00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 help ัง for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:32 เราสวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง
00:00:32 → 00:00:35 for Health podcast อยู่กับดิฉันฟ้า
00:00:35 → 00:00:38 ธัญญลักษณ์สดสวยนักประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:38 → 00:00:41 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้ฟังทุก
00:00:41 → 00:00:43 ท่านคะสำหรับเรื่องที่จะมาพูดคุยกันเป็น
00:00:43 → 00:00:47 เรื่องเกี่ยวกับการแพ้ยาค่ะเคยสังเกตไมคะ
00:00:47 → 00:00:49 เวลาที่เราไปหาคุณหมอคำถามที่เรามักจะได้
00:00:49 → 00:00:52 ยินบ่อยๆก็คือคำว่าแพ้ยาอะไรหรือเปล่าบาง
00:00:52 → 00:00:55 คนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำค่ะว่าตัวเองแพ้ยาอะไรย
00:00:55 → 00:00:57 แต่ข้อมูลเรื่องของการแพ้ยานะคะเป็น
00:00:57 → 00:01:00 เรื่องที่สำคัญมากๆทุกคนควรใส่ใจแล้วก็
00:01:00 → 00:01:02 ให้ความสำคัญถึงเรื่องนี้นะคะวันนี้เรา
00:01:02 → 00:01:05 จึงมาพูดคุยกับเภสัชกรค่ะถึงเรื่องของการ
00:01:05 → 00:01:09 แพ้ยาว่าทำไมคนเราถึงแพ้ยารวมถึงอาการ
00:01:09 → 00:01:12 เมื่อเราแพ้ยาจะเป็นยังไงนะคะและวิธีป้อง
00:01:12 → 00:01:15 กันที่ดีที่สุดให้เราปลอดภัยจากเรื่องของ
00:01:15 → 00:01:18 การแพ้ยาคือต้องทำยังไงบ้างผู้ที่จะมาให้
00:01:18 → 00:01:22 ข้อมูลกับเราท่านคือเภสัชกรเทพวนาราม
00:01:22 → 00:01:25 การจ่ายยาผู้ป่วยในโรงพยาบาลมหาราชนคร
00:01:26 → 00:01:28 เชียงใหม่สวัสดีค่ะครับสวัสดีครับผมขอ
00:01:28 → 00:01:31 อนุญาตเรียกชื่อเล่นนะคะว่าพี่โก้นะคะ
00:01:31 → 00:01:34 ครับผมก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อน
00:01:34 → 00:01:38 ค่ะว่าทำไมคนๆนึงเนี่ยถึงต้องแพ้ยาด้วยคะ
00:01:38 → 00:01:40 ครับผมก็ในเรื่องของการแพ้ยานะครับอันดับ
00:01:40 → 00:01:43 แรกเลยเนี่ยผมอยากจะแนะนำให้รู้จักกับเ่อ
00:01:43 → 00:01:46 คำอยู่ 2 คำนะครับเนาะก็เรียกจากคำว่าแพ้
00:01:46 → 00:01:49 ยาเลยก็ได้นะครับคือ 1 เรื่องของการแพ้
00:01:49 → 00:01:52 กับคำที่ 2 คือเรื่องของคำว่ายานะครับค่ะ
00:01:52 → 00:01:54 ครับผมอย่างคำแรกนะครับเนาะเรื่องของยานะ
00:01:54 → 00:01:57 ครับยาคืออะไรนะครับยาก็จะเป็นเรื่องของ
00:01:57 → 00:01:59 ตัวสารเคมีนะครับเนาะหรือสารต่างๆเนี่ย
00:01:59 → 00:02:01 ที่ที่เข้าสู่ร่างกายเนี่ยโดยที่จะมี
00:02:01 → 00:02:03 ฤทธิ์ในเรื่องของการป้องกันนะครับเนาะำ
00:02:03 → 00:02:06 บัดรักษาโรคนะครับส่งเสริมสุขภาพหรือบาง
00:02:06 → 00:02:08 ทีเนี่ยจะอ่าใช้ในการวินิจฉัยโรคด้วยก็
00:02:08 → 00:02:11 ได้นะครับส่วนเรื่องของคำที่ 2 เนี่ยที่
00:02:11 → 00:02:13 สำคัญเลยนะคือเรื่องของการแพ้นะครับเนาะ
00:02:13 → 00:02:15 การแพ้เนี่ยมันจะเป็นเรื่องของปฏิกิริยา
00:02:15 → 00:02:18 จากภูมิคุ้มกันของร่างกายนะครับเนาะโดย
00:02:18 → 00:02:20 ปกติแล้วเนี่ยในร่างกายของเราเนี่ยครับก็
00:02:20 → 00:02:22 จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่จะเป็นตัวเหมือน
00:02:23 → 00:02:25 ช่วยในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่
00:02:25 → 00:02:28 เข้าสู่ร่างกายนะครับเนาะอย่างคนเราเนี่ย
00:02:28 → 00:02:31 ครับบางทีเราทานอาหารเนาะหรือว่าเอ่อเรา
00:02:31 → 00:02:33 ไปข้างนอกครับเราโดนพวกฝุ่นหรือว่าพวก
00:02:33 → 00:02:35 เกสรดอกไม้หรือว่าละอองอะไรพวกเนี้ยที่จะ
00:02:36 → 00:02:37 ทำให้เกิดเรื่องของการแพ้เนี่ยครับมันก็
00:02:37 → 00:02:39 จะเป็นปฏิกิริยาของร่างกายนี่แหละครับคือ
00:02:39 → 00:02:43 ตัวภูมกันเนี่ยมันต่อต้านหรือว่าเ่อจับ
00:02:43 → 00:02:45 กับพวกสิ่งแปกพร้อมพนั้นน่ะอย่างจำเพาะ
00:02:45 → 00:02:47 แล้วก็เป็นการตอบสนองของร่างกายโดยบางที
00:02:47 → 00:02:50 เนี่ยอาจจะมีการเ่อปล่อยสารสื่อบางอย่าง
00:02:50 → 00:02:53 เนี่ยที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้ขึ้นมาครับ
00:02:53 → 00:02:55 ผมโดยสุดท้ายแล้วเนี่ยถ้าเรารวมกับคำ 2
00:02:55 → 00:02:57 คำเนี่ยเรื่องของการแพ้กับเรื่องของยา
