00:00:00 → 00:00:02 ขอฝันดีนะครับวันนี้นะครับก็จะเป็นตอนที่
00:00:02 → 00:00:04 4 นะครับขอเสรีที่เราคุยกันมานะครับ
00:00:04 → 00:00:07 เรื่องของหัวใจและหลอดเลือดนะครับวันนี้
00:00:07 → 00:00:09 เรื่องจะคุยกันในเรื่องของความดันเลือด
00:00:09 → 00:00:11 ครับจะเป็นอย่างนี้ของกันที่วัดค่าความ
00:00:11 → 00:00:13 ดันเลือดของเราเรียนมากไปน้อยไปในร่างกาย
00:00:13 → 00:00:16 ของเราน่าจะตอบสนองและแก้ปัญหาขอละดึง
00:00:16 → 00:00:18 ความดันเลื่อนให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้ยัง
00:00:18 → 00:00:21 ไงแต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเรื่องของใน
00:00:21 → 00:00:23 พิเศษนี้นะครับผมอยากจะขอเล่าย้อนกลับไป
00:00:24 → 00:00:25 ถึงเรื่องที่เราคุยกันเป็นพิสูจน์กันก่อ
00:00:25 → 00:00:28 สร้างนิดนึงนะครับสั้นๆเร็วๆนะครับมาทุก
00:00:28 → 00:00:30 คนจำกันได้นิดนึงนะครับเผื่อใครนะลืมไป
00:00:30 → 00:00:32 แล้วนะครับจะได้เกิดความต่อเนื่องนะครับ
00:00:32 → 00:00:34 ใน Episode ได้นะครับเราคุยกันถึงภาพรวม
00:00:34 → 00:00:37 ของๆนะครับของระบบหัวใจและหลอดเลือดว่ามี
00:00:37 → 00:00:40 โครงสร้างปรับได๋คือเราบอกว่ามันเวรครับ
00:00:40 → 00:00:42 มันมีสองอยู่วงจร 2 วงจรด้วยกันนะครับพวง
00:00:42 → 00:00:45 นึงเนี่ยก็ทำหน้าที่เป็นปั๊มโดยที่จะปั้ม
00:00:45 → 00:00:46 เลือดแดงเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายแล้วก็
00:00:46 → 00:00:49 วนกลับเข้ามาหัวใจใหม่แล้วไอ้วงเลยนะครับ
00:00:49 → 00:00:52 จะเป็นวงที่ที่ปั้มเลือดดำนะครับไปที่
00:00:52 → 00:00:55 ผ่านปอดนะครับก็เป็นเลขแดงเท่ากับเข้าใจ
00:00:55 → 00:00:57 ใหม่ด้วยทั้งสองวงนี้นะครับก็เหมือนเป็น
00:00:57 → 00:00:59 วงที่แยกจากกันเลยนะครับจะใช้ปั๊มคนละตัว
00:00:59 → 00:01:01 ก็คือเนื้อผงข้างซ้ายเนี่ยจะใช้หัวใจข้าง
00:01:01 → 00:01:04 ซ้ายเป็นเป็นปั๊มนะครับผมข้างขวาจะใช้หัว
00:01:04 → 00:01:07 ใจข้างขวาได้เป็นตามแต่หัวใจเนี่ยที่รวม
00:01:07 → 00:01:09 กันเป็นเป็นการเดียวกันนะครับก็เหมือนกับ
00:01:09 → 00:01:11 ปั๊ม 2 ตัวที่มาอยู่คู่กันเพื่อให้เกิด
00:01:11 → 00:01:14 การทำงานที่ประสานกันใน Episode ที่สองนะ
00:01:14 → 00:01:17 ครับเรา Focus ไปที่ตัวหัวใจเราคุยกันไป
00:01:17 → 00:01:19 ว่าหัวใจของเราเนี่ยแต่ได้ยังไงระบบไฟฟ้า
00:01:19 → 00:01:22 ของหัวใจเนี่ยมันทำงานยังไงเราก็ทำความ
00:01:22 → 00:01:24 รู้จักกับสิ่งที่ได้ว่า SA โหนดนะครับ
00:01:24 → 00:01:27 ซึ่งก็เหมือนเป็นตัวกำหนดไฟฟ้าแล้วก็คอ
00:01:27 → 00:01:30 ยิงไฟฟ้าเนี่ยออกมาแล้วก็ไปที่ห้องหัวใจ
00:01:30 → 00:01:34 ด้านบนก็ทำให้คนใจห้องบนเนี่ยเต้นได้และ
00:01:34 → 00:01:36 เราก็ได้รู้จักกับคำว่า AV โหนดนะครับ
00:01:36 → 00:01:38 ซึ่งก็เหมือนเป็นตัวตัวกำเนิดไฟฟ้านะครับ
00:01:38 → 00:01:41 หัวใจห้องล่างซึ่งก็คุยกันไปว่ามันมันก็
00:01:41 → 00:01:43 เป็นตัว Backup นะครับกรณีที่ไฟด้านบนยัง
00:01:43 → 00:01:46 ไม่มาก็จะห้องล่างนี้ก็ยังสามารถที่จะ
00:01:46 → 00:01:48 หยิบตัวต่อไปได้แล้วแล้วพี่โสดที่ 3 นะ
00:01:48 → 00:01:50 ครับแล้วก็จบที่แล้วนะครับแล้วก็คุย
00:01:50 → 00:01:52 เรื่องของความดันเลือดกันนะครับโดยที่เรา
00:01:52 → 00:01:54 ไปดูว่าความดันเลือดมันคืออะไรนะครับแล้ว
00:01:54 → 00:01:57 ก็มันมีหน้าที่อะไรชอบในวันนี้นะครับแต่
00:01:57 → 00:01:59 ที่ส่วนที่ 4 ตอนที่ 4 นะครับก็จะมาคุย
00:01:59 → 00:02:01 เรื่องของความดันผู้สอนครับด้วย 6 ค่อย
00:02:01 → 00:02:04 ของวันของวันนี้นะครับเราจะมาโฟกัสว่าถ้า
00:02:04 → 00:02:06 เกิดความดันอย่างมันเกิดมากเกินไปแล้ว
00:02:06 → 00:02:09 น้อยเกินไปร่างกายของเราในจะตอบสนองหรือ
00:02:09 → 00:02:11 ว่าแก้ปัญหานี้ยังไงเพื่อให้ความดันกลับ
00:02:11 → 00:02:13 เข้าสู่ภาวะปกติโอเคผมอยากจะขอเริ่มต้น
00:02:14 → 00:02:16 ที่ปัญหาความดันเลือดต่ำกันก่อนนะครับคือ
00:02:16 → 00:02:18 ถ้าความดันด้วยของเราเนี่ยต่ำผิดปกติ
00:02:18 → 00:02:21 เนี่ยร่างกายในจะต่อสองอย่างไรบ้างมันจะ
00:02:21 → 00:02:23 แก้ปัญหาอย่างไรเราถ้าเราเข้าใจเรื่องของ
00:02:23 → 00:02:26 คนไกลของความดันเลือดต่ำนะครับมันจะช่วย
00:02:26 → 00:02:28 ให้เข้าใจเรื่องของการอ่อนเรื่องของความ
00:02:28 → 00:02:30 เป็นเลือดสูบเนื้อได้ง่ายขึ้นเพราะว่ากล
00:02:30 → 00:02:32 ไกที่มันใช้เนี่ยมันก็คล้ายๆกันนะครับ
00:02:32 → 00:02:34 เป็นคนใจเดียวกันอาจจะมีต่างกันเล็กน้อย
00:02:34 → 00:02:36 โอเคเรามาเริ่มจากนิยามอันก่อนนะครับเวลา
00:02:36 → 00:02:38 เราพูดถึงคนนั้นเลือกตามแล้วมันหมายถึง
00:02:38 → 00:02:40 อะไรโดยทั่วไปนะครับตัวเลขที่ถือว่าความ
00:02:40 → 00:02:44 ดันเลือดต่ำก็คือจะใช้ประมาณ 90 60 มี
00:02:44 → 00:02:46 เม็ดปลอดนะครับเลขตัวบนที่ 90 ตัวล่างคือ
00:02:46 → 00:02:49 60 ขอคนปกติ 120 80 จำได้ใช่ไหมครับแต่
00:02:49 → 00:02:52 ต้องบอกว่าในชีวิตจริงๆนะครับเราไม่ได้
00:02:52 → 00:02:55 ตัวเลขนี้เป็นเป็นตัวเกณฑ์ในการตัดสินทุก
00:02:55 → 00:02:57 ครั้งนะครับคือไม่ได้แปลว่าใครก็ตามที่
00:02:57 → 00:03:00 ความดันเลือดจะไปแต่ 90 60 จะถือว่าเป็น
00:03:00 → 00:03:03 ก็ทำท่าเรือตามเสมอไปเพราะอะไรเพราะในบาง
00:03:03 → 00:03:04 คนนะครับก็จะมีความดันเหลือเท่านี้เนี่ย
00:03:04 → 00:03:07 เป็นภาวะปกติอยู่แล้วนะครับและทำให้ร่าง
00:03:07 → 00:03:09 กายของเขาเนี้ยชินกับความดันเลือดระดับ
00:03:09 → 00:03:12 นี้เนี่ยอยู่อ่อมันอยากมาอย่างยาวนานนะคะ
00:03:12 → 00:03:15 โดยที่เขายังไม่มีอาการอะไรเลยก็คือ
00:03:15 → 00:03:16 เหมือนกับร่างกายของเขาในชินกับตัวเลขนี้
00:03:16 → 00:03:19 แล้วนะครับแล้วความดันเท่านี้ในก็เพียงพอ
00:03:19 → 00:03:20 ที่จะทำให้เลือกเลี้ยงส่วนต่างๆของร่าง
00:03:20 → 00:03:23 กายเนี่ยก็ได้อย่างเพียงพออันนี้ยกเว้นคน
00:03:23 → 00:03:25 ที่มีคนจะเลิกตามแล้วมีอาการนะครับเช่น
00:03:25 → 00:03:27 อาจารย์อ้ามืดง่ายนะครับเป็นลมง่ายหรือ
00:03:27 → 00:03:30 ว่าลุกขึ้นยืนเร็วแล้วก็หน้ามืดนะครับอัน
00:03:30 → 00:03:32 นี้ถือว่ามีอากาศนะครับไม่ไม่ถือว่าเป็น
00:03:32 → 00:03:35 เพราะปกติครับดังนั้นนะครับในทางปฏิบัติ
00:03:35 → 00:03:37 จริงนะครับผมจะเลิกต่ำจะมาถึงกรณีที่ร่าง
00:03:37 → 00:03:39 กายเนี่ยก็เหมือนกับเคยชินกับความดัน
00:03:39 → 00:03:42 เลือดที่ข้านั่งอยู่แล้วแล้วอยู่ในความ
00:03:42 → 00:03:44 ดันเลือดมันต่ำกว่าที่ร่างกายในเคยชิน
00:03:44 → 00:03:46 อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นจากเหตุอะไรก็
00:03:46 → 00:03:49 ตามเพราะว่าเมื่อเพื่อความเลื่อนต่ำลงมา
00:03:49 → 00:03:50 นะครับจากที่ต้องการค่อนข้างคุ้นเคยอย่าง
00:03:51 → 00:03:53 รวดเร็วเนี่ยออกมาจะเกิดปัญหาว่าอายุว่า
00:03:53 → 00:03:55 ต่างๆเนี่ยปรับตัวไม่ทันและอาจจะเกิดการ
00:03:55 → 00:03:58 เหมือนกับได้รับเลือกที่มีเพียงพอขึ้นมา
00:03:58 → 00:04:01 ได้ที่นี่เราจะมาดูสิเหตุของความดันเลือด
00:04:01 → 00:04:03 ต่ำว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรได้บ้างนะครับ
00:04:03 → 00:04:05 ต้องบอกว่าสาเหตุของความดันเลือดต่ำนี้
00:04:05 → 00:04:07 มันมีมากมายนะครับเรื่องแต่เรื่องของ
00:04:07 → 00:04:10 อารมณ์นะครับเช่นขอพระรู้สึกกลัวนะครับ
00:04:10 → 00:04:11 หรือว่ารู้สึกเครียดเนี่ยมันก็จะทำให้
00:04:11 → 00:04:14 เผ่าความดันเลือดต่ำได้ความเครียดบางคน
00:04:14 → 00:04:16 บางครั้งก็ทำให้คนนั้นเลือกสู่นะคะจะมา
00:04:16 → 00:04:18 ทั้งขึ้นมากๆก็ทำให้ความดันเลือดต่ำได้
00:04:18 → 00:04:20 เรือมาควรจะเรื่องของอาการเจ็บนะครับเจ็บ
00:04:20 → 00:04:23 มากๆนะครับหรือว่ามีอาการปวดท้องนะครับทำ
00:04:23 → 00:04:25 ใช่ติดตัวมากๆเนี่ยบางคนเกิดอาการความดัน
00:04:25 → 00:04:28 เลือดต่ำได้น้องในจากนั้นนะครับก็ไปอาจจะ
00:04:28 → 00:04:30 เป็นเรื่องของการขาดน้ำนะครับเช่นคนที่
00:04:30 → 00:04:32 ดื่มน้ำน้อยขณะที่ออกกำลังกายในวันที่
00:04:32 → 00:04:36 อากาศร้อนมากๆนะครับคือเสียงมากๆเราขอ
00:04:36 → 00:04:39 ร่างกายเนี่ยขาดน้ำนะครับก็จะมีภาวะความ
00:04:39 → 00:04:41 ดันเลือดต่ำเกิดขึ้นได้โดยจะเป็นเรื่อง
00:04:41 → 00:04:44 ของการเสียเลือดนะครับเช่นคนบางคนอยากไป
00:04:44 → 00:04:46 บริจาคเลือดมาหรือว่าอาจจะเสียเลือดจาก
00:04:46 → 00:04:48 ทางอื่นเช่นในผู้หญิงน่าจะเป็นเรื่องของ
00:04:48 → 00:04:51 การมีประจำเดือนที่มากผิดปกตินะครับโดย
00:04:51 → 00:04:53 สาเหตุอะไรก็แล้วแต่หรือว่าจะเรื่องของ
00:04:53 → 00:04:55 การมีเลือดออกภายในช่องท้องๆครับออก
00:04:55 → 00:04:58 ประมาณน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัวก็จะทำให้
00:04:58 → 00:05:01 เกิดภาวะความดันเลือดเสียดายเนาะเดี๋ยวจะ
00:05:01 → 00:05:03 นี้ก็จะมีเรื่องของยาต่างๆนะครับเช่นเรา
00:05:03 → 00:05:05 จะเป็นเรื่องของยาขับปัสสาวะนะครับหรือยา
00:05:05 → 00:05:07 ลดความดันก็เป็นตัวอย่างที่พบได้ค่อนข้าง
00:05:07 → 00:05:10 บ่อยนะครับที่นี่เรามาดูเรื่องของอาการ
00:05:10 → 00:05:12 กันบ้างนะครับเวลาคนที่มีอาการของความดัน
00:05:12 → 00:05:15 ต่ำเนี่ยมันจะมีอาการอะไรบ้างนี่คำตอบก็
00:05:15 → 00:05:18 คือว่าเอาอวัยวะที่ไวต่อความดันเลือดต่ำ
00:05:18 → 00:05:21 เร็วที่สุดก็คงเป็นเรื่องของสมองดังนั้น
00:05:21 → 00:05:22 อาการที่เกิดเร็วนะครับว่าจะเป็นเรื่อง
00:05:22 → 00:05:24 ของสมองเป็นส่วนใหญ่ขึ้นเราจะรู้สึก
00:05:24 → 00:05:27 วิงเวียนนะครับขอรู้สึกหน้ามืดเป็นลมนะ
00:05:27 → 00:05:29 ครับกับค่ามวลนะครับก็พูดง่ายก็คือเป็น
00:05:29 → 00:05:32 อาการของคนที่รู้สึกจะเป็นลมทั่วๆไปที่
00:05:32 → 00:05:35 เราคุ้นเคยกันดีนะครับหรือถ้าเป็นมากๆนะ
00:05:35 → 00:05:37 ครับเร็วในบางคนก็จะล้มตึงไปเลยก็ได้ที่
00:05:37 → 00:05:39 นี่เราจะมาดูกันนะคะว่าร่างกายของเรานี้
00:05:39 → 00:05:41 จะตอบเนาะกับภาวะความดันเลือดต่ำอย่างไร
00:05:41 → 00:05:44 บ้างหรือว่าร่างกายเนี่ยมันจะแก้ปัญหายัง
00:05:44 → 00:05:46 ไงแน่นอนที่สุดนะครับอย่างที่บอกไปก็คือ
00:05:46 → 00:05:49 ว่าอย่างแรกสุดเนี่ยสมองเนี่ยะมันจะต้อง
00:05:49 → 00:05:52 มีวิธีรับรู้ก่อนว่าเวลาอ่อนในแต่ละช่วง
00:05:52 → 00:05:55 ขนาดนี้เรามีความดันเหลืออยู่เท่าไหร่นะ
00:05:55 → 00:05:57 ครับมีมากไปหรือน้อยไปแค่ไหนซึ่งวิธีการ
00:05:57 → 00:05:59 ที่สมองจะรับรู้ว่าคืออย่างที่คุยกันไปใน
00:05:59 → 00:06:01 พิเศษก็และก็คือมันจะมี Sensor อยู่นะ
00:06:01 → 00:06:04 ครับหลักๆก็จะมี Sensor อยู่ 3 ตัวด้วย
00:06:04 → 00:06:07 กันนะครับที่ขอข้างซ้ายตัวนึงที่ข้างขวา
00:06:07 → 00:06:09 นะครับตัวนึงนะครับซ้ายขวาอย่างละตัวแล้ว
00:06:09 → 00:06:11 ก็เซ็นไส้ที่ 1 จะอยู่ที่แบรนด์เส้นเลือด
00:06:11 → 00:06:14 ใหญ่นะครับที่ออกมาจากหัวใจห้องล่างด้าน
00:06:14 → 00:06:16 ซ้ายนะครับก็คือเป็นเส้นเลือดส่วนที่เรา
00:06:16 → 00:06:19 penalty กอนะครับเราเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัว
00:06:19 → 00:06:21 นี้นะครับก็จะส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาท
00:06:21 → 00:06:24 ขึ้นไปที่สมองนะครับอะไรที่เป็นการสมองนะ
00:06:24 → 00:06:27 เพื่อไม่ให้สมองนะครับรู้ว่ามันกับวินาที
00:06:27 → 00:06:30 ต่อหน้าที่เลยว่าความดันตอนนี้มันมีค่า
00:06:30 → 00:06:32 อยู่เท่าไหร่ถ้าสมองนะครับรับสัญญาณมา
00:06:32 → 00:06:34 แล้วก็เพราะว่าความจะเลื่อนมาเกินต่ำกว่า
00:06:34 → 00:06:37 ที่ควรจะเป็นสมองก็จะต้องตอบสนองนะครับหา
00:06:37 → 00:06:41 วิธีมันกับสั่งงานลงมาคำถามนะครับก็คือ
00:06:41 → 00:06:44 ว่าสมองเนี่ยสั่งอะไรบ้างคำตอบนะครับอาจ
00:06:44 → 00:06:46 จะพอแยกได้เป็น 2 แบบกว้างนะครับถ้าเรา
00:06:46 → 00:06:49 แบ่งตามความเร็วแบบแรกจะเป็นการตอบสนอง
00:06:49 → 00:06:51 ที่แบบป๊อปน้องแบบรวดเร็วนะครับแบบเร็ว
00:06:51 → 00:06:53 มากคือตอบสนองเร็วเป็นหลักวินาทีนะครับ
00:06:53 → 00:06:56 เพราะว่าเขาก็รู้ว่าความดันต่ำและมันมี
00:06:56 → 00:06:58 อันตรายนะครับร่างกายในจะต้องก็รีบแก้ไข
00:06:58 → 00:07:01 เพื่อดึงความตั้งเตือนให้กลับเข้าสู่ภาวะ
00:07:01 → 00:07:04 ปกติแบบที่ 2 นะครับจะเป็นอันดับน้องที่
