00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับตอนนี้เนี่ยมันมีงานวิจัยชิ้น
00:00:02 → 00:00:04 นึงออกมาแล้วทำให้หลายคนที่ใช้ smart
00:00:04 → 00:00:06 watch อยู่เนี่ยมีความกังวลใจเป็นอย่าง
00:00:06 → 00:00:09 มากครับงานวิจัยชิ้นนี้เนี่ยเาเอาสาย
00:00:09 → 00:00:12 นาฬิกา smart watch หลายๆรุ่นหลายๆ
00:00:12 → 00:00:14 ยี่ห้อเนี่ยไปตรวจสอบแล้วมันันเจอว่ามัน
00:00:14 → 00:00:18 มีสารพิษอยู่ตัวนึงชื่อว่า per flu
00:00:18 → 00:00:21 hexanoic Acid สารตัวเนี้ยจะส่งผลทำให้
00:00:21 → 00:00:25 เกิดปัญหาต่างๆกับร่างกายได้ทีนี้แหละ
00:00:25 → 00:00:28 ครับคนที่ใช้ smart watch ก็มีความกังวล
00:00:28 → 00:00:30 ใจเป็นอย่างมากเลยว่าเเ้ยเราใส่มานานแล้ว
00:00:31 → 00:00:32 เนี่ยเราจะเป็นอะไรไปแล้วหรือยังต้องไป
00:00:33 → 00:00:35 ตรวจอะไรมยแล้วเราจะทำยังไงกับสายพวกนี้
00:00:36 → 00:00:37 ดีต้องเปลี่ยนสายหรือเปล่าเราจะเป็น
00:00:37 → 00:00:40 มะเร็งมยหรือเราจะมีโรคอะไรโผล่ขึ้นมาอีก
00:00:40 → 00:00:42 หรือเปล่าโรคที่เราเป็นอยู่มันเกิดจากสรว
00:00:42 → 00:00:45 ที่เราใส่อยู่มั้ยวันนี้ผมจะเล่าให้ฟังนะ
00:00:45 → 00:00:48 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวันเป็น
00:00:48 → 00:00:50 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
00:00:50 → 00:00:52 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:52 → 00:00:55 บำบัดนะครับผมเองเนี่ยนะครับก็เป็นคนที่
00:00:55 → 00:00:59 ใช้ smart watch อยู่ทุกวันนะครับนี่ผม
00:00:59 → 00:01:02 ใช้เป็น Apple นะครับก็คือสายของ Apple
00:01:02 → 00:01:04 ที่งานวิจัยชิ้นเนี้ยเค้าก็ดันไปตรวจมา
00:01:04 → 00:01:08 ด้วยนะครับงานวิจัยชิ้นนี้ทำออกมาจาก
00:01:08 → 00:01:10 University of not Dam ที่ indiana
00:01:10 → 00:01:13 ของอเมริกานะครับเาเอาสายนาฬิกา smart
00:01:13 → 00:01:17 watch ทั้งหมด 22 สายประกอบไปด้วยหลาก
00:01:17 → 00:01:20 หลายยี่ห้อไปตรวจสอบนะครับยี่ห้อที่ว่าก็
00:01:20 → 00:01:23 มี Apple Apple collab กับ Nike
00:01:23 → 00:01:25 castify
00:01:25 → 00:01:28 fitbit Google King of Kings
00:01:28 → 00:01:33 modal Samsung T hen และ vora นะครับ
00:01:33 → 00:01:36 พวกนี้คือยี่ห้อที่เขาไปตรวจสอบหาสารตัว
00:01:36 → 00:01:40 หนึ่งชื่อว่า fluoroelastomer ซึ่งสารตัว
00:01:40 → 00:01:43 นี้เนี่ยมันเป็นสารประกอบที่เกิดมาจากสาร
00:01:43 → 00:01:47 กลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า pfas
00:01:47 → 00:01:51 pfas สารตัวนี้เนี่ยมันย่อมาจาก per
00:01:51 → 00:01:54 fluro alc substances หรือบางคนก็จะ
00:01:54 → 00:01:57 เรียกมันว่า Poly fluro alc substances
00:01:58 → 00:02:01 pfas นะครับสารตัวนี้เนี่ยมันเป็นตัว
00:02:01 → 00:02:05 ประกอบของคาร์บอนและฟลัวไรด์เหตุผลที่มัน
00:02:05 → 00:02:08 เอามาประกอบกันเพราะว่าถ้าเอามาประกอบกัน
00:02:09 → 00:02:11 แล้วสิ่งที่ได้ออกมาเนี่ยจะมีความทนทาน
00:02:11 → 00:02:14 ต่อสภาวะแวดล้อมเป็นอย่างมากนะครับทนความ
00:02:14 → 00:02:19 ร้อนทนแดดทนฝนทนเหงื่อทนครีมกันแดดทน
00:02:19 → 00:02:22 เครื่องสำอางทนไขมันที่มันออกมาจากผิว