00:02:57 → 00:03:00 ความหมายมันก็คือยาก็คล้ายๆกับเป็นสิ่ง
00:03:00 → 00:03:02 แปลกปลอมเนาะเพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่มี
00:03:02 → 00:03:04 อยู่อะไรร่างกายของเราโดยตั้งแต่เกิดเ
00:03:04 → 00:03:06 ครับบางทีเนี่ยมันก็จะเป็นสิ่งแปลกปลอม
00:03:06 → 00:03:08 แล้วก็ร่างกายของเราเนี่ยบางทีมันอาจจะ
00:03:08 → 00:03:11 ไม่รู้จักมันเลยทำให้อ่าบางทีเนี่ยมันจะ
00:03:11 → 00:03:13 มีการสร้างพวกเอ่อสารที่มันเป็นตัวที่
00:03:13 → 00:03:16 ป้องกันไม่ให้ไอยาพวกเนี้ยมันมาทำอันตราย
00:03:16 → 00:03:18 กับร่างกายเราเงี้ยครับเออมันจริงๆมัน
00:03:18 → 00:03:21 เป็นความความหวังดีของร่างกายพูดง่ายๆ
00:03:21 → 00:03:23 เนาะแต่ว่าบางทีเนี่ยไอ้ความหวังดีพวกเ
00:03:23 → 00:03:25 มันอาจจะทำให้เ่าตอบสนองมาเป็นเรื่องของ
00:03:25 → 00:03:28 การแพ้ได้เงี้ยครับมันก็เลยอ่าเป็นเหตุผล
00:03:28 → 00:03:31 ว่าทำไมเราถึงอ่าแพ้ยาได้เงี้ยครับซึ่ง
00:03:31 → 00:03:34 มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วในคนๆนึงหรือบางคน
00:03:34 → 00:03:36 อาจจะไม่พบก็ได้เพราะว่าร่างกายแต่ละคน
00:03:36 → 00:03:40 ไม่เหมือนกันใช่การแพ้ก็คล้ายๆกันแพ้เกสร
00:03:40 → 00:03:44 ดอกไม้บางคนไม่แพ้บางคนแพ้ใช่มั้ยคะการ
00:03:44 → 00:03:47 แพ้ยาก็เช่นกันถ้าเราเปรียบเทียบก็คือ
00:03:47 → 00:03:49 สิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายรู้สึกต่อต้านขึ้น
00:03:49 → 00:03:52 มาใช่มั้ยคะใช่ครับถูกต้องครับก็จริงๆ
00:03:52 → 00:03:55 แล้วไอ้เรื่องพวกเยมันมันเป็นสิ่งที่เอ่อ
00:03:55 → 00:03:57 คนอาจจะสับสนหน่อยในเรื่องของมีอีกคำนึง
00:03:57 → 00:04:00 ที่มันจะคล้ายๆกันก็คือเรื่องของของอาการ
00:04:00 → 00:04:02 ข้างเคียงจากยาหรืออาการไม่พึงประสงคจาก
00:04:02 → 00:04:06 ยาใช่มันจะค่อนข้างจะสับสนนิดนึงเรืจริงๆ
00:04:06 → 00:04:09 ไม่ได้แพ้แต่มีอาการหรอคะใช่อมันจะมีข้อ
00:04:09 → 00:04:10 แตกต่างอยู่อย่างนึงถ้าเป็นเรื่องของการ
00:04:11 → 00:04:13 แพ้ยาอ่ะ 1 คือคีย์เวิร์ดของมันคือจะเป็น
00:04:13 → 00:04:16 สิ่งที่เ่าเราอ่ะคาดเดาไม่ได้เนาะอย่าง
00:04:16 → 00:04:18 เช่นแบบอ่าเราทานอาหารอะไเงี้ยเราก็ไม่มี
00:04:18 → 00:04:21 ทางรู้เลยว่าเราเนี่ยจะแพ้กุ้งหรือเปล่า
00:04:21 → 00:04:24 เราจะแพ้เอ่อปูหรือเปล่าอะไรเงี้ยครับอื
00:04:24 → 00:04:26 ยาก็เหมือนกันยาเนี่ยถ้าเป็นเรื่องของการ
00:04:26 → 00:04:28 แพ้เนี่ยเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะ
00:04:28 → 00:04:30 แพ้ยาตัวนี้นะกินเข้าไปแล้วจะเกิดอาการ
00:04:30 → 00:04:32 หรือเปล่าอ่าอย่างที่ 2 ก็คือเรื่องของ
00:04:32 → 00:04:36 ขนาดยาอ่าพวกขนาดยาก็อาจจะไม่ขึ้นเหมือน
00:04:36 → 00:04:39 กันอย่างเช่นอ่าเราทานยาตัวเนี้ยเอ่อ 1
00:04:39 → 00:04:41 เม็ดหรือ 2 เม็ดเนี่ยครับบางทีแค่เม็ด
00:04:41 → 00:04:42 เดียวหรือว่าครึ่งเม็ดเนี่ยก็มีอาการแพ้
00:04:42 → 00:04:46 ได้เครับแต่อ่าอีกคำนึงที่ผมเกิดไว้เมื่อ
00:04:46 → 00:04:48 กี้คือเรื่องของอาการข้างเคียงจากยาเนาะ
00:04:48 → 00:04:50 หรือว่าถ้าพูดภาษาการแพทยก็คือเป็นพวกไซ
00:04:51 → 00:04:53 เอฟเฟกอะไเงี้ยครับเอออย่างเช่นเวลาเรา
00:04:53 → 00:04:55 กินยาแก้แพเข้าไปบางทีสังเกตมั้ยครับว่า
00:04:55 → 00:04:58 เราอาจจะมีเรื่องของอาการง่วงอืง่วงซึม
00:04:58 → 00:05:01 เนาิจริงพวกเนี้ยมันหรือทานยาพวกกลุ่มแก้
00:05:02 → 00:05:04 ปวดรดอักเสบอย่างเช่นอ่าที่เลือกจากกัน
00:05:04 → 00:05:06 ทั่วไปก็คือไอบูเฟนอะไรอย่าเงี้ยครับอ่า
00:05:06 → 00:05:09 เราทานเข้าไปแล้วเรามีอาการเรื่องของ
00:05:09 → 00:05:11 อาการไซสท้องหรือยาบางอย่างที่ทานเข้าไป
00:05:11 → 00:05:14 เนี่ยเราเรามีเรื่องของอาการคลื่นไส้
00:05:14 → 00:05:16 อาเจียนอ่าพวกเนี้ยเขาเรียกว่าอาการข้าง
00:05:16 → 00:05:18 เคียงจากยาซึ่งอาการข้างเคียงจากยาเนี่ย
00:05:18 → 00:05:21 มันอ่าคาดเดาได้แล้วก็บางทีเนี่ยมันจะ
00:05:21 → 00:05:24 สัมพันธ์กับเรื่องของกลไกการออกรท์ของยา
00:05:24 → 00:05:26 แต่ว่าเรื่องของการแพ้ยาเนี่ยมันเป็นสิ่ง
00:05:26 → 00:05:29 ที่คาเดาไม่ได้แล้วก็ไม่ได้สัมพันธ์กับกล
