00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice การมีเซ็กเนี่ยนะฮะมันเป็นตัว
00:00:08 → 00:00:11 สำคัญมากในชีวิตคู่เขาบอกว่าการมี
00:00:11 → 00:00:14 เพศสัมพันธ์เนี่ยมันเป็นความใกล้ชิดที่
00:00:14 → 00:00:18 สุดทางกายนะฮะแต่ใจนี่อาจจะไปที่อื่นนะ
00:00:18 → 00:00:20 เราว่าไม่ได้นะแต่การร่วมรักมันต่างกัน
00:00:20 → 00:00:25 ค่ะมันคือการที่หลอมรวมทั้งกายและใจผนึก
00:00:25 → 00:00:28 ลงไปเอาคุณผู้ชายะกันถ้าเรามีเซ็ก์กับคน
00:00:28 → 00:00:30 ที่เรารักโดยเฉพาะผู้ชายที่ได้แต่งงานกับ
00:00:30 → 00:00:33 ผู้หญิงที่ตัวเองรักเนี่ยเขาไม่ได้ตักตวง
00:00:33 → 00:00:35 เอาความรักหรือเซ็ก์จากผู้หญิงคนนั้น
00:00:35 → 00:00:38 เหมือนกับที่เขาไปซื้อบริการทางเพศอแต่
00:00:38 → 00:00:41 เขาอยากให้ผู้หญิงที่เขาร่วมรักด้วยนั้น
00:00:41 → 00:00:47 น่ะมีความสุขไปกับเขาด้วยในขณะที่มีเพศรด
00:00:47 → 00:00:51 กันฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:51 → 00:00:57 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:57 → 00:01:00 PS มาค่ะวันนี้คุณผู้ฟังติดตามตามรับฟัง
00:01:00 → 00:01:04 รายการของเรานะคะอาจจะต้องแบบว่ามีความจะ
00:01:04 → 00:01:07 กระจี้หัวใจกันนิดนึงนะคะเออแต่ว่าก็สนุก
00:01:07 → 00:01:11 แน่นอนค่ะวันนี้เป็นเรื่องของท่ารักเพิ่ม
00:01:11 → 00:01:14 ความตื่นเต้นเฮ้ยมันคือยังไงถึงขั้นต้อง
00:01:14 → 00:01:16 มาบอกท่งบอกท่าอะไรกันขนาดนี้เลยหรือ
00:01:16 → 00:01:18 เปล่าได้หรือเปล่านะคะเดี๋ยวคุยกับผู้
00:01:18 → 00:01:21 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันทร์วิพาดิลกสัมพันธ์
00:01:21 → 00:01:23 ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้าน
00:01:23 → 00:01:25 สมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:25 → 00:01:28 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:28 → 00:01:31 คะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:01:31 → 00:01:34 ค่ะวันนี้เรามาจั๊กจี้หัวใจเล่นกันกับ
00:01:34 → 00:01:39 ความตื่นเต้นกับการเอ่อท่ารักต่างๆแต่ถ้า
00:01:39 → 00:01:42 รักเนี่ยจะใช้ความหมายิ่งไหนดีอีกเรื่อง
00:01:42 → 00:01:45 นึงเพราะว่าไม่นั้นอาจจะโดนเซ็นเซอร์ได้
00:01:45 → 00:01:48 เดี๋ยดีนะที่เป็นแค่วิทยุนะคะอาจารย์นะ
00:01:48 → 00:01:51 เออเป็นแบบออนไลน์นะไม่ได้มีภาพขนาดนั้น
00:01:51 → 00:01:54 เอไม่ต้องมีภาพประกอบแต่ให้จินตนาการเอาา
00:01:54 → 00:01:58 เองนะคะตัวไทตัวมันคสกเยนะคะถ้ารักเพิ่ม
00:01:58 → 00:02:01 ความตื่นเต้นค่ะอืมมันช่วยได้จริงๆใช่
00:02:02 → 00:02:05 มั้ยอ่ะช่วยได้ค่ะนะคะเพราะว่าเราต้องใช้
00:02:05 → 00:02:09 คำว่าการมีเซ็กซ์เนี่ยนะฮะหรือกิจกรรมรัก
00:02:09 → 00:02:12 หรือกิจกรรมบนเตียงหรือกิจการนะฮะในความ
00:02:12 → 00:02:16 หมายต่างๆเนี่ยมันเป็นตัวสำคัญมากในชีวิต
00:02:16 → 00:02:19 คู่นะคะเป็นตัวสำคัญมากในชีวิตคู่เพราะ
00:02:19 → 00:02:22 ว่ามันเป็นเอ่อมีคนเให้คำจำกัดความซึ่ง
00:02:22 → 00:02:24 อาจารย์วิภาชอบมากเขาบอกว่าการมี
00:02:24 → 00:02:27 เพศสัมพันธ์เนี่ยมันเป็นความใกล้ชิดที่
00:02:27 → 00:02:30 สุดอืทางก
00:02:30 → 00:02:34 ที่มนุษย์พึงมีต่อกันนึกออกมยคะอความใกล้
00:02:34 → 00:02:38 ชิดที่สุดทางกายนะฮะแต่ใจเนี่ยอาจจะไปที่
00:02:38 → 00:02:40 อื่นนะเราว่าไม่ได้นะอันนี้หมายถึงว่าการ
00:02:40 → 00:02:44 ร่วมเพศอแต่การร่วมรักมันต่างกันค่ะอ่า
00:02:44 → 00:02:48 อ่าการร่วมรักนมันคือการที่หลอมรวมนะฮะ
00:02:48 → 00:02:51 ทั้งกายและใจผนึกลงไปเพราะฉะนั้นอันเนี้ย
00:02:51 → 00:02:55 ท่านผู้ฟังลองลองคิดดูนะคะเ่อโดยเฉพาะคน
00:02:55 → 00:02:58 ที่มีคู่แล้วเนี่ยเราจะพบว่าการมีเซ็ก์
00:02:58 → 00:03:01 กับคนที่เรารักกับคนทั่วๆไปที่เราไม่ได้
00:03:01 → 00:03:05 รักอ่ะเราแค่พึงพอใจทางกายของเขาคเนี่ย
00:03:05 → 00:03:08 มันต่างกันเยอะเลยนะฮะเพราะว่าการมีเซ็ก์
00:03:08 → 00:03:11 ระหว่างคนที่รักกันเอาคุณผู้ชายะกันนะคะ
00:03:11 → 00:03:15 เอ่อบางทีเขาบอกว่าผู้ชายเนี่ยสมัยก่อนนะ
00:03:15 → 00:03:18 เคใช้คำว่าได้เสียเพราะผู้ชายเป็นฝ่ายได้
00:03:18 → 00:03:21 ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียแต่จริงๆแล้วมันไม่
00:03:21 → 00:03:23 ใช่ถ้าเรามีเซ็ก์กับคนที่เรารักโดยเฉพาะ
00:03:23 → 00:03:26 ผู้ชายที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเอง
00:03:26 → 00:03:28 รักเนี่ยเาไม่ได้ตักตวงเอาความรักหรือ
00:03:28 → 00:03:31 เซ็ก์จากผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับที่เขาไป
