00:00:00 → 00:00:03 คุณหมออาจต้องต้องถามคุณหมอก่อนจริงๆแล้ว
00:00:03 → 00:00:08 เ่าเรื่องของอาการวูบวูบเนี่ยมันมันมีได้
00:00:08 → 00:00:12 หลากหลายสาเหตุเลยใช่ไหมมครับคุณหมออ่า
00:00:12 → 00:00:14 ใช่ครับหลากหลายสาเหตุนะครับแต่จริงๆแล้ว
00:00:14 → 00:00:17 เ่อผมอยากจะพูดให้เข้าใจตรงกันก่อนนะครับ
00:00:17 → 00:00:19 เกี่ยวกับเรื่องอาการวูบนะครับจริงๆตาม
00:00:19 → 00:00:22 ทางการแพทย์นะฮะเราจะใช้คำว่าวูบหรือหน้า
00:00:22 → 00:00:24 มืดเนี่ยก็คือทางการแพทย์เนี่ยจะหมายถึง
00:00:24 → 00:00:28 เป็นภาวะเป็นลมหมดสติครับครับก็คือจะเป็น
00:00:28 → 00:00:32 ภาวะที่อยู่ๆก็คือผู้ป่วยเนี่ยมีอยู่ๆก็
00:00:32 → 00:00:34 ขาดความรู้สึกตัวครับแล้วก็ส่วนใหญ่มักจะ
00:00:34 → 00:00:37 มีอาการล้มร่วมด้วยนะฮะแล้วก็อาการเนี่ย
00:00:37 → 00:00:39 เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับทันหันนะฮะแล้วก็
00:00:39 → 00:00:41 หายได้เองอย่างรวดเร็วส่วนใหญ่อาการไม่
00:00:41 → 00:00:44 เกินไม่เกิน 15 วินาทีอ่ะครับ
00:00:44 → 00:00:48 อืคือก่อนจะเกิดเนี่ยรู้สึกตัวภายใน 15
00:00:48 → 00:00:50 วินาทีแล้วก็วูบไปเลยแล้วพอหลังจากนั้น
00:00:51 → 00:00:53 เนี่ยกว่าจะรู้สึกตัวแล้วกลับมาเป็นปกติ
00:00:53 → 00:00:56 เนี่ยใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ได้คะคุณหมอ
00:00:56 → 00:00:58 ครับส่วนใหญ่แล้วพวกนี้จะเกิดอาการ
00:00:58 → 00:01:00 กะทันหันฮะไม่มีอาจะมีอาการเตือนมานิด
00:01:00 → 00:01:03 หน่อยนะฮะเช่นเหงื่อแตกใจสั่นะแล้วอยู่ๆ
00:01:03 → 00:01:06 คนแข่ก็หมดสติไปเลยโดยที่อาการเนี่ยจะ
00:01:06 → 00:01:08 เป็นแปบเดียวนะครับส่วนใหญ่ไม่เกิน 15
00:01:08 → 00:01:11 วินาทีครับผมแล้วก็ครับหลังจากนั้นเวลา
00:01:11 → 00:01:13 ฟื้นขึ้นมาเนี่ยก็ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็จะรู้
00:01:13 → 00:01:16 สึกตัวเป็นปกตินะจะไม่มีอาการสับสนอะไรนะ
00:01:16 → 00:01:20 ครับอือ่ะแสดงว่าแสดงว่าอาการวูบแบบนี้ก็
00:01:20 → 00:01:24 พบเห็นได้ได้ได้ทั่วทั่วไปของคนคนทั่วไป
00:01:24 → 00:01:27 กับคนทั่วไปนี่ก็เกิดขึ้นได้ใครๆก็เกิด
00:01:27 → 00:01:30 ขึ้นได้ครับส่วนใหญ่แล้วเวลาเอ่อพู้ป่วย
00:01:30 → 00:01:32 มาพบแพทยด้วยอาการวูบฮะส่วนนึงก็คือไม่
00:01:32 → 00:01:35 ใช่วูบจริงครับจะเป็นจากสาเหตุอื่นครับ
00:01:35 → 00:01:37 อ๋อส่วนใหญ่ก็คืออาจจะเป็นเช่นเอ่อผู้
00:01:37 → 00:01:40 ป่วยจะบอกว่ามีอาการวูบแต่ก็คือหลังจาก
00:01:40 → 00:01:43 ซักถามอาการเนี่ยบางครั้งไม่ใช่อาการวูบ
00:01:43 → 00:01:45 จริงนะฮะก็คือเป็นลักษณะมึนหัวเก็จะบอก
00:01:45 → 00:01:50 ว่าวูบได้ไอ้ทำนองนั้นน่ะฮะอืมึนหัวแล้ว
00:01:50 → 00:01:52 วูบมันเกิดอาการนึงก่อนแล้วถึงจะมามี
00:01:52 → 00:01:55 อาการวูบตามมาอย่างงี้ถูกต้องมั้ยคุณหมอ
00:01:56 → 00:01:57 ครับคือจำนวนนึงคือถ้าวูบจริงเนี่ยต้อง
00:01:57 → 00:02:00 หมดสติครับแล้วส่วนใหญ่มักจะล้มลงแล้วก็
00:02:00 → 00:02:03 เป็นแป๊บเดียวนะครับไม่ใช่แบบบอกว่าวูบ
00:02:03 → 00:02:05 เสร็จปุ๊บแล้วอาการเป็นอยู่ 1 ช่วโมงหรือ
00:02:05 → 00:02:07 ว่าประมาณ 10 นาทีอันนี้จะไม่ใช่วูบแล้ว
00:02:07 → 00:02:09 ฮะจะเป็นจากจากอื่นจะเราจะไม่เรียกว่าวูบ
00:02:09 → 00:02:13 ฮะทางการแพทย์อ๋อออค่ะแต่แต่คนอาจจะเข้า
00:02:13 → 00:02:16 ใจกันว่าเอ้ยอารแบบนี้เรียกว่าวูบทั้งหมด
00:02:16 → 00:02:19 ใช่ฮะคืออาการวูบทางการแพทย์เนี่ยส่วน
00:02:19 → 00:02:22 ใหญ่แล้วสาเหตุทั้งหมดเกิดจากเลือดไปเรง
00:02:22 → 00:02:26 สมองไม่ทันครับึงทำให้เกิดอาการูออืคมัน
00:02:26 → 00:02:29 ก็เลยอ่าครับเชค่ะเชิญค่ะโอ๊มันก็เลยนำมา
00:02:29 → 00:02:33 สู่สู่อาการวูบที่บอกว่าเป็นมาจากโรคของ
00:02:33 → 00:02:37 สมองอันนี้ก็คือสิ่งที่เราจะคุยต่อจากที่
00:02:37 → 00:02:40 คุณหมอพูดเมื่อสักครู่ถูกต้องมฮะครับอ่า
00:02:40 → 00:02:43 ฮะครับเชิญเลยครับคุณหมอครับจริงๆแล้ว
00:02:43 → 00:02:45 สาเหตุอาการปุบเนี่ยส่วนใหญ่ไม่ได้มาจาก
00:02:45 → 00:02:48 สมองนะฮะมันจะมาจากโรคหัวใจส่วนใหญ่ครับ
00:02:48 → 00:02:51 อืสมองก็เป็นเป็นเป็นกลุ่มหนึ่งที่ที่ทำ
00:02:51 → 00:02:55 ให้เกิดอาการวุบได้เช่นกันครับค่ะอืยังไง
00:02:55 → 00:02:57 บ้างครับอารยขอความรู้หน่อยค่ะว่าทำไม
00:02:57 → 00:03:00 อาการวูบส่วนใหญ่ถึงมาจากอาการของโรคหัว
00:03:00 → 00:03:03 ใจคะครับก็คือจริงๆแล้วอย่างที่บอกนะครับ
00:03:03 → 00:03:06 ว่าอารวุมเนี่ยสาเหตุเกิดจากเลือดในที่
00:03:06 → 00:03:09 เลี้ยงสมองไม่ทันนะครับซึ่งอวัยวะที่ถูก
00:03:09 → 00:03:12 ฉีดเลือดก็คือหัวใจอ่ะครับฉะนั้นถ้าเกิด
00:03:12 → 00:03:14 ว่าหัวใจมีความผิดปกติยกตัวอย่างเช่นหัว
00:03:14 → 00:03:18 ใจเท่นผิดจังหวะหรือว่าหัวใจบีบตัวไปเ่อ
00:03:18 → 00:03:21 เพิ่มบีบตัวไปเ่อเลี้ยงสมองไม่ดีก็ทำให้
00:03:21 → 00:03:24 เกิดอาการวูบได้นะฮะอืค่ะหรือว่าเกิดจาก
00:03:24 → 00:03:28 ความดลหิตต่ำเช่นคนไข้อาจจะมีภาวะเอ่อกิน
00:03:28 → 00:03:32 ยาลดคความดันมากเกินไปแลแล้วความดันมัน
00:03:32 → 00:03:34 ร่วง่ะฮะก็ทำให้เลือดเกิดเลือดไปเลสมอง
00:03:34 → 00:03:36 ไม่ทันได้เหมือนกันอันนี้ส่วนใหญ่สาเหตุ
00:03:36 → 00:03:38 ที่เจอบ่อยจะเป็นกลุ่มนี้มากกว่าครับ
00:03:38 → 00:03:42 กลุ่มของหัวใจแสดงว่าผู้ป่วยที่มีโรคของ
00:03:42 → 00:03:44 หัวใจเนี่ยจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นอาการ
00:03:44 → 00:03:48 วูบได้มากกว่าคนอื่นๆหรือเปล่าคะใช่ครับ
00:03:48 → 00:03:52 ใช่ครับอืค่ะแต่ว่าก็ก็ยังทิ้งเรื่องของ
00:03:52 → 00:03:55 อาการจากสมองไม่ได้สมองวูบจากอาการโรคของ
00:03:55 → 00:03:58 สมองนี่นี่มัน
00:03:58 → 00:04:01 มันนน่าสนใจหรือว่าน่ากังวลแตกต่างกับโรค
00:04:01 → 00:04:05 จากหัวใจมั้ยฮะคุณมคือจากทางสมองก็เกิดก็
00:04:05 → 00:04:07 ทำให้เกิดอาการวูบได้เหมือนกันนะครับโดย
00:04:07 → 00:04:09 เราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มนะฮะกลุ่มแรกก็คือ
00:04:10 → 00:04:12 เกิดจากความผิดกติของระบบประสาทอัตโนมัติ
00:04:12 → 00:04:14 นะครับเพราะว่าอย่างที่ผมบอกไปก็คืออาการ
00:04:14 → 00:04:17 วูบเนี่ยทางการแพทย์เกิดจากเรียดไปเลี้ยง
00:04:17 → 00:04:21 สมองไม่ไม่ไม่พอแล้วทำให้เกิดคนไข้หมดสติ
00:04:21 → 00:04:23 แล้วก็ลบลงใช่มั้ยครับซึ่งเ่อระบบประสาท
00:04:23 → 00:04:26 ที่ควบคุมเกี่ยวกับเรื่องเพิ่มความดัน
00:04:26 → 00:04:27 เลือดเนี่ยเราเรียกว่าระบบประสาท
00:04:27 → 00:04:31 อัตโนมัติครับครับก็ในในเ่อผู้ป่วดบาง
00:04:31 → 00:04:34 กลุ่มเนี่ยมีภาวะบางอย่างไปกระตุ้นทำให้
00:04:34 → 00:04:37 ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติซึ่งระบบ
00:04:37 → 00:04:39 ประสาทอัตโนมัติของเรามีอยู่ 2 กลุ่มหลัก
00:04:39 → 00:04:42 ๆก็คือเป็นกลุ่มผมขอใช้ทับันะครับว่าเป็น
00:04:42 → 00:04:45 กลุ่มซิมกับพาราซิมนะครับในภาวะบางอย่าง
00:04:45 → 00:04:48 เนี่ยที่มีการกระตุ้นยกทฉงเช่นวันที่ 1
00:04:48 → 00:04:51 หรือวันที่ 16 ใช่มั้ยฮะสมมุติสมมุติเรา
00:04:51 → 00:04:54 เล่นไปหมดตัวหรือว่าเราอาจจะถูกหวยอะไร
00:04:54 → 00:04:56 อย่างเงี้ยฮะแล้วเกิดภาวะตื่นตกใจเกิด
00:04:56 → 00:04:58 ขึ้นพวกเนี้ยอาจจะไปกระตุ้นระบบประสาท
00:04:58 → 00:05:01 อัตโนมัติให้ทำงานให้ทำงานผิดปกติโดย
