00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับตอนนี้ก็มีการแพร่ระบาดของ
00:00:03 → 00:00:06 อหิวาตักโรคที่เมียนมาร์นะครับหรือประเทศ
00:00:06 → 00:00:09 พม่านั่นเองมีผู้ป่วยกว่า 300 คนเลยที
00:00:09 → 00:00:13 เดียวแล้วก็มีผู้เสียชีวิตด้วยครับโรคนี้
00:00:13 → 00:00:16 เนี่ยมันคืออะไรเกิดได้อย่างไรติดต่อแบบ
00:00:16 → 00:00:18 ไหนแล้วมันอันตรายยังไงวันนี้ผมจะเล่าให้
00:00:18 → 00:00:20 ฟังนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนี
00:00:21 → 00:00:22 ธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศ
00:00:22 → 00:00:25 สหรัฐอเมริกาเชี่ยวชานโรคปอดการปลูกถ่าย
00:00:25 → 00:00:28 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับอหิวาตกโรคเนี่ยนะ
00:00:28 → 00:00:30 ครับมันเป็นโรคที่
00:00:30 → 00:00:33 แพร่แล้วก็ติดได้ง่ายมากนะครับจากการที่
00:00:33 → 00:00:37 เราล้างมือไม่สะอาดนะฮะถ้าเกิดว่ามันมี
00:00:37 → 00:00:40 อุจจาระของคนที่เขาป่วยเนี่ยแล้วมันปน
00:00:40 → 00:00:43 เปื้อนมาในน้ำหรืออาหารของเราแล้วเรากิน
00:00:43 → 00:00:46 เข้าไปเนี่ยนะครับหรือว่าเราไปสัมผัสด้วย
00:00:46 → 00:00:47 มือของเราแล้วไม่ได้ล้างให้ดีแล้วเรากิน
00:00:47 → 00:00:50 เข้าไปเนี่ยเราก็จะป่วยเป็นโรคนี้ได้นะ
00:00:50 → 00:00:54 ครับพม่าเนี่ยหรือเมียนมาร์เรื่องของ
00:00:54 → 00:00:56 สถานการณ์ทางการเมืองเนี่ยมันก็ยังไม่
00:00:56 → 00:00:59 ค่อยปกติยังมีการรบพุ่งกันอยู่ใช่มั้ย
00:00:59 → 00:01:02 ครับที่ทีนี้ก็อาจจะทำให้การดูแลผู้ป่วย
00:01:02 → 00:01:05 เนี่ยเป็นไปได้อย่างยากลำบากโรงพยาบาลนะ
00:01:05 → 00:01:08 ครับเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆยารักษาโรคก็
00:01:08 → 00:01:11 อาจจะมีปัญหาได้ทีนี้มันก็เกิดขึ้นใกล้
00:01:11 → 00:01:14 ชายแดงประเทศไทยเราก็มีความกังวลว่าเอ๊ะ
00:01:14 → 00:01:17 ไอ้โรคนี้เนี่ยมันจะแพร่เข้ามาในประเทศ
00:01:17 → 00:01:19 ของเราหรือเปล่านะครับเราจึงมีความจำเป็น
00:01:19 → 00:01:21 จะต้องมาทำความรู้จักกับโรคนี้กันนะครับ
00:01:21 → 00:01:25 อวาตักโรคเนี่ยภาษาอังกฤษเราจะเรียกว่า
00:01:25 → 00:01:27 corella นะครับเกิดจากเชื้อตัวหนึ่งชื่อ
00:01:27 → 00:01:29 ว่า vio corella เชื้อตัวนี้เนี่ยมันมี
00:01:29 → 00:01:33 ลักษณะพิเศษอย่างนึงนะครับก็คือมันเป็น
00:01:33 → 00:01:35 ตัวที่ว่ายน้ำได้เร็วมากนะครับมันจะมี
00:01:35 → 00:01:39 เหมือนมีหางยาวๆเรือแจลว่ายน้ำได้รวดเร็ว
00:01:39 → 00:01:42 มากนะครับแล้วก็มีลักษณะพิเศษเลยเวลาที่
00:01:42 → 00:01:44 เราไปดูมันภายในกล้องจุลทัศน์มันจะวิ่ง
00:01:44 → 00:01:47 เร็วนะฮะวิ่งไปวิ่งมาอย่างรวดเร็วเลย
00:01:47 → 00:01:50 เหมือนดาวตกประมาณนั้นเลยนะครับแล้วมัน
00:01:50 → 00:01:54 สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราด้วยการป่น
00:01:54 → 00:01:57 เปื้อนไม่ว่าจะเป็นมือหรืออาหารของเราพอ
00:01:57 → 00:02:00 มันเข้าไปในร่างกายของเราแล้วนะครับมันจะ
00:02:00 → 00:02:03 ต้องไปเจอกรดในกระเพาะครับกรดในกระเพาะ
00:02:03 → 00:02:05 เนี่ยสามารถฆ่าเชื้อคลอเรลล่าได้นะครับ
00:02:05 → 00:02:10 แต่ว่าคนไหนที่มีความเสี่ยงก็คือคนที่เขา
00:02:10 → 00:02:12 ไม่มีกรดในกระเพาะหรือไม่มีกระเพาะนั่น
00:02:12 → 00:02:16 เองเช่นอะไรบ้างถ้าเกิดคุณกินยาลดกรดอยู่
00:02:16 → 00:02:19 บ่อยๆอันนี้แหละก็จะมีความเสี่ยงเพราะมัน
