็จะทำได้ดีไปด้วยโดยอัตโนมัตินะ
00:09:42 → 00:09:44 [เพลง]
00:09:44 → 00:09:48 ครับ tn and Health เราจะรวบรวมความรู้
00:09:48 → 00:09:51 ทางด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อ
00:09:51 → 00:09:54 ถือพร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุก
00:09:54 → 00:09:58 ประเด็นสุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุม
00:09:58 → 00:10:00 มองของของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความ
00:10:00 → 00:10:04 รู้ทางด้านต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุก
00:10:04 → 00:10:09 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:10:09 → 00:10:21 [เพลง]
00:10:21 → 00:10:28
00:10:28 → 00:10:38 โลค
00:10:38 → 00:10:41 แ
00:00:10 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:21 TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:00:21 → 00:00:24 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:00:24 → 00:00:27 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:31 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:00:31 → 00:00:34 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:00:34 → 00:00:38 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:38 → 00:00:42 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:00:42 → 00:00:48 [เพลง]
00:00:54 → 00:00:58 โรคโรคร่มช้าจริงๆเป็นโรคของสมองนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 เป็นโรคที่เกิดจากการสร้างไฟฟ้าที่ผิด
00:01:00 → 00:01:03 ปกติของเซลล์สมองนะครับแล้วก็ทำให้เกิด
00:01:03 → 00:01:06 อาการชักอ่าตามบริเวณของจุดที่เป็นจุด
00:01:06 → 00:01:10 กำเนิดนะครับเช่นสมมุติสมมติว่าเ่าชัก
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันเกิดจากความผิดิของเซลล์สมองใน
00:01:13 → 00:01:16 ส่วนของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนั้น
00:01:16 → 00:01:19 เวลาที่ชักเกิดเซลล์สมรเหล่านั้นก็จะ
00:01:19 → 00:01:22 สร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรูปแบบของอาชัก
00:01:22 → 00:01:24 อาจะเห็นเป็นลักษณะของเกรงกระตุกอย่างนี้
00:01:24 → 00:01:26 เป็นต้นนะ
00:01:26 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ครับ
00:01:31 → 00:01:34 อ่าสาเหตุส่วนใหญ่เนี่ยประมาณ 60 70%
00:01:34 → 00:01:37 เราไม่ทราบนะครับว่าเกิดจากอะไรเนี่ยก็พบ
00:01:37 → 00:01:39 ว่า 1 ใน 3 ของในกลุ่มเนี้ยที่เราไม่ทราบ
00:01:39 → 00:01:42 เหตุเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุที่จักพันธุกรรม
00:01:42 → 00:01:45 นะครับส่วนใน 30-40 per ที่เราทราบเหตุ
00:01:45 → 00:01:48 เนี่ยสาเหตุก็จะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
00:01:48 → 00:01:51 นะครับอย่างในเด็กเล็กๆเนี่ยสาเหตุก็อาจ
00:01:51 → 00:01:54 จะเป็นเ่อการขาดออกซิเจนแลกคลอดนะครับ