00:05:01 → 00:05:04 เฉพาะระบประสาทพาราซิมพาเทติกอครับพวกนี้
00:05:04 → 00:05:06 ถ้ามันทำงานเกินไปปุ๊บมันจะมีเหตุทำให้
00:05:06 → 00:05:09 เกิดหัวใจเส้นช้าลงแล้วก็เส้นเลือดขยาย
00:05:09 → 00:05:12 ตัวทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันก็ทำให้
00:05:12 → 00:05:17 เกิดอาการวูบได้ครับอืโอโหมันก็เกี่ยวโยง
00:05:17 → 00:05:19 กันไปทั้ง 2 ส่วนใช่ครับก็คืออันเนี้ย
00:05:20 → 00:05:22 เป็นสาเหตุจากระบบประสาทจริงที่ทำให้เกิด
00:05:22 → 00:05:25 อาการวูบครับอืส่วนอีกสาเหตุนึงก็คือเกิด
00:05:25 → 00:05:27 จากโรคหล่อนเลือดสมองแต่จริงๆแล้วกลุ่ม
00:05:27 → 00:05:31 เกิดน้อยครับเกิดน้อยอืเพราะว่าส่วนใหญ่
00:05:31 → 00:05:33 โรคหลอเลือดสมองถ้ามันเกิดอาการวูบเสร็จ
00:05:33 → 00:05:36 ปุ๊บมันจะไม่แค่ 15 วินาทีฮะส่วนใหญ่คน
00:05:36 → 00:05:38 ไข้ก็ตื่นขึ้นมาก็จะโคม่าหรือไม่รู้สึก
00:05:38 → 00:05:41 ตัวไปเลยนะในกลุ่มที่เกิดจากหลอเลือดสมอง
00:05:41 → 00:05:44 จริงๆเนี่ยส่วนใหญ่มันจะเกิดจากเลือดเอ่อ
00:05:44 → 00:05:46 คนไข้มีพวะผิดปกติของเส้นเลือดที่ไป
00:05:46 → 00:05:49 เลี้ยงที่แขนนะฮะปกติเส้นเลือดสมองของคน
00:05:49 → 00:05:51 เราเนี่ยก็มาจากเ่อแตกขนนมาจากเส้นเลือด
00:05:51 → 00:05:53 ใหญ่ที่บรเวณหน้าอกใช่มั้ยครับแล้วมันก็
00:05:53 → 00:05:55 จะมีเส้นเลือดแตกขึ้นไปเลี้ยงสมอง 4 เส้น
00:05:55 → 00:05:57 แลจำนวนนึงเนี่ยก็จะมีเส้นเลือดแตกไป
00:05:57 → 00:06:00 เลี้ยงที่บริเวณแขนอือถ้าผู้ป่วยมีภาวะ
00:06:00 → 00:06:03 เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงแขนมันตีบอ่ะครับ
00:06:03 → 00:06:05 แล้วผู้ป่วยเนี่ยไปใช้แขนนั้นข้างนั้น
00:06:05 → 00:06:08 เยอะเลือดมันจะดึงมันจะดึงจากสมองฮะให้ไป
00:06:08 → 00:06:11 เลี้ยงแขนมากทำให้คนไข้หมดสติได้อันเนี้ย
00:06:11 → 00:06:14 จะเป็นสาเหตุวูบจากหลอดเลือดสมองครับซึ่ง
00:06:14 → 00:06:18 จริงๆแล้วเจอน้อยมากครับอ๋อโอ้โหแต่ก็ไม่
00:06:18 → 00:06:24 มีใครรู้นะครับเออแขกใช่ๆมันเอ่อแล้วก็
00:06:24 → 00:06:27 โอกาสังเกตยากด้วยค่ะ
00:06:27 → 00:06:32 อืเชอะไเกยากนะคะเพราะว่าเอ่อเวลาที่เรา
00:06:32 → 00:06:34 ใช้ร่างกายไปเราก็ไม่รู้ว่าหลอดเลือด
00:06:34 → 00:06:37 เนี่ยเแบ่งเลือดไปแบ่งเอ่อไปที่หลอดเลือก
00:06:37 → 00:06:40 เส้นไหนบ้างอย่างเงี้ยค่ะถ้ามันจะมีอาการ
00:06:41 → 00:06:44 อะไรหรือเราพอที่จะสังเกตสังการ่างกายเรา
00:06:44 → 00:06:47 ยังไงได้บ้างยคะว่าเราเริ่มผิดปกติแล้วนะ
00:06:47 → 00:06:50 หรือกความเครียดการพักผ่อนน้อยมันจะเป็น
00:06:50 → 00:06:54 สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ได้ยคะอ่าส่วนใหญ่
00:06:54 → 00:06:57 การสังเกตอาการนะครับโดยเฉพาะวูปเนี่ยบาง
00:06:57 → 00:07:00 คนมันจะมีอาการนำมาก่อนฮะที่ก็คือสมมุติ
00:07:00 → 00:07:04 บางคนเ่าบางคนอาจจะมีลักษณะของหัวใจเต้น
00:07:04 → 00:07:07 เร็วก็คือถ้าเป็นทางระบบประสาทนะครับเวลา
00:07:07 → 00:07:09 ระบบประสาทมมันทำงานผิดปกติเนี่ยก็จะมี
00:07:09 → 00:07:12 อาการเหงื่อแตกใจสั่นได้อารเหงื่อแตกได้
00:07:12 → 00:07:14 แล้วรู้สึกว่ามันจะหวิวๆอย่างเงี้ยถ้ามี
00:07:14 → 00:07:17 อาการอันนี้ปุ๊บให้สังวรให้ให้นึกเลยว่า
00:07:17 → 00:07:19 เอ๊ะมันเริ่มจะมีอาการุบแล้วอตอนเราต้อง
00:07:19 → 00:07:21 หยุดทำสิ่งต้องหยุดสิ่งกระตุ้นก่อนนะครับ
00:07:21 → 00:07:25 ยกตัวอย่างเช่นตอนนั้นอาจจะไปออกกำลังกาย
00:07:25 → 00:07:27 อยู่หรือว่าไปอยู่ในที่ตากแดดร้อนๆกำลัง
00:07:27 → 00:07:30 ทำงานอยู่กลางแจ้งนะฮะในอาการรู้สึก
00:07:30 → 00:07:32 เหมือนแบบเหมือนหวิวๆเหมือนใจมันสั่นแล้ว
00:07:32 → 00:07:35 เหงื่อแตกเยอะเนี่ยผมว่าต้องหยุดก่อนแล้ว
00:07:35 → 00:07:38 ก็ไปหาที่ร่มแล้วก็ออือวูบเนื่องจากวูบ
00:07:38 → 00:07:39 มันเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันใช่
00:07:39 → 00:07:42 มั้ยครับเราก็แนะนำถ้าทำได้คือนอนลาบนะ
00:07:42 → 00:07:44 นอนลาบแล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆอาจจะช่วยได้
00:07:44 → 00:07:46 ครับนอนนอนราบไปเลยกับพื้นกับเตียงนอน
00:07:47 → 00:07:49 อะไรงี้ใช่นอนราบกับพื้นหรือว่าอ่าจะมี
00:07:49 → 00:07:52 ม้านุ่งม้านั่งแถวนั้นถ้าอยู่กลางแจ้งหาๆ
00:07:52 → 00:07:56 ๆที่ที่มันปอดภัยนะฮะแล้วก็นอนลาบไปฮะอืม
00:07:56 → 00:08:00 ก็จะก็จะช่วยแบบฟื้นตัวจากขณะนั้นได้ขึ้น
00:08:00 → 00:08:04 มาใช่ฮะใช่ฮะก็จะช่วยทำให้เอ่อทำให้ทุเรา
00:08:04 → 00:08:08 ได้แทนที่จะหมดสติก็อาจจะไม่หมดสตินะฮะ
00:08:08 → 00:08:13 เนื่องจากเราแก้แก้ได้ทันนะฮะอืค่ะครับ
00:08:13 → 00:08:15 ครับอย่างงี้เองอย่างงี้เองถือว่าเป็น
00:08:16 → 00:08:20 หนึ่งในในอาการที่เจ้าตัวเองอ่ะคนที่มี
00:08:20 → 00:08:23 อาการป่วยอ่ะอ่าอาจจะไม่ได้รู้ตัวมาก่อน
00:08:23 → 00:08:25 ร่วงหน้าหรือเปล่าครับว่าตัวเองอาจจะมี
00:08:25 → 00:08:27 อาการไม่ว่าจะทั้งหัวใจหรือว่าทั้งระบบ
00:08:27 → 00:08:32 สมองเองก็ตามอ่าครับส่วนนึงก็อาจจะไม่รู้
00:08:32 → 00:08:34 ตัวก็เป็นไปได้อ่ะครับอือก็ยกตัวอย่าง
00:08:34 → 00:08:36 เช่นเอ่ออย่างเช่นอย่างที่ผมบอกว่าอาการ
00:08:36 → 00:08:39 วูปเกิดจากโรคระลึกสมองที่เกิดจากเส้น
00:08:39 → 00:08:41 เลือดที่ไปเลี้ยงแขนเนี่ยมันตีบอันนั้น
00:08:41 → 00:08:44 จริงมันเจอน้อยนะฮะอย่างอย่างในที่ผมทำ
00:08:44 → 00:08:47 งานเองก็เจอไม่กี่รายฮะ 1-2 รายมันเจอไม่
00:08:47 → 00:08:50 เยอะมันเจอน้อยส่วนใหญ่มันจะไปติดที่ไป
00:08:50 → 00:08:52 เลี้ยงสมองเองซึ่งึส่่วนใหญ่พวกเน่ะไม่
00:08:52 → 00:08:54 ได้มาด้วยอาการบูบฮะจะมาด้วยอาการอ่อนแรง
00:08:54 → 00:09:00 พูดไม่ชัดซะมากกว่าครับออือือค่ะครับสคือ
00:09:00 → 00:09:03 เท่าที่คุณหมอเจอที่คนที่เป็นอาการฮูบที่
00:09:03 → 00:09:06 จากเอ่อตัวโรคสมองเนี่ยค่ะที่เส้นเลือดไป
00:09:06 → 00:09:10 เลี้ยงแขนไม่พอเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยจะเป็น
00:09:10 → 00:09:13 คนที่มีมวลร่างกายที่ค่า BMI ค่อนข้างมาก
00:09:14 → 00:09:17 หรือเป็นใครๆก็เป็นได้คะอ๋อใครๆก็เป็นได้
00:09:17 → 00:09:20 ฮะอันนี้มันเป็นความผิดปกติที่เอ่อจริงๆ
00:09:20 → 00:09:23 มันเจอไม่บ่อยนะฮะอาจจะเป็นลักษณะว่าเผิด
00:09:23 → 00:09:26 ปกติมาก่อนโดยที่ถ้าเขาไม่ได้ไปใช้งานแขน
00:09:26 → 00:09:28 ข้างนั้นเยอะๆอ่ะมันก็ไม่เกิดอาการน่ะฮะ
00:09:28 → 00:09:34 อือืค่ะเออแปลกดีเกิดในกลุ่มไหนครับกลุ่ม
00:09:34 → 00:09:37 ใช้แรงงานกลุ่มเอ่อนักกีฬาหรือว่ากลุ่ม
00:09:37 → 00:09:41 แบบบุคคลทั่วไปก็ได้ครับคุณหมอจริงๆคน
00:09:41 → 00:09:44 ทั่วไปมันเจอน้อยนะฮะอย่างที่ผมบอกเพราะ
00:09:44 → 00:09:46 ส่วนใหญ่มันจะเจอตีบข้างบนนะส่วนใหญ่ติด
00:09:46 → 00:09:48 ข้างบนก็คือติดหล่อเลเส้นเลือดสมองเองเลย
00:09:48 → 00:09:50 ฮะซึ่งส่วนใหญ่พวกนี้ไม่ได้มาด้วยวูบอ่ะ
00:09:50 → 00:09:53 ฮะจะมาด้วยอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดช้า
00:09:53 → 00:09:56 ครึ่งซีกอืออะไรทำนองนั้นมากกว่าฮะกลุ่ม
00:09:56 → 00:09:57 นี้มันเจอน้อยจริงๆฮะมันไม่ได้มีปัจจัย
00:09:57 → 00:10:00 เสี่ยงชัดเจนครับอย่างอืออืไม่ว่าจะเป็น
00:10:00 → 00:10:02 คนที่เบาหวานความดันจริงๆก็ไม่ได้มาตีตรง
00:10:02 → 00:10:05 นี้เท่าไหร่นะฮะจะไปตีที่หัวเป็นหลักครับ