00:07:04 → 00:07:06 ค่อนข้างช้ากว่าหน่อยนึงนะครับแต่ไม่ว่า
00:07:06 → 00:07:09 จะตอบ 2 ช้ากว่าแต่ผลระยะยาวในมันจะมันจะ
00:07:09 → 00:07:11 นานกว่าการตัดสนองเนี่ยจะใช้เวลาในการตอบ
00:07:11 → 00:07:13 สนองอาทิตย์หรือว่าเป็นหลักหลายนาทีนะ
00:07:13 → 00:07:16 ครับหลายสิบนาทีหรือว่าจะเป็นชั่วโมงนะ
00:07:16 → 00:07:18 ครับเราก็จะมีผลต่อเนื่องเนี่ยเป็นวันได้
00:07:18 → 00:07:21 ที่นี่เราจะดูแบบแรกกันเกาะนะครับก็คือ
00:07:21 → 00:07:23 การรับน้องแบบเร็วเนี่ยว่ามันทำงานยังไง
00:07:23 → 00:07:26 เมื่อสมองรับรู้นะครับว่าความดันเลือดต่ำ
00:07:26 → 00:07:28 เนี่ยมันจะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปตามเส้นประสาท
00:07:28 → 00:07:31 นะครับหลักๆมันจะส่งไป 2 ที่ด้วยกันอัน
00:07:31 → 00:07:35 ที่ 1 ก็คือไปที่หัวใจอันที่สองคือไปที่
00:07:35 → 00:07:37 เส้นเลือดแดงเรามาโฟกัสที่หัวใจกันเกาะนะ
00:07:37 → 00:07:41 ครับหลักๆเนี่ยอาจจะมองว่าคำสั่งที่สมอง
00:07:41 → 00:07:42 ส่งไปที่หัวใจเดี๋ยวมันแบ่งเป็นสองอย่าง
00:07:42 → 00:07:44 ด้วยกันอย่างไรนะครับก็จะเป็นเรื่องของ
00:07:44 → 00:07:47 เส้นประสาทที่ส่งตรงไปที่จุดที่เราเรียก
00:07:47 → 00:07:50 ว่าเป็น s n o k a e โน้ตนะครับซึ่ง
00:07:50 → 00:07:53 ก็อย่างที่ว่าไปในตอนที่เคยไปนะครับมัน
00:07:53 → 00:07:55 คือตัวที่เป็นตัวจับไฟฟ้าหัวใจคือเป็นตัว
00:07:55 → 00:07:58 ที่ควบคุมความเร็วของการเต้นของหัวใจที่
00:07:58 → 00:08:01 นี่เมื่อสมองทำอ่าใส่โน้ตเนี่ยปล่อยไฟ
00:08:01 → 00:08:03 เร็วขึ้นนะครับก็คือทำให้หัวใจเต้นเร็ว
00:08:03 → 00:08:05 ขึ้นเมื่อหัวใจเต้นเร็วขึ้นแล้วก็จะสูบ
00:08:05 → 00:08:08 ฉีดเลือดออกมาได้เร็วขึ้นความดันเลือด
00:08:08 → 00:08:10 เนี่ยจะเพิ่มขึ้นอันนี้ตรงไปตรงมานะครับ
00:08:10 → 00:08:12 อย่างที่ 2 นะครับก็จะมีเส้นประสาทอีก
00:08:12 → 00:08:14 เส้นนึงนะครับที่วิ่งตรงไปที่กล้ามเนื้อ
00:08:14 → 00:08:17 หัวใจโดยตรงโดยสมองเนี่ยจะสั่งนะครับให้
00:08:17 → 00:08:20 กล้ามเนื้อหัวใจมันมีตัวแรงขึ้นผลก็คือ
00:08:20 → 00:08:22 หัวใจเนี่ยเขาจะบีบเหลือแต่ละครั้งนั้น
00:08:22 → 00:08:24 ด้วยกำลังและที่มากขึ้นนะครับแล้วเลือก
00:08:24 → 00:08:27 ที่ถูกบีบออกไปเนี่ยจะมีปริมาณเลือดเนี่ย
00:08:27 → 00:08:30 ที่มากกว่าปกติซึ่งผลก็คือทำให้คนนั้น
00:08:30 → 00:08:33 เลือกเพิ่มขึ้นเช่นกันอันนี้ก็เป็น 2 คำ
00:08:33 → 00:08:35 สั่งหลักๆนะครับที่สมองส่งไปที่หัวใจนะ
00:08:35 → 00:08:37 ครับคราวนี้มาดูสิ่งที่สมองสั่งผลิตเส้น
00:08:38 → 00:08:40 เลือดแดงกันบ้างคืออย่างที่เราเคยคุยไป
00:08:40 → 00:08:42 ก่อนหน้านะครับว่าในร่างกายของเราเนี่ย
00:08:42 → 00:08:44 มันจะมีเส้นเลือดอยู่หลายประเภทด้วยกัน
00:08:44 → 00:08:46 แล้วในเสื้อหลายประเภทนะครับจะมีเส้น
00:08:46 → 00:08:48 เลือดประเภทหนึ่งที่ผนังของเส้นเลือด
00:08:48 → 00:08:50 เนี่ยทำหรือกล้ามเนื้อนะครับสมองมันก็
00:08:50 → 00:08:52 สั่งงานไปที่กล้ามเนื้อของเส้นเลือดเหล่า
00:08:52 → 00:08:55 นี้นะครับซึ่งเป็นเส้นเลือดแดงนะครับก็
00:08:55 → 00:08:58 คือสั่งให้กล้ามเนื้อมันมีการหดตัวเมื่อ
00:08:58 → 00:09:00 กล้ามเนื้อของเส้นเลือดหดตัวนะครับตัว
00:09:00 → 00:09:03 ชื่อหลอดเลือดมันก็จะติดแคบลงแล้วแสดง
00:09:03 → 00:09:06 จำนวนพวกนี้นะครับจำนวนมากมันติดแค่ตรง
00:09:06 → 00:09:07 พร้อมๆกันเนี่ยมันก็เหมือนท่อน้ำที่มี
00:09:07 → 00:09:10 ขนาดเล็กลงซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะทำให้ความ
00:09:10 → 00:09:12 ดันภายในท่อเนี่ยเดี๋ยวความดันเลือดของ
00:09:12 → 00:09:15 ร่างกายเราและเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคนๆเพิ่ม
00:09:15 → 00:09:17 สูงขึ้นเนี่ยผลคือเลื่อนก็จะพุ่งได้แรง
00:09:17 → 00:09:20 ขึ้นทำให้สามารถไปทิ้งโอยั๊วะเพราะที่
00:09:20 → 00:09:24 อยู่ไกลๆแล้วอยู่ไปป้ายดีขึ้นโดยสรุปนะ
00:09:24 → 00:09:26 ครับจะเห็นว่าสมองได้จัดการกับปัจจัยหลัก
00:09:26 → 00:09:28 ๆที่เราเคยคุยกันไปในพิสูจน์ก่อนหน้านะ
00:09:28 → 00:09:31 ครับ 3 ปัจจัยด้วยกันก็ได้แก่เรื่องของ
00:09:31 → 00:09:34 อัตราการเต้นหัวใจนะครับใจเนื้อเต้นเร็ว
00:09:34 → 00:09:37 ท่านชายแค่ไหนอันที่สองก็คือเรื่องของแรง
00:09:37 → 00:09:39 บีบของหัวใจนะครับก็คือทำให้หัวใจบีบตัว
00:09:39 → 00:09:42 แรงขึ้นอันที่ 3 คือทำไม่ใช่เล่นกดตัว
00:09:42 → 00:09:45 ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยเนี่ยทำงานร่วมกันก็จะ
00:09:45 → 00:09:47 ช่วยเพิ่มความดันเลือดของร่างกายเราให้
00:09:47 → 00:09:49 เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วคราวนี้นะครับ
00:09:49 → 00:09:51 เราจะดูการแก้ปัญหาความดันเลือดต่ำแบบที่
00:09:51 → 00:09:54 ช้ากว่ากันบ้างนะครับการตัดสมบัติที่ช้า
00:09:54 → 00:09:57 กว่านี้นะครับว่าจะตอบสนองช้ากว่าจะมีผล
00:09:57 → 00:09:59 ที่นานกว่าเพื่อจะบอกว่าเป็นการแก้ปัญหา
00:09:59 → 00:10:02 ที่และมีความยั่งยืนกว่าก็ได้นะครับวิธี
00:10:02 → 00:10:04 การนี้คือสมองจะสั่งงานไปที่เอาไว้วัน
00:10:04 → 00:10:08 อื่นเอาไว้ว่าสำคัญที่สมองสั่งงานไปก็คือ
00:10:08 → 00:10:11 ต่อมหมวกไตคำถามว่าคือต่อมหมวกไตคืออะไร
00:10:11 → 00:10:13 แต่หมวกไตนะครับมันเป็นอวัยวะเล็กๆนะครับ
00:10:13 → 00:10:17 ที่ตอบก็จะบอกว่าดูที่ทำบนของไตแต่ละข้าง
00:10:17 → 00:10:19 นะครับก็คือตรงตามชื่อเลยก็คือว่ามันอยู่
00:10:19 → 00:10:22 ข้างบนมันก็ว่าเป็นหมวกของไตทานที่ความ
00:10:22 → 00:10:25 รูปร่างของมันเนี่ยก็คือคล้ายๆหมดนะครับ
00:10:25 → 00:10:28 แล้วจะมองว่าเป็นลักษณะโค้งๆรูปสระอิอิจะ
00:10:28 → 00:10:31 ได้เข้าใจอีที่บนไปก็เลยนิยมเล่นกันว่า
00:10:31 → 00:10:33 เป็นต่อมหมวกไตนะครับภาษาอังกฤษจะรู้ว่า
00:10:33 → 00:10:36 รู้นอกแลนด์ไอ้ตัวเอาไว้ว่านี้นะครับมาดู
00:10:36 → 00:10:39 นอกแล้วก็จะอยู่สองข้างซ้ายและข้างขวาที่
00:10:39 → 00:10:41 นี่ในแง่ของตัวต่อบล็อกไปเนี่ยมันก็บอก
00:10:41 → 00:10:43 ว่าเหมือนเป็นอวัยวะที่เหมือนกับเหมือน 2
00:10:43 → 00:10:45 อวัยวะอยู่ด้วยกันนะครับก็คือเหมือนกับ
00:10:45 → 00:10:49 ออกมันซ้อนกันอยู่สองชั้นถ้าจะให้นึกภาพ
00:10:49 → 00:10:51 จะนึกภาพเหมือนเป็นกะหรี่ปั๊บก็ได้นะครับ
00:10:51 → 00:10:53 ก็คือว่าตัวกระหรี่ปั๊บมันจะมีเปลือกข้าง
00:10:53 → 00:10:56 นอกเป็นแป้งแข็งถูกไหมครับแล้วก็มีไส้ที่
00:10:56 → 00:10:58 อยู่ชั้นไหนอันนี้ก็เหมือนกันเอาตัวนี้นก
00:10:58 → 00:11:00 แทนก็จะมีลักษณะไม่มีเปลือกคะแล้วก็มี
00:11:00 → 00:11:04 เซลล์ที่ว่างในซึ่งทำไมถึงบอกว่ามันแบ่ง 2
00:11:04 → 00:11:06 ชั้นอย่างนี้เพราะว่าสองชั้นเนี่ยชั้นนอก
00:11:06 → 00:11:11 ชั้นในเนี่ยมันทำงานต่างกันในตอนนี้เราจะ
00:11:11 → 00:11:12 โฟกัสไปที่เนื้อด้านในของต่อมหมวกไตก่อน
00:11:13 → 00:11:15 นะครับแล้วเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงเปลือกข้าง
00:11:15 → 00:11:17 นอกอีกทีหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อควร
00:11:17 → 00:11:19 เลือกต่ำคือว่าสมองเนี่ยะจะไม่ครับส่งไฟ
00:11:19 → 00:11:22 ฟ้าลงมานะครับส่งสั่งมาผ่านใช่ประสาท
00:11:22 → 00:11:25 เนี้ยมาที่ตัวเนื้อด้านในของต่อมหมวกไต
00:11:25 → 00:11:28 ที่นี่เมื่อตัวเนื้อด้านในนะครับของจะบอก
00:11:28 → 00:11:30 ใดมาได้สัญญาณไฟฟ้ามาเนี่ยมันก็จะตอบสนอง
00:11:30 → 00:11:33 ด้วยการปล่อยสารเคมีเอามา 2 ตัวด้วยกันนะ
00:11:33 → 00:11:35 ครับซึ่งเป็นสารเคมีที่ต้องบอกว่าเป็น
00:11:35 → 00:11:37 ชื่ออะไรคนเคยได้ยินชื่อนะครับตัวนึงนะ
00:11:37 → 00:11:39 ชื่อว่าน้อยไปในฟรีนะครับพี่ตัวนั้นชื่อ
00:11:39 → 00:11:42 ว่าแฮปปี้หน้าฟรีนซึ่งสารเคมีทั้งสองตัว
00:11:42 → 00:11:44 นี้เป็นสารเคมีที่หรือว่าค่อนข้างสำคัญนะ
00:11:44 → 00:11:46 ครับแล้วก็ถ้าเป็นไปได้อยากให้จำนะครับ
00:11:46 → 00:11:49 เพราะว่ามันเป็นสารเคมีชุดตัวหนึ่งที่ใน
00:11:49 → 00:11:51 วันหน้าถ้าเราคือเรื่องของอาการแพ้นะครับ
00:11:51 → 00:11:53 เช่นแพ้ที่บอกว่าแพ้ยาจนเสียชีวิตเนี่ย
00:11:53 → 00:11:56 ตัวอย่างพวกทั้งคู่นี้นะครับเป็น f e
00:11:56 → 00:11:58 เนี่ยมันก็เป็นตัวที่สามารถใช้รักษาและทำ
00:11:58 → 00:12:00 ให้ผู้ป่วยในรอดชีวิตได้ดีหรืออย่างเวลา
00:12:00 → 00:12:03 ที่เราดูหนังนะครับหรือว่าที่ได้ยินว่ามี
00:12:03 → 00:12:05 คนเปิดหนักแล้วก็กับ 7 เสียชีวิตแล้วก็มี
00:12:05 → 00:12:07 การปั๊มหัวใจเนี่ยก็จะมีการใช้ยากลุ่มนี้
00:12:07 → 00:12:10 นะครับมาฉีดให้กับผู้ป่วยได้ด้วยนะครับจะ
00:12:10 → 00:12:13 เป็นฟรีเนี่ยเพื่อไปช่วยกระตุ้นหัวใจหัว
00:12:13 → 00:12:15 ใจมันสามารถเลือกเต้นได้นะครับแล้วในวัน
00:12:15 → 00:12:18 นั้นเราคงได้พูดถึงยา 2 ตัวคอัพสารเคมี 2
00:12:18 → 00:12:21 คนนี้ในบทบาทนี้อีกทีนะครับตอนนี้ก็เลย
00:12:21 → 00:12:23 มันก็อยากจะให้ฟังชื่อนะครับก็ถ้าใครจะ
00:12:23 → 00:12:25 ได้ก็ดีนะครับหรือถ้าใครชื่อว่ายังไม่
00:12:25 → 00:12:28 คุ้นเคยนะคะให้ฟังเป็นๆไว้ก่อนที่ 3 ตัว
00:12:28 → 00:12:30 นี้นะครับมันไปช่วยให้ความดันในเพิ่มขึ้น
00:12:30 → 00:12:32 ได้ยังไงหลักๆเลยนะครับมันก็จะทำหน้าที่
00:12:32 → 00:12:36 เหมือนอย่างที่สมองทำไปก็คือว่าจากแรกคือ
00:12:36 → 00:12:38 เราไปทำให้คนใจเต้นเร็วขึ้นนะครับอย่าง
00:12:38 → 00:12:41 ที่ 2 ก็คือจะทำให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้น
00:12:41 → 00:12:44 อย่างที่สามคือมันจะทำให้เสื้อแดงคนตัว
00:12:44 → 00:12:46 เล็กลงทั้งหมดนี้นะครับจะช่วยให้ความดัน
00:12:46 → 00:12:48 เลือดเพิ่มขึ้นได้เรื่อยพูดง่ายๆก็คือว่า
00:12:48 → 00:12:52 มันก็ทำให้คล้ายกับที่สมองเนี่ยสั่งคนใจ
00:12:52 → 00:12:54 ไปด้วยระบบไฟฟ้าโดยตรงนะครับเหมือนที่เรา
00:12:54 → 00:12:56 ควรจะไปเกาะหน้าเพียงแต่ว่าการทำงานของ
00:12:56 → 00:12:58 ต่อมหมวกไตเนี่ยมันจะออกฤทธิ์ช้ากว่าหรือ
00:12:58 → 00:13:00 จะมองว่า
00:13:00 → 00:13:03 มารับช่วงต่อก็ได้ก็คือว่าหัวใจสมองใน
00:13:03 → 00:13:05 สั่งโดยตรงไปเกาะนะครับที่ใจโดยตรงนั้นใน
00:13:05 → 00:13:07 เวลาต่อมาสารเคมีพรุ่งนี้ก็เหมือนก็ไปรับ
00:13:07 → 00:13:10 ช่วงต่อแล้วก็รับงานต่อแล้วก็ช่วยให้กัน
00:13:10 → 00:13:13 ก็สิ่งดำเนินต่อไปได้ทำยังไม่จบเท่านี้นะ
00:13:13 → 00:13:16 ครับตอบหมวกไตเนี่ยยังทำอย่างอื่นด้วยแต่
00:13:16 → 00:13:19 จะเข้าใจอีกคนไก่นึงนะครับเราไปเริ่มที่
00:13:19 → 00:13:23 ไต่เกาะนที่นี่ไปเกี่ยวข้าวยังไงคลี่นี้
00:13:23 → 00:13:25 ครับเมื่อร่างกายเรามีความดันเลือดต่ำลง
00:13:25 → 00:13:28 นะครับไปเนี่ยมันจะรับรู้และสามารถตอบ
00:13:28 → 00:13:30 สนองได้เพราะอะไรเพราะว่าไตเป็นอวัยวะที่
00:13:30 → 00:13:34 ต่อค่อนข้างไวต่อความดันเลือดเหมือนกันนะ
00:13:34 → 00:13:36 ครับเหมือนกับสมองหมายความว่าถ้ามีการ
00:13:36 → 00:13:38 เปลี่ยนแปลงของความดันเลือดเนี่ยไปเนี่ย
00:13:38 → 00:13:41 จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากธรรมะเกินไปน
00:13:41 → 00:13:44 ไปก็แย่ถ้าความดันเลือดน้อยเกินไปเนี่ย
00:13:44 → 00:13:47 ตายก็จะแย่เหมือนกันซึ่งอาจจะเลวร้ายถึง
00:13:47 → 00:13:50 ขั้นเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ดังนั้นนะ
00:13:50 → 00:13:53 ครับด้วยความที่ไปในไวต่อความดันมากมันก็
00:13:53 → 00:13:55 เลยมีคนไกลเนี่ยมันก็ธรรมชาติออกแบบให้ไป
00:13:55 → 00:13:57 นี้คนใครที่คอยจะดูแลความดันเลือดอยู่
00:13:57 → 00:14:01 ด้วยที่นี่ชื่อของกลไกคำตอบวิธีการที่ไต่
00:14:01 → 00:14:03 มาดูแลเรื่องของความดันเนี่ยมันจะค่อน
00:14:03 → 00:14:05 ข้างยาวนิดนึงนะครับชื่อมันคือ When in
00:14:05 → 00:14:09 Ten cirrhosis เต็มนะครับอาจจะเรียกย่อ
00:14:09 → 00:14:12 นะครับว่าเป็น r a s นะครับชื่อมันฟัง
00:14:12 → 00:14:15 ดูยาวนะครับเหมือนกันจะจำยากแต่ว่าจริงๆ
00:14:15 → 00:14:18 แต่ตัวแต่ละชื่อในมันคือชื่อของสารเคมี
00:14:18 → 00:14:20 ที่สำคัญนะครับก็มีเวรดินนะครับอ๋อ
00:14:20 → 00:14:24 แอนด์โจเทนซินอัลโดสเตอโรนแล้วก็ System
00:14:24 → 00:14:26 นะครับเราจะไปดูกันนะครับที่ละตัว 3 ตัว
00:14:26 → 00:14:29 นี้นะครับว่ามันทำหน้าที่อะไรแล้วไม่ว่า
