00:00:00 → 00:00:10 [เพลง]
00:00:12 → 00:00:21 มีประมาณ 19 หน้าเลยแหละแต่ว่าส่วนใหญ่ มันจะเป็นทฤษฎีอ่ะครับมันจะเป็นทฤษฎีหมด
00:00:21 → 00:00:30 เลยแล้วก็ช่วงนี้ก็ไม่ได้เตรียมเคสพวกมี เคสมาถามอะไรตอะไรอย่าเงี้ยไม่มีครับ
00:00:30 → 00:00:38 แล้วในในในเพจอื่นๆเนี่ยเรื่องคำถามค่า แลบค่าอะไรก็มันก็มันก็อย่างงั้นแหละมัน
00:00:38 → 00:00:44 ก็ซ้ำๆ อ่ะมันก็เลยไม่ไม่รู้จะเอาเคสอะไรที่น่า
00:00:44 → 00:00:47 สนใจมาครับ
00:00:51 → 00:01:01 ๆเราจะเริ่มเลยมยได้เลยครับพี่หมอหึได้ เลยครับมันแปลกๆมล่ะ
00:01:01 → 00:01:11 เหรือเหลือ 2 คนพี่เนน่าจะไปเดินอยู่อ่ะ ครับโอเออ
00:01:11 → 00:01:17 เออเพราะว่าปกติไลฟ์เมื่อวานนี้ไงแต่มัน เตรียมเนื้อหาไม่ทัน
00:01:17 → 00:01:28 อืครับผมแต่วันเนี้ยได้ได้พยายามสรุปแล้ว ก็คัดย่อแต่ใจความสำคัญน่ะคือทุกุกทุกอัน
00:01:28 → 00:01:34 มันจะเหมือนต้องขีดเส้นใต้เลเบลสีอะไร ต่างๆ
00:01:35 → 00:01:42 ครับเลยตั้งหัวข้อนี้นะอ่ะอ้าวันนี้เรา ไลฟ์กันในเรื่องนี้นะฮะนะครับก็คือกินแบบ
00:01:42 → 00:01:50 จการคฟต่ำ low C เนี่ยจนกระทั่งร่างกาย มีการปรับตัวอ่าเป็น Fat burner แล้วอ่ะ
00:01:50 → 00:01:56 นะฮะ Fat burner นี่ก็แล้วแต่ว่าจะอยู่ ขั้นไหนนะจะเป็นแค่เ่อ fash adap หรือมี
00:01:56 → 00:02:03 คี adap ด้วยนะฮะนะอ่าอก็เรียกว่าเออ เนี่ยตอนนี้อยู่ในภาวะคีโตสิส
00:02:03 → 00:02:10 เป็นเป็นส่วนใหญ่เป็นส่วนใหญ่ภาวะคีโตสิส ของร่างกายเราเนี้ยนะฮะนะครับก็มีช่วง
00:02:10 → 00:02:15 จังหวะที่จะเป็นการเก็บกัพลังงานโดย อิทธิพลของฮอร์โมนอินซูลินน่ะคือคล้ายๆ
00:02:15 → 00:02:23 กับเอ่อสลับเป็นพวกชูการเบอร์เนอร์อ่าไม่ นานไม่นานอันนี้มันก็เข้าเเรียกว่าเข้า
00:02:23 → 00:02:30 catagory อ่ะหรือเข้าเข้าล็อคพอดีเลยอ่ะ ว่าเออนะตอนเนี้ยกินแบบโภชนาการครับต่ำ
00:02:30 → 00:02:39 แล้วก็ได้ผลแบบที่มันมัน sle แล้วนะครับ แต่เวลาไป Follow up เวลาไปเช็คอัพอะไร
00:02:39 → 00:02:48 ต่างๆเนี่ยมันกลับมีค่าน้ำตาลในเลือดที่ ยังสูงนะจะสูงมากสูงน้อยหรือมันจะมี
00:02:48 → 00:02:58 เรื่องของน้ำตาลสะสม a1c เนี่ยสูงค้าง หรือสูงแล้วมัน stable หรือไม่ก็เ่อสูง
00:02:58 → 00:03:04 ขึ้นสูงลงสูงขึ้นสูงลงอะไรอย่าเงี้ยครับ เพราะงั้นครั้งเนี้ยไลฟ์ในครั้งเนี้ยจะ
00:03:04 → 00:03:12 พูดถึงทุกอย่างนะที่มันเกี่ยวกับการอ่า อยู่ในจการคาฟต่ำแล้วทำไม
00:03:12 → 00:03:20 เอ่อทำไมระดับน้ำตาลในเลือดที่มีการ foll อ่าครับไปเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆแล้วเนี่ยมัน
00:03:20 → 00:03:31 ถึงมันถึงยังไม่ดีสักทีนึงนะฮะเอจะเป็น น้ำตาลตอนเช้าน้ำตาลหลังอาหารอ่าภาวะอมนอ
00:03:31 → 00:03:39 หรือ A1 C ที่มันยังสูงหรือมันนิ่งมัน ค้างเนี่ยออันเนี้ยก็จะมีข้ออธิบายนะ
00:03:39 → 00:03:47 เพราะฉะนั้นก่อนจะไปถึงอ่าคำอธิบายเนี่ย ก็ต้องบอกก่อนว่าจริงๆแล้วพวกนี้เมีสต็ป
00:03:47 → 00:03:54 ของเค้านะฮะสตปต่างๆเนี่ยในเรื่องของน้ำ ตาลเร่อินซูลินเรื่องของปฏิกิริยาการตอบ
00:03:54 → 00:04:03 รับนะของร่างกายเนี่ยนะก่อนที่เราจะป่วย หรือในช่วงที่มันเป็นปกติเนี่ยนะฮะมันก็
00:04:03 → 00:04:12 จะมีเ่อ process เนี่ยนะฮะนะวนเวียนอยู่ ในร่างกายของคนเรานะฮะก็แล้วแต่ว่าข้อ 1
00:04:12 → 00:04:18 จะมากกว่าข้อ 2 อ่าหรือข้อ 3 นะถ้าค่อน ข้างไปทั้งข้อ 2 ข้อ 3 เนี่ยนะโดยเฉพาะ
00:04:18 → 00:04:23 ข้อ 3 นี่ก็แปลว่าป่วยแล้วะที่เราก็เรียก กันว่า insulin resistance ดึดื้อ
00:04:23 → 00:04:30 อินซูลินนะฮะครับแต่ถ้าข้อ 2 เนี่ยข้อ 2 เนี่ยมันก็ยังก้ำกึ่งอ่ะซึ่งเรามักใช้คำ
00:04:30 → 00:04:41 ว่า Hyper inulin นะฮะเนี่ยนะอันนี้ก็ อาจจะยังอะไรเ่ากึงๆนะเริ่มๆบางคนเริ่มจะ
00:04:41 → 00:04:47 ป่วยนะแต่บางคนก็ยังเงียบๆอยู่นะฮะนะเวลา ไปตรวจเชค up ประจำปีอะไรต่างๆก็จะไม่มี
00:04:47 → 00:04:53 อะไรที่ผิดปกติหรือเขาเรียกว่าไม่มี laap อะไร striking นะนะเนี่ยข้อ 2 นี่ก็เป็น
00:04:53 → 00:04:59 reactive physiologic insulin resistance นะฮะหรือชื่อเก่านะเเรียกว่า
00:04:59 → 00:05:07 แอ่าอ่าเค้าเรียกว่าอ่าอะไร อ่ะ impair glucose
00:05:07 → 00:05:16 tolerance อืครับ igt อ่ะ imp glucose tance นะนะแต่ชื่อใหม่เนี่ยนะก็คือ
00:05:16 → 00:05:22 reactive physiological insulin resistance นะนะนะแต่พื้นฐานของคนทุกคน
00:05:22 → 00:05:30 เนี่ยจะต้องมีเรื่องนี้ก่อนนะฮะเรื่องนี้ ก่อนจะเป็นคนปกติไม่ปกติหรือหรือใกล้ป่วย
00:05:30 → 00:05:36 ไม่ป่วยอะไรก็ตามนะฮะนะพื้นฐานร่างกายเรา จะมีภาวะที่เรียกว่า adaptive glucose
00:05:36 → 00:05:43 fairing นะฮะแล้วก็มีกระบวนการที่เรารู้ จักกันดีว่าว่าว่าเป็นกระบวนการจัดหาพลัง
00:05:43 → 00:05:50 งานที่เป็นน้ำตาลกลูโคสเนี่ยนะก็คือ กลูโคโนคือกลูโคโนมันเป็นสับเซตหรือมัน
00:05:50 → 00:05:57 เป็นหน่วยย่อยๆของภาวะใหญ่ๆนะที่เป็นภาวะ ตามกลไกธรรมชาติในแนวทาง
00:05:57 → 00:06:03 วิวัฒนาการอันนี้เเรียกเรียก adaptive glucose sping นะอันนี้เดี๋ยวเราจะค่อน
00:06:03 → 00:06:12 ข้างรู้รายละเอียดนะในสิ่งเหล่าเยนะฮะแต่ เท่าที่สังเกตดูเนี่ยก็ยังไม่เคยมีใครนะ
00:06:12 → 00:06:20 มาให้รายละเอียดอะไรพวกนี้นะฮะนะอนี้เป็น พืนฐานทุกอย่างนะของคนที่ทั้งปกตินะกำลัง
00:06:20 → 00:06:26 อยู่ในระหว่างการเริ่มป่วยนะแล้วก็ป่วย แล้วอ่ะนะฮะคือเป็น insulin resistance
00:06:26 → 00:06:35 เรียบร้อยแล้วนะฮะครับอันนี้อ่าการไลฟ เนี่ยจะพูดถึงพวกพาโถ physiology เป็น
00:06:35 → 00:06:42 หลักนะฮะไม่ได้พูดถึงเรื่องแลคนะฮะนะเรา จะต้องมีความเข้าใจพื้นๆเหล่านี้ก่อนนะฮะ
00:06:42 → 00:06:48 งั้นเวลาที่เขาจะย้อนนะเเรียกว่า RE เ reever Reset rebalance ที่เราเคยพูด
00:06:48 → 00:06:54 กันเนี่ยนะฮะนะในเรื่องของ insulin resistance เนี่ยนะฮะนะเนี่ยมันก็ต้อง
00:06:54 → 00:07:01 ย้อนกลับไปโดยเฉพาะถ้ากลับไปปกติเลยเนี่ย มันก็จะเป็นข้อ 1 นะฮะข้อ 1 นะซึ่งเป็น
00:07:01 → 00:07:09 กลไกตามธรรมชาติในแนวทางวิวัฒนาการแต่คน ส่วนใหญ่เนี่ยนะอ่ามันจะมาถึงแค่ในข้อ 2
00:07:09 → 00:07:14 นะก็คือเป็นภาวะ reactive physiological insulin
00:07:14 → 00:07:19 resistance เดี๋ยวเดี๋ยวดูรายละเอียดอันนี้เอาข้อแรก
00:07:19 → 00:07:27 ก่อนนะเเรียกว่า adaptive glucose sping นะในทั้งหมดเนี้ยหมอย่อมาแล้วก็คัดแต่ใจ
00:07:27 → 00:07:36 ความสำคัญนะฮะนะเอ่อเราพูดกว้างๆก่อนว่า adaptive glucose sping เนี่ยหมายถึง
00:07:36 → 00:07:43 อะไรนะฮะนะอ่าแล้วกูโค neogenesis เนี่ย มันเป็นส่วนหนึ่งของภาวะ ags อันนี้
00:07:43 → 00:07:51 นะแต่กลูโคสเนี่ยเดี๋ยวหมอจะพูดหลังสุด เพราะพวกเนี้ยเราค่อนข้างมีพื้นฐานกัน
00:07:51 → 00:07:57 แล้วล่ะ นะนี้ธรรมชาติของวิวัฒนาการของร่างกายคน
00:07:57 → 00:08:06 เราเนี่ยนะฮะมันจะมีภาวะเนี่ยนะที่เค้า เรียกว่ามีการสำรองอ่าระบบน้ำตาลกลูโคส
00:08:06 → 00:08:16 เฉพาะน้ำตาลกลูโคสนะนะนะไว้นะในการมี ชีวิตอยู่เสมอนะฮะนะซึ่งในบางครั้งเนี่ย
00:08:16 → 00:08:26 นะก็จะต้องมีการปรับนะฮะบางสิ่งบางอย่าง ให้ภาวะเนี้ยนะมันยังอยู่ในอ่ายังอยู่ใน
00:08:26 → 00:08:35 แ่อ Bal Level นะฮะนะโดยหลักการสำคัญของ อ่ากลูโคส fairing ของร่างกายคนเราเนี่ย
00:08:35 → 00:08:43 นะมันจะต้องมีความคงที่ เสถียรนะแล้ว adaptive glucose fairing
00:08:43 → 00:08:53 เนี่ยนะเขามีไว้เพื่อเพื่อช่วยเหลือ อวัยวะ 3 อวัยวะนะฮะก็คือเม็ดเลือดแดง
00:08:53 → 00:09:02 สมองนะอ่าเเรียกว่าสมองเ่อส่วนส่วนส่วน นึงอ่ะประมาณ 5% นะฮะแล้วก็ต่อบหมวกไต
00:09:02 → 00:09:09 ชั้นนอกนะฮะคือ 3 โครงสร้างเนี่ยยเป็น 3 โครงสร้างเที่เขาไม่มีไมโตคอนเดรียในการ
00:09:09 → 00:09:15 เผาผลาญพลังงานนะแต่เขาก็มีการทำงานที่จะ ต้องใช้พลังงานนะเพราะฉะนั้นธรรมชาติ
00:09:15 → 00:09:23 เนี่ยก็เลยต้องมีการจัดหาพลังงานนะให้กับ 3 อวัยวะนี้นะในรูปแบบที่มันเป็นกลูโคส
00:09:23 → 00:09:33 นะฮะกูโคสนะฮะแล้วก็เป็นการเผาผลาอ่าใช้ พลังงานโดยโดยไม่ใช้ออกซิเจนเป็นหลักนะฮะ
00:09:33 → 00:09:39 ไม่ต้องมีออกซิเจนนะฮะแล้วกลูโคสเข้าไป ถึงก็เข้าสู่เคปไซเคิลแล้วก็เผาเป็นพลัง
00:09:39 → 00:09:46 งาน ATP ออกมาได้เลยนะฮะก็แล้วแต่จะไปทำ งานอะไรก็ตามหน้าที่ของเม็เลแดงหรือสมอง
00:09:46 → 00:09:55 ส่วนเนี้ยนะฮะส่วนนี้ก็คือส่วนต้นนะของ อ่าก้านสมองนะฮะนะเอันนี้ก็จะเป็นส่วนเขา
00:09:55 → 00:10:03 เรียกไฮโปทาลามัสนะแล้วก็ อ่า ut แกนนะฮะซึ่งเป็นส่วนของอ่าระบบ
00:10:03 → 00:10:07 ประสาทอ่าเเรียกว่าจิตใต้สำนึกนะจิตใต้ สำนึก
00:10:07 → 00:10:15 นะนะแล้วก็หลักๆของจิตตสำนึกก็คือการควบ คุมระบบอัตโนมัติที่ทำให้เราอ่าไม่รู้สึก
00:10:15 → 00:10:23 ตัวต่างๆนะฮะก็คือเวลาอะไรหายใจเวลาหัวใจ เต้นอะไรเงี้ยนะฮะ
00:10:23 → 00:10:31 เก็อันนี้มีความสำคัญนะนะสมองส่วนเนี้ย มันมีแค่พื้นที่ประมาณ 5% นะจริงๆสมอง
00:10:31 → 00:10:39 เนี่ยที่เขาจะใช้กูโค้ดเนี่ยมันมีทั้งหมด ประมาณ 20% นะแต่ 15% มันใช้คีโตนก็ได้
00:10:39 → 00:10:45 ใช้กูโค้ดก็ได้นะเพราะฉะนั้นไม่มีกูโค้ดเ ใช้คีโตนแต่มันมีแค่ 5% เท่านั้นนที่ต้อง
00:10:45 → 00:10:50 ใช้นะฮะแล้วในปัจจุบันก็เป็นที่ยอมรับกัน เรียบร้อยแล้วว่า 3 อวัยวะนี้เท่านั้นนะ
00:10:50 → 00:10:57 ฮะที่ต้องใช้กูโค้ดนะเพราะฉะนั้นก็เป็น หน้าที่ของกลไกตามธรรมชาติของร่างกายที่
00:10:57 → 00:11:04 จะต้องมีการจัดหากลูโคสมาสำรองให้เค้าไม่ ว่าจะได้มาอย่างไรนะ
00:11:04 → 00:11:12 ฮะทีนี้ในระบบ adaptive กลูโคส fairing เนี่ยนะฮะนะอ่าร่างกายก็จะมีอวัยวะที่มา
00:11:12 → 00:11:21 เป็นตัวจัดสรรน้ำตาลนะฮะนะเนี่ย นะก็คือตับไตแล้วก็ลำไส้เราลองมาทายกันซิ
00:11:21 → 00:11:29 ว่า 3 อวัยวะเนี่ยมันจะจัดหากลูโคสให้กับ 3 อวัยวะนี่จับคู่กันยังไง
00:11:29 → 00:11:40 อันนี้สำคัญนะตอบได้เราจะจำแล้วเข้าใจอ่ะ เข้าใจร่างกายนะฮะอืคิดว่าตับจัดสรร
00:11:40 → 00:11:48 กลูโคสไปให้ส่วนไหนเม็ดได้แดงหรือสมอง 5% หรือว่าปอบหมวกไตชั้นนอก
00:11:48 → 00:11:57 อ่าสมองน่าจะเอากูโค้ดไปให้ใครเป็นส่วน ใหญ่นะสมองครับเออถูกต้องไตล่ะไตเอา
00:11:57 → 00:12:03 กูโค้ดไปให้ใคร เวลาที่ต้องมีการจัดสรรหรือสำรองอ่า
00:12:03 → 00:12:11 เรื่องของพลังงานที่เป็นกลูโคสไให้ใครดีไ ไตให้ตัวเองป่ะครับไม่ไตเต้องให้ส่วนที่
00:12:11 → 00:12:19 เขอยู่ใกล้ๆเ้าอ่ะคือส่วนหมวกของเอ่ะก็ ต่อมหมวกไตอ่าแล้วก็เป็น adrenal cortex
00:12:19 → 00:12:26 นะฮะนะซึ่งมันเป็นตัวสร้างพวกสเตียรอยด์ ฮอร์โมนพวกฮอร์โมนที่ใช้คอร์ติซอลต่างๆ
00:12:26 → 00:12:35 อ๋อครับผมอพวกฮอร์โมนที่ใช้คอเลสเตอรอล ต่างๆโทษทีนะก็มีมีคอร์ติซอลมี
00:12:35 → 00:12:43 ออสเตนนะฮะเนี่ยเป็นตัวหลักเลยนะแต่ต่อ หมวกใจชั้นในอ่ะเขเรียก adrenal med อัน
00:12:43 → 00:12:50 นั้นมันสร้าง adenine นะอันนี้เขาไม่ได้ เนื้อที่ส่วนนั้นของต่อมทเไม่ได้เขไม่ได้
00:12:50 → 00:12:57 ใช้กูดนะฮะ ครับแต่ถ้าต่อมไชั้นนอก additional cex
00:12:57 → 00:13:04 อันนี้เขาต้องใช้กูดเป็นพลังงานการที่จะ สร้างคอร์ติซอลสร้างอสนนะฮะแล้วตัวที่จะ
00:13:04 → 00:13:11 มาซัพพอร์ตเนี่ยก็คือคือไตไตจะมาซัพพอร์ต ตนี้ตับซัพพอร์ตสมองแล้วลำไส้ซัพพอร์ต
00:13:11 → 00:13:19 เม็ดเลือดแดงนะมันก็เลยจับคู่กันอย่าง เงี้ยนะฮะอันเนี้ยเราเราเราต้องเข้าใจนะ
00:13:19 → 00:13:25 ฮะนี้ย่อมาสุดๆแล้วนะฮเพราะฉะนั้นเนี่ยคำ ว่า adaptive glucose fairing เนี่ยมัน
00:13:25 → 00:13:33 เลยมีความหมายใหญ่ๆเกี่ยวกับการจับคู่ของ อวัยวะทั้ง 6 เนี่ยแล้วมีอยู่ 3 คู่จุด
00:13:33 → 00:13:38 ประสงค์ก็คือเพื่อจัดสรรพลังงานในรูปแบบ ที่เป็นน้ำตาลกลูโคส
00:13:38 → 00:13:46 ให้ให้ให้ให้เค้าเรียกว่าให้ให้เกิดความ สมดุลน่ะให้เกิดความพอดีนะที่จะใช้ในการ
00:13:46 → 00:13:52 ทำงานต่อไปนะแล้วก็สามารถทำให้ร่างกาย ดำรงชีวิตต่อไปได้
00:13:52 → 00:13:59 ครับอ่าทีนี้คำว่ากลูโคโนเนี่ยมันคือ เฉพาะ
00:13:59 → 00:14:06 เรื่องของตับกับสมองนะฮะนะจริงๆแล้วกลูโค เจนิเี่เป็นเรื่องของตับเโฟกัสที่ตับเป็น
00:14:06 → 00:14:14 หลักนะฮะนะเพราะว่า adaptive glucose sping เนี่ยทั้งตับไตแล้วก็ลำไส้เนี่ย
00:14:14 → 00:14:20 ตับเนี่ยจะเป็นศูนย์กลางใหญ่ที่สุดนะฮะ ใหญ่ที่สุดเพราะว่าส่วนนึงเนี่ยเมื่อตับ
00:14:20 → 00:14:30 จัดน้ำตาลไปให้สมองได้แล้วเนี่ยนะฮะตับก็ จะเผื่อแผ่น้ำตาลที่เากุจนิได้อ่ะนะไปให้
00:14:30 → 00:14:38 กับเม็ดะแดงกับพวกต่อหมวกใจได้ด้วยนะ เพราะฉะนั้นตับเขาก็เลยมีมีความยิ่งใหญ่
00:14:38 → 00:14:45 และสำคัญมากกว่านะฮะแต่ถ้าไตเนี่ยเขาก็จะ ให้ต่อหมดไตลำไส้ให้เม็ดเลือดนะฮะซึ่งอัน
00:14:45 → 00:14:52 นี้ก็เป็นหน้าที่โดยตรงไปตรงมาเไม่ค่อย ได้เผื่อแผ่เป็นสมองอะไรนักหนานะฮะเขาทำ
00:14:52 → 00:14:59 ไม่ได้เมีข้อจำกัดนะฮะก็ตับตับก็จะกระจาย ทุกสิ่งทุกอย่างนะถ้าเกิดเกิดใครต้องการ
00:14:59 → 00:15:08 น้ำตาลโดยเฉพาะ 3 ววัเนะฮะแล้วทั้งหมดนี้ นะฮะทั้งหมดเนะมันเกิดขึ้นโดยการควบคุม
00:15:08 → 00:15:15 ของ 2 ฮอร์โมนนะฮะก็คือกลุ่มฮอร์โมนลูก เทพทั้ง 6 และฮอร์โมนตัวแม่คอร์ติซอลนะ
00:15:15 → 00:15:21 งั้นเวลาที่จะเกิด adaptive glucose fairing เวลาเกิดกูโค neogenesis มัน
00:15:21 → 00:15:28 เกิดเพราะอิทธิพลของฮอร์โมนฝั่งไหนนะฮะนะ เนี่ยจะเป็นฝั่งตัวแม่หรือจะเป็นฝั่งลูก
00:15:28 → 00:15:37 เทพทั้ง 6 นะเป็นตัวสั่งการให้ตับเนี่ยนะ เหรือให้ไตหรือให้ลำไส้เนี่ยนะเกิดการ
00:15:37 → 00:15:44 สร้างหรือจัดหาพลังงานที่เป็นกูโค้ดไปให้ อวัยวะนะที่
00:15:44 → 00:15:51 บอกซึ่งในยุคปัจจุบันเนี่ยส่วนใหญ่แล้ว มันก็จะเป็นปัญหาที่เกิดจากอ่าเนี่ยตัว
00:15:51 → 00:15:59 แม่เป็นหลักลักนะฮะเพราะเราเนี่ยไม่ได้ อยู่นะในลักษณะของแพท
00:15:59 → 00:16:08 ของการมีไลฟ์สไตลที่ถูกต้องนะตามกลไกหรือ ตามสภาพความเป็นไปในธรรมชาติกับใครเขนเรา
00:16:08 → 00:16:15 แปรรูปกันไปหมดแล้วนะเพราะฉะนั้นอิทธิพล ในการที่จะมาทำงานของกลุ่มฮอร์โมนลูกเทพ
00:16:15 → 00:16:22 อะไรต่างๆมันก็ลดลงเรื่อยๆนะตัวแม่ก็เด่น ขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นเรื่อย
00:16:22 → 00:16:30 ๆนี่แหละนะก็จะเป็นอย่างงนี้นะแต่หลักการ อย่างนึงเนี่ยก็คือระดับน้ำตาเนี่ยนะฮะนะ
00:16:30 → 00:16:36 ระดับน้ำตาลเนี่ยถ้าถ้านะถ้าเป็นเรื่อง การสั่งการของฮอร์โมนลูกเทพทั้ง 6 เนี่ย
00:16:36 → 00:16:47 เราก็พอเข้าใจนะว่าเขาจะเกิดการจัดหาน้ำ ตาลในขนาดต่ำๆที่พอดีในการใช้งานและมี
00:16:47 → 00:16:54 ความคงที่เสถียรคือเขาไม่ค่อยออกนอกรูนอก ทางแต่ถ้าเป็นเมื่อไหร่ตัวบริหารจัดการ
00:16:54 → 00:17:01 เนี่ยคือตัวแม่หรือตัวคอร์ติซอลนะทั้ง adaptive glucose fing และ GL
00:17:01 → 00:17:11 neogenesis เนี่ยเก็จะมีก็จะมีความเกิน เลยซะเป็นส่วนใหญ่นะฮก็ตามที่ที่บอกหรือ
00:17:11 → 00:17:17 รู้กันมานะว่าเวลาถ้าแอชของตัวแม่ คอร์ติซอลมาเมื่อไหร่เมื่อนั้นเนี่ยนะฮะ
00:17:17 → 00:17:23 นะทุกอย่างมันจะค่อนข้างมากเกินนะเนี่ย แล้วก็เกินไปเกินมาเนี่ยมันก็เลยทำให้
00:17:23 → 00:17:34 เกิดปัญหาปัญหาที่ว่าเออทำไมค่าน้ำตาลมัน ยังสูงอยู่ยังลอยอยู่ a1c ยังชูอยู่นะที
00:17:34 → 00:17:41 นี้ถ้าเกิดเราเอา 2 เรื่องเนี้ยมาจับนะ กับกลุ่มผู้คนนะฮะมันก็จะแบ่งออกเป็นคน
00:17:41 → 00:17:49 ปกติกับไม่ปกตินะฮะนะเก็พบว่าในคนปกติ เนี่ยนะสภาวะเ่า adaptive glucose
00:17:49 → 00:17:57 fairing เนี่ยนะฮะนะถ้ามันมีการเกิดขึ้น แล้วเนี่ยส่วนใหญ่นะส่วนใหญ่นะระระดับค่า
00:17:57 → 00:18:02 น้ำตาลในเลือดต่างๆจะยังอยู่ในเกณฑ์ Normal นะนะจะเป็น fing bl Sugar โพ
00:18:02 → 00:18:12 pandi Sugar a1c อะไรต่างๆนะ ฮะแต่ในกลุ่มของคนที่มีการมีความผิดปกติ
00:18:12 → 00:18:18 ก็คือมีภาวะด้วอินซูลินเรือรังเนี่ยนะฮะ นะนะอันนี้มันจะไม่ค่อย Normal นะฮะสภาวะ
00:18:18 → 00:18:27 ทั้ง 2 อย่างเยนะฮะนะนะแล้วก็พวกผลต่อ อวัยวะก็ดีนะหรือพวกอ่ากลุ่มเม็ดเลือด
00:18:27 → 00:18:33 กลุ่มสมองกลุ่มต่อหมอะไรก็ดีทุกอย่าง เนี่ยนะมันจะรวนไปหมดเลยนะถ้าเกิดคุณมี
00:18:33 → 00:18:41 ภาวะของการดื้ออินซูลินเกิดขึ้นนะแล้วก็ ทำให้ค่าแลคต่างๆเนี่ยอมันก็ผิดปกตินะ
00:18:41 → 00:18:49 แล้วก็จะต้องมีแนวทางที่จะแก้ไขอย่างถูก ต้องเหมาะสมเขาถึงจะกลับคืนมาแต่ก็ถาม
00:18:49 → 00:18:55 จริงๆเถอะว่าคนส่วนใหญ่เนี่ยมันจะแก้ได้ อย่างเหมาะสมกันมล่ะนะฮะเพราะว่าเราก็
00:18:55 → 00:19:03 ต้องมีเข้าใจในเรื่อง 6 6 ช่องทาง 6 อ่า อ่า 6 อย่างเนี้ยนะฮะที่จะนำมาแก้
00:19:03 → 00:19:12 นะแต่ส่วนใหญ่มันมันก็พูดยากอ่ะนะเหมือน เหมคนมันก็รู้ไม่หมด่ะนะเมันก็เลยแก้แล้ว
00:19:12 → 00:19:20 นะเอ่อถูกๆผิดผิดไป เนาอันนี้นะฮะมันมีอย่างนึงอ่ะที่หมอสรุป
00:19:20 → 00:19:27 มาเนี่ยคือเขาบอกว่าในผู้คนที่มีภาวะการ ดื้ออินซูลินแบบเรื้อรังเนี่ยนะเรื้อรัง
00:19:27 → 00:19:34 เนี่ยนะเวลาที่เราจะรวสนะหรือย้อนกลับภาว ดื้ออินซูลินเนี่ยนะฮะสิ่งเนี้ยสิ่งเนี้ย
00:19:34 → 00:19:44 นะมันจะเกิดได้ช้าหรือเกิดได้ยากกว่าการ ที่เคนที่ดื้ออินซูลินแล้วเนี่ยจะเกิด
00:19:44 → 00:19:53 ภาวะเเรียก Fly ket adapted นะฮะคือคน พวกเนี้ยเวลาที่มาใช้โภชนาการคต่ำมาปรับ
00:19:53 → 00:19:59 ไลฟ์สไตล์มาทำ If มาออกแรงออกกำลังมานอน เนินอะไรอย่างดีแล้วเนี่ยนะนะฮะเนี่ยพวก
00:19:59 → 00:20:07 นี้ก็สามารถที่จะคีโตซีสนะฮะเป็น Fat adap คีโต adap ได้นะฮะนะ
00:20:07 → 00:20:14 แต่สิ่งเนี้ยที่มันเกิดขึ้นเนี่ยเมันเกิด ขึ้นได้ง่ายหรือไม่ยากและเกิดขึ้นได้เร็ว
00:20:14 → 00:20:21 นะฮะแต่เมื่อเทียบกับนะสภาวะของการือ อินซูลินเรื้อรังที่เเป็นอยู่และต้องการ
00:20:21 → 00:20:29 ที่จะอ่าย้อนกลับเนี่ยหรือรีวเนี่ยนะพวก เยมันช้ามันช้ากว่านะฮะมันก็เลยมีคำเนี่ย
00:20:29 → 00:20:35 ที่เสรุปมาว่านะยังไงก็ตามนะเวลาที่เรา เจอคนที่มีภาวะดอินซูลินเนื้อลังเนี่ยนะ
00:20:35 → 00:20:43 ก็ไม่แปลกหรอกที่คุณจะสามารถอ่า Fat adapt ket adapt ketosis ได้นะฮะแต่
00:20:43 → 00:20:54 เรื่องของเ่อการรีว insulin resistance เนี่ยมันยังมันยังไม่หายได้ง่ายๆนะฮะแล้ว
00:20:54 → 00:21:01 เหตุเนี้ยมันก็เลยมีผลตามมาในเรื่องของ ตัวอะไรอ่ะตัว metabolic มาอหรือตัวชี้
00:21:01 → 00:21:09 วัดต่างๆที่มันยังกว่ามันจะเข้าที่เข้า ทางหรือ Normal เนี่ยมันก็นานนะอีกกรณี
00:21:09 → 00:21:16 นึงเนี่ยนะฮะนะคนที่ดื้ออินซูลินเรื้อรัง เนี่ยถ้ามีสิ่งนี้นะฮะถ้ามีสิ่งนี้ร่วม
00:21:16 → 00:21:25 ด้วยเนี่ยนะฮะนะการรีวยากมากนะฮะยากมากนะ ก็คือการไม่ยอมไม่ค่อยที่จะออกกำลังกาย
00:21:25 → 00:21:32 หรืออ่าในแต่ละวัน 24 ชั่วโมงมีการเคื่อน ร่างกายน้อยเกินนะเนี่ยอันนี้เป็นปัจจัย
00:21:32 → 00:21:38 สำคัญอย่างนึงเลยนะฮะที่ทำให้ทั้งปุคคล เจิแล้วก็เรื่องของ adaptive glucose
00:21:38 → 00:21:47 fairing เนี่ยนะมันมันมันมีความก้าวหน้า ต่อไปอ่ะนะฮะจนกระทั่งกลายไปเป็น
00:21:47 → 00:21:54 pathologic insulin resistance นะทีนี้เรามาดูการแก้ไขนะฮะนะที่มีข้อ
00:21:54 → 00:22:03 สรุปกันมานะฮะมี 6 อย่าง 6 อย่างว่าว่า เ่อถ้าเกิดเราทราบว่ามันมีแนวโน้มที่จะ
00:22:03 → 00:22:11 เกิดปัญหาในลักษณะเนี้ยนะฮะนะเขาจะปรับ แก้ยังไงนะฮะแต่จริงๆแล้วเนี่ยอันนี้นะฮะ
00:22:11 → 00:22:19 นะเ่อมันก็มันก็อาจจะคืออาจจะตรวจแหบตรวจ อะไรไม่เจออ่ะนะฮะนะเพราะว่าทุกทุกอย่าง
00:22:19 → 00:22:23 เนี่ยมันเป็นเรื่องพื้นฐานของร่างกายอยู่ แล้วนะฮะ
00:22:23 → 00:22:31 นะแต่ถ้าเกิดจะเป็นการปรับนะฮะก็ให้ใช้ 1-6 ข้อนี้นะซึ่งหมอก็เลยเอามาใส่่ไว้