00:10:05 → 00:10:09 อืที่ที่สมองเป็นหลักเลยใช่ครับตรงนี้มัน
00:10:09 → 00:10:12 จะเจอน้อยถึงแม้ว่าคุณหมอบอกว่ามันจะเจอ
00:10:12 → 00:10:15 น้อยแต่อาการวูบจากโรคสมองเนี่ยมัน
00:10:15 → 00:10:17 อันตรายมากมั้ยคะ
00:10:17 → 00:10:20 เอ่อจริงๆแล้วถ้าเทียบกับโรคหัวใจเนี่ย
00:10:20 → 00:10:22 อันตรายน้อยกว่าครับส่วนใหญ่เพบว่าอาการ
00:10:22 → 00:10:26 วูบเนี่ยส่วนใหญ่คือที่อันตรายมากๆจนทำ
00:10:26 → 00:10:28 ให้เกิดเสียชีวิตเนี่ยจำนวนนึงคือมาจาก
00:10:28 → 00:10:33 โรคหัวใจอ่ะฮะถึงประมาณัก 30 30 เอ่อ 24%
00:10:33 → 00:10:35 ฮะใน 1 ปีถ้าเกิดเป็นจากหัวใจนะฮะวูบจาก
00:10:35 → 00:10:38 หัวใจเนี่ยพว่าอัตราตายจะสูงกว่าแต่ถ้า
00:10:38 → 00:10:40 เกิดจากสาเหตุอื่นรวมทั้งจากสมองเนี่ย
00:10:40 → 00:10:42 จริงๆแล้วไม่ไม่ได้ถึงขั้นเสียชีวิตนะฮะ
00:10:42 → 00:10:44 จากจากสาเหตุปุ๊บส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะแย่
00:10:44 → 00:10:48 จากวูบแล้วไปล้มล้มนะฮะเกิดอุบัติเหตุ
00:10:48 → 00:10:51 เช่นหัวแตกหรือว่าวูบเสร็จปุ๊บขับรถอยู่
00:10:51 → 00:10:54 แล้วรถไปชนตกน้ำอะไฮะจะเป็นเป็นบาดเจ็บ
00:10:54 → 00:10:56 จากจากอาการวูปมากกว่าแต่สาเหตุจริงๆจาก
00:10:57 → 00:10:58 ตัวโลกอ่ะไม่ได้อันตรายครับถ้าเทียบกับ
00:10:58 → 00:11:00 โลกหัวใจ
00:11:00 → 00:11:03 อ๋อเพราะว่าอะไรครับมันมันสะเพราะว่า
00:11:03 → 00:11:06 อย่างที่บอกมว่ามันสามารถฟื้นตัวกลับมา
00:11:06 → 00:11:09 ได้ด้วยด้วยด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วแล้วก็
00:11:09 → 00:11:11 ไม่ได้ส่งผลเขาเรียกว่าเอฟเฟคภายหลังใช่
00:11:11 → 00:11:13 มั้ยคุณหมอใช่ครับใช่ครับอย่างอย่างความ
00:11:14 → 00:11:16 ปกติของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงแขนเนี่ยก็
00:11:16 → 00:11:18 คือพอเราหยุดปุ๊บสักพับนึงเลือดมันก็ดึง
00:11:18 → 00:11:21 กลับไปเลี้ยงหัวเหมือนเดิมฮะอืมันไม่ถึง
00:11:21 → 00:11:25 ขั้นแบบโอ้โหแบบมันจะไปเลี้ยงแขนจนแบบหัว
00:11:25 → 00:11:29 เสียหัวเ่อขาดเลือดจนจนจนเสียชีวิตมันอ
00:11:29 → 00:11:32 มันไม่มีฮะมันน้อยมันน้อยเออแล้วแล้วแบบ
00:11:32 → 00:11:36 นี้มันต้องมันต้องแก้แก้ยังไงอ่ะคุณบก็
00:11:36 → 00:11:39 ถ้ามีอาการจริงก็เ้าก็แนะนำก็ถ้าผ่าตัด
00:11:39 → 00:11:41 ได้ก็ผ่าตัดแก้ฮะถ้าผ่าตัดไม่ได้อาจจะ
00:11:42 → 00:11:44 ต้องต้องระมัดระวังการใช้แขนข้างนั้นน่ะ
00:11:45 → 00:11:47 ฮะอืแต่ถ้าเป็นแล้วคือคุณหมอก็ตรวจเจอ
00:11:47 → 00:11:50 อยู่แล้วใช่มั้ยว่ามันเจอเตรวจเจอได้ฮะ
00:11:50 → 00:11:52 อย่างทำอัลต้าซาวเนี่ยก็สามารถดูได้ฮะ
00:11:52 → 00:11:56 ภาวะนี้อ๋อมันจะปรากฏเป็นยังไงคุณมันก็จะ
00:11:56 → 00:11:59 เห็นว่าตอนที่ใช้แขนปุ๊บเลือดมันจะดึงอ
00:11:59 → 00:12:04 มันจะดึงึงดึงจากสมองฮะลงมาแขนแทนออืชัด
00:12:04 → 00:12:06 เจนก็คือในระบบการตรวจเครื่องมือเครื่อง
00:12:06 → 00:12:08 ไม้เครื่องมือก็จะพบชัดเจนบตรจได้ไม่ยาก
00:12:08 → 00:12:11 ไอ้ภาวะที่ตรวจได้ไม่ยากไม่ใช้แขนข้าง
00:12:11 → 00:12:14 นั้นไม่ใช้ไม่ใช่ไม่ใช้แขนอาจจะใช้แขนให้
00:12:15 → 00:12:17 ไม่ไม่เขาเรียกว่าไม่หนักเกินไปอย่างงี้
00:12:17 → 00:12:19 ถูกต้องมใช่ๆฮะใช่ฮะส่วนใหญ่แล้วใช้ปุ๊บ
00:12:19 → 00:12:22 คนผู้ป่วยจะรู้่ะฮะว่าเอ้ยใช้ถึงขนาดนี้
00:12:22 → 00:12:26 ปุ๊บมันจะเริ่มมีอาการวูบอือ๋อค่ะเออแปลก
00:12:26 → 00:12:29 เหมือนกันเพิ่งไม่ไม่เคยได้ยินว่าเน้อยฮะ
00:12:29 → 00:12:32 มันเจอน้อยมาเอนะมันไม่ได้เจอเยอะฮะมัน
00:12:32 → 00:12:35 เจอน้อยอ๋อค่ะส่วนใหญ่ถ้าเป็นระบบประสาท
00:12:35 → 00:12:38 จริงๆมันจะไปเกเจอในพวกที่เป็นพวกเกิดจาก
00:12:38 → 00:12:40 ความปกติของระบบประสาทอัตโนมัตินะฮะอย่าง
00:12:40 → 00:12:44 ที่บอกมาตอนตอนต้นรายการนะฮะเช่นผูกหวย
00:12:44 → 00:12:47 แล้วตกใจมากแล้วก็วูบอะไรทำนองนั้นนะฮะ
00:12:47 → 00:12:51 ถึงเสียชีวิตนะฮะออฮะๆฮะครับเออค่ะแล้ว
00:12:51 → 00:12:54 ถ้าต้องไปแก้ไขนี่คือต้องไปแก้ไขเส้น
00:12:54 → 00:12:57 เลือดที่บริเวณแขนที่อ่าไม่สามารถใช่ฮะ
00:12:58 → 00:13:00 ใช่ฮะอาจจะไปถาใช้บัลลูนถ่างอะไรทำนอง
00:13:00 → 00:13:04 นั้นน่ะฮะออ๋อออปกติเนี่ยสารภาพกับคุณหมอ
00:13:04 → 00:13:07 เลยค่ะว่าความรู้อันน้อยนิดของฝันก็คือ
00:13:07 → 00:13:09 การทำบลูนี่ต้องทำที่เส้นเลือดที่หัวใจ
00:13:09 → 00:13:12 เท่านั้นเพิ่งราบนี้หัวก็ทำได้ครับหัวก็
00:13:12 → 00:13:16 ทำได้อืค่ะเดี๋ยวนี้พวกโรคหลดเลือดสมอง
00:13:16 → 00:13:19 นี่เวลาตีบดูในหัวบางตำแหน่งเนี่ยสามารถ
00:13:19 → 00:13:22 เข้าไปใช้เอ่อเครื่องมือเพื่อดูดเ่อพวก
00:13:22 → 00:13:24 ก้อนเลือดหรือว่าขยายทางเ่เลือที่ตีบได้
00:13:24 → 00:13:26 แล้วฮะครับค่ะ
00:13:26 → 00:13:32 อืก็เออคือเป็นสิ่งที่เอ่ออยู่ในความน่า
00:13:32 → 00:13:35 กังวลมคะถ้าต้องเข้าสู่การกระบวนการรักษา
00:13:35 → 00:13:39 ด้วยการผ่าตัดทำบนรุนลักษณะเนี้ค่ะเอ่อ
00:13:39 → 00:13:42 ไม่ไม่ได้น่ากังวลฮะเพราะว่าเป็นการรักษา
00:13:42 → 00:13:45 มาตรฐานนะฮะณปัจจุบันนะฮะแต่จริงๆแล้วไอ้
00:13:45 → 00:13:48 ภาวะที่เส้นเลือดแขนปิมันเจอเจอน้อยนะฮ
00:13:48 → 00:13:50 อย่างที่ผมบอกในสมองมันเจอเยอะมากกว่า
00:13:50 → 00:13:54 ครับอืคก็ถือว่าเป็นเป็นเป็นเขาเรียกว่า
00:13:54 → 00:13:57 รู้เท่าทันไปแล้วกันเคุณหมอแบบรู้เท่าทัน
00:13:57 → 00:14:00 ว่าถ้าเกิดลักษณะแบบนี้วูบแล้วก็จากการ
00:14:00 → 00:14:03 ใช้เอ่อใช้แขนค่อนข้างเยอะอาจจะเป็นไปได้
00:14:03 → 00:14:08 เอ่อก็ได้แล้วก็หมั่นสังเกตตัวเองเออคุณ
00:14:08 → 00:14:12 ผู้ฟังสงสัยมาครับคุณหมอบอกว่าไอ้ลักษณะ
00:14:12 → 00:14:14 ที่เราคุยกันมาเนี่ยมันเหมือนสโตรกมั้ย
00:14:14 → 00:14:18 คุณหมอหรือคนละอาการเอ้ยคนคนละไ้นี่กัน
00:14:18 → 00:14:22 เอ่อภาวะวูปจริงๆแล้วส่วนใหญ่ผู้ผู้ป่วย
00:14:22 → 00:14:24 โรคหล่อเลือดสมองหรือว่าสตกเนี่ยครับมัก
00:14:24 → 00:14:26 ไม่ได้มาด้วยวูปนะฮะคือถ้าเป็นวูปจากโรค
00:14:27 → 00:14:29 หลอหรือสมองจริงส่วนใหญ่ก็คือรอยโรกมัน
00:14:29 → 00:14:31 อยู่ที่บริเวณก้านสมองฮะแลส่วนใหญ่คนไข้
00:14:31 → 00:14:33 จะไม่ฟื้นคืนภายใน 15 วินาทีฮะคือคนไข้ก็
00:14:34 → 00:14:36 ถ้าวูบเสร็จปุ๊บก็อาจจะซึมไปเลยนานๆไปเลย
00:14:36 → 00:14:40 ฮะจริงๆมันมันมันเป็นคนละกลุ่มกันฮะคนละ
00:14:40 → 00:14:43 กลุ่มกันคนละกลุ่มกันซึ่งสตกน่าจะอาการ
00:14:43 → 00:14:46 ที่ค่อนข้างที่จะรุนแรงกว่าเนาะใช่ครับ
00:14:46 → 00:14:49 รุนแรงกว่าจะไม่แบบเอ่อหมดสติไปชั่ว 15
00:14:49 → 00:14:52 วินาทีไม่ฮะส่วนใหญ่สตก็คือเป็นเป็นหลัก
00:14:52 → 00:14:54 ชั่วโมงเลยฮะเพราะฉะนั้นสังเกตได้ทันที
00:14:55 → 00:14:58 ว่าถ้าถ้าไม่ 15 นาวินีไปแล้วเนี่ยยังไม่
00:14:58 → 00:15:00 ดีแสดงแสดงว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่นะไม่ใช่
00:15:00 → 00:15:03 อาการวูบหน้ามืดแล้วใชใช่ครับอใช่ครับถ้า
00:15:03 → 00:15:06 เกิดว่าสมมุติเป็นเป็นหลักนาทีขึ้นไปนะฮะ
00:15:06 → 00:15:08 เป็นหลักนาทีขึ้นไปอันนี้เป็นสาเหตุอื่นะ
00:15:08 → 00:15:10 ซึ่งมีหลากหลายนะฮะยกตัวอย่างเช่นเอ่อผู้
00:15:10 → 00:15:13 ป่วยเป็นเบาหวานงี้ฮะแล้วก็ใช้ใช้ยาลดน้ำ
00:15:13 → 00:15:16 ตาลอยู่ใช่มั้ยครับบางครั้งน้ำตาลที่ต่ำ
00:15:16 → 00:15:18 เกินไปเนี่ยคนไข้ก็จะมีอาการเหมือนไม่รู้