00:14:29 → 00:14:31 ชื่อมันจะยาวนะครับแต่ผมก็อยากจะพูดชื่อ
00:14:31 → 00:14:33 ให้ฟังนะครับเพราะว่าทั้ง 3 ตัวนำมาเป็น
00:14:33 → 00:14:36 สารเคมีที่สำคัญของร่างกายนะครับแล้วก็ใน
00:14:36 → 00:14:39 พวกยาลดความดันต่างๆที่นิยมใช้กันมาก
00:14:39 → 00:14:42 เนี่ยมันก็เกี่ยวข้องกับสารเคมี 3 ตัวนี้
00:14:42 → 00:14:44 ก็คืออย่างน้อยก็คืออยากจะพูดให้ฟังอย่าง
00:14:44 → 00:14:47 น้อยก็ผ่านหัวไว้นะครับจะไม่ได้ไม่เป็นไร
00:14:47 → 00:14:49 นะครับแต่อย่างน้อยก็ถือว่าเคยเหมือนกับ
00:14:49 → 00:14:51 ภาณุพันธ์ตาไปสักครั้งนึงนะครับแล้วก็มี
00:14:51 → 00:14:53 โอกาสนะครับที่เราจะมาคุยเรื่องนี้กัน
00:14:53 → 00:14:54 ใหม่โดยเฉพาะที่เราคุยเรื่องของการทำงาน
00:14:54 → 00:14:57 ของไตโอเคครั้งนี้เรามาดูนะครับว่าไอ้
00:14:57 → 00:15:00 ระบบนี้นะครับอะไรในชุด We Are Not
00:15:00 → 00:15:02 slow เนี่ยมันทำงานยังไง
00:15:02 → 00:15:04 เรามาเริ่มจากคำถามว่าระบบเนี่ยบรรทุก
00:15:04 → 00:15:07 กระตุ้นให้เริ่มต้นทำงานยังไงนะครับเพราะ
00:15:07 → 00:15:10 ว่าถ้าเรามีอันนี้เป็นเข้าไฟฟ้านะครับเรา
00:15:10 → 00:15:12 ก็มาดูว่ามันเปิดสวิตซ์ยังไงนะครับเปิด
00:15:12 → 00:15:14 สวิตซ์ชอนได้ยังไงปกตินะครับในเส้นเลือด
00:15:14 → 00:15:16 แดงที่เข้าไปเลี้ยงไปเนี่ยมันจะมีเซลล์
00:15:16 → 00:15:19 พิเศษอยู่นะครับเป็นเซลล์ที่เหมือนกับปอ
00:15:19 → 00:15:22 เป็นเซ็นเซอร์นะครับวัดแรงดันที่เข้าไปใน
00:15:22 → 00:15:24 ไตซึ่งตัวเซลล์ที่ทำหน้าที่นี้นะครับจะมี
00:15:24 → 00:15:27 ชื่อเรียกนะคะเป็นชื่อย่อนะครับ jg เซลล์
00:15:27 → 00:15:29 นะครับซึ่งบ่อไม่ต้องจำชื่อก็ได้นะครับ
00:15:30 → 00:15:32 เอาเป็นว่ามันดีเซลกลุ่มนี้อยู่นะครับแต่
00:15:32 → 00:15:34 เซลล์นี้มันจะต่างจากเซลล์เซ็นเซอร์ที่
00:15:34 → 00:15:36 วัดความดันที่เราคุยกันไปก่อนหน้าเพราะ
00:15:36 → 00:15:38 อะไรเพราะว่าเซลล์ก่อนหน้านั้นแล้วบอกว่า
00:15:38 → 00:15:41 มันเพราะบันไดสัญญาณมันรู้นั้นวัดความดัน
00:15:41 → 00:15:43 เสร็จปุ๊บมันจะส่งสัญญาณวิธีสมองแต่
00:15:43 → 00:15:45 จีเซลล์เดี๋ยวมันไม่ได้ส่งสัญญาณขึ้นไป
00:15:45 → 00:15:47 ที่สมองแต่ว่ามันจะมากับรับรู้ทิศไปแล้ว
00:15:47 → 00:15:53 ก็ส่งสัญญาณไปที่ไปโดยถ้ามันวัดนะครับ
00:15:53 → 00:15:55 แล้วพบว่าแรงดันเลือดที่มาที่ตายเนี่ยมัน
00:15:55 → 00:15:57 มีแรงดันที่ต่ำลงหรือว่าคงจะเลือกมันไม่
00:15:57 → 00:16:00 ค่อยพอนะครับหรือว่าเลือดมาเขาที่ตายน้อย
00:16:00 → 00:16:02 แต่มันจะส่งสัญญาณนะครับไปที่เซลล์อีก
00:16:02 → 00:16:04 ชนิดนึงนะครับเป็นเสียงพิเศษที่อยู่ในไต
00:16:04 → 00:16:07 นะครับอยู่ในเนื้อไตให้หลั่งสารที่มีชื่อ
00:16:07 → 00:16:10 ว่าเวรดินออกมาจะได้คำถามต่อไปก็คือว่า
00:16:10 → 00:16:13 เน้นดีนะคืออะไรเรียนนี่มันเป็นเอนไซม์
00:16:13 → 00:16:16 ชนิดนี้นะครับเป็นสารพวกโปรตีนนะครับที่
00:16:16 → 00:16:18 อ๊อฟหลังออกมาเพื่อ
00:16:18 → 00:16:22 ขึ้นอย่างนี้ครับปกติในร่างกายในเรื่อง
00:16:22 → 00:16:23 ของเราเนี่ยมันจะรีบโปรตีนอยู่ตัวนึงนะ
00:16:23 → 00:16:25 ครับไหลเวียนอยู่นะครับชื่อว่าแองเจล
00:16:25 → 00:16:28 เทนซินโอเช่นนะครับให้เจิด antigen เวย์
00:16:28 → 00:16:31 โปรตีนที่สร้างขึ้นมาจากตับจากนั้นพระตับ
00:16:31 → 00:16:32 สร้างขึ้นมาเข้าไปข้างในกระแสเลือดแล้วก็
00:16:32 → 00:16:35 ไหลเวียนอยู่เรื่อยๆโดยที่ตัวแองโจ
00:16:35 → 00:16:36 Shenzhen เนี่ยมันยังไม่ได้ทำงานอะไร
00:16:36 → 00:16:39 ทั้งสิ้นนะครับแต่เมื่อไตเนี่ยหลังเมนท์
00:16:39 → 00:16:41 อินเออกมาเป็นๆว่าจะทำหน้าที่เป็นเอนไซม์
00:16:41 → 00:16:44 ที่จะมาเหมือนครับตัดโมเลกุลของ I O
00:16:44 → 00:16:47 เท็นโซเจนซึ่งการตัดโมเลกุลของสารตัวนี้
00:16:47 → 00:16:50 มันเหมือนเป็นการเปิดสวิตซ์ให้ and jonah
00:16:50 → 00:16:52 เนี่ยออกแปลงกายเป็นโมเลกุลเล็กชนิดหนึ่ง
00:16:52 → 00:16:56 ที่มีชื่อสั้นลงนะคะว่าแอนด์โจทินวันนะ
00:16:56 → 00:16:59 ครับก็คือเปลี่ยนชื่อจากเจียวเท็นโซเช่น
00:16:59 → 00:17:02 เป็นอันจบจะเป็นซินวันครับที่พอเห็นวัน
00:17:02 → 00:17:05 ที่ว่าเล็กๆก็เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะได้
00:17:05 → 00:17:07 ว่าถ้ามีเล่นหนึ่งเดี๋ยวก็คงมีเลข 2 ซึ่ง
00:17:07 → 00:17:10 ก็เป็นอย่างนั้นจริงที่นี่จากกันโชว์
00:17:10 → 00:17:12 เท็นโซเช่นที่ไม่ทำอะไรเดี๋ยวพอเปลี่ยน
00:17:12 → 00:17:15 เป็น M เทนซินวันว่าอย่าเวทีวันมันก็ยัง
00:17:15 → 00:17:18 ไม่ได้ทำงานอะไรอยู่ดีนะครับเพราะมันจะ
00:17:18 → 00:17:20 ต้องรอเปิดเหมือนกับเปลี่ยนอีกรอบนะครับ
00:17:20 → 00:17:22 แล้วแปลงไปครอบเนี่ยให้เป็นสารไอ้โจ
00:17:22 → 00:17:25 เทนซิน to หรือว่า at2 นะครับที่นี่ในการ
00:17:25 → 00:17:28 ที่ at1 เดี๋ยวจะแปลงกายเป็น at2 เนี่ย
00:17:28 → 00:17:31 มันจะต้องเดินทางไปที่ปอดเพราะว่าอะไร
00:17:31 → 00:17:33 เพราะว่าตัวเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยน
00:17:33 → 00:17:36 at1 เป็น G2 มันจะอยู่ในเส้นเลือดฝอยที่
00:17:36 → 00:17:38 อยู่ภายในปอดนะครับเป็นทรายตัวนั้นเนี่ย
00:17:38 → 00:17:41 มีชื่อย่อว่า a c e นะครับซึ่งก็ย่อมา
00:17:41 → 00:17:44 จากคำว่าอันโจรเทนซินคอนเวนสายนะครับซึ่ง
00:17:44 → 00:17:46 ก็คือแปลกตรงตามชื่อเลยก็คือว่าตัว
00:17:46 → 00:17:49 Convert ที่ว่าแปลงนะครับก็คือแปลง Angel
00:17:49 → 00:17:52 เทนซินจาก nu เทนซินหนึ่งเป็นโจเทนซิน 2
00:17:52 → 00:17:56 อันนี้จุดที่สำคัญก็คือว่าเมื่อ at2 คัน
00:17:56 → 00:17:59 โยธินซ้อนเต้น 2 ได้เกิดขึ้นเนี่ยสารเคมี
00:17:59 → 00:18:01 ตัวนี้เป็นสารที่ส่งดีมากที่ว่าทรงพลัง
00:18:01 → 00:18:04 มากในก็คือว่ามันเนี่ยออกฤทธิ์แรงมากนะ
00:18:04 → 00:18:07 ครับแล้วมันก็ทำงานเยอะมากคือไปทำงานกับ
00:18:07 → 00:18:10 ที่ไหลอวัยวะเลยแล้วจะก่อให้เกิดการ
00:18:10 → 00:18:13 เปลี่ยนแปลงอย่างมากมายนะครับในร่างกาย
00:18:13 → 00:18:16 ของเราที่นี้เราจะมาดูกันนะครับว่า at2
00:18:16 → 00:18:19 เนี่ยมันทำอะไรบ้างนะครับก็บางส่วนนะครับ
00:18:19 → 00:18:21 ว่าดูว่าหน้าที่นี่มันมีอะไรบ้างอย่างแรก
00:18:21 → 00:18:23 สุดเลยนะครับก็คือตัวเองเร็วเทนซินทรู
00:18:23 → 00:18:26 เนี่ยมันจะเดินทางกลับไปที่ต่อมหมวกไตแต่
00:18:26 → 00:18:28 คราวนี้จะต่างไปไม่บอกว่าต่อบางใจเนี่ย
00:18:28 → 00:18:31 มันถูกกระตุ้นต่อส่วนที่ถูกทำงานเนี่ยมัน
00:18:31 → 00:18:33 จะเป็นส่วนที่อยู่ภายในใช่ไหมครับแต่คราว
00:18:33 → 00:18:36 นี้ตัวเอง zhengzhou เทนซิน 2 เนี่ยโยธิน
00:18:36 → 00:18:38 to เนี่ยมันจะไปกระตุ้นที่ตกเปลือกของ
00:18:38 → 00:18:41 ต่อมหมวกไตและให้มีการสร้างแล้วก็ปล่อย
00:18:41 → 00:18:43 สารเคมีออกมาตัวนึงที่มีชื่อว่า Outdoor
00:18:43 → 00:18:46 Zone Teen S เอารถโซโลนั่นก็คือ 3 ตัว
00:18:46 → 00:18:48 ที่ 3 ใช่ไหมครับที่เราคุยกันไว้กี่ว่า
00:18:48 → 00:18:51 ระบบนี้มันเชื่อเรียนๆโจเทนซินแล้วก็เอา
00:18:51 → 00:18:53 โดนตัวนี้ก็คือตัวสุดท้ายครับตัว R โดน
00:18:53 → 00:18:56 แล้วอ้ะรถ slow เนี่ยมันทำอะไรคำตอบก็คือ
00:18:56 → 00:19:00 โดตัวนี้นะครับมันจะไปที่ไตแล้วมันจะทำ
00:19:00 → 00:19:03 มันก็ไปทำให้ไตเดี๋ยวในการดึงเกลือ
00:19:03 → 00:19:05 โซเดียมเนี่ยกลับเข้ามามากขึ้นหมายความ
00:19:05 → 00:19:08 ว่ายังไงเอามาเค้าปกติเนี่ยเราจะคุ้นเคย
00:19:08 → 00:19:10 ดีช่างวัดไรเนี่ยทำหน้าที่เป็นเครื่อง
00:19:10 → 00:19:13 กรองทองนะครับที่นี่ในการครองหรือปกติมัน
00:19:13 → 00:19:15 จะมีการปล่อยเกลือโซเดียมเนี่ยเอาไปส่วน
00:19:15 → 00:19:17 หนึ่งคำว่าปล่อยออกมาจะว่าจะปล่อยออกไป
00:19:17 → 00:19:21 แล้วก็จะออกไปกับน้ำปัสสาวะแต่ถ้ามีสาร
00:19:21 → 00:19:23 เคมีตัวนี้มานะครับก็เอารถโซโลเนี่ยมันจะ
00:19:23 → 00:19:25 ไม่ไปกระตุ้นให้มีการดึงโซเดียมกลับจาก
00:19:25 → 00:19:27 น้ำปัสสาวะคือน้ำที่จะกลายเป็นน้ำปัสสาวะ
00:19:28 → 00:19:30 เนี่ยกลับเข้ามาในเส้นเลือดอีกครั้งหนึ่ง
00:19:30 → 00:19:32 พรุ่งนี้ขึ้นดึงกลับเข้ามาที่นี่ตัว
00:19:32 → 00:19:35 โซเดียมเนี่ยปกติเนี่ยมันจะไม่มาเปล่ามัน
00:19:35 → 00:19:37 จะดึงน้ำกับมันด้วยเพราะว่าน้ำยาจะมาคู่
00:19:37 → 00:19:39 กับตัวสวัสดีม.มทางนั้นเนี่ยการดึง
00:19:39 → 00:19:42 โซเดียมกลับก็ไม่เป็นการดึงโซเดียมกันน้ำ
00:19:42 → 00:19:44 เนี่ยกลับเข้ามาในเส้นเลือดสิ่งที่เกิด
00:19:44 → 00:19:46 ขึ้นตามมาก็คือเส้นเลือดเนี่ยก็จะมี
00:19:46 → 00:19:48 ปริมาณเกลือและน้ำในเพิ่มขึ้นทำให้ความ
00:19:48 → 00:19:50 ดันเลือดเพิ่มขึ้นตรงนี้นี่เดี๋ยวตอนที่
00:19:50 → 00:19:52 เราคุยกันเรื่องไตเดี๋ยวเดียวกับที่เราจะ
00:19:52 → 00:19:54 คุยเรื่องนี้ให้ฟังอีกทีนะครับเท่ากับใคร
00:19:54 → 00:19:55 รู้สึกว่ามัน
00:19:55 → 00:19:58 ชักจะเยอะไปนะครับก็อาจจะฟังผ่านไปเกาะนะ
00:19:58 → 00:20:00 ครับเดี๋ยวเราควรจะกลับมาคุย 3 วิธีถ้า
00:20:00 → 00:20:02 เราที่คุยไปเนี่ยนะครับก็เป็นการทำงานได้
00:20:02 → 00:20:04 นะครับหรือว่าเป็นหน้าที่แรกของ agile
00:20:04 → 00:20:06 เทนซินทรูแต่มันจะมีหน้าที่อื่นนะครับ
00:20:06 → 00:20:08 อย่างที่สองนะครับอยากเล่าให้ฟังก็คือว่า
00:20:08 → 00:20:11 ตัวเองจนถึงศูนย์ engin เนี่ยมันสามารถ
00:20:11 → 00:20:14 ที่จะไปที่สมองได้ด้วยโดยหลักๆนะคะมันจะ
00:20:14 → 00:20:17 ไปออกฤทธิ์ที่สมองสองทีด้วยกันที่แรกนะ
00:20:17 → 00:20:20 ครับจะไปส่วนที่ที่สมองส่วนที่ว่าต่อมใต้
00:20:20 → 00:20:22 สมองนะครับเรามีชื่อเดิมสักเลยว่าคิดถึง
00:20:22 → 00:20:25 จะ RE Grand นะครับซึ่งสมองส่วนนี้นะ
00:20:25 → 00:20:27 ครับที่เธอริกาในเป็นสว่างส่วนที่สำคัญ
00:20:27 → 00:20:29 เหมือนกันนะครับในตอนที่ผมเล่าเกี่ยวกับ
00:20:29 → 00:20:32 พวกระบบข้อมูลต่างๆของร่างกายนะครับพบ
00:20:32 → 00:20:34 ต่อมไร้ท่อนั้นเราจะได้มาคุยถึงตอนนี้กัน
00:20:34 → 00:20:36 อย่างละเอียดอีกทีนะครับแต่ในตอนนี้เอา
00:20:36 → 00:20:39 เป็นว่าไอ้โจเทนซิน to เนี่ยมันไปที่ต่อม
00:20:39 → 00:20:41 ใต้สมองเซรั่มจะไปกระตุ้นให้มีการหลั่ง
00:20:41 → 00:20:43 ฮอร์โมนว่าตัวนึงนะครับเป็นฮอร์โมนที่มี
00:20:44 → 00:20:46 ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า a d s นะครับ
00:20:46 → 00:20:49 ชื่อ Hormone ตัวนี้ ats เป็นตัวย่อนะ
00:20:49 → 00:20:51 ครับมาจากชื่อเต็มว่า and Anti ด์
00:20:51 → 00:20:53 ยูไนเต็ดคอโมนะครับแอนตี้แลนไทน์เนี่ยมัน
00:20:53 → 00:20:56 แปลว่าต่อต้านคำว่าได้ยูไนเต็ดมันๆเพียง
00:20:56 → 00:20:59 การขับปัสสาวะแต่นั้น Hormone ตัวนี้มัน
00:20:59 → 00:21:01 ก็ตรงน่าเชื่อถือว่ามันเป็นฮอร์โมนที่
00:21:01 → 00:21:04 ต้านการขับปัสสาวะหรือผู้ที่ให้คือมัน
00:21:04 → 00:21:06 เป็นฮอร์โมนที่ดึงน้ำกลับทำให้ปัสสาวะของ
00:21:06 → 00:21:09 เราเนี่ยมันเข้มขึ้นนะครับหรือว่ามีประชา
00:21:09 → 00:21:11 ปัสสาวะน้อยลงซึ่งจะว่าไปแล้วเนี่ยมันก็
00:21:11 → 00:21:14 คล้ายๆกับอะรถโซนที่คุยไปเกาะหน้าถูกไหม
00:21:14 → 00:21:16 ครับก็คือว่าเอาโซโลนั้นดึงเปลือกหลับ
00:21:16 → 00:21:18 เข้ามานะครับทำให้น้ำหนักกับคอลเลคชั่น
00:21:18 → 00:21:20 เลือดด้วยเอเชียเหมือนกันนะครับก็คือจะไป
00:21:20 → 00:21:23 ดึงน้ำกับเข้ามาในเส้นเลือดนะครับเพลงแต่
00:21:23 → 00:21:27 ว่าทั้งสองตัวนะครับทั้ง adsl เทนซิน to
00:21:27 → 00:21:29 เนี่ยมันไปออกฤทธิ์คนละที่กันนะครับเรียก
00:21:29 → 00:21:31 ว่าไหมครับไปที่ใต้เหมือนกันออกซิลิโคน
00:21:31 → 00:21:33 ส่วนการธรรมะทำให้เหมือนกับทำงานเนี่ย
00:21:33 → 00:21:37 เสริมกันที่นี่เมื่อกี้ไอ้เจ้าเช่นทรูนะ
00:21:37 → 00:21:39 ครับเราไปที่ต่อมหมวกไตแล้วนะครับไอ้เจ้า
00:21:39 → 00:21:41 เทนซินทูเนี่ยจะไปออกเลขที่ 1 ก็คือออก
00:21:41 → 00:21:45 ฤทธิ์ในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับเป็นเป็น
00:21:45 → 00:21:47 ส่วนที่ทำให้เรารู้สึกกระหายน้ำนะครับ
00:21:47 → 00:21:49 เมื่อมันไปที่สมองส่วนนี้มันทำให้รู้สึก
00:21:49 → 00:21:51 เราอยากดื่มน้ำนะครับเมื่อเราเดินหน้ามาก
00:21:51 → 00:21:54 ขึ้นเนี่ยน้ำเข้าไปในทางเดินอาหารจากนั้น
00:21:54 → 00:21:56 ๆทำเป็นอาหารก็ถูกดูดซึมเข้าเส้นเลือดก็