00:22:31 → 00:22:38 แล้วก็อ่าเดี๋ยวในกลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 ก็จะใช้หลักการ 6 ข้อนี้เหมือนกันนะอัน
00:22:38 → 00:22:45 แรกก็คือต้องปรับเรื่องอาหารอ่าเราก็ถึง มีแนวทางอาหารต่างๆนะฮะนะซึ่งใครจะแล้ว
00:22:45 → 00:22:53 แต่จะ ow C คีตเ่อ CD kcd low C High Fat High Good Fat นะหรือจะกินนเป็น
00:22:53 → 00:23:01 Clean Diet หรือจะเป็นแนเบสอะไรก็ไม่ รู้อ่ะแล้วแต่นะฮะแล้วแต่อ่าเ่อการอะไร
00:23:01 → 00:23:08 อ่ะถูกโฉลกของแต่ละบุคคลนะฮะแต่ในเพจของ เราเราก็จะแนะนำในเรื่อง low C High
00:23:08 → 00:23:16 Good Fat นะฮแล้วก็มี TE Oil นะเป็น พระเอกอ่านะอันต่อมาเนี่ยนะพร้อมๆกัน
00:23:16 → 00:23:22 เนี่ยนะก็ต้องมีการสร้างกล้ามเนื้อนะฮะนะ เพราะว่ากล้ามเนื้อเนี่ยมวลกล้ามเนื้อมัน
00:23:22 → 00:23:30 เป็นเรื่องสำคัญอยู่แล้วนะฮะกับเรื่องของ น้ำตาลนะฮะคาบน้ำตาลแป้งนะอินซูลินนะฮะ
00:23:30 → 00:23:38 เนี่ยเ่าในระยะยาวๆแล้วเนี่ยนะเราจะต้อง มีตัวกล้ามเนื้อมาเป็นสุมามาเป็นหลัก
00:23:38 → 00:23:45 ประกันน่ะนะฮะนะถ้าเราไม่สนใจเรื่องของ กล้ามเนื้อนะเอ่อทุกสิ่งทุกอย่างมันยาก
00:23:45 → 00:23:52 เหลือเกินที่จะกลับมาเป็นปกตินะหรือ optimal Health ได้นะแล้วกล้ามเนื้อ
00:23:52 → 00:23:58 เนี่ยต้องทำอะไรนะฮะนะพื้นฐานของการ บริหารกล้ามเนื้อที่สำคัญที่สุดคือการเวท
00:23:58 → 00:24:06 นะฮะเทออันเท resistance Training อะไร อย่างเงี้ยนะแล้วก็อาจจะมีฮิตนะร่วมกับเท
00:24:06 → 00:24:15 โดยฮิตเนี่ยหลักการของฮิตเนี่ยก็คือก็คือ การอะไรการเวทกล้ามเนื้อหัวใจพูดง่ายๆนะิ
00:24:15 → 00:24:22 คือการเวทกล้ามเนื้อหัวใจนะงั้นถ้ามีสิ่ง นี้เนี่ยนะพร้อมกับโภชนาการที่เหมาะสมกับ
00:24:22 → 00:24:29 คนคนนั้นเนี่ยนะฮะนะไอ้สิ่งเหล่าเนี้ยนะ มันจะถูกควบคุมได้ง่ายนะฮะนะอันนี้ข้อ 3
00:24:29 → 00:24:39 เนี่ยข้อ 3 เนี่ยอยากจะให้โฟกัสดีๆนะฮะนะ ข้อ 3 เขก็จะบอกเลยว่าในกรณีของเ่อผู้คน
00:24:39 → 00:24:46 ที่จะต้องมีการเพิ่มโปรตีนมากขึ้นต่อวัน นะฮะอย่างเช่นพวกที่เป็นเบาหวานเที่เรา
00:24:46 → 00:24:51 บอกว่ามีขาดทั้งพลังงานขาดทั้งสารอาหาร โดยเฉพาะการขาดสารอาหารเในกนไข้กลุ่มเบา
00:24:51 → 00:24:57 หวานต่างๆนะโดยเฉพาะเบาหวานหรือคนที่ผอม แล้วด้วยอินซูลินมากๆแล้วเป็นเบาหวานด้วย
00:24:57 → 00:25:04 นะเนี่ยการเพิ่มโปรตีนเโปรตีนต่อวันะฮอัน นี้ก็ต้องมีหลักมีหลักนะถ้าจะนำมาใช้ใน
00:25:04 → 00:25:12 การแก้ไขเรื่องของน้ำตาลกับอินซูลินนะฮะ นะควรแบ่งปริมาณโปรตีนต่อมื้อหรือและมี
00:25:12 → 00:25:21 การกระจายนะโปรตีนที่แบ่งแล้วเนี่ยนะออก ไปในแต่ละมื้อนะอันนี้นะจะเป็นหลักการใน
00:25:21 → 00:25:29 การนำมาใช้เขาบอกว่ามันจะมีการลดผลในการ เกิดกลูโค neogenesis นะฮะซึ่งเกิดจาก
00:25:29 → 00:25:39 เรื่องของฮอร์โมนคอร์ติซอลอออกมาออกมา เนี่ยออกมาเจ้ากี้เจ้าการนะฮะก็เพราะว่า
00:25:39 → 00:25:45 ตัวโปรตีนในแต่ละมื้อถ้าเกิดเยอะเกินนะฮะ เยอะเกินโดยเฉพาะพวกกลุ่มสายแป้งหรือคน
00:25:45 → 00:25:53 ผอมเนี่ยโปรตีนที่ล้นเกินเนี่ยแล้วร่าง กายเ้าจัดการอ่าคุณประโยชน์ที่มันจะเกิด
00:25:53 → 00:26:01 ขึ้นไม่ได้เนี่ยนะส่วนที่เกินเนี่ยตัวแม่ คอซอออกมาปุ๊บนะเก็จะเกิดการทำให้บุคลก็
00:26:01 → 00:26:07 จะสั่งตับนั่นแหละนะฮะว่านะให้เอาโปรตีน เหล่าเนี้ยนะส่วนนึงก็คือไปเปลี่ยนส่วน
00:26:07 → 00:26:13 ใหญ่ๆนแหละไปเปลี่ยนเป็นน้ำตาลนะซึ่ง เนี่ยคอร์ติซอลสั่งตับในลักษณะที่เปลี่ยน
00:26:13 → 00:26:19 สารอาหารบางอย่างที่ล้นเกินไปเป็นน้ำตาล เราก็เรียกว่ากลูโค
00:26:19 → 00:26:25 เจนิเพราะฉะนั้นเนี่ยนะเราจะปล่อยไว้ อย่างเงี้ยไม่ได้นะไม่งั้นแล้วน้ำตาลมัน
00:26:25 → 00:26:32 ก็จะเกิดนะฮะน้ำตาลมันก็จะเกิดนะเราก็ ต้องแบ่งตัวโปรตีนแล้วก็แบ่งซอยนะเป็น
00:26:32 → 00:26:38 มื้อย่อยๆไปนะ ฮะอันนี้ก็คือเพื่อจะลดหรือเบรกการ
00:26:38 → 00:26:46 กระตุ้นฮอร์โมนอินซูลินที่จะมากูโค genive นะนะแล้วนอกจากนี้เนี่ยการทำอย่างนี้นะฮะ
00:26:46 → 00:26:54 นะก็จะมีผลในการเพิ่มเเรียกว่า inin เฟค inin Effect เนี่ยมันเป็นผลอย่างนึงใน
00:26:54 → 00:27:03 ทางเดินอาหารของคนเรานะฮะนะถ้าเกิดเราไม่ ได้โหลดโปรตีนมื้อละเยอะๆนะฮะนะอ่าพวกนี้
00:27:03 → 00:27:10 จะมีผลก็คือฮอร์โมนพวกเนี้ยมัน glp 1 กับ GP เนี่ยมันเป็นฮอร์โมนประเภทโปรตีน
00:27:10 → 00:27:19 นะถ้าโปรตีนมันมีคุณภาพนะแล้วก็ถูกสัด ส่วนนะภาวะ inin เฟคเนี่ยก็จะมี
00:27:19 → 00:27:26 ประสิทธิภาพย้อนกลับไปนะที่จะทำให้ตัว อินซูลินมีความว่องไวในการจัดการกับน้ำ
00:27:26 → 00:27:32 ตาลกลูโคสมากขึ้น inin เฟเนี่ยมันเป็นเอฟเฟคหรือเป็นผลของ
00:27:32 → 00:27:39 ตัวฮอร์โมนในระบบทางเดือนอาหารนะฮะนะที่ จะช่วยให้อินซูลินมีความว่องไวในการจัด
00:27:39 → 00:27:47 การกับน้ำตากลูโคสมากขึ้นนะและเอฟเฟคนี้ ก็จะเป็นผลมาจากนะการควบคุมปริมาณและ
00:27:47 → 00:27:56 คุณภาพของอของโปรตีนในการกินในแต่ละมื้อ ที่เหมาะสมข้อ 3 นี่ต้องทำความเข้าใจนะ
00:27:56 → 00:28:03 แล้วข้อเนี้ยเป็นตัวที่นไปอธิบายอะไรได้ หลายอย่างนะอย่างเช่นเราเห็นใครเเนี่ย
00:28:03 → 00:28:10 อย่างเช่นพวกที่กินมแล้วมีการแพใช้โปรตีน นะเพราะฉะนั้นคุณก็กิน 1 มื้อต่อวัน
00:28:10 → 00:28:16 โปรตีนคุณก็คงต้มมาก อ่าต้องมากเนี่ยแล้วคุณเป็นคนอ้วนคนผอม
00:28:16 → 00:28:25 หรือคนที่มีบอ type ไปแบบไหนเ่านะน้ำหนัก ยังไงส่วนสูงอะไรต่างๆความเหมาะสมอะไร
00:28:25 → 00:28:31 ต่างๆนะแต่คุณเล่นไใช้โปรตีนเนี่ยเนี่ยนะ มันก็จะมีโอกาสที่จะเกิดกลูโคเจนิจาก
00:28:31 → 00:28:36 คอร์ติซอล นะมาเปลี่ยนโปรตีนที่ล้นเกินเนี่ยให้กลาย
00:28:36 → 00:28:43 เป็นน้ำตาลนะใช่มั้ยล่ะเนี่ยแล้วเมื่อ ไหร่ก็ตามที่โปรตีนล้นเกินสมมุติคุณกิน
00:28:43 → 00:28:51 omas แล้วคุณก็ยังเชื่อในทฤษฎีการนะที่ จะมีสุขภาพดีจากการเนี่ยจากการอดนานๆ
00:28:51 → 00:28:58 เนี่ยโปรลองฟาแบบ omas เนี่ยย 23/1 นะฮะ นะอ่าแล้วโปรตีนคุณก็ล้นเกินเพราะไม่
00:28:58 → 00:29:03 เหมาะกับบอ type ของคุณเงี้ยนะแล้วมัน กลายเป็นน้ำตาลขึ้นมานะพอมีน้ำตาลขึ้นมา
00:29:03 → 00:29:09 เนี่ยก็จะเกิดการกระตุ้นฮอโมอินซูลินออก มาด้วยนะแล้วทั้งคอร์ติซอลอินซูลินเนี่ย
00:29:09 → 00:29:17 นะก็จะชี้ชวนกันเอาพลังงานนะสะสมเอาพลัง งานที่ล้นเกินเนี่ยไปสะสมที่ไหนนะส่วน
00:29:17 → 00:29:24 ใหญ่ก็ไปสะสมที่ viser Fat นะนะนอกจาก นี้เนี่ยผลของทั้งอินซูลินกับคอร์ติซอล
00:29:24 → 00:29:32 ยังจะมีการเบรกภาวะคีโตสิสนะนะนะถึงแม้ คุณจะกินโลคาฟหรือกระทั่งตัดคาฟก็ตามนะฮะ
00:29:32 → 00:29:38 นะเท้าเมื่อไหร่เนี่ยโปรตีนที่มันเกิน แล้วมันเปลี่ยนเป็นน้ำตาลนะมีอินซูลินออก
00:29:38 → 00:29:48 มานะเมื่อนั้นเนี่ยมันจะเบรคคีโตสิสนะฮะ หรือมันจะมีผลนะในการสร้างคีโตนของตับนะ
00:29:48 → 00:29:55 ลดลงนะหรือสร้างยากขึ้นรวมทั้งการใช้ คีโตนต่างๆของเซลล์เนี่ยนะก็จะลดลงเรื่อย
00:29:55 → 00:30:02 ๆนะอันนี้เเรียกว่าเนี่ยอินซูลินกับ คอร์ติซอลมันมีบทบาทในการไปเบรคนะไปเบรค
00:30:02 → 00:30:09 ไอเรื่องของการทำงานของ คีโตนเพราะฉะนั้นเรื่องของเนี่ย
00:30:09 → 00:30:17 อ่า การการกินโปรตีนเยอะๆนะฮะนะนะในสภาวะบาง
00:30:17 → 00:30:23 อย่างอันนี้เราอธิบายถึงเรื่องของน้ำตาล กับอินซูลินนะฮะนะก็ต้องเป็นเหตุผลที่จะ
00:30:23 → 00:30:32 ต้องแบ่งนะอ่าแบ่งมื้อนะฮะจะมาอ่าดัน ทุรัง omas ยาวๆไปเอ่อเป็นเดือนเป็นปีไม่
00:30:32 → 00:30:40 ได้นะเ่าเพราะว่าในที่สุดเนี่ยก็จะเกิด การตีกลับนะแล้วก็พัฒนาจากสิ่งเหล่านี้
00:30:40 → 00:30:47 กลายเป็น pathologic insulin resistance อันต่อมาก็คืออ่ามีการทำ cheating C นะ
00:30:47 → 00:30:55 ฮะนะ cheating C เอ่อปกติเนี่ยเวลาเรา เข้าสู่โจกการคต่ำนะฮะซึ่งก็จะต่ำแค่ไหน
00:30:55 → 00:31:04 มากมายแค่ไหนแล้วแต่นะอย่างถ้าเป็นคีโต หรือว่าเป็น CD kd มันก็ต่ำมากๆนะฮะนะใน
00:31:04 → 00:31:12 ระยะยาวๆเนี่ยนะก็ตามที่บอกว่านะอินซูลิน อาจจะฟังก์ชันนะเพราะฉะนั้นเราก็จะต้องมี
00:31:12 → 00:31:21 การฝึกนะประสิทธิภาพของอินซูลินนะโดยการ จัดสรรวันบางวันในสัปดาห์นึงนะฮะนะที่จะ
00:31:21 → 00:31:29 กระตุ้นเออกมาเยอะๆแล้วก็ให้เทำงานนะให้ เาทำงานเยอะๆอไปคั้งด้วยแล้วหลังจากนั้น
00:31:29 → 00:31:34 ก็พักเข้าไปนานๆนะอันนี้เราก็เรียกว่า cheating Day หรือ cheating Car นะ
00:31:34 → 00:31:42 เพื่ออ่ากระตุ้นการทำงานนะของเบเซลตับ อ่อนนะหรือกระตุ้นอินซูลิน
00:31:42 → 00:31:48 อันข้อที่ 5 เนี่ยก็คือการเพิ่มความว่อง ไวของอินซูลินนะหรือเพิ่มประสิทธิภาพนะ
00:31:48 → 00:31:57 ของอ่าความไวของตัวอินซูลินนะนะซึ่งในที่ สุดมันจะมีการตามมาดยการลดการอักเสบอ่าไป
00:31:57 → 00:32:05 ด้วยด้วยนะฮะอันนี้เราจะทำอะไรบ้างนะก็จะ มีการนอนนะที่ดีนอนอย่างมีคุณภาพนะฮะต้อง
00:32:05 → 00:32:13 ลดความเครียดในแนวทางต่างๆตัดแดดฟฟานะฮะ มีการใช้สารเสริมอาหารที่มาช่วยช่วยลดการ
00:32:13 → 00:32:22 อักเสบและช่วยเพิ่มความว่องไวของอินซูลิน นะฮะตัวเป้งๆเลยนะก็คือคือโครเมียมนะ
00:32:22 → 00:32:28 เบอร์บีนะแล้วก็โปแตสเซียมนะเราจำ โปแตสเซียมได้มั้ยว่านะโปแทสเซียมเนี่ย
00:32:28 → 00:32:38 เป็นคู่หูนะที่สำคัญมากของอินซูลินนะที่ อยู่ในอาหารนะนะรองจากโปแตสเซียมคือ B1
00:32:38 → 00:32:43 อ่าอ่าตัววิตามิน B นี่เป็นอันดับ 2 รอง จากโปแตสเซียมแต่อันนี้หมายถึงอยู่ใน
00:32:43 → 00:32:49 อาหารนะะนะแต่บางครั้งบางคราวเราก็มีแนว เรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เป็นตัวเสริม
00:32:49 → 00:32:57 นะฮะในช่วงแรกๆนะอ่าก็จะมีนี่แหละ โปแทสเซียมสังกสีแมกนีเซียมวิตามินดีนะ
00:32:57 → 00:33:08 วิตามิน B นะฮะแล้วก็วิตามิน C นะ al นะ ฮะ al นะก็เป็นเ่าของโอเมก้า 3 นี่แหละนะ
00:33:08 → 00:33:19 ฮะนะอิอเอิอก็จะเป็นอ่าวิตามินบนะ ฮะอันเนี้ยอันอันนี้ก็จะมาช่วยในเรื่อง
00:33:19 → 00:33:27 ความว่งไวของอินซูลีนนะฮะอ่าสุดท้ายก็อาจ จะมีคซนะฮะมีคซนะเพราะว่าบางครั้งเนี่ย
00:33:27 → 00:33:36 เราจะมีความเข้าใจค่อนข้างยากนะอ่าในการ ปรับแก้นะนะตรงนี้หมอเสียเวลานิดนึงเพราะ
00:33:36 → 00:33:41 ว่าก็ต้องให้รายละเอียดนะฮะนะซึ่ง แพทเทิร์น 6 อย่างเนี้ยนะมันจะเป็น
00:33:41 → 00:33:51 แพทเทิร์นที่ค่อนข้างตายตัวแล้วก็ครอบ คลุมในทั้ง 3 catagory หรือ 3 สภาวะนะนะ
00:33:51 → 00:33:58 อันนี้คือเรื่องของ adaptive glucose sping นะฮะนะอก็ให้ดูภาพอันนี้นิดนึง
00:33:58 → 00:34:07 เนี่ยนะเอออยู่มั้ยล่ะถึงอยู่เปล่านะเรา จะเห็นสัดส่วนการสร้างนของร่างกายนะฮะนะ
00:34:07 → 00:34:13 ซึ่งอันเนี้ยก็เคยฉายปีที่แล้วนานแล้วนะ ฮะนะ
00:34:13 → 00:34:21 เนี่ยคือเราจะไปนึกง่ายๆนะฮะนะว่าพอไม่มี น้ำตาลแล้วก็เป็นหน้าที่ของตัในการกูโค
00:34:21 → 00:34:29 นิสิอะไรต่างๆอ่าอันนั้นเนี่ยมันเป็นส่วน ย่อยๆส่วนย่อยๆนะฮะนะปัจจุบันเราใช้คำว่า
00:34:29 → 00:34:34 adaptive glucose sping นะฮะแล้วก็ แบ่งเป็น 2 ช่วงช่วง feeding กับช่วง
00:34:34 → 00:34:42 fasting นะฮะแล้วมีอวัยวะอะไรบ้างล่ะที่ มาอ่าทำการอ่ากูโคส sping หรือกลูโคส
00:34:42 → 00:34:48 neogenesis นั่นแหละนะฮะนะถ้าเกิดช่วง ที่กินอาหารคือตับนะฮะเพราะอาหารเหล่า
00:34:48 → 00:34:54 เนี้ยมันเข้าทางกระแสเลือดนะฮะนะอาหารสาร อาหารหรือพลังงานที่เข้าทางเลือดได้เนี่ย
00:34:54 → 00:35:03 นะก็จะเข้ามาที่ตับนะฮะแล้วตับก็ก็จะมี การจัดการนี่แหละนะฮะนะโคจิน้ำตาลอ่าโดย
00:35:03 → 00:35:12 กระบวนการไกลโคไลซิสนะฮะนะแล้วเอาน้ำตาล เนี่ยนะนะจากที่ได้จากการกินมาเนี่ยนะฮะ
00:35:12 → 00:35:18 นะก็เอาไปให้สมองนะอันนี้ฟังก์ชั่นตับ เนี่ยในช่วงที่กินนี่จะประมาณนี้นะฮะ 80%
00:35:18 → 00:35:27 ในการจัดหาน้ำตาลนี่แหละนะฮะนะสมองก็ได้ อิ่มเอ็มเปปีเลยล่ะนะนอกจากนี้เนี่ยนะก็
00:35:27 → 00:35:34 บางส่วนใน 80% เนี่ยก็เผื่อแผ่ไปอ่าไปที่ ไหนไปต่อหมวกไตไปที่เม็ดเลือดแดงนะเพราะ
00:35:34 → 00:35:39 ฉนั้นส่วนใหญ่แล้วเนี่ยในช่วง feeding เนี่ยนะหน้าที่หลักๆเลยก็จะเป็นหน้าที่
00:35:39 → 00:35:48 ของตับนะมันจะเห็นว่าไตเนี่ยุคคลเสิทไม่ เยอะนะฮะก็น้อย 15% ลำไส้ 5% ลำไส้เอาไป
00:35:48 → 00:35:56 ให้ไมเลือดแดงไตเอาไปให้ต่อหมดไตนะฮะนะ แต่ตับเนี่ยตอนที่กินอาหารเนี่ยนะส่วน
00:35:56 → 00:36:01 ใหญ่ก็เอาไปให้สมองส่วนส่วนที่เหลือเขาก็ ไปให้ต่อหมกใจแล้วก็ไปให้เมแดงนะเพราะ
00:36:01 → 00:36:08 ฉะนั้นตับเผื่อแผ่ได้อ่าจึงเป็น Center ไ เซ็นเตอร์ศูนย์รวมของการกระจายพลังงานนะ
00:36:08 → 00:36:17 ต่างๆนะอันนี้ช่วง feeding นะพอช่วง fasting นะฮะเนี่ยจะเห็นว่าบทบาทนะเวลา
00:36:17 → 00:36:26 คือเวลาเราฟาเนี่ยเราก็ไม่กินนะฮะนะเรา เคยจำได้ไล่ะร่างกายชอบกินไม่ชอบอดร่าง
00:36:26 → 00:36:31 กายชอบนอน ไม่ชอบเคลื่อนไหวออกแรงออกกำลังชอบนอนชอบ
00:36:31 → 00:36:39 อยู่นิ่งๆนะเพราะฉะนั้นเนี่ยร่างกายชอบ กินไม่ชอบอดนะถ้าเวลาที่ต้องอดหรือไม่ได้
00:36:39 → 00:36:47 กินก็จะเกิดอะไรขึ้นล่ะมันก็เหมือนค่อยๆ เกิดความเครียดขึ้นมาเรื่อยๆนะฮะนะซึ่ง
00:36:47 → 00:36:55 ถ้าเกิดว่าเป็นไปตามไลฟ์สไตล์อะไรต่างๆนะ ที่ในที่สุดแล้วเดี๋ยวก็จะได้กินนะอันนี้
00:36:55 → 00:37:03 ก็ความเครียดเหล่านั้นก็เป็นแค่ีนะฮะก็ คือเป็นความเครียดเ่าแบบแบบพื้นๆสมเหตุสม
00:37:03 → 00:37:10 ผลนะฮะอ่ากับกลไกการเปลี่ยนแปลงของร่าง กายในการกินการหิวการไม่กินอะไรงี้นะฮะนะ
00:37:10 → 00:37:19 อันนี้ก็ไม่มีอะไรนะนะแต่ในยุคสมัยที่เรา นิยมการฟาเนี่ยนะก็มีอะไรอ่ะมีตั้ง 16 8
00:37:19 → 00:37:27 18 6 20/4 23/1 นอกจากนั้นก็เป็นมาก กว่านั้นก็เป็นโปรลอง Fast นะของคนถึง 7
00:37:27 → 00:37:34 วันอะไรก็มีนะฮะนะสิ่งเหล่านี้เวลามัน เข้ามาแล้วเนี่ยนะฮะนะเราไม่เข้าใจเราไม่
00:37:34 → 00:37:38 เข้าใจนะในเรื่อง adaptive glucose sping glucose neogenesis อะไอย่าง
00:37:38 → 00:37:46 เงี้ยนะเนี่ยเอ่อเพราะฉะนั้นเนี่ยนะตัว ฮอร์โมนเนี่ยนะที่มันจะออกมาเวลาจัดการ
00:37:46 → 00:37:52 จัดหาน้ำตาลเนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็น คอร์ติซอลเออเพราะว่าร่างกายมันก็จะ
00:37:52 → 00:37:59 เครียดนะกับรูปแบบการฟานะที่เราเองไม่ เข้าใจแล้วเหนืออื่นใดเนี่ยหลังฟาแล้ว
00:37:59 → 00:38:07 ต้องกินให้ดีกินให้เป็นกินให้ถูกนะเ่าเฟา นี่นะต้องคู่กับกินนะฮะนะเนี่ยถ้ากินผิด
00:38:07 → 00:38:15 อีกกินไม่เป็นอีกนะกินใน 1 วันไม่ถูกอีก เนี่ยแล้วต่อไปก็ยังยังอยากที่จะฟาฟๆไป
00:38:15 → 00:38:25 เรื่อยๆนะคราวนี้ร่างกายมันก็จะเสียสมดุล เยอะไปหมดนะอนะก็เวลาฟ้านะเนี่ยกูคนเฉเ
00:38:25 → 00:38:33 ของไตก็จะเยอะเพราะว่าไตจะต้องสร้างน้ำ ตาลไปให้ต่อมหมวกไตเพราะต่อมหมวกไตเจะ
00:38:33 → 00:38:41 ต้องสร้างฮอร์โมนเคอร์ติซอลเยอะนะคือการ ทำงานของเาเนี่ยก็จะต้องมีพลังงานพลังงาน
00:38:41 → 00:38:47 นี้ก็เป็นน้ำตาลนะนะแต่สิ่งที่เขาจะสร้าง เนี่ยก็คือเอาคอเลสเตอรอลมาแปลงเป็น
00:38:47 → 00:38:54 คอร์ติซอลนะฮะกับ ออสเตรนะฮะเนี่ยอันนี้ก็คือหน้าที่ของต่อ
00:38:54 → 00:39:01 หมวกไตนะในช่วงที่ฟาเนี่ยอย่างกรณีฟ้า 24 ชมเห็นมไตเนี่ยต้อง
00:39:01 → 00:39:09 กลูโคสน้ำตาล 50% นะ นะแล้วในช่วงที่ฟาเนี่ยนะเนี่ยตับเนี่ยนะ
00:39:09 → 00:39:18 ตับก็กูจินะฮะอ่าจาก 80% ก็เหลือ 30 นะฮะ ก็คืออะไรก็คือตับเนี่ยก็เอาไอ้ 30% ที่
00:39:18 → 00:39:25 เขาจะสร้างน้ำตาลกลูโคสเนี่ยไปให้กับสมอง ส่วนที่ 5% นั่นแหละนะเพราะเวลาฟาเนี่ยนะ
00:39:25 → 00:39:35 ฮะตับก็จะสร้างคีโตนไปให้สมองส่วนใหญ่นะ ประมาณ 95% ได้ใช้เป็นหลักนะแต่ขณะเดียว
00:39:35 → 00:39:45 กันเขาก็จะสร้างหรือกูน้ำตาลไปให้สมอง ส่วนที่ 5% ใช้นะลำไส้เนี่ยจากเวลาที่กิน
00:39:45 → 00:39:53 เนี่ยเากลูโคนิจิ 5% แต่เวลาที่ฟ้าเนี่ย ลำไส้กลูโคนิจิ 20% นะเพื่อจะเอาน้ำตาลไป
00:39:53 → 00:40:01 ให้เม็ดแลแดงใช้นะเม็ดแดงใช้เพราะฉะนั้น เนี่ยเ่อเราดูๆทั้งหมดเลยเนี้ยนะฮะนะ
00:40:01 → 00:40:07 เดี๋ยวเวลาพูดรายละเอียดเรื่องกลูโคเนี่ย นะมันก็จะสัมพันธ์กับสิ่งเหล่าเนี้ยว่าใน
00:40:07 → 00:40:13 ที่สุดแล้วเนี่ยน้ำตาลเนี่ยมันจำเป็น สำหรับอวัยวะไหนมากที่สุดมากที่สุดของ
00:40:13 → 00:40:17 ร่างกายนะ
00:40:20 → 00:40:27 เอันนี้ก็ลืมพูดไปนิดนึงว่าโดยธรรมชาติ ร่างกายจะไม่เคยขาดน้ำตาลนะฮะเพราะว่าบ
00:40:27 → 00:40:36 กบวนการ adaptive glucose sping และ GL genesis ต่างๆเนี่ยนะเมันมันมันรันออนไป
00:40:36 → 00:40:42 ได้นะนะแล้วยังมีน้ำตาลเหลืออยู่ด้วยความ จำเป็นของอวัยวะหลักๆที่บอก 3 อวัยวะ
00:40:42 → 00:40:48 เนี่ยที่ต้องใช้น้ำตาลเนี่ยนะฮะแม้ว่าเรา ไม่กินคาฟไม่กินน้ำตาลไม่กินแป้งอะไรเลย
00:40:48 → 00:40:54 เนี่ยนะฮะนะก็ยังจะมีน้ำตาลเหลือนะฮะน้ำ ตาลเหลืออยู่นะเวลาที่เขา adaptive
00:40:54 → 00:41:01 glucose sping หรือ glis นะยกเว้นแต่ ว่าตับเนี่ยมันเกิดตับแข็งเป็นมะเร็งตับ
00:41:01 → 00:41:09 หรือเป็นประเภทอ่า R faia R impairment และ R faia แล้วเนี่ยนะถ้าอย่างงนี้
00:41:09 → 00:41:15 เนี่ยก็จะเกิดปัญหาแล้วล่ะนะฮะนะเพราะไง เนี่ยน้ำตาลก็จะเสียหายนะฮะนะก็จะเกิด
00:41:15 → 00:41:21 ปัญหาตับสมองเป็นหลักนะฮะนะที่เราเรียก ว่าอะไรอ่ะ
00:41:21 → 00:41:29 enop นะฮะนะ enop เนี่ยก็คือเป็นสภาวะ ที่สมองเนี่ยมันขาดพลังงานจากน้ำตาลนะรวม
00:41:29 → 00:41:37 ทั้งคีโตนน่ะที่สมองได้รับเนี่ยนะมันเป็น เตี้คีโตนนะฮะเพราะฉะนั้นสมองเนี่ยมันได้
00:41:37 → 00:41:44 2 อย่างเนี้ยนะคือ 1 น้ำตาลมันก็ได้น้อย เกินไปเพราะว่าตับมันพังนะฮะอ่าแล้วคีโตน
00:41:44 → 00:41:50 ที่ได้เนี่ยตับมันไม่ดีมันก็สร้างคีโตน ชนิดไม่ดีไปให้สมองนะในที่สุดสมองมันก็
00:41:50 → 00:41:59 เลยเ eny ก็คือสมองมันเกิดคล้ายๆการ อักเสบนะหรือคล้ายๆการฟังก์ชันที่แย่มากๆ
00:41:59 → 00:42:07 นะฮะนะจนกระทั่งหมดสตินะแล้วก็ EP ่าไป เลยนะฮะอ่าอัน
00:42:09 → 00:42:18 นี้ทีนี้เราจะมาเข้าในเรื่องที่ 2 ะที่ 3 นะฮะนะแต่ว่าเราจะต้องมีพื้นความรู้อย่าง
00:42:18 → 00:42:24 นี้ก่อนนะฮะนะถึงจะไปในเรื่องของ physiologic กับ pathologic insulin
00:42:24 → 00:42:32 resistance ได้นะอ่าในภาวะดื้ออินซูลิน ของร่างกายเนะกรณีที่ร่างกายเกิด insulin
00:42:32 → 00:42:39 resistance เมื่อไหร่นะฮะนะสิ่งนึงเนี่ย ที่เราจะต้องนึกนึกถึงก่อนเลยนะฮะก็คือ
00:42:39 → 00:42:47 การสะสมไขมันนะฮะอันนี้ไนนะหรืออาการหรือ อาการแสดงอย่างนึงกับสภาวะเนี้ยก็คือร่าง
00:42:47 → 00:42:55 กายมีการสะสมไขมันเพิ่มขึ้นนะฮเพราะงั้น อินู resistance จะมานะพร้อมกับเปอร์เซ
00:42:55 → 00:43:04 body fat ที่เพิ่มขึ้นเสมอนะฮะหลังจาก นั้นไม่นานก็จะมาด้วยเรื่องของโคนิอ่า
00:43:04 → 00:43:11 โคนิ intracellular inflammation ก็คือ ภาวะการอเสบเรื้อรังในระดับเซลล์นะฮะนะ
00:43:11 → 00:43:17 ซึ่งสิ่งนี้เนี่ยอ่าไอ้ตัวมาเกอร์ที่ใช้ ในการวัดก็คือน้ำหนักตัวที่ค่อยๆเพิ่ม
00:43:17 → 00:43:23 ขึ้นนะฮะเนี่ยเนี่ยหัวใจของการเลือ อินซูลินเนี่ยมี 2 บรรทัดเนี่ยนะฮะนะที่
00:43:23 → 00:43:30 เราต้องจำได้อันนี้สรุปให้แล้วนะ วิธีการแก้ไขด้วยอินซูลินทำยังไงนะฮะก็
00:43:30 → 00:43:37 ตรงไปตรงมาในเมื่อสิ่งเนี้ยอ่าอินซูลิน ถูกกระตุ้นด้วยคาร์โบเป็นหลักนะก็เลยต้อง
00:43:37 → 00:43:46 มีการจำกัดอ่าหรือลดหรือมีการตัดงดอาหาร ในกลุ่มที่เป็นค้านะเพื่อจะทำการลดนะ
00:43:46 → 00:43:55 ปริมาณนะของอินซูลินลงมาให้ได้มากที่สุด อันนี้ก็อย่างงนี้นะฮะคือคำตอบนะวิธีการ
00:43:55 → 00:44:02 แก้ไขอ่า ทีนี้สิ่งเนี้ยเราก็เรียกว่าเรากินาฟใช่ม
