00:00:00 → 00:00:02 ค่ะวันนี้ก็จริงๆเป็นหัวเรื่องที่น่าสนใจ
00:00:02 → 00:00:05 มากแล้วก็ในฐานะที่เราเป็นหมอสูเนี่ยคนจะ
00:00:05 → 00:00:08 ถามเรื่องนี้กันเยอะเหมือนกันครับอ๋อในใน
00:00:08 → 00:00:11 ในแง่ของความผิดปกติของของอาพูดถึงรังไข่
00:00:11 → 00:00:13 ใช่มั้ยครับจริงๆทั้งรังไข่ทั้งมดลูกนี่
00:00:13 → 00:00:15 แหละเราก็จะเจอความผิดปกติได้เช่นอาจจะมี
00:00:15 → 00:00:18 เนื้องอกหรือมีซีสใช่มั้ยครับหรือถูกน้ำ
00:00:18 → 00:00:20 เนี่ยนะครับนะถูกน้ำกับซีสคืออย่างเดียว
00:00:20 → 00:00:23 กันนะครับอ๋อพอเกิดตรงเนี้ยก็จะมีคำถาม
00:00:23 → 00:00:25 เกิดขึ้นตามมาล่ะอ้าวเราเจอมันแล้วทำไง
00:00:25 → 00:00:28 ต่อดีนะครับทิ้งไว้ได้มยนะครับหรือต้อง
00:00:28 → 00:00:31 เก็บตัวผ่าตัดครับทิ้งไว้มันกลายเป็นร็ง
00:00:32 → 00:00:35 หรือมันจะยุเนะครับนะเนี่ยเป็นเป็นสิ่ง
00:00:35 → 00:00:39 ที่เคนไขก็จะสงสัยแล้วก็สิ่งนึงที่สำคัญ
00:00:39 → 00:00:41 ก็คือในแง่ของหมอเนี่ยหมอก็ต้องตัดสินใจ
00:00:41 → 00:00:44 ด้วยว่าเราจะเลือกทางรักษาไหนให้เหมาะสม
00:00:44 → 00:00:46 สำหรับคนไข้นะครับเพราะฉะนั้นเอ่อวันนี้
00:00:46 → 00:00:49 เราก็จะมาคุยเรื่องนี้กันนะครับค่ะก่อน
00:00:49 → 00:00:52 อื่นนะครับหมอหมอขออธิบายเป็นพื้นฐานไว้
00:00:52 → 00:00:55 ก่อนแยกความแตกต่างว่าไอ้ความผิดปกติ
00:00:55 → 00:00:57 เนี่ยที่เกิดขึ้นบนตัวรังไขของเราเนี่ยนะ
00:00:57 → 00:00:59 ครับเอาเอารังไขเป็นหลักก็แล้วกันนะครับ
00:00:59 → 00:01:02 ค่ะเก็จะมีความผิดปกติกว้างๆสิ่งแปลกปลอม
00:01:02 → 00:01:04 ที่มาเกิดขึ้นได้เนี่ยอันที่ 1 ที่เราได้
00:01:04 → 00:01:07 ยินกันก็มีเนื้องอกนะครับเนื้องอกเนี่ย
00:01:07 → 00:01:10 มันจะเป็นลักษณะของก้อนเนื้อแข็งๆนะครับ
00:01:10 → 00:01:14 นะส่วนลักษณะที่ 2 เนี่ยความผิดอันที่ 2
00:01:14 → 00:01:17 ก็คือถุงน้ำหรือซีสนะครับอันเนี้ยก็เป็น
00:01:18 → 00:01:20 ลักษณะของถ้าเป็นถ้าเราพูดถึงถุงน้ำก็แปล
00:01:20 → 00:01:23 ตามชื่อของมันเลยครับมันก็จะต้องเป็นเป็น
00:01:23 → 00:01:27 เหมือนกับวัตถุอันนึงที่มีผนังใช่มครับ
00:01:27 → 00:01:29 เหมือนถุงเนี่ยมีผนังแล้วข้างในเป็นของ
00:01:29 → 00:01:32 เหลวนะครับเราก็เลยเรียกมันว่าถุงน้ำ
00:01:32 → 00:01:33 เหมือนเหมือนลูกโป่งที่มีน้ำอยู่ข้างใน
00:01:33 → 00:01:35 อย่าเงี้ยนะครับซึ่งของเหลวนั้นเี่ก็จะมี
00:01:35 → 00:01:38 ลักษณะที่ต่างๆกันออกไปอย่างอย่างถ้าของ
00:01:38 → 00:01:41 เหลวข้างในเนี่ยเป็นเป็นสีเหมือนกับเลือด
00:01:41 → 00:01:43 ประจำเดือนเก่าๆสีน้ำตาลน้ำตาลสีเหมือน
00:01:43 → 00:01:44 ช็อกโกแลตเนี่ยเาก็จะเรียกว่าถุงน้ำ
00:01:44 → 00:01:47 ช็อกโกแลตหรือว่าช็อกโกแลตซีสอออย่างที่
00:01:47 → 00:01:49 บอกนะครับเพราะฉะนั้นแบ่งกลุ่มกว้างๆตอน
00:01:49 → 00:01:52 แรกเนี่ยก็คือเราจะแยกก่อนว่ามันเป็นก้อน
00:01:52 → 00:01:55 เนื้อค่ะหรือว่าเป็นถุงน้ำนะครับในกลุ่ม
00:01:56 → 00:01:57 ของก้อนเนื้อเนี่ยนะครับพูดถึงก้อนเนื้อก
00:01:57 → 00:02:00 เพราะว่ามันจะมันจะสั้นกว่านะครับกลุ่ม
00:02:00 → 00:02:02 ของก้อนเนื้อเนี่ยนะครับเ่อส่วนใหญ่เนี่ย
00:02:02 → 00:02:04 นะครับก้อนเนื้อก็จะแบ่งเป็นก้อนเนื้อที่
00:02:04 → 00:02:07 มันเป็นก้อนเนื้อผิดปกติแบบที่เป็นเนื้อ
00:02:07 → 00:02:10 งอกธรรมดานะครับซึ่งพวกเนี้ยอาจจะเป็น
00:02:10 → 00:02:12 เนื้องอกที่มันเจริญเติบโตตามการเปลี่ยน
00:02:12 → 00:02:14 แปลงของฮอร์โมนของร่างกายเราเองนะครับ
00:02:14 → 00:02:17 ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนนะ
00:02:17 → 00:02:19 ครับไอ้ไอเจ้าก้อนเนื้อแบบนี้เนี่ยนะครับ
00:02:19 → 00:02:22 เวลามันโตตามเอสโตรเจนเนี่ยก็แปลว่าถ้า
00:02:22 → 00:02:25 หากเขาอยู่ไปนะครับนะจนถึงจุดนึงที่
00:02:25 → 00:02:27 เอสโตรเจนหมดนะครับหรือร่างกายเรามี
00:02:27 → 00:02:31 เอสโตรเจนน้อยลงนะครับก้อนเนื้อเนี้ยก็จะ
00:02:31 → 00:02:34 ก็จะฝ่อลงหรือเล็กลงได้อือือ่าเพราะ
00:02:34 → 00:02:36 ฉะนั้นก้อนเนื้อกลุ่มเยครับที่เป็นก้อน
00:02:36 → 00:02:38 เนื้อที่เป็นลักษณะเนื้อปกตินะครับแล้ว
00:02:38 → 00:02:41 เป็นเนื้อปกติชนิดที่เจริญเติบโตตามการ
00:02:41 → 00:02:44 กระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนเนี่ยบางครั้ง
00:02:44 → 00:02:46 เราไม่ต้องไปผ่าตัดก็ได้เราแค่ตามดูเขาไป
00:02:46 → 00:02:49 นะครับว่าเขาไม่ใหญ่จนกระทั่งไปเกิดปัญหา
00:02:49 → 00:02:53 เช่นไปทำให้ปวดท้องไปทำให้เ่อไปกดเบียด
00:02:53 → 00:02:55 การทำงานของรังไขทำให้รังไขผิดปกติหรือ
00:02:55 → 00:02:57 ประจำเดือนผิดปกติคือถ้ามันไม่มีอาการ
00:02:57 → 00:03:00 ต่างๆนะครับแค่เจอเป็นก้อนเนื้อเฉเฉยๆ
00:03:00 → 00:03:03 แล้วเป็นก้อนเืลักษณะปกติเนี่ยเอ่อเราติด
00:03:03 → 00:03:05 ตามดูไปนะครับเหมือนกับตรวจภายในประจำปี
00:03:06 → 00:03:07 ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเมื่อเราเข้าสู่หมด
00:03:07 → 00:03:10 ประจำเดือนเนี่ยไอ้ก้อนเนี้มันก็จะฝอไป
00:03:10 → 00:03:12 เองเพราะไม่มีฮอโมนเเจนมากระตุ้นแล้วค่ะ
00:03:12 → 00:03:16 อืหรือในทางกลับกันสมมุติเราเห็นว่าก้อนเ
00:03:16 → 00:03:19 เทำธาตุจะโตขึ้นใช่มครับแล้วเรารู้ว่ามัน
00:03:19 → 00:03:23 มาจากเอสโตรเจนวิธีการก็คือเราก็ให้ยาจาก
00:03:23 → 00:03:26 ภายนอกที่ไปยับยั้งเอสโตรเจนซะนะครับเช่น
00:03:27 → 00:03:29 ไปไปต้านไปต้านการตเอสโตรเจนหรือให้ยาที่
00:03:29 → 00:03:31 โปเจคสโลนซึ่งมันไปต้านฤทธิ์กันเนี่ยนะ
00:03:31 → 00:03:34 ครับมันก็เท้ากับเป็นการควบคุมไอ้ก้อนนี้
00:03:34 → 00:03:37 ไปโดยปริยายค่ะเพราะฉะนั้นหลายๆกรณีของ
00:03:37 → 00:03:39 ก้อนเนื้อเนี่ยก็เลยไม่ต้องลงเอยด้วยการ
00:03:39 → 00:03:42 ผ่าตัดนะครับแล้วกลุ่มที่ต้องผ่าตัดนี่ก็
00:03:42 → 00:03:44 จะเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ก้อนเนื้อปกติแล้ว
00:03:44 → 00:03:45 เป็นก้อนเนื้อที่เราเห็นแล้วเป็นก้อน
00:03:45 → 00:03:48 เนื้อลักษณะเป็นมเร็งค่ะนะครับหรือก้อน
00:03:48 → 00:03:50 เนื้อที่มีขนาดใหญ่มากๆจนทำให้เกิดอาการ
00:03:50 → 00:03:53 เจ็บปวดบางทีไม่ได้เจ็บปวดที่ตัวกลังไข่
00:03:53 → 00:03:54 เองแต่ว่าพอมันใหญ่เนี่ยมันไปกดเบียด
00:03:54 → 00:03:58 อวยวะข้างเคียงแเช่นไปกดกระเพาะปัสสาวะทำ
00:03:58 → 00:04:00 ให้เราป่วดปัสสาวะบ่อยๆกลายเป็นปัสสวะติด
00:04:00 → 00:04:02 เชื้อบ่อยๆปัสสวะไม่สุดเข้าห้องน้ำแล้วก็
00:04:02 → 00:04:04 ต้องเข้าอีกอะไรอย่างเงี้ยนะฮะกั้น
00:04:04 → 00:04:06 ปัสสาวะไม่อยู่อะไรเงี้ยอแสดงว่าไอ้ตก้อน
00:04:06 → 00:04:09 เยมันเริ่มไปเริ่มเริ่มไปกดเบียดแล้วก็ทำ
00:04:09 → 00:04:12 ให้เกิดปัญหากับอวะข้างเคียงะหรือบางที
00:04:12 → 00:04:14 ไม่ได้ไม่ได้กดมาทางด้านหน้าทางปัสสาวะ
00:04:14 → 00:04:17 แต่ไปกดทางด้านหลังก็ไปกดที่ลำไส้ใช่ม
00:04:17 → 00:04:19 ครับโดยลำไส้ส่วนปลายส่วนลำไส้ใหญญ่ส่วน
00:04:19 → 00:04:22 ปลายที่จะลงไปที่ทวารหลักถูกกดเบียดเข้าๆ
00:04:22 → 00:04:25 อุจาระเคลื่อนไม่สะดวกกลายเป็นท้องผูกอ่า
00:04:25 → 00:04:28 ท้องผูกถ่ายไม่ออกลำไส้อดตันหรือว่าท้อง
00:04:28 → 00:04:30 ผูกจนกระทั่งต้องเบ่งมากๆต้องมีษีดวงตาม
00:04:30 → 00:04:33 มาอะไรอย่างเงี้ยก็คือถ้าก้อนเนื้อเป็น
00:04:33 → 00:04:35 ลักษณะที่มันใหญ่จนกระทั่งมันไปก่ออาการ
00:04:35 → 00:04:38 ทำให้ปวดหรือไปกดเบียดอวัยวะอื่นๆนะครับ
00:04:38 → 00:04:40 หรือเป็นก้อนเนื้อที่หน้าตายเป็นมะเร็ง
00:04:40 → 00:04:43 อันนั้นน่ะต้องผ่าตัดแน่นอนค่ะอ่าเพราะ
00:04:43 → 00:04:45 ฉะนั้นถ้าเป็นกลุ่มก้อนเนื้อเนี่ยเราก็ดู
00:04:45 → 00:04:47 อย่างเงี้ยนะครับว่าถ้ามันเป็นส่วนที่มัน
00:04:47 → 00:04:50 มันจะมันจะฝ่อไปเองเเมื่อหมดประจำเดือน
00:04:50 → 00:04:53 เนี่ยเราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันนะครับค่ะ
00:04:53 → 00:04:56 ถ้านี้มาที่ถุงน้ำบ้างจริงๆถุงน้ำเนี่ยก็
00:04:56 → 00:04:58 ลักษณะคล้ายๆกันครับถุงน้ำหรือซีสเนี่ยนะ
00:04:58 → 00:05:01 ครับค่ะถ้าเราแบ่งประเภทกันเนี่ยนะครับ
00:05:01 → 00:05:03 อย่างประโยคที่เราคุยกันตามหัวข้อวันนี้
00:05:03 → 00:05:05 ก็คือถุมน้ำที่รังไข่เนี่ยเป็นเองได้กว่า
00:05:05 → 00:05:08 หายเองได้อันนี้ก็ถูกครับแต่มันต้องแบ่ง
00:05:08 → 00:05:11 เป็นบางประเภทที่จะเป็นแบบนี้อครับแสดง
00:05:11 → 00:05:13 ว่ามีหลายประเภทมากเลยใช่มั้ยคะมีหลาย
00:05:13 → 00:05:16 ประเภทครับเอาเอาง่ายๆนะครับหมอจะแบ่ง
00:05:16 → 00:05:18 เป็นประเภทกว้างๆให้ให้แต่ละท่านลอง
00:05:18 → 00:05:21 จินตนาการตามไปเรื่อยๆนะครับค่ะเอ่อ
00:05:21 → 00:05:24 ลักษณะการเกิดถุงน้ำที่รังไข่นะครับจริงๆ
00:05:24 → 00:05:26 ส่วนใหญ่เนี่ยมันจะเป็นลักษณะที่เป็นไป
00:05:27 → 00:05:31 ตามกลไกของระบบเจริญรของผู้หญิงนั่นแหละ
00:05:31 → 00:05:33 นะครับระบบระบบเจริญพันธุ์ของผู้หญิงเรา
00:05:33 → 00:05:35 เนี่ยก็คือในรังไข่ของเราทั้ง 2 ข้าง
