00:00:00 → 00:00:05 โรคหลงตัวเอง ทางการแพทย์เรียกว่า Narcissistic personality disorder
00:00:05 → 00:00:09 [เสียงดนตรี]
00:00:09 → 00:00:10 รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น
00:00:10 → 00:00:12 [เสียงดนตรี]
00:00:12 → 00:00:16 ควรจะต้องได้รับอภิสิทธิ์ หรือว่าสิทธิพิเศษดีกว่าคนอื่น
00:00:16 → 00:00:19 [เสียงดนตรี]
00:00:19 → 00:00:21 มักจะเอาเปรียบ หรือว่าใช้ประโยชน์จากคนอื่น
00:00:22 → 00:00:25 เพื่อให้เขาได้ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าด้วย อย่างนี้ค่ะ
00:00:25 → 00:00:34 [เสียงดนตรี]
00:00:34 → 00:00:37 ลักษณะของโรคหลงตัวเองนะคะ
00:00:37 → 00:00:40 เวลาที่เขาไปอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ นี่
00:00:40 → 00:00:42 ต้องการได้รับอภิสิทธิ์ เช่น
00:00:42 → 00:00:45 ไปไหน ถ้าให้เขาต้องไปนั่งรอนาน ๆ ต้องลำบากแบบนี้
00:00:45 → 00:00:49 มันก็จะเริ่มไปกระทบกระเทือนจิตใจเขา แล้วเขาอาจจะรู้สึกโกรธได้
00:00:49 → 00:00:53 รู้สึกว่าเรียกร้องให้ เขาต้องได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นได้
00:00:53 → 00:00:55 ต้องการได้รับการชื่นชม
00:00:55 → 00:01:00 ต้องการได้รับการยืนยันว่า สิ่งที่เขาทำนี่ ทำได้ดี
00:01:00 → 00:01:04 หรือหลาย ๆ ครั้ง อาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกผิดได้
00:01:04 → 00:01:06 แทนที่ตัวเองจะผิดนี่
00:01:06 → 00:01:10 กลายเป็นเปลี่ยนพลิกให้อีกฝ่ายหนึ่ง ผิดปกติไปเสียอีก
00:01:10 → 00:01:12 ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกละอายใจ
00:01:12 → 00:01:16 เขาจะไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึก ของคนอื่นเท่าไร
00:01:18 → 00:01:21 สาเหตุที่ทำให้คนป่วยเป็นโรคหลงตัวเอง
00:01:21 → 00:01:24 อาจจะมาจากการเลี้ยงดู
00:01:24 → 00:01:30 หรือว่าสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ เราให้ความสำคัญกับคุณค่าตัวเอง
00:01:30 → 00:01:30 คือ Self-esteem
00:01:30 → 00:01:33 ให้คุณค่ากับมันมาก ๆ แต่เรายึดกับมันมาก ๆ ด้วย
00:01:33 → 00:01:37 เราก็จะแขวนอันนี้ไว้กับความสำคัญตัวเอง
00:01:37 → 00:01:40 การประสบความสำเร็จ หรือการได้รับคำชื่นชมจากคนอื่น
00:01:40 → 00:01:44 ก็จะทำให้คนโตขึ้นมานี่ กลายเป็นบุคลิกภาพที่ผิดปกติได้
00:01:44 → 00:01:46 [เสียงดนตรี]
00:01:46 → 00:01:52 โลกของโซเชียลนี่ จริง ๆ มีความที่ทำให้ เรามีลักษณะของ Narcissism เพิ่มขึ้นได้
00:01:52 → 00:01:54 หลาย ๆ ครั้ง พอเราไม่ได้พบปะกันโดยตรง
00:01:54 → 00:01:55 หรือเรารู้จักกันห่าง ๆ
00:01:55 → 00:01:58 บางช่วง หรือบางครั้ง หรือบางสถานการณ์นี่
00:01:58 → 00:02:02 คุณค่าของเราไปแขวนอยู่กับ เรื่องความสำคัญ เรื่องความสำเร็จ
00:02:02 → 00:02:05 เรื่องการยอมรับจากคนอื่น แบบนี้ค่ะ