00:03:31 → 00:03:34 ซื้อบริการทางเพศอืแต่เค้าอยากให้ผู้หญิง
00:03:34 → 00:03:37 ที่เค้าร่วมรักด้วยนั้นน่ะค่ะมีความสุขไป
00:03:37 → 00:03:41 กับเขาด้วยในขณะที่มีเพศรสกันอืนึกออก
00:03:41 → 00:03:44 มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยหลายคนพอแต่งงาน
00:03:44 → 00:03:47 แล้วเนี่ยพอมีเซ็ก์กันสมมุติเจ้าสาวมือ
00:03:47 → 00:03:50 ใหม่นะฮะเจ้าสาวเ่อที่มีเซ็ก์ครั้งแรกกับ
00:03:50 → 00:03:54 สามีเนี่ยสามีก็จะถามว่าน้องถึงมั้ยน้อง
00:03:54 → 00:03:58 น้องมีความสุขมั้ยน้องถึงมั้ยดีมั้ยนะฮะ
00:03:58 → 00:04:00 เจ้าสาวบางคนก็กลับมาถามอาจารย์วิภานะคะ
00:04:00 → 00:04:04 ว่าอาจารย์คะสามีหนูเนี่ยมีเซ็ก์กันแล้ว
00:04:04 → 00:04:07 เคก็ถามหนูว่าถึงมั้ยคะถึงมั้ยคะอะไรถึง
00:04:07 → 00:04:09 คะอาจารย์หนูไม่เข้าใจนะคะอันนี้คือเจ้า
00:04:09 → 00:04:12 สาวมือใหม่นะคะเพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า
00:04:12 → 00:04:15 แต่สิ่งตรงนี้ก็คือสะท้อนให้เห็นว่าผู้
00:04:15 → 00:04:18 ชายเนี่ยเค้าแคร์นะคะกับผู้หญิงที่เค้า
00:04:18 → 00:04:20 รักนะฮะเพราะฉะนั้นการที่เค้าไปมีเซ็กซ์
00:04:20 → 00:04:24 กับโสภณีเนี่ยเอ่อหรือหญิงบริการเนี่ย
00:04:24 → 00:04:27 เค้าไม่มานั่งถามหรว่าคุณถึงมั้ยคุณอะไร
00:04:27 → 00:04:30 มั้ยนะคะนอกจากหญิงคนนั้นเนี่ยจะแสดงท่า
00:04:30 → 00:04:33 ทีว่าถึงจุดสุดยอดหรือว่ามีความสุขเหลือ
00:04:33 → 00:04:36 เกินกับฝีมือของผู้ชายคนนี้ทำให้ผู้ชายคน
00:04:36 → 00:04:38 นี้เรู้สึกฮึเหิมซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยผู้
00:04:38 → 00:04:40 ชายคนนี้เอาจโทษค่ะผู้หญิงที่เป็นหญิง
00:04:41 → 00:04:43 บริการเอาจจะไม่ได้รู้สึกหรอกแต่เคเส
00:04:43 → 00:04:46 แสร้งเป็นการแสดงอย่างหนึ่งเพื่อให้เา้า
00:04:46 → 00:04:49 ให้ผู้ชายเฮึกเหิมนึกออกมั้ยคะแต่พอผู้
00:04:49 → 00:04:52 ชายเขมีเพศสัมพันธ์กับร่วมรักกับผู้หญิง
00:04:52 → 00:04:55 ที่เขารักจริงๆเป็นภรรยาเจริงๆเนี่ยความ
00:04:55 → 00:04:58 รู้สึกมันจะต่างกันอือันนี้จันท์วิภาได้
00:04:58 → 00:05:02 จากที่เคยตตอนสมัยก่อนเนี้ยเราทำทำวิจัย
00:05:02 → 00:05:05 ทำอะไรไว้นะฮะกับกับคู่สามีภรรยาเนี่ยมัน
00:05:05 → 00:05:07 ต่างกันค่ะเพราะฉะนั้นจารวิภาจึงมักจะใช้
00:05:07 → 00:05:10 คำว่าร่วมเพศกับร่วมรักไม่เหมือนกันนะอ่า
00:05:10 → 00:05:13 ใช้คนละแบบเอ่อความสัมพันธ์คนลแบบใช่คนละ
00:05:13 → 00:05:15 แบบนะฮะไอ้ร่วมเพศคือความสัมพันธ์ทางกาย
00:05:15 → 00:05:18 ถูกมั้ยคะเราจะมีกับใครก็ได้ที่เรารัก
00:05:18 → 00:05:21 หรือไม่รักก็ได้แต่ถ้าการร่วมรักเนี่ยมัน
00:05:21 → 00:05:26 คือคน 2 คนที่มีจิตปฏิพัทต่อกันรักใคร่ใน
00:05:26 → 00:05:29 กันและกันนะฮะแล้วก็ให้กิจกรรมทางเพศมัน
00:05:29 → 00:05:32 เป็นเป็นสื่อนึงที่แสดงออกถึงความรักค่ะ
00:05:32 → 00:05:35 ค่ะอืระวังกันอาจารย์คะเมื่อกี้เดี๋ยว
00:05:35 → 00:05:37 กำลังติดใจอยู่ตรงที่ว่าเ่อการร่วมเพศ
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยจะรักหรือไม่รักก็ได้ค่ะแต่การร่วม
00:05:41 → 00:05:44 รักก็คือคน 2 คนที่มีจิตเดียวกันนะคทีนี้
00:05:44 → 00:05:48 ถ้าเกิดคนที่ไม่ได้ไม่ได้เค้าเรียกเป็น
00:05:48 → 00:05:50 การร่วมเพศอย่างเดียวอย่างเงี้ยมันรักกัน
00:05:50 → 00:05:54 หรอหมายถึงว่าแบบมีความรู้สึกว่าเอ๊ะถ้า
00:05:54 → 00:05:58 อย่างงั้นเนี่ยเราเราอย่างนี้ค่ะการมี
00:05:58 → 00:06:00 เซ็กซ์เนี่ยมันเป็นตัวล่อตัวนึงของ
00:06:00 → 00:06:03 ธรรมชาติเอาอย่างงี้ละกันคุณสิริพรอ่า
00:06:03 → 00:06:06 ทำไมสัตว์เนี่ยอันนี้เราไม่พูดถึงมนุษย์
00:06:06 → 00:06:08 ก่อนนะทำไมสัตว์เนี่ยถึงฤดูเขาจะต้องมี
00:06:08 → 00:06:12 เซ็ก์ทำไมเจะไอ้นกไอ้นกยูงจะต้องลำแพงปีก
00:06:13 → 00:06:15 เพื่อล่อดตัวเมียให้มามีเซ็ก์กับตัวค่ะ
00:06:15 → 00:06:19 ทำไมสัตว์จะต้องแสดงท่าทีเพราะธรรมชาติ
00:06:19 → 00:06:23 สร้างมาว่ายูจะต้องผสมพันธุ์นะค่ะยูจะ
00:06:23 → 00:06:26 ต้องสืบทอดลูกหลานอันนี้คือธรรมชาติใช่
00:06:26 → 00:06:28 มั้ยคะกำหนดว่าเราจะต้องมีลูกหลานสืบทอด
00:06:28 → 00:06:31 เผ่าพันธุ์ไปเอาอะไรมาล่อคะธรรมชาติเอา
00:06:31 → 00:06:34 ความสุขทางเซ็ก์มาล่ออืเพราะถ้ามีเซ็ก์
00:06:34 → 00:06:37 แล้วไม่มีความสุขเนี่ยจะมีมั้ยไม่มี
00:06:37 → 00:06:41 อ่าสัตว์บางชนิดมีเซ็ก์แล้วตายเลยถูกตัว
00:06:41 → 00:06:44 เมียฆ่าตายเลยเออแต่ยอมมีอ่ะรู้ว่าฉันจะ
00:06:44 → 00:06:48 ต้องไปตายอ่ะใช่มั้ยคะค่ะมนุษย์เป็นสัตว์
00:06:48 → 00:06:52 ชนิดหนึ่งในไม่กี่ชนิดที่มีเซ็ก์ได้โดย
00:06:52 → 00:06:56 ที่ไม่ต้องถึงฤดูสืบพันธค่ะเพราะว่าเอา