00:02:19 → 00:02:22 ไม่มีกรดเอาไว้ทำลายเชื้อตัวนี้นะครับอัน
00:02:22 → 00:02:26 ที่ 2 คนที่ตัดกระเพาะไปผ่าตัดลดความอ้วน
00:02:26 → 00:02:28 นะครับไม่ว่าจะตัดกระเพาะไปส่วนนึงหรือ
00:02:28 → 00:02:31 ตัดกระเพาะไปทั้งหมดนะครับก็มีความเสี่ยง
00:02:31 → 00:02:35 ต่อการติดเชื้อคอลได้มากกว่าคนปกติและไม่
00:02:35 → 00:02:37 เพียงแค่นั้นครับมันจะมีบางคนเนี่ยไม่
00:02:37 → 00:02:40 สามารถสร้างกรดในกระเพาะได้มันเป็นโรค
00:02:40 → 00:02:42 กลุ่มอ่าภูมิต่อต้านตัวเองชนิดหนึ่งนะ
00:02:42 → 00:02:45 เรียกออโตอิมมูนนะครับก็จะเกิดภาวะเอคอ
00:02:45 → 00:02:48 ไฮเดรนะครับภาวะนี้ก็จะไม่สามารถสร้างกรด
00:02:48 → 00:02:51 ไฮโดรคลอลิกในกระเพาะได้เชื้อมันก็เลยจะ
00:02:51 → 00:02:55 สามารถจัดการกับร่างกายของเราได้สบายๆเลย
00:02:55 → 00:02:57 นะครับพอเชื้อโรคผ่านตรงบริเวณกระเพาะไป
00:02:57 → 00:03:00 ได้เนี่ยมันจะเข้าสู่บริเวณลำไส้ไเล็ก
00:03:00 → 00:03:03 ซึ่งเป็นบริเวณที่มันก่อเรื่องครับตัว
00:03:03 → 00:03:05 เชื้อนี่นะครับมันไม่เข้าไปในกระแสเลือด
00:03:05 → 00:03:07 ของเราหรอกครับมันก็อยู่แค่ในลำไส้แต่ว่า
00:03:07 → 00:03:10 มันสร้างพิษครับพิษเนี่ยเรียกว่าท็อกซิน
00:03:10 → 00:03:15 นะฮะแล้วมันจะมีบิโอคอลลเนี่ยอยู่หลายสาย
00:03:15 → 00:03:17 พันธุ์เกิน 200 สายพันธุ์นะครับแต่ไอ้ตัว
00:03:18 → 00:03:20 สายพันธุ์ที่ก่อเรื่องในร่างกายของเราคือ
00:03:20 → 00:03:23 สายพันธุ์ o1 ครับอีกตัวนึงคือ o1 39
00:03:23 → 00:03:26 ซึ่งเดี๋ยวเนี้ย o1 39 ไม่ค่อยระบายแล้ว
00:03:26 → 00:03:28 จะเป็น o1 ซะส่วนใหญ่นะครับสายพันธุ์นี้
00:03:28 → 00:03:31 เนี่ยมันจะมีความพิเศษอย่างนึงเออตรง
00:03:31 → 00:03:34 เนี้ยสนุกและเพราะว่าการที่มันจะสร้างพิษ
00:03:34 → 00:03:38 ได้นะครับมันจะต้องมีไวรัสอยู่ในตัวมัน
00:03:38 → 00:03:42 เออมันไม่ได้ทำงานคนเดียวครับตัวมันเอง
00:03:42 → 00:03:45 เป็นแบคทีเรียแบคทีเรียที่สามารถสร้างพิษ
00:03:45 → 00:03:49 ได้จะต้องมีไวรัสตัวหนึ่งชื่อว่า bage
00:03:49 → 00:03:53 CTX fre นะครับ CTX แล้วก็ตัวอักษรกรีก
00:03:53 → 00:03:56 ที่เป็นตัวฟรีตัวนึงเป็นกลมๆแล้วมีขีดนะ
00:03:56 → 00:04:00 ฮะตรงกลางเนี่ยอันเนี้ยมันจะเป็น
00:04:00 → 00:04:02 ตัวไวรัสซึ่งช่วย
00:04:02 → 00:04:05 แบคทีเรียในการสังเคราะห์พิษตัวนี้เพราะ
00:04:05 → 00:04:09 ว่ามันมียีนพิษอยู่นะครับแล้วไอ้ไวรัสตัว
00:04:09 → 00:04:11 เนี้ยสามารถส่งต่อไปให้เพื่อนได้ด้วยนะ
00:04:11 → 00:04:15 เออไวรัสกับแบคทีเรียแบบเนี้ยมันถ้อยที
00:04:15 → 00:04:18 ถ้อยอาศัยกันแล้วก็เอาไว้จัดการกับมนุษย์
00:04:18 → 00:04:21 นี่แหละโดยเฉพาะทีนี้ไอ้พิษตัวนี้นะครับ
00:04:21 → 00:04:24 เวลาเราสร้างขึ้นมานะครับมันก็คือพิษที่
00:04:24 → 00:04:26 เรียกว่าคอลท็อกซินนะฮะถ้าใครเรียนแพทย์
00:04:27 → 00:04:29 มาตรงเนี้ยจะสนุกมากแล้วะเพราะว่ามันแบ่ง
00:04:29 → 00:04:31 เป็นท็อกซิน a กับท็อกซิน B นะครับ
00:04:31 → 00:04:36 ท็อกซิน B เนี่ยมันจะเป็นมีอยู่ 5 ตัวจับ
00:04:36 → 00:04:39 กันแล้วท็อกซิน a มันอยู่ตรงกลางทีนี้ไอ้
00:04:39 → 00:04:41 ท็อกซิน B เนี่ยมีหน้าที่เหมือนเป็นประตู
00:04:41 → 00:04:44 มันไปจับกับเซลล์ลำไส้เล็กของเรานะครับ
00:04:44 → 00:04:47 แล้วก็เปิดประตูนะทำให้ทั้งอันเนี่ยทั้ง
00:04:47 → 00:04:49 ท็อกซิน B ทอกซิน n สามารถเข้าไปสู่เซลล์