00:21:56 → 00:21:59 ทำให้ความดันเรื่องของเราในเพิ่มขึ้นซึ่ง
00:21:59 → 00:22:02 จะช่วยค่ะวันนี้ที่เราจะเดิมเราขาดนั้น
00:22:02 → 00:22:04 อยู่แล้วเราก็ทำให้คันเนี่ยเราเพิ่มขึ้น
00:22:04 → 00:22:06 ได้แต่ถ้าเป็นคนปกติการดื่มน้ำมากยังไม่
00:22:06 → 00:22:08 ได้ทำให้ความดันเพิ่มขึ้นนะครับอันนี้ก็
00:22:08 → 00:22:10 จะทำงานแบบเขาๆนะครับของระบบที่ชื่อว่า
00:22:10 → 00:22:13 when i o เทนซินโดสโลว์นะครับที่นี่ผม
00:22:13 → 00:22:16 อยากจะเห็นภาพหนึ่งว่าจะเห็นว่าการทำงาน
00:22:16 → 00:22:18 เวลาความดันเลือดต่ำลงเรียนเช่นการทำงาน
00:22:18 → 00:22:20 ร่วมกันของหลายอวัยวะนะครับไม่ว่าจะ
00:22:20 → 00:22:23 เรื่องของต่อมหมวกไตนะครับตายนะครับหัวใจ
00:22:23 → 00:22:26 นะครับปอดตับสมองนะครับขอทำงานร่วมกัน
00:22:26 → 00:22:29 เป็นทีนะครับอันนี้เชื่อว่าหลายคนเข้ามา
00:22:29 → 00:22:31 ถึงตรงนี้นะครับจะรู้สึกสงสัยว่าเอ๊ะทำไม
00:22:31 → 00:22:33 ร่างกายของเรานี่มันถึงได้มีระบบที่
00:22:33 → 00:22:35 เหมือนกับซับซ้อนนะครับแล้วก็เหมือนกับ
00:22:35 → 00:22:38 ทลายข้างมันทำงานเหมือนกับซ้ำซ้อนกันจริง
00:22:38 → 00:22:40 ๆก็บอกว่าเนี่ยเป็นลักษณะปกติรถเป็นเป็น
00:22:40 → 00:22:42 รูปแบบไปทำงานของร่างกายเราเลยนะครับถ้า
00:22:42 → 00:22:45 เราศึกษากันไปเรื่อยๆนะครับฟังไปเรื่อยๆ
00:22:45 → 00:22:47 ในระบบต่างๆเราจะเห็นชัดเลยนะคะว่าใคร
00:22:47 → 00:22:49 ขบวนการต่างๆร่างกายเดี๋ยวมันจะมีค่ะทำ
00:22:49 → 00:22:53 งานที่พูดได้ว่ามีการทำทำงาน 3 กันแต่ถ้า
00:22:53 → 00:22:56 มองในอีกแหหนึ่งจะเห็นเป็นระบบที่มันก็มี
00:22:56 → 00:22:58 ปากอัพไว้ตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าถ้ามี
00:22:58 → 00:23:01 บางขั้นตอนเด็กเอ่อท่อสูตรนะครับทำงานได้
00:23:01 → 00:23:03 ไม่สมบูรณ์เนี่ยมันก็จะมีระบบอื่นๆที่คอย
00:23:03 → 00:23:06 ไหมครับทำงานเสริมนะครับหรือว่าคอยป้อง
00:23:06 → 00:23:08 กันไม่ให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นเราทั้ง
00:23:08 → 00:23:10 หมดนี้นะครับก็เป็นเรื่องของการตอบสนอง
00:23:10 → 00:23:12 เมื่อต่อร่างกายของเราและมีความดันเลือด
00:23:12 → 00:23:15 ตกลงคราวนี้เราจะมาดูกันบ้างว่าเมื่อความ
00:23:15 → 00:23:17 ดันเลือดของเราแล้วก็ดีที่คนนั้นเรื่อง
00:23:17 → 00:23:20 ของเราแล้วสูงเกินไปร่างกายของเราในจะตอบ
00:23:20 → 00:23:23 สนองยังไงและแก้ปัญหายังไงซึ่งต้องบอกว่า
00:23:23 → 00:23:24 ทักฟังมาถึงตรงนี้แล้วนะครับที่เหลือจะ
00:23:24 → 00:23:27 ไม่ค่อยยากแล้วเพราะว่าอะไรเพราะว่ากลไก
00:23:27 → 00:23:29 ที่มันแก้ปัญหาคนนั้นเลือกสูงหรือมันจะ
00:23:29 → 00:23:31 ให้คล้ายๆกับที่เราคุยกันไปตอนที่เราคุย
00:23:31 → 00:23:34 เรื่องของคนนั้นเลือกต่ำให้แต่ทำงานตรง
00:23:34 → 00:23:36 กันข้ามกันแล้วก็จะมีระบบเสริมเพิ่มขึ้น
00:23:36 → 00:23:39 อีกเล็กน้อยโอเคเริ่มต้นก็เหมือนเดิมนะ
00:23:39 → 00:23:41 ครับก็คือเริ่มจากว่าว่าตอนล่าสุด Sensor
00:23:41 → 00:23:44 3 ที่ที่เราคุยกันไปนะครับที่ขอข้างซ้าย
00:23:44 → 00:23:46 ข้างขวานะครับแล้วก็ที่จะเลือดออกแต่กาก
00:23:46 → 00:23:49 นะครับมันก็จะรับสัญญานก่อนว่าตอนนี้ควร
00:23:49 → 00:23:51 เลือกเนี่ยสูงไปแล้วนะครับเสร็จแล้วก็จะ
00:23:51 → 00:23:54 ส่งสัญญาณแจ้งที่สมองเพื่อให้รู้ว่าตอน
00:23:54 → 00:23:56 นี้ความดันเลือดสูงเกินไปจากนั้นสมองนะ
00:23:56 → 00:23:58 ครับส่วนที่เป็นการสมองในก็จะมีการสั่ง
00:23:58 → 00:24:01 งานลงมาซึ่งตัวอย่างล่าสุดนะครับก็คือ
00:24:01 → 00:24:03 สั่งงานที่หัวใจโดยตรงก็เหมือนที่เราคุย
00:24:03 → 00:24:05 กันไปเมื่อสักครู่นะครับก็คือสั่งไปที่เอ
00:24:05 → 00:24:07 สเอโหนดครับ AV โหนดแต่คราวนี้จะเป็นการ
00:24:07 → 00:24:10 สักการสั่งบอกให้หัวใจเต้นช้าลงนะครับก็
00:24:10 → 00:24:12 เข้าใจเต้นช้าลงความดันเลือดของเราแล้วก็
00:24:12 → 00:24:15 จะลดลงนิดนึงแต่ความต่างก็คือว่าอ่อนใน
00:24:15 → 00:24:17 กรณีนี้เนี่ยมันจะไม่มีเส้นประสาทที่ไป
00:24:17 → 00:24:19 สั่งที่กล้ามเนื้อหัวใจเพื่อบอกให้หัวใจ
00:24:19 → 00:24:22 เนี่ยมีตัวเบาลงอีกเส้นทางนะครับที่สมอง
00:24:22 → 00:24:24 สั่งงานก็คือสั่งงานไว้ที่เสื้อแดงนะครับ
00:24:24 → 00:24:26 ก็เหมือนเดิมนะครับเมื่อกี้สั่งให้เส้น
00:24:26 → 00:24:29 เลือดแดงเนี่ยกดตัวใช่ไหมครับคราวนี้ใน
00:24:29 → 00:24:32 กับสั่งให้แสดงขยายตัวนะครับก็จะให้ล้อ
00:24:32 → 00:24:34 เลื่อนมีเส้นทางสงกรานต์ในที่ใหญ่ขึ้นนะ
00:24:34 → 00:24:37 ครับคนนั้นเนี่ยก็ลดลงที่นี่นั่งเรือจัด 2
00:24:37 → 00:24:39 คนใจนะครับจะมีคนใจอีกกลไกหนึ่งนะครับที่
00:24:39 → 00:24:42 ค่อนข้างพิเศษก็คือจะมีเซลล์พิเศษอยู่
00:24:42 → 00:24:45 ซึ่งบอกว่าจะทำหน้าที่เหมือนกับเซ็นเซอร์
00:24:45 → 00:24:47 เหมือนกันถ้ามันมีความดันเลือดที่สูงขึ้น
00:24:47 → 00:24:50 นะครับทำให้ผนังหัวใจห้องนั้นมันก็ถูกดัน
00:24:50 → 00:24:53 นะครับให้มันขยายใหญ่ขึ้นเซ็นเซอร์ในเขา
00:24:53 → 00:24:55 จะรับรู้นะครับแล้วก็ทำให้มีการปล่อยข้อ
00:24:55 → 00:24:58 หมดออกมาปล่อยมาจากหัวใจเลยนะครับพอหมด
00:24:58 → 00:25:00 ตัวนี้มีชื่อย่อว่าเอเอ็นพีนะครับก็จะ
00:25:00 → 00:25:03 เข้าไว้เอกเลี่ยวนัดเกรดยูเรติกทักทายนะ
00:25:03 → 00:25:05 ครับเอเชียที่ไปหัวใจห้องบนนะครับออกแบบ
00:25:05 → 00:25:08 ท้ายก็คือบอกว่าสันมลคนตัวนี้มันเป็นสาร
00:25:08 → 00:25:11 พวกแบบถ่ายนะครับเป็นพวกโปรตีนส่วนคำว่า
00:25:11 → 00:25:13 นัด US ติดนะครับคำว่านัดรีน่าจะหมายถึง
00:25:13 → 00:25:16 กลัวโซเดียมนะครับสนยูไนเต็ดก็คือคำที่
00:25:16 → 00:25:18 เราคุยไปเมื่อกี้ก็คือการขับปัสสาวะซึ่ง
00:25:19 → 00:25:21 โดยรวมก็มาดูว่าสารตัวนี้เป็นสารพวก
00:25:21 → 00:25:23 โปรตีนที่ออกมาจากหัวใจของอินทรียนะครับ
00:25:23 → 00:25:27 ทำหน้าที่ขับเกลือออกไปขับปัสสาวะเส้นแน่
00:25:27 → 00:25:28 นอนก็อย่างที่เราคุยกันไปนะครับเพราะมัน
00:25:28 → 00:25:31 ครับเพื่อไป 90 ปัสสาวะสิ่งที่จะตามไปกับ
00:25:31 → 00:25:34 เพราะเกลือก็คือตัวน้ำนะครับก็ทำให้ความ
00:25:34 → 00:25:37 เอามากับน้ำในเลือดเนี่ยมันออกไปเป็นรูป
00:25:37 → 00:25:39 ปัสสาวะมากขึ้นทำให้ความดันในของเราลดลง
00:25:39 → 00:25:42 แต่เอเอ็นพีเนี่ยมันยังออกฤทธิ์คนไกลนะ
00:25:42 → 00:25:44 ครับซึ่งเป็นการที่สำคัญน่าจะสำคัญกว่านะ
00:25:44 → 00:25:47 ครับก็คือว่ามันเป็นตัวที่สามารถตีบล็อก
00:25:47 → 00:25:50 การทำงานของแองเจลเทนซินทูซึ่งก็คือตัว
00:25:50 → 00:25:51 ที่เราเคยจะไปเมื่อกี้นะครับว่าเป็นตัว
00:25:51 → 00:25:53 ที่เหมือนกับออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกายที่นี่
00:25:53 → 00:25:56 อะโยธิน to นี่มันออกหรือที่ไหนเนี่ย Amp
00:25:56 → 00:25:58 ในสามารถในบล็อกได้หมดนะครับซึ่งผลโดยรวม
00:25:58 → 00:26:00 นะครับอัญเชิญ tencent ก็จะทำให้ความดัน
00:26:00 → 00:26:03 เลือดเนี่ยมันเพิ่มขึ้นถูกไหมครับเมื่อ
00:26:03 → 00:26:05 มันโดนบล็อคเนี่ยค่อนเลื่อนมาข้อตกลงนี้
00:26:05 → 00:26:07 ตรงไปตรงมาแล้วนี่ก็คือคนไกลนะครับที่
00:26:07 → 00:26:10 ร่างกายแก้ปัญหาเมื่อคนนั้นนะสูงไปที่นี่
00:26:10 → 00:26:12 ก่อนที่จะจบในโซนนี้นะครับผมอยากจะชี้ให้
00:26:12 → 00:26:15 เห็นนิดนึงนะครับว่าปกติเวลาเราพูดถึงการ
00:26:15 → 00:26:17 ทำงานของร่างกายหลายครั้งเนี่ยเรามีแนว
00:26:17 → 00:26:20 โน้มจะมองว่าร่างกายของเราได้ทำงานแบบแยก
00:26:20 → 00:26:23 ส่วนกันก็คือว่าแต่ระบบทำงานต่อในส่วนของ
00:26:23 → 00:26:26 มันเช่นหัวใจและหลอดเลือดจะทำหน้าที่ปั้ม
00:26:26 → 00:26:28 เลือดเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายนะครับขอ
00:26:28 → 00:26:31 ปอดนะครับไปทำหน้าที่หายใจนะครับขอ
00:26:31 → 00:26:32 เปลี่ยนเลือดแดงเป็นเลือดดำนะครับเพื่อ
00:26:32 → 00:26:35 ออกซิเจนให้กับเลือดทางเดินอาหารกับทำ
00:26:35 → 00:26:37 หน้าที่เรื่องของการอ่อนดูดซึมอาหารครับ
00:26:37 → 00:26:41 ย่อยและดูดซึมอาหารส่วนต่อระบบไปนะครับไป
00:26:41 → 00:26:43 แล้วทั้งทางเดินปัสสาวะในการทำหน้าที่
00:26:43 → 00:26:45 เหมือนกับกรองของเสียแต่จากที่เราคุยกัน
00:26:45 → 00:26:48 ในวันนี้นะครับที่เมื่อเราเห็นการทำงาน
00:26:48 → 00:26:50 ต่างๆรู้จะเห็นว่าร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:26:50 → 00:26:53 ได้ทำงานแยกส่วนคือทำงานเป็นทีมเวิร์คนะ
00:26:53 → 00:26:55 ครับนอกจากนี้ถ้าเราจำกันได้นะครับตอนที่
00:26:55 → 00:26:58 เราคุยกันเรื่องของอ๊อฟภูมิคุ้มกันนะครับ
00:26:58 → 00:27:01 จะเห็นว่าระบบผมนะคะเดี๋ยวจริงมันก็ไม่
00:27:01 → 00:27:04 ได้มีแค่เรื่องของตัวไข่สั่นหลังนะครับจำ
00:27:04 → 00:27:06 ยังเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ต่างๆเต็มไปหมด
00:27:06 → 00:27:08 นะครับที่ได้ที่เรามาตรงนี้เนี้ยเพราะ
00:27:08 → 00:27:10 อะไรเพราะเชื่อว่าหลายคนนะครับอาจจะเคย
00:27:10 → 00:27:13 คุยกับหมอนะครับแล้วก็เหมือนกับตั้งคำถาม
00:27:13 → 00:27:16 นะครับขอที่พักจะเจอกันบ่อยก็คือว่าเวลา
00:27:16 → 00:27:19 จะดูแลหัวใจเนี่ยต้องทำยังไงนะครับเราว่า
00:27:19 → 00:27:21 จากจะดูแลตับเนี่ยต้องทำอะไรบ้างแล้วว่า
00:27:21 → 00:27:24 มีอะไรไหมถ้ากินบำรุงกินและบำรุงไตนะครับ
00:27:24 → 00:27:27 แล้วก็กินอะไรและบำรุงปอดได้บ้างและผม
00:27:27 → 00:27:29 เชื่อว่าหลายคนเนี่ยถามป่ะเนี่ยจะได้รับ
00:27:29 → 00:27:32 คำตอบจากหมอที่เหมือนกับไม่ค่อยต่อถูกใจ
00:27:32 → 00:27:34 สักเท่าไหร่นะครับก็คือหมอมันจะตอบลงไป
00:27:34 → 00:27:36 ว่าก็คือเรื่องของ Lifestyle นะครับก็คือ
00:27:36 → 00:27:38 เรื่องของการกินอาหารที่ดีกับสุขภาพนะ
00:27:38 → 00:27:41 ครับเป็นอาหารที่มีกากใยเยอะขอกินผักผล
00:27:41 → 00:27:43 ไม้เยอะๆลดพวกเนื้อแดงนะครับออกทางไกล
00:27:43 → 00:27:46 เพียงพอนอนหลับเพียงพอแล้วก็เรื่องของ
00:27:46 → 00:27:48 เรื่องออกความเครียดนะครับหาวิธีจัดการ
00:27:48 → 00:27:51 ความเครียดซึ่งจะเป็นคำตอบที่หลายค่ามัน
00:27:51 → 00:27:53 ต่างจากเวลารับฟังจากโฆษณาพวกอาหารเสริม
00:27:53 → 00:27:55 ต่างๆนะครับที่อันนี้บำรุงไตบำรุงตับนี้
00:27:55 → 00:27:57 บำรุงหัวใจนะครับจากที่เราคุยกันวันนี้นะ
00:27:57 → 00:28:00 ครับหรือเข้าใจการทำงานของร่างกายแบบ
00:28:00 → 00:28:01 เหมือนกับที่เราคุยกันนะครับว่าคือเข้าใจ
00:28:01 → 00:28:04 ทำงานแบบองค์รวมเนี่ยจะเห็นว่าจริงๆร่าง
00:28:04 → 00:28:06 กายมันไม่ได้ทำงานแบบแยกส่วนมันทำให้ไม่
00:28:06 → 00:28:08 สามารถจะบอกได้นะคะว่าอ้ะทำแบบนี้เราจะดี
00:28:08 → 00:28:10 กับหัวใจโดยเฉพาะนะครับแล้วก็คิดอันนี้
00:28:10 → 00:28:12 เราจะดีกับตับโดยตรงแต่ในความเป็นจริงก็
00:28:12 → 00:28:14 คือว่าอะไรก็ตามนะครับที่มันดีกับหัวใจ
00:28:14 → 00:28:17 มันจะดีกับสมองไปด้วยดีกับตับไปด้วยดีกับ
00:28:17 → 00:28:19 ไปไปด้วยนะครับแล้วก็ดีกับบอทไปด้วยด้วย
00:28:19 → 00:28:22 เหตุนี้นะครับเวลาหมอนะส่วนใหญ่เวลาแนะนำ
00:28:22 → 00:28:24 เกี่ยวสุขภาพจริงจังมากจึงให้คำแนะนำแบบ
00:28:24 → 00:28:26 บางๆนะครับเป็นที่บอกไปคือเป็นหลายสไตล์
00:28:26 → 00:28:29 นะครับเศร้าในพี่ Sony ก็คงจะมีเท่านี้นะ
00:28:29 → 00:28:31 ครับแต่ซีรีย์นี้เรายังไม่จบนะครับในปี
00:28:31 → 00:28:33 โสดหน้านะครับในจากเลยจะประมาณซัก 2-3
00:28:33 → 00:28:35 ได้ไปสวรรค์เนี่ยที่เราจะไปคุยกันนะครับ
00:28:35 → 00:28:37 คือเราจะนำความรู้ที่เราคุยกันมานะครับ
00:28:37 → 00:28:40 เกี่ยวอะเรื่องของการทำงานหัวใจและหลอด
00:28:40 → 00:28:43 เลือดเนี่ยไปทำความเข้าใจนะครับเดี๋ยวเรา
00:28:43 → 00:28:45 กลับต่างๆที่พบได้บ่อยหลักๆก็เช่นเรื่อง
00:28:45 → 00:28:47 ของเส้นเลือดหัวใจตีบตันนะครับเราเข้าใจ
00:28:47 → 00:28:50 ขาดเลือดนะครับขอเรื่องของภาวะที่เรียก
00:28:50 → 00:28:52 ว่าภาวะหัวใจวายนะครับจะไปดูว่าไอ้ควรจะ
00:28:52 → 00:28:55 วายมันคืออะไรนะครับแล้วก็เรื่องของภาวะ
00:28:55 → 00:28:59 ช็อกนะครับว่าเขาช็อคในทางการแพทย์มันคือ
00:28:59 → 00:29:01 อะไรนะครับว่ามันเป็นภาวะที่พบได้ค่อน
00:29:01 → 00:29:03 ข้างไวเหมือนกันแล้วเรามาเจอกันใหม่ในพี่
00:29:03 → 00:29:05 โสดหน้านะครับสวัสดีครับ
