00:00:04 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:25 [เพลง]
00:00:25 → 00:00:28 เราทุกคนต่างรู้กันดีว่าการเล่นกับเด็ก
00:00:28 → 00:00:30 นั้นเป็นของคู่กันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดย
00:00:31 → 00:00:33 ธรรมชาติของเด็กและยังก่อให้เกิดความสนุก
00:00:33 → 00:00:37 สนานอีกด้วยแต่นอกจากความสนุกสนานแล้วการ
00:00:37 → 00:00:40 เล่นอย่างถูกต้องยังส่งเสริมให้เกิดทักษะ
00:00:40 → 00:00:42 ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนของเด็กๆได้
00:00:42 → 00:00:46 อีกด้วยแต่หากท่านผู้ชมอยากจะรู้ว่าสร้าง
00:00:46 → 00:00:49 ทักษะการเล่นอย่างไรถึงจะเสริมทักษะการ
00:00:49 → 00:00:52 เรียนให้กับเด็กๆของเราได้เรามารู้คำตอบ
00:00:52 → 00:00:56 ไปพร้อมๆกันครับทางศูนย์กายภาพบำบัดคณะ
00:00:56 → 00:00:59 กายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดลนะครับเราจะ
00:00:59 → 00:01:02 จัดการเหมือนเป็นโครงการอบรมความรู้สู่
00:01:02 → 00:01:04 ประชาชนเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้วนะครับ
00:01:04 → 00:01:06 โดยที่แต่ละเดือนเนี่ยก็จะเวียนนัก
00:01:06 → 00:01:08 วิชาชีพไม่ว่าจะเป็นนักกายภาพบำบัดหรือ
00:01:08 → 00:01:11 นักกิจกรรมบำบัติเนี่ยขึ้นมาจัดอบรมพูด
00:01:11 → 00:01:13 เพื่อบรรยายข้อมูลดีๆอ่ะครับซึ่งจะเป็น
00:01:14 → 00:01:16 เรื่องง่ายๆที่เราสามารถเอาไปประยุกต์ใช้
00:01:16 → 00:01:19 จริงนะครับเพื่ออะไรเพื่อเหมือนป้องกัน
00:01:19 → 00:01:23 ภาวะการเกิดอาการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆรวม
00:01:23 → 00:01:26 ถึงเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาวะสุขภาพที่
00:01:26 → 00:01:29 ดีอ่าหรือส่งเสริมศักยภาพในเด็กเหมือนที่
00:01:29 → 00:01:31 เราจัดในในของเดือนนี้นะครับโดยที่เดือน
00:01:31 → 00:01:33 เนี่ยเป็นความรับผิดชอบของทีมนักกิจกรรม
00:01:33 → 00:01:36 บำบัดนะครับเราก็เลยเลือกที่จะเอาเรื่อง
00:01:36 → 00:01:39 ที่อ่ะเกี่ยวกับเด็กละกันนะครับโดยที่
00:01:39 → 00:01:41 เลือกหัวข้อกันมาเป็นเรื่องของเ่อสร้าง
00:01:41 → 00:01:43 ทักษะการเล่นเสริมทักษะการเรียนครับถ้า
00:01:43 → 00:01:46 เรามองไปที่เด็กเนี่ยเด็ก 1 คนเราจะดูว่า
00:01:46 → 00:01:50 เาจะต้องใช้เอ่อกิจกรรมอะไรบ้างในชีวิต
00:01:50 → 00:01:53 ของเขาแต่ละวันก็ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจ
00:01:53 → 00:01:58 ประจำวันนะครับอ่าการเรียนหรือที่ปฏิเสธ
00:01:58 → 00:02:00 ไปไม่ได้อีกอย่างนึงก็คือการเล่นจริงมั้ย
00:02:00 → 00:02:02 ครับอ่าในวัยเด็กเนี่ยก็จะมีทักษะต่างๆ
00:02:02 → 00:02:05 เหล่าเโดยเรามองว่าเอ๊ะเราจะทำยังไงดีที่
00:02:05 → 00:02:08 จะทำให้ทุกทักษะเนี่ยมันมันเกิดประโยชน์
00:02:08 → 00:02:11 มันเอื้อต่อกันและกันถ้าเราถามถึงเด็กนะ
00:02:11 → 00:02:13 ครับอ่ะเรียนกับเล่นคิดว่าเด็กจะเลือก
00:02:13 → 00:02:16 อะไรครับอ่าก็อาจจะต้องเลือกเลือกเล่นใช่
00:02:16 → 00:02:18 ไหมยครับแต่การเรียนก็ทิ้งไม่ได้แล้วเรา
00:02:18 → 00:02:22 จะทำยังไงดีครับให้ให้การเล่นเนี่ยมันส่ง
00:02:22 → 00:02:24 เสริมการเรียนของเขาได้โดยเราก็เลือกออก
00:02:24 → 00:02:27 มาทำเป็นเหมือนมาวิเคราะห์แล้วว่าทักษะ
00:02:27 → 00:02:30 อะไรบ้างที่มันจำเป็นต่อการเรียนนะครับใน
00:02:30 → 00:02:33 ในหัวข้อที่เราพูดกันวันนี้เราก็มาดูว่า
00:02:33 → 00:02:36 เราจะเล่นยังไงเพื่อเสริมทักษะเหล่านั้น
00:02:36 → 00:02:38 โดยเอาการเล่นที่มันเกิดขึ้นจริงได้ใน
00:02:38 → 00:02:41 บริบทของที่บ้านหรือที่โรงเรียนเอาวิธี
00:02:41 → 00:02:44 การคิดมาเอาตัวอย่างกิจกรรมมาเพื่อให้ผู้
00:02:44 → 00:02:46 ปกครองหรือว่าคุณพ่อคุณแม่เห็นภาพแล้ว
00:02:46 → 00:02:49 สามารถเอาไปเล่นกับลูกได้เลยครับเมื่อเรา
00:02:49 → 00:02:53 โฟกัสไปในเด็กวัยเรียนเนี่ยกิจกรรมที่เรา
00:02:53 → 00:02:57 จะละเลไม่ได้เลยในวัยเค้าก็หนีไม่พ้นการ
00:02:57 → 00:03:02 เรียนกับการการเล่นนะครับวันนี้เราก็เลย
00:03:02 → 00:03:04 คิดหัวข้อเรื่องง่ายๆนี่แหละครับที่เราจะ
00:03:05 → 00:03:08 มาชวนลูกของเราเนี่ยเล่นยังไงเพื่อให้
00:03:08 → 00:03:11 พัฒนาศักยภาพของเขาจริงๆนะครับเคยได้ยิน
00:03:11 → 00:03:14 มั้ครับที่เขาบอกว่าของเล่นที่ดีที่สุดก็
00:03:14 → 00:03:16 คือคุณพ่อกับคุณ
00:03:16 → 00:03:19 แม่ครับไม่ใช่ว่าเรานั่งเฉยๆแล้วให้เด็ก
00:03:19 → 00:03:22 มาขยำมายู่ยี่แล้วครับอ่าในที่นี้เหมาย
00:03:22 → 00:03:24 ถึงว่าเราเนี่ยเป็นบุคคลสำคัญเลยที่จะชวน
00:03:24 → 00:03:27 ลูกเราเล่นอย่างไรที่จะส่งเสริมศักยภาพ
00:03:27 → 00:03:31 ของลูกยังไงนะครับ 4 ทักษะของเราในวันนี้
00:03:31 → 00:03:34 นะครับเรื่องแรกก็จะเป็นเรื่องของสมาธิ
00:03:34 → 00:03:39 จำเป็นไครับสมาธิจเจำเป็นมากเลยนะครับ
00:03:39 → 00:03:42 ด้านที่ 2 ก็จะเป็นด้านกล้าม
00:03:42 → 00:03:46 เนื้ออืมกล้ามเนื้อจะจำเป็นยังไงจะไม่ได้
00:03:46 → 00:03:49 อยู่แค่กล้ามเนื้อมือนะครับวันนี้จะลงไป
00:03:49 → 00:03:53 ลึกกว่านั้นนะครับการรับรู้ทางสายตาเคย
00:03:53 → 00:03:56 ได้ยินมครับเดี๋ยวนี้เราจะรู้จักการรับ
00:03:56 → 00:03:58 รู้ทั้งสายตานะครับจะไม่ใช่แค่การมองเห็น
00:03:58 → 00:04:02 ธรรมดาๆานะครับและสุดท้ายก็จะเป็นทักษะ
00:04:02 → 00:04:04 ด้าน
00:04:04 → 00:04:08 พฤติกรรมนะครับจะเป็น 4 ทักษะที่จะพูดกัน
00:04:08 → 00:04:12 ในวันนี้พร้อมกันหรือยังครับพร้อมพร้อม
00:04:12 → 00:04:14 แล้วนะครับงั้นเดี๋ยวเราไปดูทักษะแรกกัน
00:04:14 → 00:04:20 เลยอทักษะแรกคือทักษะด้านสมาธินิยามสมาธิ
00:04:20 → 00:04:24 ง่ายๆนะครับผมขอให้นิยามกันว่ามันคือความ
00:04:24 → 00:04:27 สามารถในการที่เราจะเลือกจด
00:04:27 → 00:04:31 จ่อนะครับเลือกจดจ่อนะครับและคงไว้ซึ่ง
00:04:31 → 00:04:35 ความสนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้านแรกนะครับ
00:04:35 → 00:04:39 คือความสามารถในการโจดจ่อกับสิ่งเร้าด้าน
00:04:39 → 00:04:42 ที่ 2 นะครับคือความสามารถในการคงความสง
00:04:42 → 00:04:46 ใจหรือบางทีนี่เราจะเรียกกันว่าช่วงความ
00:04:46 → 00:04:50 สนใจและด้านที่ 3 ก็คือความสามารถในการ
00:04:50 → 00:04:54 สลับความสนใจไปมายกตัวอย่างเช่นตอนนี้ทุก
00:04:54 → 00:04:57 ท่านกำลังฟังผมอยู่นะครับอ่ะยกตัวอย่าง
00:04:57 → 00:05:00 ทุกคนอยู่ในห้องนี้ทุกคนใช้สมาธิการจดจอก
00:05:00 → 00:05:03 กับสิ่งเล้าของทุกคนคืออะไรครับคือการฟัง
00:05:04 → 00:05:07 อ่าคือต้องฟังผมให้ได้ใช่ไหครับการคงความ
00:05:07 → 00:05:11 สนใจหรือช่วงความสนใจของทุกคนคือต้องฟัง
00:05:11 → 00:05:15 ได้นานใช่ไหครับฟังได้จนจบฟังได้จนครูกี
00:05:15 → 00:05:18 หยุดพูดแล้วคกีเปลี่ยนสไลด์อ่าเนี่ยคือ
00:05:18 → 00:05:22 ช่วงความสนใจละนะครับและความสามารถในการ
00:05:22 → 00:05:26 สลับความสนใจไปมาคืออะไรครับคือการทีู่กี
00:05:26 → 00:05:29 พูดแล้วสมมุติโทรศัพท์หรือ LINE คุณแม่
00:05:29 → 00:05:31 ดังขึ้นมาคุณแม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องด่วน
00:05:31 → 00:05:33 คุณแม่ก็ต้องหันขึ้นไปดูก่อนใช่มครับพอ
00:05:33 → 00:05:35 เสร็จแล้วเราก็ปิด Line แล้วก็ต้องกลับมา
00:05:35 → 00:05:38 ฟังกีต่อให้ได้โดยที่ต้องดูว่าเอ๊ะเมื่อ
00:05:38 → 00:05:42 กี้ครูกีพูดถึงไหนแล้วอ่าใช่ไหมครับก็คือ
00:05:42 → 00:05:44 มี 1 กิจกรรมแล้วมันก็มีอีกเรื่องนึงที่
00:05:44 → 00:05:47 ดึงความสนใจเราไปแล้วเราก็ต้องกลับมานะ
00:05:47 → 00:05:50 ครับพอจะเห็นภาพแล้วนะครับเดี๋ยวเราไปดู
00:05:50 → 00:05:54 ย่อยๆอีกนะครับด้านแรกนะครับก็คือความ
00:05:54 → 00:05:57 สามารถในการจดจ่อกับสิ่งเราก็คือความ
00:05:57 → 00:06:00 สามารถในการที่พวกเรานะครับหรือน้องๆ
00:06:00 → 00:06:03 เนี่ยรับสิ่งเล้าจากความรู้สึกพื้นฐาน
00:06:03 → 00:06:08 ด้านต่างๆแล้วสามารถจดจ่อแปลความเรียนรู้
00:06:08 → 00:06:11 และตอบสนองได้อย่างเหมาะสมจากประโยคเนี่ย
00:06:11 → 00:06:14 เราจะบอกว่าคนเราอ่ะครับจะเรียนรู้สิ่ง
00:06:14 → 00:06:17 ต่างๆได้จากอะไร
00:06:17 → 00:06:21 ครับอ่าจากสิ่งเล้าสิ่งเล้าในที่นี้ถ้า
00:06:21 → 00:06:23 เราเรียกมันว่าประสาทสัมผัสทั้ง
00:06:24 → 00:06:27 5 พอจะเข้าใจมากขึ้นมยครับยกตัวอย่าง
00:06:27 → 00:06:29 เช่นตอนเราเป็นเด็กเลยครับเราจะรู้ว่า
00:06:29 → 00:06:32 อะไรอร่อยไม่อร่อยเราต้องต้องชิมต้องผ่าน
00:06:32 → 00:06:35 ลิ้นเราจะจำได้ว่าเอ๊คนนี้เป็นหน้าคุณปู่
00:06:35 → 00:06:38 คนนี้เป็นหน้าคุณย่าต้องผ่านการมองเราจะ
00:06:38 → 00:06:41 จำได้ว่าของเล่นชิ้นเนี่ยมันมีเสียงที่เอ
00:06:41 → 00:06:44 ฟังเป็นเพลงแล้วมันสนุกก็ต้องผ่านการการ
00:06:44 → 00:06:47 ฟังทั้งหมดเนี่ยเขาบอกว่ามนุษย์เราเรียน
00:06:47 → 00:06:50 รู้สิ่งต่างๆจากการรับความรู้สึกทั้ง 5
00:06:50 → 00:06:53 หมดเลยอ่ะเดี๋ยวลองดูแผนภาพนี้นะครับยก
00:06:53 → 00:06:57 ตัวอย่างเช่นเมื่อมีสิ่งเร้าภายนอกอาจจะ
00:06:57 → 00:07:01 เป็นแสงเป็นภาพต่างๆนะครับเรารับความรู้
00:07:01 → 00:07:04 สึกผ่านจากการการมองนะครับก็คือ 1 ใน 5
00:07:04 → 00:07:06 การรับความรู้สึกใช่ไหมมครับทีนี้พอเรา
00:07:06 → 00:07:09 มองเสร็จเนี่ยมันก็จะผ่านกระแสประสาทต่าง
00:07:09 → 00:07:14 ๆของเราไปไปที่สมองเพื่อให้เราเกิดการจำ
00:07:14 → 00:07:17 เกิดการเรียนรู้เกิดการแปลความเกิดการเอา
00:07:17 → 00:07:19 มาใช้ได้แล้วก็ตอบสนองผ่านพฤติกรรมเหมือน
00:07:20 → 00:07:23 ที่ผมบอกเมื่อสักครู่นี้เห็นมครับและตอบ
00:07:23 → 00:07:27 สนองอย่างเหมาะสมอ่ะยกตัวอย่างอ่ะทุกท่าน