00:04:49 → 00:04:52 ของลำไส้เราได้พอมันเข้าไปสู่เซลล์ลำไส้
00:04:53 → 00:04:55 เราแล้วเนี่ยนะครับมันจะไปกระตุ้นให้เกิด
00:04:55 → 00:04:59 การสร้างสารอย่างหนึ่งนะครับชื่อว่า
00:04:59 → 00:05:03 ไซคลิก Amp นะครับ cyclic อ่า Amp ตัวนี้
00:05:03 → 00:05:06 เนี่ยจะเป็นสารที่มันจะทำให้เกิดการท้อง
00:05:07 → 00:05:10 เสียทีหลังได้โดยการไปจับกับตัวรับตัวนึง
00:05:10 → 00:05:13 ซึ่งตรงเนี้ยมันอาจจะเข้าใจยากนิดนึงนะ
00:05:13 → 00:05:15 แต่ผมจะพยายามเล่าให้มันมีความเกี่ยวข้อง
00:05:15 → 00:05:18 กับหลายๆอย่างนะครับกลไกนี่มันลึกกว่านี้
00:05:18 → 00:05:20 เยอะแต่ว่าเอาแค่ประมาณผิวๆแล้วกันนะครับ
00:05:20 → 00:05:23 ตัว cyclic Amp เนี่ยจะไปจับกับตัวรับ
00:05:23 → 00:05:27 ตัวนึงชื่อ cft cystic fibrosis Trans
00:05:27 → 00:05:30 vent conduction Regulator นะนะครับ
00:05:30 → 00:05:33 คุ้นบางคนที่เรียนหมอจะคุ้นตัวนี้ cft
00:05:33 → 00:05:36 เพราะว่าถ้ามันมีการกลายพันธ์ไปแล้วจะ
00:05:36 → 00:05:39 เป็นโรคโรคหนึ่งชื่อว่า cystic fibrosis
00:05:39 → 00:05:42 แต่ว่าในอีวาตกโรคเนี่ยมันคนละอย่างกัน
00:05:42 → 00:05:46 มันจะไปทำให้ไอ้ cftr เ่ะทำงานมากขึ้น
00:05:46 → 00:05:49 แล้วก็ปล่อยคลอไรด์ออกมาเต็มไปหมดเข้าไป
00:05:49 → 00:05:52 สู่ในลำไส้เล็กของเราการที่มันปล่อย
00:05:52 → 00:05:55 คลอไรด์เข้าไปเยอะๆเนี่ยสิ่งที่ตามมานะ
00:05:55 → 00:05:58 ครับน้ำในร่างกายจะตามคลอไรด์นี่ออกมาหมด
00:05:58 → 00:06:01 เลยโซเดียมในร่างกายจะตามคลอไลน์นี้ออกมา
00:06:01 → 00:06:03 หมดเลยทำให้มีน้ำอยู่ในทางเดินอาหารของ
00:06:03 → 00:06:06 เรามหาศาลและไอนั่นแหละครับที่ถ่ายออกมา
00:06:06 → 00:06:09 เป็นอุจจาระของเรานะครับถ่ายออกมาเป็น
00:06:09 → 00:06:11 อย่างเยอะเลยแล้วก็ไม่ได้เสียแค่น้ำกับ
00:06:11 → 00:06:14 โซเดียมกับคลอไรด์เพียงอย่างเดียวนะครับ
00:06:14 → 00:06:16 แต่ว่าอุจจาระออกมาเยอะขนาดนั้นสิ่งที่
00:06:16 → 00:06:19 เราจะเสียเราจะเสียโปแทสเซียมไปด้วยเราจะ
00:06:19 → 00:06:22 เสียแคลเซียมเราจะเสียแมกนีเซียมและเราจะ
00:06:22 → 00:06:25 เสียไบคาร์บอเนตครับทำให้สิ่งที่เกิดขึ้น
00:06:25 → 00:06:28 คืออะไรรู้มั้ยครับการที่เราเสียน้ำเป็น
00:06:28 → 00:06:31 ลิตรต่อชั่วโมงเนี่ยเราจะขาดน้ำได้รวด
00:06:31 → 00:06:35 เร็วมากขาดน้ำมีอาการยังไงคือ 1 มันก็หิว
00:06:35 → 00:06:38 น้ำมากแล้วพวกเนี้ยจะตาลึกโหลเลยทีเดียว
00:06:38 → 00:06:40 นะครับแล้วก็ผิวหนังปกติของเราเนี่ยมัน
00:06:40 → 00:06:42 ควรจะดึงขึ้นมาแล้วมันเด้งกลับที่เดิมใช่
00:06:43 → 00:06:44 มั้ยครับดึงเข้าแล้วเด้งกลับที่เดิมพวก
00:06:44 → 00:06:46 นี้เนี่ยนะครับถ้าขาดน้ำมากๆคุณดึงมาแล้ว
00:06:46 → 00:06:49 มันตั้งอยู่อย่างเงี้ยไม่ลงเลยมือจะ
00:06:49 → 00:06:52 เหี่ยวๆตั้งได้อย่างนี้เลยนะครับอ่ามัน
00:06:52 → 00:06:55 เป็นอาการขาดน้ำแบบขั้นรุนแรงถ้าขาดน้ำไป
00:06:55 → 00:06:59 เรื่อยๆนะครับก็จะมีอาการเริ่มไม่ได้สติ
00:06:59 → 00:07:03 ละเริ่มเพ้อแล้วก็ช็อกความดันตกเสียชีวิต
00:07:03 → 00:07:06 ครับอันตรายขนาดนั้นเลยถามว่ามันเสีย
00:07:06 → 00:07:10 ชีวิตได้เร็วแค่ไหนตัวอิวาเนี่ยนะครับ
00:07:10 → 00:07:14 เวลาเราได้รับเชื้อมามันมีอาการแสดงได้
00:07:14 → 00:07:17 ตั้งแต่ประมาณสัก 12 ชมงจนถึงประมาณ 5
00:07:17 → 00:07:20 วันนะครับขึ้นอยู่กับว่าได้รับเชื้อมามาก
