00:00:00 → 00:00:01 ก็คือเที่ยวคิดที่เราสั่งเนี่ยมันจะ
00:00:01 → 00:00:03 สามารถควบคุมได้แค่ประมาณเท่านั้นถ้าเรา
00:00:03 → 00:00:06 ไปฝืนมันมากๆสมองส่วนที่อยู่นอกที่สำเร็จ
00:00:06 → 00:00:08 มันก็จะมาเทกโอเวอร์ไปก็อย่างเช่นนะครับ
00:00:08 → 00:00:10 สมมติเราอยากจะพยามการเห็นใจนะครับเพื่อ
00:00:10 → 00:00:12 ฆ่าตัวตายเนี่ยเราจะไม่สามารถทำได้เพราะ
00:00:12 → 00:00:14 ว่าพอน้องการหัวใจถึงจุดหนึ่งเนี่ยร่าง
00:00:14 → 00:00:17 กายเราในมันจะไหมครับการต่อไปไม่ไหวแล้ว
00:00:17 → 00:00:20 ร่างกายก็จะบังคับให้กายใจดำไม่เกิดขึ้น
00:00:20 → 00:00:24 ต่อที่เอง
00:00:24 → 00:00:38 [เพลง]
00:00:38 → 00:00:41 สวัสดีทุกคนนะครับยินดีต้อนรับเข้าสู่
00:00:41 → 00:00:43 เรื่องลักษณะการ Channel นะครับผมหมออ้อย
00:00:43 → 00:00:46 โอเคแพ้จะพลเกียรติขจรธาดาสำหรับวันนี้ก็
00:00:46 → 00:00:48 ยังเป็นซีรีส์เดิมนะครับก็คือเป็นชีวิต
00:00:48 → 00:00:50 ที่เราทำความรู้จักเกี่ยวกับปอดแล้วก็ทัก
00:00:50 → 00:00:53 มาในใจของเรากันในส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนที่
00:00:53 → 00:00:55 2 เรามาเริ่มเรื่องกันเลยนะครับก็คือต่อ
00:00:55 → 00:00:57 จากกะทิสดที่ 1 นะครับในส่วนนี้นะครับใน
00:00:57 → 00:00:59 หาของว่าก็คือเมื่อเราเริ่มหายใจนะครับก็
00:00:59 → 00:01:02 จะไปณวัดจับต่างๆเนี่ยมันทำงานยังไงนะ
00:01:02 → 00:01:05 ครับที่ผมอยากจะเริ่มคับด้วยคำถามก่อนว่า
00:01:05 → 00:01:07 อะไรนะครับที่เป็นตัวควบคุมการหายใจของ
00:01:07 → 00:01:10 เราแน่นอนว่าเราทุกคนรู้ดีว่าการหายใจมัน
00:01:10 → 00:01:13 เกิดขึ้นได้เองคือเราไม่ต้องบังคับเราไม่
00:01:13 → 00:01:16 ต้องคิดแล้วไม่ต้องพยายามที่จะหายใจแม้
00:01:16 → 00:01:18 แต่ตอนที่เราหลับแล้วก็หายใจที่เองจบนะ
00:01:18 → 00:01:20 ครับในทางการแพทย์เนี่ยเราจะเรียกระบบใน
00:01:20 → 00:01:22 ร่างกายที่สามารถทำงานด้วยตัวเองแบบนี้นะ
00:01:22 → 00:01:25 ครับว่าเป็นระบบอัตโนมัติซึ่งจริงๆคะว่า
00:01:25 → 00:01:27 ระบบจอนาจาโนมัติเนี่ยมันก็ไม่แปลว่ามัน
00:01:27 → 00:01:29 ทำงานเองเราก็จะมีการสั่งการจากสมองของ
00:01:29 → 00:01:32 เราอยู่ดีเพศแต่ว่าการสั่งการมันจะมาจาก
00:01:32 → 00:01:35 สมองส่วนที่อยู่นอกจิตสำนึกก็คือว่าสมอง
00:01:35 → 00:01:38 สั่งแต่เราไม่รู้ตัวที่นี่ศูนย์ที่ควบคุม
00:01:38 → 00:01:40 การหายใจมันจะอยู่แถวๆสมองส่วนที่เรียก
00:01:40 → 00:01:43 ว่าเป็นการสมองและถ้าใครไม่รู้จักการสมอง
00:01:43 → 00:01:45 นะครับเข้าๆนะครับก็คืออาจจะลองกำมือขึ้น
00:01:45 → 00:01:47 มานะครับแล้วสมมติว่าส่วนที่เป็นมือของ
00:01:47 → 00:01:50 เรานี่คือสมองและท่อนแขนของเราได้เป็นใคร
00:01:50 → 00:01:52 สันหลังที่ในการสมองนำจะอยู่แถวประมาณแถว
00:01:52 → 00:01:55 ข้อมือนะครับซึ่งส่วนควบคุมการหายใจนำจะ
00:01:55 → 00:01:57 อยู่แถวนี้และก็ไม่ใช่แค่ระบบการหายใจนะ
00:01:57 → 00:02:00 ครับแต่ว่ากลไกต่างๆที่เกี่ยวข้องมี
00:02:00 → 00:02:02 อัตโนมัตินะครับก็มาจากมาจากส่วนนี้นะ
00:02:02 → 00:02:04 ครับสมองตัวนี้ก็คือส่วนที่เราเป็นการ
00:02:04 → 00:02:07 สมองแต่ความเป็นระบบอัตโนมัติของระบบหาย
00:02:07 → 00:02:09 ใจเนี่ยจะบอกว่ามันเป็นกับเป็นกึ่ง
00:02:09 → 00:02:12 อัตโนมัติเพราะว่าร่างกายเราเนี้ยจริง
00:02:12 → 00:02:14 อยู่มันทำงานอัตโนมัติจำก็จะเปิดช่องให้
00:02:14 → 00:02:15 เราสามารถเข้าไปควบคุมการหายใจได้บ้าง
00:02:15 → 00:02:18 ซึ่งตรงนี้มันจะตามไปจากระบบอัตโนมัติ
00:02:18 → 00:02:20 หรืออื่นๆตัวอย่างเช่นนะครับหัวใจเนี่ย
