00:00:00 → 00:00:03 เราจะไปพูดคุยกับจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
00:00:03 → 00:00:05 กันสวัสดีค่ะ
00:00:05 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:17 อาจารย์โรครียคืออะไรอ่ะคะอาจารย์อ่า
00:00:17 → 00:00:20 ฮิสทีเรียนะคะจริงๆเป็นโรคที่เราหลายๆคน
00:00:20 → 00:00:22 จะรู้จักกันในเรื่องว่าโรคขาดผู้ชายไม่
00:00:22 → 00:00:25 ได้หรือว่าโหยหาผู้ชายแต่ในความเป็นจริง
00:00:25 → 00:00:29 แล้วค่ะอันเนี้ยมันเป็นความเข้าใจผิดที่
00:00:29 → 00:00:30 มาที่ไปของที่ซีเรียเนี่ยต้องบอกก่อนว่า
00:00:31 → 00:00:34 ฮิสทีเรียเนี่ยมันเป็นภาษาโรมันภาษาลาติน
00:00:34 → 00:00:36 ที่แปลว่ามดลูกเพราะฉะนั้นโลกเนี้ยมันมี
00:00:36 → 00:00:40 อยู่จริงแต่ว่าเป็นสมัยก่อนสมัยตั้งแต่
00:00:40 → 00:00:44 ก่อนคริสตกาลจนถึงประมาณปี 1800 19900
00:00:44 → 00:00:47 คริสตศักราชด้วยความที่สมัยนั้นน่ะค่ะผู้
00:00:47 → 00:00:49 หญิงเหล่าเผู้หญิงเราเนี่ยอาจจะไม่ได้มี
00:00:49 → 00:00:53 บทบาททางสังคมหรือว่าไม่สามารถแสดงออกได้
00:00:53 → 00:00:55 มากนักเมื่อเทียบกับเพศชายเพราะฉะนั้นใน
00:00:55 → 00:00:58 สมัยนั้นคนที่เป็นโรคกลุ่มนี้จึงเป็นผู้
00:00:58 → 00:01:01 หญิงเป็นหลักซึ่งอาการหลายหลายๆครั้งมาใน
00:01:01 → 00:01:04 อาการที่มีอาการอยู่ๆก็ชาหมดแรงอาจจะมี
00:01:04 → 00:01:07 ท่าทางแปลกๆไปหรือว่าอยู่เสียงแหบพูดไม่
00:01:07 → 00:01:11 ได้หรือว่ามีอาการปวดอาการมองไม่เห็นอะไร
00:01:11 → 00:01:14 ที่บอกไม่ถูกแล้วแพทย์ในสมัยนั้นด้วยความ
00:01:14 → 00:01:16 ที่ผู้หญิงเป็นเยอะกว่าเขาบอกว่ามันต้อง
00:01:16 → 00:01:19 มาจากมดลูกหรือว่ามาจากฮิสทีเรียฮิสเลก
00:01:19 → 00:01:23 แน่ๆเลยพอเป็นแบบนั้นปุ๊บอ่าในสมัยนู้นนะ
00:01:23 → 00:01:26 คะที่เรายังไม่ได้มีเครื่องเซเรย์
00:01:26 → 00:01:29 คอมพิวเตอร์สมองเลยก็ตามเาก็รักษากันแบบ
00:01:29 → 00:01:31 ที่คิดว่ามาจากมดลูกใช่มั้ยแปลว่าเขา
00:01:31 → 00:01:33 เชื่อว่ามดลูกเนี่ยมันเคลื่อนต่ำลงมา
00:01:33 → 00:01:36 เพราะฉะนั้นสมัยนั้นวิธีการรักษาเขาบอก
00:01:36 → 00:01:38 ว่าเนี่ยผู้หญิงพวกเนี้ยที่ฉันพบบ่อยส่วน