00:15:18 → 00:15:20 สึกตัวได้เหมือนกันแต่จริงๆแล้วอาการมัน
00:15:20 → 00:15:22 จะอยู่ยาวนานกว่าแต่ตราบเตราบเท่าที่น้ำ
00:15:22 → 00:15:26 ตาลยังต่ำอตก็จะเบลอๆไม่รู้ตัวอาจจะคล้าย
00:15:26 → 00:15:28 ๆวูบได้นะฮะแต่จริงๆแล้วไม่ใช่วูบจริง
00:15:28 → 00:15:30 เพราะว่าไม่ได้เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมอง
00:15:30 → 00:15:32 ไม่ทันแต่เกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
00:15:32 → 00:15:36 ครับอืแล้วก็ระยะเวลาในการฟื้นตัวขึ้นมา
00:15:36 → 00:15:39 นานกว่านั่นครับนั่นครับบางคนเป็นชั่วโมง
00:15:39 → 00:15:43 เลยฮะอือแล้วก็ถ้าตกใจมากแล้วช็อกจนหมด
00:15:43 → 00:15:46 สติเนี่ยเกิดจากอะไระคุณหมออ่าตกใจมาก
00:15:46 → 00:15:51 แล้วช็อเนี่ยจริงๆแล้วมันเกิดได้สักทั้ง
00:15:51 → 00:15:53 ระบบประสาทอัตโนมัติที่ทำงานติดปกติก็ได้
00:15:53 → 00:15:56 นะครับหรือว่าเกิดจากหัวใจก็ได้นะฮะก็ถ้า
00:15:56 → 00:15:59 ทั่วๆไปนะยกตัวอย่างเช่นเอ่อที่จะเจอได้
00:15:59 → 00:16:03 เช่นอ่าตกใจอาจจะเป็นคนที่กลัวเข็มนะเคย
00:16:03 → 00:16:05 ไม่รู้เคยได้ยินหรือเปล่านะไปสมมติไป
00:16:05 → 00:16:07 บริจาคเลือดแล้วไปฉีดวัคซีนอะไรอย่าเงี้ย
00:16:07 → 00:16:10 ก็ตกใจมากแล้วก็เป็นมูบเป็นลมก็จะเกิด
00:16:10 → 00:16:13 ภาวะนี้ฮะเกิดจากเ่าระบบประอัตโนมัติทำงา
00:16:13 → 00:16:15 ผิดปกติก็ไปกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมแล้ว
00:16:15 → 00:16:18 มันทำให้เ่อชีพจรมันช้าลงแล้วความดันร่วง
00:16:18 → 00:16:20 อันนี้เป็นได้นะแต่ส่วนใหญ่แป๊บเดียวก็จะ
00:16:20 → 00:16:24 ฟื้นฮะแป๊บเดียวก็จะฟื้นค่ะออแล้วสมมุติ
00:16:24 → 00:16:27 ว่าขวัญอยู่กับโอ๊คอย่างเงี้ยใกล้ๆกันที่
00:16:27 → 00:16:30 ในที่ทำงานโอ๊คเจอแบครับเป็นคนโชคดีวัน
00:16:30 → 00:16:34 ที่แล้วก็๊ตกใจดีใจเกินจนวูบไปเนี่ย
00:16:34 → 00:16:37 สามารถปฐมพยาบาลอะไรโ๊ได้บ้างถ้าเกิด
00:16:37 → 00:16:41 อาการวูบแบบนั้นน่ะค่ะคุณบองอ๋อครับก็
00:16:41 → 00:16:45 อันดับแรกคือถ้าเป็นวูบอย่างที่บอกนะฮะ
00:16:45 → 00:16:47 อย่างที่ผมบอกแจ้งไปก็คือเกิดจากเลือดไป
00:16:47 → 00:16:49 เลี้ยงสมองไม่ทันใช่มั้ยครับเราก็จับตัว
00:16:49 → 00:16:52 ผู้ป่วยเนี่ยให้นอนลาบฮะอย่างที่บอกเนนอน
00:16:52 → 00:16:55 ลาบแล้วก็ดูก่อนเลยว่าเยังมีสติหรือเปล่า
00:16:55 → 00:16:58 นะฮะก็คือเวลานอนจับนอนลาบเสร็จปุ๊บเราก็
00:16:58 → 00:17:01 จะใช้วิธีการช่วยช่วยช่วยขั้นพื้นฐานของ
00:17:01 → 00:17:04 ของของของการทำเอ่อเข้าเรียกว่าเป็น basic
00:17:04 → 00:17:06 Life support นะก็ดูก่อนเลยว่าเอ๊ะเรู้
00:17:06 → 00:17:08 ตัวมั้ยก็เรียกดูใช่มั้ยครับหลังจากเรียก
00:17:08 → 00:17:11 เสร็จปุ๊บก็ดูว่าเหายใจหรือเปล่าเนาะครับ
00:17:11 → 00:17:13 ถ้าเายังหายใจอยู่เราก็ค่อยทำชีพจรใช่
00:17:13 → 00:17:16 มั้ยครับว่าเยังมีชีพจรอยู่หรือเปล่าคือ
00:17:16 → 00:17:19 ถ้าเรู้สึกตัวเนี่ยแบบคล้ายๆว่าจะวูบะแต่
00:17:19 → 00:17:22 ยังยังพอรู้สึกตัวนะเราก็แนะนำให้เ่อถ้า
00:17:22 → 00:17:24 ทำได้ก็อาจจะดื่มน้ำก็จะพอช่วยได้นะฮะ
00:17:24 → 00:17:27 ดื่มน้ำมีขดน้ำข้างๆก็จับให้ดื่มน้ำเน
00:17:28 → 00:17:30 แล้วก็ให้ถ้ายังรู้ตัวอยู่เนี่ยเขาก็แนะ
00:17:30 → 00:17:33 นำว่าให้เราทำลักษณะกำมืออ่ะกำมือทั้ง 2
00:17:33 → 00:17:38 ข้างกำแบกำแบฮะการที่กำแบกำแบเนี่ยจะจะทำ
00:17:38 → 00:17:41 ให้แล้วก็อ่าจะอ่าอาจจะนอนแล้วก็ไขว้ขาฮะ
00:17:41 → 00:17:44 มันจะทำให้กล้ามเนื้อที่แขนกับขาเนี่ยมัน
00:17:44 → 00:17:47 ดีบเลือดเท้าหัวใจอาจจะช่วยเพิ่มความดัน
00:17:47 → 00:17:50 เพื่อไปเลี้ยงสมองได้ครับอืออการผฐม
00:17:50 → 00:17:53 พยาบาลแบบเยค่ะที่คุณหมอแนะนำมาเนี่ยทำ
00:17:53 → 00:17:57 ได้กับทุกๆการวูบหรือเอ่อมีการทุกการวูบ
00:17:57 → 00:18:01 เลยครับทุกการวูบเลยค่ะแต่ต้องเป็นวูบนะ
00:18:01 → 00:18:04 ใช่มั้ยแต่ต้องเป็นวูบเออผมสงสัยวูบเป็น
00:18:04 → 00:18:08 ลมหน้ามืดช็อกเอ่อหมดสติพวกเนี้ยมันมัน
00:18:08 → 00:18:12 แตกต่างกันกันพอสมควรมั้ยครับคุณหมออ่า
00:18:12 → 00:18:15 ถ้าเป็นวูบก็อย่างที่ผมบอกฮะมันวูบหรือ
00:18:15 → 00:18:18 ว่าหน้ามืดนะถ้าทางการแพทย์คือมันต้อง
00:18:18 → 00:18:21 เป็นไม่นานฮะวูบกับหน้ามืดนี่อันเดียวกัน
00:18:21 → 00:18:23 วูบกับหน้ามืดนี่อันเดียวกันอันเดียวกัน
00:18:23 → 00:18:25 ฮะถ้าทางการแพทย์เนี่ยทางอันเดียวกันฮะก็
00:18:25 → 00:18:28 คือต้องเป็นไม่นานฮะเป็นไม่นานก็คือเป็น
00:18:28 → 00:18:30 หลักวินาทีอ่ะส่วนใหญ่ทั่วไปแล้วไม่เกิน
00:18:30 → 00:18:33 15 วินาทีเนาะแล้วก็หลังจากหายวูบเสร็จ
00:18:33 → 00:18:35 ปุ๊บต้องรู้ตัวทันทีไม่ใช่แบบหลังจากวูบ
00:18:35 → 00:18:38 เสร็จปุ๊บก็เบลอๆคุยไม่รู้เรื่องอันนี้
00:18:38 → 00:18:42 ไม่ใช่วูปจริงฮะเป็นจากสาเหตุอื่นอืหรือ
00:18:42 → 00:18:44 ว่าเป็นมาแบบวุดๆเป็นลมหมดสติไปผ่านไป
00:18:45 → 00:18:46 ชั่วโมงนึงและยังไม่รู้ตัวเลยอันนี้ก็
00:18:46 → 00:18:49 เป็นจากสาเหตุอื่นฮะสาเหตุอื่นมีอะไรได้
00:18:49 → 00:18:51 บ้างยกตัวอย่างเช่นภาวะน้ำน้ำตาลในเลือด
00:18:51 → 00:18:54 ต่ำอย่างที่ผมแจ้งไปใช่มั้ยครับก็พวก
00:18:54 → 00:18:57 เนี้ยอาการค้าวูบได้หมดสติได้เพียงแต่ว่า
00:18:57 → 00:19:00 คนเพียงว่าเป็นแล้วยาวนานนะจนกว่าน้ำตาล
00:19:00 → 00:19:03 จะกลับมาเป็นปกติเจะเก็จะเบลอๆไปอย่าง
00:19:03 → 00:19:07 งั้นหรือว่าเป็นผู้ป่วยโรครมชักนะฮะในลม
00:19:07 → 00:19:09 ชักบางคนก็อาจจะมีอาการคล้ายๆวูบได้แต่
00:19:09 → 00:19:12 ส่วนใหญ่อาจจะเห็นอาการชักเกงกระตุกเนาะ
00:19:12 → 00:19:16 ก็จะทำให้เราช่วยแยกได้เนาะใช่ๆๆเป็นลม
00:19:16 → 00:19:19 ล่ะครับคุณหมอเป็นลมเนี่น่าน่าจะเป็น
00:19:19 → 00:19:23 ลักษณะเข้าเป็นเป็นอาการเหมือนอาการวูบ
00:19:23 → 00:19:26 เหมือนกันฮะอก็อย่างที่บอกผมบอกคือนน่าจะ
00:19:26 → 00:19:29 เข้าได้กับอาการวูบเนาะก็จุดสำอย่างที่ผม
00:19:29 → 00:19:32 บอกคือต้องไม่เกินไม่นานเกิน 15 วินาทีฮะ
00:19:32 → 00:19:34 ก็ต้องรู้ตัวทันทีหลังจากหายเป็นปกติ
00:19:34 → 00:19:36 เพราะบางเพราะบางทีเป็นลมนี่เราเอาพวก
00:19:36 → 00:19:41 อะไรยาแอมโมเนียใช่มั้ยเ่าแล้วก็พวกยาดม
00:19:41 → 00:19:45 ใช่มั้ยมามาอังๆที่จมูกก็เดี๋ยวสักแพ็คก็
00:19:45 → 00:19:49 ก็ก็ฟื้นและแล้วก็กลับมาพูดคุยกันได้ะฮะ
00:19:49 → 00:19:52 ใช่ฮะใชออคือถ้าเป็นลมมันมันก็จะมีแบบจะ
00:19:52 → 00:19:54 เป็นลมเนาะจะเป็นลมก็คือยังลุดตัวอยู่
00:19:55 → 00:19:57 เนาะคือถ้าเป็นรูปทางการข้าเนี่ยคือต้อง
00:19:57 → 00:19:59 หมดสติเลยนะฮะต้องหมดสติประมาณว่าบูปุ๊บ
00:19:59 → 00:20:02 ส่วนใหญ่พวกนี้จะสังเกตง่ายๆฮะหน้าจะซีด
00:20:02 → 00:20:05 อืไม่รู้ใครเคยเห็นคือหน้าจะซีจเลเลี้ยง
00:20:05 → 00:20:07 สมองไม่ทันน่ะหน้ามันจะซีดๆแล้วก็เาจะแบบ
00:20:07 → 00:20:09 ไม่รู้ตัวเราเรียกไม่รู้ตัวแต่จะแป๊บ
00:20:09 → 00:20:12 เดียวฮะประมาณสัก 10 15 วินาทีแล้วก็จะ
00:20:12 → 00:20:17 กลับไปปิดปกติอืค่ะอแต่เป็นลมนี่คือเรา
00:20:17 → 00:20:21 ยังรู้ตัวอยู่ยังสามารถแบบเรียกหายาหอยบ
00:20:21 → 00:20:24 คนบางคยังยังรู้ตัวอยู่แต่ก็การปฐมพยาบาล
00:20:24 → 00:20:26 ก็ทำคล้ายๆกันเหมือนกันนะฮะคือจับนอนลาภ
00:20:26 → 00:20:30 เนาะครับแล้วก็อ่าจะดาาดมก็ช่วยได้นะฮะ
00:20:30 → 00:20:32 แล้วก็ถ้าเยังลู้ตัวก็อย่างที่ผมบอกก็คือ