00:07:27 → 00:07:31 ปรบมือ 1 ครั้งครับอ่าตบมือ 2 ครั้งครับ
00:07:31 → 00:07:36 โอเคสิ่งเล้าคืออะไรครับคือเสียงนะครับ
00:07:36 → 00:07:41 อวัยวะแล้วความรู้สึกคือคือหูนะครับเสร็จ
00:07:41 → 00:07:44 แล้วหูเราก็จะส่งข้อมูลต่างๆไปที่สมอง
00:07:44 → 00:07:47 แล้วบอกว่าอ๋อเมื่อกี้ครูกีบอกว่าให้ตบ
00:07:47 → 00:07:51 มือทุกท่านก็เลยตอบสนองด้วยกันตบมือนั่น
00:07:51 → 00:07:53 เองพอจะเข้าใจกระบวนการของการรับรู้สิ่ง
00:07:53 → 00:07:55 เรานะ
00:07:55 → 00:08:00 ครับทีนี้ที่ผมบอกไปข้างต้นการความรู้สึก
00:08:00 → 00:08:02 พื้นฐานนะครับวันนี้เราจะพูดแความรู้สึก
00:08:02 → 00:08:04 พื้นฐานทั่วไปที่มี 5 ด้านก็เหมือนที่ทุก
00:08:04 → 00:08:07 ท่านทราบกันนะครับก็จะมีการมองเห็นการได้
00:08:07 → 00:08:10 ยินการดมกลิ่นการลิ้มรสนะครับแล้วก็ผิว
00:08:10 → 00:08:13 สัมผัสผิวหนังทั้งหมดของเรานะครับแต่
00:08:13 → 00:08:16 เดี๋ยวในวันนี้เนี่ยเราจะมาพูด
00:08:16 → 00:08:20 กัน 2 เรื่องก็คือเราจะมาจัดกิจกรรมที่
00:08:21 → 00:08:24 ส่งเสริมสมาธิจากการมองอย่างไรและส่ง
00:08:24 → 00:08:28 เสริมสมาธิจากการฟังอย่างไรเพราะสมาธิจาก
00:08:28 → 00:08:30 การรับความรู้สึก 2 ด้านนี้จำเป็นมั้ย
00:08:30 → 00:08:34 ครับพี่โรงเรียนจำเป็นนะครับอ่ะยกตัว
00:08:34 → 00:08:36 อย่างนะครับกิจกรรมที่ส่งเสริมสมาธิจาก
00:08:36 → 00:08:39 การมองนะครับอย่างที่บอกคือจะทำอย่างไร
00:08:39 → 00:08:43 ให้เด็กมองได้นานก็ต้องทำกิจกรรมที่เป็น
00:08:43 → 00:08:46 เชิงของการมองเลยเพื่อฝึกการมองฝึกกล้าม
00:08:46 → 00:08:48 เนื้อลูกตาซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดในเรื่องของ
00:08:48 → 00:08:50 การรับรู้สายตาอย่างละเอียดอีกทีนึงนะ
00:08:50 → 00:08:52 ครับยกตัวอย่างของกิจกรรมเหล่านี้ก็เช่น
00:08:52 → 00:08:56 กิจกรรมที่น้องจะต้องใช้ตามองต่อจิ๊กซอ
00:08:56 → 00:09:00 ต่อตัวต่อตามแบบนะครับ
00:09:00 → 00:09:03 อ่ะแบบนี้เห็นไมครับเด็กจะต้องมองว่าภาพ
00:09:03 → 00:09:06 มันต่อเนื่องกันยังไงมีก้านยื่นไปอย่าง
00:09:06 → 00:09:08 นี้ต้องอยู่ตรงไหนนะครับหรือของเล่น
00:09:08 → 00:09:11 ตระกูลพวกจับคู่จับให้เหมือนตัวอย่าง
00:09:11 → 00:09:15 ตระกูลมิโนนะครับอ่ะต้องดูภาพคำศัพท์อยู่
00:09:15 → 00:09:20 ไหนต้องไปหาภาพจากตรงนี้มาแล้วก็มาใส่ๆๆๆ
00:09:20 → 00:09:24 นะครับต่อไปด้านที่ 2 ก็คือจาก
00:09:24 → 00:09:29 การจากการอะไรครับจากการฟังนะครับการฟัง
00:09:29 → 00:09:33 จำเป็นอย่างไรไปที่โรงเรียนคุณครูสั่งงาน
00:09:33 → 00:09:37 น้องน้องมีสมาธิฟังมคุณครูสอนน้องมีสมาธิ
00:09:37 → 00:09:41 ฟังไนะครับกิจกรรมส่วนใหญ่เนี่ยบางทีมัน
00:09:41 → 00:09:44 จะดูเป็นการเล่นได้ยากจากการฟังใช่ไหม
00:09:44 → 00:09:47 ครับแต่ทีนี้พอเอาภาพบิงโกมาทุกคนทราบมม
00:09:47 → 00:09:50 ว่ามันต้องฟังอ่าเคยเล่นบิงโกกับลูกแล้ว
00:09:50 → 00:09:53 รู้สึกลูกเราจัดการไม่ได้มครับแม่เมื่อ
00:09:53 → 00:09:55 กี้อะไรเอาใหม่อย่าเพิ่งหนูจะไม่ได้ยิน
00:09:55 → 00:09:57 อ้าอย่างเงี้ยครับเป็นเรื่องของการฟังแทบ
00:09:57 → 00:10:00 ทั้งสิ้นนะครับหรือเราอาจจะส่งเสริมอย่าง
00:10:00 → 00:10:03 อื่นก็ได้เช่นใช้น้องทำงานบ้านหรือใช้
00:10:03 → 00:10:06 เค้าไปหยิบนู่นหยิบนี่หยิบ 2 อย่างไปบอก
00:10:06 → 00:10:08 คุณพ่อให้หน่อยว่าเดี๋ยวเอากุญแจรถมาให้
00:10:08 → 00:10:11 คุณแม่อ้าแบบนี้แหละครับที่เด็กจะต้องฟัง
00:10:11 → 00:10:15 ไปแล้วก็จำแปลความให้ได้แล้วก็ไปบอกคุณ
00:10:15 → 00:10:22 พ่อนะครับต่อไปความสามารถในการคงความสนใจ
00:10:22 → 00:10:25 หรือช่วงความสนใจมาดูนิยามของมันก่อนนะ
00:10:25 → 00:10:28 ครับความสามารถในการคงความสนใจหรือช่วง
00:10:28 → 00:10:31 ความสนใจเนี่ยมันคือความสามารถที่เด็กคง
00:10:32 → 00:10:35 ไว้ซึ่งการจดจ่อสนใจในสิ่งเล้าหรือ
00:10:35 → 00:10:39 กิจกรรมนั้นๆนะครับจนเสร็จกิจกรรมหรือ
00:10:39 → 00:10:42 อย่างเหมาะสมกับช่วงเวลาอืเคยเห็นเด็กที่
00:10:42 → 00:10:44 ทำการบ้านไม่เสร็จแล้วก็วิ่งไปทำอย่าง
00:10:44 → 00:10:48 อื่นนะครับหือแม้กระทั่งกินข้าวปัญหา
00:10:48 → 00:10:51 ระดับชาติกิน 3 คำวิ่ง 3 นาทีกิน 5 คำ
00:10:51 → 00:10:55 วิ่ง 5 นาทีเนี่ยแหละครับคือช่วงความสนใจ
00:10:55 → 00:10:59 นะครับกิจกรรมที่เราแนะนำก็คือกิจกรรมที่
00:10:59 → 00:11:01 ส่งเสริมพัฒนาการพื้นฐานที่มีผลต่อด้าน
00:11:01 → 00:11:04 สมาธิอื่นๆเช่นกล้ามเนื้อหรือการรับรู้
00:11:04 → 00:11:07 ทั้งสายตานะครับต่อไปก็คือส่งเสริมการ
00:11:07 → 00:11:10 เล่นที่มันมีกติกามีการสิ้นสุดของเกมที่
00:11:10 → 00:11:13 แน่นอนน่ะครับว่าอ่ะต้องเล่นครบรอบแล้ว
00:11:13 → 00:11:16 ถึงจะได้หยุดเด็กเขาจะได้รู้แล้วว่าออฉัน
00:11:16 → 00:11:19 ต้องเล่นให้จบฉันยังเบื่อหรือหันเหความสน
00:11:19 → 00:11:21 ใจไปทำอย่างอื่นไม่ได้เพราะกติกามันบอก
00:11:21 → 00:11:26 ว่าคุณต้องเล่นให้จบใช่มยครับการเล่นแบบ
00:11:26 → 00:11:30 อนุกรมนะครับแล้วก็
00:11:30 → 00:11:32 ในกรณีที่เด็กบางคนที่เขายังโซนหรือเขา
00:11:32 → 00:11:35 ยังอยู่ไม่นิ่งอ่ะครับเราก็ต้องส่งเสริม
00:11:35 → 00:11:37 การเล่นที่เป็นเชิงของการเคลื่อนไหวหรือ
00:11:37 → 00:11:40 สลายพลังงานของเขาก่อนเช่นเพราะเขามีพลัง
00:11:40 → 00:11:43 งานเยอะเซนอยู่ไม่นิ่งวิ่งไปวิ่งมาครับ
00:11:43 → 00:11:45 ดังนั้นการจะมาทำกิจกรรมอะไรที่เป็นสมาธิ
00:11:45 → 00:11:48 อาจจะต้องให้เขาไปเล่นกีฬาออกแรงเยอะๆ
00:11:48 → 00:11:51 ก่อนเพื่อให้เขาสลายพลังงานที่มีอยู่แล้ว
00:11:51 → 00:11:54 ก็นิ่งที่จะทำกิจกรรมได้นะครับแล้วก็อีก
00:11:54 → 00:11:57 ด้านนึงก็คือการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
00:11:57 → 00:12:00 กับการทำกิจกรรมของเด็กอ่ะเดี๋ยวดูนะครับ
00:12:00 → 00:12:03 ที่ผมบอกเมื่อกี้พวกกิจเกมหรือกิจกรรมที่
00:12:03 → 00:12:06 เล่นตามขั้นตอนมีกติกาที่แน่นอนนะครับยก
00:12:06 → 00:12:11 ตัวอย่างอะไรครับเกมเศรษฐีอ่าใช่มยเด็กจะ
00:12:11 → 00:12:13 ต้องนั่งดูอ่ะคนนี้เดินยังไงคนนั้นเดิน
00:12:14 → 00:12:16 ยังไงต้องรอเล่นกันให้จบอย่าเงี้ยครับก็
00:12:16 → 00:12:20 จะส่งเสริมสมาธิได้หรือที่ผมบอกเมื่อกี้
00:12:20 → 00:12:24 การเล่นแบบอนุกรมงงมครับพอพูดเมื่อกี้อ่า
00:12:24 → 00:12:29 การเล่นแบบอนุกรมคืออะไรอ่ะลองดู 1 10 2
00:12:29 → 00:12:34 20 30 ต่อไปคือ 4 4 แล้วก็ 40 โอเค
00:12:34 → 00:12:38 เยี่ยมมากครับวงกลมสามเหลี่ยมวงกลมสาม
00:12:38 → 00:12:40 เหลี่ยมวงกลมสามเหลี่ยมอันต่อไป
00:12:41 → 00:12:45 เป็นวงกลมนะครับอ่ะเขียวเขียวแดงเขียว
00:12:45 → 00:12:49 เขียวแดงเขียวเขียวอ่าเงี่ยแหละครับ
00:12:49 → 00:12:52 อนุกรมมันคือการเรียงกันของของกลุ่มอะไร
00:12:52 → 00:12:55 สักอย่างนึงเช่นกลุ่มตัวเลขกลุ่มสีกลุ่ม
00:12:55 → 00:12:58 รูปทรงซึ่งการเรียงของเขาเนี่ยมีความ
00:12:58 → 00:13:01 สัมพันธ์กันให้เราหาคำตอบได้อย่างเงี้ย
00:13:01 → 00:13:03 ครับการเล่นแบบเมันก็จะช่วยฝึกเรื่องของ
00:13:03 → 00:13:07 สมาธิการแก้ปัญหาของเด็กได้เหมือนกันนะ
00:13:07 → 00:13:11 ครับต่อไปคือความสามารถในการสลับความสนใจ
00:13:11 → 00:13:15 ไปมาก็เหมือนตัวอย่างที่ผมพูดให้ฟังการ
00:13:15 → 00:13:16 ที่เราทำกิจกรรมอะไรสักอย่างนึงยกตัว
00:13:17 → 00:13:19 อย่างเด็กนั่งทำการบ้านอยู่แล้วคุณแม่
00:13:19 → 00:13:23 เข้ามาถามว่าอ้าหนูหิวมยน้องหันไปตอบยัง
00:13:23 → 00:13:25 ไม่หิวคุณแม่เมื่อกี้เพิ่งกินนมไปพอคุณ
00:13:25 → 00:13:28 แม่ออกไปเด็กสามารถกลับมาที่การบ้านของ
00:13:28 → 00:13:30 ตัวเองได้
00:13:30 → 00:13:33 แต่พอตอบคุณแม่เสร็จปุ๊บอาจจะกลับมาเ้า
00:13:33 → 00:13:37 เมื่อกี้ถึงข้อไหนหรือไปตามคุณแม่ไปเลย
00:13:37 → 00:13:39 อย่างเงี้ยครับคือน้องก็ยังสลับความสนใจ
00:13:39 → 00:13:42 ไปมาไม่ได้ซึ่งมันจำเป็นนะครับเพราะว่า
00:13:42 → 00:13:44 การไปโรงเรียนของน้องเนี่ยไม่ได้มีแค่ครู
00:13:44 → 00:13:47 1 คนและน้อง 1 คนจริงมครับอ่ะมีครูแล้ว
00:13:47 → 00:13:50 ก็เพื่อนอีก 30 คนบางทีเพื่อนคนนั้นก็คุย
00:13:50 → 00:13:53 บางทีเสียงข้างนอกก็มีคนเดินไปมามีคนบีบ
00:13:53 → 00:13:55 แต่สิ่งเหล่าเนี่ยมันคือสิ่งเราที่ทำให้
00:13:55 → 00:13:59 เด็กหั่นเหความสงใจจากการฟังไปได้ได้หรือ
00:14:00 → 00:14:03 ยกตัวอย่างตอนนี้กำลังมีสิ่งเราที่หันเห
00:14:03 → 00:14:06 ความสนใจพวกเราอยู่ทุกท่านต้องสลับความสน
00:14:06 → 00:14:09 ใจให้ได้นะครับต้องหันไปมองแล้วกลับมาหา
00:14:09 → 00:14:12 ผมให้ได้นะครับนั่นคือความสามารถในการ
00:14:12 → 00:14:14 สลับความสนใจไปมานะ
00:14:14 → 00:14:19 ครับทีนี้กิจกรรมที่ควรส่งเสริมเนี่ยบาง
00:14:19 → 00:14:22 ทีการเล่นคนเดียวอาจจะไม่ได้ผลละอย่างที่
00:14:22 → 00:14:25 บอกคือลงสนามจริงไปเลยพาลูกไปเล่นกับคน
00:14:25 → 00:14:28 อื่นบ้างให้เขาเจอสิ่งเล้าเจอเพื่อนเจอคน
00:14:28 → 00:14:32 มากมายเยอะๆนะครับหรือเล่นอะไรที่มันต้อง
00:14:32 → 00:14:35 ทำตามขั้นตอนน่ะครับหรือวิธีการที่เขาบอก
00:14:35 → 00:14:38 เช่นพวกงานพับกระดาษอ่ะที่อ่ะ 1 พับแบบ
00:14:38 → 00:14:41 นี้เด็กก็ต้องหันมาพับแล้วเด็กกลับไปดู
00:14:41 → 00:14:43 ได้ไมมว่าเมื่อกี้ฉันทำข้อ 1 อยู่แล้วฉัน
00:14:43 → 00:14:45 ต้องไปดูขั้นตอนที่ 2 เพราะขั้นตอนที่ 2
00:14:45 → 00:14:47 เสร็จฉันต้องทำยังไงอ่ะ 3 เสร็จฉันต้องทำ
00:14:47 → 00:14:49 ยังไง 4 เสร็จต้องทำยังไงอย่างเงี้ยครับ
00:14:49 → 00:14:51 มันก็จะเป็นการหัเหความสนใจของเขาผ่าน