00:02:20 → 00:02:22 เราไม่สามารถที่จะไปคิดหรือว่าไปสั่งนะ
00:02:22 → 00:02:25 ครับให้มันเต็มเร็วขึ้นเป็นช้าลงหรือว่า
00:02:25 → 00:02:28 หยุดเต้นชั่วคราวได้คือหรือว่าในทางเดิน
00:02:28 → 00:02:30 อาหารนะครับเช่นกระเพาะลำไส้ตับเนี่ยเรา
00:02:30 → 00:02:32 ไม่สามารถที่จะไปสั่งให้มันทำงานมากขึ้น
00:02:32 → 00:02:35 น้อยลงหรือว่าอยู่ทำงานได้แต่ตัวระบบหาย
00:02:35 → 00:02:37 ใจเนี่ยเราพอจะทำแบบนั้นได้ก็คือมันมี
00:02:37 → 00:02:39 ความเป็นอัตโนมัติด้วยแต่เราก็สามารถจะ
00:02:39 → 00:02:42 คิดหรือว่าสั่งเลยเช่นเราอยากจะหายใจเร็ว
00:02:42 → 00:02:45 ขึ้นช้าลงหายใจตื้นให้จะลึกๆเนี่ยหรือว่า
00:02:45 → 00:02:48 การหายใจเราก็ทำได้แต่สมองส่วนที่เป็นจิต
00:02:48 → 00:02:50 สำนึกนะครับก็คือที่เราคิดที่เราสั่งเลย
00:02:50 → 00:02:52 มันจะสามารถควบคุมได้แค่ประมาณเท่านั้น
00:02:52 → 00:02:55 ถ้าเราไปฝืนมันมากๆเดี๋ยวสมองส่วนที่อยู่
00:02:55 → 00:02:57 นอกจิตสำนึกมันก็จะมาเทคโอเวอร์ไปตัว
00:02:57 → 00:02:59 อย่างเช่นนะครับสมมติเราอยากจะพยามการ
00:02:59 → 00:03:01 เห็นปมาเพื่อฆ่าตัวตายเนี่ยเราจะไม่
00:03:01 → 00:03:04 สามารถทำได้เพราะว่าพอน้องปั้นหัวใจถึง
00:03:04 → 00:03:06 จุดหนึ่งเนี่ยร่างกายเราในมันจะมาครับการ
00:03:06 → 00:03:10 ต่อไปไม่ไหวแล้วหลังการก็จะบังคับให้การ
00:03:10 → 00:03:12 แต่ใจนะไม่เกิดขึ้นต่อได้เองที่นี้เรามา
00:03:12 → 00:03:14 ดูกันได้นึงนะครับว่าศูนย์ควบคู่ไปหายใจ
00:03:14 → 00:03:16 ที่ว่าอยู่ที่การสมองมันมีไปเรียนยังไง
00:03:16 → 00:03:19 บ้างนะครับว่าเข้าๆนะครับก็คือต้องบอก
00:03:19 → 00:03:22 ก่อนว่าแม้ว่าเราจะใช้คำว่า 0 นะครับแต่
00:03:22 → 00:03:24 ว่าจริงมันไม่รวมส่วนอยู่ที่เดียวใน
00:03:24 → 00:03:26 บริเวณนั้นเนี่ยเพลงใกล้ๆกันนะมันจะมันก็
00:03:26 → 00:03:29 จะรู้ว่ามันเป็นสาขาย่อยอยู่ 3 สาขาก็ได้
00:03:29 → 00:03:31 นะครับใน 3 สาขานี้นะครับจริงมันก็มีการ
00:03:31 → 00:03:34 รับผิดชอบงานที่ต่างกันไปก็อย่างเช่นตัว
00:03:34 → 00:03:37 สาขาที่ 1 และก็ 2 นะครับมันก็จะทำงานที่
00:03:37 → 00:03:39 เกี่ยวข้องกับการหายใจที่ปกติเราหายใจกัน
00:03:39 → 00:03:41 ก็คือเป็นการหายใจแบบที่เราไม่รู้ตัวคือ
00:03:41 → 00:03:44 ให้ใจไปเรื่อยๆนะครับโดยสาขาที่ 1 และก็ 2
00:03:44 → 00:03:46 เนี่ยมันจะอยู่ใกล้ๆกันนะครับแล้วก็ทั้ง
00:03:46 → 00:03:48 คู่เหมือนจะทำงานเสริมกันนะครับทำงานช่วย
00:03:48 → 00:03:50 กันผลที่ออกมาก็คือจะเป็นลักษณะของการหาย
00:03:50 → 00:03:53 ใจแบบที่เราใจปกติคือให้ใจไปเรื่อยๆหายใจ
00:03:53 → 00:03:55 แบบที่ไม่ได้คิดไม่ได้สนใจเรื่องการหายใจ
00:03:55 → 00:03:58 แต่ร่างกายและมันจัดการไปเองนี่มันจะมี
00:03:58 → 00:04:01 จุดนึงนะครับเป็นสาขาที่บ่แม่นอยู่แยกตัว
00:04:01 → 00:04:04 มาไกลจากนิดนึงนะครับก็คือเอาจริงอยู่ทาง
00:04:04 → 00:04:07 สูงกว่านิดหน่อยส่วนนี้นะครับส่วนที่เป็น
00:04:07 → 00:04:09 สาขาที่ 3 ในแง่ของการทำงานมันจะทำให้เรา
00:04:09 → 00:04:12 หายใจนาทีขึ้นหรือว่าจะได้เร็วขึ้นโดยมัน
00:04:12 → 00:04:15 จะส่งสัญญาณอ่ะเบรกจังหวะของสาขาที่ 1 ก็
00:04:15 → 00:04:19 2 คือให้การหายใจในบริการสั้นลงซึ่งสถาน
00:04:19 → 00:04:22 ที่ 2 เนี่ยมันจะถูกกระตุ้นให้ทำงานใน
00:04:22 → 00:04:24 เวลาที่เรามีคำว่าออกไซด์ในเลือดเพิ่ม
00:04:24 → 00:04:27 ขึ้นก็คือร่างกายเราจะมีเซ็นเซอร์ที่จะ
00:04:27 → 00:04:30 คอยพอรับรู้นะคะว่าเวลาเนี่ยคำรักใส่
00:04:30 → 00:04:33 เรื่องมันเริ่มสูงและโดยตัวเซ็นเซอร์มัน