00:01:38 → 00:01:41 ใหญ่เป็นพวกผู้หญิงโสดผู้หญิงหม่ายผู้
00:01:41 → 00:01:43 หญิงที่ไม่มีแฟนเขาก็เลยเชื่อว่ามันต้อง
00:01:43 → 00:01:46 เกี่ยวกับทางเพศเพราะฉะนั้นก็ต้องรักษา
00:01:46 → 00:01:48 ให้มันมีเพศสัมพันธ์มีแฟนหรือแม้แต่การ
00:01:48 → 00:01:52 นวดอวัยวเพศมันก็เลยทำให้สมัยเนี้ยถูกโยง
00:01:52 → 00:01:56 ไปกับความที่ขาดผู้ชายไม่ได้ค่ะแล้วใคร
00:01:56 → 00:01:58 คือกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮิสเตรียคะคือ
00:01:58 → 00:02:01 ต้องบอกก่อนว่าในสมัยเนี้ยที่เราเข้าใจดี
00:02:01 → 00:02:04 แล้วว่าฮิสทีเรียไม่ใช่โรคที่เกี่ยวกับ
00:02:04 → 00:02:07 ทางกายหรือมดลูกมันเป็นโรคที่มีอาการทาง
00:02:07 → 00:02:09 กายก็จริงแต่เป็นโรคที่เกี่ยวกับทางจิตใจ
00:02:09 → 00:02:12 เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าอาการทางจิตใจฮิส
00:02:12 → 00:02:15 เรียสมัยเนี้ยจริงๆอ่ะค่ะใช้คำว่ามันเป็น
00:02:15 → 00:02:18 อาการทางจิตใจที่อยู่ๆก็ชาโดยที่หาสาเหตุ
00:02:18 → 00:02:20 ทางกายไม่ได้เพราะฉะนั้นในความเป็นจริง
00:02:20 → 00:02:24 แล้วผู้ชายก็เป็นได้ผู้หญิงก็เป็นได้ไม่
00:02:24 → 00:02:27 ได้มีใครเป็นมากกว่าใครกลุ่มเสี่ยงจริงๆ
00:02:27 → 00:02:29 ก็คืออย่างที่บอกว่าถ้าที่มาที่ไปคือเรา
00:02:29 → 00:02:33 ถูกอ่าเก็บกฎกดระงับไม่สามารถแสดงบทบาท
00:02:33 → 00:02:36 แสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆในสังคมได้
00:02:36 → 00:02:38 เพราะฉะนั้นคนที่ไม่สามารถแสดงออกทาง
00:02:38 → 00:02:41 อารมณ์และจิตใจได้กลไกจิตใต้สำนึกจิตไร้
00:02:41 → 00:02:44 สำนึกถูกเปลี่ยนเป็นการแสดงออกทางกายค่ะ
00:02:44 → 00:02:48 สาเหตุของโรคฮียเกิดจากอะไรคะอย่างที่บอก
00:02:48 → 00:02:52 ไปนะคะถ้าเป็นสมัยก่อนในความทฤษฎีสมัย
00:02:52 → 00:02:55 ก่อนที่ยังไม่ได้มีวิอ่าเทคโนโลยีเขาเข้า
00:02:55 → 00:02:57 ใจว่าเกิดจากหมดรูแต่ถ้าฮิสตอเรียในสมัย
00:02:57 → 00:03:00 นี้เป็นทฤษฎีของเรื่องจิตใจเลยคือไม่ได้
00:03:00 → 00:03:02 มีความผิดปกติทางกายไม่ต้องไปทำอะไรกับมด
00:03:02 → 00:03:05 ลูกไม่ต้องไปมีเพศสัมพันธ์ก็ได้อะไรเงี้ย