00:02:22 → 00:02:26 หนังของเรานะครับทนทุกอย่างเลยก็เลยเหมาะ
00:02:26 → 00:02:30 กับการที่จะเอามาทำเป็นสายนาฬิกา
00:02:30 → 00:02:32 นะครับเพราะสายนาฬิกาเนี่ยเค้าก็จะโฆษณา
00:02:32 → 00:02:36 ว่าเอาไว้ออกกำลังกายเอาไว้สมบุกสมบันนะ
00:02:36 → 00:02:40 ครับก็เลยน่าจะเอามาเป็นตัวประกอบในสาย
00:02:40 → 00:02:42 นาฬิกานอกจากนี้ยังมีการเอาไปใช้กับสิ่ง
00:02:42 → 00:02:46 อย่างอื่นอีกเช่นเบาะรถนะครับหรือเสื้อ
00:02:46 → 00:02:48 ผ้าบางอย่างนะครับก็จะมีสาร pfas อยู่
00:02:48 → 00:02:53 ด้วยสาร pfas เนี่ยมันมีหลายชนิดมากมาย
00:02:53 → 00:02:56 เลยนะครับโดยเา้าจะแบ่งเป็นสาย P Fast
00:02:56 → 00:03:01 แบบสั้นกับแบบยาวนะครับแบบยาวเนี่ยจะถูก
00:03:01 → 00:03:03 ดูดซึมเข้าร่างกายได้ยากก็จะไม่ค่อยมี
00:03:04 → 00:03:07 ปัญหานะครับแบบสั้นเนี่ยจะถูกดูดซึมเข้า
00:03:07 → 00:03:10 ร่างกายได้ง่ายนะครับโดยนับตามจำนวน
00:03:10 → 00:03:12 คาร์บอนอะตอมถ้ามีคาร์บอนตั้งแต่ 7 ตัว
00:03:12 → 00:03:15 เป็นต้นนไปก็จะถือว่ามันเป็นตัวยาวถ้า
00:03:15 → 00:03:18 เกิดว่าคาร์บอนมันน้อยกว่า 7 ตัวก็จะถือ
00:03:18 → 00:03:21 ว่ามันเป็นตัวสั้นซึ่งดูซึมได้มากกว่านะ
00:03:21 → 00:03:24 ครับและทีนี้ล่ะครับงานวิจัยชิ้นเนี้ยเขา
00:03:24 → 00:03:28 ดันไปเจอสายแบบตัวสั้นก็คือเพ flu
00:03:28 → 00:03:32 hexanoic สิซึ่งมันมีคาร์บอน 6 ตัวเป็น
00:03:32 → 00:03:37 สายสั้นเา้าก็เฮ้ยเป็นสายสั้นดูซึมได้
00:03:37 → 00:03:41 เร็วอันตรายแล้วหน่วยงานของอเมริกาชื่อ
00:03:41 → 00:03:44 ว่า epa environmental Protection
00:03:44 → 00:03:48 Agency เนี่ยออกมามีบทความว่าไอ้สารตัว
00:03:48 → 00:03:50 เนี้ยมันเกิดอันตรายกับร่างกายได้คือมัน
00:03:50 → 00:03:54 สามารถทำให้ตัมีปัญหาได้เกิดโลหิตจางได้
00:03:54 → 00:03:58 ทำให้อาจจะเกิดความพิการในเรื่องของ
00:03:58 → 00:04:01 พัฒนาการของเด็กในคันได้ทำให้จำนวน
00:04:01 → 00:04:05 สเปิร์มอาจจะน้อยลงมีผลต่อภูมิคุ้มกันและ
00:04:06 → 00:04:09 ข้อที่เรากังวลมากๆก็คือเรื่องของมะเร็ง
00:04:09 → 00:04:10 แต่ว่าข้อมูลเรื่องมะเร็งเนี่ยมันยังไม่
00:04:10 → 00:04:13 ชัดเจนเขาแค่บอกว่ายังไม่มีหลักฐานเพียง
00:04:13 → 00:04:16 พอที่จะกล่าวอ้างแต่เรื่องนี้นะครับอย่าง
00:04:17 → 00:04:21 ไรก็ตามมันเคยมีสาร pfas ตัวนึงที่ทำให้
00:04:21 → 00:04:23 เกิดมะเร็งได้แล้วตอนเนี้ยเขาเริ่มไม่
00:04:23 → 00:04:26 ค่อยใช้กันแล้วมันชื่อว่า
00:04:26 → 00:04:32 pfoa เพ flu อติ Acid สำหรับคนที่เรียน
00:04:32 → 00:04:34 สายวิทมาเนี่ยก็คงจะพอเดาได้ว่ามันมี
00:04:34 → 00:04:37 คาร์บอนทั้งหมด 8 อะตอมนะครับออกตะนี่คือ
00:04:37 → 00:04:38 8 นะ
00:04:38 → 00:04:42 ฮะเมื่อกี้เนี่ยเราบอกว่า pfas กลุ่มที่
00:04:42 → 00:04:45 มันสายยาวเนี่ยจะดูดซึมได้ไม่ค่อยดีใช่
00:04:45 → 00:04:48 มั้ยฮะแล้วสายยาวคือตั้งแต่ 7 อะตอม
00:04:48 → 00:04:52 คาร์บอนขึ้นไปไอ้ pfoa นี่มันมี 8 ขนาด
00:04:52 → 00:04:55 สายยาวที่ดูดซึมไม่ค่อยดียังก่อให้เกิด
00:04:56 → 00:04:58 โรคได้เลยแล้วหนึ่งในนั้นคือมะเร็ง
00:04:58 → 00:05:03 ครับมะเร็งอันทะก็เจอด้วยในประมาณปี 2,000
00:05:03 → 00:05:07 กว่าๆเนี่ยเขาก็เริ่มที่จะไม่ใช้สาร pfoa
