00:00:00 → 00:00:02 เรื่องเกี่ยวกับคเป็นพิษเนี่ยนะครับจริงๆ
00:00:02 → 00:00:05 แล้วเนี่ยชื่อของโรคเนี่ยที่เราเรียกกัน
00:00:05 → 00:00:08 เนี่ยนะครับมันก็ถ้าภาษาอังกฤษก็เราก็
00:00:08 → 00:00:10 เรียกตามตัวเลยฮะเราก็เรียกว่า toxemia
00:00:10 → 00:00:13 ก็คือ toxic ก็คือสารพิษอะไรต่างๆเนี่ยนะ
00:00:13 → 00:00:17 ครับ infancy ก็คือในในภาวะตั้งันนะตั้ง
00:00:17 → 00:00:20 ันซึ่งถามว่าทำไมเราเรียกอย่างงั้นก็
00:00:20 → 00:00:23 เพราะว่าเอ่อจากการสังเกตในอดีตนะครับเรา
00:00:23 → 00:00:26 พบว่าผู้หญิงตั้งครรภส่วนนึงเนี่ยนะครับ
00:00:26 → 00:00:30 เอ่อมันมีเอ่ออัตราการอย่างอย่าสมัยทนี้
00:00:30 → 00:00:31 เราก็เริ่มมีความรู้มากขึ้นแต่สมัยก่อน
00:00:31 → 00:00:34 เนี่ยเราไม่เราไม่รู้แต่ว่าเรารู้ว่ามี
00:00:34 → 00:00:35 ผู้หญิงตั้งครรภ์อยู่กลุ่มนึงอ่ะที่พอ
00:00:36 → 00:00:38 ดำเนินครรภ์ไปสักระยะนึงเนี่ยปรากฏว่าเออ
00:00:38 → 00:00:41 มันมีความเปลี่ยนแปลงร่างกายทำให้แบบมี
00:00:41 → 00:00:43 ลักษณะการบวมนะครับมันมักจะเริ่มจากเท้า
00:00:43 → 00:00:46 บวมแล้วก็มีลักษณะเหมือนกับตาผ่ามัวนะ
00:00:46 → 00:00:50 ครับแล้วก็เอ่อในที่สุดก็จะไปสู่การชักนะ
00:00:50 → 00:00:52 ครับแล้วชักเนี่ยถ้าดูแลกันไม่ทันเนี่ย
00:00:52 → 00:00:55 ระหว่างชักเนี่ยสมองขาดออกซิเจนก็ในที่
00:00:55 → 00:00:58 สุดเี่ก็จะมีเอ่อมีเอ่อความเสี่ยงก็คือ
00:00:58 → 00:01:00 คุณแม่คนนั้นก็จะเสียชีวิตได้แล้วก็ถ้า
00:01:01 → 00:01:02 คุณแม่เสียชีวิตก็แน่นอนครับลูกในคันก็จะ
00:01:02 → 00:01:05 เสียชีวิตไปด้วยนะครับค่ะเพราะฉะนั้นเอ่อ
00:01:05 → 00:01:08 สิ่งนึงที่เราตรวจพบเนี่ยนะครับก็คือ
00:01:08 → 00:01:10 อย่างสมัยก่อนเราก็ไม่ไม่ไม่พบความ
00:01:10 → 00:01:13 สัมพันธ์ชัดเจนว่าเอ๊ะมันจะดูคนไหนที่
00:01:13 → 00:01:16 ท้องแล้วจะมีอภาขันพิษได้นะครับแล้วก็โรค
00:01:16 → 00:01:19 นี้มันเกิดจากอะไรแต่สิ่งนึงที่เราเอ่อ
00:01:19 → 00:01:23 จับได้จากการเอ่อตรวจคนไข้ที่มีภาวะอนี้
00:01:23 → 00:01:25 นะครับเป็นมีคเป็นพิเกิดขึ้นแล้วก็เสีย
00:01:25 → 00:01:28 ชีวิตเนี่ยที่เหมือนๆกันก็จะมีลักษณะของ
00:01:28 → 00:01:32 การมีคันโลหิตสูงนะครับเอ่อซึ่งความสเหต
00:01:32 → 00:01:35 สูงมันก็จะเกิดขึ้นแบบสูงมากๆเลยสูงอย่าง
00:01:35 → 00:01:37 รวดเร็วเลยนะครับจนกระทั่งเป็นสาเหตุพอ
00:01:37 → 00:01:40 แรงดันในในกะโหลกศีษะเราสูงมากๆเนื่องจาก
00:01:40 → 00:01:42 ความดันโลหิตขึ้นเนี่ยนะครับเอ่อมันก็จะ
00:01:42 → 00:01:45 ทำให้เกิดภาวะที่เอ่อชักอย่างที่บอกมา
00:01:45 → 00:01:47 แล้วแล้วก็ถ้ารุนแรงมากๆเนี่ยคอตสูงนั้น
00:01:47 → 00:01:50 ควบคุมไม่ได้เส้นเลือดในสมองแตกก็คนไข้
00:01:50 → 00:01:52 แค่นั้นก็จะเสียชีวิตนะครับเพราะฉะนั้น
00:01:52 → 00:01:55 สมัยก่อนเราเรียกว่าคันเป็นพิษเพราะว่า
00:01:55 → 00:01:57 เราไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรไงรู้ถว่ามันคงมี
00:01:57 → 00:01:59 อะไรเป็นพิษสักอย่างในการตั้งคันแต่
00:02:00 → 00:02:02 ปัจจุบันเนี้ยคำจกัดความนี้เราก็มักจะไป
00:02:02 → 00:02:04 พูดถึงเปลี่ยนเปลี่ยนชื่อโรคนี้ว่าเป็น
00:02:04 → 00:02:07 โรคที่เราเรียกว่าความดันโลหิตสูงขนาด
00:02:07 → 00:02:09 ตั้งครรภ์ออนะครับอ่าอันนี้นะครับแต่ว่า
00:02:09 → 00:02:13 ก็เ่อชื่อเก็ยังเป็นที่ใช้ในในวงของหมู่
00:02:13 → 00:02:16 หมอแหละที่เราเรียกกันค่ะจริงๆคนทั่วไปก็
00:02:16 → 00:02:18 ยังเรียกว่าคันเป็นพิกันอยู่นะครับเพราะ
00:02:18 → 00:02:20 ฉะนั้นก็ถ้าอยู่ในรายการเเราพูดถึงคัน
00:02:20 → 00:02:22 เป็นพิก็จะหมายถึงภาวะที่เอ่อตั้งครัน
00:02:23 → 00:02:25 แล้วมันมีความผิดปกติของเอ่อเกิดความดัน
00:02:25 → 00:02:27 โลหิตสูงจนกระทั่งมีความเสี่ยงทำให้เกิด
00:02:27 → 00:02:30 การเสียชีวิตได้ค่ะนะครับสมัยก่อนอาจจะ
00:02:30 → 00:02:33 เรียกรวมๆใช่มยคะว่าคันเป็นพีเพราะว่าเรา
00:02:33 → 00:02:36 อาจจะยังไม่ได้รู้สาเหตุที่แท้จริงอนะคะ
00:02:36 → 00:02:38 ใชใช่ครับแม้แต่ปัจจุบันเเราก็ยังไม่ได้
00:02:38 → 00:02:40 ทราบสาเหตุที่ชัดเจนนะครับแต่ว่าเพียงแต่
00:02:40 → 00:02:43 ว่าพอจะพบความสัมพันธ์ว่าอ่ามันคนไข้ที่
00:02:43 → 00:02:46 มีภาวะลักษณะของการเป็นพิษเนี่ยก็คือมัน
00:02:46 → 00:02:48 สิ่งที่ยมีเหมือนกันก็คือมีความดลอิสูง
00:02:48 → 00:02:50 ค่ะนะครับเราก็เลยแทนที่จะไปเรียกว่าเป็น
00:02:50 → 00:02:52 พิษซึ่งมันก็ไม่รู้ว่าเป็นพิษจากพิษอะไร
00:02:52 → 00:02:55 มันไม่ได้เป็นพิษสารเคมีอะไรแต่ว่ามันก็
00:02:55 → 00:02:57 เป็นเรื่องที่ความดลหิตสูงที่ผิดปกติใน
00:02:57 → 00:03:00 ขณะตั้งครรภ์ของคุณแม่ท่านนั้นเนี่ยทำให้
00:03:00 → 00:03:02 เกิดอันตรายทั้งต่อคุณแม่แล้วก็ต่อลูกใน
00:03:02 → 00:03:06 คันนะครับานี้ถามว่าโรคเโรคคันเป็นพิษ
00:03:06 → 00:03:08 หรือว่าความดสูงขนาดตั้งคันเนี่ยนะครับ
00:03:08 → 00:03:12 เราพบได้มากแค่ไหนนะครับเอ่ออุบัติการณ์
00:03:12 → 00:03:16 ในการพบโลคเนะครับจะพบได้ประมาณ 6-8 ของ
00:03:16 → 00:03:19 การตั้งครรภ์นะครับอื 68% เนี่ยเราอาจจะ
00:03:19 → 00:03:21 ฟังดูเปอร์เซ็นต์มันไม่ถึง 10% เวลาเรา
00:03:21 → 00:03:23 พูดถึงเปอร์เซ็นต์อะไรที่มันไม่ถึง 10%
00:03:23 → 00:03:24 เราอาจจะรู้สึกว่าเปอร์เซ็นต์นมันน้อยนะ
00:03:24 → 00:03:27 ฮะแต่เวลาเราพูดถึงโรคที่มันอันตรายถึง
00:03:27 → 00:03:29 ชีวิตเนี่ยอย่างเงี้ยนะครับแล้วมันไม่ใช
00:03:29 → 00:03:31 ชีวิตคนดีเก็คือมันเป็นชีวิตทั้งชีวิตคุณ
00:03:31 → 00:03:33 แม่แลก็ชีวิตของลูกในครรภ์ด้วยนะนะครับ
00:03:33 → 00:03:37 6-8 เนี่ยถือว่าสูงมากค่ะนะครับนะสูง
00:03:37 → 00:03:39 ขนาดไหนนะครับถ้าเราพูด 6 - 88% เนี่ย
00:03:39 → 00:03:42 บางทีมันนึกไม่ออกนะครับแต่ว่าให้เราคิด
00:03:42 → 00:03:45 ดูว่าใน 100 คนน่ะมีโอกาสที่จะมีคนเกิด
00:03:45 → 00:03:48 ความดันิตสูงในขณะตั้งครรภเนี่ยนะครับ
00:03:48 → 00:03:52 หรือคันเป็นพิษเนี่ย 6-8 คนใน 100 คนอือ
00:03:52 → 00:03:54 เราคิดดูง่ายๆครับไม่ต้องไปคิดไปไกลครับ
00:03:54 → 00:03:57 หมอกว่าแต่ละท่านที่ฟังรายการอยู่นะครับ
00:03:57 → 00:04:00 เอาเป็นแค่แบบอำเภอของเราอ่ะที่เราอยู่
00:04:00 → 00:04:03 หรือว่าจังหวัดที่เราอยู่ก็ได้นะครับณขณะ
00:04:03 → 00:04:07 เนี้ยณวินาทีเนี้ยเอ่อแต่ละท่านว่าจะมีคน
00:04:07 → 00:04:10 ตั้งครรภ์เกิน 100 คนมั้ยฮะมีอยู่แล้วถูก
00:04:10 → 00:04:12 มั้ยฮะเอาแถวในซอยบ้านเราแถวในอำเภอเรา
00:04:12 → 00:04:14 เนี่ยมันเกิน 100 คนอยู่แล้วเพราะฉะนั้น
00:04:15 → 00:04:17 ทุกๆวันเนี่ยก็จะมี 6-8 คนนที่มีความ
00:04:17 → 00:04:19 เสี่ยงตรงนี้อยู่อือค่ะอ่าเพราะฉะนั้นมัน
00:04:19 → 00:04:21 ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ที่ถือว่าเยอะ
00:04:21 → 00:04:24 เหมือนกันแล้วก็ถ้าเราเทียบเป็นสถิติทั่ว
00:04:24 → 00:04:27 ๆไปเนี่ยนะครับสถิติที่มีการรวบรวมมาของ
00:04:27 → 00:04:29 การตั้งครรภ์ทั้งโลกเนี่ยนะครับทางทาง
00:04:29 → 00:04:32 ทั้งทุกเชื้อชาติเลยเนี่ยเราพบว่าภาวะคัน
00:04:32 → 00:04:35 เป็นพิศหรือความดลหิตสูงขนาดทั้งคันเนี่ย
00:04:35 → 00:04:38 จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตนะ
00:04:38 → 00:04:40 ครับนะของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เนี่ยนะครับ
00:04:41 → 00:04:43 เอ่อถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์เนี่ยเคก็นับ
00:04:43 → 00:04:46 เป็นจำนวนของการคลอดต่อปีนะครับค่ะพบว่า
00:04:46 → 00:04:49 การเนพิษเนี่ยทำให้คุณแม่เสียชีวิตได้ถึง
00:04:49 → 00:04:53 70,000 70,000 รายต่อปีอืเยอะมากนะครับ
00:04:53 → 00:04:56 เยอะมากนะครับถ้าเราเทียบกับโรกอื่นๆจาก
00:04:56 → 00:04:58 อุบัติเหตุอะไรอื่นๆเนี่ยโอันนี้ก็ถือว่า
00:04:58 → 00:05:00 เป็นตัวเลขที่เยอะมากทีเดียว
00:05:00 → 00:05:02 แล้วก็ถ้าเรามองไปในแง่ของเ่อทารกในครรภ์
00:05:03 → 00:05:05 เนี่ยนะครับเอ่อเจ้าคันเป็นพิษหรือว่าค
00:05:05 → 00:05:07 สูงตั้งคันเนี่ยจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทารก
00:05:07 → 00:05:11 เสียชีวิตได้ถึงกว่า 500,000 รายต่อปีโอ
00:05:11 → 00:05:15 เยอะมากค่ะนะครับจะเห็นว่าคุณแม่เนี่ยคุณ
00:05:15 → 00:05:18 แม่เสียชีวิตน้อยกว่าเพราะว่าเอ่อหลายๆ
00:05:18 → 00:05:20 ครั้งเนี่ยที่เราวินิจฉัยได้ทันหรือว่าดู
00:05:20 → 00:05:22 แลรักษาได้ทันเนี่ยนะครับก็เราก็พอรักษา
00:05:23 → 00:05:25 คุณแม่ไว้ได้แต่ว่าเราอาจจะต้องต้องเสีย
00:05:25 → 00:05:28 ลูกไปค่ะนะครับซึ่งจริงๆแล้วมันก็เราก็
00:05:28 → 00:05:31 ไม่ได้อยากให้เกิดทงทั้ง 2 กรณีนะครับค่ะ
00:05:31 → 00:05:33 คราวนี้สาเหตุหลักๆของการเสียชีวิตในใน
00:05:33 → 00:05:35 ความว่าคันเป็นพิษเนี่ยก็คืออย่างที่หมอ
00:05:36 → 00:05:38 เรียนไปตอนต้นนนะครับการเปลี่ยนแปลงที่ทำ