00:29:05 → 00:29:15 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:02 ขอฝันดีนะครับวันนี้นะครับก็จะเป็นตอนที่
00:00:02 → 00:00:04 4 นะครับขอเสรีที่เราคุยกันมานะครับ
00:00:04 → 00:00:07 เรื่องของหัวใจและหลอดเลือดนะครับวันนี้
00:00:07 → 00:00:09 เรื่องจะคุยกันในเรื่องของความดันเลือด
00:00:09 → 00:00:11 ครับจะเป็นอย่างนี้ของกันที่วัดค่าความ
00:00:11 → 00:00:13 ดันเลือดของเราเรียนมากไปน้อยไปในร่างกาย
00:00:13 → 00:00:16 ของเราน่าจะตอบสนองและแก้ปัญหาขอละดึง
00:00:16 → 00:00:18 ความดันเลื่อนให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้ยัง
00:00:18 → 00:00:21 ไงแต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเรื่องของใน
00:00:21 → 00:00:23 พิเศษนี้นะครับผมอยากจะขอเล่าย้อนกลับไป
00:00:24 → 00:00:25 ถึงเรื่องที่เราคุยกันเป็นพิสูจน์กันก่อ
00:00:25 → 00:00:28 สร้างนิดนึงนะครับสั้นๆเร็วๆนะครับมาทุก
00:00:28 → 00:00:30 คนจำกันได้นิดนึงนะครับเผื่อใครนะลืมไป
00:00:30 → 00:00:32 แล้วนะครับจะได้เกิดความต่อเนื่องนะครับ
00:00:32 → 00:00:34 ใน Episode ได้นะครับเราคุยกันถึงภาพรวม
00:00:34 → 00:00:37 ของๆนะครับของระบบหัวใจและหลอดเลือดว่ามี
00:00:37 → 00:00:40 โครงสร้างปรับได๋คือเราบอกว่ามันเวรครับ
00:00:40 → 00:00:42 มันมีสองอยู่วงจร 2 วงจรด้วยกันนะครับพวง
00:00:42 → 00:00:45 นึงเนี่ยก็ทำหน้าที่เป็นปั๊มโดยที่จะปั้ม
00:00:45 → 00:00:46 เลือดแดงเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายแล้วก็
00:00:46 → 00:00:49 วนกลับเข้ามาหัวใจใหม่แล้วไอ้วงเลยนะครับ
00:00:49 → 00:00:52 จะเป็นวงที่ที่ปั้มเลือดดำนะครับไปที่
00:00:52 → 00:00:55 ผ่านปอดนะครับก็เป็นเลขแดงเท่ากับเข้าใจ
00:00:55 → 00:00:57 ใหม่ด้วยทั้งสองวงนี้นะครับก็เหมือนเป็น
00:00:57 → 00:00:59 วงที่แยกจากกันเลยนะครับจะใช้ปั๊มคนละตัว
00:00:59 → 00:01:01 ก็คือเนื้อผงข้างซ้ายเนี่ยจะใช้หัวใจข้าง
00:01:01 → 00:01:04 ซ้ายเป็นเป็นปั๊มนะครับผมข้างขวาจะใช้หัว
00:01:04 → 00:01:07 ใจข้างขวาได้เป็นตามแต่หัวใจเนี่ยที่รวม
00:01:07 → 00:01:09 กันเป็นเป็นการเดียวกันนะครับก็เหมือนกับ
00:01:09 → 00:01:11 ปั๊ม 2 ตัวที่มาอยู่คู่กันเพื่อให้เกิด
00:01:11 → 00:01:14 การทำงานที่ประสานกันใน Episode ที่สองนะ
00:01:14 → 00:01:17 ครับเรา Focus ไปที่ตัวหัวใจเราคุยกันไป
00:01:17 → 00:01:19 ว่าหัวใจของเราเนี่ยแต่ได้ยังไงระบบไฟฟ้า
00:01:19 → 00:01:22 ของหัวใจเนี่ยมันทำงานยังไงเราก็ทำความ
00:01:22 → 00:01:24 รู้จักกับสิ่งที่ได้ว่า SA โหนดนะครับ
00:01:24 → 00:01:27 ซึ่งก็เหมือนเป็นตัวกำหนดไฟฟ้าแล้วก็คอ
00:01:27 → 00:01:30 ยิงไฟฟ้าเนี่ยออกมาแล้วก็ไปที่ห้องหัวใจ
00:01:30 → 00:01:34 ด้านบนก็ทำให้คนใจห้องบนเนี่ยเต้นได้และ
00:01:34 → 00:01:36 เราก็ได้รู้จักกับคำว่า AV โหนดนะครับ
00:01:36 → 00:01:38 ซึ่งก็เหมือนเป็นตัวตัวกำเนิดไฟฟ้านะครับ
00:01:38 → 00:01:41 หัวใจห้องล่างซึ่งก็คุยกันไปว่ามันมันก็
00:01:41 → 00:01:43 เป็นตัว Backup นะครับกรณีที่ไฟด้านบนยัง
00:01:43 → 00:01:46 ไม่มาก็จะห้องล่างนี้ก็ยังสามารถที่จะ
00:01:46 → 00:01:48 หยิบตัวต่อไปได้แล้วแล้วพี่โสดที่ 3 นะ
00:01:48 → 00:01:50 ครับแล้วก็จบที่แล้วนะครับแล้วก็คุย
00:01:50 → 00:01:52 เรื่องของความดันเลือดกันนะครับโดยที่เรา
00:01:52 → 00:01:54 ไปดูว่าความดันเลือดมันคืออะไรนะครับแล้ว
00:01:54 → 00:01:57 ก็มันมีหน้าที่อะไรชอบในวันนี้นะครับแต่
00:01:57 → 00:01:59 ที่ส่วนที่ 4 ตอนที่ 4 นะครับก็จะมาคุย
00:01:59 → 00:02:01 เรื่องของความดันผู้สอนครับด้วย 6 ค่อย
00:02:01 → 00:02:04 ของวันของวันนี้นะครับเราจะมาโฟกัสว่าถ้า
00:02:04 → 00:02:06 เกิดความดันอย่างมันเกิดมากเกินไปแล้ว
00:02:06 → 00:02:09 น้อยเกินไปร่างกายของเราในจะตอบสนองหรือ
00:02:09 → 00:02:11 ว่าแก้ปัญหานี้ยังไงเพื่อให้ความดันกลับ
00:02:11 → 00:02:13 เข้าสู่ภาวะปกติโอเคผมอยากจะขอเริ่มต้น
00:02:14 → 00:02:16 ที่ปัญหาความดันเลือดต่ำกันก่อนนะครับคือ
00:02:16 → 00:02:18 ถ้าความดันด้วยของเราเนี่ยต่ำผิดปกติ
00:02:18 → 00:02:21 เนี่ยร่างกายในจะต่อสองอย่างไรบ้างมันจะ
00:02:21 → 00:02:23 แก้ปัญหาอย่างไรเราถ้าเราเข้าใจเรื่องของ
00:02:23 → 00:02:26 คนไกลของความดันเลือดต่ำนะครับมันจะช่วย
00:02:26 → 00:02:28 ให้เข้าใจเรื่องของการอ่อนเรื่องของความ
00:02:28 → 00:02:30 เป็นเลือดสูบเนื้อได้ง่ายขึ้นเพราะว่ากล
00:02:30 → 00:02:32 ไกที่มันใช้เนี่ยมันก็คล้ายๆกันนะครับ
00:02:32 → 00:02:34 เป็นคนใจเดียวกันอาจจะมีต่างกันเล็กน้อย
00:02:34 → 00:02:36 โอเคเรามาเริ่มจากนิยามอันก่อนนะครับเวลา
00:02:36 → 00:02:38 เราพูดถึงคนนั้นเลือกตามแล้วมันหมายถึง
00:02:38 → 00:02:40 อะไรโดยทั่วไปนะครับตัวเลขที่ถือว่าความ
00:02:40 → 00:02:44 ดันเลือดต่ำก็คือจะใช้ประมาณ 90 60 มี
00:02:44 → 00:02:46 เม็ดปลอดนะครับเลขตัวบนที่ 90 ตัวล่างคือ
00:02:46 → 00:02:49 60 ขอคนปกติ 120 80 จำได้ใช่ไหมครับแต่
00:02:49 → 00:02:52 ต้องบอกว่าในชีวิตจริงๆนะครับเราไม่ได้
00:02:52 → 00:02:55 ตัวเลขนี้เป็นเป็นตัวเกณฑ์ในการตัดสินทุก
00:02:55 → 00:02:57 ครั้งนะครับคือไม่ได้แปลว่าใครก็ตามที่
00:02:57 → 00:03:00 ความดันเลือดจะไปแต่ 90 60 จะถือว่าเป็น
00:03:00 → 00:03:03 ก็ทำท่าเรือตามเสมอไปเพราะอะไรเพราะในบาง
00:03:03 → 00:03:04 คนนะครับก็จะมีความดันเหลือเท่านี้เนี่ย
00:03:04 → 00:03:07 เป็นภาวะปกติอยู่แล้วนะครับและทำให้ร่าง
00:03:07 → 00:03:09 กายของเขาเนี้ยชินกับความดันเลือดระดับ
00:03:09 → 00:03:12 นี้เนี่ยอยู่อ่อมันอยากมาอย่างยาวนานนะคะ
00:03:12 → 00:03:15 โดยที่เขายังไม่มีอาการอะไรเลยก็คือ
00:03:15 → 00:03:16 เหมือนกับร่างกายของเขาในชินกับตัวเลขนี้
00:03:16 → 00:03:19 แล้วนะครับแล้วความดันเท่านี้ในก็เพียงพอ
00:03:19 → 00:03:20 ที่จะทำให้เลือกเลี้ยงส่วนต่างๆของร่าง
00:03:20 → 00:03:23 กายเนี่ยก็ได้อย่างเพียงพออันนี้ยกเว้นคน
00:03:23 → 00:03:25 ที่มีคนจะเลิกตามแล้วมีอาการนะครับเช่น
00:03:25 → 00:03:27 อาจารย์อ้ามืดง่ายนะครับเป็นลมง่ายหรือ
00:03:27 → 00:03:30 ว่าลุกขึ้นยืนเร็วแล้วก็หน้ามืดนะครับอัน
00:03:30 → 00:03:32 นี้ถือว่ามีอากาศนะครับไม่ไม่ถือว่าเป็น
00:03:32 → 00:03:35 เพราะปกติครับดังนั้นนะครับในทางปฏิบัติ
00:03:35 → 00:03:37 จริงนะครับผมจะเลิกต่ำจะมาถึงกรณีที่ร่าง
00:03:37 → 00:03:39 กายเนี่ยก็เหมือนกับเคยชินกับความดัน
00:03:39 → 00:03:42 เลือดที่ข้านั่งอยู่แล้วแล้วอยู่ในความ
00:03:42 → 00:03:44 ดันเลือดมันต่ำกว่าที่ร่างกายในเคยชิน
00:03:44 → 00:03:46 อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นจากเหตุอะไรก็
00:03:46 → 00:03:49 ตามเพราะว่าเมื่อเพื่อความเลื่อนต่ำลงมา
00:03:49 → 00:03:50 นะครับจากที่ต้องการค่อนข้างคุ้นเคยอย่าง
00:03:51 → 00:03:53 รวดเร็วเนี่ยออกมาจะเกิดปัญหาว่าอายุว่า
00:03:53 → 00:03:55 ต่างๆเนี่ยปรับตัวไม่ทันและอาจจะเกิดการ
00:03:55 → 00:03:58 เหมือนกับได้รับเลือกที่มีเพียงพอขึ้นมา
00:03:58 → 00:04:01 ได้ที่นี่เราจะมาดูสิเหตุของความดันเลือด
00:04:01 → 00:04:03 ต่ำว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรได้บ้างนะครับ
00:04:03 → 00:04:05 ต้องบอกว่าสาเหตุของความดันเลือดต่ำนี้
00:04:05 → 00:04:07 มันมีมากมายนะครับเรื่องแต่เรื่องของ
00:04:07 → 00:04:10 อารมณ์นะครับเช่นขอพระรู้สึกกลัวนะครับ
00:04:10 → 00:04:11 หรือว่ารู้สึกเครียดเนี่ยมันก็จะทำให้
00:04:11 → 00:04:14 เผ่าความดันเลือดต่ำได้ความเครียดบางคน
00:04:14 → 00:04:16 บางครั้งก็ทำให้คนนั้นเลือกสู่นะคะจะมา
00:04:16 → 00:04:18 ทั้งขึ้นมากๆก็ทำให้ความดันเลือดต่ำได้
00:04:18 → 00:04:20 เรือมาควรจะเรื่องของอาการเจ็บนะครับเจ็บ
00:04:20 → 00:04:23 มากๆนะครับหรือว่ามีอาการปวดท้องนะครับทำ
00:04:23 → 00:04:25 ใช่ติดตัวมากๆเนี่ยบางคนเกิดอาการความดัน
00:04:25 → 00:04:28 เลือดต่ำได้น้องในจากนั้นนะครับก็ไปอาจจะ
00:04:28 → 00:04:30 เป็นเรื่องของการขาดน้ำนะครับเช่นคนที่
00:04:30 → 00:04:32 ดื่มน้ำน้อยขณะที่ออกกำลังกายในวันที่
00:04:32 → 00:04:36 อากาศร้อนมากๆนะครับคือเสียงมากๆเราขอ
00:04:36 → 00:04:39 ร่างกายเนี่ยขาดน้ำนะครับก็จะมีภาวะความ
00:04:39 → 00:04:41 ดันเลือดต่ำเกิดขึ้นได้โดยจะเป็นเรื่อง
00:04:41 → 00:04:44 ของการเสียเลือดนะครับเช่นคนบางคนอยากไป
00:04:44 → 00:04:46 บริจาคเลือดมาหรือว่าอาจจะเสียเลือดจาก
00:04:46 → 00:04:48 ทางอื่นเช่นในผู้หญิงน่าจะเป็นเรื่องของ
00:04:48 → 00:04:51 การมีประจำเดือนที่มากผิดปกตินะครับโดย
00:04:51 → 00:04:53 สาเหตุอะไรก็แล้วแต่หรือว่าจะเรื่องของ
00:04:53 → 00:04:55 การมีเลือดออกภายในช่องท้องๆครับออก
00:04:55 → 00:04:58 ประมาณน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัวก็จะทำให้
00:04:58 → 00:05:01 เกิดภาวะความดันเลือดเสียดายเนาะเดี๋ยวจะ
00:05:01 → 00:05:03 นี้ก็จะมีเรื่องของยาต่างๆนะครับเช่นเรา
00:05:03 → 00:05:05 จะเป็นเรื่องของยาขับปัสสาวะนะครับหรือยา
00:05:05 → 00:05:07 ลดความดันก็เป็นตัวอย่างที่พบได้ค่อนข้าง
00:05:07 → 00:05:10 บ่อยนะครับที่นี่เรามาดูเรื่องของอาการ
00:05:10 → 00:05:12 กันบ้างนะครับเวลาคนที่มีอาการของความดัน
00:05:12 → 00:05:15 ต่ำเนี่ยมันจะมีอาการอะไรบ้างนี่คำตอบก็
00:05:15 → 00:05:18 คือว่าเอาอวัยวะที่ไวต่อความดันเลือดต่ำ
00:05:18 → 00:05:21 เร็วที่สุดก็คงเป็นเรื่องของสมองดังนั้น
00:05:21 → 00:05:22 อาการที่เกิดเร็วนะครับว่าจะเป็นเรื่อง
00:05:22 → 00:05:24 ของสมองเป็นส่วนใหญ่ขึ้นเราจะรู้สึก
00:05:24 → 00:05:27 วิงเวียนนะครับขอรู้สึกหน้ามืดเป็นลมนะ
00:05:27 → 00:05:29 ครับกับค่ามวลนะครับก็พูดง่ายก็คือเป็น
00:05:29 → 00:05:32 อาการของคนที่รู้สึกจะเป็นลมทั่วๆไปที่
00:05:32 → 00:05:35 เราคุ้นเคยกันดีนะครับหรือถ้าเป็นมากๆนะ
00:05:35 → 00:05:37 ครับเร็วในบางคนก็จะล้มตึงไปเลยก็ได้ที่
00:05:37 → 00:05:39 นี่เราจะมาดูกันนะคะว่าร่างกายของเรานี้
00:05:39 → 00:05:41 จะตอบเนาะกับภาวะความดันเลือดต่ำอย่างไร
00:05:41 → 00:05:44 บ้างหรือว่าร่างกายเนี่ยมันจะแก้ปัญหายัง
00:05:44 → 00:05:46 ไงแน่นอนที่สุดนะครับอย่างที่บอกไปก็คือ
00:05:46 → 00:05:49 ว่าอย่างแรกสุดเนี่ยสมองเนี่ยะมันจะต้อง
00:05:49 → 00:05:52 มีวิธีรับรู้ก่อนว่าเวลาอ่อนในแต่ละช่วง
00:05:52 → 00:05:55 ขนาดนี้เรามีความดันเหลืออยู่เท่าไหร่นะ
00:05:55 → 00:05:57 ครับมีมากไปหรือน้อยไปแค่ไหนซึ่งวิธีการ
00:05:57 → 00:05:59 ที่สมองจะรับรู้ว่าคืออย่างที่คุยกันไปใน
00:05:59 → 00:06:01 พิเศษก็และก็คือมันจะมี Sensor อยู่นะ
00:06:01 → 00:06:04 ครับหลักๆก็จะมี Sensor อยู่ 3 ตัวด้วย
00:06:04 → 00:06:07 กันนะครับที่ขอข้างซ้ายตัวนึงที่ข้างขวา
00:06:07 → 00:06:09 นะครับตัวนึงนะครับซ้ายขวาอย่างละตัวแล้ว
00:06:09 → 00:06:11 ก็เซ็นไส้ที่ 1 จะอยู่ที่แบรนด์เส้นเลือด
00:06:11 → 00:06:14 ใหญ่นะครับที่ออกมาจากหัวใจห้องล่างด้าน
00:06:14 → 00:06:16 ซ้ายนะครับก็คือเป็นเส้นเลือดส่วนที่เรา
00:06:16 → 00:06:19 penalty กอนะครับเราเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัว
00:06:19 → 00:06:21 นี้นะครับก็จะส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาท
00:06:21 → 00:06:24 ขึ้นไปที่สมองนะครับอะไรที่เป็นการสมองนะ
00:06:24 → 00:06:27 เพื่อไม่ให้สมองนะครับรู้ว่ามันกับวินาที
00:06:27 → 00:06:30 ต่อหน้าที่เลยว่าความดันตอนนี้มันมีค่า
00:06:30 → 00:06:32 อยู่เท่าไหร่ถ้าสมองนะครับรับสัญญาณมา
00:06:32 → 00:06:34 แล้วก็เพราะว่าความจะเลื่อนมาเกินต่ำกว่า
00:06:34 → 00:06:37 ที่ควรจะเป็นสมองก็จะต้องตอบสนองนะครับหา
00:06:37 → 00:06:41 วิธีมันกับสั่งงานลงมาคำถามนะครับก็คือ
00:06:41 → 00:06:44 ว่าสมองเนี่ยสั่งอะไรบ้างคำตอบนะครับอาจ
00:06:44 → 00:06:46 จะพอแยกได้เป็น 2 แบบกว้างนะครับถ้าเรา
00:06:46 → 00:06:49 แบ่งตามความเร็วแบบแรกจะเป็นการตอบสนอง
00:06:49 → 00:06:51 ที่แบบป๊อปน้องแบบรวดเร็วนะครับแบบเร็ว
00:06:51 → 00:06:53 มากคือตอบสนองเร็วเป็นหลักวินาทีนะครับ
00:06:53 → 00:06:56 เพราะว่าเขาก็รู้ว่าความดันต่ำและมันมี
00:06:56 → 00:06:58 อันตรายนะครับร่างกายในจะต้องก็รีบแก้ไข
00:06:58 → 00:07:01 เพื่อดึงความตั้งเตือนให้กลับเข้าสู่ภาวะ
00:07:01 → 00:07:04 ปกติแบบที่ 2 นะครับจะเป็นอันดับน้องที่