00:05:07 → 00:05:11 แล้วนะครับพอเล่ามาถึงตรงเความกังวลก็
00:05:11 → 00:05:15 บังเกิดเลยครับว่าเฮ้ยเราไปเจอแบบ p Fast
00:05:15 → 00:05:19 ตัวเล็กที่มันเยอะแล้วมันก็ถูกดูดซึมเข้า
00:05:19 → 00:05:21 ไปได้ด้วยน่ากลัวมันมีผลต่อร่างกายเยอะ
00:05:21 → 00:05:24 แยะแล้วไม่ใช่แค่นี้ครับสิ่งที่เา้าเจออ
00:05:24 → 00:05:28 อย่างนึงเคเจออะไรรู้มั้ยครับในสายที่มัน
00:05:28 → 00:05:31 ราคาแพงอ่ะแพงที่ว่าคือตั้งแต่ 30
00:05:31 → 00:05:34 ดอลลาร์ขึ้นไปอ่ะมันเจอว่ามันมีสาร P
00:05:34 → 00:05:37 Fast ตัวเล็กเนี่ยเยอะด้วยเยอะกว่าสาย
00:05:37 → 00:05:41 ราคาถูกแบบอย่างชัดเจนเลยด้วยนะครับเหตุ
00:05:41 → 00:05:43 ผลที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะว่าขั้นตอนการ
00:05:43 → 00:05:46 ทำ fluo elastomer เนี่ยมันแพงถ้ามันขาย
00:05:46 → 00:05:49 ถูกไม่กำไรมันก็เลยไปเจอในสายที่มันราคา
00:05:49 → 00:05:51 แพงขึ้นไปนะครับอย่าง Apple เนี่ยก็เป็น
00:05:51 → 00:05:54 ตัวนึงซึ่งเขียนชัดเจนว่ามีสาร flu
00:05:54 → 00:05:56 elastomer อยู่ในเว็บไซต์ของ
00:05:56 → 00:05:59 เขาแต่ผมต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่างานงาน
00:05:59 → 00:06:03 วิจัยชิ้นนี้เค้าไม่ได้จำแนกเลยว่ายี่ห้อ
00:06:03 → 00:06:08 ไหนมีสารนี้เท่าไหร่เค้าไม่ได้บอกนะครับ
00:06:08 → 00:06:12 แต่ผมสามารถเดาได้เพราะว่าเค้าแยกเป็นตัว
00:06:12 → 00:06:16 อย่างตามราคาของมันแล้วผมก็ไปเสิร์ชหา
00:06:16 → 00:06:19 ราคาสิครับว่ายี่ห้อไหนมันราคาประมาณเท่า
00:06:19 → 00:06:23 ไหร่ถ้ามันตั้งแต่ประมาณ 15 ดอลลาร์ขึ้น
00:06:23 → 00:06:28 ไปเนี่ยตั้งแต่เ่อราคาปานกลางขึ้นไปเเจอ
00:06:28 → 00:06:30 ว่ามีสารตัวนี้เยอะ
00:06:30 → 00:06:33 นะครับดังนั้นเราก็รู้ไอ้เนี่ย apple มี
00:06:33 → 00:06:35 แน่นอนเพราะว่าประกาศไว้ในเว็บไซต์ของ
00:06:35 → 00:06:40 เขาคนะครับแล้วก็ Apple มันราคาสายเนี้ย
00:06:40 → 00:06:42 มันราคาเกิน 1000 แน่ๆอยู่แล้วก็คือมี
00:06:42 → 00:06:44 ชัวร์นะ
00:06:44 → 00:06:50 ครับแล้วทีนี้เนี่ยงานวิจัยชิ้นนี้เค้าก็
00:06:50 → 00:06:53 เวลาเค้าทำนะครับเค้ามีการตรวจสอบปริมาณ
00:06:54 → 00:07:00 ฟลูรีนในตัวสายนะฮะว่ามีมากมีน้อย
00:07:00 → 00:07:03 ปรากฏว่าหลายๆอันเนี่ยเจอว่ามันมีเยอะนะ
00:07:03 → 00:07:05 ฮะทีนี้พอมันมีเยอะเตรวจคร่าวๆก่อนหลัง
00:07:05 → 00:07:09 จากนั้นเจะมีการสกัดมันออกมาดูซิว่าสาร
00:07:09 → 00:07:13 ฟลัวเนี่ยซึ่งเป็นส่วนประกอบของไอ้สาย
00:07:13 → 00:07:16 นาฬิกาเนี่ยตกลงมันเป็น pfas ตัวไหนตอน
00:07:16 → 00:07:19 แรกเ้าไม่รู้หรอก P fash ตัวไหนนะครับ
00:07:19 → 00:07:21 แต่เขาครู้ว่ามันน่าจะต้องเป็น P fash
00:07:21 → 00:07:24 สักตัวนึงนี่แหละเค้าก็เลยทำการสกัดมัน
00:07:24 → 00:07:25 ออกมาแล้วเอามา
00:07:25 → 00:07:30 ตรวจมาตรวจก็จะเจอว่ามันเป็น
00:07:30 → 00:07:34 เฟโร hexanoic Acid ซะส่วนมากแต่ก็มี
00:07:34 → 00:07:37 อย่างอื่นปนบ้างตรงนี้แหละครับที่มันน่า
00:07:37 → 00:07:39 สนใจคือ
00:07:39 → 00:07:42 ว่าอันที่มันเป็นเปอร์เซ็นต์สูงๆนะ
00:07:42 → 00:07:45 เปอร์เซ็นต์ฟลูรีนสูงๆมันกลับสกัดออกมา
00:07:46 → 00:07:49 ได้น้อยว่ะมันไม่ได้สกัดออกมาได้เยอะนะ