00:04:33 → 00:04:35 จะอยู่แถวเส้นเลือดแดงนะครับแถวคอซึ่งก็
00:04:35 → 00:04:38 เป็นเส้นเลือดที่นำเลือดมาเลี้ยงสมองซึ่ง
00:04:38 → 00:04:40 การวางเซ็นเซอร์ไว้ตรงนี้นะครับก็ต้องบอก
00:04:40 → 00:04:43 ว่าเป็นการวางตำแหน่งที่ฉลาดมากจะได้ฉลาด
00:04:43 → 00:04:45 ยังไงขึ้นอย่างนี้ครับสมมติว่าเราออกแบบ
00:04:45 → 00:04:47 ร่างกายแล้วนะซื้อว่าเราอยากจะออกแบบร่าง
00:04:47 → 00:04:49 กายเราสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาแล้วอยากจะวาง
00:04:49 → 00:04:52 เซ็นเซอร์ที่คอยจับประมาณของคำรักทรายเอา
00:04:52 → 00:04:54 ไว้เนี่ยคำถามคือเราจะไปวางไว้ที่ไหนดีใน
00:04:54 → 00:04:58 ร่างกายเรามีเซ็นเซอร์แค่ 1 2 อันคำตอบ
00:04:58 → 00:05:00 ก็คือเราอยากจะไปวางเซ็นเซอร์ไว้น่าจะ
00:05:00 → 00:05:03 ใกล้ๆกับอวัยวะที่ไวต่อคำรับสายมากที่สุด
00:05:03 → 00:05:06 ใช่ไหมครับคำว่าไว้ในที่นี้ก็มาถึงว่ามัน
00:05:06 → 00:05:08 ทนครับแล้วทรายสูงไม่ได้คือทำมาเริ่มส่ง
00:05:08 → 00:05:11 ปุ๊บนะวันนี้จะไปก่อนซึ่งเอาไว้ว่านั้นก็
00:05:11 → 00:05:13 คือสมองนั้นเซ็นเซอร์มันก็มาอยู่ตรงโรง
00:05:13 → 00:05:16 เรียนเส้นเลือดที่จะวิ่งที่สมองซึ่ง
00:05:16 → 00:05:17 เปลี่ยนที่บอกก็คือเป็นการเลือกตำแหน่ง
00:05:17 → 00:05:20 ที่ฉลาดนะครับที่ตัวเซ็นเซอร์มาได้คอยดัก
00:05:20 → 00:05:23 จับว่าตอนนี้คำหลักทรายในสูงขึ้นและยัง
00:05:23 → 00:05:25 หรือว่าเลือกมีพักภาวะความเป็นกรดมากขึ้น
00:05:25 → 00:05:28 หรือเปล่าเพราะว่าคำรักซ้ายเวลามันละลาย
00:05:28 → 00:05:30 ในเลือดจะให้เป็นเพราะสารที่เป็นกรดหรือ
00:05:30 → 00:05:34 เป็นกรดนะครับถ้ามันดีสัญญาณว่ามีคำรัก
00:05:34 → 00:05:36 ทรายสูงแล้วเหรอเลือกเป็นกฎแล้วเนี่ยมัน
00:05:36 → 00:05:39 ก็จะส่งสัญญาณขึ้นไปที่เรียนสาขาที่ศาล
00:05:39 → 00:05:41 ครับเลขที่ควบคุมการหายใจเซรั่มจะช่วยให้
00:05:41 → 00:05:44 เราคลายใจเนี่ยเร็วขึ้นการหายใจเร็วขึ้น
00:05:44 → 00:05:46 เนี่ยมันจะเป็นการทำให้คำร้องทรายนะครับ
00:05:46 → 00:05:50 ออกจากเลื่อนได้เร็วขึ้นทีนี้พอจะเห็นกัน
00:05:50 → 00:05:52 เค้าๆแล้วนะครับว่าระบบที่ควบคุมการหายใจ
00:05:52 → 00:05:54 เนี่ยมันทำงานอะไรบ้างคราวนี้นะครับผมยัง
00:05:54 → 00:05:56 จะชวนมาดูในแง่ของการควบคุมบ้านครับก็
00:05:56 → 00:05:59 ทำไมว่าตกตามเนื้อเนี่ยที่ควบคุมการหายใจ
00:05:59 → 00:06:01 มาทำงานไม่ว่างหรือพูดง่ายๆว่าคือเมื่อ
00:06:01 → 00:06:03 สมองสั่งงานลงมาแล้วเนี่ยมันสั่งมาที่
00:06:03 → 00:06:07 กล้ามเนื้อไหนการหายใจที่ได้เกิดขึ้นที่
00:06:07 → 00:06:09 นี่หลักการของการหายใจนะครับจะว่าไปเนี่ย
00:06:09 → 00:06:11 เอามันอาจจะพอเทียบกับการต่อลูกโป่งก็ได้
00:06:11 → 00:06:14 คือตอนที่เราเป่าลูกโป่งให้พองออกเราต้อง
00:06:14 → 00:06:17 ออกแรงเปล่าถูกไหมครับแต่ตอนที่เราทำให้
00:06:17 → 00:06:19 ลูกโป่งมันแซ่บลงเนี่ยก็คือเราไม่ต้องออก
00:06:19 → 00:06:21 แรงพอตัวลูกโป่งเนี่ยมันมีความเป็นยังยืด
00:06:21 → 00:06:23 อยู่และความเป็นอย่างยืนว่าจะขดตัวแล้วก็
00:06:23 → 00:06:26 บีบๆโลมาเองปลอดเหล้าแล้วก็มีหลักการใดๆ
00:06:26 → 00:06:28 กับตัวลูกโป่งนะครับก็คือตอนที่เอาอากาศ
00:06:28 → 00:06:30 เข้าปอดเนี่ยเราต้องใช้แรนะครับคือใช้แรง
00:06:30 → 00:06:32 ของกล้ามเนื้อแต่มันจะไม่ใช่รับสอนการ
00:06:32 → 00:06:35 เป่าลมเข้าไปแต่ละ 2 การที่ดูดลงจากข้าง
00:06:35 → 00:06:38 นอกผ่านจมูกเข้าไปที่ปอดแต่ตอนที่หายใจ
00:06:38 → 00:06:41 ออกในปอดเราจะมีความยืนหยุดที่จะสามารถ