00:01:54 → 00:01:57 หรือมีการติดเชื้อในสมองหรือเป็นการพัฒนา
00:01:57 → 00:02:00 ของสมองที่ผิดปกตินะครับถ้าโตขึ้นมาใน
00:02:00 → 00:02:04 ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีการเดินทางมีการขับ
00:02:04 → 00:02:06 รถสาเหตุของรบชักอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ
00:02:06 → 00:02:09 เงี้เป็นต้นในผู้สูงอายุก็จะเริ่มมี
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองเข้ามาโรคหลอด
00:02:12 → 00:02:14 เลือดสมองนี่เองเนี่ยอาจจะเป็นสาเหตุทำ
00:02:14 → 00:02:23 ให้เกิดเ่อโรคลมชักในผู้สูงอายุได้นะ
00:02:23 → 00:02:26 ครับก็อันนี้อยากจะทำความเข้าใจอย่างให้
00:02:26 → 00:02:29 คนทั่วไปพอทราบนะครับว่าจริงๆรูปแบบของ
00:02:29 → 00:02:31 อาจารย์ชักเนี่ยมันสามารถมีหลากหลายได้
00:02:31 → 00:02:34 เลยนะครับอ่าอ่ารูปแบบที่หลายคนอาจจะเห็น
00:02:34 → 00:02:36 นะฮะคือการเกร็งกระตุกอันนั้นเป็นเพียง
00:02:36 → 00:02:40 แค่รูปแบบหนึ่งนะครับเอ่อรูปแบบอื่นๆเช่น
00:02:40 → 00:02:43 คนไข้อาจจะไม่รู้ตัวเนิ่งทำอะไรโดย
00:02:43 → 00:02:47 อัตโนมัติอ่ามีเขี้ยวปากมีมือคลำนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 อันนี้ก็เป็นรูปแบบของอาการชักได้นะครับ
00:02:51 → 00:02:53 อยากจะบอกว่าข้อสังเกตเนี่ยเราจะรู้ว่า
00:02:53 → 00:02:56 อาการนั้นเป็นอาการชักหรือไม่เนี่ยก็จะมี
00:02:56 → 00:02:59 ลักษณะร่วมอยู่ 2 อย่างที่สำคัญนะครับอัน
00:02:59 → 00:03:02 ที่ 1 ก็คือว่าอาการเหล่านั้นที่ผิดปกติ
00:03:02 → 00:03:04 เนี่ยอาจจะต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะฮะสั้น
00:03:04 → 00:03:07 ก็คือเป็นหลักวินาทีหรือ 1-2 นาทีอย่าง
00:03:07 → 00:03:09 งี้เป็นต้นนะครับแล้วก็เวลาที่มันเป็นซ้ำ
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยมันก็จะเป็นคล้ายๆกันเ่อเหมือนๆกัน
00:03:12 → 00:03:15 ในทุกๆครั้งนะครับงั้นถ้าเรามีอาการที่
00:03:15 → 00:03:19 ผิดปกติแล้วก็เป็นช่วงสั้นๆแล้วก็เป็นซ้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ๆเหมือนๆกันนะครับเราอาจจะต้องข้อมีข้อ
00:03:22 → 00:03:25 สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการหนึ่งของชักได้นะ
00:03:25 → 00:03:28 ครับอย่างที่บอกไปล่ะครับรูปแบบมันก็ขึ้น
00:03:28 → 00:03:31 อยู่กับว่าจุดที่ปลกระแสไฟฟ้าที่ปกติ
00:03:31 → 00:03:33 เนี่ยมันเป็นส่วนไหนเป็นสมองส่วนไหนนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับถ้าเป็นควบคุมเรื่องการเคลื่อนไหวก็
00:03:35 → 00:03:38 อาจจะเป็นเกลงกระตุกอ่าถ้าเป็นสมองส่วน
00:03:38 → 00:03:41 ของที่รับภาพอ่ารูปแบบของชักอาจจะเป็นการ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นภาพที่ผิดปกติการเห็นแสงเ่อที่ผิด
00:03:45 → 00:03:52 ปกติอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับง่ายที่สุดนะฮะแล้วก็ทำได้ง่ายแล้วก็
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือเราต้องมาเล่า
00:03:58 → 00:04:03 เล่าประวัติเ่อให้คุณหมอฟังนะครับแต่หลาย