00:44:02 → 00:44:11 นะเพราะว่าเรามีการควบคุมเราลดเราตัด Car นะอ่า low to very low to No Car
00:44:11 → 00:44:19 นะนะก็แล้วแต่จะระดับไหนนะสิ่งนี้นะฮะพ การในลักษณะนี้นะถ้ามีการดำเนินต่อเนื่อง
00:44:19 → 00:44:28 ไปนานๆนะอ่าระดับฮอร์โมนอินซูลินนะฮะ ฮอร์โมนอินซูลินนะที่นะนะจะเป็นการตอบ
00:44:28 → 00:44:36 สนองของเบต้าเซลล์ของสับอ่อนนะกับน้ำตาล นะที่เกิดขึ้นจากอาหารประเภทคาฟเนี่ยนะ
00:44:36 → 00:44:44 มันก็จะมีการสร้างลดลงลดลงลดลงนะฮะแล้วเข ก็บอกว่าไอ้ตัวฟังชั่นนะฮะนะหรือ
00:44:44 → 00:44:53 ประสิทธิภาพการทำงานนะอ่าที่ที่ตัว อินซูลินเนี่ยจะพยายามไปเปิดประตูซตที่
00:44:53 → 00:45:00 เซลล์นะแล้วก็เอาสารอาหารเอาพลังงานเอา น้ำตาลเข้าเซลล์เนี่ยนะเขาก็บอกว่า
00:45:00 → 00:45:08 ฟังก์ชันอันเนี้ยมันจะเกิดความเสียหายเรา ใช้คำว่าฟังก์ชันนะอ่าหรือลดประสิทธิภาพ
00:45:08 → 00:45:15 การทำงานหรือเสีย นะเสียการทำงานไปด้วยนะฮะซึ่งอันเนี้ยเรา
00:45:15 → 00:45:23 ก็เรียกกันว่าอ่าอินซูลินมันขี้เกียจมัน ขี้เกียจไม่ขยันทำงานนะฮะนะทีนี้สิ่งนี้
00:45:23 → 00:45:32 นะฮะนะถ้าเกิดว่ามันโปรลองนะฮะมันไป เรื่อยๆเรื่อยๆๆนะเป็นเดือนเป็นปีนะฮะ
00:45:32 → 00:45:41 เป็นปีแล้วเราไม่เข้าใจรวมทั้งไม่หาวิธี การปรับนะเเรียกว่าใช้การปรับนะการปรับก็
00:45:41 → 00:45:47 เช่นมีการ cheating ค heating Day อะไร อย่างเงี้นะนะหรือมีการ rotating นะใน
00:45:47 → 00:45:54 กลุ่มอาหารสารอาหารอะไรต่างๆ นะถ้าเราปล่อยอ่าไม่เข้าใจในเรื่องเหล่า
00:45:54 → 00:46:01 นี้นะฮะนะร่างกายเนี่ยนะก็จะมีฮอร์โมนที่ เขาจับคู่กับอินซูลินก็คือฮอร์โมนตัวแม่
00:46:01 → 00:46:08 คอร์ติซอลนะฮนะเนี่ยคอร์ติซอลเนี่ยเขาจะ ตรวจนะหรือเขาจะรู้โดยอัตโนมัติเลยว่า
00:46:08 → 00:46:15 สิ่งเหล่าเนี้มันไม่ไม่ปกติไม่ Normal นะ นะนะแล้วถ้าเกิดว่ามันเป็นเวลานานๆปุ๊บ
00:46:15 → 00:46:24 เนี่ยคอซอตัวแม่จะมีการปรับตัวนะฮะนะมา ช่วยอินซูลินในการทำหน้าที่นะอนะเพราะ
00:46:24 → 00:46:30 ฉะนั้นในที่สุดเนี่ยนะนานเข้าเข้านานเข้า นานเข้าตัวแม่หรือตัวคอร์ติซอลจะเด่นขึ้น
00:46:30 → 00:46:38 เรื่อยๆนะแล้วก็จะมาเจ๊กี้จการนะฮะนะใน การสะสมหรือในการเผาผลาญพลังงานเราเรียก
00:46:38 → 00:46:47 ว่านะเนี่ยคือจริงๆเขาก็หวังดีนัแหละนะฮะ นะเเป็นแม่เขาก็ต้องออกมาปรับนะให้มันทุก
00:46:47 → 00:46:53 อย่างร่างกายมันเข้าที่เข้าทางนะฮะนะเ เรียกว่าอ่าออกมารักษาสภาวะสมดุลด้านพลัง
00:46:53 → 00:47:01 งานให้เกิดความนะอ่าให้เกิดความเสถียร หรือคงที่ครับนะอ่าตามความต้องการของร่าง
00:47:01 → 00:47:08 กายเพื่อจะมีการดำเนินชีวิตต่อไปนะฮะ เพราะฉะนั้นนะภาวะอ่าดื้ออินซูลินเรื้อ
00:47:08 → 00:47:13 รังเนี่ยนะฮะเรื้อรังมากเท่าไหร่นะภาวะ คอร์ติซอลเด่นภาวะเจ้าขี้เจ้ากคอร์ติซอล
00:47:13 → 00:47:20 นะเขาก็จะเกิดขึ้นร่วมด้วยเสมอนะเพราะ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องนึกถึงนะฮะไม่ใช่
00:47:20 → 00:47:24 อินซูลินเรื้อรังเมื่อไหร่เมื่อไหร่ก็มี แต่เรื่องอินซูลินมีแต่เรื่องน้ำตาลอย่าง
00:47:24 → 00:47:32 เดียวไม่ใช่นะฮะนะ หากเรากินอาหารคราฟอย่างไม่เข้าใจคือตอน
00:47:32 → 00:47:39 นี้เราก็ปรับแล้วล่ะแต่เราปรับไม่ถูกนะฮะ ไม่เข้าใจไม่ถูกนะโดยเฉพาะสำคัญที่สุดคือ
00:47:39 → 00:47:45 Energy Balance นะฮะนะที่มันไม่ Balance จริงนะเ้าเรียก eny imbalance นะฮะนะ
00:47:45 → 00:47:53 สิ่งนี้ก็จะมีผลนะที่ทำให้คอร์ติซอลถูก กระตุ้นออกมานะควบคุมการทำงานหรือเกิดการ
00:47:53 → 00:48:01 ตอบสนองอยู่บ่อยๆเรื่อยๆนะจะเกิดภาวะ คอร์ติซอลดุเด่นดื้ออเด่นดุดื้ออะไรอย่าง
00:48:01 → 00:48:08 งี้นะฮะนะอ่าแล้วในที่สุดเนี่ยนะเ้าเรียก ว่าอ่าฮอร์โมนแม่บ้านนะที่มันจะมีความเจ
00:48:08 → 00:48:15 กี้โจกานะแล้วมันก็จะเกิดนะ เอ่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆที่เป็น
00:48:15 → 00:48:23 ผลเสียตามมานะอันนี้ก็ผลคอร์ติซอลก็มี เยอะนะนะโดยเฉพาะตอนนี้พวกเราก็มีการกิน
00:48:23 → 00:48:33 แบบคาต่ำกันมานานๆแล้วหลายคนไปตรวจแลบ แล้วก็มีปัญหานะก็ต้องนึกถึงนะไม่ใช่ิก
00:48:33 → 00:48:40 อยู่กับหรือโฟกัสอยู่กับอินซูลินน้ำตาล อย่างเดียวนะฮะนะตัวนี้แหละก็แอบอยู่เรา
00:48:40 → 00:48:47 ก็ยิ่งมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลา ที่เยอะขึ้นนะงั้นโดยสรุปสาเหตุที่ทำให้
00:48:47 → 00:48:53 ฮอร์โมนคอร์ติซอลมีการตอบสนองผิดปกติไปนะ ฮะโดยคอซอาจจะสั่งให้เผาผลาญหรือสะสมพลัง
00:48:53 → 00:49:01 งานนะแต่โดยทั่วไปนะนะนะไอ้เรื่องการเผา ผลนพลังงานโดยคอร์ติซอลเนี่ยมันจะเกิด
00:49:01 → 00:49:07 ขึ้นไม่เยอะนะส่วนใหญ่หมอว่าไม่เกิน 20% แล้วมันก็เกิดขึ้นช่วงแรกๆเท่านั้นนะฮะ
00:49:07 → 00:49:13 ช่วงแรกๆของการปรับตัวนะฮะนะแต่หลังๆ เนี่ยคออมักจะสั่งให้สะสมพลังงานคือเรียก
00:49:13 → 00:49:20 ว่าเขมาทำงานแทนอินซูลินเพราะอินซูลินมัน สะสมพลังงานนะ 80% เลยของคอร์ติซอลเวลาทำ
00:49:20 → 00:49:27 งานจริงๆเนี่ยโดยเฉพาะอ่าในระยะนานๆไป เนี่ยนะก็คือการสะสมพลังงานเพราะงั้นเรา
00:49:27 → 00:49:33 ถึงได้จัดกลุ่มฮอร์โมนสะสมพลังงานอันดับ 1 คืออินซูลินอันดับ 2 คอร์ติซอลนะและ
00:49:33 → 00:49:41 อันดับ 3 คือเอสโตรเจนนะนะนะโดยคอร์ติซอล เนี่ยเขาจะมาช้าหน่อยมาทีหลังนะแต่ Action
00:49:41 → 00:49:49 เขาเยอะนะฮะโดยเฉพาะถ้าเสั่งให้สะสมพลัง งานเนี่ยนะฮะนะแชเขาจะแรงกว่าอินซูลินอีก
00:49:49 → 00:49:57 นะนะเหตุต่างๆเหล่าเนี้ยนะที่มันเป็นไป เพราะคอร์ติซอลเนื่องจากร่างกายนะได้
00:49:57 → 00:50:04 นะพลังงานคำว่าพลังงานในแบบโลคพู Z นะก็ คือสารหารบวกแคลอรี่นะซึ่งมาจาก
00:50:04 → 00:50:12 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันแบบผิดๆไม่เหมาะ สมเราก็ไม่ได้ใช้คำว่ากินกินเกินกินขาด
00:50:12 → 00:50:19 อะไรอย่างนั้นเราใช้คำว่ากินผิดๆไม่เหมาะ สมนะฮะซึ่งก็แล้วแต่มันจะไปลงเอยด้วยการ
00:50:19 → 00:50:27 เกินหรือการขาดก็ได้ทั้งนั้นนะนะซึ่งคำ ว่าผิดไม่เหมาะสมในเรื่องของคาร์โบไฮินไข
00:50:27 → 00:50:33 มันก็คือเรื่องของชนิดประเภทปริมาณสัด ส่วนวิธีการปรุงและการกำหนดมื้ออาหารที่
00:50:33 → 00:50:41 กินในแต่ละวัน นะมื้อแรกมื้อหลังฮะเนี่ยกินเป็นกินถูก
00:50:41 → 00:50:47 ใช้อาหารถูกต้องหรือเปล่านะอันนี้เป็น พื้นฐานทั้งหมดที่จะนำไปสู่การอธิบายใน
00:50:47 → 00:50:56 อีก 2 เรื่องต่อจากนี้ไปนะ ฮะเรื่องที่ 2 นะฮะเรื่องที่ 2 เนี่ยเ่อ
00:50:56 → 00:51:02 เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องอ่าเค้าเรียกว่า reactive physiological insulin
00:51:02 → 00:51:11 resistance นะฮะนะคือคำแต่ก่อนเเรียกว่า imp เ่อกูส tolerance นะฮะ imp กูส
00:51:11 → 00:51:19 tolerance นะก็คือภาวะความทนทานต่อ ปริมาณน้ำตาลกลูโคสอ่ามีการลดลงเรื่อยๆนะ
00:51:19 → 00:51:28 imp นะอนะแล้วก็เรื่อง ที่ที่ 3 เนี่ยก็คือเรื่องของ
00:51:28 → 00:51:35 pathological insulin resistance ไป แล้วนะฮะนี้เอาเรื่องที่ 2 ก่อนนะฮก็คือ
00:51:35 → 00:51:41 เรื่องที่ 2 เนี่ยนะฮะนะก็จะเป็นเรื่อง ที่เราจะใช้ในการตอบคำถามอันนี้เพราะว่า
00:51:41 → 00:51:48 เรื่องแรก adaptive นะ glucose sping กับอ่าไอ้เรื่องของ GL neogenesis เนี่ย
00:51:48 → 00:51:55 อันนี้มันเป็นเรื่องปกติของคนทุกคนนะไม่ ว่าจะป่วยไม่ป่วยนะฮะแต่สำหรับกรณีที่กิน
00:51:55 → 00:52:03 โคฟแล้วนะฮะนะกำลังมีภาวะื่ออินซูลินหรือ เกิดการสะสมก็เรียกว่าไฮเปอร์อินซูลิน
00:52:03 → 00:52:12 นีเมียนะฮะนะนะแต่ยังไม่เกิดตัวโรค ncd นะฮะนะหรือกรณีที่ป่วยเป็นกลุ่มโรค ncd
00:52:12 → 00:52:21 ต่างๆไปแล้วนะนะแล้วเราก็มาใช้โจการโคฟนะ แล้วก็กินฟนี่แหละนะร่วมกับมีไลฟ์สไตล์
00:52:21 → 00:52:29 อื่นๆที่เหมาะสมนะมานานๆนานๆๆนๆนะฮะนะ มีคำถามว่าแล้วร่างกายเราเนี่ยจะเกิดการ
00:52:29 → 00:52:39 ปรับตัวตอบสนองต่อระดับน้ำตาลกลูโคสและ ฮอร์โมนอินซูลินอย่างไรนะนะแล้วทำไมทำไม
00:52:39 → 00:52:49 บางคนนะนะนะถึงควบคุมน้ำตาลไม่ได้นะค่า น้ำตาลต่างๆยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศ
00:52:49 → 00:52:57 ทางที่ไม่ปกติเหมือนเหมเดิมนะฮะหรือบางที ตอนแรกๆมันก็เหมือนลงมาปกติดีพวกคบคุมได้
00:52:57 → 00:53:05 ดีหลังๆมันเด้งกลับนะฮะนะมาอ่ามัน revere มา Normal แล้วมันก็เลยอ่า reever กลับไป
00:53:05 → 00:53:13 ที่ ABnormal อีกอย่างงี้นะ ฮะอันนี้ก็ต้องบอกงี้ก่อนว่านะในแนวทาง
00:53:13 → 00:53:20 โยการคต่ำเนี่ยนะเราพบว่ามันมีผลดี 3 อย่างนะซึ่งอันเนี้ยก็จะเกิดขึ้นในระยะ
00:53:20 → 00:53:29 แรกๆระยะหนึนะฮะระยะนึงนะเพอีก 3 อย่างมี อะไรบ้างนะอันนี้ 1 อ่าจะทำให้ไขมันสะสม
00:53:29 → 00:53:33 ลดลงนะฮะเพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ body fat ลดลง
00:53:33 → 00:53:41 นะอันต่อมาก็คือสามารถที่จะรักษามวลกล้าม เนื้อนะให้อยู่ในระดับปกติหรือคงที่ใน
00:53:41 → 00:53:49 ระยะยาวๆได้ถ้าคุณกินแบบโคฟอ่าผการโลคาฟ อย่างถูกต้องนะฮะอันนี้ผลดีจะเกิดขึ้น
00:53:49 → 00:53:56 ต้องกินลคอย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยนะอ่า อันที่ 1 ไขมันลดลงอันที่ 2 รักษามวล
00:53:56 → 00:54:02 กล้ามเนื้อนะเเรียกว่า Muscle spanning effect นะนะและอันที่ 3 ก็จะมีการเพิ่ม
00:54:02 → 00:54:08 insulin sensitivity นะคือเพิ่มความ วุ่งไวในการทำงานอินซูลินนะอันนี้ก็เป็น
00:54:08 → 00:54:17 ผลดีในการกินโคอย่างถูกต้องนะฮะถูกต้อง นะนี้เมื่อกินไม่ถูกต้องนะฮะการกินไม่ถูก
00:54:17 → 00:54:25 ต้องไม่เหมาะสมนะฮะในระยะเวลายาวนานนะ มรการโลคที่ไม่ถูกต้องก็จะเกิดอ่านะผล
00:54:25 → 00:54:34 เสียแล้วตามมาใน 2 รูปแบบซึ่งจะลงเอยด้วย การเกิดภาวะดื้ออินซูลินนะขึ้นมาใหม่นะฮะ
00:54:34 → 00:54:42 นะก็เกิดเป็นภาวะดื้ออินซูลินกลับมานะอีก ทีนึงนะทั้งๆที่กินโลคราฟอยู่เพียงแต่ว่า
00:54:42 → 00:54:49 มันไม่ถูกต้องแล้วก็กินแบบยาวนานมาเรื่อย ๆรวมทั้งไม่ได้เกิดการปรับอะไรต่างๆนะฮะ
00:54:49 → 00:54:58 นะก็จะมี 2 เรื่องเนี้ยนะฮะซึ่งที่เราจะ ต้องพูดให้ละเอียดนะฮะนะก็คือภาวะความทน
00:54:58 → 00:55:07 ทานต่อปริมาณน้ำตาลกลูโคสจะลดลง อ่าลดลงเรื่อยๆเเรียกว่าอกลูโคสทนะ
00:55:07 → 00:55:16 นะคือเขาบอกว่าไม่ว่าเราจะกินอาหารอะไรฟ หรือไม่ลฟนะฮะถูกต้องไม่ถูกต้องก็ตามนะ
00:55:16 → 00:55:24 โดยธรรมชาติเซลล์ร่างกายก็จะมีภาวะต่อ ต้านอินซูลินอยู่แล้วนะฮะนะเพราะว่าอะไร
00:55:24 → 00:55:31 นะเพราะว่าเซลล์ต่างๆเนี่ยเไม่ชอบน้ำตาล นะฮะเถือว่าน้ำตาลเป็นพิษนะน้ำตาลต่างๆ
00:55:31 → 00:55:38 แม้จะเป็นกลูโคสก็เถอะนะนะ อ่ากลูโคสนี่ก็เป็นรูปแบบของน้ำตาล
00:55:38 → 00:55:43 โมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายพอจะปรับตัวได้ แต่ก็ยังถือว่าเ่าเซลล์ต่างๆเยังถือว่า
00:55:43 → 00:55:50 มันเป็นอะไรที่ยังมีความเป็นพิษแต่พิษมัน ก็อาจจะน้อยในระดับนึงแต่นะฮะแต่ในรูปแบบ
00:55:50 → 00:55:59 อื่นๆนะไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ฟุกโตส กาแลคโตสนะอ่าหรือน้ำตาลโมเลกุลคู่นะอ่า
00:55:59 → 00:56:08 มอซูโคสอะไรพวกเนะฮะนะพวกนี้เซลล์จะถือ ว่ามันเป็นสารพิษนะสารพิษอันตรายนะฮะซึ่ง
00:56:08 → 00:56:14 เซลล์ต่างๆต้องมีกลไกในการรีบปกป้องและก็ จัดการสิ่งเหล่านี้จการเปลี่ยนแปลงสิ่ง
00:56:14 → 00:56:21 เหล่านี้นะนะอย่างไรก็ตามแม้แต่กูโค้ดเอง เนี่ยนะฮะถ้ามันมากๆมันมากๆคือถ้าเกิดมัน
00:56:21 → 00:56:27 อยู่ในระดับพื้นฐานเรียกว่าระดับ Normal เนี่ยนะฮะก็เป็นภาวะ
00:56:27 → 00:56:34 อะไรพื้นฐาน Normal Level นะนะอันนี้ ร่างกายพอจะบริหารจัดการได้แต่ถ้าเกิน
00:56:34 → 00:56:43 เมื่อไหร่นะฮะนะ Over นะ overc ชารเมื่อ ไหร่นะฮะนะสิ่งเหล่านี้ร่างกายก็จะถือว่า
00:56:43 → 00:56:50 เป็นของมีพิษทั้งหมดนะเพราะฉะนั้นโดย ธรรมชาติของกลไกเซลล์ต่างๆร่างกายเนี่ยก็
00:56:50 → 00:56:56 จะมีภาวะต่อต้านนะต่อต้านน้ำตาลต่อต้าน อินซูลินนะเพราะน้ำตาลก็จะนำอ
00:56:56 → 00:57:04 มาร่วมกันนะตามธรรมชาตินะสภาวะนี้เขเรียก ว่า reactive physiological insulin
00:57:04 → 00:57:13 resistance ซึ่งข้อนี้แฮะข้อนี้นะฮะนะจะ เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก imp glance นะ
00:57:13 → 00:57:19 หรือ reactive physical insulin resistance กลายไปเป็น pathological
00:57:19 → 00:57:27 insulin resistant นะฮะนะเพราะอะไรก็ เพราะว่าการกินคต่ำที่ไม่ถูกต้องและกินมา
00:57:27 → 00:57:35 ยาวนานนะไม่เคยมีการปรับนะนะอันนี้ก็คือ ข้ออธิบายนะข้ออธิบาย
00:57:35 → 00:57:45 นะคือการกินคาฟต่ำนะนะที่มันมีผลดีในช่วง แรกๆเนี่ยนะฮะนะก็เพราะว่ามันเป็นการลด
00:57:45 → 00:57:53 เนี่ยๆมันมีการลดไขมันนะมันเป็นการรักษา สภาพรีเสิร์ฟนะมวลกล้ามเนื้อนะแล้วมันก็
00:57:53 → 00:58:00 ทำให้อินซูลินม่องไวขึ้นนะฮะนะแต่อันนี้ มันจะเป็นแค่ช่วงแรกๆหรือระยะแรกๆนะระยะ
00:58:00 → 00:58:08 แรกๆนะ เนี่ยแต่นะนี่ในที่สุดนะฮะเนี่ยเขาก็บอก
00:58:08 → 00:58:16 ว่านะเมื่อเรากินเนี่ยพยการคาฟต่ำ อินซูลินก็ต่ำนะพอต่ำไปยาวนานเนี่ยนะแต่
00:58:16 → 00:58:21 นะแต่ไอ้ภาวะของการต่อต้านหรือไอ้ตัว physiological insulin resistance ตาม
00:58:21 → 00:58:30 ธรรมชาตินะะนะมันจะค่อยๆเ้าเรียกว่าค่อยๆ ค่อยๆค่อยอ่าสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆนะ
00:58:30 → 00:58:38 แล้วก็มันมีอำนาจเหนือนะเรื่องของ อินซูลินในระดับต่ำๆนะฮะนะก็กลายเป็นว่า
00:58:38 → 00:58:46 ตอนเนี้ยนะฮะกลไกตามธรรมชาตินี่แหละนะฮะ นะก็กลายเป็นผิดธรรมชาติก็คือเ่ามันเป็น
00:58:46 → 00:58:56 กลไกที่ค่อยๆมีความแรงในการต่อต้านหรือ การดื้อการไม่ยอมอร่วมมือนะกับอินซูลินใน
00:58:56 → 00:59:03 การทำงานตามปกตินะฮะนะกลายเป็นดื้อ อินซูลินไปซะเองนะฮะนะเหตุผลก็เพราะว่า
00:59:03 → 00:59:10 เซลล์เนี่ยที่เค้าเกิดอ่าปรากฏการณ์แบบ เนี้ยเพราะว่าตอนเนี้ยเซลล์อ่ะเค้าไม่ได้
00:59:10 → 00:59:16 ไม่ได้ใหญ่ไม่ได้อยากจะได้น้ำตาลนะอ่าไม่ ได้อยากจะได้น้ำตาลเพราะว่าเซลล์เสามารถ
00:59:16 → 00:59:23 ที่จะเมื่อกินโลคราฟแล้วเนี่ยเราก็ได้ไข มันนะเข้าไปใช้เป็นพลังงานแล้วพอใช้ๆๆ
00:59:23 → 00:59:29 ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของเซลล์อ่ะพี่ก็จะ ต้องใช้ไขมันนะแล้วพอเราปรับอะไรต่างๆให้
00:59:29 → 00:59:36 เข้าที่เข้าทางกลับมาเป็นธรรมชาติของเขา เนี่ยนะเขาก็ใช้ไขมันแบบแฮปปี้ของเขานะ
00:59:36 → 00:59:43 เพราะงั้นการใช้ไขมันได้ดีๆเก่งๆแล้วนะนะ เพราะฉะนั้นในระดับเอ่อนึงเนี่ยนะฮะนะการ
00:59:43 → 00:59:48 ต่อต้านอินซูลินมันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเซลล์เก็ไม่จำเป็นนะที่จะต้องอ่า
00:59:48 → 00:59:54 ไปเปิดประตูรับน้ำตาลกูโค้ดเข้ามาเป็น พลังงานอะไรนะเมีพลังงานที่เขาชอบที่เป็น
00:59:54 → 01:00:03 พลังงานตามธรรมชาติชาติคือไขมันเใช้งาน อยู่แล้วนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะอ่าเซลล์
01:00:03 → 01:00:10 เนี่ยนะมันก็เลยเนี่ยคิดว่าน้ำตาลนี่แหละ มีความพิษนะก็ยิ่งต่อต้านเพิ่มขึ้นเรื่อย
01:00:10 → 01:00:16 ๆแล้วปรากฏว่าตัวเซลล์ชนิดกลุ่มเซลล์แรกๆ เลยที่จะเกิดการต่อต้านในสภาวะเนี้ยก็คือ
01:00:16 → 01:00:25 เซลล์ตักเซล์ตักนะเพราะฉะนั้นในค่าแลบบาง อย่างเนะในคนที่กินโภชนาการคาต่ำมานานๆนะ
01:00:25 → 01:00:34 มันนานนะเวลาเราตรวจ laap แล้วทำไม tyg index นะมันถึงเพิ่มขึ้นนะทั้งๆที่ก็ดู
01:00:34 → 01:00:41 ว่าเขาก็กินถูกต้องกินเหมาะสมนะฮะนะก็ เป็นเพราะว่าเนี่ยมันเกิดปรากฏการณ์อัน
01:00:41 → 01:00:48 นี้แหละฮะนะนะที่จะเปลี่ยนจาก reactive physical insulin resistance อ่ากลาย
01:00:48 → 01:00:55 ไปเป็น pathological insulin resistance นะโดยเฉพาะที่เซลล์ตับจะเป็นเซลล์กลุ่ม
01:00:55 → 01:01:02 แรกๆนะที่จะเกิดการดื้อให้เห็นนะหลังจาก นั้นแล้วก็จะมีการกระจายการต่อต้านไปยัง
01:01:02 → 01:01:11 เซลล์อื่นๆทั่วร่างกายอีกประมาณ 95% 95% นะก็ค่อนข้างเยอะนะฮะคือโดย
01:01:11 → 01:01:18 ปกติธรรมชาติร่างกายมันก็มีกลไกอันนี้นะ ที่เราเรียกว่าเนี่ย physiological
01:01:18 → 01:01:26 insulin resistance นะโดยธรรมชาติของ มันอยู่แล้วนะแต่ตัวที่ไม่มีเข insulin
01:01:26 → 01:01:33 resistance เลยนะก็คือเซลล์ 3 กลุ่มที่ มันเกิดอ่าเขเรียกว่า adaptive glucose
01:01:33 → 01:01:43 spanning เซลนะเป็นเซลล์กรุ๊ปพวกนั้นก็ คือเซลล์เมอแดงนะเซลล์ของสมองอ่าในส่วน 5%
01:01:43 → 01:01:53 นะฮะแล้วก็เซลล์ต่อมหมวกใส่ชั้นนอกอัน นั้นก็อ่าเเรียกว่าเฉลี่ยแล้วมันก็อยู่
01:01:53 → 01:02:01 ประมาณไม่เกิน 5% ของทั่วร่างกายนะฮะแต่ ไอพวกเซลล์ตับหรือเซลล์เเรียกว่าเพิอนะ
01:02:01 → 01:02:08 อ่าอินซูลิน resistance เนี่ยนะก็คือเซลล์ที่ไม่ใช่ 3
01:02:08 → 01:02:17 กลุ่มที่ว่านั่นแหละนะฮนะนะนี่ไม่ใช่ 3 กลุ่มที่เป็นพวกอะไรอ่า adaptive อ่า
01:02:17 → 01:02:23 glucose sping เนี่ยนะอันนี้รวมกันแล้ว เนี่ยก็คือ 95% นะอันนี้ทั่วร่างกายเนา
01:02:23 → 01:02:29 นี่ก็จะมีตัวอย่างให้เป็นข้อสัง นะว่านะ
01:02:29 → 01:02:37 นะบางคนที่กินโลคราฟมานานๆนะฮะแล้วเกิด ความพลาดพั้งที่จะเป็นโหล่หรือเป็นหลุดนะ
01:02:37 → 01:02:46 น้ำตาลเข้าสู่ร่างกายเยอะๆนะอ่าจะมาเกิด อาการผิดปกติเช่นปวดหัวมึนงงเบลอนะอ่า
01:02:46 → 01:02:53 สมองตื้ออ่าเนฟเนะอ่อนเพียไม่มีแรงนะฮะอ เนี่ยสภาวะอย่างนี้เนี่ยเราเรียกว่าร่าง
01:02:53 → 01:03:05 กายอ่ามีความทนทานต่อน้ำตาลลดลงอหรือมี เอ่ออิมแพกลูโคสล้านนะฮะนะที่นี้เราก็มา
01:03:05 → 01:03:14 ดูว่าจะมีกลุ่มคนประเภทไหนบ้างนะที่จะมี การปรับตัวนะกับสภาวะนี้นะ
01:03:14 → 01:03:26 อ่าก็มีพบได้นะฮะในคนปกติทั่วไปนะนะคนที่ มีภาวะดืสิรินเรื้อรังนะแต่ยังไม่เกิดโรค
01:03:26 → 01:03:33 คือปิ่มๆน่ะนะที่หรือเริ่มๆที่จะเกิด ปัญหาเจ็บป่วยนะเป็นกลุ่มโรคทางด้าน ncd
01:03:33 → 01:03:43 นะฮะนะคนที่ผอมน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ เฉลี่ยหรือกลุ่มคนที่สมส่วนค่อนพอมนะฮะนะ
01:03:43 → 01:03:51 ซึ่งมักจะเป็นบอดี้ typ สายแป้งนะฮะก็คือ พุงตับกับไทรอย์นะโดยเฉพาะพุงตับนะคนที่
01:03:51 → 01:04:00 ไม่ค่อยได้ออกแรงออกกำลังกายเป็นประจำนะ เพราะฉะนั้นตอนเนี้ยนะอาจจะยังไม่ได้มี
01:04:00 → 01:04:07 อาการชัดเจนนักในเรื่องของอ่าไม่ว่าจะ เป็น Impact glucose tance หรือว่าเป็น
01:04:07 → 01:04:12 physiological insulin resistant นะ แต่ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้เนี่ยนะฮะนะ
01:04:12 → 01:04:23 ก็ต้องระมัดระวังนะระมัดระวังนะเนี่ยนะุ ทีนี้ก็มาถึงการแก้ไขนะนะก็เหมือนเดิมนะ
01:04:23 → 01:04:30 ฮะนะแนวทางการแก้ไขก็คือ 6 เรื่องเนี้ยนะ ฮะคล้ายๆกับ adaptive glucose fairing
01:04:30 → 01:04:37 ในการปรับนะฮะนะเนี่ยปรับอาหารนะกล้าม เนื้อสร้างกล้ามเนื้อด้วยการเวทนะฮะนะ
01:04:37 → 01:04:47 แล้วก็เฉลี่ยนะหรือแบ่งมื้อในการที่จะ ต้องกินโปรตีนนะไม่กินทีลเยอะๆเพราะมี
01:04:47 → 01:04:54 โอกาสที่คอร์ติซอลจะออกมากลูโคจนิแล้ว กลายเป็นน้ำตาลอ่าอ่าแล้วก็มีอินซูลินมา
01:04:54 → 01:05:01 ร่วมด้วยอะไรอย่างนี้นะฮะนะเนี่ยมีการ cheating C เพื่อฝึกประสิทธิภาพการทำ
01:05:01 → 01:05:09 งานและเพิ่มปริมาณอินซูลินนานๆครั้งนะฮะ นะเพราะว่าจริงๆแล้วอินซูลินฮอร์โมนตัว
01:05:09 → 01:05:19 พ่อเนี่ยเ้าก็จะเป็นฮอร์โมนที่นะฮะนะที่ ส่วนใหญ่นะเค้าก็ไม่ได้อยากจะเวิร์คโหลด
01:05:19 → 01:05:26 มากมายอะไรคือไม่ได้ว่าอยากจะขยันทำงาน เอ่อหรืออะไรอ่ะนะสั่งการเมื่อไหร่ก็ทำ