00:20:32 → 00:20:36 ให้กำมือแบมือถ้าเขคมีภาวะเ่ออาจจะไปอยู่
00:20:36 → 00:20:38 กลางแจ้งมาแล้วเหงื่อแตกเยอะก็แนะนำว่าไป
00:20:38 → 00:20:41 อยู่ในร่มเนาะแล้วก็หาน้ำเปล่าให้ผู้ป่วย
00:20:41 → 00:20:43 ทานถ้าเกิดเขายังรู้ตัวนะฮะคือถ้าไม่รู้
00:20:43 → 00:20:46 ตัวเนี่ยคงกินน้ำไม่ได้เดี๋ยวสำลักครับอื
00:20:46 → 00:20:48 ก็ต้องไม่งั้นเดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่ใช่
00:20:48 → 00:20:52 มั้ยต้องให้รู้ตัวก่อนทำทำให้เแย่ลงเออนะ
00:20:52 → 00:20:56 ครับค่ะคุณหมอคะถ้าอาการวูบเอ่อหรือหน้า
00:20:56 → 00:20:59 มืดแล้วแบบหมดสติไปเนี่ยคนคนที่อยู่
00:20:59 → 00:21:01 ปฐมพยาบาลข้างๆเงี้ยค่ะนานแค่ไหนที่ต้อง
00:21:02 → 00:21:05 เอะใจแล้วว่าอุ๊ยต้องนำส่งโรงพยาบาลแล้ว
00:21:05 → 00:21:08 อันนี้ไม่ไม่ไม่น่าจะแบบปกติแล้วไม่น่าจะ
00:21:08 → 00:21:11 ช่วยปฐมพยาบาลเขาได้แล้วอย่างเงี้ยค่ะอ่า
00:21:11 → 00:21:14 จริงๆแล้วเนี่ยถ้าเกิดว่ามันมีสิ่ง
00:21:14 → 00:21:18 กระตุ้นชัดเจนนะค่ะยกตัวอย่างเช่นแบบอ่า
00:21:18 → 00:21:22 อาจจะตกจริงๆถ้าถ้าทำได้นะโดยส่วนตัว
00:21:22 → 00:21:25 เนี่ยผมว่าเนื่องจากอาการวูบเนี่ยถ้าเป็น
00:21:25 → 00:21:28 วูบจริงนะอย่างที่ผมบอกก็คืออยู่ๆก็เป็น
00:21:28 → 00:21:31 มดเป็นลมหมดสตินะหมดสติแล้วก็ 15 วินาที
00:21:31 → 00:21:35 ฟื้นฟื้นมาคุยเป็นปกติเลยโดยส่วนตัวผม
00:21:35 → 00:21:37 เชียร์ให้พาไปโรงพยาบาลทุกรายฮะเพราะว่า
00:21:38 → 00:21:40 จริงๆแล้วเนี่ยแค่อาการวูบอย่างเดียว
00:21:40 → 00:21:44 เนี่ยเราแยกไม่ออกว่าสาเหตุเกิดจากอะไรฮะ
00:21:44 → 00:21:47 ถ้าสาเหตุเกิดจากโรคหัวใจแล้วเราไม่ทำการ
00:21:47 → 00:21:50 รักษาหรือว่าป้องกันเนี่ยคนไข้อาจจะเสีย
00:21:50 → 00:21:54 ชีวิตได้โดยเฉพาะในช่วงที่ 1-2 ปีแรกครับ
00:21:54 → 00:21:57 อืมแสดงว่าแสดงว่าถ้าอย่างที่พี่ขวัญบอก
00:21:57 → 00:22:00 มาเราก็ไม่ใช่ว่าเอ้ยหายแป๊บเดียวหายก็
00:22:00 → 00:22:04 เอ้ยาฮะแนะนำไปโรงพยาบาลต้องไปเช็ค foll
00:22:04 → 00:22:06 กันหน่อยใช่ฮะใช่ฮะอย่างน้อยก็ดูก่อนว่า
00:22:06 → 00:22:08 เอ้ยไม่ใช่จากหัวใจเนาะเพราะถ้าจากหัวใจ
00:22:08 → 00:22:10 เนี่ยผมแจ้งว่ามันอันตรายเนาะแต่ถ้าเกิด
00:22:10 → 00:22:13 จากระบบประสาทอัตโนมัติเช่นตอนนั้นอาจจะ
00:22:13 → 00:22:17 ถูกหวยรละอ่า 50 ล้านอะไรเงี้ยไม่รู้นะผม
00:22:17 → 00:22:21 ผมตัวแล้วก็ตกใจอะไรเงี้ยก็เป็นวูบไปอะไร
00:22:21 → 00:22:25 เงี้ยก็ตื่นขึ้นมาอะไรอย่างเงี้ยเออก็อัน
00:22:25 → 00:22:27 นั้นก็มีสิ่งกระตุนแต่ส่วนตัวก็คือเชียร์
00:22:27 → 00:22:29 ให้พาไปโรงพยาบาลนะครับให้หมอเขไปดูก่อน
00:22:29 → 00:22:31 เลยว่าไม่ใช่จากหัวใจคือถ้าไม่ใช่จากหัว
00:22:31 → 00:22:34 ใจเนี่ยส่วนใหญ่แล้วเอ่อไม่ค่อยอันตราย
00:22:34 → 00:22:39 เท่าไหร่ฮะไม่ค่อยอันตรายทุกชีวิตอืก็ถ้า
00:22:39 → 00:22:44 รู้ถ้าเป็นจากหัวใจปุ๊บเอ่อมันน่าห่วง
00:22:44 → 00:22:47 ห่วงขนาดไหนคุณหมอมันอาจจะถึงขั้นจะต้อง
00:22:47 → 00:22:50 รักษาหัวใจจากนั้นทันทีเลยมหรือว่ายังไง
00:22:50 → 00:22:55 คุณหมอคือส่วนใหญ่แล้วเพบว่าคนที่มีอาการ
00:22:55 → 00:22:58 วูบมาก่อนนะฮะจริงๆแล้วในช่วง1ถึง 2 ปี
00:22:58 → 00:23:01 แรกเนี่ยจะวูบวูบซ้ำเนี่ยบ่อยอาจจะบ่อย
00:23:01 → 00:23:04 หลายเปอร์เซ็นต์เลยเพียแต่ว่าสาเหตุหลัก
00:23:04 → 00:23:06 ที่ทำให้คนไข้เสียชีวิตเมักจะมาจากโรคหัว
00:23:06 → 00:23:09 ใจซึ่งโรคหัวใจเนี่ยก็จะมีอยู่ 2 2
00:23:09 → 00:23:12 กลุ่มใหญ่ๆนะฮะกลุ่มเกิดจากเ่อหัวใจเต้น
00:23:12 → 00:23:15 ผิดจังหวะเนาะเช่นหัวใจเราบีบตัวช้าเกิน
00:23:15 → 00:23:18 ไปยกตัวอย่างเช่นบีบตัวเต้นแค่ประมาณสัก
00:23:18 → 00:23:21 30-40 ครั้งต่อนาทีอันเนี้ยมันก็อาจจะ
00:23:21 → 00:23:24 ไม่พอที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองหรือ
00:23:24 → 00:23:27 ว่าหัวใจมันเต้นเร็วเกินไปเช่น 150 ครั้ง
00:23:27 → 00:23:29 เนี่ยมันไม่มีประสิทธิภาพจพอที่จะบีบ
00:23:29 → 00:23:31 เลือดไปเลี้ยงสมองพวกเนี้ยถ้าเกิดว่าเรา
00:23:31 → 00:23:36 ไม่รักษาที่ต้นเหตุนะฮะคนไข้อาจจะจะจะ
00:23:36 → 00:23:39 เอ่อคือพวกนี้มีโอกาสที่มันจะหัวใจมันจะ
00:23:39 → 00:23:42 หยุดเต้นแล้วหยุดทำงานแล้วก็เลือดมีโอกาส
00:23:42 → 00:23:47 ที่มันจะอยู่ๆก็คือมันเอ่อบีบบีบตัวช้า
00:23:47 → 00:23:50 นานเกินปกติโดยที่ไม่กลับมาเป็นปกติอ่ะฮะ
00:23:50 → 00:23:52 ก็จะทำให้ขาดสมองขาดเลือดนานแล้วทำให้คน
00:23:52 → 00:23:56 ใช้เสียชีวิตได้อืค่ะคือระบาเองเนี่ยมัน
00:23:56 → 00:23:58 ส่วนใหญ่มันจะเป็นแป๊บเดียว่ะฮะแต่แต่หใจ
00:23:58 → 00:24:01 เนี่ยมีโาที่มันจะเป็นนานได้เช่นสมมติมัน
00:24:01 → 00:24:04 เต้นช้านะแล้วมันช้ายาวฮะครับถ้าช้ายาว
00:24:04 → 00:24:08 เนี่ยบางทีเกิน 15 วินาทีคนไข้ก็ไม่ฟื้น
00:24:08 → 00:24:12 ฮะอาจจะตายทันทีเลยจากโรคหัวใจฮะอืค่ะ
00:24:12 → 00:24:16 แสดงว่าอาการวูบหรือว่าหน้ามืดแค่ 15
00:24:16 → 00:24:19 วินาทีแล้วคุณก็กลับมามีอาการเป็นปกติ
00:24:19 → 00:24:21 เหมือนเดิมก็อย่าเพิกเฉยเพราะว่ามันอาจจะ
00:24:21 → 00:24:24 เป็นสัญญาณตั้งต้นของโรคหัวใจเต้นผิด
00:24:24 → 00:24:27 จังหวะอันเนี้ยตีความหมายแบบเนี้ยถูกหรือ
00:24:27 → 00:24:30 ผิดคะอาจารย์หมอออถูกครับถูกครับอาจจะ
00:24:30 → 00:24:32 เป็นจากโรคหัวใจเนาะซึ่งโรคหัวใจเนี่ยก็
00:24:32 → 00:24:34 อย่างที่ผมบอกว่าส่วนนึงก็คือเป็นหัวใจ
00:24:34 → 00:24:37 ได้ผิดจังหวะเนาะอีกส่วนนึงคือเกิดจากตัว
00:24:37 → 00:24:40 กล้ามเนื้อหัวใจเองที่มันมันผิดปกติเช่น
00:24:40 → 00:24:42 มีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเนาะแล้วก็ทำ
00:24:43 → 00:24:45 ให้กล้ามเนื้อหัวใจเนี่ยมันเสียไปเยอะมัน
00:24:45 → 00:24:48 บีบเลือดไปเลี้งสมองไม่ทันหรือว่าหัวใจ
00:24:48 → 00:24:51 มันมีลิ้นหัวใจตีบตีบเยอะๆอ่ะตีบมากๆปุ๊บ
00:24:51 → 00:24:54 หัวใจมันบีบบีบแล้วมันตีบมากฮะทำให้เลือด
00:24:54 → 00:24:56 มันสูบฉีดเป็นเรื่องสมองไม่ทันพวกเนี้ยก็
00:24:56 → 00:24:58 เป็นสาเหตุหนึงที่ทำให้เสียชีวิตชีวิตได้
00:24:59 → 00:25:01 เช่นกันฉะนั้นถึงแม้ว่าจะวูบมาแล้วหาย
00:25:01 → 00:25:03 เป็นปกติส่วนตัวก็คือเชียร์ให้ไปตรวจที่
00:25:03 → 00:25:07 โรงพยาบาลฮะเพื่อดูว่าไม่ใช่จากโรคหัวใจ
00:25:07 → 00:25:12 ครับอืออแสดงว่าอาการวูบที่เกิดขึ้นยิ่ง
00:25:12 → 00:25:15 โดยเฉพาะยิ่งเป็นแบบเป็นบ่อยๆในช่วง
00:25:15 → 00:25:18 เอ่อในระยะเวลาที่ใกล้ใกล้เคียงกันเนี่ย
00:25:18 → 00:25:21 มันไม่ไม่ปกติสำหรับร่างกายของคนคนนั้น
00:25:21 → 00:25:24 ล่ะสิใช่ๆครับไม่ปกติอไม่ปกติไม่ว่าจะทาง
00:25:24 → 00:25:27 หัวใจหรือว่าทางสมองอเนาะใช่ฮะใช่่ฮะส่วน
00:25:27 → 00:25:30 ส่วนตัวคืออย่านิ่งนอนใจฮะถ้ามีวูบปุ๊บ
00:25:30 → 00:25:33 เข้าเข้าได้ตามที่ที่ที่ผมแจ้งนะฮะวูบหมด
00:25:33 → 00:25:35 สติเลยนะหมดสติเรียกไม่รู้ตัวแต่เป็นแป๊บ
00:25:35 → 00:25:38 นึงแล้วหายไปปกติก็เราเห็นว่าหาเป็นปกติ
00:25:38 → 00:25:40 นะก็อย่าอย่านิ่งนอนใจนะฮะต้องพาไปตรวจนะ
00:25:40 → 00:25:44 ฮะเอ๊อย่างสมมุตินะพี่พี่พี่ขวัญผมอ่าคุณ
00:25:44 → 00:25:47 หมอเอ่อผมเคยเห็นคนที่แบบเขาเป็นลมหรือ
00:25:47 → 00:25:50 ว่าเป็นวูบนี่แหละหลังจากฟื้นตัวมาได้
00:25:50 → 00:25:53 ระยะนึงแล้วเอ่อคนเขาก็จะช่วยกัน