00:03:05 → 00:03:07 นะคะแต่ว่าขอให้ถ้าเราเข้าใจตัวเองว่า
00:03:07 → 00:03:10 เอ้ยอะไรที่ทำให้อาการทางกายต่างๆมันโผล่
00:03:10 → 00:03:13 มาคือเราไม่สามารถที่จะแสดงออกอารมณ์ความ
00:03:13 → 00:03:16 รู้สึกเพราะฉะนั้นการที่เราได้ทำจิตบำบัด
00:03:16 → 00:03:18 ได้เข้าใจตัวเองได้บอกตรงเนี้ยมันก็จะ
00:03:18 → 00:03:22 ช่วยในเรื่องของอาการทางกายที่อธิบายแล้ว
00:03:22 → 00:03:25 ไม่พบสาเหตุทางกายค่ะทำไมคนถึงไปเข้าใจ
00:03:25 → 00:03:28 ผิดค่ะอาจารย์ว่าโรคฮิสตอเรียคือโรคคาด
00:03:28 → 00:03:31 ผู้ชายไม่ได้และมีความต้องการทางเพศสูง
00:03:32 → 00:03:34 ต้องเล่าว่าเหมือนอย่างที่บอกค่ะว่าอาการ
00:03:34 → 00:03:37 จริงๆค่ะมีหลากหลายมันไม่ได้ต้องเกี่ยว
00:03:37 → 00:03:39 กับผู้ชายเท่านั้นอาการมันมีตั้งแต่อย่าง
00:03:39 → 00:03:42 บางคนก็จะมีท่าทีแปลกๆบางคนกรีดร้องโหย
00:03:42 → 00:03:46 หวนบางคนก็คืออาจจะเป็นเรื่องของมีเรื่อง
00:03:46 → 00:03:49 ของชาเรื่องของรู้สึกว่าอ่อนแรงไปจนถึง
00:03:49 → 00:03:52 เรื่องของการโหยหาความรักความต้องการคือ
00:03:52 → 00:03:55 อย่างที่พูดว่าเาขาดเรในเรื่องของการแสดง
00:03:55 → 00:03:58 ออกทางอารมณ์ขาดทางจิตใจแต่ว่าการที่คน
00:03:58 → 00:04:00 เข้าใจเนี่ยมันเป็นที่มามาที่มันถูกเข้า
00:04:00 → 00:04:02 ใจมาเป็น 1000 ปีอ่ะค่ะตั้งแต่ก่อน
00:04:02 → 00:04:06 คริสตกาลมาจนถึงสัก 100-2 ปีก่อนที่เข้า
00:04:06 → 00:04:08 ใจว่ามันเกี่ยวข้องกับมดลูกแล้วอย่างที่
00:04:08 → 00:04:10 พูดว่าหมอสมัยนั้นเขาก็รักษาโดยการที่
00:04:10 → 00:04:12 ต้องมีเพศสัมพันธ์หรือแม้แต่การเอากลิ่น
00:04:12 → 00:04:15 เขาบอกว่าเอากลิ่นที่ดีวางไว้ตรงไเเพศ
00:04:15 → 00:04:16 เพื่อที่ดึงหมดลูกลงแล้วเอากลิ่นที่แย่
00:04:16 → 00:04:18 อยู่ตรงจมูกเพื่อที่ดึงให้มดลูกมัน
00:04:18 → 00:04:20 เคลื่อนผิดปกติอันนี้ซึ่งมันเป็นความเข้า
00:04:20 → 00:04:23 ใจของคุณหมอสมัยนั้นซึ่งเข้าใจได้ว่ามัน
00:04:23 → 00:04:25 เข้าใจมาเป็นพันปีเพราะฉะนั้นหลายๆครั้ง
00:04:25 → 00:04:28 คนเองก็ยังเข้าใจแบบนี้รวมถึงโลกนี้มัน
00:04:29 → 00:04:32 ฟังดูมันฟังดูน่าสนใจบางทีมันก็มีการที่