00:06:41 → 00:06:44 ที่จะบีบลมออกมาได้เองทางการแพทย์ในจะใช้
00:06:44 → 00:06:46 ความยืดหยุ่นของปอดแบบนี้นะครับที่มีอะไร
00:06:46 → 00:06:48 ดีเนี่ยอาจจะใช้คำศัพท์ว่าเวลาสิบ City
00:06:48 → 00:06:52 ก็คือบ่ได้ Smart B Pro มาได้คำถามถัด
00:06:52 → 00:06:54 ไปนะครับก็คือว่าตอนที่เราปอดเราถูกลมข้อ
00:06:54 → 00:06:57 ในปอดเนี่ยบ่แล้วดูดเข้ามาได้อย่างไรคำ
00:06:57 → 00:06:59 ตอบก็คือใช้กล้ามเนื้อโดยสร้างเนื้อหลักๆ
00:07:00 → 00:07:02 ที่ใช้ในการดูลบแล้วให้ใจเข้ามาในมันจะมี
00:07:02 → 00:07:04 อยู่ 2 กลุ่มด้วยกันกล้ามเนื้อกลุ่มแรกนะ
00:07:04 → 00:07:06 ครับเป็นคือเครื่องมือที่สำคัญกว่าก็คือ
00:07:06 → 00:07:08 กล้ามเนื้อกระบังลมนะครับเป็นตัวทำงาน
00:07:08 → 00:07:10 หลักก็ในส่วนที่สองชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่
00:07:10 → 00:07:13 ระหว่างซี่โครงของเราจะได้ผมก็อยากจะ
00:07:13 → 00:07:15 เริ่มพูดถึงกล้ามเนื้อกลุ่มที่ 2 เกาะนะ
00:07:15 → 00:07:17 ครับเพราะว่ามันเห็นชัดว่าก็คือกำเนินที่
00:07:17 → 00:07:19 อยู่ระหว่างซี่โครงของเราถ้าเรามือเนี่ย
00:07:19 → 00:07:22 คำแถวซี่โครงของเรานะครับจักคำที่โครงได้
00:07:22 → 00:07:24 ตัวนะครับมันจะเป็นกระดูกและความไปและ
00:07:24 → 00:07:26 เทรนว่ามีช่องว่างระหว่างกระดูกอยู่ตรง
00:07:26 → 00:07:28 ที่เป็นช่องว่างระหว่างกระดูกตรงนี้นะ
00:07:28 → 00:07:29 ครับจะเป็นกล้ามนึงแล้วซึ่งกล้ามเนื้อ
00:07:29 → 00:07:32 เนี่ยถ้ามันหดตัวเนี่ยมันจะทำให้ซี่โครง
00:07:32 → 00:07:35 ทั้งหลายของเราเนี่ยสามารถยกลอยตัวขึ้นมา
00:07:35 → 00:07:36 ได้หรือผู้ที่ให้ก็คือทำให้หน้าอกของเรา
00:07:36 → 00:07:39 เนี่ยเหมือนกันมันพองออกผลคือเมื่อช่อง
00:07:39 → 00:07:40 ออกของเราขยายขึ้นมามันจะเกิดเหมือนกับ
00:07:40 → 00:07:43 ภาวะสุญญากาศในช่องอกถูกไหมครับแล้วอากาศ
00:07:43 → 00:07:45 แล้วก็จะถูกดูดจากจมูกและผ่านเข้าไปในปอด
00:07:45 → 00:07:48 อันนั้นเป็นตั้มเลี้ยงตัวแรกนะครับแต่
00:07:48 → 00:07:50 กล้ามเนื้อที่สำคัญกว่าทำหน้าที่มากกว่า
00:07:50 → 00:07:52 จริงๆก็คือกล้ามเนื้อกระบังหลบเนี่ยจะได้
00:07:52 → 00:07:55 กำลังลงเนี่ยมันคืออะไรอยู่แถวไหนออกเค้า
00:07:55 → 00:07:58 ๆนะครับจะอยู่แถวๆประมาณลิ้นปี่แต่ถ้าให้
00:07:58 → 00:08:00 นึกภาพออกเรียบร้อยจะต้องจินตนาการแต่ว่า
00:08:00 → 00:08:03 เราเนี่ยยอดตัวนะครับให้ตัวเล็กลงแล้วก็
00:08:03 → 00:08:06 เล็กพอที่จะไปอยู่ในช่องท้องได้เราไปยืน
00:08:06 → 00:08:09 อยู่แถวๆประมาณแถวสะดือเดือนนะครับเราก็
00:08:09 → 00:08:11 เงยหน้ามองขึ้นไปสิ่งที่เห็นบนเพดานนั่น
00:08:11 → 00:08:13 ก็คือตัวกล้ามเนื้อกระบังลมมันจะมีลักษณะ
00:08:13 → 00:08:16 เหมือนเป็นแผ่นนะครับข้างเคืองเนี่ยพืช
00:08:16 → 00:08:19 กันระหว่างช่องท้องช่องออกอยู่โดยจะมี
00:08:19 → 00:08:21 ลักษณะที่เหมือนกับว่ำเข้าไปในช่องอกที่
00:08:21 → 00:08:23 นี่ถ้ามาจากด้านล่างขึ้นไปเนี่ยก็จะ
00:08:23 → 00:08:25 เหมือนกับมองไปและเห็นเป็นโดมอยู่ข้างบน
00:08:25 → 00:08:27 เท่านี้เมื่อกล้ามเนื้อกระบังลมนะคะมัน
00:08:27 → 00:08:29 ได้รับสัญญาณประสาทจากสมองส่วนที่ควบคุม
00:08:29 → 00:08:32 การหายใจเนี่ยสิ่งที่ทำคือมันจะขดตัวอยู่
00:08:32 → 00:08:34 ในการหดตัวของมันว่าจะทำให้เกิดจากที่
00:08:34 → 00:08:36 เดิมเป็นเสือมันก็บ่ขึ้นข้างบนเนี่ยมันจะ
00:08:36 → 00:08:39 กลายเป็นแผ่นทิศตึงเรียบลงมานะครับหรือ
00:08:39 → 00:08:41 อาจจะคิดแบบก็ได้คือมันคำว่าเรายืนอยู่ใน
00:08:41 → 00:08:43 ช่องท้องเราเริ่มมือขึ้นไปแล้วเป็นดึง