00:07:04 → 00:07:06 ค่อนข้างช้ากว่าหน่อยนึงนะครับแต่ไม่ว่า
00:07:06 → 00:07:09 จะตอบ 2 ช้ากว่าแต่ผลระยะยาวในมันจะมันจะ
00:07:09 → 00:07:11 นานกว่าการตัดสนองเนี่ยจะใช้เวลาในการตอบ
00:07:11 → 00:07:13 สนองอาทิตย์หรือว่าเป็นหลักหลายนาทีนะ
00:07:13 → 00:07:16 ครับหลายสิบนาทีหรือว่าจะเป็นชั่วโมงนะ
00:07:16 → 00:07:18 ครับเราก็จะมีผลต่อเนื่องเนี่ยเป็นวันได้
00:07:18 → 00:07:21 ที่นี่เราจะดูแบบแรกกันเกาะนะครับก็คือ
00:07:21 → 00:07:23 การรับน้องแบบเร็วเนี่ยว่ามันทำงานยังไง
00:07:23 → 00:07:26 เมื่อสมองรับรู้นะครับว่าความดันเลือดต่ำ
00:07:26 → 00:07:28 เนี่ยมันจะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปตามเส้นประสาท
00:07:28 → 00:07:31 นะครับหลักๆมันจะส่งไป 2 ที่ด้วยกันอัน
00:07:31 → 00:07:35 ที่ 1 ก็คือไปที่หัวใจอันที่สองคือไปที่
00:07:35 → 00:07:37 เส้นเลือดแดงเรามาโฟกัสที่หัวใจกันเกาะนะ
00:07:37 → 00:07:41 ครับหลักๆเนี่ยอาจจะมองว่าคำสั่งที่สมอง
00:07:41 → 00:07:42 ส่งไปที่หัวใจเดี๋ยวมันแบ่งเป็นสองอย่าง
00:07:42 → 00:07:44 ด้วยกันอย่างไรนะครับก็จะเป็นเรื่องของ
00:07:44 → 00:07:47 เส้นประสาทที่ส่งตรงไปที่จุดที่เราเรียก
00:07:47 → 00:07:50 ว่าเป็น s n o k a e โน้ตนะครับซึ่ง
00:07:50 → 00:07:53 ก็อย่างที่ว่าไปในตอนที่เคยไปนะครับมัน
00:07:53 → 00:07:55 คือตัวที่เป็นตัวจับไฟฟ้าหัวใจคือเป็นตัว
00:07:55 → 00:07:58 ที่ควบคุมความเร็วของการเต้นของหัวใจที่
00:07:58 → 00:08:01 นี่เมื่อสมองทำอ่าใส่โน้ตเนี่ยปล่อยไฟ
00:08:01 → 00:08:03 เร็วขึ้นนะครับก็คือทำให้หัวใจเต้นเร็ว
00:08:03 → 00:08:05 ขึ้นเมื่อหัวใจเต้นเร็วขึ้นแล้วก็จะสูบ
00:08:05 → 00:08:08 ฉีดเลือดออกมาได้เร็วขึ้นความดันเลือด
00:08:08 → 00:08:10 เนี่ยจะเพิ่มขึ้นอันนี้ตรงไปตรงมานะครับ
00:08:10 → 00:08:12 อย่างที่ 2 นะครับก็จะมีเส้นประสาทอีก
00:08:12 → 00:08:14 เส้นนึงนะครับที่วิ่งตรงไปที่กล้ามเนื้อ
00:08:14 → 00:08:17 หัวใจโดยตรงโดยสมองเนี่ยจะสั่งนะครับให้
00:08:17 → 00:08:20 กล้ามเนื้อหัวใจมันมีตัวแรงขึ้นผลก็คือ
00:08:20 → 00:08:22 หัวใจเนี่ยเขาจะบีบเหลือแต่ละครั้งนั้น
00:08:22 → 00:08:24 ด้วยกำลังและที่มากขึ้นนะครับแล้วเลือก
00:08:24 → 00:08:27 ที่ถูกบีบออกไปเนี่ยจะมีปริมาณเลือดเนี่ย
00:08:27 → 00:08:30 ที่มากกว่าปกติซึ่งผลก็คือทำให้คนนั้น
00:08:30 → 00:08:33 เลือกเพิ่มขึ้นเช่นกันอันนี้ก็เป็น 2 คำ
00:08:33 → 00:08:35 สั่งหลักๆนะครับที่สมองส่งไปที่หัวใจนะ
00:08:35 → 00:08:37 ครับคราวนี้มาดูสิ่งที่สมองสั่งผลิตเส้น
00:08:38 → 00:08:40 เลือดแดงกันบ้างคืออย่างที่เราเคยคุยไป
00:08:40 → 00:08:42 ก่อนหน้านะครับว่าในร่างกายของเราเนี่ย
00:08:42 → 00:08:44 มันจะมีเส้นเลือดอยู่หลายประเภทด้วยกัน
00:08:44 → 00:08:46 แล้วในเสื้อหลายประเภทนะครับจะมีเส้น
00:08:46 → 00:08:48 เลือดประเภทหนึ่งที่ผนังของเส้นเลือด
00:08:48 → 00:08:50 เนี่ยทำหรือกล้ามเนื้อนะครับสมองมันก็
00:08:50 → 00:08:52 สั่งงานไปที่กล้ามเนื้อของเส้นเลือดเหล่า
00:08:52 → 00:08:55 นี้นะครับซึ่งเป็นเส้นเลือดแดงนะครับก็
00:08:55 → 00:08:58 คือสั่งให้กล้ามเนื้อมันมีการหดตัวเมื่อ
00:08:58 → 00:09:00 กล้ามเนื้อของเส้นเลือดหดตัวนะครับตัว
00:09:00 → 00:09:03 ชื่อหลอดเลือดมันก็จะติดแคบลงแล้วแสดง
00:09:03 → 00:09:06 จำนวนพวกนี้นะครับจำนวนมากมันติดแค่ตรง
00:09:06 → 00:09:07 พร้อมๆกันเนี่ยมันก็เหมือนท่อน้ำที่มี
00:09:07 → 00:09:10 ขนาดเล็กลงซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะทำให้ความ
00:09:10 → 00:09:12 ดันภายในท่อเนี่ยเดี๋ยวความดันเลือดของ
00:09:12 → 00:09:15 ร่างกายเราและเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคนๆเพิ่ม
00:09:15 → 00:09:17 สูงขึ้นเนี่ยผลคือเลื่อนก็จะพุ่งได้แรง
00:09:17 → 00:09:20 ขึ้นทำให้สามารถไปทิ้งโอยั๊วะเพราะที่
00:09:20 → 00:09:24 อยู่ไกลๆแล้วอยู่ไปป้ายดีขึ้นโดยสรุปนะ
00:09:24 → 00:09:26 ครับจะเห็นว่าสมองได้จัดการกับปัจจัยหลัก
00:09:26 → 00:09:28 ๆที่เราเคยคุยกันไปในพิสูจน์ก่อนหน้านะ
00:09:28 → 00:09:31 ครับ 3 ปัจจัยด้วยกันก็ได้แก่เรื่องของ
00:09:31 → 00:09:34 อัตราการเต้นหัวใจนะครับใจเนื้อเต้นเร็ว
00:09:34 → 00:09:37 ท่านชายแค่ไหนอันที่สองก็คือเรื่องของแรง
00:09:37 → 00:09:39 บีบของหัวใจนะครับก็คือทำให้หัวใจบีบตัว
00:09:39 → 00:09:42 แรงขึ้นอันที่ 3 คือทำไม่ใช่เล่นกดตัว
00:09:42 → 00:09:45 ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยเนี่ยทำงานร่วมกันก็จะ
00:09:45 → 00:09:47 ช่วยเพิ่มความดันเลือดของร่างกายเราให้
00:09:47 → 00:09:49 เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วคราวนี้นะครับ
00:09:49 → 00:09:51 เราจะดูการแก้ปัญหาความดันเลือดต่ำแบบที่
00:09:51 → 00:09:54 ช้ากว่ากันบ้างนะครับการตัดสมบัติที่ช้า
00:09:54 → 00:09:57 กว่านี้นะครับว่าจะตอบสนองช้ากว่าจะมีผล
00:09:57 → 00:09:59 ที่นานกว่าเพื่อจะบอกว่าเป็นการแก้ปัญหา
00:09:59 → 00:10:02 ที่และมีความยั่งยืนกว่าก็ได้นะครับวิธี
00:10:02 → 00:10:04 การนี้คือสมองจะสั่งงานไปที่เอาไว้วัน
00:10:04 → 00:10:08 อื่นเอาไว้ว่าสำคัญที่สมองสั่งงานไปก็คือ
00:10:08 → 00:10:11 ต่อมหมวกไตคำถามว่าคือต่อมหมวกไตคืออะไร
00:10:11 → 00:10:13 แต่หมวกไตนะครับมันเป็นอวัยวะเล็กๆนะครับ
00:10:13 → 00:10:17 ที่ตอบก็จะบอกว่าดูที่ทำบนของไตแต่ละข้าง
00:10:17 → 00:10:19 นะครับก็คือตรงตามชื่อเลยก็คือว่ามันอยู่
00:10:19 → 00:10:22 ข้างบนมันก็ว่าเป็นหมวกของไตทานที่ความ
00:10:22 → 00:10:25 รูปร่างของมันเนี่ยก็คือคล้ายๆหมดนะครับ
00:10:25 → 00:10:28 แล้วจะมองว่าเป็นลักษณะโค้งๆรูปสระอิอิจะ
00:10:28 → 00:10:31 ได้เข้าใจอีที่บนไปก็เลยนิยมเล่นกันว่า
00:10:31 → 00:10:33 เป็นต่อมหมวกไตนะครับภาษาอังกฤษจะรู้ว่า
00:10:33 → 00:10:36 รู้นอกแลนด์ไอ้ตัวเอาไว้ว่านี้นะครับมาดู
00:10:36 → 00:10:39 นอกแล้วก็จะอยู่สองข้างซ้ายและข้างขวาที่
00:10:39 → 00:10:41 นี่ในแง่ของตัวต่อบล็อกไปเนี่ยมันก็บอก
00:10:41 → 00:10:43 ว่าเหมือนเป็นอวัยวะที่เหมือนกับเหมือน 2
00:10:43 → 00:10:45 อวัยวะอยู่ด้วยกันนะครับก็คือเหมือนกับ
00:10:45 → 00:10:49 ออกมันซ้อนกันอยู่สองชั้นถ้าจะให้นึกภาพ
00:10:49 → 00:10:51 จะนึกภาพเหมือนเป็นกะหรี่ปั๊บก็ได้นะครับ
00:10:51 → 00:10:53 ก็คือว่าตัวกระหรี่ปั๊บมันจะมีเปลือกข้าง
00:10:53 → 00:10:56 นอกเป็นแป้งแข็งถูกไหมครับแล้วก็มีไส้ที่
00:10:56 → 00:10:58 อยู่ชั้นไหนอันนี้ก็เหมือนกันเอาตัวนี้นก
00:10:58 → 00:11:00 แทนก็จะมีลักษณะไม่มีเปลือกคะแล้วก็มี
00:11:00 → 00:11:04 เซลล์ที่ว่างในซึ่งทำไมถึงบอกว่ามันแบ่ง 2
00:11:04 → 00:11:06 ชั้นอย่างนี้เพราะว่าสองชั้นเนี่ยชั้นนอก
00:11:06 → 00:11:11 ชั้นในเนี่ยมันทำงานต่างกันในตอนนี้เราจะ
00:11:11 → 00:11:12 โฟกัสไปที่เนื้อด้านในของต่อมหมวกไตก่อน
00:11:13 → 00:11:15 นะครับแล้วเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงเปลือกข้าง
00:11:15 → 00:11:17 นอกอีกทีหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อควร
00:11:17 → 00:11:19 เลือกต่ำคือว่าสมองเนี่ยะจะไม่ครับส่งไฟ
00:11:19 → 00:11:22 ฟ้าลงมานะครับส่งสั่งมาผ่านใช่ประสาท
00:11:22 → 00:11:25 เนี้ยมาที่ตัวเนื้อด้านในของต่อมหมวกไต
00:11:25 → 00:11:28 ที่นี่เมื่อตัวเนื้อด้านในนะครับของจะบอก
00:11:28 → 00:11:30 ใดมาได้สัญญาณไฟฟ้ามาเนี่ยมันก็จะตอบสนอง
00:11:30 → 00:11:33 ด้วยการปล่อยสารเคมีเอามา 2 ตัวด้วยกันนะ
00:11:33 → 00:11:35 ครับซึ่งเป็นสารเคมีที่ต้องบอกว่าเป็น
00:11:35 → 00:11:37 ชื่ออะไรคนเคยได้ยินชื่อนะครับตัวนึงนะ
00:11:37 → 00:11:39 ชื่อว่าน้อยไปในฟรีนะครับพี่ตัวนั้นชื่อ
00:11:39 → 00:11:42 ว่าแฮปปี้หน้าฟรีนซึ่งสารเคมีทั้งสองตัว
00:11:42 → 00:11:44 นี้เป็นสารเคมีที่หรือว่าค่อนข้างสำคัญนะ
00:11:44 → 00:11:46 ครับแล้วก็ถ้าเป็นไปได้อยากให้จำนะครับ
00:11:46 → 00:11:49 เพราะว่ามันเป็นสารเคมีชุดตัวหนึ่งที่ใน
00:11:49 → 00:11:51 วันหน้าถ้าเราคือเรื่องของอาการแพ้นะครับ
00:11:51 → 00:11:53 เช่นแพ้ที่บอกว่าแพ้ยาจนเสียชีวิตเนี่ย
00:11:53 → 00:11:56 ตัวอย่างพวกทั้งคู่นี้นะครับเป็น f e
00:11:56 → 00:11:58 เนี่ยมันก็เป็นตัวที่สามารถใช้รักษาและทำ
00:11:58 → 00:12:00 ให้ผู้ป่วยในรอดชีวิตได้ดีหรืออย่างเวลา
00:12:00 → 00:12:03 ที่เราดูหนังนะครับหรือว่าที่ได้ยินว่ามี
00:12:03 → 00:12:05 คนเปิดหนักแล้วก็กับ 7 เสียชีวิตแล้วก็มี
00:12:05 → 00:12:07 การปั๊มหัวใจเนี่ยก็จะมีการใช้ยากลุ่มนี้
00:12:07 → 00:12:10 นะครับมาฉีดให้กับผู้ป่วยได้ด้วยนะครับจะ
00:12:10 → 00:12:13 เป็นฟรีเนี่ยเพื่อไปช่วยกระตุ้นหัวใจหัว
00:12:13 → 00:12:15 ใจมันสามารถเลือกเต้นได้นะครับแล้วในวัน
00:12:15 → 00:12:18 นั้นเราคงได้พูดถึงยา 2 ตัวคอัพสารเคมี 2
00:12:18 → 00:12:21 คนนี้ในบทบาทนี้อีกทีนะครับตอนนี้ก็เลย
00:12:21 → 00:12:23 มันก็อยากจะให้ฟังชื่อนะครับก็ถ้าใครจะ
00:12:23 → 00:12:25 ได้ก็ดีนะครับหรือถ้าใครชื่อว่ายังไม่
00:12:25 → 00:12:28 คุ้นเคยนะคะให้ฟังเป็นๆไว้ก่อนที่ 3 ตัว
00:12:28 → 00:12:30 นี้นะครับมันไปช่วยให้ความดันในเพิ่มขึ้น
00:12:30 → 00:12:32 ได้ยังไงหลักๆเลยนะครับมันก็จะทำหน้าที่
00:12:32 → 00:12:36 เหมือนอย่างที่สมองทำไปก็คือว่าจากแรกคือ
00:12:36 → 00:12:38 เราไปทำให้คนใจเต้นเร็วขึ้นนะครับอย่าง
00:12:38 → 00:12:41 ที่ 2 ก็คือจะทำให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้น
00:12:41 → 00:12:44 อย่างที่สามคือมันจะทำให้เสื้อแดงคนตัว
00:12:44 → 00:12:46 เล็กลงทั้งหมดนี้นะครับจะช่วยให้ความดัน
00:12:46 → 00:12:48 เลือดเพิ่มขึ้นได้เรื่อยพูดง่ายๆก็คือว่า
00:12:48 → 00:12:52 มันก็ทำให้คล้ายกับที่สมองเนี่ยสั่งคนใจ
00:12:52 → 00:12:54 ไปด้วยระบบไฟฟ้าโดยตรงนะครับเหมือนที่เรา
00:12:54 → 00:12:56 ควรจะไปเกาะหน้าเพียงแต่ว่าการทำงานของ
00:12:56 → 00:12:58 ต่อมหมวกไตเนี่ยมันจะออกฤทธิ์ช้ากว่าหรือ
00:12:58 → 00:13:00 จะมองว่า
00:13:00 → 00:13:03 มารับช่วงต่อก็ได้ก็คือว่าหัวใจสมองใน
00:13:03 → 00:13:05 สั่งโดยตรงไปเกาะนะครับที่ใจโดยตรงนั้นใน
00:13:05 → 00:13:07 เวลาต่อมาสารเคมีพรุ่งนี้ก็เหมือนก็ไปรับ
00:13:07 → 00:13:10 ช่วงต่อแล้วก็รับงานต่อแล้วก็ช่วยให้กัน
00:13:10 → 00:13:13 ก็สิ่งดำเนินต่อไปได้ทำยังไม่จบเท่านี้นะ
00:13:13 → 00:13:16 ครับตอบหมวกไตเนี่ยยังทำอย่างอื่นด้วยแต่
00:13:16 → 00:13:19 จะเข้าใจอีกคนไก่นึงนะครับเราไปเริ่มที่
00:13:19 → 00:13:23 ไต่เกาะนที่นี่ไปเกี่ยวข้าวยังไงคลี่นี้
00:13:23 → 00:13:25 ครับเมื่อร่างกายเรามีความดันเลือดต่ำลง
00:13:25 → 00:13:28 นะครับไปเนี่ยมันจะรับรู้และสามารถตอบ
00:13:28 → 00:13:30 สนองได้เพราะอะไรเพราะว่าไตเป็นอวัยวะที่
00:13:30 → 00:13:34 ต่อค่อนข้างไวต่อความดันเลือดเหมือนกันนะ
00:13:34 → 00:13:36 ครับเหมือนกับสมองหมายความว่าถ้ามีการ
00:13:36 → 00:13:38 เปลี่ยนแปลงของความดันเลือดเนี่ยไปเนี่ย
00:13:38 → 00:13:41 จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากธรรมะเกินไปน
00:13:41 → 00:13:44 ไปก็แย่ถ้าความดันเลือดน้อยเกินไปเนี่ย
00:13:44 → 00:13:47 ตายก็จะแย่เหมือนกันซึ่งอาจจะเลวร้ายถึง
00:13:47 → 00:13:50 ขั้นเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ดังนั้นนะ
00:13:50 → 00:13:53 ครับด้วยความที่ไปในไวต่อความดันมากมันก็
00:13:53 → 00:13:55 เลยมีคนไกลเนี่ยมันก็ธรรมชาติออกแบบให้ไป
00:13:55 → 00:13:57 นี้คนใครที่คอยจะดูแลความดันเลือดอยู่
00:13:57 → 00:14:01 ด้วยที่นี่ชื่อของกลไกคำตอบวิธีการที่ไต่
00:14:01 → 00:14:03 มาดูแลเรื่องของความดันเนี่ยมันจะค่อน
00:14:03 → 00:14:05 ข้างยาวนิดนึงนะครับชื่อมันคือ When in
00:14:05 → 00:14:09 Ten cirrhosis เต็มนะครับอาจจะเรียกย่อ
00:14:09 → 00:14:12 นะครับว่าเป็น r a s นะครับชื่อมันฟัง
00:14:12 → 00:14:15 ดูยาวนะครับเหมือนกันจะจำยากแต่ว่าจริงๆ
00:14:15 → 00:14:18 แต่ตัวแต่ละชื่อในมันคือชื่อของสารเคมี
00:14:18 → 00:14:20 ที่สำคัญนะครับก็มีเวรดินนะครับอ๋อ
00:14:20 → 00:14:24 แอนด์โจเทนซินอัลโดสเตอโรนแล้วก็ System
00:14:24 → 00:14:26 นะครับเราจะไปดูกันนะครับที่ละตัว 3 ตัว
00:14:26 → 00:14:29 นี้นะครับว่ามันทำหน้าที่อะไรแล้วไม่ว่า
