00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือสัยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:18 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อย
00:00:18 → 00:00:22 ลงพี่อ้อยครับผมสังเกตว่าทุกครั้งที่เวลา
00:00:22 → 00:00:25 ผมเริ่มรายการนะผมมักจะมีคำถามถามพี่อ้อย
00:00:25 → 00:00:29 เสมอเลยอค่ะวันนี้ผมก็จะถามอีกฮะพี่อ้อย
00:00:29 → 00:00:32 รู้จักคนเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็นเพื่อน
00:00:32 → 00:00:35 ลูกน้องหรือว่าลูกหลานอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:00:35 → 00:00:38 ญาติสนิทมิสหายพี่ว่าชอบโดนสิ่งนี้มั้ย
00:00:38 → 00:00:42 ครับโดนต่อ
00:00:42 → 00:00:45 ต้านไม่ชอบค่ะไม่ชอบเหรอค่ะอ้าวทำไมไม่
00:00:46 → 00:00:50 ชอบนะฮะอ้าวใครจะชอบโดนต่อต้านล่ะคะเออนะ
00:00:50 → 00:00:52 เพราะว่าเอนั่นิไม่รู้จะถามทำไมนะชอบโดน
00:00:52 → 00:00:56 ต่อต้านหรรือเปล่าถามเหมือนพี่วีชอบเออ
00:00:56 → 00:00:59 คือประเด็นก็คือว่าพี่อ้อยเราเอาข้างจริง
00:00:59 → 00:01:01 เราไม่มีใครชอบโดยโดนต่อต้านนะไม่มีแล้ว
00:01:01 → 00:01:05 เวลาที่เราโดนต่อต้านน่ะเราก็ไม่ไม่มี
00:01:05 → 00:01:09 ความสุขไม่สบายอ่ะค่ะใช่มั้ยเราซึ่งโดน
00:01:09 → 00:01:12 ต่อต้านก็ไม่สุขไม่สบายไม่และคนที่ต่อ
00:01:12 → 00:01:16 ต้านเราค่ะเค้าสุขเค้าสบายมั้ยอ่ะไม่ค่ะ
00:01:16 → 00:01:18 แสดงว่าเ้าก็ไม่ชอบต่อต้านเหมือนกันนะ
00:01:18 → 00:01:22 จริงๆแล้วอืคนโดนก็ไม่ชอบโดนเออน่ะจริง
00:01:22 → 00:01:24 ด้วยค่ะส่วนคนต่อต้านจริงๆก็ไม่ได้อยาก
00:01:24 → 00:01:27 ต่อต้านนะอืเพราะว่ามันไม่ได้อยู่ในสภาวะ
00:01:27 → 00:01:31 ที่มันสุขสบายอแล้วมันเป็นคำว่าต่อต้าน
00:01:31 → 00:01:35 เนี่ยพี่อ้อยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนอืก็ไม่
00:01:35 → 00:01:39 อยากเจอมันทั้งสิ้นอืแล้วแล้วมันเกิดขึ้น
00:01:39 → 00:01:43 ได้ยังไงอ่ะนั่นสิเออแล้วใช่ป่ะแล้วมัน
00:01:43 → 00:01:45 เกิดขึ้นได้ยังไงแล้วที่สำคัญกว่านั้นนะ
00:01:45 → 00:01:47 พี่อ้อยที่ผมเห็นในสังคมปัจจุบันนะค่ะไม่
00:01:47 → 00:01:49 ใช่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงอย่างเดียวนะ
00:01:49 → 00:01:54 ค่ะมันเยอะมากด้วยดิอืเรามาลองเรามาลอง
00:01:54 → 00:01:58 วิเคราะห์เจาะลึกชำแหละสถานการณ์ของการ
00:01:58 → 00:02:01 ต่อต้านนี้ดีมยว่าพี่อ้อยค่ะว่ามันเกิด
00:02:01 → 00:02:04 ขึ้นได้ยังไงแล้วถ้าเราอในเมื่อเราก็ไม่
00:02:04 → 00:02:07 มีใครชอบเลยค่ะแล้วเราจะหลีกเลี่ยงมันได้
00:02:07 → 00:02:10 ยไงหรือเราจะทำยังไงที่เราจะได้ไม่ตกอยู่
00:02:10 → 00:02:13 ในสภาวะที่ต้องไปต่อต้านใครหรือโดนใครต่อ
00:02:13 → 00:02:17 ต้านอืมดีจังค่ะอ่าถ้างั้นอันดับแรกเลย
00:02:17 → 00:02:20 ถ้าพูดถึงต่อต้านเลยพี่นิกถึงพี่อนึกถึง
00:02:20 → 00:02:24 การต่อต้านระหว่างคู่ไหนกับคู่ไหนเออฝ่าย
00:02:24 → 00:02:28 แดงกฝ่ายไหนฝ่าน้ำเงินเลยครูเอกก็ต้องพ่อ
00:02:28 → 00:02:32 แม่ลูกเอกโอ้โหอ่าใช่มั้ยค่ะเยอะเลยใช่
00:02:32 → 00:02:35 มั้ยเยอะมากค่ะเออๆแล้วนอกเหนือจากคู่เอก
00:02:35 → 00:02:38 พ่อแม่รู้แล้วมีคู่ไหนอีกบ้างอ่ะที่เห็น
00:02:38 → 00:02:42 บ่อยๆก็จะมีครูนักเรียนอ้าค่ะแล้วมีใคร
00:02:42 → 00:02:48 อีกฮะแล้วก็หัวหน้าลูกน้องอ้าใช่มั้ยอ่า
00:02:48 → 00:02:51 อะไรอย่างเงี้ยค่ะหูเยอะนะเยอะค่ะจริงๆ
00:02:51 → 00:02:55 เรียกว่าทุกทั่วหัวระแหงใช่มั้ค่ะแสดงว่า
00:02:55 → 00:02:59 เยอะมากแต่ว่าเอาเราค่อยๆไปคือแต่ละคู่
00:02:59 → 00:03:03 เนี่ยผมเชื่อว่านะสถานการณ์สภาวการณ์อาจ
00:03:03 → 00:03:06 จะมีความแตกต่างอืแต่ว่ามันจะมีความ
00:03:06 → 00:03:10 เหมือนค่ะมีในในความต่างนี้มันจะมีความ
00:03:10 → 00:03:13 เหมือนอะไรบางอย่างเราลองคุณผู้ฟังเราลอง