00:08:43 → 00:08:47 กำลังลงมาจนกระทั่งมันกลายเป็นแผ่นแข็งๆ
00:08:47 → 00:08:50 ขนานกับพื้นโลกที่ได้การเคลื่อนตัวของ
00:08:50 → 00:08:52 กระบังลมแบบนี้เนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:08:52 → 00:08:55 มันจะทำให้ช่องอกเนี่ยเรามีพื้นที่เพิ่ม
00:08:55 → 00:08:58 มากขึ้นเมื่อเกิดพื้นที่มากขึ้นนะครับก็
00:08:58 → 00:09:00 จะเกิดภาวะสุญญากาศขึ้นและดีและก็จะทูล
00:09:00 → 00:09:03 จากจำจากอากาศข้างนอกและผ่านจมูกผ่านลอด
00:09:03 → 00:09:06 ลงมาแล้วเข้าในปอดและทั้งหมดนี้ก็คือใน
00:09:06 → 00:09:09 แง่ของกลศาสตร์เข้าไปในของ madalina ของ
00:09:09 → 00:09:12 การหายใจว่าเวลาเราหายใจเข้าเนี่ยมันทำ
00:09:12 → 00:09:14 งานยังไงแล้วก็อะไรที่ควบคุมให้มันหายใจ
00:09:14 → 00:09:16 ออกคราวนี้นะครับเราจะมาเข้าใจการทำงาน
00:09:16 → 00:09:20 ของทางเดินหายใจผ่านการเดินตามลมนะครับ
00:09:20 → 00:09:22 ที่เข้าทางจมูกแล้วก็ลงไปที่ปอดกันบ้าง
00:09:22 → 00:09:25 เริ่มต้นเนี่ยเราจะมาเริ่มกันที่โพรงจมูก
00:09:25 → 00:09:27 นะครับซึ่งก็คือรวมถึงโพรงไซนัสเข้าไป
00:09:27 → 00:09:30 ด้วยเพราะว่ามันเป็นส่วนที่ต่อกันแล้วก็
00:09:30 → 00:09:32 รวมไปถึงส่วนที่เป็นโพรงอยู่ที่ด้านหลัง
00:09:32 → 00:09:34 ของคอเรานะครับก็คือส่วนที่เวลาแล้วอ้า
00:09:34 → 00:09:37 ปากเราสองลงไปแล้วเราเห็นที่นี่ในการจะ
00:09:37 → 00:09:39 เข้าใจหน้าที่ของโพรงจมูกหรือไซนัสว่ามัน
00:09:39 → 00:09:41 ทำหน้าที่อะไรเนี่ยสำหรับคนไทยซึ่งอาศัย
00:09:41 → 00:09:44 อยู่ในภูมิภาคที่เป็นอากาศร้อนชื้นเนี่ย
00:09:44 → 00:09:46 มันอาจจะเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ถ้าเรา
00:09:46 → 00:09:49 อยากจะเข้าใจจริงๆเราจะต้องนึกถึงตอนที่
00:09:49 → 00:09:51 เราไปต่างประเทศนะครับหรือไปเมืองหนาวที่
00:09:51 → 00:09:53 อากาศเย็นและแห้งมากๆหรือว่าอาจจะต้องนึก
00:09:53 → 00:09:56 ถึงเวลาที่เราไปในห้องที่เปิดแอร์แรงมากๆ
00:09:56 → 00:09:58 นะครับก็คือข้องหรือเย็นมากแล้วก็อากาศ
00:09:58 → 00:10:00 แห้งมากสิ่งที่เกิดก็คือเมื่อเราไปหายใจ
00:10:00 → 00:10:03 ในห้องที่อากาศเย็นเลยได้ฉันที่อากาศเย็น
00:10:03 → 00:10:06 และแห้งก็คือว่าเราจะรู้สึก 3 จมูกแต่ถ้า
00:10:06 → 00:10:08 เราอ้าปากหายใจนะครับหรือให้จะทำปากน่าจะ
00:10:08 → 00:10:10 รู้สึกแยกว่าก็คือเราจะรู้สึกเหมือนกับ
00:10:10 → 00:10:13 ทรัพย์ๆที่คอแล้วก็อาจจะมีเสียงให้เกิด
00:10:13 → 00:10:16 ขึ้นนะครับอ๋อมันเราจะไปว่าการเย็นมันบาด
00:10:16 → 00:10:18 ลึกเข้าไปในคอของเราอย่างที่ 2 นะคะเมื่อ
00:10:18 → 00:10:20 เราไปหายใจในที่อากาศที่แห้งและก็คือเรา
00:10:20 → 00:10:23 จะมีเรื่องของเราหลายเนี่ยเกิดได้บ่อย
00:10:23 → 00:10:26 ขึ้นอย่างที่สามคือเมื่อเราไปหายใจในที่
00:10:26 → 00:10:27 อากาศเย็นนะครับก็คือเราจะรู้สึกเหมือน
00:10:27 → 00:10:30 กับมีน้ำมูกเนี่ยมากขึ้นได้นะครับบางคน
00:10:30 → 00:10:32 อาจจะรู้สึกเหมือนกับจมูกตันให้ใจไม่ออก
00:10:32 → 00:10:36 ได้คำถามคือว่าอาการเหล่านี้มันคืออะไรคำ
00:10:36 → 00:10:39 ตอบก็คือจริงๆมันคือเป็นกลไกที่เกิดขึ้น
00:10:39 → 00:10:41 เพราะว่าจมูกในทำงานแบบที่มันต้องทำอยู่
00:10:41 → 00:10:43 อาการเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าเราเป็นโรคภูมิ
00:10:43 → 00:10:46 แพ้เสมอไปนะครับแต่มันคือหน้าที่ที่จมูก
00:10:46 → 00:10:49 เนี่ยต้องทำตามปกติตามธรรมชาติของมันที่
00:10:49 → 00:10:52 นี่ด้วยความที่จะโพรงจมูกและโพรงไซนัสใน
00:10:52 → 00:10:54 บ้านยุคคือส่วนที่อยู่หน้าสุดของระบบทาง