00:04:32 → 00:04:34 เอาไปทำหนังเอาไปทำนู่นนี่นั่นมันก็เลย
00:04:34 → 00:04:36 ยิ่งกลายเป็นการที่ตอกย้ำภาพลักษณ์อย่าง
00:04:36 → 00:04:39 นี้ซึ่งจริงๆแล้วค่ะสมัยเนี้ยต้องบอกว่า
00:04:39 → 00:04:41 กระแสของเฟมินิสต์สมัยใหม่เขาจะบอกว่าโลก
00:04:41 → 00:04:44 เยจริงๆมันเป็นการสะท้อนถึงความกดขี่ของ
00:04:44 → 00:04:47 ผู้หญิงในในอดีตกาลด้วยซ้ำโรคฮิสตอเรีย
00:04:47 → 00:04:50 แบ่งออกเป็นกี่ประเภทคะอ่าใช้คำว่าสมัย
00:04:50 → 00:04:53 นี้แล้วกันเนาะฮิสเตรียสมัยเก่าที่ที่เรา
00:04:53 → 00:04:55 รู้ว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับมดลูก
00:04:55 → 00:04:58 มันไม่ได้เกี่ยวกับขาดผู้ชายไม่ได้สมัย
00:04:58 → 00:05:00 นี้ที่เรารู้ว่าเกี่ยวกับอารมณ์จิตใจอ่ะ
00:05:00 → 00:05:03 ค่ะหลักๆก็คือจะแบ่งเป็น 2 อย่าง 2 อย่าง
00:05:03 → 00:05:05 จริงๆก็คือโรคที่อย่างที่บอกสมัยก่อนผู้
00:05:05 → 00:05:09 หญิงที่อยู่ก็ชายอยู่ๆก็ร้องโหยหวนกรีด
00:05:09 → 00:05:11 ร้องหรือว่ามีอาการทางกายซึ่งส่วนใหญ่มัก
00:05:12 → 00:05:14 จะเป็นอาการทางระบบประสาทไม่ว่าจะชาไม่
00:05:14 → 00:05:17 ว่าจะอ่อนแรงไม่ว่าจะอยู่พูดไม่ได้อาการ
00:05:17 → 00:05:19 เนี้ยคืออาการที่สมัยใหม่เราเรียกว่า
00:05:20 → 00:05:22 conventional disorder คือการที่มี
00:05:22 → 00:05:26 อาการทางระบบประสาทที่มีอาการออกมาทาง
00:05:26 → 00:05:28 ระบบประสาทแต่ตรวจแล้วไม่ได้มีสมองที่ผิด
00:05:28 → 00:05:31 ปกติไม่ได้มีอ่าเส้นประสาทหรืออะไรที่ผิด
00:05:31 → 00:05:34 ปกติอันนี้เป็นประเภทที่ 1 กับประเภทที่ 2
00:05:34 → 00:05:37 ชื่อจะยังคงความคล้ายียอยู่เรียกว่า
00:05:37 → 00:05:38 histrionic
00:05:38 → 00:05:41 personality disorder หรือมีบุคลิกภาพ
00:05:41 → 00:05:44 ผิดปกติแบบ histrionic hisonic คืออะไร
00:05:44 → 00:05:47 hisonic เป็นภาษาอังกฤษค่ะที่จริงๆแล้ว
00:05:47 → 00:05:50 มันก็คือแปลว่าต้องการแบบมีความดราม่า
00:05:50 → 00:05:54 อยู่สูงมีความเยอะมีความต้องการเพราะ
00:05:54 → 00:05:57 ฉะนั้นคนกลุ่มเนี้ยถ้าพูดภาษาสมัยใหม่ให้
00:05:57 → 00:06:00 เข้าใจง่ายก็คือเป็นคนที่หิวแสงต้องการ