00:07:20 → 00:07:22 หรือน้อยแล้วก็ปัจจัยเสี่งของร่างกายเรา
00:07:22 → 00:07:24 คืออะไรถ้าเราเป็นคนที่ปัจจัยเสี่ยงสูง
00:07:24 → 00:07:26 คือไม่มีกรดในกระเพาะเลยเราได้รับเชื้อมา
00:07:26 → 00:07:29 ปริมาณมากเราก็แสดงอาการในไม่กี่ชั่วโมง
00:07:29 → 00:07:33 ก็ได้ได้นะครับทีนี้พอเราแสดงอาการขึ้นมา
00:07:33 → 00:07:34 แล้ว
00:07:34 → 00:07:39 เนี่ยคุณรู้มยครับว่าที่แที่ประเทศเฮติ
00:07:39 → 00:07:42 เนี่ยปี 2010 มีการระบาดของอิวาตโรค
00:07:42 → 00:07:46 รุนแรงแล้วนั่นน่ะภายใน 12 ช่วโมงตายเลย
00:07:46 → 00:07:49 ครับหลังจากที่เป็น 12 ชมงเองนะมันเร็ว
00:07:49 → 00:07:53 ขนาดนั้นครับแล้วคุณคิดดูถ่ายออกมา 1 ชม 1
00:07:53 → 00:07:56 ลิตรถ้าเป็นคนที่อาการรุนแรงนะ 1 ชม 1
00:07:56 → 00:08:00 ลิตร 24 ชมคุณ 24 ลิตรคุณกินน้ำวันละ 2
00:08:00 → 00:08:04 ลิตรยากยากเลยนี่ 24 ลิตรนะครับตายไปเลย
00:08:04 → 00:08:07 นะครับอย่างรวดเร็วอันนี้คือเป็นการเสีย
00:08:07 → 00:08:09 น้ำที่มันรุนแรงมากๆนะครับคือร่างกายของ
00:08:09 → 00:08:12 เราจะพังอย่างรวดเร็วแล้วไม่ใช่แค่น้ำ
00:08:12 → 00:08:16 ครับที่หายไปการที่คุณขาดเกลือแรกนะครับ
00:08:16 → 00:08:18 ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม
00:08:18 → 00:08:21 โพแทสเซียมนะครับแคลเซียมแมกนีเซียมพวก
00:08:21 → 00:08:24 เนี้ยขาดเยอะๆเป็นอะไรครับตะคริวครับ
00:08:24 → 00:08:27 เขียดขาดน้ำเยอะๆแล้วก็ขาดเกือแรกเป็น
00:08:27 → 00:08:29 ตะคิวขึ้นมาหัวใจเต้นผิดปกติได้เสียน้ำ
00:08:29 → 00:08:33 จากร่างกายเยอะๆไตวายได้อีกครับไตวายได้
00:08:33 → 00:08:36 เลยนะฮะอันนี้คือแย่มากเลยนะครับแล้วก็
00:08:36 → 00:08:38 เลือดเป็นกรดขั้นรุนแรงเพราะว่าเราเสีย
00:08:38 → 00:08:40 ไบคาร์บอเนตซึ่งไบคาร์บอเนตเนี่ยมันมี
00:08:40 → 00:08:43 ฤทธิ์เป็นแต่เราเสียออกไปทางอุจจาระ
00:08:43 → 00:08:46 แล้วครับร่างกายก็เป็นกรดมหาศาลเลยเพราะ
00:08:46 → 00:08:49 เราสูญเสียด่างออกไปจากร่างกายแล้วก็กรด
00:08:49 → 00:08:51 ในร่างกายไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราสูญเสีย
00:08:51 → 00:08:54 ด่างออกไปจากร่างกายเท่านั้นแต่ว่าการที่
00:08:54 → 00:08:56 ความดันของเราตกเพราะว่าเราเสียน้ำเยอะๆ
00:08:56 → 00:09:00 เนี่ยมันจะทำให้ร่างกายมีการสร้างกรด
00:09:00 → 00:09:04 แลคติกเพิ่มขึ้นดังนั้นคุณเสียด่างที่
00:09:04 → 00:09:07 ปกติมันควรจะเอาไปต่อต้านกับกรดแล้วคุณมี
00:09:07 → 00:09:09 การสร้างกรดเพิ่มขึ้นในร่างกายร่างกายมี
00:09:09 → 00:09:12 ความเป็นกรดสูงมากๆคนพวกเนี้ยก็จะมีการ
00:09:12 → 00:09:14 หายใจ
00:09:14 → 00:09:19 แบบลึกและยาวเราเรียกแบบนี้ว่า C Small
00:09:19 → 00:09:21 breathing นะครับเป็นการหายใจลึกและยาว
00:09:21 → 00:09:23 เพื่อที่จะเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจาก
00:09:23 → 00:09:25 ร่างกายเยอะๆนะครับการเอาคำนักรักษาอไป
00:09:25 → 00:09:27 จากร่างกายเยอะเป็นการที่ทำให้ร่างกายมี
00:09:27 → 00:09:29 ความเป็นด่างสูงขึ้นเพื่อเอาไปต่อต่อสู้
00:09:29 → 00:09:31 กับกรดในร่างกายดังนั้นคนพวกเนี้ยก็จะ
00:09:31 → 00:09:35 เป็นคนที่แบบตาลึกโหลเพลียไม่ได้ไม่ค่อย
00:09:35 → 00:09:38 มีสติอาจจะมีพูดเพ้อบ้างและถ่ายตลอดเวลา
00:09:38 → 00:09:42 นะครับแล้วก็หายใจแบบนั้นแล้วสำหรับคนที่
00:09:42 → 00:09:44 เป็นเด็กนะครับอันนี้อันตรายเป็นพิเศษ