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยนะครับมันจะมีเซลล์ไข่อยู่ข้างใน
00:05:38 → 00:05:41 นั้นนะครับซึ่งเซลล์ไข่เนี่ยนะครับมันจะ
00:05:41 → 00:05:43 มีซ่อนอยู่แล้วล่ะตั้งแต่เราเกิดมานะครับ
00:05:43 → 00:05:46 มีเป็นโอเป็นแสนเซลล์อ่ะครับซ่อนอยู่แล้ว
00:05:46 → 00:05:49 ก็แต่ละเดือนเนี่ยมันจะมีฮอร์โมนจากต่อม
00:05:49 → 00:05:52 ใต้สมองนะครับมาเป็นตัวกระตุ้นให้รังไข่
00:05:52 → 00:05:54 เนี่ยค่อยๆบึงเอาเซลล์ที่จะเป็นไข่นะครับ
00:05:54 → 00:05:56 ซึ่งเรามีอยู่เก็บไว้ตั้งเยอะเนี่ยก็ดึง
00:05:56 → 00:05:59 มาเดือนละเซลล์เดือนละเซลแล้วค่อยๆเจริญ
00:05:59 → 00:06:01 เติบโเป็นไข่ที่สุกแล้วก็ตกไข่ก็เหมือน
00:06:01 → 00:06:03 กับเราก็ตกไข่เดือนละใบเดือนละใบแล้วก็ตก
00:06:03 → 00:06:07 ไข่เราก็มีรอบประจำเดือนมาค่ะนะครับคราว
00:06:07 → 00:06:10 นี้ถ้าถ้าลองจินตนาการไปค่อยๆไปตามคำที่
00:06:10 → 00:06:12 หมอพูดเนี่ยนะครับเวลาเซลล์ไขเนี่ยมัน
00:06:12 → 00:06:15 เจริญเติบโตในรังไขนะครับเราคิดง่ายๆ
00:06:15 → 00:06:18 เซลล์ไข่เนี่ยเขาจะถูกล้อมรอบด้วยเหมือน
00:06:18 → 00:06:19 กับเหมือนกับเขาอยู่ในถุงอันนึงที่เป็น
00:06:19 → 00:06:22 เหมือนกับเซลล์พี่เลี้ยงของเขานะครับซึ่ง
00:06:22 → 00:06:24 เจ้าเซลล์พี่เลี้ยงเนี่ยจะเป็นตัวผลิต
00:06:24 → 00:06:26 อาหารมาเลี้ยงนะครับเป็นเหมือนกับสาร
00:06:26 → 00:06:29 อาหารที่ออกมาแล้วทำให้ไข่เจริญเติบโต
00:06:29 → 00:06:32 นะครับเจ้าสารอาหารที่ออกมาเนี่ยเรานึก
00:06:32 → 00:06:34 ง่ายๆมันก็เป็นสารเคมีมันก็มาในรูปแบบของ
00:06:34 → 00:06:37 สารละลายเป็นของเหลวอ่ะครับนะครับเพราะ
00:06:37 → 00:06:40 ฉะนั้นตัวการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่เอง
00:06:40 → 00:06:42 เนี่ยถ้าเราจินตนาการมันก็จะนึกภาพเหมือน
00:06:42 → 00:06:45 เซลล์ไข่นะครับจะอยู่ในถุงอันนึงนะครับ
00:06:45 → 00:06:48 ที่มันมีอาหารซึ่งเป็นของเหลวอยู่ให้
00:06:48 → 00:06:51 เซลล์ไข่ที่มันเจริญเติบโตนะครับยิ่งนาน
00:06:51 → 00:06:54 วันไปนะครับไอ้เจ้าถุงเนี่ยมันก็ผลิตผลิต
00:06:55 → 00:06:57 ของเหลวนี้มากขึ้นผลิตอาหารมากขึ้นใช่มย
00:06:57 → 00:07:00 เราก็นึกภาพเหมือนกับเซลล์ไขเนี่ยมันก็จะ
00:07:00 → 00:07:02 ลอยอยู่ในลูกโป่งที่มีน้ำอยู่ข้างในนั่น
00:07:03 → 00:07:05 แหละครับที่มีของเหอยู่ข้างในแล้วเหมือน
00:07:05 → 00:07:07 เราเป่าลูกโป่งไปเรื่อยๆครับพอนานวันขึ้น
00:07:07 → 00:07:09 นานวันขึ้นลูกโป่งนี่มันใหญ่ขึ้นเราเป่า
00:07:09 → 00:07:12 ลูกโป่งมากจนกระทั่งผนังลูกโป่งมันบางๆ
00:07:12 → 00:07:16 เนี่ยถึงจุดนึงผนังลูกโ่งมันจะแตกออกอืนะ
00:07:16 → 00:07:18 ครับอ่าก็เหมือนเราปอกลูกปวงจนแตกนั่น
00:07:18 → 00:07:21 แหละนะครับคราวนี้เซลล์ไข่พอมันเจริญเติบ
00:07:21 → 00:07:23 โตก็คล้ายๆกันอย่างเงี้นะครับมันก็จะเป็น
00:07:23 → 00:07:25 เหมือนลักษณะเป็นถุงน้ำกลมๆแล้วถุงน้ำนี่
00:07:25 → 00:07:27 ก็จะใหญ่ตัวเหมือนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเหมือน
00:07:27 → 00:07:30 กับลูกโป่งที่ใส่น้ำแล้วโตจนถึงจุดนึง
00:07:30 → 00:07:33 ครับประมาณว่าในทางการแพทย์เราศึกษาอยู่
00:07:33 → 00:07:35 เนี่ยประมาณว่าถ้าเส้นผ่าศูนย์กลางของไอ้
00:07:35 → 00:07:38 ถุงอันเนี้ยมันอยู่ที่ประมาณ 18-20 มลม
00:07:38 → 00:07:42 เนี่ยครับค่ะอีกไม่นานประมาณสัก 36 -48
00:07:42 → 00:07:44 ชมเนี่ยไอ้ถุงเยจะแตกออกแล้วะคือมันทนไม่
00:07:44 → 00:07:48 ไหวแล้วแล้วพอมันแตกออกนะครับทั้งของเหลว
00:07:48 → 00:07:50 ที่อยู่ข้างในรวมทั้งเซลล์ไข่ที่ลอยอยู่
00:07:51 → 00:07:53 ในของเหลวเนี่ยก็จะไหลออกมาจากรังไข่เรา
00:07:53 → 00:07:57 ออภาวะเี่นะครับที่เราเรียกว่าตกไข่อืออ
00:07:57 → 00:08:00 อ่าเพราะฉะนั้นตกไข่เสร็จไขพตกไข่ตมาจาก
00:08:00 → 00:08:02 รังไข่ปุ๊บโอเครังไข่ท่อนำไข่ก็จะมาจับ
00:08:02 → 00:08:05 ไข่ไปไข่ก็เดินทางไปในท่อนำไข่แล้วอาจจะ
00:08:05 → 00:08:07 ไปเจออสุติไปปฏิสนธิแล้วก็กลายเป็นตัว
00:08:07 → 00:08:10 อ่อนก็เดินทางไปฝังตัวในมดลูกใช่มครับค่ะ
00:08:10 → 00:08:12 แต่ว่าเจ้าถุงอันเนี้ยนะครับก็เหมือนกับ
00:08:12 → 00:08:14 ว่ามันเคยมีน้ำเต็มๆอยู่เพราะมันแตกออก
00:08:14 → 00:08:17 ปล่อยเซลล์ไข่ไปปึ๊บถุงนี้มันก็จะแฟบลง
00:08:17 → 00:08:20 ครับค่ะแล้วก็เปลี่ยนเป็นส่วนเหมือนมันก็
00:08:20 → 00:08:21 เหมือนเป็นเปลี่ยนเป็นส่วนพื้นที่อันนึง
00:08:21 → 00:08:24 บนตัวรังไขที่เราเรียกว่าเป็นพื้นที่มัน
00:08:24 → 00:08:26 จะมีลักษณะสีเหลืองๆครับทางารแพทย์เรา
00:08:26 → 00:08:29 เรียกว่าคอปัสูดซึ่งมันจะเป็นส่วนที่มัน
00:08:29 → 00:08:31 จะมีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนขึ้นมา
00:08:31 → 00:08:33 อย่างตัวไข่เที่โตเนี่ยไข่มันสร้าง
00:08:33 → 00:08:35 เอสโตรเจนให้เราแต่พอไข่ตกแล้วเนี่ยนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับไอ้ตัวถุงเนี่ยมันจะเปลี่ยนไปเป็นคอส
00:08:38 → 00:08:41 เตียมแล้วก็จะสร้างโปรเจสเตอโรนให้เพราะ
00:08:41 → 00:08:44 ฉะนั้นโดยลักษณะทั่วๆไปในธรรมชาติเนี่ยนะ
00:08:44 → 00:08:47 ครับทุกๆเดือนเนี่ยเราจะมีการเกิดถุงน้ำ
00:08:47 → 00:08:49 อยู่แล้วก็คือไอถุงน้ำไข่ใชนะครับแล้วโต
00:08:49 → 00:08:52 ขึ้นมาพอถึงจุดที่มันสุกใช่ม 18-20 มิล
00:08:52 → 00:08:55 เนี่ยมันก็จะแตกออกค่ะแล้วก็หายไปแล้วก็
00:08:55 → 00:08:57 เดือนต่อไปมันก็จะเกิดใบใหม่ขึ้นอย่างง
00:08:57 → 00:09:01 นี้เรื่อยๆอือืปัญหาที่เราเกิดเป็นถุงน้ำ
00:09:01 → 00:09:03 ชนิดที่เป็นธรรมชาติเนี่ยนะครับถุงน้ำแบบ
00:09:03 → 00:09:05 เนี้ยเราเรียกว่าถุงน้ำแบบฟังชันคือถุง
00:09:05 → 00:09:08 น้ำที่เกิดจากธรรมชาติก็คืออาจจะมีบาง
00:09:08 → 00:09:11 เดือนครับที่เราสร้างไข่มาแล้วแต่ไข่ใบ
00:09:11 → 00:09:13 นั้นเนี่ยมันเจริญเติบโตไม่ดีจนกระทั่ง
00:09:13 → 00:09:15 ไม่ได้กลายเป็นไข่ที่สุกหรือตกออเพราะ
00:09:15 → 00:09:17 ฉะนั้นพอมันเป็นลูกปวกใส่น้ำใหญ่ไปด้วย
00:09:17 → 00:09:20 แต่มันไม่ตกมันไม่แตกออกไปสักทีมันก็จะ
00:09:20 → 00:09:22 ทิ้งค้างไว้เป็นเหมือนกับไอ้ถุงที่มีน้ำ
00:09:22 → 00:09:25 อยู่ข้างในค่ะเราก็เรียกมันว่าถุงน้ำหรือ
00:09:25 → 00:09:28 ฟีชนั่นเองครับอือซึ่งตรงเนี้ถามว่าอ้า
00:09:28 → 00:09:30 แล้วทำไมมันถึงเกิดไม่เป็นไข่แล้วมันตก
00:09:30 → 00:09:33 แล้วมันจะได้สลายไปใช่มั้ยคมันก็จะเกิด
00:09:33 → 00:09:35 จากปัญหาบางอย่างของระบบฮอร์โมนของร่าง
00:09:35 → 00:09:37 กายเราทั้งฮอร์โมนจากป่อมไต้สมองหรือ
00:09:37 → 00:09:39 ฮอร์โมนจากกลังไข่ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าจะ
00:09:39 → 00:09:41 ต้องเป็นอย่างถาวรนะฮะบางทีมันเป็นใน
00:09:41 → 00:09:43 เดือนนั้นๆเช่นเดือนนั้นอ่าอย่างระบบ
00:09:43 → 00:09:45 ฮอร์โมนของร่างกายผู้หญิงเนี่ยมันทำงาน
00:09:45 → 00:09:48 ด้วยระบบของสมองนะครับต่อมใต้สมองซึ่งมัน
00:09:48 → 00:09:52 จะทำงานได้ดีในช่วงกลางคืนนะครับเพราะถ้า
00:09:52 → 00:09:54 เราหลับไม่ดีเราพักผ่อนน้อยเงี้ยนะครับ
00:09:54 → 00:09:57 อันเนี้ยก็จะส่งผลให้การสร้างฮอร์โมนของ
00:09:57 → 00:10:00 ต่อมใ้สผิดปกติไปค่ะค่ะก็ทำให้มีผลต่อการ
00:10:00 → 00:10:03 ทำให้ไขไม่สุกหรือไม่ตกได้ด้วยออนะครับ
00:10:03 → 00:10:06 ค่ะหรือสมมติว่าเรามีความเครียดเยอะๆสมอง
00:10:06 → 00:10:09 เนี่ยมันใช้พลังงานไปกับความเครียดนั้นๆ
00:10:09 → 00:10:11 มันก็ไม่ไม่เหลือพลังงานในการมาสร้าง
00:10:11 → 00:10:13 ฮอร์โมนอะไรต่างๆที่จะทำให้ระบบวงจรนี้
00:10:13 → 00:10:17 เป็นไปตามปกติก็จะเกิดบางรอบเดือนที่ทำ
00:10:17 → 00:10:19 ให้อย่างบางรอบเดือนนะไม่ได้เป็นถาวรแต่
00:10:19 → 00:10:21 ว่าในบางรอบเดือนเดือนนั้นเราเครียดเรา
00:10:21 → 00:10:23 พักผ่อนน้อยหรืออะไรต่างๆเนี่ยก็จะทำให้
00:10:23 → 00:10:26 เกิดปัญหาที่ว่าไอ้เจ้าเซลล์ไข่เนี่ยมัน
00:10:26 → 00:10:30 ก็เลยไม่ตกอืพอไม่ตกก็เลยค้างอยู่ค่ะแต่
00:10:30 → 00:10:32 ว่ามันค้างอยู่นานแค่ไหนมันก็จะค้างอยู่
00:10:32 → 00:10:35 จนกว่าอาจจะเป็นเดือนต่อไปอ่ะครับมีไข่ใบ
00:10:35 → 00:10:37 ใหม่ที่เจริญเติบโตขึ้นมาดีแล้วมีฮอร์โมน
00:10:37 → 00:10:40 สมดุลมันก็จะมากระตุ้นให้ไอ้ไอไอ้ถุงน้ำ
00:10:40 → 00:10:43 อันเก่าเนี่ยไข่อันเก่าที่ไม่ตกเนี่ยมัน
00:10:43 → 00:10:47 แตกสลายไปก็จบไปก็เหมือนกับว่าเราอาจจะมี
00:10:47 → 00:10:49 ถุงน้ำที่เกิดโดยธรรมชาติเราเรียกว่าถุง
00:10:49 → 00:10:51 น้ำแบบฟังชันนะครับเกิดจากวงจรการสร้าง
00:10:51 → 00:10:54 ไข่เองนะครับแต่ถุงน้ำเนี้ยมันก็เกิดจาก
00:10:54 → 00:10:56 ความไม่สมดุลของฮอร์โมนแล้วพอถ้าเดือนไหน
00:10:56 → 00:10:59 เดือนต่อไปเดือนถัดๆไป 2-3 เดือนเรามี
00:10:59 → 00:11:01 ฮอร์โมนที่ดีขึ้นไอ้ถุงน้ำเยก็จะสลายไป
00:11:01 → 00:11:05 เองเพราะเพราะมันก็มีอะไรมากระตุ้นทำให้
00:11:05 → 00:11:09 ไอ้ถุงน้ำเมันแตกออกไปทำให้ไข่นปกไปออืนะ
00:11:09 → 00:11:11 ครับเพราะฉะนั้นประเภทที่ 1 ของเข็มน้ำ
00:11:11 → 00:11:13 ที่เวลาเป็นแล้วมันหายเองได้เนี่ยจริงๆก็