00:14:51 → 00:14:54 กิจกรรมง่ายๆหรืออีกอันนึงที่เราจะชอบคุย
00:14:54 → 00:14:57 กันนะครับก็คือฝึกการช่วยเหลือตัวเองใน
00:14:57 → 00:15:00 การทำกิจวัตรประจำวันมียังมีบ้านไหนอยู่
00:15:00 → 00:15:03 มั้ยครับที่เช้ามามีรองเท้าวางอยู่หน้า
00:15:03 → 00:15:07 ประตูให้ลูกพร้อมใส่เข็มขัดยังอยู่อยู่ใน
00:15:07 → 00:15:10 กางเกงเรียบร้อยเด็กอาบน้ำเสร็จแล้วสวม
00:15:10 → 00:15:12 ได้เลยอ่าเนี่ยแหละครับคือบางทีเราหยิบ
00:15:12 → 00:15:15 ยื่นการช่วยเหลือเขามากเกินไปจนเาขาดการ
00:15:15 → 00:15:18 วางแผนสิ่งต่างๆในชีวิตแม้แต่เรื่องง่ายๆ
00:15:18 → 00:15:22 ของเขาเองอ่ะพอเขาขาดการวางแผนพวกเยเขเา
00:15:22 → 00:15:24 ก็เลยจะขาดทักษะที่พอไปโรงเรียนเสร็จเขา
00:15:24 → 00:15:26 จะต้องรู้ว่าออวันนี้เรียนกี่วิชาต้องจัด
00:15:26 → 00:15:29 ตารางสอนยังไงการบ้านที่ต้องส่งพู้นี้
00:15:29 → 00:15:31 ต้องทำก่อนที่จะส่งวันศุกร์นะอย่างเงี้ย
00:15:31 → 00:15:33 ครับคือเา้าเหมือนขาดทักษะการจัดการตัว
00:15:33 → 00:15:36 เองไปดังนั้นสิ่งที่ฝึกง่ายที่สุดก็คือ
00:15:36 → 00:15:38 ฝึกตั้งแต่ในบ้านฝึกตั้งแต่เรื่องง่ายๆ
00:15:38 → 00:15:41 ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเขาเลย
00:15:41 → 00:15:44 ถ้าพูดถึงการเล่นที่ส่งเสริมสมาธินะครับ
00:15:44 → 00:15:46 ตอนแรกเราต้องต้องไปรู้จักคำว่าสมาธิก่อน
00:15:46 → 00:15:49 อ่ะเหมือนการจัดอบรมในวันเครับแล้วก็จะ
00:15:49 → 00:15:52 พยายามให้ให้มองสมาธิให้ง่ายขึ้นอ่ะมอง
00:15:52 → 00:15:55 ตั้งแต่แรกเริ่มเลยคือเด็กต้องจดจ่อใช่
00:15:55 → 00:15:57 มั้ยครับอ่ะต้องมีสมาธิต้องต้องโฟกัสกับ
00:15:57 → 00:15:59 สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ได้ซึ่งอย่างเงเราก็
00:15:59 → 00:16:02 หยิบยกมาในเรื่องของการรับความรู้สึกการ
00:16:02 → 00:16:05 ดูการฟังที่เด็กจะต้องทำได้ดีเพื่อมันจะ
00:16:05 → 00:16:07 เป็นพื้นฐานให้เขารับข้อมูลไปให้เขามี
00:16:07 → 00:16:10 สมาธิที่จะรับข้อมูลจากเรื่องง่ายๆอย่าง
00:16:10 → 00:16:12 เงี้ยครับต่อไปก็จะเป็นเรื่องของช่วงความ
00:16:12 → 00:16:16 สนใจอ่าเมื่อเด็กจดจ่อกับอะไรได้สักอย่าง
00:16:16 → 00:16:18 นึงแล้วมันจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องจด
00:16:18 → 00:16:22 จ่อได้ให้เสร็จกิจกรรมนั้นหรือให้มัน
00:16:22 → 00:16:25 เหมาะสมกับเวลาให้มันทำกิจกรรมหรืองานออก
00:16:25 → 00:16:27 มาได้สมบูรณ์ใช่มั้ยครับนอกจากนี้มันก็
00:16:27 → 00:16:28 ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่เกี่ยวกับสมาธิ
00:16:28 → 00:16:30 อย่างที่ยกตัวอย่างครับเช่นเราจะต้องสลับ
00:16:30 → 00:16:33 สมาธิไปมาให้ได้เนี่ยครับพอเมื่อคุณพ่อ
00:16:33 → 00:16:37 คุณแม่รู้จักหลักการของสมาธิเหล่านี้แล้ว
00:16:37 → 00:16:39 ครับแล้วก็จะมาดูกิจกรรมที่มันจะช่วยส่ง
00:16:39 → 00:16:42 เสริมอ่าเช่นกิจกรรมเล่นจากการรับความรู้
00:16:42 → 00:16:45 สึกพื้นฐานใช่มั้ยครับส่งเสริมการมองสๆ
00:16:45 → 00:16:48 การฟังอย่างเงี้ยครับเพื่อมันเป็นพื้นฐาน
00:16:48 → 00:16:51 ของสมาธิหรือแม้กระทั่งเรื่องของการปรับ
00:16:51 → 00:16:55 สิ่งแวดล้อมใช่มั้ครับเพราะในเมื่อเราฝึก
00:16:55 → 00:16:57 น้องด้วยตัวของเขาเองให้มีสมาธิแล้วครับ
00:16:57 → 00:17:00 อีกอย่างนึงที่มันสก็คือสิ่งแวดล้อมรอบ
00:17:00 → 00:17:03 ข้างก็มีส่วนสำคัญก่อเรื่องของสมาธิ
00:17:03 → 00:17:05 เดี๋ยวเรามารู้จักในด้านต่อไปกันเลยดี
00:17:05 → 00:17:08 กว่านะครับซึ่งก็จะมีความสำคัญไม่แพ้กับ
00:17:09 → 00:17:12 ด้านของสมาธิเลยนะครับอ่ะด้านที่ว่าก็คือ
00:17:12 → 00:17:15 ด้านของทักษะทางด้านของกล้ามเนื้อนะครับ
00:17:15 → 00:17:18 มาดูกันว่ามีด้านอะไรบ้างนะครับด้านแรกก็
00:17:18 → 00:17:21 คือกล้ามเนื้อมัดใหญ่นะครับด้านต่อมาคือ
00:17:21 → 00:17:24 ด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กนะครับแล้วก็การวาง
00:17:24 → 00:17:27 แผนการเคลื่อนไหวแล้วก็สุดท้ายก็คือการทำ
00:17:27 → 00:17:30 งานประสานกันของร่างกายทั้ง 2 ข้างนะครับ
00:17:30 → 00:17:32 อ่ะเดี๋ยวเรามาดูกันแต่ละด้านกันเลยนะ
00:17:32 → 00:17:36 ครับไปพร้อมๆกันนะครับอ่าด้านแรกด้าน
00:17:36 → 00:17:39 กล้ามเนื้อมัดใหญ่นะครับเนี่ยครับกล้าม
00:17:39 → 00:17:42 เนื้อมัดใหญ่ก็คือนับว่าเป็นกล้ามเนื้อ
00:17:42 → 00:17:45 กลุ่มใหญ่ของร่างกายของเราเลยนะครับก็คือ
00:17:45 → 00:17:50 เยอะที่สุดนะครับอ่าเขาบอกว่ากล้ามเนื้อ
00:17:50 → 00:17:51 มัดใหญ่เนี่ยจะเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่จะ
00:17:52 → 00:17:54 ช่วยในการทรงท่าของเรานะครับช่วยให้เรา
00:17:55 → 00:17:58 เนี่ยสามารถเคลื่อนไหวได้เดินได้วิ่งได้
00:17:58 → 00:18:01 นะครับครับซึ่งหลักๆเลยเนี่ยก็จะประกอบไป
00:18:01 → 00:18:04 ด้วยกล้ามเนื้อแขนอ่ากล้ามเนื้อขาแล้วก็
00:18:04 → 00:18:08 กล้ามเนื้อลำตัวนะครับแต่ถ้าเรามองใน
00:18:08 → 00:18:10 เรื่องของทักษะในวัยเรียนแล้วเนี่ยกล้าม
00:18:10 → 00:18:12 เนื้อที่สำคัญที่สุดเลยก็คือกล้ามเนื้อ
00:18:12 → 00:18:14 หลังนะครับซึ่งกล้ามเนื้อหลังของเด็ก
00:18:14 → 00:18:18 เนี่ยก็จะมีผลต่อการนั่งเรียนในห้องเรียน
00:18:18 → 00:18:23 นะครับอ่าซึ่งถ้าหากว่าเด็กคนนึงเนี่ย
00:18:23 → 00:18:25 กล้ามเนื้อหลังเขาไม่แข็งแรงอ่ะจะส่งผล
00:18:25 → 00:18:29 ยังไงได้บ้างเดี๋ยวมาดูกันนะครับอ่ะเห็น
00:18:29 → 00:18:35 มยครับในภาพเนาะอ่านอนเขียนมีมครับมีลูก
00:18:35 → 00:18:37 หลานใครไหครับที่แบบนั่งเขียนหรือนอน
00:18:37 → 00:18:39 เขียนเวลาเวลาทำงานบนโต๊ะอะไรอย่าเงี้ย
00:18:39 → 00:18:43 ครับหรือว่าอาจจะชอบนั่งเอามือเท้าคางนะ
00:18:43 → 00:18:46 ครับบางคนเนี่ยอาจจะนั่งแบบเอหลังนลงไป
00:18:46 → 00:18:48 เลยเงี้ยครับขณะที่นั่งฟังคุณครูสอนนะ
00:18:48 → 00:18:52 ครับอ่ะอันนี้ครับก็จะเป็นอย่างหนึ่งนะ
00:18:52 → 00:18:55 ครับที่จะอ่าแสดงให้เราเห็นว่ากล้ามเนื้อ
00:18:55 → 00:18:58 หลังของเด็กคนนึงเนี่ยไม่แข็งแรงนะครับ
00:18:58 → 00:19:02 ซึ่งนอกจากที่ผมแสดงให้เห็นในภาพแล้วนะ
00:19:02 → 00:19:04 ครับถ้าหากว่ากล้ามเนื้อไม่แข็งแรงเนี่ย
00:19:04 → 00:19:06 ก็อาจจะส่งผลให้เด็กคนนึงเนี่ยเคลื่อนไหว
00:19:06 → 00:19:10 ได้ช้าเดินงุ่มง่ามนะครับอาจจะทรงตัวได้
00:19:10 → 00:19:13 ไม่มั่นคงหรือว่าอาจจะหกล้มบ่อยก็เป็นได้
00:19:13 → 00:19:17 นะครับซึ่งถ้าเรามองในเชิงของกิจกรรมที่
00:19:17 → 00:19:20 จะส่งเสริมทักษะทางด้านของก้ามเนื้อมัด
00:19:20 → 00:19:23 ใหญ่อ่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้างแน่นอนนะครับ
00:19:24 → 00:19:26 ว่าถ้าเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่แล้วเนี่ย
00:19:26 → 00:19:28 สิ่งแรกที่ต้องคิดก็คือต้องเป็นกิจกรรม
00:19:28 → 00:19:31 ที่ต้องต้องเคลื่อนไหวอ่าต้องวิ่งต้องปีน
00:19:31 → 00:19:33 ป่ายหรือว่าเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้การ
00:19:33 → 00:19:35 กระโดดการทรงตัวพวกนี้นะครับก็เป็น
00:19:35 → 00:19:38 กิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมทักษะทางด้านของ
00:19:38 → 00:19:40 กล้ามเนื้อทั้งสิ้นเลยนะครับในด้านต่อไป
00:19:40 → 00:19:43 กันเลยดีกว่านะครับเมื่อกี้มีกล้ามเนื้อ
00:19:43 → 00:19:45 มัดใหญ่แล้วก็ต้องมีกล้ามเนื้อมัดเล็ก
00:19:45 → 00:19:50 ด้วยนะครับอ่าถ้าเรานึกถึงกล้ามเนื้อมัด
00:19:50 → 00:19:52 เล็กไม่ทราบว่าเรานึกถึงกล้ามเนื้อตรงไหน
00:19:52 → 00:19:56 กันบ้างครับนิอ่ากล้ามเนื้อตรงนิ้วมีใคร
00:19:56 → 00:19:58 ให้กล้ามเนื้อตรงอื่นบ้างยครับนอกจากนิ้ว
00:19:58 → 00:19:59 มือ
00:19:59 → 00:20:03 แล้วอ่าก็จะเป็นกล้ามเนื้อตานะครับก็จะ
00:20:04 → 00:20:06 เป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กเหมือนกันนะครับอ่า
00:20:06 → 00:20:08 ซึ่งหลักๆในวันนี้เดี๋ยวผมจะพูดเรื่องของ
00:20:08 → 00:20:13 กล้ามเนื้อมัดเล็กในมือนะครับอ่าซึ่งเขา
00:20:13 → 00:20:14 บอกว่าจะประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อมือเป็น
00:20:14 → 00:20:18 หลักนะครับที่มีความสำคัญในการใช้หยิบจับ
00:20:18 → 00:20:20 วัตถุต่างๆนะครับหรือแม้แต่เด็กในวัย
00:20:21 → 00:20:23 เรียนหรือว่าพวกเราเองในผู้ใหญ่เองเนี่ย
00:20:23 → 00:20:25 ครับก็ยังต้องใช้กล้ามเนื้อมือในการจับ
00:20:25 → 00:20:28 ปากกาในการจับดินสอเขียนหนังสือนะครับ
00:20:28 → 00:20:32 ครับอ่าเดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าว่าการจับ
00:20:32 → 00:20:35 ดินสอที่ถูกวิธีเนี่ยต้องจับกันยังไงนะ
00:20:36 → 00:20:41 ครับอ่ามีใครจับแบบในภาพบ้างยครับ
00:20:41 → 00:20:45 อ๋อมีเหมือนกันนะครับอ่าการจับดินสอที่
00:20:45 → 00:20:48 ถูกต้องนะครับต้องใช้การจับแบบ 3 นิ้วนะ
00:20:48 → 00:20:51 ครับซึ่งจริงๆแล้วการจับดินสอแบบ 3 นิ้ว
00:20:51 → 00:20:53 เนี่ยก็จะต้องเหมือนเหมือนเด็กเนี่ยจะได้
00:20:54 → 00:20:56 ได้รับการพัฒนามาก็คือจับแบบนี้ได้ก็ช่วง
00:20:56 → 00:21:00 อายุประมาณ 5-6 ขวบนะครับอ่าซึ่งถ้าเกิน
00:21:00 → 00:21:01 นี้ไปแล้วแล้วใครยังจับดินสอแบบไม่ไม่ใช่
00:21:01 → 00:21:04 แบบ 3 นิ้วเนี่ยอาจจะเหมือนอาจจะเป็นการ
00:21:04 → 00:21:09 จับผิดอยู่นะครับซึ่งมันจะส่งผลยังไงบ้าง
00:21:09 → 00:21:12 นะครับถ้าเกิดว่าเด็กจับดินสอแบบไม่ถูก
00:21:12 → 00:21:15 วิธีหรือว่าอ่าจับดินสอไม่ได้แบบ 3 นิ้ว
00:21:15 → 00:21:19 นะครับอ่ามันมันเป็นการสื่อว่าเด็กเนี่ย
00:21:19 → 00:21:23 กล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรงนะครับซึ่งจะส่ง