00:05:29 → 00:05:32 ไกการเอาฤทธ์ของยาค่ะครับน่าสนใจมากๆค่ะ
00:05:32 → 00:05:35 สำหรับเรื่องของการแพ้ยาค่ะเราได้พูดคุย
00:05:36 → 00:05:38 กับเภสัชกรนะคะเชื่อว่าผู้ฟังหลายท่าน
00:05:38 → 00:05:42 ต้องสงสัยแน่ๆว่าแล้วถ้าเราแพ้ยาอาการจะ
00:05:42 → 00:05:45 เป็นยังไงล่ะอยากให้พี่โก้ช่วยขยายความคำ
00:05:45 → 00:05:47 นี้หน่อยค่ะได้ครับถ้าพูดให้ง่านะครับ
00:05:47 → 00:05:49 เนาะให้ให้เราเนี่ยสามารถเอาข้อมูลไปใช้
00:05:49 → 00:05:52 ได้ง่ายแล้วก็สังเกตตัวเองได้แบบไม่ยากนะ
00:05:52 → 00:05:55 ครับเนาะก็อยากจะแบ่งอาการที่เอ่อให้เรา
00:05:55 → 00:05:57 เนี่ยสังเกตเนี่ยออกเป็นอยู่ 2 ประเภทนะ
00:05:57 → 00:05:59 ครับเนาโดยจริงๆแล้วเนี่ยในเรื่องของการ
00:05:59 → 00:06:01 จำแนกแนกอาการแพ้ยาครับมันมันมีได้ได้
00:06:01 → 00:06:04 หลายประเภทนะครับเนาะแต่ว่าง่ายๆเลยก็คือ
00:06:04 → 00:06:06 จะเป็นเรื่องของอาการแพ้ที่แบบเฉียบพันธุ
00:06:06 → 00:06:08 นะครับเนาะจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือแพ้แบบ
00:06:08 → 00:06:11 เฉียบพันธ์กับแพ้แบบเ่อไม่เฉียบพันธุ์โดย
00:06:11 → 00:06:12 ปกติแล้วเนี่ยถ้ามันเป็นเรื่องของการแพ้
00:06:12 → 00:06:15 เฉียบพันธุ์เนี่ยมันก็จะเ่อเป็นอาการที่
00:06:15 → 00:06:18 ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยหลักแล้วเนี่ย
00:06:18 → 00:06:20 มันก็จะประมาณไม่เกิน 1 ช่วโมงถึงประมาณ
00:06:20 → 00:06:23 เ่อไม่เกิน 6 ช่วโมงอะไรเงี้ครับเวลามัน
00:06:23 → 00:06:25 อาจจะแตกต่างกันได้นะครับช่วงเวลาแตกต่าง
00:06:25 → 00:06:27 กันแน่นอนนะคะใช่ๆมันมันขึ้นกับเรื่องของ
00:06:27 → 00:06:30 เอ่อการตอบสนองของร่างกายของเราอีกทีนึง
00:06:30 → 00:06:32 เงี้ยครับโดยกลุ่มแรกนะครับเนาะที่มัน
00:06:32 → 00:06:33 เกี่ยวกับเรื่องของอาการแพ้แบบเฉียบ
00:06:33 → 00:06:35 พันธุ์เนี่ยมันก็จะเป็นกลุ่มอาการหนึ
00:06:35 → 00:06:38 เรื่องคือผื่นผื่นเนี่ยมันมีได้หลายหลาย
00:06:38 → 00:06:39 ประเภทนะครับเนาะแต่ว่าผื่นที่มันเกิด
00:06:40 → 00:06:42 เร็วนะครับเนาะแล้วก็สัมพันธ์กับการแพ้ยา
00:06:42 → 00:06:44 เนี่ยมันจะเป็นเา้าเรียกว่าเป็นผื่นลมพิษ
00:06:44 → 00:06:46 อ่าถ้าถ้านึกไม่ออกนะครับคืนลมพิษมันก็
00:06:46 → 00:06:48 คล้ายๆกับเวลาเราโดนมดหรือว่าเราโดนตัว
00:06:48 → 00:06:51 บุ้งอะไรเงี้ยครับกัดหรือว่าโดนแมลงกัด
00:06:51 → 00:06:53 ต่อยมันก็จะขึ้นมาแบบตุ่มนู่นๆขนาดใหญ่
00:06:53 → 00:06:56 นิดใช่่ลักษณะมันจะเป็นวงๆเงี้ยครับแล้ว
00:06:56 → 00:06:59 ก็จะมีการยกนูนแล้วก็ร่วมกับมีอาการคัน
00:06:59 → 00:07:02 ทันทีหลังจากที่กินยาไม่นานใช่มยคะเียบ
00:07:02 → 00:07:04 พันใช่ใช่ๆเฉียบพันธก็จะประมาณนั้นนะครับ
00:07:04 → 00:07:06 จะเกิดเร็วเนาะประมาณ 1 ไม่เกิน 1
00:07:06 → 00:07:08 ชั่วโมงอะไรประมาณเครับถ้าตีง่ายๆนะครับ
00:07:08 → 00:07:10 เนาะอย่างที่ 2 นะครับเนาะ 1 เรื่องผื่น
00:07:10 → 00:07:13 ไปละอย่างที่ 2 ก็จะเป็นเรื่องของมีอาการ
00:07:13 → 00:07:15 บวมนะครับเนาะจตามชั้นใต้ผิวหนังอย่าง
00:07:15 → 00:07:18 เช่นถ้าเป็นตรงบริเวณหลอดลมก็จะมีเรื่อง
00:07:18 → 00:07:20 ของอ่าการตีบของหลอดลมนะครับเนาะอาการ
00:07:20 → 00:07:22 แสดงเนี่ยก็จะมีเรื่องของการอาจจะมีการ
00:07:22 → 00:07:25 หายใจติดขัดหรือมีอากหายใจลำบากเงครับ
00:07:25 → 00:07:29 หรือถ้าเป็นตามเอ่ออวัยวะต่างๆอย่างเช่น
00:07:29 → 00:07:32 ใบหน้าครับก็จะมีอาการหน้าบวมมีตาบวมหรือ
00:07:32 → 00:07:35 อาจจะมีเรื่องของตัวปากบวมได้นะครับอัน
00:07:35 → 00:07:37 นี้คือจะเป็นเรื่องของอาการบวมเนาะ 1 พืน
00:07:37 → 00:07:40 2 บวมนะครับแล้วก็อย่างที่ 3 อันเนี้ยจะ
00:07:40 → 00:07:42 เป็นอาการที่เกิดเร็วและรุนแรงนะครับถ้า
00:07:42 → 00:07:44 เป็นเกิดเร็วและรุนแรงเนี่ยส่วนมากเนี่ย
00:07:44 → 00:07:47 มันจะมาจากเ่ามันจะมาเป็นอาการแบบเอ่อ
00:07:47 → 00:07:50 เกิดขึ้นพร้อมๆกันในหลายๆระบบนะครับเนาะ
00:07:50 → 00:07:53 อย่างเช่นมีอาการหายใจลำบากเลยมีหน้ามืด
00:07:53 → 00:07:55 นะครับเหรืออาจจะมีเป็นลมมสติเงี้ยครับ