00:11:14 → 00:11:16 คือไข่เราเองนั่นแหละครับค่ะอ๋อแบบนี้เอง
00:11:16 → 00:11:19 ครับซึ่งกลไกตรงเนี้ยอ่าซึกกตรงเนี้ยบาง
00:11:19 → 00:11:20 ทีมันก็ไม่ได้เกิดจากความผิดตรงนี้อย่าง
00:11:20 → 00:11:23 เดียวนะครับแต่ว่าบางเดือนเนี่ยครับร่าง
00:11:23 → 00:11:25 กายมันดันรังไข่มันดันสร้างไข่ผิดปกติก็
00:11:25 → 00:11:27 คือแทนที่เราจะสร้างไข่แค่เดือนละใบมัน
00:11:27 → 00:11:30 ดันสร้างมากกว่า 1 ใบไงออพอส้างมากกว่า 1
00:11:30 → 00:11:33 ใบไอ้ใบที่มันโตเร็วกว่ามันก็ตกไปใช่มั้ย
00:11:33 → 00:11:35 ตกไปเสร็จมันก็มันก็ครบวงจรของธรรมชาติ
00:11:35 → 00:11:38 แล้วมฮะมีใส่ตกไปเจริญแตบตัวก็ปลายรอบ
00:11:38 → 00:11:40 เดือนก็มีประจำเดือนมาตามปกติแต่ไอ้ใบที่
00:11:40 → 00:11:43 รองลงมาที่มันไม่ตกอ่ะมันก็ังค้างอยู่อื
00:11:43 → 00:11:47 ค่ะอ่าพอเราผ่านไปสมมติแล้วสมมตทำไมเรา
00:11:47 → 00:11:49 ถึงไม่มีอาการเพราะว่าถ้ามันมีไอ้ถุงน้ำ
00:11:49 → 00:11:52 เหล่าเแล้วมันมีปริมาณน้อยอย่านะครับระบบ
00:11:52 → 00:11:54 เราประจำเดือนเราก็ยังมาปกติครับเพราะว่า
00:11:54 → 00:11:57 เราก็ยังมีไข่ใบอื่นที่มันออกมาหรือว่า
00:11:57 → 00:11:59 มันก็สร้างฮอร์โมนให้เราเป็นวัจจะเป็นรอบ
00:11:59 → 00:12:02 ครบสมบูรณ์ครับไอ้กรณีตรงเนี้ยนะครับเรา
00:12:02 → 00:12:05 จะไม่มีอาการอะไรแต่ถ้าเกิดมันเกิดขึ้น
00:12:05 → 00:12:08 ซ้ำๆหลายๆเดือนหลายๆปีเป็นระระยะเวลานาน
00:12:08 → 00:12:10 ขึ้นจนกระทั่งเรามีไอ้ถุงน้ำเนี่ยหลายๆ
00:12:10 → 00:12:13 อันแจกอยู่พูดง่ายๆว่าเหมือนเหมือเป็นทวง
00:12:13 → 00:12:17 องุ่นเต็มรังไข่ไปหมดนะฮะตรงเนี้ยเนื้อ
00:12:17 → 00:12:19 รังไข่ที่มันควรจะเป็นเนื้อรังไข่ปกติมัน
00:12:19 → 00:12:22 ก็จะหายไปพื้นที่มันจะน้อยลงคราวเนี้มัน
00:12:22 → 00:12:24 จะเริ่เกิดปัญหาละเราจะการเราจะเริ่มมี
00:12:24 → 00:12:27 อาการแสดงออกคือเอ้ยประจำเดือนหายไปฮะอ
00:12:27 → 00:12:29 ประจำเดือนไม่มาตามกำหนดเพราะว่าไข่มัน
00:12:29 → 00:12:31 ไม่ตกซะทีไงมันก็เลยไม่มีรอบของฮอร์โมน
00:12:31 → 00:12:33 แล้วก็ไม่มีประจำเดือนมานะครับเพราะ
00:12:33 → 00:12:35 ฉะนั้นถุงน้ำอันเนี้ยเป็นถุงน้ำที่พบได้
00:12:35 → 00:12:37 บ่อยที่สุดแล้วก็จะพบว่าบางครั้งเวลาเรา
00:12:38 → 00:12:40 ไปหาคุณหมอเนี่ยพอคุณหมอท่านตรวจพบแล้ว
00:12:40 → 00:12:43 เนี่ยท่านก็จะไม่ทำอะไรเอไม่เป็นไรก็ตาม
00:12:43 → 00:12:45 ดูนะครับหรือบางทีเนี่ยถ้าเราใจร้อนใช่
00:12:45 → 00:12:47 ป่ะมันมันทุกคนก็ใจร้อนอยู่นะครับถ้าเรา
00:12:47 → 00:12:50 เป็นคุณผู้หญิงสักท่านนึงคุณไปเจอคุณหมอ
00:12:50 → 00:12:52 คุณหมอต้องบอกว่าเรามีถุงน้ำอยู่โอ้โห10ิ
00:12:52 → 00:12:54 คำถามหน้าคือเราก็ไม่อยากมีมันอยู่อ่ะแต่
00:12:54 → 00:12:56 ดูคุณหมอใจเย็นคุณหมอบอกเอไม่ต้องทำอะไร
00:12:56 → 00:13:00 รอดูไปเราไม่อยากรอดูอ่ะครับใช่ส่วนใหญ่
00:13:00 → 00:13:03 คุณหมอให้แบบลกลัวไงกลัวว่ามันจะพัฒนาไป
00:13:03 → 00:13:05 เป็นมะรงมะเร็งอะไรหรือเปล่าอะไรอย่าง
00:13:05 → 00:13:09 เงี้ 3 เดือน 6 เดือนเดนมาดูอีกทนึงนอน
00:13:09 → 00:13:12 ไม่หลับสักคืนค่ะครับมันก็จะเกิดกรณีบาง
00:13:12 → 00:13:14 ทีก็คนไข้ก็ไปช้อปปิ้งไปหาหมออีกที่นึง
00:13:14 → 00:13:17 อะไรเรียนไป 3 หมอ 4 หมอแล้วก็ทุกคนบอก
00:13:17 → 00:13:18 เหมือนกันอะไรเงี้ย
00:13:18 → 00:13:22 เพหมอคือคือเคยเจอเพื่อนเหมือนกันแบบเ
00:13:22 → 00:13:24 แหละคือแบบไปหาโรงพยาบาลนี้แล้วบอกว่าให้
00:13:24 → 00:13:27 ติดตามอาการเดี๋ยวมาดูอีก 3 เดือนอะไร
00:13:27 → 00:13:29 เงี้ยทนไม่ไหวเหมือนที่คุณหมอบอกเลยไปอีก
00:13:29 → 00:13:31 โรงพยาบาล
00:13:31 → 00:13:34 นึงหมอบอกติดตามอาการเราแต่ว่าเราอ่ะอยู่
00:13:34 → 00:13:37 กับไอ้นี่ทุกวันไงเราก็ตุมๆต่อมๆใช่
00:13:37 → 00:13:39 เหมือนเหมืเหมือนอย่างคุณตั้คุณเจบว่าล่ะ
00:13:39 → 00:13:40 แล้วมันจะโตเป็นกลายเป็นมะเร็งมั้ยอะไร
00:13:40 → 00:13:43 อย่าเงี้ยเราก็ปใช่มั้ยครับก็คืออย่างงี้
00:13:43 → 00:13:45 ครับไอ้ถุงน้ำพวกนี้นะพอเราพอเราสมมุติ
00:13:45 → 00:13:48 ว่าเราติดตามมันเนี่ยนะครับนะค่ะถ้าเราใจ
00:13:48 → 00:13:51 ร้อนนะอือย่างที่เราบอกนะครับกลไกของ
00:13:51 → 00:13:54 กระบวนการเหล่าเนี้ยนะมันจะเกิดครบรอบของ
00:13:54 → 00:13:57 มันก็คือเรามีไข่ตกจนถึงปลายรอบเรามี
00:13:57 → 00:14:00 ประจำเดือนมาใช่มั้ยครับเพราะฉะนั้นถ้า
00:14:00 → 00:14:03 เราสงสันนิษฐานว่าถุงน้ำเนี่ยมันเป็นถุง
00:14:03 → 00:14:05 น้ำที่อ้าอย่างที่คุณหมอบอกว่ามันเกิดจาก
00:14:05 → 00:14:08 การไม่สมดุลของฮอร์โมนทำให้ไขไม่ตกนะแล้ว
00:14:08 → 00:14:10 เราจะรู้ได้ไงว่ามันไม่เป็นอีกแบบอื่นที่
00:14:10 → 00:14:13 มันเป็นของไม่ดีล่ะใชมครับเราก็ดูสิครับ
00:14:13 → 00:14:16 ว่าร่างกายเรามันครบวงจรตัวอย่างก็คือ
00:14:16 → 00:14:18 สมมติเราเจอถุงน้ำตอนนี้ใช่มั้ครับแล้ว
00:14:18 → 00:14:20 คุณหมอว่าไม่เป็นไรนะครับแต่ใจเราร้อนเรา
00:14:20 → 00:14:23 อยากจะตามดูนะครับให้เรารอไปจนลมีประจำ
00:14:23 → 00:14:26 เดือนอีกรอบนึงค่ะก็คือครบวงจรแล้วไงนะ
00:14:26 → 00:14:28 แสดงว่าต้องมีไข่อีกใบนึงตกไปแล้วเรียก
00:14:28 → 00:14:30 เรียบร้อยมีประจำเดือนมาแล้วใช่มครับหรือ
00:14:30 → 00:14:32 มีฮอร์โมนมากระตุ้นให้ถุงน้ำเนี่ยมันอาจ
00:14:32 → 00:14:35 จะฝ่อหรือแตกหรือว่ายุบลงไปแล้วเพราะ
00:14:35 → 00:14:36 ฉะนั้นพอประจำเดือนเรารอบใหม่เรามาปึ๊บ
00:14:36 → 00:14:40 เรากลับไปตแนซอีกทีครับอือเราจะสังเกตได้
00:14:40 → 00:14:42 เลยว่าถ้าเป็นถุงน้ำแบบที่หมอบอกเนี่ยมัน
00:14:42 → 00:14:45 มักจะหายไปหรือมันจะเล็กลงค่ะอือ่าแต่ถ้า
00:14:45 → 00:14:47 เป็นถุงน้ำแบบอื่นที่เป็นโรคเนี่ยมันจะ
00:14:47 → 00:14:50 สวนทางก็คือมันจะใหญ่ขึ้นอือออ่าเพราะ
00:14:51 → 00:14:53 ฉะนั้นตรงเนี้ยบางทีที่ที่คุณหมอท่านใช้
00:14:53 → 00:14:56 วิธีการติดตามดูเพราะว่ามันใช้ข้อมูลตรง
00:14:56 → 00:14:58 เยครับดูว่าเล็กหรือใหญ่ขึ้นเป็นตัวบอก้ว
00:14:58 → 00:15:00 ว่านี่เป็นถุงน้ำที่ท้ายสุดจะต้องลงเฮ้วย
00:15:00 → 00:15:02 ผ่าตัดหรือว่ามันเป็นถุงน้ำที่เรารอดูไป
00:15:02 → 00:15:06 เฉยๆแล้วมันหายเองได้ค่ะอือครับอันนี้
00:15:06 → 00:15:09 ประเภทที่ 1 นะค่ะไปดูประเภทที่ 2 กันนะ
00:15:09 → 00:15:11 ครับค่อยๆฟังแล้วค่อยๆคิดตามหมอไปนะครับ
00:15:11 → 00:15:14 ค่ะเมื่อกี้หมอบอกะตอนที่ตอนที่ไข่ตก
00:15:14 → 00:15:18 เนี่ยนะครับไข่แตกออกไปละลูกโป่งแตกไปละ
00:15:18 → 00:15:21 นะครับไข่ไปละไอ้ลูกไอ้ผนังของลูกโป่งไอ้
00:15:21 → 00:15:23 ถุงเนี่ยจะหดตัวลงแล้วก็กลายเป็นส่วนพื้น
00:15:23 → 00:15:26 ที่เหลืองๆที่เราเรียกว่าคตที่เจะสร้าง
00:15:26 → 00:15:30 โปรเจคสนให้เราปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือมัน
00:15:30 → 00:15:32 จะมีความผิดปกติอีกแบบนึงครับคือไอ้ตรง
00:15:32 → 00:15:34 เนี้แทนที่มันจะยุบแล้วฝ่อเป็นคัเหลี่ยม
00:15:34 → 00:15:38 แล้วหายไปปรากฏว่ามันไม่หายครับมันกลาย
00:15:38 → 00:15:40 เป็นว่ากลายเป็นถุงยังเป็นถุงกลมๆนั้น
00:15:40 → 00:15:42 อยู่แต่ไข่ก็ออกไปเรียบร้อยแล้วไงไอ้ถุง
00:15:42 → 00:15:45 เนี้ยก็จะเกิดสภาพของการมีของเหลวที่
00:15:45 → 00:15:47 สร้างจากผนังถุงเออกมาอีกนะครับก็เลยจะ
00:15:47 → 00:15:50 กลายเป็นถุงน้ำที่ใหญ่ขึ้นค้างอยู่กรณี
00:15:50 → 00:15:53 แบบเเราจะเรียกว่าถุงน้ำคอปัสเตียมก็คือ
00:15:53 → 00:15:58 ถุงน้ำที่เกิดหลังจากไข่ตกครับค่ะาคปมซีส
00:15:58 → 00:16:00 นะครับครับไอ้ทุน้ำแบบเสามารถโตจนใหญ่
00:16:00 → 00:16:03 เยอะๆได้เลยครับบางทีเราเห็นใหญ่ 5 ซม 6
00:16:03 → 00:16:05 ซมได้เลยคือรังไข่เราเนี่ยขนาดมันจะแค่
00:16:05 → 00:16:07 ประมาณ 2-3 ซมเท่านั้นเองเพราะฉะนั้น 5
00:16:07 → 00:16:09 ซม 6 ซมแปลว่าตัวถุงน้ำเองเนี่ยใหญ่เต็ม
00:16:09 → 00:16:13 รังไข่ใหญ่กว่ารังไข่ไป 2 ข่าด้วยซ้ำไปอ
00:16:13 → 00:16:15 ฮะเนี่ยอันเนี้ยเราจะเจอกันได้เรื่อยๆแต่
00:16:15 → 00:16:18 ก็เช่นกันครับถุงน้ำคเตมเนี่ยเมื่อไหร่ก็
00:16:18 → 00:16:21 ตามที่มันมีความสมดุลของฮอร์โมนเกิดขึ้น
00:16:21 → 00:16:23 หรือว่าถ้าเรามีการให้รับประทานฮอร์โมน
00:16:23 → 00:16:26 เข้าไปนะครับเพื่อทำให้ร่างกายเกิดมาความ
00:16:26 → 00:16:28 สมดุลขึ้นเนี่ยไอุ้นั้นเหล่านี้ก็จะ
00:16:28 → 00:16:31 สามารถสลายไปเองได้เหมือนกันอืคอ่าเพราะ
00:16:31 → 00:16:33 ฉะนั้นนี่เป็นถุงน้ำแบบที่ 2 นะครับแบบ
00:16:33 → 00:16:35 ที่ 1 เกิดจากไข่ที่ไม่ตกแบบที่ 2 นี่
00:16:35 → 00:16:37 เกิดจากไข่ที่มันตกไปแล้วแต่ว่าไอ้คสติม
00:16:37 → 00:16:41 นี่มันค้างมันถูกอยู่อืค่ะนะครับให้ทานฮ
00:16:41 → 00:16:44 ที่คุณหมอบอกให้ทานฮอร์โมนหมายถึงยายาคุม
00:16:44 → 00:16:46 ยาอะไรอย่างเงี้ยหรอค่ะใช่ๆครับใช่ครับ
00:16:46 → 00:16:48 รูปแบบที่ง่ายที่สุดคือยาคุมที่มันมี
00:16:48 → 00:16:51 เอเจนโนแต่ว่าบางทีเราคิดว่าขาดเอเจน
00:16:51 → 00:16:52 อย่างเดียวเราอาจจะให้เจนอย่างเดียวก็ได้