00:05:38 → 00:05:41 ให้เกิดเอความดันโลหิตสูงเนี่ยมันจะไปส่ง
00:05:41 → 00:05:44 ผลทำให้เอ่อแรงดันในในกะโลกศีรษะหรือใน
00:05:44 → 00:05:47 สมองเราเนี่ยมันสูงขึ้นพอแรงดันมันสูฉีบ
00:05:47 → 00:05:50 สูงขึ้นนะครับนะแรงดันสสูงขึ้นมันจะไป
00:05:50 → 00:05:53 กระตุ้นให้เกิดการชักในช่วงระหว่างที่มี
00:05:53 → 00:05:55 การชักเนี่ยสมองก็จะยิ่งขาดออกซิเจนนะ
00:05:55 → 00:05:58 ครับจะยิ่งทำไปสู่การเสียชีวิตได้ง่ายและ
00:05:58 → 00:06:00 ก็อีกกรณีนึงก็คือเมื่อความดันโลหิตสูง
00:06:00 → 00:06:02 มากๆนะครับจนกระทั่งเส้นเลือดสมองเนี่ย
00:06:02 → 00:06:05 มันมีการเปราะบางและแตกออกนะครับปัญหาที่
00:06:05 → 00:06:07 เกิดตามมาก็คือเส้นเลือดในสมองแตกก็แน่
00:06:08 → 00:06:10 นอนครับเก็ทำให้เกิดการเสียชีวิตตามมาได้
00:06:10 → 00:06:13 ค่ะเพราะฉะนั้นสาเหตุหลักๆของการเสีย
00:06:13 → 00:06:15 ชีวิตในคุณแม่ที่เป็นอ่าคเป็นพิษก็มักจะ
00:06:15 → 00:06:18 มาจากสเหตุของการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือด
00:06:18 → 00:06:21 ในสมองเนื่องจากคนตสูงนั่นเองนะครับค่ะ
00:06:21 → 00:06:25 คราวนี้ถามว่าเอ่อคามทำไมเรื่องเกี่ยวกับ
00:06:25 → 00:06:27 ความดาลงหิตมันถึงมีความสำคัญนะครับอัน
00:06:28 → 00:06:30 นี้ก็เป็นเอ่อถ้าเราพูดกันทีๆเนี่ยหมอก็
00:06:30 → 00:06:33 ย้ำอีกทีว่าในทางการแพทย์เนี่ยเราก็ยัง
00:06:33 → 00:06:35 ไม่ได้ทราบสาเหตุที่ชัดเจนนะครับคือคือ
00:06:35 → 00:06:38 เวลาเราพูดถึงโรคต่างๆเนี่ยถ้าเราทราบ
00:06:38 → 00:06:41 สาเหตุที่ชัดเจนเนี่ยมันก็จะนำไปสู่การ
00:06:41 → 00:06:43 รักษาที่ที่ตรงกับสาเหตุนั้นใช่มั้ยครับ
00:06:43 → 00:06:46 แล้วก็เมื่อเรารู้สาเหตุรู้จากการรักษา
00:06:46 → 00:06:47 ให้ถูกต้องเนี่ยมันก็จะนำไปสู่การป้องกัน
00:06:48 → 00:06:51 ที่ถูกต้องด้วยนะครับแต่ปัจจุบันเนี่ยพอ
00:06:51 → 00:06:54 พอเราพบว่าเ่อเราไอ้เรื่องที่ความดัน
00:06:54 → 00:06:56 โลหิตสูงมีหลอดเลือดสมองแตกมีอาการชักมี
00:06:56 → 00:06:58 อาการเท้าบวมอะไรต่างๆเงี้ยมันเป็นอาการ
00:06:58 → 00:07:01 ที่เกิดขึ้นที่เราสังเกตว่าเกิดขึ้นในคน
00:07:01 → 00:07:04 ไข้กลุ่มที่เป็นคิแต่ว่าเราก็ยังไม่
00:07:04 → 00:07:07 สามารถอธิบายเอ่อเหตุผลในการเกิดสิ่ง
00:07:07 → 00:07:09 เหล่านี้ขึ้นได้อย่างชัดเจนนะครับเพราะ
00:07:09 → 00:07:13 ฉะนั้นเราก็ยังก็ต้องเรียนว่าก็ยังมีคุณพ
00:07:13 → 00:07:15 คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เนี่ยที่ยังไม่สามารถ
00:07:15 → 00:07:18 เอ่อจะวินิจฉัยอะไรได้เลยว่าเอ๊ะเรากำลัง
00:07:18 → 00:07:20 จะเสี่ยงต่อการเป็นพิษได้นะครับคนแม่
00:07:20 → 00:07:22 เหล่านี้ก็ยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือ
00:07:22 → 00:07:26 ว่าอันตรายจากการแกิได้อยู่นะครับซึ่งถาม
00:07:26 → 00:07:27 ว่า
00:07:27 → 00:07:30 เอ่อถ้าเป็นสมัยก่อนเนี่ยเราจะโทษว่าเอ่อ
00:07:30 → 00:07:32 สมัยที่เ่อการสาธารณสุขบ้านเรายังไม่
00:07:32 → 00:07:35 พัฒนาหรือยังไม่เจริญเนี่ยก็ก็การเข้าถึง
00:07:35 → 00:07:38 บริการสาธารณสุขอาจจะยังไม่ดีเพราะะนั้น
00:07:38 → 00:07:40 ก็ขาดการฝากครันที่ถูกต้องนะครับพอไม่มี
00:07:40 → 00:07:43 การฝากันบางทีไม่ได้ไม่ได้รับการดูแลโดย
00:07:43 → 00:07:44 คุณหมอเนี่ยนะครับเวลาฝากันเนี่ยถามว่า
00:07:44 → 00:07:47 คุณหมอทำอะไรคุณหมอก็จะซักประวัติต่างๆ
00:07:47 → 00:07:49 โรคในอดีตที่เราเป็นนะครับอาจจะมีโรคความ
00:07:49 → 00:07:51 ดันโลหิตสูงที่เราเป็นอยู่เดิมหรือว่า
00:07:51 → 00:07:53 ปัจจัยเสี่ยงต่างๆนะครับแล้วก็ตรวจร่าง
00:07:53 → 00:07:56 กายของคุณแม่นะครับแล้วก็ตรวจเลือดเพื่อ
00:07:56 → 00:07:58 วินิจฉัยนะครับเอ่อสภาวะของการตั้งครรภ์
00:07:58 → 00:08:01 คือการไปตามติดตามตรวจฝากกันทุกๆเดือน
00:08:01 → 00:08:03 เนี่ยคุณหมอก็จะได้ข้อมูลตรงเนี้เพื่อไป
00:08:03 → 00:08:05 ติดตามดูว่าสุขภาพของคุณแม่แล้วก็ลูกใน
00:08:05 → 00:08:08 คันเนี่ยยังดีอยู่หรือเปล่านะครับสมัย
00:08:08 → 00:08:10 ก่อนเนี่ยเราจะมีปัญหาเรื่องการเข้าถึง
00:08:10 → 00:08:12 บริการพวกนี้เพราะฉะนั้นก็จะพบคุณแม่หลาย
00:08:12 → 00:08:14 ๆท่านที่บางทีไม่ได้ฝากคันแล้วก็โหบางที
00:08:14 → 00:08:18 อย่างที่เราเห็นข่าวอุ้ยคลอดในรถนะครับไป
00:08:18 → 00:08:19 โรงพยาบาลไม่ทันอันนี้เหล่าเส่วนใหญ่ถ้า
00:08:19 → 00:08:21 เราไปดูประวัติลึกๆจริงๆก็คือจะเป็นคุณ
00:08:21 → 00:08:24 แม่ที่ไม่ได้ฝากคันก็เลยไม่รู้กำหนดคลอด
00:08:24 → 00:08:26 พอไม่รู้กำหนดคลอดเพถึงเวลาเจ็บท้องก็บาง
00:08:26 → 00:08:29 ทีคือบางคนไม่รู้ว่าท้องด้วยซ้ำไปนะฮะ
00:08:29 → 00:08:31 เป็นเนื้องอกทำไมท้องใหญ่ขึ้นอะไรเงี้ย
00:08:31 → 00:08:33 อันนี้เป็นเรื่องในอดีตที่เราเราเคยมีกัน
00:08:33 → 00:08:36 มาแต่ปัจจุบันเนี่ยเอ่อการการตื่นตัวของ
00:08:36 → 00:08:39 ประชาชนแล้วก็การให้ความรู้ของของทางทาง
00:08:39 → 00:08:42 รัฐบาลเนี่ยนะครับบอกว่ามันก็ช่วยให้คุณ
00:08:42 → 00:08:44 แม่ฝากคในสมัยเนี้ยคุณแม่ที่ตั้ง้องเนี่ย
00:08:44 → 00:08:47 แทบจะ 100% น่ะทุกท่านจะไปฝากันหมดแล้ว
00:08:47 → 00:08:49 ล่ะค่ะนะครับคราวนี้ถามว่าคนมันพัฒนามา
00:08:49 → 00:08:52 ถึงขั้นเยแล้วทำไมเนี่ยเราถึงยังมีใน
00:08:52 → 00:08:54 เมื่อทุกคนฝากกันแล้วคุณหมอได้ซักประวัติ
00:08:54 → 00:08:57 ได้ติดตามดูอาการต่างๆของระหว่างที่ตั้ง
00:08:57 → 00:08:59 กันแล้วเนี่ยแล้วทำไมถึงยังมีเอ่อภาวะคัน
00:08:59 → 00:09:01 เป็นพิษเกิดขึ้นได้ทำไมเราถึงป้องกันมัน
00:09:01 → 00:09:04 ไม่ได้ก็เพราะว่าคันเป็นพิษเนี่ยนะครับ
00:09:04 → 00:09:08 มันเป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงที่ที่คุณแม่จะ
00:09:08 → 00:09:10 ไม่มีอาการเตือนอะไรมาก่อนเลยอืนะครับคุณ
00:09:10 → 00:09:12 แม่เวลาฝากคันเนี่ยก็อย่างที่เราบอกไป
00:09:12 → 00:09:16 เอ๊ะจะมีแบบเอ่อเท้าบวมมั้ยจะปวดหัวตา
00:09:16 → 00:09:19 พร่ามัวจะบางคนก็จะจุกเสียที่ลิ้นปี่บบาง
00:09:19 → 00:09:22 คนจะแบบเ่อมีอาการปวดศีรษะมีการคลื้นไส้
00:09:22 → 00:09:24 อาเจียนอะไรพวกเนะฮะอาการพวกเนี้ยมันจะ
00:09:24 → 00:09:27 ไม่ได้มีอาการนำมาก่อนแล้วก็หลายๆอาการ
00:09:27 → 00:09:28 เนี่ยมันเป็นอาการที่ปนกันในระหว่างที่
00:09:29 → 00:09:31 เราตขันเช่นสมมติเราบอกว่าปวดหัวตามัว
00:09:31 → 00:09:33 ขึ้นไส้อาเจียนอาการแท้ท้องเนี่ยมันก็มี
00:09:33 → 00:09:36 ขึ้นไส้อาเจียนเหมือนกันมันก็คล้ายๆใช่
00:09:36 → 00:09:38 มั้ยฮะหรือว่าแม้กระทั่งเราบอกว่าบวมๆตาม
00:09:38 → 00:09:41 ตัวเนี่ยหรือว่าตามเท้าเนี่ยนะครับเอ่อ
00:09:41 → 00:09:43 คุณแม่ที่ตั้งรภโดยทั่วๆไปเนี่ยน้ำหนัก
00:09:43 → 00:09:45 ตัวก็จะเพิ่มขึ้นอยู่แล้วนะเพราะฉะนั้น
00:09:45 → 00:09:47 มันก็บางทีร่างกายมันก็บวมขึ้นทั้งตัวนะ
00:09:47 → 00:09:49 ครับบางท่านบางท่านก็ก่อนจะตั้งครรภเองก็
00:09:49 → 00:09:52 เป็นคนที่รูปร่างท้วมๆอยู่แล้วเนี่ยให้จะ
00:09:52 → 00:09:54 ไปสังเกตอาการต่างๆเหล่าเนี้ยไม่ว่าจะบอก
00:09:54 → 00:09:56 ว่าเป็นอาการปวดหัวตามัวขึ้นไส้อเจนหรือ
00:09:56 → 00:10:00 ว่าบวมเนี่ยมันจึงสังเกตได้ยากค่ะนะครับ
00:10:00 → 00:10:03 เ่อแล้วที่พิเศษเยกับนั้นคือเจ้าโรคเนี้ย
00:10:03 → 00:10:05 นะครับเวลาเราพูดถึงอาการต่างๆที่มีเนี่ย
00:10:05 → 00:10:07 มันบางทีมันไม่ได้มีแบบต่อเนื่องมาเรื่อย
00:10:07 → 00:10:11 ๆให้เราสังเกตได้นะฮะพอถึงภาวะณจุดที่เขา
00:10:11 → 00:10:13 จะกลายเป็นคซพิขึ้นมาเนี่ยนะครับอาการ
00:10:13 → 00:10:16 เหล่านี้มันมาเลยนะฮะพอมาปุ๊บเนี่ยความลง
00:10:16 → 00:10:19 เหตุสูงแบบพุ่งปรี๊ดสูงขึ้นไปเลยแล้วก็นำ
00:10:19 → 00:10:21 ไปสู่การชักการเสียชีวิตได้เลยถ้าเราช่วย
00:10:21 → 00:10:25 เหลือไม่ทันค่ะนะครับเพราะฉะนั้นสาเทพเรา
00:10:25 → 00:10:27 ก็พยายามติดตามดูนะครับว่าเอ๊ะอะไรเนี่ย
00:10:27 → 00:10:30 ที่มันน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่
00:10:30 → 00:10:32 ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงซึ่งเราพบว่า
00:10:32 → 00:10:35 ส่วนใหญ่เนะครับการเป็นพิษเนี่ยมักจะเกิด
00:10:35 → 00:10:38 จากความดันโลหิตมันเปลี่ยนแปลงด้วยผลของ
00:10:38 → 00:10:40 การตั้งครรภ์นั้นเองแหละเราถึงเรียกว่า
00:10:40 → 00:10:43 คันเนี่ยเป็นพิษนะครับจะมีส่วนน้อยเท่า
00:10:43 → 00:10:46 นั้นนะครับที่มีคดัโลหิตสูงโดยที่เอ่อ
00:10:46 → 00:10:49 เกิดขึ้นจากภาวะที่เขาเคยมีความำสูงใน
00:10:49 → 00:10:52 อดีตมาก่อนค่ะก็แสดงว่าความำสูงที่เกิด
00:10:52 → 00:10:54 ขึ้นในการเป็นพิษเนี่ยมันจะเป็นคนเรื่อง
00:10:54 → 00:10:56 ับความจเหตุสูงที่เราเป็นโรคความดสูงทั่ๆ
00:10:56 → 00:10:58 ไปซึ่งอันนั้นมันเป็นเรื้อรังอยู่ก่อนนะ
00:10:58 → 00:11:01 ครับเพราะว่าเราพบว่าเอ่อไอ้ตรงนั้นเนี่ย
00:11:01 → 00:11:03 ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เคุณแม่ที่ตั้ง
