00:00:00 → 00:00:03 โรคปอดบวมเป็นสาเหตุอันดับหนึ่ง
00:00:03 → 00:00:07 ของการเสียชีวิตในเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี
00:00:07 → 00:00:11 เด็กอาจมีอาการงอแง ซึมลง มีหายใจหน้าอกบุ๋ม
00:00:11 → 00:00:15 มีปีกจมูกบานหรือว่าหยุดหายใจเป็นพัก ๆ
00:00:15 → 00:00:23 [เสียงดนตรี]
00:00:23 → 00:00:26 โรคปอดบวม หรืออีกชื่อที่เรียกว่าปอดอักเสบ
00:00:26 → 00:00:32 คือการอักเสบเฉียบพลันของเนื้อปอด หลอดลมส่วนปลาย และถุงลม
00:00:32 → 00:00:35 ทำให้ความสามารถของทางเดินหายใจลดลง
00:00:35 → 00:00:38 สาเหตุของการติดเชื้อโรคปอดบวม
00:00:38 → 00:00:40 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ
00:00:40 → 00:00:44 เชื้อที่พบได้บ่อยคือ เชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย
00:00:44 → 00:00:49 เชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยก็คือ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัส RSV
00:00:49 → 00:00:54 ส่วนเชื้อแบคทีเรียจะมีความแตกต่างกัน ตามอายุของเด็กแต่ละราย
00:00:54 → 00:00:56 การติดต่อของเชื้อปอดบวม
00:00:56 → 00:01:03 สามารถติดต่อได้จากการสูดสำลักเอาเสมหะ หรือเอาน้ำมูกของผู้ป่วยเข้าไป
00:01:03 → 00:01:08 หรืออาจจะมีการติดเชื้อผ่านทางกระแสเลือด เข้าสู่ปอดก็ได้นะครับ
00:01:08 → 00:01:12 เด็กเล็กที่เป็นปอดบวม จะมีอันตรายที่สูงกว่าเด็กโต
00:01:12 → 00:01:15 เนื่องจาก หนึ่งภูมิต้านทานเขาน้อยกว่า
00:01:15 → 00:01:21 อันที่สองก็คือตัวทางเดินหายใจ ของเด็กมีขนาดที่เล็กกว่า
00:01:21 → 00:01:26 เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดอาการอักเสบ หรือว่ามีเสมหะอุดทางเดินหายใจ
00:01:26 → 00:01:29 เขาก็จะมีอาการที่รุนแรงกว่าเด็กโต
00:01:29 → 00:01:30 การตรวจวินิจฉัยทั่วไป
00:01:30 → 00:01:36 เราก็จะดูจำนวนของการหายใจของเด็กว่า เด็กมีภาวะหายใจเร็วไหม
00:01:36 → 00:01:41 จากนั้น ก็จะมีดูว่า เด็กต้องมีการใช้กล้ามเนื้อ
00:01:41 → 00:01:43 ที่ช่วยในการหายใจมากน้อยแค่ไหน
00:01:44 → 00:01:46 อาการของปอดบวมในเด็ก
00:01:46 → 00:01:51 จะขึ้นกับอายุ ชนิดของเชื้อ และก็ความรุนแรงของตัวโรค
00:01:51 → 00:01:53 ในเด็กเล็กอาการอาจไม่จำเพาะ
00:01:53 → 00:01:59 เด็กอาจมีอาการงอแง ซึมลง ดูดนมน้อยลง หรือว่าหยุดหายใจเป็นพัก ๆ
00:01:59 → 00:02:05 แต่ว่าในเด็กทั่วไปมักมีอาการไข้ ไอ เสมหะ หอบเหนื่อย หายใจเร็ว
00:02:05 → 00:02:07 ในรายที่เป็นรุนแรงมาก
00:02:07 → 00:02:12 ผู้ปกครองอาจสังเกตว่าเด็ก มีหายใจหน้าอกบุ๋ม มีปีกจมูกบาน
00:02:12 → 00:02:17 บางรายมีอาการขาดออกซิเจน ทำให้มีอาการตัวเขียว ปากเขียวได้
00:02:17 → 00:02:23 จากอาการและการฟังเสียงปอด น่าจะวินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม
00:02:23 → 00:02:25 แล้วอย่างนี้ต้องอย่างไรครับคุณหมอ
00:02:25 → 00:02:28 ก็คือการรักษาโรคปอดบวมขึ้นกับอาการของเด็ก
00:02:28 → 00:02:32 ก็จะแบ่งออกเป็นการรักษาประคับประคอง และการรักษาจำเพาะ
00:02:32 → 00:02:35 การรักษาประคับประคอง ได้แก่ การให้ยาลดไข้
00:02:35 → 00:02:37 หรือการเช็ดตัวเมื่อเด็กมีไข้
00:02:37 → 00:02:41 หรือการให้สารน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อที่จะลดปริมาณเสมหะ
00:02:41 → 00:02:44 การทำกายภาพหรือว่าการเคาะปอด
00:02:44 → 00:02:48 ในรายที่มีการขาดออกซิเจนหรือหายใจลำบาก
00:02:48 → 00:02:50 ก็จะมีการให้ออกซิเจนร่วมด้วย
00:02:50 → 00:02:56 ส่วนการรักษาจำเพาะก็คือ จะขึ้นกับสาเหตุของเชื้อปอดบวม
00:02:56 → 00:02:59 หากเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
00:02:59 → 00:03:02 ก็จะมีการให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
00:03:02 → 00:03:07 หรือว่าการให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่เป็นปอดบวม จากการติดเชื้อแบคทีเรีย
00:03:07 → 00:03:15 ระหว่างนี้ถ้าสังเกตอาการที่บ้าน น้องมีอาการไข้สูง มีหายใจหอบเหนื่อย
00:03:15 → 00:03:21 คุณพ่อสังเกตว่ามีปีกจมูกบาน หายใจกระแทก หน้าอกบุ๋ม
00:03:21 → 00:03:24 ก็แนะนำให้คุณพ่อมาตรวจที่โรงพยาบาลซ้ำ
00:03:24 → 00:03:25 เพื่อประเมินอาการอีกทีหนึ่ง
00:03:25 → 00:03:26 ครับ ได้ครับ
00:03:26 → 00:03:30 ปัจจุบันเรามีวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม
00:03:30 → 00:03:36 เรียกว่าวัคซีน IPD ซึ่งสามารถป้องกัน การติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส
00:03:36 → 00:03:39 ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อปอดบวมได้
00:03:39 → 00:03:45 รวมถึงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็อาจสามารถป้องกันโรคปอดบวมได้
00:03:45 → 00:03:47 จากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เหมือนกัน
00:03:47 → 00:03:50 ดังนั้นเมื่อพ่อแม่สังเกตว่าบุตรหลานของท่าน
00:03:50 → 00:03:54 มีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรืออาการผิดปกติ
00:03:54 → 00:03:56 ควรรีบนำมาพบแพทย์นะครับ
00:03:56 → 00:04:04 [เสียงดนตรี]
00:04:04 → 00:04:06 หากบุตรหลานของท่านมีปัญหาสุขภาพ
00:04:06 → 00:04:08 อย่าลืมพามาพบหมอกันนะครับ