00:06:56 → 00:06:59 เซ็ก์มาเป็นความบันเทิงเออเห็นึยังคะมัน
00:06:59 → 00:07:02 มีตัวล่อไงเพราะต่อให้คุณไม่ได้ความรัก
00:07:02 → 00:07:06 ตรงนั้นน่ะแต่ความสุขของการออแกซึมมันมี
00:07:06 → 00:07:09 อืความสุขในการร่วมเพศมันมีค่ะนะเพราะ
00:07:09 → 00:07:11 ฉะนั้นไอ้คนที่มันข่มขืนคนอื่นทั้งๆที่
00:07:11 → 00:07:14 รู้ว่าเขาไม่เต็มใจเนี่ยทำไมมันแฮปปี้กับ
00:07:14 → 00:07:17 กับตรงนั้นล่ะอืนึกออกมั้ยคะอันนี้มัน
00:07:17 → 00:07:20 เป็นตัวล่อทางธรรมชาติซึ่งถามว่าใครกำหนด
00:07:21 → 00:07:25 ถามคนข้างบนจารย์พิภาตอบไม่ได้นะคะค่ะค่ะ
00:07:25 → 00:07:28 อ่ะทีนี้เรามาเข้าเรื่องของ
00:07:28 → 00:07:32 เรานะคะว่ารทีนี้จารย์วิภาอยากจะเปรียบ
00:07:32 → 00:07:35 เทียบอย่างงี้ค่ะว่าการทำกิจกรรมรักเนี่ย
00:07:35 → 00:07:39 นะฮะมันขอเปรียบเทียบกับอาหารเซ็ก์กับ
00:07:39 → 00:07:41 อาหารเนี่ยจารย์วิภาชอบเปรียบเทียบว่า
00:07:41 → 00:07:44 เหมือนๆกันอาหารชนิดใดคุณสุรีพรชอบทาน
00:07:44 → 00:07:47 อะไรคะอาหารจานโปรดอาหารจโอมีหลายอย่าเอา
00:07:47 → 00:07:50 เป็นจานเดียวที่ชอบเนี่ยจานเดียวที่อุยมี
00:07:50 → 00:07:53 หลายอย่างมากอ่ะกะเพราไก่ไข่ดาวอ่ะกะเพรา
00:07:53 → 00:07:57 หมูสับกะเพราหมูสับค่ะอ่ะสมมุติว่าร้าน
00:07:57 → 00:08:01 ที่อร่อยที่สุดจ้ะให้คุณสุรีพรทานกะเพรา
00:08:01 → 00:08:07 หมูสับทุกวันทุกวันทุกวันทุกวันทุกวันทุก
00:08:07 → 00:08:10 วันทานได้กี่วันคะเต็มที่ก็ 2 วันเท่า
00:08:10 → 00:08:12 นั้นล่ะค่ะกินไม่ลงแล้วไม่ไหวเบื่อแล้ว
00:08:12 → 00:08:15 ใช่มั้ยคะเค้าถึงไปบอกว่าปากคนเราใน
00:08:15 → 00:08:18 เรื่องอาหารเนี่ยนะคะกินดิบกินสุกไปทุก
00:08:18 → 00:08:22 สิ่งพอกินสิ่งใดนานก็เบื่อไปเห็นมั้ยคะ
00:08:22 → 00:08:25 อาหารยังเบื่อเลยกะเพราหมูสับ 2 วันท่า
00:08:25 → 00:08:28 ไม่ไหวแล้วแล้วถ้าเซ็กซ์ร่ะคะมาอีหลอบ
00:08:28 → 00:08:31 เดียวกันทุกวันแบบเดิมเลยแบบเดิมทุกวันกด
00:08:31 → 00:08:35 ปุ่มปั๊บ 1 2 3 4 5 6 7 8 ปึ๊บ
00:08:35 → 00:08:39 เสร็จเหมือนเดิมตลอดเออทนได้กี่วันคะไม่
00:08:39 → 00:08:42 นานค่ะไม่รู้ว่าจะบอกว่ากี่วันในความถี่
00:08:42 → 00:08:46 อ่าฮะอย่างสมมุติว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวมือ
00:08:46 → 00:08:50 ใหม่ทั้งคู่แกะกล่องมีเซ็ก์กันในท่าของ
00:08:50 → 00:08:53 การที่มีเซ็ก์กันครั้งแรกนะฮะส่วนใหญ่นะ
00:08:53 → 00:08:57 คะก็ขี้มักจะเป็นท่ามาตรฐานหญิงนอนหงาย
00:08:57 → 00:09:00 ชายนอนคว่ำค่ะนะคะเอ่อในภาษาที่เขาตั้ง
00:09:00 → 00:09:03 ศัพท์กันไว้ก็คือท่าฤาษีกบดานหรืออะไร
00:09:03 → 00:09:06 อย่างเงี้นะคะอ่าท่าจระเข้กบดานอะไรอย่า
00:09:06 → 00:09:09 เงี้ยนะคะคือหญิงนอนหงายชายนอนคว่ำนะคะ
00:09:09 → 00:09:12 เพราะผู้หญิงเจ้าสาวใหม่เนี่ยขี้มักจะ
00:09:12 → 00:09:14 ตื่นเต้นกลัวก็จะมีความรู้สึกว่าผู้ชาย
00:09:14 → 00:09:17 เนี่ยมาประคองกอดนะฮะแล้วผู้ชายเป็นฝ่าย
00:09:17 → 00:09:21 นำรู้สึกได้รับความอบอุ่นในการมีเซ็ก์นะ
00:09:21 → 00:09:24 ฮะผู้ชายก็จะต้องช่วยหรืออะไรต่างๆเป็น
00:09:24 → 00:09:27 ท่าที่ผู้หญิงรู้สึกมั่นคงปลอดภัยค่ะแต่
00:09:27 → 00:09:30 ถ้าคุณทำท่าเติดต่อกันไม่ซ้ำเลย 1 ปีท่า
00:09:30 → 00:09:33 นี้จะเปลี่ยนชื่อจากท่ามาตรฐานเป็นท่า
00:09:33 → 00:09:37 สิ้นคิดทันทีนะคะนั่นหมายความว่าคุณไม่
00:09:37 → 00:09:41 ได้คิดอะไรใหม่ๆเปลี่ยนอะไรใหม่ๆมันก็
00:09:41 → 00:09:44 เกิดความเบื่อหน่ายทั้งคู่นึกออกมั้ยคะ
00:09:44 → 00:09:47 เพราะฉนั้นคนที่ประดิษฐ์คิดค้นถ้าพิสดาร
00:09:47 → 00:09:52 มหัศจรรย์เนี่ยมีเป็น 20-3 ท่าเนี่ยนะคะ
00:09:52 → 00:09:56 ก็ต้องบอกว่าเ้ามีหัวครีเอทีฟนะคะแต่ว่า
00:09:56 → 00:09:58 บางท่าเนี่ยมันก็ออกจะพิลึกพิลั่นเกินไป
00:09:58 → 00:10:02 ถ้าเราไปไปดูไม่ว่าจะเป็นตำราจีนนะคะตำรา
00:10:02 → 00:10:06 ของกาลามสูตรนะคะของอินเดียหรืออะไรต่างๆ
00:10:06 → 00:10:09 เหล่าเนี้ยบางท่าเนี่ยจนิภาก็ว่ามันโลดผน
00:10:09 → 00:10:12 พิสดารเกินไปมันทำได้จริงใช่มั้ยนะคะแล้ว
00:10:12 → 00:10:16 มันก็ทำให้อะไรฮะเกิดความรู้สึกว่ามันมัน
00:10:16 → 00:10:20 อันตรายมั้ยเนี่ยอ๋อเป็นคำถามขึ้นมาว่า
00:10:20 → 00:10:23 เออในระหว่างนั้นความสุขนั้นอาจจะทำให้
00:10:23 → 00:10:26 เกิดการบาดเจ็บได้คค่ะนะฮะเพราะฉะนั้น
00:10:26 → 00:10:28 เซ็กก์เนี่ยมันก็เช่นเดียวกับการกินอาหาร
00:10:28 → 00:10:31 แหละว่าถ้าเราทำนานไปซ้ำซากจำเจมันก็
00:10:31 → 00:10:34 เบื่อหน่ายนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยเราควรจะ
00:10:34 → 00:10:37 ต้องเติมไฟรักให้ร้อนฉ่าตลอดเวลาแล้วก็
