00:00:00 → 00:00:02 การมีหินปูนเกาะหัวใจนี่มันทำให้หัวใจ
00:00:02 → 00:00:04 แข็งแรงขึ้นไหมครับคุณหมอ
00:00:04 → 00:00:06 เพราะว่าเรามักจะได้ยินเพลงโอ้โหเมื่อ
00:00:06 → 00:00:08 ก่อนเนี่ยหัวใจไม่ได้สนใจเหล็กนิ่งมีหิน
00:00:08 → 00:00:10 ปูนมาเกาะด้วยทำให้หัวใจเราจะแข็งแรงใช่
00:00:10 → 00:00:11 ไหมฮะ
00:00:11 → 00:00:14 ไม่น่าจะเป็นยังไง
00:00:14 → 00:00:17 คุณหมอบอกถามอะไรครับเนี่ยยังไงครับคุณ
00:00:17 → 00:00:19 หมอครับมันมันเกี่ยวข้องกันไหมครับกับหัว
00:00:19 → 00:00:21 ข้อที่เราพูดคุยกันในวันนี้เรื่องของการ
00:00:21 → 00:00:25 ทานแคลเซียมเยอะๆแล้วมันมีความสุ่มเสี่ยง
00:00:25 → 00:00:28 เรื่องของหินปูนมาเกาะหัวใจของเราฮะ
00:00:28 → 00:00:31 จริงๆแล้วก็คือแคลเซียมอ่ะค่ะเป็นแร่ธาตุ
00:00:31 → 00:00:34 ที่สำคัญในการสร้างกระดูกและฟันแล้วก็นอก
00:00:34 → 00:00:36 จากนั้นแคลเซียมเนี่ยก็ยังช่วยในเรื่อง
00:00:36 → 00:00:39 ของการหดตัวของกล้ามเนื้อการเต้นของหัวใจ
00:00:39 → 00:00:42 การแข็งตัวของเลือดเมื่อมีบาดแผลในเรื่อง
00:00:42 → 00:00:44 ของการทำงานของระบบประสาทช่วยกระตุ้นการ
00:00:45 → 00:00:47 ทำงานของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกายเราก็
00:00:47 → 00:00:49 ที่สำคัญคือร่างกายเราไม่สามารถสร้าง
00:00:49 → 00:00:51 แคลเซียมได้เองนะคะจะต้องได้รับจากกระแส
00:00:51 → 00:00:55 อ่าอาหารที่เราทานเข้าไปถามว่าการกิน
00:00:55 → 00:00:58 แคลเซียมที่เยอะเกินไปโดยทั่วๆไปอ่ะค่ะ
00:00:58 → 00:01:01 แคลเซียมที่เราทานมันไม่ได้สามารถดูดซึม
00:01:01 → 00:01:04 ได้ 100% แคลเซียมเม็ดหรือว่าแคลเซียม
00:01:04 → 00:01:06 คาร์บอเนตที่เรากินนะคะจะดูดซึมได้อยู่
00:01:06 → 00:01:09 แค่ประมาณ 10 ถึง 30% ซึ่งอยู่กับว่ากิน
00:01:09 → 00:01:12 ก่อนหรือหลังอาหารนะคะเพราะฉะนั้นการบอก
00:01:12 → 00:01:15 ว่าการกินแคลเซียมที่เยอะเกินลงไปแปลว่า
00:01:15 → 00:01:19 ต้องกินวันนึงขณะที่สูงมากๆโดยทั่วไปค่ะ
00:01:19 → 00:01:21 เรายังมีความต้องการในการใช้แคลเซียมอยู่
00:01:21 → 00:01:23 ประมาณวันละ 1,000 ถึง 1,200 มิลลิกรัม
00:01:23 → 00:01:26 ต่อวันการที่เรากินเข้าไปถ้าเกิดอุ๋มไม่
00:01:26 → 00:01:28 ได้กินขนาดกับ 5-6 เมตรต่อเนื่องกันเป็น
00:01:28 → 00:01:32 ระยะเวลายาวๆไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาแล้ว
00:01:32 → 00:01:38 ก็ถามว่าแล้วตัวแคลเซียมอ่ะค่ะที่หมอเข้า
00:01:38 → 00:01:41 ใจว่าน่าจะเป็นคลิปอันที่บอกว่าเราต้อง
00:01:41 → 00:01:43 ก่อนที่จะกินแคลเซียมเนี่ยให้ตรวจ
00:01:43 → 00:01:46 แคลเซียม score ก่อนหรือเปล่าประมาณนั้น
00:01:46 → 00:01:49 ใช่ไหมคะก็คือต้องบอกได้เลยว่าจริงๆแล้ว
00:01:49 → 00:01:52 ถามว่ามันมีความสัมพันธ์กันบ้างไหมในเวลา
00:01:52 → 00:01:55 ที่มีระดับแคลเซียมในร่างกายสูงนานๆจะทำ
00:01:55 → 00:01:57 ให้มีหินปูนไปเกาะที่หลอดเลือดหัวใจเพิ่ม
00:01:57 → 00:02:00 มากขึ้นก็มีได้ค่ะแต่ว่าในกลุ่มนั้นเนี่ย
00:02:00 → 00:02:02 แปลว่าต้องมีโรคบางอย่างที่ทำให้เกิด
00:02:03 → 00:02:06 ปัญหาเรื่องของแคลเซียมในร่างกายสูงที่
00:02:06 → 00:02:08 เราเจอกันเยอะๆก็คือคนไข้ที่กลุ่มไตวาย
00:02:09 → 00:02:12 ที่มีการล้างไตกลุ่มนั้นก็จะมีระดับของ
00:02:12 → 00:02:15 ฮอร์โมนตัวนึงที่พาราเป็นฮอร์โมนผิดปกติ
00:02:15 → 00:02:17 ซึ่งมันเป็นตัวที่ควบคุมแคลเซียมเมื่อ
00:02:17 → 00:02:20 แคลเซียมสูงเป็นระยะเวลายาวๆมันก็อาจจะ
00:02:20 → 00:02:23 เป็นพอกตามที่ต่างๆและแน่นอนเส้นเลือดหัว
00:02:23 → 00:02:25 ใจก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะแต่ถ้าเป็นจากการกิน
00:02:25 → 00:02:28 เสริมเองโดยที่ไม่มีโรคประจำตัวโดยส่วน
00:02:28 → 00:02:31 มากแล้วมักไม่ได้ทำให้เกิดปัญหา
00:02:31 → 00:02:34 แคลเซียมที่เกาะอยู่บริเวณหลอดเลือดนะคะ
00:02:34 → 00:02:36 มันไม่ได้เป็นจากว่าแคลเซียมในร่างกายสูง
00:02:36 → 00:02:39 มันเลยมาเกาะแต่ว่ามันจะเป็นในลักษณะของ
00:02:39 → 00:02:43 การเสื่อมของตัวหลอดเลือดเองมากกว่าเมื่อ
00:02:43 → 00:02:45 มีคราบไขมันมาเกาะที่หลอดเลือดของเส้น
00:02:45 → 00:02:47 เลือดหัวใจนะคะเส้นเลือดหัวใจคือเส้น
00:02:47 → 00:02:50 เลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจก็จะทำ
00:02:51 → 00:02:53 ให้มันมีการอักเสบเรื้อรังพอมันมีการ
00:02:53 → 00:02:55 อักเสบเรื้อรังจากที่มันมีไขมันมาเกาะมัน
00:02:55 → 00:03:01 ก็จะทำให้มีแคลเซียมมาเกาะค่ะ
00:03:02 → 00:03:06 ก็คือถ้าไม่มีโรคอย่างที่คุณหมอบอกเช่นไต