00:16:52 → 00:16:55 หรือถ้าเราคิดว่าขาดโจนเราก็ให้โจนอย่าง
00:16:55 → 00:16:57 เดียวก็ได้อันนี้ก็อยู่ในดุลพินิคุณหมอ
00:16:57 → 00:17:00 ที่คุณหมอท่าตรวจดูนะครับแต่ก็หมายความ
00:17:00 → 00:17:03 ว่าทั้งซีสทั้ง 2 แบบเนี้ยทั้งซีสที่เกิด
00:17:03 → 00:17:05 จากไข่ไม่ตกหรือซีสที่เกิดจากไอ้ตัวคอุ
00:17:05 → 00:17:08 เตียมเนี่ยนะครับล้วนแล้วแต่เกิดจากความ
00:17:08 → 00:17:11 ไม่สมดุลของฮอร์โมนครับผิดปกติในรอบนั้นๆ
00:17:11 → 00:17:14 เพราะฉะนั้นเราสามารถให้ยาจากภายนอกเนี่ย
00:17:14 → 00:17:17 เพื่อไปรักษาทำให้มันยุบลงได้นะครับค่ะนะ
00:17:17 → 00:17:19 โดยไม่ต้องไปผ่าตัดหรือจริงๆถึงไม่ทำอะไร
00:17:19 → 00:17:21 ในเมื่อเป็นธรรมชาติมันก็ยุบลงเองเข้าสัก
00:17:21 → 00:17:24 วันนึงครับเพียงแต่ว่าหมอก็ทราบว่าเราก็
00:17:24 → 00:17:25 ใจร้อนกันหมดแะไม่มีใครอยากอยู่กับมันใช่
00:17:25 → 00:17:28 มฮะเพราะฉะนั้นก็การรักษาก็อาจไม่ต้องลง
00:17:28 → 00:17:32 เลยด้วยการผ่าตัดอนะครับคราวนี้มาถึงถุง
00:17:32 → 00:17:35 น้ำแบบที่ 3 ดีกว่านะครับถุงน้ำแบบที่ 3
00:17:35 → 00:17:38 อันเนี้ยนะครับวิธีลักษณะการเกิดเนี่ยมัน
00:17:38 → 00:17:41 ไม่ได้เกิดจากลักษณะของการโตของไข่ละอนะ
00:17:41 → 00:17:45 ครับแต่มันเกิดจากเอ่อหมอโยงมาถึงเรื่อง
00:17:45 → 00:17:48 ที่ไข่ตกนะครับระหว่างที่ไข่ตกเนี่ยนะ
00:17:48 → 00:17:50 ครับตอนที่ไข่เจริญเติบโตนะก่อนที่หมอจะ
00:17:50 → 00:17:52 บอกว่ามันโตมาจนเป็นลูกวงใส่น้ำแล้วก็แตก
00:17:52 → 00:17:55 ออกเนี่ยนะครับตอนที่เซลล์ไข่โตเนี่ย
00:17:55 → 00:17:57 เซลล์ไข่เนี่ยจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนให้
00:17:57 → 00:18:00 เราครับค่ะนะย้อนกลับมาที่หมอบอกตอนต้น
00:18:00 → 00:18:02 ใช่มเอสโตรเจนนี่ก็เป็นฮอร์มดหญิงแหละที่
00:18:02 → 00:18:04 เราช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้หญิงให้
00:18:04 → 00:18:07 เจริญให้ดีอ่ะนะครับไม่ไม่เป็นแบบแก่ไม่
00:18:07 → 00:18:09 เป็นไวทออะไรอย่าเงี้นะครับแล้วก็มีผลต่อ
00:18:09 → 00:18:12 การทำงานของร่างกายหลายๆอย่างเอสโตรเจน
00:18:12 → 00:18:14 เนี่ยนะครับที่สร้างจากตัวรังไข่เนี่ยมัน
00:18:14 → 00:18:17 จะมีผลต่อระบบเจริญพันธุ์ครับก็คือพอไข่
00:18:17 → 00:18:19 โตขึ้นมามีเอสโตรเจนเนี่ยตัวเอสโตเจน
00:18:19 → 00:18:22 เนี่ยมันจะไปกระตุ้นในมดลูกของเราครับ
00:18:22 → 00:18:25 ชั้นในสุดของมดลูกเราก็คือช่องว่างๆที่
00:18:25 → 00:18:27 เป็นที่ที่ลูกจะมาฝังตัวที่เราเรียกไว่า
00:18:27 → 00:18:30 โพงมดลูกนะครับค่ะเจ้าตัวโพงมดลูกเนี่ยนะ
00:18:30 → 00:18:33 ครับเรานึกถึงห้องๆนึงมันก็จะมีผนังของ
00:18:33 → 00:18:35 มันก็คือวเหมือนกับผนังเป็นวอปเปอร์อย่า
00:18:35 → 00:18:38 เงี้ยนะไอ้เจ้าตัวฮอร์โมนเอสโตรเจนที่
00:18:38 → 00:18:41 สร้างจากไข่บนรังไข่นะครับมันมาส่งผลต่อ
00:18:41 → 00:18:44 โงบลุกของเราตรงเนี้ยให้มันมีการหนาตัว
00:18:44 → 00:18:47 ขึ้นให้วอเปเปอร์ให้ผนังเนี่ยมีการหนาตัว
00:18:47 → 00:18:49 ขึ้นเพื่ออะไรเพื่อที่ว่าเดี๋ยวไข่มันตก
00:18:49 → 00:18:52 นะเนี่ยแล้วอย่างที่หมอบอกนะตกเสร็จท่อนำ
00:18:52 → 00:18:55 ไข่จับเข้ามาแล้วเกิดการปฏิสนธิอสุติกลาย
00:18:55 → 00:18:56 เป็นตัวอ่อนใช่มั้ยครับตัวอ่อนจะเดินทาง
00:18:56 → 00:18:58 ผ่านท่อนำไข่แล้วก็ย้อนกับกับมันเรามาฝัง
00:18:59 → 00:19:01 ตัวในมดลูกอการที่ผนังของโพงมดลูกมีการ
00:19:01 → 00:19:04 หนาตัวขึ้นวอเปเปอร์มันหนาตัวขึ้นมันก็
00:19:04 → 00:19:06 เหมือนหน้าดินโดยธรรมชาติที่มันแบบเพิ่ม
00:19:06 → 00:19:09 ความอุดมสมบูรณ์ให้ตัวอ่อนจะมาฝังตัวให้
00:19:09 → 00:19:13 เมล็ดพืชมันเจริญเติบโตได้อ่าเพราะฉะนั้น
00:19:13 → 00:19:15 เจ้าตัวเอสโตรเจนเนี่ยนะครับมันเป็นตัว
00:19:15 → 00:19:19 กระตุ้นให้เยืบุตรงเมีการหนาตัวนะครับค่ะ
00:19:19 → 00:19:21 แล้วพอมันหนาตัวเสร็จปุ๊บนะครับพอหลังจาก
00:19:21 → 00:19:23 ไข่ตกเขพูเตี่ยมที่หมอบอกว่าเกิดขึ้นหลัง
00:19:24 → 00:19:27 จากไข่ตกเนี่ยมันจะสร้างโสโนให้โสโนก็จะ
00:19:27 → 00:19:30 ทำให้ไอ้ชั้นบุพงวัดลูกก็คือวอปเปอร์อัน
00:19:30 → 00:19:33 เนี้ยมันมีเลือดมาเลี้ยงมีอาหารมาเลี้ยง
00:19:33 → 00:19:35 เยอะขึ้นมีต่อมต่างๆที่สร้างอาหารมันก็
00:19:35 → 00:19:37 เหมือนเป็นการช่วยกันให้เป็นที่ที่เป็น
00:19:37 → 00:19:39 เหมาะสำหรับที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัวพอมาฝัง
00:19:40 → 00:19:42 ตัวเราก็จะเกิดการตั้งครร์ไปครับแต่ถ้า
00:19:43 → 00:19:45 เดือนนั้นเราไม่ได้เกิดการตั้งครรภ์นะ
00:19:45 → 00:19:48 ครับนะพอถึงช่วงปลายของรอบเดือนอย่างรอบ
00:19:48 → 00:19:50 เดือนประมาณ 28 วันเนี่ยพอักวันที่ 26 27
00:19:50 → 00:19:52 เนี่ยธรรมชาติมันพบะเราไม่มีการตั้งคัน
00:19:52 → 00:19:56 เพราะฉะนั้นไอ้เยื่อบุงัดลูกหรือวอเปอร์
00:19:56 → 00:19:59 ของห้องๆเยมันไม่ต้องสสะสมอาหารไปเลี้ยง
00:19:59 → 00:20:01 ใครแล้วเพราะว่าไม่เดือนนั้นไม่มีตัวอ่อน
00:20:01 → 00:20:04 อยู่ใช่มครับค่ะท้ายที่สุดพอถึงปลายๆของ
00:20:04 → 00:20:07 รอบเดือน 26 27 วันเนี่ยไอ้เยื่อบุอัน
00:20:07 → 00:20:09 เนี้วอปเปอร์ทั้งชั้นเนี่ยจะหลุดลอกออกมา
00:20:09 → 00:20:12 จากผนังครับแล้วก็ไหลเป็นเลือดประจำเดือน
00:20:12 → 00:20:16 ออกไปอือ้าเพราะฉะนั้นเนี่ยครับชั้นของ
00:20:16 → 00:20:18 ไอ้เลือดประจำเดือนที่เราออกมาเนี่ยนะ
00:20:18 → 00:20:20 ครับมันจึงไม่ได้เป็นสีแดงๆสดๆเหมือน
00:20:20 → 00:20:22 เลือดที่ออกจากเส้นเลือดโยเรามีดบาตแต่
00:20:22 → 00:20:25 มันเป็นชั้นของกลุ่มเซลล์ที่มันมีการหนา
00:20:25 → 00:20:28 ตัวตามการสร้างไข่แล้วสร้างฮอร์โมนให้เรา
00:20:28 → 00:20:30 ครับมันจะมีลักณะเป็นชั้นที่มันเป็นสีน้ำ
00:20:30 → 00:20:32 ตน้ำตาน่ะเราจะเห็นเลือประจำเดือนเรามัน
00:20:32 → 00:20:34 ไม่แดงสดมันเป็นน้ำตน้ำตาลก็เพราะว่ามัน
00:20:35 → 00:20:39 คือชั้นของเซลล์พวกนี้ที่หลุดลอกออานี้โล
00:20:39 → 00:20:42 ของเราเนี่ยนะครับมันมันนอกจากมันเวลามัน
00:20:42 → 00:20:44 หลุดลอกออกมาเสร็จปุ๊บเนี่ยมันก็ไหลออกมา
00:20:44 → 00:20:47 ผ่านปากรลูกผ่านทางช่องคลอดแล้วออกมาภาย
00:20:47 → 00:20:49 นอกให้เราเห็นเป็นประจำเดือนครับแต่เรา
00:20:49 → 00:20:51 ต้องไม่ลืมว่าโฟลูกของเราเนี่ยด้านบน
00:20:51 → 00:20:54 เนี่ยมันก็จะต่อไปกับท่อนำไข 2 ข้างนะ
00:20:54 → 00:20:56 ครับแล้วส่วนปลายท่อนำไขก็คือเข้าไปใน
00:20:56 → 00:20:59 ช่องท้องเราไปอยู่ที่ังไปไปอยู่ที่ังไขก็
00:20:59 → 00:21:01 คือทอดน้ำไข่มันก็ไปคอยรับไปจับเซลล์ไข่
00:21:01 → 00:21:05 ที่ตกมานะครับเพื่อจะมาปฏิสนธิกับอสุจินะ
00:21:05 → 00:21:08 ครับไอ้ตรงเยครับเมื่อมันเป็นช่องที่ต่อ
00:21:08 → 00:21:10 ถึงกันบางครั้งไอ้วอเปเปอร์ที่ลอกออกมา
00:21:10 → 00:21:12 เป็นเลือดประจำเดือสีน้ำตาลเนี่ยนะครับ
00:21:12 → 00:21:14 แทนที่มันจะไหลออกมาข้างนอกอย่างเดียวมัน
00:21:14 → 00:21:17 มันมีการไหลย้อนกลับผ่านปลายท่อออกไปแล้ว
00:21:17 → 00:21:20 มันไปออกที่ปลายท่อมันก็ไปเจอรังไข่นะ
00:21:20 → 00:21:24 ครับพอมันไปเจอรังไข่เนี่ยไอ้ไอไอไอ้ของ
00:21:24 → 00:21:26 เหลียวสีน้ำตาลเนี่ยก็จะไปเกาะอยู่บน
00:21:26 → 00:21:29 เนื้อรังไข่ครับเกาะฝังตัวอยู่จากจุดเล็ก
00:21:29 → 00:21:31 ๆนะครับพอผ่านไปหลายๆเดือนเข้าเนี่ยมันก็
00:21:31 → 00:21:34 ใหญ่ขึ้นขยายตัวขึ้นจนกลายเป็นถุงที่ข้าง
00:21:34 → 00:21:36 ในเนี่ยมีเลือดประจำเดือนสีน้ำตาลน้ำตาล
00:21:37 → 00:21:40 อยู่นะครับสีเหมือนช็อกโกแลตเราจึงเรียก
00:21:40 → 00:21:43 มันว่าช็อกโกแลตีสอืออ่าเพราะฉะนั้น
00:21:44 → 00:21:46 ช็อกโกแลตีสเนี่ยจะเป็นจะเป็นีสหรือเป็น
00:21:46 → 00:21:48 ถุงน้ำที่เกิดขึ้นต่างจากไอ้ถุงน้ำ 2
00:21:48 → 00:21:52 อย่างแรกนะครับเพราะมันคือการไหลย้อนกับ
00:21:52 → 00:21:55 ของเยื่อบุโงมดลูกครับหรือไอ้ชั้นสีน้ำ
00:21:55 → 00:21:57 ตาลน้ำตาลไอ้ชั้นวอเปเปอร์เนี้ยที่มันไม่
00:21:57 → 00:22:00 ได้ไหลออกไปข้างนอกแต่มันมันไหลย้อนกลับ
00:22:00 → 00:22:02 แล้วไปเกาะอยู่บนหลังไข่นะครับเพราะ
00:22:02 → 00:22:05 ฉะนั้นเจ้าตัวช็อกโกแลคเนี่ยถึงมีชื่อ
00:22:05 → 00:22:08 เรียกเป็นทางการอีกอย่างว่าเยื่อบุโพงมด
00:22:08 → 00:22:12 ลูกมาเจริญผิดที่อือหืออ่านะครับเพราะ
00:22:12 → 00:22:15 ฉะนั้นถุงน้ำแบบนี้เนี่ยนะครับนะแน่นอน
00:22:15 → 00:22:17 ครับสาเหตุมันหลักๆก็มาจากการที่มีเลือด
00:22:17 → 00:22:20 ประจำเดือนนั่นเองค่ะถูกมเพราะฉะนั้น
00:22:21 → 00:22:23 สมมุติถ้าเราทิ้งไอถุงน้ำอันนี้ไว้นะครับ
00:22:24 → 00:22:26 เมื่อเวลาผ่านไปเนี่ยนะครับถุงน้ำนี่จะโต
00:22:26 → 00:22:28 ขึ้นแน่นอนเพราะว่าเพราะว่าเมื่อเวลาผ่าน
00:22:28 → 00:22:31 ไปเราอย่าลืมว่ามีฮอร์โมนมาเนี่ยมัน
00:22:31 → 00:22:34 กระตุ้นให้ในพงบลูกเนี่ยมีการหนาตัวแล้ว
00:22:34 → 00:22:37 ก็สร้างประจำเดือนรอบต่อไปอไอ้ฮอร์โมนที่
00:22:37 → 00:22:40 มาตามธรรมชาติเนี่ยมันจะมากระตุ้นไอ้