00:03:13 → 00:03:16 มาช่วยกันคิดแล้วก็วิเคราะห์ตามนะผมเชื่อ
00:03:16 → 00:03:20 ว่าน่าจะทำให้คนในสังคมมีความสุขมากขึ้น
00:03:20 → 00:03:24 ทีเดียวแหละค่ะอ่าเอาคู่เอาคู่แรกก่อนคู่
00:03:24 → 00:03:30 ไหนดีเอ่อคู่แรกเอาเป็นคู่
00:03:30 → 00:03:33 เอ่อครูนักเรียนก่อนแล้วกันอ่าครูนัก
00:03:33 → 00:03:35 เรียนครูนักเรียนนะคะ
00:03:35 → 00:03:41 เอ่อครูนักเรียนเนี่ยพี่วีว่าลูกครูน่าจะ
00:03:41 → 00:03:45 เจอสภาวะการเลี้ยงดูยังไงบ้างคะลูกครูลู
00:03:45 → 00:03:50 ลูกครครู่ะโอผมคิดว่านะมันน่าสนใจตรงที่
00:03:50 → 00:03:53 ว่าพูดถึงครูนักเรียนปึ๊บผมก็นึกถึงครู
00:03:53 → 00:03:56 กับนักเรียนเลยนะแต่พอพี่อ้อยพูดคำว่าลูก
00:03:56 → 00:04:00 ครูอีกค่ะมันเหมือนกับ 2 3 3 เท่าหรือ
00:04:00 → 00:04:02 เปล่าอืมใช่ค่ะใช่มั้ยใช่ค่ะเพราะว่าลูก
00:04:02 → 00:04:09 ครูเนี่ยคือเวลาครูมีมีกฎเกณฑ์มีระเบียบ
00:04:09 → 00:04:11 ปฏิบัติมีคำสอนมีข้อปฏิบัติอะไรต่างๆกับ
00:04:11 → 00:04:14 นักเรียนนเรื่องนึงนะค่ะใช่แต่ว่ากับลูก
00:04:14 → 00:04:17 เนี่ยซึ่งเป็นนักเรียนก็เป็นนักเรียนด้วย
00:04:17 → 00:04:21 แต่ว่าเป็นลูกด้วยอใช่โอ้โหน่าจะเบิ้ล
00:04:21 → 00:04:24 เบิ้ลไปอีกน่าจะหนักเข้มข้นขึ้นแล้วที่
00:04:24 → 00:04:27 สำคัญกว่านั้นก็คือระยะเวลาในการเผชิญ
00:04:27 → 00:04:32 หน้ากันเนี่ยอืขยายไป 24 ชมอ่ะใช่ค่ะอื
00:04:32 → 00:04:36 ค่ะน่าจะหนักนะพี่อ้อยใช่ค่ะหนักค่ะก็เคส
00:04:36 → 00:04:41 ที่อยากเล่านะคะก็จะเป็นเอ่อเคสลูกครูอ่า
00:04:41 → 00:04:45 นะคะซึ่งเป็นคนเรียนดีด้วยนะนักเรียนน่ะ
00:04:45 → 00:04:48 หมายถึงเด็กลูกค่ะคุณแม่เนี่ยเป็นครูภาษา
00:04:48 → 00:04:54 อังกฤษฮะค่ะลูกเนี่ยก็เรียนดีอืแต่เรียน
00:04:54 → 00:04:56 ดีวิชาอื่นทั้งหมด
00:04:56 → 00:05:00 อืเรียนไม่ดีวิชาเดียวคือภาษาอังกฤษอ้าว
00:05:00 → 00:05:04 อ้าวแต่จริงๆแล้วเนี่ยวันเนี้ยคนๆเนี้ยเ
00:05:04 → 00:05:08 โตโตละอืมีครอบครัวละฮะๆนะคะตอนที่เรียน
00:05:09 → 00:05:12 น่ะภาษาอังกฤษเนี่ยคาบเส้นสมัยก่อนเป็น
00:05:12 → 00:05:16 เปอร์เซ็นต์เนาะ 50% 50% เธอก็ได้ 50 นะ
00:05:16 → 00:05:20 ค่ะอ 50 50 จุดจุๆอะไรอย่างเงี้ยฮะๆอื
00:05:20 → 00:05:24 แต่วิชาอื่นดีหมดเลยเออทีนี้คนอื่นเนี่ย
00:05:24 → 00:05:29 ก็ก็ทักอ่ะค่ะเออบอกว่านี่ลูกครูภาษา
00:05:29 → 00:05:33 อังกฤษเหรอเออๆแต่แค่เนี้ยนะโอ้โหคุณแม่
00:05:33 → 00:05:37 ก็จะแบบออเอ่ายิ่งปรี๊ดใหญ่เลยก็ยิ่งมา
00:05:37 → 00:05:42 คาดค้านมาเอ่อบังคับให้ต้องอ่านหนังสือ
00:05:42 → 00:05:47 ท่องหนังสือนี่นั่นนู่นฮะเยอะแต่ปรากฏว่า
00:05:47 → 00:05:50 ชีวิตเธอทุกวันนี้เธอแต่งงานกับชาวต่าง
00:05:50 → 00:05:55 ชาติพูดภาษาอังกฤษป๋อๆเออที่ทำอันนั้นน่ะ
00:05:55 → 00:05:58 ที่ทำให้ได้ 50 จุดจุดเท่าไหร่เนี่ยฮะฉัน
00:05:59 → 00:06:01 ต่อตต้าอ๋อคือว่าไม่ใช่ไม่ไม่ใช่ว่าไม่
00:06:01 → 00:06:05 เก่งไม่รู้เรื่องนะอือแค่อันนี้จงใจเลยจง
00:06:05 → 00:06:08 ใจเป็นพฤติกรรมอ๋อเป็นพฤติกรรมแสดงออกถึง
00:06:08 → 00:06:14 ความต่อต้านใช่ไม่ไม่ชอบให้ใครมาคาดหวัง
00:06:14 → 00:06:17 บังคับออะไรประมาณนี้ก็เลยออกไปแนวต่อ
00:06:18 → 00:06:22 ต้านไปเลยอืค่ะเอออันนี้อันนี้น่าสนใจิผม
00:06:22 → 00:06:25 ผมได้ยินแล้วผมมีความรู้สึกน่าสนใจตรงที่
00:06:25 → 00:06:28 ว่าค่ะภาษาอังกฤษที่คะแนนไม่ดีเนี่ยไม่
00:06:29 → 00:06:33 ใช่ทำไม่ได้ไม่ใช่แต่ว่าเป็นการส่งสัญญาณ
00:06:33 → 00:06:35 อือเพื่อต่อต้านแล้วไม่ได้ต่อต้านภาษา
00:06:35 → 00:06:40 อังกฤษด้วยนะค่ะต่อต้านแม่ตัวเองใช่ๆๆต่อ
00:06:40 → 00:06:43 ต้านแล้วก็ไม่ได้ต่อต้านคุณแม่ด้วยนะแต่
00:06:43 → 00:06:45 ว่าต่อต้าน
00:06:45 → 00:06:48 พฤติกรรมของคุณแม่ที่มีต่อตัวเองในเรื่อง
00:06:48 → 00:06:51 ในเรื่องเกี่ยวกับภาษาอังกฤษน่ะอือฮึใช่