00:07:49 → 00:07:54 ครับตรงเนี้ยเขาเลยคิดว่ามันมีบางส่วนที่
00:07:54 → 00:07:58 ไม่สามารถละลายออกมาได้ตอนเขาสกัดนะครับ
00:07:58 → 00:08:01 ไม่สามาละลายออกมาได้สมมุติเรามีฟรีนอยู่
00:08:01 → 00:08:04 10 ตัวแล้วกันเราสกัดมันดึงออกมาได้ 5
00:08:04 → 00:08:07 ตัวไอ้ 5 ตัวยังอยู่ที่เดิมมันก็ไม่ออกมา
00:08:07 → 00:08:09 นะครับเขาคิดว่าอันที่เป็นเปอร์เซ็นต์สูง
00:08:09 → 00:08:13 ๆน่ะมันมีความคงตัวสูงมากแล้วมันก็เกาะ
00:08:13 → 00:08:16 ตัวกันเหนียวแน่นมันก็เลยออกมาไม่ได้ที
00:08:16 → 00:08:19 นี้เนี่ยมันก็มีอีกทฤษฎีนึงซึ่งเขากล่าว
00:08:19 → 00:08:22 ไว้เพราะว่าในขั้นตอนการสร้างไอ้ตัวพวก
00:08:22 → 00:08:25 นี้ออกมาเนี่ยนะครับมันจะมี
00:08:25 → 00:08:30 ตัวที่เป็นตัวลดแรงตึงผิวเรียกว่า surf
00:08:30 → 00:08:34 นะครับ pfas เนี่ยบางอันเป็นสาร
00:08:34 → 00:08:37 surfactant ในที่นี้เขาสงสัยอยู่ตัวนึง
00:08:37 → 00:08:40 คือตัวนี้แหละครับ per flu hexanoic
00:08:40 → 00:08:43 Acid ว่ามันเป็นสารนี้หรือเปล่าและนี่
00:08:43 → 00:08:46 มันจะสำคัญสำคัญมากๆด้วยนะครับเพราะว่า
00:08:46 → 00:08:48 สาร
00:08:48 → 00:08:50 surfactant เราไม่ต้องการให้มันป่น
00:08:50 → 00:08:54 เปื้อนเข้าไปในสินค้า
00:08:54 → 00:08:57 ครับพอหลังจากเราสร้างออกมาเสร็จเราจะมี
00:08:57 → 00:09:00 การล้าง surfactant พวกเยทิ้งออกไป
00:09:00 → 00:09:01 นะครับไม่ให้มันปน
00:09:01 → 00:09:06 เปื้อนและถ้าตามทฤษฎีแล้วเนี่ยนะครับสาย
00:09:06 → 00:09:09 พวกเนี้ยมันควรจะคงทนทนแดดทนฝนทนครีมกัน
00:09:09 → 00:09:12 แดดทนทุกอย่างใช่มั้ยครับมันไม่ควรจะถูก
00:09:12 → 00:09:16 ละลายออกมาได้ง่ายๆจริงมั้ยเพราะไม่งั้น
00:09:16 → 00:09:18 เราจะทำมันขึ้นมาทำไมเราต้องการให้มันไม่
00:09:18 → 00:09:21 ละลายถูกมั้ยครับแต่เค้าก็ไปเจอว่ามันมี
00:09:21 → 00:09:24 ไอ้นี่ออกมาอยู่ดีไอ้ที่มันออกมาเนี่ย
00:09:24 → 00:09:28 เค้าเลยคิดว่าเฮ้ยถ้ามันออกมาได้อย่าง
00:09:28 → 00:09:30 เงี้ยนะครับ
00:09:30 → 00:09:33 แล้วมันดันมีอยู่ชนิดเดียวที่โดดเด่นกว่า
00:09:33 → 00:09:36 เค้าเพื่อนเลยคือเฟโร hexanoic Acid
00:09:36 → 00:09:39 เนี่ยก็เลยคิดว่าการที่มันออกมาแค่ชนิด
00:09:39 → 00:09:41 เดียวไม่มีชนิดอื่นปนเท่าไหร่แล้วชนิดที่
00:09:41 → 00:09:43 มันกระโดดขึ้นมาเมื่อเทียกว่าอย่างอื่น
00:09:43 → 00:09:46 เนี่ยสารตัวเนี้ยน่าจะเป็นหนึ่งใน
00:09:46 → 00:09:49 surfactant ที่อยู่ในกระบวนการผลิตแล้ว
00:09:49 → 00:09:50 มันรั่วออกมา
00:09:50 → 00:09:54 ครับนะครับอันเนี้ยเป็นสิ่งที่เขาบอกนะ
00:09:54 → 00:09:58 ครับและสิ่งที่เขาเอามาประกอบกับงานวิจัย
00:09:58 → 00:10:02 ชิ้นนี้ก็ก็คือผลการทดลองของงานวิจัยตัว
00:10:02 → 00:10:06 อื่นที่มีการทดลองกับไอ้สาร pfas นี่แหละ
00:10:06 → 00:10:10 ครับคืออันนึงเข้ามีการทดลองเอาสาร pfas
00:10:10 → 00:10:13 ตัวนึงนะครับชื่อ pfoa เมื่อตะกี้นี่แหละ
00:10:13 → 00:10:16 นะฮะมาผสมในครีมกันแดดแล้วก็ทาเข้าไปใน
00:10:17 → 00:10:19 ตัวแล้วดูว่ามันมีการดูดซึมเข้าไปในผิว
00:10:19 → 00:10:21 หนังเท่าไหร่นะครับเ้าก็เจอว่าพวกเนี้ย
00:10:21 → 00:10:24 มันสามารถดูดซึมเข้าไปในผิวหนังได้เต็ม
00:10:24 → 00:10:26 ที่ประมาณสัก 3 อาทิตย์มันต้องใช้เวลา