00:07:56 → 00:07:57 ซึ่งอาการพวกเมันเป็นอาการที่เกิดเร็ว
00:07:57 → 00:08:00 แล้วก็ค่อนข้างอันตรายนะครับบางทีถ้าเรา
00:08:00 → 00:08:03 ช่วยเหลือไม่ทันเครับมันอาจจะอันตรายถึง
00:08:03 → 00:08:05 ชีวิตได้เงี้ยครับแล้วก็อีกอย่างนึงเนาะ
00:08:05 → 00:08:06 ที่ตรงกันข้ามกันก็คือจะเป็นเรื่องของ
00:08:07 → 00:08:09 อาการแพ้ที่ไม่เฉียบพันนะครับเนาะคือมัน
00:08:09 → 00:08:12 อาจจะต้องใช้เวลาเนี่ยในการเกิดสักนิดนึง
00:08:12 → 00:08:15 นะเ่ออาจะหลักเป็นวันหรือเป็นสัปดาห์ก็มี
00:08:15 → 00:08:18 นะครับขึ้นกับว่าเอ่อระบบภูมคุ้มกันของน
00:08:18 → 00:08:20 เรมันไวแค่ไหนในการที่จะกระตุ้นให้เกิด
00:08:20 → 00:08:23 การแพ้กับยาค่ะแต่ละตัวเงี้ยครับโดยพวก
00:08:23 → 00:08:25 อาการที่ไม่เฉียบพันธนะครับเนาะส่วนมาก
00:08:25 → 00:08:27 เนี่ยมันจะเป็นอาการทางผิวหนังซะเป็นส่วน
00:08:27 → 00:08:30 ใหญ่นะครับเนาะอย่างเช่นเอ่อเ่าถ้าแบบไม่
00:08:30 → 00:08:31 รุนแรงนะครับมันก็จะเป็นเรื่องของเขา
00:08:31 → 00:08:34 เรียกว่าเป็นผื่นแบบ MP rash MP ก็คือ
00:08:34 → 00:08:37 จะมีมีผื่นเป็นจุดขึ้นเ่อนูนเป็นสีแดงนะ
00:08:37 → 00:08:39 ครับเนาะเป็นจุดแดงๆขึ้นกับเป็นผื่นยกนูน
00:08:39 → 00:08:42 เงี้ยครับเนาะอาจจะมีเรื่องของอาการคัน
00:08:42 → 00:08:44 หรือไม่คันด้วยก็ได้นะครับมันจะคล้ายๆกับ
00:08:44 → 00:08:47 ตัวผื่นลมพิษอย่างอย่างตอนแรกเนาะแต่พวก
00:08:47 → 00:08:49 เนี้ยมันจะใช้เวลานิดนึงในการเกิดนะครับ
00:08:49 → 00:08:52 เป็นหลักวันขึ้นไปนะครับหรืออีกอย่างนึง
00:08:52 → 00:08:54 ที่มันค่อนข้างอันตรายนะครับเนาะแล้วก็
00:08:54 → 00:08:56 ซีเรียสมากๆนะครับก็จะเป็นเรื่องของอาการ
00:08:56 → 00:08:59 แพ้ยาแบบ steen Johnson หรือ S พวก S JS
00:08:59 → 00:09:02 หรือว่าผื่นเทเงครับโดยส่วนมากเนี่ยมันจะ
00:09:02 → 00:09:04 มีเอ่ออาการนำมาก่อนเนาะอย่างเช่นอาจจะมี
00:09:04 → 00:09:08 เรื่องของอ่ามีไข้สูงหรือว่ามีผื่นเริ่ม
00:09:08 → 00:09:10 มีผื่นมีเจ็บปากอะไรเงี้ยครับเนาะอืแล้ว
00:09:10 → 00:09:13 ก็จะตามมาด้วยอาการผื่นแล้วก็มีการลอกของ
00:09:13 → 00:09:17 ชั้นผิวหนังเงี้ยครับเนาะอ่าใช่ดูรุนแรง
00:09:17 → 00:09:19 มากๆเลยนะคะครับอย่างอย่างที่ 2 นี่จะ
00:09:19 → 00:09:22 ค่อนข้างรุนแรงครับผมซึ่งเป็นอะไรที่น่า
00:09:22 → 00:09:25 กังวลใจมากๆเลยถ้าเกิดมาถึงข้อนี้นะคะ
00:09:25 → 00:09:28 เชื่อว่าผู้ฟังหลายท่านเนี่อาจจะมีหลายคน
00:09:28 → 00:09:31 ที่มีประสบการณ์ค่ะอาจจะไม่ครบทุกข้อนะคะ
00:09:31 → 00:09:33 เป็นแค่ข้อใดข้อนึงเราก็รู้แล้วแหละว่า
00:09:33 → 00:09:36 นี่คืออาการแท้นะคะแต่มันมันสังเกตยังไง
00:09:37 → 00:09:39 คะว่าเอ๊ะนี่จะเป็นการแพ้ยาหรือเปล่าถ้า
00:09:39 → 00:09:41 เรายังไม่รู้นะคะแล้วเรายังใช้ยาตัวนี้
00:09:41 → 00:09:43 แล้วมันเกิดซ้ำเนี่ยก็คือเป็นการสังเกต
00:09:43 → 00:09:47 ที่เราอาจจะเหมือนจดจำหรือเปล่าเหมือนจด
00:09:47 → 00:09:49 จำว่าครั้งแรกก็อาการแบบนี้หลังจากกินยา
00:09:49 → 00:09:52 ตัวนี้ใช่ครับเป็นคำถามนี้ก็ก็ดีครับคือ
00:09:52 → 00:09:55 จะได้อธิบายเพิ่มเติมในเรื่องของการทานยา
00:09:55 → 00:09:58 เอ่อบางทีเรื่องของการแพ้นะครับเนาะมันจะ
00:09:58 → 00:10:00 ต้องมีการกระตุ้นก่อนเนาะเพราะว่าอาการ
00:10:00 → 00:10:02 แพ้นะครับมันจะต้องเกิดหลังจากที่เรารับ
00:10:02 → 00:10:05 สิ่งที่เราสงสัยเข้าไปใช่มั้ยครับอ่าที
00:10:05 → 00:10:07 นี้อาจจะแบ่งนิดนึงเป็นในเรื่องของการรับ
00:10:07 → 00:10:10 ยาครั้งแรกหรือว่าเป็นการรับยาครั้งที่ 2
00:10:10 → 00:10:11 มันก็เหมือนการเรียนรู้ของร่างกายครับ
00:10:11 → 00:10:13 อย่างเช่นเวลาเราทานยาไปครั้งแรกไงครับ
00:10:13 → 00:10:16 เนาะร่างกายเนี่ยบางทีอาจจะยังไม่แพ้ก็มี
00:10:16 → 00:10:19 มันจะเป็นการสร้างก่อนสร้างทหารขึ้นมา
00:10:19 → 00:10:21 สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อที่จะไปทำลาย
00:10:21 → 00:10:25 ไีตัวยาตัวเนี้ยที่เราทานเข้าไปนะครับถ้า
00:10:25 → 00:10:27 คุณเข้ามาเป็นครั้งที่ 2 เนี่ยฉันพร้อม
00:10:27 → 00:10:29 แล้วนะที่จะต่อต้านเงี้ยครับเนาซึ่งซึ่ง
00:10:29 → 00:10:32 บางทีเนี่ยการใช้ยาครั้งแรกเรามีอาการแพ้