00:22:40 → 00:22:42 ช็อกโกแลตซีสที่มันอยู่บนรังไขนี้ด้วย
00:22:43 → 00:22:44 ครับเพราะมันก็เป็นเซลล์แบบเดียวกันมันก็
00:22:44 → 00:22:47 จะมีการหนาตัวเพิ่มขึ้นเหมือนกับข้างในก็
00:22:48 → 00:22:50 ข้างในพรูก็มีเลือดประจำเดือนหนาตัวอยู่
00:22:50 → 00:22:51 ไอ้นี่ก็เหมือนกับเป็นเลือดประจำเดือนที่
00:22:51 → 00:22:54 หนาตัวขึ้นมาด้วยแต่พอมันหนาตัวเสร็จมัน
00:22:54 → 00:22:56 ออกไปไหนไม่ได้ครับมันก็เลยกลายเป็นถุง
00:22:56 → 00:22:58 ที่ใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นใหญขึ้นเรื่อยๆทุกวัน
00:22:58 → 00:23:00 พอใหญ่มากๆเราก็จะเริ่มปวดท้องเวลาดี
00:23:00 → 00:23:03 ประจำเดือนนะครับใหญ่มากๆมันอาจจะแตกจะ
00:23:03 → 00:23:05 รั่วหรือทำให้เกิดพังผืนในช่องท้องทำให้
00:23:05 → 00:23:08 เราปวดท้องมากขึ้นอีนะครับแล้วก็ไอ้เจ้า
00:23:08 → 00:23:11 ถุงแบบเนะครับถุงน้ำแบบนี้มันเป็นข้างใน
00:23:11 → 00:23:14 มันเป็นมันเป็นเลือดประจำเดือนเก่าๆสี
00:23:14 → 00:23:16 มันนช็อกโกแลตอย่างที่เราบอกเนี่ยนะครับ
00:23:16 → 00:23:18 เพราะฉะนั้นสาเหตุของมันเนี่ยมันจึงเกิด
00:23:18 → 00:23:22 จากสาเหตุของการมีรอบประจำนะครับค่ะดัง
00:23:22 → 00:23:25 นั้นวิธีการที่เราอยากจะทำให้ช็อกโกแลต
00:23:25 → 00:23:28 ซีสไม่ยุบโอเคผ่าตัดเป็นวิธีหนึงแต่ว่า
00:23:28 → 00:23:31 เอ่อในเมื่อเรารู้ว่ามันเกิดจากรอบประจำ
00:23:31 → 00:23:33 เดือนการแลกษาอีกอย่างนึงที่นให้เราไม่
00:23:33 → 00:23:36 ต้องผ่าตัดก็คืองั้นเราก็จัดการให้ประจำ
00:23:36 → 00:23:40 เดินมันหมดไปซะอืนะครับอันที่ 1 ก็คือ
00:23:40 → 00:23:42 เหมือนอย่างที่เราบอกกันอันนี้ช็อกโกแลต
00:23:42 → 00:23:44 ซีสก็จึงเป็นซีสอีกแบบนึงที่เป็นถุงน้ำ
00:23:44 → 00:23:47 ที่สามารถเป็นเองแล้วหายเองได้ค่ะถ้า
00:23:47 → 00:23:50 สมมุติเรามาเป็นมันแล้วมันมันเป็นอยู่
00:23:50 → 00:23:52 แล้วอายุเรามากขึ้นจนกระทั่งถึงวัยเราหมด
00:23:52 → 00:23:54 ประจำเดือนนะครับไปจองเราหมดฮอร์โมน
00:23:54 → 00:23:57 เอสโตรเจนใช่มั้ยไอ้ถุงน้ำนี่ก็จะฟอไปเอง
00:23:58 → 00:24:01 อืก็ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือถ้ามันทำท่าจะ
00:24:01 → 00:24:03 ใหญ่ขึ้นแล้วเราปวดท้องมากขึ้นปวดประจำ
00:24:03 → 00:24:05 เดือนมากขึ้นจนไม่ไหวละนะครับกินยาก็ไม่
00:24:05 → 00:24:07 หายใช้กระป๋น้ำร้อนก็ไม่หายบางทีต้องลา
00:24:08 → 00:24:10 งานพักงานนอนแล้วเพราะปวดท้องมากๆเนี่ยก็
00:24:10 → 00:24:14 แสดงว่าอันเนี้ยเราจะไปรอจนกระทั่งรออีก
00:24:14 → 00:24:16 หมดประจำเดือนเนี่ยไม่ไหวะคนใช้อาการหนัก
00:24:16 → 00:24:19 แล้วเราก็ใช้วิธีไปจัดการกับประจำเดือน
00:24:19 → 00:24:21 ครับก็ให้ฮอร์โมนจากภายนอกที่ทำให้ประจำ
00:24:21 → 00:24:24 เดือนหายไปค่ะเช่นให้รับประทานฮอร์โมน
00:24:24 → 00:24:26 โปรเจสเตอโรนอย่างเดียวเลยครับเพื่อไปกด
00:24:26 → 00:24:29 ไปต้านิเอสโตรเจนไว้หรือว่าฉีดฮอร์โมน
00:24:29 → 00:24:30 เหมือนกับที่เราฉีดยา
00:24:31 → 00:24:35 คุมนะหลักการเมันก็มาจากการที่ว่าในเมื่อ
00:24:35 → 00:24:37 ประจำเดือนเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอิเนี่ยมัน
00:24:38 → 00:24:40 โตขึ้นเรื่อยๆใช่ไครับเราก็ไปยับยั้ง
00:24:40 → 00:24:42 ประจำเดือนซะไปกวนระบบประจำเดือนให้มัน
00:24:42 → 00:24:46 หายไปซะนะครับโรคนี้ก็จะดีขึ้นเองโดยที่
00:24:46 → 00:24:49 ไม่ต้องผ่าตัดเพราะฉนั้นโรคนี้ก็สามารถ
00:24:49 → 00:24:51 ใช้ฮอร์โมนจากภายนอกรักษาได้เหมือนกันนะ
00:24:51 → 00:24:54 ครับหรืออีกวิธีนึงการรักษาที่เราบอกเป็น
00:24:54 → 00:24:57 กั้นทุบดินเลยอ้าวโรกนี้เกิดจากเรื่องประ
00:24:57 → 00:24:59 มีประจำเดือนใช่มั้ยเพราะะนั้นวิธีง่าย
00:24:59 → 00:25:01 ที่สุดจะทำให้ไม่มีประจำเดือนไม่ต้องรอ
00:25:01 → 00:25:04 ถึงวัยทองหรอกฮะจัดการให้ผู้หญิงคนนั้น
00:25:04 → 00:25:08 ท้องซะออืพอเราท้องไปพอจำเหายไป 9 เดือน
00:25:08 → 00:25:10 ถูกมั้ยครับดือนเพราะฉะนั้นใช่ไอ้ไอ้
00:25:10 → 00:25:14 ช็อกโกพวกนี้ก็จะฝ่อไปด้วยครับออ่าก็จะ
00:25:14 → 00:25:16 หายไปด้วยนะครับสังเกตเลยครับว่าอย่างที่
00:25:16 → 00:25:19 หมอบอกช็อกโกแลคเนี่ยอาการสำคัญำก็คือเรา
00:25:19 → 00:25:22 จะมีการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรงนะครับ
00:25:22 → 00:25:25 แต่ว่าพอเป็นแบบนี้ปุ๊บเนี่ยนะครับพอเรา
00:25:25 → 00:25:27 ไปจัดการให้ไม่มีประจำเดือนซะหรือเราตั้ง
00:25:27 → 00:25:29 คันซะเนี่ยนะครับรอบ 9 เดือนเราไม่มี
00:25:29 → 00:25:32 ประจำเดือนเนี่ยิฟเนี่ยฝ่อลงเนี่ยจะเห็น
00:25:32 → 00:25:34 เลยครับว่าหลายๆคนที่เคยป่วดประจำเดือนพอ
00:25:34 → 00:25:36 ท้องเสร็จพอคลอดรูปเสร็จเนี่ยนะครับค่ะ
00:25:36 → 00:25:39 อาการปวประจำเดือนมันจะดีขึ้น
00:25:39 → 00:25:43 อืหลังคอดีขึ้นใช่ใช่หลังคอจะดีขึ้นไปถาม
00:25:43 → 00:25:45 คุณแม่เราคุณยายเราเก็รู้ครับให้ป่วด
00:25:45 → 00:25:49 ประจำเดือนมีลูกก็จะดีขึ้นอ๋ออ่าอันนั้น
00:25:49 → 00:25:50 ก็คือว่าแสดงว่าเ้าป่วดประจำเดือนจากการ
00:25:50 → 00:25:54 มีช็อกโกแลตซีนั่นเองแล้วก็พอมันพอเรา
00:25:54 → 00:25:55 ตั้งครรภ์มันก็ประจำเดือนหายไปมันก็
00:25:55 → 00:25:59 เหมือนได้ถูกรักษาไปด้วยอือค่ะอ่านี่ก็
00:25:59 → 00:26:01 เป็นถุงน้ำแบบที่ 3 แล้วนะครับที่ไม่ต้อง
00:26:01 → 00:26:04 ทำอะไรมันก็ยุบลงเองได้นะครับหรือไปจัด
00:26:04 → 00:26:07 การโดยการให้ยาแล้วทำให้ประจำเดือนหายไป
00:26:07 → 00:26:11 หรือหยุดยั้งไปเนี่ยมันก็ยุบลงเองได้ค
00:26:11 → 00:26:14 คราวนี้มาดูซิสหรือถุงน้ำแบบที่ 4 ครับอื
00:26:14 → 00:26:16 ุน้ำแบบเนะครับ
00:26:16 → 00:26:21 เอ่อทุกๆเซลล์ของร่างกายเราเนี่ยนะมันมี
00:26:21 → 00:26:24 เลือดมาเลี้ยงมันจะมีเส้นเลือดมาเลี้ยง
00:26:24 → 00:26:25 เพื่อส่งอาหารส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์
00:26:25 → 00:26:28 นั้นๆให้มันมีการเจริญเบโตการทำหน้าที่
00:26:28 → 00:26:30 ใช่มั้ยครับอย่างง่ายๆอ่ะสมมุติเราดูเรา
00:26:30 → 00:26:32 ดูหลังมือเราเงี้ยเราเราจะเห็นเส้นเลือด
00:26:32 → 00:26:34 เป็นเส้นๆอยู่ใช่มั้ยที่เวลาแบบเวลาไปโรง
00:26:34 → 00:26:36 พยาบาลแล้วเก็เจาะหาเส้นเลือดอะไรกัน
00:26:36 → 00:26:38 อย่างเงี้ยใช่มั้ยครับค่ะๆนะแต่ว่าสังเกต
00:26:38 → 00:26:40 มั้ยครับว่าบริเวณอื่นบนหลังมือเราที่ไม่
00:26:40 → 00:26:42 มีไอ้แนวเส้นเลือดอยู่แต่มันเป็นพเป็นแบบ
00:26:42 → 00:26:45 ผิวหนังสีน้ำตาลธรรมดาเนี่ยถ้าเราโดนมีด
00:26:45 → 00:26:48 บาตรเลือดออกเหมือนกันนะอืไม่ไม่ต้องไป
00:26:48 → 00:26:50 เลือดอัดบไม่ต้องมีดบาตรทับบนเส้นเลือดก็
00:26:50 → 00:26:52 ได้ถูกมยครับก็แสดงว่าทุกๆอนูของเซลล์เรา
00:26:52 → 00:26:55 เนี่ยมันมีเลือดไปเลี้ยงอยู่อืนะครับค่ะ
00:26:55 → 00:26:58 คราวนี้ที่บอกอธิบายตรงนี้มาก็ก็คือรัง
00:26:58 → 00:27:00 ไข่เราก็เป็นแบบนั้นครับนะครับรังไข่เรา
00:27:00 → 00:27:03 ก็ทุกศนูของมันก็จะมีเส้นเลือดที่แตกแขนง
00:27:03 → 00:27:05 เล็กๆออกไปแล้วก็ไปส่งอาหารส่งอะไรไป
00:27:05 → 00:27:07 เลี้ยงเซลล์ของร้างไข่เหมือนกันนะครับ
00:27:08 → 00:27:11 คราวนี้ในบางขณะครับมันมีการกระทบ
00:27:11 → 00:27:13 กระเทือนอะไรบางอย่างหรือเส้นเลือดบริเวณ
00:27:13 → 00:27:16 ผนังเยมันเกิดมีการเกราะบางออกนะครับมัน
00:27:16 → 00:27:18 ก็อาจจะเกิดฉีกขาดนะครับแล้วเลือดที่ไหล
00:27:18 → 00:27:21 ออกมาเนี่ยมันก็จะไหลนองลงไปแล้วมันไป
00:27:21 → 00:27:23 เกาะอยู่ในเหมือนกับไหลนองอยู่แล้วมัน
00:27:23 → 00:27:25 เป็นถุงเหมือนกับเป็นเลือดที่อยู่ในตัว
00:27:25 → 00:27:28 เนื้อรางไขเองนะครับอืก็เหมือนกับเรามี
00:27:28 → 00:27:30 ของเหลวที่เป็นเลือดค้างอยู่ข้างในนะครับ
00:27:30 → 00:27:32 ยิ่งนานวันขึ้นหรือถ้ามันออกมาปริมาณมาก
00:27:32 → 00:27:34 ขึ้นเนี่ยไอ้ของเหลวมันก็จะดันเหมือนเป็น
00:27:34 → 00:27:37 ลูกโป่งที่ใหญ่ขึ้นนะครับเราก็จะเรียกถุง
00:27:37 → 00:27:39 น้ำอันนี้ว่าถุงน้ำแบบที่มีเลือดอยู่ข้าง
00:27:39 → 00:27:42 ในนะครับอันนี้เรียกว่า emagic SE นะ
00:27:42 → 00:27:45 ครับอืถุงน้ำแบบนี้ก็เป็นถุงน้ำประเภทที่
00:27:45 → 00:27:48 4 อีกแบบนึงครับที่มันก็อาจจะยุบไปเอง
00:27:48 → 00:27:51 ได้เหมือนกันนะครับก็อย่างที่เราบอกแล้ว
00:27:51 → 00:27:53 ในเมื่อกลไกมันเหมือนกับมีเลือดที่ออกมา
00:27:53 → 00:27:55 นะครับเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาวะที่เลือดออกน
00:27:55 → 00:27:58 นั้นมันหยุดลงนะครับหรือวถจักรของการทำ
00:27:58 → 00:28:00 งานของรงข่ายมันกลับมาเป็นปกติเนี่ยไอ้
00:28:00 → 00:28:02 ถุงน้ำพวกเมันก็มีแนวโน้มจยุบของมันเอง
00:28:02 → 00:28:06 ได้คยกตัวอย่างง่ายๆเหมือนเหมือนกับเรา
00:28:06 → 00:28:09 เราอ่าถ้าเราเป็นแผลที่ที่มือเราเงี้ก็
00:28:09 → 00:28:11 ได้ที่มือก็ได้นะฮะเราเป็นแผลฉีกขาดเแล้ว
00:28:11 → 00:28:14 มีเลือดออกเนี่ยเราก็เห็นใชว่าถ้ามันเป็น
00:28:14 → 00:28:16 แผลเปิดแล้วเลือดไหลออกมาข้างนอกใช่มครับ