00:25:53 → 00:25:56 ปฐมพยาบาลเอาอะไรยาลมยาหอมให้กินน่ะแบบ
00:25:56 → 00:25:58 เนี้ยมันมันมันมันยังช่วยได้อยู่มั้ยครับ
00:25:59 → 00:26:00 คุณหมอครับ
00:26:00 → 00:26:03 เอ่อช่วยได้มั้ย
00:26:03 → 00:26:06 เอ่อหรือว่าเขาให้กินก่อนก่อนที่จะจะหมด
00:26:07 → 00:26:11 สติไปที่ที่เห็นๆเอ่อคือถ้าก่อนหมดสติก็
00:26:11 → 00:26:14 โอเคนะฮะแต่ถ้าถ้ามันหมดสติมาเนี่ยคือ
00:26:14 → 00:26:17 ช่วงหมดสติอ่ะไม่ต้องไปไม่ต้องไปให้ยาดม
00:26:17 → 00:26:19 ยาหอบหรอกฮะผมว่าช่วงที่หมดสติเนี่ยควรจะ
00:26:19 → 00:26:21 ทำการให้นอนลาบก่อนเนาะแล้วก็ประเมิน
00:26:21 → 00:26:24 ประเมินหน้างานก่อนว่าเอ้ยผู้ป่วยไม่มี
00:26:24 → 00:26:27 สติจริงหรือไม่ใช่มั้ยฮะถ้าไม่มีสติจริง
00:26:27 → 00:26:30 ถ้าทำได้ก็ขอความช่วยเหลือเนาะแล้วเราก็
00:26:30 → 00:26:32 ประเมินกันหายใจเนาะแล้วก็ประเมินจับชิ
00:26:32 → 00:26:34 ประจรที่คอเนาะว่าเยังเต้นอยู่หรือเปล่า
00:26:34 → 00:26:37 อันนั้นคือคนจะทำเป็นอันดับแรกนะแต่ถ้า
00:26:37 → 00:26:39 เกิดว่าผู้ป่วยยังพอมีสติประครองสติได้
00:26:39 → 00:26:41 เนี่ยส่วนตัวก็ยังเชียร์ให้นอนลาบอยู่
00:26:41 → 00:26:44 เนาะแต่จะดมดมยันดมอะไรก็ได้นะก็ได้
00:26:44 → 00:26:47 เหมือนกันได้เหมือนกันเพราะว่าเอ่อผมก็
00:26:47 → 00:26:49 เห็นบ่อยๆนะก่อนเหมือนคนที่หน้าจะเป็น
00:26:49 → 00:26:52 หน้ามืดหรือว่าจะแบบจะเป็นลมอะไรอย่าง
00:26:52 → 00:26:54 เงี้ยแต่ว่าเขายังไม่เป็นนะหน้าซีดๆอะไร
00:26:55 → 00:26:59 เขาจะชอบชงยาหอมยายาลมอะไรนะได้อันนี้อัน
00:26:59 → 00:27:01 นี้ได้อยู่แต่ส่วนตัวก็คือก็ก็เชียร์ให้
00:27:01 → 00:27:05 นอนนอนนอนกึ่งๆลาบแล้วกันเนาะแล้วก็ถ้า
00:27:05 → 00:27:08 ถ้าเอ่อเมีน้ำอยู่แถวนั้นเนี่ยก็ก็ดื่ม
00:27:08 → 00:27:11 น้ำก็ช่วยนะฮะดื่มน้ำมันจะช่วยดื่มน้ำ
00:27:11 → 00:27:13 อย่างรวดเร็วเนี่ยจะเพช่วยเพิ่มความดัน
00:27:13 → 00:27:17 ชั่วคราวได้ระดับอ๋ออ่าโอเคจะได้แบบเป็น
00:27:17 → 00:27:20 เป็นวิทยาทานนะน้ำใช่แต่ว่าคือน้ำเนี่ยฮะ
00:27:20 → 00:27:23 น้ำเปล่าน้ำเปล่าธรรมดาคือคือพออาจารย์
00:27:23 → 00:27:26 หมอพูดถึงน้ำเี่นึกถึงน้ำแดงขึ้นมาเลยทัน
00:27:26 → 00:27:29 ทีอืๆอ๋อน้ำแดงจะเป็นพวกน้ำตาลต่ำ่ะฮะเรา
00:27:29 → 00:27:32 ไม่แน่ใจก็สมมุติเป็นเบาหวานเนาแล้วก็
00:27:32 → 00:27:34 สมมติสมมุติญ่าเราเป็นเบาหวานอ่ะแล้วก็มี
00:27:34 → 00:27:37 อาการวูบใจสั่นเนี่ยอันนี้ได้นะเราสงสัย
00:27:37 → 00:27:38 ว่าเอ้ยเราไม่มีเครื่องจอดน้ำตาลแถวนั้น
00:27:39 → 00:27:41 เนาะเราสงสัยเอ้ยน้ำตาลมันต่ำนะก็ได้นะฮะ
00:27:41 → 00:27:46 น้ำหวานน้ำแดงอ่ะได้ไม่ได้ห้ามฮะอืค่ะก็
00:27:46 → 00:27:49 ก็ถือว่าอะไรที่อยู่ใกล้ๆแล้วก็ปลอดภัย
00:27:49 → 00:27:53 อ่ะสามารถๆถกฮเอสามารถที่จะช่วยช่วยให้
00:27:53 → 00:27:55 ใช่ฮะฮะเอาของที่มีหน้างานก่อน
00:27:55 → 00:28:00 ฮะค่ะครับครับเออก็ก็เป็นอาการนึ่งที่แบบ
00:28:00 → 00:28:02 จริงๆมันดูเหมือนเล็กน้อยนะคุณหมออาการ
00:28:02 → 00:28:05 เหมือนแบบเ้ยก็วูบหมดก็เป็นลมก็คนทั่วไป
00:28:05 → 00:28:08 เขาก็เป็นได้ร้อนหรือเปล่าเอ่อหรือว่าไม่
00:28:08 → 00:28:11 สบายอย่างอื่นมาหรือเปล่าเออไม่แต่จริงๆ
00:28:11 → 00:28:16 แล้วเอ่อหลังจากนั้นมันควรจะต้องใส่ใจใน
00:28:16 → 00:28:18 เรื่องของอาการที่เกิดขึ้นด้วยไม่ว่าจะ
00:28:18 → 00:28:22 เป็นไม่รู้ว่าเราอาจจะมีอาการของของเอ่อ
00:28:22 → 00:28:26 อาการป่วยอื่นๆที่แฝงอยู่หรือซ่อนอยู่มัน
00:28:26 → 00:28:29 มันจะมีอะไรซ่อนไว้ในใต้พรหมจากอาการวูบ
00:28:29 → 00:28:32 หรือหมดสติหรือหน้ามืดพวกนี้อื่นๆอีกมั้ย
00:28:32 → 00:28:35 ฮะนอกจากหัวใจแล้วก็สมองคุณหมอ
00:28:35 → 00:28:39 เอ่อส่วนใหญ่หลักๆมันก็จะมีอยู่ประมาณ
00:28:39 → 00:28:42 กลุ่มออีกอันนึงที่จะเจอได้บ่อยก็คือจาก
00:28:42 → 00:28:45 ความดันความดันโลหิตต่ำนะฮะออครับความดัน
00:28:45 → 00:28:48 โลหิตต่ำเนี่ยบางคนก็คือคล้ายๆว่าเมีพื้น
00:28:48 → 00:28:50 ฐานความดันโลหิตต่ำอยู่แล้วอ่ะครับไม่รู้
00:28:50 → 00:28:53 ถ้าถ้าเคยผมอย่างอย่าอย่างเวลาผู้ป่วยบาง
00:28:53 → 00:28:55 คนมาฮะก็คือก็ไม่ได้เป็นไรนะฮะแต่ความดัน
00:28:55 → 00:28:58 เต่ำยกตัวอย่างเช่นความดันเราโดยปกติมัน
00:28:58 → 00:29:01 ก็ควรประมาณซัก 110 120 ใช่มั้ยฮะตัวบน
00:29:01 → 00:29:05 เนาะครับ 80 ประมาณ 80 ตัวล่างเนาะแต่บาง
00:29:05 → 00:29:08 คนก็คือพื้นฐานความดันเต่ำอ่ะเช่นตัวบน 80
00:29:08 → 00:29:12 อย่างเงี้ย 80 40 80 60 เนี่ยพวกเนี้ย
00:29:12 → 00:29:15 มีโอกาสจะวูบง่ายกว่าคนปกติฮะเช่นอยู่ๆ
00:29:15 → 00:29:19 เ้าไปอ่าตากแดดเหงื่อออกเยอะแล้วกินน้ำ
00:29:19 → 00:29:21 ไม่พอเนี่ยอยู่ๆก็วูบได้ฮะไอ้กลุ่มความ
00:29:21 → 00:29:25 ดันต่ำเนี่ยก็เจอได้บ่อยนะฮะอืค่ะอีก
00:29:25 → 00:29:28 กลุ่มนึงก็คือเป็นคนไข้ที่รักษาความดลหิต
00:29:28 → 00:29:30 สูงอ่ะครับแล้วก็ไปกินยาลดความดันที่มัน
00:29:30 → 00:29:33 มากเกินไปฮะอก็เ่าอันนี้ผมจะยกตัวอย่าง
00:29:33 → 00:29:36 แล้วกันส่วนใหญ่ในคนไข้จำนวนนึงที่มาที่
00:29:36 → 00:29:37 โรงพยาบาลไม่รู้เคยไปโรงพยาบาลหรือเปล่า
00:29:37 → 00:29:39 นะฮะส่วนใหญ่ว่าความดันที่โรงพยาบาลน่ะ
00:29:39 → 00:29:42 มันจะสูงปิ๊ดเลยมาแต่ละครั้งความดัน 170
00:29:42 → 00:29:47 180 อะไรทำนองนั้นนแพทอาจจะปรับใช่ฮะคือ
00:29:47 → 00:29:49 ตกใจอ่ะมาโรงพยาบาลคนมันเยอะต้องมาแย่ง
00:29:49 → 00:29:51 คิวกันแล้วก็แพทย์อาจจะปรับยาลดความดัน
00:29:51 → 00:29:53 เนาะแต่ไม่รู้ว่าที่บ้านจริงๆล่ะเขาไม่
00:29:53 → 00:29:56 สูงพแพทยให้ยาลดความดันไปปุ๊บคนแค่กินยา
00:29:56 → 00:29:58 ปุ๊บก็เกิดอาการความดันร่วงอันเนี้ยก็จะ
00:29:58 → 00:30:00 มาด้วยวูปด้วยเหมือนกันนะครับคือพวกนี้จะ
00:30:00 → 00:30:05 มีลักษณะครับออเออก็เป็นเกร็ดนะเป็นเกร็ด
00:30:05 → 00:30:08 เล็กๆไหน่อยที่สังเกตบางคนบางคนเตกใจ
00:30:08 → 00:30:12 เหมือนอาการภาวะทางจิตที่เขาเรียกไวเชิ
00:30:12 → 00:30:14 ใช่มั้ยคะอาจารย์หบบที่
00:30:14 → 00:30:16 แบบก็คือมาโรงพยาบาลเนี่ยความดันมันจะสูง
00:30:16 → 00:30:18 ทุกรายอ่ะส่วนใหญ่สูงทุกราายอยู่แล้วแต่
00:30:18 → 00:30:20 จริงๆที่บ้านเค้าไม่ได้สูงเนาะแต่เวลามา
00:30:20 → 00:30:22 โรงพยาบาลเนี่ยส่วนใหญ่ถ้าเป็นผู้ป่วยสูง
00:30:22 → 00:30:24 อายุเนาะเก็จะแบบมันจะตื่นเต้นน่ะก็เข้า
00:30:24 → 00:30:27 ใจอยู่แหละเข้าใจอยู่แล้วะเอ๊ะฉันจะมาถึง
00:30:27 → 00:30:30 จะหาที่จรถได้มอะไรจำนองนั้นน่ะตรวจเสร็จ
00:30:30 → 00:30:33 กี่โมงอะไรประมาณเรถจะติดมยอะไรอย่าเงี้ย
00:30:33 → 00:30:35 ประมาณนั้นนฮะส่วใหความใดก็จะสูงิอยู่
00:30:35 → 00:30:38 แล้วฮะแล้วก็ถ้าถ้าแพทย์เห็นบางทีแพทย์ก็
00:30:38 → 00:30:41 ให้ยาความดันไปแต่กลุ่มพวกนี้จะมีลักษณะ
00:30:41 → 00:30:44 นึงก็คือเวลาลุกขึ้นน่ะสมมติเนอนแล้วก็
00:30:44 → 00:30:46 ลุกขึ้นนั่งเนาะหรือว่าจับนั่งลุกขึ้นยืน
00:30:47 → 00:30:49 เนี่ยพวกเนี้จะวูบตอนตอนบูบมากที่สุดตอน
00:30:49 → 00:30:52 ตอนลักษณะอิริยาบถแบบเคือเปลี่ยนท่าจะบูบ
00:30:52 → 00:30:55 มากที่สุดอ๋อลุกเร็วนั่งเร็วนอนเร็วอะไร
00:30:55 → 00:30:58 เงี้เหรอฮะเ่าหถึงว่าจากนอนนั่งฮะหรือจาก
00:30:58 → 00:31:01 นั่งเป็นยืนก็คือจากอิริยาบถที่ไปแบบนอน
00:31:01 → 00:31:04 ลาบอ่ะแล้วก็ลุกขึ้นยืนน่ะจากนอนเป็นนั่ง