00:06:00 → 00:06:02 ความสนใจซึ่งเป็นได้ทั้งผู้หญิงทั้งผู้
00:06:02 → 00:06:04 ชายต้องการความสนใจจากทุกคนไม่ได้แค่
00:06:05 → 00:06:07 เฉพาะผู้ชายผู้หญิงบางทีเขาก็จะมีการแสดง
00:06:08 → 00:06:11 ออกที่เรียกร้องที่ดูเหมือนเจาะแจ้คุยกับ
00:06:11 → 00:06:13 ทุกคนได้แต่ความสัมพันธ์เขามันไม่สามารถ
00:06:13 → 00:06:16 ลงลึกได้มันมีแค่ความผิวเผินอย่างเงี้ย
00:06:16 → 00:06:19 ค่ะอาจารย์คะในการเรียกร้องความสนใจจาก
00:06:19 → 00:06:22 ผู้ป่วยฮิสเรียนั้นเขาจะเลือกที่จะเรียก
00:06:22 → 00:06:24 ร้องจากคนที่เขาต้องการจะเรียกร้องหรือ
00:06:24 → 00:06:26 เขาจะเรียกร้องไปทั่วเลยอ่ะคะอาจารย์คือ
00:06:27 → 00:06:29 ส่วนใหญ่อ่ะค่ะถ้าเป็นคำว่าอ่าต้องต้อง
00:06:29 → 00:06:31 แยกก่อนถ้าเป็นคำว่าบุคลิกภาพเนี่ยมันก็
00:06:31 → 00:06:34 จะมีตั้งแต่บุคลิกภาพเหมือนคนทั่วไปคน
00:06:34 → 00:06:36 ทั่วไปเนี่ยมันก็เป็นไปได้ที่บางคนใช้คำ
00:06:36 → 00:06:38 ว่า extrovert อทเวแล้วกันถ้าเข้าใจอย่าง
00:06:38 → 00:06:41 สมัยนี้อันเนี้ยมันก็อยู่ในเกณฑ์ปกติแต่
00:06:41 → 00:06:45 ถ้ามันซ้ายสุดขวาสุดขึ้นไปอีกมันก็จะเป็น
00:06:45 → 00:06:47 เรื่องของบุคลิภาพเทรดเป็นลักษณะของ
00:06:47 → 00:06:50 บุคภาพบางประการที่เริ่มแบบเยอะไปและแต่
00:06:50 → 00:06:53 ถ้าสมมุติเข้าขั้นผิดปกติคือโอ้โหสุดซ้าย
00:06:54 → 00:06:57 สุดขวาจริงๆอย่าเงี้ยค่ะมันก็คือแบบทุกคน
00:06:57 → 00:07:00 ทุกอย่างนั่นแหละค่ะคือต้องการความสนใจ
00:07:00 → 00:07:03 ต้องการเป็นจุดสนใจแต่ในขณะเดียวกันเขา
00:07:03 → 00:07:06 อยู่แค่ในระดับของภายนอกระดับของเปลือก
00:07:06 → 00:07:09 นอกเวลาเามีความสัมพันธ์เอาจจะดูเหมือน
00:07:09 → 00:07:11 คุยได้กับทุกคนแต่ว่าถามว่าเขาสนิทกับใคร
00:07:11 → 00:07:14 หรือเขาแม้แต่เจ้าตัวไว้วางใจใครจริงๆม
00:07:14 → 00:07:17 บางทีมันแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำเป็นความ
00:07:17 → 00:07:21 สัมพันธ์ที่เยอะแต่ตื้นเขินผิวเผินแล้ว
00:07:21 → 00:07:23 อาการของโรคคิเรียเป็นอย่างไรคะถ้าถามว่า
00:07:24 → 00:07:25 อาการเป็นยังไงก็คืออย่างที่บอกว่าแบ่ง