00:28:16 → 00:28:18 แต่บางครั้งเนี่ยบางทีเรามือเราไปกระแทก
00:28:18 → 00:28:21 อะไรแทกของแข็งๆเนี่ยนะครับบางทีไม่มีแผล
00:28:21 → 00:28:24 ภายนอกแต่ว่าถ้าเส้นเลือดฝอยข้างล่างมัน
00:28:24 → 00:28:26 ถูกกระแทกจนกระทั่งมันฉีกขาดเนี่ยเราจะมี
00:28:26 → 00:28:29 เลือดออกมาแล้วมันมากองอยู่ใต้ผิวหนังเรา
00:28:29 → 00:28:30 อ่ะที่เราจะเห็นเป็นลักษณะเหมือนจ้ำๆ
00:28:30 → 00:28:33 เขียวๆอ่ะอือกดเจ็บๆอ่ะเหมือนเราช้ำเขีย
00:28:33 → 00:28:36 รอยช้ำอ่ะอันนั้นคือจริงๆแล้วเนี่ยเอ่อ
00:28:36 → 00:28:38 ชั้นใต้ของผิวหนังลงไปเมันมีการฉีดขักของ
00:28:38 → 00:28:40 เส้นเลือดอยู่แหละแล้วก็แล้วก็มันมีเลือด
00:28:40 → 00:28:43 กรองอยู่เห็นมั้ยครับว่าไอ้รอยซ้ำเขียว
00:28:43 → 00:28:45 นั้นน่ะถ้าเราดูรงมันดีๆนะไม่ไปกระทบ
00:28:45 → 00:28:47 กระเทือนมันนะครับพักผ่อนมือพักการใช้มือ
00:28:47 → 00:28:50 เนี่ยเดี๋ยวรอยซ้ำช้ำเขียวเนี่ยจะหายไปอื
00:28:50 → 00:28:52 นะหรือบางทีเราโดนเราโดนคุณครูหยิกเนี่ย
00:28:53 → 00:28:55 นะโดนคุณแม่หยิกอะไรเงี้ยนะฮอุ๊ยพงเป็น
00:28:55 → 00:28:57 รอยเขียวก็คือไอ้แรงบิดของมหยิกเนี่ยมัน
00:28:57 → 00:28:59 ไปทำให้เส้นเลือดฝอยข้างล่างเนี่ยมันฉีด
00:28:59 → 00:29:01 ขาดแต่มันไม่มีแผลข้างบนไงมันก็เลยไม่มี
00:29:02 → 00:29:03 เลือดไหลให้เราเห็นแต่ว่ามันเป็นเลือดที่
00:29:03 → 00:29:06 กรองอยู่เขเขียวเป็นเลือดที่ออกมาแต่ว่า
00:29:06 → 00:29:09 พอเราทิ้งไว้สักพักนะฮะพอเลือดมันกลไกการ
00:29:09 → 00:29:11 ออกของเลือดนี่มันหายไปไอ้เลือดเขียวๆที่
00:29:11 → 00:29:13 มากองอยู่เนี่ยมันก็จะดูดซับเข้ากระแส
00:29:13 → 00:29:16 เลือดแล้วมันก็จะไอ้รอยเขียวนั้นก็จะหาย
00:29:16 → 00:29:19 ไปด้วยนะครับเพราะฉะนั้นถุงน้ำที่เกิดจาก
00:29:19 → 00:29:21 เลือดออกแบบเนี้ยนะครับถ้าภาวะกลไกที่
00:29:21 → 00:29:24 เลือดออกมันหยุดลงนะครับไอุ้พวกนี้ก็อาจ
00:29:24 → 00:29:27 จะยุบลงไปเองได้เหมือนกันอืออ่านี่ก็เป็น
00:29:27 → 00:29:30 ถุงน้ำประเภทที่ 4 นะครับถุงน้ำอีกประเภท
00:29:30 → 00:29:33 นึงนะครับเอ่อเราเราจัดถุงน้ำเนี่ยนะครับ
00:29:33 → 00:29:37 ถุงน้ำอีกแบบนึงที่อย่างที่บอกถุงน้ำใสๆ
00:29:37 → 00:29:40 เหมือนไอถุงน้ำ 2 ประเภทแรกใช่มั้ยครับก็
00:29:40 → 00:29:41 ที่เกิดจากไข่หรือเขพัซูเตียมอันนี้ข้าง
00:29:41 → 00:29:44 ในของเหลวข้างในจะเป็นใสๆถุงน้ำแบบที่ 3
00:29:44 → 00:29:46 คือถุงน้้ำที่เป็นเลือดประจำเดือนสีน้ำ
00:29:46 → 00:29:48 น้ำตาลเราเรียกช็อกโกแลคซีเพราะข้างในมัน
00:29:48 → 00:29:50 สีเป็นเลือดน้ำตาลนะครับถุงน้ำแบบที่เป็น
00:29:50 → 00:29:53 เลือดสีแดงเราเรียก emagic Seed ไอแบบ
00:29:53 → 00:29:55 ที่ 4 นะครับคราวนี้ถ้าของเหลียวที่อยู่
00:29:55 → 00:29:58 ข้างในถุงน้ำนั้นเป็นลักษณะของการติด
00:29:58 → 00:30:01 เชื้อนะครับเช่นเป็นสีเป็นหนองนะครับอัน
00:30:01 → 00:30:04 นี้ก็เป็นถุงน้ำอีกแบบหนึ่งที่เป็นถุงน้ำ
00:30:04 → 00:30:06 ที่เกิดจากการอักเสบนะครับอันนี้เราเรียก
00:30:06 → 00:30:09 ว่าโแหรือว่าเป็นถุงน้ำที่เป็นสีที่รัง
00:30:09 → 00:30:12 ไข่นั่นเองนะครับซึ่งพวกเเกิดจากการติด
00:30:12 → 00:30:15 เชื้อครับเพราะฉะนั้นถุงน้ำที่เป็นฝีเป็น
00:30:15 → 00:30:18 หนองเป็นการติดเชื้อถยกตัวอย่างให้เข้าใจ
00:30:18 → 00:30:21 ง่ายๆเหมือนเราเป็นฝีเป็นสิวหัวหนองเนะฮะ
00:30:21 → 00:30:24 โอเคเราเราเจาะสิวหัวหนองออกหนองมันออก
00:30:24 → 00:30:27 ใช่มันสิวมันก็ยุบนะครับแต่บางทีเราไม่
00:30:27 → 00:30:30 ต้องเจาะครับแต่ว่าถ้าเราใช้วิธีการให้ยา
00:30:30 → 00:30:32 ปฏิชีวนะเช่นรับประทานยาปฏิชีวนะพวกจำพวก
00:30:32 → 00:30:35 เตราไซกิดอกซี่ไซกิอะไรพวกเนี้ยมันก็
00:30:35 → 00:30:38 รักษาอาการอักเสบตรงสิวเนี่ยทำให้สิวที่
00:30:38 → 00:30:41 เป็นหนอนมันก็หายไปได้เหมือนกันค่ะก็เช่น
00:30:41 → 00:30:44 กันครับถ้าเป็นถุงน้ำแบบที่เป็นหนองและ
00:30:44 → 00:30:46 อยู่ในตัวรังไข่ของเราเนี่ยนะครับนะเรียก
00:30:46 → 00:30:50 ว่าอน ABS เฝีที่รังไข่นะครับถ้ามันมีการ
00:30:50 → 00:30:53 รักษาโดยการให้ยาวปฏิชีวนะจนทำให้การติด
00:30:53 → 00:30:55 เชื้อหรือการอักเสบเป็นหนองนั้นเนี่ยมัน
00:30:55 → 00:30:59 มันดีขึ้นนะครับไอ้ถุงน้ำพวกนี้ก็จะยุบลง
00:30:59 → 00:31:02 ครับอือ่าเพราะฉนั้นมันก็จะหายได้เหมือน
00:31:02 → 00:31:06 กันนะครับดังนั้นเนี่ยครับถุงน้ำประมาณ
00:31:06 → 00:31:08 4-5 ประเภทที่หมอยกตัวอย่างมาเนี่ยก็
00:31:08 → 00:31:10 เป็นถุงน้ำที่มันมีวัฏจักรที่จะเกิดเป็น
00:31:10 → 00:31:13 ถุงน้ำในรังไข่และบางครั้งเนี่ยเราไม่
00:31:13 → 00:31:15 ต้องทำอะไรนอกจากติดตามดูมันหรือว่ารักษา
00:31:15 → 00:31:18 สภาวะที่เป็นสาเหตุเช่นชอกกาแลกซีก็ไปยับ
00:31:18 → 00:31:21 ยั้งประจำเดือนซะมีการอักเสบก็ให้ยา
00:31:21 → 00:31:24 ปฏิชีวนะซะให้สีมันยุบซะอันนี้จะหายเอง
00:31:24 → 00:31:28 ได้นะครับส่วนทุมน้ำอีกแบบอื่นๆนะครับที่
00:31:28 → 00:31:30 เราไม่ได้พูดถึงก็คือถุงน้ำที่มีลักษณะ
00:31:30 → 00:31:32 ผิดปกติแล้วมันไม่ยุบเองอย่างเช่นเราติด
00:31:32 → 00:31:34 ตามดูเนี่ยนะครับเห็นถุงน้ำมันขนาดเล็กๆ
00:31:34 → 00:31:37 อีก 3 เดือนนัดมาดูยใหญ่ขึ้นอีก 3 เดือน
00:31:37 → 00:31:40 นัดดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเนี่ยอันถือเป็นถุง
00:31:40 → 00:31:43 น้ำที่ต้องติดตามดูแล้วถ้ามันไปถึงจุดนึง
00:31:43 → 00:31:45 แล้วมันไม่ยอมยุบนะครับนะโดยเฉพาะอย่าง
00:31:45 → 00:31:48 ยิ่งถ้าขนาดของถุมน้ำเนี่ยใหญ่เกินกว่า 5
00:31:48 → 00:31:50 ซมขึ้นไปเนี่ยมันก็เหมือนที่หมอยกตัว
00:31:50 → 00:31:52 อย่างไงลูกโป่งที่ใหญ่มากๆเนี่ยมีโอกาส
00:31:52 → 00:31:56 แตกได้ครับถ้าเราดูแลรักษาไม่ดีจนปล่อยถุ
00:31:56 → 00:31:58 น้ำมันแตกแตกออกเนี่ยพอมันแตกปุ๊บเนี่ยก็
00:31:58 → 00:32:00 อาจจะตกเลือดในช่องท้องได้เพราะว่าทุกๆ
00:32:00 → 00:32:02 อนูของเซลล์มันมีเส้นเลือดไปเลี้ยงอาจจะ
00:32:02 → 00:32:04 ไม่ใช่ถุงน้ำแตกอย่าเวแต่ว่าเส้นเลือดดัน
00:32:04 → 00:32:07 แตกด้วยก็มีการตกเลือดเกิดตกเลือดในช่อง
00:32:07 → 00:32:09 ท้องกลายเป็นภาวะที่เราปวดท้องรุนแรงแล้ว
00:32:09 → 00:32:11 ต้องมีการผ่าตัดฉุกเฉินขึ้นมาได้นะครับ
00:32:11 → 00:32:13 เพราะงั้นถุงน้ำถ้ามันใหญ่มากๆใหญ่เกิน
00:32:13 → 00:32:16 กว่า 5 ซมขึ้นไปเนี่ยนะครับนะมีโอกาสที่
00:32:16 → 00:32:18 มันจะแตกหรือถ้ามันหรือถ้ามันไม่แตกนะ
00:32:18 → 00:32:21 ครับแต่มันใหญ่มากๆเนี่ยเราจะลืมว่าถุง
00:32:21 → 00:32:23 น้ำเนี่ยนะครับไอไอ้ตัวรังไข่เนี่ยมัน
00:32:23 → 00:32:26 เกาะอยู่กับมดลูกนะครับด้วยด้วยเส้นเอ็น
00:32:26 → 00:32:29 ที่ยึดมาเล็กๆเองครับเพราะนึกภาพง่ายๆ
00:32:29 → 00:32:30 เหมือนเหมือนเรานึกถึงนักมวยที่เขาชกลูก
00:32:31 → 00:32:33 ตุ้มอ่ะฮะไม่ไม่ไม่ไม่ใช่นวมไม่ไม่ใช่ไอ้
00:32:33 → 00:32:35 ไอ้กระสอบไซอันใหญ่ๆนะแต่เป็นลูกตุ้มเล็ก
00:32:36 → 00:32:38 ๆที่ห้อยจากผนังแล้วก็เหมือนชกแล้วมันก็
00:32:38 → 00:32:40 มันก็ดิ้นไปดิ้นมาเร็วๆอ่ะค่ะนั่นนะครับ
00:32:40 → 00:32:42 คล้ายๆอย่างงั้นรังไข่เรามันจะมีขั้วที่
00:32:42 → 00:32:45 เป็นแบบเหมือนเกาะอยู่กับตัวมดลูกที่เป็น
00:32:45 → 00:32:47 เส้นทางที่มดเอ่อจะเส้นเลือดที่ส่งอาหาร
00:32:47 → 00:32:49 มาเลี้ยงมันก็จะส่งมาทาง่าทางนั้นอะไร
00:32:49 → 00:32:52 อย่างเงี้นะครับนะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดมัน
00:32:52 → 00:32:54 เป็นถุงน้ำแล้วมันใหญ่ขึ้นนะครับมันก็
00:32:54 → 00:32:56 เหมือนไอ้ลูกตุ้มชกมวยที่มันใหญ่ขึ้น
00:32:56 → 00:32:58 เรื่อยๆเพราะมันใหญ่ขึ้นวันีเราชกเนี่ย
00:32:58 → 00:33:01 มันก็หมุนถูกมครับเพราะงั้นฝูงน้ำเนี่ย
00:33:01 → 00:33:03 ถ้าเราปล่อยให้มันใหญ่มากๆนะครับนอกจาก
00:33:03 → 00:33:06 มันแตกรั่วอย่างที่หมอบอกแล้วเนี่ยนะครับ
00:33:06 → 00:33:08 โอกาสเสียงที่แตกรวดแล้วมันจะตกเลือด
00:33:08 → 00:33:10 เนี่ยนะครับปัญหาที่เกิดอย่างนก็คือมัน
00:33:10 → 00:33:13 อาจจะหมุนบิดขั้วได้ครับพอมันหมุนใช่ม
00:33:13 → 00:33:15 ครับหมุนเป็นวงเนี่ยไอ้ตรงขั้วนั้นก็จะ
00:33:15 → 00:33:18 บิดเหมือนเราบิดบิดบิดไอไอ้ตัวไอ้ตัวลูก
00:33:18 → 00:33:21 ตุ้นชกมวยแล้วเป็นเกลียวอย่างเงี้นะครับ
00:33:21 → 00:33:23 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือตรงเกลียวนั้นน่ะมัน
00:33:23 → 00:33:25 เป็นทางผ่านของเลือดที่ส่งมาเลี้ยงรังไข่
00:33:25 → 00:33:27 เพราะฉะนั้นถ้าตนั้นเนี่ยมันบิดเป็น
00:33:27 → 00:33:30 เกลียวซะเส้นเลือดตรงนั้นมันก็อุดตันนะ
00:33:30 → 00:33:32 ครับรางไข่ของเราก็จะขาดเลือดมาเลี้ยง
00:33:32 → 00:33:34 เนื้อรังไข่ก็จะกลายเป็นเนื้อที่เน่าและ
00:33:34 → 00:33:36 ตายอืก็จะเกิดเป็นของเสียข้นมาเพราะ
00:33:37 → 00:33:39 ฉะนั้นปัญหาของถุงน้ำที่มันใหญ่ขึ้น
00:33:39 → 00:33:41 เรื่อยๆนะครับไม่ใช่ถุงน้ำ 5 ประเภทแรก
00:33:41 → 00:33:44 ที่เราบอกอันนี้จะเป็นถุงน้ำที่เป็นโรคละ