00:09:44 → 00:09:47 เพราะว่าคนที่เป็นเด็กเนี่ยร่างกายไม่
00:09:47 → 00:09:49 อ่อนแอร่างกายอ่อนแออยู่แล้วตัวเล็กนะ
00:09:49 → 00:09:53 ครับไม่มีน้ำตาลสะสมไปในร่างกายเพียงพอนะ
00:09:53 → 00:09:57 ครับขาดไกลโคเจนดังนั้นคนที่แบบอยู่ๆท้อง
00:09:57 → 00:10:00 เสียรุนแรงขนาดนี้นะครับเาจะมีภาวะน้ำตาล
00:10:00 → 00:10:04 ต่ำด้วยนะครับแล้วน้ำตาลต่ำเนี่ยอันตราย
00:10:04 → 00:10:06 มากปกติน้ำตาลเนี่ยมันจะสลายมาจาก
00:10:06 → 00:10:09 ไกลโคเจนแปลงไปเป็นน้ำจานน้ำตาลได้แต่ถ้า
00:10:09 → 00:10:11 มันแปลงแล้วมันไม่มีอะไรจะให้แปลงมันไม่
00:10:11 → 00:10:14 มีไกลโคเจนมันไม่มีน้ำตาลน้ำตาลเเป็นสาร
00:10:14 → 00:10:17 ให้พลังงานกับร่างกายคุณคิดดูสิครับถ้า
00:10:17 → 00:10:19 เด็กเสียน้ำเยอะขนาดนี้เสียเกลือแร่แล้ว
00:10:19 → 00:10:23 เสียน้ำตาลไม่มีพลังงานก็เสียชีวิตได้
00:10:23 → 00:10:24 อย่างรวดเร็วดังนั้นเด็ๆเนี่ยมีความ
00:10:24 → 00:10:28 อันตรายอย่างมากเลยแล้วไม่เพียงแค่นั้น
00:10:28 → 00:10:29 ครับนี่ยังไม่จบ
00:10:29 → 00:10:32 คนที่เป็นแบบเยรุนแรงมากๆโดยเฉพาะในเด็ก
00:10:32 → 00:10:36 นะครับมีส่วนหนึ่งเป็นปอดอักเสบขึ้นมา
00:10:36 → 00:10:39 ทำไมเด็กพวกเนี้ยคลื่นไส้อาเจียนครับ
00:10:39 → 00:10:42 อาเจียนมันไปไหนครับเพลียอาเจียนปุ๊บไป
00:10:42 → 00:10:44 ปอดครับตกลงไปในปอดปอดอักเสบจากอาเจียน
00:10:44 → 00:10:48 พวกนี้นั่นแหละไม่ได้เป็นจากเชื้อบอคอล
00:10:48 → 00:10:50 ที่เราติดเข้าไปนะครับแต่มันเป็นจากการ
00:10:50 → 00:10:52 อาเจียนเข้าไปแล้วปลอดอักเสบแล้วเกิดการ
00:10:52 → 00:10:56 ติดเชื้ออย่างอื่นตามมานะครับทั่วไปเนี่ย
00:10:56 → 00:10:59 คอลพวกนี้นะครับเวลาที่เราท้องเสียนะมัน
00:10:59 → 00:11:02 จะจะไม่มีไข้ครับจะไม่มีอาการไข้เตือนมา
00:11:02 → 00:11:04 ก่อนถ้าเรามีไข้เนี่ยต้องไปหาเหตุผลอื่น
00:11:04 → 00:11:07 แล้วแหละแล้วมันก็ไม่ปวดท้องด้วยนะฮะไม่
00:11:08 → 00:11:11 เหมือนกับปวดบิดปวดเอ่อส่วนใหญ่มันอาจจะ
00:11:11 → 00:11:13 มีบิดๆบ้างได้นะครับแต่จะไม่มีการถ่ายออก
00:11:13 → 00:11:16 มาเป็นมูกเลือดหรือว่ามันปวดก้นเวลาถ่าย
00:11:16 → 00:11:18 นะครับหรือภาษาทางการแพทย์เราเรียกว่า
00:11:18 → 00:11:20 essm ปวดก้นหรือปวดท้องน้อยเวลาที่เรา
00:11:20 → 00:11:24 ถ่ายเนี่ยนะครับคอลหรืออิาตรจะไม่มีอาการ
00:11:24 → 00:11:27 แบบนี้มันจะมีแต่อาการเสียน้ำถ่ายเยอะมาก
00:11:27 → 00:11:30 ๆอ่อนเพลียนะครับอาจจะเป็นตะคิวได้นะฮะ
00:11:30 → 00:11:33 แล้วก็ความนันตกได้พวกเนี้ยหายใจเร็วได้
00:11:33 → 00:11:36 หมดเลยน้ำตาลต่ำได้พวกเนี้ยเจอได้หมดใน
00:11:36 → 00:11:40 กรณีของคอล่านี่แหละนะครับหรืออภิวาตกโรค
00:11:40 → 00:11:42 มันค่อนข้างที่อันตรายเพราะมันทำให้เสีย
00:11:42 → 00:11:45 ชีวิตได้ค่อนข้างรวดเร็วมากเลยทีเดียวถ้า
00:11:45 → 00:11:47 เกิดว่าเรารักษาไม่ทันแล้วคุณคิดดูประเทศ
00:11:47 → 00:11:50 เมียนมาร์เนี่ยเค้ายังมีการรบกันอยู่นะ
00:11:50 → 00:11:52 ครับอาจจะเข้าถึงโรงพยาบาลหรือการรักษา
00:11:52 → 00:11:55 พยาบาลได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะฮะมันก็เลย
00:11:55 → 00:11:59 เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาทีนี้พอเรารู้
00:11:59 → 00:12:02 รู้แล้วว่าอาการของเา้าเป็นยังไงนะครับ
00:12:02 → 00:12:04 การป้องกันทำยังไงการป้องกันแน่นอนครับ