00:03:06 → 00:03:08 เรื้อรังอะไรอย่างนี้มันก็จะไม่ไม่ทำให้
00:03:08 → 00:03:11 แคลเซียมที่เรากินเข้าไปซึ่งมันเป็นการ
00:03:11 → 00:03:15 ดูดซึมที่น้อยอยู่แล้วใช่ไหมคะคุณหมอใช่
00:03:15 → 00:03:18 ค่ะ 10% เท่านั้นเองมันไม่คนทั่วไปเอา
00:03:18 → 00:03:22 ง่ายๆก็คือเอ่อเกิน 50% จะไม่เกิดโรคจะ
00:03:22 → 00:03:25 ไม่มีแคลเซียมเกาะหลอดเลือดหัวใจ
00:03:25 → 00:03:28 กี่เปอร์เซ็นต์คนที่ไม่มีโรคประจำตัวเลย
00:03:28 → 00:03:31 จริงๆอ่ะค่ะถ้าเกิดว่ากินแคลเซียมในขนาด
00:03:31 → 00:03:35 ที่เราให้ในคนไข้ที่หมดประจำเดือนหรือว่า
00:03:35 → 00:03:38 คนไข้ที่อายุเพิ่มมากขึ้นนะคะโดยปกติเรา
00:03:38 → 00:03:40 ก็จะเสริมประมาณวันละ 1 เม็ดอะไรประมาณ
00:03:40 → 00:03:43 นี้ซึ่ง 1 เม็ดก็จะเป็น 1,000 หรือ 1,500
00:03:43 → 00:03:46 มิลลิกรัมของความเข้มคาร์บอเนตที่กินที่
00:03:46 → 00:03:49 เป็นแคลเซียมเม็ดนะคะลืมได้ประมาณ 10 ถึง
00:03:49 → 00:03:52 30% แปลว่าเข้าไปในสู่ร่างกายเนี่ยอาจจะ
00:03:52 → 00:03:55 ได้อยู่ที่แค่ประมาณ 300 ยังต้องได้รับ
00:03:55 → 00:03:59 จากตัวอาหารอื่นๆอีกถึงจะเพียงพอในการใช้
00:03:59 → 00:04:02 ต่อวันด้วยซ้ำไปค่ะซึ่งพวกนี้ก็จะกิน
00:04:02 → 00:04:05 เสริมคู่กับตัววิตามินดีเพื่อช่วยใน
00:04:06 → 00:04:08 เรื่องของการดูดซึมและการนำไปใช้ค่ะเพราะ
00:04:09 → 00:04:12 ฉะนั้นหาให้ใครกังวลได้แล้วที่คุณหมอบอก
00:04:12 → 00:04:16 ว่าการตรวจแคลเซียมสกอร์ลิ่ง CT เนี่ยการ
00:04:16 → 00:04:19 ตรวจตรงนี้เนี่ยมันจะส่งผลหรือว่าเราจะ
00:04:19 → 00:04:21 มองเห็นอะไรจากจากผลการตรวจได้บ้างครับ
00:04:21 → 00:04:24 คุณหมอครับ
00:04:24 → 00:04:26 การตรวจเขาเรียกว่าจะเป็นการตรวจ
00:04:26 → 00:04:29 โคโรนารี่แคลเซียม scoring CP นะคะจะ
00:04:29 → 00:04:32 เป็นการตรวจโดยใช้เครื่องเอกซเรย์
00:04:32 → 00:04:35 คอมพิวเตอร์โดยที่ไม่มีการฉีดสีหรืออะไร
00:04:35 → 00:04:39 เข้าไปในร่างกายนะคะเราจะแนะนำในกลุ่มคน
00:04:39 → 00:04:41 ที่เอาไว้สำหรับการประเมินความเสี่ยง
00:04:41 → 00:04:45 เพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจนะคะก็อาจจะ
00:04:45 → 00:04:48 เป็นอายุมากกว่า 45 ปีหรือ 50 ปีนะคะซึ่ง
00:04:48 → 00:04:51 อยู่กับความเสี่ยงว่าคนนั้นมีปัญหาเรื่อง
00:04:51 → 00:04:54 ไขมันในเลือดสูงความดันโลหิตสูงมีใน
00:04:54 → 00:04:56 เรื่องของการสูบบุหรี่หรือเปล่าอะไรอย่าง
00:04:56 → 00:04:59 นี้ค่ะถ้าเกิดว่าความดันมีปัญหาเรื่องของ
00:04:59 → 00:05:01 โรคประจำตัวหลายอย่างก็ถือว่าอยู่ในกลุ่ม
00:05:01 → 00:05:04 ความเสี่ยงสูงการประเมินแบบนี้ก็จะได้บอก
00:05:04 → 00:05:07 ว่าเราควรจะป้องกันระดับไหนตัวแคลเซียม
00:05:07 → 00:05:10 เองค่ะก็จะแบ่งระดับเป็นตัวเลขก็คือระดับ
00:05:10 → 00:05:14 0 ไปจนถึงโดยทั่วๆไปเขาจะแบ่งเป็น 0
00:05:14 → 00:05:18 แล้วก็ 0-100 มากกว่า 100 แล้วก็มากกว่า
00:05:18 → 00:05:22 400 ถ้ากรณีที่สูงเนี่ยก็แปลว่าโอกาสการ
00:05:22 → 00:05:24 เกิดเรื่องของความเสี่ยงของหัวใจวายเฉียบ
00:05:24 → 00:05:27 พลันเนี่ยจะต่ำนะคะถ้าเกิดว่ามากกว่า 400
00:05:27 → 00:05:30 ขึ้นไปเนี่ยเขาก็บอกว่าโอกาสการเกิดหัวใจ
00:05:30 → 00:05:33 วายนะคะในระยะ 10 ปีเนี่ยก็คือจะค่อนข้าง
00:05:33 → 00:06:35 สูง
00:06:36 → 00:06:40 ถ้าเจ็บแน่นหน้าอกเนี่ยก็คือเป็นอาการของ
00:06:40 → 00:06:43 ของหลอดเลือดใช่ไหมคะไม่อาจจะไม่ใช่กับ
00:06:43 → 00:06:47 แคลเซียมก็ได้คือโดยทั่วๆไปอ่ะค่ะต้องบอก
00:06:47 → 00:06:49 ว่าแคลเซียมเนี่ยมันเป็นการประเมินความ
00:06:49 → 00:06:52 เสี่ยงมากกว่าค่ะว่าถ้าเรามีแคลเซียมที่
00:06:52 → 00:06:54 เกาะอยู่ที่หัวใจเนอะอย่างที่คนขายที่หมอ
00:06:54 → 00:06:57 แจ้งไปว่าแคลเซียมเนี่ยมันมักจะเกิดจาก
00:06:57 → 00:07:00 เรามีไขมันไปเกาะที่หลอดเลือดมีผลงานไป
00:07:00 → 00:07:03 เกาะที่หลอดเลือดมันมีการอักเสบตามมาจาก
00:07:03 → 00:07:05 การที่มีไขมันไปเกาะแล้วก็จะทำให้มี
00:07:05 → 00:07:08 แคลเซียมมาเกาะซ้ำเราก็เลยประเมินตรงนั้น
00:07:08 → 00:07:10 เป็นการประเมินความเสี่ยงแต่ว่าถ้าเกิด
00:07:10 → 00:07:13 เมื่อไหร่เรามีอาการมันอาจจะแปลว่าเรามี
00:07:13 → 00:07:17 เส้นเลือดที่ตีบแล้วมันมีหินปูนไขมันมัน
00:07:17 → 00:07:20 เกาะจนมีลักษณะของตัวเส้นเลือดที่มันตีบ
00:07:20 → 00:07:23 อย่างเงี้ยค่ะจนทำให้เกิดมีอาการอาการของ
00:07:23 → 00:07:26 หัวใจก็จะเป็นลักษณะหนักๆแน่นๆทางสังคมมี
00:07:26 → 00:07:29 แล้วมาบ่าเร้ามากาอาการสัมพันธ์กับการออก