01:05:26 → 01:05:33 ได้เมื่อนั้นอะไรต่างๆนะพวกนี้ก็ทำงาน เป็นรูทีนทำงานตามช่วงเวลาและทำงานแบบเบา
01:05:33 → 01:05:40 ๆทำงานไม่เยอะนะแล้วก็รีบกลับไปนอนไปพัก มันเป็นอย่างงั้นนะทั้งอินซูลินทั้ง
01:05:40 → 01:05:49 คอร์ติซอลนี่แหละนะแต่เราเองนี่แหละนะฮะ กลไกการมีวิถีชีวิตอะไรต่างๆนะรวมทั้งการ
01:05:49 → 01:05:58 แปรรูปนะในเรื่องของสภาวะทางสังคมไปเยอะ แยะมากมายนะนะก็ไปทำให้เค้านะไม่อยู่ใน
01:05:58 → 01:06:06 ร่องในรอยอะไรต่างๆนะทั้งตัวพ่อตัวแม่นะ อ่าอาจจะต้องถึงขนาดมีการเพิ่มความไวของ
01:06:06 → 01:06:12 อินซูลินลดการอักเสบนะฮะโดยการใช้ ไลฟ์สไตล์บางอย่างและการใช้สารอาหารนะ
01:06:12 → 01:06:19 หรืออาจจะมี consult นะแต่ในเรื่อง physiologic นะ insulin resistance อัน
01:06:19 → 01:06:26 นี้นะฮะนะอันนี้เนี่ยนะฮะเอ่อเรื่องที่ เด่นที่สุดในการที่จะนำมาแก้ไขเนี่ยก็คือ
01:06:26 → 01:06:31 เรื่องกล้ามเนื้อเรื่องกล้ามเนื้อเพราะ ฉะนั้นหมอก็เลยเอาเรื่องเนี้ยมาลงเป็นราย
01:06:31 → 01:06:40 ละเอียดอ่าให้ดูนะฮะนะเนี่ยเก็จะบอกว่า นอกจากการแก้ไขในแนวทาง 6 ข้อที่บอกไแล้ว
01:06:40 → 01:06:46 เนี่ยนะฮะนะนะต้องให้ความสำคัญหรือโฟกัส ในเรื่องกล้ามเนื้อเพราะจะเป็นอวยุหลัก
01:06:46 → 01:06:54 ที่นะฮะที่จะมีการใช้ทั้งน้ำตาลนะฮะที่ เยอะๆถ้าเกินนะนะรวมทั้งอินซูลินที่ถูก
01:06:54 → 01:07:01 กระตุ้นออกมามากๆนะฮะเนี่ยกล้ามเนื้อเป็น อวัยวะเดียวนะฮะที่จะใช้นะอ่าทั้งน้ำตาล
01:07:01 → 01:07:08 และอินซูลินนะได้นะค่อนข้างเยอะนะฮะนะแต่ น้ำตาลเนี่ยนะอวัยวะในร่างกายที่ใช้น้ำ
01:07:08 → 01:07:14 ตาลไม่สุดก็คือสมองนะฮะนะนะกล้ามเนื้ออาจ จะรองลงมาแต่อวัยวัที่ใช้อินซูลินมากที่
01:07:14 → 01:07:23 สุดคือกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อนะ ฮะเพอวัยวะอื่นๆเขเไม่เกลัวอินซูลินหมดนะ
01:07:23 → 01:07:29 ฮะ อ่านะทีนี้เนี่ยเค้าก็บอกว่าความจำเป็น
01:07:29 → 01:07:36 แบบยั่งยืนอ่าของการดูแลในเรื่องของการ เป็นบาหวานหรือภาวะด้วยอินซูลินนะ
01:07:36 → 01:07:41 นะนอกจากเรื่องอาหารเป็นหลักแล้วก็คือการ เสริมสร้างวงกล้ามเนื้อและเพิ่ม
01:07:41 → 01:07:48 ประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อนะฮะอัน นี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในระยะยาวนะแล้ว
01:07:48 → 01:07:54 ก็เนี่ยคุณสมบัตินะของเซลล์กล้ามเนื้อเ สามารถมีการปรับตัวในการใช้น้ำตาลโดย
01:07:54 → 01:08:00 เฉพาะน้ำตาลกโค้ดเป็นพลังงานได้เป็นอย่าง ดีนะฮะนะแล้วกล้ามเนื้อเป็นอวัยวะที่มี
01:08:00 → 01:08:06 การนะดึงหรือเรียกใช้ฮอร์โมนอินซูลินใน การทำงานมากที่สุดนะฮะกล้ามเนื้อเอา
01:08:06 → 01:08:15 อินซูลินมาทำอะไรนะฮะนะนะก็นะเอามาเพื่อ อ่าจริงๆแล้วมันเป็นทางอ้อมนะคือเพื่อจะ
01:08:15 → 01:08:24 เปลี่ยนฮอร์โมนโดฮอร์โมนนะคือเขาจะให้ตับ เปลี่ยนโกดฮอร์โมนเป็น IG F1 นะเพราะว่า
01:08:24 → 01:08:31 IG F1 เนี่ยเป็นฮอร์โมนที่สำคัญมากนะ ของกล้ามเนื้อในการที่จะเอาสารอาหารนะ
01:08:31 → 01:08:35 แล้วก็เอาน้ำตาลเนี่ยเข้าไปสร้างเป็นตัว ไกลโคเจน
01:08:35 → 01:08:44 นะอันนี้มันเป็น by steep by step ที นึงนะฮะนะแต่ถ้าพูดแบบสรุปเนี่ยนะก็ถือ
01:08:44 → 01:08:52 ว่าอินซูลินก็มีบทบาทกับตัวกล้ามเนื้อมาก ที่สุดนะฮะในเรื่องฮอร์โมนต่างๆนะทนี้
01:08:52 → 01:08:58 กล้ามเนื้อเนี่ยมันจะมีอยู่ 2 กลุ่มนะเรา เรียกว่าอ่าการเป็นสีแดงกับสีขาวสีแดงเ
01:08:58 → 01:09:06 เรียกว่า slow Twist Muscle นะฮะนะ ลักษณะจะมีลักษณะเลียวยาวรีบปีนนะฮะมีการ
01:09:06 → 01:09:15 ใช้งานในรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง แล้วอ่ามีการใช้นะใช้ใช้งานแบบอต่อเนื่อง
01:09:15 → 01:09:23 ไปนานๆนะนะเช่นอะไรนะเช่นการใช้กล้าม เนื้อในการวิ่งทางไกลนะ jing นะฮะเดินออก
01:09:23 → 01:09:32 กำลังกายนะหรือใช้กล้ามเนื้อแบบอ่าสม่ำ เสมอนะถีบจักรยานที่ไม่ใช่การแข่งนะฮะ
01:09:32 → 01:09:38 ว่ายน้ำอะไรเงี้ยก็ได้นะฮะนะก็คือง่ายๆก็ คือเป็นพวกกลุ่มประเภทการออกายแบบ
01:09:38 → 01:09:46 คาร์ดิโอคาร์ดิโอนะฮะ นะซึ่งเนี่ยการออกกำลังกายในลักษณะนี้จะ
01:09:46 → 01:09:53 เป็นการใช้กล้ามเนื้อสีแดง slow Twist Muscle นะฮะนะเบอกว่าจะกระตุ้นกล้าม
01:09:53 → 01:10:02 เนื้ออ่าชนิดนี้ให้มีการทำงานแล้วกล้าม เนื้อสีแดงอันนี้เขาจะเอาไขมันอมาเผาผลา
01:10:02 → 01:10:12 ใช้เป็นพลังงานหลักเออนะเมื่อไหร่นะนะที่ เป็นการคาร์ดิโอนะคาร์ดิโอนะพลังงานเอ่อ
01:10:12 → 01:10:19 หรือว่าสารอาหารที่จะถูกหยิบเอามาใช้นะ ค่อนข้างมากก็คือไขมันนะเพราะฉะนั้นถ้า
01:10:19 → 01:10:25 เรามีไขมันสะสมเยอะๆการออกกำลังกายก็จะ อยู่ในรูปแบบของการคาร์ดิโอนะฮะถ้าเรา
01:10:25 → 01:10:31 อยากจะลดไขมันที่สะสมนะอันนี้อันนี้ก็ตอบ โจทย์
01:10:31 → 01:10:38 นะอีกกลุ่มนึงก็คือเขเรียกว่ากล้ามเนื้อ สีขาวก็เป็น Fast T Muscle นะลักษณะ
01:10:38 → 01:10:44 กล้ามเนื้อก็คือเป็นกล้ามเนื้ออ้วนหนา อิ่มฟูนะฮะ
01:10:44 → 01:10:51 นะเพราะว่าส่วนหนึ่งเนี่ยนะนอกจากตัวมวล กล้ามเนื้อแล้วเนี่ยเขายังมีการสะสมตัว
01:10:51 → 01:10:59 อะไรตัวไคเจนนะฮะนะซึ่งเป็นแป้งเชิงสนนะ เหมาะกับการใช้งานที่ต้องใช้พลังงานหรือ
01:10:59 → 01:11:08 กำลังงานมากๆนะการใช้งานแบบรวดเร็วนะฮะนะ ในระยะเวลาสั้นๆนะฮะเช่นการวิ่งเร็วแบบ
01:11:08 → 01:11:18 สปีดในระยะทางสั้นๆนะหรือการเทนะการ resistance Training การต้านแรงอการฮิต
01:11:18 → 01:11:26 นะฮะและการซินะฮะนะคือเวทต้านแรงในลักษณะ รูปแบบการออกกำลังกายอย่างนี้นะอ่าก็จะ
01:11:26 → 01:11:34 เป็นการกระตุ้นที่ให้เซลล์กล้ามเนื้อใน กลุ่มนี้เนี่ยนะถูกใช้งานนะซึ่งเซล์กล้าม
01:11:34 → 01:11:40 เนื้อในกลุ่มนี้เขาก็จะใช้น้ำตาลไกลโคเจน และน้ำตาลกลูโคสมาเผาผลาญเป็นพลังงานหลัก
01:11:40 → 01:11:51 ในการทำงานนะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะนะถ้าเรา มีน้ำตาลเยอะนะฮะน้ำตาลไม่ลดนะ a1c มัน
01:11:51 → 01:11:59 สูงนะเนี่ยแล้วก็หรือดอนมอก็ยังมาอยู่ ตลอดนะนะ
01:11:59 → 01:12:08 เนี่ยการที่จะนะการที่จะใช้หรือการที่จะ ลดนะหรือเอาน้ำตาลเหล่าเนี้ยให้ถูกใช้ไป
01:12:08 → 01:12:15 ใช้ไปใช้ไปเราต้องมีการพัฒนานะกล้ามเนื้อ สีขาวนะนะซึ่งเราจะทำอะไรบ้างเราก็ต้องทำ
01:12:15 → 01:12:23 กิจกรรมที่ว่าเในเลเบลสีเขียวๆเนี่ยนะนะ เพราะว่าสิ่งนี้จะทำให้ f Muscle กลุ่ม
01:12:23 → 01:12:32 กลุ่มกล้ามเนื้อกลุ่มนี้เอาพวกน้ำตาลต่าง ๆมาใช้เป็นพลังงานนะเก็ต้องเลือกวิธีจะ
01:12:32 → 01:12:40 คาร์ดิโอหรือจะฮิตนะฮะนะเพราะคาร์ดิโอเ ใช้ไขมันถ้าฮิตต้านแรงนะเขาจะใช้น้ำตาล
01:12:40 → 01:12:45 ใช้ ไคเจนอันนี้แหละฮะนะเพราะฉะนั้นในกรณีของ
01:12:45 → 01:12:54 การเกิดปัญหานะอ่าในรูปแบบที่ 2 อันเนี้ย นะฮะเราก็จะต้องมีแนวโน้มที่จะนำนะอ่าตาม
01:12:54 → 01:13:04 เนื้อสีขาวนะฮะเราก็เลยต้องมาเวทนะมาต้าน แรงนะอ่าหรือมาถ้าจะวิ่งสปีดระยะสั้นๆ
01:13:04 → 01:13:11 อะไรเงี้ยมันก็ต้องคนอายุน้อยๆอ่ะนะนะอ่า หรือการเวทแล้วมีฮิตบ้างเป็นบางครั้งนะะ
01:13:11 → 01:13:19 นะสัปดาห์นึงก็เวทต้านแรงนี่ก็ประมาณสัก 3 วันวันเว้นวันนะฮะนะนะอ่าแล้วก็ในในในวัน
01:13:19 → 01:13:29 ที่เวทต้านแรงเนี่ยครั้งนึงก็นะก็ก็ก็ัก 30 นาทีพอนะ 30 นาทีไม่เกิน 1 ช่มนะก็พอ
01:13:29 → 01:13:36 แล้วนะนะไม่ต้องทำกัน 2 ชม 4 ชมอะไรไม่ ใช่นะนะแล้วในระหว่างนั้นเนี่ยก็อาจจะมี
01:13:36 → 01:13:44 การฮิตนะจริงๆฮิตเนี่ยคือการเทกล้ามเนื้อ หัวใจนะฮะนะเพราะว่าเวลาเวลาฮิตเนี่ย
01:13:44 → 01:13:53 เนี่ยนะเอ่อให้าร Rate มันขึ้นไปเอยู่ใน โซนเกิน 80% ของ maxximum เนี่ยนะฮะก็อัน
01:13:53 → 01:13:59 นี้หัวใจทำงานหนักก็เป็นการกระตุ้นอ่า กล้ามเนื้อหัวใจเเรียกเวทกล้ามเนื้อหัวใจ
01:13:59 → 01:14:06 นะแต่สิ่งเนี้ยนะฮะเราต้องทำในช่วงเวลา ไม่นานนะฮะห้ามเกินคือให้อยู่ในช่วงไม่
01:14:06 → 01:14:14 เกิน 1 นาทีนะส่วนใหญ่เก็ทำกันิที่ 30 วินีหรือไม่เกิน 45 วิานะเเรียกว่าฮิตนะ
01:14:14 → 01:14:23 ฮะแล้วหลังจากนั้นก็พักสลับไปเวลาพักก็ พักไป 23 เท่าของการฮินะนะแล้วก็ไม่ต้อง
01:14:23 → 01:14:30 ทำหลายรอบนะทำหลายรอบนะถ้าวันนั้นมีการ เวทต้านแรงอะไรอยู่แล้วเนี่ยนะก็มาฮิต
01:14:30 → 01:14:38 อยู่สัก 2-3 ครั้งนะฮะนะนะแล้วก็สัปดาห์ นึงก็ไม่เกิน 3 ครั้งแค่นี้พอแล้วนะพอ
01:14:38 → 01:14:47 แล้วนะนะหรือจะใครจะมีคาร์ดิคาร์ดิโอยืด เหยียดเล่นโยคะชี่กงอะไรอีกสักวันนึงนะก็
01:14:47 → 01:14:53 ก็ได้นะ ฮะอ่าแต่อันนี้หมายถึงว่าถ้ากล้ามเนื้อสี
01:14:53 → 01:15:01 ขาวเนี่ยนะจะจะเป็นตัวในการควบคุมของน้ำ ตาลนะอ่าไกลโคเจนแล้วก็อินซูลินนะฮะนะก็
01:15:01 → 01:15:08 ต้องใช้ในส่วนล่างนี้นะฮะนะฟ้าทวิต Muscle กล้ามเนื้อสี
01:15:10 → 01:15:18 ขาวนะอันนี้ก็เป็นแนวทางในการดูแลนะฮะนะ แต่เราก็จะมี 6 ข้ออ่าเนี่ย 6 ข้อตอนแรก
01:15:18 → 01:15:27 นี่ร่วมด้วยนะฮะนะนะแต่เน้นที่กล้ามเนื้อ นะฮะเน้นที่กล้ามเนื้อคือคือจริงๆนะฮะ
01:15:27 → 01:15:32 จริงๆแล้วเนี่ยนะ เอ่อสมมุติว่าเราไม่มีข้อมูลรายละเอียด
01:15:32 → 01:15:38 อะไรต่างๆนะเราไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง โภชนาการไม่เข้าใจในเรื่องของอะไรอ่ะเ
01:15:38 → 01:15:45 เรื่องของอวัยวะตับๆอ่อนต่อหมวกไตอ่า เรื่องฮอร์โมนอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะแล้ว
01:15:45 → 01:15:53 เราเราเราเราเราปรับแก้ด้วยกล้ามเนื้อ อย่างเดียวนะฮะนะแล้วเราก็มีทั้งเวทมี
01:15:53 → 01:16:01 ทั้งคาร์ดิโอนะฮะแต่เราพอจะรู้ไกด์ไลน์ นิดนึงว่าเออถ้าเป็นอย่างเงี้ยนะให้ใช้
01:16:01 → 01:16:09 พวกการเวทเวทวเพราะเวทเนี่ยมันจะใช้แล้ว มันจะควบคุมน้ำตาลอะไรต่างๆทำให้ค่าน้ำ
01:16:09 → 01:16:15 ตาลค่าดอนมินอลน้ำตาลตอนเช้าหรือว่า a1c อะไรต่างๆควบคุมได้ดีนะแล้วเราเป็นเบา
01:16:15 → 01:16:20 หวานอยู่เนี่ยนะฮะนะคือบางคนเนี่ยใช้ กล้ามเนื้ออย่างเดียวอ่ะนะทั้งๆที่ตับๆ
01:16:20 → 01:16:28 อ่อนแย่มากๆเลยมันก็ดีขึ้นได้มันก็ดีขึ้น ได้นะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเรามีตัวอย่างเคส
01:16:28 → 01:16:34 เนี่ยนะฮะตอนนี้เคสในเพจของหมอเจตคนนึงก็ ชื่ออะไรกเกียรติพัฒน์หรือเปล่านะคนนี้ก็
01:16:34 → 01:16:40 เป็นตัวอย่างนะะนะซึ่งหมอดูอาหารการกินเ แล้วเนี่ยมันก็ยังไม่ค่อยจะถูกต้องนะแต่
01:16:40 → 01:16:46 คนนี้เพยายามเน้นเรื่องทั้งเวททั้ง คาร์ดิโอนะฮะนะแล้วก็ตัวค่าน้ำตาลต่างๆ
01:16:46 → 01:16:52 a1c อะไรต่างๆเขาก็เริ่มลงมาอยู่ในเกณฑ์ ที่ดีหมอก็เสียวๆอยู่อย่างเดียวอ่ะนะถ้า
01:16:52 → 01:17:00 วันไหนหรือถ้าเกิดมันมีช่วงที่ที่การออก แรงออกกำลังต่างๆเนี่ยมันไม่สามารถทำได้
01:17:00 → 01:17:06 เนี่ยนะมันก็มันก็จะเป็นปัญหาล่ะนะเพราะ รู้สึกคนนี้เเอาจริงเอาจังเหลือเกินน่ะ
01:17:06 → 01:17:12 รู้สึกสัปดาห์นึงไม่ต่ำกว่า 5 วันน่ะมี เวทมีคาร์ดิโอแล้วทำครั้งนึงน่าจะต้องถึง
01:17:12 → 01:17:18 2 ชั่วโมงเลยล่ะนะเหมาะว่าหรือวันนึงอาจ จะมากกว่า 2 ชั่วโมงก็มีอีกนะซึ่งดูแล้ว
01:17:18 → 01:17:26 มันจะอืมันจะ[\h__\h]เอฟเฟคหรือว่ามันจะล้ามาก เกินไปก็ได้นะแต่ตอนนี้เก็ยังดีอยู่ออนะ
01:17:26 → 01:17:34 นะหรือก่อนหน้าเยเราก็มีเคสนึงที่หมอบอก ว่าเป็นเคสสวยๆในแง่ของอ่าภาวะคีต adapted
01:17:34 → 01:17:40 น่ะนะฮะนะซึ่งคนนั้นเนี่ยในเรื่อง โภชนาการเขก็พื้นๆนะฮแล้วเป็นคล้ายๆคน
01:17:40 → 01:17:46 Diet ด้วยนะฮะนะแต่เขาคเองก็เน้นทั้ง เรื่องของการเ่อทำงานเรื่องการออกแรงออก
01:17:46 → 01:17:54 กำลังนะจนกระทั่งเห็นมนะระบบเบิเเนี่ย ปรับตัวเข้าสู่คี adap ได้นะฮะซึ่งค่าแ
01:17:54 → 01:18:01 แบบเสวยงามมากในการนำมาอ้างอิงอ่านะเนี่ย อันนี้ก็เป็นตัวอย่างนะฮะนะเพราะว่าใน
01:18:01 → 01:18:07 เรื่องของการใช้กล้ามเนื้อเนี่ยนะฮะนะ อันเนี้ยเนี่ยมันก็ค่อนข้างมาแรงน่ะนะฮะ
01:18:07 → 01:18:16 แล้วประสิทธิภาพประสิทธิผลเนี่ยมันก็มัน ก็ดีอ่ะนะฮะมันก็ดีแต่ว่าคนทำได้จริงๆจัง
01:18:16 → 01:18:22 ๆอย่างงี้มันก็ไม่ได้เยอะหรอกนะฮะนะเอ่อ มันน้อยอ่ะมันน้อยนะฮะแต่เขาก็มีฤทธิ์
01:18:22 → 01:18:29 เด่นขึ้นมานะเออ นะก็ยังไงก็ตามพื้นฐานทางด้านอาหารเนี่ย
01:18:29 → 01:18:37 ก็ยังจะสำคัญมากอ่ะนะทีเรื่องสุดท้าย เนี่ยก็อันนี้นะฮะก็คือในแง่ของการเกิด
01:18:37 → 01:18:42 ภาวะที่เราเรียกว่า insulin resistance เนี่ยชื่อเต็มๆคือ pathological insulin
01:18:42 → 01:18:51 resistance นะฮะนะก็คือเราเนี่ยมีการกิน โชการคต่ำเพื่อจะมารักษาโรค ncd เพื่อจะ
01:18:51 → 01:18:59 รักษาการดื้ออินซูลินนะที่เราเริ่มป่วย เริ่มค่อนข้างมีปัญหาเยอะนะฮะนะอแต่เมื่อ
01:18:59 → 01:19:09 เ่อการกินแบบครฟไปเป็นเวลานานๆแล้วนะฮะ แต่ก็สังเกตเห็นว่านะเอ๊ทำไมค่าแลบต่างๆ
01:19:09 → 01:19:18 ที่เกี่ยวกับน้ำตาลในเรืดไม่ดีขึ้นนะาติ บัก็ดีนะหรือมีไอ้ไ cgm มิตอแล้วเนี่ยมัน
01:19:18 → 01:19:27 ปรากฏว่ามันมีการยกอ่าของกราฟนะเป็นบาง บางครั้งบางคราวซึ่งก็คือเกิดความไม่สม่ำ
01:19:27 → 01:19:34 เสมอน่ะนะฮะเเรียกว่ามันมีคล้ายๆเกิดรสไร เหาะตีลังกาอะไรต่างๆด้วยอ่ะนะฮะนะนะโดย
01:19:34 → 01:19:43 เฉพาะค่าแดบต่างๆเวลา f แล้วมันไม่อยู่ใน เกณฑปกตินะนะแล้วก็นะอาจจะมีอาการนะโดย
01:19:43 → 01:19:52 เฉพาะอาการทางสมองนะเช่นความหิวนะหิวนะ อ่ากินอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยังมีความ
01:19:52 → 01:20:01 อยากหวานนะหรือตตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหิว เร็วมากนะฮะหิวเร็วมากนะเนี่ยนะอันนี้
01:20:01 → 01:20:08 เนี่ยอ่ามันเป็นตัวบอกว่าภาวะ insulin resistance ของคุณยังมีอยู่ยังไม่ดีขึ้น
01:20:08 → 01:20:13 นะคือมันแปลว่ายังไม่สามารถที่จะควบคุม เพราะว่าถ้ามันควบคุม insulin resistance
01:20:13 → 01:20:20 ได้เนี่ยนะฮะนะสมองเนี่ยเขาจะไม่ส่ง สัญญาณไปให้ตับจัดหาน้ำตาลกลูโคสมาให้เ
01:20:20 → 01:20:28 หรอกนะฮะนะแต่ถ้ามันควบคุมยับยั้งไม่ได้ มีไม่ได้นะฮะนะเ่าอินซูลินยังเยอะอยู่นะ
01:20:28 → 01:20:37 ฮะนะมันก็จะเกิดเนี่ยนะเ่อเกิดกลไกที่ สมองจะหิวนะฮะหิวต้องการพลังงานนะฮพลัง
01:20:37 → 01:20:45 งานด้วยสารอาหารด้วยนะก็เลยจะต้องมีการ เนี่ยนะส่งคำสั่งให้ตับจัดหาน้ำตาลกลูโคส
01:20:45 → 01:20:54 มาให้นะนะอันเนี้ยอันนี้ก็จะเห็นว่าสมองก ตับเนี่ยเเป็นเรื่องที่คู่กันนะฮะแล้วเรา
01:20:54 → 01:21:04 ลำไส้กับเมอแดงเขคู่กันนะแล้วก็ไตกับต่อม ไเข้าคู่กันแล้วทั้หมดเนี้ยนะถ้าเราย้อน
01:21:04 → 01:21:12 กลับไปเนี่ยนะเราก็ต้องตรวจสอบในเรื่อง ของ Energy Balance นะนะ eny Balance
01:21:12 → 01:21:20 ก็ทั้งค้าโปรตีนไขมันเนี่ยนะอ่าถ้ามันมี กว่ามันเป็นการกินผิดกินไม่เป็นนะนะนะ
01:21:20 → 01:21:28 ระบบพลังงานต่างๆเนี่ยมันผิดมันไม่พอไม่ เถียนนะนี่แหละนะก็จะเกิดการสร้างฮอร์โมน
01:21:28 → 01:21:35 คอร์ติซอลจากต่อมหมวกไตก็คือสมองนี่แหละ นะฮะนะนะเขาจะสั่งให้ตับนะ
01:21:35 → 01:21:44 อ่าจัดหาน้ำตาลมาให้เานะหรือจัดหาน้ำตาล เข้าสู่กระแสเลือดนะอ่าก็ต้องเนี่ยต้อง
01:21:44 → 01:21:50 ต้องมีคำสั่งไปโดยนะผ่านเรื่องของ คอร์ติซอลฮอร์โมนเพราะคอซอจะเป็นตัวควบ
01:21:50 → 01:21:58 คุมตัดนะให้เกิดการสร้างน้ำตาลต่างๆนะนะ อันนี้อันนี้ก็คือเป็นกระบวนการกู
01:21:58 → 01:22:05 neogenesis นะแต่มันเป็นในเรื่องของ pathological นะฮะนะ
01:22:07 → 01:22:17 อ่าก็คือแปลว่ายังมีปัญหาการดื้อหรือการ ต่อต้านอินซูลินเกิดขึ้นอยู่และยังแก้ไข
01:22:17 → 01:22:25 รดลาวาสอบไม่ได้ไม่สำเร็จนะฮะนะก็ต้อง ตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกนะนะทีนี้
01:22:25 → 01:22:34 อ่ามันจะมีไนอ่ะมีสัญญาณอย่างนึงนะจะเป็น ตัวบอกเราว่าเนี่ยนะหรือเป็นตัวช่วยยืน
01:22:34 → 01:22:39 ยันนะนะคือบางคนเนี่ยความหิวความอิ่ม เนี่ยมันก็บอกอะไรไม่ได้หรือบางคนก็ไม่
01:22:39 → 01:22:46 ได้ละเลยไม่ได้เจาะค่าหลงค่าบไม่ได้ foll ค่าบอะไรมากนักนะเนี่ยนะฮะนะอย่างนึง
01:22:46 → 01:22:54 เนี่ยที่จะเป็นข้อสังเกตนะฮะในการตรวจสอบ นะก็คือตรวจสอบเรื่องอ่าการดื้ออินซูลิน
01:22:54 → 01:23:01 จากผลของฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สมองเขาสั่ง การมานะฮะนะคือสมองเป็นตัวสั่งนะฮะเพราะ
01:23:01 → 01:23:09 สมองเป็นตัวรับรู้นะว่าถูกไม่ถูกพอไม่พอ นะอ่าอิ่มไม่อิ่มครบไม่ครบอะไรเงี้ยนะฮะ
01:23:09 → 01:23:20 นะเสั่งคอซอคอซอก็จะมาสั่งตับนะแล้วตับก็ จะสร้างน้ำตาลนะฮะนะนะซึ่งนะซึ่งนะนะ
01:23:20 → 01:23:26 อย่างนึงเนี่ยที่จะเป็นตัวบอกเราได้ชัด เจนก็คือการมีเปอร์เซ็นต์ body fat ของ
01:23:26 → 01:23:33 ร่างกายเพิ่มขึ้นนะฮะนะแล้วจะรู้ได้ไง เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นก็คือช่างน้ำหนักน้ำ
01:23:33 → 01:23:40 หนักมันจะขึ้นน้ำหนักมันจะขึ้นมันจะค้าง มันจะไม่ลดนะฮะนะกินครฟแล้วน้ำหนักเพิ่ม
01:23:40 → 01:23:48 นะเนี่ยก็ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องเปอร์เซ body fat นะฮะเพิ่มหรือเปล่านะฮะนะแล้ว
01:23:48 → 01:23:55 เมื่อไหร่เปอร์เซ็นต์บอ Fat เพิ่มนะ คอร์ติซอลอินซูลินมานะพวกพวกนี้นะโดย
01:23:55 → 01:24:02 เฉพาะคอร์ติซอลเแรงนะหมวงกล้ามเนื้อก็ลด แน่นอนนะฮะนี่มันข้ออธิบายว่าทำไม
01:24:02 → 01:24:08 เปอร์เซ็น body fat อ่ามันเพิ่มขึ้นนะฮะ ก็เพราะว่านะฮอร์โมนเผาผันพลังงานที่ชื่อ
01:24:08 → 01:24:17 เลปตินนะฮะได้ถูกยับยั้งและหยุดการทำงาน ไปนะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันไม่ได้นะขณะ
01:24:17 → 01:24:26 เดียวกันนะทั้งคอร์ติซอลและอินซูลินนะฮะ นะเขานะจะสั่งให้เกิดการเก็บสะสมพลังงาน
01:24:26 → 01:24:38 นะหรือเปลี่ยนน้ำตาลนะเป็นไขมันสะสมและ เอาไปสะสมที่ viser Fat นะ f นะแต่จริงๆ
01:24:38 → 01:24:51 เขาก็สะสมทั้ง 2 ที่ด้วยด้วยนะเนี่ยแต่ ถ้าสคมันเต็มนะมันก็จะยิ่งไปมากขึ้นนะมาก
01:24:51 → 01:24:57 ขึ้นในลักษณะนี้นะฮะในลักษณะที่เป็น pathological insulin resistance
01:24:57 → 01:25:07 เนี่ยนะฮะตัวเซลล์นะฮะที่จะได้รับผลกระทบ นะก่อนเลยก็คือกลุ่มเซลล์ไขมันนะฮะนะ
01:25:07 → 01:25:17 เนี่ยกลุ่มเซลล์ไขมันนะหรือ fy ทิชชูนะฮะ adp ทิชชูนะนะนะคือเซลล์ไขมันในร่างกาย
01:25:17 → 01:25:24 เนี่ยนะเนี่ยจะเป็นกลุ่มเซลล์ชนิดแรกๆที่ ได้รับผลกระทบจากการดื้ออินซูลินในกรณี
01:25:24 → 01:25:30 ของ pathological insulin resistance นะฮะนะก่อนกลุ่มเซลล์ชนิดอื่นๆหลังจาก
01:25:30 → 01:25:38 นั้นเนี่ยการือิซูลินก็จะไปที่เซลล์กล้าม เนื้อตับนะอ่ากล้ามเนื้อกตับนี่ก็ใกล้ๆ
01:25:38 → 01:25:46 กันแหละนะแลสุดท้ายจะไปที่ตับอ่อนซึ่งก็ จะเกิดการรีวภาวะดือินซูลินแล้วก็เป็นเบา
01:25:46 → 01:25:57 หวานนะเป็นอะไรต่างๆตามมา นะทั้งๆที่กินโภชนาการคาฟต่ำนะฮะนะมันจะ
01:25:57 → 01:26:06 เป็นวงจรอุบาทหรือเป็นไซคิแบบนี้นะ ฮะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็คือ pathological
01:26:06 → 01:26:14 insulin resistance เนี่ยมันอ่าเป็น เอฟเฟคมาจาก 2 ฮอร์โมนก็คือคอร์ติซอลเป็น
01:26:14 → 01:26:23 ตัวหลักนะตามมาด้วยอินซูลินนะฮะนะและอีก ฮอร์โมนนึงเนี่ยก็คือเลปตินนะซึ่งจะถูก
01:26:23 → 01:26:30 หยุดยับยั้งนะการทำงานในการเผาผลาญไขมัน ไปนะฮะ
01:26:30 → 01:26:41 นะแล้วก็นะอ่าเซลล์นะฮะที่จะเกิด ปฏิกิริยาก่อนเพื่อนเลยนะก็คือเซลลล์
01:26:41 → 01:26:49 เนื้อเยื่อไขมันอิพทิชชูนะฮะนะเซล์เนื้อ เยื่อไขมันก็เลยทำให้เกิดการสะสมอ่าไขมัน
01:26:49 → 01:26:55 ในรอบใหม่เปอร์เซ็นต์ body fat ในร่าง ไายก็เลยเพิ่มขึ้น