00:14:29 → 00:14:31 ชื่อมันจะยาวนะครับแต่ผมก็อยากจะพูดชื่อ
00:14:31 → 00:14:33 ให้ฟังนะครับเพราะว่าทั้ง 3 ตัวนำมาเป็น
00:14:33 → 00:14:36 สารเคมีที่สำคัญของร่างกายนะครับแล้วก็ใน
00:14:36 → 00:14:39 พวกยาลดความดันต่างๆที่นิยมใช้กันมาก
00:14:39 → 00:14:42 เนี่ยมันก็เกี่ยวข้องกับสารเคมี 3 ตัวนี้
00:14:42 → 00:14:44 ก็คืออย่างน้อยก็คืออยากจะพูดให้ฟังอย่าง
00:14:44 → 00:14:47 น้อยก็ผ่านหัวไว้นะครับจะไม่ได้ไม่เป็นไร
00:14:47 → 00:14:49 นะครับแต่อย่างน้อยก็ถือว่าเคยเหมือนกับ
00:14:49 → 00:14:51 ภาณุพันธ์ตาไปสักครั้งนึงนะครับแล้วก็มี
00:14:51 → 00:14:53 โอกาสนะครับที่เราจะมาคุยเรื่องนี้กัน
00:14:53 → 00:14:54 ใหม่โดยเฉพาะที่เราคุยเรื่องของการทำงาน
00:14:54 → 00:14:57 ของไตโอเคครั้งนี้เรามาดูนะครับว่าไอ้
00:14:57 → 00:15:00 ระบบนี้นะครับอะไรในชุด We Are Not
00:15:00 → 00:15:02 slow เนี่ยมันทำงานยังไง
00:15:02 → 00:15:04 เรามาเริ่มจากคำถามว่าระบบเนี่ยบรรทุก
00:15:04 → 00:15:07 กระตุ้นให้เริ่มต้นทำงานยังไงนะครับเพราะ
00:15:07 → 00:15:10 ว่าถ้าเรามีอันนี้เป็นเข้าไฟฟ้านะครับเรา
00:15:10 → 00:15:12 ก็มาดูว่ามันเปิดสวิตซ์ยังไงนะครับเปิด
00:15:12 → 00:15:14 สวิตซ์ชอนได้ยังไงปกตินะครับในเส้นเลือด
00:15:14 → 00:15:16 แดงที่เข้าไปเลี้ยงไปเนี่ยมันจะมีเซลล์
00:15:16 → 00:15:19 พิเศษอยู่นะครับเป็นเซลล์ที่เหมือนกับปอ
00:15:19 → 00:15:22 เป็นเซ็นเซอร์นะครับวัดแรงดันที่เข้าไปใน
00:15:22 → 00:15:24 ไตซึ่งตัวเซลล์ที่ทำหน้าที่นี้นะครับจะมี
00:15:24 → 00:15:27 ชื่อเรียกนะคะเป็นชื่อย่อนะครับ jg เซลล์
00:15:27 → 00:15:29 นะครับซึ่งบ่อไม่ต้องจำชื่อก็ได้นะครับ
00:15:30 → 00:15:32 เอาเป็นว่ามันดีเซลกลุ่มนี้อยู่นะครับแต่
00:15:32 → 00:15:34 เซลล์นี้มันจะต่างจากเซลล์เซ็นเซอร์ที่
00:15:34 → 00:15:36 วัดความดันที่เราคุยกันไปก่อนหน้าเพราะ
00:15:36 → 00:15:38 อะไรเพราะว่าเซลล์ก่อนหน้านั้นแล้วบอกว่า
00:15:38 → 00:15:41 มันเพราะบันไดสัญญาณมันรู้นั้นวัดความดัน
00:15:41 → 00:15:43 เสร็จปุ๊บมันจะส่งสัญญาณวิธีสมองแต่
00:15:43 → 00:15:45 จีเซลล์เดี๋ยวมันไม่ได้ส่งสัญญาณขึ้นไป
00:15:45 → 00:15:47 ที่สมองแต่ว่ามันจะมากับรับรู้ทิศไปแล้ว
00:15:47 → 00:15:53 ก็ส่งสัญญาณไปที่ไปโดยถ้ามันวัดนะครับ
00:15:53 → 00:15:55 แล้วพบว่าแรงดันเลือดที่มาที่ตายเนี่ยมัน
00:15:55 → 00:15:57 มีแรงดันที่ต่ำลงหรือว่าคงจะเลือกมันไม่
00:15:57 → 00:16:00 ค่อยพอนะครับหรือว่าเลือดมาเขาที่ตายน้อย
00:16:00 → 00:16:02 แต่มันจะส่งสัญญาณนะครับไปที่เซลล์อีก
00:16:02 → 00:16:04 ชนิดนึงนะครับเป็นเสียงพิเศษที่อยู่ในไต
00:16:04 → 00:16:07 นะครับอยู่ในเนื้อไตให้หลั่งสารที่มีชื่อ
00:16:07 → 00:16:10 ว่าเวรดินออกมาจะได้คำถามต่อไปก็คือว่า
00:16:10 → 00:16:13 เน้นดีนะคืออะไรเรียนนี่มันเป็นเอนไซม์
00:16:13 → 00:16:16 ชนิดนี้นะครับเป็นสารพวกโปรตีนนะครับที่
00:16:16 → 00:16:18 อ๊อฟหลังออกมาเพื่อ
00:16:18 → 00:16:22 ขึ้นอย่างนี้ครับปกติในร่างกายในเรื่อง
00:16:22 → 00:16:23 ของเราเนี่ยมันจะรีบโปรตีนอยู่ตัวนึงนะ
00:16:23 → 00:16:25 ครับไหลเวียนอยู่นะครับชื่อว่าแองเจล
00:16:25 → 00:16:28 เทนซินโอเช่นนะครับให้เจิด antigen เวย์
00:16:28 → 00:16:31 โปรตีนที่สร้างขึ้นมาจากตับจากนั้นพระตับ
00:16:31 → 00:16:32 สร้างขึ้นมาเข้าไปข้างในกระแสเลือดแล้วก็
00:16:32 → 00:16:35 ไหลเวียนอยู่เรื่อยๆโดยที่ตัวแองโจ
00:16:35 → 00:16:36 Shenzhen เนี่ยมันยังไม่ได้ทำงานอะไร
00:16:36 → 00:16:39 ทั้งสิ้นนะครับแต่เมื่อไตเนี่ยหลังเมนท์
00:16:39 → 00:16:41 อินเออกมาเป็นๆว่าจะทำหน้าที่เป็นเอนไซม์
00:16:41 → 00:16:44 ที่จะมาเหมือนครับตัดโมเลกุลของ I O
00:16:44 → 00:16:47 เท็นโซเจนซึ่งการตัดโมเลกุลของสารตัวนี้
00:16:47 → 00:16:50 มันเหมือนเป็นการเปิดสวิตซ์ให้ and jonah
00:16:50 → 00:16:52 เนี่ยออกแปลงกายเป็นโมเลกุลเล็กชนิดหนึ่ง
00:16:52 → 00:16:56 ที่มีชื่อสั้นลงนะคะว่าแอนด์โจทินวันนะ
00:16:56 → 00:16:59 ครับก็คือเปลี่ยนชื่อจากเจียวเท็นโซเช่น
00:16:59 → 00:17:02 เป็นอันจบจะเป็นซินวันครับที่พอเห็นวัน
00:17:02 → 00:17:05 ที่ว่าเล็กๆก็เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะได้
00:17:05 → 00:17:07 ว่าถ้ามีเล่นหนึ่งเดี๋ยวก็คงมีเลข 2 ซึ่ง
00:17:07 → 00:17:10 ก็เป็นอย่างนั้นจริงที่นี่จากกันโชว์
00:17:10 → 00:17:12 เท็นโซเช่นที่ไม่ทำอะไรเดี๋ยวพอเปลี่ยน
00:17:12 → 00:17:15 เป็น M เทนซินวันว่าอย่าเวทีวันมันก็ยัง
00:17:15 → 00:17:18 ไม่ได้ทำงานอะไรอยู่ดีนะครับเพราะมันจะ
00:17:18 → 00:17:20 ต้องรอเปิดเหมือนกับเปลี่ยนอีกรอบนะครับ
00:17:20 → 00:17:22 แล้วแปลงไปครอบเนี่ยให้เป็นสารไอ้โจ
00:17:22 → 00:17:25 เทนซิน to หรือว่า at2 นะครับที่นี่ในการ
00:17:25 → 00:17:28 ที่ at1 เดี๋ยวจะแปลงกายเป็น at2 เนี่ย
00:17:28 → 00:17:31 มันจะต้องเดินทางไปที่ปอดเพราะว่าอะไร
00:17:31 → 00:17:33 เพราะว่าตัวเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยน
00:17:33 → 00:17:36 at1 เป็น G2 มันจะอยู่ในเส้นเลือดฝอยที่
00:17:36 → 00:17:38 อยู่ภายในปอดนะครับเป็นทรายตัวนั้นเนี่ย
00:17:38 → 00:17:41 มีชื่อย่อว่า a c e นะครับซึ่งก็ย่อมา
00:17:41 → 00:17:44 จากคำว่าอันโจรเทนซินคอนเวนสายนะครับซึ่ง
00:17:44 → 00:17:46 ก็คือแปลกตรงตามชื่อเลยก็คือว่าตัว
00:17:46 → 00:17:49 Convert ที่ว่าแปลงนะครับก็คือแปลง Angel
00:17:49 → 00:17:52 เทนซินจาก nu เทนซินหนึ่งเป็นโจเทนซิน 2
00:17:52 → 00:17:56 อันนี้จุดที่สำคัญก็คือว่าเมื่อ at2 คัน
00:17:56 → 00:17:59 โยธินซ้อนเต้น 2 ได้เกิดขึ้นเนี่ยสารเคมี
00:17:59 → 00:18:01 ตัวนี้เป็นสารที่ส่งดีมากที่ว่าทรงพลัง
00:18:01 → 00:18:04 มากในก็คือว่ามันเนี่ยออกฤทธิ์แรงมากนะ
00:18:04 → 00:18:07 ครับแล้วมันก็ทำงานเยอะมากคือไปทำงานกับ
00:18:07 → 00:18:10 ที่ไหลอวัยวะเลยแล้วจะก่อให้เกิดการ
00:18:10 → 00:18:13 เปลี่ยนแปลงอย่างมากมายนะครับในร่างกาย
00:18:13 → 00:18:16 ของเราที่นี้เราจะมาดูกันนะครับว่า at2
00:18:16 → 00:18:19 เนี่ยมันทำอะไรบ้างนะครับก็บางส่วนนะครับ
00:18:19 → 00:18:21 ว่าดูว่าหน้าที่นี่มันมีอะไรบ้างอย่างแรก
00:18:21 → 00:18:23 สุดเลยนะครับก็คือตัวเองเร็วเทนซินทรู
00:18:23 → 00:18:26 เนี่ยมันจะเดินทางกลับไปที่ต่อมหมวกไตแต่
00:18:26 → 00:18:28 คราวนี้จะต่างไปไม่บอกว่าต่อบางใจเนี่ย
00:18:28 → 00:18:31 มันถูกกระตุ้นต่อส่วนที่ถูกทำงานเนี่ยมัน
00:18:31 → 00:18:33 จะเป็นส่วนที่อยู่ภายในใช่ไหมครับแต่คราว
00:18:33 → 00:18:36 นี้ตัวเอง zhengzhou เทนซิน 2 เนี่ยโยธิน
00:18:36 → 00:18:38 to เนี่ยมันจะไปกระตุ้นที่ตกเปลือกของ
00:18:38 → 00:18:41 ต่อมหมวกไตและให้มีการสร้างแล้วก็ปล่อย
00:18:41 → 00:18:43 สารเคมีออกมาตัวนึงที่มีชื่อว่า Outdoor
00:18:43 → 00:18:46 Zone Teen S เอารถโซโลนั่นก็คือ 3 ตัว
00:18:46 → 00:18:48 ที่ 3 ใช่ไหมครับที่เราคุยกันไว้กี่ว่า
00:18:48 → 00:18:51 ระบบนี้มันเชื่อเรียนๆโจเทนซินแล้วก็เอา
00:18:51 → 00:18:53 โดนตัวนี้ก็คือตัวสุดท้ายครับตัว R โดน
00:18:53 → 00:18:56 แล้วอ้ะรถ slow เนี่ยมันทำอะไรคำตอบก็คือ
00:18:56 → 00:19:00 โดตัวนี้นะครับมันจะไปที่ไตแล้วมันจะทำ
00:19:00 → 00:19:03 มันก็ไปทำให้ไตเดี๋ยวในการดึงเกลือ
00:19:03 → 00:19:05 โซเดียมเนี่ยกลับเข้ามามากขึ้นหมายความ
00:19:05 → 00:19:08 ว่ายังไงเอามาเค้าปกติเนี่ยเราจะคุ้นเคย
00:19:08 → 00:19:10 ดีช่างวัดไรเนี่ยทำหน้าที่เป็นเครื่อง
00:19:10 → 00:19:13 กรองทองนะครับที่นี่ในการครองหรือปกติมัน
00:19:13 → 00:19:15 จะมีการปล่อยเกลือโซเดียมเนี่ยเอาไปส่วน
00:19:15 → 00:19:17 หนึ่งคำว่าปล่อยออกมาจะว่าจะปล่อยออกไป
00:19:17 → 00:19:21 แล้วก็จะออกไปกับน้ำปัสสาวะแต่ถ้ามีสาร
00:19:21 → 00:19:23 เคมีตัวนี้มานะครับก็เอารถโซโลเนี่ยมันจะ
00:19:23 → 00:19:25 ไม่ไปกระตุ้นให้มีการดึงโซเดียมกลับจาก
00:19:25 → 00:19:27 น้ำปัสสาวะคือน้ำที่จะกลายเป็นน้ำปัสสาวะ
00:19:28 → 00:19:30 เนี่ยกลับเข้ามาในเส้นเลือดอีกครั้งหนึ่ง
00:19:30 → 00:19:32 พรุ่งนี้ขึ้นดึงกลับเข้ามาที่นี่ตัว
00:19:32 → 00:19:35 โซเดียมเนี่ยปกติเนี่ยมันจะไม่มาเปล่ามัน
00:19:35 → 00:19:37 จะดึงน้ำกับมันด้วยเพราะว่าน้ำยาจะมาคู่
00:19:37 → 00:19:39 กับตัวสวัสดีม.มทางนั้นเนี่ยการดึง
00:19:39 → 00:19:42 โซเดียมกลับก็ไม่เป็นการดึงโซเดียมกันน้ำ
00:19:42 → 00:19:44 เนี่ยกลับเข้ามาในเส้นเลือดสิ่งที่เกิด
00:19:44 → 00:19:46 ขึ้นตามมาก็คือเส้นเลือดเนี่ยก็จะมี
00:19:46 → 00:19:48 ปริมาณเกลือและน้ำในเพิ่มขึ้นทำให้ความ
00:19:48 → 00:19:50 ดันเลือดเพิ่มขึ้นตรงนี้นี่เดี๋ยวตอนที่
00:19:50 → 00:19:52 เราคุยกันเรื่องไตเดี๋ยวเดียวกับที่เราจะ
00:19:52 → 00:19:54 คุยเรื่องนี้ให้ฟังอีกทีนะครับเท่ากับใคร
00:19:54 → 00:19:55 รู้สึกว่ามัน
00:19:55 → 00:19:58 ชักจะเยอะไปนะครับก็อาจจะฟังผ่านไปเกาะนะ
00:19:58 → 00:20:00 ครับเดี๋ยวเราควรจะกลับมาคุย 3 วิธีถ้า
00:20:00 → 00:20:02 เราที่คุยไปเนี่ยนะครับก็เป็นการทำงานได้
00:20:02 → 00:20:04 นะครับหรือว่าเป็นหน้าที่แรกของ agile
00:20:04 → 00:20:06 เทนซินทรูแต่มันจะมีหน้าที่อื่นนะครับ
00:20:06 → 00:20:08 อย่างที่สองนะครับอยากเล่าให้ฟังก็คือว่า
00:20:08 → 00:20:11 ตัวเองจนถึงศูนย์ engin เนี่ยมันสามารถ
00:20:11 → 00:20:14 ที่จะไปที่สมองได้ด้วยโดยหลักๆนะคะมันจะ
00:20:14 → 00:20:17 ไปออกฤทธิ์ที่สมองสองทีด้วยกันที่แรกนะ
00:20:17 → 00:20:20 ครับจะไปส่วนที่ที่สมองส่วนที่ว่าต่อมใต้
00:20:20 → 00:20:22 สมองนะครับเรามีชื่อเดิมสักเลยว่าคิดถึง
00:20:22 → 00:20:25 จะ RE Grand นะครับซึ่งสมองส่วนนี้นะ
00:20:25 → 00:20:27 ครับที่เธอริกาในเป็นสว่างส่วนที่สำคัญ
00:20:27 → 00:20:29 เหมือนกันนะครับในตอนที่ผมเล่าเกี่ยวกับ
00:20:29 → 00:20:32 พวกระบบข้อมูลต่างๆของร่างกายนะครับพบ
00:20:32 → 00:20:34 ต่อมไร้ท่อนั้นเราจะได้มาคุยถึงตอนนี้กัน
00:20:34 → 00:20:36 อย่างละเอียดอีกทีนะครับแต่ในตอนนี้เอา
00:20:36 → 00:20:39 เป็นว่าไอ้โจเทนซิน to เนี่ยมันไปที่ต่อม
00:20:39 → 00:20:41 ใต้สมองเซรั่มจะไปกระตุ้นให้มีการหลั่ง
00:20:41 → 00:20:43 ฮอร์โมนว่าตัวนึงนะครับเป็นฮอร์โมนที่มี
00:20:44 → 00:20:46 ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า a d s นะครับ
00:20:46 → 00:20:49 ชื่อ Hormone ตัวนี้ ats เป็นตัวย่อนะ
00:20:49 → 00:20:51 ครับมาจากชื่อเต็มว่า and Anti ด์
00:20:51 → 00:20:53 ยูไนเต็ดคอโมนะครับแอนตี้แลนไทน์เนี่ยมัน
00:20:53 → 00:20:56 แปลว่าต่อต้านคำว่าได้ยูไนเต็ดมันๆเพียง
00:20:56 → 00:20:59 การขับปัสสาวะแต่นั้น Hormone ตัวนี้มัน
00:20:59 → 00:21:01 ก็ตรงน่าเชื่อถือว่ามันเป็นฮอร์โมนที่
00:21:01 → 00:21:04 ต้านการขับปัสสาวะหรือผู้ที่ให้คือมัน
00:21:04 → 00:21:06 เป็นฮอร์โมนที่ดึงน้ำกลับทำให้ปัสสาวะของ
00:21:06 → 00:21:09 เราเนี่ยมันเข้มขึ้นนะครับหรือว่ามีประชา
00:21:09 → 00:21:11 ปัสสาวะน้อยลงซึ่งจะว่าไปแล้วเนี่ยมันก็
00:21:11 → 00:21:14 คล้ายๆกับอะรถโซนที่คุยไปเกาะหน้าถูกไหม
00:21:14 → 00:21:16 ครับก็คือว่าเอาโซโลนั้นดึงเปลือกหลับ
00:21:16 → 00:21:18 เข้ามานะครับทำให้น้ำหนักกับคอลเลคชั่น
00:21:18 → 00:21:20 เลือดด้วยเอเชียเหมือนกันนะครับก็คือจะไป
00:21:20 → 00:21:23 ดึงน้ำกับเข้ามาในเส้นเลือดนะครับเพลงแต่
00:21:23 → 00:21:27 ว่าทั้งสองตัวนะครับทั้ง adsl เทนซิน to
00:21:27 → 00:21:29 เนี่ยมันไปออกฤทธิ์คนละที่กันนะครับเรียก
00:21:29 → 00:21:31 ว่าไหมครับไปที่ใต้เหมือนกันออกซิลิโคน
00:21:31 → 00:21:33 ส่วนการธรรมะทำให้เหมือนกับทำงานเนี่ย
00:21:33 → 00:21:37 เสริมกันที่นี่เมื่อกี้ไอ้เจ้าเช่นทรูนะ
00:21:37 → 00:21:39 ครับเราไปที่ต่อมหมวกไตแล้วนะครับไอ้เจ้า
00:21:39 → 00:21:41 เทนซินทูเนี่ยจะไปออกเลขที่ 1 ก็คือออก
00:21:41 → 00:21:45 ฤทธิ์ในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับเป็นเป็น
00:21:45 → 00:21:47 ส่วนที่ทำให้เรารู้สึกกระหายน้ำนะครับ
00:21:47 → 00:21:49 เมื่อมันไปที่สมองส่วนนี้มันทำให้รู้สึก
00:21:49 → 00:21:51 เราอยากดื่มน้ำนะครับเมื่อเราเดินหน้ามาก
00:21:51 → 00:21:54 ขึ้นเนี่ยน้ำเข้าไปในทางเดินอาหารจากนั้น
00:21:54 → 00:21:56 ๆทำเป็นอาหารก็ถูกดูดซึมเข้าเส้นเลือดก็