00:07:29 → 00:07:32 กำลังกายออกแรงก็อาจจะสงสัยเรื่องของเส้น
00:07:32 → 00:07:34 เลือดหัวใจถ้าเป็นแบบนี้แล้วเราไม่ได้แนะ
00:07:34 → 00:07:36 นำให้ตรวจเรื่องของแคลเซียมสหกรณ์แล้วค่ะ
00:07:36 → 00:07:39 แต่จะต้องแนะนำในการตรวจเรื่องของตัวเส้น
00:07:39 → 00:07:42 เลือดอาจจะเป็นในลักษณะของ
00:07:42 → 00:07:44 อาการอย่างอื่นเพิ่มเติมที่ถ้าเราความ
00:07:44 → 00:07:47 เสี่ยงสูงก็อาจจะต้องส่งไปตรวจเป็นใน
00:07:47 → 00:07:50 เรื่องของการฉีดสีดูเส้นเลือดหัวใจหรือ
00:07:50 → 00:07:53 Excel ในคอมพิวเตอร์ที่มีการฉีดสีเข้าไป
00:07:53 → 00:07:56 ประเมินด้วยเลยนะคะแต่สำหรับแคลเซียม
00:07:56 → 00:07:59 สกอร์อันนี้เหมาะกับคนไข้ที่ไม่มีอาการ
00:07:59 → 00:08:02 คือไม่มีเจ็บไม่มีแน่นหน้าอกแต่อยู่ใน
00:08:02 → 00:08:05 กลุ่มของความเสี่ยงสูงเพื่อเราจะได้รู้
00:08:05 → 00:08:07 ว่าออกพอเราทำแล้วความเสี่ยงเราอยู่ระดับ
00:08:07 → 00:08:12 ไหนถ้าเกิดว่าเราเชื่อมมากกว่า 0 ก็สบาย
00:08:12 → 00:08:15 ใจได้ระดับหนึ่งว่าเราก็แค่ลักษณะของ
00:08:15 → 00:08:19 ไลฟ์สไตยบริเวณออกกำลังกายกินอาหารที่มี
00:08:19 → 00:08:22 ประโยชน์นะคะก็อาจจะเพียงพอแต่ถ้าเรา
00:08:22 → 00:08:25 แคลเซียม score มากกว่า 400 ถ้าแบบนั้นก็
00:08:25 → 00:08:27 คือเรามีความเสี่ยงสูงและเราก็จะต้องกิน
00:08:27 → 00:08:32 ยาลดไขมันนะคะกลุ่มสแตนตินแล้วก็อาจจะ
00:08:32 → 00:08:34 ต้องมีการตรวจเพิ่มเติมอันนี้มันไม่มีคำ
00:08:34 → 00:08:37 แนะนำที่ชัดเจนว่ามันมากกว่า 400 เนี่ยจะ
00:08:37 → 00:08:40 ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมแต่ว่าโดยทั่วๆไปคำ
00:08:40 → 00:08:42 แนะนำของสมาคมของเรายังเป็นในลักษณะของ
00:08:42 → 00:08:45 การตรวจเขาเรียกไมโอคาเดีย Position อาจ
00:08:45 → 00:08:48 จะเป็นลักษณะของการตรวจ MRI เฟซหรือว่า
00:08:48 → 00:08:51 การตรวจในเรื่องของการทำ
00:08:51 → 00:08:54 Exercise Echo อย่างนี้ค่ะก็คือประเมิน
00:08:54 → 00:08:57 เพิ่มเติมว่าเราความเสี่ยงอยู่ในระดับไหน
00:08:57 → 00:09:00 แล้วจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมไหมค่ะทีนี้พอ
00:09:00 → 00:09:03 เราพอจะทราบเรื่องของการตรวจแคลเซียมและ
00:09:03 → 00:09:05 ทีนี้ผมเลยอยากจะทราบว่าไอ้เจ้าเห็น
00:09:05 → 00:09:08 ปูเนี่ยที่มันจะมาเกาะตามหลอดเลือดหรือ
00:09:08 → 00:09:12 ว่าตัวหัวใจของเราเองเนี่ยมันจะสร้างผล
00:09:12 → 00:09:16 กระทบอะไรให้กับร่างกายของเราได้ได้บ้าง
00:09:16 → 00:09:18 ครับคุณหมอฮะ
00:09:18 → 00:09:23 ตัวหินปูนที่มาเกาะที่เราทราบจากตัวโคลี่
00:09:23 → 00:09:26 แคลเซียมสกอร์เลส CT จะบอกได้แค่ลักษณะ
00:09:26 → 00:09:29 ของความเสี่ยงในการเกิดโรคค่ะเช่นแบบพี่
00:09:30 → 00:09:32 หมอแจ้งว่าถ้าระดับมันต่ำก็คือ 0 เลย
00:09:32 → 00:09:34 เนี่ยความเสี่ยงก็ต่ำมากแต่ถ้าเมื่อไหร่
00:09:34 → 00:09:37 ก็ตามอ่ะค่ะที่ระดับมันสูงขึ้นมาก็อาจจะ
00:09:37 → 00:09:39 ต้องมีการประเมินเพื่อที่จะได้รับการ
00:09:39 → 00:09:44 รักษาแต่ถ้าหากว่ากับการคือในคนไข้ที่มี
00:09:44 → 00:09:47 ภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบแล้วนะคะและมีหิน
00:09:47 → 00:09:50 ปูนมาก่อนนะคะมันก็จะเพิ่มความยากในการ
00:09:50 → 00:09:54 รักษาในการฝึกหัวใจในการใส่ขดลวดในการ
00:09:54 → 00:09:56 ขยายของหลอดเลือดหัวใจซึ่งการรักษาแบบนี้
00:09:56 → 00:09:59 เนี่ยถ้าเกิดแคลเซียมอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อน
00:09:59 → 00:10:03 ข้างสูงแต่ต้องมีการพิจารณาในการกรอใน
00:10:03 → 00:10:05 เรื่องของแคลเซียมออกก่อนในการทำบอลลูน
00:10:05 → 00:10:08 เขาก็จะเรียกว่าการก่อได้ขึ้นก่อหัว
00:10:08 → 00:10:10 กอเพชรเลวใต้เวเตอร์ก็จะทำให้การทำบอลลูน
00:10:10 → 00:10:13 นั้นยากขึ้นความเสี่ยงสูงขึ้นค่ะก็คือมัน
00:10:13 → 00:10:16 อาจจะนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้
00:10:16 → 00:10:18 อย่างนั้นใช่ไหมครับคุณหมอถ้ามันมีเยอะ
00:10:18 → 00:10:21 มากๆเสียงมากๆอย่างนี้
00:10:21 → 00:10:24 ในกรณีของตรวจโคลี่แคลเซียม score ค่ะอัน
00:10:24 → 00:10:27 นั้นก็คือเราจะประเมินเป็นระดับของความ
00:10:27 → 00:10:31 เสี่ยงแต่ถ้าเกิดว่าบอกว่าอันนั้นคือเรา
00:10:31 → 00:10:33 ยังไม่รู้เลยไม่มีอาการเราไม่รู้ว่ามี
00:10:33 → 00:10:36 เส้นเลือดหัวใจตีบไหมเราก็จะประเมินจาก
00:10:36 → 00:10:38 หินปูนเพื่อบอกของความเสี่ยงของการเกิด
00:10:38 → 00:10:42 ภาวะหัวใจวายแต่ถ้าเกิดบอกว่าโอเคเรารู้
00:10:42 → 00:10:45 แล้วว่ามีเส้นเลือดตีบนะแล้วหินปูนก็เยอะ