00:06:51 → 00:06:53 มั้ยฮะค่ะเรื่องความคาดหวังเมื่อกี้พี่
00:06:53 → 00:06:56 พูดคำว่าความคาดหวังใช่แล้วความคาดหวัง
00:06:56 → 00:07:00 เสร็จปึ๊บพอไม่ได้ตามพอไม่ได้ตามคาดหวัง
00:07:00 → 00:07:03 ปึ๊บเนี่ยแล้วก็เมื่อกี้มันมีนอกเหนือจาก
00:07:03 → 00:07:05 ความคาดหวังของคุณแม่เนี่ยซึ่งคุณแม่
00:07:05 → 00:07:10 เนี่ยก็ไปแบกรับความคาดหวังของคนอื่นรอบ
00:07:10 → 00:07:14 ข้างมาใช่ๆแล้วก็เอามาเพิ่มแรงกดดันเนี่ย
00:07:14 → 00:07:17 ให้กับที่ลูกอีกโอ้โหหนักหน่วงแล้วมันซับ
00:07:17 → 00:07:22 ซ้อนน่ะพี่อ้อยคแต่แต่มันทำให้เราเห็น
00:07:22 → 00:07:23 อิทธิพล
00:07:23 → 00:07:28 ของของของการต่อต้านน่ะใช่ว่าทั้งๆที่
00:07:28 → 00:07:31 จริงๆทำได้แต่ว่าผลออกมาไม่ดีอย่างเงี้ย
00:07:31 → 00:07:34 แล้วกรณีอย่างนี้เนี่ยแล้วในที่สุดเค้า
00:07:34 → 00:07:39 เค้าหลุดออกมาจากตรงนั้นได้ยังไงเเค้าก็
00:07:39 → 00:07:43 จะบอกว่าเอ่อเค้ายังคงทำค่ะเพราะว่าแม่
00:07:43 → 00:07:49 เนี่ยก็ไม่ได้ลดรดราวาศอกก็ค่อนข้างแบบ
00:07:49 → 00:07:53 ไม่ค่อยแบกว้างอ่ะไม่ค่อยคุยกันอืฉันก็ทำ
00:07:53 → 00:07:55 ได้เท่าเนี้ยฉันก็ทำได้เท่าเนี้ยออือ
00:07:55 → 00:07:58 เพราะว่าแม่ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรฮะ
00:07:58 → 00:08:03 ๆเออแล้วก็เป็นอย่างนั้นมาจนจบมัธยมอื
00:08:03 → 00:08:06 เป็นนะคะแล้วก็พอมาเรียน
00:08:06 → 00:08:09 มหาวิทยาลัยก็ไปเรียนอีกจังหวัดนึงอ๋อ
00:08:09 → 00:08:14 หลุดไปะหลุดตอนนั้นอือพี่อ้อยมองดูเนี่ย
00:08:14 → 00:08:18 ทำไมเอ่อไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงการต่อต้าน
00:08:18 → 00:08:22 นั้นยังคงอยู่แบบยาวนานอือๆเพราะว่าไม่มี
00:08:22 → 00:08:28 ใครเปลี่ยนอือืแล้วก็ไม่มีใครสังเกตแล้ว
00:08:28 → 00:08:30 ก็ไม่ฟังใครด้วยใช่ค่ะใช่มั้ยไม่มีใคร
00:08:30 → 00:08:33 สังเกตไม่มีใครฟังใครแล้วก็เลยทำให้ไม่มี
00:08:33 → 00:08:36 ความใช่เข้าใจคือถ้าเกิดว่าสังเกตแล้วก็
00:08:36 → 00:08:39 ฟังกันแล้วก็เข้าใจกันว่าอ๋อที่แท้เป็น
00:08:39 → 00:08:42 อย่างนี้เพราะเป็นอย่างงี้ค่ะแล้วก็อย่าง
00:08:42 → 00:08:44 เงี้มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ถ้าเกิด
00:08:44 → 00:08:47 แต่กรณีอย่างนี้เนี่ยถามว่าเ้าเหลุดจาก
00:08:47 → 00:08:50 สภาวะนั้นได้ไงก็คือพอถึงจุดนึงระหว่าง
00:08:50 → 00:08:53 นั้นก็สถานการณ์มันก็ตึงเครียดไปเรื่อยๆ
00:08:53 → 00:08:56 นะใช่ค่ะแต่ว่ามันไปหลุดตรงที่ว่าถึงวัน
00:08:56 → 00:08:59 นึงชีวิตมันต้องแยกย้ายอ่ะใช่แล้วก็
00:08:59 → 00:09:03 เหมือนกับหลุดประกาศอิประกาศอิสรภาพนะค่ะ
00:09:03 → 00:09:06 หลุดจากความควบคุมแต่ไอ้ความขัดแย้งไม่
00:09:06 → 00:09:09 ได้หายไปไหนนะอืใช่ไม่ได้หายไปไหนแล้วมัน
00:09:09 → 00:09:14 ก็อยู่ข้างในลึกๆอ่ะใช่ค่ะแสดงว่าถึงแม้
00:09:14 → 00:09:17 ว่าจะหลุดจากตรงนั้นแต่ว่าผลแห่งความขัด
00:09:17 → 00:09:20 แย้งเนี่ยความขุ่นมัวเนี่ยมันยังอยู่แล้ว
00:09:20 → 00:09:24 มันมันจะอยู่ยาวนานยาวนานตลอดไปอ่ะยาวนาน
00:09:24 → 00:09:28 จะตลอดไปอืค่ะข้อแรกนะผมคิดว่าที่น่า
00:09:28 → 00:09:31 อันตรายก็คือว่าว่าผลมันจะอยู่ยาวนานตลอด
00:09:31 → 00:09:34 ไปข้อที่ 1 นะค่ะและประการที่ 2 ก็คือ
00:09:34 → 00:09:39 อาการแบบเนี้ยวิธีคิดแบบนี้หรือผลแผลเป็น
00:09:39 → 00:09:42 เหล่านี้เนี่ยพี่อ้อยมันอาจจะส่งผลต่อ
00:09:42 → 00:09:45 เนื่องไปถ้าเขามีลูกด้วยนะค่ะซึ่งคล้ายๆ
00:09:45 → 00:09:48 มันมันจะกลายเป็นเหมือนเป็นปมอ่ะซึ่งซึ่ง
00:09:48 → 00:09:52 เราก็ไม่รู้นะอาจจะมีบางคนที่อาจจะหลุด
00:09:52 → 00:09:54 จากอันนั้นได้แต่ถ้าเกิดหลุดไม่ได้เนี่ย
00:09:54 → 00:09:58 คนที่จะรับผลก็คือเจนต่อไปอ่ะเจนต่อไปอ
00:09:58 → 00:10:00 ค่ะแล้วกรณีถ้าเกิดอย่างงี้เนี่ยผมคิดว่า