00:07:25 → 00:07:27 ออกเป็น 2 ประเภทอย่างที่เล่าไปแล้วอ่ะ
00:07:27 → 00:07:30 ค่ะก็คือ 1 ก็คือถ้าเป็น convers
00:07:30 → 00:07:32 conversational disorder ก็คือมีอาการ
00:07:32 → 00:07:36 ทางระบบประสาทไม่ว่าจะชาอยู่ๆเกร็งอยู่ๆ
00:07:36 → 00:07:39 ชักแต่แต่ชักแบบชักแบบเหมือนตรวจแล้วก็
00:07:39 → 00:07:41 ไม่ได้มีคลื่นชักเลยค่ะอย่างเช่นถ้าคนชัก
00:07:41 → 00:07:44 จริงๆบางทีคือกัดลิ้นปัสสาวะอุจจารราดอัน
00:07:44 → 00:07:47 นี้ก็อาจจะแบบไม่มีหรือว่าพอจะล้มก็ล้ม
00:07:47 → 00:07:49 ไม่ค่อยมีแผลอะไรเงี้ยค่ะแต่แต่ไม่ใช่เา
00:07:49 → 00:07:53 แกล้งนะคะแต่ว่าเหมือนคนไข้เป็นทางจิตใจ
00:07:53 → 00:07:55 คือไม่ได้เป็นทางกายงค่ะกับอีกอย่างนึงก็
00:07:55 → 00:07:57 คืออย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องปัญหาของ
00:07:57 → 00:08:00 บุคลิกภาพคล้ายๆเหมือนเหมือนหิวแสงอะไร
00:08:00 → 00:08:02 เงี้ยค่ะจะวินิจฉัยได้อย่างไรคะว่าเป็น
00:08:02 → 00:08:05 โรคที่เียจริงๆก็คือถ้าถ้าสมมุติว่าเรา
00:08:05 → 00:08:08 มองในอ่าศาสตร์สมัยใหม่ที่เรามีความรู้
00:08:08 → 00:08:10 ความเข้าใจไม่ใช่แค่เฉพาะจิตใจแต่ว่าเรา
00:08:10 → 00:08:13 เข้าใจในเรื่องของสมองสารเคมีรวมถึงเรา
00:08:14 → 00:08:16 เข้าใจในเรื่องของจิตวิเคราะห์ที่มาที่ไป
00:08:16 → 00:08:19 ต่างๆก็คืออ่าถ้าเป็น 2 โรคนี้คือถ้าเป็น
00:08:19 → 00:08:22 กลุ่มเรื่องของ conversational disorder
00:08:22 → 00:08:24 หรือว่าหรือว่าที่มีอาการทางระบบประสาท
00:08:24 → 00:08:27 ไม่ว่าจะช้าพูดไม่มีเสียงอ่อนแรงตาบอด
00:08:27 → 00:08:29 อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของอาการทางประสาท
00:08:29 → 00:08:32 ก็คือ 1 คือต้องสำคัญสุดคือเราตรวจแล้ว
00:08:32 → 00:08:35 จริงๆแล้วมันไม่ไม่ไม่ตรงไปตรงมาตามระบบ
00:08:35 → 00:08:37 ประสาทอย่างเช่นสมมุตินะคะอย่างเช่นเวลา
00:08:37 → 00:08:40 ชาอย่างเงี้ยค่ะเส้นปราสาทเนี่ยคนไข้จะ
00:08:40 → 00:08:42 ไม่ได้ชาเหมือนใส่ถุงมือหรือใส่ถุงเท้าคน
00:08:42 → 00:08:44 ไข้บางคนบอกว่าชาทั้งมือเลยเหมือนเราใส่
00:08:44 → 00:08:47 ถุงมือใส่ถุงเท้าซึ่งมันไม่ได้อธิบายมัน