00:11:03 → 00:11:05 ครรภ์เนี่ยจะเป็นความเป็นครันเป็นพิษได้
00:11:05 → 00:11:08 มากขึ้นนะครับค่ะคราวนี้พอเราติดตามการ
00:11:08 → 00:11:11 ศึกษากันเนี่ยนะครับเราก็พยายามหานะครับ
00:11:11 → 00:11:13 ว่ามันมีปัจจัยอะไรที่มันมีความเกี่ยว
00:11:13 → 00:11:15 ข้องได้บ้างเนี่ยนะครับปัจจัยที่เรา
00:11:15 → 00:11:18 สังเกตได้นะครับเราพบว่าเอ่อความเสี่ยง
00:11:19 → 00:11:21 ของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เนี่ยนะครับเ่อจะ
00:11:21 → 00:11:23 เพิ่มมากขึ้นนะมีโอกาสเป็นคันในพิได้สูง
00:11:24 → 00:11:26 ขึ้นเนี่ยถ้าเป็นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตอน
00:11:26 → 00:11:28 ที่อายุเยอะนะครับโดยจากข้อมูลทงแพทย์
00:11:28 → 00:11:31 แล้วพบว่าถ้าตั้งครรภตอนที่อายุเกินกว่า
00:11:31 → 00:11:33 40 ปีขึ้นไปเนี่ยพบว่าแต่กลุ่มเก็จะ
00:11:34 → 00:11:36 เริ่มมีความเสี่ยงต่อการเป็นคันเป็นพิษ
00:11:36 → 00:11:39 หรือคสูทั้งคันะนะครับกลุ่มที่ 2 นะครับ
00:11:39 → 00:11:41 ในกลุ่มที่เคยมีประวัติเกี่ยวกับระบบภูมิ
00:11:41 → 00:11:44 คุ้มกันนะครับอ่าระบบภูมคุ้มกันเช่นูมิ
00:11:44 → 00:11:45 คุ้มกันต่อต้านตัวเองอย่างเช่นที่เรารู้
00:11:46 → 00:11:48 จักกันในโรก sle อะไรอย่างเงี้ยนะครับค่ะ
00:11:48 → 00:11:50 ในกลุ่มพวกเนี้นะครับก็จะมีความปกบกพร่อง
00:11:50 → 00:11:53 ของระบบคุมคุ้มกันซึ่งจะมีผลต่อเอ่อการ
00:11:53 → 00:11:56 ควบคุมการยืดหยุ่นของเส้นเลือดพอเส้น
00:11:56 → 00:11:58 เลือดมันยืดหยุ่นไม่ดีความดันโลหิตสูงมัน
00:11:58 → 00:12:03 ก็เพิ่มขึ้นได้นะครับเอ่อคุณคุณแม่ที่มี
00:12:03 → 00:12:06 เอ่อเราเรียกเราเรียกว่าดัชนีมวลกายนะฮะ
00:12:06 → 00:12:08 คือการเทียบน้ำหนักกส่วนสูงแล้วเนี่ยคือ
00:12:08 → 00:12:10 ดูเป็นคนอ้วนนะครับอยู่เดิมเนี่ยนะครับนะ
00:12:10 → 00:12:13 ถ้าเป็นคนที่มี BMI ือดัชนีมวลกายสูง
00:12:13 → 00:12:15 เนี่ยก็จะพบว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดการ
00:12:15 → 00:12:17 มีพิษมากกว่าคนที่มีแบบ BMI หตาชีเมือง
00:12:17 → 00:12:19 กายน้อยนะครับ
00:12:19 → 00:12:23 เอ่อภาวะของเชื้อชาติด้วยครับเราพบว่าใน
00:12:23 → 00:12:26 กลุ่มที่เอ่อเป็นพวกแอฟริกันอเมริกัน
00:12:26 → 00:12:28 เนี่ยนะครับหรือกลุ่มคนที่มีผิวผิวดำ
00:12:28 → 00:12:31 เนี่ยนะครับจะพบว่ามีอัตราการเกิดเอ่อการ
00:12:31 → 00:12:34 เป็นพิษเนี่ยได้สูงกว่าคนผิวอื่นๆอย่าง
00:12:34 → 00:12:36 อย่างคนผิวเหลืองอย่างทางเอเชียหรือว่า
00:12:36 → 00:12:39 ผิวขาวอย่างทางพวกยุโรปอเมริกาพวกเนะฮะจะ
00:12:39 → 00:12:41 พบว่าความเสี่ยงของคนผิวดำเนี่ยจะมีความ
00:12:41 → 00:12:45 คิดเนี่ยให้สูงขึ้นถึง 60% อืเื่อเทียบ
00:12:45 → 00:12:47 กับคนอื่นเมื่อเทียบกับคนแบบผิวอื่นๆ
00:12:47 → 00:12:49 เพราะฉะนั้นเรื่องเชื้อชาิก็อาจจะเป็น
00:12:49 → 00:12:51 สาเหตุอีกอันนึงนะครับส่วนความเสี่ยงอีก
00:12:51 → 00:12:54 อันนึงที่เราคบก็คือลักษณะของการมีภาวะ
00:12:54 → 00:12:57 ของโภชนาการที่ไม่ดีนะครับหรือว่าเ่อการ
00:12:57 → 00:12:59 ไม่ได้ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีเพียงพอนะ
00:12:59 → 00:13:02 ครับซึ่งตรงนี้มันก็จะเป็นปัจจัยรวมๆซึ่ง
00:13:02 → 00:13:04 อาจจะทำให้มันก็อาจจะหมายถึงการดูแลคัน
00:13:04 → 00:13:06 ที่ไม่ดีไปด้วยนะครับเพราะว่าเราพบว่า
00:13:06 → 00:13:09 เมื่อความเสี่ยงนี้ไปเกิดขึ้นภาวะคันเพิษ
00:13:09 → 00:13:11 ไปเกิดขึ้นในกลุ่มแอฟริกันอเมริกันบางที
00:13:11 → 00:13:14 มันก็อาจจะเกิดจากการที่ทางทางประเทศแถบ
00:13:14 → 00:13:17 นั้นเขาก็มีภาวะความยากจนมีเอ่อความเข้า
00:13:17 → 00:13:19 ถึงบริการทางสาธารสุขอะไรมันมันไม่ค่อยดี
00:13:19 → 00:13:21 อยู่แล้วด้วยอ่ะนะครับเพราะฉะนั้นปัจจัย
00:13:21 → 00:13:23 เหล่าเประกอบกันเนี่ยก็จะทำให้คนกลุ่ม
00:13:23 → 00:13:26 เนี่ยอย่างที่เราบอกอายุมากๆนะครับเ่อมี
00:13:26 → 00:13:29 น้ำหนักตัวเยอะๆนะครับเป็นกลุ่มผม
00:13:29 → 00:13:31 แอฟริกันอเมริกันหรือเคยมีโรคแบบภูคุ้ม
00:13:31 → 00:13:33 กันมี S อยู่ก่อนพวกเนี้ยจะเป็นกลุ่มที่
00:13:33 → 00:13:38 มีความเสี่ยงมากขึ้นอืนะครับในขณะที่เอ่อ
00:13:38 → 00:13:40 การติดตามศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องเนี่ย
00:13:40 → 00:13:43 นะครับแน่นอนเวลาเราศึกษาอะไรต่างๆทางการ
00:13:43 → 00:13:45 แพทย์เนี่ยนะครับหลายๆท่านก็จะผมคอเข้าใจ
00:13:45 → 00:13:48 นะการศึกษาเนี่ยเรามักจะมีแบบการการบางที
00:13:48 → 00:13:50 เราก็มีการศึกษาในสัพท์ทดลองก่อนนะครับ
00:13:50 → 00:13:53 ว่าเอ๊ะแบบติดตามดูในสัพท์ทดลองว่าตรงนี้
00:13:53 → 00:13:55 เป็นยังไงแล้วก็เอาข้อมูลตรงนั้นเนี่ยมา
00:13:55 → 00:13:57 พัฒนาว่าเอ๊ะถ้าเป็นเราจะเอามาดูแลรักษา
00:13:57 → 00:14:00 มนุษย์เนี่ยเราจะทำยังไงปรากฏว่าสิ่งนึง
00:14:00 → 00:14:03 ที่เราเจอในการศึกษาก็พบว่าเอ่อการพัฒนา
00:14:03 → 00:14:05 ในการเกิดคันเป็นพิษหรือความดลหิตสูงขนาด
00:14:05 → 00:14:10 ตั้งรภเนี่ยเรากลับพบในมนุษย์นะครับแต่ใน
00:14:10 → 00:14:13 สัตว์เนี่ยเรามาไม่พบรายงานพวกนี้อืเพราะ
00:14:13 → 00:14:15 ฉะนั้นทำให้การศึกษาวิจัยในเรื่องอกับค
00:14:15 → 00:14:17 เป็นพิษเนี่ยมันก็ทำได้ยากขึ้นไปอีกนะ
00:14:17 → 00:14:19 ครับเพราะว่าเราไม่มีตัวอย่างของสัตว์ทด
00:14:19 → 00:14:21 ลองที่อ่าบางทีเราก็อย่างที่บอกเราทดลอง
00:14:22 → 00:14:24 ในหนูทดลองในลิงอะไรเงี้มันมีลักษณะคล้าย
00:14:24 → 00:14:27 มนุษย์มากขึ้นเพื่อเอามาเอามาเป็นข้อมูล
00:14:27 → 00:14:29 ปรากฏว่ามันก็จะไม่มีทางหาข้อมูลตรงนี้
00:14:29 → 00:14:32 ได้เพราะว่าสัตว์เมันไม่มีเกิดการพัฒนา
00:14:32 → 00:14:34 กันเกิดคเป็นพิษเหมือนกับมนุษย์เราอนะ
00:14:34 → 00:14:36 ครับปัจจุบันเนะครับในระหว่างที่ศึกษา
00:14:36 → 00:14:39 อยู่เนะครับก็ที่ที่ทั่วโลกเรากำลังศึกษา
00:14:39 → 00:14:42 กันอยู่เนี่ยเราจึงต้องมีการศึกษาโดยการ
00:14:42 → 00:14:45 ทำโมเดลของการศึกษานะครับโดยเหมือนกับ
00:14:45 → 00:14:47 พัฒนาของเซลล์รกเซลรกเนี่ยมันมีชื่อเรียก
00:14:47 → 00:14:51 ว่าเซบเนะครับมีการพัฒนาเอาเซลล์เนี่ยไป
00:14:51 → 00:14:54 รักษาในไปไปทำในแบบตัวอย่างจำลองนะครับ
00:14:54 → 00:14:57 แล้วก็ศึกษาดูการเปลี่ยนแปลงของเซลล์รก
00:14:57 → 00:14:59 ถามว่าทำไมเราถึงไปดูเกี่ยวกกับเรืื่อง
00:14:59 → 00:15:02 ของเซลล์รกเพราะว่าในกระบวนการของการตั้ง
00:15:02 → 00:15:06 ครรภ์เนี่ยนะครับนะเอ่อรกเนี่ยจริงๆรก
00:15:06 → 00:15:08 เนี่ยเป็นส่วนของตัวลูกนะครับนะบางบางที
00:15:08 → 00:15:10 เรารู้สึกว่ามดลูกเนี่ยนะครับนะแล้วมีรก
00:15:10 → 00:15:12 เกาะอยู่แล้วโรกเนี่ยก็เอ่อส่งอาหารผ่าน
00:15:12 → 00:15:14 สายสะดือไปให้ลูกใช่มั้ยครับแต่จริงๆ
00:15:14 → 00:15:16 เนี่ยส่วนของรกกับสายสะดือเนี่ยเป็นส่วน
00:15:16 → 00:15:19 ของตัวลูกนะครับส่วนของร่างกายแม่เนี่ย
00:15:19 → 00:15:22 มันจะสิ้นสุดอยู่แค่แค่ตัวมดลูกเท่านั้น
00:15:22 → 00:15:23 นะครับเพราะฉะนั้นสิ่งที่มาเกาะอยู่ทั้ง
00:15:23 → 00:15:26 หมดเนี่ยไอ้ตัวนรกเนี่ยกับสายสะดือเนี่ย
00:15:26 → 00:15:28 ไม่ใชไม่ใช่เป็นส่วนของตัวแม่นะเป็นส่วน
00:15:28 → 00:15:30 ของตัวอ่อนที่เวลาเขมาฝังตัวเสร็จนะครับเ
00:15:30 → 00:15:33 พัฒนาขึ้นก็เซลล์ส่วนนึงมันจะแยกพัฒนาไป
00:15:33 → 00:15:35 เป็นตัวลูกเซลอีกส่่วนนึงก็จะพัฒนาเป็น
00:15:35 → 00:15:38 เซลล์รกอย่างที่เราบอกว่าเป็นเซบาสอันนี้
00:15:38 → 00:15:41 นะครับเราพบจากการศึกษาหลายๆอย่างนะครับ
00:15:41 → 00:15:44 แล้วเราก็สันนิษฐานปัจจัยที่น่าจะเป็นตัว
00:15:44 → 00:15:47 สงเสริมให้เกิดการเวนพิษเนี่ยนะครับว่า
00:15:47 → 00:15:51 เอ่อคามว่าการเวนพิษหรือคสูงขตั้งำเนี่ย
00:15:51 → 00:15:54 มันมักจะเกิดเพราะว่าเอ่อเราต้องเข้าใจ
00:15:54 → 00:15:55 ก่อนว่าระหว่างที่เราตั้งครรภ์เนี่ยนะ
00:15:55 → 00:15:58 ครับเนื่องจากพอเรามีลูกฝังตัวอยู่เนี่ย
00:15:58 → 00:16:01 ธรรมชาติเนี่ยจะมีการเพิ่มปริมาณของเลือด
00:16:01 → 00:16:04 นะครับในร่างกายให้มากขึ้นเพื่อส่งเลือด
00:16:04 → 00:16:06 เนี่ยซึ่งเลือดมันเป็นแหล่งของทั้งอาหาร
00:16:06 → 00:16:09 ต่างๆทั้งออกซิเจนต่างๆที่จะส่งผ่านไปให้
00:16:09 → 00:16:11 ลูกใช่มั้ครับเพราะฉะนั้นปริมาณของการ
00:16:11 → 00:16:14 เพิ่มขึ้นของปริมาณเลือดนะครับการไหล
00:16:14 → 00:16:16 เวียนของเลือดเนี่ยมันจะเพิ่มขึ้นนะครับ
00:16:16 → 00:16:19 โดยเฉลี่ยทั่วๆไปเนี่ยเพิ่มขึ้น 1-2 เท่า
00:16:19 → 00:16:21 นะครับหัวใจจะต้องสูบฉีดทำงานหนักขึ้น
00:16:21 → 00:16:23 เพื่อปั๊มเลือดเหล่านี้เพื่อไปเลี้ยงมัน
00:16:23 → 00:16:25 ไม่ได้เลี้ยงแต่ตัวแม่คนเดียวแล้วแต่คราว
00:16:25 → 00:16:27 นี้เลี้ยงทั้งตัวลูกด้วยนะครับเพราะ
00:16:27 → 00:16:29 ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงในขณะที่เราตั้งตั้ง