00:21:23 → 00:21:26 ผลต่อการเขียนอย่างแน่นอนอยู่แล้วนะครับ
00:21:26 → 00:21:29 เด็กหลายๆคนอาจจะบ่นว่าเมื่อมือเวลาเขียน
00:21:29 → 00:21:32 หนังสืออ่าหลายๆคนอาจจะเขียนหนังสือได้
00:21:32 → 00:21:37 ช้านะครับหรือว่าถ้าเราลองสังเกตในสมุด
00:21:37 → 00:21:39 การบ้านหรือว่าในในในหนังสือของเด็กๆอ่ะ
00:21:39 → 00:21:42 ครับบางบางคนนะครับอาจจะตัวอักษรเอาจจะมี
00:21:42 → 00:21:46 เข้มบ้างอ่อนบ้างเงี้ยคือไม่สม่ำเสมอแล้ว
00:21:46 → 00:21:50 ก็ที่สำคัญเลยที่เลวร้ายที่สุดก็ว่าได้นะ
00:21:50 → 00:21:52 ครับก็คือเด็กเนี่ยปฏิเสธการเขียนไปเลย
00:21:52 → 00:21:55 หรือว่าไม่ชอบการเขียนนะครับเนี่ยเป็น
00:21:55 → 00:21:58 ปัญหามาจากกล้ามเนื้อมัดเล็กในมือไม่แข็ง
00:21:58 → 00:22:02 แรงนะครับซึ่งนอกจากากกล้ามเนื้อมือแล้ว
00:22:02 → 00:22:04 อย่างที่บอกนะครับก็ยังมีเรื่องของกล้าม
00:22:04 → 00:22:07 เนื้อลูกตาด้วยนะครับกล้ามเนื้อลูกตา
00:22:07 → 00:22:10 สำคัญยังไงก็จะมีผลต่อการจดจ่อต่อสิ่ง
00:22:10 → 00:22:14 ต่างๆของเด็กนะครับก็ในเวเรียนเนี่ยแน่
00:22:14 → 00:22:17 นอนก็ก็คือการอ่านหนังสือใช่ไหมมครับถ้า
00:22:17 → 00:22:19 เด็กก้ำเนื้อตาไม่แข็งแรงเด็กจะไม่สามารถ
00:22:19 → 00:22:21 อ่านหนังสือได้เป็นเวลานานเด็กก็จะไม่ชอบ
00:22:21 → 00:22:24 การอ่านหนังสือหรือว่าการทำกิจกรรมอะไรก็
00:22:24 → 00:22:27 ตามที่ต้องจดจ่อนานๆนะครับ
00:22:27 → 00:22:30 อ่าเรามาดูในเรื่องของกิจกรรมที่ส่งเสริม
00:22:30 → 00:22:32 ทางด้านของกล้ามเนื้อมัดเล็กกันนะครับว่า
00:22:33 → 00:22:35 มีอะไรบ้างนะครับเห็นไหมครับภาพแรกนะครับ
00:22:35 → 00:22:39 ก็จะเป็นการฉี่กระดาษใช่ไหมมครับอ่าตรง
00:22:39 → 00:22:42 นี้เนี่ยก็จะเป็นจะมีส่วนช่วยในการส่ง
00:22:42 → 00:22:45 เสริมในการใช้นิ้วมือนะครับเป็นความคล่อง
00:22:45 → 00:22:48 แคล่วของการใช้นิ้วมือนะครับอ่าแล้วก็ต่อ
00:22:48 → 00:22:50 มาก็เป็นการเล่นดินน้ำมันหรือว่าเล่นแป้ง
00:22:50 → 00:22:52 โดกันปั้นอย่างเงี้ยครับก็จะช่วยเพิ่มใน
00:22:52 → 00:22:55 เรื่องของกำลังของกล้ามเนื้อมือนะครับ
00:22:55 → 00:22:57 แล้วก็อ่าภาพที่ 3 ก็เหมือนกันภาพข้าง
00:22:57 → 00:23:00 ล่างนะครับก็ก็จะเป็นอ่าการส่งเสริมความ
00:23:00 → 00:23:02 คล่องแคล่วของการใช้นิ้วมือเหมือนกันนะ
00:23:02 → 00:23:04 ครับอันนี้เป็นตัวอย่างกิจกรรมคร่าวๆนะ
00:23:04 → 00:23:08 ครับอ่าต่อมาเราจะมาเข้าสู่การวางแผนการ
00:23:08 → 00:23:11 เคลื่อนไหวนะครับเขาบอกว่าการวางแผนการ
00:23:11 → 00:23:15 เคลื่อนไหวเนี่ยเป็นการคิดแล้วก็เป็นการ
00:23:15 → 00:23:18 วางแผนการเคลื่อนไหวใหม่ๆนะครับเพื่อตอบ
00:23:18 → 00:23:21 สนองต่อสิ่งแวดล้อมที่รับเข้ามานะครับ
00:23:21 → 00:23:24 ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ก่อนแล้วจึง
00:23:24 → 00:23:27 แสดงออกมาผ่านการเคลื่อนไหวอ่าซึ่งมัน
00:23:27 → 00:23:29 เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างจะยากแล้วก็
00:23:29 → 00:23:31 ซับซ้อนกว่าการเคลื่อนไหวแบบปกติใช่ไหม
00:23:31 → 00:23:33 ครับอ่าเหมือนการเดินอย่าเงี้ยเราก็เดิน
00:23:33 → 00:23:36 แบบปกติได้ใช่ไหมครับแต่ว่าอย่างเงี้ยมัน
00:23:36 → 00:23:38 จะยากขึ้นเราต้องคิดก่อนถ้าไม่คิดเนี่ยก็
00:23:38 → 00:23:42 คือทำไม่ได้ใช่ไหมครับอ่าซึ่งในวัยเรียน
00:23:42 → 00:23:46 เนี่ยแน่นอนเด็กๆจะต้องเจอในคาวิชาภระ
00:23:46 → 00:23:49 อย่างแน่นอนนะครับก็คือการเล่นกีฬาหรือ
00:23:49 → 00:23:52 ว่าการอ่อการเรียนในเชิงของที่ต้องทำ
00:23:52 → 00:23:54 กิจกรรมการเคลื่อนไหวในห้องเรียนอย่าง
00:23:54 → 00:23:58 เงี้ยครับหรือว่าอาจจะแสดงออกโดยการเขียน
00:23:58 → 00:24:01 อ่าการเขียนตัวอักษรที่ต้องม้วนหัวการ
00:24:01 → 00:24:04 หยักเยอะๆอย่างเช่นตัวดชฎาตประตักแล้วก็ถ
00:24:04 → 00:24:07 ฐานตรงเนี้ยครับอ่าก็ต้องใช้ทักษะในด้าน
00:24:07 → 00:24:09 ของการวางแผนการเคลื่อนไหวเหมือนกันนะ
00:24:09 → 00:24:11 ครับถ้าเด็กวางแผนการเคลื่อนไหวไม่ได้แน่
00:24:11 → 00:24:15 นอนว่าจะเขียนตรงนี้ไม่ได้นะครับถ้าหาก
00:24:15 → 00:24:19 ว่าการวางแผนการเคลื่อนไหวบกพร่องไปปัญหา
00:24:19 → 00:24:22 ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือทำกิจกรรมการ
00:24:22 → 00:24:24 เคลื่อนไหวหรือว่าการเล่นกีฬาเนี่ยได้ไม่
00:24:24 → 00:24:28 ดีหรือว่าเด็กอาจจะไม่ชอบการเล่นกีฬาบาง
00:24:28 → 00:24:31 คนลองช่วยลูกๆไปเล่นกีฬาไปเตะบอลมไปว่าย
00:24:31 → 00:24:33 น้ำมอะไรอย่าเงี้ยครับเด็กอาจจะไม่เอาหนู
00:24:34 → 00:24:35 ไม่อยากไปก็ได้เงี้ยครับเพราะว่าการ
00:24:35 → 00:24:38 เคลื่อนไหวเไม่ดีเขาก็เลยไม่อยากจะไปเล่น
00:24:38 → 00:24:41 กิจกรรมพวกนี้นะครับหรือว่าเด็กอาจจะ
00:24:41 → 00:24:44 เขียนหนังสือตัวที่ผมบอกไม่ได้อย่างอย่าง
00:24:44 → 00:24:47 ที่ได้กล่าวไปแล้วนะครับอ่ะแล้วเดี๋ยวเรา
00:24:47 → 00:24:51 มาดูกิจกรรมที่จะส่งเสริมทักษะทางด้านของ
00:24:51 → 00:24:54 การวางแผนการเคลื่อนไหวกันบ้างนะครับมาดู
00:24:54 → 00:24:58 ภาพแรกนะครับก็คือการวิ่งซิกแซกเห็นมครับ
00:24:58 → 00:25:00 เด็กจะต้องคิดก่อนว่าเฮ้ยเจอข้างหน้าต้อง
00:25:00 → 00:25:02 วิ่งเลี้ยวซ้ายเจออีกอันนึงต้องวิ่ง
00:25:02 → 00:25:04 เลี้ยวขวาอย่างเงี้ยครับอันนี้ก็จะเป็น
00:25:04 → 00:25:06 การเคลื่อนไหวอย่างง่ายๆที่เราสามารถเอา
00:25:06 → 00:25:09 ไปใช้ที่บ้านได้นะครับหรือว่าการกระโดด
00:25:09 → 00:25:12 ตามจุดที่เราได้มาร์คไว้อย่างเงี้ยครับ
00:25:12 → 00:25:14 ให้เด็กอ่ะกระโดดตามจุดต้องมองก่อนนะต้อง
00:25:14 → 00:25:17 สังเกตก่อนแล้วค่อกระโดดตามเงี้ยครับจะ
00:25:17 → 00:25:19 กระโดดสุ่ม 4 สุ่ม 5 ก็ไม่ได้อย่าเงี้ย
00:25:19 → 00:25:21 เป็นทักษะการวางแผนการเคลื่อนไหวอย่าง
00:25:21 → 00:25:22 ง่ายนะครับที่เราสามารถเอาไปใช้ที่บ้าน
00:25:22 → 00:25:25 ได้เนาะจริงๆแล้วอ่าการวางแผนการเคลื่อน
00:25:26 → 00:25:28 ไหวเนี่ยมันมีมากกว่าการกระโดดพวกนี้ครับ
00:25:28 → 00:25:31 อ่าการทำท่าทางตามเราหรือว่าการกระโดด
00:25:31 → 00:25:33 สลับขากระโดดตบพวกนี้ก็เป็นการวางแผนการ
00:25:33 → 00:25:36 เคลื่อนไหวทั้งนั้นเลยนะครับต่อไปจะมาถึง
00:25:37 → 00:25:39 ในด้านสุดท้ายนะครับในเรื่องของกล้าม
00:25:39 → 00:25:41 เนื้อวันนี้นะครับก็จะเป็นด้านของการทำ
00:25:41 → 00:25:45 งานประสานกันของร่างกายทั้ง 2 ข้างนะครับ
00:25:45 → 00:25:47 การทำงานประสานกันของร่างกาย 2 ข้างเนี่ย
00:25:47 → 00:25:51 เขาบอกว่าเป็นการเป็นความสามารถเนาะในการ
00:25:51 → 00:25:53 ที่จะทำงานประสานกันระหว่างทางด้านซ้าย
00:25:53 → 00:25:57 แล้วก็ด้านขวานะครับซึ่งอย่างที่บอกไปนะ
00:25:57 → 00:25:59 ครับก็คือสำคัญมากในการประกอบกิจวัตร
00:25:59 → 00:26:01 ประจำวันของเรานั่นเองนะครับเริ่มเริ่ม
00:26:01 → 00:26:04 ตั้งแต่ตั้งแต่ตอนเช้าตื่นนอนเลยใช่มั้
00:26:04 → 00:26:07 ครับอาบน้ำแต่งตัวทุกอย่างติดกระดุมเสื้อ
00:26:07 → 00:26:10 ใส่รองเท้าถุงเท้านะครับอ่าแม้แต่การรับ
00:26:11 → 00:26:13 ประทานอาหารเองก็ต้องใช้ 2 มือแต่ว่าต้อง
00:26:13 → 00:26:17 เป็นการใช้ช้อนซ่อมนะครับอ่าแล้วถ้าเรา
00:26:17 → 00:26:21 มองไปในวัยเรียนอ่าเด็กๆต้องใช้ 2 มือทำ
00:26:21 → 00:26:24 อะไรบ้างที่โรงเรียนการขีดเส้นด้วยการใช้
00:26:24 → 00:26:27 ไม้บรรทัดแน่นอนว่ามือข้างนึงจะต้องถือ
00:26:27 → 00:26:28 อะไรครับ
00:26:28 → 00:26:31 ไม้บรรทัดใช่มั้ยครับอีกข้างนึงต้องถือ
00:26:31 → 00:26:35 ดินสอนะครับแล้วถึงจะขีดเส้นได้นะครับ
00:26:35 → 00:26:39 หรือว่าแม้แต่การเขียนของเด็กเองอ่ามือ
00:26:39 → 00:26:42 ข้างนึงต้องจะต้องจับหนังจับหนังสือหรือ
00:26:42 → 00:26:44 ว่าจับสมุดขณะที่ตัวเองนั่งเขียนใช่่ไหมม
00:26:44 → 00:26:46 ครับแล้วก็อีกข้างนึงต้องจับเดนสเขียน
00:26:46 → 00:26:52 หนังสืออ่าหรือว่าชัดๆเลยเป็นชั่วโมงงาน
00:26:52 → 00:26:54 ประดิษฐ์จำเป็นต้องใช้ทักษะของการใช้
00:26:54 → 00:26:57 กรรไกรหรือว่าการล้อยสิ่งของล้อยลูกปัด
00:26:57 → 00:27:00 ต่างๆใช่มั้ยครับซึ่งถ้าเด็กเนี่ยมีความ
00:27:00 → 00:27:02 บกพร่องทางด้านของการใช้ 2 ข้างร่วมกัน
00:27:02 → 00:27:06 เนี่ยอ่าเด็กก็จะขี่เส้นด้วยไม้บรรทัดได้
00:27:06 → 00:27:08 ไม่ดีหขีดแล้วมันยังเบี้ยวไปเบี้ยวมาหรือ
00:27:08 → 00:27:12 ว่าอ่าการเขียนแบบบางทีบังคับสมุดไม่ได้
00:27:12 → 00:27:15 ก็คือมืออีกข้างนึงไม่ไม่ยอมเอาไปจับ
00:27:15 → 00:27:18 หนังสือไว้ใช่มั้ยครับหรือว่าเด็กจะใช้
00:27:18 → 00:27:21 กรรไกรไม่ได้ตัดแล้วมันยังไม่ตรงสักที
00:27:21 → 00:27:24 อย่างเงี้ยครับอ่าหรือว่าร้อยสิ่งของร้อย
00:27:24 → 00:27:27 ลูกปัดต่างๆไม่ได้นะครับเห็นมั้ยครับว่า
00:27:27 → 00:27:29 มันจำเป็นมากสำหรับการการเรียนของเด็กนะ
00:27:29 → 00:27:33 ครับซึ่งกิจกรรมที่จะส่งเสริมทักษะทาง
00:27:33 → 00:27:37 ด้านนี้ได้นะครับง่ายๆเลยก็ก็เป็นกิจกรรม
00:27:37 → 00:27:39 ที่ต้องใช้ 2 มืออยู่แล้วถูกมั้ยครับไม่
00:27:39 → 00:27:41 ว่าจะเป็นการโยนรับบอลกันอย่างเงี้ยอ่าก็
00:27:41 → 00:27:44 ต้องใช้ 2 มือร่วมกันการโยนบอลกระเด้งกับ
00:27:44 → 00:27:48 ผนังอ่าหหรือแม้แต่การล้อยลูกปัดอ่าการ
00:27:48 → 00:27:51 ใช้กรรไกรเห็นมั้ยครับอันยเป็นกิจกรรมที่
00:27:51 → 00:27:53 ง่ายๆที่เราสามารถฝึกได้ที่บ้านทั้งสิ้น
00:27:53 → 00:27:56 เลยนะครับสำหรับกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริม
00:27:56 → 00:27:58 หรือว่าพัฒนาในเรื่องของกล้ามเนื้อมัด