00:10:00 → 00:10:05 อย่างงี้อยากจะชวนคุณผู้ฟังลองนึกถึงในใน
00:10:05 → 00:10:07 ชีวิตของเราเองเนี่ยเราเคยเจอสถานการณ์
00:10:07 → 00:10:10 แบบนี้สมมุติว่าคุณผู้ฟังที่มีลูกอยู่นะ
00:10:10 → 00:10:15 ค่ะหรือคุณผู้ฟังเป็นครูแล้วก็มีลูกเป็น
00:10:15 → 00:10:17 แล้วก็มีลูกเป็นนักเรียนด้วยสมมุติเนี่ย
00:10:17 → 00:10:21 นะลองลองสังเกตดูพฤติกรรมเหล่านี้ค่ะถ้า
00:10:21 → 00:10:23 สังเกตดูแล้วมันมีความรู้สึกว่ามันเทียบ
00:10:23 → 00:10:26 เคียงแล้วมันใกล้กันเนี่ยค่ะเราก็จะเกิด
00:10:26 → 00:10:30 การเรียนรู้ว่าอ๋อเราจะหลุดจากสภาวะแบบ
00:10:30 → 00:10:33 นี้ได้ยังไงหลุดได้ยังไงฮพี่อ้อยถ้าเรียน
00:10:33 → 00:10:37 รู้จากพฤติกรรมนี้ฮะคืออันนึงที่ที่ต้อง
00:10:37 → 00:10:40 บอกก่อนก็คือว่าการต่อต้านที่เกิดขึ้น
00:10:40 → 00:10:45 เนี่ยอือมันไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงนะอ้า
00:10:45 → 00:10:50 ถ้าเราไปแก้ที่การต่อต้านออมันก็จะไม่ได้
00:10:50 → 00:10:53 แก้ปัญหาแบบยั่งยืนโอเพราะฉะนั้นต้องต้อง
00:10:53 → 00:10:57 มาดูว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดการ
00:10:57 → 00:11:01 ต่อต้านนั้นอืออืคืออะไรอืออย่างอย่าตัว
00:11:01 → 00:11:05 อย่างเช่นของพี่อ้อยเคสนึงนะคะก็คือลูก
00:11:05 → 00:11:09 เลยกลับมาที่ลูกเคสใหญ่โตของทุกบ้านเออๆๆ
00:11:09 → 00:11:12 ก็คือเมื่อก่อนนี้ที่เคยเล่าไว้ตอนก่อน
00:11:12 → 00:11:16 หน้านู่นน่ะก็จะมีว่าถ้าฉันบอกซ้ายลูกจะ
00:11:16 → 00:11:21 ขวาออ่าถ้าบอกยาลูกจะทำซึ่งอันนี้เนี่ย
00:11:21 → 00:11:24 เป็นอะไรที่คิดว่าหลายๆบ้านลูกก็เป็นแบบ
00:11:24 → 00:11:29 นี้แหละอืนะคะคราวนี้พฤติกรรมเนี่ยของลูก
00:11:29 → 00:11:34 เนี่ยโอ้โหคือเกเรทุกอย่างเลยอืหนีโรง
00:11:34 → 00:11:37 เรียนโดนตัดคะแนนความประพฤติจนแทบจะโดน
00:11:38 → 00:11:41 ไล่ออกละเหลือไม่กี่คะแนนละอืออะไรอย่าง
00:11:41 → 00:11:44 นี้นะคะเรียนก็ไม่เรียนแนวคิดเอ่อก็ไม่
00:11:44 → 00:11:46 ใช่บอกว่าคนเราไม่ต้องเรียนหนังสือก็หา
00:11:46 → 00:11:51 กินได้อะไรประมาณนี้อือแล้วก็โอ้เกเรทุก
00:11:51 → 00:11:55 อย่างเลยอนะคะตอนนั้นเนี่ยเอ่อพี่อ้อยมี
00:11:55 → 00:11:59 ปัญหาเรื่องไม่มีเวลาให้ลูกแล้วก็ทำไปหา
00:11:59 → 00:12:04 เงินทำงานใช้หนี้ประมาณนั้นอแต่พี่อ้อยพอ
00:12:04 → 00:12:07 พอย้อนกลับมานะวันนี้มองกลับไปเนี่ยพี่
00:12:07 → 00:12:11 อ้อยไม่โทษเรื่องเวลาอืแต่พี่อ้อยกลับมอง
00:12:11 → 00:12:15 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยมันไม่ใช่ไม่มีเวลาเลย
00:12:15 → 00:12:20 กับลูกออือแต่เวลาที่มีกับลูกนั้นคุณไม่
00:12:20 → 00:12:25 ทำให้เป็น Quality Time ออคุณไม่แสวงหา
00:12:25 → 00:12:29 จุดที่แบบคุยกันได้กับลูกอมาถึงก็คาดหว
00:12:29 → 00:12:32 เลยทำการบ้านหรือยังไอ้นี่ไอ้นู่นอไปไหน
00:12:32 → 00:12:35 มาอะไรอย่างเงี้ยนะคะมันก็เลยเป็นเวลาที่
00:12:35 → 00:12:40 แย่ออืสิ่งที่ตัวเองมาทบทวนภายหลังก็คือ
00:12:40 → 00:12:43 เฮ้ยความเป็นเพื่อนกับลูก
00:12:43 → 00:12:49 อ่ะไม่มีหายไปเลยอืค่ะโหอันเนี้ยเมื่อกี้
00:12:49 → 00:12:53 นี้พี่อ้อยพูดคำสำคัญมากเลยนะก็คือเวลา
00:12:53 → 00:12:56 เนี่ยไม่ใช่ไม่มีหรอกมีแต่ว่าเวลาที่มี
00:12:56 → 00:12:58 ไม่ว่าจะจะมากจะน้อยหรือจะน้อยนิดเนี่ยนะ
00:12:58 → 00:13:01 อือเราก็กลับใช้เวลานั้นอย่างไม่มีคุณภาพ
00:13:01 → 00:13:04 อ่ะไม่ใช่เป็นเวลาที่มันผ่อนคลายหรือว่า
00:13:04 → 00:13:07 พูดคุยกันเกลายเป็นเวลาที่มีก็กลายเป็นมา
00:13:07 → 00:13:11 ขัดแย้งกันอีกไม่ไม่ใช่ไม่ไม่มีคุณภาพเฉย
00:13:11 → 00:13:15 ๆแต่แย่เลยแย่่เลยแล้วพี่น้อยพูดคำว่า
00:13:15 → 00:13:20 เพื่อนคือไม่ได้ทำตัวเป็นเพื่อนอืบันให้
00:13:20 → 00:13:21 ผมนึกถึงเลย
00:13:21 → 00:13:24 ว่าแท้ที่จริงแล้วเนี่ยถ้าเราสังเกตนะพี่