00:10:37 → 00:10:40 เกิดเกิดความกระชุ่มกระชวยเพราะฉะนั้นโดย
00:10:40 → 00:10:43 ทั่วไปเนี่ยนะคะท่าทีลีลลักษณ์เนี่ยควรจะ
00:10:43 → 00:10:47 ต้องเป็นท่าที่ทุกทั้ง 2 ฝ่ายชื่นชอบนะฮะ
00:10:47 → 00:10:50 แล้วก็ตื่นเต้นเร้าใจหรือมีอะไรแปลกๆใหม่
00:10:50 → 00:10:56 ๆนะคะอันเนี้ยมันจะได้มีคำตอบในเรื่องของ
00:10:56 → 00:10:58 การสร้างเสริมอารมณ์รักให้ตื่นเต้นตลอด
00:10:58 → 00:11:01 เวลาเวลาแต่ทั้งหมดทั้งมวลเนี่ยนะคะจาร์
00:11:01 → 00:11:05 วิภาอยากให้มันมีสเต็ปนะคะไม่ใช่ว่ามาถึง
00:11:05 → 00:11:08 เราไม่ใช่เป็นหนัง x นะชีวิตเราเนี่ยค่ะ
00:11:08 → 00:11:13 เอ่อหนังเอ็คุณคุณสิริพรทันมั้ยคะท่ะจะ
00:11:13 → 00:11:15 ต้องบอกว่าสมัยก่อนเนี่ยมันจะมีเรทใช่
00:11:15 → 00:11:20 มั้ยคะเรท R เนาะแล้วก็ x 2x 3x อะไร
00:11:20 → 00:11:22 อย่างเงี้ยนะคะไอ้ประเภท 2 3X เนี่ยไม่
00:11:22 → 00:11:25 ต้องพูดถึงมาถึงก็ว่ากันไปเลยนะฮะซึ่งไม่
00:11:26 → 00:11:29 มีอารัมภบทอะไรมานะฮะซึ่งสมัยก่อนก็จะบอก
00:11:29 → 00:11:32 ว่าผู้หญิงเราเนี่ยชอบหนังอานะคะเพราะ
00:11:32 → 00:11:35 หนังอาเนี่ยอมันจะไล่อารมณ์มันจะบิอารมณ์
00:11:35 → 00:11:38 มาแล้วก็ให้เกิดจินตนาการแล้วคิดเอาเอง
00:11:38 → 00:11:41 ว่าเป็นยังไงนะฮะแต่ว่าถ้าเป็นหนัง x
00:11:41 → 00:11:43 เนี่ยมันก็จะโจ๋งครึ่มนะคะเห็นในเรื่อง
00:11:43 → 00:11:46 ของการร่วมเพศอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยแล้วก็
00:11:46 → 00:11:49 ไม่มีไม่มีเรื่องราวอะไรมาก็ตั้งแต่ระดับ
00:11:50 → 00:11:54 1x 2x 3x ไอ้ 3x มาถึงก็ลีลาพันตูกัน
00:11:54 → 00:11:56 เลยอะไรอย่างเงี้ยนะคะซึ่งสิ่งเหล่าเนี้ย
00:11:57 → 00:12:00 มันไม่โอเคถ้าเราจะมีมีเซ็ก์ระหว่างคนรัก
00:12:00 → 00:12:04 กับเราเนี่ยนะฮะมันจะต้องมีการไต่ระดับ
00:12:04 → 00:12:07 เหมือนหนังอามาก่อนค่ะนะมันจึงจะบิอารมณ์
00:12:07 → 00:12:09 ได้เพราะั้นต้องเข้าใจว่าผู้หญิงกับผู้
00:12:09 → 00:12:12 ชายไม่เหมือนกันนะฮะผู้ชายคือเตาแก๊สผู้
00:12:12 → 00:12:15 หญิงคือเตาถ่านกจะจุดต้องหล่อหลอมให้ผู้
00:12:15 → 00:12:18 หญิงค่อยๆร้อนค่อยๆลุกค่อยๆคุขึ้นมานะคะ
00:12:18 → 00:12:21 ในขณะที่ผู้ชายเปิดปุ๊บติดปั๊บเนี่ยแต่
00:12:21 → 00:12:24 ถ้าเราจะร่วมรักกับคนที่เรารักเราต้อง
00:12:24 → 00:12:29 เข้าใจนะฮะอืถึงว่าทำไมเอ่อความรักเนี่ย
00:12:29 → 00:12:31 มันถึงคู่กับการมีเซ็กซ์เพราะว่ามันมันมี
00:12:31 → 00:12:33 เรื่องนี้ด้วยพอพอมันไม่เข้ากันมันไม่
00:12:33 → 00:12:36 อะไรปุ๊บเนี่ยมันจะแบบออใชใชค่ะนะฮะมันก็
00:12:36 → 00:12:39 ไปกลายเป็นเรื่องใหญ่ใช่มั้ยคะนะฮะจาร
00:12:39 → 00:12:41 วิภาอยากให้เริ่มด้วยการพูดคุยไถ่ถามก่อน
00:12:41 → 00:12:45 นะฮะคือการสื่อสารกันสื่อสารกันแบบที่หา
00:12:45 → 00:12:48 จุดที่เราพอใจหรือทำไมเราไม่แฮปปี้กับ
00:12:48 → 00:12:50 เซ็กซ์ล่ะอย่างเช่นสมมุติว่าคุณผู้ชาย
00:12:50 → 00:12:54 สะกิดคุณผู้หญิงว่าน้องเรามาอะไรนะเรามา
00:12:54 → 00:12:58 จิ๊จ๊ะกันนะผู้หญิงหันหลังให้ไม่เอาเบื่อ
00:12:58 → 00:13:01 อะไรเงี้ยนะเราก็อาจจะมาถามกันว่าทำไมล่ะ
00:13:01 → 00:13:05 มันไม่ดีตรงไหนน้องชอบอะไรพี่จะได้เสริม
00:13:05 → 00:13:08 ให้ตามตามนั้นหรือพี่ชอบอะไรน้องจะได้
00:13:08 → 00:13:10 ช่วยตามนั้นอะไรอย่างเงี้ยนะคะเพราะ
00:13:10 → 00:13:14 ฉะนั้นนี่คือหาจุดที่เราพอใจเพื่อที่จะ
00:13:14 → 00:13:18 แก้ไขข้อผิดพลาดหรือสนองตอบต่อความพึงพอ
00:13:18 → 00:13:22 ใจเพราะบางเรื่องเนี่ยเราขี้มักจะอืมอะไร
00:13:22 → 00:13:25 อ่ะไม่กล้าพูดกับเรื่องเหล่านี้ซึ่งจริงๆ
00:13:25 → 00:13:27 มันเป็นเรื่องจำเป็นจันท์วิภาจะพูดเสมอ
00:13:27 → 00:13:31 ว่าสามีภรรยาเนี่ยเราจะเป็นเหมือนพ่อครัว
00:13:31 → 00:13:34 กับแม่ครัวที่ปรุงอาหารให้กันกินนะคะถ้า
00:13:34 → 00:13:36 ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่บอกว่าตัวเองชอบกิน
00:13:36 → 00:13:39 อะไรอีกฝ่ายเขาคก็จะปรุงอย่างที่เขาชอบ
00:13:39 → 00:13:41 เหมือนคุณสุรีพรเนี่ยคุณสุรีพรบอกคุณ
00:13:41 → 00:13:45 สุรีพรชอบกะเพราหมูสับค่ะแต่จารย์วิภาชอบ
00:13:45 → 00:13:47 กินกะเพราไก่จวิภาก็เลยเสิร์ฟกะเพราไก่
00:13:48 → 00:13:50 ให้คุณสุรีพรทุกวันซึ่งไม่ได้กินกะเพรา
00:13:50 → 00:13:53 ไก่นะฮะหรือแม่จะชอบกะเพราไก่เหมือนกัน
00:13:53 → 00:13:56 น่ะแต่ชอบแบบสับกับแบบหั่นชิ้นน่ะมันก็
00:13:56 → 00:13:58 ไม่เหมือนกันนะอะไรอย่างนี้เป็นต้นอือ
00:13:58 → 00:14:01 เพราะฉะนั้นเล็กๆน้อยๆไงควรจะคุยกันนะคะ
00:14:01 → 00:14:05 ควรจะสื่อสารกันถามไถ่กันอืมันก็จะเขินๆ
00:14:05 → 00:14:08 กันนิดนึงหรือว่าแบบใหม่ๆมันก็จะเขินค่ะ