00:16:29 → 00:16:31 ันอยู่แล้วมีปริมาณเลือดที่เยอะขึ้นเนี่ย
00:16:31 → 00:16:34 นะครับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการสูบฉีด
00:16:34 → 00:16:36 เลือดของหัวใจเนี่ยก็จะทำให้หัวใจต้องทำ
00:16:36 → 00:16:39 งานหนักขึ้นค่ะนะครับเอ่อผนังของหลอด
00:16:40 → 00:16:42 เลือดต่างๆนะครับซึ่งเวลาหัวใจปั๊มเลือด
00:16:42 → 00:16:44 ออกไปเนี่ยมันก็เลือดก็จะวิ่งไปตามหลอด
00:16:44 → 00:16:46 เลือดนะครับเ่อผนังของหลอดเลือดต่างๆ
00:16:46 → 00:16:49 เนี่ยมันก็จะมีลักษณะของการที่ถูกแรงดัน
00:16:49 → 00:16:51 จากหัวใจเนี่ยนะในปริมาณเลือดที่มากเนี่ย
00:16:52 → 00:16:54 เป็นแรงดันที่สูงเนี่ยไหลผ่านอยู่ตลอด
00:16:54 → 00:16:56 เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคนที่มีความยืดหยุ่น
00:16:56 → 00:16:59 ของหลอดเลือดหัวใจไม่ดีอย่างอย่างเรายก
00:16:59 → 00:17:01 ตัวอย่างเนี่ยปัจจัยเสี่ยงที่บอกว่าคนที่
00:17:01 → 00:17:04 มีแบบดัชนีมวลกายสูงเป็นคนอ้วนเนี่ยบางที
00:17:04 → 00:17:06 มีไขมันสะสมอยู่ตามหลอดเลือดพวกเนี่ยผนัง
00:17:06 → 00:17:08 หลอดเลือดมันยึดอยู่ไม่ดีคนกลุ่มเก็จะเลย
00:17:08 → 00:17:10 มีความเสี่ยงนะครับเพราะฉะนั้นเราก็เลยพบ
00:17:10 → 00:17:14 ว่าเอ่อภาวะอันนึงเนี่ยมันจะต้องมีความ
00:17:14 → 00:17:16 เกี่ยวข้องอะไรบางอย่างที่สำคัญกับเรื่อง
00:17:16 → 00:17:18 การเปลี่ยนแปลงของรกนี่แหละในเรื่องของ
00:17:18 → 00:17:20 การสูบเฉียดเลือดที่ผ่านไปแล้วมันก็นำไป
00:17:21 → 00:17:23 สู่การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดแรงความดัน
00:17:23 → 00:17:25 โลหิตสูงตามมาได้ซึ่งกลไกที่เราเชื่อว่า
00:17:25 → 00:17:27 น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดเนี่ยนะครับอาจจะ
00:17:28 → 00:17:31 เป็นลักษณะของกลไกของการมีภาวะการอักเสบ
00:17:31 → 00:17:34 ขึ้นนะครับก็จะคล้ายๆกับว่ามีการอักเสบ
00:17:34 → 00:17:36 เนี่ยเป็นพิษอย่างนึที่เกิดขึ้นแล้วไปทำ
00:17:36 → 00:17:38 ให้การตั้งครรภ์เมันเกิดปัญหาขึ้นมานะ
00:17:38 → 00:17:41 ครับค่ะโดยลักษณะของการอักเสบที่เราศึกษา
00:17:41 → 00:17:44 กันเนี่ยนะครับเอ่อการอักเสบมักจะเกิด
00:17:44 → 00:17:46 ขึ้นที่ผิวของฝั่งคุณแม่ก่อนก็คือฝั่งของ
00:17:47 → 00:17:49 ไอ้เยื่อบุกของตัวมดลูกก่อนนะครับเริ่ม
00:17:49 → 00:17:51 จากอักเสบแล้วพอมดลูกเนี่ยมันไปไปเกาะรก
00:17:51 → 00:17:53 มาเกาะอยู่กับมดลูกการอักเสียบนก็ลุกลาม
00:17:53 → 00:17:56 ไปที่เอ่อบริเวณของรกซึ่งรกเนี่ยประกอบไป
00:17:56 → 00:17:59 ด้วยเส้นเลือดฝอยจำนวนมากนะครับพอพอไปไป
00:17:59 → 00:18:02 เอ่อการอักเสบจากมดลูกเนี่ยเอ่อกระจายไป
00:18:02 → 00:18:05 ที่รกเนี่ยนะครับมันจะไปรบรบกวนโครงสร้าง
00:18:05 → 00:18:09 ของหลอดเลือดปริมาณมากที่อยู่บนเซลล์รกนะ
00:18:09 → 00:18:12 ครับทำให้เอ่อบริเวณเซลล์รกเนี่ยเกิดการ
00:18:12 → 00:18:15 อักเสบตามมาแล้วก็จะมีการเอ่อส่งผ่าน
00:18:15 → 00:18:17 ออกซิเจนทรงผ่านอาหารไปที่ลูกได้ไม่ดีนะ
00:18:18 → 00:18:20 ครับภาวะต่างๆเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นนะครับ
00:18:20 → 00:18:23 ซึ่งเอ่อเมื่อเป็นอย่างนี้นะครับเราทาง
00:18:23 → 00:18:25 การแพทย์เราก็พยายามตรวจหาเหมือนกันครับ
00:18:25 → 00:18:29 เราบอกอยู่แล้วว่าเอ่อโรคเนี้ยมันไม่มี
00:18:29 → 00:18:31 อาการอะไรนำมาก่อนอย่างที่เราบอกจะมี
00:18:31 → 00:18:35 อาการแบบปวดหัวชักตามัวเอ่อเท้าบวมอะไร
00:18:35 → 00:18:37 บางทีมันเกิดปุ๊บแล้วคันเป็นพิษแล้วเสีย
00:18:37 → 00:18:39 ชีวิตได้เลยเหมือนกันมันเกิดแบบมันไม่ได้
00:18:39 → 00:18:41 เตือนเรามาก่อนเพราะฉะนั้นทางการแพทย์เรา
00:18:41 → 00:18:43 ก็ตามดูว่าเมื่อเกิดกระบวนการอักเสบของ
00:18:43 → 00:18:45 ที่รกแล้วเนี่ยความเปลนแปลงที่เราเกิด
00:18:45 → 00:18:48 ขึ้นก็คือเราพยายามติดตามหาดูว่ามันพอจะ
00:18:48 → 00:18:51 มีสารเคมีอะไรในเลือดบ้างมั้ยที่สมมุติ
00:18:51 → 00:18:53 ว่าเราเจาะเลือดแล้วดูค่าตเนี้ยแล้วมันจะ
00:18:53 → 00:18:56 พอทำนายได้ว่าเอ๊ะคนไข้กลุ่มนี้อาจจะ
00:18:56 → 00:18:58 เสี่ยงจการเป็นการเผิษนะครับปัจจุบัน
00:18:58 → 00:19:01 เนี่ยเราพบว่านะครับการอักเสบจากตัวมดลูก
00:19:01 → 00:19:03 เนี่ยนะครับที่เราบอกว่าเป็นสาเหตุที่
00:19:03 → 00:19:05 สำคัญเนี่ยนะครับมันจะไปทำให้เซลล์รก
00:19:05 → 00:19:08 เนี่ยมามันมีการตอบสนองต่อเลือดที่ส่งไป
00:19:08 → 00:19:11 เลี้ยงเนี่ยได้ไม่เพียงพอนะครับพอส่งไป
00:19:11 → 00:19:12 เลี้ยงได้ไม่เพียงพอเนี่ยธรรมชาติเนี่ยนะ
00:19:12 → 00:19:15 ครับรู้สึกว่าเลือดมันมาที่รกได้น้อยลงนะ
00:19:15 → 00:19:18 ครับในขณะที่รกเนี่ยต้องส่งเลือดไปให้ลูก
00:19:18 → 00:19:20 มันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของของบริเวณ
00:19:20 → 00:19:23 เซลล์รกเนี่ยนะครับทำให้มีการหลังโปรตีน
00:19:23 → 00:19:26 ตัวนึงนะครับออกมานะครับซึ่งโอถ้าไปถึง
00:19:26 → 00:19:29 ชื่อโปรตีนตัวนี้ก็อาจจะอาจจะ
00:19:29 → 00:19:30 ลึกไปนิดนึงนะครับแต่ว่าพูดง่ายๆว่า
00:19:31 → 00:19:33 โปรตีนตัวเนี้ยเราก็เป็นเรียกว่าโปรตีน
00:19:33 → 00:19:36 ที่เอ่อมันมีการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น
00:19:36 → 00:19:38 นะครับซึ่งไอ้โปรตีนตัวเมันจะไปเพิ่มความ
00:19:39 → 00:19:42 ไวเอ่อของผนังหลอดเลือดที่ตัวเซลล์ลกเอง
00:19:42 → 00:19:44 เนี่ยทำให้ไวก่อการอักเสบมากขึ้นมันก็จะ
00:19:44 → 00:19:46 ไปยิ่งกระตุ้นให้กระบวนการอักเสบนี่มัน
00:19:47 → 00:19:49 เกิดมากขึ้นด้วยนะครับโดยเราพบว่าไอ้
00:19:49 → 00:19:51 โปรตีนที่เราตรวจพบเนี่ยนะครับก็พูดชื่อ
00:19:51 → 00:19:54 มันก็เรียกว่า sf1 เนี่ยนะครับมันจะ
00:19:54 → 00:19:57 ปริมาณมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 เท่าเลยนะ
00:19:57 → 00:20:00 ครับในในลายที่กำลังมีการตั้งคันแล้ว
00:20:00 → 00:20:02 กำลังจะพัฒนาไปสู่การเป็นคันเป็นผิดค่ะ
00:20:02 → 00:20:04 เพราะฉะนั้นปัจจุบันเนี่ยนะครับเอ่อถึง
00:20:05 → 00:20:07 เราจะสังเกตอาการไม่ได้ถึงเราจะทำทำนาย
00:20:07 → 00:20:09 อะไรไม่ได้เนี่ยแต่สิ่งนึงที่เราใช้ทำนาย
00:20:09 → 00:20:11 กันอยู่ก็คือเราจะมีการเจาะเลือดเพื่อ
00:20:11 → 00:20:13 ตรวจหาไอ้เจ้าโปรตีนตัวนี้แหละครับอืนะ
00:20:13 → 00:20:16 เราใช้ทำนายนะครับเอ่อเราพบว่าถ้าเราพบ
00:20:16 → 00:20:18 ว่าไอ้ตัวโปรตีนนี้มันมีระดับสูงขึ้น
00:20:18 → 00:20:20 อย่างที่เราบอกมันสามารถสูงขึ้นได้เป็น
00:20:20 → 00:20:22 100 เท่าเนี่ยถ้ามันสูงขึ้นอย่างอย่าง
00:20:22 → 00:20:26 อ่ามีนัยยะสำคัญเนี่ยค่ะเราพบว่าภายใน
00:20:26 → 00:20:28 ช่วงเวลาประมาณสัก 2 สัปดาห์ถัดไปนะครับ
00:20:29 → 00:20:31 หรือไม่เกินเนี่ยคนไข้ท่านนั้นเนี่ยจะ
00:20:31 → 00:20:34 เริ่มพัฒนาภาวะคันเป็นพิษหรือความลสูงตาม
00:20:34 → 00:20:38 มาออแต่ถ้าพอเราเจอเราก็มีเครื่องมือใน
00:20:38 → 00:20:40 การตรวจใช่คุณหมอสมมุติว่าขออนุญาตแทรก
00:20:40 → 00:20:42 นิดนึงค่ะสมมุติถ้าเราตรวจเจอแล้วเราคาด
00:20:43 → 00:20:44 การณ์ว่าในอีก 2 สัปดาห์เนี่ยจะเกิดอาการ
00:20:44 → 00:20:48 คันเป็นพิษระหว่างนี้เราสามารถที่จะสกัด
00:20:48 → 00:20:51 กั้นหรือทำไม่ให้มันเกิดได้มั้ยคะอ่า
00:20:51 → 00:20:53 ปัญหาที่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะมีเรื่องตรง
00:20:53 → 00:20:55 นี้นะครับการดูแลรักษาโรคเนี่ยมันยาก
00:20:55 → 00:20:58 เพราะว่ามันเป็นการดูแลรักษาที่มันต้องดู
00:20:58 → 00:21:01 แลรักษาทั้งแม่และลูกด้วยใช่มั้ครับปัญหา
00:21:01 → 00:21:03 ก็คืออ่ะสมมุติเราตรวจเจอโปรตีนอันนี้
00:21:04 → 00:21:07 ซึ่งซึ่งอย่างที่เราบอกครับเอ่อสมัยก่อน
00:21:07 → 00:21:09 เนี่ยการการฝากคันที่ไม่ทั่วถึงทำให้เรา
00:21:09 → 00:21:11 เสียธันในพิษแต่ปัจจุบันเนี้ยถึงเราฝาก
00:21:11 → 00:21:13 คันอย่างถูกต้องกันอยู่ทุกคนเนี่ยนะครับ
00:21:13 → 00:21:16 แต่มันไม่ใช่ไม่ใช่ทุกสถานพยาบาลจะสามารถ
00:21:16 → 00:21:20 ตรวจไอ้ตัว sfit 1 ได้นะครับอืมันมันมัน
00:21:20 → 00:21:23 จะต้องเป็นสถานพยาบาลแบบโรงเรียนแพทย์โรง
00:21:23 → 00:21:25 พยาบาลใหญ่ๆเท่านั้นหรือก็แล้วแล้วเนื่อง
00:21:25 → 00:21:27 จากค่าใช้จ่ายในการตรวจก็ยังค่อนข้างสูง
00:21:27 → 00:21:29 อยู่เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่ขั้นการตรวจ
00:21:30 → 00:21:31 ที่เป็นมาตรฐานว่าคุณแม่ต้างทุคนจะต้อง
00:21:31 → 00:21:34 ตรวจอันนี้ไว้ทุกคนเพื่อป้องกันอมันมันจะ
00:21:34 → 00:21:36 ไม่ทำอย่างนั้นเพราะว่าในในอย่างที่เรา
00:21:36 → 00:21:39 บอกตอนต้นละอการเกิดความเสี่ยงของการเป็น
00:21:39 → 00:21:42 พิษมันอยู่ที่ 68% ถ้าเราสั่งทุกคนให้
00:21:42 → 00:21:45 ตรวจหมดด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาลเนี่ยนะครับ