00:10:32 → 00:10:34 นะครับมันอาจจะต้องใช้เวลาอย่างที่ผมบอก
00:10:34 → 00:10:37 คือเ่าอาจจะเป็นหลักชั่วโมงขึ้นไปนะครับ
00:10:37 → 00:10:39 นี่เป็นการใช้ยาครั้งแรกเนาะหรืออย่างที่
00:10:39 → 00:10:41 2 ก็คือถ้าเป็นการใช้ยาครั้งที่ 2 อ่าที
00:10:41 → 00:10:43 เนี้ยร่างกายของเราเนี่ยมีภูมิคุ้มกัน
00:10:43 → 00:10:46 ขึ้นมาละนะครับเนาะก็คือการที่เราทานยา
00:10:46 → 00:10:48 ซ้ำเข้าไปเนี่ยอาการมันอาจจะเกิดเร็วขึ้น
00:10:49 → 00:10:50 เพราะว่าร่างกายของเราเนี่ยมันตอบสนอง
00:10:50 → 00:10:52 พร้อมละก็คือสร้างภูมคุ้มกันมารอแล้ว
00:10:52 → 00:10:55 เงี้ยครับอืมันอาจจะจะชัดเจนขึ้นในอาจจะ
00:10:55 → 00:10:57 เป็นครั้งที่ 2 ก็ได้ใช่ครับโดยครั้งแรก
00:10:57 → 00:10:59 เนี่ยอาจจะใช้เวลานานแล้วแต่คนนะครับเา
00:10:59 → 00:11:01 เพราะว่าบางคเนี่ยภูมิภุมกันของเราไวไม่
00:11:01 → 00:11:03 เท่ากันเครับการสร้างภูมิเนี่ยบางทีกินยา
00:11:03 → 00:11:05 ครั้งแรกอาจจะยังไม่มีอาการอะไรก็ได้กิน
00:11:05 → 00:11:07 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 บางคน
00:11:07 → 00:11:09 เนี่ยอาจจะระยะเป็นเดือนหรือเป็นปีครับ
00:11:09 → 00:11:12 ถึงจะเริ่มอ่ายังสงสัยว่าเอ๊ฉันเพิ่งกิน
00:11:12 → 00:11:15 ยายาตัวเฉันเคยกินมาแล้วเนี่ยเป็นหลัก
00:11:15 → 00:11:18 อาทิตย์หลักเดือนเนี่ยไม่เคยการแพ้ใช่ใช่
00:11:18 → 00:11:20 ครับเพราะบางทีเนี่ยร่างกายของเรามัน
00:11:20 → 00:11:22 กำลังกระตุ้นภูมิอยู่กำลังสร้างภูมิคุ้ม
00:11:22 → 00:11:24 กันขึ้นมาอยู่ได้ว่าเวลาผ่านไปเราอาจจะ
00:11:24 → 00:11:27 กลายเป็นแพ้ยาตัวนี้ขึ้นมาใช่ครับใช่ครับ
00:11:27 → 00:11:30 ค่ะมาถึงตรงนี้ค่ะผู้ฟังหลายท่านที่อาจจะ
00:11:30 → 00:11:32 มีประสบการณ์ค่ะว่าเราแพ้ยาตัวนี้แล้วแน่
00:11:32 → 00:11:35 ๆค่ะแลเมื่อมีอาการเกิดขึ้นมาเนี่ย
00:11:35 → 00:11:38 ระหว่างที่เป็นยาที่เราไม่เคยได้ใช้มา
00:11:38 → 00:11:41 ก่อนแต่พอใช้ปุ๊บเรามีอาการแพ้หรือคนรอบ
00:11:41 → 00:11:44 ตัวเราค่ะมีอาการแพ้เราจะต้องทำยังไงคะ
00:11:44 → 00:11:48 อยากให้เพสาชกรให้ข้อมูลเกี่ยวกับการต้อง
00:11:48 → 00:11:50 รับมือกับจุดนี้ค่ะได้ครับอย่างแรกเลยนะ
00:11:50 → 00:11:53 ครับเนาะถ้าสมมุติเราคนเ่อเราเองหรือว่า
00:11:53 → 00:11:56 คนรอบตัวเนี่ยเราสังเกตแล้วว่าอ้าเฮ้ยเรา
00:11:56 → 00:11:58 สงสัยเรื่องของการแพ้ยาหรือเปล่าอย่างแรก
00:11:58 → 00:11:59 ที่ต้องทำเลย 1 ก็คือคือหยุดยาที่เรา
00:11:59 → 00:12:02 สงสัยทันทีนะครับเนาะเพราะว่าการที่เรา
00:12:02 → 00:12:04 ทานต่อไปเรื่อยๆเนี่ยมันก็จะอาจจะมีอาการ
00:12:04 → 00:12:06 แย่ลงก็ได้เงี้ยครับเนาะ 1 คือเราต้อง
00:12:06 → 00:12:09 หยุดยาที่สงสัยทันทีนะครับแล้วก็ต้องรีบ
00:12:09 → 00:12:12 ปรึกษานะครับเบุคลากรทางการแพทย์เลยนะ
00:12:12 → 00:12:14 ครับเนาะอย่างแรกเลยนะครับหรือว่าถ้าเรา
00:12:14 → 00:12:15 สังเกตแล้วว่าอาการเนี่ยมันค่อนข้างที่จะ
00:12:15 → 00:12:18 รุนแรเนี่ยอาจจะต้องโทรติดต่อโรงพยาบาล
00:12:18 → 00:12:21 ได้เลยเบอร์ 1669 เงี้ยครับสามารถโทร
00:12:21 → 00:12:24 เบอร์นี้แล้วก็พูดคุยถึงอาการของเราได้
00:12:24 → 00:12:26 เลยนะคะใช่ครับนี่ก็ต้องหยุดยาเนาะแล้วก็
00:12:26 → 00:12:29 ปรึกษากับบทกรทางการแพทย์เลยเพื่อที่จะ
00:12:29 → 00:12:31 รับการประเมินเบื้องต้นนะครับเนาะว่าอ่า
00:12:31 → 00:12:33 ยาตัวเนี้ยเออาการเยมันสัมพันธ์กับตัวยา
00:12:33 → 00:12:35 หรือเปล่าเงี้ยครับเนาะจะได้ให้การรักษา
00:12:36 → 00:12:38 เบื้องต้นซึ่งยาที่เราทานไปครับอย่าลืมนะ
00:12:39 → 00:12:40 ครับว่าต้องนำมาที่โรงพยาบาลด้วยนะครับ
00:12:40 → 00:12:43 เนาะทั้งหมดเลยนะครับเนาะจะได้มีการอ่า
00:12:43 → 00:12:45 ให้บุคลากรทางการแพทย์เนี่ยแพทหรือ
00:12:45 → 00:12:47 เภสัชกรเนี่ยประเมินว่ายาตัวเนี้มันเป็น
00:12:47 → 00:12:50 ยาที่เราสงสัยจริงหรือเปล่านะครับเนาะ
00:12:50 → 00:12:54 หรือถ้าเดี๋ยวเนี้ยเราเอ่อมันเข้าสู่ยุค
00:12:54 → 00:12:55 ที่เรามีโทรศัพท์เนาะหรือว่าเรามีเครื่อง
00:12:55 → 00:12:58 มืออะไรที่มันทันสมัยมากขึ้นเงี้ยครับถ้า