00:08:47 → 00:08:50 ไม่ล้อไปกับโครงข่ายเส้นประสาทอย่างเงี้ย
00:08:50 → 00:08:52 ค่ะก็อย่างที่เมื่อกี้เล่าว่าพอชักพออะไร
00:08:52 → 00:08:54 อย่างเงี้ยมันมันเหมือนมันมันมันเป็นแบบ
00:08:54 → 00:08:57 อ่าไม่ล้มไม่ได้บาดเจ็บหรือมองการมองเห็น
00:08:57 → 00:08:59 คือรู้สึกว่าเห็นเป๊ะแค่แค่นี้ก็แค่นี้
00:08:59 → 00:09:02 จริงๆซึ่งโอกาสมันไม่ใช่ว่าอุ๊ยความีบตา
00:09:02 → 00:09:04 มันมองเห็นมีปัญหามันจะเห็นแต่ซ้ายไม่
00:09:04 → 00:09:07 เห็นขวาหรืออะไรชัดขนาดนั้นอะไรเงี้ยค่ะ
00:09:07 → 00:09:10 อ่าแล้วแต่คนไข้อ่ะเชื่อจริงๆคือไม่ได้
00:09:10 → 00:09:13 แกล้งทำอันนี้คือประเภทที่ 1 กับประเภท
00:09:13 → 00:09:16 ที่ 2 ถ้าสมมุติว่าเป็นพวกบุคลิกภาพก็คือ
00:09:16 → 00:09:19 มันก็ต้องดูในเรื่องของความเรื้อรงยาวนาน
00:09:19 → 00:09:20 อย่างที่เมื่อกี้อธิบายไปแล้วว่ามันอยู่
00:09:20 → 00:09:24 สุดโต่งเลยซ้ายสุดขวาสุดแล้วจนมันกระทบมี
00:09:24 → 00:09:27 ปัญหาในชีวิตมีปัญหากับความสัมพันธ์กับคน
00:09:27 → 00:09:31 อื่นๆคนรอบด้านอย่างเงี้ยค่ะแล้วโรค
00:09:31 → 00:09:34 ฮิสตอเรียค่ะอาจารย์รักษาได้อย่างไรคะ
00:09:34 → 00:09:38 จริงๆหลักๆอ่ะค่ะไม่ว่าจะเป็นด้านของเอ่อ
00:09:38 → 00:09:41 conversational ที่มีอาการทางชาระบบ
00:09:41 → 00:09:43 ประสาทหรือว่าด้านของบุคลิกภาพหลักๆถ้า
00:09:43 → 00:09:46 ตอนเนี้ยใช้คำว่าถ้าไม่มีโรคอื่นร่วมก่อน
00:09:46 → 00:09:48 นะคะถ้าไม่มีโรคอื่นร่วมคือหลายๆคนพอเป็น
00:09:48 → 00:09:51 แบบเนี้ยจะมีโรคอื่นทางจิตเวทร่วมอย่าง
00:09:51 → 00:09:55 เช่นโรควิตกกังวลอย่างเช่นโรคซึมเศร้าแต่
00:09:55 → 00:09:57 ว่าถ้าเป็นเฉพาะ 2 ภาวะนี้หลักๆการรักษา
00:09:57 → 00:10:00 หลักๆก็จะเป็นการทำจิตบำบัดคือทำให้เขา
00:10:00 → 00:10:03 เข้าใจตัวเองส่วนในกลุ่มบุคลิภาพก็เหมือน
00:10:03 → 00:10:05 กันค่ะอันเนี้ยก็คือเป็นเรื่องของจิตใจ
00:10:05 → 00:10:08 เป็นหลักก็คือเป็นเรื่องของการทำจิตบำบัด
00:10:08 → 00:10:11 ให้เข้าใจตัวเองอย่างเงี้ยเป็นหลักแต่ว่า
00:10:11 → 00:10:14 อย่างที่พูดถ้ามีโรคร่วมอื่นก็ยามีส่วน
00:10:14 → 00:10:18 จำเป็นโรคฮิสเตรียมีภาวะแทรกซ้อนอย่างไร