00:31:04 → 00:31:06 หรือว่านั่งเป็นยืนพวกเนี้ยจะทำให้ความ
00:31:06 → 00:31:08 ดันร่วงได้ในช่วงที่มันเปลี่ยนท่าฮะซึ่ง
00:31:08 → 00:31:11 คนนี้จะเจอได้บ่อยในกลุ่มที่เป็นพวกเอ่อ
00:31:11 → 00:31:13 กินยาลดความดันอยู่อ่ะอันนี้จะเจอได้บ่อย
00:31:13 → 00:31:16 กว่าวุบทั่วไปนะอันนี้จริงๆเจอได้บ่อยเลย
00:31:16 → 00:31:21 ครับอ๋อเออก็เป็นอีกเคสนึงที่จะต้องระมัด
00:31:21 → 00:31:25 ระวังโดยเฉพาะการลุกเปลี่ยนอิริยาบถวยๆนะ
00:31:25 → 00:31:29 ครับใช่ครับใช่ครับค่ะเออโออาการแบบนี้
00:31:29 → 00:31:33 นี่นึกถึงคนที่สูงอายุก็เลยแบบว่าเอ๊ะที่
00:31:33 → 00:31:36 มักเห็นเนี่ยมักเห็นในผู้สูงอายุจะมี
00:31:36 → 00:31:40 อาการวูบบ่อยกว่าเอ่อเอ่อวัยแบบเอ่อวัยทำ
00:31:40 → 00:31:43 งานอย่างเงี้ยคือผู้ผู้สูงอายุคือกลุ่ม
00:31:43 → 00:31:45 เสี่ยงหรือเปล่าหรือว่าจริงๆแล้วก็เป็น
00:31:45 → 00:31:49 ได้ทั่วไปคะคุณหมอเอ่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่
00:31:49 → 00:31:51 จะเป็นกลุ่มเสี่ยงเพราะว่าส่วนใหญ่ผู้สูง
00:31:51 → 00:31:54 อายุเนี่ยเวลาสูงอายุมากขึ้นปุ๊บโอกาสที่
00:31:54 → 00:31:57 จะเป็นโรคหัวใจก็เยอะขึ้นนะฮะแล้วก็ส่วน
00:31:57 → 00:31:59 ใหญ่จำนวนนึงของผู้ป่วยสูงอายุอ่ะมักจะ
00:31:59 → 00:32:01 เป็นความดันเรหิตสูงหรือว่าเป็นโรคเบา
00:32:01 → 00:32:03 หวานใช่มั้ยฮะอือซึ่งพวกเนี้ยมันจะเป็น
00:32:03 → 00:32:07 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โอกาสอ่อโอกาสเกิดมี
00:32:07 → 00:32:09 ภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันได้เยอะคือจะ
00:32:09 → 00:32:12 วุกว่าคนทั่วไปแน่นอนฮะถ้าเป็นผู้สูงอายุ
00:32:12 → 00:32:15 ครับเออก็เป็นอีกกลุ่มนึงที่เปราะบางแหละ
00:32:15 → 00:32:19 ใช่ฮะเปาะบางแล้วก็เวลาเกิดวูปุ๊บก็มักจะ
00:32:19 → 00:32:23 มีผลที่ตามมาก็คือกระดูกหักครับหรือว่ามี
00:32:23 → 00:32:27 หัวต่งหัวแตกฮะมันก็จะจะอ่าเนเดี๋ก็จะพวแ
00:32:27 → 00:32:30 ซ้อนจากการวูบนฮะซึ่งจะเจอได้บ่อยออืครับ
00:32:30 → 00:32:33 เอ่อคุณผู้ฟังสอบถามมาเพิ่มเติมสักนิดนึง
00:32:33 → 00:32:36 นะครับอันนี้ก็เป็นเคสที่เออเป็นเป็นอาจ
00:32:36 → 00:32:40 จะอาจจะเอาไว้ใช้กับหลายๆคนได้ด้วยนะครับ
00:32:40 → 00:32:43 เขาบอกว่ากรณีที่คนไข้ใส่เครื่องกระตุ้น
00:32:43 → 00:32:47 หัวใจเทียมอ่ะเอ่อแล้วเกิดเป็นลมล้มลงไป
00:32:47 → 00:32:50 เนี่ยควรจะทำอย่างไรดีครับเอ่อสามารถใช้
00:32:50 → 00:32:52 เครื่องปั๊มหัวเอ่อเพราะว่ามันไม่สามารถ
00:32:52 → 00:32:55 ใช้เครื่องปั๊มหัวใจได้เลยใช่มั้ย
00:32:55 → 00:32:59 ครับคุณหมอมีเครื่องเครื่องกระตุ้นหัวใจ
00:32:59 → 00:33:01 ที่เครื่องกระตุ้นหัวใจใช่มั้ยฮะใช่ครับ
00:33:01 → 00:33:04 สำหรับคนเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วอยู่ดีๆเป็น
00:33:04 → 00:33:06 ลมล้มลงไปเนี่ยอันเนี้ยการฐมพยาบาลเหมือน
00:33:06 → 00:33:09 กับคนปกติมั้ยหรือว่ามันต้องระมัดระวัง
00:33:09 → 00:33:12 เป็นพิเศษครับคุณหมออ่าผมว่าเหมือนเหมือน
00:33:12 → 00:33:15 คนปกติเนาะเพราะว่าถ้าเป็นถ้าเป็นเอ่อ
00:33:15 → 00:33:19 เป็นเอ่อประชากรเอ้เป็นคนทั่วไปเนี่ยก็
00:33:19 → 00:33:22 เราก็จะใช้เป็นไอ้ผฐมพยาบาเหมือนคนทั่วไป
00:33:22 → 00:33:26 ฮะก็คือดูดูว่าคนไข้หมดสติมั้ยดูว่าหายใจ
00:33:26 → 00:33:28 หรือเปล่าหรือว่าดูว่ามีชจรหรือเปล่าใช่
00:33:28 → 00:33:30 มั้ยฮะซึ่งถ้าเกิดว่าเ้าไม่มีชีพจรส่วน
00:33:30 → 00:33:32 ใหญ่ก็แนะนำให้ปั๊มหัวใจเลยทำได้เหมือน
00:33:32 → 00:33:35 เหมือนคนทั่วไปเลยฮะปั๊มหัวใจนี่หมายถึง
00:33:35 → 00:33:39 ว่าปั๊มด้วยมือหรือยังไงเพราะว่าดมืออ๋อ
00:33:39 → 00:33:41 เพราะเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบที่เป็นไฟฟ้า
00:33:41 → 00:33:43 มันไม่สามารถใช้กับคนที่เอ่อเป็นรคหัวใจ
00:33:43 → 00:33:46 แล้วติดเครื่องกระตุ้นหัวใจได้ใช่มั้ยฮะ
00:33:46 → 00:33:49 อ่าหมายหยหมายถึงอะไรนะฮะเครื่องที่เอ่อ
00:33:49 → 00:33:52 ปั๊มหัวใจแบบที่เราเห็นเครื่องอ่าเครื่อง
00:33:52 → 00:33:55 ช่วยชีวิตอ่ะครับที่เห็นอยู่ตามรถไฟฟ้า
00:33:55 → 00:33:58 เครื่องแบบเนี้ยครับเวลาอ๋อไอ้เครื่อง
00:33:58 → 00:34:02 เครื่อง a aed ใช่มผมว่าใช้ได้นะใช่ใช้
00:34:02 → 00:34:05 ได้เหรออ๋อกับคนที่อ๋อเป็นไอ๋อเข้าใจฮะ
00:34:06 → 00:34:07 เข้าใจผมเข้าใจแล้วตอนแรกคิดว่าแต่ส่วน
00:34:07 → 00:34:10 ใหญ่ก็คือถ้าหมดสติอ่ะเราก็ใช้ตามตามหลัก
00:34:11 → 00:34:13 การช่วยชีวิตทั้นพื้นฐานนะฮะก็คืออย่างผม
00:34:13 → 00:34:16 ที่ผมบอกไปเนาะก็คือดูก่อนว่าคนไข้หมดสติ
00:34:16 → 00:34:19 มั้ยหายใจหรือเปล่าแล้วก็ถ้าหัวใจหยุด
00:34:19 → 00:34:21 เต้นก็ปั๊มหัวใจถ้าเกิดว่าข้างๆเนี่ยยมัน
00:34:21 → 00:34:22 มีเครื่องเเรียกเป็นเครื่องกระตุ้นหัวใจ
00:34:22 → 00:34:25 เนาะที่แปะตามที่ต่างๆอ่ะผมว่าทำได้เนาะ
00:34:25 → 00:34:28 ก็คือก็คือแปะเลยแล้วเครื่องมันมันจะ
00:34:28 → 00:34:30 เครื่องมันจะวิเคราะห์ให้เราเองเลยว่าหัว
00:34:30 → 00:34:32 ใจเต้นผิดจังหวะมั้ยอ๋อถ้ามันเต้นผิด
00:34:32 → 00:34:35 จังหวะมันก็จะช็อกให้ส่วนใหญ่ทำได้ฮะได้
00:34:35 → 00:34:37 แล้วกรณีคนที่เป็นรบหัวใจแล้วต้องติด
00:34:37 → 00:34:40 เครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่ในในในร่างกายตัว
00:34:40 → 00:34:42 เองอยู่แล้วเงี้ยคุณหมอไอ้เครื่อง aed
00:34:42 → 00:34:46 พวกนี้มันมันไปใช้กับคนที่เป็นโรคหัวใจ
00:34:46 → 00:34:49 ลักษณะนี้ได้มั้ยครับเอ่อจริงๆต้องตอบว่า
00:34:49 → 00:34:52 ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจแต่แต่ส่วน
00:34:52 → 00:34:55 ตัวคือไอ้คนคือคนที่เป็นโรคหัวใจเนี่ยมัน
00:34:55 → 00:34:57 ก็มีอยู่หลายกลุ่มเนาะอันดับแรกคือเป็น
00:34:57 → 00:35:00 แบบหัวใจเต้นช้าเนมากกว่าปกติก็ทำให้เกิด
00:35:00 → 00:35:01 อาการวูบพวกเนี้ยส่วนใหญ่ก็คือจะฝัง
00:35:01 → 00:35:04 เครื่องกระตุ้นกระตุ้นหัวใจอ่ะก็คือพอหัว
00:35:04 → 00:35:06 ใจเต้นเต้นช้าถึงจุดจุนึงปุ๊บมันก็จะ
00:35:06 → 00:35:09 กระตุ้นตึ๊บขึ้นมาเนซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่ก็
00:35:09 → 00:35:11 มันไม่ได้เต้นเร็วหรอกฮะส่วนใหญ่ต่อให้
00:35:11 → 00:35:13 แปะไอ้เครื่องเครื่องเครื่องเครื่อง
00:35:13 → 00:35:15 เครื่องกระตุกหัวใจที่อยู่ตามที่ต่างๆมัน
00:35:15 → 00:35:17 ก็คงบอกว่าหัวใจไม่ได้เต้นเลยมันคงไม่
00:35:17 → 00:35:20 ช็อกไฟฟ้าอยู่แล้วฮะอ๋อแต่อีกกลุ่มนึงก็
00:35:20 → 00:35:22 คือเป็นกลุ่มที่มันเป็นแบบหัวใจมันเต้น
00:35:22 → 00:35:24 ผิดจังหวะมันเต้นเร็วเขาจะฝั่งเือีกอัน
00:35:24 → 00:35:28 นึงก็คือไปไปไปกระตุ้นเพื่อหยุดมันน่ะอืเ
00:35:28 → 00:35:31 ผมว่าใช้ได้อืใช้ไอ้เครื่องที่ติดตัดตาม
00:35:31 → 00:35:33 นั้นได้คือแปุ๊บเครื่องมันจะวิเคราะห์เอง
00:35:33 → 00:35:35 ว่าควรกระตุกหรือเปล่าผมว่าใช้ได้ฮะอ๋อ
00:35:36 → 00:35:40 อ่าๆนี่มีคนมาตอบว่า aed ใช้กับคนไข้พีม
00:35:40 → 00:35:43 Peace maker ได้ถูกต้องมคุณคุณหมอน่าจะ
00:35:44 → 00:35:47 ได้ฮะผมเ่ามีคุณผู้ฟังมาช่วยตอบคำถามนี้
00:35:47 → 00:35:50 ด้วยนะครับเอ่อเป็นโรคเบาหวานแล้วทำไมน้ำ
00:35:50 → 00:35:53 ตาลจึงต่ำได้เฮ้ยเป็นคำถามยอดฮิดเหมือน
00:35:53 → 00:35:56 กันโลกนี้อาการนี้เป็นโรคเบาหวานทำไมน้ำ