00:13:25 → 00:13:29 อ้อยค่ะว่าเราจะเวลาที่เราเจอพฤติกรรมต่อ
00:13:29 → 00:13:31 ต้านของใครสักคนนึงเอาในเอาในครอบครัว
00:13:31 → 00:13:33 ใกล้ๆนี่อย่างลูกสมมุติอย่างเงี้ยนะค่ะ
00:13:34 → 00:13:35 ถ้าเราเจอพฤติกรรมต่อต้านแล้วเมื่อกี้พี่
00:13:35 → 00:13:38 อ้อยพูดคำว่าถ้าเราไปแก้ว่าจะแก้ไข
00:13:38 → 00:13:41 พฤติกรรมต่อต้านนี้ยังไงเนี่ยอันเนี้ยไม่
00:13:41 → 00:13:44 ใช่เป็นแก้ที่ต้นเหตุอค่ะถ้าเราหาต้นเหตุ
00:13:44 → 00:13:48 เจอว่าทำไมเถึงต่อต้านเนี่ยแล้วเราแก้ที่
00:13:48 → 00:13:51 ต้นเหตุเนี่ยปัญหามันถึงจะจบจริงๆใช่ค่ะ
00:13:51 → 00:13:54 แล้วคำที่พี่อ้อยพูดเมื่อกี้เนี่ยผมบอก
00:13:54 → 00:13:59 เลยว่าคือคือยาขนานเอกเลยอื
00:13:59 → 00:14:04 คือคำว่าเพื่อนน่ะอืค่ะคือเป็นเพื่อนพอ
00:14:04 → 00:14:06 บอกว่าเป็นเพื่อนปึ๊บนี่นะคุณพ่อคุณแม่
00:14:06 → 00:14:08 สมมุติว่าตอนนี้ถ้าคุณผู้ฟังเป็นคุณพ่อ
00:14:08 → 00:14:10 คุณแม่หรือแม้กระทั่งเป็นเจ้านายก็ได้นะ
00:14:11 → 00:14:13 เจ้านายกับลูกน้องก็ได้นะถ้าเราใช้คำว่า
00:14:13 → 00:14:17 เพื่อนเนี่ยมันจะเป็นยาขนานเอกสมานทุกรอย
00:14:17 → 00:14:22 ต่อต้านเลยอืค่ะแล้วแล้ววิธีทำยังไงก็คำ
00:14:22 → 00:14:24 ว่าเพื่อนน่ะค่ะก็นึกไปถึงสัมธภาพของ
00:14:24 → 00:14:27 เพื่อนดิใช่ยกตัวอย่างเช่นนะผมเคยเป็น
00:14:27 → 00:14:30 บรรยายที่นึงนะพี่อ้อยให้กับเอ่อสถาน
00:14:30 → 00:14:32 พินิจแล้วก็เป็นการบรรยายให้กับให้กับ
00:14:32 → 00:14:37 เอ่อพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในสถานพินิจแล้วผม
00:14:37 → 00:14:41 บอกว่าออสังเกตมั้ยว่าเวลาที่ลูกคุณทำ
00:14:41 → 00:14:43 ความผิดอะไรมาอย่างเงี้ยสมมุติว่าทำ
00:14:43 → 00:14:46 พิธิกรรมไม่เหมาะสมอ่ะโรงเรียนโทรมาแจ้ง
00:14:46 → 00:14:49 หรืออะไรก็ตามทีเนี่ยคำแรกที่คุณบอกกับ
00:14:49 → 00:14:53 กับลูกคืออะไรเขาก็จะเป็นเป็นคำด่าทั้ง
00:14:53 → 00:14:57 นั้นน่ะพี่อ้อยอืค่ะฉันเตือนแกแล้วใช่
00:14:57 → 00:15:01 มั้ยนู่นนี่คือแบบมีโอ้โหคือลูกเนี่ยทำ
00:15:01 → 00:15:05 ความผิดก็ได้แต่ว่าพอโดนโรงเรียนลงโทษมา
00:15:05 → 00:15:09 เนี่ยกลับมาถึงบ้านเนี่ยโดนซ้ำอ่าใช่ใช่ม
00:15:09 → 00:15:13 ค่ะแต่พี่อกับคุณผู้ฟังลองนึกดูนะครับ
00:15:13 → 00:15:17 เด็กคนนึงทำความผิดกลับมาบ้านโดนซ้ำอือ
00:15:17 → 00:15:22 แต่ถ้าเกิดว่าเค้าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับ
00:15:22 → 00:15:25 เพื่อนเพื่อนจะพูดคำว่าอะไร
00:15:25 → 00:15:29 เออส่วนใหญ่เพื่อนจะบอกว่าไม่เป็นไรไม่
00:15:29 → 00:15:31 เป็นไรใช่ไม่เป็น
00:15:31 → 00:15:34 ไรไม่เป็นไรค่ะแล้วหลังจากนั้นก็จะตาม
00:15:34 → 00:15:36 ด้วยอะไรก็แล้วแต่นะแต่คำแรกที่เพื่อนจะ
00:15:36 → 00:15:41 บอกไม่เป็นไรแค่เนี้ยคุณผู้ฟังลองพี่อลอง
00:15:42 → 00:15:45 นึกดูนะว่ากุญแจสำคัญคือคำว่าเพื่อนค่ะ
00:15:45 → 00:15:50 แล้ววิธีการน่ะอืวิธีการเนี่ยก็คือเพื่อน
00:15:50 → 00:15:54 ทำยังไงเราก็ทำแบบนั้นแหละค่ะใช่ไม่เป็น
00:15:54 → 00:15:57 ไรแม้กระทั่งสังเกตมั้ยผมไม่ได้บอกว่าถูก
00:15:57 → 00:16:01 นะแต่หมายถึงว่ามันจะลดการต่อต้านสิ่งนี้
00:16:01 → 00:16:04 ไม่ได้ไม่ได้บอกสิ่งนี้ถูกต้องนะครับคือ
00:16:04 → 00:16:05 สมมุติ
00:16:05 → 00:16:10 ว่าเพื่อนของเราไปทะเลาะกับใครไปมีเรื่อง
00:16:10 → 00:16:15 กับใครค่ะถ้าเกิดครูรู้หรือพ่อแม่รู้ก็จะ
00:16:15 → 00:16:18 ตำหนิทันทีค่ะแล้วก็จะห้ามทันทีแล้วก็จะ
00:16:18 → 00:16:21 สอนทันทีใช่มั้ยอือแต่ถ้าเพื่อนจะบอกว่า
00:16:21 → 00:16:26 ไงไปกันไปเคลียร์กันอ๋อค่ะคือผมไม่ได้บอก
00:16:26 → 00:16:30 ว่าสิ่งนี้ถูกนะค่ะแต่หมายถึงว่าอันเนี้ย
00:16:30 → 00:16:34 คือลักษณะของความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อน