00:12:04 → 00:12:07 การล้างมือบ่อยๆเนี่ยมันช่วยได้ดีเลยนะ
00:12:07 → 00:12:09 ครับอาหารก็ต้องปรุงสุกสะอาดนะครับเพราะ
00:12:09 → 00:12:12 ถ้าสุกปุ๊บเชื้อมันตายการล้างมือนะครับ
00:12:12 → 00:12:15 ยังโชคดีที่ไอ้คอล่าเนี่ยมันสามารถตายได้
00:12:15 → 00:12:17 ด้วยแอลกอฮอล์ครับแอลกอฮอล์ที่เราใช้ล้าง
00:12:17 → 00:12:20 มือเนี่ย 70% นะครับล้างอย่างน้อยก็ 20
00:12:20 → 00:12:24 วินาทีนะครับมีบางคนอาจจะถามว่าเฮ้ยอย่าง
00:12:24 → 00:12:25 นี้เรากินเหล้าเยอะๆเนี่ยมันเป็น
00:12:25 → 00:12:27 แอลกอฮอล์เชื้อตายหรือเปล่าไม่ตายครับ
00:12:27 → 00:12:30 เพราะว่าคอล่าเนี่ยจะต้องใช้แอลกอฮอล์
00:12:30 → 00:12:34 อย่างน้อย 60% ขึ้นไป 70% ไอที่เราใช้อ่า
00:12:34 → 00:12:37 ล้างมือเนี่ยถือว่าปลอดภัยแต่ว่า
00:12:37 → 00:12:40 แอลกอฮอล์ที่เรากินเข้าไปเนี่ยอย่างดีถ้า
00:12:40 → 00:12:43 เหล้าขาวนะครับมันก็ 40% เองครับมันไม่
00:12:43 → 00:12:46 ถึง 70% ยังห่างไกลอีกเยอะดังนั้นคุณที่
00:12:46 → 00:12:48 คิดว่าเฮ้ยเราจะดื่มเลเข้าไปเยอะๆแล้วจะ
00:12:48 → 00:12:50 ปลอดภัยจากไออาเนี่ยเป็นไปไม่ได้ครับไม่
00:12:50 → 00:12:54 จริงนะครับอ้ออีกอย่างนึงซึ่งผมลืมไป
00:12:54 → 00:12:57 สำหรับอานะครับเวลาคุณถ่ายออกมาเนี่ย
00:12:57 → 00:12:59 ลักษณะของมันจะเหมือนน้ำซาวข้าเลยสีมันจะ
00:12:59 → 00:13:03 ขาวๆเยอะมากเลยนะครับอย่างเยอะเหมือนน้ำ
00:13:03 → 00:13:05 ซาวข้าวออกมาเป็นลท์ๆเลยอ่ะสมัยก่อนเวลา
00:13:05 → 00:13:07 ที่เขารักษาคนไข้พวกเนี้ยคือเตียงของเขา
00:13:07 → 00:13:10 เนี่ยจะต้องเจาะรูเจาะรูให้ถ่ายครับเพราะ
00:13:11 → 00:13:12 ว่าคนนอดนตรีแล้วถ่ายลงมาข้างล่างแล้วก็
00:13:12 → 00:13:15 มีถังเอาไว้ลองอุจจาระของคนพวกเนี้ยแล้ว
00:13:15 → 00:13:17 เปลี่ยนแทบจะทุกชั่วโมงเพราะมันถ่ายออกมา
00:13:17 → 00:13:19 ทีเดียวเยอะเลยนะครับมันเป็นแบบนั้นเลย
00:13:19 → 00:13:22 อันนี้คือนอนอยู่เฉยๆก็อุจจาระลดออกมา
00:13:22 → 00:13:24 อย่างเยอะเนี่ยอันนี้มันคืออิวาตกโรคค่อน
00:13:24 → 00:13:28 ข้างที่จะรุนแรงมากนะครับอ่ะเราบอกไปแล้ว
00:13:28 → 00:13:29 ว่าการล้างมือ
00:13:29 → 00:13:31 ไม่ว่าจะเป็นการล้างด้วยสบู่และน้ำหรือ
00:13:31 → 00:13:34 แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นเพียงพอสามารถ
00:13:34 → 00:13:37 ที่จะฆ่าเชื้อได้นะครับการทำอาหารที่สุข
00:13:37 → 00:13:39 สะอาดสามารถป้องกันได้มันมีวัคซีนด้วย
00:13:39 → 00:13:42 ครับเป็นวัคซีนแบบกินนะครับแต่ว่าเราก็
00:13:42 → 00:13:44 ไม่ค่อยได้ใช้กันบ่อยขนาดนั้นนะครับจะมี
00:13:44 → 00:13:47 การใช้ในบางประเทศนะฮะก็อันนี้ก็เป็นอีก
00:13:47 → 00:13:50 ทางเลือกหนึ่งทีนี้สมมุติว่าเราเป็นเรามี
00:13:50 → 00:13:53 อาการเข้าข่ายสงสัยได้ะนะครับวิธีการตรวจ
00:13:53 → 00:13:55 คือเราตรวจอุจจาระเราสามารถมาส่องแล้วดู
00:13:56 → 00:13:58 เชื้อพวกนี้ได้เวลาถ้าเราใช้วิธีการดูแบบ
00:13:58 → 00:14:00 พิเศษเรียกว่าดี microscopy นะครับคือเรา
00:14:00 → 00:14:03 จะเป็นพื้นหลังเป็นจอสีดำแล้วดูเชื้อตัว
00:14:03 → 00:14:05 นี้ได้เอาไปเพาะเชื้อก็ได้หรือมีแบบกรณี
00:14:05 → 00:14:08 ตรวจแอนติเจนก็ได้นะครับดูหาเชื้อโดยตรง
00:14:08 → 00:14:14 นะฮะอันนี้วิธีตรวจสอบการรักษาอ้ามีหลักๆ
00:14:14 → 00:14:16 เลยคือต้องให้สารน้ำเข้าไปในร่างกายนะ
00:14:16 → 00:14:18 ครับถ้าอาการรุนแรงมากต้องรีบให้ทางน้ำ