00:21:45 → 00:21:47 เพื่อไปดักจับแค่ 6-8 เนี่ยเออมันจะพูด
00:21:47 → 00:21:50 ถึงว่าค่าใช้จ่ายในบริการทางการสาธารณสุข
00:21:50 → 00:21:53 เนี่ยมันจะมากมหาศาลเลยซึ่งในทางความเป็น
00:21:53 → 00:21:56 จริงก็คงทำไม่ได้เพราะฉะนั้นเอ่อคุณหมอก็
00:21:56 → 00:21:58 จะส่งตรวจเฉพาะใน LINE ที่มีความสงใ่
00:21:58 → 00:22:00 อย่างที่บอกแล้วมีประวัติเสี่ยงตอนต้นที่
00:22:00 → 00:22:03 เราบอกนะ BMI สูงอายุเยอะหรืออะไรอย่าง
00:22:03 → 00:22:05 งี้หรือว่าหรือว่าเราเริ่มตรวจจับได้ว่า
00:22:05 → 00:22:08 มีอาการบวมมีอาการผิดปกตินะครับตามมาอะไร
00:22:08 → 00:22:10 อย่างเงี้นะครับซึ่งอาการที่ 1 ที่เรา
00:22:10 → 00:22:11 ตรวจได้ก็คือจะสังเกตได้ว่าคุณแม่ที่ไป
00:22:11 → 00:22:14 ฝังคันเนี่ยทำไมทุกครั้งคุณหมอถึงไวัด
00:22:14 → 00:22:16 ความดันลงหิตแล้วก็ทำไมถึงทุกครั้งถึง
00:22:16 → 00:22:18 ตรวจปัสสาวะค่ะเพราะว่าการตรวจปัสสาวะ
00:22:18 → 00:22:20 เนี่ยนะครับคุณหมอจะเช็คอยู่ 2 อย่างนะ
00:22:20 → 00:22:24 ครับว่าในปัสสาวะเนี่ยมันจะมีเอ่อน้ำตาล
00:22:24 → 00:22:27 รั่วมามยหรือว่ามีโปรตีนรั่วมามนะครับคือ
00:22:27 → 00:22:29 อธิบายตรงนี้นิดนึงแล้วกันนะครับเพื่อ
00:22:29 → 00:22:31 ความเข้าใจนะครับเอ่อเวลาที่หมอบอกะเวลา
00:22:31 → 00:22:33 เราตั้งครรภ์เนี่ยปริมาณเลือดในร่างกาย
00:22:33 → 00:22:35 เราสูงขึ้นใช่มั้ยครับเพื่อเพื่อส่ง
00:22:35 → 00:22:37 ออกซิเจนส่งอาหารไปเลี้ยงลูกเพราะฉะนั้น
00:22:37 → 00:22:39 หัวใจมันก็ปั๊มเลือดมากขึ้นเลือดทุกหยด
00:22:39 → 00:22:41 ของเราเนี่ยนะครับมันก็จะไหล่เวียนไปที่
00:22:41 → 00:22:44 ไตถูกมั้ยครับแล้วไตเนี่ยเป็นอวัยวะที่มี
00:22:44 → 00:22:46 หน้าที่ในการเ่อเหมือนกับกรองของเสียให้
00:22:46 → 00:22:49 เราอ่ะนะครับก็คือไตเนี่ยพอเลือดไหลผ่าน
00:22:49 → 00:22:52 ไปถึงเขาเนี่ยนะครับเาก็จะดักจับเอาของ
00:22:52 → 00:22:54 ที่ดีอ่ะอย่างเช่นโปรตีนอย่างน้ำตาลอะไร
00:22:54 → 00:22:57 ต่างๆเงี้ยตักจับเก็บเข้าไว้ส่วนของที่
00:22:57 → 00:22:59 ไม่มีประโยชน์ของเสียแล้วก็จะถูกขับออกมา
00:22:59 → 00:23:02 กับปัสสวะนะครับเพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่
00:23:02 → 00:23:05 ก็ตามเนี่ยนะครับเอ่อเราพบว่าเอ่อปริมาณ
00:23:05 → 00:23:08 เลือดที่มันมามากขึ้นเนี่ยมันจะไปทำให้ไต
00:23:08 → 00:23:11 ทำงานหนักขึ้นแล้วถ้าไตทำงานหนักขึ้นถึง
00:23:11 → 00:23:13 จุดนึงเนี่ยพอมันเริ่มเสียการทำงานเนี่ย
00:23:13 → 00:23:16 นะครับเราพบเลยว่าการเสียแทำงานนั้นก็จะ
00:23:16 → 00:23:19 มาจากลักษณะของการที่เอ่อความยืดหยุ่นของ
00:23:19 → 00:23:21 ผนังหลอดเลือดที่ไตเนี่ยมันเริ่มเสียไป
00:23:21 → 00:23:24 ค่ะซึ่งตรงเนะครับพอเกิดขึ้นเนี่ยมันจะ
00:23:24 → 00:23:27 เกิดการรั่วของของน้ำตาลหรือกลูโคสเนี่ย
00:23:27 → 00:23:30 นะครับรทั้งการลั่กของโปรตีนเนี่ยออกมาใน
00:23:30 → 00:23:33 ปัสสาวะคือไปมันควรจะเก็บไอ้ของดีเหล่า
00:23:33 → 00:23:35 นี้ไว้กับเราใช่มยปรากฏว่าพอมันเริ่ม
00:23:35 → 00:23:37 เสียงการทำงานเนี่ยมันจะเก็บของดีไว้ไม่
00:23:37 → 00:23:39 อยู่มันก็จะมีโปรตีนปล่อยออกมาอือเพราะ
00:23:39 → 00:23:42 งั้นเราจะพบเลยครับว่าถ้าเราตรวจปัสสาวะ
00:23:42 → 00:23:44 เนี่ยแล้วเห็นโปรตีนรั่วมาในปัสสาวะเนี่ย
00:23:44 → 00:23:46 อันเนี้ยจะต้องระมัดระวังนะครับว่าคนนี้
00:23:46 → 00:23:48 อาจจะเริ่มมีความเสี่ยงตการเป็นใครเป็น
00:23:48 → 00:23:50 พิษค่ะเพราะฉะนั้นการตรวจวินิจฉัยอย่าง
00:23:51 → 00:23:52 ที่เราบอกเนี่ยนะครับมันตรวจพิเศษเนี่ย
00:23:52 → 00:23:54 เราจึงไม่จะทำในคนที่มีความสงสัยเนี่ย
00:23:54 → 00:23:57 ความดันมันเริ่มขึ้นะหรือว่ามีอาการหรือ
00:23:57 → 00:23:59 ว่าเราตรวจเจอโปรตีนในปัสสวะอะไรอย่างง
00:23:59 → 00:24:02 นี้นะครับค่ะคราวนี้ต่อให้เราตรวจเจอ
00:24:02 → 00:24:05 เสร็จนะครับเอ่อเราจะทำอะไรกับไอ้สาร
00:24:05 → 00:24:10 เหล่านี้ได้บ้างมนะครับเราพบว่าเอ่ออ้า
00:24:10 → 00:24:12 เดี๋ยวก่อนหมอจะลืมพูดไปนะครับนอกจากตรวจ
00:24:12 → 00:24:14 ตัวนี้นะครับเรายังมีอีกโปรตีนอีกตัวนึง
00:24:14 → 00:24:16 นะครับที่เรียกว่า parental GR Factor
00:24:16 → 00:24:18 อันนี้ก็เป็นเหมือนกันที่เป็นโปรตีนตัว
00:24:18 → 00:24:20 นึงที่ส่งเสริมในเรื่องของการการสร้าง
00:24:20 → 00:24:22 หลอบเลือดใหม่ๆนะครับเพราะฉะนั้นถ้าไอ้
00:24:22 → 00:24:24 ระดับของสาร 2 ตัวนี้มันผิดปกติไปการ
00:24:24 → 00:24:27 สร้างหลอดเลือดของรกมันก็จะผิดปกติซึ่งพอ
00:24:27 → 00:24:29 มันผิดปกตินก็ทำให้เกิดการอักเสบที่
00:24:29 → 00:24:32 รุนแรงขึ้นนะครับแล้วก็นำให้เกิดภาวะคทิ
00:24:32 → 00:24:35 อย่างที่เราบอกคราวนี้ไอ้ภาวะเหล่าของไอ้
00:24:35 → 00:24:38 สารเหล่านี้เราพบว่าเอ่ออาจจะสามารถพอควบ
00:24:38 → 00:24:41 คุมมันได้นะครับนะด้วยด้วยการให้แอสไพลิน
00:24:41 → 00:24:44 นะครับแอสไพลินที่เราได้ได้ยินกันอยู่
00:24:44 → 00:24:46 เนี่ยนะครับที่เราใช้เป็นยาแก้ปวดเนี่ยนะ
00:24:46 → 00:24:48 ครับแีนพวกเมันจะมีผลต่อเรื่องของการแข็ง
00:24:48 → 00:24:51 ตัวของเลือดอนะครับพอมันมีผลต่อการแข็ง
00:24:51 → 00:24:53 ตัวของเลือดเนี่ยนะครับนะการให้แินไป
00:24:53 → 00:24:55 เนี่ยมันไปยับยั้งการแข็งตรงของเลือดพวก
00:24:55 → 00:24:58 นี้มันก็จะมีส่วนช่วยให้เอ่อหลิ่มเลือด
00:24:58 → 00:25:00 ที่มันจะไปอุดตันตามตามไอ้ผนังหล่อเลือด
00:25:00 → 00:25:02 ต่างๆทำให้มันเสียความยืดหยุ่นเนี่ยตนี้
00:25:02 → 00:25:05 ก็จะเกิดได้น้อยลงเพราะฉะนั้นปัจจุบันเก็
00:25:05 → 00:25:07 มีการในคนที่มีความเสี่ยงเนี่ยนะครับเรา
00:25:07 → 00:25:10 อาจจะมีการให้แอสไพลินในขนาดต่ำๆนะครับ
00:25:10 → 00:25:13 โดยเริ่มให้ตั้งแต่อายุครรภ์ของการตั้งัน
00:25:13 → 00:25:14 ประมาณสัก 12 สัปดาห์แล้วก็ให้ไปจน
00:25:14 → 00:25:17 กระทั่งถึงคลอดเลยค่ะนะครับในกลุ่มนี้ก็
00:25:17 → 00:25:20 อาจจะพบว่าอาจจะช่วยควบคุมไอ้ไอ้การ
00:25:20 → 00:25:23 เปลี่ยนแปลงของไอ้สาร 2 ตัวนี้ได้แต่ผล
00:25:23 → 00:25:26 ที่ได้เนี่ยนะครับจริงๆแล้วเนี่ยต้อง
00:25:26 → 00:25:28 เรียนว่ามันก็ยังไม่มียาอะไรที่เป็นตัว
00:25:28 → 00:25:31 เอ่อใช้รักษาหรือป้องกันภาวะได้อย่างชัด
00:25:31 → 00:25:34 เจนนะครับนอกจากแินเนี่ยเราก็ยังมีการทด
00:25:34 → 00:25:37 ลองให้แคลเซียมนะครับแคลเซียมกลูโคเนตนะ
00:25:37 → 00:25:39 ครับหรือว่ายาบางตัวที่ใช้ควบคุมน้ำตาลใน
00:25:39 → 00:25:41 เลือดนะครับใช้ในคนเบาเบาหวานที่เรียกว่า
00:25:41 → 00:25:45 เฟิรวมทั้งยากลุ่มที่เราเรียกกับโปรตีนปั
00:25:45 → 00:25:48 inhibitor อันนี้มันใช้สำหรับรักษาการมี
00:25:48 → 00:25:50 กรดในทางเดินอาหารพวกเก็พบว่ามีส่วนอยู่
00:25:50 → 00:25:52 กับไอ้สารพวกนี้ได้เหมือนกันนะครับรวม
00:25:52 → 00:25:55 ทั้งมีการใช้พวกระบบคุมคุ้มกันของร่างกาย
00:25:55 → 00:25:58 ที่เรียก monoral แิออันนี้บอกว่ามันก็
00:25:58 → 00:26:00 ไอ้ไอ้แต่ละชื่อที่หมอพูดอย่ายาวๆเนี่ยนะ
00:26:00 → 00:26:02 ฮอันนี้มันไม่ใชหน้าที่เราแล้วล่ะเราก็ึ
00:26:02 → 00:26:05 ถึงเวลาเนี่ยคุณหมอก็จะเป็นคนดูแลให้เรา
00:26:05 → 00:26:07 แต่ว่าคราวนี้เมื่อสักครู่ที่ถามมาว่า
00:26:07 → 00:26:09 เอ๊ะแล้วเราให้ยาเหล่านี้หรือเราจะดูแล
00:26:09 → 00:26:12 รักษามันเนี่ยนะครับมันมันได้ผลดีแบบพอ
00:26:12 → 00:26:15 ให้ยาปุ๊บมันจะปลอดภัยไหก็ยังไม่ 100% นะ
00:26:15 → 00:26:18 ครับเพียงแต่มันอาจจะช่วยแบบยืดระยะหรือ
00:26:18 → 00:26:20 ป้องกันหรือลดความเสี่ยงลงไปได้บ้างนะ
00:26:20 → 00:26:23 ครับเพราะฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้เนะครับ
00:26:23 → 00:26:27 พอไปถึงภาวะที่เกิดคเป็นพิษจริงๆเนี่ยการ
00:26:27 → 00:26:30 ดูแลรักษาเนี่ยมันมันก็จะยากขึ้นนะครับ
00:26:30 → 00:26:34 การดูแลรักษาคุณแม่ที่การทิเรารู้ว่าภาวะ
00:26:34 → 00:26:36 ที่เกิดการอักเสบที่เกิดขึ้นซึ่งเราก็ยัง
00:26:36 → 00:26:38 อธิบายไม่ได้หรอกนะแต่ว่าเรารู้มันเกี่ยว
00:26:38 → 00:26:40 กับไอ้ตรงนี้นะครับมันเกิดมาจากปัญหาใน
00:26:40 → 00:26:43 เรื่องการตั้งครันเพราะฉะนั้นถ้าพูดกัน
00:26:43 → 00:26:45 ง่ายๆการรักษาคันเป็นพิก็คือก็ต้องยุติ
00:26:45 → 00:26:48 การตั้งคันนัอืนะครับพอเรายุติการตั้งคัน
00:26:48 → 00:26:51 นซปุ๊บภาวะการอักเสบเจบลงความดันโลหิตสูง
00:26:51 → 00:26:54 ต่างๆก็จะหมดคุณแม่ก็จะกลับคืนสู่สภาพ
00:26:54 → 00:26:58 ปกติค่ะครับคราวนี้เราจะยุติการทั้งันได้
00:26:58 → 00:27:00 ก็ต้องเป็นการตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์
00:27:00 → 00:27:03 ดำเนินไปเยอะแล้วอนะครับพอพูดถึงตรงเนี้ย
00:27:03 → 00:27:06 หมอต้องเรียนี้สมมุติเราเคยพูดไปแล้วนะ
00:27:06 → 00:27:08 ครับเ่าเวลาเราคำนวณอายุครรภ์ของของการ
00:27:08 → 00:27:11 ตั้งครรภเราพบว่าเราจะครบกำหนดคลอดเนี่ย