00:16:34 → 00:16:38 เพื่อนสัมพันธภาพแบบเพื่อนแบบเพื่อนค่ะ
00:16:39 → 00:16:43 แล้วมันจะทำให้เกิดความจริงแบบสบายใจจริง
00:16:44 → 00:16:47 ใจไม่ต่อต้านน่ะเออมันเหมือนสัมพันธภาพ
00:16:47 → 00:16:51 ของคนที่เหมือนระดับเดียวกันใช่ใชอ่ากอด
00:16:51 → 00:16:55 คอไปด้วยกันใช่จูงมือไปด้วยกันประมาณนั้น
00:16:56 → 00:16:59 แต่ถ้าเป็นครูกับนักเรียนเอแม่กับลูกก็
00:16:59 → 00:17:02 คือสัมพันธภาพเหมือนพ่อแม่อยู่ข้างบน้า
00:17:02 → 00:17:05 ครูอยู่ข้างบนอ่าและนักเรียนหรือลูกอยู่
00:17:05 → 00:17:10 ข้างล่างมันก็เลยมีช่องว่างที่ที่ไม่สบาย
00:17:10 → 00:17:15 ใจอืมันมีลูกเกรงใจมันมีลูกแบบไม่ไม่กล้า
00:17:15 → 00:17:18 มันมีลูกแบบไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดน่ะค่ะ
00:17:18 → 00:17:21 แล้วมันทำให้ผมนึกถึงเมื่อเร็วๆนี้ผมเห็น
00:17:21 → 00:17:23 เห็นลูกศิษย์คนนึงนะพี่อ้อยเคทำงานใน
00:17:23 → 00:17:27 บริษัทบริษัทนึงแล้วเขาก็โพสต์รูปๆนึงค่ะ
00:17:27 → 00:17:31 เป็นรูปเจ้านายเค้าอ่ะครับอืก็มาในงาน
00:17:31 → 00:17:34 ปาร์ตี้สังสรรค์แล้วก็ชนแก้วกันอ๋อค่ะ
00:17:34 → 00:17:37 แล้วเขาก็บอกว่าเค้าแบบว่าโชคดีมากเลยที่
00:17:37 → 00:17:40 ได้ทำงานแล้วก็มีเจ้านายที่แบบเป็นกันเอง
00:17:40 → 00:17:43 เหมือนเพื่อนใช่อย่างงี้เลยออืเนี่ยค่ะ
00:17:43 → 00:17:46 แล้วในความเป็นจริงนะพี่ว่าเวลาที่ในที่
00:17:46 → 00:17:48 ประชุมสมมุติว่าถ้าตอนนี้เราพูดถึงในแง่
00:17:48 → 00:17:50 ของเจ้านายกับลูกน้องนะค่ะในการทำงาน
00:17:50 → 00:17:53 เนี่ยเวลาที่ในการทำงานมันต้องมีอุปสรรค
00:17:53 → 00:17:56 ต้องมีปัญหาอยู่แล้วใช่ค่ะแน่นอนเลยแต่
00:17:56 → 00:18:00 ว่าในที่ประชุมอ่ะพี่อ้อยอืถ้าเกิดว่ามี
00:18:00 → 00:18:03 การพูดคุยเรื่องปัญหาในที่ประชุมนะทุกคน
00:18:03 → 00:18:06 ก็จะมีอย่างที่พี่อ้อยบอกอ่ะมันมีข้างบน
00:18:06 → 00:18:09 มันระดับมันไม่เท่ากันค่ะมันมีลูกเกรงใจ
00:18:09 → 00:18:11 มันมีนู่นนี่นั่นแต่ถ้าเกิดเอาเรื่องนี้
00:18:11 → 00:18:17 เลยนะอือไปคุยกันตอนไปสังสรรค์ค่ะก็จะ
00:18:17 → 00:18:22 เฮ้ยประมาณเฮ้ยฮ้ายกันได้นะเหมือนเหมือน
00:18:22 → 00:18:26 ที่บอกนักธุรกิจอ่ะต้องไปคุยธุรกิจบนสนาม
00:18:26 → 00:18:29 กอล์ฟอะไรอย่างงั้นใช่อืค่ะเนี่ยเพราะ
00:18:29 → 00:18:31 ฉะนั้นสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนเนี่ยแล้ว
00:18:31 → 00:18:34 มันก็เลยทำให้ผมนึกถึงอีกอันนึงย่อยผมเคย
00:18:34 → 00:18:37 ไปประชุมเป็นการประชุมกรรมการเรื่องการ
00:18:37 → 00:18:40 สื่อสารองค์กรนึงแต่ว่าเป็นองค์กรระดับ
00:18:40 → 00:18:43 โลกเลยนะฮะที่เขาแบบใหญ่มากของคาทอลิกนะ
00:18:43 → 00:18:47 ฮะค่ะเขามีเครือข่ายระดับประเทศระดับ
00:18:47 → 00:18:50 เอเชียแล้วก็ระดับโลกก็คือ World
00:18:50 → 00:18:53 congress เประชุมกันอืเคยไปประชุมกัน
00:18:53 → 00:18:56 ระดับ World คกสระดับโลกเมื่อประมาณ 20
00:18:56 → 00:18:58 ปีที่แล้วพี่อ้อยค่ะตอนนั้นในโโลกมันเกิด
00:18:58 → 00:19:01 การเปลี่ยนแปลงมากเพราะฉะนั้นองค์กรใหญ่ๆ
00:19:02 → 00:19:05 3 องค์กรที่ทำงานด้านสื่อแต่แยกกันนะ
00:19:05 → 00:19:09 ครับ 3 องค์กรเา้าบอกว่าโลกมันเปลี่ยน
00:19:09 → 00:19:12 แปลงแล้วเราจะต้องเปลี่ยนตามไม่งั้นเรา
00:19:12 → 00:19:14 อยู่ไม่ได้แน่อืสิ่งที่เาตัดสินใจก็คือ
00:19:14 → 00:19:17 คราวนั้นเรื่องใหญ่มากก็คือจะต้องยุบรวม 3
00:19:17 → 00:19:20 องค์กรใหญ่โอ้ให้เหลือองค์กรเดียวพี่อ้อย
00:19:20 → 00:19:23 โอเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะครับแล้วนัไป
00:19:23 → 00:19:26 ประชุมกันที่กรุงโรมนะฮะค่ะ 100 ผู้แทน
00:19:26 → 00:19:29 100 กว่าประเทศอ่ะออืพี่อ้อยรู้มั้ยว่า
00:19:29 → 00:19:34 วาระของการสรุปว่าเราจะทำอะไรยังไงเนี่ย