00:33:44 → 00:33:48 ค่ะครับถุงน้ำแบบที่เป็นโรคเนี่ยบางที
00:33:48 → 00:33:50 จำเป็นจะต้องผ่าตัดครับเพื่อป้องกันไม่
00:33:50 → 00:33:52 ให้มันใหญ่จนกระทั่งมันแตกหรือมันจะต้อง
00:33:52 → 00:33:54 บิดบิดขั้วแล้วทำให้เกิดการขาดเลือดมา
00:33:54 → 00:33:57 เลี้ยงแล้วเกิดเนื้อตายขึ้นข้างในหลังไข่
00:33:57 → 00:34:01 อืนะครับรวมถึงถุงน้ำที่มันโตขึ้นเรื่อยๆ
00:34:01 → 00:34:03 ไม่ใช่ถุงน้ำที่เป็นโรคอย่างเดียวนะครับ
00:34:03 → 00:34:07 แต่ถ้ามันโตอย่างรวดเร็วมากๆนะครับมันก็
00:34:07 → 00:34:09 อาจจะเป็นถุงน้ำที่กลายเป็นถุงน้ำที่เป็น
00:34:09 → 00:34:13 มะเร็งก็ได้เหมือนกันอือ่าเพราะฉะนั้นอ่อ
00:34:13 → 00:34:16 บางทีเราประเมินว่าถูกน้ำชนิดไหนนะที่เรา
00:34:16 → 00:34:18 บอกว่าเอ้ยเป็นเองก็หายเองได้แต่เราก็
00:34:18 → 00:34:20 ต้องตามดูครับถ้ามันไม่ยอมหายเองซักที
00:34:20 → 00:34:23 หรือว่าให้ยาแล้วมันก็มายุบซักทีแล้วมัน
00:34:23 → 00:34:25 กลับโตขึ้นเรื่อยๆโดยเพะนี้ถ้ามันโตเร็วๆ
00:34:25 → 00:34:27 เนี่ยนะครับอันเนี้ย
00:34:27 → 00:34:29 ต้องสงสัยไว้ก่อนว่ามันอาจจะสองไปในทาง
00:34:29 → 00:34:32 เนื้อไม่ดีได้ซึ่งตรงเนี้ยแน่นอนครับเรา
00:34:32 → 00:34:35 ต้องมุ่งสู่การผ่าตัดอืเราต้องผ่าตัด
00:34:35 → 00:34:37 รักษาให้เร็วที่สุดเพราะฉะนั้นจะเห็นได้
00:34:37 → 00:34:39 ว่าเราคุยกันมาเรื่องถุงน้ำเนี่ยนะครับนะ
00:34:39 → 00:34:41 มันก็มีทั้งต้องผ่าตัดนะครับอย่างที่เรา
00:34:41 → 00:34:43 เคยได้ยินมันเป็นถุงน้ำต้องผ่าตัดแต่ว่า
00:34:43 → 00:34:45 ก็ต้องเรียนว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็น
00:34:45 → 00:34:48 ต้องผ่านครับเราก็จะเลือกผ่านในคนที่เรา
00:34:48 → 00:34:51 สงสัยว่ามันจะเป็นถุงน้ำที่ไม่ยุบเองหรือ
00:34:51 → 00:34:53 มันมีขนาดใหญ่มากจนเราเจ็บปวดะหรือมี
00:34:53 → 00:34:56 อาการหรือไปกดเบียดอวยะอื่นๆนะครับหรือ
00:34:56 → 00:34:58 เป็นถุงน้ำที่โตเร็วจนเรากลัวมันจะแปลก
00:34:58 → 00:35:01 หรือมันจะบิดขั้วหรือมันโตเร็วจนเอ๊มัน
00:35:01 → 00:35:04 แปลกๆฮะอย่างนี้มันดูไม่น่าไว้ใจน่าจะ
00:35:04 → 00:35:05 เป็นโตเร็วจนเหมือนมะเร็งหรือเปล่าอะไร
00:35:05 → 00:35:08 อย่างเงี้ยถุงน้ำเหล่านี้ครับถึงจะต้องลง
00:35:08 → 00:35:11 เยด้วยการผ่าตัดนะถ้านอกเหนือจากนั้นแล้ว
00:35:11 → 00:35:13 เนี่ยเราไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้วก็ตามดู
00:35:13 → 00:35:17 ได้ว่ามันยุบเองนะครับอือฟังแล้วมีหลายั
00:35:17 → 00:35:19 ประเภทเอ้ยหลายประเภทมากเลยเนาะแต่อย่าง
00:35:19 → 00:35:21 ที่คุณหมอบอกว่าถ้ามันไม่ได้โตขึ้นเนี่ย
00:35:21 → 00:35:24 ก็คืออาจจะไม่ต้องไปกังวลขนาดนั้นแต่ว่า
00:35:24 → 00:35:27 สิ่งนึงที่คนทั่วไปก็คือจะมั่นใจได้ไงว่า
00:35:27 → 00:35:29 มันจะไม่โตขึ้นด้วยความที่มันอยู่ข้างใน
00:35:29 → 00:35:32 อ่ะค่ะคุณหมอมันมีอาการอะไรที่ที่แสดงออก
00:35:32 → 00:35:34 มาภายนอกบ้างมยคะที่เราพอจะรู้ได้นะคะ
00:35:34 → 00:35:37 ครับถุงน้ำที่รังไข่นะครับถ้ามันอยู่ของ
00:35:37 → 00:35:39 มันเฉยๆเล็กๆนะครับมันไม่มีอาการอะไรอแต่
00:35:39 → 00:35:41 ถ้ามันใหญ่ขึ้นหรือมันเริ่มกดเบียนการทำ
00:35:41 → 00:35:44 งานของรังไข่แน่นนมันอยู่บนรังไข่ใช่มั้ย
00:35:44 → 00:35:46 ถ้ามันมากดเบียดมากินพื้นที่ของรังไข่
00:35:46 → 00:35:49 เนี่ยสิ่งแรกก็คือมันจะทำให้การทำงานรัง
00:35:49 → 00:35:51 ไข่เสียไปเสียไปก็คืออะไรเราก็ไม่ตกไข่
00:35:52 → 00:35:53 เราก็ไม่มีประจำเดือนมาเป็นรอบเพราะ
00:35:53 → 00:35:56 ฉะนั้นอาการแรกที่เราสังเกตได้เลยก็คือ
00:35:56 → 00:35:58 ประจำเดือนผิดปกติครับอการที่จะมาสม่ำ
00:35:58 → 00:36:01 เสมอทุกๆ 28 วันหรือบวกลบนิดหน่อยครับ
00:36:01 → 00:36:03 กลายเป็นมามั่งไม่มามั่งหายไปหลายๆเดือน
00:36:03 → 00:36:05 บ้างอะไรอย่างเงี้ยหรือมาแล้วออกกระปิด
00:36:05 → 00:36:07 กระปอยตลอดเดือนอย่างเงี้ยอันเนี้ยสงสัย
00:36:07 → 00:36:09 ไว้เลยว่าอเราอาจจะมีถุงน้ำผิดปกติอยู่
00:36:09 → 00:36:11 เพราะฉะนั้นถ้าเราเจออาการอย่างเงี้ยอาจ
00:36:11 → 00:36:13 จะต้องวิ่งไปหาคุณหมอให้ตรวจว่ามีถุงน้ำ
00:36:13 → 00:36:16 อยู่มั้อ๋ออันที่ 2 ถ้าถุงมันใหญ่ครับก็
00:36:16 → 00:36:19 ปวดไงครับค่ะนะยิ่งถ้าเป็นยิ่งถ้าข้างใน
00:36:19 → 00:36:21 เป็นช็อกโกแลคซิจะยิ่งปวดมากด้วยพวนี้ถ้า
00:36:21 → 00:36:23 ปวดสัมพันธ์กับรอบประจำเดือนยิ่งสงสัยจ
00:36:23 → 00:36:27 กาแล็กซีครับหรือถ้าถุงน้ำนมันใหญ่มากจน
00:36:27 → 00:36:29 กระทั่งจนกระทั่งมันไปกดเบียดเอไวันอื่น
00:36:30 → 00:36:32 ก็จะเริ่มมีอาการของทางเดินปัสสาวะ
00:36:32 → 00:36:35 ปัสสาวะผิดปกติปัสสาวะบ่อยกันไม่ได้อะไร
00:36:35 → 00:36:37 เงี้ยหรือว่ามีออาการของทางเดือนอาหารทำ
00:36:37 → 00:36:39 ให้ท้องผูกถ่ายไม่ได้เป็นลิธสีดวงอะไร
00:36:40 → 00:36:42 ต่างๆเหล่าเนี้ยอันเนี้ยก็เป็นภาวะหนึ่ง
00:36:42 → 00:36:44 ที่ถ้าเรามีอาการพวกนี้ร่วมด้วยเนี่ยนะ
00:36:44 → 00:36:47 ครับปวดท้องร่วมกับมีอาการทางปัสสวะหรือ
00:36:47 → 00:36:50 ทางำไส้เนี่ยก็ให้น่าสงสัยว่าเราอาจจะมี
00:36:50 → 00:36:53 ถุงน้ำอยู่ข้างในอืค่ะนะครับอันที่ 3 นะ
00:36:53 → 00:36:56 ครับถ้าถุงน้ำมันใหญ่ขึ้นนะมากๆนะครับเรา
00:36:56 → 00:36:59 เคยเจอบางคนถุงน้ำนี่ใหญ่จนขนาด 20-30 ซม
00:36:59 → 00:37:02 เลยนะครับนะแล้วคนไข้ไม่มาหาเราเพราะคน
00:37:02 → 00:37:05 ไข้นึกว่าออนี่นึกว่าเราอ้วนอืปรากฏว่าอซ
00:37:05 → 00:37:08 ลงไปเนี่ยไอ้ที่อ้วนทั้งหมดนะคือถุงน้ำนะ
00:37:08 → 00:37:11 ฮะเพราะฉะนั้นก็ให้สงสัยไว้ด้วยครับว่า
00:37:11 → 00:37:13 เอ๊ะทำไมถ้าท้องเรามันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆนะ
00:37:13 → 00:37:15 ครับนะโดยะถ้ามันใหญ่อยู่ส่วนเดียวอ่ะ
00:37:15 → 00:37:18 แล้วคือคือคนเรามันจะอ้วนเนี่ยแขนขามันไป
00:37:18 → 00:37:21 หมดคอเกอไปหมดแน่นะแต่ว่าภ้าทำไมท้องมัน
00:37:21 → 00:37:23 ใหญ่อยู่อย่างเดียวอ่ะนะฮะแต่ตรงอื่นไม่
00:37:23 → 00:37:27 เห็นมีอะไรน่ะนะฮะอันเนี้ยต้องสงสัย
00:37:27 → 00:37:29 เรื่องถุงน้ำไว้ด้วยนะฮะก็ต้องเพราะ
00:37:29 → 00:37:31 ฉะนั้นเนี่ยไม่ว่าจะเป็นอาการประจำเดือน
00:37:31 → 00:37:33 ผิดปกติอาการปวดนะครับอาการที่มีผลต่อ
00:37:33 → 00:37:37 อวัยวะข้างๆงเคียงหรืออาการที่เห็นว่า
00:37:37 → 00:37:40 ท้องมันใหญ่ผิดปกติค่ะอันเนี้ยล้วนแล้ว
00:37:40 → 00:37:42 แต่ทำให้เราต้องเป็นอาการที่สงสัยว่าอาจ
00:37:42 → 00:37:45 จะมีถูงน้ำอยู่ครับก็คจะพณแล้วก็ที่หมอ
00:37:45 → 00:37:47 อุตส่าห์พูดมาทั้งหมดยืดยาวมาตั้ง 4-5
00:37:47 → 00:37:49 ประเภทเนี่ยนะครับหมอว่าคุณผู้ฟังทก็ฟัง
00:37:49 → 00:37:52 แล้วก็คงงงมากแหละเพียงแต่ว่าฟังให้เป็น
00:37:52 → 00:37:54 ความรู้เอาไว้แล้วก็ในที่สุดเนี่ยเราไม่
00:37:54 → 00:37:57 ใช่คนตัดสินใจว่านี่เราเป็นถูงน้ำอะไรนะ
00:37:57 → 00:38:00 ฮะเราไปหาคุณหมอครับแล้วคุณหมอใช่แล้วคุณ
00:38:00 → 00:38:02 หมอซักวัติเราคุณหมอจะรู้ว่าเออเป็นแบบ
00:38:02 → 00:38:04 นี้ควรจะรอมั้ยหรือว่าควรจะไปผ่าตัดหรือ
00:38:04 → 00:38:06 อะไรอย่างเงี้ยอันนั้นต้องต้องต้องปรึกษา
00:38:06 → 00:38:10 คุณหมอจะดีที่สุดนะครับอค่ะเท่าที่ฟังคุณ
00:38:10 → 00:38:13 หมอมานะจากประสบการณ์ตรงนะเคยพอดีเจี๊บ
00:38:13 → 00:38:16 เคยไปทำซทสแกนอ่ะค่ะคุณหมอที่มดลูกแล้วก็
00:38:16 → 00:38:20 เจอถุงน้ำแล้วก็พอคุณหมอแจ้งว่ามันมีถุง
00:38:20 → 00:38:24 น้ำในรังไข่อ่ะเราก็แบบกังวลอย่างที่เรา
00:38:24 → 00:38:27 พูดกันเลยว่ามันจะโตขึ้นมันจะเป็นมะเร็ง
00:38:27 → 00:38:29 มันจะเป็นเนื้องอกอะไรมั้ยอย่างเงี้ยค่ะ
00:38:29 → 00:38:32 แต่ว่าคุณหมอเเพูดหมือนที่คุณหมอเล่าให้
00:38:32 → 00:38:34 ฟังเลยคือบอกว่าไม่ต้องกังวลค่ะเราแค่มา
00:38:34 → 00:38:36 Follow ต่อถ้ามันไม่ได้ใหญ่ขึ้นก็เดี๋ยว
00:38:36 → 00:38:39 มันหายไปเองเราก็ยังงงๆนะแต่ฟังวันนี้ฟัง
00:38:39 → 00:38:41 คุณหมอแล้วพอเข้าใจแล้วว่ามันหายไปเองได้
00:38:41 → 00:38:45 ยังไงค่ะแล้วแกก็บอกว่าอีกอย่างนึงคือให้
00:38:45 → 00:38:49 มีลูกอ่ะรีบเลยมีลูกแล้วหายเหมือนที่คุณ
00:38:49 → 00:38:52 หมอนเล่าเป๊ะเลยคคุณเคุณเจบอกเนี่ยถูก
00:38:52 → 00:38:54 ต้องเลยผมผมลืมพูดอันสุดท้ายไปก็คืออาการ
00:38:54 → 00:38:57 ที่มันส่งผลก็การทำรังไขก็ก็คือมันไม่ตก
00:38:57 → 00:39:00 ไข่มันก็ไม่มีลูกไงฮะมันก็จะเป็นคนมีบุตร
00:39:00 → 00:39:02 ยากได้อ่านี้ก็เป็นอีกอภาวะนึงที่จะเกิด
00:39:02 → 00:39:06 ขึ้นนะครับออคราวนี้คราวนี้ไหนๆพูดแล้วนะ
00:39:06 → 00:39:08 ก่อนเวลาเราพูดถึงถุงน้ำที่ต้องผ่าตัด
00:39:08 → 00:39:11 เนี่ยหลายๆคนก็เลยพอเราบอกว่าสงสัยอาการ
00:39:11 → 00:39:15 พวกนี้ควรจะไปหาคุณหมอเนี่ยนะฮะก็ก็บางคน
00:39:15 → 00:39:18 ไม่ยอมไปเพราะกลัวผ่าตัดอืกลัวอเราเป็น
00:39:18 → 00:39:20 แบบประเภทต้องผ่าตัดเดี๋ยวเจ็บตัวอะไร
00:39:20 → 00:39:22 เงี้ยอย่านี้การผ่าตัดถ้าเราผ่าตัดถุงน้ำ
00:39:22 → 00:39:24 เนี่ยเราผ่าตัดด้วยกล้องก็ได้นะครับเรา