00:27:58 → 00:28:00 ใหญ่หรือว่าก้มเนืมัดเล็กหรือว่าการวาง
00:28:00 → 00:28:03 แผนการเคลื่อนไหวแล้วก็การทำงาน 2 มือ
00:28:03 → 00:28:06 ครับจริงๆแล้วก็สามารถที่จะอ่าประยุกต์
00:28:06 → 00:28:09 แล้วก็นำไปใช้กับที่บ้านได้นะครับไม่ว่า
00:28:09 → 00:28:11 จะเป็นในเรื่องของอ่าการเล่นเชิงการเล่น
00:28:11 → 00:28:14 กีฬาอย่าเงี้ยครับเล่นเป็นครอบครัวอ่าไป
00:28:14 → 00:28:16 เล่นที่สวนสาธารณะไปวิ่งเล่นกันหรือว่า
00:28:17 → 00:28:19 เล่นเตะบอลกับพ่อแม่ลูกอะไรอย่าเงี้ยครับ
00:28:19 → 00:28:21 อ่าเล่นด้วยกันก็นอกจากจะช่วยส่งเสริมใน
00:28:21 → 00:28:24 เรื่องของกล้ามเนื้อแล้วเนี่ยก็ยังพัฒนา
00:28:24 → 00:28:26 ไปถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ด้วยพาร
00:28:26 → 00:28:28 นี้เนี่ยนได้รับหน้าที่ในเรื่องของของการ
00:28:28 → 00:28:30 รับรู้ทางด้านสายตาหรือว่าเราเรียกว่า
00:28:30 → 00:28:32 Visual perception ซึ่งการรับรู้ทาง
00:28:32 → 00:28:35 ด้านสายตาเนี่ยมักจะเป็นปัญหาหลักในวัย
00:28:35 → 00:28:38 เรียนที่ทำให้ประสิทธิภาพหรือว่าศักยภาพ
00:28:38 → 00:28:42 ของเด็กๆเนี่ยเอ่อลดน้อยลงไปหรือว่าแสดง
00:28:42 → 00:28:45 ได้ไม่เต็มที่นะคะทำให้นับเรื่องสมาธิไม่
00:28:45 → 00:28:47 นับเรื่องกล้ามเนื้อแล้วเนี่ยเรื่องเนี้ย
00:28:47 → 00:28:50 จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะสำคัญแล้วก็
00:28:50 → 00:28:53 ดูเหมือนจะจับต้องยากเหมือนกันนะคะเนาะใน
00:28:53 → 00:28:55 เรื่องของการรับรู้ทางด้านสายตาเนี่ยก่อน
00:28:55 → 00:28:58 อื่นนต้องบอกก่อนว่าการรับรู้ทางด้านสายส
00:28:58 → 00:29:00 ตาเนี่ยคืออะไรนะคะการรับรู้ทางด้านสายตา
00:29:00 → 00:29:04 นะคะก็คือกระบวนการการคิดวิเคราะห์ของ
00:29:04 → 00:29:07 สมองที่ได้รับข้อมูลข้อมูลนึงจากสิ่งแวด
00:29:07 → 00:29:10 ล้อมมาจากการมองเห็นเป็นหลักนะคะเสร็จ
00:29:10 → 00:29:13 แล้วเราต้องมาคิดได้มาแยกได้ว่าอันเนี้ย
00:29:13 → 00:29:17 มันคืออะไรแต่ต้องอาศัยกับประสบการณ์การ
00:29:17 → 00:29:20 มองเห็นที่ผ่านมาของเราด้วยนะคะจากนั้น
00:29:20 → 00:29:23 เนี่ยสมองก็จะไปแปรผลให้เข้าใจให้ให้แยก
00:29:23 → 00:29:26 แยะแปลผลข้อมูลออกมาได้ให้มีเป็นเชิงของ
00:29:26 → 00:29:29 คุณภาพเชิงของประสิทธิภาพมากที่สุดซึ่ง
00:29:29 → 00:29:32 อันเนี้ยมันไม่ใช่แค่ไม่ใช่แค่การมองเห็น
00:29:32 → 00:29:35 อย่างเดียวไม่ใช่แค่การมองเห็นหรือมองไม่
00:29:35 → 00:29:39 เห็นไม่ใช่แค่อันนี้สีอะไรไม่ไม่ใช่แค่
00:29:39 → 00:29:42 นั้นนะคะมันเป็นเรื่องของการแปรผลด้วยการ
00:29:42 → 00:29:45 รับรู้ทางด้านสายตาเนี่ยหากมีความบกพร่อง
00:29:45 → 00:29:49 ทั้งด้านนี้แล้วเนี่ยในเรื่องทักษะพื้น
00:29:49 → 00:29:51 ฐานของการเรียนทั้งหมดเลยค่ะไม่ว่าจะเป็น
00:29:51 → 00:29:54 การอ่านการสะกดคำการเขียนการลอกงานหรือ
00:29:54 → 00:29:58 แม้แต่ทักษะคำนวณคณิตศาสตร์พื้นฐานก็จะบก
00:29:58 → 00:30:02 พล่องไปด้วยนะคะซึ่งการรับู้ทางด้านสายตา
00:30:02 → 00:30:05 เนี่ยจะต้องอาศัยปัจจัยพื้นฐานในเรื่อง
00:30:05 → 00:30:09 เนี้ย 3 ด้านหลักๆเลย 1 ก็คือสมาธิในการ
00:30:09 → 00:30:13 มอง 2 ก็คือความจำจากการมองอันนี้ก็พูด
00:30:13 → 00:30:16 ถึงประสบการณ์สิ่งที่เราเคยมองเห็นตั้ง
00:30:16 → 00:30:19 แต่เด็กนะคะว่ามันคืออะไรต้องต้องมี
00:30:19 → 00:30:21 ประสบการณ์ต้องมีเอ่อ Visual memmory
00:30:21 → 00:30:24 หรือว่าความจำจากการมองเห็น 3 ก็คือเห็น
00:30:24 → 00:30:28 แล้วแยกแยะสิ่งที่มองเห็นได้มว่า 1 กับ 2
00:30:28 → 00:30:31 ไม่เหมือนกัน a กับ B ไม่เหมือนกันต้อง
00:30:31 → 00:30:34 รู้แค่ว่ามันไม่เหมือนกันก่อนอันนี้ถึงจะ
00:30:34 → 00:30:36 ถึงจะอ่าพัฒนาไปเป็น Visual perception
00:30:37 → 00:30:39 ได้นะคะซึ่งทักษะของการแยกแยะสิ่งที่มอง
00:30:39 → 00:30:43 เห็นเนี่ยเด็กจะพัฒนาได้สมบูรณ์ตอนอายุ
00:30:43 → 00:30:47 ประมาณ 4 ขวบนะคะการแยกแยะค่ะเห็นความ
00:30:47 → 00:30:51 ต่างเหมือนหรือต่างใช่ไม่ใช่อย่างเงี้ยจะ
00:30:51 → 00:30:55 พัฒนามากสุดตอน 4 ขวบเอ่อพัฒนา compte
00:30:55 → 00:30:56 เลยเนี่ยตอน 4 ขวบเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:30:56 → 00:30:59 input ข้อมูลให้เด็กมองสิ่งต่างๆหรือการ
00:30:59 → 00:31:02 ที่พาน้องออกไปในสิ่งแวดล้อมที่ต่างๆออก
00:31:02 → 00:31:05 ไปอ่ะค่ะมันเป็นสิ่งที่จำเป็นเนาะซึ่ง
00:31:05 → 00:31:09 เด็กเนี่ยเขาจะสามารถเอ่อจดจำภาพจากการ
00:31:09 → 00:31:12 มองได้ตอนอายุประมาณ 9 เดือนถามว่าเอ่อ
00:31:12 → 00:31:15 ตอนเด็กเล็กๆอ่ะค่ะเด็กทารกเนี่ยทำไมคน
00:31:15 → 00:31:18 นู้นอุ้มคนนี้อุ้มถึงยังไม่ค่อยไม่ค่อย
00:31:18 → 00:31:20 ร้องไห้หรือยังไม่ค่อยจ้องหน้ากันเท่า
00:31:20 → 00:31:22 ไหร่เด็ก 9 เดือนเนี่ยจะเป็นวัยที่เขา
00:31:22 → 00:31:25 เริ่มจดจำได้แล้วว่าหน้าแบบเนี้ยคือแม่นะ
00:31:25 → 00:31:28 หน้าแบบเนี้ยคือคนแปลกหน้านะเป็นช่วงช่วง
00:31:28 → 00:31:31 พัฒนาการของของของเด็กอ่ะค่ะเนาะเขาจะ
00:31:31 → 00:31:33 เริ่มจำแนกได้ตอนประมาณ 9 เดือนแล้วมา
00:31:33 → 00:31:35 compte สมบูรณ์เลยเนี่ยตอนประมาณ 4 ขวบ
00:31:35 → 00:31:37 อืไม่ได้แปลว่าหลังจาก 4 ขวบแล้วเขาจะไม่
00:31:37 → 00:31:40 input ข้อมูลหรือไม่มีพัฒนาการต่อนะคะ
00:31:40 → 00:31:42 เพียงแต่ว่ามันอาจจะไปในรูปแบบของช้าๆ
00:31:43 → 00:31:45 หรือว่าอาศัย perception ก็คือการรับรู้
00:31:45 → 00:31:47 และความเข้าใจเนี่ยไปด้วยเนาะไม่ใช่แค่
00:31:47 → 00:31:49 การมองแยกแยะหรือว่าจำอย่างเดียวละนะคะ
00:31:49 → 00:31:52 อ่ะทีนี้เรามาดูกันว่าการรับรู้ทางด้าน
00:31:52 → 00:31:55 สายตาเนี่ยแบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยหลักๆใน
00:31:55 → 00:31:59 เกี่ยวหัวข้ออ่าวันนี้น้ำขอยกมาทั้งหมด 6
00:31:59 → 00:32:03 หัวข้อก่อนที่จำเป็นสำหรับการเรียนในห้อง
00:32:03 → 00:32:06 เรียนนะคะหัวข้อที่ 1 เลยก็คือการแยกภาพ
00:32:07 → 00:32:10 ออกจากพื้นผิวหรือว่าเราเรียกว่า figer
00:32:10 → 00:32:13 Ground นะคะอันที่ 2 ก็คือการรับรู้ภาพ
00:32:13 → 00:32:16 รวม Visual closure นะคะอันที่ 3 ก็คือ
00:32:16 → 00:32:20 การรับรู้รูปทรงก็คือเป็นพวกของฟอร์มอ่า 4
00:32:20 → 00:32:23 ก็คือการรับรู้ตำแหน่งของวัตถุในที่ว่าง
00:32:23 → 00:32:25 ก็เป็นเรื่องของ Position เรื่องของ
00:32:25 → 00:32:28 ตำแหน่งนะคะต่อไปก็เป็นการรับรู้ความลึก
00:32:28 → 00:32:31 ใกล้ไกลนะคะอันสุดท้ายเนี่ยเป็นเรื่องของ
00:32:31 → 00:32:34 มิติสัมพันธ์หรือเราเรียกว่า Visual
00:32:34 → 00:32:36 Special skill เดี๋ยวเรามาดูกันทีละ
00:32:36 → 00:32:39 ด้านนะคะด้านที่ 1 เลยค่ะเป็นเรื่องของ
00:32:39 → 00:32:42 figer Ground หรือว่าการแยกพื้นจาก
00:32:42 → 00:32:44 วัตถุอ่ะถ้าพูดถึงเรื่อง figer Ground
00:32:44 → 00:32:47 พอจะนึกภาพออกไหมคะว่าเป็นยังไงเอ่ยอ่า
00:32:47 → 00:32:50 การแยกวัตถุออกจากพื้นหลังอ่ะค่ะอย่าง
00:32:50 → 00:32:55 เช่นง่ายๆเอ่อเ่อการหาของในเรื่องของ
00:32:55 → 00:32:56 figer Ground เนี่ยมันเป็นความสามารถใน
00:32:56 → 00:32:59 การแยกความแตแตกต่างระหว่างวัตถุที่เรา
00:32:59 → 00:33:03 ต้องการกับกับพื้นที่วัตถุนั้นอยู่อ่ะค่ะ
00:33:03 → 00:33:06 อย่างเช่นคุณพ่อหาไข่ควงในกล่องเครื่อง
00:33:06 → 00:33:10 มือช่า่งคุณแม่หาเข็มเย็บผ้าหาได้สีดำใน
00:33:10 → 00:33:13 กล่องเย็บผ้าอย่างเงี้ยค่ะแต่เป็นลักษณะ
00:33:13 → 00:33:17 การหาที่ไม่ได้ควานหานึกออกมคะเออไม่ไม่
00:33:17 → 00:33:19 ใช่ว่าเอามือปัดๆอ่ะมันอยู่ตรงไหนนะอ่า
00:33:19 → 00:33:22 เจอแล้วแต่เป็นลักษณะของเห็นปุ๊บหยิบปั๊บ
00:33:22 → 00:33:25 อ่าในของต่างๆกันหรือว่าเกมจับผิดลาพที่
00:33:26 → 00:33:29 เราไปเล่นในตู้ตามห้างอ่ะค่ะค่ะเออที่แบบ
00:33:29 → 00:33:31 จ้องปุ๊บตรงนี้แน่จิ้มปึ๊บอย่างเงี้ยค่ะ
00:33:31 → 00:33:34 ไม่ใช่ลักษณะของการควาหาหรือว่าใช้การ
00:33:34 → 00:33:37 สัมผัสในการหาของแต่เป็นเรื่องของการมอง
00:33:37 → 00:33:39 แล้วสามารถชี้ได้เลยว่าอันเนี้ยคือวัตถุ
00:33:39 → 00:33:42 ที่เราต้องการอ่ะถามว่าทักษะเนี้ยมันช่วย
00:33:42 → 00:33:45 ยังไงกับทักษะการเรียน 1 น้องจะจดงานได้
00:33:45 → 00:33:47 เร็วขึ้นค่ะถ้าน้องมีความคล่องแคล่วใน
00:33:47 → 00:33:50 ด้านนี้ถามว่าทำไมน้องจดงานได้เร็วขึ้น
00:33:50 → 00:33:52 มองที่กระดานสมมุติว่าเด็กแต่ละคนเนี่ย
00:33:52 → 00:33:55 เมียมีความสามารถในการจำประโยคยาวๆเนี่ย
00:33:55 → 00:33:58 ไม่เท่ากันบางคนอาจจะจำได้ 3 คำบางคนอาจ
00:33:58 → 00:34:00 จะจำได้ทั้งบรรทัดเลยแต่เด็กส่วนใหญ่ก็
00:34:00 → 00:34:02 ไม่ได้จำได้ทั้งบรรทัดอยู่แล้วเนาะเขาอาจ
00:34:02 → 00:34:05 จะจำได้แค่ครึ่งบรรทัดสิ้นสุดที่คำว่า
00:34:05 → 00:34:08 สมมุตินะคะสิ้นสุดที่คำว่าโรงเรียนมาลอก
00:34:08 → 00:34:11 ปึ๊บๆโรงเรียนหันกลับไปหาได้มคะเมื่อกี้
00:34:11 → 00:34:13 โรงเรียนอยู่ตรงไหนอย่างเงี้ยค่ะถ้า
00:34:13 → 00:34:15 สมมุติว่าน้องมีทักษะในเรื่องของ figer
00:34:15 → 00:34:17 Ground เนี่ยค่อนข้างที่จะคล่องแคล่วเขา
00:34:17 → 00:34:20 จะสามารถอ้าเมื่อกี้ถึงตรงนี้คำนี้นี่ไง
00:34:20 → 00:34:24 คำนี้ทันทีเขาจะจดงานได้เร็วขึ้น 2 ก็คือ
00:34:24 → 00:34:28 เขาจะอ่านได้เร็วขึ้นเอ่อเขาจะสามารถมอง
00:34:28 → 00:34:30 คำศัพท์ที่ที่อยู่ในหน้าหนังสือ 1 หน้า
00:34:30 → 00:34:33 อย่างเงี้ยค่ะได้รวดเร็วขึ้นอ่านได้เร็ว
00:34:33 → 00:34:36 ขึ้นต่อไปเนี่ยก็คือในเรื่องของเ่อการใช้
00:34:36 → 00:34:39 พจนานุกรมหรือว่า Dictionary นะคะจะทำให้