00:19:34 → 00:19:38 มีนัดประชุมกันพรุ่งนี้แต่เรื่องทั้งหมด
00:19:38 → 00:19:42 ถูกสรุปเรียบร้อยตอนดินเนอร์ของวันนี้
00:19:42 → 00:19:48 อืนอกวาระอตอนสังสรรค์กันปาร์ตี้กันโอ้
00:19:48 → 00:19:50 แล้วพรุ่งนี้เช้าก็คือมีหน้าที่ยกมือลง
00:19:50 → 00:19:54 มติอย่างเดียวอืประชุมเป็นเค้าเรียกเป็น
00:19:54 → 00:19:58 ทางการใช่ๆมันจะไม่มีการต่อต้านเลยแล้วก็
00:19:58 → 00:20:01 มาเป็นทุกคนเป็นเพื่อนกันแลแล้วในที่
00:20:01 → 00:20:04 สังสรรค์กันตอนกลางคืนเนี่ยพี่อ้อยค่ะก็
00:20:04 → 00:20:08 ประกอบกันด้วยผู้แทนระดับประเทศประธาน
00:20:08 → 00:20:13 ระดับทวีปและประธานระดับโลกอือแต่ว่าตอน
00:20:13 → 00:20:17 นั้นเนี่ยถอดหมวกหมดแล้วไม่มีใครแล้วอือ
00:20:17 → 00:20:20 มีแต่เพื่อนมาปรึกษาหารือเรื่องนี้กันอื
00:20:20 → 00:20:24 ค่ะโออันนี้เราผมคิดว่าถึงแม้เรื่องนี้
00:20:24 → 00:20:27 เป็นเรื่องใหญ่นะพี่ห้อยแต่ว่าเรากำลังมา
00:20:27 → 00:20:32 เจอเจอเคล็ดลับที่สำคัญเคล็ดลับนึงเลยค่ะ
00:20:32 → 00:20:34 อาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นสูตรสำเร็จ
00:20:34 → 00:20:39 นะครับวันเนี้ยแต่ว่าถ้าเราเจอเรื่องการ
00:20:39 → 00:20:43 ต่อต้านเมื่อกี้นี้ผมสรุปได้อย่างนี้นะฮะ
00:20:43 → 00:20:45 ว่าถ้าเราเจอเรื่องการต่อต้านไม่ว่าแล้ว
00:20:45 → 00:20:48 ระหว่างใครกับใครนะค่ะแล้วเราจะไปแก้
00:20:48 → 00:20:51 ปัญหาเรื่องนี้เนี่ยค่ะแล้วไปแก้ว่าทำยัง
00:20:51 → 00:20:54 ไงถึงจะไม่ให้เคต่อต้านเราเรื่องนี้ค่ะ
00:20:54 → 00:20:56 อันนั้นไม่ใช่ทุกไม่ไม่ใช่แก้ที่ต้นเหตุ
00:20:56 → 00:20:58 ใช่มั้ยฮะค่ะ
00:20:58 → 00:21:01 เราต้องไปแก้ที่ต้นนเหตุว่าทำไมเขาถึงต่อ
00:21:01 → 00:21:06 ต้านเราแบบนั้นแล้วถ้าเราเจอต้นเหตุอ่ะ
00:21:06 → 00:21:08 เราก็จะสามารถที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้
00:21:08 → 00:21:10 เพราะอันนั้นไม่ใช่ของจริงแบบที่ตัวอย่าง
00:21:10 → 00:21:13 ของที่พี่อ้อยพูดนะค่ะทำไมเถึง
00:21:13 → 00:21:17 เอ่อสอบภาษาอังกฤษไม่ได้คะแนนอือต้องเิว
00:21:17 → 00:21:20 ให้หนักขึ้นอันอันนั้นไม่ใช่ไม่ใช่ไม่ใช่
00:21:20 → 00:21:24 ค่ะแต่แต่ว่าเคต่อต้านเพราะว่าต่อต้าน
00:21:24 → 00:21:28 พฤติกรรมของแม่ค่ะนะแล้วก็แล้วเคสนั้นโชค
00:21:28 → 00:21:32 ดีที่ระยะเวลามันสิ้นสุดไปมันมันแยกออก
00:21:32 → 00:21:36 จากกันก็เลยอ่าจบไปแต่ว่าก็ยังอยู่ข้างใน
00:21:36 → 00:21:39 แหละนะคะแต่ว่าพฤติกรรมมันไม่ได้ทำไม่ได้
00:21:39 → 00:21:42 เจอไม่ได้เห็นอะไรประมาณนี้ซึ่งหลายคนอาจ
00:21:42 → 00:21:45 จะไม่ได้โชคดีเหมือนเคสนี้อ่าใช่ถ้ามัน
00:21:45 → 00:21:48 ถ้ามันยังต้องอยู่กันต่อไปเจอใช่โอหมันก็
00:21:48 → 00:21:51 จะหนักขึ้นเรื่อยๆใช่มั้ยฮะคค่ะแต่ว่า
00:21:51 → 00:21:54 กรณีนี้เนี่ยโอ้โหเมื่อตะกี้นี้ตอนเริ่ม
00:21:54 → 00:21:56 ต้นนะพี่อ้อยผมถามว่าพูดถึงเรื่องการต่อ
00:21:56 → 00:21:58 ต้านเนี่ยมันมีการต่อต้านระหว่างใครกับ
00:21:58 → 00:22:02 ใครบ้างอพี่อยกตัวอย่างมา 3-4 3-4 คู่
00:22:02 → 00:22:05 เนี่ยเป็นเรื่องใหญ่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะแต่
00:22:05 → 00:22:07 วันนี้เนี่ยเนื่องจากเวลาเราไม่ได้เยอะนะ
00:22:07 → 00:22:11 พี่อ้อยค่ะนิดเดียวเนี่ยเราก็น่าจะได้
00:22:11 → 00:22:15 ประมาณนึงนะครับว่าค่ะต้องหาให้เจอต้น
00:22:15 → 00:22:18 เหตุที่แท้จริงของการต่อต้านค่ะแล้ววัน
00:22:18 → 00:22:21 นี้เคล็ดลับอันนึงที่เจอวันนี้เลยก็คือ
00:22:21 → 00:22:25 ว่าใช้สัมพันธภาพของความเป็นเพื่อนค่ะไม่
00:22:25 → 00:22:28 ว่าคู่ขัดแย้งเราหรือคู่ต่อต้านเราเรา
00:22:28 → 00:22:32 เป็นใครค่ะเป็นพ่อกับลูกต้องปลดความเป็น
00:22:32 → 00:22:35 พ่อเป็นลูกใช่ๆเหลือความเป็นเพื่อนแค่
00:22:35 → 00:22:39 นั้นอืเจ้านายกับลูกน้องปลดไม่มีเจ้านาย