00:10:54 → 00:10:57 ใดๆใจถูกไหมครับมันก็เลยทำหน้าที่สำคัญ
00:10:57 → 00:11:00 อีกหน้าที่หนึ่งก็คือหน้าที่ของการปลอมรอ
00:11:00 → 00:11:02 ประกาศนะครับแล้วก็ปรับอากาศให้มีความ
00:11:02 → 00:11:05 เหมาะสมมากขึ้นก่อนที่อากาศในสถานเข้าไป
00:11:05 → 00:11:07 ในหลอดลมลงไปที่ปอดของเราหรือพูดง่ายก็
00:11:07 → 00:11:09 เหมือนกับว่าตัวโครงจมูกและชนะสองเรา
00:11:09 → 00:11:11 เนี่ยทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องปรับอากาศ
00:11:11 → 00:11:14 ก็คือแอร์นะครับเพียงแต่ว่ามันไม่ได้ทำ
00:11:14 → 00:11:16 ให้อากาศเย็นแต่มันทำหน้าที่มันเป็น
00:11:16 → 00:11:18 ฮีตเตอร์ก็คือทำให้อาการที่มันอุ่นแล้วก็
00:11:18 → 00:11:21 ชุ่มชื้นมากขึ้นต้องเหมือนจะดีเนี่ยพวกคน
00:11:21 → 00:11:23 ในจมูกนะครับหรือว่าในทางเดินหายใจส่วน
00:11:23 → 00:11:26 ต้นเนี่ยมันจะเหมือนครับทำหน้าที่คอยกรอง
00:11:26 → 00:11:29 นะครับไม่มีพวกแมลงหรือว่าฝุ่นต่างๆเนี่ย
00:11:29 → 00:11:31 สามารถหลุดเข้าไปในทางเดินหายใจลึกๆได้
00:11:31 → 00:11:32 คราวนี้เราจะมาเข้าใจกันนิดนึงนะครับ
00:11:32 → 00:11:35 ประตูพรมจมูกมันช่วยปรับอากาศให้มันอุ่น
00:11:35 → 00:11:37 แล้วก็ชื่นขึ้นได้ยังไงจะเข้าใจเห็นภาพ
00:11:37 → 00:11:39 ชัดๆแล้วก็จินตนาการกันครั้งนะครับจะนา
00:11:39 → 00:11:42 การว่าตัวเล็กพอที่จะยืนอยู่ในโพรงจมูก
00:11:42 → 00:11:44 ได้คือจะเข้าไปสำรวจในโพรงจมูกกันที่ไม่
00:11:44 → 00:11:47 เราอยู่ในโพรงจมูกและมองไปจะไปรับๆสิ่ง
00:11:47 → 00:11:49 ที่เห็นก็คือว่าในจมูกของเราเนี่ยจะเป็น
00:11:49 → 00:11:52 โครงที่ใหญ่มากระทำใหญ่ทำนึงนะครับเราถ้า
00:11:52 → 00:11:56 เรามองไปทางผนังจมูกฝั่งที่เป็นปีกจมูก
00:11:56 → 00:11:57 กันนะครับคือด้านซ้ายและด้านขวาเนี่ยคือ
00:11:57 → 00:12:00 ครั้งที่ตรงข้ามกับสันจมูกเนี่ยอ่ะจะเห็น
00:12:00 → 00:12:04 ว่าผิวของโพรงจมูกในทางฝั่งนั้นมันจะไม่
00:12:04 → 00:12:06 ได้เป็นผนังหรือเรียบนะครับแต่จะมีลักษณะ
00:12:06 → 00:12:09 เหมือนกับเป็นลอนๆลงมาอาจจะมองว่ามัน
00:12:09 → 00:12:11 เหมือนกับเป็นม่านที่ทบซ้อนๆลงมาก็พอได้
00:12:11 → 00:12:14 ไอ้ที่เราเห็นเป็นลักษณะกับม่านทบซ้อนลง
00:12:14 → 00:12:17 มาเนี่ยมันมีชื่อเรียกว่าเธอมิเนตที่นี่
00:12:17 → 00:12:20 เทอร์มิเนทเนี่ยถ้าจะบอกก็คืออาจจะมาเด้อ
00:12:20 → 00:12:22 ผ้าม่านกำมะหยี่ที่มันดูมันๆนะครับแล้วก็
00:12:22 → 00:12:25 เป็นออกม่านสีแดงคำถามว่าคือว่าลักษณะแบบ
00:12:25 → 00:12:29 นี้มันมีประโยชน์อะไรการที่ผนังจมูกมันมี
00:12:29 → 00:12:31 ลักษณะที่เป็นล้านๆแบบนี้ลงมานะครับอะไร
00:12:31 → 00:12:34 เนี่ยก็คือมันทำให้พื้นที่ผิวของผนังจมูก
00:12:34 → 00:12:37 เนี่ยมันเพิ่มมากขึ้นในแง่ของความแดงและ
00:12:37 → 00:12:39 ความชื้นของมันเนี่ยที่ผนังมันเป็นแบบ
00:12:39 → 00:12:41 นั้นเนี่ยเพราะว่าใต้ผิวหนังแบรนด์นั้นลง
00:12:41 → 00:12:44 ไปมันจะเต็มไปด้วยเฉลยฝอยมากมายนะครับที่
00:12:44 → 00:12:47 มักจะจ่ายแล้วก็สานกันเป็นร่างแขอยู่วัน
00:12:47 → 00:12:49 ผนังจมูกในการที่ผนังจมูกนะครับมีเสื้อ
00:12:49 → 00:12:51 เลือดมากนะคะมันทำให้ผนังจมูกให้มันมี
00:12:51 → 00:12:54 ความอุ่นก็คือความอุดที่มาจากเลือดแล้วก็
00:12:54 → 00:12:56 มีความชื้นที่มาจากเลือดดังนั้นเวลาที่
00:12:56 → 00:12:59 อากาศไหลผ่านจำเข้าไปช้าๆเนี่ยอากาศมันจะ
00:12:59 → 00:13:02 เป็นมาผัดกับผนังจมูกแล้วก็ถูกทำให้อุ่น
00:13:02 → 00:13:04 แล้วก็ชื้นมากขึ้นแล้วนี่มันก็ยังช่วย