00:02:05 → 00:02:08 และเราก็ลืมที่จะเห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง
00:02:08 → 00:02:10 อันนี้ก็ให้เราเช็กตัวเองด้วยนะคะ
00:02:10 → 00:02:14 [เสียงดนตรี]
00:02:14 → 00:02:17 จริง ๆ จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี่
00:02:17 → 00:02:21 เขาจะต้องมีความผิดปกติ ที่ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
00:02:21 → 00:02:22 ส่งผลกระทบกับการทำงาน
00:02:22 → 00:02:26 การมีความสัมพันธ์ที่จะ มั่นคง ยาวนานแบบนี้นะคะ
00:02:26 → 00:02:30 เราก็จะบอกว่า เออนี่ อันนี้มีความผิดปกติ เป็นโรคแล้ว
00:02:30 → 00:02:32 คำว่าเป็นโรคนี่ เป็นอาการที่รุนแรง
00:02:32 → 00:02:35 แล้วจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยให้รอบด้าน
00:02:35 → 00:02:38 จริง ๆ อยากให้ใช้คำว่า Narcissism มากกว่า
00:02:38 → 00:02:42 เป็นสไตล์ เป็นบุคลิก ที่มักจะมีแนวโน้มแบบนี้นะคะ
00:02:42 → 00:02:45 มันไม่ได้ว่าผิดปกติ เป็นขาวกับดำ 0 กับ 100 นี่
00:02:45 → 00:02:50 บางคนก็อาจจะมีลักษณะแบบนี้ ในบริบทบางบริบทได้
00:02:50 → 00:02:53 อย่างเช่นว่า บางคนที่เขาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ
00:02:53 → 00:02:56 อาจจะได้รับการปฏิบัติจากสังคม หรือรอบข้างแบบมีอภิสิทธิ์
00:02:56 → 00:02:58 พอทำไปนาน ๆ อาจจะคุ้นชิน
00:02:58 → 00:03:02 ก็เป็นไปได้ว่าเขานี่ อาจจะมีลักษณะของ Narcissism ได้
00:03:02 → 00:03:06 ความเป็น Narcissism ถ้ามากนี่ ก็มักจะเป็นในกับหลาย ๆ บริบท
00:03:06 → 00:03:09 ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ชีวิตส่วนตัว
00:03:09 → 00:03:15 หลาย ๆ คนจะรู้สึกว่า ข้อดีของเขาคือ มีเสน่ห์ แล้วก็มีออร่าบางอย่าง
00:03:15 → 00:03:16 แล้วมีความมั่นใจ
00:03:16 → 00:03:20 คนกลุ่มนี้มักจะมีการประสบความสำเร็จ ในหลาย ๆ ครั้งได้
00:03:20 → 00:03:22 เพราะว่าคนก็มักจะให้ความสำคัญ
00:03:22 → 00:03:25 แต่ว่ามันก็จะมีลักษณะด้านลบของเขา
00:03:25 → 00:03:27 ที่บางทีเขาใช้ประโยชน์จากคนอื่น
00:03:27 → 00:03:29 หรือเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น
00:03:29 → 00:03:33 ก็จะทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกว่า ขาดความเข้าใจ
00:03:33 → 00:03:35 หรือบางทีเหยียบขึ้นไปได้
00:03:35 → 00:03:38 ใช้ประโยชน์อย่างเดียวแบบนี้นะคะ โดยที่ไม่เห็นใจกัน
00:03:38 → 00:03:41 [เสียงดนตรี]
00:03:41 → 00:03:46 ถ้าเราเป็นคนในครอบครัว ของคนที่เป็น Narcissistic ที่มากนี่นะคะ
00:03:46 → 00:03:49 เราจะรู้สึกว่าเหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว
00:03:49 → 00:03:52 คู่ชีวิตอาจจะไม่เข้าใจเรา เราไม่ได้สำคัญ
00:03:52 → 00:03:54 หลาย ๆ ครั้งนี่ พออยู่ไปนาน ๆ
00:03:54 → 00:03:59 เขาจะทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกว่า ไม่ดีพอ สงสัยตัวเอง