00:10:45 → 00:10:47 ด้วยอันนั้นก็จะเป็นความเสี่ยงของการ
00:10:48 → 00:10:50 เพิ่มขึ้นในการทำการสถานการณ์การรักษาค่ะ
00:10:50 → 00:10:55 อาทิตย์นี้คือเราก็พอจบวิธีการตรวจ
00:10:55 → 00:10:58 สาเหตุที่มันมันมานั่นก็คือนอกจากเรื่อง
00:10:58 → 00:11:00 ของไขมันที่มันเยอะไขมันมันนำมาซึ่ง
00:11:00 → 00:11:02 แคลเซียมคือคือหมายถึงว่าการรับประทาน
00:11:02 → 00:11:05 อาหารของของเราในชีวิตประจำวันใช่ไหมครับ
00:11:05 → 00:11:08 ที่มันอาจจะนำไปสู่เรื่องของการสะสมของ
00:11:08 → 00:11:11 เจ้าหินปูนได้ใช่ไหมฮะคุณหมอ
00:11:11 → 00:11:15 ปิ๊วที่เกิดในหลอดเลือดอ่ะค่ะอย่างที่หมอ
00:11:15 → 00:11:17 แจ้งถ้าไม่ได้มีภาวะโรคที่มีพาราไทรอยด์
00:11:17 → 00:11:20 ฮอร์โมนสูงเช่นโรคไตวายหรือว่ามีรถของ
00:11:20 → 00:11:23 พาราไทรอยด์ฮอร์โมนเองแล้วอ่ะค่ะอาหารที่
00:11:23 → 00:11:26 เป็นผลจะไม่ใช่แคลเซียมโดยตรงนะคะจะเป็น
00:11:26 → 00:11:29 อาหารรวมกลุ่มของที่มีไขมัน
00:11:29 → 00:11:33 พอมีไขมันสูงตัวไขมันส่วนที่เกินอ่ะค่ะ
00:11:33 → 00:11:37 มันก็จะเก็บสะสมในหลอดเลือดคือมีอาการไป
00:11:37 → 00:11:40 เกาะที่หลอดเลือดที่มีไขมันไปเกาะที่หลอด
00:11:40 → 00:11:43 เลือดก็จะทำให้ตัวหลอดเลือดเกิดการอักเสบ
00:11:43 → 00:11:47 พอเกิดการอักเสบก็จะมีทั้งหินปูนไขมันมา
00:11:47 → 00:11:50 พอกที่มากขึ้นก็จะเกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจ
00:11:50 → 00:11:52 ติดตามมาค่ะ
00:11:52 → 00:11:56 ใช่ถ้าเราจะชี้แจงสิ่งที่เขาแชร์กันมาว่า
00:11:56 → 00:11:59 กินแคลเซียมมากจะทำให้ไปเกาะที่เราเลือก
00:11:59 → 00:12:03 หัวใจเราก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ว่าถ้ารับ
00:12:03 → 00:12:07 ประทานอาหารที่มีไขมันสูงมันจะมีผลทำให้
00:12:07 → 00:12:10 หลอดเลือดอักเสบแล้วก็เกิดปัญหาตามมาได้
00:12:10 → 00:12:15 หลอดเลือดแบบนี้ใช่ไหมคะคุณหมอใช่ค่ะการ
00:12:15 → 00:12:18 ที่กินอาหารไขมันสูงการขาดการออกกำลังกาย
00:12:18 → 00:12:21 การสูบบุหรี่อ่ะค่ะในกลุ่มนี้ก็คือจะ
00:12:21 → 00:12:24 เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะที่มีปัญหา
00:12:24 → 00:12:27 เรื่องทำให้หัวใจวายมีหินปูนเกาะที่หลอด
00:12:27 → 00:12:30 เลือดหัวใจที่เพิ่มมากขึ้นค่ะจากนั้นก็
00:12:30 → 00:12:33 คือเราไม่ได้มีความแนะนำว่าก่อนจะกิน
00:12:33 → 00:12:35 แคลเซียมเสริมควรจะตรวจลักษณะของแคลเซียม
00:12:35 → 00:12:39 ตะกอแต่คำแนะนำก็คือถ้าในกรณีของการกิน
00:12:39 → 00:12:42 แคลเซียมอาจจะเป็นเนื้อสัตว์ที่ว่าถ้าเรา
00:12:42 → 00:12:46 ไม่ได้มีโรคประจำตัวนะคะเราก็อาจจะกิน
00:12:46 → 00:12:49 แคลเซียมเสริมได้ในขณะที่เหมาะสมก็คือ
00:12:49 → 00:12:51 อย่างที่หมอแซ่จึงพันถึง 1,500 มิลลิกรัม
00:12:51 → 00:12:54 ต่อวันนะคะแต่ถ้าเกิดเรามีโรคประจำตัว
00:12:54 → 00:12:57 เช่นโรคไตวายเราก็ต้องกินแคลเซียมเสริม
00:12:57 → 00:13:00 ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอในการเจาะเลือดดู
00:13:00 → 00:13:04 ระดับแคลเซียมในเลือดนะคะแต่ถ้าเกิดบอก
00:13:04 → 00:13:06 ว่าโอเคเราเป็นคนกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
00:13:06 → 00:13:10 นะเช่นมีความดันโลหิตสูงมีไขมันในเลือด
00:13:10 → 00:13:14 สูงมาก่อนมีสูบบุหรี่มาก่อนแล้วเราบอกว่า
00:13:14 → 00:13:16 เออแล้วฉันก็รู้ได้ยังไงว่าฉันมีความ
00:13:16 → 00:13:18 เสี่ยงการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบหรือว่ามี
00:13:18 → 00:13:20 โอกาสการเกิดเส้นเลือดหัวใจวายเยอะขนาด
00:13:20 → 00:13:22 ไหน
00:13:22 → 00:13:25 ก็คือมีประโยชน์ในจุดนั้นค่ะก็คือเพื่อมา
00:13:25 → 00:13:28 บอกความเสี่ยงว่าโอเคถ้าคุณน้ายังไม่มี
00:13:28 → 00:13:31 แคลเซียมมาเกาะเลยโอกาสการเกิดหัวใจวาย
00:13:31 → 00:13:34 หรือโอกาสการเกิดเรื่องของปัญหาของหลอด
00:13:34 → 00:13:37 เลือดหัวใจอ่ะค่ะก็จะน้อยแต่ถ้าเมื่อไหร่
00:13:37 → 00:13:40 ก็ตามคุณมีปัญหาว่าตัดเส้นตะกอคุณสูงแล้ว
00:13:40 → 00:13:42 อย่างนั้นก็คือคุณก็ต้องตั้งใจลดทุกอย่าง
00:13:42 → 00:13:46 แล้วกินยาสม่ำเสมอกลุ่มอาหารออกกำลังกาย
00:13:46 → 00:13:50 ใช่ค่ะอันนี้ก็สบายใจไปหลายหลายเปราะเลย
00:13:50 → 00:13:53 สำหรับคนที่ทานแคลเซียมอยู่เมื่อกี้ตอน
00:13:53 → 00:13:56 ต้นๆเนี่ยคุณหมอบอกว่าสำหรับหญิงที่ไม่
00:13:56 → 00:13:59 ใช่คือบทประจำเดือนแล้วเนี่ยเราเคยได้ยิน
00:13:59 → 00:14:01 กันมาว่าแคลเซียมเนี่ยจะเข้าไปดูแลกระดูก