00:27:11 → 00:27:13 นะครับเราถือว่ากำหนดคลอดเนี่ยเรานับไป
00:27:13 → 00:27:15 ที่ 40 สัปดาห์นะครับค่ะเมื่อนับจากวัน
00:27:15 → 00:27:18 แรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายอนะครับนะ
00:27:18 → 00:27:21 คราวนี้ทารกเนี่ยจะสามารถคลอดได้ต้องไปรอ
00:27:21 → 00:27:24 ถึง 40 สัปดาห์เลยมั้ยจริงๆเ่อเราพบว่า
00:27:25 → 00:27:28 สามารถคลอดได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 37 อืคือ
00:27:28 → 00:27:31 ก่อนกำหนดคอดได้ 3 สัปดาหค่ะเหตุผลคือ
00:27:31 → 00:27:33 เมื่อครบ 37 สัปดาห์แล้วเนี่ยนะครับโดย
00:27:33 → 00:27:36 ส่วนใหญ่เนี่ยอวัยวะทุกอย่างของลูกนะครับ
00:27:36 → 00:27:39 มักจะทำงานโดยสมบูรณ์ละนะครับเพราะฉะนั้น
00:27:39 → 00:27:41 เ่อถ้าเกิดภาวะฉุกเฉินอะไรต่างๆแล้วเรา
00:27:41 → 00:27:43 ให้เขาคลอดออกมาข้างนอกเนี่ยเสามารถอยู่
00:27:43 → 00:27:45 ได้ละนะดำรงชีวิตได้ด้วยตัวเองเราให้ให้
00:27:45 → 00:27:49 อาหารอย่างเดียวเอยู่รอดและนะครับถ้าเกิด
00:27:49 → 00:27:51 การตั้งครรภนั้นเราไปคันเป็นพิษตอนช่วง
00:27:51 → 00:27:53 ใกล้ๆ 37 สัปดาห์เนี่ยอันนี้มันการดูแลก็
00:27:53 → 00:27:55 ง่ายหน่อยเพราะว่าเราเพราะฉะนั้นเราก็
00:27:55 → 00:27:58 หยุดยุติการตั้งครรภ์ซะเรียกพูดว่าก็ให้
00:27:58 → 00:28:01 คลอดซะเลยนะครับค่ะนะฮะแล้วก็มันพอถึงกัน
00:28:01 → 00:28:03 ปุ๊บอย่างน้อยลูกก็ปลอดภัยออกมาอยู่ในมือ
00:28:03 → 00:28:06 เราและแล้วก็ตัวแม่เองพอพอการตั้งครรภ์
00:28:06 → 00:28:09 มันยุติลงปุ๊บเนี่ยภาวะรภพิษมันก็จะดูแล
00:28:09 → 00:28:12 รักษาง่ายขึ้นค่ะนะครับอย่างอย่างที่เรา
00:28:12 → 00:28:14 พูดเนี่ยตอนที่ลูกยังอยู่ในตัวเนี่ยนะ
00:28:14 → 00:28:16 ครับการดูแลรักษาหรือการให้ยาต่างๆที่พูด
00:28:16 → 00:28:20 มาแล้วเนี่ยมันก็มันก็ปัจจัยในการใช้ยาก็
00:28:20 → 00:28:22 จะยากขึ้นไปด้วยเพราะว่าเวลาจะให้ยาในคุณ
00:28:22 → 00:28:24 แม่ที่ตั้งครรภ์เนี่ยเราก็ต้องศึกษาว่า
00:28:24 → 00:28:26 มันมีผลต่อเด็กในครรภ์ยังไงบ้างใช่มั้ย
00:28:26 → 00:28:28 ครับเพราะฉะนั้นก็มันก็พูดพูดตรงๆว่าการ
00:28:28 → 00:28:31 ให้ยาก็เป็นในขณะที่ยังมีลูกอยู่เนี่ยมัน
00:28:31 → 00:28:33 ก็อันตรายกว่าการที่เราเอาลูกออกมาข้าง
00:28:33 → 00:28:35 นอกแล้วนะครับแต่ว่าอย่างที่บอกถ้าเกิด
00:28:35 → 00:28:38 การพิษมันดันเกิดขึ้นก่อน 37 สัปดาห์ล่ะ
00:28:38 → 00:28:41 นะครับเราก็ต้องมาประเมินอีกทีว่าภาวะตรง
00:28:41 → 00:28:44 นั้นเนี่ยเอ่ออะไรอันตรายกว่ากันระหว่าง
00:28:44 → 00:28:46 การที่ลูกยังอยู่ข้างในอยู่เนี่ยนะครับ
00:28:46 → 00:28:48 แล้วแม่มีการมพิษอยู่เนี่ยอันตรายทั้งแม่
00:28:48 → 00:28:50 ทั้งลูกนะครับกับการที่ลูกเสี่ยงออกมา
00:28:50 → 00:28:53 คลอดก่อนกำหนดเนี่ยนะครับเอ่อมันจะเราจะ
00:28:53 → 00:28:55 พอจะเอาเขออกมาได้ตอนนั้นได้หรือยังนะ
00:28:55 → 00:28:58 ครับปัจจัยนึงที่เราใช้พิจารณาก็ก็คือ
00:28:58 → 00:29:03 เอ่อเรื่องของการทำงานของปอดนะครับปอดของ
00:29:03 → 00:29:04 ลูกเนี่ยนะครับจริงๆปอดเนี่ยมันสร้าง
00:29:04 → 00:29:07 เสร็จตั้งแต่อายุรภ 12 สัปดาห์แล้วนะครับ
00:29:07 → 00:29:09 คืออวัยวะต่างๆรูเนี่ยสร้างเสร็จพูดง่ายๆ
00:29:09 → 00:29:11 ว่าสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ของการตั้งันเนี่ย
00:29:11 → 00:29:13 12 สัปดาห์เนี่ยอวัยวะสร้างแทบจะเสร็จ
00:29:13 → 00:29:15 หมดะค่ะหลังจากนั้นเนี่ยพอพ้นมาเนี่ยนะ
00:29:15 → 00:29:17 ครับตั้งแต่ 10 สัปดาที่ 13 เป็นต้นมา
00:29:17 → 00:29:20 เนี่ยจะเป็นเรื่องของการค่อยๆขยายขนาดของ
00:29:20 → 00:29:22 ลูกขยายขนาดของอวัยวะนั้นมากขึ้นแล้วก็
00:29:22 → 00:29:25 อวยต่างๆก็จะค่อยๆเริ่มทำงานเริ่มพัฒนา
00:29:25 → 00:29:28 อย่างยกตัวอย่างสมมุติระบบการกลืนระบบการ
00:29:28 → 00:29:31 การเอ่อทางเดือนอาหารเนี่ยบางทีลูกอยู่ใน
00:29:31 → 00:29:34 ท้องเนี่ยเรายังรู้สึกว่าลูกสะอึกได้ก็
00:29:34 → 00:29:36 คือมันก็เริ่มมีการทำงานของการแบบลูกก็
00:29:36 → 00:29:39 กลืนน้ำค่ำเข้าไปแล้วก็มีการสะอึกออกมา
00:29:39 → 00:29:41 อะไรเงี้ยอันนี้ระบบทางเดือนทาหารเมันก็
00:29:41 → 00:29:44 พัฒนาไปได้นะครับค่ะแต่เอาระบบอยวะที่จะ
00:29:44 → 00:29:48 พัฒนาช้าที่สุดเนี่ยก็คือปอดอือนะครับปอด
00:29:48 → 00:29:50 เนี่ยนะครับเอ่อเขาจะทำงานได้นะครับเรา
00:29:50 → 00:29:54 นึกสภาพนะครับปอดเนี่ยเวลาที่เราหายใจนะ
00:29:54 → 00:29:56 ครับเอาอากาศปกติเข้าไปเราเป็นผู้ใหญ่
00:29:56 → 00:29:58 แล้วอย่างเงี้ยนะครับอากาศเข้าไปเนี่ยถึง
00:29:58 → 00:30:01 ปอดนะครับทำยังไงออกซิเจนในอากาศเนี่ยมัน
00:30:01 → 00:30:03 ถึงจะไหลเวียนแล้วเข้าไปในกระแสเลือดเรา
00:30:03 → 00:30:06 ได้นะครับอันเนี้ยตัวปอดเนี่ยจำเป็นจะ
00:30:06 → 00:30:08 ต้องมีสารตัวนึงมาเคลือบที่เราเรียกว่า
00:30:08 → 00:30:11 สารเแกนะครับซึ่งสารตัวเนี้ยนะครับเอ่อ
00:30:11 → 00:30:13 เมื่อมาเคลือบอยู่เนี่ยมันจะทำให้พอ
00:30:13 → 00:30:15 ออกซิเจนเข้ามาเนี่ยมันสามารถละลายกระจาย
00:30:15 → 00:30:19 ตัวเข้าสู่อ่ากระแสเลือดเราได้ทีนี้ไอ้
00:30:19 → 00:30:21 เจ้าสาร surfactant เนี่ยนะครับมันจะ
00:30:21 → 00:30:24 สร้างขึ้นในทารกเนี่ยนะครับหลังจากอายุ
00:30:24 → 00:30:25 ครรภ์ 35
00:30:25 → 00:30:28 สัปดาห์เพราะฉะนั้นถ้าถเกิดเราจำเป็นจะ
00:30:28 → 00:30:30 ต้องยุติการตั้งครร์ในขณะที่เราเป็นคัน
00:30:30 → 00:30:33 เป็นพิษขึ้นมาจริงๆเนี่ยนะครับนะเ่อโอเค
00:30:33 → 00:30:35 ถ้าไปถึง 37 สัปดาห์แล้วอันนั้นเราโอเค
00:30:35 → 00:30:38 ให้คลอดได้เลยไม่มีแต่ถ้ามันไม่ถึงเนี่ย
00:30:38 → 00:30:40 อย่างน้อยถ้าพ้น 35 ไปได้เนี่ยนะครับเรา
00:30:40 → 00:30:42 ก็ยังพอสบายใจว่าอ่าอย่างน้อยปอดซึ่งเป็น
00:30:42 → 00:30:45 อสุดท้ายเนี่ยเริ่มทำงานละนะครับออกมาอาจ
00:30:45 → 00:30:47 จะหายใจยังไม่ค่อยดีนักเราก็ช่วยกันหายใจ
00:30:47 → 00:30:50 นิดหน่อยเขาก็คงไปต่อเองได้แต่ถ้ามันมา
00:30:50 → 00:30:53 เกิดขึ้นอย่างอย่างที่เมื่อสักครู่ฮะคุณ
00:30:53 → 00:30:55 เจมก็บอกมาแล้วมีเพื่อนเกิดปัญหานี้แล้ว
00:30:55 → 00:30:58 มัน 32 สัปดาห์อะไรเงี้ยตรงเนี้ยการดูแล
00:30:58 → 00:31:00 จะยากขึ้นมากเพราะว่าถึงเวลาตรงเนี้เราก็
00:31:01 → 00:31:03 รู้ว่า Surf ยังไม่ยังไม่ถูกสร้างเพราะ
00:31:03 → 00:31:05 ฉนั้นปล่อยไยังไม่ทำงานถ้าเอาลูกออกมาขณะ
00:31:05 → 00:31:07 นั้นเนี่ยลูกอาจจะหายใจไม่ได้ก็ได้ใส่
00:31:07 → 00:31:10 เครื่องช่วยหายใจก็ไม่มีไอ้สารที่ฉาบอยู่
00:31:10 → 00:31:12 มันก็จะไม่สามารถส่งออกซิเจนเข้าไปได้ถึง
00:31:13 → 00:31:14 เราปั๊มออกซิเจนเข้าไปมันก็เข้าไปไม่ถึง
00:31:14 → 00:31:16 กระแสงเลือดของลูกค่ะเพราะฉะนั้นปัจจุบัน
00:31:16 → 00:31:19 เนี่ยนะครับเราพบว่าอีกปัจจัยนึงที่มีผล
00:31:19 → 00:31:21 ทำให้ปอดทำงานเร็วขึ้นหรือสร้างสกได้มาก
00:31:21 → 00:31:25 ขึ้นก็คือเอ่อภาวะสสหรือภาวะความเครียด
00:31:25 → 00:31:27 ต่างๆที่มันเกิดขึ้นเหมือนกับธรรมชาติมัน
00:31:27 → 00:31:29 ก็รู้ครับว่าถ้ามีภาวะภัยต่างๆที่ผิดปกติ
00:31:29 → 00:31:31 เกิดขึ้นเนี่ยธรรมชาติมีแนวโน้มที่ว่า
00:31:32 → 00:31:34 อุ้ยจะต้องพยายามทำให้ลูกรอดชีวิตก็จะมี
00:31:34 → 00:31:37 การสร้างไอ้สารสารที่ฉาบปอดเออกมาเร็ว
00:31:37 → 00:31:39 ขึ้นค่ะนะครับปัจจุบันเนี่ยนะครับเราพบ
00:31:39 → 00:31:42 ว่าไอ้กระบวนการของการเกิดภาวะสตสหรือ
00:31:42 → 00:31:44 ภาวะความเครียดต่างๆที่กระทบเนี่ยนะครับ
00:31:44 → 00:31:47 ส่วนนึงที่มันก็มามันมันก็มาจากเรื่องของ
00:31:47 → 00:31:50 การพอเกิดภาวะตรงนี้ขึ้นเนี่ยมันจะมีการ
00:31:50 → 00:31:52 สร้างสารสเตียรอยด์นะครับเพราะฉนั้น
00:31:52 → 00:31:55 ปัจจุบันเนี่ยในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้ว
00:31:55 → 00:31:57 เป็นคันเป็นทิศแล้วเรามีแนวโน้มว่าเฮ้ย
00:31:57 → 00:31:59 เราจะต้องติการตั้งคันแล้วแต่ว่าอายุ
00:31:59 → 00:32:01 ครรภ์ยังน้อยกว่า 35 สัปดาห์เนี่ยนะครับ
00:32:01 → 00:32:05 เราจะมีการฉีดสารสเตียรอยด์ครับอืให้คุณ
00:32:05 → 00:32:07 แม่เพื่อไปกระตุ้นให้ปอดของลูกเนี่ยมีการ
00:32:07 → 00:32:10 สร้างสารเหล่าเนี้ยเร็วขึ้นค่ะนะครับอ่า
00:32:10 → 00:32:13 เพราะฉะนั้นเวลาดูแลคันเนี่ยแล้วเรามอง
00:32:13 → 00:32:15 คันพิษแน่นอนครับการดูแลอันที่ 1 ก็คือ
00:32:15 → 00:32:18 ถ้าเรายับยั้งยุติการตั้งครรภ์ได้เลยคลอด
00:32:18 → 00:32:20 ได้เลยเนี่ยเราทำแน่นอนเพราะว่ามันอปลอด
00:32:20 → 00:32:22 ภัยที่สุดเื่องจากคันในพิษเราบอกะเรา
00:32:22 → 00:32:25 รักษาความดันโลหิตสูงไว้ได้เนี่ยนะครับนะ
00:32:25 → 00:32:27 มันอาจจะ maintain ไว้แป๊บนึงแต่แป๊บ
00:32:27 → 00:32:29 เดียวอีกแบบอีกไม่กี่นาทีมันอาจจะขึ้นไป
00:32:29 → 00:32:32 สูงปี๊กจเ้เรสมองแตกอะไก็ได้นะครับเพราะ
00:32:32 → 00:32:34 ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้เนี่ยเราไม่อยากเสี่ยง