00:34:39 → 00:34:42 เา้าเนี่ยหาศัพท์ได้รวดเร็วขึ้นอือันนี้
00:34:43 → 00:34:45 เป็นเป็นเป็นความเป็นความได้เปรียบของ
00:34:45 → 00:34:47 เด็กที่มีทักษะเรื่องเรื่องนี้เนี่ยค่อน
00:34:47 → 00:34:50 ข้างที่จะคล่องแคล่วอ่ะมาดูด้านที่ 2 ค่ะ
00:34:50 → 00:34:52 ก็คือเรื่องของการรับรู้ภาพรวมหรือว่าเรา
00:34:53 → 00:34:55 เรียกว่า Visual closure ถามว่าทักษะ
00:34:55 → 00:34:57 ด้านนี้คืออะไร Visual closure เนี่ยคือ
00:34:57 → 00:35:00 การเห็นภาพแค่บางส่วนแล้วเดาได้ว่าภาพ
00:35:00 → 00:35:07 เนี้ยคืออะไรอย่างเช่นเอ่อเห็นแค่อวัยวะ
00:35:07 → 00:35:09 ส่วนใดส่วนนึงของสัตว์แล้วเดาได้มว่า
00:35:09 → 00:35:11 สัตว์ตัวนี้คืออะไรอย่างเงี้ยค่ะเป็นเป็น
00:35:11 → 00:35:14 เรื่องของการรับรู้ภาพรวมจากการเห็นภาพ
00:35:14 → 00:35:17 นั้นแค่บางส่วนเท่านั้นเองหรือว่าดินสอ
00:35:17 → 00:35:20 เนี่ยโดนกระดาษทับอยู่ครึ่งนึงบอกให้เด็ก
00:35:20 → 00:35:22 หยีบดินสออย่างเงี้ยค่ะเด็กรู้ไมว่าอัน
00:35:22 → 00:35:25 นั้นน่ะคือดินสอที่โดนกระดาษทับอยู่อย่าง
00:35:25 → 00:35:27 เงี้ยค่ะเห็นเห็นแค่ครึ่งเดียวหรือเห็น
00:35:27 → 00:35:29 แค่ยังลบอะไรอย่างเงี้ยค่ะรู้มมว่าอนั้น
00:35:29 → 00:35:32 คือดินสอนะคะถามว่าทักษะเนี้ยช่วยอะไรจะ
00:35:32 → 00:35:36 ทำให้เด็กเนี่ยสามารถที่จะจดจำรูปร่างของ
00:35:36 → 00:35:41 วัตถุของคำศัพท์ของตัวอักษรได้อ่าหรือจะ
00:35:41 → 00:35:44 ช่วยให้เด็กเดาคำศัพท์ได้อ่ะค่ะอย่างเช่น
00:35:44 → 00:35:47 สมมุติว่าเราอ่านเรื่องระบบสุริยจักรวาล
00:35:47 → 00:35:51 แล้วมีคำว่าพระมาสักคำนึงอย่างเงี้ยค่ะ
00:35:51 → 00:35:53 เด็กพอจะเดารวมกับเนื้อเรื่องนั้นได้มว่า
00:35:53 → 00:35:57 มันน่าจะเป็นพระอะไรพระอาทิตย์มั้ยถ้าเดา
00:35:57 → 00:35:58 ว่าเป็นพระสส่งนี่แสดงว่าเขาไม่ได้อ่าน
00:35:58 → 00:36:01 เรื่องราวทั้งหมดมาละประมาณเนี้ยค่ะเนาะ
00:36:01 → 00:36:03 ประมาณเป็นเรื่องของความไวในการเดาคำ
00:36:04 → 00:36:06 ศัพท์ถามว่าถ้าเด็กเดาคำศัพท์ได้ไวได้
00:36:06 → 00:36:08 เร็วเนี่ยการอ่านของเด็กเนี่ยก็จะเร็ว
00:36:08 → 00:36:14 ขึ้นนะคะต่อไปค่ะหัวข้อที่ 3 การรับรู้
00:36:14 → 00:36:17 รูปทรงการรับรู้รูปทรงนะคะอันนี้ก็ง่ายๆ
00:36:17 → 00:36:20 เลยก็คือมองแล้วรู้ไมว่าอันเนี้ยเป็นรูป
00:36:20 → 00:36:23 ทรงอะไรวงกลม 3 เหลี่ยมสี่เหลี่ยมนะคะแต่
00:36:23 → 00:36:26 ไม่ไม่ใช่แค่ว่าเอ่อหยิบรูปทรงกลมมาแล้ว
00:36:26 → 00:36:28 รู้ว่าเป็นวงกกลมหยิบรูปทรงสี่เหลี่ยม
00:36:28 → 00:36:31 แล้วตอบได้เป็นสี่เหลี่ยมถ้าครูน้ำถามว่า
00:36:31 → 00:36:35 เอ่อประตูเป็นรูปทรงอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:36:35 → 00:36:37 เชื่อมโยงได้ไหมว่าอ้าเนี่ยมันคือสี่
00:36:37 → 00:36:39 เหลี่ยมเหมือนกันนะคะมันเป็นเรื่องเรื่อง
00:36:39 → 00:36:42 ของการการรับรู้ความมั่นคงของรูปทรงไม่
00:36:42 → 00:36:45 ว่ารูปทรงเนี้ยจะขนาดเล็กลงหรือว่าใหญ่
00:36:45 → 00:36:49 ขึ้นเออจะโดนตัวอักษรเนี่ยจะโดนเขียนใน
00:36:49 → 00:36:52 ลักษณะของตัวเอียงหรือว่าลายมือใครก็ตาม
00:36:52 → 00:36:55 เราก็รู้ว่าตัวเนี้คือกไก่ตัวเคือดเด็ก
00:36:55 → 00:36:57 อย่างเงี้ยค่ะเอ่อถามว่าทักษะเยจะช่วยยัง
00:36:57 → 00:37:02 ไงจะช่วยให้เด็กเนี่ยสามารถเข้าใจแล้วก็
00:37:02 → 00:37:04 เข้าใจในเรื่องของตัวอักษรได้ง่ายขึ้น
00:37:04 → 00:37:06 อย่างเช่นเอ่อตัวอักษรที่อยู่บนกระดานที่
00:37:06 → 00:37:08 เป็นลายมือคุณครูกับตัวอักษรที่เป็นที่
00:37:08 → 00:37:10 อยู่ในหนังสือที่เป็นตัวพิมพ์อย่างเงี้ย
00:37:10 → 00:37:12 คะรู้ไั้ยคะว่ามันคือคำศัพท์เดียวกันอ่า
00:37:12 → 00:37:15 ถ้าสมมุติว่าเขามีในหน่วยความจำอ่ะค่ะเขา
00:37:15 → 00:37:17 มีอยู่แล้วว่ารูปทรงของนหนูเป็นประมาณนี้
00:37:17 → 00:37:20 นะอ่ะเขาคก็จะรู้ว่ามันคือตัวเดียวกันฟัง
00:37:20 → 00:37:23 ดูเนี่ยเราอาจจะมองว่าทำไมจะไม่รู้ล่ะมัน
00:37:23 → 00:37:26 มันก็ต้องรู้สิใช่มั้ยคะแต่มักจะมีถ้าไป
00:37:26 → 00:37:28 ตรวจในเชิงลึกกันแล้วเนี่ยมักจะมีเด็ก
00:37:28 → 00:37:30 หลายๆคนที่มีปัญหาเรื่องนี้มันเลยทำให้
00:37:30 → 00:37:33 ทักษะการเรียนของเขาเนี่ยแสดงออกมาได้
00:37:33 → 00:37:36 อย่างไม่ค่อยเต็มศักยภาพของเขาเองนะคะอื
00:37:36 → 00:37:39 เรื่องต่อไปนะคะเป็นเรื่องของการรับรู้
00:37:39 → 00:37:42 ตำแหน่งในที่ว่างอันนี้เนี่ยก็คือการรับ
00:37:42 → 00:37:46 รู้บนล่างซ้ายขวาข้างในข้างนอกเด็กรู้ไม
00:37:46 → 00:37:49 ว่าแบบเนี้ยเขาเรียกว่าอะไรระหว่างคือ
00:37:49 → 00:37:52 วัตถุเนี่ยต้องอยู่ตรงไหนอย่างเงี้ยค่ะ
00:37:52 → 00:37:54 เอ่อซึ่งถามว่าทักษะเนี้ยจะทำให้เด็ก
00:37:54 → 00:37:58 เนี่ยเขียนได้เร็วขึ้นขอถุงกับกพสำเภา
00:37:58 → 00:38:01 อย่างเงี้ยค่ะรู้ไหมว่าถถุงเนี่ยคืออยู่
00:38:01 → 00:38:03 วงกลมอยู่ข้างในนะพสำเภาเนี่ยคือวงกลม
00:38:04 → 00:38:06 อยู่ข้างนอกอ่าถ้าสมมุติว่าขาดทักษะนี้ไป
00:38:06 → 00:38:09 หรือความคล่องแคล่วของทักษะเนี้ยน้อยมี
00:38:09 → 00:38:12 โอกาสที่จะทำให้เด็กเนี่ยเขียนเขียนผิด
00:38:12 → 00:38:15 ได้ง่ายเรื่องที่ 5 ค่ะเป็นเรื่องของการ
00:38:15 → 00:38:17 รับรู้ความลึกอย่างที่น้ำบอกว่าการรับรู้
00:38:17 → 00:38:21 ความลึกเนี่ยก็คือการกำหนดระยะของวัตถุ
00:38:21 → 00:38:23 ได้ไหมว่าอันเนี้ยใกล้ไกลหรือว่าการเดิน
00:38:23 → 00:38:26 ขึ้นลงบันไดอย่างเงี้ยค่ะรู้ไมว่าควรจะ
00:38:26 → 00:38:27 ก้าวลักษณะไหน
00:38:28 → 00:38:30 เอ่อการเดินพื้นต่างระดับอย่างเงี้ยค่ะ
00:38:30 → 00:38:34 เด็กมีการกะระยะของของขาที่จะก้าวออกไปม
00:38:35 → 00:38:38 ถามว่าทักษะเงยช่วยเรื่องอะไร 1 การเว้น
00:38:38 → 00:38:42 ช่องไฟ 2 การเว้นวรรคคำนะคะถ้าสมมุติว่า
00:38:42 → 00:38:45 การรับรู้ความลึกเนี่ยไม่ดีมากในเรื่อง
00:38:45 → 00:38:48 ของการเว้นช่องไฟเว้นระยะห่างของคำหรือ
00:38:48 → 00:38:51 ว่าการเว้นวรรคเงี้ยค่ะจะมีปัญหาทันทีเลย
00:38:51 → 00:38:53 เรื่องสุดท้ายะค่ะเป็นเรื่องของการรับรู้
00:38:53 → 00:38:56 มิติสัมพันธ์ถามว่าการรับรู้มิติสัมพันธ์
00:38:56 → 00:39:00 เนี่ยคืออะไรอันเนี้ยจะเป็นทักษะที่รวม
00:39:00 → 00:39:02 กันแทบจะทุกด้านของเรื่องของ Visual
00:39:02 → 00:39:06 perception เพราะว่าเอ่อมิติสัมพันธ์
00:39:06 → 00:39:09 เนี่ยคือความสามารถในการระบุแล้วก็จัดการ
00:39:09 → 00:39:12 และเชื่อมโยงอีกว่าขอบเขตของตัวเองกับ
00:39:12 → 00:39:15 สิ่งแวดล้อมของวัตถุกับสิ่งแวดล้อมเนี่ย
00:39:15 → 00:39:18 เป็นยังไงรู้ด้วยจัดการได้ด้วยระบุได้
00:39:18 → 00:39:23 ด้วยนะคะถามว่าทักษาด้านเนี้ยมันจะเอ่อทำ
00:39:23 → 00:39:26 ให้ 1 เด็กเนี่ยสามารถเคลื่อนที่ได้อย่าง
00:39:26 → 00:39:29 คล่องแคล่วว่องไวมากขึ้นอย่างเช่นระยะ
00:39:29 → 00:39:32 ห่างระหว่างโต๊ะ 2 ตัวอย่างเงี้ยค่ะเด็ก
00:39:32 → 00:39:36 เดินไม่ชนเด็กสามารถแบบอ๋อกะได้ว่าแคบแค่
00:39:36 → 00:39:38 นี้นะเดี๋ยวพอเดินไปถึงตรงนี้ปุ๊บต้องหัน
00:39:38 → 00:39:41 ข้างสไลด์ไปอะไรอย่างเงี้ยค่ะเออมันเป็น
00:39:41 → 00:39:44 การการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดของเราถาม
00:39:44 → 00:39:48 ว่าการเรียนเนี่ยมันจะส่งผลยังไงจะทำให้
00:39:48 → 00:39:51 เอ่อการเขียนตัวอักษรที่มีลักษณะคล้ายกัน
00:39:51 → 00:39:54 เนี่ยแม่นยำมากขึ้นมากกว่าเรื่องของ
00:39:54 → 00:39:56 Position อย่างเช่นมอม้านอนหนูอย่าง
00:39:56 → 00:39:59 เงี้ยค่ะหรือแแม้กระทั่งคำศัพท์ที่ลักษณะ
00:39:59 → 00:40:01 เขียนคล้ายกันอย่างเช่นคำว่า No กับคำว่า
00:40:01 → 00:40:04 on อย่างเงี้ยค่ะเด็กรู้ไหมว่ามันคือคน
00:40:04 → 00:40:06 ละตัวกันเด็กที่มีปัญหาเรื่องเนี้ยส่วน
00:40:06 → 00:40:09 ใหญ่ก็จะมีที่ที่ขาดทักษะด้านเนี้ยค่ะ
00:40:10 → 00:40:11 ส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหาในเรื่องของเนี่ยค่ะ
00:40:11 → 00:40:16 การแยกแยะตัวอักษรหรือว่าการเอ่อไม่รู้คำ
00:40:16 → 00:40:18 ศัพท์ที่มันมีลักษณะคล้ายกันแยกไม่ได้ถาม
00:40:18 → 00:40:21 ว่า No แปลว่าอะไรเนี่ยรู้เข้าใจแต่พอ
00:40:21 → 00:40:23 เขียนเนี่ยจะไม่มั่นใจเลยว่าจะเป็น O
00:40:23 → 00:40:26 หรือว่า No อย่างเงี้ยค่ะเนาะเออันนี้
00:40:26 → 00:40:29 เป็นทักษะพื้นฐานในเรื่องของ Visual
00:40:29 → 00:40:31 perception าต่อไปเป็นเรื่องของการปรับ
00:40:31 → 00:40:33 พฤติกรรมถามว่าการปรับพฤติกรรมเนี่ยคือ
00:40:33 → 00:40:36 อะไรการปรับพฤติกรรมเนี่ยก็คือการสร้าง
00:40:36 → 00:40:39 ทักษะใหม่ๆในการเรียนรู้ของเด็กให้เกิด
00:40:39 → 00:40:41 ขึ้นในลักษณะในด้านที่พึงประสงค์ไม่ว่าจะ
00:40:41 → 00:40:46 เป็นท่าทางคำพูดกิริยาวาจาอารมณ์ความรู้
00:40:46 → 00:40:48 สึกค่ะแล้วก็ลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
00:40:48 → 00:40:51 โดยผ่านการเปลี่ยนแปลงการตอบสนองของสิ่ง
00:40:51 → 00:40:53 แวดล้อมซึ่งสิ่งแวดล้อมของเด็กเนี่ยหลักๆ
00:40:53 → 00:40:57 แล้วก็คือพ่อแม่เออเราให้เราให้การปรับ
00:40:57 → 00:41:00 โดยการเปลี่ยนการตอบสนองของเราเองถามว่า
00:41:00 → 00:41:03 ทีนี้พื้นฐานของการปรับพฤติกรรมไม่ใช่แค่
00:41:03 → 00:41:06 ว่าเราต้องการให้เด็กได้อะไรอ่ะค่ะใน
00:41:06 → 00:41:08 เรื่องของการปรับพฤติกรรมเนี่ยคุณพ่อกับ
00:41:08 → 00:41:10 คุณแม่ต้องหรือว่าผู้ปกครองที่ดูแลเด็ก
00:41:10 → 00:41:13 ทุกๆท่านเนี่ยต้องมั่นใจว่ามี 2 อย่างนี้
00:41:13 → 00:41:16 ก่อนที่จะปรับพฤติกรรมได้ 1 ก็คือ
00:41:16 → 00:41:19 สัมพันธภาพระหว่างเด็กกับผู้ปกครองข้อ 2