00:14:18 → 00:14:21 เกลือเลยให้พวกเกลือแร่ต่างๆเข้าไปทาง
00:14:21 → 00:14:25 เนี้ยเร็วที่สุดนะครับการให้นี่เลย oral
00:14:25 → 00:14:28 rehydration solution or เคยเห็นผง
00:14:28 → 00:14:31 เกลือแลกมไอ้นี่แหละครับประวัติของผง
00:14:31 → 00:14:34 เกลือแร่นะครับน่าสนใจมากคือสมัยก่อน
00:14:34 → 00:14:37 เนี่ยแหละก็มีอิวาตกโรคเนี่ยระบาดรุนแรง
00:14:37 → 00:14:40 แล้วคนตายเยอะเลยทีเดียวแล้วมันมีคนไปคิด
00:14:40 → 00:14:44 ครับว่าเฮ้ยไอ้กลไกที่เชื้อเนี่ยมันทำให้
00:14:44 → 00:14:46 ร่างกายของเราเนี่ยสูญเสียน้ำมากๆเนี่ย
00:14:46 → 00:14:51 มันเกิดจากการที่มันไปกระตุ้นไอ้ cft
00:14:51 → 00:14:53 เมื่อกี้ทำให้เราเสียคลอไรด์เข้าไปในอ่า
00:14:53 → 00:14:55 ทางเดินอาหารของเราแล้วก็อุจจาระออกมา
00:14:55 → 00:14:57 เยอะแยะเพราะว่ามีน้ำมีเกแรกทุกอย่างตาม
00:14:57 → 00:15:02 ออกมาหมดแต่ว่ามันมีอีกประตูนึงครับคือ
00:15:02 → 00:15:03 ประตู
00:15:03 → 00:15:07 กลูโคสถ้าเราเอาน้ำตาลกลูโคสเข้าไปตรง
00:15:07 → 00:15:09 นั้นมันจะไปจับกับประตูกลูโคสแล้วมันดึง
00:15:09 → 00:15:12 เอาโซเดียมดึงเอาน้ำดึงเอาทุกอย่างเข้าไป
00:15:12 → 00:15:15 ในร่างกายเราได้เหมือนเดิมเฮ้ยอย่างงี้
00:15:15 → 00:15:18 มันก็ไปตั้งฤทธิ์กับกลไกการทำงานของคอเรล
00:15:18 → 00:15:21 ได้สินะครับใช่แล้วครับมันทำได้แล้วก็
00:15:21 → 00:15:24 สมัยนั้นแหละครับก็กเลยมีการปรับสูตรต่าง
00:15:24 → 00:15:28 ๆของผงเกือแร่ตามมาเรื่อยๆนะครับแล้วก็พบ
00:15:28 → 00:15:30 ว่ามันช่วยชีวิตไว้ได้มหาศาลเลยทีเดียว
00:15:30 → 00:15:33 จากการทำผงเกือแรนี่แหละแต่แค่นั้นยังไม่
00:15:33 → 00:15:38 ได้ดีที่สุดครับมันมียาฆ่าเชื้อนะครับยา
00:15:38 → 00:15:41 ฆ่าเชื้อเนี่ยก็ตัวหลักๆที่เราให้ก็ก็
00:15:41 → 00:15:44 เป็นกลุ่มโรคโลนนะครับหรือจะเป็นอ่าแครน
00:15:44 → 00:15:48 เช่นซิมิอิมิก็ได้ในบางพื้นที่ก็จะมีการ
00:15:48 → 00:15:51 ใช้กลุ่ม doxy cin แต่ว่าไอ้กลุ่ม doxy
00:15:51 → 00:15:54 cin เซิเนี่ยเชื้อมันดื้อนะครับดังนั้น
00:15:54 → 00:15:57 ก็ไม่ค่อยเหมาะที่จะให้การให้ยาฆ่าเชื้อ
00:15:57 → 00:16:00 เนี่ยถามว่าให้ไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา
00:16:00 → 00:16:04 มันได้ตรงที่ว่ามันสามารถลดการที่มีอาการ
00:16:04 → 00:16:06 ได้นะครับอาการมันจะสั้นลงแทนที่จะเป็น
00:16:06 → 00:16:08 หลายๆวันก็จะเหลือแค่ประมาณ 2 วันแล้วก็
00:16:08 → 00:16:13 หายนะครับจะลดปริมาณเชื้อที่ออกมาทาง
00:16:13 → 00:16:16 อุจจาระได้โดยปกติอุจจาระเราเนี่ยมีเชื้อ
00:16:16 → 00:16:18 ออกมาเต็มไปหมดเลยนะครับแต่ถ้าเราใช้ยา
00:16:18 → 00:16:20 ฆ่าเชื้อมันสามารถลดปริมาณเชื้อที่ออกมา
00:16:20 → 00:16:22 ได้นะครับเชื้อพวกเนี้ยส่วนใหญ่มันจะออก
00:16:22 → 00:16:25 มาจากอุจจาระเราอยู่หลายวันเลยทีเดียว 5-6
00:16:25 → 00:16:27 วันอย่างเงี้ยแต่ว่าถ้าเรากินยาฆ่าเชื้อ
00:16:28 → 00:16:30 หรือฉีดยาฆ่าเชื้อมันก็จะลดพวกเนี้ยลงมา
00:16:30 → 00:16:32 ได้เหลือแค่วัน 2 วันมันก็จะไม่ออกมาทาง
00:16:32 → 00:16:35 อุจจาระก็ลดโอกาสในการแพร่กระจายให้กับคน
00:16:35 → 00:16:40 อื่นๆได้นะครับอ่าตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่เรา
00:16:40 → 00:16:42 เข้าใจว่ามันสำคัญนะครับแล้วเราจะต้องมี
00:16:42 → 00:16:45 การดูแลรักษาตัวเองให้ดีเรื่องของการ