00:14:08 → 00:14:11 แต่ไปๆแล้วมันก็แล้วก็ระหว่างกันเนี่ยบาง
00:14:11 → 00:14:14 ทีสามีภรรยาเจะมีรหัสลับกันน่ารักนะในบาง
00:14:14 → 00:14:17 คู่อ่ะคือแทนที่เขาจะชวนกันว่าเออเราไปมี
00:14:17 → 00:14:22 เซ็กกันเค้าก็ไม่ใช่น้องวันนี้เอ่อเดี๋ยว
00:14:22 → 00:14:26 ไปเราไปกดปุ่มหัวเตียงกันมอะไรอย่างเงี้ย
00:14:26 → 00:14:30 นะคะหรือวันนี้เรามาภากันมั้ยอะไรอย่าง
00:14:30 → 00:14:33 เงี้ซักักแล้วอ่าแล้วแต่รหัสของแต่ละคู่
00:14:33 → 00:14:37 อะไรอย่าเงี้ยนะคะค่ะแล้วก็อันที่ 2 นะคะ
00:14:37 → 00:14:40 อยากให้มีการกระตุ้นระหว่างวันนะฮะเช่น
00:14:40 → 00:14:44 วางแผนหรือมีการชักชวนกันล่วงหน้านะคะ
00:14:44 → 00:14:46 เพื่อที่จะทำให้อีกฝ่ายเกิดจินตนาการว่า
00:14:46 → 00:14:49 เออวันนี้แหละวันนี้วันวันสำคัญอะไรอย่าง
00:14:49 → 00:14:52 เงี้ยนะคะอาจจะบอกว่าอย่าลืมนะตัวเอง
00:14:52 → 00:14:55 เดี๋ยววันเสาร์นะเป็นวันที่เรานัดกันจำ
00:14:56 → 00:14:59 ได้มั้ยอะไรอย่างเงี้ยนะคะนี่เราไปเราไป
00:14:59 → 00:15:04 ซื้อผ้าปูที่นอนใหม่แล้วนะนี่เราเปลี่ยน
00:15:04 → 00:15:07 กลิ่นน้ำหอมในห้องแล้วนะดูชุดนอนนะอ่านี่
00:15:07 → 00:15:09 ชุดนอนนี่เราสั่งมานี่เห็นมั้ยทางออนไลน์
00:15:09 → 00:15:12 นี่มาอย่างเงี้ยตัวเองชอบเป่าอะไรอย่าง
00:15:12 → 00:15:15 เงี้ยนะฮะสมมตินี่คือการวางแผนนะคะเพื่อ
00:15:15 → 00:15:17 อีกฝ่ายนึงเกิดการจินตนาการแล้วก็รอคอย
00:15:17 → 00:15:21 ด้วยใจจดใจจ่อว่าเอ๊ะฉันจะได้อะไรกลัวแต่
00:15:21 → 00:15:23 จะไปถึงวันเสาร์นี้คือแบบว่าโอ๊ยเจองานเข
00:15:24 → 00:15:26 ไปเหี่ยวหมดแล้วเหลือเลยนะอันนี้ก็คือ
00:15:26 → 00:15:29 เพิ่มความตื่นเต้นแล้วก็เกิดให้เกิดความ
00:15:29 → 00:15:31 ต้องการแล้วก็การตั้งตารอนะฮะคือคนเราไม่
00:15:31 → 00:15:34 ได้มีเซ็กกันทุกวันนะคะแต่งานใหม่ๆเี่มัน
00:15:34 → 00:15:37 อาจจะถี่หน่อยแต่ว่าพอไปๆแล้วเนี่ยหน้า
00:15:37 → 00:15:40 ที่การงานอะไรต่างๆเนี่ยมันก็จะทำให้เรา
00:15:40 → 00:15:43 มีเซ็ก์กันน้อยลงแต่ไม่ควรขาดนะคะเพราะ
00:15:43 → 00:15:45 ฉะนั้นการที่เรานัดหมายกันล่วงหน้าอย่า
00:15:45 → 00:15:48 เงี้ยว่าเออวันนี้เราปลอดแล้วไม่ต้องคิด
00:15:48 → 00:15:50 เรื่องงานไม่ต้องอะไรอย่างเงี้ยหรือว่า
00:15:50 → 00:15:53 เอ่อทำให้เราเกิดจินตนาการนะคะอันที่ 3
00:15:53 → 00:15:56 ก็คือมีการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศใหม่ๆนะคะ
00:15:56 → 00:16:00 เช่นอาจจะมีการจุดเทียนมีกลิ่นหอมประดับ
00:16:00 → 00:16:03 ไฟตกแต่งห้องอะไรก็ได้นะฮะหรือแม้แต่
00:16:03 → 00:16:06 เสื้อผ้านะฮอาจจะหาเสื้อผ้าชุดที่เซ็กซี่
00:16:06 → 00:16:10 หรือชอบคอสเพยนะคะแหมวันนี้อยากเอ่ออะไร
00:16:10 → 00:16:13 อ่ะเป็นอาชีพนี้อ่านะคะอยากให้เธออาชีพ
00:16:13 → 00:16:16 นี้อาชีพนี้อะไรก็แล้วแต่หรือบทบาทสมมุติ
00:16:16 → 00:16:19 เล่นกันก็ได้แหมวันนี้อยากเล่นถูกโจรข่ม
00:16:19 → 00:16:22 ขืนบกบุกอ่ะทำไงดีอะไรอย่างเงี้ยนะคะก็
00:16:22 → 00:16:25 เล่นกันไปเราเล่นกันอยู่ 2 คนในห้องจะ
00:16:25 → 00:16:29 อะไรล่ะนะไม่ต้องตั้งกล้องนะจ๊ะค่ะแล้วก็
00:16:29 → 00:16:31 อ่ะเสียงเพลงนะฮะอาจจะมีส่วนเพราะว่า
00:16:31 → 00:16:33 เสียงเพลงเนี่ยคนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าเป็น
00:16:34 → 00:16:37 เพลงอารมณ์โรแมนติกหรือเพลงเบาๆดีแต่บาง
00:16:37 → 00:16:40 คนนะคะที่จันวิภามีประสบการณ์มาบางคนชอบ
00:16:40 → 00:16:43 เพลงร็อแล้วเกิดอารมณ์บางคนชอบเสียง
00:16:43 → 00:16:45 เครื่องยนต์อะไรอย่างเงี้ยแต่ไอ้เสียง
00:16:46 → 00:16:47 เหล่านี้มันก็ต้องเป็นเสียงที่ทั้งคู่พอ
00:16:47 → 00:16:51 ใจนะคะไม่ใช่มาบึมๆๆๆๆๆแล้วมันไม่
00:16:51 → 00:16:56 โอเคอะไรอย่างงี้เป็นต้นอันต่อไปค่ะกระจก
00:16:56 → 00:16:59 ค่ะนะฮะบางคนเนี่ยเเค้าบอกว่ามีเซ็กกัน
00:16:59 → 00:17:01 หน้ากระจกเนี่ยสมมุติเรามีกระจกบานใหญ่
00:17:01 → 00:17:04 นะะที่เราใช้ส่องเนี่ยอาจจะมายืนมีอะไร
00:17:04 → 00:17:07 กันหรือเร้าโลมกันหน้ากระจกมันทำให้เรา
00:17:07 → 00:17:09 เห็นภาพสะท้อนนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:17:09 → 00:17:12 อันเนี้ยตามโรงแรมใหญ่ๆเนี่ยหรือโรงแรม
00:17:12 → 00:17:14 มั่นรูปบางทีเคก็ติดกระจก 6 ด้านเลยนะฮะ
00:17:14 → 00:17:17 บนเพดานแล้วก็ฝาอีก 4 ด้านอะไรอย่างเงี้ย
00:17:17 → 00:17:20 เพื่อให้เห็นภาพสะท้อนนะคะเห็นรูปร่าง
00:17:20 → 00:17:24 เห็นปฏิกิริยาท่าทางของกันและกันนะคะทำ
00:17:24 → 00:17:26 ให้อารมณ์มันพรุ่งพล่านหรือตื่นเต้นขึ้น
00:17:26 → 00:17:29 มาได้เรื่อยๆอไม่หน้ากระจกขายดี