00:13:04 → 00:13:06 อธิบายด้วยนะครับว่าทำไมเวลาที่เราอยู่ใน
00:13:06 → 00:13:08 ที่อากาศเย็นแห้งก็ที่นี่มีเลือดกำเดาไหล
00:13:08 → 00:13:10 ง่ายขึ้นเพราะว่าเวลาที่เราอยู่ในที่ที่
00:13:10 → 00:13:12 อากาศมันเย็นแล้วก็แฮ่นะครับจมูกเราเพียง
00:13:12 → 00:13:14 จะทำงานมากขึ้นก็คือมันพยายามที่จะปรับ
00:13:14 → 00:13:17 อากาศมากขึ้นเลือกเดี๋ยวก็จะเข้ามาด้วยนะ
00:13:17 → 00:13:20 เนี่ยมากขึ้นเส้นเหลืองก็จะพองขึ้นที่นี่
00:13:20 → 00:13:22 เวลาซื้อมันพองแล้วมันอยู่ตื่นเนี่ยมันก็
00:13:22 → 00:13:25 มีความเสี่ยงจะตายง่ายไม่ต้องไปแคร์มัน
00:13:25 → 00:13:27 นิดนึงเดี๋ยวไปโดนนิดนึงเนี่ยก็มีโอกาส
00:13:27 → 00:13:29 ที่เลือกเนี่ยจะออกมานะครับก็คือเป็น
00:13:29 → 00:13:32 เรื่องเท่าไรออกมาชอบในแง่ของจมูกตัน
00:13:32 → 00:13:34 เนี่ยก็เหตุผลเดียวกันนะครับก็คือเวลาที่
00:13:34 → 00:13:37 เลื่อนมาเลี้ยงโดยนั้นมากๆเนี่ยเนื้อ
00:13:37 → 00:13:38 เยื่อที่เราเห็นเป็นเทอร์มิเนทในจมูกกัน
00:13:38 → 00:13:41 มาเยอะที่เป็นบุกขนาดจมูกเนี่ยมันจะมี
00:13:41 → 00:13:45 ความบวมมากขึ้นคือบวมเลือดและบวมน้ำซึ่ง
00:13:45 → 00:13:47 จริงแล้วการบวมเหลือระบบน้ำมันก็มี
00:13:47 → 00:13:49 ประโยชน์พร้อมจะทำให้ช่องในจมูกของเรา
00:13:49 → 00:13:53 เนี่ยมีความแคบมากขึ้นนี่เวลาแคบเนี่ย
00:13:53 → 00:13:56 ล้อมที่เคลื่อนผ่านมาก็จะเคลื่อนตัวช้าลง
00:13:56 → 00:13:59 ถูกไหมครับร้านเหลือกลมเคลื่อนตัวช้าลง
00:13:59 → 00:14:01 เรียนก็จะมีก็จะสัมผัสกับผนังจมูกได้นาน
00:14:01 → 00:14:04 ขึ้นก็จะรับความชื้นและความโอนจากผนังจะ
00:14:04 → 00:14:07 หมดอ้ะได้ดีขึ้นเพศแต่ว่าบางครั้งเนี่ย
00:14:07 → 00:14:09 การบวมของเยื่อภายในจะหมุนแล้วมันมากเกิน
00:14:09 → 00:14:12 ไปจนเรารู้สึกจมูกกดตันหรือว่าในคนที่
00:14:12 → 00:14:14 เป็นโรคภูมิแพ้นะครับก็จะมีการตอบสนอง
00:14:14 → 00:14:17 ด้วยนะที่ค่อนข้างมากกว่าคนปกติทำให้เรา
00:14:17 → 00:14:19 รู้สึกหายใจไม่ออกมาขึ้นสำหรับในแง่ของ
00:14:19 → 00:14:21 โมงนะครับก็เช่นกันก็คือตรงไปตรงมาก็คือ
00:14:21 → 00:14:24 เมือกนะครับส่วนก็คือเป็นเรื่องของการดัก
00:14:24 → 00:14:27 จับพวกสิ่งแปลกปลอมฆ่าเชื้อโรคแล้วก็เป็น
00:14:27 → 00:14:30 การให้ความชุ่มชื้นในในช่องจมูกด้วยเวลา
00:14:30 → 00:14:33 เราอยู่ในที่แห้งเลยนะมูกอะไรมากขึ้นมา
00:14:33 → 00:14:36 ธรรมดาก็และก็อย่างที่บอกผู้ช่วยกันตอบ
00:14:36 → 00:14:38 สนองแบบปกติการจะมีในบางคนนะครับที่การ
00:14:38 → 00:14:40 ตอบสนองมันมากเกินไปจนกระทั่งเกิดเป็นโรค
00:14:40 → 00:14:43 ขึ้นมานะครับก็คือพวกโรคภูมิแพ้ซึ่งจะทำ
00:14:43 → 00:14:45 ให้เรารู้สึกเจ็บป่วยทุกข์ทรมานส่วนราย
00:14:45 → 00:14:48 ละเอียดตัวพวกโรคต่างๆนะครับของระบบทะเล
00:14:48 → 00:14:50 ใจจะไปคุยกันอีกทีนะครับที่สดที่ 4 อัน
00:14:50 → 00:14:53 นี้ก็เข้าๆกันนะครับโดยสรุปทั้งหมดนะครับ
00:14:53 → 00:14:55 จะเห็นว่าจมูกเนี่ยไม่ได้เป็นแค่ท่อให้ลม
00:14:55 → 00:14:57 วิ่งผ่านเฉยๆนะครับแต่มันก็มีหน้าที่ของ
00:14:57 → 00:14:59 พันด้วยก็คืออย่างที่เราคุยกันไปนะที่
00:14:59 → 00:15:01 ปรับอากาศคลองและแล้วเหตุผลเหล่านี้นะ
00:15:01 → 00:15:03 ครับที่คุยกันไปนะครับก็ยังเป็นหนึ่งใน
00:15:03 → 00:15:06 เหตุผลที่อธิบายว่าทำไมคนหรือว่าคนเชื้อ
00:15:06 → 00:15:08 ชาติที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่อากาศเย็น
00:15:08 → 00:15:11 และแห้งในมาเป็นเวลานานจึงมีแนวโน้มที่จะ
00:15:11 → 00:15:14 มีวัฒนาการนะครับแล้วก็มีจมูกที่โด่งกว่า