00:16:45 → 00:16:48 รักษาความสะอาดในเนี้ยมันเป็นเรื่องสำคัญ
00:16:48 → 00:16:52 มากนะครับอ้ออีกอย่างนึงคือคนอาจจะสงสัย
00:16:52 → 00:16:54 ว่าเอ๊แล้วแบบเถ้าเราเป็นแล้วเราเป็นอีก
00:16:54 → 00:16:58 ได้มยคำตอบก็คือได้ครับเพราะว่าอย่างที่
00:16:58 → 00:17:01 ที่บอกสายพันธุ์ที่มีของ bbo corella
00:17:01 → 00:17:03 เนี่ยมันมี 200 สายพันธุ์หรือมากกว่านั้น
00:17:03 → 00:17:06 ด้วยซ้ำไปนะครับการที่คุณติดตัวนึงคุณจะ
00:17:06 → 00:17:08 มีภูมิกับตัวนั้นตัวเดียวคุณจะไม่มีภูมิ
00:17:08 → 00:17:11 กับตัวอื่นครับแต่ถ้าเกิดว่าการระบาดมัน
00:17:11 → 00:17:13 เกิดจากสายพันธุ์เดียวถ้าคุณเป็นแล้ว
00:17:13 → 00:17:15 เนี่ยครั้งต่อไปคุณก็จะไม่ค่อยเป็นแล้ว
00:17:15 → 00:17:18 ครับอาจจะถือว่าโชคดีนะฮะดังนั้นโดยสรุป
00:17:18 → 00:17:21 นะครับไอ้ตัว vibio corella เนี่ยเป็น
00:17:21 → 00:17:23 เชื้อที่แบบติดมาทางการป่นเปื้อนของ
00:17:23 → 00:17:26 อุจจาระไม่ว่าจะเป็นในอาหารน้ำดื่มหรือ
00:17:26 → 00:17:29 มือที่ไม่สะอาดนะครับการดูแลรักษาคือ
00:17:29 → 00:17:32 อย่างน้อยๆคุณจะต้องมีการล้างมือนะฮะด้วย
00:17:32 → 00:17:35 สบู่น้ำเปล่าอย่างน้อยก็ 20-30 วินาทีนะ
00:17:35 → 00:17:37 ครับถ้าเป็นแอลกอฮอล์ก็ต้องเป็นแอลกอฮอล์
00:17:37 → 00:17:40 70% นะครับอย่างน้อยๆก็ 20 วินาทีมันถึง
00:17:40 → 00:17:43 จะเชื้อมันตายไปนะครับทำแค่นี้ก็สามารถ
00:17:43 → 00:17:46 ป้องกันได้แล้วถ้าใครมีอาการท้องเสียขึ้น
00:17:46 → 00:17:48 มาสิ่งที่น่าสงสัยก็คือคุณมีอาการถ่าย
00:17:48 → 00:17:51 เยอะมากๆเลยออกมาเป็นน้ำเยอะๆอ่ะทุก
00:17:51 → 00:17:53 ชั่วโมงนะครับลักษณะของน้ำอ่ะมันเหมือน
00:17:53 → 00:17:56 น้ำซาวข้าวนะครับถ้ามันเป็นแบบนั้นเนี่ย
00:17:56 → 00:17:59 คุณรีบไปหาหมอเลยครับเพราะว่าอย่างที่ที่
00:17:59 → 00:18:00 บอกครับมันจะเสียน้ำรุนแรงได้แล้วก็ที่
00:18:00 → 00:18:03 เฮติที่ระบาดปี 2010 เนี่ยตายใน 12
00:18:03 → 00:18:06 ช่วโมงนะครับมันเร็วมากดังนั้นคุณจะรักษา
00:18:06 → 00:18:09 อยู่ที่บ้านไม่ได้แล้วยกเว้นว่าอาการของ
00:18:09 → 00:18:11 คุณไม่มากแล้วคุณกินเกลือแร่แล้วรู้สึก
00:18:11 → 00:18:14 ว่าคุณสามารถกินแล้วดื่มได้ปกติถ้ายังมี
00:18:14 → 00:18:17 สติสัมพัชัญญะกินได้ดื่มได้อันนี้ถือว่า
00:18:17 → 00:18:20 โอเคแต่ถ้าเกิดว่ามันไม่ได้แล้วมันเพลีย
00:18:20 → 00:18:23 มันเริ่มพูดไม่รู้เรื่องมันไม่ไหวแล้วไอ้
00:18:23 → 00:18:25 นี้รีบไปโรงพยาบาลดีกว่าครับไม่ฉะนั้น
00:18:25 → 00:18:28 ท่านอาจจะแย่ได้นะครับประเทศของเราเนี่ย
00:18:28 → 00:18:31 ยังมีทรัพยากรทางด้านของสาธารณสุขที่เข้า
00:18:31 → 00:18:33 ถึงได้ดีกว่าเมียนมาร์ในตอนนี้นะครับดัง
00:18:33 → 00:18:36 นั้นไม่ควรจะมีคนเสียชีวิตเพราะว่าอิวาตก
00:18:36 → 00:18:39 โรคนะครับมันควรจะต้องรักษาได้ทุกคนนะฮะ
00:18:39 → 00:18:41 เพราะว่าการรักษาไม่ได้ยากเย็นอะไรนะฮะ
00:18:41 → 00:18:44 แต่ว่าการเข้าถึงการศึกษานี่แหละที่เป็น
00:18:44 → 00:18:46 สิ่งที่ต้องเน้นย้ำกับทุกๆคนว่าควรรีบหา
00:18:46 → 00:18:48 หมอไม่ใช่ว่าปล่อยไว้แล้วก็รักษาตัวเอง
00:18:48 → 00:18:51 อยู่ที่บ้านนะครับโอเควันนี้ผมก็มาเล่า
00:18:51 → 00:18:52 ให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับถ้าใครมีอะไร
00:18:52 → 00:18:54 สงสัยก็สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับ
00:18:54 → 00:18:58 สวัสดีครับ