00:10:26 → 00:10:28 ประมาณ 3 อาทิตย์ถึงจะดูซึมเข้าไปเต็มที่
00:10:28 → 00:10:32 นะครับก็คือใช้เาเวลานานพอสมควรนะแล้วงาน
00:10:32 → 00:10:34 วิจัยอีกตัวนึงเค้าทดลองกับผิวหนังเทียม
00:10:34 → 00:10:39 นะผิวหนังเทียมตัวนี้เนี่ยคือเค้าก็เอา
00:10:40 → 00:10:44 สาร pfas หลากหลายชนิดเลยมาตรวจว่ามันดูด
00:10:44 → 00:10:46 ซึมเข้าผิวหนังเทรียมได้แค่ไหนเค้าก็พบ
00:10:46 → 00:10:49 ว่าถ้ามันเป็นตัวสายสั้นมากๆเนี่ยดูดซึม
00:10:49 → 00:10:53 ได้เยอะกว่าแบบสายยาวนะครับสายสั้นดูดซึม
00:10:53 → 00:10:56 ได้เยอะกว่าสายยาวอ่าตัวเนี้ยเป็นตัวที่
00:10:56 → 00:10:59 เขาเอามาอ้างอิงแล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นครับ
00:10:59 → 00:11:01 มันมีงานวิจัยอีกอันนึงที่เ้ามาอ้างอิงก็
00:11:01 → 00:11:07 คือมันมีงานวิจัยที่เค้าเอาพวกอ่าผ้าที่
00:11:07 → 00:11:11 เอาไว้บุตัวเบาะรถยนต์นะครับเป็นแฟริกนะ
00:11:11 → 00:11:14 ครับแฟริกตัวนี้เนี่ยเขาคก็เอาเหงื่อ
00:11:14 → 00:11:17 เทียมที่เขาสร้างขึ้นมาเองเนี่ยไปดูซิว่า
00:11:17 → 00:11:21 มันสามารถละลายเอาสาร pfas ออกมาได้มาก
00:11:21 → 00:11:24 น้อยแค่ไหนเพื่อที่จะจำลองว่าในสถานการณ์
00:11:24 → 00:11:28 จริงคนเรามีเหงื่อเหงื่อเนี่ยมันไปโดนกับ
00:11:28 → 00:11:31 วัสดุพวกนี้มันจะสามารถทำให้วัสดุพวก
00:11:31 → 00:11:33 เนี้ยละลายเอาสารพิษออกมาได้มากน้อยแค่
00:11:33 → 00:11:35 ไหนเคก็เจอว่าเหงื่อสังเคราะห์ของเขาค
00:11:35 → 00:11:40 สามารถทำให้สารพิษนี่ออกมาได้ฟังตรงเบาง
00:11:40 → 00:11:43 คนอาจจะเอ๊ะเริ่มตามผมทันะนะครับผมเนี่ย
00:11:43 → 00:11:46 ต้องบอกครับว่าผมไม่ได้กังวลกับงานวิจัย
00:11:46 → 00:11:52 ตัวนี้เลยสักนิดเดียวทำไมอ่าทำไมข้อแรกนะ
00:11:52 → 00:11:56 ครับงานวิจัยชิ้นนี้เนี่ยเขาทดสอบกับสาย
00:11:56 → 00:12:00 นาฬิกาโดยการพยายามสกัดออกมาดูซิว่ามันมี
00:12:00 → 00:12:03 สารพิษพวกนี้ออกมามั้ยคำถามที่เราต้องถาม
00:12:03 → 00:12:05 ตัวเอง
00:12:05 → 00:12:10 ครับนาฬิกาเนี่ยนะฮะพื้นที่สัมผัสกับผิว
00:12:10 → 00:12:13 เรามันเยอะเท่าไหร่จริงมั้ยมันเล็กเมื่อ
00:12:13 → 00:12:15 เทียบกับงานวิจัยเมื่อตะกี้งานวิจัยเมื่อ
00:12:15 → 00:12:18 ตะกี้ที่ออกมาที่บอกว่าเอามาสนับสนุนงาน
00:12:18 → 00:12:23 ของคนเนี้ยคืออันหนึ่งทาผสมไปในครีมกัน
00:12:23 → 00:12:27 แดดผสมในครีมกันแดดนะแล้วผสมสารพฟสเดี่ยว
00:12:27 → 00:12:30 ๆตัวเดียวไม่ได้เกาะกันอะไรเลยซึ่งใน
00:12:30 → 00:12:33 นาฬิกาเนี่ยมันเกาะกับอะไรสักอย่างนึงถูก
00:12:33 → 00:12:35 มั้ยฮะมันเกาะกันเป็นพอลิเมอร์ไอ้นี่เป็น
00:12:35 → 00:12:37 สารเดี่ยวๆใส่เข้ามาในครีมกันแดดแล้วครีม
00:12:37 → 00:12:39 กันแดดไม่ใช่ทาแค่บริเวณเล็กๆนะทาทั้งตัว
00:12:39 → 00:12:43 เลยพื้นที่ผิวสัมผัสทั้งตัวเมื่อเทียบกับ
00:12:43 → 00:12:45 นาฬิกาก็แน่นอนสิครับแบบทั้งตัวก็ต้องดูด
00:12:45 → 00:12:49 ซึมมากกว่าแบบที่ทาอยู่แค่นิดเดียวถูก
00:12:49 → 00:12:53 มั้ยฮะอันนี้ประเด็นที่ 1 นะประเด็นที่ 1
00:12:53 → 00:12:56 ประเด็นที่ 2 คือการที่บอก
00:12:56 → 00:13:01 ว่าในเบาะรถยเนี่ยเราเอาเหงื่อสังเคราะห์
00:13:01 → 00:13:02 เหงื่อสังเคราะห์เนี่จะมีความเหมือนกับ