00:15:14 → 00:15:16 คนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่อากาศร้อนชื้น
00:15:16 → 00:15:18 ข้าวนี้นะครับผมก็อย่ามาพูดถึงคำถามที่
00:15:18 → 00:15:21 น่าสนใจคำถามนึงนะครับก็คือคำถามว่าทำไม
00:15:21 → 00:15:24 เราหายใจได้ทั้งปากและจมูกแล้วการหายใจ
00:15:24 → 00:15:26 ทางปากกับการหายใจเธอจะหมดแล้วมันมีความ
00:15:26 → 00:15:28 ต่างกันหรือเปล่ามันมีการหายใจทางไหนที่
00:15:28 → 00:15:31 ดีกว่ากันหรือเปล่าคำตอบจริงๆของคำถามนี้
00:15:31 → 00:15:34 นะครับผมจะบอกว่าไม่มีใครรู้คำตอบที่แน่
00:15:34 → 00:15:37 ชัดนะครับว่าทำไมเราวิวัฒนาการมามีช่อง
00:15:37 → 00:15:40 ทางเดินหายใจกับทางเดินอาหารเนี่ยส่วนต้น
00:15:40 → 00:15:43 เนี่ยแชร์ร่วมกันแต่ก็มีสมมุติฐานนะคะมี
00:15:43 → 00:15:45 ความเป็นไปได้ว่าเราวิวัฒนาการมาแบบนี้นะ
00:15:45 → 00:15:47 ครับเพราะว่าธรรมชาติในต้องการให้เรามี
00:15:47 → 00:15:49 ช่องทางสำรองซอฟต์การหายใจก็อย่างเช่นนะ
00:15:49 → 00:15:52 ครับผมเชื่อว่าหลายคนก็คงมีประสบการณ์ตรง
00:15:52 → 00:15:54 นี้ดีนะครับก็คือเวลาเราออกกำลังกายหนักๆ
00:15:54 → 00:15:57 เนี่ยเราจะรู้ว่าเราจะเผลอให้ใจทั้งป่า
00:15:57 → 00:15:59 โดยที่เราไม่รู้ตัวเพราะว่ามันกับการหาย
00:15:59 → 00:16:02 ใจเธอจะหมดถ้ามันไม่พอคือช่องจมูกมันเล็ก
00:16:02 → 00:16:04 เกินไปนะครับลมและไม่สามารถที่จะเข้าไป
00:16:04 → 00:16:07 ได้เร็วพอเราจึงมีการอ้าปากหายใจร่วมไป
00:16:07 → 00:16:09 ด้วยแต่ข้อเสียก็อย่างที่ว่าไปนะครับก็
00:16:09 → 00:16:12 คือว่าจมูกเนี่ยมันดีระบบปรับอากาศที่ดี
00:16:12 → 00:16:14 กว่าเหมาะสมกว่าการหายใจทางปากเนี่ยก็จะ
00:16:14 → 00:16:17 ปรับอากาศได้ไม่ดีเท่าแต่ข้อได้เปรียบคือ
00:16:17 → 00:16:19 ว่าช่องป่าในว่าเป็นช่องทางที่ใหญ่กว่า
00:16:19 → 00:16:22 สามารถที่จะเอาลมเข้าไปในหลอดลมเลยได้มาก
00:16:22 → 00:16:24 กว่านอกจากนี้นะครับเหตุผลหนึ่งนะครับการ
00:16:24 → 00:16:27 หายใจทางปากไม่ต้องเหมือนเป็นช่องทางที่
00:16:27 → 00:16:30 สำรองคะเป็นช่องทาง Backup การตายได้ด้วย
00:16:30 → 00:16:32 เช่นเกิดมีเหตุอะไรสักอย่างนะครับที่การ
00:16:32 → 00:16:34 หายใจทางจมูกได้มันอุดตันไปแล้วก็ยัง
00:16:34 → 00:16:37 เหลือทางปากที่จะได้เพราะถ้าเรามีทางหาย
00:16:37 → 00:16:39 ใจแค่ทางเดียวเนี่ยแล้วเมื่อเกิดอุดตันไป
00:16:39 → 00:16:41 เนี่ยเราก็จะเสียชีวิตในเวลาสั้นๆนะครับ
00:16:41 → 00:16:44 แค่ไม่กี่นาทีเราก็จะเสียชีวิตได้โอเคนะ
00:16:44 → 00:16:46 ครับสำหรับพิเศษนี้ก็คิดว่าสมควรแก่เวลา
00:16:46 → 00:16:48 นะครับก็สั้นๆนะครับเพราะว่าเรื่องที่เรา
00:16:48 → 00:16:51 จะคุยต่อแล้วจะเป็นเรื่องของทุกลมกันซึ่ง
00:16:51 → 00:16:53 ก็จะมีเนื้อหาอีกประมาณนึงถ้าเราต่อการ
00:16:53 → 00:16:55 มันอาจจะยาวเกินไปผมก็เลยขอตัดไว้ตรงนี้
00:16:55 → 00:16:57 นะครับแล้วส่วนที่เหลือเรื่องของทุกลม
00:16:57 → 00:17:00 เนี่ยเราจะมาคุยกันต่อในปีโสดหน้าบ่เคยนะ
00:17:00 → 00:17:02 ครับก่อนที่จะจากกันไปนะครับถ้าใครคิดว่า
00:17:02 → 00:17:04 สิ่งที่เล่าให้ฟังวันนี้ประโยชน์นะครับ
00:17:04 → 00:17:06 รู้สึกชอบอ๋อ Channel นี้นะครับอยากช่วย
00:17:06 → 00:17:09 สนับสนุนนะครับก็ทำได้ง่ายนะครับก็คือกด
00:17:09 → 00:17:11 Subscribe กดไลค์กดแชร์นะครับเขียน
00:17:11 → 00:17:13 คอมเมนต์แล้วก็แนะนำให้คนอื่นได้รู้จัก
00:17:13 → 00:17:16 ต่อนะครับสำหรับวันนี้ผมขอลาไปก่อนนะครับ
00:17:16 → 00:17:18 และเรามาเจอกันใหม่ในโซนหน้านะครับสวัสดี
00:17:18 → 00:17:18 ครับ
00:17:18 → 00:17:29 [เพลง]