00:12:58 → 00:13:00 เราสสามารถถ่ายรูปนะครับเนาะหรือว่า
00:13:00 → 00:13:03 ลักษณะของตัวผื่นในลในขณะที่มันเกิดได้
00:13:03 → 00:13:05 อย่าเงี้ยครับก็จะเป็นประโยชน์เพิ่มมาก
00:13:05 → 00:13:08 ขึ้นนะครับหรืออาจจะจดจำก็ได้ว่าเ้าเรา
00:13:08 → 00:13:10 ทานไปแล้วเนี่ยเมื่อตอนกี่โมงแล้วก็สัก
00:13:10 → 00:13:12 ประมาณกี่นาทีถึงจะเริ่มเกิดเงี้ยครับ
00:13:12 → 00:13:15 เพราะว่าผื่นบางอย่างเนี่ยอ่ามันอาจจะ
00:13:15 → 00:13:17 เกิดขึ้นเร็วบางทีมันมาถึงโรงพยาบาลอาจจะ
00:13:17 → 00:13:19 หายแล้วก็ได้เงี้ยครับเนาะอืการที่เรา
00:13:19 → 00:13:21 ความเป็นไปได้เหมือนกันใช่เวลาเนาะสำคัญ
00:13:21 → 00:13:23 นะครับแล้วก็เรื่องของตัวรูปถ่ายอะไร
00:13:23 → 00:13:25 เงี้ยก็จะจำเป็นมากต่อการที่จะช่วย
00:13:25 → 00:13:28 วินิจฉัยให้มันตรงตรงจุดมากขึ้นนะครับก็
00:13:28 → 00:13:30 เป็นการนำเทคโนโลยีที่เรามีอยู่เนี่ยค่ะ
00:13:30 → 00:13:33 ให้ใช้เพื่อเกิดประโยชน์กับตัวเรามากที่
00:13:33 → 00:13:35 สุดนะคะเรื่องของการถ่ายรูปยาที่เราใช้
00:13:36 → 00:13:38 แล้วก็อาการที่เราเกิดเนี่ยมาพูดคุยกับ
00:13:38 → 00:13:41 ทางคุณหมอมาพูดคุยกับทางเพชรสากรอย่า
00:13:41 → 00:13:44 เงี้ยค่ะมันได้ข้อมูลที่อาจจะแม่นยำมาก
00:13:44 → 00:13:48 กว่าการที่ไม่มีภาพหรือไม่มียามาเลยนะคะ
00:13:48 → 00:13:51 มันเป็นการเหมือนคลาดเดาอาจจะทำให้คลาด
00:13:51 → 00:13:54 เคื่อนได้เช่นกันนะคะถูกต้องค่ะเพราะ
00:13:54 → 00:13:58 ฉะนั้นค่ะวิธีป้องกันที่ดีที่สุดให้เรา
00:13:58 → 00:14:01 คอยมัดระวังในเรื่องนี้คือยังไงบ้างคะ
00:14:01 → 00:14:03 ครับก็ในเรื่องของการป้องกันที่ดีที่สุด
00:14:03 → 00:14:05 นะครับเนาะคืออย่างที่ผมพูดไปตอนแรกคือ
00:14:05 → 00:14:07 การแพ้ยามันเป็นสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้
00:14:07 → 00:14:09 เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นสิ่งที่เอ่ออาจจะ
00:14:09 → 00:14:12 ยากนิดนึงเนาะในเรื่องของการป้องกันว่า
00:14:12 → 00:14:14 เราจะรู้มาก่อนได้ยไงว่ายาตัวเเราจะแพ้
00:14:14 → 00:14:16 หรือจะไม่แพ้ใช่มั้ยครับอ่าทีนี้เนี่ยถ้า
00:14:17 → 00:14:19 มันเป็นเรื่องของข้อจำกัดของร่างกายเที่
00:14:19 → 00:14:21 ว่าเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะแพ้
00:14:21 → 00:14:24 ได้หรือเปล่าเนี่ยมันก็จะเอ่ออาจจะมีจุด
00:14:24 → 00:14:25 สังเกตนะครับเนาะหรือว่าข้อควรปฏิบัติ
00:14:26 → 00:14:28 เนี่ยเบื้องต้นนะครับเนาะแล้วระหว่างอ่า
00:14:28 → 00:14:30 จะแบ่งเป็น 2 บุคคลละกัน 1 ก็คือถ้าเป็น
00:14:30 → 00:14:33 ในเรื่องของตัวคนไข้เองหรือว่าตัวประชาชน
00:14:33 → 00:14:36 เองเงี้ยครับถ้าเรามารับการรักษาเนาะที่
00:14:36 → 00:14:39 โรงพยาบาลเงี้ครับการที่เราถ้าเราทราบว่า
00:14:39 → 00:14:41 เรามีประวัติแพ้อะไรอย่างเช่นอาหารก็
00:14:41 → 00:14:44 เกี่ยวนะครับอาหารเนาะอาหารแพ้ยาแพ้อาหาร
00:14:44 → 00:14:47 เครับเราก็ต้องแจ้งกับเอ่อโรงพยาบาลก่อน
00:14:47 → 00:14:49 หรือว่าร้านยาที่เราไปรักษาครับว่าเรามี
00:14:49 → 00:14:51 ประวัติแพ้อะไรบ้างนะครับเพราะว่าบางที
00:14:51 → 00:14:54 เนี่ยอ่าเราแพ้ยา 1 ตัวมันอาจจะไป
00:14:54 → 00:14:56 สัมพันธ์กับยากลุ่มอื่นก็ได้นะครับอย่าง
00:14:56 → 00:14:59 เช่นยกตัวอย่างตัวซันฟาเนาะเนาะที่เราอาจ
00:14:59 → 00:15:01 จะเคยได้ยินมามาบ่อยๆนะครับซันฟารอ่ะบาง
00:15:01 → 00:15:04 ทีเนี่ยมันจะเป็นอาจจะเป็นยาฆ่าเชื้อก็
00:15:04 → 00:15:06 ได้ที่มีโครงสร้างของซันฟารมันคือโครง
00:15:06 → 00:15:08 สร้างของยานะครับเาะอาจจะไปสัมพันธ์กับยา
00:15:08 → 00:15:11 ฆ่าเชื้อก็ได้ยาแก้ปวดก็ได้ยาเบาหวานก็
00:15:11 → 00:15:13 ได้ยาความดันก็ได้กลุ่มพวกเนี้ยยาหลาย
00:15:13 → 00:15:16 ประเภทมันจะมีตัวซั้นฟ้าอยู่ในโครงสร้าง
00:15:16 → 00:15:18 นะครับอันนี้ก็ต้องอย่างเช่นอย่างแรกคือ
00:15:18 → 00:15:20 ถ้าเรามีประวัติแพรหญ้าเราก็ต้องแจ้งให้
00:15:20 → 00:15:22 กับโรงพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ให้
00:15:22 → 00:15:25 ทราบว่าเรามีแพ้ยาอะไรนะครับแล้วก็เ่ออีก