00:17:29 → 00:17:33 นะคะอันต่อไปนะคะการมีเซ็ก์ก็ไม่ได้จำกัด
00:17:33 → 00:17:37 อยู่แค่บนเตียงค่ะนะคะเราอาจจะมีที่โซฟา
00:17:37 → 00:17:40 ที่โต๊ะห้องครัวห้องน้ำที่เฉลียงที่
00:17:40 → 00:17:43 ระเบียงหรือแม้แต่ Outdoor ก็ได้ในบาง
00:17:43 → 00:17:46 กรณีนะคะอันนี้ต้องคำนึงถึงอะไรคะถึงความ
00:17:46 → 00:17:50 ปลอดภัยไม่ใช่เดี๋ยวมีคนมาแอบดูมาแอบส่อง
00:17:50 → 00:17:53 ถ่ายถ่ายคลิปหรือว่าหรือว่าเสี่ยงต่อ
00:17:53 → 00:17:56 อันตรายนะฮะอันนี้ก็ต้องดูด้วยนะฮะแต่การ
00:17:56 → 00:17:57 เปลี่ยนบรรยากาศเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่
00:17:57 → 00:18:01 โอเคโคแล้วก็ระวังลูกเห็นด้วยนะคะถ้าไป
00:18:01 → 00:18:03 ตามที่ต่างๆให้มั่นใจว่าลูกกลับอยู่ใน
00:18:04 → 00:18:06 ห้องเรียบร้อยแล้วนะคะอันต่อไปค่ะอาจจะ
00:18:06 → 00:18:09 เปลี่ยนสถานที่หรือบรรยากาศเช่นจากบ้าน
00:18:09 → 00:18:12 เราซ่ำซากจำเจใช่มั้ยคะเปลี่ยนไปเป็นที่
00:18:12 → 00:18:16 ทะเลมงที่ภูเขาบ้างนะคะเพื่อแก้เบื่อหรือ
00:18:16 → 00:18:19 สร้างความทรงจำใหม่ๆนะฮะที่ทำให้เรารู้
00:18:19 → 00:18:21 สึกว่าเออเราเปลี่ยนบรรยากาศมงเน้อมันซ้ำ
00:18:21 → 00:18:25 ซากจ้ำเจ๊อะไรอย่างเงี้ยนะคะอันต่อไปค่ะ
00:18:25 → 00:18:28 ปกติแล้วผู้ชายเมักจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่าย
00:18:28 → 00:18:30 เริ่มลองเปลี่ยนให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่ม
00:18:30 → 00:18:34 ดูบ้างนะฮะแล้วก็เป็นฝ่ายควบคุมกิจกรรม
00:18:34 → 00:18:38 รักบ้างหรือเลือกท่าบ้างอะไรบ้างนะฮะมี
00:18:39 → 00:18:42 การแสดงออกทำให้ผู้ชายรู้สึกเอ๊บตื่นเต้น
00:18:42 → 00:18:45 แปลกใจวันนี้มาแปลกอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:18:45 → 00:18:48 แล้วก็อันต่อไปค่ะอาจจะมีเรื่องของการใช้
00:18:48 → 00:18:52 เซ็กซทอยนะคะหรือของแปลกๆใหม่ๆอาจจะไม่
00:18:52 → 00:18:55 ต้องอันนี้แล้วแต่แล้วแต่นะคะก็คือบางคน
00:18:55 → 00:18:59 อาจจะใช้พวกโซ่แซ่กุญแจมือนะคะซึ่งซึ่งใน
00:18:59 → 00:19:01 ภาษาอังกฤษเนี่ยเขาจะเรียกว่า
00:19:01 → 00:19:06 bdsm bdsm ค่ะย่อมาจากอะไรบ้างนะฮะ B เ
00:19:06 → 00:19:07 ย่อมาจากคำว่า bandage ซึ่งแปลว่า
00:19:07 → 00:19:10 พันธนาการนะคะ D เนี่ยมาจากคำว่า
00:19:10 → 00:19:13 discipline หรือ dominance discipline
00:19:13 → 00:19:17 ก็คือการลงโทษ dominance ก็คือการปกครอง
00:19:17 → 00:19:19 ตัว S มาจากคำว่า submission ซึ่งแปลว่า
00:19:19 → 00:19:23 การยินยอมก็ได้หรือมาจากคำว่า sadism
00:19:23 → 00:19:26 ซึ่งแปลว่าเ่อชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดก็ได้
00:19:26 → 00:19:29 นะฮะแล้วตัว M เนี่ยมาจากคำว่ามาซิมซึ่ง
00:19:30 → 00:19:34 แปลว่าชอบความเจ็บปวดนะฮะคือซาดิกับ
00:19:34 → 00:19:37 มาโซคิสเนี่ยมันมักจะคู่กันนะฮะซึ่งอาจจะ
00:19:37 → 00:19:39 ไม่ต้องถึงขั้นนี้ก็ได้แต่ว่าขึ้นอยู่กับ
00:19:40 → 00:19:43 แต่ละคู่เข้าใจนะคะเอ่อมันมีหนังเรื่อง
00:19:43 → 00:19:46 ลึงเรื่องเอ่อ 6 Shade of Gray เคยได้
00:19:46 → 00:19:48 ยินใช่มั้ยคะเป็นหนังที่ค่อนข้างดังใน
00:19:48 → 00:19:52 ต่างประเทศน่ะพระเอกเขามีรสนิยมเรื่องนี้
00:19:52 → 00:19:55 แล้วปรากฏว่าเมาเจอนางเอกซึ่งตอบสนองเาอ
00:19:55 → 00:19:59 นะฮะก็ทำให้เขาแฮปปี้กับความรักมากแต่ก็
00:19:59 → 00:20:01 ถามว่านางเอกชอบเรื่องนี้มาก่อนมั้ยไม่
00:20:01 → 00:20:05 แต่เรียนรู้เรียนรู้แล้วก็ชื่นชอบในสิ่ง
00:20:05 → 00:20:08 ที่พระเอกทำอืพระเอกเค้าก็จะถามว่า
00:20:08 → 00:20:10 อันเนี้ยไหวมั้ยอันนี้ยอมมั้ยอันนี้ได้
00:20:10 → 00:20:13 มั้ยอะไรอย่างเงี้ยนะคะเค้าก็ไม่ได้ไม่
00:20:13 → 00:20:17 ได้หักหาแบบแบบเป็นลักษณะบังคับนะคะก็
00:20:17 → 00:20:21 แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวทางเพศของของแต่
00:20:21 → 00:20:26 ละฝ่ายนะคะอันที่ 9 ค่ะบางทีก็คงต้องลด
00:20:26 → 00:20:28 ความสนใจในโลกออนไลน์ลง
00:20:28 → 00:20:32 เช่นบางคนเนี่ยสนใจจแต่เล่นโทรศัพท์จนลืม
00:20:32 → 00:20:35 เรื่องเซ็ก์อันเนี้ยนะฮะเป็นต้นเหตุของ
00:20:35 → 00:20:37 ของการที่ทำให้เราเบื่อหน่ายเรื่องเซ็กซ์
00:20:37 → 00:20:40 เนี่ยมากบางคนเนี่ยสนุกกับการดูหนังโโป๊
00:20:40 → 00:20:43 ในในในโทรศัพท์มากกว่าที่จะมามีเซ็ก์กับ
00:20:43 → 00:20:46 ภรรยาตัวเองค่ะอันเนี้ยไม่โอเคนะคะต้อง
00:20:46 → 00:20:49 ต้องต้องพยายามปรับทั้งสามีภรรยาภรรยาบาง
00:20:49 → 00:20:52 คนก็ติดกับการแชทกับใครต่อใครจนลืมเรื่อง
00:20:52 → 00:20:56 เซ็ก์กับสามีหรือในระหว่างนั้นก็แบบแรบพ