00:10:18 → 00:10:22 บ้างคะใช้คำว่าที่มาที่ไปอ่ะเนาะก็คือ
00:10:22 → 00:10:25 อย่างที่พูดว่าหลักๆมันคือมาจากการที่เรา
00:10:25 → 00:10:28 มีความรู้สึกมีอารมณ์มีใจคอแต่บางทีเรา
00:10:28 → 00:10:31 แสดงออกไม่ได้โดยตรงหมายถึงว่ามันก็เลย
00:10:31 → 00:10:33 กลายเป็นร่างกายเนี่ยมีกลไกอัตโนมัติที่
00:10:33 → 00:10:36 แสงออกมาทางกายหรืออะไรก็ตามในในกลุ่มแรก
00:10:36 → 00:10:38 เพราะฉะนั้นบางทีอ่ะค่ะมันก็เกิดภาวะเก็บ
00:10:38 → 00:10:42 กดเกิดภาวะกังวลเครียดเศร้าอย่างนี้ได้
00:10:42 → 00:10:45 เหมือนกันหรือบุคคลิกภาพตรงไปตรงมาเมื่อ
00:10:45 → 00:10:48 สมมุติคุณหิวแสงแต่คุณไม่ได้แสงก็ซึม
00:10:48 → 00:10:50 เศร้าอีกหรือว่ามีปัญหาความสัมพันธ์บ่อยๆ
00:10:50 → 00:10:52 มันก็อาจจะเป็นเรื่องของความเครียดหรือ
00:10:52 → 00:10:57 โรคอื่นๆทางจิตใจร่วมด้วยได้โรคฮียป้อง
00:10:57 → 00:11:00 กันได้หรือไม่คะค่ะการป้องกันนะคะก็คือ
00:11:00 → 00:11:03 ไม่ใช่เฉพาะโรคฮิสทีเรียแต่ว่าโรคอื่นๆ
00:11:03 → 00:11:06 ทางจิตใจด้วยอย่างที่บอกเลยว่าหลายๆครั้ง
00:11:06 → 00:11:09 ค่ะมันมาจากความเก็บกดทั้งตัวเราเองก็
00:11:09 → 00:11:12 เก็บกดบางทีมันเป็นเรื่องของอ่าสภาพสังคม
00:11:12 → 00:11:15 หรือปัจจัยหรืออะไรก็ตามหรือสิ่งแวดล้อม
00:11:15 → 00:11:17 หลายๆครั้งค่ะถ้าสมมุติว่าเราเข้าใจตัว
00:11:17 → 00:11:20 เองได้มากขึ้นแล้วเราค่อยๆแสดงออกถึง
00:11:20 → 00:11:23 อารมณ์ความรู้สึกของเราอย่างเหมาะสมสุภาพ
00:11:23 → 00:11:26 และนุ่มนวลค่อยๆสื่อสารกันหรือว่าการที่
00:11:26 → 00:11:29 เวลาเราเครียดเรามีอะไรเรามีที่พึซึ่งมี
00:11:29 → 00:11:32 ที่ปรึกษามันก็จะทำให้เราเสี่ยงต่อการ
00:11:32 → 00:11:35 เป็นภาวะทางจิตใจหรือแม้แต่ว่ารวมถึงโรค
00:11:35 → 00:11:39 ฮิสทีเรียน้อยลงค่ะขอบคุณนะคะสำหรับการ
00:11:39 → 00:11:43 รับชมรายการ TNN Health ค่ะและอย่าลืม
00:11:43 → 00:11:46 ค่ะกด Subscribe กดไลกดแชร์ในทุกช่องทาง
00:11:46 → 00:11:50 ออนไลน์ของ TNN ช่อง 16 ค่ะเพื่อที่จะไม่
00:11:50 → 00:11:53 พลาดการรับชมรายการสดคลิปวีดีโอที่น่าสน
00:11:53 → 00:11:55 ใจของทาง TNN นะ
00:11:56 → 00:11:59 คะ