00:13:02 → 00:13:04 เหงื่อจริงๆค่อนข้างที่จะมากอันนี้ผมไปดู
00:13:04 → 00:13:06 มาแล้วะนะครับคือเา้าทำเหงื่อได้ได้
00:13:06 → 00:13:09 เหมือนจริงมากปรากฏว่ามันละลายเอาสารพวกเ
00:13:09 → 00:13:10 ออกมาจาก
00:13:10 → 00:13:16 แบริคหรือใยผ้าพวกนี้ได้ดีเดี๋ยว fabric
00:13:16 → 00:13:20 textile ใยผ้ามันใช่นี้มยไม่ใช่มันแตก
00:13:20 → 00:13:24 ต่างกันยังไงเออมันแตกต่างกันยังไงนะครับ
00:13:24 → 00:13:28 แตกต่างกันที่พื้นที่ผิวครับแบริคเนี่ย
00:13:28 → 00:13:30 เสื้อแบบแบบอย่างเงี้ยนะครับมันประกอบไป
00:13:30 → 00:13:34 ด้วยด้ายเล็กๆเยอะแยะไปหมดสารๆๆกันถูก
00:13:34 → 00:13:37 มั้ยครับการที่มันสานๆกันแบบเนี้ยเราจะ
00:13:37 → 00:13:39 เรียกว่าเป็น textile ใช่มั้ยครับเป็น
00:13:39 → 00:13:43 เป็นพวกผ้าทอรพวกเนี้ยสิ่งทอต่างๆพื้นที่
00:13:43 → 00:13:47 ผิวมหาศาลเลยครับถ้าพื้นที่ผิวมหาศาลขนาด
00:13:47 → 00:13:48 นั้นคุเอาตัวทำละลายออกไปนิดเดียวมันก็
00:13:48 → 00:13:53 เรียบร้อยออกมาหมดแล้วครับออกมาหมดแล้ว
00:13:53 → 00:13:56 แต่เนี่ยมันมีพื้นที่ผิวสักแค่ไหนกันถูก
00:13:56 → 00:13:59 มั้ยครับนิดเดียวเลยมันไม่ได้เป็นเป็นสาย
00:13:59 → 00:14:02 ถักทอใช่มั้ยฮะั้นคุณเอาเหงื่อปลอมมาหยด
00:14:02 → 00:14:05 เข้าไปตรงเนี้ยกับเหงื่อปลอมหยดไปในเสื้อ
00:14:05 → 00:14:07 ผ้าซึ่งมันเป็นเส้นเล็กๆเล็กๆสารกันอย่าง
00:14:07 → 00:14:08 เงี้ยพื้นที่ผิวของไอ้แบบอย่างเงี้ยมัน
00:14:08 → 00:14:11 เยอะกว่าแบบชัดเจนอยู่แล้วดังนั้นโอกาส
00:14:11 → 00:14:15 ที่มันจะออกมาได้เนี่ยยากมากแล้วนะครับ
00:14:15 → 00:14:18 พื้นที่ผิวมันน้อยมันออกมายากแล้วพื้นที่
00:14:18 → 00:14:20 สัมผัสกับร่างกายเรามันก็น้อยเหมือนกัน
00:14:21 → 00:14:24 มันก็โอกาสดูซึมเข้าไปก็ยากพอสมควรสำหรับ
00:14:24 → 00:14:25 ผม
00:14:25 → 00:14:28 นะและไอ้งานวิจัยอีกอันนึงครับที่เ้าเอา
00:14:28 → 00:14:31 มาบอกว่าเใช้ผิวหนังเทียมแล้วเอา P Fast
00:14:31 → 00:14:35 แต่ละชนิดอ่ะมาแปะทาไว้แล้วดูซิว่าดูดซึม
00:14:36 → 00:14:39 เข้าไปเท่าไหร่เค้าใช้เมทานอลในการทำ
00:14:39 → 00:14:43 ละลาย pfas แล้วเอามาทานะครับแปลว่าอะไร
00:14:43 → 00:14:46 คุณต้องได้ P Fast ตัวเดี่ยวเดี่ยวทำ
00:14:46 → 00:14:50 ละลายเสร็จแล้วแล้วเอามาทาไม่ใช่ P fash
00:14:50 → 00:14:51 ที่มันกำลังเกาะกับทุกอย่างเป็นแบบนี้
00:14:51 → 00:14:57 แล้วถึงจะดุดซึมเข้าไปได้ครับถูกมยและอัน
00:14:57 → 00:15:00 นี้แหละมันสำคัญของหลายๆคนที่อ่านงาน
00:15:00 → 00:15:02 วิจัยพวกนี้จะต้องตามไป
00:15:02 → 00:15:06 อ่านบทความที่เค้าอ้างอิงเสมอนี่ผมตามไป
00:15:06 → 00:15:09 อ่านบทความที่อ้างอิงทุกอันที่เค้าอ้างมา
00:15:09 → 00:15:11 ในนี้เลยนะฮะตามไปอ่านมาชัดเจนแล้วผมจะ
00:15:11 → 00:15:13 แปะลิงก์ไว้ให้คุณสามารถไปอ่านได้ด้วยตัว
00:15:13 → 00:15:16 เองตีความด้วยตัวเองได้นะครับบางอันฟรี
00:15:16 → 00:15:18 แต่ว่าบางอันต้องเสียเงินในการเข้าไปอ่าน
00:15:18 → 00:15:20 เผมก็จะทิ้งลิงก์ไว้ให้คุณแล้วะกันเผื่อ
00:15:20 → 00:15:24 ว่าใครอยากจะเอาไปอ่านตรงๆนะครับถ้าอย่าง
00:15:24 → 00:15:27 นั้นโดยสรุปผมนะผมบอกว่าผมไม่กังวลเหตุผล
00:15:27 → 00:15:32 เพราะว่าการที่เราจะได้สารพิษตัวเนี้ยเฟล