00:20:56 → 00:20:58 อีกฝ่ายนึงมีอารมณ์รักขึ้้นมาเนี่ยเนี่ย
00:20:58 → 00:20:59 แล้วมาเห็นอีกฝ่ายเล่นโทรศัพท์เนี่ยมัน
00:20:59 → 00:21:02 หงุดหงิดนะใช่ๆมันเคืองนะอะไรอย่างเงี้ย
00:21:03 → 00:21:04 นะฮะเพราะฉะนั้นอันเนี้ยต้องลดลงถ้าเรา
00:21:04 → 00:21:07 อยากจะรักษาความรักของเราไว้นะคะและ
00:21:07 → 00:21:11 ประการสุดท้ายค่ะ้าทีดีลารักที่เราจะชวน
00:21:11 → 00:21:14 เล่นกันเนี่ยนะฮะก็ควรจะต้องมีการเปลี่ยน
00:21:14 → 00:21:17 แปลงแปลกใหม่ถ้าไหนที่เราชื่นชอบเนี่ยเรา
00:21:17 → 00:21:21 ก็คงอยู่แต่ไม่ใช่ใช้จนซ้ำๆๆอันก็วนหลูบ
00:21:21 → 00:21:24 กลับมาใหม่ได้นะฮะแต่ต้องให้นึกถึงความ
00:21:24 → 00:21:28 ยินยอมและความปลอดภัยเสมอไม่ใช่ว่าฝ่าย
00:21:28 → 00:21:31 อย่างเช่นสมมติจะเล่นเซ็กทอยหรือเล่นโซ่
00:21:31 → 00:21:34 แซ่กุญแจมือแต่อีกฝ่ายนึงไม่โอเคอ่ะคนะฮะ
00:21:34 → 00:21:38 ก็ไม่ควรทำนะฮะต้องเป็นการยินยอมพร้อมใจ
00:21:38 → 00:21:40 ของทั้ง 2 ฝ่ายนะฮะเพื่อความปลอดภัยด้วย
00:21:40 → 00:21:44 อะไรด้วยหลายอย่างนะคะว่าอีกฝ่ายนึงนะชอบ
00:21:44 → 00:21:47 หรือไม่ชอบเพราะอะไรแล้วก็เรื่องท่าทาง
00:21:47 → 00:21:49 เนี่ยต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆไม่ให้ซ้ำ
00:21:49 → 00:21:52 ซากจำเจเพื่อเกิดความตื่นเต้นเร้าใจอื
00:21:52 → 00:21:55 เพราะฉะนั้นบางท่าเนี่ยจะถามว่าท่าไหนดี
00:21:55 → 00:21:59 ไม่ดีเนี่ยมันขึ้นกับสระนะคะอย่างเช่นบาง
00:21:59 → 00:22:03 คู่เนี่ยยกตัวอย่างว่าถ้าที่คุณผู้ชาย
00:22:03 → 00:22:06 เนี่ยเข้าข้างหลังนะฮะแล้วมีเซ็ก์ทางด้าน
00:22:06 → 00:22:09 หลังเข้าทางด้านหลังผู้หญิงเนี่ยหลายคู่
00:22:09 → 00:22:13 ก็บอกว่าเออดีเอ่อรู้สึกว่าสอดใส่องชาติ
00:22:13 → 00:22:16 ได้ลึกดีได้ความรู้สึกดีแต่บางคู่บอกไม่
00:22:16 → 00:22:19 เห็นดีเลยนะคะก็เนื่องจากว่าคู่ที่บอกไม่
00:22:19 → 00:22:22 เห็นดีเนี่ยบางทีบั้นท้ายของผู้หญิงอ่ะ
00:22:22 → 00:22:26 ค่ะค่ะเอ่องอนเกินไปหรือใหญ่เกินไปนะฮะ
00:22:26 → 00:22:28 แล้วองชาติของผู้ชายเนี่ยสเกินไปเพราะ
00:22:28 → 00:22:31 เข้าข้างหลังมันก็ไม่โอเคไงค่ะนะเพราะ
00:22:31 → 00:22:33 ฉะนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นท่าอื่นที่
00:22:33 → 00:22:36 โอเคทั้งคู่เพราะนั้นนี่คือการลองหรือการ
00:22:36 → 00:22:39 ค้นหาวิจัยของคู่รักแต่ละคู่ว่าเออท่านี้
00:22:39 → 00:22:43 อยู่โอเคยท่านี้พี่ชอบมท่านี้น้องชอบมย
00:22:44 → 00:22:46 แล้วเราก็ปรับไปด้วยกันเรื่อยๆนะคะหรือ
00:22:46 → 00:22:49 บางครั้งจะจูงมือกันชวนลองของใหม่อะไร
00:22:49 → 00:22:53 ต่างๆที่มันจะเกิดขึ้นนะคะเช่นอ่าวันนี้
00:22:53 → 00:22:55 เราไปอาบน้ำด้วยแล้วเราก็มีเซ็กกันในห้อง
00:22:55 → 00:22:59 น้ำมยหรือวันนี้โอเราเรามาเช่าภูวิล่า
00:22:59 → 00:23:01 อยู่เนาะภูนี่เป็นของเราเลยไม่มีใครมา
00:23:01 → 00:23:05 ส่องเห็นแน่นอนอ่ะเราลองซิอ่าเรามีรัก
00:23:05 → 00:23:08 หวานฉ่ำกันในน้ำดูมยอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:23:08 → 00:23:11 อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทั้งคู่แสวงหาได้
00:23:11 → 00:23:13 เพราะฉะนั้นหลักการเนี่ยอาจารย์วิภาอยาก
00:23:13 → 00:23:16 เน้นที่สุดคือ 1 คือการสื่อสารระหว่าง
00:23:16 → 00:23:18 สามีภรรยาเนี่ยสำคัญที่สุดไม่ว่าจะเป็น
00:23:19 → 00:23:24 ภาษาพูดหรือภาษากายนะคะภาษากายเนี่ยยกตัว
00:23:24 → 00:23:26 อย่างเช่นเล่นโทรศัพท์เนี่ยมันก็เป็นภาษา
00:23:26 → 00:23:28 กายที่ปฏิเสธเซ็ก์นะ
00:23:28 → 00:23:31 คือมัวแต่สนใจโทรศัพ์แต่ไม่สนใจคนข้าง
00:23:31 → 00:23:34 เคียงเลยอย่างเงี้มันก็ไม่โอเคใช่นะคะอื
00:23:34 → 00:23:37 เพราะฉะนั้นคือเราก็ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็น
00:23:37 → 00:23:40 รูปแบบไหนแต่จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ขอให้
00:23:41 → 00:23:44 อยู่ในความปลอดภัยของทั้งคู่นะคะใช่ไม่
00:23:44 → 00:23:46 ใช่ว่าแบบโอ้โหอันคนนึงก็เอาหมอนกดปึ๊บ
00:23:47 → 00:23:49 อ้าไม่ไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรืออะไร
00:23:50 → 00:23:53 อย่างเงี้ยไม่ได้นะคะก็เอาเอาที่ชอบทั้ง
00:23:53 → 00:23:58 คู่ค่ะท่าไหนก็ได้ค่ะก็มีให้ดูดูเยอะค่ะ
00:23:59 → 00:24:01 เดี๋ยวดมีเลือกเยอะคัมภีร์มีมากมายเพียบ
00:24:01 → 00:24:06 เลยนะคะเออก็เอาที่สบายใจมีความสุขคือเพะ
00:24:06 → 00:24:08 มันต้องมีความสุขทั้ง 2 คนน่ะเพราะถ้าคน
00:24:08 → 00:24:11 ใดคนนึงไม่มีความสุขหรือหรือถ้าเกิดใชค่ะ
00:24:11 → 00:24:14 ไม่เก่งอย่างเงี้ยเราก็อาจจะหาเค้าเรียก
00:24:14 → 00:24:16 อะไรนะสิ่งที่เราศึกษาเพิ่มเติมได้เหมือ