01:26:55 → 01:27:00 ก่อนหน้านี้ นะก่อนหน้านี้ในเรื่องของ physiological
01:27:00 → 01:27:08 insulin resistance นะฮะเซลล์อันไหนอ่ะ ที่ได้รับผลกระทบก่อนก่อนไครเข้านะก็
01:27:08 → 01:27:16 เซลล์ตับนะฮะอันนี้ต่างกันนะฮะต่างกันนะ กรณีก่อนหน้านี้พระเ่อ physiological นะ
01:27:16 → 01:27:24 นะจะเป็นผลหลักๆก็จะเป็นผลจากตัวอินซูลิน นะแล้วก็เซลลล์เที่จะเป็นปัญหาก่อนเลยคือ
01:27:24 → 01:27:32 เซลล์ตับคือเซลล์ตับมันต่างกันนะแต่ถ้า pathological เนี่ยนะฮะนะปัญหาส่วนใหญ่
01:27:32 → 01:27:42 มาจากคอร์ติซอลนะฮะนะแล้วก็ตามมาลองลงมา คืออินซูลินนะอ่าแล้วก็เลปตินนะฮะแต่
01:27:42 → 01:27:51 เซลล์ที่จะได้รับผลกระทบก่อนเลยนะแรกๆเลย นะฮะนะก็คือการดืออินซูลินของเซลล์เนื้อ
01:27:51 → 01:27:56 เยื่อไขมันนะฮะเซลลเนื้อเยื่อไขมันแล้วก็ ถึงจะต่างมาด้วยกล้ามเนื้อตับแลก็ตับออก
01:27:56 → 01:28:04 นะนะอันนี้มันต่างกันนะแต่ทั้งทั้ง 2 สภาวะเนี่ยมันเป็นข้อเสียนะฮะของการกิน
01:28:04 → 01:28:11 โลคาฟที่ไม่ถูกต้องนะฮะไม่ถูกต้องนะ อันเนี้ยสาเหตุที่มีเพเซ็นบอแสะสมเพิ่ม
01:28:11 → 01:28:17 ขึ้นเพราะฮอร์โมนอินซูลินคอร์ติซอลเนี่ย ถูกกระตุ้นออกมามากๆบ่อยๆนะฮะเนื่องจาก
01:28:17 → 01:28:23 อะไรเนื่องจากการกินไม่ถูกต้องนะอ่าก็ เหมือนเดิมนะฮะนะกินไม่ถูกต้องอันดับแรก
01:28:23 → 01:28:31 ก็คือไมาลานนะทั้งคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมา นะฮะเ่อมีเรื่องของสารอาหารรองที่จำเป็น
01:28:31 → 01:28:40 นะโดยเฉพาะพวกเนี่ยอ่าเค้าเรียกว่าอ่า mineral อ่าก็คือก็คือเป็นอ่าเกลือแร่
01:28:40 → 01:28:47 วิตามินและสารพรึกษาเคมีมันไม่พอไม่พอนะ ฮะเนี่ยจากการกินไม่ถูกนะเกลือแร่วิตามิน
01:28:47 → 01:28:54 สารพรึกษาเคมีอ่าไม่เพียงพออันนี้เป็น ภาวะของการไม่เพียงพอการขาดนะแต่แต่
01:28:54 → 01:29:00 คาร์โบไฮเดตโปรตีนไขมันส่วนใหญ่เป็น เรื่องการกินผิดนะกินผิดกินไม่ถูกต้องไม่
01:29:00 → 01:29:05 เหมาะสมกินไม่เป็น นะอันดับ 3 คือเรื่องการนอนไม่ดีไม่มี
01:29:05 → 01:29:14 คุณภาพนะอันดับ 4 คือออกกำลังกายมากไป หรือน้อยไปหรือไม่ยอมออกกำลังกายนะฮะนี้
01:29:14 → 01:29:21 ก็นะทุกรูปแบบนะตั้งแต่ adaptive ะนะหรือ physiological หรือ pathological เนี่ย
01:29:21 → 01:29:28 นะจะสัมพันธ์กับเรื่องของการออกกกายการ ใช้งานกล้ามเนื้อทั้งนั้นเลยนะต่อไปก็คือ
01:29:28 → 01:29:36 อาจจะมีเรื่องของการ If หรือโปรลองฟ้าที่ ไม่เหมาะสมนะฮะนะซึ่งเนี่ยตัวผลที่จะตาม
01:29:36 → 01:29:44 มาเนี่ยนะฮะมันก็แล้วแต่นะแต่ส่วนใหญ่นะ ฮะนะส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของคอร์ติซอลนะ
01:29:44 → 01:29:47 ปัญหาของคอร์ติซอล
01:29:47 → 01:29:57 นะแล้วก็เ่อทั้งคอร์ติซอลกับอินซูลิน เนี่ยนะฮะนะในที่สุดแล้วเนี่ยนะนะเวลา
01:29:57 → 01:30:04 เกิดปัญหาเนี่ยจะเป็นงยที่การเก็บกักสะสม พลังงานนะฮะก็ตาม
01:30:04 → 01:30:10 อ่าตามรูปแบบอ่าของกลุ่มฮอร์โมนที่เขา สังกัดอยู่นะฮะคือเราเรียกว่ามันเป็น
01:30:10 → 01:30:18 ฮอร์โมนสะสมพลังงาน นะแรกๆเนี่ยคอร์ติซอลเนี่ยอ่าอาจจะมาเป็น
01:30:18 → 01:30:25 ในลักษณะของเผาผลนพลังงานคล้ายๆฮอร์โมน ลูกเทศนะแต่พอหลังจากนั้นเนี่ยนะเ่า
01:30:25 → 01:30:36 เหมือนๆตัวแม่เนี่ยเเจะรับรู้อ่ะนะฮะนะนะ เขาก็เปลี่ยนใจนะมาสะสมพลังงานนะโดยทำงาน
01:30:36 → 01:30:42 ร่วมกับตัวพ่ออินซูลินนะแล้วทั้งตัวพ่อ ตัวแม่นี่นะก็ไปในแนวทางเดียวกันเลยคือ
01:30:42 → 01:30:49 เข้าอ่าเข้ากลุ่มตามหน้าที่ปกติคือสะสม พลังงานนะ
01:30:49 → 01:30:55 นะนะอันนี้ก็จะเป็นเป็นเรื่อง pathological insulin resistance นะฮะ
01:30:55 → 01:31:02 นะนะซึ่งอันนี้เนี่ยก็คือเป็นในช่วงที่มี การเจ็บป่วยแล้วแหละนะฮะ
01:31:02 → 01:31:09 นะก็เราจะเห็นว่าในเรื่องของการเป็นเบา หวานต่างๆเนี่ยมันก็จะเริ่มที่เนี่ยการดื
01:31:09 → 01:31:16 อินซูลินที่อะไรที่เนื้อเยื่อไขมันก่อน แล้วตามมาที่กล้ามเนื้อตับแล้วไปสุดท้าย
01:31:16 → 01:31:23 ที่ตับออกนะแล้วเวลาที่เราจะรีวเนี่ยเรา ต้องแก้ที่ตับอ่อนก่อนนะแล้วก็มาแก้ที่
01:31:23 → 01:31:29 ตับแล้วแก้ที่กล้ามเนื้อแล้วก็ถึงจะย้อน กลับไปที่เนื้อเยื่อไขมันนะฮะนะซึ่งมันก็
01:31:29 → 01:31:38 จะเนี่ยตามตามแบบที่สรุปมานะฮเนี่ยเวลา รีวนะในการปรับแก้อะไรต่างๆนะฮะอย่างการ
01:31:38 → 01:31:46 แก้ที่ตับอ่อนก็ทำอะไรนะฮะนะก็คืออาจจะ ต้องมีการตัดหรืองดาฟไปเลยนะฮะ
01:31:46 → 01:31:53 นะหรือถ้าเริ่มดีขึ้นบ้างแล้วนะหรือตัด ไม่ได้เลยนะก็ปริมาณเน็ตาฟต้องไม่เกิน 20
01:31:53 → 01:31:58 กรัมต่อวันเท่านั้น 20 25 นะฮะแล้วแต่คน ตัวใหญ่ตัวเล็ก
01:31:58 → 01:32:08 นะแล้วก็ร่วมกับอะไรร่วมกับการทำ If นะฮะ เว้นวการกินนะฮะอันเนี้ยก็จะสามารถฟื้น
01:32:08 → 01:32:13 เบต้าเซลล์ของตับอ่อนขึ้นมาได้ค่อนข้าง เร็ว
01:32:13 → 01:32:22 นะการรีวที่ตับนะฮะการรวที่ตับก็คือนะนะ หลักๆที่สำคัญเลยเนี่ยนะก็คือต้องปรับ
01:32:22 → 01:32:28 ระบบนะการันพลังงานที่ตับนะโดยการใช้ไข มันดีหรือ Good Healthy Fat ให้ตับได้
01:32:28 → 01:32:36 มีการ burn นะฮะนะแล้ว อ่ากลุ่มไขมันหรือประเภทไขมันที่ตับก็ชอบ
01:32:36 → 01:32:44 ในการเบิรนเนี่ยก็คือเคือไขมันพืชนะที่ เป็นน้ำมันสกัดเย็นนะฮะซึ่งต้องไม่ผ่าน
01:32:44 → 01:32:52 เรื่องความร้อนและเคมีนะฮะนะอันนี้ตับเจะ ชอบนะอ่าไขมันประเภทนี้นะแล้วแม้ว่าจะ
01:32:52 → 01:33:00 เป็นโส Food อย่างนึงก็ตามนะฮะแต่เนื่อง จากว่าเป็นการ process ในแนวทางที่ดีนะก็
01:33:00 → 01:33:09 คือสกัดเย็นโพสไม่ใช้ความร้อนไม่ใช้สาร เคมีนะเนี่ยเพราะฉะนั้นมันก็เลยเอามาใช้
01:33:09 → 01:33:14 ได้ นะแล้วก็เราสามารถกำหนดสัดส่วนกำหนด
01:33:14 → 01:33:23 ปริมาณนะเ่าแล้วก็มันมีข้อดีในแง่ของการ มีสารพษาเคมีนะฮะแล้วก็ปรุงการกินให้ถูก
01:33:23 → 01:33:31 ในรูปแบบน้ำสลัดทออยนะฮะในขณะที่อาจจะมี การเติมคาฟในมื้อเย็นได้บ้างนะฮะในกรณี
01:33:31 → 01:33:38 ของตัเนี่ยนะแต่ว่าก็ยังต้องจำกัดอยู่ไม่ เกิน 50 กรัมไม่เกิน 50 กรัมนะฮะครับผมนะ
01:33:38 → 01:33:45 แล้วก็ตับนะก็อันนี้ก็เติมไปเพื่ออะไร เพื่อให้เกิดการทำหน้าที่ของตับในอันดับ
01:33:45 → 01:33:52 แรกเลยก็คือการสร้างไกลโคเจน อ่าส่วนการรีเวสที่กล้ามเนื้อเนี่ยนะฮะนะ
01:33:52 → 01:33:59 อ่ากล้ามเนื้อนี่ต้องการสารอาหารครบนะนะ ก็คือคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันนะแล้วก็
01:33:59 → 01:34:07 ต้องการอ่าการออกแรงออกกำลังโดยเฉพาะการ เวทนะอ่าเพื่ออะไรเพื่อที่จะทั้งสร้าง
01:34:07 → 01:34:13 ทั้งเก็บไกลโคเจนนะฮะก็คือกล้ามเนื้อ เนี่ยจะมาช่วยในการรับผิดชอบนะในเรื่อง
01:34:13 → 01:34:22 ของคาฟต่างๆนะฮะนะที่จะเอาไปสร้างนะแล้ว เอาไปใช้นะอ่ารวมทั้งอ่าเอาอินซูลินที่
01:34:22 → 01:34:28 มันจะเกิดขึ้นเอ่อค่อนข้างเยอะๆอะไรอย่าง เงี้ยนะมาทำงานนะในการเนี่ยในการสร้าง
01:34:28 → 01:34:38 ไกลโคเจนนะแล้วก็สร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ซะนะฮะนะแต่เราก็จะต้องนะมีรูปแบบของการ
01:34:38 → 01:34:46 ออกแรงออกกำลังที่ถูกต้องนะนะที่ต้องเข้า ใจว่าจะคาริโอหรือจะเวทนะอ่าอย่าไปทำผิด
01:34:46 → 01:34:54 นะฮะนะอันเนี้ยนะซึ่งอ่าถ้าถึงขนาดการรว กล้ามเนื้อเนี่ยอ่าปริมาณคนี่ก็สามารถอ่า
01:34:54 → 01:35:01 Add on หรือว่าเพิ่มขึ้นได้ในระดับ 50 - 100 กรันะเพราะว่าส่วนหนึ่งเนี่ยนอก
01:35:01 → 01:35:06 จากไปเป็นไกลโคเจนที่ดับแล้วมันต้องไป เป็นไกลโคเจนที่ตัวกล้ามเนื้อลายของกล้าม
01:35:06 → 01:35:14 เนื้อด้วยนะก็ก็ก็ตามเนี้ยอันนี้เคยพูด แล้วเนานะนะตามนี้เลยนะฮะการดือินซูลินก็
01:35:14 → 01:35:20 เป็นที่เื้อเยื้อไขมันก่อนกล้ามเนื้อตับ ตับออนสุดท้ายเวลารีวก็รีเวสที่ตับอ่อน
01:35:20 → 01:35:26 ก่อนแล้วเนื้อเยื่อไขมันสุดท้ายแต่ส่วน ใหญ่เนื้อเยื่อไขมันก็รีวได้ยาก
01:35:26 → 01:35:34 นะนะเพราะฉะนั้นในข้อสรุปเนี่ยนะฮะนะใน แบบที่เป็น pathological นะ insulin
01:35:34 → 01:35:41 resistance เนี่ยนะฮะมันเป็นเรื่องนะของ บทบาทของทั้งเ่อตัวพ่อตัวแม่อินซูลินและ
01:35:41 → 01:35:48 คอร์ติซอลนะฮะนะแล้วตัวที่มาเกี่ยวข้อง ด้วยก็คือเลปตินนะฮะนะซึ่ง
01:35:48 → 01:35:54 เอ่อมันถูกจำกัดน่ะถูกควบคุมถูกบล็อกไป เลยอ่ะนะฮะถูกบล็อกไปเลยนะแล้วขณะเดียว
01:35:54 → 01:36:00 กันทั้งตัวพ่อตัวแม่เนี่ยเก็จะสร้าง เรื่องสร้างราวต่างๆนะทั้งการสะสมที่สั
01:36:00 → 01:36:08 คือ Fat แล้วก็ร Fat การสะสมที่ vis Fat ก็จะตามมาด้วยการอักเสบนะฮะนะเนี่ยนะซึ่ง
01:36:08 → 01:36:17 ในที่สุดก็นะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร ต่างๆไปเยอะมากนะฮะนะนะคืออย่าลืมว่า
01:36:17 → 01:36:24 เมื่อไหร่ก็ตามนะที่ตัวคอร์ติซอลหรือตัว แม่เาออกมาเจ้ากี้เจ้ากาออกมาว่าการออกมา
01:36:24 → 01:36:32 บริหารจัดการอะไรต่างๆนะฮะนะสัญลักษณ์ อย่างนึงในการตรวจวัดชี้วัดเนี่ยก็คือ
01:36:32 → 01:36:38 เปอร์เซ็น body fat นะฮะนะเปอร์เซ็น body fat นะ
01:36:38 → 01:36:45 เปกตินะฮะเกณฑ์เฉลี่ยของเปอร์เซ็นต์ body fat ในร่างกายของคนเราเนี่ยนะฮะนะนรวมๆ
01:36:45 → 01:36:52 ทั้งผู้หญิงผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณ 18 ถึง ในผู้หญิงก็ไม่เกิน 23 ในผู้ชายก็ไม่เกิน
01:36:52 → 01:36:59 25 แล้วแต่ตัวเล็กตัวใหญ่ขนาดของร่างกาย นะอ่าเป็นแบบรูปร่างแบบไหนหรือขนาดร่าง
01:36:59 → 01:37:10 กายเป็นแบบอ่าสมส่วนอ่าผอมนะหรือโครง สร้างใหญ่อ้วนอะไรอย่างงี้นะนะเนี่ยเค้า
01:37:10 → 01:37:16 ก็บอกว่า ในในช่วงช่วงของเปอร์เซ็นต์เี่ที่ว่า
01:37:16 → 01:37:25 เนี่ยนะนะเอ่อนะมันเป็นช่วงเปอร์เซ็นต์ เ่ะที่ที่จะทำทำให้เกิดความสมดุลนะฮะของ
01:37:25 → 01:37:34 ฮอร์โมนคอร์ติซอลในการคือเป็นการกระตุ้น ฮอร์โมนคอร์ติซอลเนี่ยนะที่ออกมาแบบ
01:37:34 → 01:37:45 สมดุลนะเพราะคอร์ติซอลชอบการบานที่เหมาะ สมลงตัวพอดีนะฮะคือเราต้องค่อนข้างรู้นิด
01:37:45 → 01:37:53 นึงนะว่าถ้าพูดถึงอินซูลินเมื่อไหร่มันจะ หมายถึงพลังงานหมายถึงอาหารจากภายนอกจากภ
01:37:53 → 01:38:00 นอกนะฮะนะที่กินเข้าไปแล้วอินซูลินเจะทำ หน้าที่บริหารจัดการแต่ถ้าพูดถึง
01:38:00 → 01:38:09 คอร์ติซอลเมื่อไหร่คอร์ติซอลเนี่ยนะเ่อ เขาคก็จะเกี่ยวกับภาพกว้างๆนะนะก็คือ
01:38:09 → 01:38:16 คอร์ติซอลเนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็นฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนะ
01:38:16 → 01:38:25 พฤติกรรมพฤติกรรมนะไม่ว่าจะเป็นการกินการ นอนการออกแรงการอดนะฮะนะ
01:38:25 → 01:38:34 เนี่ยแล้วลักษณะพฤติกรรมเหล่าเนี้ยนะ คอร์ติซอลเจะชอบคำว่า Balance Balance
01:38:34 → 01:38:44 นะฮะ Energy Balance นะฮะนะการนอนที่ Balance ไม่มากไม่น้อยไม่ขาดไม่เกิดนะฮะ
01:38:44 → 01:38:52 การออกแรงออกกำลังที่านเหมาะสมพอดีหรือ การ If ที่ Balance อ่าเมื่อไหร่ก็ตาม
01:38:52 → 01:38:58 สิ่งเหล่านี้เยเก้าอี้สขาเหล่าเนี้ยมัน ไม่ Balance หรือมัน im Balance อ่า
01:38:58 → 01:39:04 เมื่อนั้นเนี่ยตัวเจ้ากี้เจ้ากตัวที่จะ ออกมาว่าการเนี่ยนะฮะหรือตัวที่เขาจะหมุด
01:39:04 → 01:39:11 หิดเไม่เอาด้วยก็คือคอร์ติซอลนะคอร์ติซอล นะฮะเพราะว่าในแงสุนเราก็ให้เขไปวุ่นวาย
01:39:11 → 01:39:19 เกี่ยวกับอาหารนะอาหารหรือว่าในเรื่องของ สิ่งที่มันเป็นพลังงานนแต่ถ้าคอร์ติซอล
01:39:19 → 01:39:27 เนี่ยมันเป็นเรื่องพฤติกรรนะเอเป็น beh ที่จะต้อง Balance Balance มีความเหมาะ
01:39:27 → 01:39:37 สมลงตัวพอดีลงตัวพอดีนะนะเพฉนั้นนะถ้ามัน ไม่ Balance มัน imbalance นะเมื่อนั้น
01:39:37 → 01:39:45 เนี่ยคอร์ติซอลเด่นดุดดื้อขึ้นมาทันทีนะ ฮะเพราะงั้นอ่านี่แหละฮะหมอถึงได้บอกว่า
01:39:45 → 01:39:52 นะในเรื่องของโครงสร้างร่างกายเนี่ยนะเ เพราะฉะนั้นที่บอกว่ารูปร่างเนี่ยมันเป็น
01:39:52 → 01:39:59 ยังไงมันเป็นผอมสมส่วนค่อนผอมสมส่วนสม ส่วนค่อนอ้วนแล้วก็อ้วนเนี่ยถามว่า
01:39:59 → 01:40:07 คอร์ติซอลเนี่ยเขาจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่ สุดนะสงบที่สุดนิ่งที่สุดเนี่ยกับรูปร่าง
01:40:07 → 01:40:16 แบบไหนก็คือรูปร่างในส่วนกลางๆคือสมส่วน นะฮะเื่อรูปร่างสมส่วนเออนะความสูงน้ำ
01:40:16 → 01:40:22 หนักอเปอร์เซ็นต์บ Fat เปอร์เซ็นต์มวล กล้ามเนื้อมันสมส่วนนะมันสมส่วนพอดีอย่าง
01:40:22 → 01:40:29 เงี้ยคอร์ติซอลเก็จะ นิ่งนิ่งไม่มากไม่น้อยไม่
01:40:29 → 01:40:38 imbalance ก็คือน้ำหนักก็อยู่ที่เกณฑ์ ที่ว่าเอาส่วนสูงกับน้ำหนักมาหักล้างกัน
01:40:38 → 01:40:47 ใช่ครับใช่ักที่น้ำหนักหารด้วยส่วนสูง เป็นเมตรยกกำลัง 2 อ๋อครับผมเพื่อจะดูค่า
01:40:47 → 01:40:54 อ่า BMI Body Ma index เนี่ยนะแล้ว เนี่ย
01:40:54 → 01:41:01 นะ body คืออันนี้หมายถึงเปอร์เซ body fat
01:41:01 → 01:41:10 เอเนี่ยนะอันนี้คือเฉลี่ยทั่วๆไปนะฮะนะ
01:41:10 → 01:41:21 ทั้งคนอ้วนคนผอมคนสมส่วนอะไรต่างๆนะฮะ เนี่ยนะถ้าในผู้หญิงในผู้หญิงก็ 18 นะถึง
01:41:21 → 01:41:29 22 ไม่เกิน 23% อะไรเงี้นะอันนี้เรา เรียกว่ารูปร่างสมส่วนนะฮะเปอร์เซ็นต body
01:41:29 → 01:41:40 fat แบบนี้มัน Balance คิอเขาก็จะนิ่งนะ ฮะนะแต่ถ้าต่ำกว่า 18 หรือผู้หญิงอ้วน 25
01:41:40 → 01:41:49 26 27 28 30 นะฮะถ้าอย่างนี้เนี่ย คอร์ติซอลเขาเขาก็ไม่เอาด้วยอ่ะนะฮะนะ
01:41:49 → 01:41:57 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามไงคือถ้าคุณอ้วนเ การกระตุ้นคอร์ติซอลเนี่ยมันก็กระตุ้นน่ะ
01:41:57 → 01:42:03 นะกระตุ้นแต่ว่าคอร์ติซอลที่มาก็จะไม่ ค่อยดูเท่าไหร่แต่ถ้าคุณผอมเถ้าคุณผอม่ะ
01:42:03 → 01:42:13 นะเ่อี้แชเนี่ยต่ำกว่า 18 เนี่ยนะเวลาคิอ มาเนี่ยมันมาแล้วมันเหมือนไม่มีอะไรมา
01:42:13 → 01:42:19 เป็นเครื่องประกันน่ะแบบที่หมอเคยชอบพูด อยู่เรื่อยๆว่าคนผอมน่ะมันจะเครียดง่าย
01:42:19 → 01:42:28 มันจะกระตุ้นคอร์ติซอลค่อนข้างเยอะนะไม่ เหมือนกับคนอ้วนนะเนี่ยอัตราการกระตุ้น
01:42:28 → 01:42:34 ฮอร์โมนเครียดระหว่างคนอ้วนคนผอมแต่ถ้า เมื่อไหร่คุณสมส่วนเนี่ยนะพอดีๆดีอย่าง
01:42:34 → 01:42:39 เงี้ยนะหรือสมส่วนค่อนผอมสมส่วนข่อนอ้วน เนี่ยนะอย่างนี้คอร์ติซอลมันก็ไม่ถูก
01:42:39 → 01:42:46 กระตุ้นเยอะนะคือคนอ้วนคอร์ติซอลมัน กระตุ้นเยอะแต่คอร์ติซอลที่มามันมาแบบยัง
01:42:46 → 01:42:54 ไงอ่ะมันมาแบบมันไม่มีชีวิตชีวาอะไรมาก มายนะมันก็มาแบบมามาให้รู้ว่ามาว่าว่ากู
01:42:54 → 01:43:02 มาแล้วนะแต่เขาคก็ไม่ค่อยจะทำอะไรนะนะแต่ ถ้าถอมเนี่ยคอร์ติซอลเยอะแล้วมาแบบดูๆเออ
01:43:02 → 01:43:09 เพราะฉะนั้นเห็นมะถึงได้บอกไว่าเมื่อไหร่ ก็ตามที่คุณน้ำหนักไม่เป็นไปตามส่วนสูง
01:43:09 → 01:43:18 อ่ะหรือว่าน้ำหนักตกเกณฑ์น้ำหนักต่ำเกณฑ์ ผอมสูง 180 เแล้วน้ำหนักแค่ 60 ต้นๆอย่า
01:43:18 → 01:43:25 เงี้ยนะถ้าอย่างงี้ก็ไม่ไหวนะแย่เลยหรนะ ฮะอเวทเวท Point ถ้ามาต่ำกว่าเ Point คือ
01:43:25 → 01:43:32 แม่มาแบบน่ากลัวเลยใช่นะเออันนี้มันก็ไม่ ได้เอ
01:43:32 → 01:43:41 ครับนะเนี่ยอันนี้ก็เป็นลักษณะนึงเนี่ย ที่เราจะดูคนกับปฏิกิริยาการตอบโต้หรือ
01:43:41 → 01:43:50 ตอบสนองของฮอร์โมนเครียดคอร์ติซอลตัวแม่ นะคนผอมทายได้เลยนะเน่าจะเครียดง่าย
01:43:50 → 01:43:58 คอร์ติซอลมาเยอะแล้วมาแบบุดอยู่นะใช่แล้ว มาแล้วไม่ค่อยไปอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะ
01:43:58 → 01:44:03 คล้ายๆกับคนอ้วนที่อินซูลินมาเยอะมาแล้ว ก็
01:44:03 → 01:44:10 เอ่อทำอะไรไม่ได้อะไรอย่าเงี้ยค้างเติ่ง อยู่นะเอ่อแต่ถ้าเป็นเคอร์ติซอลเมื่อไหร่
01:44:10 → 01:44:18 นะส่วนใหญ่ไปเล่นงานเป็นคน ผอมเพราะว่ามันเหมือนแบบมันกลัวไปหมดไงนะ
01:44:18 → 01:44:26 ผอมก็ผอมสารอาหารก็ไม่พอไขมันก็ไม่มีพลัง งานก็น้อยกล้ามเนื้อก็น้อยอะไรอย่างเงี้ย
01:44:26 → 01:44:34 เออทีนี้ในผู้ชายเนี่ยไอ้ตัวเปอร์เซ body fat เนี่ยอาจจะลงไปต่ำเยอะๆก็ได้นะฮะนะ
01:44:34 → 01:44:40 คือต่ำกว่า 10 ก็ได้นะฮะนะเพราะอะไรเพราะ ว่าสภาพร่างกายของผู้ชายมันมีความอึดพล
01:44:40 → 01:44:47 มากกว่านะฮะเนื่องจากในผู้ชายมีฮอร์โมน เพศชายเทสโทสเตอโรนเทสโทสเตอโรนเป็น
01:44:47 → 01:44:52 ฮอร์โมนในการสร้างมวลกล้ามเนื้อนะเพราะ ฉะนั้นผู้ชายมีเอ่อเปอร์เซ็นต์มวลกล้าม
01:44:52 → 01:44:58 เนื้อหรือหรือปริมาณมงกล้ามเนื้อเยอะกว่า ผู้หญิงนะแล้วกล้ามเนื้ออันเนี้ยก็สามารถ
01:44:58 → 01:45:04 ที่จะสะสมพลังงานสารอาหารได้มากกว่าผู้ หญิงนะมันก็เลยมีความอึดพนอะไรมากกว่านะ
01:45:04 → 01:45:15 นะเวลาเีนน่ะเวลาหรือเเสร้างไอเอะไรอ่ะเเ สามารถออกแรงออกกำลังหรือ Build นะฮะร่าง
01:45:15 → 01:45:22 กายจนกระทั่งแบบอะไรอ่ะเ่อเปอร์เซ็น B Fat มันต่ำมากๆเนี่ยนะนะเขาก็ยังพออยู่
01:45:22 → 01:45:29 ไหวไม่เเครียดมากนะฮะนะเพราะว่าเนี่ยใน ผู้ชายมันมีเรื่องพวกนี้เป็นเหตุผลนะฮอื
01:45:29 → 01:45:39 เออนะเนี่ยเพราะฉะนั้นนะเนี่ยนี่คือคือมา อธิบายเพิ่มอีกหน่อยนึงอ่ะว่าเวลาหมอพูด
01:45:39 → 01:45:48 ถึงคนผอมๆแล้วที่บอกว่าจะเครียดง่ายนะ คอซอเยอะนะมาง่ายด้วยนะแล้วไปยากด้วยนะ
01:45:48 → 01:45:57 เออก็เพราะว่าเหตุผลเพราะว่านี่มันเป็นกล ไกตามวิวัฒนาการตามธรรมชาตินะนะว่านะทั้ง
01:45:57 → 01:46:02 อินซูลินคอร์ติซอลเนี่ยโดยเฉพาะคอร์ติซอล เชอบความ
01:46:02 → 01:46:07 Balance เพราะงั้นในเรื่อง Energy Balance ที่หมอใช้เนี่ยเมื่อไหร่ก็ตาม
01:46:07 → 01:46:14 ที่ใช้คำนี้แปลว่านะตัวที่บงการหรือตัว อยู่เบื้องหลังคือคอร์ติซอลนะฮะอ่าไม่
01:46:14 → 01:46:20 ค่อยมีผลจากอินซูลินแล้วล่ะเอาล่ะ pathological insulin resistance
01:46:20 → 01:46:29 เนี่ยนะฮะก็แก้ไขยังไงนะฮะนะก็เหมือนเดิม ๆนะฮะนะก็คือในเรื่องเก้าอี้ 4 ขาเราเน้น
01:46:29 → 01:46:35 ที่เรื่อง Energy Balance ในการจัดสรร สมดุลของพลังงานนะคามว่าพลังงานในนี้ก็
01:46:35 → 01:46:43 คือสารอาหารบวกแคลอรี่นะนะแล้วถ้าเป็นรูป นะรูปธรรมจริงๆก็คือคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไข
01:46:43 → 01:46:51 มันซึ่งเป็นสารอาหารหลักนี่แหละฮะนะมี ความต้องต้องมีความเหมาะสมเพียงพอนะฮะนะ
01:46:51 → 01:46:58 นอกจากนี้ไลฟ์สไตล์ต่างๆนะก็คือการนอนการ ออกกำลังกายการอดนะอันเนี้ยทำให้เหมาะสม
01:46:58 → 01:47:07 นะฮะนะนะก็เหมือนเดิมนะฮะ 6 ข้อที่ได้ อธิบายไว้ตอนต้นนะฮะครับ
01:47:07 → 01:47:16 ผมทีนี้เรื่องสุดท้ายที่ขอพูดนะฮะนะอ่าก็ คือเรื่องกลูโค genesis นะฮะ
01:47:16 → 01:47:25 นะอันนี้เรามาปิดท้ายด้วยเรื่องกลูโค neogenesis นะฮะนะอ่าอันนี้นะฮะนะถ้ามี
01:47:25 → 01:47:36 คำถามนะว่านะในวันหนึ่งๆเนี่ยนะที่ ต้องการจะให้เรามีชีวิตรอดตายไปนะฮะรอด
01:47:36 → 01:47:43 ตายไปเนี่ย นะต่อ 1 วันนะต่อ 1 วันถามว่าถามว่านะสาร
01:47:43 → 01:47:52 อาหารขั้นต่ำที่สุดนะฮะที่ร่างกายต้องการ คืออะไรและเท่าไหร่คืออะไรและเท่าไหร่นะ
01:47:52 → 01:47:59 ฮะนะอันเนี้ยเเรียกว่า Daily requirement for Human Life นะฮะ for Survival นะ
01:47:59 → 01:48:07 นะนะก็คือในแง่ของสารอาหารนะที่มันเป็น สารอาหารขั้นต่ำสุดซึ่งมันก็จะมีพลังงาน
01:48:07 → 01:48:14 ในตัวของมันด้วยนะสำหรับ 1 วันนะฮะนะ 1 โครงสร้างร่างกายมนุษย์เนี่ยต้องการแค่
01:48:14 → 01:48:23 นี้ฮะคือโปรตีน 50 กรัมคาฟศูกรรมไม่ ต้องการนะฮะนะเแล้วแล้วก็ essential Fat
01:48:23 → 01:48:30 กรันะ essential Fat 3 กรั essential
01:48:30 → 01:48:36 Fat คือก็คือคือไขมันไม่มีตัวเชิงซ้อนโอเมก้า
01:48:36 → 01:48:41 3 โอเมก้า 6 นะ 3 กรัมนะฮะเพราะฉะนั้นแค่เนี้ยชีวิต
01:48:41 → 01:48:48 อยู่ได้เป็น 1 วัน 24 ชมงแล้วนะฮะ เเพราะฉะนั้นในความจำเป็นต่างๆที่เรามี