00:15:32 → 00:15:35 เซนิแอซิดออกมาจากสายตัวเนี้ยข้อแรกมัน
00:15:35 → 00:15:36 ยากมาก
00:15:36 → 00:15:41 แล้วนะฮะยากมากนะเพราะว่าพื้นที่ที่ให้
00:15:41 → 00:15:43 เหงื่อเราออกมาแล้วไปไปละลายพวกนี้ออกมา
00:15:43 → 00:15:47 จากสายเนี่ยมันน้อยนะครับแล้วพื้นที่ผิว
00:15:47 → 00:15:50 สัมผัสระหว่างสายนี้กับผิวหนังของเราก็
00:15:50 → 00:15:52 น้อยไม่ใช่ทาทั้งตัวเหมือนครีมกันแดด
00:15:52 → 00:15:56 เมื่อตะกี้นี้นะฮะแล้วมันต้องออกมาเป็น
00:15:56 → 00:15:58 ตัวเดี่ยวๆถึงจะเข้าไปในกระแสเลือดในร่าง
00:15:58 → 00:16:00 กายเราได้และถ้าแค่เนี้ยเข้าไปได้ก็นิด
00:16:00 → 00:16:03 เดียวเองเท่านั้นเองนะครับแต่แน่นอน
00:16:03 → 00:16:06 สำหรับคนที่มีความกังวลนะครับถ้ากังวลมาก
00:16:06 → 00:16:08 ๆว่านี่จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรกับเราเลยย
00:16:08 → 00:16:11 ผมต้องขอให้คุณคิดอย่างงี้คุณเคยตรวจร่าง
00:16:11 → 00:16:14 กายประจำยครับผมเชื่อเลยนะครับว่าหลายคน
00:16:14 → 00:16:17 ที่ใช้ไอ้ smart watch เนี่ยจะเป็นคนที่
00:16:17 → 00:16:20 รักสุขภาพดูแลสุขภาพออกกำลังกายกันซะเยอะ
00:16:20 → 00:16:23 นะฮะคนพวกเนี้ยผมคิดว่าหลายคนนะครับเคยไป
00:16:23 → 00:16:26 ตรวจร่างกายแล้วก็ไม่เจออะไรพวกนี้หรอก
00:16:26 → 00:16:29 ครับไม่ได้เจอหรอกว่าคุณมีโลหิตจางบางคน
00:16:29 → 00:16:34 ก็มีลูกได้ปกตินี่ใช่มยฮะเออไม่ได้มี
00:16:34 → 00:16:38 ปัญหาโรคตับลูกออกมาก็ปกติดีไม่ได้เป็น
00:16:38 → 00:16:41 อะไรเลยนี่
00:16:41 → 00:16:44 แหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ต้องกังวลหรอก
00:16:44 → 00:16:47 ครับส่วนคนที่มีโรคประจำตัวแต่แต่ละอย่าง
00:16:47 → 00:16:50 เช่นเป็นเบาหวานความดันไขมันสูงนะครับ
00:16:50 → 00:16:54 หรือมีโรคไทรรอยด์ต่ำหรืออะไรก็แล้วแต่นะ
00:16:54 → 00:16:59 ครับสิ่งที่คุณต้องคิดเนี่ยคือสิ่งทั่วไป
00:16:59 → 00:17:01 หรือเหตุผลทั่วไปที่ทำให้คุณมีอาการหรือ
00:17:01 → 00:17:04 มีโรคเหล่านั้นเนี่ยมันต้องคิดถึงเหตุผล
00:17:04 → 00:17:07 ที่มันเจอได้บ่อยที่สุดง่ายที่สุดก่อนแทน
00:17:07 → 00:17:11 ที่จะมานั่งคิดถึงไอ้นาฬิกาอันนี้นะครับ
00:17:11 → 00:17:15 เช่นอะไรบ้างไทรรอยด์ต่ำเนี่ยส่วนใหญ่นะ
00:17:15 → 00:17:18 ครับมันเกิดจากการที่คุณมีแอนติบอดี้ไป
00:17:18 → 00:17:20 ทำลายไทรรอยด์เช่นโรคฮาชิโมโตะซึ่งผมเคย
00:17:20 → 00:17:22 ทำคลิปไปแล้วมันไม่ได้เกิดจากสารพิษที่
00:17:22 → 00:17:24 คุณได้รับเข้าไปในร่างกายแล้วไปทำให้
00:17:24 → 00:17:27 ไทรรอยด์คุณไม่ทำงานหรอกครับนะฮะแล้วพวก
00:17:27 → 00:17:30 นี้มันพิสูจน์ได้คือเาะหาแอนติบอดี้ก็จบ
00:17:30 → 00:17:32 แล้วรู้แล้วนะครับว่ามันเป็นจากอะไรถ้ามี
00:17:32 → 00:17:34 แอนติบอดี้คุณไม่ได้เป็นจากนาฬิกาครับแน่
00:17:34 → 00:17:39 นอน 100% ง่ายๆเลยนะฮะถูกมยงั้นแบบเนี้ย
00:17:39 → 00:17:42 ผมก็จะไม่มีความกังวลอะไรเหลืออยู่ถ้าคุณ
00:17:42 → 00:17:45 ยังกังวลก็สามารถไปตรวจร่างกายได้แล้วก็
00:17:45 → 00:17:47 ถ้าเกิดคุณยังกังวลมากอยู่อีกทั้งๆที่ผม
00:17:47 → 00:17:50 เล่าไปในสาเหตุเบื้องลึกว่าทำไมผมถึงไม่
00:17:50 → 00:17:53 กังวลแล้วเนี่ยคุณก็สามารถที่จะเปลี่ยน