00:03:59 → 00:04:01 ไม่สามารถที่จะมั่นใจตัวเองได้แบบนี้ค่ะ
00:04:01 → 00:04:05 [เสียงดนตรี]
00:04:05 → 00:04:10 คนเราทุกคนต้องการความรู้สึก ที่เราจะต้องภูมิใจในตัวเอง
00:04:10 → 00:04:13 รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ คู่ควรกับสิ่งดี ๆ
00:04:13 → 00:04:15 อันนี้เป็นอันที่เรียกว่ามัน Healthy นะคะ
00:04:16 → 00:04:18 มันสุขภาพดีแบบ Self-esteem
00:04:18 → 00:04:19 เราสามารถยอมรับได้ว่า
00:04:20 → 00:04:23 ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้สำคัญที่สุด
00:04:23 → 00:04:24 เราก็ทำผิดได้
00:04:24 → 00:04:27 หรือเราก็อาจจะไม่ได้ต้อง ได้อภิสิทธิ์อยู่ตลอดเวลา
00:04:27 → 00:04:30 การที่เราจะอยู่ร่วมกับ คนที่เป็น Narcissism นี่นะคะ
00:04:30 → 00:04:34 หลาย ๆ คนอยู่ด้วยความหวังว่า เดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนไปในอนาคต
00:04:34 → 00:04:38 ถ้าเราเป็นคนรอบข้าง คนที่เป็นเรื่องของ Narcissism นี่
00:04:38 → 00:04:40 การที่เราไปมองว่าสิ่งนี้เป็นโรค
00:04:40 → 00:04:45 มันเหมือนกับเราให้ช่องว่าเขาไม่ต้องเปลี่ยน เพราะว่าเขาเป็นโรค
00:04:45 → 00:04:48 เรากลับไปทำให้อภิสิทธิ์เขามากขึ้น
00:04:48 → 00:04:50 แบบนี้มันจะทำให้พฤติกรรมตรงนี้ยังอยู่
00:04:50 → 00:04:53 เราสามารถที่จะรับรู้ เข้าใจ
00:04:53 → 00:04:58 แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องทำตาม หรือว่าเสียสละตัวเองได้ขนาดนั้นเนอะ
00:04:58 → 00:05:02 ก็เป็นการที่เราจะต้องกลับมา ดูแลความกลัวของเราด้วย
00:05:02 → 00:05:04 ว่าเราจะสามารถอยู่อย่างไร
00:05:04 → 00:05:08 บางคนที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกผิด รู้สึกต้องรับผิดชอบนี่
00:05:08 → 00:05:10 ให้เรากลับมาตั้งหลักดี ๆ นะคะ
00:05:10 → 00:05:13 และเราสามารถยกประเด็นนี้ขึ้นมาคุยกัน
00:05:13 → 00:05:16 โดยที่ไม่ต้องเผชิญหน้าหรือโต้เถียงกันได้
00:05:16 → 00:05:19 ถ้ามีคนที่ทำให้เรารู้สึกผิดนี่
00:05:19 → 00:05:20 เราก็สามารถบอกเขาได้ว่า
00:05:20 → 00:05:24 เฮ้ย มันดูเหมือนกับตอนนี้ เขากำลังทำให้เรารู้สึกผิดนะ
00:05:24 → 00:05:27 แต่เรารู้แหละ ว่าเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น
00:05:27 → 00:05:31 เพราะฉะนั้น เราอยากทำยังไง เราอยากให้มันแก้ปัญหายังไงนี่
00:05:31 → 00:05:32 เราสามารถพูดคุยกับเขาได้
00:05:32 → 00:05:36 อันนี้ก็เป็นการที่เราจะปรับตัว อยู่กับคนกลุ่มนี้
00:05:36 → 00:05:38 เพื่อให้เขาก็ปรับตัวเข้าหาเราได้ด้วย
00:05:38 → 00:05:45 [เสียงดนตรี]
00:05:46 → 00:05:49 ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพ อย่าลืมมาพบหมอกันนะคะ
00:05:49 → 00:05:51 ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:05:51 → 00:05:53 มหาวิทยาลัยมหิดล
00:05:53 → 00:05:54 ปัญญาของแผ่นดิน