00:32:34 → 00:32:36 อยู่ะถ้าเรายุติการตั้งคันได้เลยเนี่ยมัน
00:32:36 → 00:32:38 ก็เหมือนยุติสาเหตุไปเลยแล้วก็เอาลูกออก
00:32:38 → 00:32:40 มาเลี้ยงมาดูแลข้างนอกดีกว่าแล้วก็แม่ก็
00:32:40 → 00:32:43 จะปลอดภัยขึ้นนะครับซึ่งตรงเนี้ยนะครับ
00:32:43 → 00:32:46 ถ้าเกิดจำเป็นจริงๆแล้วอายุครรภ์ยังไม่
00:32:46 → 00:32:49 ถึงนะครับ 35 สัปดาห์ซึ่งซึ่งปาจะจะเริ่ม
00:32:49 → 00:32:52 ทำงานได้เนี่ยเราก็จะมีการฉีดอ่าเนี่ย
00:32:52 → 00:32:55 ครับเจ้าเจเสตียรอยด์หรือเนี่ยเพื่อไป
00:32:55 → 00:32:58 กระตุ้นให้ปาดทำงานเร็วขึ้นค่ะนะครับส่วน
00:32:59 → 00:33:01 ความเสี่ยงของการรอดชีวิตของลูกเนี่ยมัน
00:33:01 → 00:33:04 ก็จะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่เป็นตอนนั้น
00:33:04 → 00:33:06 ล่ะครับเราบอกว่าก่อน 35 สัปดาห์เราฉีด
00:33:06 → 00:33:09 กระตุ้นได้แต่ถ้าเรากระตุ้นตอน 33 34 นะ
00:33:09 → 00:33:12 โอเคโอกาสรอดของลูกก็จะสูงกว่ามาเกิด
00:33:12 → 00:33:14 ปัญหาตอนอายุคัน 29 30 สัปดาห์เพราะ
00:33:15 → 00:33:17 ฉะนั้นยิ่งอายุคันยิ่งเกิดการเป็นพิษเร็ว
00:33:17 → 00:33:19 ขึ้นเท่าไหร่เนะครับเอ่ออัตราการรอดของ
00:33:19 → 00:33:22 ลูกก็จะต่ำลงเท่านั้นเพราะว่าเหมันเกิมก็
00:33:22 → 00:33:23 เหมือนกับว่าเราเอาลูกออกมาากที่เไม่
00:33:23 → 00:33:27 พร้อมค่ะนะครับเพราะฉะนั้นการดูแลรักษา
00:33:27 → 00:33:29 เนี่ยที่ไม่ยากก็คือมันไม่ใช่ว่าเราจะดู
00:33:29 → 00:33:31 แลแม่ให้ปลอดภัยอย่างเดียวยุติทั้คันนั้น
00:33:31 → 00:33:33 แต่ว่าเราก็ต้องมองไปที่ลูกด้วยแล้วก็
00:33:33 → 00:33:36 หลายๆครั้งก็จะเป็นข้อที่มันต้องคุยกัน
00:33:36 → 00:33:38 หนักกับคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันนะครับว่า
00:33:38 → 00:33:41 เอ๊ะเพราะหลายๆคนก็จะมองว่าอุ้ยเราถ้า
00:33:41 → 00:33:43 ต้องลงออกมาแล้วมันเสี่ยงเนี่ยแม่ยอม
00:33:43 → 00:33:44 เสี่ยงเองดีกว่าอะไรอย่างเงี้ยก็ต้องก็
00:33:44 → 00:33:46 ต้องอธิบายกันหนักเหมือนกันว่าไอ้ที่แม่
00:33:46 → 00:33:48 บอกว่าแม่ยอมเสี่ยงเองดีกว่าเนี่ยเวลา
00:33:48 → 00:33:50 เสี่ยงมันเสี่ยงเสี่ยงหนักเลยฮะมันเสี่ยง
00:33:50 → 00:33:52 ถึงถึงิได้เลยอ่ะอืเพราะงั้นถ้าคุณแม่
00:33:52 → 00:33:54 เสียชีวิตแล้วก็ไม่ต้องไปห่วงว่าเราจะไป
00:33:54 → 00:33:56 ดูแลลูกได้ไงเพราะเราเพะเรา de ไปแล้ว
00:33:56 → 00:34:00 อย่าเงี้ยนะดังนั้นก็ตรงเนี้ยนะครับก็การ
00:34:00 → 00:34:02 ดูแลรักษาเนี่ยคุณหมอท่านเป็นผู้ให้คำแนะ
00:34:02 → 00:34:04 นำแล้วก็ถ้าคุณหมอท่านแนะนำอย่างไรนะครับ
00:34:04 → 00:34:07 ก็ขอให้เชื่อท่านเถอะเพราะว่าเพราะว่าคุณ
00:34:07 → 00:34:09 หมอจะระลึกอยู่แล้วละว่าไม่ใช่แบคุณบอก
00:34:09 → 00:34:11 อุ้ยเราเป็นห่วงลูกอยากเก็บลูกไว้ก่อนแต่
00:34:11 → 00:34:14 ว่าแต่ว่ามันคุณหมอก็จะให้เอาออกทันที
00:34:14 → 00:34:16 เนี่ยอันนั้นเอ่อเรียนเลยครับว่าคุณหมอ
00:34:16 → 00:34:18 ทุกคนเนี่ยเราเราจะตระหนักถึงตรงนี้เป็น
00:34:18 → 00:34:21 อย่างยิ่งนะครับถ้าเราพอจะ maintain แบบ
00:34:21 → 00:34:23 รักษาไว้ได้แบบเลี้ยงไปก่อนได้เนี่ยเราก็
00:34:23 → 00:34:26 จะพยายามรักษานะครับเพราะฉะนั้นในในหลายๆ
00:34:26 → 00:34:28 กรณีเนี่ยนะครับเวลาที่เราต้องฉีดยาเพื่อ
00:34:28 → 00:34:30 กระตุ้นปอดเนี่ยนะครับมันไม่ได้ฉีดแล้ว
00:34:30 → 00:34:33 กระตุ้นแล้วมันจะกระตุ้นแได้ทันทีเลยเรา
00:34:33 → 00:34:35 มันจะต้องมีการฉีดแล้วถ้าเป็นไปได้เนี่ย
00:34:35 → 00:34:39 นะครับฉีดฉีดสัก 2 ครั้งห่า 12 ชมงก็คือ
00:34:39 → 00:34:41 ถ้าเป็นไปได้เนี่ยมันควรจะมีระยะเวลาให้
00:34:41 → 00:34:43 เราประมาณ 24 ชั่วโมงแรกให้เราเตรียมขยาย
00:34:43 → 00:34:45 กระตุ้นปอดลูกให้เรียบร้อยก่อนซึ่งใน
00:34:45 → 00:34:47 ระหว่างเนะครับความเสี่ยงของคุณแม่ที่
00:34:47 → 00:34:49 เกิดขึ้นเนี่ยก็จะมีความเสี่ยงในเรื่อง
00:34:49 → 00:34:51 ที่เราบอกแล้วจะมีความเสี่ยงตการชักนะ
00:34:51 → 00:34:53 ครับนั้นก็จะต้องคุณคุณแม่ก็ถูกรับไว้ใน
00:34:53 → 00:34:57 โรงพยาบาลแล้วก็ดูแลในในเราเรียกว่าอ่า
00:34:57 → 00:35:00 ICU ของคุณแม่เลยแหละนะครับมีการให้พวก
00:35:00 → 00:35:02 เ่อสารที่เราเรียกว่าแมกนีเซียมซัลเฟต
00:35:02 → 00:35:04 เพื่อไปป้องกันการเกิดการชักที่เราบอก
00:35:04 → 00:35:08 แล้วนะครับแล้วก็เอ่อมีการพักมีการควบคุม
00:35:08 → 00:35:11 และติดตามดูแลความดันอย่างใกล้ชิดรวมทั้ง
00:35:11 → 00:35:13 ติดตามวัดระดับของโปรตีนที่รั่วมาใน
00:35:13 → 00:35:15 ปัสสาวะหรือโปรตีนที่อยู่ในเลือดเนี้ย
00:35:15 → 00:35:17 แล้วก็ไอ้สารต่างๆเนี่ยที่หมอบอกไปแล้ว
00:35:17 → 00:35:21 เนี่ยอย่างใกล้ชิดนะครับอซึ่งก็ก็ต้องยอม
00:35:21 → 00:35:23 รับว่าพอเราเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นนะ
00:35:23 → 00:35:26 ครับถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถป้องกันเ่อค
00:35:26 → 00:35:29 พิษได้ทุกรายเนี่ยแต่ปัจจุบันเนี้ยเราก็
00:35:29 → 00:35:32 ค่อยๆลดอัตราการเสียชีวิตของคันพิษเนี่ย
00:35:32 → 00:35:35 ได้ต่ำลงเรื่อยๆค่ะนะครับอันเนี้ยก็การ
00:35:35 → 00:35:37 ที่วันนี้เราได้คุยหัวข้อเนี้ยก็น่าจะ
00:35:37 → 00:35:40 เป็นประโยชน์ที่ให้คุณแม่จะรู้สักรู้จัก
00:35:40 → 00:35:42 ตำหนักในเรื่องนี้ว่าเราตั้งครรภ์อยู่เรา
00:35:42 → 00:35:44 อาการดูปกติไปฝากคทุกๆครั้งคุณหมอก็บอก
00:35:45 → 00:35:47 ว่าปกติแต่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่
00:35:47 → 00:35:49 ก็ได้นะครับเพราะฉะนั้นเวลาคุณหมอนัด
00:35:49 → 00:35:53 เนี่ยก็ขอให้ไปให้ตรงตามนัดนะครับนะเอ่อ
00:35:53 → 00:35:55 ไม่งั้นบางทีเราเว้นๆไปเกิดที่เราที่เรา
00:35:55 → 00:35:57 นัดกันอยู่เดือนละครั้งเนี่ยก็เพราะว่า
00:35:57 → 00:35:59 เราเราติดตามดูการเปลี่ยนแปลงต่างๆถ้ามัน
00:35:59 → 00:36:01 จะเกิดขึ้นเนี่ยมันยังไวพอที่เราจะเ
00:36:01 → 00:36:03 สามารถตรวจความผิดปกติได้ทันอืนะครับค
00:36:03 → 00:36:05 เพราะะนั้นคุณหมอนัก็พยายามไปให้ตรงตาม
00:36:05 → 00:36:08 นัดแล้วก็หมันสังเกตอาการอย่างที่บอกถ้า
00:36:08 → 00:36:10 เท้ามันดูบวมมากๆนะครับหรือว่าบางท่านก็
00:36:10 → 00:36:12 ดีเลยครับมีเครื่องไว้ความดันอยู่ที่บ้าน
00:36:12 → 00:36:15 เนี่ยนะครับความดันความดันโลหิตปกติเนี่ย
00:36:15 → 00:36:17 นะครับที่เราจะถือว่าเนี่ยนะครับเอ่อจะมี
00:36:17 → 00:36:19 ความเสี่ยงเนี่ยต่อการเป็นพิษเนี่ยก็คือ
00:36:19 → 00:36:22 ถ้าเมื่อไหร่ความดันความดันมันจะมี 2 ค่า
00:36:22 → 00:36:24 ที่เราเรียกว่าความดันตัวบนก็เป็นความดัน
00:36:24 → 00:36:28 ตอนที่หัวใจบีดตัวนะครับกับความดันตัว
00:36:28 → 00:36:30 ล่างก็คือจังหวะที่หัวใจคลายตัวนะครับ
00:36:30 → 00:36:34 เวลาวัดความดันโลหิตสูงเนี่ยนะครับตัวบน
00:36:34 → 00:36:36 เนี่ยไม่ควรจะสูงกว่า
00:36:36 → 00:36:38 10040 นะครับส่วนตัวล่างเนี่ยไม่ควรจะ
00:36:38 → 00:36:41 สูงกว่า 90 เพราะงั้นถ้าสมมุติเราได้มี
00:36:41 → 00:36:43 โอกาสวัดความดันด้วยตัวเองที่บ้านเนี่ย
00:36:43 → 00:36:46 แล้วมัน 140 90 ขึ้นไปเนี่ยอันเนี้ยต้อง
00:36:46 → 00:36:49 ไปต้องไปหาคุณหมอทันทีเลยค่ะนะครับส่วน
00:36:49 → 00:36:51 ถ้ามันจะไปสูงมากๆจนถึงอันตรายนะครับคือ
00:36:51 → 00:36:53 คันเป็นพิษมันก็แบ่งเป็นหลายระดับนะครับ
00:36:53 → 00:36:55 ถ้าเป็นระดับ 140 กับ 90 เนี่ยบางทีเรา
00:36:55 → 00:36:57 ยังไม่ต้องถึงกับยุติการทั้งคันหรอกแต่เ
00:36:57 → 00:37:00 ถือว่าต้องจับตามองใกล้ชิดละจะต้องรับไว้
00:37:00 → 00:37:03 โรงพยาบาลแล้วแต่ถ้าเราเราให้การดูแลแล้ว
00:37:03 → 00:37:05 มันหยุดไม่อยู่ความดันมันเรื่องพัฒนาขึ้น
00:37:05 → 00:37:09 ไปถึงตัวบนไปเกิน 160 นะครับตัวล่างไป
00:37:09 → 00:37:11 เกิน 110 เนี่ยอันเนี้ยจะเริ่มมีความ
00:37:11 → 00:37:13 เสี่ยงสูงมากขึ้นละแล้วก็อาจจะทำให้เรา
00:37:13 → 00:37:15 ต้องเริ่มตัดสินใจในเรื่องการยุติการตั้ง
00:37:15 → 00:37:19 ขันอืนะครับเพราะฉะนั้นถ้าอธิบายมันก็จะ
00:37:19 → 00:37:22 เป็นเป็นเป็นข้อมูลที่เริ่มจะละเอียดไป
00:37:22 → 00:37:25 หน่อยอนะฮะก็อยากอธิบายให้เอ่อคนเอ่อทุกๆ
00:37:25 → 00:37:28 ท่านที่ฟังได้เข้าใจว่าเวลาคุณหมเตัดสิน
00:37:28 → 00:37:31 ใจเสิใจจากอะไรบ้างนะครับอืแต่ที่เขาบอก
00:37:31 → 00:37:35 ว่าภาวะคันเป็นพิษแบบรุนแรงนี่เป็นใน
00:37:35 → 00:37:37 ระดับที่คุณหมอเล่าให้ฟังเมื่อสักครู่
00:37:37 → 00:37:39 มั้ยคะหรือว่ามันหนักกนั้นครับคือ 100
00:37:39 → 00:37:42 100 เนี่ยครับตัวบน 160 ตัวล่าง 110 อื
00:37:42 → 00:37:44 อันนี้คือรุนแรงอ่าใช่เพราะว่าถ้าถึงตรง
00:37:44 → 00:37:46 นี้เนี่ยเราเราเราพร้อมจะชักได้ทุกเมื่อ
00:37:47 → 00:37:49 นะฮะค่ะนะครับแล้วก็พร้อมจะชักพร้อมที่จะ
00:37:49 → 00:37:51 เส้นเลือดสมองจะแตกมีเลือดออกนจสมองได้