00:04:03 → 00:04:06 คนก็คงสงสัยว่าในขณะที่เกิดอาการเนี่ยผู้
00:04:06 → 00:04:09 ป่วยก็จะไม่รู้ตัวใช่มั้ครับเ่อฉะนั้น
00:04:09 → 00:04:11 เนี่ยสิ่งที่สำคัญมากก็คือคนที่เห็นเหตุ
00:04:11 → 00:04:15 การณ์คนในครอบครัวอาจจะต้องมาพบคุณหมอ
00:04:15 → 00:04:17 ด้วยนะครับเพราะคุณหมอก็คงต้องซักประวัติ
00:04:17 → 00:04:20 อย่างละเอียดจากตัวผู้ป่วยเองในช่วงก่อน
00:04:20 → 00:04:24 ที่เขาจะหมดสติแล้วก็ต้องซักจากญาติเ่อ
00:04:24 → 00:04:26 เพื่อให้รายละเอียดของอาการในขณะที่ผู้
00:04:26 → 00:04:29 ป่วยหมดสติไปนะครับอ่าลักษณะประวัติทั้ง
00:04:29 → 00:04:31 หมดเหล่านี้แหละนะครับที่คุณหมอจะมา
00:04:31 → 00:04:34 ประมวลและให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก
00:04:34 → 00:04:36 จริงหรือไม่นะครับหรือเป็นอาการอื่นๆนะ
00:04:37 → 00:04:40 ครับอ่าส่วนการตรวจที่ละเอียดลงไปนะฮะก็
00:04:40 → 00:04:43 อาจจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองนะครับหรือ
00:04:43 → 00:04:46 อ่าในบางกรณีนะครับคุณหมออาจจะต้องส่ง
00:04:46 → 00:04:50 ตรวจภาพอ่าทางรังสีด้วยเช่นทำ CT สแกน
00:04:50 → 00:04:52 หรือทำ M อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือเบื้อง
00:04:52 → 00:04:55 ต้นนะครับในการช่วยวินิจฉัยแต่สิ่งที่
00:04:55 → 00:04:57 สำคัญที่สุดเอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วคือ
00:04:57 → 00:05:00 ประวัตินี่แหละสำคัญมากชั้นเวลาเวลาเราพา
00:05:00 → 00:05:04 เอ่อญาติเราหรือเอ่อคนไข้ไปหาหมอเนี่ยอาจ
00:05:04 → 00:05:08 จะต้องมีญาติหรือคนเห็นเหตุการณ์ไปด้วยนะ
00:05:08 → 00:05:11 [เพลง]
00:05:12 → 00:05:16 ครับปัจจุบันเนี่ยการรักษาเนี่ยผมว่าคน
00:05:16 → 00:05:19 ส่วนใหญ่คือคนโชคดีนะครับอย่างเช่นเรื่อง
00:05:19 → 00:05:21 การรักษาด้วยการใช้ยาเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถหายด้วยแต่ยังคงต้องทานยานะ
00:05:24 → 00:05:28 ครับส่วนที่จะหยุดยาไปเลยเนี่ยปัจจุบันก็
00:05:28 → 00:05:31 อาจจะต้องคิดถึงวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัดนะ
00:05:31 → 00:05:35 ครับอ่าแต่อย่างที่บอกนะการเ่าผ่าตัด
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยอาจจะทำไม่ได้ทุกรายนะครับเราจะ
00:05:38 → 00:05:40 เลือกจริงๆว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่ดื้อต่อ
00:05:40 → 00:05:44 ยาและเราคุมด้วยด้วยยาเราไม่ได้ผลแล้วก็
00:05:44 → 00:05:47 เป็นอาการชักแบบเฉพาะที่ที่เราหาจุด
00:05:47 → 00:05:50 กำเนิดชากได้ชัดเจนนะครับถ้าเราประเมิน
00:05:50 → 00:05:53 โดยแพทย์สาหาสาขาและว่าผู้ป่วยรนั้นเหมาะ
00:05:53 → 00:05:56 ต่อการผ่าตัดเนี่ยเ่อเราก็จะเลือกวิธีการ
00:05:56 → 00:05:58 ผ่าตัดผู้ป่วยส่วนหนึ่งเนี่ยสามารถหายขาด
00:05:59 → 00:06:02 ได้และและหยุดยาได้ด้วยการผ่าตัด
00:06:02 → 00:06:06 [เพลง]
00:06:06 → 00:06:11 ครับอ่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าเอ้อทานยา 2