01:48:48 → 01:48:56 ความรู้เยอะๆเลยในเรื่องของคาโปรตีนไขมัน อะไรต่างๆเนี่ยถามว่าถ้าจะย่อให้มากที่
01:48:56 → 01:49:05 สุดเลยกับการที่จะมีชีวิตอยู่รอดเป็น 1 วันเนี่ยนะฮะอ่าก็คือโปรตีนคุณภาพ 50
01:49:05 → 01:49:12 กรัมโปรตีนนี่ต้องมาพร้อมกับ Quality นะ ฮะโตคุณภาพนะต้องไม่ต่ำกว่า 50 กรัมนะฮะ
01:49:12 → 01:49:22 นะ 50 กรัมครึ่งขีดนะอ่าคาฟไม่ต้องไม่กิน ไม่เอานะฮะคาฟไม่ต้องการนะแล้วโอเมก้า 3
01:49:22 → 01:49:30 39 6 นะประมาณ 3 กรัมนะแค่เนี้ยฮะอยู่ ได้ 24 ชม
01:49:30 → 01:49:37 เอ่าทีนี้คำว่า Quality โปรตีนหรือโปรตีน คุณภาพในปริมาณ at least อย่างน้อยที่
01:49:37 → 01:49:45 สุด 50 กรัมเนี่ยนะโปรตีนนี้จะต้องมี คอเลสเตอรอลนะครับนะโปรตีนนี้จะต้องเป็น
01:49:45 → 01:49:56 โปรตีนที่มีคอเลสเตอรอลเออนะนะนะเพราะว่า นะนะในขณะโปรตีน 50 กรัมก็จะมีปริมาณ
01:49:56 → 01:50:05 คอเลสเตอรอลที่เพียงพอในการสังเคราะห์ สิ่งต่างๆ 6 อย่างเนี้ยนะฮะนะนะซึ่ง
01:50:05 → 01:50:13 อันเนี้ยเถือว่าเป็น basic Building บอกเกอร์นะฮะนะในแง่ของความเป็น
01:50:13 → 01:50:22 สเตียรอยด์ฮอร์โมนนะฮะนะก็คือคอร์ติซอล เนี่ยมันมากับโปรตีนนะฮะเพราะฉะนั้นเอ้ย
01:50:22 → 01:50:26 โทษทีเคราะห์ไม่ใช่คอเลสเตอรอล คอเลสเตอรอลมันมากับโปรตีนนะครับผมเพราะ
01:50:26 → 01:50:34 ฉะนั้นการจะหาคอเลสเตอรอลต้องไปหาที่ โปรตีนนะนะแล้วโปรตีนเนี่ยเรานับไอ้
01:50:34 → 01:50:41 เรื่องอ่าเน็ตโปรตีนอะไรต่างๆเหล่าเนี้ย นะฮะนะเนี่ยนะปริมาณเน็ตโปรตีน 50 กรัม
01:50:41 → 01:50:47 เนี่ยก็ต้องเป็นโปรตีนที่มีคอเลสเตอรอลนะ เพราะฉะนั้น
01:50:47 → 01:50:53 โปรตีน 50 กรัมที่มีคอเลสเตอรอลส่วนใหญ่ ก็คือโปรตีนจากสั
01:50:53 → 01:51:01 ไม่ใช่จากพืชนะนะนี่แหละเน็ตโปรตีน 50 กรัมนะจะมีคอเลสเตอรอลในระดับ basic
01:51:01 → 01:51:07 Building blocker for สอย Hormone แล้วสรอยฮอร์โมนต่างๆ 6 ตัวนี้จะมีความ
01:51:07 → 01:51:17 สำคัญนะในการที่จะมาทำให้เกิดการดำรง ชีวิตอยู่รอดไป 24 ชมงนะก็คือมีคอร์ติซอล
01:51:17 → 01:51:27 วิตามิน D3 นะฮะมีเทสโทสเตอโรนนะ S อเจน ออสตอนโปรเจสเตอโรนนะคือฮอร์โมนมีแค่
01:51:27 → 01:51:34 เนี้ยพอจะอยู่รอบ 4 ชั่วโมงแล้วล่ะนะฮะ คือคือง่ายๆถ้าหาไม่ได้จริงๆก็คือกินไข่
01:51:34 → 01:51:44 ดีกว่าดีสุดใช่ครับถตอบโจทย์ในใน 1 วัน ที่ขั้นต่ำสุดครับผมก็นั่นแหละพกไข่เหรอ
01:51:44 → 01:51:54 ไข่ไข่ก็เน็ดเน็ดโปรตีน 50 กรัมนะไข่ 1 ฟองมันก็จะมีก็จะมีเน็ตโปรตีนเท่าไหร่ 7
01:51:54 → 01:52:06 กรัม 67 กรัมนะฮะเพราะฉะนั้นต้องกินไข่ 7 ลูกกินไข่ 7 ลูกก็ได้ได้
01:52:06 → 01:52:13 แฟตแล้วก็ไปหาน้ำมงน้ำมันอะไรบางอย่าง หรือจะเป็นถั่วนะที่มีโอเมก้า 3 โอเมก้า 6
01:52:13 → 01:52:21 อะไรเงี้ยนะแต่พวกนั้นมันก็จะมีแป้งอยู่ นะครับเพจริงๆาฟไม่ต้องการนะไม่ต้องการ
01:52:21 → 01:52:28 อันนี้ก็จะเป็นพื้นฐานที่จะนำสู่เรื่อง ของกูโค neogenesis นะฮะกลูโคก็คือกลไก
01:52:28 → 01:52:35 ของร่างกายโดยตับนะที่จะอ่าสร้างน้ำตาล สร้างน้ำตาลนะ
01:52:35 → 01:52:43 อ do we need glucose อเราต้องการน้ำตาลเป็นพลังงานสำหรับสมอง
01:52:43 → 01:52:52 หรือเปล่านะฮะนะเราต้องการน้ำตาลกลูโคส เป็นพลังงานของสมองนะหรือเปล่านะฮะนะแล้ว
01:52:52 → 01:53:02 ก็เราควเราต้องการนะไอ้ตัวน้ำตาลเนี่ยจาก คาร์โบไฮเดรตหรือเปล่านะ
01:53:02 → 01:53:10 ฮะคือเราต้องการกลูโคสนะให้กับสมองแต่เรา ไม่ต้องการกลูโคสที่มาจาก
01:53:10 → 01:53:17 คาร์โบไฮเดรตนะฮะนะอันนี้ก็คือ Yes อัน นี้ก็คือ No นะฮะ
01:53:17 → 01:53:25 นะอ่ะเรามาดูนะฮะนะ คือกลูโค neogenesis เนี่ยมันเป็นกระบวน
01:53:25 → 01:53:34 การที่อยู่ที่ตับเท่านั้นนะฮะที่อวัยวะ ที่ตับนะฮะนะแล้วตับเนี่ยนะจะสร้างน้ำตาล
01:53:34 → 01:53:42 ไปให้กับสมองเป็นหลักเท่านั้นนะฮะยกเว้น ในช่วงที่ feeding นะฮะตับก็จะเผื่อแผล่
01:53:42 → 01:53:49 น้ำตาลที่เกินอ่าไปให้กับอวัยวะอื่นๆได้ นะฮะแต่หลักๆแล้วหน้าที่ของตับที่
01:53:49 → 01:53:58 ธรรมชาติกำหนดมาเนี่ยกำหนดมาเพื่อเพื่อ ที่จะให้มีการกลูโค neogenesis นะฮะนะ
01:53:58 → 01:54:06 ไกลโคเจนนะฮะที่ตัจะต้องมีหน้าที่ในการ เก็บสะสมไว้นะเพื่อเอาน้ำตากลูโคสไปให้
01:54:06 → 01:54:14 สมองใช้นะอันนี้ก็เป็นความเชื่อมโยนของ 2 ววนี้เป็นหลักนะตามวิวัฒนาการตามธรรมชาติ
01:54:14 → 01:54:23 นะอ่ะทีนี้อาหารของสมองนะทั่วๆไปก็คือ มื้อแรกเราเติมไขมันดีให้พลังงานหลักอ่าอ
01:54:23 → 01:54:31 อการเติมไขมันดีเป็นพลังงานหลักนะเข้าไป ในร่างกายแล้วตับนะจะเปลี่ยนไขมันดีเป็น
01:54:31 → 01:54:40 คีโตนไปให้สมองสมองก็จะ ตื่นงั้นมื้อแรกเนี่ยเราไม่ได้กินคาฟแต่
01:54:40 → 01:54:45 เรากินในรูปแบบของโปรตีนกับ High Food Healthy Fat นะฮะซึ่ง High Food
01:54:45 → 01:54:52 Healthy Fat เนี่ยจะถูกตับเปลี่ยนเป็น คีโตนนะแล้วคีโตนเหล่านี้นะตับสัมพัน์กับ
01:54:52 → 01:54:58 สมองไม่ว่าจะเป็นคีโตนหรือน้ำตาลนะตับเขา จะเอา 2 อย่างเนี้ยไปให้สมองเป็นหลักนะฮะ
01:54:58 → 01:55:06 นะเพราะฉะนั้นสมองไม่ได้คีโตนนะอ่า ฟังก์ชันของสมองมันก็จะตื่นนะฮะมีพลังนะ
01:55:06 → 01:55:15 ฮะอทีนี้ตรงข้ามในมื้อเย็นนะอ่ารูปแบบของ อาหารคือแป้งเชิงซ้อนและการมีสารอาหารที่
01:55:15 → 01:55:23 ครบนะอ่าคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันเหล่านี้ นะนะจะทำให้สมองหลับเพราะงั้นความหมายของ
01:55:23 → 01:55:30 อาหารมื้อแรกกับมื้อเย็นก็คือต่อสมองนะฮะ ก็คือการจะให้มันตื่นนะการจะให้หลับแค่
01:55:30 → 01:55:36 นั้นแหละนะ ฮะทีนี้อ่าการหลับของสมองเนี่ยนะฮะมัน
01:55:36 → 01:55:45 เป็นเรื่องสำคัญนะฮะสำคัญนะเพราะสมองเป็น Center เวลาสมองหลับสมองจะทำงานมากกว่า
01:55:45 → 01:55:53 ตอนที่ตื่นนะฮะการทำงานสมองจะอยู่ในช่วง ที่หลับฮะนะไม่ใช่อยู่ในช่วงที่ตื่นนะนะ
01:55:53 → 01:55:59 สิ่งที่ทำงานมากตื่นคือกล้ามเนื้อคือ กล้ามเนื้อนะนะ
01:55:59 → 01:56:07 นะส่วนเวลาหลับกล้ามเนื้อก็จะซ่อมนะฮะจะ ถูกซ่อมเพราะมันจะนิ่งนะฮะนะแต่สมองตรง
01:56:07 → 01:56:13 กันข้ามนะสมองเวลาที่ตื่นนะทำงานไม่เยอะ แต่ตอนที่หลับทำงานเยอะกว่าเพราะฉะนั้น
01:56:13 → 01:56:21 อาหารเมื่อเย็นเป็นอาหารสำคัญที่สุดต่อ สมองนะนะหลักการก็คือต้องเป็นมื้ออาหาร
01:56:21 → 01:56:30 ที่ทำให้สมองหลับให้ได้ได้นะนะเพราะ ฉะนั้นต้องมีคำว่าพอคำว่าครบนะฮะนะแล้วคำ
01:56:30 → 01:56:40 ว่าอิ่มนะและคำว่าหลับนะฮะนะอ่ามื้อเย็น พออะไรพอนะฮะก็คือสารอาหารกับพลังงานพอ
01:56:40 → 01:56:47 เน้นที่สารอาหารก่อนพลังงานเพราะมื้อเย็น เป็นมื้อสารอาหารนะมื้อแรกเป็นมือของพลัง
01:56:47 → 01:56:53 งานนะครบนะครบเนี่ยเน้นว่าต้องมี คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขไขมันแล้วลักษณะ
01:56:53 → 01:57:00 คาร์โบไฮเดรตต้องเป็นแป้งเชิงศอโปรตีน ต้องเป็นโปรตีนคุณภาพและไขมันต้องเป็นไข
01:57:00 → 01:57:12 มันคงลูกนะนี่คือความครบนะครับผมอิ่มเ่า อิ่มก็คือกินแล้วนะฮะนะจะสมองจะรู้สึกว่า
01:57:12 → 01:57:21 อิ่มเต็มนะฮะนะคือกินแล้วสมองจะจะสบายอ่ะ จะผ่อนคลายอ่ะนะฮะนะคือเป็นความอิ่มของ
01:57:21 → 01:57:29 สมองไม่ใช่ความอิ่มของตัวเรานะว่า งั้นิเรา
01:57:29 → 01:57:38 นะหลับเนี่ยนะหลับเพราะอะไร่ะฮะเพราะว่า พื้นที่ของสมองประมาณ 5% นะฮะนี่แหละนะ
01:57:38 → 01:57:45 ที่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบความทรงจำและ วงจรการนอนหลับนะเ่อก็จะอยู่
01:57:45 → 01:57:56 ที่เนี่ยที่เรื่องของการที่จะต้องกูโค เจนิน้ำตาลกลูโคสไปให้ไปให้นะฮะนะไปให้
01:57:56 → 01:58:05 สมองเพื่อให้สมองคนหลับเพื่อให้สมองคน หลับนะฮะคือน้ำตาลนะที่จะทำให้สมองหลับนะ
01:58:05 → 01:58:11 ไม่ใช่น้ำตาลจากการกินในมื้อเย็นนะไม่ใช่ น้ำตาลหรือคราฟที่กินในมื้อเย็นแล้ว
01:58:11 → 01:58:19 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลนะฮะแต่น้ำตาลกลูโคสที่ จะทำให้สมองหลับในช่วงกลางคืนเป็นน้ำตาล
01:58:19 → 01:58:27 กลูโคสที่ผ่านการกูโคเจนิมามาจากตับเท่า นั้นนะฮะนะสมองไม่ได้ต้องการน้ำตาลจากภาย
01:58:27 → 01:58:35 นอกที่กินเป็นอาหารเข้าไปนะฮะ เนี่ยอันนี้อันนี้อันนี้ต้องแยกประเด็น
01:58:35 → 01:58:45 นิดนึงนะฮะที นี้น้ำตาลนะน้ำตาลที่ที่กินเข้าไปนะในรูป
01:58:45 → 01:58:53 แบบของเป็นแป้งเคิงซ้อนในเมื้อเย็นนะฮะ เนี่ยนะอันนี้เนี่ยเมีหน้าที่ 2 อย่างนะ
01:58:53 → 01:59:02 อย่างที่ 1 ก็คือเป็นหน้าที่ในการกระตุ้น ฮอร์โมนอินซูลินให้ออกมานะให้ออกมาเพื่อ
01:59:02 → 01:59:10 อันดับแรกเลยนะก็คือเพื่อสร้างอ่าตัว ไกลโคเจนอ่าบรรจุไว้ที่พื้นที่ว่างของตับ
01:59:10 → 01:59:18 นะอินซูลินออกมานะเพื่อให้ตับนะเอาน้ำตาล ไปเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนหรือแป้งเชินซ้อน
01:59:18 → 01:59:24 สะสมไว้ใช้ไว้ใช้งานนะฮะนะก็เป็นหน้าที่ อันดับแรกของตัพที่จะทำต้องทำให้ได้ให้
01:59:24 → 01:59:32 ผ่านก่อนไม่งั้นหน้าที่อันดับ 2 คือหน้า ที่ของการสร้างน้ำดีจะเกิดไม่ได้นะฮะนะ
01:59:32 → 01:59:40 แล้วเสร็จแล้วนะฮะนะหลังจากนั้นเนี่ยตัว อินซูลินตัวอินซูลินนะนะที่แป้งเชิงซ้อน
01:59:40 → 01:59:46 หรือกลูโคสเนี่ยกระตุ้นออกมาเนี่ยนะก็จะ ทำหน้าที่อันนี้เป็นฮอร์โมนนะในการเอาสาร
01:59:46 → 01:59:52 อาหารต่างๆนะฮะทุกอย่างนะฮะโปรตีน คาร์โบไฮเดรตไขมันกวดอะมิโนเอ่อหรือกดไข
01:59:52 → 02:00:01 มันนะหรือไอ้พวกอ่าคาฟเชิงซ้อนอะไรที่ว่า เนี่ยหรือว่าไอ้ตัวกลูโคสที่ตับมันกลูโค
02:00:01 → 02:00:08 เจนิมาแล้วเนี่ยนะฮะนะเข้าสู่เซลล์สมอง เพื่อเริ่มกระบวนการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ
02:00:08 → 02:00:17 เลกสนิดาวนานะอ่าเพราะฉะนั้นอันนี้คือ หมายถึงพื้นที่สมอง 5% ร่วมกับนะการทำงา
02:00:17 → 02:00:24 ของตัในการกลูโคสนินิกลูโคสไปให้สมองนะ ตัดกับสมองจะคู่
02:00:24 → 02:00:34 กันแล้วเขาก็บอกว่างี้นะนะเฉลี่ยสมอง เนี่ยเเรียกว่าจะใช้หรือคูนะนะูโคสใน
02:00:34 → 02:00:44 ปริมาณ 120 กรัมต่อวันเพราะฉะนั้นวันนึง วันนึงสมองใช้กลูโคส 120 กรัมเราถือว่า
02:00:44 → 02:00:52 สมองเป็นอวัยวะที่ใช้น้ำตาลกลูโคสมากที่ สุดในร่างกายนะฮะมากที่สุดในร่างกายนะ
02:00:52 → 02:00:59 แต่ในแง่ของอินซูลินที่เป็นฮอร์โมนนะฮะ โครงสร้างร่างกายที่ใช้อินซูลินมากที่สุด
02:00:59 → 02:01:06 คือกล้ามเนื้อนะกล้ามเนื้อ นะส่วนเรื่องของกลูโคสที่จะไปเปลี่ยนเป็น
02:01:06 → 02:01:11 ไกลโคเจนสะสมที่กล้ามเนื้ออันนี้มันก็มี เงื่อนไขว่าคุต้องมีการออกแรงออกกำลัง
02:01:11 → 02:01:17 อะไรต่างๆนะเราก็เลยไม่ได้ถือว่ากลูโคส ที่จะไปสร้างไกลโคเจนที่กล้ามเนื้อเนี่ย
02:01:17 → 02:01:26 นะอ่าจะเยอะนะนะแต่สมองเนี่ยอย่างอย่าง น้อยนะฮะใน 1 วันสมองต้องการกลูโคส 120
02:01:26 → 02:01:35 กรัมนะต้องหาให้เาต้องหาให้เขนะฮะนี้เป็น ตัวเลขที่ิจากงานวิจัยนะฮะเนี่ยเก็บอกว่า
02:01:35 → 02:01:45 สมองเนี่ยนะมีการนะที่จะต้องนะใช้พลังงาน เยอะนะในการ maintain นะหรือในการดูแล
02:01:45 → 02:01:53 เรื่องของอ่า electrostatic potential นะอ่าก็คือพวกกระแสอะไรต่างๆกระแสคลื่น
02:01:53 → 02:02:04 กระแสไฟฟ้าอะไรต่างๆนะของตัวอ่าอะไรอ่ะ อ่า nve imp นะ Transmission หรคือการ
02:02:04 → 02:02:13 ส่งสารสื่อประสาทนะหรือการส่งอะไรอ่ะส่ง ส่งกระแสไฟนะระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน
02:02:13 → 02:02:23 อะไอันนี้ต้องใช้พลังงานนะนะโดยโดยนะนะ พลังงานหลักนะที่สมองมาใช้เนี่ยนะถ้าเป็น
02:02:23 → 02:02:29 ในส่วนของน้ำตาลเนี่ยนะก็คือ 120 กรัมต่อ วัน
02:02:29 → 02:02:41 นะและนะ 70% นะของพลังงานในสมองที่เขาใช้ นะเใช้เพื่อการอ่าเข้าออกของไอ้ประจุ
02:02:41 → 02:02:50 โซเดียมโปแทสเซียมเมนโนลนะนะก็แค่ให้รู้ ไว้ว่าสมองเนี่ยนะเาใช้กลูโคส 1 วันคือ
02:02:50 → 02:02:57 120 กรัมนะโดยที่กลูโคสที่สมองจะนำมาใช้ เนี่ยไม่ได้เป็นกลูโคสจากภายนอกจากการกิน
02:02:57 → 02:03:02 อาหารเพราะฉะนั้นเขาถึงได้บอกว่า คาร์โบไฮเดตไม่จำเป็นไไม่กินก็ได้เพราะ
02:03:02 → 02:03:07 ว่ากลูโคสที่สมองเใช้เนี่ยมันมาจากการ กลูโคส neogenesis ของ
02:03:07 → 02:03:17 ตับนะนะเกลูโค neogenesis นะฮะนะซึ่งอัน นี้มันอยู่ที่ตักเท่านั้นนะฮะ
02:03:17 → 02:03:25 กลูโคครับผมนั้นเนี่ยมันไม่ได้เกี่ยวกับ น้ำตาลที่เรากินจากภายนอกส่งไปนะฮะมันจะ
02:03:25 → 02:03:33 ต้องมีการ Packing อ่ากลายเป็นไกลโคเจน ก่อนแล้วตับนะจะถูกฮอร์โมนนะไม่ว่า
02:03:33 → 02:03:39 ฮอร์โมนลูกเทศหรือฮอร์โมนคอร์ติซอลเนี่ย สั่งการให้สลายไกลโคเจนกลายเป็นน้ำตัง
02:03:39 → 02:03:45 กลูโคสแล้วก็เอาไปให้สมองใช้นะก็เนี่ย หน้านี้ก็บอกอย่าง
02:03:45 → 02:03:54 นี้ทีนี้กรณีที่เราไม่กินคาร์โบไฮเดรตนะ ฮะเราไม่กินคาร์โบไฮเดรตได้ไนะฮะนะเนี่ย
02:03:54 → 02:04:01 เรารู้ว่าเอ่อในวันๆนึงเนี่ยนะสมองก็ ต้องการใช้น้ำตาลเพราะว่าเขใช้อย่างอื่น
02:04:01 → 02:04:09 ไม่ได้นะคือสมองในส่วน 5% นะนะนอกจากนี้ เม็ดเลือดแดงนะก็ต้องใช้น้ำตาลกลูโคสนะ
02:04:09 → 02:04:16 แล้วก็ตอมหมวกไตตอมหมวกไจชั้นนอกนะ adal คกก็ต้องใช้น้ำตาลกลูโคสนะสิ่งเหล่านี้จะ
02:04:16 → 02:04:23 มายังไงถ้าเกิดเราไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรต นะฮะก็มาจากขบวนการกลูโคนะฮะนะ
02:04:23 → 02:04:33 จมันจะเกิดที่ตัดเท่านั้นนะฮะนะแล้วตัว ที่สั่งนะให้เกิดการกลูโคจนิก็คือหาแหล่ง
02:04:33 → 02:04:41 พลังงานมาเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสให้ได้ เนี่ยนะก็คือ 2 ฝั่งนะก็คือกลุ่มฮอร์โมน
02:04:41 → 02:04:52 ลูกเทพหรือคอร์ติซอลหรือคอร์ติซอลนะ นะถ้าเกิดเป็นช่วงนะที่ร่างกายมีการฟ้ามี
02:04:52 → 02:04:57 อะไรต่างๆที่ไม่มีความเครียดไม่มีอ่า เรื่องระบบพลังงานที่ imbalance เรื่อง
02:04:57 → 02:05:04 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะอ่าฮอร์โมนลูกเทพ 6 อย่างจะเป็นตัวสั่งการนะฮะในการให้ตับ
02:05:04 → 02:05:13 กลูโคสเจนิเป็นน้ำตาลออกมานะแล้วสมองจะ เอาไปใช้หรือวัยวะอ่นหนจะเอาไปใช้ก็แล้ว
02:05:13 → 02:05:22 แต่นะแต่ถ้าเกิดการกงการกินไลฟ์สไตล์อะไร ต่างๆไม่ถูกต้องนะเนี่ยแล้วเกิดอยู่ใน
02:05:22 → 02:05:31 ภาวะที่นอนหลับหรืออดอาหารหรือไม่ได้รับ อาหารอะไรต่างๆนะนี่แหละตัวแม่คิอนะจะ
02:05:31 → 02:05:36 เป็นตัวสั่งให้ตับกลูโคเจนินะแล้วก็เอาไป ให้สมองเมื่อกี้เรารู้แล้วว่าสมองเ
02:05:36 → 02:05:45 ต้องการ 120 กรัต่อวันนะฮะการกูโคเจนิของ ตับใน 1 วันเนี่ยนะ approximately grum
02:05:45 → 02:05:53 per Day ของน้ำตาลกลูโคสนะมาจากอะไร บ้างมาจากอะไรบ้างนะฮะนะก็กลูโคสเจนิ
02:05:53 → 02:05:59 source นะฮะแหล่งที่มาของกลูโคสมาจาก สิ่งเหล่านี้นะฮะนะแล้วอันนี้ก็คือปริมาณ
02:05:59 → 02:06:09 กลูโคสที่เกิดขึ้นใน 1 วัน 1 วนะฮะก็คือ อ่า Net Muscle โปตน Break Down ก็คือ
02:06:09 → 02:06:17 คอร์ติซอลเนี่ยก็จะไปเป็นตัวทำให้เกิดอ่า โปรตีนของกล้ามเนื้อเนี่ยเกิดการสลายตัว
02:06:17 → 02:06:25 นะฮะเวลาที่เราไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรตนะ แล้วเวลาที่เราฟานะเนี่ยอันนี้เป็นบทบาท
02:06:25 → 02:06:33 ของ Action คิอตัวแม่นะเนี่ยเาเมีปัญหาก็ เขาไม่ชอบโปรตีนนี่แหละเไปเคดาโปรตีนที่
02:06:33 → 02:06:40 กล้ามเนื้ออ่าวันนึงเคดาเป็นกลูโคสได้ เท่าไหร่ก็ 10 ถึง 40 กรัมนะสมองต้องการ
02:06:40 → 02:06:49 120 กรัมนะนะมาจากอะไรอีกมาจากอ่า DIY โน catabolism ก็คือมาจากตัวโปรตีนที่กิน
02:06:49 → 02:06:58 ใน 1 วันนะฮะโดยพบว่านะโปรตีนที่กินใน 1 วันเนี่ยนะนะมีการสลายตัวกลายเป็นน้ำตาล
02:06:58 → 02:07:09 ต่อวันนะอยู่ในขนาด 30 -60 ก 30-60 กนะ ฮะนะเนี่ยนะไม่ว่าคุณจะกินเป็นแบบไหนก็
02:07:09 → 02:07:18 ตามโดยเฉพาะารโลคคีโตนะนะมาจากกระบวนการ ไพรูเวทนะฮะนะคือเป็นการอ่าก็คือเป็นเป
02:07:18 → 02:07:25 ไซคิเนะฮะของตัวภ นะฮะเป็นอ่าเป็นการเข้าสู่วงจรเคปไซคินะ
02:07:25 → 02:07:31 ของสารตัวกลางที่ชื่อไวนะ pate กับินี่ แหละนะฮะ
02:07:31 → 02:07:39 นะที่มันจะเกิดไกโคนะแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำ ตาลได้นะก็อยู่ในช่วง 50 - 100 กรัต่อ
02:07:39 → 02:07:47 วันนะฮะนะถ้าถ้าไม่ได้ Exercise แต่ถ้า exer เนี่ยก็จะคูณ 2 ไปเป็น 2 เท่าคือ
02:07:47 → 02:07:55 100-2 กรันะฮั้นการไกลโคไลซิสนะอ่าไอ้ พวกไพรูเวทไม่ว่าไพรูเวตจะมาจาก
02:07:55 → 02:08:01 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันอะไรก็ตามนะนะ เนี่ยใน 1 วันเนี่ยก็จะมีการสร้างน้ำตาล
02:08:01 → 02:08:09 ขึ้นมาในระดับนี้นะนะมาจากกีอจากการสลาย ตัวของจากการเปลี่ยนแปลงของตัวไกินไกิน
02:08:09 → 02:08:19 ส่วนหัวก็คือกีอส่วนหางก็คือี fatty Acid 3 หางนะฮะซึ่งนะในช่วงที่ไม่ได้ิคฟใน
02:08:19 → 02:08:25 ช่วงที่ฟาอะไรต่างๆนะเนี่ยหรือเป็นช่วง ที่ต้องมีการสลายพลังงานจากไขมันเนี่ย
02:08:25 → 02:08:34 ไกินเนี่ยนะโดยที่กีจะเปลี่ยนเป็นกลูโคส นะฮะนะ 20-30 กรต่อวันนะฮะนอกจากนี้ก็จะ
02:08:34 → 02:08:40 มาจากเสารที่ชื่อว่า อะซิโตนนะนะ
02:08:40 → 02:08:49 อะซิโตนนะที่มันไม่ใช่เบต bic Acid คือ ไม่ไม่ใช่คีโตนน่ะนะแต่มันก็เป็นเป็นสาร
02:08:49 → 02:08:56 ในกลุ่มของคีโตนประเภทนึงนะฮะเพียงแต่ว่า มันไม่ใช่ตัวเบต้าไฮดรอกซี่ bic Acid นะ
02:08:56 → 02:09:03 ฮะซึ่งมันเป็นคีโตนที่ที่ที่ร่างกายเขาจะ นำไปใช้นะฮะอะซีโตนส่วนใหญ่มันก็ขับทิ้ง
02:09:03 → 02:09:10 นี่แหละนะฮะแต่ว่าบางส่วนของอะซีโตนนะฮะ นะที่เขาขับทิ้งทลมหายใจเนี่ยเขาสามารถ
02:09:10 → 02:09:16 เข้าสู่กระบวนการกลูโคนนิแล้วเปลี่ยนเป็น น้ำตาลได้ 10 กรัมนะฮะเพราะฉะนั้นถ้าบวก
02:09:16 → 02:09:25 แล้ว 1 วันเนี่ยนะไม่กินคาฟเลยเนี่ยมีก โค้ดเกิดขึ้นเอาแบบน้อยที่สุดเลยเนี่ยก็
02:09:25 → 02:09:35 เป็น 40 นะฮะ 90 นะฮะเนี่ย 90 100 120 นะฮะเนี่ยน้อยที่สุด 120 กรัก็พอดีแล้ว
02:09:35 → 02:09:45 ให้สมองใชไปเรียบร้อยพอดีเลยนะฮะนะเนี่ย ในขั้นน้อยที่สุดเนี่ย 10 30 เนี่ยนะอัน
02:09:45 → 02:09:54 นี้ 50 นะแต่ถ้าออกแรงออกกำลังด้วยนะก็ ขึ้นไปถึงอีก 100 นนะฮะเนี่ยคือตับเนี่ย
02:09:54 → 02:10:02 ยังไงต้องหากูโคสให้ได้ 120 กรัมไปให้ สมองนะเพราะฉะนั้นกูโคเสิทในขบวนการเหล่า
02:10:02 → 02:10:11 นี้โดยต่นะก็พอแล้วล่ะนะะนะอยู่ในขั้น 120 กรัพอดีกับที่สมองต้องการนะ
02:10:11 → 02:10:21 ฮะส่วนเม็ดได้แดงเนี่ยก็มีการกลูโคโนจาก ลำไส้นะฮะแล้วก็ต่อหมวกไตชั้นนอกไคกก็มี
02:10:21 → 02:10:27 การกลูโคสเจนิจาก ไตก็แค่นั้นมันมี 3 อวัยวะเท่านั้นที่
02:10:27 → 02:10:35 ต้องการกลูโคส นะสุดท้ายนะฮะสุดท้ายนะหมอก็มี 5 เทคนิค
02:10:35 → 02:10:45 นะที่จะช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลไป เป็นแป้งไฮโรเจนที่ตับนะออ่าและมีและไม่
02:10:45 → 02:10:52 แพบจะไม่ต้องอาศัยอินซูลิน เลยคือยังไงก็ตามเนี่ยเนี่ยตับเนี่ยหน้า
02:10:52 → 02:10:59 ที่อันดับ 1 เนี่ยก็คืออะไรก็คือการ เปลี่ยนอ่าเปลี่ยนน้ำตาลนะหรือาฟนี่แหละ
02:10:59 → 02:11:06 ให้เป็นไกลโคเจนนะหน้าที่อันดับ 1 ของตั ต้องผ่านหน้าที่อันดับนี้ไม่ทำไม่ได้นะฮะ
02:11:06 → 02:11:12 นะเไม่งั้นหน้าที่อื่นๆไม่ตามมาถ้าผ่าน อันนี้ปุ๊บจะเป็นหน้าที่อันดับ 2 คือ
02:11:12 → 02:11:18 สร้างน้ำดีนะ ฮะอย่างไงก็ตามเนี่ยก็ไม่ได้ใช่ที่ตัด
02:11:18 → 02:11:24 อย่างเดียวนะนะที่จะเกิดการสร้างไกโคนะนะ อ่าก็บางส่วนยังมีที่กล้ามเนื้อแต่เงื่อน
02:11:24 → 02:11:30 ไขการสร้างไกอเจนที่กล้ามเนื้อเนี่ยก็จะ ต้องมีการที่จะไปต้องทำอะไรตรกับกล้าม