00:35:56 → 00:35:59 ตาลต่ำได้น้ำตาลต่ำจากการกินยาลดลดน้ำตาล
00:35:59 → 00:36:02 ฮะอ่าใช่ปกติแล้วบนเบาหวานเองเนี่ยส่วน
00:36:02 → 00:36:05 ใหญ่น้ำตาลไม่ต่ำหรอกฮะมันจะต่ำจากเอ่อไป
00:36:05 → 00:36:07 กินก็คือส่วนใหญ่แพทยก็จะให้ยารดน้ำตาลมา
00:36:07 → 00:36:09 นะไม่ว่าจะเป็นยากินหรือยาฉีดมันจะต่ำจาก
00:36:09 → 00:36:14 ยามากกว่าอือือครับค่ะเพราะฉะนั้นเองก็
00:36:14 → 00:36:18 ต้องรู้โรคของตัวเองซะก่อนเออแล้วก็ให้คน
00:36:18 → 00:36:21 รอบข้างที่สนิทิรู้รู้สักหน่อยนึงด้วยก็
00:36:21 → 00:36:24 ได้ใช่ฮะ่อันนี้ถูกเลยฮะถูกเลยฮะเพราะว่า
00:36:24 → 00:36:26 เราเรามีอาการปุ๊บเราพูดไม่ได้ตมีอาการคน
00:36:26 → 00:36:29 ข้างๆช่วยเราเช่นอาหารน้ำหวานให้เรากิน
00:36:29 → 00:36:34 เนาะอืค่ะเอ๊คุณหมอขามีข้อแนะนำอะไรมั้ย
00:36:34 → 00:36:38 คะที่จะให้กับคนที่เอ้ยกังวลว่าเราอยู่ใน
00:36:38 → 00:36:42 สถานการณ์ที่ถ้าเรามีเคยวุบบ้างแหละแต่ก็
00:36:42 → 00:36:44 ไม่ได้บ่อยอะไรเงี้ยค่ะต้องดูแลร่างกาย
00:36:44 → 00:36:48 ตัวเองยังไงบ้างคะครับก็อย่างที่ผมบอกนะ
00:36:48 → 00:36:52 ว่าอาการวูบเนี่ยหลักๆสาเหตุเกิดจากอ่า
00:36:52 → 00:36:55 เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันเนาะซึ่งสาเหตุ
00:36:55 → 00:36:58 ที่มันอันตรายแล้วก็ทำให้เกิดเสียชีวิตก็
00:36:58 → 00:37:01 คือสาเหตุจากโรคหัวใจเนาะซึ่งโรสาเหตุจาก
00:37:01 → 00:37:04 โรคหัวใจฉะนั้นเวลาเราก็คือควรจะป้องกัน
00:37:04 → 00:37:06 ให้เกิดโรคโรคโรคหัวใจเนาะก็คือถ้าจะป้อง
00:37:06 → 00:37:08 กันก็คือต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆของ
00:37:09 → 00:37:11 โรคหัวใจฮะยกตัวอย่างเช่นต้องไปตรวจร่าง
00:37:11 → 00:37:14 กายประจำปีเนาะก็คือดูว่ามีปัจจัยเสี่ยง
00:37:14 → 00:37:18 มยเช่นเบาหวานความดันโลหิตสูงหรือว่าไข
00:37:18 → 00:37:20 มันในเลือดสูงใช่มั้ยครับซึ่งถ้ามีอาการ
00:37:20 → 00:37:23 เหล่าเนี้แนะนำว่าให้รักรีบรักษานะฮะ
00:37:23 → 00:37:25 เพราะว่าถ้าไม่มีถ้าเราไม่รักษาเนี่ยก็
00:37:25 → 00:37:27 ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้แล้วก็ทำ
00:37:27 → 00:37:29 ให้ให้เกิดอาการวูบได้นะแล้วก็ออกกำลัง
00:37:29 → 00:37:33 กายสม่ำเสมอนะครับส่วนอันอื่นๆเนี่ยถ้า
00:37:33 → 00:37:36 เป็นทางระบบประสาทเองเนี่ยมันก็จะทางระบบ
00:37:36 → 00:37:39 ประสาทเองส่วนใหญ่จะเกิดจากมีสิ่งกระตุ้น
00:37:39 → 00:37:42 เนาะพวกทางระบบประสาทยกตัวอย่างเช่นเอ่อ
00:37:42 → 00:37:44 ในผู้สูงอายุบางคนนะฮะที่ที่มาด้วยอาการ
00:37:44 → 00:37:48 บุมเนี่ยเกิดจากมีสิ่งกระตุ้นเช่นช่วง
00:37:48 → 00:37:51 นั้นก็คืออาจจะมีโรคหวัดหรือว่าไปแพ้แพ้
00:37:51 → 00:37:54 สิ่งแวดล้อมเช่นมีคุณจุดจุดไฟเผาแล้วมัน
00:37:55 → 00:37:58 เป็นควันไฟมาแล้วก็ไอเยอะไอมากๆูบๆเลยนะ
00:37:58 → 00:38:01 ฮะหรือว่าบางคนเนี่ยมีท้องปลูกเออท้อง
00:38:01 → 00:38:04 ปลูกแล้วไปเข้าห้องน้ำกำลังเบ่งท่ายบุ๊บ
00:38:04 → 00:38:08 วูนะฮะอืพวกเนี้ยก็คือเป็นสิ่งกระตุ้น
00:38:08 → 00:38:10 เนาะพวกเนี้ยกระตุ้นเป็นระบบประสาน
00:38:10 → 00:38:12 อัตโนมัติถ้าทำงานผิดปกติแล้วก็แนะนำว่า
00:38:12 → 00:38:15 ถ้าทำได้เนี่ยควรจะรักษาอาการต้นเหตุที่
00:38:15 → 00:38:18 ทำให้เกิดอาการวูบก็คืออาการไอแล้วก็
00:38:18 → 00:38:22 พยายามเ่อกินอาหารให้ให้ให้ให้เหมาะสมมี
00:38:22 → 00:38:24 กากเนาะกินพวกผักผลไม้เพื่อจะได้ไม่มี
00:38:24 → 00:38:28 อาการท้องผูกนะอีกส่วนหนึ่งก็คืออาการวูบ
00:38:28 → 00:38:30 เนี่ยในทางระบบประสาทนะฮะมันจะเกิดจาก
00:38:31 → 00:38:33 อาการอันนี้อาจจะเจอได้ไม่บ่อยนะแต่ก็พอ
00:38:33 → 00:38:37 เจอได้ก็คือนวดที่คอนวดที่คออืค่ะอ่า
00:38:37 → 00:38:39 สงสัยมั้ยฮะว่าทำไมนวดคอแล้ววูบได้เออก
00:38:39 → 00:38:42 กำลังสงสัยอยู่เพราะว่าเวลาเราไปนวดไทยก็
00:38:42 → 00:38:45 มีนวดคอคอบ่าไหล่นี่เยอะเหมือนกันนะผมเคย
00:38:45 → 00:38:48 เห็นจากหนังกำลังภายในอ่ะที่เขาอ่าจจิ้ม
00:38:48 → 00:38:52 จิ้มคอแล้ววูบใช่มั้ยฮะใช่ๆ
00:38:52 → 00:38:56 อ๋อคือคือตรงคอของคนเราฮะที่ถ้าถ้าถ้าลอง
00:38:56 → 00:39:00 คำที่คอตรงแถวๆบริเวณตรงเอ่อตรงมุมขา
00:39:00 → 00:39:03 กรรไกรขากรรไกรล่าง่ะฮะครับที่จะเป็นคำเล
00:39:03 → 00:39:05 ิประจรเนาะตรงตำแหน่งนั้นเนี่ยมันจะมี
00:39:05 → 00:39:09 อวัยวะจะมีเอ่ออวัยวะอันนึงที่เป็นเ่ารับ
00:39:09 → 00:39:12 รับสัมผัสอ่ะถ้าเกิดว่าไปกดอวัยวะตรงนี้
00:39:12 → 00:39:15 ฮะมันจะไปกระตุ้นระบบซยอัตโนมัติพาราซิม
00:39:15 → 00:39:18 ทำให้เกิดมีหัวใจเส้นช้าแล้วก็เ่อเลือด
00:39:18 → 00:39:23 ขยายตัวทำให้เกิดอาการวูบได้ฮะอืออืเพราะ
00:39:23 → 00:39:27 ฉะนั้นนี้เราก็ต้องพึงระวังตงใช่ฮะใช่ฮะ
00:39:27 → 00:39:29 ตงต้องระวังเลยนะฮะเพราะว่าบางคนบางทีไป
00:39:29 → 00:39:31 นวดแต่ผมก็ไม่รู้นะเวลานวดส่วนใหญ่ก็จะ
00:39:31 → 00:39:33 นวดหลังคอเนามันก็จะไม่ค่อยโดนแล้วก็คน
00:39:33 → 00:39:36 ที่เรียนมาเนี่ยผมว่าเน่าจะได้รับการสั่ง
00:39:36 → 00:39:39 สอนแล้วล่ะว่าไม่ให้ไปนวดไอตรงเต้นๆตรงคอ
00:39:39 → 00:39:42 ตรงนี้ฮะตรงบริเวณบริเวณมุมคางอ่ะเพราะ
00:39:42 → 00:39:44 ว่าตรงนี้จะมีอวัยวะเทไปไปไปนวดปุ๊บหรือ
00:39:44 → 00:39:47 ไปคึงมากเนี่ยเกิดอาการจะเกิดอาการวูบได้
00:39:47 → 00:39:51 ฮะออันนี้ต้องถ้าไปถ้าไปนวดตามร้านน่ะค่ะ
00:39:51 → 00:39:54 คุณหมอก็ไม่ไม่ไม่น่ากังวลเพราะเขาน่าจะ
00:39:54 → 00:39:57 เรียนมาตามหลักเอ่อการแพทย์แผนไทยแต่ว่า
00:39:57 → 00:39:59 เราไหว้วานคนใกล้ตัวอย่างเงี้ยค่ะคุณมออ
00:40:00 → 00:40:03 ใช่อันนี้ก็ตรงนี้ให้หน่อยอะไรอย่างเงี้ย
00:40:03 → 00:40:04 อันเนี้ยก็น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้ฟัง
00:40:04 → 00:40:09 ว่าเ่อไม่ควรโดนบริเวณที่เอ่อคอทางด้านใน
00:40:09 → 00:40:12 อืครับก็แต่อีกอันนึงคือถูกเนก typ ฮะอัน
00:40:12 → 00:40:15 นี้ก็มีมีรายงานเป็นปะปายเนาะุมเกไทแล้ว
00:40:15 → 00:40:19 บางทีเออาจจะแบบอ่าคอเสื้อมันเล็กเกินไป
00:40:19 → 00:40:22 นะฮะแล้วก็ไปรูดเไซะรัดแน่นอันนี้ก็มี
00:40:22 → 00:40:24 โอกาสที่จะไปรัดตรงตำแหน่งนี้ได้นะฮะก็
00:40:24 → 00:40:27 เกิดอาการวูบได้เหมือนกันก็มีรายงานหลายฮ
00:40:27 → 00:40:31 โอ้โหูค้ายจนูบอ่ะเออเออปรับติดกระดุมคอ
00:40:31 → 00:40:33 ฮะกระดุมคอแล้วมันแบบคอเราใหญ่เกินไปใช่
00:40:34 → 00:40:36 มั้ยฮะแล้วก็ใส่เล็กไยเขอีกแล้วก็ไปรัด
00:40:36 → 00:40:39 ตรงตำแหน่งนี้ฮะก็มีโอกาสวุบได้เช่นกัน
00:40:39 → 00:40:40 ครับอื
00:40:40 → 00:40:44 โอ้โหก็เป็นข้อสังเกตแล้วก็ระมัดระวังกัน
00:40:44 → 00:40:47 สักนิดนึงนะครับโหวันนี้ได้เอ่อเก็ดความ
00:40:47 → 00:40:50 รู้แล้วก็ข้อระมัดระวังให้กับคุณผู้ฟัง
00:40:50 → 00:40:53 หลายๆท่านเลยนะครับก็มีคุณผู้ฟังเข้ามา
00:40:53 → 00:40:55 เข้ามาคอมเมนต์กันเยอะพอสมควรเลยครับคุณ
00:40:55 → 00:40:57 หมอวันนี้ขอบคุณมากเลยครับคุณหมอครับครับ
00:40:57 → 00:40:59 ๆขอบคุณครับครับแล้วมีโอกาสได้คุยกันใหม่
00:40:59 → 00:41:01 นะครับสวัสดีครับคุณหมอครับครับสวัสดี
00:41:02 → 00:41:04 ครับสวัสดีครับรูปจากโรคสมองอันตรายแค่
00:41:04 → 00:41:06 ไหนนะครับตอบไปแล้วกับนายแพทย์ธเนศเติม
00:41:06 → 00:41:08 กลิ่นจันทร์นะครับนายแพทย์เชี่ยวชาญ
00:41:08 → 00:41:13 สถาบันปราสาทวิทยากรมการแพทย์นะครับ