00:14:01 → 00:14:04 ได้เมื่อยังมีเอ่อประจำเดือนอยู่อย่างนี้
00:14:04 → 00:14:06 เพื่อเป็นประจำเดือนเราก็ทานแคลเซียมก็
00:14:06 → 00:14:08 ยังเสริมได้อยู่ใช่ไหมคะคุณหมอคะถูกต้อง
00:14:09 → 00:14:12 ค่ะก็คือเราเนี่ยนำว่าในคนแก่ที่หมดประจำ
00:14:12 → 00:14:14 เดือนเนี่ยจริงๆมีความต้องการที่สูงมาก
00:14:14 → 00:14:17 ขึ้นด้วยค่ะเพราะมันมีการสลายแคลเซียมจาก
00:14:17 → 00:14:20 กระดูกที่เพิ่มมากขึ้นในจากที่เราขาด Asus
00:14:20 → 00:14:23 เส้นซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงไปแล้วก็คือ
00:14:23 → 00:14:25 การเสริมแคลเซียมอย่างเดียวอาจจะไม่เพียง
00:14:25 → 00:14:28 พอเราแนะนำให้เสริมแคลเซียมคู่กับวิตามิน
00:14:28 → 00:14:32 ดีนะคะเพราะจะทำให้การดูดซึมของเส้นและ
00:14:32 → 00:14:34 การเอาแคลเซียมไปใช้เนี่ยสามารถทำได้ดี
00:14:34 → 00:14:38 มากขึ้นค่ะคือทางที่จำเป็นเลยใช่มั้ย
00:14:38 → 00:14:40 วิตามินดีเสริมเข้าไปด้วยเพื่อเป็นการ
00:14:40 → 00:14:44 ลำเลียงแคลเซียมเสริมใช่ไหมฮะเออเอาไปใช้
00:14:44 → 00:14:48 ได้ช่วยในเรื่องของการดูดซึมแล้วก็การนำ
00:14:48 → 00:14:49 แคลเซียมไปใช้นะคะ
00:14:49 → 00:14:53 โดยทั่วๆไปเราคิดว่าคนไทยอาจจะไม่ได้มี
00:14:53 → 00:14:55 ปัญหาเรื่องของการขาดวิตามินดีเพราะว่า
00:14:55 → 00:14:57 แดดแสงแดด
00:14:57 → 00:15:01 แต่จริงๆแล้วอ่ะค่ะจากการทำการศึกษามาค้น
00:15:01 → 00:15:03 พบว่าจริงๆแล้วคนไทยขาดวิตามินดีเยอะมาก
00:15:03 → 00:15:08 นะคะคุณก็คือชายค่ะเพราะว่ามันมีหลาย
00:15:08 → 00:15:11 ปัจจัยเลยทีเดียวพออายุเยอะในคนสูงอายุ
00:15:11 → 00:15:14 ใช่ไหมคะแล้วก็ไม่ได้ออกไปโดนแดดเท่ากับ
00:15:14 → 00:15:17 สมัยที่เราอายุน้อยแล้วแล้วก็การที่
00:15:17 → 00:15:20 สังเคราะห์วิตามินดีทั้งหมดก็เริ่มอาจจะ
00:15:20 → 00:15:23 เริ่มมีปัญหาฉะนั้นก็คือทำให้มีการศึกษา
00:15:23 → 00:15:25 ว่าจริงๆแล้วก็มีปัญหาเรื่องของการขาย
00:15:25 → 00:15:30 วิตามินดีโดยทั่วๆไปหลังจากที่พออายุเยอะ
00:15:30 → 00:15:33 ขึ้นมีการไปตรวจปัญหาในเรื่องของเกินภาวะ
00:15:33 → 00:15:37 กระดูกพรุนเขาก็จะแนะนำให้เสริมไปในสังคม
00:15:37 → 00:15:44 แคลเซียมและวิตามินดีคู่กันค่ะ
00:15:44 → 00:15:52 ช่วงสูงวัยกันหลายคนพอสมควรทีเดียวครับ
00:15:52 → 00:15:55 แคลเซียมที่มาเป็นเม็ดอะไรอย่างนี้นะครับ
00:15:55 → 00:15:59 ทานอะไรที่มันจะเพียงพอต่อความต้องการใน
00:15:59 → 00:16:01 ร่างกายในแต่ละวันเนี่ยก็ต้องทานมากขนาด
00:16:01 → 00:16:05 ไหนฮะพอพอจะเอ่อกะเกณฑ์ปริมาณให้สักหน่อย
00:16:05 → 00:16:12 ได้มั้ยอย่างนมเด็ก
00:16:12 → 00:16:16 ก็คือในอาหารที่มีแคลเซียมสูงนะคะประกอบ
00:16:16 → 00:16:19 ไปด้วยอะไรได้บ้างก็จะเป็นในลักษณะของพวก
00:16:19 → 00:16:24 นมกุ้งแห้งปลาตัวเล็กที่กินทั้งก้างกะปิ
00:16:24 → 00:16:27 แล้วก็ผักใบเขียวงาดำแล้วก็ถั่วเหลืองนะ
00:16:27 → 00:16:30 คะส่วนในเรื่องคำถามว่าเราจะต้องกิน
00:16:30 → 00:16:33 ปริมาณขนาดไหนถึงจะเพียงพอเนี่ยก็ต้อง
00:16:33 → 00:16:37 ขึ้นอยู่กับการดูดซึมด้วยค่ะก็คือเช่นถ้า
00:16:37 → 00:16:39 แบบว่าเรามีการดูดซึมได้ดีก็อาจจะปริมาณ
00:16:39 → 00:16:42 ไม่ต้องมากนักแต่ถ้าการดูดซึมมันลดลงก็
00:16:42 → 00:16:44 อาจจะต้องใช้
00:16:44 → 00:16:48 ปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นโดยทั่วๆไปถามว่า
00:16:48 → 00:16:52 เรากินแคลเซียมเฉพาะในอาหารอย่างเดียวมัน
00:16:52 → 00:16:57 เพียงพอไหมอย่างนี้ใช่ไหมคะก็คือมัน
00:16:57 → 00:17:01 โดยทั่วๆไปอ่ะค่ะเช่นถ้าเรากินนมสดนะคะ 1
00:17:01 → 00:17:04 กล่องนะคะ 24 cc จะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ
00:17:04 → 00:17:09 226 มิลลิกรัมนะคะถ้าเป็นลักษณะของยุค
00:17:09 → 00:17:13 เกิด 1 ถ้วยก็เป็นแคลเซียมอยู่ประมาณ 240
00:17:13 → 00:17:18 นะครับถ้าเป็นเนื้อสัตว์ของกลุ่มของงาดำ 1
00:17:18 → 00:17:20 ช้อนโต๊ะก็จะมีปริมาณแคลเซียมอยู่ประมาณ
00:17:20 → 00:17:23 132 มิลลิกรัมส่วนในเรื่องของพวกกุ้งฝอย
00:17:23 → 00:17:25 กุ้งแห้งก็จะอยู่ประมาณร้อยกว่ามิลลิกรัม
00:17:25 → 00:17:27 เช่นเดียวกันฉะนั้นเมื่อกี้ที่หมอบอกว่า
00:17:27 → 00:17:31 เรามีความต้องการอยู่ประมาณวันละ
00:17:31 → 00:17:41 1000-1200 มิลลิกรัมอาจจะไม่เพียงพอค่ะ
00:17:41 → 00:17:43 ประมาณอันนี้อันนี้คือในวัยไหนครับหรือ
00:17:43 → 00:17:47 ว่าทุกเพศทุกวัยเลยที่ประมาณสัก
00:17:47 → 00:17:49 1,200 เป็น 1,000 mg
00:17:49 → 00:17:53 คนที่ต้องการปริมาณแคลเซียมที่เยอะจะเป็น
00:17:53 → 00:17:56 ในลักษณะของเด็กผู้หญิงตั้งครรภ์แล้วก็คน