00:24:16 → 00:24:19 ใช่เดี๋ยวนี้มันมีให้ศึกษาเยอะแยะไปหมด
00:24:19 → 00:24:21 ใช่นะคะมันก็มีทางทางเลือกทางออกนะคะ
00:24:21 → 00:24:24 เพราะฉะนั้นอยากให้เซ็ก์ของเราตื่นเต้น
00:24:24 → 00:24:26 มันไม่ได้มีแค่ท่าอย่างเดียวละเพราะ
00:24:26 → 00:24:27 ฉะนั้นมันมีหลายอย่างเป็นองค์ประกอบใช่
00:24:28 → 00:24:30 ค่ะนะคะอวันนี้ขอบคุณอาจารย์จันทวิภาค่ะ
00:24:30 → 00:24:33 สวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังค่ะพบ
00:24:33 → 00:24:35 กันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย
00:24:36 → 00:24:38 PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดี
00:24:38 → 00:24:41 ค่ะ This Is tha PBS podcast เนื้อ
00:24:41 → 00:24:44 สัตว์ที่ผ่านการแปรรูปมีผลวิจัยต่อสุขภาพ
00:24:44 → 00:24:47 ของมนุษย์อย่างไรหากรับประทานเข้าไปผู้
00:24:47 → 00:24:49 ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชผู้
00:24:49 → 00:24:51 เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมหาวิทยาลัย
00:24:51 → 00:24:55 ธุรกิจบัณฑิตมาเล่าให้ฟังครับมันมีข้อมูล
00:24:55 → 00:24:59 จาก Who หรือองค์การอนามัยในโลกครับเมี
00:24:59 → 00:25:02 การพบหลักฐานการศึกษาที่ชัดเจนเลยนะครับ
00:25:02 → 00:25:07 เาพบว่ามันมีพวกกลุ่มของสารก่อมะเร็งแฝง
00:25:07 → 00:25:11 อยู่ซ่อนอยู่โดยที่เราได้รับไปโดยไม่รู้
00:25:11 → 00:25:13 ตัวครับเป็นภัยเงียบแฝงต้องบอกอย่างงี้
00:25:13 → 00:25:16 ซึ่งสารก่อมะเร็งเหล่าเนี้ยที่มีอยู่ใน
00:25:16 → 00:25:19 พวกเนื้อสัตว์แปรรูปเนี้ยมันมีหลักฐานการ
00:25:19 → 00:25:22 ศึกษาวิจัยว่าเฮ้ยมันอันตรายกับสุขภาพ
00:25:23 → 00:25:26 เนี่ยเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่เลยนะเทียบ
00:25:26 → 00:25:28 เท่ากับการสูบบุหรี่ที่เพิ่มความเสี่ยง
00:25:28 → 00:25:29 ต่อการเกิดมะเร็งที่เราทราบกันดีหรือการ
00:25:30 → 00:25:33 ได้รับแร่ใยหินแอสเบสตอสจากเมืองโร่ง
00:25:33 → 00:25:36 เมืองแร่ทั้งหลายแหล่ค่ะอแล้วพวกสารก่อ
00:25:36 → 00:25:39 มะเร็งเหล่าเนี้ยเขาพบว่าอุ๊ยอถ้าเรากิน
00:25:39 → 00:25:41 เนื้อสัตว์แปรรูปทั้งหลายแหล่ไม่ว่าจะ
00:25:41 → 00:25:45 เป็นไส้กรอกเบคอนแฮมนะคนชอบมากเป็นอาหาร
00:25:45 → 00:25:47 เช้าอ่ะเวลาไปโรงแรมเนาะถ้าบ้านเรา
00:25:47 → 00:25:50 กระเถิบมาหน่อยกับหมูยอกุนเชียงซึ่งมีการ
00:25:50 → 00:25:53 ศึกษาวิจัยครับว่าเฮ้ยอาหารแปรรูปเหล่า
00:25:53 → 00:25:56 เนี้ยถ้าเรากินเยอะกินทีก็ส่งผลกระทบต่อ
00:25:56 → 00:26:00 สุขภาพแต่นานๆทีเรากินได้ครับมีข้อมูลแม้
00:26:00 → 00:26:03 กระทั่งพบว่าเ้ยเรากินแค่ 50 กรัต่อวันนะ
00:26:03 → 00:26:06 ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอกเบคอนแฮมเนี่ยเป็น
00:26:06 → 00:26:09 ประจำทุกวันนะแต่เรากินเป็นอาหารเช้าอ่ะ
00:26:09 → 00:26:11 ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรำไส้
00:26:11 → 00:26:14 ได้ถึง 18% ครับถ้าเรากินเยอะกินเป็น
00:26:14 → 00:26:18 ประจำอันเนี้ยมีผลเพราะสารที่มันแฝงอยู่
00:26:18 → 00:26:21 นะโดยเฉพาะสารก่อมะเร็งแบบที่อาจารย์บอก
00:26:21 → 00:26:24 ในกลุ่มแรกเลยคือกลุ่มสารกันบูดครับ
00:26:24 → 00:26:27 ไนเตรตไนไตรอันนี้เป็นสารกันบูดที่เป็น
00:26:27 → 00:26:31 สารเคมีที่เขาใช้ในการที่จะเพิ่มสีให้กับ
00:26:31 → 00:26:35 เนื้อสัตว์ทำให้สีโอแดงน่ารับประทานนะทำ
00:26:35 → 00:26:38 ไส้กรอกทำเบคอนอ่าถ้ากินมากเกินไปอันนี้
00:26:38 → 00:26:41 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและถ้าเราได้รับเยอะ
00:26:41 → 00:26:43 เกินไปทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยมันขึ้นอยู่
00:26:43 → 00:26:46 กับอะไรรู้มั้ครับปริมาณที่เขาใส่ว่าเกิน
00:26:46 → 00:26:50 มยอาจารย์เคยให้นักศึกษาปริญญาโททำการ
00:26:50 → 00:26:52 ศึกษาสิว่าไอ้อาหารแปรรูปที่ขายตามร้าน
00:26:52 → 00:26:55 สะดวกซื้อเนี่ยมีสารการบูดเกินมั้ยโชคดี
00:26:56 → 00:26:59 ครับที่ไม่เกินแต่เรากินมากกินบ่อยก็ไม่
00:26:59 → 00:27:00 แน่
00:27:00 → 00:27:01 [เพลง]
00:27:01 → 00:27:06 นะ This Is Toy PBS
00:27:06 → 00:27:09 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:27:09 → 00:27:12 Application ของ Thai PBS podcast
00:27:12 → 00:27:15 spotify Sound Cloud Google podcast
00:27:15 → 00:27:18 Apple podcast และ YouTube Channel
00:27:18 → 00:27:22 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:27:22 → 00:27:26 View the world via The
00:27:26 → 00:27:34 Voice
00:27:34 → 00:27:37 อ