00:39:24 → 00:39:27 เราเราลืมไการเปิดแผใหญ่ไปได้เลยเดี๋ยว
00:39:27 → 00:39:29 เนี้ยเราสามารถผ่าโดยใช้กล้องเล็กๆครับจะ
00:39:29 → 00:39:33 มีขนาดแผลประมาณซักแค่ 5 มมถึง 1 ซมเท่า
00:39:33 → 00:39:36 นั้นเองนะครับประมาณ 3 2-3 แผลนะครับอ
00:39:36 → 00:39:40 แล้วก็หาพอแผลหายเนี่ยก็แทบจะมองไม่เห็น
00:39:40 → 00:39:42 เลยครับหรือผาตัดแบบเนี้ยจะทำให้เราเจ็บ
00:39:42 → 00:39:44 แผลน้อยมากผ่าเพียงวันแรกตอนสมมุติผ่า
00:39:44 → 00:39:47 เช้าตอนเย็นแล้วก็ลุกเดินต่อละค่ะอือยู่
00:39:47 → 00:39:49 โรงพาบาลอีกวัน 2 วันก็กลับบ้านยแล้ว
00:39:49 → 00:39:52 เพราะฉะนั้นถ้ามีอาการต่างๆที่สงสัยถุง
00:39:52 → 00:39:54 น้ำอย่างที่หมอบอกทั้งหมดเนี่ยนะครับไปหา
00:39:54 → 00:39:57 คุณหมอเถอะครับอย่าไปกลัวถ้าต้องผ่าตัด
00:39:57 → 00:39:58 จริงๆเนี่ยมันก็ไม่ได้เป็นแผลใหญ่โตต้อง
00:39:59 → 00:40:01 เก็บตัวอะไรมากมายนะครับแล้วที่แล้วที่
00:40:01 → 00:40:03 อย่างอย่างคุณเจี๊ยบเนี่ยอย่างคุณเจี๊ย
00:40:03 → 00:40:05 น่ารักมากคือพอคุณหมอแนะนำอย่างงั้นเนี่ย
00:40:05 → 00:40:09 คุณเฟก็อยู่มาได้โดยไม่กลัวเก่งมากคุณหมอ
00:40:09 → 00:40:12 แต่ก็แอบนอนไม่หลับเหมือนกันนะก็แบบก็
00:40:12 → 00:40:15 กลัวอยู่เหมือนกันแต่ก็คิดว่าเขาบอกขนาด
00:40:15 → 00:40:17 ผู้เชี่ยวชาญยังบอกว่าเออให้รอก่อนแล้ว
00:40:17 → 00:40:20 เราก็พยายามหาข้อมูลอ่านเยอะๆก็มันก็เป็น
00:40:20 → 00:40:22 อย่างที่คุณหมอเาแนะนำก็เลยแบบอๆรอดูก่อน
00:40:22 → 00:40:25 อะไรอย่างเงี้ยค่ะผ่านไป 1 ปีกลับไป
00:40:25 → 00:40:28 Follow ต่อไม่เจอแล้วค่ะคุณหมออีกรอบนึง
00:40:28 → 00:40:30 น่ารักมากนะครับคือเป็นคนที่เชื่อฟังคุณ
00:40:30 → 00:40:33 หมอมากหมอหมหมอรู้ว่าพวกเราคงฟังอย่าง
00:40:33 → 00:40:35 เงี้นะฮะเราจะตกใจแล้วก็เราจะโอ้ยหมอมา
00:40:35 → 00:40:37 พูดนี่มันก็หมอพูดได้สิมันไม่ใช่โรคของ
00:40:37 → 00:40:40 หมอเนาะอันนี้มันตัวเราใช่มั้ยฮะอย่างนี้
00:40:40 → 00:40:43 อันนี้เป็นเพราะว่าเราอ่ะพไเกี่ยวกับ
00:40:43 → 00:40:45 เรื่องเรากลัวมะเร็งเพราะว่ามะเร็งอวัยวะ
00:40:45 → 00:40:47 สุผ่าสตรีอ่ะที่เราพูดถึงมากที่สุดก็คือ
00:40:47 → 00:40:49 มะเร็งปากมัดลูกค่ะใช่มั้ยครับมะเร็งปาก
00:40:49 → 00:40:52 มัดลูกเนี่ยทำไมเราต้องตรวจมะเร็งปากมลุก
00:40:52 → 00:40:54 ประจำปีทุกปีเพราะมันเป็นมะเร็งที่แปลก
00:40:54 → 00:40:56 คือมันเป็นมะเร็งที่มันมันจะเป็นเริ่มจาก
00:40:57 → 00:40:59 เซลล์เล็กๆฮะแล้วมันจะเป็นอยู่ในชั้นลึกๆ
00:40:59 → 00:41:02 ก่อนที่ตรงปากบลูกอแล้วพอมันเป็นเยอะจน
00:41:02 → 00:41:03 กระทั่งเป็นมะเร็งเต็มที่แล้วมันถึงจะ
00:41:03 → 00:41:06 ปะทุขึ้นมาข้างบนค่ะออเพราะฉะนั้นการเป็น
00:41:06 → 00:41:08 มะเร็งปากมะดลูกเนี่ยเราจะไม่มีก้อนเนื้อ
00:41:08 → 00:41:11 ไม่มีอะไรตัวๆมาเลยนะฮะอสมมุติถ้าเราเป็น
00:41:11 → 00:41:13 ปากมะดลูกแล้วเป็นก้อนเนื้อใหญ่ๆอะไรอัน
00:41:13 → 00:41:15 นั้นคือเป็นระยะสุดท้ายแล้วฮะค่ะอนะครับ
00:41:15 → 00:41:17 เพราะฉะนั้นการการเวลาเราพูดถึงมะเร็งปาก
00:41:17 → 00:41:20 มะลูกเนี่ยเราถึงกลัวกันเพราะว่าอ้าวมัน
00:41:20 → 00:41:22 ไม่มีก้อนไม่มีอะไรเลยเนี่ยแล้วแล้วจู่ๆ
00:41:22 → 00:41:24 เราจะไปรอจนนเป็นก้อนก็แสดงว่าเป็นระยะ
00:41:24 → 00:41:27 สุดท้ายแล้วนะครับแต่มะเร็งรังไข่ไม่
00:41:27 → 00:41:30 เหมือนกันครับมะเร็งที่รังไข่เนี่ยจะต้อง
00:41:30 → 00:41:33 เป็นก้อนถุงน้ำหรือเป็นถุงน้ำที่ปนกับ
00:41:33 → 00:41:36 เนื้อคือจะต้องเป็นถุงใหญ่ๆขึ้นมาก่อน
00:41:36 → 00:41:38 ครับและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆใหญ่ขึ้นเร็วๆและ
00:41:38 → 00:41:41 ใหญ่โตอย่างนั้นอยู่เป็นเวลาหลายปีครับ
00:41:41 → 00:41:45 กว่าเซลลมันจะกลายเป็นมะเร็งค่ะดังนั้นนะ
00:41:45 → 00:41:48 ครับถ้าเราไม่มีลักษณะของตรวจอัลตราซาว
00:41:48 → 00:41:50 หรือว่าตรวจภายในแล้วเจอเป็นก้อนอะไรใหญ่
00:41:51 → 00:41:53 ขึ้นมาหรือเราเห็นท้องใหญ่ๆขึ้นมาเนี่ยนะ
00:41:53 → 00:41:54 ฮะไม่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนั้นเนี่ยนะ
00:41:54 → 00:41:58 ฮะยังไงเราก็ไปไม่ไม่เป็นมะเร็งรังไข่อื
00:41:58 → 00:42:00 เอเพราะนั้นไม่ต้องกลัวขนาดนั้นครับนะดัง
00:42:00 → 00:42:03 นั้นดังนั้น 2 อย่างนี้ต่างกันครับมะเร็ง
00:42:03 → 00:42:05 ที่รังไข่เนี่ยเราต้องเป็นก้อนใหญ่ๆและ
00:42:05 → 00:42:08 เป็นอยู่เป็นเวลาหลายๆปีก่อนครับกว่ามัน
00:42:08 → 00:42:10 จะกลายเป็นมะเร็งเพราะฉะนั้นต่อให้เรามี
00:42:10 → 00:42:13 ก้อนเนี่ยไปหาคุณหมอได้เลยแล้วเราเจอแรกๆ
00:42:13 → 00:42:15 เนี่ยเราไม่ใช่มะเร็งแน่นอนรักษาผันแน่
00:42:15 → 00:42:17 นอนอืนะครับมันจะไม่เหมือนมะเร็งป่ามะดูก
00:42:17 → 00:42:18 ซึ่งไม่มีก้อนอะไรแล้วพอไปตรวจเจอแล้ว
00:42:19 → 00:42:21 เป็นมะเร็งแล้วอะไรเพราะฉะนั้นหลายๆท่าน
00:42:21 → 00:42:23 ที่บอกว่าเจอถุงน้ำแล้วอุ๊ยไม่อยากไป
00:42:23 → 00:42:25 รักษาไม่ไม่อยากตรวจไม่อยากรู้เลยกลัว
00:42:25 → 00:42:28 เป็นมเร็งจริงๆอ่ะรีบรู้เร็วๆดีฮะเพราะ
00:42:28 → 00:42:32 เราจะรู้ทันก่อนมันเป็นอโหถ้าฟังแบบนี้
00:42:32 → 00:42:34 แล้วก็เพราะฉะนั้นแล้วคือการการไปหาคุณ
00:42:34 → 00:42:37 หมอเลยหรือว่าการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี
00:42:37 → 00:42:40 เนี่ยสำคัญมากๆเลยเนาะคุณหมอใช่ครับค่ะ
00:42:40 → 00:42:42 ใช่ครับเพราะว่าเราตรวจภายในประจำปีถึง
00:42:42 → 00:42:44 เราจะไม่มีอันซาวคุณหมอก็คำๆเนี่ยนะครับ
00:42:44 → 00:42:46 ถ้าเราจะเป็นมะเร็งรังไข่เนี่ยมันจะต้อง
00:42:46 → 00:42:49 เป็นก้อนใหญ่จนคุณหมอคำได้อ่ะมาก่อนเป็น
00:42:49 → 00:42:53 เวลาหลายๆปีเลยครับกของตเองนะเพราะฉะนั้น
00:42:53 → 00:42:55 ไปตรวจเถอะครับถึงเราจะไม่ได้ตรวจอาวแต่
00:42:56 → 00:42:58 ว่าตรวจภายในคุณหมอคำำแล้วก็เก็บเซลล์ไป
00:42:58 → 00:43:00 เช็คบลฝากมลุเนี่ยทุกปีเนี่ยอยากให้ผู้
00:43:00 → 00:43:02 หญิงทุกคนทำนะครับอุ 25 ปีเมื่อไหร่เริ่ม
00:43:02 → 00:43:04 ทำหรือว่าถ้าเมื่อไหร่เราเริ่มมีครอบกัว
00:43:04 → 00:43:06 เริ่มมีเพปพันธก็ให้เริ่มตรวจเปิดขะไป
00:43:06 → 00:43:07 เรื่อย
00:43:07 → 00:43:11 ๆาของเราค่ะสุดท้ายนี้ให้คุณหมอฝากทิ้ง
00:43:11 → 00:43:16 ท้ายนะค่ะในการดูแลสุขภาพภายในดูแลรังไข
00:43:16 → 00:43:20 เราเอ่อยังไงล่ะติดตามเอ่อไม่ให้เกิดถุง
00:43:20 → 00:43:22 น้ำเนาะพอมันเกิดแล้วก็ติดตามตามที่คุณ
00:43:22 → 00:43:26 หมอแนะนำอ่ะค่ะครับสังเกตสุขภาพตัวเองเ
00:43:26 → 00:43:27 ครับในเรื่องของผู้หญิงนะครับโดยเฉพาะ
00:43:27 → 00:43:29 ยิ่งถ้าเราพูดถึงรังไข่ทุเป็นอวยวะที่มัน
00:43:29 → 00:43:32 อยู่ลึกเข้าไปข้างในแล้วเรามองไม่เห็นมัน
00:43:32 → 00:43:35 ใช่มั้ยครับนะรังไข่หน้าที่สำคัญของมันก็
00:43:35 → 00:43:37 คือการตกไข่พอมันตกไข่ก็ทำให้เรามีรอบ
00:43:37 → 00:43:40 ประจำเดือนนะครับเพราะฉะนั้นความผิดปกติ
00:43:40 → 00:43:42 ของรังไข่เนี่ยนะครับไม่ต้องรอให้ถึงปวด
00:43:42 → 00:43:44 ท้องไม่ต้องรอถึงมีอาการอะไรหรอกครับค่ะ
00:43:44 → 00:43:47 เราสังเกตประจำเดือนของเราเพราะฉะนั้นคุณ
00:43:47 → 00:43:49 ผู้หญินทุกท่านนะครับนับจากนี้ได้ฟังราย
00:43:49 → 00:43:51 การเราแล้วเนี่ยหมออยากให้ต่อไปนี้ทุก
00:43:51 → 00:43:54 ท่านมีปฏิทินส่วนตัวห๋มีโทรศัพท์มือถือ
00:43:54 → 00:43:57 ด้วยเนี่ยมีประจำเดนมาบันทึกลงไปครับค่ะ
00:43:57 → 00:43:59 มาวันไหนหมดวันไหนนะครับมันก็เก็บเป็นข้อ
00:43:59 → 00:44:01 มูลไว้เลยถ้าเมื่อไหร่ไปถึงวันที่เขาผิด
00:44:01 → 00:44:04 ปกติเนี่ยนะครับเราย้อนกลับมาดูได้เราจะ
00:44:04 → 00:44:06 ได้เทียบได้ว่าเอ๊มันผิดปกติมานานแค่ไหน
00:44:06 → 00:44:09 แล้วนะครับแล้วเนี่ยเป็นคำถามมาตรฐานเลย
00:44:09 → 00:44:11 หมอจะบอกให้ใครไปเจอคุณหมอสูหมอนารีเวช
00:44:11 → 00:44:14 เนี่ยนะครับเวลาผิดปกติปุ๊บคำถามแรกที่
00:44:14 → 00:44:16 ดวงสหมอถามก็คือประจำขั้ใชยมาวันที่เท่า
00:44:16 → 00:44:22 ไหร่ไอรอบที่แล้วเป็นยังไงจใช่แล้วเราก็
00:44:22 → 00:44:26 หายเลยปติทิ้หายเลยตอเครับฟังรายการเรา
00:44:26 → 00:44:28 แล้วนะคุณผู้หญิงทุกท่านนะครับง่ายที่สุด
00:44:28 → 00:44:30 นะครับดูแลตัวเองวันนี้ที่หมออยากฝากไว้ค
00:44:30 → 00:44:32 ไม่ต้องอะไรมากครับบันทึกประจำตัวเตือน
00:44:32 → 00:44:34 ตัวเองให้สม่ำเสมอแล้วถ้าเมื่อไหร่มันมี
00:44:34 → 00:44:39 สิทธิปกติเนี่ยเราจะรู้เองครับค่ะค่ะ
00:44:39 → 00:44:42 เอ่อเหมือนมีคำถามแต่ว่าเดี๋ยวเดี๋ยฝากคำ
00:44:43 → 00:44:45 ถามไว้ช่วงสัปดาห์หน้าเดี๋ยวเรามาคุย
00:44:45 → 00:44:49 กันนะคะคุณหมอคะสำหรับคืนนี้นะคะขอบพระ
00:44:49 → 00:44:53 คุณคุณหมอมากๆเลยนะคะขอบพระคุณค่ะครับ
00:44:53 → 00:44:57 ครับก็หวังว่าทุกท่านคงจะปลอดจากโรคถุง
00:44:57 → 00:44:59 น้ำและทังไข่และโรคอื่นๆนะครับดูแลสุขภาพ
00:44:59 → 00:45:03 ตัวเองให้ดีนะครับคสวัสดีคสวัสดีค่ะนาย
00:45:03 → 00:45:09 แพทย์พูลศักดิ์สุชนวณิชสูตินารีแพทย์นะคะ