00:06:11 → 00:06:14 ปีถ้าไม่มีชักสามารถหยุดยาได้นะครับอ่าผม
00:06:14 → 00:06:17 จะบอกมันก็เป็นความจริงแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย
00:06:17 → 00:06:20 ทุกรายนะครับอ่าถ้าเราหาข้อมูลจริงๆก็จะ
00:06:20 → 00:06:23 พบว่าในผู้ป่วยที่เ่อสามารถหยุดยาได้
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ชักมาตั้ง
00:06:26 → 00:06:27 แต่เด็กนะครับผู้ป่วยเหล่านี้เนี่ยเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 สมองเขาโตขึ้นนะครับการพัฒนาของสมองเนี่ย
00:06:31 → 00:06:34 อาจจะมีส่วนทำให้ชักมันหยุดไปได้ฉะนั้น
00:06:34 → 00:06:37 ผู้ป่วยเหล่านั้นสามารถที่จะหยุดยาได้เลย
00:06:37 → 00:06:39 นะครับแต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยถ้าชักมันร่วง
00:06:39 → 00:06:43 เลยเข้ามาสู่วัยผู้ใหญ่โอกาสที่จะหยุดแบบ
00:06:43 → 00:06:47 ไม่ทานเลยเนี่ยอ่าอาจจะเกิดได้น้อยนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 แต่สามารถที่จะลดขนาดได้สุดท้ายแล้วเนี่ย
00:06:50 → 00:06:54 อาจจะต้องติดยาไว้นิดๆนึงนะครับไปไปตลอด
00:06:54 → 00:06:58 นะครับฉะนั้นอ่าการจะหยุดได้ไม่ได้เนี่ย
00:06:58 → 00:07:00 มันเป็นลักษณะจำเพาะของผู้ป่วยเตลอยู่
00:07:00 → 00:07:02 เหมือนกันนะครับฉะนั้นถ้าให้ดีเนี่ยเรา
00:07:02 → 00:07:05 ควรจะมาปรึกษาแพทย์นะครับแล้วตัดสินใจ
00:07:05 → 00:07:07 ร่วมกันอ่าว่าโรคของเราเนี่ยสามารถที่จะ
00:07:07 → 00:07:10 หยุดยาได้หรือไม่นะครับหรืออย่างน้อย
00:07:10 → 00:07:14 สามารถที่จะลดขนาดได้หรือไม่นะ
00:07:14 → 00:07:17 [เพลง]
00:07:17 → 00:07:21 ครับปัจจุบันยากัญชรมีมากมายนะฮะมีมาก
00:07:21 → 00:07:24 กว่า 20 ชนิดนะฮะฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะมี
00:07:24 → 00:07:27 ความหลากหลายอยู่พอสมควรนะครับแต่ที่เรา
00:07:27 → 00:07:30 อาจจะเจอเยอะเช่นทานแล้วง่วงนอนมีเวียน
00:07:30 → 00:07:34 หัวมีเดินเซนะครับฉะนั้นเนี่ยเราอาจจะ
00:07:34 → 00:07:37 ต้องมาปรึกษาแพทย์จริงๆครับว่ายาที่ทาน
00:07:37 → 00:07:39 อยู่เนี่ยลักษณะของผลกล้างเคียงเป็นอย่าง
00:07:39 → 00:07:42 ไรและอาการที่เรามีขนาดนั้นมันเป็นผล
00:07:42 → 00:07:45 กล้างเคียงจากยาหรือไม่นะครับก็คงต้องไป
00:07:45 → 00:07:48 ปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วอาการ
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราสงสัยอ่ะใช้ผลข้างเคียงหรือเปล่านะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับจริงๆอย่างที่ผมว่าเนี่ยเนื่องจากยา
00:07:54 → 00:07:57 กระชักมันมีหลากหลายมากมายสมมุติว่าเรา
00:07:57 → 00:08:00 ใช้ยาตัวเนี้ยแล้วมีผลข้างเียงเราสามารถ
00:08:00 → 00:08:02 ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตัวอื่นได้ฉะนั้นมัน
00:08:02 → 00:08:06 ไม่ได้ไม่ได้มีไม่ได้สิ้นหวังอนะครับ
00:08:06 → 00:08:08 เพราะยาเรามีให้เลือกเยอะฉะนั้นแล้วก็ไม่
00:08:08 → 00:08:15 ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ
00:08:15 → 00:08:18 ครับอันนี้เรื่องสำคัญเลยนะครับอยากฝาก
00:08:18 → 00:08:22 ทุกคนว่าการรักษาโรคลมชักให้ได้ผลอ่าควบ
00:08:22 → 00:08:24 คุมอาการชักได้ดีเนี่ยอาจจะไม่ได้พึ่งคุณ
00:08:24 → 00:08:27 หมออย่างเดียวนะครับเราอาจจะต้องพึ่งตัว
00:08:27 → 00:08:29 เองและครอบครัวด้วยนะครับว่าเราจะต้อง
00:08:29 → 00:08:32 ปรับการดำรงชีวิตให้ดีด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:32 → 00:08:35 เราจะพบว่าจะมีสาเหตุที่เราเจอบ่อยๆเลยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับที่สามารถทำให้ชักมันออกมาเป็นบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:42 อันที่ 1 ก็คือการทานยาไม่สม่ำเสมอนะครับ
00:08:42 → 00:08:45 อันนี้เราควรจะต้องหาวิธีอะไรก็ตามเนี่ย
00:08:45 → 00:08:47 ที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้ป่วยทานยาให้สม่ำ
00:08:47 → 00:08:50 เสมอนะครับอันที่ 2 ก็คือการพักผ่อนไม่
00:08:50 → 00:08:53 เพียงพอเราสังเกตเลยว่าผู้ป่วยรดลมชัก
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยส่วนใหญ่นะครับถ้านอนน้อยปุ๊บเดี๋ยว
00:08:56 → 00:08:58 ชักก็จะหลุดออกมาฉะนั้นเราก็คงทำยังไงก็
00:08:58 → 00:09:02 ได้ให้เราพักผ่อนให้ได้ดีนะครับอไม่ใช้
00:09:02 → 00:09:05 โทรศัพท์หรือเ่ออยู่ในโลกออนไลน์จนดึก
00:09:05 → 00:09:06 อย่างเงี้ยฮะเราจะเจอบ่อยมากโดยเฉพาะใน
00:09:06 → 00:09:09 วัยรุ่นนะครับนั้นเราควรจะปรับการนอนให้
00:09:09 → 00:09:12 ให้ดีนะครับอันสุดท้ายคือเรื่องของความ
00:09:12 → 00:09:15 เครียดนะครับเครียดในวันนี้ผมว่ามันก็ก็
00:09:15 → 00:09:18 เอ่อจัดการยากเหมือนกันแต่วิธีนึงที่อยาก
00:09:18 → 00:09:21 จะแนะนำคือการออกกำลังกายนะครับเวลาที่
00:09:21 → 00:09:23 เราออกกำลังกายเนี่ยมันก็จะช่วยให้ความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดลดลงแล้วก็นอนได้ดีด้วยอ่ะครับ
00:09:26 → 00:09:28 ฉะนั้น 3 เหตุปัจจัยเนี่ยถ้าเราช่วยคุณ
00:09:28 → 00:09:31 หมอได้นะครับก็จะทำให้เราบางทีเราไม่ต้อง
00:09:31 → 00:09:35 ใช้ยาขนาดสูงๆเลยนะครับเราใช้ยานิดเดียว
00:09:35 → 00:09:38 ร่วมกับการปรับการดำรงชีวิตให้ดีการคุม
00:09:38 → 00:09:42 ชักก็จะทำได้ดีไปด้วยโดยอัตโนมัตินะ
00:09:42 → 00:09:44 [เพลง]
00:09:44 → 00:09:48 ครับ tn and Health เราจะรวบรวมความรู้
00:09:48 → 00:09:51 ทางด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อ
00:09:51 → 00:09:54 ถือพร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุก
00:09:54 → 00:09:58 ประเด็นสุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุม
00:09:58 → 00:10:00 มองของของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความ
00:10:00 → 00:10:04 รู้ทางด้านต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุก
00:10:04 → 00:10:09 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:10:09 → 00:10:21 [เพลง]
00:10:21 → 00:10:28
00:10:28 → 00:10:38 โลค
00:10:38 → 00:10:41 แ