00:41:19 → 00:41:22 ก็คือเรื่องของกฎระเบียบวินัยในครอบครัว
00:41:22 → 00:41:25 น้ำใช้คำว่าในครอบครัวนะคะไม่ใช่แค่กฎ
00:41:25 → 00:41:28 ระเบียบวินัยของแม่กับลูกหรือพ่อกับลูก
00:41:28 → 00:41:30 แต่หมายถึงว่าครอบครัวเราเนี่ยมีกฎอะไรมี
00:41:30 → 00:41:34 ระเบียบวินัยอะไรบ้างที่ที่ทำด้วยกันทั้ง
00:41:34 → 00:41:37 หมดไม่ใช่แค่ไม่ใช่แค่การทำให้ลูกอ่ะค่ะ
00:41:37 → 00:41:40 ถ้าขาดตัวใดตัวนึงไปแล้วเนี่ยการปรับ
00:41:40 → 00:41:44 พฤติกรรมจะไม่มีความหมายเลยสำหรับสำหรับ
00:41:44 → 00:41:46 เด็กคนนึงทั้ง 2 อย่างเนี่ยต้องดีควบคู่
00:41:46 → 00:41:50 กันไปซึ่งวัยเรียนเนี่ยจะเป็นวัยที่เขา
00:41:50 → 00:41:52 เริ่มที่จะรู้กฎกติกาแล้วก็เงื่อนไขง่ายๆ
00:41:52 → 00:41:57 ละบางทีเราเอ่ออย่าไปคิดว่าพูดไปแล้วน้อง
00:41:57 → 00:41:59 ไม่เข้าใจอ่ะค่ะบางครั้งเขาเข้าใจใน
00:41:59 → 00:42:02 เรื่องของเหตุผลของเราเนาะการที่จะปรับ
00:42:02 → 00:42:04 พฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึของเขาในวัยเรียน
00:42:04 → 00:42:06 เนี่ยไม่ใช่แค่การเบี่ยงเบียนความสนใจ
00:42:06 → 00:42:08 หรือว่าชวนคุยเรื่องอื่นหรือไปทำเรื่อง
00:42:08 → 00:42:11 อื่นละมันไม่พอละมันต้องเป็นกฎกติกาต้อง
00:42:11 → 00:42:15 ยอมรับความผิดละต้องให้รางวัลสำหรับความ
00:42:15 → 00:42:18 ดีบ้างแล้วอย่างเงี้ยนะคะอ่ะทีนี้มาดูการ
00:42:18 → 00:42:23 ปรับพฤติกรรมง่ายๆก่อนอย่างเช่นการแต่ง
00:42:23 → 00:42:26 งานอันนี้เป็นเป็นการปรับพฤติกรรมที่จะ
00:42:26 → 00:42:29 ใช้ค่อนข้างที่จะได้ผลกับการทำการบ้านของ
00:42:29 → 00:42:32 เด็กถามว่าการแตกงานคืออะไรก็คือการแตก
00:42:32 → 00:42:36 ทักษะ 1 งานให้เป็นให้เป็นขั้นตอนย่อยๆ
00:42:36 → 00:42:40 ให้ได้มากที่สุดนะคะน้ำยกตัวอย่างง่ายๆ
00:42:40 → 00:42:43 เลยอย่างเช่นการใส่กางเกงคิดว่ามีกี่ขั้น
00:42:43 → 00:42:46 ตอนคะในเรื่องของการใส่กางเกงอันนี้คือ
00:42:46 → 00:42:49 น้ำยกตัวอย่างให้ดูนะคะ 1 หยิบกางเกง 2
00:42:49 → 00:42:53 ถือไว้ 3 ยกขา 4 ยกอีกข้างใส่ 5 ดึงกงเกง
00:42:53 → 00:42:57 ขึ้นถึงหัวเข่า 6 ดึงกงเกงถึงก้น 7 ดึง
00:42:57 → 00:43:00 กางเกงถึงเอวอย่างเงี้ยค่ะคือน้ำกำลังจะ
00:43:00 → 00:43:03 บอกว่าบางทีเนี่ยใน 1 งานที่เรารู้สึกว่า
00:43:03 → 00:43:07 ทำไมเ้าถึงยังทำไม่ได้สักทีแล้วเราไม่ไม่
00:43:07 → 00:43:09 เคยให้เขาคทำอ่ะค่ะหรือว่าเราคิดว่า
00:43:09 → 00:43:12 อันเนี้ยเขาไม่น่าจะทำได้จริงๆเนี่ยเรา
00:43:12 → 00:43:15 ยังไม่ต้องตั้งโกหรือว่าตั้งเป้าหมายอ่ะ
00:43:15 → 00:43:17 ค่ะว่าให้เด็กคนเนี้ยต้องทำงานเนี้ยได้
00:43:17 → 00:43:20 สำเร็จเราอาจจะลองแตขั้นตอนย่อยๆดูก่อน
00:43:20 → 00:43:23 อย่างเด็กไม่เคยใส่กางเกงเองได้อย่าง
00:43:23 → 00:43:26 เงี้ยค่ะวิธีการสอนทักษะเนี่ยไม่ยากเลย
00:43:26 → 00:43:28 ถ้าคุณพ่อพกับคุณแม่ลองแตกขั้นตอนย่อยๆ
00:43:29 → 00:43:32 วันแรกแค่ให้เด็กไปหยิบกางเกงมาวันที่ 2
00:43:32 → 00:43:35 ให้เด็กหยิบแล้วก็ถือไว้เดี๋ยวใส่ให้แต่
00:43:35 → 00:43:38 ถือไว้นะเดี๋ยวช่วยวันที่ 3 อาจจะเพิ่ม
00:43:38 → 00:43:42 หยิบถือยกขาขึ้นมาข้างนึงลูกอ่ะที่เหลือ
00:43:42 → 00:43:44 เราจัดการให้คือถ้าสมมุติว่าเราแตกขั้น
00:43:44 → 00:43:46 ตอนในแต่ละขั้นตอนย่อยๆได้เนี่ยแล้วเรา
00:43:46 → 00:43:49 ค่อยๆป้อนให้เขาทำไปทีละนิดทีละนิดทีละ
00:43:49 → 00:43:51 นิดอย่างเงี้ยค่ะวันนึงเนี่ยเขาก็จะจำ
00:43:51 → 00:43:55 ทักษะทุกอย่างของงานเนี้ยได้เอง 1 เขาก็
00:43:55 → 00:43:58 จะไม่รู้สึกว่าเขาโดนกดดันมากเกินไป 2 ก็
00:43:58 → 00:44:02 คือเขาจะจำทักษะย่อยๆทุกอย่างได้ทั้งหมด
00:44:02 → 00:44:06 แล้วก็ทำเองได้ทั้งหมดนะคะอ่ะต่อไปอีก 2
00:44:06 → 00:44:08 เทคนิคค่ะเทคนิคในเรื่องของการชมแล้วก็
00:44:08 → 00:44:12 การให้รางวัลเป็นเทคนิคสำหรับการสร้าง
00:44:12 → 00:44:14 ลักษณะที่พึงประสงค์เหมือนกันนะคะอย่าง
00:44:14 → 00:44:17 เช่นการชมเนี่ยหลังในการชมง่ายๆเลยคือ 1
00:44:17 → 00:44:20 ต้องชมตั้งใจแล้วก็ทันทีที่เกิดพฤติกรรม
00:44:20 → 00:44:23 นะคะต้องบอกความรู้สึกร่วมกับคำชมด้วยไม่
00:44:23 → 00:44:27 ใช่แค่เก่งลูกเก่งลูกแต่ต้องบอกว่า
00:44:27 → 00:44:30 ไอ้ที่เก่งไอ้ที่ดีเนี่ยมันคืออะไรอย่าง
00:44:30 → 00:44:34 เช่นอ่าน้องช่วยล้างจานเอ่อแม่ดีใจนะที่
00:44:34 → 00:44:37 วันนี้หนูช่วยล้างจานเก่งมากอย่างเงี้ย
00:44:37 → 00:44:39 ค่ะบอกพฤติกรรมบอกความรู้สึกเราตั้งใจชม
00:44:39 → 00:44:43 เขาจริงๆณตอนนั้นที่พฤติกรรมเกิดและคำชม
00:44:43 → 00:44:46 นั้นต้องไม่มีคำตำหนินะคะแล้วก็ไม่เปรียบ
00:44:46 → 00:44:49 เทียบไม่ประชดด้วยเก่งเก่งเนาะบวกเลขได้
00:44:49 → 00:44:52 ด้วยแต่เนี่ยพี่เาบวกได้ตั้ง 10 ข้อเลยนะ
00:44:52 → 00:44:54 อย่างเงี้ยค่ะมันก็ยังไม่ใช่คำชมอ่ะเนาะ
00:44:54 → 00:44:56 มันมีคำเปรียบเทียบว่าอ้าเปรียบเทียบกับ
00:44:56 → 00:44:59 พี่หรืออย่างเช่นการช่วยล้างจานอย่าเงี้ย
00:44:59 → 00:45:01 ค่ะโอ๊ยเก่งอ่ะวันนี้ช่วยล้างจานด้วยแต่
00:45:01 → 00:45:04 ยังไม่สะอาดเลยพรุ่งนี้เอาใหม่นะตกลงชมมย
00:45:04 → 00:45:07 คะอย่างเงี้ยค่ะเนาะเอ่อพยายามเราเอง
00:45:07 → 00:45:10 เนี่ยพยายามตั้งโกของเราเองก่อนว่าจะชม
00:45:10 → 00:45:13 น้องเรื่องอะไรจะให้เขาทำอะไรไม่เด็กคน
00:45:13 → 00:45:16 นึงเนี่ยเขาไม่ไม่ใช่ Superman อ่ะเนาะ
00:45:16 → 00:45:18 เขาทำทุกอย่างให้เก่งให้เพอเฟคเนี่ยไม่
00:45:18 → 00:45:21 ได้อยู่ะเราเอาทีละขั้นแล้วก็สอนเค้า
00:45:21 → 00:45:24 เพิ่มอีกขั้นนึงอ่ะพรุ่งนี้เขทำได้ 2
00:45:24 → 00:45:27 ขั้นเราก็ชมก่อน 2 ขั้นเนาะอีกเทคนิคนึง
00:45:27 → 00:45:31 ค่ะการให้รางวัลอย่างเช่นเวลาเด็กสอบได้
00:45:31 → 00:45:33 ที่ 1 หรืออะไรก็ตามอย่างเงี้ยค่ะการให้
00:45:33 → 00:45:36 รางวัลเนี่ยถามว่าทำได้ไหมทำได้แต่ต้องทำ
00:45:36 → 00:45:39 เฉพาะสิ่งที่เป็นรางวัลที่น้องต้องการนะ
00:45:39 → 00:45:42 อย่างเช่นสมมุติว่าสอบได้ที่ 1 พาน้องไป
00:45:42 → 00:45:43 เที่ยวบางทีเด็กอาจจะยังไม่ได้อยากไป
00:45:43 → 00:45:45 เที่ยวเลยอาจจะแค่อยากไปกินไอติมอะไร
00:45:45 → 00:45:47 อย่างเงี้ยเป็นสิ่งที่เราตกลงกันไว้ก่อน
00:45:47 → 00:45:50 ว่าถ้าสมมุติหนูสอบได้ที่ 1 ถึงจะให้นะคะ
00:45:50 → 00:45:54 เาถึงจะเห็นค่าของของรางวัลเขาถึงจะไม่
00:45:54 → 00:45:57 เรียกร้องไม่ไม่ทำดีเพื่อของรางวัลนะคะ
00:45:57 → 00:46:00 เป็นสิ่งที่เรา1ึตกลงกับเขาคไว้ก่อนว่า
00:46:00 → 00:46:03 เราจะให้อะไรของรางวัลที่จะให้เนี่ยต้อง
00:46:03 → 00:46:05 เป็นการถามจากความคิดเห็นเด็กว่าจะเอา
00:46:05 → 00:46:10 อะไรได้ไหมต่อรองกันณตอนนั้นก่อนที่จะทำ
00:46:10 → 00:46:13 พฤติกรรมหรือก่อนที่จะทำอะไรพอทำแล้วเรา
00:46:13 → 00:46:16 ก็ต้องให้ด้วยเนาะไม่ใช่ว่าทำแล้วแล้วก็
00:46:16 → 00:46:20 ให้แต่ว่าไปผ่อนเอาตอนทีหลังอย่างเช่น
00:46:20 → 00:46:22 สมมุติน้องบอกว่าทำการบ้านเสร็จขอเล่น
00:46:22 → 00:46:25 iPad 10 นาทีอ่ะได้ๆลูกอ่ะทำการบ้าน
00:46:25 → 00:46:28 เสร็จพอน้องจะเล่น 10 นาทีเหลือ 5 นาทีพอ
00:46:28 → 00:46:30 เนาะแม่ง่วงแล้วเงี้ยไม่ได้นะคะรางวัลก็
00:46:30 → 00:46:34 คือรางวัลตกลงยังไงเราเองก็ต้องเคารพกฎ
00:46:34 → 00:46:37 ของเราด้วยเด็กเขาจะได้ศรัทธาในในคำพูด
00:46:37 → 00:46:40 ของเรามากขึ้นนะคะจริงๆแล้วทักษะในเรื่อง
00:46:40 → 00:46:43 ของการรับรู้ทางด้านสายตาค่ะมันมีทักษะ
00:46:43 → 00:46:46 ย่อยๆอีกค่อนข้างที่จะเยอะเลยอ่ะค่ะ
00:46:46 → 00:46:49 กิจกรรมเนี่ยอ่าในแต่ละกิจกรรมเนี่ยมันก็
00:46:49 → 00:46:52 จะส่งเสริมทักษะย่อยๆไปแต่น้ำขอพูดใน
00:46:52 → 00:46:54 ลักษณะที่เป็นเชิงรวมแล้วะกันเนาะอย่าง
00:46:54 → 00:46:57 สมมุติว่า 1 เลยเนี่ยทักษะการรับรู้ทาง
00:46:57 → 00:46:59 ด้านสายตาเนี่ยมันต้องอาศัยเรื่องของการ
00:46:59 → 00:47:02 แยกแยะก่อนในเด็กวัยเล็กเนี่ยในเด็กเล็กๆ
00:47:02 → 00:47:04 อ่ะค่ะเด็กวัยยังอนุบาลหรืออะไรอย่าง
00:47:04 → 00:47:07 เงี้ยค่ะเราสมควรที่จะสร้างพวกเรื่องของ
00:47:07 → 00:47:09 ประสบการณ์การมองให้ให้เขาคเยอะที่สุด
00:47:09 → 00:47:12 พยายามชี้ให้เห็นว่าอันนี้คืออะไรเรียก
00:47:12 → 00:47:14 ว่าอะไรรูปทรงเป็นยังไงคือเหมือน input
00:47:14 → 00:47:16 ข้อมูลเข้าไปก่อนอ่ะค่ะให้รู้ก่อนว่าเอ่อ
00:47:16 → 00:47:19 อันนี้เป็นยังไงรูปทรงเป็นแบบไหนแยกแยะ
00:47:19 → 00:47:23 ได้มเอ่อประตูกับตู้เย็นอย่างเงี้ยค่ะรูป
00:47:23 → 00:47:25 ทรงมันเหมือนกันยังไงพยายามเชื่อมโยงอะไร
00:47:25 → 00:47:28 ง่ายๆก่อนพอมาเป็นวัยปถมเนี่ยที่เขาจะ
00:47:28 → 00:47:32 ต้องมองลักษณะของเชิงข้อมูลเยอะขึ้นเนี่ย
00:47:32 → 00:47:35 เขาก็จะทำได้ดีขึ้นถามทีนี้ถ้าเป็นเด็ก
00:47:35 → 00:47:37 วัยประถมแล้วเนี่ยมันจะต้องอาศัยพวก
00:47:37 → 00:47:39 เรื่องของกิจกรรมละไม่ใช่แค่เรื่องของการ
00:47:39 → 00:47:41 input ข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมทั่วไปละแต่
00:47:41 → 00:47:44 อาจะต้องเป็นเชิงของเรื่องของการเล่น
00:47:44 → 00:47:47 กอปี้เออหรือว่าการต่อตามแบบหรือเดี๋ยว
00:47:47 → 00:47:50 นี้มันจะมีแบบเลโก้ที่ต่อเป็นตัวการ์ตูน
00:47:50 → 00:47:52 มีขั้นตอนมีอะไรให้มีตัวอย่างให้อย่าง
00:47:52 → 00:47:54 เงี้ยค่ะเอ่อเราสามารถที่จะส่งเสริมพวก
00:47:54 → 00:47:55 เนี้ยไปได้เหมือนกัน
00:47:55 → 00:47:58 ค่ะและถ้าหากท่านผู้ชมยังฟังแล้วนึกไม่
00:47:58 → 00:48:01 ออกว่าจะนำความรู้นี้ไปใช้ได้อย่างไรแล้ว
00:48:02 → 00:48:04 เรามาดูตัวอย่างการเล่นที่ทางนักกิจกรรม