00:22:39 → 00:22:42 ไม่มีลูกน้องมีเพื่อนอย่างเดียวค่ะใช่
00:22:42 → 00:22:46 มั้ยฮะค่ะซึ่งอันนี้เอาไปใช้กับวงการอื่น
00:22:46 → 00:22:50 ได้มยก็ต้องต้องลองดูนะต้องลองดูอย่าง
00:22:50 → 00:22:55 น้อยมันก็ผ่อนโรนอ่อนโยนลงอ่าแม้เอ่อคือ
00:22:55 → 00:22:59 มันมีเอ่อเค้าเรียกสถานภาพเยอะแยะซึ่งเรา
00:22:59 → 00:23:02 อาจจะพูดไม่ครอบคลุมใช่แต่ว่าอย่างน้อย
00:23:02 → 00:23:06 เนี่ยความเป็นเพื่อนเนี่ยมันจะลดไอ้ความ
00:23:06 → 00:23:11 แข็งความกระด้างความไม่เข้าใจลงไปได้บ้าง
00:23:11 → 00:23:13 ใช่แล้วอันเนี้ยมันเป็นเรื่องของ
00:23:13 → 00:23:16 สัมพันธภาพของความเป็นเพื่อนนะค่ะแล้วมัน
00:23:16 → 00:23:18 ก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อยทำให้ผมนึกถึง
00:23:18 → 00:23:20 เรื่องเรื่องนึงก็เคยมีลูกศิษย์คนนึ่น
00:23:20 → 00:23:23 เล่าให้ฟังว่าเขึ้นรถตู้ฮะอแล้วใช้บริกาศ
00:23:23 → 00:23:26 รถตู้แล้วเนั่งอยู่ข้างในแล้วมีคนนึงอ่ะ
00:23:26 → 00:23:29 นั่งอยู่ตรงประตูอือเขาบอกว่าคนที่ใช้
00:23:29 → 00:23:32 บริการรถตู้จะรู้กันว่าใครที่นั่งอยู่ตรง
00:23:32 → 00:23:33 ประตูเนี่ยเป็นคนต้องลงก่อนต้องเป็นคน
00:23:33 → 00:23:36 เปิดประตูก่อนอ๋อเปิดประตูถ้าจะมีคนลงอ่ะ
00:23:37 → 00:23:39 ออค่ะก็ต้องเปิดประตูใช่มั้ยค่ะคราวนี้
00:23:39 → 00:23:42 ลูกศิษย์ผมอ่ะนั่งตรงประตูแล้วก็ฟังซาว
00:23:42 → 00:23:46 เบาอยู่แล้วมีคนๆนึงอ่ะกำลังจะลงค่ะแล้ว
00:23:46 → 00:23:51 เขก็ใช้มือสะกิดิดสะกิดประมาณว่าจะลงค่ะ
00:23:51 → 00:23:54 แล้วก็พยักหน้าไปที่ประตูอ่ะประมาณว่า
00:23:54 → 00:23:57 เปิดประตูให้หน่อยค่ะลูกศิษย์ผมบอกว่าตอน
00:23:57 → 00:24:01 นั้นก็ไม่พอใจนะเบอกใครอรอคือใครเหรออื
00:24:01 → 00:24:04 ฉันอะไรอย่างเงี้ยค่ะคือถึงแม้จะต้องเปิด
00:24:04 → 00:24:07 ประตูแต่ว่าวิธีการสื่อสารมันทำได้คุณ
00:24:07 → 00:24:10 เป็นใครเหรอออะไรอย่างเงี้ยก็เลยไม่พอใจ
00:24:10 → 00:24:13 เกิดความขัดแย้งเกิดความต่อต้านด้วยการทำ
00:24:13 → 00:24:15 เป็นไม่ได้ยินไม่รู้ไม่ชี้ฟังเพลง
00:24:15 → 00:24:19 ต่อผมก็เลยถามเบอกว่าวันนั้นน่ะไปสอน
00:24:19 → 00:24:21 เรื่องเกี่ยวกับสัมพันธภาพของความเป็น
00:24:21 → 00:24:24 เพื่อนนี่แหละค่ะผมก็เลยบอกว่าเอาใหม่
00:24:24 → 00:24:26 สมมุติว่าคุณนั่งอยู่ที่ประตูแล้วคุณที่
00:24:26 → 00:24:29 จะลงเป็นเพื่อนคุณอือแล้วเขาไม่ได้ใช้มือ
00:24:29 → 00:24:33 สะกิดด้วยนะอือผมบอกขอผมขออนุญาตนะครับผม
00:24:33 → 00:24:36 บอกว่าถ้าเพื่อนคุณน่ะใช้เท้าสกใช้เท้า
00:24:36 → 00:24:39 เขี่ยเลยเออคุณจะเปิดมั้ยเปิดแล้วคุณโกรธ
00:24:39 → 00:24:43 มั้ยไม่เกไม่โกรธอือเพราะอะไรเพื่อนเเป็น
00:24:43 → 00:24:47 เพื่อนอือเพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับโอ้โห
00:24:47 → 00:24:50 เวลาก็จะหมดลงแล้วนะครับเพรางั้นวันเถ้า
00:24:50 → 00:24:53 ใครเจอสถานการณ์ของการต่อต้านค่ะหาเหตุ
00:24:53 → 00:24:58 ต้นเหตุให้เจอค่ะแล้ววันนี้ยาสมานแพแผล
00:24:58 → 00:25:01 ความการต่อต้านเนี้ยสำคัญสุดเรื่องนึงที่
00:25:01 → 00:25:04 เจอวันนี้เลยนะคือสัมพันธภาพของความเป็น
00:25:05 → 00:25:08 เพื่อนค่ะวันนี้ครับคุณผู้ฟังเวลาหมดมา
00:25:08 → 00:25:10 แล้วนะครับผมและพี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อน
00:25:10 → 00:25:13 ครับสวัสดีครับสวัสดี
00:25:13 → 00:25:17 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:25:17 → 00:25:20 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:25:20 → 00:25:22 spotify Sou Cloud Google podcast
00:25:22 → 00:25:25 Apple podcast และ YouTube Channel
00:25:25 → 00:25:29 Thai PBS podcast tai PBS podcast
00:25:29 → 00:25:32 View the world via The
00:25:32 → 00:25:40 [เพลง]
00:25:40 → 00:25:43 Voice