00:21:56 → 00:21:59 ทำให้ความดันเรื่องของเราในเพิ่มขึ้นซึ่ง
00:21:59 → 00:22:02 จะช่วยค่ะวันนี้ที่เราจะเดิมเราขาดนั้น
00:22:02 → 00:22:04 อยู่แล้วเราก็ทำให้คันเนี่ยเราเพิ่มขึ้น
00:22:04 → 00:22:06 ได้แต่ถ้าเป็นคนปกติการดื่มน้ำมากยังไม่
00:22:06 → 00:22:08 ได้ทำให้ความดันเพิ่มขึ้นนะครับอันนี้ก็
00:22:08 → 00:22:10 จะทำงานแบบเขาๆนะครับของระบบที่ชื่อว่า
00:22:10 → 00:22:13 when i o เทนซินโดสโลว์นะครับที่นี่ผม
00:22:13 → 00:22:16 อยากจะเห็นภาพหนึ่งว่าจะเห็นว่าการทำงาน
00:22:16 → 00:22:18 เวลาความดันเลือดต่ำลงเรียนเช่นการทำงาน
00:22:18 → 00:22:20 ร่วมกันของหลายอวัยวะนะครับไม่ว่าจะ
00:22:20 → 00:22:23 เรื่องของต่อมหมวกไตนะครับตายนะครับหัวใจ
00:22:23 → 00:22:26 นะครับปอดตับสมองนะครับขอทำงานร่วมกัน
00:22:26 → 00:22:29 เป็นทีนะครับอันนี้เชื่อว่าหลายคนเข้ามา
00:22:29 → 00:22:31 ถึงตรงนี้นะครับจะรู้สึกสงสัยว่าเอ๊ะทำไม
00:22:31 → 00:22:33 ร่างกายของเรานี่มันถึงได้มีระบบที่
00:22:33 → 00:22:35 เหมือนกับซับซ้อนนะครับแล้วก็เหมือนกับ
00:22:35 → 00:22:38 ทลายข้างมันทำงานเหมือนกับซ้ำซ้อนกันจริง
00:22:38 → 00:22:40 ๆก็บอกว่าเนี่ยเป็นลักษณะปกติรถเป็นเป็น
00:22:40 → 00:22:42 รูปแบบไปทำงานของร่างกายเราเลยนะครับถ้า
00:22:42 → 00:22:45 เราศึกษากันไปเรื่อยๆนะครับฟังไปเรื่อยๆ
00:22:45 → 00:22:47 ในระบบต่างๆเราจะเห็นชัดเลยนะคะว่าใคร
00:22:47 → 00:22:49 ขบวนการต่างๆร่างกายเดี๋ยวมันจะมีค่ะทำ
00:22:49 → 00:22:53 งานที่พูดได้ว่ามีการทำทำงาน 3 กันแต่ถ้า
00:22:53 → 00:22:56 มองในอีกแหหนึ่งจะเห็นเป็นระบบที่มันก็มี
00:22:56 → 00:22:58 ปากอัพไว้ตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าถ้ามี
00:22:58 → 00:23:01 บางขั้นตอนเด็กเอ่อท่อสูตรนะครับทำงานได้
00:23:01 → 00:23:03 ไม่สมบูรณ์เนี่ยมันก็จะมีระบบอื่นๆที่คอย
00:23:03 → 00:23:06 ไหมครับทำงานเสริมนะครับหรือว่าคอยป้อง
00:23:06 → 00:23:08 กันไม่ให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นเราทั้ง
00:23:08 → 00:23:10 หมดนี้นะครับก็เป็นเรื่องของการตอบสนอง
00:23:10 → 00:23:12 เมื่อต่อร่างกายของเราและมีความดันเลือด
00:23:12 → 00:23:15 ตกลงคราวนี้เราจะมาดูกันบ้างว่าเมื่อความ
00:23:15 → 00:23:17 ดันเลือดของเราแล้วก็ดีที่คนนั้นเรื่อง
00:23:17 → 00:23:20 ของเราแล้วสูงเกินไปร่างกายของเราในจะตอบ
00:23:20 → 00:23:23 สนองยังไงและแก้ปัญหายังไงซึ่งต้องบอกว่า
00:23:23 → 00:23:24 ทักฟังมาถึงตรงนี้แล้วนะครับที่เหลือจะ
00:23:24 → 00:23:27 ไม่ค่อยยากแล้วเพราะว่าอะไรเพราะว่ากลไก
00:23:27 → 00:23:29 ที่มันแก้ปัญหาคนนั้นเลือกสูงหรือมันจะ
00:23:29 → 00:23:31 ให้คล้ายๆกับที่เราคุยกันไปตอนที่เราคุย
00:23:31 → 00:23:34 เรื่องของคนนั้นเลือกต่ำให้แต่ทำงานตรง
00:23:34 → 00:23:36 กันข้ามกันแล้วก็จะมีระบบเสริมเพิ่มขึ้น
00:23:36 → 00:23:39 อีกเล็กน้อยโอเคเริ่มต้นก็เหมือนเดิมนะ
00:23:39 → 00:23:41 ครับก็คือเริ่มจากว่าว่าตอนล่าสุด Sensor
00:23:41 → 00:23:44 3 ที่ที่เราคุยกันไปนะครับที่ขอข้างซ้าย
00:23:44 → 00:23:46 ข้างขวานะครับแล้วก็ที่จะเลือดออกแต่กาก
00:23:46 → 00:23:49 นะครับมันก็จะรับสัญญานก่อนว่าตอนนี้ควร
00:23:49 → 00:23:51 เลือกเนี่ยสูงไปแล้วนะครับเสร็จแล้วก็จะ
00:23:51 → 00:23:54 ส่งสัญญาณแจ้งที่สมองเพื่อให้รู้ว่าตอน
00:23:54 → 00:23:56 นี้ความดันเลือดสูงเกินไปจากนั้นสมองนะ
00:23:56 → 00:23:58 ครับส่วนที่เป็นการสมองในก็จะมีการสั่ง
00:23:58 → 00:24:01 งานลงมาซึ่งตัวอย่างล่าสุดนะครับก็คือ
00:24:01 → 00:24:03 สั่งงานที่หัวใจโดยตรงก็เหมือนที่เราคุย
00:24:03 → 00:24:05 กันไปเมื่อสักครู่นะครับก็คือสั่งไปที่เอ
00:24:05 → 00:24:07 สเอโหนดครับ AV โหนดแต่คราวนี้จะเป็นการ
00:24:07 → 00:24:10 สักการสั่งบอกให้หัวใจเต้นช้าลงนะครับก็
00:24:10 → 00:24:12 เข้าใจเต้นช้าลงความดันเลือดของเราแล้วก็
00:24:12 → 00:24:15 จะลดลงนิดนึงแต่ความต่างก็คือว่าอ่อนใน
00:24:15 → 00:24:17 กรณีนี้เนี่ยมันจะไม่มีเส้นประสาทที่ไป
00:24:17 → 00:24:19 สั่งที่กล้ามเนื้อหัวใจเพื่อบอกให้หัวใจ
00:24:19 → 00:24:22 เนี่ยมีตัวเบาลงอีกเส้นทางนะครับที่สมอง
00:24:22 → 00:24:24 สั่งงานก็คือสั่งงานไว้ที่เสื้อแดงนะครับ
00:24:24 → 00:24:26 ก็เหมือนเดิมนะครับเมื่อกี้สั่งให้เส้น
00:24:26 → 00:24:29 เลือดแดงเนี่ยกดตัวใช่ไหมครับคราวนี้ใน
00:24:29 → 00:24:32 กับสั่งให้แสดงขยายตัวนะครับก็จะให้ล้อ
00:24:32 → 00:24:34 เลื่อนมีเส้นทางสงกรานต์ในที่ใหญ่ขึ้นนะ
00:24:34 → 00:24:37 ครับคนนั้นเนี่ยก็ลดลงที่นี่นั่งเรือจัด 2
00:24:37 → 00:24:39 คนใจนะครับจะมีคนใจอีกกลไกหนึ่งนะครับที่
00:24:39 → 00:24:42 ค่อนข้างพิเศษก็คือจะมีเซลล์พิเศษอยู่
00:24:42 → 00:24:45 ซึ่งบอกว่าจะทำหน้าที่เหมือนกับเซ็นเซอร์
00:24:45 → 00:24:47 เหมือนกันถ้ามันมีความดันเลือดที่สูงขึ้น
00:24:47 → 00:24:50 นะครับทำให้ผนังหัวใจห้องนั้นมันก็ถูกดัน
00:24:50 → 00:24:53 นะครับให้มันขยายใหญ่ขึ้นเซ็นเซอร์ในเขา
00:24:53 → 00:24:55 จะรับรู้นะครับแล้วก็ทำให้มีการปล่อยข้อ
00:24:55 → 00:24:58 หมดออกมาปล่อยมาจากหัวใจเลยนะครับพอหมด
00:24:58 → 00:25:00 ตัวนี้มีชื่อย่อว่าเอเอ็นพีนะครับก็จะ
00:25:00 → 00:25:03 เข้าไว้เอกเลี่ยวนัดเกรดยูเรติกทักทายนะ
00:25:03 → 00:25:05 ครับเอเชียที่ไปหัวใจห้องบนนะครับออกแบบ
00:25:05 → 00:25:08 ท้ายก็คือบอกว่าสันมลคนตัวนี้มันเป็นสาร
00:25:08 → 00:25:11 พวกแบบถ่ายนะครับเป็นพวกโปรตีนส่วนคำว่า
00:25:11 → 00:25:13 นัด US ติดนะครับคำว่านัดรีน่าจะหมายถึง
00:25:13 → 00:25:16 กลัวโซเดียมนะครับสนยูไนเต็ดก็คือคำที่
00:25:16 → 00:25:18 เราคุยไปเมื่อกี้ก็คือการขับปัสสาวะซึ่ง
00:25:19 → 00:25:21 โดยรวมก็มาดูว่าสารตัวนี้เป็นสารพวก
00:25:21 → 00:25:23 โปรตีนที่ออกมาจากหัวใจของอินทรียนะครับ
00:25:23 → 00:25:27 ทำหน้าที่ขับเกลือออกไปขับปัสสาวะเส้นแน่
00:25:27 → 00:25:28 นอนก็อย่างที่เราคุยกันไปนะครับเพราะมัน
00:25:28 → 00:25:31 ครับเพื่อไป 90 ปัสสาวะสิ่งที่จะตามไปกับ
00:25:31 → 00:25:34 เพราะเกลือก็คือตัวน้ำนะครับก็ทำให้ความ
00:25:34 → 00:25:37 เอามากับน้ำในเลือดเนี่ยมันออกไปเป็นรูป
00:25:37 → 00:25:39 ปัสสาวะมากขึ้นทำให้ความดันในของเราลดลง
00:25:39 → 00:25:42 แต่เอเอ็นพีเนี่ยมันยังออกฤทธิ์คนไกลนะ
00:25:42 → 00:25:44 ครับซึ่งเป็นการที่สำคัญน่าจะสำคัญกว่านะ
00:25:44 → 00:25:47 ครับก็คือว่ามันเป็นตัวที่สามารถตีบล็อก
00:25:47 → 00:25:50 การทำงานของแองเจลเทนซินทูซึ่งก็คือตัว
00:25:50 → 00:25:51 ที่เราเคยจะไปเมื่อกี้นะครับว่าเป็นตัว
00:25:51 → 00:25:53 ที่เหมือนกับออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกายที่นี่
00:25:53 → 00:25:56 อะโยธิน to นี่มันออกหรือที่ไหนเนี่ย Amp
00:25:56 → 00:25:58 ในสามารถในบล็อกได้หมดนะครับซึ่งผลโดยรวม
00:25:58 → 00:26:00 นะครับอัญเชิญ tencent ก็จะทำให้ความดัน
00:26:00 → 00:26:03 เลือดเนี่ยมันเพิ่มขึ้นถูกไหมครับเมื่อ
00:26:03 → 00:26:05 มันโดนบล็อคเนี่ยค่อนเลื่อนมาข้อตกลงนี้
00:26:05 → 00:26:07 ตรงไปตรงมาแล้วนี่ก็คือคนไกลนะครับที่
00:26:07 → 00:26:10 ร่างกายแก้ปัญหาเมื่อคนนั้นนะสูงไปที่นี่
00:26:10 → 00:26:12 ก่อนที่จะจบในโซนนี้นะครับผมอยากจะชี้ให้
00:26:12 → 00:26:15 เห็นนิดนึงนะครับว่าปกติเวลาเราพูดถึงการ
00:26:15 → 00:26:17 ทำงานของร่างกายหลายครั้งเนี่ยเรามีแนว
00:26:17 → 00:26:20 โน้มจะมองว่าร่างกายของเราได้ทำงานแบบแยก
00:26:20 → 00:26:23 ส่วนกันก็คือว่าแต่ระบบทำงานต่อในส่วนของ
00:26:23 → 00:26:26 มันเช่นหัวใจและหลอดเลือดจะทำหน้าที่ปั้ม
00:26:26 → 00:26:28 เลือดเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายนะครับขอ
00:26:28 → 00:26:31 ปอดนะครับไปทำหน้าที่หายใจนะครับขอ
00:26:31 → 00:26:32 เปลี่ยนเลือดแดงเป็นเลือดดำนะครับเพื่อ
00:26:32 → 00:26:35 ออกซิเจนให้กับเลือดทางเดินอาหารกับทำ
00:26:35 → 00:26:37 หน้าที่เรื่องของการอ่อนดูดซึมอาหารครับ
00:26:37 → 00:26:41 ย่อยและดูดซึมอาหารส่วนต่อระบบไปนะครับไป
00:26:41 → 00:26:43 แล้วทั้งทางเดินปัสสาวะในการทำหน้าที่
00:26:43 → 00:26:45 เหมือนกับกรองของเสียแต่จากที่เราคุยกัน
00:26:45 → 00:26:48 ในวันนี้นะครับที่เมื่อเราเห็นการทำงาน
00:26:48 → 00:26:50 ต่างๆรู้จะเห็นว่าร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:26:50 → 00:26:53 ได้ทำงานแยกส่วนคือทำงานเป็นทีมเวิร์คนะ
00:26:53 → 00:26:55 ครับนอกจากนี้ถ้าเราจำกันได้นะครับตอนที่
00:26:55 → 00:26:58 เราคุยกันเรื่องของอ๊อฟภูมิคุ้มกันนะครับ
00:26:58 → 00:27:01 จะเห็นว่าระบบผมนะคะเดี๋ยวจริงมันก็ไม่
00:27:01 → 00:27:04 ได้มีแค่เรื่องของตัวไข่สั่นหลังนะครับจำ
00:27:04 → 00:27:06 ยังเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ต่างๆเต็มไปหมด
00:27:06 → 00:27:08 นะครับที่ได้ที่เรามาตรงนี้เนี้ยเพราะ
00:27:08 → 00:27:10 อะไรเพราะเชื่อว่าหลายคนนะครับอาจจะเคย
00:27:10 → 00:27:13 คุยกับหมอนะครับแล้วก็เหมือนกับตั้งคำถาม
00:27:13 → 00:27:16 นะครับขอที่พักจะเจอกันบ่อยก็คือว่าเวลา
00:27:16 → 00:27:19 จะดูแลหัวใจเนี่ยต้องทำยังไงนะครับเราว่า
00:27:19 → 00:27:21 จากจะดูแลตับเนี่ยต้องทำอะไรบ้างแล้วว่า
00:27:21 → 00:27:24 มีอะไรไหมถ้ากินบำรุงกินและบำรุงไตนะครับ
00:27:24 → 00:27:27 แล้วก็กินอะไรและบำรุงปอดได้บ้างและผม
00:27:27 → 00:27:29 เชื่อว่าหลายคนเนี่ยถามป่ะเนี่ยจะได้รับ
00:27:29 → 00:27:32 คำตอบจากหมอที่เหมือนกับไม่ค่อยต่อถูกใจ
00:27:32 → 00:27:34 สักเท่าไหร่นะครับก็คือหมอมันจะตอบลงไป
00:27:34 → 00:27:36 ว่าก็คือเรื่องของ Lifestyle นะครับก็คือ
00:27:36 → 00:27:38 เรื่องของการกินอาหารที่ดีกับสุขภาพนะ
00:27:38 → 00:27:41 ครับเป็นอาหารที่มีกากใยเยอะขอกินผักผล
00:27:41 → 00:27:43 ไม้เยอะๆลดพวกเนื้อแดงนะครับออกทางไกล
00:27:43 → 00:27:46 เพียงพอนอนหลับเพียงพอแล้วก็เรื่องของ
00:27:46 → 00:27:48 เรื่องออกความเครียดนะครับหาวิธีจัดการ
00:27:48 → 00:27:51 ความเครียดซึ่งจะเป็นคำตอบที่หลายค่ามัน
00:27:51 → 00:27:53 ต่างจากเวลารับฟังจากโฆษณาพวกอาหารเสริม
00:27:53 → 00:27:55 ต่างๆนะครับที่อันนี้บำรุงไตบำรุงตับนี้
00:27:55 → 00:27:57 บำรุงหัวใจนะครับจากที่เราคุยกันวันนี้นะ
00:27:57 → 00:28:00 ครับหรือเข้าใจการทำงานของร่างกายแบบ
00:28:00 → 00:28:01 เหมือนกับที่เราคุยกันนะครับว่าคือเข้าใจ
00:28:01 → 00:28:04 ทำงานแบบองค์รวมเนี่ยจะเห็นว่าจริงๆร่าง
00:28:04 → 00:28:06 กายมันไม่ได้ทำงานแบบแยกส่วนมันทำให้ไม่
00:28:06 → 00:28:08 สามารถจะบอกได้นะคะว่าอ้ะทำแบบนี้เราจะดี
00:28:08 → 00:28:10 กับหัวใจโดยเฉพาะนะครับแล้วก็คิดอันนี้
00:28:10 → 00:28:12 เราจะดีกับตับโดยตรงแต่ในความเป็นจริงก็
00:28:12 → 00:28:14 คือว่าอะไรก็ตามนะครับที่มันดีกับหัวใจ
00:28:14 → 00:28:17 มันจะดีกับสมองไปด้วยดีกับตับไปด้วยดีกับ
00:28:17 → 00:28:19 ไปไปด้วยนะครับแล้วก็ดีกับบอทไปด้วยด้วย
00:28:19 → 00:28:22 เหตุนี้นะครับเวลาหมอนะส่วนใหญ่เวลาแนะนำ
00:28:22 → 00:28:24 เกี่ยวสุขภาพจริงจังมากจึงให้คำแนะนำแบบ
00:28:24 → 00:28:26 บางๆนะครับเป็นที่บอกไปคือเป็นหลายสไตล์
00:28:26 → 00:28:29 นะครับเศร้าในพี่ Sony ก็คงจะมีเท่านี้นะ
00:28:29 → 00:28:31 ครับแต่ซีรีย์นี้เรายังไม่จบนะครับในปี
00:28:31 → 00:28:33 โสดหน้านะครับในจากเลยจะประมาณซัก 2-3
00:28:33 → 00:28:35 ได้ไปสวรรค์เนี่ยที่เราจะไปคุยกันนะครับ
00:28:35 → 00:28:37 คือเราจะนำความรู้ที่เราคุยกันมานะครับ
00:28:37 → 00:28:40 เกี่ยวอะเรื่องของการทำงานหัวใจและหลอด
00:28:40 → 00:28:43 เลือดเนี่ยไปทำความเข้าใจนะครับเดี๋ยวเรา
00:28:43 → 00:28:45 กลับต่างๆที่พบได้บ่อยหลักๆก็เช่นเรื่อง
00:28:45 → 00:28:47 ของเส้นเลือดหัวใจตีบตันนะครับเราเข้าใจ
00:28:47 → 00:28:50 ขาดเลือดนะครับขอเรื่องของภาวะที่เรียก
00:28:50 → 00:28:52 ว่าภาวะหัวใจวายนะครับจะไปดูว่าไอ้ควรจะ
00:28:52 → 00:28:55 วายมันคืออะไรนะครับแล้วก็เรื่องของภาวะ
00:28:55 → 00:28:59 ช็อกนะครับว่าเขาช็อคในทางการแพทย์มันคือ
00:28:59 → 00:29:01 อะไรนะครับว่ามันเป็นภาวะที่พบได้ค่อน
00:29:01 → 00:29:03 ข้างไวเหมือนกันแล้วเรามาเจอกันใหม่ในพี่
00:29:03 → 00:29:05 โสดหน้านะครับสวัสดีครับ
00:29:05 → 00:29:15 [เพลง]