00:15:25 → 00:15:27 อย่างนึงคือเรื่องของตัวบัตรแพ้ยานะครับ
00:15:27 → 00:15:29 เนาะถ้าสมมุติเรามีประวัติแพรยาแล้วเนี่ย
00:15:29 → 00:15:32 อ่าโรงพยาบาลปกติเราจะแจกตัวบัตรบัตรแพยา
00:15:33 → 00:15:35 ให้กับคนไข้พกไว้นะครับเนาะถ้าจดจำได้ก็
00:15:35 → 00:15:38 จะเป็นสิ่งที่ดีนะครับเนาะว่าเราสามารถจำ
00:15:38 → 00:15:41 จำยาจำชื่อยาที่เราแพ้ได้แต่ว่าถ้าเป็น
00:15:41 → 00:15:42 บัตรเนี่ยมันก็จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ
00:15:42 → 00:15:45 นะครับมันที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างเรา
00:15:45 → 00:15:47 กับตัวแพทย์เองหรือบุคลากรเองเงี้ยครับ
00:15:47 → 00:15:50 ว่าเรามีประวัติแพ้ยาอะไรอยู่เงี้ยครับ
00:15:50 → 00:15:52 ไม่ได้พกบัตรมาก็ถ่ายรูปไว้ก็ยังดีถ่าย
00:15:52 → 00:15:55 รูปบัตอะไก็ได้ใช่ครับแล้วก็เอ่อถ้าเรา
00:15:55 → 00:15:57 อยู่ที่บ้านเนาะอีกอย่างนึงก็คือเรื่อง
00:15:57 → 00:15:59 ของการใช้ยานะครับเอ่อบางทีเนี่ยเราไป
00:15:59 → 00:16:02 ร้านยาเนี่ยเราอาจจะเจอพวกกลุ่มอ่าอาจจะ
00:16:02 → 00:16:04 มีร้านขายของชำหรือว่าบางร้านร้านยาบาง
00:16:04 → 00:16:06 ร้านเนี่ยที่เขาจะมีเรื่องของอาจจะมียา
00:16:06 → 00:16:09 ชุดอย่าเงี้ยครับหรือว่าใช่พวกยาชุดยา
00:16:09 → 00:16:12 แบ่งบรรจุเงี้ยบางทีเนี่ยกลุ่มยาพวกเนี้
00:16:12 → 00:16:15 เนาะมันคือเป็นยาที่เอ่อไม่ได้เขียนระบุ
00:16:15 → 00:16:17 ไว้หน้าฉลากว่าเป็นยาอะไรเงครับบางทีเขา
00:16:17 → 00:16:20 อาจจะเขียนว่าเป็นยาชุดแก้ปวดยาแก้ยาชุด
00:16:20 → 00:16:22 แก้กระสเส้นอะไรพวกเยครับซึ่งในนั้นเนี่ย
00:16:22 → 00:16:24 มันจะประกอบไปด้วยยาหลายๆกลุ่มนะครับเนาะ
00:16:24 → 00:16:27 ซึ่งอาจจะมีกลุ่มยาที่เราแพ้บ่อยๆเช่นพวก
00:16:27 → 00:16:29 ยาแก้ปวดรอักเเงี้ยครับหรือบางอย่างเนี่ย
00:16:29 → 00:16:32 ก็จะมีพวกยาฆ่าเชื้ออยู่ที่เ่อไม่ได้ระบุ
00:16:32 → 00:16:34 ชนิดไม่ได้ระบุว่ามันคือยาอะไรเงี้ยครับ
00:16:34 → 00:16:37 เพราะมันอยู่ในคำว่ายาชุดใช่มันจะเป็นซอง
00:16:37 → 00:16:40 ใสๆบางทีจะเป็นซองใสๆมียา 4 5 6 ตัว
00:16:40 → 00:16:42 อยู่ในนั้นเครับทานเข้าไปเนี่ยอาจจะเป็น
00:16:42 → 00:16:44 เรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดนึงในการ
00:16:44 → 00:16:47 ที่ต้องมาระบุว่ามันคือยาอะไรนะครับอื 1
00:16:47 → 00:16:49 คือหลีกเลี่ยงพวกยากลุ่มการใช้พวกยาชุด
00:16:49 → 00:16:52 หรือว่ายาที่เราไม่ไม่ทราบชื่ออะไรเงี้ย
00:16:52 → 00:16:54 ครับก็จะเป็นอ่าสิ่งที่ดีนะครับเนาะกับ
00:16:54 → 00:16:57 อีกอย่างนึงคือเรื่องของการใช้ยาร่วมกัน
00:16:57 → 00:17:00 ในบ้านเนี่ยครับคือถ้ามันเป็นสายยาสามัญ
00:17:00 → 00:17:02 ประจำบ้านเนี่ยอาจจะยังพอรับได้เนาอย่าง
00:17:02 → 00:17:06 เช่นยายาแก้แพ้ยารดไข้ยาระบายอะไรพวกเย
00:17:06 → 00:17:08 ครับแต่ถ้าในเรื่องของที่เคยเจอนะครับก็
00:17:08 → 00:17:11 จะเป็นการทานยากลุ่มยาโรคเรือรังบางทีอาจ
00:17:11 → 00:17:14 จะมียาเบาหวานอย่างที่ผมเคยบอกเนาะยาเบา
00:17:14 → 00:17:16 หวานยาความดันบางทีเนี่ยมันอาจจะมีการแพ้
00:17:16 → 00:17:18 ข้ามกลุ่มกันได้เงี้ยครับเนาะวันนี้ทาง
00:17:18 → 00:17:22 เพชรสากรก็มาย้ำเตือนนะให้ผู้ฟังได้ทำ
00:17:22 → 00:17:24 ความเข้าใจถึงวิธีป้องกันที่ดีที่สุดเลย
00:17:24 → 00:17:27 ค่ะที่จะไม่ให้คนที่เรารักแล้วก็ตัวเรา
00:17:27 → 00:17:30 เองเนี่ยแพ้อย่าหรือว่ามีอาการที่เสี่ยง
00:17:30 → 00:17:32 เข้าไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองจากที่
00:17:32 → 00:17:34 เราจะรักษาโรครนึงอยู่นะคะกลับมาเป็น
00:17:34 → 00:17:37 เพิ่มความเจ็บป่วยขึ้นมาอีกอย่างเงี้ยค่ะ
00:17:37 → 00:17:39 ก็มาถึงช่วงสุดท้ายของรายการแล้วค่ะอยาก
00:17:39 → 00:17:43 ให้พี่โก้นะคะช่วยทิ้งท้ายถึงเรื่องความ
00:17:43 → 00:17:46 สำคัญค่ะของบัตรแพ้ยาค่ะว่ามันมีความ
00:17:47 → 00:17:49 สำคัญยังไงย้ำเตือนให้ผู้ฟังอีกครั้งนึง
00:17:49 → 00:17:51 ค่ะได้ครับก็สุดท้ายนี้นะครับเนาะใน
00:17:51 → 00:17:54 เรื่องของตัวบัตรพยานะครับบัตรพยานะครับ
00:17:54 → 00:17:56 มันจะเป็นเ่ออย่างที่ผมเคยบอกไปมันจะเป็น