00:17:53 → 00:17:56 สายให้มันเป็นสายอย่างอื่นแทนเช่นสายโลหะ
00:17:56 → 00:18:00 นะครับหรือสายที่มันเป็นสายพผ้านะแต่แน่
00:18:00 → 00:18:04 นอนว่าพวกนั้นมันก็ไม่ได้ทนทานกับเอ่อพวก
00:18:04 → 00:18:05 เหงื่อพวกใครของเราเท่าไหร่ถ้าเป็นผ้ามัน
00:18:05 → 00:18:08 ก็จะเหม็นได้ใช่มั้ยฮะแบบนี้เป็นต้นถ้า
00:18:08 → 00:18:10 เป็นเหล็กบางคนก็ไม่ชอบมันหนักมันวิ่ง
00:18:10 → 00:18:14 แล้วมันมันเจ็บแขนก็ได้นะครับอันนั้นก็
00:18:14 → 00:18:18 แล้วแต่แต่ละคนในการพิจารณาข้อมูลแบบนี้
00:18:18 → 00:18:21 สำหรับผมนะครับงานวิจัยชิ้นนี้เนี่ยมัน
00:18:21 → 00:18:24 เป็นตัวจุดประกายว่าเฮ้ยมันอาจจะมี
00:18:24 → 00:18:28 อันตรายได้นะแต่ไม่ได้แปลว่ามีอันตรายถ้า
00:18:28 → 00:18:31 อยากจะพิจริงๆสิ่งที่งานวิจัยตัวต่อไปจะ
00:18:31 → 00:18:35 ต้องทำคืออะไรบ้างข้อแรกนะครับทดสอบเลย
00:18:35 → 00:18:38 ว่าเหงื่อเนี่ยสามารถที่จะละลายเปอร์ฟูโร
00:18:38 → 00:18:42 เซนิแอซิดออกมาได้แค่ไหนแค่ไหนนะครับดู
00:18:42 → 00:18:45 เหงื่อเลยดูให้มันชัดเจนว่าเหงื่อละลออก
00:18:45 → 00:18:47 มาได้แค่ไหนแล้วถ้ามันออกมาแล้วเนี่ยจะ
00:18:47 → 00:18:51 ต้องใช้พื้นที่ผิวสัมผัสเท่าไหร่ในการที่
00:18:51 → 00:18:54 จะดูดซึมเข้าไปและถ้าดูดซึมเข้าไปมันดูด
00:18:54 → 00:18:57 ได้แค่ไหนในพื้นที่ผิวสัมผัสเท่านี้ไม่
00:18:57 → 00:18:59 ใช่พื้นที่ผิวสัมผัสทั้งตัวตัวเหมือนครีม
00:18:59 → 00:19:03 กันแดดนะครับและถ้าอยากจะแน่ใจไปกว่านั้น
00:19:03 → 00:19:08 ต้องเอาคนที่ใช้นาฬิกาแบบเนี้ยมานานๆมา
00:19:08 → 00:19:12 เทียบกับคนที่ไม่ใช้แล้วดูซิว่ามันมี
00:19:12 → 00:19:17 โรคอย่างที่ว่าจริงหรือไม่เจอใช่มั้ยว่า
00:19:17 → 00:19:20 คนที่ไม่ได้ใช้นาฬิกาที่มีสายพวกเนี้ย
00:19:20 → 00:19:24 เค้าไม่ได้เป็นโรคตับไม่ได้มีโลหิตจางถ้า
00:19:24 → 00:19:26 พวกเนี้ยไม่มีโลหิตจางไม่มีโรคต่ำไม่มี
00:19:26 → 00:19:29 ไทรรอยด์ส่วนไอ้คนที่ใช้เนี่ยเป็นโรคตับ
00:19:29 → 00:19:32 โรจางไทรรอยด์เป็นหมันอะไรเยอะแยะไปหมด
00:19:32 → 00:19:34 เลยไอ้อย่างเงี้ยค่อยมาสรุปได้ว่ามันอาจ
00:19:34 → 00:19:36 จะเป็นพวกพวกสายตัวนี้แหละที่ทำให้เกิด
00:19:36 → 00:19:39 พิษแต่ผมมั่นใจเลยนะครับว่าทำออกมาแล้ว
00:19:39 → 00:19:41 มันก็ไปเจอแบบนั้นหรอกครับนะดังนั้นถ้า
00:19:41 → 00:19:44 ถามผมวันนี้ผมอยากจะให้เราเนี่ยพิจารณา
00:19:44 → 00:19:47 ข้อมูลดีๆหน่อยอย่าเพิ่งตกใจไปกับข้อมูล
00:19:47 → 00:19:49 ที่มันออกมานะครับแล้วสำหรับผมผมบอกเลย
00:19:49 → 00:19:51 ครับว่าผมไม่ได้กังวลอะไรแต่อย่างใดกับ
00:19:52 → 00:19:54 เรื่องนี้แล้วผมก็ยังจะใส่นาฬิกาของผมต่อ
00:19:54 → 00:19:56 ไปผมใส่ทั้งตอนออกกำลังกายตอนอยู่ปกติ
00:19:56 → 00:19:59 แล้วก็ตอนนอนเหมือนเดิมครับนะไม่คิดว่าจะ
00:19:59 → 00:20:02 เปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไหร่ถอดออกมาแค่ๆตอน
00:20:02 → 00:20:04 ชาร์จกับตอนอาบน้ำแค่นั้นเองนะครับเท่า
00:20:04 → 00:20:07 นั้นเองเลยนะฮะโอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟัง
00:20:07 → 00:20:09 ในรายละเอียดเพียงเท่านี้นะครับถ้าใคร
00:20:09 → 00:20:11 สงสัยอะไรก็สอบถามมาแล้วกันนะครับขอบคุณ
00:20:11 → 00:20:15 มากครับสวัสดีครับ