02:11:30 → 02:11:37 เนื้ออะไรอีกนะแต่ในแง่พื้นฐานของร่างกาย แล้วเนี่ยนะอย่างน้อยนะฮะนะถ้ากล้ามเนื้อ
02:11:37 → 02:11:44 เนี่ยทำอะไรไม่ได้เนี่ยนะขอให้ตับเนี่ยจะ ต้องมีไกลโคเจนสะสมเสมอเสมอนะซึ่งร่างกาย
02:11:44 → 02:11:53 เจะต้องเอาตับก่อนกล้ามเนื้อนะนะทีนี้ เนี่ยการที่ตับเนี่ยจะสร้างไกลโคเจนหรือ
02:11:53 → 02:12:02 กล้ามเนื้อสร้างไกลโคเจนได้นะฮะมันต้องมี นะตัวมาช่วยในการนำนะนำกลูโคสนำสารอาหารเ
02:12:02 → 02:12:08 ไปสร้างนะนะแล้วตัวสำคัญก็คืออินซูลิน เพราะอินซูลินเนี่ยเป็นตัวพาทุกสิ่งทุก
02:12:08 → 02:12:18 อย่างนะผ่านกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์นะฮะนะ แต่มันมีมอ่ะมีมนะที่จะมีวิธีการนะฮะหรือ
02:12:18 → 02:12:25 เทคนิคอ่าอะไรก็ตามนะฮะนะที่จะสามารถ สร้างไกลโคเจนที่ตับและกล้ามเนื้อได้โดย
02:12:25 → 02:12:35 ให้อินซูลินนะไม่ต้องทำงานหนักนะหรือออก มาให้น้อยที่สุดนะมีอ่ามีนะมีมีอะไรบ้าง
02:12:35 → 02:12:45 ก็ให้ 5 เรื่องเนี้ยนะฮะที่นำมาเสนอไว้ นะทำอะไรบ้าง่ะนะคุณก็ต้องทำการเว้นระยะ
02:12:45 → 02:12:55 การกินหรือฟานั่นแหละนะฮะนะนะแต่ในระดับ ที่พอเหมาะก็คือนะ 12-16 ชมงนะฮะนะคือให้
02:12:55 → 02:13:05 ทำมีการฟ้าในทุกๆวันตามปกติคุณจะฟ้า 12 ชม 14 ชม 16 ชมก็ได้นะเนี่ยก็เอาระดับนี้
02:13:05 → 02:13:12 พอนะฮะนะไม่เกินนี้ไม่เกินนี้นะสลับไป สลับมาก็ได้วันนี้ 12 วันนี้ 14 วันนี้ 16
02:13:12 → 02:13:22 อะไรอย่าเงี้ยนะฮะนะผมแล้วนะนะการทำเช่น นี้เนี่ยนะก็จะทำให้เกิดการมีพื้นที่ว่าง
02:13:22 → 02:13:31 ของตับนะในการที่จะสะสมไกลโคเจนแล้วนะแต่ ให้เสริมด้วยเทคนิคนะฮะเนี่ยการขยายเวลา
02:13:31 → 02:13:40 ในการ้าเเรียกว่า extend extended นะอ่า Time restricting อะไ di นะอ่าก็คือ
02:13:40 → 02:13:51 ขยายระยะเวลาในการ้าออกไปนะอ่าไปเป็นที่ 18 ชม 20 ชมหรือ 23 ชมงนะแต่ไม่ต้องทำ
02:13:51 → 02:14:01 บ่อยๆนะฮะเฉลี่ย 1-2 วันต่อสัปดาห์พอนะฮะ ถ้าเป็นในสูตรนี้สำหรับ I เนี่ยนะฮะนะเขา
02:14:01 → 02:14:08 พิสูจน์ด้วยงานวิจัยแล้วว่านะตับเนี่ยนะ จะมีไกลโคเจนเนี่ยไปสะสมในพื้นที่ว่างของ
02:14:08 → 02:14:15 ตั เอย่างดีที่สุดนะฮะใน 1 สัปดาห์นะคือ
02:14:15 → 02:14:22 กระบวนการที่ตับจะสร้างไกลโคเจนเนี่ยนะฮะ ถ้าเงื่อนไขในแง่ของการอดอาหารเนี่ยให้ทำ
02:14:22 → 02:14:30 แค่นี้พอแล้วนะฮพอแล้วนะไม่ต้องไป 23/1 ทุกวันไม่ต้องไปอ่าอะไรอย่างนั้นมากมายนะ
02:14:30 → 02:14:39 ฮะนะแค่นี้นะหน้าที่อันดับแรกคือคนไกการ ตั้งโเนของตับก็จะสมบูรณแบบและดีที่สุด
02:14:39 → 02:14:48 แล้วนะนะนะซึ่งนะถ้าทำเช่นนี้ได้เนี่ยนะ เขาบอกว่าปริมาณอินซูลินที่จะมาใช้ในการ
02:14:48 → 02:14:56 กูจิเนี่ยนะจะอยู่ในระดับน้อยที่สุดนะ น้อยที่สุดนะฮะนะแต่ถ้าทำอะไรที่น้อยกว่า
02:14:56 → 02:15:05 นี้หรือมากกว่านี้นะปริมาณอินซูลินเ่ะที่ จะมากลูโคสิที่ตัดนะมันจะไม่น้อยที่สุดนะ
02:15:05 → 02:15:13 อันนี้ข้อ 1 นะฮะข้อ 2 ในเรื่องของการเวท การต้านแรงนะฮะนะนะให้พยายามออกกำลังกาย
02:15:13 → 02:15:21 ด้วยการเวทหรือต้านแรงในตอนที่ท้องว่าง ก่อนอาหารนะก่อนอาหารเนี่ยนะอ่าเป็นเวลา
02:15:21 → 02:15:29 นะอย่างน้อยก็ 30 นาทีส่วนใหญ่ทำไม่เกิน 1 ช่มนะแล้วไม่ต้องทำมากแค่ทำวันเว้นวันนะ
02:15:29 → 02:15:36 นะหรือ 2 หรือ 3 วันต่อสัปดาห์พอแล้วนะ อันนี้เป็นในแง่การออกแรงออกกำลังนะแต่
02:15:36 → 02:15:43 เทคนิคที่จะเสริมเนี่ยเขาก็บอกว่าในวัน นั้นเนี่ยที่มีการเวทนะฮะนะเช่นเวท 3 วัน
02:15:43 → 02:15:51 ต่อสัปดาห์วันเว้นวันนะฮะนะให้มีช่วงเวลา ที่จะเกิดการเวทกล้ามเนื้อหัวใจนะฮะก็คือ
02:15:51 → 02:16:03 การทำฮินะฮะเป็นการออกแรงออกกำลังให้หัว ใจเต้นนะที่ระดับเกินอ 80% นะฮะของ
02:16:03 → 02:16:09 Maximum heart rate ของคนคนนั้นนะฮะนะ โดยช่วงเวลาเนี่ยให้จำกัดอยู่ที่ประมาณ
02:16:09 → 02:16:19 แค่เ่อ 30-60 วินาทีนะฮะพอนะฮะนะเนี่ยทำ ร่วมไปกับการเวทกล้ามเนื้อแขนขาแต่อันนี้
02:16:19 → 02:16:26 เป็นการฮินะนะคือเวทที่คในหัวใจนะฮะก็ แล้วแต่นะนะส่วนใหญ่เกณฑ์เฉลี่ยก็ให้ทำ
02:16:26 → 02:16:36 ที่ 5 -6 ครั้ง 5-6 ครั้งนะฮะนะแล้วก็ทำ ร่วมกันไปเลยในวันที่เราจะเว่งนะในลักษณะ
02:16:36 → 02:16:45 นี้จะมีผลที่ทำให้เกิดอ่าการสร้าง ไกลโคเจนที่ตัดนะโดยอ่าไม่ต้องอาศัย
02:16:45 → 02:16:53 อินซูรินหรืออาศัยน้อยที่สุดนะอันนี้เป็น ในแง่ของการออกแรงออกเรอต่อมานะฮะการกิน
02:16:53 → 02:17:03 เป็นมื้อที่มีจำนวนมื้อน้อยๆจะดีกว่าการ กินหลายมื้อและพบว่านะการกินในรูปแบบที่
02:17:03 → 02:17:11 เป็น TR me a day 2 มื้อต่อวันนะอจะ ช่วยในการสร้างไกลโคเจนที่ดับได้ดีที่สุด
02:17:11 → 02:17:17 ในระยะยาวนะและเป็นการสร้างไกลโคเจนที่ พึ่งพาอินซูลินน้อยที่สุดนะฮะคือกินแบบ to
02:17:17 → 02:17:24 me a day นะในงานวิจัยเนี่ยนะเมื่อ เทียบกับ One mil a day เนี่ยปรากฏว่า
02:17:24 → 02:17:30 One mil a day อ่ะนะตับต้องใช้ อินซูลินมากกว่าแตู่ me แบบที่เราแนะนำ
02:17:30 → 02:17:38 เนี่ยมื้อแรกกินโปรตีนกับแฟตนะแบบคีโตตัด คาฟแล้วมื้อเย็นนะกินครบมีคาฟเชิงซ้อน
02:17:38 → 02:17:44 ด้วยนะอันนี้กลับกลายเป็นว่าปริมาณ อินซูลินที่ตับจะใช้ในการกลูโคนโเจนิ
02:17:44 → 02:17:53 สร้างไกลโคเจนเนี่ยนะน้อยที่สุดนะฮะนะอัน นี้เป็นในเรื่องการอ่ากินอย่างเหมาะสมนะฮ
02:17:53 → 02:18:01 เนี่ยอ่าแล้วอีกสำคัญอย่างหนึ่งก็คือต้อง ระหว่างมื้อเนี่ยต้องไม่มี snack อ่าต้อง
02:18:01 → 02:18:10 ไม่มี snack ในระหว่างมื้อนะนะโดยการเว้น ระยะระหว่างมื้อนะจะต้องมากกว่า 4 ชมขึ้น
02:18:10 → 02:18:20 ไป 4 ช่มขึ้นไปนะคือบางคนเทำเป็นแบบอ่า 20 อะไรท4ใช่มนะนั่นแหละนะก็อย่างน้อยการ
02:18:20 → 02:18:30 เว้นระยะระหว่างมือต้อง 4 ชมขึ้นไปออ๋อ ต้องไม่มีสนคก่อน 4 ชมเด็ดขาดแต่ถ้าหลัง 4
02:18:30 → 02:18:40 ชมงขึ้นไปนะอาจจะมีสนคได้อ่าจะกินไข่ปั่น น่ะหือกินอะไรระหว่างมื้อนิดหน่อยนะฮะได้
02:18:40 → 02:18:49 นะแล้วก็หลักๆก็คือ to Day นะอันนี้นะอ่าหลักการคือสนคเที่บ่อยๆ
02:18:49 → 02:18:57 ระหว่างมื้อไม่ได้นะนะอ่าเสร็จแล้วนะฮะมี การเพิ่มเติมสารอาหารพิเศษ 3 อย่างไปช่วย
02:18:57 → 02:19:04 เร่งปฏิกิริยาในการเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็น ไคโจได้ดีและเร็วขึ้นมีอะไรบ้างนะฮะก็คือ
02:19:04 → 02:19:10 สารอาหารพิเศษเหล่านี้ก็มีโครเมียมนะซึ่ง ก็เป็นแร่ธาตุที่สำคัญนะโครเมียมสังกสี
02:19:10 → 02:19:16 และ แมกนีเซียมนะเนี่ยเอันนี้เขาจะช่วยใน
02:19:16 → 02:19:23 เรื่องของเ่อการเป็นผู้ช่วยอินซูลินนะนะ อย่างสังสีก็ทำหน้าที่คล้ายๆอินซูลินได้
02:19:23 → 02:19:30 เลยนะโครเมียมนี่แค่เป็นผู้ช่วยนะฮะนะอ่า แล้วก็แมกนีเซียมแมกนีเซียมเนี่ยก็ไม่
02:19:30 → 02:19:35 ค่อยได้เกี่ยวกับอินซูลินโดยตรงคือ แมกนีเซียมเขาจะไปยับยั้งไม่ให้คอร์ติซอล
02:19:35 → 02:19:42 ออกมาสลายโปรตีนมากจนเกินไปนะฮะอันนี้ แมกนีเซียมก็มีบทบาทกับคอร์ติซอลแต่
02:19:42 → 02:19:48 โครเมียมกสังสีมีบทบาทกับอินซูลิน อินซูลิน
02:19:48 → 02:19:57 โครเมียมก็คือเครื่องในสัสังกสีมีในหอย และอาหารทะเลนะสัตว์ทะเลต่างๆนะฮะส่วน
02:19:57 → 02:20:03 แมกนีเซียมมีในผักใบเขียวที่เป็นคลอโรฟิล นะฮะเพราะว่าแกนกลางมันเป็นแมกนีเซียมไง
02:20:03 → 02:20:09 คล้ายๆกับเม็ดเลือดของเราแกนกลางเป็น เหล็กอ่ะนะนะแมกนีเซียมก็หาจากผักใบเกียว
02:20:09 → 02:20:15 เราก็เลยให้กินผักใบปักนะฮะอย่างโครเมียม กับสังกสีอ่ะนะแล้วมันจะสร้างไกลโคเจน
02:20:15 → 02:20:22 เนี่ยนะแล้วก็พวกนี้เราให้กินในมื้อเย็น นะพอเสร้างไกลโคเจนก็จะสร้างที่ตับด้วย
02:20:22 → 02:20:27 สร้างที่กล้ามเนื้อด้วยเพราะงั้นคุณไปเวท หรือคุณไปออกแรงออกกำลังมาแล้วเมื้อเย็น
02:20:27 → 02:20:35 ให้กินพวกอะไรต้มเครื่องในให้กินอ่าเลือด หมูอะไรนะให้กินอะไรนะต้มเลือดหมูให้กิน
02:20:35 → 02:20:43 ข้าวต้มทะเลอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะพวกเมัน ก็จะมีตัวที่จะไปช่วยการสร้างไกลโคเจนนะ
02:20:43 → 02:20:48 ที่ตัวกล้ามเนื้อหรือที่ตับอะไรต่างๆอ โครเมียมสังกสี
02:20:48 → 02:20:57 แมกนีเซียมสุดท้ายนะสำหรับวันนี้นะอันนี้ คือเทคนิคข้อที่ 5 แล้วเทคนิคอันนี้สำคัญ
02:20:57 → 02:21:06 ที่สุดนะสำคัญที่สุดในแง่ของงานวิจัยนะฮะ นะเนี่ยนะอันนี้มันมีเปอร์รายงานนะฮก็คือ
02:21:06 → 02:21:13 การกระตุ้น ampk ให้เกิดขึ้นหรือให้มาทำงานเ่อ amk
02:21:13 → 02:21:21 นี่ก็เป็น nent เซ็นเซอร์นะฮนะอ่าคือเป็น ตัวรับรู้ในแง่ของสารอาหารนะที่จะออกมา
02:21:21 → 02:21:31 อ่าทำให้อ่าร่างกายเกิดอ่าการเข้าสู่ภาวะ การสร้างหรือการสลายนะคือ anol anabolic
02:21:31 → 02:21:39 หรือ catabolic นะฮะนะ เนี่ยตัวเนี้ยเ่อปกติเจะออกมาในช่วงที่
02:21:39 → 02:21:46 ที่ที่ไม่ที่ไม่ได้กินอาหารที่ไม่มีอาหาร นะฮะคือ amk เนี่ยเป็นนินเซ็นเซอร์ในแง่
02:21:46 → 02:21:56 ที่ในแง่ที่เอ่อ ในแง่ที่จะเกิดการทำให้ให้เซลล์เนี่ยเกิด
02:21:56 → 02:22:04 ไมโตคอนเดรียเนี่ยมันเกิดการอ่าเอาไขมัน ไปเผาผานพลังงานน่ะเกิดการสลายเผาผลาหรือ
02:22:04 → 02:22:15 เกิดการแอินะฮะนะมันเป็นลักษณะอ่าสัญญาณ หรือเซ็นเซอร์ของอ่าสารอาหารที่นะที่จะ
02:22:15 → 02:22:27 เกิดขบวนการอ่าสลายพาพานพลังงานหรือแบมนะ ฮะนะโดยการทำงานของเสนะนะเเนี่ยแต่เออนี้
02:22:27 → 02:22:34 มันอ่ออีกอันนึงก็คือที่เรารู้คือ M ใชม M ก็เป็นนินเซ็นเซอร์ในแง่ที่ว่าในแง่ที่
02:22:34 → 02:22:43 ว่าถ้ามีอาหารมากมีอาหารเกินเมื่อไหร่นะ เนี่ยนเซ็นเซอร์ตัว M เก็จะถูกกระตุ้นให้
02:22:43 → 02:22:51 เกิดการอะไรเก็บสะสมพลังงานหรืออาบินะจน กระทั่งไปมีผลในการสร้างเป็นเซลล์กาย
02:22:51 → 02:22:58 พันธุ์อะไรต่างๆนะฮะแต่เราสนใจ ampk นะฮะ หรือ M kes เนี่ยนะฮะนินเซ็นเซอร์ตัวนี้
02:22:58 → 02:23:07 นะฮะนะปกติเนี่ยเก็จะออกมาในช่วงที่ร่าง กายขาดพลังงานนะนะแต่เราสามารถให้เขาออก
02:23:07 → 02:23:16 มาในช่วงของการกินอาหารนะที่มีพลังงานได้ นะที่มีพลังงานได้นะะอย่างนึงก็คือเพบว่า
02:23:16 → 02:23:24 ตัว MK เนี่ยจะทำให้เกิดปฏิกิริยาบริเวณ เยื่อเซลล์นะฮะในการรับเอาโมเลกุลของน้ำ
02:23:24 → 02:23:29 ตาลกลูโคสเข้าไปเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนโดย ไม่ต้องพึ่งพาอินซูลิน
02:23:29 → 02:23:36 นะเพราะฉะนั้นเนี่ยเราอยากอ่าอ่าเปลี่ยน น้ำตาลเป็นไกลโคเจนโดยไม่ต้องพึ่ง
02:23:36 → 02:23:43 อินซูลินนะเราก็กระตุ้น amk นะแต่ MK เนี่ยในหลักการของการกระตุ้นเนี่ยนะก็คือ
02:23:43 → 02:23:49 มันจะต้องไม่ไม่อยู่ในช่วงของ feeding เป็นหลักนะฮะก็คือคุณต้องทำ iif ทำลอง
02:23:49 → 02:23:58 Fast คุณต้องทำฮิตทำเทในการ Exercise เอ่อหรือนะถ้าจะมีการกินเนี่ยนะฮะนะก็
02:23:58 → 02:24:06 ต้องเป็น low แอ Fiber Diet อะไรอย่าง เงี้ยนะอันนี้กระตุ้น mpk หรือกาแฟนะฮะือ
02:24:06 → 02:24:15 กาแฟแต่นะฮะทั้งหมดเยในงานวิจัยเนี่ยสิ่ง ที่นะเป็นการกินอาหารนะคืออยู่ในช่วง
02:24:15 → 02:24:19 feeding เแล้วกระตุ้น nutrient เซ็นเซอร์ตัว MK ได้ดีที่สุดคือน้ำมัน
02:24:19 → 02:24:26 สกัดเย็นน้ำมันสกัดเย็นเพราะงั้นเราเนี่ย อ่าแนะนำให้กินลค High Good Fat tre
02:24:26 → 02:24:33 Oil เอาน้ำมันสกัดเย็นมาทำเป็นน้ำสลัดตี ออยแล้วกินได้ทุกๆวันนะะก็จะดีมากเพราะ
02:24:33 → 02:24:42 อย่างหนึงก็คือการกระตุ้น amk นะฮะนะที่ เนี่ยเาบอกว่านะที่จะไปช่วยในการเปลี่ยน
02:24:42 → 02:24:49 น้ำตาลเป็นไกลโคเจนนะโดยไม่ต้องพึ่ง อินซูลีนนะแล้วพบว่าในน้ำมันสกัดเย็น
02:24:49 → 02:24:57 เนี่ยตัวที่มีผลในการกระตุ้น ampk นะมากที่สุดก็คือกลุ่มไขมันไม่อิ่ม
02:24:57 → 02:25:04 ตัวนะก็คือเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนนะฮะเชิง เดี่ยวและเชิงซ้อนคือมูฟ่ากับฟูฟ่านะอัน
02:25:04 → 02:25:09 นี้เป็นตัวกระตุ้น MK ดีที่
02:25:10 → 02:25:19 สุดนะแต่กลายเป็นไม่ตัวเชิงเดี่ยวกับไม่ ตัวเชิงซ้อนนะฮะอือแล้วลองอ้าเนสลองลอง
02:25:19 → 02:25:25 ทายซิว่าว่าอ่าเดี่ยวหรือซ้อนดีกว่ากันใน การกระตุ้น
02:25:25 → 02:25:34 MK เดี่ยวคือ M เนี่ยเ่อถ้าถ้าถ้าเซลล์ ในร่างกายเมันถูกกระตุ้นนมันก็จะจะไปถึง
02:25:34 → 02:25:43 นู่นเลยอ่ะไปถึง auty ไปถึงอะไรนะ Stemcell ruination เลยครับเนะฮะเพราะ
02:25:43 → 02:25:52 ฉะนั้นในแนวของโ Z เนี่ยมันช่วยทางอ้อม อยู่แล้วนะคิดว่ามูฟ้าหรือภูฝ้า
02:25:52 → 02:26:03 เดามูฟ้าครับผมผมผมเดามูฟ่าเออก็คือไขมัน ไม่มีตัวเชิงเดี่ยวนะฮะจะมีผลในการ
02:26:03 → 02:26:11 กระตุ้น ampk ดีที่สุดดีที่สุดนะใน 3 กลุ่มอิ่มเดี่ยวซ้อนเนี่ยไม่มีตัวเชิง
02:26:11 → 02:26:18 เดี่ยวดีที่สุดแล้วในมูฟ่าเนี่ยมันก็มี มาะกอกอ่ามีอะไร
02:26:18 → 02:26:24 อะโวคาโดและ academia ถามว่าเอา 3 ตัวเนี้ยนะยังมี
02:26:24 → 02:26:33 เมล็ดชายังมีมาสสาสอะไรเงี้ยถามว่าอะไร กระตุ้น amk ดีที่สุดในกลุ่มไม่ตัวเชิง
02:26:33 → 02:26:43 เดี่ยว 3 อย่างนี้นคาเนียครับผมเพราะอะไร มันมีโอเเพว่าเห็นเลเบลสีฟ้าอยู่ใช่
02:26:43 → 02:26:50 มั้ยอ้าตัว academia นี่แหละนะฮะนะ กระตุ้น MK ดีที่สุดในกลุ่มไม่เป็นตัว
02:26:50 → 02:26:58 เชิงเดี่ยวดีกว่ามะกอกเยอะนะฮะนะครับผม อ่าจริงๆ maia มันมีอะไรอ่ะมันมีอะไรแถม
02:26:58 → 02:27:08 มาไม่เหมือนอโวกาโดไม่เหมือนโอเมก้า 7 ครับผมที่มันเออทำไมรู้อ่ะเพราะแมยมี
02:27:08 → 02:27:17 โอเมก้า 9 กับโอเมก้า 7 นะฮะนะแล้วเมื่อ เอามาเข้าสูตนะฮะก็คืออิ่มเดี่ยวซ้อน
02:27:17 → 02:27:25 เนี่ยนะแต่ตัวที่เป็นไขมันอิ่มตัวต้อง เป็น mct นะนะเนี่ยแมเมียงาขี้มอนเป็นตัว
02:27:25 → 02:27:35 เชิงซ้อนนะอิ่มตัวก็เป็น mct นะแล้วก็มี ผงมาสสานะฮะเ่าอ่าอ่าอันเนี้ยนะฮะแล้วก็
02:27:35 → 02:27:43 จะปรุงอะไรก็ตามนะในสูตรเนี้ยนะเราก็จะ ได้คล้ายๆครีมมายองเนสนะฮะนะเนี่ยซึ่งมัน
02:27:43 → 02:27:50 เป็นน้ำมันสกัดเย็นนะ ที่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการ
02:27:50 → 02:28:01 กระตุ้น amk ฮะนะนะแล้วอันนี้เนี่ยเรามี การกินอยู่ทุกวันอยู่แล้วอ่ะนะมันจะไป
02:28:01 → 02:28:11 กระตุ้นหรือไป ind การเปลี่ยนน้ำตาลไป เป็นไก่โคเจนที่ตับและกล้ามเนื้อนะเอ่อ
02:28:11 → 02:28:19 โดยการพึ่งพาอินซูลินจะเกิดขึ้นน้อยที่ สุดออันนี้คือทั้งหมด 5 เทคนิคที่นำมา
02:28:19 → 02:28:25 เสนอไว้ นะทีเด็ดเนี่ข้อ 5 ครับทีเด็ดใช่ทีเด็ด
02:28:25 → 02:28:34 เนี่ยคือข้อข้อ 5 นี่เลยนะฮะแล้วก็แผ่น A4 แผ่นนี้สำคัญที่สุดเลยนะเในเรื่องของ
02:28:34 → 02:28:42 กนิ นะอย่าอื่นไม่มีอะไรแล้วหมดแล้วแล้วถ้า
02:28:42 → 02:28:52 ตัวถ้าสูตรเมื่อกี้น้ำมันตัวมูฟ่าถ้าเรา ใส่มาตร่วมไปด้วยโอเคมเออน้ำมันมาสตาก็พอ
02:28:52 → 02:29:00 ได้นะก็คือก็คือสมมุติว่าเราต้องใช้ macademi เท่าไหร่เอ่อ 3 ช้อนใช่ม 3
02:29:00 → 02:29:08 ช้อนโต๊ะอะไรเงี้ยครับผมก็จะเป็น maia 2 มาส 1 อะไรก็ได้นะอ๋อก็มาเฉลี่ยๆกันในใน
02:29:08 → 02:29:16 โคต้าของเอนะแต่ maia ให้มีสัดส่วนเยอะ สุดได้ครับคือในแง่น้ำมันสกัดเย็น P ออย
02:29:16 → 02:29:24 เนี่ยคุณจะเป็น 5 ออย 7 ออยอะไรก็ได้คุณ ก็ทอนอเออทอนจำนวนซีซีช้อนชากรำเกิมอะไร
02:29:24 → 02:29:29 ต่างๆหารไปแหลกเลยอ่ะนะเพราบางคนก็ใส่ 7 อย่าง
02:29:29 → 02:29:35 เลยมันเปลือง อ่ะแต่วันนี้เรารู้สูตรนึงแล้วล่ะก็คือ
02:29:35 → 02:29:42 สูตรที่ใช้ตัวแาียแทนน้ำมันมะกะนะ ฮะแล้วแล้วไอ้ตัวแาียงาขี้ม้อน mct แล้ว
02:29:42 → 02:29:51 มาสสาเนี่ยมันจะหอมนะฮะนะมันเป็นมายองเนส ที่มันจะหอมแล้วจะอร่อยนะเออเดี๋ยวพอ
02:29:51 → 02:29:57 เดี๋ยว พอพอไลฟ์ไลฟนี้ออกไปปุ๊บรีบโกยไม่คาเนีย
02:29:57 → 02:30:03 ก่อนเดี๋ยวขาตลาดอีคนมาหาเยอะแน่เลย
02:30:04 → 02:30:12 เอออย่างอื่นไม่มีอะไรหาเก่งด้วยอครับอือ คือคืออันเนี้ยหมอหมอก็โพสต์ลงไปในกลุ่ม
02:30:12 → 02:30:22 ไปแล้วล่ะนะฮนะในเรื่องของการแยกแยะความ หมายนะของคำว่าอาหารพลังงาน Energy อ่ะ
02:30:22 → 02:30:27 ที่สำคัญก็คือในเรื่องแี่ Energy นะ Energy Balance Energy imbalance
02:30:27 → 02:30:36 อะไรต่างๆเหล่าเมันมีความหมายนะแต่ทั้ง หมดเนี่ยเป็นการกำหนดคำในในเรื่องของทาง
02:30:36 → 02:30:43 ทางฝ่ายทางการศึกษาทางด้าน ow C High Fat นะฮะนะเป็นหลักนะเเกำหนดคำออกมา
02:30:43 → 02:30:49 อย่างนี้นะ ฮะอแล้วก็อันอื่นก็ไม่มีอะไรนะอันนี้การ
02:30:49 → 02:30:54 กินใน 1 วัน นะอีกอันนึงเร็วๆเที่หมอโพสต์ไปเนี่ยก็
02:30:54 → 02:31:01 ปรากฏว่าในงานวิจัยอ่ะงานวิจัยอ่ะนะเอ่อ ที่เเป็นเปเปอร์ตีพิมพ์ที่เผยแพร่ออกมาใน
02:31:01 → 02:31:09 เรื่องของอันนี้นะฮะเเรียกว่ากลุ่มวัตถุ เจือปนแล้วก็สารแต่งเติมเพิ่มในการปรุง
02:31:09 → 02:31:18 อาหารนะนะก็มีพวกเนี้ยนะฮะนะนะซึ่งเราจะ ถือว่ากลุ่มที่เลเบลสีฟ้าเหล่าเนี้ยนะนะ
02:31:18 → 02:31:26 สีฟ้าเหล่าเนี้ยมันมีผลในแง่ของการ กระตุ้นอินซูลินคือค่าเาวัดจากค่า
02:31:26 → 02:31:32 อินซูลิน index แล้วแล้วมันพุ่งอ่ะมัน พุ่งอะไอ่ามันพุ่งแบบว่าอินซูลินก้าวร้าว
02:31:32 → 02:31:43 อ่ะนะฮะนะเนี่ยนะโดยนะเพบว่าอ่าสิ่งเหล่า เในในเรื่องเนี้ยนะฮะนะมันมีผลมากนะฮะมาก
02:31:43 → 02:31:51 นะกับการกระตุ้นอินซูลินและคอร์ติซอล นะจนกระทั่งไปลงเอยที่เรื่องของ visceral
02:31:51 → 02:31:59 Fat นะฮะนะ viser Fat เนี่ยจะเป็นตัว เอ่อเป็นเปอรเซ็นที่มันมันเพิ่มขึ้นอย่าง
02:31:59 → 02:32:05 มีนัยยะสำคัญเพราะว่า viser Fat จะมา พร้อมกับกระบวนการอักเสบนะกระบวนการ
02:32:05 → 02:32:12 อักเสบที่มันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เรื่อยๆนะเพราะว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งปกติ
02:32:12 → 02:32:20 มันไม่ใช่การกระบวนการเก็บสะสมที่จะดีต่อ ร่างกายนะเพราะตำแหน่งที่มันไม่มีปัญหาก็
02:32:20 → 02:32:26 คือศักคิตานแต่เนี่ยมันถูกอิทธิพลของ คอร์ติซอลกับอินซูลินโดยเฉพาะคอร์ติซอล
02:32:26 → 02:32:32 เนี่ยนะไป อ่าคือคือสิ่งเหล่านี้มันตัวกระตุ้น 2
02:32:32 → 02:32:37 ฮอร์โมนเนี้ยโดยเฉพาะการกระตุ้นฮอร์โมน คอร์ติซอลค่อนข้างมากนะแล้ว 2 ฮอร์โมนเอ
02:32:37 → 02:32:49 ก็ไปแชโดยการเอาของไม่ดีเรวๆเหล่านี้นะฮะ นะไปเก็บสะสมไว้ที่พุงหรือวอ
02:32:50 → 02:32:58 area แล้วก็อวัยวะภายในนะนะซึ่งปกติมัน ต้องเป็นอ่าบริเวณที่เป็นสูญญากาศนะนะแต่
02:32:58 → 02:33:05 นี่กลายเป็นสิ่ง8กปลอมไปซะนะเพราะเมดขาว ต่างๆขบวนการอักเสบต่างๆหรือการกำจัดออกเ
02:33:05 → 02:33:13 นะก็เลยไปที่สิ่งไปที่ตำแหน่งเหล่านั้นนะ ซึ่งในที่สุดก็จะยิ่งทำให้อวัยวะภายใน
02:33:13 → 02:33:20 ต่างๆฉพาะตัของเราเนี่ยนะแย่ลงนะนะเพราะ ฉะนั้นเนี่ยในแง่ถ้าผลอะไรจะมากกว่ากัน
02:33:20 → 02:33:28 เนี่ยเขก็ให้ดูให้ดูตัวชี้วัดได้นะนะถ้า เกิดสิ่งเหล่าเนี้ยมีผลจากอินซูลินเยอะ
02:33:28 → 02:33:35 ค่าพวกเมันจะเปลี่ยนเยอะนะฮะถ้าเป็นผลจาก คอร์ติซอลก็จะเป็นพวกกลุ่มเลมเนะอ่าพวก
02:33:35 → 02:33:44 พวกว lant ยูริอะไรอย่าเงี้ยพวก viser Fat นี่มาเต็มๆนะอีกอันนึงก็คือในสัด
02:33:44 → 02:33:52 ส่วนต่างๆของงานวิจัยเนี่ยนะมันมีตัวนึง เ่ะที่เป็นตัวเด่นมากในกลุ่มนี้นะฮะนะและ
02:33:52 → 02:33:57 ใช้กันทั่วโลกนะเป็น World Wide เลยเ เรียกว่า Total modified start นะนะ
02:33:57 → 02:34:06 สัญลักษณ์คือ E1 4xx นะฮะนะซึ่งปริมาณ ที่ใช้ในการปับปนในการปรุงอาหารต่างๆนะฮะ
02:34:06 → 02:34:12 ไม่ว่าจะสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นอาหารแปร รูปหรือเป็นอาหารปกติเนี่ยนะฮะตัว Modify
02:34:12 → 02:34:20 ST พวกเนี้ยนะฮะนะมีการปนเปื้องเข้าไป ประมาณ 1 ใน 3 นะฮะนะคือ 33.5 เปอร์นะ