00:48:04 → 00:48:08 บำบันำมาให้น้องๆและผู้ปกครองได้ลองเล่น
00:48:08 → 00:48:11 ร่วมกันดูครับอ่าเดี๋ยวผมจะร้องเพลงนะ
00:48:11 → 00:48:16 ครับเพลงมันจะชื่อว่าหูตาจมูกนะครับ
00:48:16 → 00:48:19 เดี๋ยวๆครูแมนสาธิตท่าเลยได้มยอ่ะเดี๋ยว
00:48:19 → 00:48:25 ผมร้องเองอ่าเดี๋ยวเดี๋ยวดูนะครับอ่ะหูหู
00:48:25 → 00:48:35 ตาตาจมูกจมูกอ่ะหูหูตาตาจมูกจมูกจับให้
00:48:35 → 00:48:39 ถูกอ่าจับให้ถูกทำท่าจับอย่างงนี้นะครับ
00:48:39 → 00:48:45 เด็กๆอ่ะจับให้ถูกจับให้ถูกอ่าจมูกมูก
00:48:45 → 00:48:47 ตาา
00:48:47 → 00:48:50 หู
00:48:50 → 00:48:54 อ่านะครับจับใหม่จับให้ฉันดูจับใหม่จับ
00:48:54 → 00:49:02 ให้ฉันดูอ้าจับใหจับให้ฉันดูจมูกจมูกตาตา
00:49:02 → 00:49:10 หูหูตาตาหูหูและปากและปาก
00:49:10 → 00:49:13 อ่าอันนี้เป็นสมาธิง่ายๆจากการรับความรู้
00:49:13 → 00:49:15 สึกใด
00:49:15 → 00:49:20 ครับฟังแต่บางคนใช้ตามากกว่าอย่าไว้ใจคน
00:49:20 → 00:49:25 ตรงกันข้ามเรานะครับอ่ะพร้อมนะครับอ่า
00:49:25 → 00:49:29 พร้อมนะครับอ่าทุกท่านเร็วตบมือ 1 ครั้ง 2
00:49:29 → 00:49:38 ครั้งอ่ะพร้อมนะครับหูหูตาจมูกจมูกหูหูตา
00:49:38 → 00:49:43 ตาจมูกจมูกจับให้ถูกจับให้ถูกจมูกตาหู
00:49:43 → 00:49:50 จมูกตาหูอ่าจับใหม่จับให้ฉันดูจับใหม่จับ
00:49:50 → 00:49:56 ให้ฉันดูจับใหม่จับให้ฉันดูจมูกจมูกตาตา
00:49:56 → 00:50:03 หูหูตาตาหูหูและปากและปาก
00:50:03 → 00:50:05 อ่า
00:50:05 → 00:50:08 โอเคอย่างในช่วงกิจกรรม workshop อ่ะครับ
00:50:08 → 00:50:12 เราก็จะลองเอาเรื่องของสมาธิง่ายๆสอดแทรก
00:50:12 → 00:50:14 ไปในเกมใช่มั้ยครับยกตัวอย่างเช่นเกมหูตา
00:50:14 → 00:50:18 จมูกอ่าเราก็ต้องใช้เรื่องของสมาธิในการ
00:50:19 → 00:50:21 ฟังใช่มั้ยครับต้องจดจ่อเสียงละอ่ะว่าผู้
00:50:21 → 00:50:24 นำเขาร้องถึงท่อนไหนฉันต้องทำยังไงหรือ
00:50:24 → 00:50:26 แม้กระทั่งบางท่อนที่เราไม่ร้องเราทำทำ
00:50:26 → 00:50:31 ตามเด็กก็ต้องต้องมองอ่าต้องมองดูละว่าจะ
00:50:31 → 00:50:34 ยังไงซึ่งในขณะเดียวกันนะครับมันไม่ได้
00:50:34 → 00:50:36 ฝึกแค่นี้สังเกตมั้ยคะว่ามันจะมีความ
00:50:36 → 00:50:40 วุ่นวายเกิดขึ้นในกลุ่มทุกคนก็ต้องอ่ะหัน
00:50:40 → 00:50:42 ไปดูนิดนึงได้แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหัน
00:50:42 → 00:50:46 กลับมาโฟกัสที่ที่ตัวของกิจกรรมอย่าง
00:50:46 → 00:50:48 เงี้ยครับอันนี้ก็เป็นตัวอย่างกิจกรรม
00:50:48 → 00:50:50 workshop ง่ายๆที่ที่ที่ทำให้ผู้ปกครอง
00:50:50 → 00:50:53 เห็นเห็นภาพของเรื่องของสมาธิครับใครที่
00:50:53 → 00:50:57 ได้กระดาษแล้วนะครับเดี๋ยวรบกวนให้ฉีก
00:50:57 → 00:51:01 กระดาษเป็นรูปหัวใจให้ผม
00:51:01 → 00:51:03 หน่อยเดี๋ยวลองดูนะครับว่าจะออกเป็นรูป
00:51:03 → 00:51:04 หัวใจหรือ
00:51:04 → 00:51:08 เปล่าตอนนี้หลายๆท่านก็ออกมาเป็นรูปเป็น
00:51:08 → 00:51:11 ร่างเป็นหัวใจกันแล้วนะครับแต่ละคนก็จะมี
00:51:12 → 00:51:13 เทคนิคที่ไม่เหมือนกันใช่มั้ยครับในการ
00:51:14 → 00:51:18 ที่จะอ่าทำเป็นรูปหัวใจออกมานะครับ
00:51:18 → 00:51:23 โอ้อ่าปันๆฉีบเป็นรูปอะไรครับรูหัวใจรูป
00:51:23 → 00:51:27 หัวใจเหรอฉีกยากมั้ยยากยากโหฉีกเองเ่าฉีก
00:51:27 → 00:51:30 เองฉีกเอง
00:51:30 → 00:51:34 ด้วยเก่งครับเก่งอ่ะตอนนี้หลายหลายคนก็
00:51:34 → 00:51:37 ออกมาเป็นรูปหัวใจแล้วเนาะ
00:51:37 → 00:51:40 อ่ะทุกๆท่านคิดว่าการฉีกกระดาษเนี่ยครับ
00:51:41 → 00:51:44 จะช่วยส่งเสริมหรือว่าช่วยพัฒนาทักษะ
00:51:44 → 00:51:48 เรื่องอะไรได้บ้างครับอ่ามีก้ามเนื้อมัด
00:51:48 → 00:51:54 เล็กอ่าเรื่องของสายตาการจดจ่อใช่มั้ย
00:51:54 → 00:51:59 ครับอ่ามีการวางแผนการเคื่อนไหวอ่าจะเห็น
00:51:59 → 00:52:01 ได้นะครับว่าในแต่ละกิจกรรมอ่ะครับอาจจะ
00:52:01 → 00:52:03 สามารถเอาไปพัฒนาด้านอื่นได้ด้วยไม่ใช่
00:52:03 → 00:52:05 แค่เรื่องของก้ามเนื้อมืออย่างเดียวนะ
00:52:05 → 00:52:06 ครับ
00:52:06 → 00:52:09 อ่าการที่เราฉีกกระดาษเป็นรูปหัวใจเมื่อ
00:52:09 → 00:52:12 กี้ครับที่ผมแค่สั่งว่าอ่ะให้ฉีกเป็นรูป
00:52:12 → 00:52:14 หัวใจมันมันอยู่ในเรื่องของการรับรู้ทาง
00:52:14 → 00:52:17 สายตาด้านไหน
00:52:17 → 00:52:21 ครับอ่าเรื่องของการรับรู้รูปทรงต้องมี
00:52:21 → 00:52:24 ภาพหัวใจในในกระบวนการคิดเนาะแล้วเราก็
00:52:25 → 00:52:29 ฉีกไปข้นมาโอเคครับไหนชูหัวใจให้ดูหน่อย
00:52:29 → 00:52:32 ครับเป็นไงครับกิจกรรมเดียวได้ทั้งกล้าม
00:52:32 → 00:52:35 เนื้อมัดเล็กนะครับการวางแผนการเคลื่อน
00:52:35 → 00:52:38 ไหวที่จะเอานิ้วเราไปยังไงใช่ไหมครับแล้ว
00:52:38 → 00:52:40 ก็การรับรู้ทางสายตา
00:52:40 → 00:52:44 ด้วยครับสำหรับกิจกรรมที่อ่าให้ฉีกระดาษ
00:52:44 → 00:52:46 เป็นรูปหัวใจนะครับก็จะช่วยส่งเสริมใน
00:52:46 → 00:52:49 เรื่องของอ่ากล้ามเนื้อมือนะครับจริงๆ
00:52:49 → 00:52:50 แล้วหลักๆคือเรื่องของกล้ามเนื้อมือที่
00:52:50 → 00:52:53 เด็กต้องใช้มือในการฉีกระดาษถูกมมครับแต่
00:52:53 → 00:52:55 สิ่งที่ได้มามากกว่ากล้ามเนื้อมือก็คือ
00:52:55 → 00:52:58 ความสช่วงความสนใจในการทำกิจกรรมอ่ะเค
00:52:58 → 00:53:01 ต้องจุดจ่อเต้องมองขณะทำกิจกรรมนะถ้าไม่
00:53:01 → 00:53:03 มองเนี่ยมันก็อาจจะไม่เป็นรูปหัวใจก็ได้
00:53:03 → 00:53:07 นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของอ่าการรับรู้
00:53:07 → 00:53:11 รูปทรงอ่ะเมื่อเราสั่งว่าอให้ทำรูปหัวใจ
00:53:11 → 00:53:14 นะทุกคนก็จะต้องรู้แลว่ารูปหัวใจเป็นยัง
00:53:14 → 00:53:16 ไงถูกมั้ยครับอ่าเห็นมั้ยครับว่าในแต่ละ
00:53:16 → 00:53:18 กิจกรรมเนี่ยมันไม่ได้ส่งเสริมแค่ทักษะ
00:53:18 → 00:53:21 เพียงด้านใดด้านหนึ่งอาจจะนำมาถึงอ่า
00:53:21 → 00:53:24 ทักษะหลายๆด้านเลยก็ได้ครับอ่ะเดี๋ยวุกี
00:53:24 → 00:53:26 ให้ดูโจทย์ข้อนี้ก่อน
00:53:27 → 00:53:33 อ่ะดดูแค่ตรงนี้นะครับอ่ามีกี่เม็ด
00:53:33 → 00:53:40 [เพลง]
00:53:40 → 00:53:44 3 อ่าคนแรกกลับมา
00:53:44 → 00:53:47 ละอ่ะไหนขอดูค่ะ
00:53:47 → 00:53:52 [เพลง]
00:53:52 → 00:53:53 โอเค
00:53:53 → 00:53:55 [เพลง]
00:53:55 → 00:54:00 อ้าเอออ่ะของคนนี้
00:54:00 → 00:54:05 ล่ะครับเอออ่ะอ่ะโอเคกิจกรรมสุดท้ายเนี่
00:54:05 → 00:54:09 ใช่มั้ยคะจะได้ในเรื่องหลายๆด้านในทักษะ
00:54:09 → 00:54:11 ของการรับรู้ทางด้านสายตาเลยค่ะอย่างเช่น
00:54:11 → 00:54:13 ตอนที่น้องไปหาตัวเลขค่ะจะสังเกตว่าเราจะ
00:54:13 → 00:54:15 เอาการ์ดตัวเลขเนี่ยตั้งรวมกันไว้บนพื้น
00:54:15 → 00:54:18 เนี่ยหลายๆตัวเลยเด็กสามารถที่จะโฟกัสได้
00:54:18 → 00:54:20 ไหมมถ้าสังเกตเนี่ยจะมีเด็กบางคนที่วิ่ง
00:54:20 → 00:54:23 ไปปุ๊บแล้วหยิบได้เลยอันเนี้ยเป็นทักษะใน
00:54:23 → 00:54:25 เรื่องของการแยกวัตถุจากพื้นผิวหรือว่าิอ
00:54:26 → 00:54:28 Ground ที่เราบอกไปอย่างเงี้ยค่ะอ่ะถ้า
00:54:28 → 00:54:31 เด็กมีทักษะเนี้ยค่อนข้างที่จะดีเนี่ย
00:54:31 → 00:54:33 เวลาเด็กเาหาคำศัพท์บนกระดานน่ะค่ะเวลา
00:54:33 → 00:54:36 ลอกงานลอกถึงคำนี้แล้วนะเงยหน้ากลับขึ้น
00:54:36 → 00:54:39 ไปหาได้เลยมยว่าอ้ามันอยู่ตรงนี้ไงมันจะ
00:54:39 → 00:54:41 ทำให้เด็กคนเนี้ยลอกงานได้ไวกว่าเด็กอีก
00:54:41 → 00:54:43 คนนึงที่ทักษะเรื่องของ figer Ground
00:54:43 → 00:54:45 เนี่ยไม่ค่อยดีอย่างเช่นอ้าเมื่อกี้อยู่
00:54:45 → 00:54:47 ตรงไหนนะบรรทัดที่ 2 อ่ะบรรทัดที่ 2 เรา
00:54:47 → 00:54:49 ก็ไปไล่ตั้งแต่หัวบรรทัดอ่ะคำนี้ไง
00:54:49 → 00:54:51 อันเนี้ยคือ figer Ground อาจจะไม่ดี
00:54:51 → 00:54:54 เท่าเด็กคนแรกอ่าประสิทธิภาพของความเร็ว
00:54:54 → 00:54:57 ในการลอกงานก็จะต่างกันคือคือครอบครัวเรา
00:54:57 → 00:54:59 อ่ะค่ะชอบทำกิจกรรมอยู่แล้วแล้วก็ตอนนี้
00:54:59 → 00:55:03 น้องอยู่อ 3 แล้วก็ปีหน้าเนี่ยจะขึ้นป 1
00:55:03 → 00:55:05 เพราะฉะนั้นก็คือจะเข้าสู่ระบบการเรียนพอ
00:55:05 → 00:55:07 มีเรื่องของการเรียนเนี่ยมันก็เหมือนกับ
00:55:07 → 00:55:09 ต้องฝึกในเรื่องกล้ามเนื้อต่างๆกล้าม
00:55:09 → 00:55:11 เนื้อมือกล้ามเนื้อมัดใหญ่อ่ะค่ะก็เลย
00:55:12 → 00:55:15 อยากจะหากิจกรรมไปทำกับครอบครัวค่ะไปทำ
00:55:15 → 00:55:18 กับลูกก็ทราบว่าที่นี่จัดอะไรเงี้ยแล้วก็
00:55:18 → 00:55:21 น่าสนใจก็เลยเข้าร่วม
00:55:21 → 00:55:24 ค่ะเราจะเห็นได้ว่าถึงแม้การเรียนจะเป็น
00:55:24 → 00:55:27 สิ่งสำคัญต่ออนาคตของของเด็กๆแต่การเล่น
00:55:27 → 00:55:31 นั้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน
00:55:31 → 00:55:33 การเล่นมีความสำคัญต่อพัฒนาการในด้านต่าง
00:55:33 → 00:55:37 ๆของเด็กคุณพ่อและคุณแม่จึงมีอีกหน้าที่
00:55:37 → 00:55:40 ที่สำคัญที่จะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจ
00:55:40 → 00:55:43 และส่งเสริมให้เด็กๆได้เล่นและทำกิจกรรม
00:55:43 → 00:55:46 อื่นๆอย่างถูกต้องซึ่งนอกจากจะทำให้ผ่อน
00:55:46 → 00:55:50 คลายแล้วเด็กๆก็ยังได้ฝึกฝนทักษะที่สำคัญ
00:55:50 → 00:55:54 ในการดำรงชีวิตไปพร้อมกันด้วยหากท่านใดสน
00:55:54 → 00:55:57 ใจสาระความรู้จากทางณกายภาพบำบัด
00:55:57 → 00:56:00 มหาวิทยาลัยมหิดลในวันนี้สามารถติดต่อ
00:56:00 → 00:56:03 เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับคำปรึกษา
00:56:03 → 00:56:09 ได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 02 433 7098 ต่อ
00:56:09 → 00:56:13 2181 หรือผ่านทางเว็บไซต์
00:56:13 → 00:56:17 www.ptd.ac.th
00:56:17 → 00:56:55 [เพลง]
00:56:55 → 00:56:56 เ
00:56:56 → 00:57:04 [เพลง]
00:57:04 → 00:57:07 เ