00:17:56 → 00:17:59 ที่สูงอายุค่ะที่จะเป็นกลุ่มที่ต้องการ
00:17:59 → 00:18:02 แคลเซียมมากกว่ากลุ่มอื่นๆเพราะว่าถ้าใน
00:18:02 → 00:18:05 เด็กก็ยังมีการสร้างเสริมอยู่ใช่ไหมคะก็
00:18:05 → 00:18:08 คือทั้งกระดูกสร้างเรื่องของฟันในคนสูง
00:18:08 → 00:18:10 อายุมันมีการสลายของแคลเซียมได้ง่ายกว่า
00:18:10 → 00:18:14 คนปกติค่ะส่วนในคนท้องก็แน่นอนไม่ใช่แค่
00:18:14 → 00:18:16 เขาใช้ก็ยังต้องมีการสร้างกระดูกให้เด็ก
00:18:16 → 00:18:20 ในท้องอีกด้วยค่ะก็คือ 1,000 ถึง 1,200
00:18:20 → 00:18:23 นี้จะเป็นเลขของเด็กคนสูงอายุหรือว่าคน
00:18:23 → 00:18:26 ตั้งครรภ์ส่วนในคนปกติทั่วไปอาจจะต้องการ
00:18:26 → 00:18:28 น้อยกว่านั้น
00:18:28 → 00:18:33 ไม่จำเป็นต้องไปตะบี้ตะบันทานพวกแคลเซียม
00:18:33 → 00:18:35 เสริมที่มันเป็นเม็ดโดยเฉพาะถ้าอย่างใน
00:18:35 → 00:18:41 วัยทำงานอย่างผมไวอย่างผมเนี่ยอาหารเสริม
00:18:41 → 00:18:43 ปกติทั่วไปก็น่าจะเพียงพอใช่ไหมครับคุณ
00:18:43 → 00:18:50 หมอครับ
00:18:50 → 00:18:56 30 เออ 35 ไปทำงานค่ะก็คือเช่นถ้าเกิด
00:18:56 → 00:19:00 ว่าแบบโดยทั่วๆไปอ่ะค่ะก็คือถ้ายังเป็น
00:19:00 → 00:19:02 กลุ่มของวัยรุ่นก็ยังต้องการประมาณ 1000
00:19:02 → 00:19:05 ถึง 1,300 อยู่ค่ะแต่ถ้าอยู่ประมาณช่วง
00:19:05 → 00:19:09 ที่เลยวัยรุ่นมาแล้วจนถึง 50 ปีถ้าอย่าง
00:19:09 → 00:19:12 นี้ก็ต้องการประมาณวันละ 800 บาทค่ะแล้ว
00:19:12 → 00:19:15 ก็พอเราอายุเยอะขึ้นก็ต้องกลับไปที่ 1,000
00:19:15 → 00:19:18 ถึง 1,200 เยอะขึ้นไปอีกเช่นถ้าเกิดว่า 50
00:19:18 → 00:19:22 ปีขึ้นไปหมดประจำเดือนอย่างนี้ก็ต้องการ
00:19:22 → 00:19:25 เพิ่มขึ้นค่ะ
00:19:25 → 00:19:30 ที่อยู่ในวัยสวครับคุณหมอเขาก็ต้องทาน
00:19:30 → 00:19:32 แคลเซียมเหมือนกันมันๆมีไหมฮะไอ้แคลเซียม
00:19:32 → 00:19:34 ที่มันเป็นเม็ดที่เป็นอาหารเสริมเนี่ยมัน
00:19:34 → 00:19:37 มีช่วงเวลาที่ที่ทานช่วงเวลาไหนแล้วมันจะ
00:19:37 → 00:19:40 มีเอ่อให้ประโยชน์กับทางร่างกายได้มากที่
00:19:40 → 00:19:43 สุดหลังอาหารหายใจเย็นๆอาหารเย็นหรือว่า
00:19:43 → 00:19:46 ก่อนเช้าก่อนอาหารเย็นครับคุณหมอฮะ
00:19:46 → 00:19:49 โดยทั่วไปอ่ะค่ะการกินแคลเซียมพร้อมอาหาร
00:19:49 → 00:19:52 จะเป็นการดูดซึมของแคลเซียมได้ดีที่สุด
00:19:52 → 00:19:56 ค่ะก็จะแนะนำในการกินแคลเซียมของอาหาร
00:19:56 → 00:20:00 ลองกินพร้อมอาหารไปเลยแต่หลังอาหารทันที
00:20:00 → 00:20:04 แต่ว่าแคลเซียมที่เป็นแคลเซียมเม็ดก็จะ
00:20:04 → 00:20:07 ต้องแลกมากับปัญหาเรื่องของท้องผูกที่จะ
00:20:07 → 00:20:10 เจอเยอะเหมือนกันที่คนสูงอายุที่กิน
00:20:10 → 00:20:13 แคลเซียมเม็ดอ่ะค่ะก็จะมีปัญหาเรื่องของ
00:20:13 → 00:20:16 ท้องผูกเพราะว่าแคลเซียมในแคลเซียมแต่ละ
00:20:16 → 00:20:19 ฟองมันก็จะส่งผลแตกต่างกันแต่โดยส่วนมาก
00:20:19 → 00:20:22 ตัวของแคลเซียมเองจะทำให้มีปัญหาเรื่อง
00:20:22 → 00:20:25 ท้องผูกค่อนข้างเยอะเหมือนกันค่ะก็อาจจะ
00:20:25 → 00:20:28 ต้องเลือกฟอร์มของแคลเซียมที่มีผลน้อย
00:20:28 → 00:20:32 กว่าเช่นก็คืออย่างเช่นแคลเซียมเองก็จะมี
00:20:32 → 00:20:36 หลายฟอร์มนะคะแคลเซียมก็จะมีประมาณ 3
00:20:36 → 00:20:38 ฟองเนส
00:20:38 → 00:20:40 แคลเซียม ltonate ที่เป็นลักษณะของอาหาร
00:20:40 → 00:20:44 เสริมในปัจจุบันนะคะซึ่งก็คือแต่ละฟองก็
00:20:44 → 00:20:47 ดูดซึมได้ไม่เท่ากันค่ะโดยทั่วๆไปแล้ว
00:20:47 → 00:20:52 เนี่ยก็คือตัวแคลเซียม
00:20:52 → 00:20:55 คาร์บอเนตไม่มีปัญหาไม่มีปัญหาระคายเคือง
00:20:55 → 00:20:56 ครับ
00:20:56 → 00:20:58 แล้วก็กินแคลเซียมคาร์บอเนตแคลเซียม
00:20:58 → 00:21:00 คาร์บอเนตจะเป็นแคลเซียมที่รัฐบาล
00:21:00 → 00:21:03 ซัพพอร์ตค่ะแต่ว่าเราสามารถใช้สิทธิบัตร
00:21:03 → 00:21:06 ทุกสิทธิบัตรสามารถเบิกได้ไม่เสียค่าใช้
00:21:06 → 00:21:08 จ่ายที่จำนวนกับวิตามินดีเช่นเดียวกันคือ
00:21:08 → 00:21:11 ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อรัฐบาลยินดี support
00:21:11 → 00:21:13 เราเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน
00:21:13 → 00:21:16 จากคนที่จะไปขอนี่คือต้องมีความสุ่ม
00:21:16 → 00:21:18 เสี่ยงว่าแคลเซียมไม่เพียงพอต่อร่างกาย
00:21:18 → 00:21:21 ใช่ไหมครับไม่ใช่ว่าอยู่ๆเนี่ยผมเดินดุ่ม
00:21:21 → 00:21:24 ๆเข้าไปโรงพยาบาลเภสัชครับผมอยากได้
00:21:24 → 00:21:26 แคลเซียมครับวิตามินดีด้วยครับอยากจะได้
00:21:26 → 00:21:29 เสริมสร้างคุณเสมอ
00:21:29 → 00:21:33 เพื่อนเพื่อนอายุอาจจะเป็น 45 ปี 50 ปี