02:34:20 → 02:34:27 แล้วก็ใช้แพร่หลายมากที่สุดในโลกนะตัว สำคัญที่สุดในกลุ่ม Modify ST นี่คือ tin
02:34:27 → 02:34:34 นะแล้วมกินเนี่ยนะก็กระตุ้นทั้งอินซูลิน และคอร์ติซอลส่วนใหญ่กระตุ้นอินซูลินนะ
02:34:34 → 02:34:42 เนี่ยอันนี้อันนี้ก็คือเอามาบอกให้รู้ไว้ ว่าบางครั้งเนี่ยนะค่าแลบต่างๆที่มันออก
02:34:42 → 02:34:49 มาทั้งๆที่เรากินโ Car แล้วเนี่ยแต่บาง ครั้งเราก็ไปกินอะไรต่ออะไรคีงคีโตอะไร
02:34:49 → 02:34:54 ต่างๆเยอะแยะไปหมดนะนะเราก็คิดว่ามันคา ต่ำคาต่ำ
02:34:54 → 02:35:00 เอ่อไม่เป็นไรหรอกน่าอะไรต่างๆเยแต่แต่ ถ้ามันแปลรูปสำเร็จรูปมันก็มีผลหมดแหละนะ
02:35:00 → 02:35:08 ฮะเนี่ยเราก็จะไปหวังว่าใครเขจะมี จรรยาบรรณซื่อสัตย์หวังดีนะไม่มีหรอกนะนะ
02:35:08 → 02:35:17 ในพ.ศนี้นะสิ่งต่างๆเนี่ยมากกว่า 90% เนี่ยมีแต่พิษนะท็อกซินเคมิคอลอะไรต่างๆ
02:35:17 → 02:35:25 เต็มไปหมดแล้วนะทั่วบ้านทั่วเมืองฮะ นะในที่สุดแล้วเนี่ยนะระบบผ่าผลนพลังงาน
02:35:25 → 02:35:32 หรือ metalic infect ability นะอ่ามัน ก็จะสัมพันธ์กับเรื่องนี้แหละฮะนะก็คือ
02:35:32 → 02:35:37 อ่าฮอร์โมน disruption หรือฮอร์โมน imbalance นะฮะ
02:35:37 → 02:35:46 อ่าหลักๆเลยก็คือ 1 2 3 นะก็คือ อินซูลินอ่าไทรรอยด์และต่อหมวกไตนะ
02:35:46 → 02:35:53 คอร์ติซอลต่อหมวกไตนะฮะแต่ที่ต่อสมุกไต เนี่ยมันไม่ได้มีคอร์ติซอลตัวเดียวนะมี
02:35:53 → 02:36:01 ออสเตนนะมันมีแอรีน นะอะไรออกมาออกมาร่วมด้วยนะฮนะส่วนข้อ 4
02:36:01 → 02:36:10 ข้อ 5 เนี่ยก็มีมีบทบาทน้อยกว่านะฮะนะแต่ หลักๆคืออินซูลินไทรรอยด์คอร์ติซอลนะ 3
02:36:10 → 02:36:18 ตัวนี้นะก็ Action นะกับระบบ metalic infectivity ค่อนข้างมากและเป็นสิ่งที่
02:36:18 → 02:36:22 เราต้องทำความไวใจแล้วปรับแก้หรือตามแก้ ให้
02:36:22 → 02:36:28 ได้หมด แล้วหมดแล้วนะคือวันนี้ค่อนข้างจะเป็น
02:36:28 → 02:36:36 ทฤษฎีนะฮะนะแล้วหลักๆเนี่ยประเด็นเนี่ย มันมี 4 หัวข้อ 4 หัวข้อนะนี้หมอสรุปให้
02:36:36 → 02:36:45 นะฮะนะ 4 หัวข้อในที่นี้เนี่ยนะฮะก็คือ เรื่องของ adaptive GL sping นะฮะนะ
02:36:45 → 02:36:52 แล้วก็ reactive physiological ins resistance นะแล้วก็ pathological
02:36:52 → 02:36:59 insulin resistance แล้วสุดท้ายหมอปิด ท้ายด้วยกค neogenesis นะนะในเรื่อง
02:36:59 → 02:37:06 adaptive glucose sping เนี่ยนะฮะอัน นี้มันเป็นเรื่องของปฏิกิริยาปกตินะของคน
02:37:06 → 02:37:15 ทุกๆคนนะฮะทุกๆคนแต่ในความเป็นปกติจริงๆ เนี่ยนะฮะในปัจจุบันเนี่ยมันเริ่มจะไม่
02:37:15 → 02:37:26 ปกติมันเริ่มจะไม่ปกตินะฮะนะอันนี้ก็คือ กลไกในการหาน้ำตาลนะมาให้อวัยวะนะที่
02:37:26 → 02:37:33 จำเป็นที่ต้องใช้น้ำตาลและไม่สามารถใช้ อย่างอื่นได้เลยนอกจากน้ำตาลกลูโคสก็คือ
02:37:33 → 02:37:41 ปัจจุบันรู้แล้วว่ามีแค่ 3 ตัวเนี้ยเม็ด แดงส่วนสมอง 5% ต่อมไทยชั้นนอกนะฮะนะแล้ว
02:37:41 → 02:37:52 กลไกทางธรรมชาติในระบบวิวัฒนการก็จะมีการ นะอ่าสั่งอ่าหรือเซ็นเซอร์นะให้ตัวคู่กัน
02:37:52 → 02:38:03 น่ะนะที่จะออกมาช่วยเหลือนะก็คือนะการบอก ให้ตับนะอ่าจัดหากลูโคสมาให้สมอง 5% นี้
02:38:03 → 02:38:12 นะฮะนะให้ไตจัดหากลูโคสมาให้กับต่อมหมวก ไตในการสร้างฮอร์โมนนะในกลุ่มสเตรอยด์
02:38:12 → 02:38:23 ฮอร์โมนนะให้ลำไส้จัดหากลูโคสมาให้เม็ด เลือดแดงนะะนะอ่าโดยเฉพาะในช่วงที่อ่าไม่
02:38:23 → 02:38:32 ได้มีกูโค้ดอะไรจากภายนอกเข้าสู่ร่าง กายอันนี้ก็ต้องรู้คร่าวๆแบบนี้นะครับนะ
02:38:32 → 02:38:41 ในกรณีที่เราปกติหรือเราเริ่มผิดปกตินะ กลไกนี้เนี่ยนะนะก็จะเกิดความเสียหายไปนะ
02:38:41 → 02:38:50 ฮะเพราะเรื่องการกินและไลฟ์สไตล์ต่างๆที่ เป็นขยี้สีขามันไม่ถูกต้องเพราะฉะนั้นการ
02:38:50 → 02:38:57 ปรับแก้เขาบอกว่าให้ทำอย่างนี้นะฮะ 1 2 3 4 5 6 นะแล้วก็ภาวะแ glucose
02:38:57 → 02:39:04 waring เนี่ยมันเป็นอะไรที่มันเป็นกลไก ตามธรรมชาติอยู่แล้วนะฮะในเรื่องการแก้ไข
02:39:04 → 02:39:11 นะหรือการปรับอะไรต่างๆก็จะไม่ยากนะฮะแต่ ส่วนใหญ่เนี่ยเราไม่ค่อยรู้กันหรอกนะว่า
02:39:11 → 02:39:23 อ่าพื้นฐานของภาวะเนี้ยมันมีอยู่นะฮะมัน มีอยู่นะเเราก็ก็ไม่มีไม่มีการที่จะมา
02:39:23 → 02:39:31 วินิจฉัยหรือมามาแก้ไขอะไรนะแล้วทั้งหมด เนี่ยมันเป็นแค่สิ่งเบื้องต้นธรรมดาๆนะ
02:39:31 → 02:39:36 จริงๆการแก้ไขก็ไม่ถึงขนาดที่จะไม่ต้องมา ทำ 6 อย่างหรอกสำหรับ adaptive GL
02:39:36 → 02:39:42 fairing นะทำแค่นิดๆหน่อยๆนะจะสร้าง กล้ามเนื้อก็ได้จะปรับอาหารก็ได้มันก็
02:39:42 → 02:39:46 เข้าที่เข้าทาง แล้วเพียงแต่เราไม่รู้อ่ะนะเราไม่มีองค์
02:39:46 → 02:39:55 ความรู้แล้วเราเ่อไม่เคยเข้าใจมาก่อนนะ ไม่มีใครเบอกนะอันนี้อันนึงนะอ่านี้
02:39:55 → 02:40:01 เรื่องต่อไปนะฮะเรื่องต่อไปก็คือเรื่อง เนี่ย imp glucose tance นะฮะหรือ
02:40:01 → 02:40:06 reactive physiological insulin resistance นะฮะอันนี้มันเป็นเรื่องราว
02:40:06 → 02:40:15 ของอินซูลินกับน้ำตาลในกรณีที่ว่าเรา เนี่ยกินลกคต่ำเป็นเวลานานๆแล้วเนี่ยนะ
02:40:15 → 02:40:22 เป็นเวลานานๆแล้วเนี่ยนะฮะนะไอ้ ไอ้คุณสมบัติของเซลล์อ่ะที่มันเป็นเรื่อง
02:40:22 → 02:40:30 ของการดื้ออินซูลินน่ะแต่มันเป็นฟิีเนี่ย นะมันก็มีมาของมันแบบแต่ไหนแต่ไรแล้ว
02:40:30 → 02:40:37 เพราะอะไรนะเพราะว่าพลังงานที่เซลล์ตาม ธรรมชาติตามปกติที่เาใช้เคือไขมันเไม่ได้
02:40:37 → 02:40:45 ใช้น้ำตาลไงนะเไม่ได้ใช้น้ำตาลนะฮะแต่ตอน หลังๆเนี่ยนะร่างกายเราอ่ะนะมาถูกบังคับ
02:40:45 → 02:40:52 โดยเรื่องของสภาพสังคมหรืออาหารการกินนะ หรือชีชวิตที่มันมีการ develop ไปซะเยอะ
02:40:52 → 02:41:00 แยะเลยนะฮะนะเอ่อเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็ เลยมาอยู่กับน้ำตาลนะอ่าจนกระทั่งร่างกาย
02:41:00 → 02:41:07 หรือเซลล์ต่างๆมันไม่รู้จักการใช้ไขมัน ตามปกตินะทีนี้พอเรามารู้เรื่องแล้วเรามา
02:41:07 → 02:41:13 ปรับเป็นคาต่ำนะฮะนะอ่าเสร็จแล้วเราปรับ ไปนานๆนานๆๆนๆเนี่ยก็ปรากฏว่าเซลล์เนี่ย
02:41:13 → 02:41:20 มันก็คืนสู่สามัญนั่นแหละก็คืออ้าวตอน เนี้ยตัดน้ำตาลออกไปแล้วให้ให้ไขมันเป็น
02:41:20 → 02:41:26 หลักเขก็เลยใช้ไขมันตามธรรมชาติที่เขาเคย ใช้นะนะแล้วเสร็จแล้วเนี่ยนะ
02:41:26 → 02:41:34 เอ่อเขาก็พยายามที่จะดื้อด้านหรือต่อต้าน ที่จะไปใช้น้ำตาล
02:41:34 → 02:41:42 นะซึ่งสิ่งเหล่านี้เนี่ยบางครั้งมันเลย เถิดนะกลายเป็นความผิดปกติไปนะกลายเป็น
02:41:42 → 02:41:50 ความผิดปกติไปจนกระทั่งนะอ่าชัดเจนขึ้นมา นะโดยเฉพาะเขาก็บอกว่าเซลล์แรกๆที่จะเกิด
02:41:50 → 02:42:00 การปฏิเสธน้ำตาลน้ำตาลนะเมื่อเข้าสู่พการ คต่ำเป็นเวลานานๆก็คือเซลล์ของตับนะฮะนะ
02:42:00 → 02:42:07 ซึ่งเซลล์ตับเนี่ยเวลาที่เราตรวจนะภาวะ ด้วอินซูลินของตับเราตรวจอะไร TG นะแล้ว
02:42:07 → 02:42:15 ฮอร์โมนที่ออกมากำกับนะในเรื่องเหล่านี้ เนี่ยนะก็คือคอร์ติซอลคอซอนะเพรางั้นเวลา
02:42:15 → 02:42:24 ค่า TG ผิดปกติเนี่ยนะก็มักจะหมายถึง เซลล์สัพเนี่ยมันดื้อต่ออินซูลินนะอ่ามัน
02:42:24 → 02:42:33 ดื้ออินซูลินนะซึ่งมันอาจจะเป็นสภาวะนี้ นะอันนี้แบบเบาะๆนะแบบเบื้องต้นนะนะเพราะ
02:42:33 → 02:42:40 ฉะนั้นภาวะ tical insulin resistance เนี่ยนะก็เป็นองค์ความรู้ในแง่ของน้ำตาล
02:42:40 → 02:42:49 และอินซูลินนะรวมทั้งอวัยวะแรกๆนะที่จะมี ปัญหาในการต่อต้านหรือการดื้อกับคื้นกลับ
02:42:49 → 02:42:55 ขึ้นมาเนี่ยเมื่อกินคาฟต่ำนานๆแล้วเนี่ย ก็คือตับก็คือตับ
02:42:55 → 02:43:01 นะแล้วสิ่งเหล่านี้เราพบในกลุ่มคนประเภท ทั้งหมดเนี้ยนะที่เลเบลสีเหลืองไว้นะฮะ
02:43:01 → 02:43:08 เพราะงั้นคนพวกเเวลากินคราฟแล้วทำไมยัง ดื้ออินซูลินที่ต่ดนะก็เพราะว่ามันมี
02:43:08 → 02:43:15 เรื่องของกลไกอันนี้นะที่เรียกว่าเป็น physiological insulin resistance นะ
02:43:15 → 02:43:21 นะแต่ว่าพวกเนี้ยค่าแลบค่าอะไรต่างๆก็ก็ อาจจะไม่ได้ผิดปกติมากมายแต่บางครั้ง
02:43:21 → 02:43:28 เนี่ยมันเรื้อรังแล้วมันก็แก้ปัญหาอะไร ไม่ได้ว่าทำไมก็อ่าปรับทุกอย่างดีแล้ว
02:43:28 → 02:43:33 ทั้งการอาหารการกิน iif ออกแรงออกกำลัง นอนนะฮะก็คือมันเป็นเรื่องของ
02:43:33 → 02:43:42 physiological insulin resistance นะ ตามตามปกติของตัวเซลล์มันเลยนะฮะนะทนี้
02:43:42 → 02:43:48 หากจะต้องแก้ทำยังไงนะฮะเขาคก็แนะนำว่า ให้ปรับแก้ในเรื่อง 6 วิธีการเหล่าเนี้ย
02:43:48 → 02:43:56 แต่แต่ให้เน้นในเรื่องของการใช้งานกล้าม เนื้อนะและการออกแรงออกกำลังกับกล้าม
02:43:56 → 02:44:05 เนื้อนะจะเป็นสีแดงสีขาวเนี่ยก็ที่บอกไป นะอันนี้มันเน้นเรื่องของกล้ามเนื้อเอามา
02:44:05 → 02:44:11 แก้นะฮะ นะอย่างอื่นๆก็เป็น 6 ข้อแบบอันแรกนะฮะ
02:44:11 → 02:44:17 นี้เรื่องที่ 3 เนี่ยก็คือเรื่องของ patal insulin resistance เนี่ยหรือการเป็น
02:44:17 → 02:44:24 insulin resistance ที่ทำไมมันไม่ดี ขึ้นทั้งๆที่กินโลคมานานแล้วนะฮะนะค่า
02:44:24 → 02:44:31 โน่นค่านี่ค่าหลงค่าแหบอะไรต่างๆหรือมัน อาจจะดีขึ้นแล้วมันก็รีวกลับคื้นมานะเป็น
02:44:31 → 02:44:38 การดื้ออินซูลินอีกเป็นเบาหวานใหม่อีกรอบ นึงอะไรอย่างเงี้ยนะอันนี้ก็อยากจะบอกว่า
02:44:38 → 02:44:44 นะมันมีสัญญาณโดยเฉพาะเป็นสัญญาณทางสมอง เกี่ยวกับความหิวนะรวมทั้งค่าแบที่ผิด
02:44:44 → 02:44:50 ปกติแล้วทั้งหมดเยแชส่วนใหญ่นะมันไม่ได้ เหมือนกับเมื่อกี้เมื่อกี้มันเป็นแชของ
02:44:50 → 02:44:56 อินซูลินนะฮะนะนะเป็นหลักมากกว่า คอร์ติซอลแต่อันนี้มันเป็นแชของคอร์ติซอล
02:44:56 → 02:45:02 เป็นหลักมากกว่าอินซูลินนะแล้วทั้งคอซอ กับอินซูลินเนี่ยก็ทำให้เกิดปัญหาค่อน
02:45:02 → 02:45:10 ข้างเยอะแยะรวมทั้งมันมีปัญหาเรื่องการ บล็อกการ Action ของเลปตินไปด้วยนะแล้ว
02:45:10 → 02:45:16 ทุกอย่างมันจะมักจะเกิดจากเรื่อง 1 2 3 4 5 ในแง่ของสาเหตุนะแล้วต่างๆเยมันจะ
02:45:16 → 02:45:25 มีผลตามมานะฮะแล้วทำให้เป็นการกินโค H Fat หรืออะไรก็ตามที่ว่ามันไม่ดีอมันไม่
02:45:25 → 02:45:30 ดี นะอ่ามันก็เหมือนกับเนี่ยอกระบวนการที่
02:45:30 → 02:45:36 มันเปลี่ยนแปลงกลายเป็นภาวะด้วอินซูลิน แล้วก็เป็นโรค ncd ที่หนักๆนะแนวทางในการ
02:45:36 → 02:45:44 แก้ไขเนี่ยนะฮะก็ให้โฟกัสที่เรื่องของการ แก้คอร์ติซอลและสัญลักษณ์ของคอร์ติซอลก็
02:45:44 → 02:45:51 คือเรื่องเปอร์เซ็น body fat ที่มันมี การเปลี่ยนแปลงซึ่งก็จะมาสัมพันธ์กับที่
02:45:51 → 02:45:57 หมอเคยพูดว่าทำไมคนผอมๆน่ะถึงได้เครียด ง่ายคอร์ติซอลถึงได้เด่นถึงได้เยอะนะฮะ
02:45:57 → 02:46:04 ต่างกับคนอ้วนๆอันนี้คอร์ติซอลเนี่ยก็อาจ จะเยอะแต่ว่าคอร์ติซอลเไม่ได้ทำอะไรยังไง
02:46:04 → 02:46:09 มากนะเหมือนคนผอมนะแต่คนอ้วนจะมีปัญหากับ อินซูลินเยอะ
02:46:09 → 02:46:18 อะไรนี้เป็นการเปรียบเทียบให้รู้นะฮะแล้ว ก็มาเรื่องสุดท้ายก็คือเรื่องของนะกู
02:46:18 → 02:46:27 oogenesis นะฮะนะอ่าอวัยวะสำคัญเลยของ การกคือตับนะฮะคือ adaptive กค sping
02:46:27 → 02:46:36 เนี่ยมันยังหมายถึง 3 วะนะฮะก็คือตับลำ ไส้นะแล้วก็ไตแต่ะเฉพาะกคหมายถึงตับซึ่ง
02:46:36 → 02:46:43 ตับเนี่ยเขจะจับคู่แล้วเชื่อมโยงกับสมอง เป็นหลักนะเพราะฉะนั้นุคคลในิที่ตับเพื่อ
02:46:43 → 02:46:51 เอาน้ำตาลไปให้สมองแต่ที่เหลือเผื่อแผ่ ได้นะฮะเนี่ยนะแล้วกลไกการอ่าที่จะเอาน้ำ
02:46:51 → 02:46:59 ตาลนะอ่ามาสะสมให้ไกลโคเจนทั้งที่อ่าที่ ตับและที่สมองนะอ่าเพื่อจะรอการเกิดกลูโค
02:46:59 → 02:47:08 neogenesis เหล่าเนี้ยนะอ่าก็จะมี 5 เทคนิคอันเนี้ยมาเสริมวันนี้ก็จบแค่นี้
02:47:08 → 02:47:16 นะพอดี 23:00 นเลยจบแล้วสุทัศน์นอนหลับ หรือ
02:47:16 → 02:47:23 ยังยังดูครับอุ้ย อไมงัวเงีย
02:47:25 → 02:47:30 เสียงแเสียงแคุณ
02:47:30 → 02:47:36 หมอวันเก็ไปตัดได้หลายคลิปนะแต่ว่ามัน เป็นเรื่องเชิงลึก
02:47:36 → 02:47:45 หน่อยครับซอยซอยย่อยได้เยอะเลยครับผมเออ กดเยอะเลย adaptive GO sping
02:47:45 → 02:47:57 เนี่ยมันเป็นมันเป็นเบสิคเลยอ่ะ นะก็อืเก็ไม่ค่อยพูดกันน่ะนะเขาก็มาพูด
02:47:57 → 02:48:02 กันถึงไอ้แม้แต่เรื่องไอ้ physiological insulin resistance เนี่ยเขาก็ไม่ค่อย
02:48:02 → 02:48:09 พูดกันนัก่ะก็มีหมอป๊อบเคยพูดอยู่นอนดี แล้วักครั้ง 2 ครั้งมั้งนะครับส่วนใหญ่ก็
02:48:09 → 02:48:14 ก็รัดตอนมาเลยอ่ะมาพูดเรื่อง insulin resistance แต่ชื่อจริงๆมันคือ
02:48:14 → 02:48:20 pathological insulin resistance นะ P นะ
02:48:20 → 02:48:26 P พ พาท Chemical
02:48:26 → 02:48:34 insulin กับ เ่ออีกตัวนึงคือ dis insulin res มัน
02:48:34 → 02:48:41 ตัวเดียวกันนะครับผมไม่ฮะคนละตัวถ้าเป็น ิิิเนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็นปัญหาของน้ำตาล
02:48:41 → 02:48:48 อินซูลิน นะแล้วก็ตับนะเอแต่อาจจะมีคอร์ติซอลมาแจม
02:48:48 → 02:48:56 บ้างที่ตับ อืิตๆแล้วก็ physiologic เนี่ยอันเนี้ย
02:48:56 → 02:49:03 มันยังเป็นลักษณะที่ไม่ได้รุนแรงไม่ได้ รุนแรงมากอคือมันแค่พัฒนาขึ้นมาจากพื้น
02:49:03 → 02:49:10 ฐาน adaptive glucose sping นะฮะแต่ถ้า เป็น pathological insulin resistance
02:49:10 → 02:49:16 แล้วก็คือ insulin resistance นั่นแหละ นะอ่าซึ่งมันหายง่ายมล่ะถ้ามันเรื้อรัง
02:49:16 → 02:49:25 หรือว่ามันเป็นโรค ncd หลายๆโรคด้วยอย่าง เงี้ยมันก็ไม่ได้หายง่ายอ๋อครับคือตัว
02:49:25 → 02:49:31 นี้อาจจะ adapt ต่างๆได้หมด่ะนะฮะครับนะ แต่ไอ้ตัว
02:49:31 → 02:49:38 pathological insulin resistance ต่าง ๆที่มันแสดงออกมาเป็นตัวโลกของระบบต่างๆอ
02:49:38 → 02:49:45 มันก็ค่อยๆฟื้นน่ะแต่มันก็ไม่ได้หายขาดนะ หรอกเอมันไม่ได้หายง่ายอ่ะนะแต่คุณก็ adap
02:49:45 → 02:49:53 ไปแล้วล่ะคุณก็คีซี Fat adap เออแต่ทำไม ไปคีโต adap ไม่ได้อะไรอย่างเงี้ย
02:50:00 → 02:50:07 อืแล้วก็แบบที่เราอธิบายอย่างละเอียดเลย น่ะนะฮะว่าคาฟเนี่ยมีความจำเป็นแต่ความ
02:50:07 → 02:50:12 จำเป็นของคาฟเป็นความจำเป็นในแง่ของสาร อาหารไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลยในแง่ของ
02:50:12 → 02:50:20 พลังงานเพราะฉะนั้นอ่าส่วนที่เป็นพลังงาน จากคก็คือกูโคสนะอันนี้แม้แต่สมองเ้าก็
02:50:20 → 02:50:25 ไม่โอเคไม่ต้องการนะไม่มีใครต้องการนะ
02:50:26 → 02:50:32 อเพราะว่าในแง่ของสมองอ่ะเขาต้องการ กลูโคสเยอะที่สุดในร่างกายแต่กลูโคสที่
02:50:32 → 02:50:40 สมองต้องการเป็นกลูโคสที่ผ่านกระบวนการ กลูโคนิโอเจนิโดยตับมาให้นะไม่ได้เป็น
02:50:40 → 02:50:47 กลูโคสที่กินเข้าทางลำไส้แล้วก็ผ่านเข้า สู่กระแสเลือดไปหัวใจแล้วก็เอ้ยผ่านเข้า
02:50:47 → 02:50:53 สู่กระแสเลือดแล้วแล้วก็แล้วก็ไปที่ตับ แล้วก็ไปหัวใจแล้วก็ปั๊มไปสมองไม่ใช่เรา
02:50:53 → 02:51:00 ไม่ได้ไม่ใช่อย่างงี้นะฮะเราจะไปพูดอย่าง งี้คิดอย่างงี้มันไม่ถูกแล้วมันไม่ถูก
02:51:00 → 02:51:06 แล้วเรู้เรู้เรื่องราวมากมายกว่านั้นไป เยอะแล้วใช่
02:51:06 → 02:51:15 ครับบ้านเราคนยังชินกับว่าเออสมองใช้งาน เยอะเลยกินน้ำตาลไปไปช่วยเสริมเออเค้าก็
02:51:15 → 02:51:22 กาแฟนมไข่มุกเข้าไปนะแล้วเดี๋ยวก็พุ่งไป สมองเลยสมองได้น้ำตาลแล้วคูรอดตายแล้วคู
02:51:22 → 02:51:30 ฟื้น แล้วจริงๆสมองไม่ได้เลยครับไม่
02:51:30 → 02:51:39 เออแล้วก็ในแง่ของการกระตุ้นอินซูลิน เนี่ยนะฮะเอ่อรูปแบบนะของคาฟที่เข้าในทาง
02:51:39 → 02:51:46 เดินอาหารเนี่ยแล้วก็ถูกย่อยถูกดูซึมไป เป็นเอ่อไปเป็นโมเลกุลเดี่ยวโมเลกุลคู่
02:51:46 → 02:51:53 อะไรต่างๆอ่ะนะสิ่งเหลนี้เป็นตัวกระตุ้น อินซูลินเยอะมากแรงมากและกระตุ้นแบบพุ่ง
02:51:53 → 02:51:58 แบบทวี จำนวนอะไรอย่างเงี้ยนะอ่าแล้วเป็น
02:51:58 → 02:52:05 อินซูลินดูดันก้าร้าวอะไรอย่างเงี้ยแต่ใน แง่คุณพุดหรือปั๊มกลูโคสเข้าแทงเส้นงเส้น
02:52:05 → 02:52:12 เลือดหรือคุณให้น้ำเกลือแล้วก็มี 10% เดกโตส 5% เดกโตสอะไรอย่างเงี้ยพวกนี้มัน
02:52:12 → 02:52:20 กระตุ้นอินซูลินน้อยนะฮะน้อยนะน้อยเ้ำตัง ต่างกันต่าง
02:52:20 → 02:52:25 กันเพราะฉะนั้นในแง่ของการกระตุ้น อินซูลินแล้วเนี่ยนะถ้าเราดื้ออินซูลิน
02:52:25 → 02:52:32 แล้วมีอินซูลินที่ไม่เหมาะสมไม่มีคุณภาพ ที่ดีประสิทธิภาพที่ดีเนี่ยนะฮะการควบคุม
02:52:32 → 02:52:38 อินซูลินก็คือควบคุมอาหารที่เข้าในทาง เดินอาหารนี่แหละก็คือควบคุมการกินคาฟ
02:52:38 → 02:52:49 หมวดคาฟอะไรต่างๆเหล่านี้แหละ ออันเนี้ยเป็นปัญหาปัญหาเยอะนะแล้วใน 3
02:52:49 → 02:52:57 เรื่องเนี่ยหมอสรุปก่อนจบเลยก็ได้ว่าคาฟ เนี่ยเขาแคร์หรือเขาจะเอาเป็นเอาตายกันใน
02:52:57 → 02:53:05 เรื่องปริมาณนะฮะอันดับ 1 คือปริมาณมัน มากมันน้อยมันต้องจำกัดได้แค่ไหนอันที่ 2
02:53:05 → 02:53:08 คือ ชนิดชนิดเนี่ย
02:53:08 → 02:53:17 อ่าชนิดของคาฟนี่แหละนะฮะนะเอเป็นแป้ง เป็นน้ำตาลเป็นผลไม้นะเ่อมีกากใยมีไฟ
02:53:17 → 02:53:25 เพิ่มแต่เรื่องสำคัญเนี่ยคือเรื่องปริมาณ ปริมาณาฟนี่เอาเป็นเอาตายกันเรื่องปริมาณ
02:53:25 → 02:53:32 นะถ้าควบคุมปริมาณไม่ได้เนี่ยมันก็จะกลาย เป็นควบคุมอินซูลินไม่
02:53:32 → 02:53:40 ได้ะอันที่ 2 โปรตีนโปรตีนเนี่ต้องโฟกัส เรื่องคุณภาพอ่าอันดับ 1 คือคุณภาพอันดับ
02:53:40 → 02:53:49 2 คือปริมาณโปรตีนเออในแง่ปริมาณคือ moderate นะฮะแต่ในแง่ของความสำคัญของ
02:53:49 → 02:53:54 ดินคือในแง่ คุณภาพคุณภาพเนี่ยกฎอะมิโนครบไม่ครบ
02:53:54 → 02:54:02 สมบูรณ์ไม่สมบูรณ์นะแล้วเป็นแบบไหนสัตว์ ต้องมากกว่าพืชนะในแง่ของการดูดซึมในแง่
02:54:02 → 02:54:11 ของการเอาไปใช้เนี่ยเเรียกคุณภาพหรือ Quality นะลองมาถึงในเรื่องปริมาณแต่ใน
02:54:11 → 02:54:19 เรื่องไขมันเนี่ยเขาจะเอาเป็นเอาตายกันใน เรื่องสัดส่วนสัดส่วนนะแล้วมันก็ต้องครบ
02:54:19 → 02:54:26 นะในแง่ของชนิดของมันคืออิ่มเดี่ยวซ้อน แล้วก็ดูที่สัดส่วนนะฮะนั่นแหละอ่ามันจะ
02:54:26 → 02:54:33 ดีไม่ดีมันจะเวิร์คไม่เวิร์คเอ่อมันจะแก้ ได้หรือมันจะเป็นปัญหาเนี่ยก็คือสัดส่วน
02:54:33 → 02:54:42 นะแล้วหลังจากนั้นเนี่ยเอ่อก็มาดูที่วิธี การกินอันดับ 2 ส่วนเรื่องปริมาณเนี่ยจะ
02:54:42 → 02:54:50 มากจะน้อยจะเกินอ่าหรือขาดอะไเนี่ยมัน เป็นเรื่องอันดับ 3 ในแงไขมันนะเอ่อสัด
02:54:50 → 02:54:58 ส่วนสำคัญอันดับ 1 นะแล้วก็รูปแบบของการ ปรุงหรือวิธีการกินนะสำคัญอันดับ 2
02:54:58 → 02:55:07 อันดับ 3 ก็คือปริมาณเอ่อคาร์โบไฮเดรต โปรตีนไขมันมันก็พูดกันมากๆนะแล้วก็เนี่ย
02:55:07 → 02:55:12 จะเอาไปวิเคราะห์วิจารณ์ไปดูอะไรไปให้ ความสำคัญกับอะไรถูกไม่ถูกผิดไม่ผิดอะไร
02:55:12 → 02:55:20 เงี้ยก็ดูกันในเรื่องเอ่อรายละเอียดที่ ขยายความแบบนี้แหละ
02:55:21 → 02:55:26 อ้าเทคนิคสำคัญนะแล้วเราจะได้รู้จัก เรื่อง
02:55:26 → 02:55:37 amk กับนะน้ำมันสกัดเย็นมีผลยังไงอันนี้ ก็มีผลต่อฝั่ง ampk ซึ่งเป็นนิทน
02:55:37 → 02:55:45 เซ็นเซอร์ที่ดี นะมีผลน้อยหรือแทบจะไม่มีผลกับฝั่ง M th
02:55:45 → 02:55:55 ซึ่งเป็น เป็นนินเซ็นเซอร์ที่ไม่ค่อยดีนักเอ M
02:55:58 → 02:56:06 นะเราก็พอ เนอะพอแล้ว Say กบาย
02:56:07 → 02:56:15 นะโอเคครับพี่หมอเออเอาขึ้นพรุ่งนี้ เหมือนเดิมครับครับผมครับโอเคครับขอบคุณ
02:56:15 → 02:56:22 ครับคุณหมอขอบคุณครับทุกคนครับสวัสดีครับ พี่สสทุกคอยู่ด้วยเหรอพ่งนี้เช้าค่อยอยู่
02:56:22 → 02:56:29 กันครบครับอยู่กันครบค่อยๆทยอยแอบเข้า ห้องมาครับแล้วมีเลคชอร์มั้ยได้เลคเชอร์
02:56:29 → 02:56:37 มยเดี๋ยวต้องมาฟัง 3 ครับ อโอเคไปนอนได้แล้วครับสวัสดีครับทุกคน
02:56:37 → 02:56:44 สวัสดีครับสวัสดีครับทุกคนครับสวัสดีครับ สสวัสดีครับ
02:56:44 → 02:56:50 [เพลง] เฮ
02:56:50 → 02:56:53 เฮ้ เ
02:56:53 → 02:56:56 [เพลง]
02:56:59 → 02:57:03 เ้เ
02:57:06 → 02:57:11 [เพลง]