00:17:56 → 00:17:59 ตัวกลางนะครับเนาะที่สำสำคัญที่สุดเนี่ย
00:17:59 → 00:18:01 ที่จะเป็นเครื่องมือนะครับที่ใช้ในการ
00:18:01 → 00:18:02 สื่อสารเนี่ยระหว่างผู้ป่วยเองกับตัว
00:18:02 → 00:18:06 บุคลากรทางการแพทย์เองนะครับเพราะว่าอ่า
00:18:06 → 00:18:08 ถ้าเราเคยอาจจะสสังเกตเห็นเนาะในบัตรแพ้
00:18:09 → 00:18:11 ยาเนี่ยก็จะมีข้อมูลของคนไข้อยู่นะครับมี
00:18:11 → 00:18:14 ชื่อเนาะมีนามสกุลนะครับแล้วก็มีตัวอ่ายา
00:18:14 → 00:18:16 ที่เราแพ้แล้วก็ประวัติที่เราแพ้นะครับ
00:18:16 → 00:18:20 เนาะซึ่งอ่าพวกเนี้ยมันก็จะเป็นสิ่งที่
00:18:20 → 00:18:22 สำคัญนะครับเนาะในในบางกรณีอย่างเช่นยก
00:18:22 → 00:18:24 ตัวอย่างเราเกิดประสบอุบัติเหตุขึ้นมา
00:18:24 → 00:18:27 หรือว่าเรามีอาการหมดสติขึ้นมาเงี้ยครับ
00:18:27 → 00:18:29 เราไม่สามารถสื่อสารได้เราไม่สามารถพูด
00:18:29 → 00:18:32 ได้ว่าเรามีประวัติแพยาอะไรหรือเปล่าใช่
00:18:32 → 00:18:34 ครับเพราะว่าบางทีให้การรักษาไปแล้วแล้ว
00:18:34 → 00:18:37 อ่าเรามีประวัติแพยางแล้วมันไปตรงกับตัว
00:18:37 → 00:18:39 ที่เราแพ้พอดีไงครับโดยที่เราไม่ได้มีข้อ
00:18:39 → 00:18:41 มูลอะไรไว้ก่อนเนี่ยมันก็อาจจะเป็นอ่า 1
00:18:41 → 00:18:43 คือเราเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุละ 2 เราต้อง
00:18:43 → 00:18:45 มารับความเสี่ยงกับเรื่องของการแพ้ยาอีก
00:18:45 → 00:18:47 อย่าเงี้ยครับเพราะฉะนั้นเนี่ยตัวบัตรแพ้
00:18:47 → 00:18:49 ยานะครับเนาไม่ว่าเราจะสามารถสื่อสารได้
00:18:49 → 00:18:51 หรือว่าเราอาจจะสื่อสารไม่ได้เงี้ยครับ
00:18:51 → 00:18:52 มันก็จะยังเป็นเครื่องมือเนี่ยที่ช่วยบอก
00:18:52 → 00:18:55 กับทุกๆคนได้ว่าเอ่อเรามีประวัติแพยาตัว
00:18:55 → 00:18:57 นี้อย่างเคยเห็นมยครับอย่างอย่าเคสในใน
00:18:57 → 00:18:59 เด็กไม่แน่ใจว่าเป็นของต่างประเทศหรือของ
00:19:00 → 00:19:02 ประเทศไทยหรือเปล่าที่เขาจะมีชุดนักเรียน
00:19:02 → 00:19:05 นะครับแล้วคุณแม่เขาปักเสื้อเออปักชื่อ
00:19:05 → 00:19:09 ใช้ว่าน้องคนนี้แพ้ถั่วปากอ้านะเงี้ยครับ
00:19:09 → 00:19:11 ใช้เข้าปักที่ข้าปักที่เสื้อนักเรียนเลย
00:19:11 → 00:19:13 นะครับอนี้ก็จะเป็นเหมือนกันคล้ายๆกับ
00:19:13 → 00:19:15 บัตรใช่สื่อสารเเลยว่าต้องระวังอะไรเงี้ย
00:19:15 → 00:19:18 ครับไม่ว่าเราจะเป็นวัยไหนก็ตามนะคะใน
00:19:18 → 00:19:21 เรื่องของบัตรแพ้ยามันสำคัญมากๆค่ะบางที
00:19:21 → 00:19:23 คนในครอบครัวด้วยกันเองเรายังไม่รู้เลย
00:19:23 → 00:19:26 ค่ะว่าเอ๊ะคุณแม่ของเราแพ้ยาอะไรหรือ
00:19:26 → 00:19:29 เปล่าแต่พอมีบัตรแท้ยาทำให้เห็นเนี่ยเรา
00:19:29 → 00:19:31 มารักษาเกิดอุบัติเหตุอะไรก็ตามอย่าง
00:19:31 → 00:19:33 เงี้ยทางโรงพยาบาลเองก็ได้เห็นข้อมูลตรง
00:19:34 → 00:19:36 นี้แล้วซึ่งอยู่ในบัตรที่พกมาอย่างเงี้นะ
00:19:36 → 00:19:40 คะซึ่งมันก็สำคัญนะสำคัญมากๆเลยพอมาพูด
00:19:40 → 00:19:43 คุยกับทางเภสัชกรแล้วเรารู้สึกว่ามันไม่
00:19:43 → 00:19:45 ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามเลยค่ะใช่ครับแล้ว
00:19:45 → 00:19:48 ก็อีกอย่างนึงคือตัวตัวบัตรพยาเนาะถ้า
00:19:48 → 00:19:50 สมมุติบัตรมันมีการชำรุดหรือว่ามีการสูญ
00:19:51 → 00:19:53 หายแล้วเราจำได้เงี้ครับเราก็อาจจะแจ้ง
00:19:53 → 00:19:56 กับโรงพยาบาลหรือว่าโรงพยาบาลไหนก็ได้บอก
00:19:56 → 00:19:58 ว่าขอออกบัตรใหม่ให้อย่างี้ก็ได้นะครับ
00:19:58 → 00:20:01 ค่ะเราต้องไม่จำเป็นต้องเป็นที่เดิมใช่
00:20:01 → 00:20:04 มั้ยคะใช่ค่ะโรงพยาบาลที่ไหนก็ได้ที่ไหน
00:20:04 → 00:20:06 ก็ได้ครับวันนี้เวลาหมดแล้วค่ะเป็นช่วง
00:20:06 → 00:20:09 เวลาที่ดีมากๆเลยที่เราได้มาพูดคุยกันถึง
00:20:09 → 00:20:11 เรื่องใกล้ตัวมากๆเลยหลายคนมองข้ามนะคะ
00:20:11 → 00:20:15 ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ต้องขอบคุณมากๆ
00:20:15 → 00:20:17 เลยนะคะที่ให้ข้อมูลค่ะสำหรับวันนี้
00:20:17 → 00:20:20 สวัสดีค่ะสวัสดีครับ med cmu podcast
00:20:20 → 00:20:24 Fun for Hell เพราะสุขภาพที่ดีเริ่ม
00:20:24 → 00:20:27 ได้จากตัว
00:20:27 → 00:20:29 เรา
00:20:29 → 00:20:32 อ