00:21:33 → 00:21:36 อะไรหมดประจำเดือนน่ะค่ะก็จะมีการตรวจ
00:21:36 → 00:21:39 ลักษณะของสุขภาพ
00:21:39 → 00:21:42 คุณที่ตรวจก็คือเรียกว่า dextra scan นะ
00:21:42 → 00:21:44 คะเมื่อไหร่จะตามที่เริ่มมีปัญหาเรื่อง
00:21:44 → 00:21:46 ของภาวะกระดูกพรุนก็จะแนะนำการเสริม
00:21:46 → 00:21:50 แคลเซียมคู่กันไปเลยใช่ค่ะ
00:21:50 → 00:21:53 ก็สามารถที่จะใช้สำหรับในเรื่องของการ
00:21:53 → 00:21:56 เสริมเข้าไปให้อยู่แล้วนะคะอันนี้จะ
00:21:57 → 00:21:58 เกี่ยวกับเรื่องท้องผูกที่คุณหมอบอกไหมคะ
00:21:58 → 00:22:02 แคลเซียมของคาร์บอเนตจะมีปัญหาเรื่องของ
00:22:02 → 00:22:05 ระคายกระเพาะแล้วก็ท้องผูก
00:22:05 → 00:22:08 ก็เลยต้องแนะนำให้กินพร้อมอาหารและดื่ม
00:22:08 → 00:22:11 น้ำตามมากๆค่ะก็จะช่วยลดภาวะดังกล่าวได้
00:22:11 → 00:22:15 แต่ถ้าเราไม่ไม่สนใจแบบนี้เราก็จะหานม
00:22:15 → 00:22:18 ถั่วเหลืองหรืออะไรเสริมได้แต่มันก็ต้อง
00:22:18 → 00:22:21 เยอะหน่อยใช่ไหมคะใช่ค่ะก็คือปริมาณ
00:22:21 → 00:22:25 แคลเซียมในนมก็จะอยากที่หมอแจง
00:22:25 → 00:22:28 อาจจะไม่เพียงพอถ้าเรามีภาวะเรื่องของขาด
00:22:28 → 00:22:32 แคลนขาดเรื่องของภาวะกระดูกพรุนแล้วอาหาร
00:22:32 → 00:22:36 จะไม่เพียงพอค่ะแต่ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้มี
00:22:36 → 00:22:39 ปัญหาเรื่องของกระดูกพรุนนะคะแต่เช่น
00:22:39 → 00:22:43 อย่างไวที่เป็นแบบวัยทำงานเนี่ยค่ะก็อาจ
00:22:43 → 00:22:45 จะยังไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องกิน
00:22:45 → 00:22:47 แคลเซียมเสริมเลยในระยะแรก
00:22:47 → 00:22:52 นำในเรื่องของการอ่าออกกำลังกายในเรื่อง
00:22:52 → 00:22:55 ของการออกกำลังกายที่เป็นการลงน้ำหนักของ
00:22:55 → 00:22:57 กระดูกเช่นกันดำเนินการวิ่งอย่างนี้ค่ะ
00:22:57 → 00:23:00 ขี่จักรยานมันก็จะทำให้กระดูกแข็งแรงมาก
00:23:00 → 00:23:04 ขึ้นการโดนแดดอ่อนๆตอนช่วงเช้าก็จะช่วย
00:23:04 → 00:23:07 เรื่องของวิตามินดีร่างกายมีวิตามินดี
00:23:07 → 00:23:11 เพียงพอมีแคลเซียมเพียงพอก็จะไม่จำเป็น
00:23:11 → 00:23:13 ที่จะต้องกินเสริมแล้วก็แล้วก็ใช้การกิน
00:23:13 → 00:23:16 อาหารที่มีแคลเซียมที่เหมาะสมพวกนมกุ้ง
00:23:16 → 00:23:20 แห้งผักใบเขียวก็ผักใบเขียวเองก็มีหลาย
00:23:20 → 00:23:25 อย่างที่มีเรื่องของแคลเซียมที่สูงนะคะ
00:23:25 → 00:23:28 ก็จะมีแคลเซียมค่อนข้างเยอะเช่นเดียวกัน
00:23:28 → 00:23:32 กับพวกถั่วในกลุ่มของพวกลูกค้าเต้าหู้นม
00:23:32 → 00:23:34 ถั่วเหลืองเมล็ดงานพวกนี้ก็มีแคลเซียมที่
00:23:34 → 00:23:37 สูงเช่นเดียวกันค่ะพวกนี้ก็สามารถที่จะทำ
00:23:37 → 00:23:40 ให้เรากินอาหารครบหมู่เราก็จะได้รับ
00:23:40 → 00:23:43 แคลเซียมที่เพียงพอค่ะจากเรื่องแคลเซียม
00:23:43 → 00:23:47 หัวใจก็มาเป็นเสริม
00:23:47 → 00:23:49 แคลเซียมันน่าจะเป็นไขมันมากกว่าเนาะใช่
00:23:49 → 00:23:52 ไขมันมากกว่าเพราะฉะนั้นก็คือก็ยังจำเป็น
00:23:52 → 00:23:54 อยู่เนี่ยทีนี้มีคุณผู้ฟังทางบ้านเนี่ย
00:23:54 → 00:23:57 สอบถามเข้ามาคุณหมอครับตอนนี้คุณผู้ฟัง
00:23:57 → 00:24:00 ท่านที่บอกว่าเขาเริ่มเสื่อมละโอเค
00:24:00 → 00:24:04 แคลเซียมเนี่ยสำคัญจำเป็นไหมครับคุณหมอ
00:24:04 → 00:24:07 ครับ
00:24:07 → 00:24:10 ไหนอายุ 57 ปี
00:24:10 → 00:24:15 ยังไม่ 60 มันเป็นคนละโลกกันปกติอ่ะค่ะ
00:24:15 → 00:24:17 เราจะชอบเข้าใจผิดว่าเราปวดเข่าแปลว่าเรา
00:24:18 → 00:24:19 ขาดแคลเซียม
00:24:19 → 00:24:23 คือแคลเซียมมันจะเป็นในลักษณะของภาวะ
00:24:23 → 00:24:27 กระดูกพรุนนะคะ
00:24:27 → 00:24:30 ลูกจริงๆอ่ะค่ะมันก็คือการที่มันตรง
00:24:30 → 00:24:34 กระดูกหักง่ายกระดูกข้อสะโพกหักเวลาที่คน
00:24:34 → 00:24:37 ไข้สูงอายุล้มมีเรื่องของกระดูกข้อมือหัก
00:24:37 → 00:24:40 เวลาที่มีอุบัติเหตุนะคะเป็นอันนั้นก็คือ
00:24:40 → 00:24:43 หรือว่ากระดูกสันหลังเนื้อกระดูก
00:24:43 → 00:24:46 อันนั้นเรียกว่าเป็นปัญหาจากกระดูกพรุน
00:24:46 → 00:24:49 อันนี้คือขาดแคลเซียมส่วนปัญหาข้อเข่าอ่ะ
00:24:49 → 00:24:52 ค่ะมันจะเป็นปัญหาเรื่องของข้อเสื่อมซึ่ง
00:24:52 → 00:24:56 ข้อเสื่อมมันคืออีกโรคนึงอ่ะค่ะโดยทั่วๆ
00:24:56 → 00:24:58 ไปก็ต้องแนะนำถ้าภาวะเรื่องของข้อเสื่อม
00:24:58 → 00:25:03 ก็จะเป็นลักษณะของการที่ 1 ก็คืออ่าอาจจะ
00:25:03 → 00:25:07 ต้องลดน้ำหนักเพราะว่าน้ำหนักเยอะขึ้นก็
00:25:07 → 00:25:10 เป็นลงที่ข้อเข่าเยอะขึ้นนะคะการกิจวัตร
00:25:10 → 00:25:15 ในการทำเช่นการนั่งขัดสมาธินั่งสมาธิหรือ
00:25:15 → 00:25:18 ที่นั่งกับพื้นนะคะก็จะเป็นอันที่ทำลาย
00:25:18 → 00:25:22 ข้อเข่าเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันถัดมาก็
00:25:22 → 00:25:24 คือต้องแนะนำในเรื่องของการออกกำลังกาย
00:25:24 → 00:25:27 กล้ามเนื้อช่วงข้อเข่าให้แข็งแรงเพราะ
00:25:27 → 00:25:31 เหตุผลเขาเรียกว่าพอได้เสร็จ Exercise ก็
00:25:31 → 00:25:34 จะเป็นการออกกำลังกายท่าที่บริหารกล้าม
00:25:34 → 00:25:37 เนื้อที่ยึดบริเวณข้อเข่าทำให้เราออก
00:25:37 → 00:25:40 กล้ามเนื้อแข็งแรงใช่ไหมคะข้อเข่าก็ไม่สี
00:25:40 → 00:25:44 กันมันก็จะทำให้เรื่องของตัวอาการปวดลดลง
00:25:44 → 00:25:48 ค่ะ
00:25:48 → 00:25:52 เรื่องของหัวใจเรื่องของผนังมาเป็นเรื่อง
00:25:52 → 00:25:54 ของเรื่องของ
00:25:54 → 00:25:57 ทางบ้านสนใจเพราะว่าส่วนใหญ่เนี่ยอยู่ใน
00:25:57 → 00:26:00 วัยสูงวัยแล้วก็อาจจะเริ่มมีปัญหากระดูก
00:26:00 → 00:26:03 กระเดี้ยวก่อนก็เลยอยากจะมีของที่ไว้ไป
00:26:03 → 00:26:07 เสริมสร้างสุขภาพของกระดูกให้มันเข้มแข็ง
00:26:07 → 00:26:11 แข็งแรงน้อยของ
00:26:11 → 00:26:14 หน่วยบริการสาธารณสุขที่ใกล้บ้านแล้วก็ไป
00:26:14 → 00:26:17 ถามเขาเลยนะคะเราใช้สิทธิ์เรื่องของสร้าง
00:26:17 → 00:26:20 เสริมสุขภาพป้องกันโรคจากที่สปสชบอกด้วย
00:26:20 → 00:26:23 ร่วมกับเรื่องของแคลเซียมเสริมกันเข้าไป
00:26:23 → 00:26:26 ช่วงท้ายครับคุณหมอครับอยากจะให้คุณหมอ
00:26:26 → 00:26:28 ฝากถึงคุณผู้ฟังทางบ้านนิดนึงเกี่ยวกับ
00:26:28 → 00:26:32 เรื่องของหินปูนที่มันจะไปเกาะตามเส้น
00:26:32 → 00:26:35 เลือดรวมทั้งหัวใจด้วยเนี่ยเราจะมีวิธี
00:26:35 → 00:26:38 การในการหลีกเลี่ยงห่างไกลจากภาวะอาการ
00:26:38 → 00:26:43 นี้ได้อย่างไรบ้างครับ
00:26:43 → 00:26:46 เส้นเลือดหัวใจตีบนะคะก็คือเส้นเลือดหัว
00:26:46 → 00:26:50 ใจตีบที่มีปัญหาเนี่ยก็จะเกิดจากการที่
00:26:50 → 00:26:55 เราไม่ออกกำลังกายอาหารที่มีไขมันสูงแล้ว
00:26:55 → 00:26:59 ก็ในกลุ่มของการที่เรามีโรคประจำตัวแล้ว
00:26:59 → 00:27:01 ไม่ได้รับยาหรือไม่ได้รักษาต่อเนื่องนะคะ
00:27:01 → 00:27:05 โดยส่วนตัวคนไข้ที่มีความดันโลหิตสูงมี
00:27:05 → 00:27:08 ภาวะเบาหวานบางคนจะมีความเข้าใจผิดค่ะว่า
00:27:08 → 00:27:12 การกินยาเนี่ยทำให้เกิดภาวะตามมาก็จะกิน
00:27:12 → 00:27:14 บ้างไว้กินบ้างเพราะว่ากลัวว่ายาจะทำให้
00:27:14 → 00:27:17 เกิดภาวะไตวายหรือว่านอกจากที่กินไม่ได้
00:27:17 → 00:27:21 กินยาตามที่คุณหมอแนะนำแล้วเนี่ยก็ยังมี
00:27:21 → 00:27:23 ปัญหาในเรื่องของการซื้อสมุนไพรอาหาร
00:27:23 → 00:27:26 เสริมกลางบ้านคิดว่าสมุนไพรเนี่ยปลอดภัย
00:27:27 → 00:27:30 นะคะซึ่งอันนี้ก็คือคิดว่าอาจจะเป็นความ
00:27:30 → 00:27:34 เชื่อที่ไม่ถูกต้องนะโดยทั่วๆไปในกรณีที่
00:27:34 → 00:27:37 เรามีความเสี่ยงสูงมีเบาหวานมีความดันควร
00:27:37 → 00:27:41 จะไปรับยาตรวจเลือดนะคะแล้วก็กินยาสม่ำ
00:27:41 → 00:27:44 เสมอเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวถ้าเกิดว่า
00:27:44 → 00:27:47 นอกจากที่เราจะต้องทำแบบนั้นแล้วการดูแล
00:27:47 → 00:27:50 ร่างกายทั่วๆไปการกินอาหารที่มีประโยชน์
00:27:50 → 00:27:54 นะคะการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่นะคะโดยที่
00:27:54 → 00:27:57 ลดอาหารในกลุ่มของไขมันส่วนเกินนะคะการลด
00:27:57 → 00:28:00 ในเรื่องของการสูบบุหรี่นะคะในเรื่องของ
00:28:00 → 00:28:04 การออกกำลังกายให้สม่ำเสมอนะคะก็คำแนะนำ
00:28:04 → 00:28:08 คือ 30 นาทีนะคะอย่างน้อยอาทิตย์ละ 5 วัน
00:28:08 → 00:28:11 คือให้ได้ 150 นาทีต่อสัปดาห์อันนั้นทั้ง
00:28:11 → 00:28:14 หมดนะคะจะเป็นการลดปัญหาเรื่องของการเกิด
00:28:14 → 00:28:16 หลอดเลือดหัวใจตีบเส้นเลือดหัวใจตีบแล้ว
00:28:16 → 00:28:19 ก็ลดปัญหาเรื่องของหินปูนในหลอดเลือดที่
00:28:19 → 00:28:22 มาเกาะหลอดเลือดหัวใจได้ค่ะเยี่ยมมากๆเลย
00:28:22 → 00:28:24 ค่ะก็เรียกว่าวันนี้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุก
00:28:24 → 00:28:27 อย่างมีผู้ฟังทางบ้านนี่กราบขอบพระคุณคุณ
00:28:27 → 00:28:30 หมอมาด้วยนะครับอธิบายเข้าใจมากๆเลยก็จาง
00:28:30 → 00:28:33 มากเกี่ยวกับเรื่องของหินปูนนะมาเกาะหัว
00:28:33 → 00:28:35 ใจรวมทั้งแคลเซียมด้วยวันนี้ต้องขอขอบพระ
00:28:35 → 00:28:40 คุณมากๆเลยนะครับสวัสดี
00:28:40 → 00:28:44 เช่นกันนะครับหัวหน้าศูนย์ฝึกอบรมปฏิบัติ
00:28:44 → 00:28:47 การช่วยเหลือชีวิตขั้นสูงจากสถาบันโรค
00:28:47 → 00:28:52 ทรวงอกรวมกันให้กระทรวงสาธารณสุข