00:37:51 → 00:37:54 ทันทีซึ่งอย่างที่บอกะซักกับเลือดอ่อนใน
00:37:54 → 00:37:55 สมองเนี่ยกเส้นเลือดแตเนี่ยเป็นสาเหตุ
00:37:55 → 00:37:59 สำคัญของการตายของดที่เป็นการเป็นพิษอือ
00:37:59 → 00:38:01 ครับนอกจากนั้นเนี่ยภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อ
00:38:01 → 00:38:03 เป็นอย่างนี้นะครับแรงดันโลโลหิตที่มัน
00:38:03 → 00:38:05 สูงมากๆหัวใจต้องทำงานอย่างหนักมันก็จะ
00:38:05 → 00:38:08 เริ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
00:38:08 → 00:38:11 หรือว่าเอ่อปัญหาของโรคหลอดเลือดและหัวใจ
00:38:11 → 00:38:13 นะครับเรามีการศึกษาที่น่าสนใจอย่างนึง
00:38:13 → 00:38:16 เหมือนกันครับว่าเอ่อโอเคเราบอกว่าคัน
00:38:16 → 00:38:18 เป็นพิษเนี่ยนะครับนะเกิดขึ้นเพราะการ
00:38:18 → 00:38:22 ตั้งครรภ์ค่ะนะครับแต่เรากลับศึกษาพบว่า
00:38:22 → 00:38:24 มีคนไข้จำนวนหนึครับที่หลังจากตั้งครรภ์
00:38:24 → 00:38:26 เสร็จแล้วเนี่ยนะครับแล้วก็สมมุติว่าล
00:38:26 → 00:38:29 ยุติการละคลอดลูกคลอดรกออกมาเสร็จเรียบ
00:38:29 → 00:38:31 ร้อยแล้วปรากฏว่าภาวะอันเนี้ยความเสี่ยง
00:38:31 → 00:38:33 ของการเิดเพก็ยังสูงต่อเนื่องไปได้อีกนะ
00:38:33 → 00:38:36 ครับในบางรายงานเนี่ยไปถึง 6 สัปดาห์หลัง
00:38:36 → 00:38:39 คลอดเลยแม้ว่ากระทั่งที่เราคลอดลูกออกมา
00:38:39 → 00:38:41 เรียบร้อยแล้วก็ยังเป็นได้อีกหรอคะแว่า
00:38:41 → 00:38:44 ครับก็แสดงว่าไอ้ภาวะการอักเสบต่างๆที่
00:38:44 → 00:38:46 เกิดขึ้นหรือการเปลี่ยนแปลงของสารต่างๆ
00:38:46 → 00:38:49 เนี่ยพอเรายุติการทคันเสร็จปุ๊บเนี่ยสาร
00:38:49 → 00:38:51 ต่างๆโปรตีนที่เราบอกที่เราตรวจวัดเนี่ย
00:38:51 → 00:38:53 มันยังไม่ได้กลับคืนสู่สภาพทันทีนะอค่ะ
00:38:53 → 00:38:56 มันในในบางท่านที่ฟื้นตัวเร็วเนี่ยมันก็
00:38:56 → 00:38:58 โอเคความเสี่ยงมันก็ก็จะหายไปเลยแต่ว่า
00:38:58 → 00:39:02 เราพบในบางรายงานว่าบางคนเนี่ยไปเกิดภาวะ
00:39:02 → 00:39:04 ชักหรือไปเกิดความำสูงไปยังไปเกิดความ
00:39:04 → 00:39:06 เสี่ยงต่อคุณแม่เนี่ยหลังจากครอบลูกไป
00:39:06 → 00:39:08 แล้วได้ด้วยนะครับซึ่งในรายงานที่พบว่า
00:39:08 → 00:39:11 ยาวที่สุดนัก็คือประมาณสัก 6 สัปดาห์อื
00:39:11 → 00:39:14 เพราะฉะนั้นแปลว่าคุณแม่ที่เอ่อมีภาวะคัน
00:39:14 → 00:39:16 เวงพิษหรือคนำสูงขนาดตั้งรภแล้วเนี่ยแล้ว
00:39:16 → 00:39:18 ดูแลรักษาจนอาจได้ลูกออกมาเรียบร้อยหมด
00:39:18 → 00:39:21 แล้วเนี่ยนะครับเอ่อเอ่อคุณแม่อาจจะต้อง
00:39:21 → 00:39:23 ถูกติดตามดูแลใกล้ชิดไปอีก 6 สัปดาห์ออ
00:39:23 → 00:39:26 ค่ะซึ่งซึ 6 สัปดาห์เนี่ยถ้าพูดถึงในการ
00:39:26 → 00:39:28 ดูแลเรื่องการตั้งครันทั่วๆไปเนี่ยเราพบ
00:39:29 → 00:39:31 ว่า 6 สัปดาห์เนี่ยจะเป็นระยะที่ธรรมชาติ
00:39:31 → 00:39:34 เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติละค่ะอย่างหลายๆ
00:39:34 → 00:39:36 ท่านที่เคยฝากคันแล้วเคยคลอดลูกเนี่ยก็จะ
00:39:36 → 00:39:38 พบว่าพอหลังคลอดเนี่ยคุณหมอจะนัดไปตรวจ
00:39:38 → 00:39:40 ที่ 6 สัปดาห์เพื่อดูว่านั่นคือการตรวจ
00:39:40 → 00:39:42 หลังคลอดก็แปลว่าแปลว่าภาวะของการคลอด
00:39:42 → 00:39:45 ต่างๆเป็นสิ้นสุดลงและคุณแม่กลับไปทุก
00:39:45 → 00:39:47 อย่างร่างกายเหมือนคนไม่ได้ตั้งครรภ์ะก็
00:39:47 → 00:39:50 กลับไปคืนใช้ชีวิตปกติได้มันก็จะประมาณ 6
00:39:50 → 00:39:52 สัปดาห์ดังนั้นพอเราพบข้อมูลตรงนี้นะครับ
00:39:53 → 00:39:55 การศึกษาที่ทำต่อเนื่องกันไปนะครับใน
00:39:55 → 00:39:58 สหรัฐอเมริกาเราพบว่าเอ่อถึงแม้เราจะบอก
00:39:58 → 00:40:00 ว่าคันเป็นพิษเนี่ยมันเกิดจากการเปลี่ยน
00:40:00 → 00:40:02 แปลงในขณะตั้งครรภ์เราก็ยังบอกไม่ได้ชัด
00:40:02 → 00:40:04 เจนหรว่าอักเสบเนี่ยอักเสบจากอะไรบ้างนะ
00:40:04 → 00:40:07 ฮะเราก็อาจจะตรวจเจอสาร 2-3 อย่างก็ตามดู
00:40:07 → 00:40:09 ไปแต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเกิดนะครับ
00:40:09 → 00:40:12 แต่เรารู้ว่ามันเกิดขนาดตั้งครรภ์แต่พอ
00:40:12 → 00:40:16 ติดตามศึกษาไปนะครับเราพบว่าคนไข้กลุ่ม
00:40:16 → 00:40:18 ที่เกยคคิดเนี่ยพออายุมากๆขึ้นเนี่ยนะ
00:40:18 → 00:40:21 ครับเขไปเพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อการเสีย
00:40:21 → 00:40:25 ชีวิตก่อนก่อนไวยอันควรจากจากโรคหัวใจอื
00:40:25 → 00:40:28 นะครับภาวะหัวใจวาหรือจากภาวะที่เกิด
00:40:28 → 00:40:31 เรื่องโรคหลอดเลือดและหัวใจที่ผิดปกติค่ะ
00:40:31 → 00:40:34 นะครับโดยพบว่าความเสี่ยงตรงนี้นะครับเรา
00:40:34 → 00:40:37 พบความเสี่ยงเพิ่มขึ้นนะครับเ่อถึง 2 ใน 3
00:40:37 → 00:40:40 โอของผู้หญิงที่เคยเป็นเ่อความจำสูงหรือ
00:40:40 → 00:40:43 คันเป็นพิขนาดตั้งคันเลยค่ะเพราะฉะนั้น
00:40:43 → 00:40:46 อันเนี้ยเอ่อนอกจากเราฟังเป็นความรู้ว่า
00:40:46 → 00:40:48 บางท่านอาจจะตั้งครรภ์แล้วดูปกตินะครับ
00:40:48 → 00:40:50 บางท่านที่ตั้งรภคันเป็นพิษแต่ว่าก็ดูแล
00:40:50 → 00:40:52 ของมาแล้วปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกอันนั้นก็
00:40:52 → 00:40:54 ดีไปแต่ว่าเราก็ต้องพบด้วยว่าเมื่อเรา
00:40:54 → 00:40:56 ตั้งันครั้งต่อไปเนี่ยความเสี่ยงก็อาจจะ
00:40:56 → 00:40:58 เกิดขึ้นได้อีกแล้วก็ถึงแม้ว่าเราจะไม่
00:40:58 → 00:41:00 ได้ตั้งครรภ์แล้วแต่พอเราอายุมากขึ้น
00:41:00 → 00:41:03 เนี่ยเราควรจะใส่ใจดูแลสุขภาพเราเองทาง
00:41:03 → 00:41:05 ด้านหลอนเลดและหัวใจเนี่ยนะครับให้มาก
00:41:05 → 00:41:08 ขึ้นเพราะว่าเราพบว่าไอ้กลกตรงเนี้ยมัน
00:41:08 → 00:41:11 มันไปเพิ่มความเสี่ยงทำให้เรามีภาวะโรคพว
00:41:11 → 00:41:14 นี้เราเสียชีวิตก่อนไวควรได้กรณีที่พบ
00:41:14 → 00:41:18 ภาวะนี้หลังคลอดไปแล้วเนี่ยคะมันรุนแรง
00:41:18 → 00:41:19 ถึงขั้นเสียชีวิตมยคะทำให้คุณแม่เสีย
00:41:19 → 00:41:22 ชีวิตได้เอมักจะไม่ค่อยนะครับเพราะว่าพอ
00:41:22 → 00:41:24 มันมันมันมีหลายเหตุผลนะครับเหตุผลที่ 1
00:41:24 → 00:41:27 ก็คือเราบอกแล้วว่าภาวะพวกนี้มันเกิดขึ้น
00:41:27 → 00:41:29 การตั้งคันเพราะฉะนั้นพอการตั้งคันยุติลง
00:41:29 → 00:41:31 เนี่ยเพว่าพวกนี้มันก็จะดูแลรักษาง่าย
00:41:31 → 00:41:33 ขึ้นเพราะว่ามันถูกควบคุมได้เร็วขึ้นนะ
00:41:33 → 00:41:37 ครับอันที่ 2 นะครับเรารู้ว่าเอ่ออัตรา
00:41:37 → 00:41:40 การเสียชีวิตของคเป็นพิษหรือความดันิสูง
00:41:40 → 00:41:41 เนี่ยมันเกิดจากตัวความดันเนี่ยไปทำให้
00:41:41 → 00:41:44 แรงดันในสมองสูงจนเราชักพอชักก็ขาด
00:41:44 → 00:41:47 ออกซิเจนนะครับหรือไปทำให้เส้นเลือดสมอง
00:41:47 → 00:41:51 แตกเราก็มีเลือดออกในสมองนะครับเอ่อวิธี
00:41:51 → 00:41:53 การนึงที่เราจะรักษามันได้ก็คือการให้ยา
00:41:53 → 00:41:55 เพื่อลดความดันโลหิตก็เหมือนก็เหมือนเรา
00:41:55 → 00:41:58 รักษาความคนเป็นความดันโลหิตสูงไงถ้าดัน
00:41:58 → 00:42:01 สูเราก็ให้ยาลดความดันใช่มั้ยแต่ว่าทำไม
00:42:01 → 00:42:04 ทำไมเราถึงเราถึงดูแลได้ในขณะที่เราตั้ง
00:42:04 → 00:42:06 ครรภ์อยู่เนี่ยนะครับตอนที่ยังยังไม่ได้
00:42:06 → 00:42:08 ยุติการตั้งคาหรือยังไม่ได้คลอดเนี่ยนะ
00:42:08 → 00:42:11 ครับเอ่อการให้ยาลดความดันเนี่ยการให้ก็
00:42:11 → 00:42:14 มีอันตรายเพราะว่าเราบอกอยู่แล้วว่าที่
00:42:14 → 00:42:17 ที่เ่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายคุณแม่
00:42:17 → 00:42:19 เนี่ยนะครับมันมีปริมาณเลือดเยอะขึ้นมี
00:42:19 → 00:42:22 การสูบฉีดแรงดันของเลือดมากขึ้นเพราะเขา
00:42:22 → 00:42:24 ต้องส่งเลือดส่งออกซิเจนส่งอาหารไปเลี้ยง
00:42:24 → 00:42:27 ลูกค่ะคราวนี้พอเราดันไปลดความดันลงเนี่ย
00:42:27 → 00:42:29 ปริมาณเลือดที่สูฉีดที่ลูกก็จะลดลงด้วยฮะ
00:42:29 → 00:42:32 อืค่ะเพราะฉะนั้นเราเราไปเราสมมุติเป็นคน
00:42:32 → 00:42:34 คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่เนี่ยแล้วยังแล้ว
00:42:34 → 00:42:36 ยังมีลูกอยู่ในตัวเนี่ยยังไม่ได้คลอด
00:42:36 → 00:42:38 เนี่ยนะครับค่ะเอ่อยายาลดความดันมันก็ใช้
00:42:39 → 00:42:42 ไม่ได้ครับอืค่ะเอ่าหรือใช้ได้จำกัดไม่
00:42:42 → 00:42:44 สามารถใช้ได้เต็มโดสของมันเพราะฉะนั้นถ้า
00:42:44 → 00:42:47 สมมุติเราบอกว่าเกิดคันเป็นพิษแล้วแล้ว
00:42:47 → 00:42:49 ยังไม่ยุติการนั้งันนะครับเราแทบจะจัดการ
00:42:50 → 00:42:52 อะไรกับความดันได้ยากมากเลยอืค่ะแต่ถ้า
00:42:52 → 00:42:55 เป็นภาวะที่เอ่อเราโอเคคลอดลูกเสร็จไปะ
00:42:55 → 00:42:57 แล้วมันไปเป็นกลายเป็นคันเป็นพิษเกิดตาม
00:42:57 → 00:42:59 หลังเนี่ยอันเนี้ยเราควบคุมง่ายขึ้นเพราะ
00:42:59 → 00:43:02 ว่าเราให้ยาลดความดันได้เต็มที่ะเราไม่
00:43:02 → 00:43:05 ต้องห่วงว่าว่าเอ่อมันจะมีผลต่อการไปลด
00:43:05 → 00:43:07 เลือดที่ส่งไปเลี้ยงลูกอนะครับเพราะ
00:43:07 → 00:43:09 ฉะนั้นพอเราคุมความดันได้ดีความเสี่ยงที่
00:43:09 → 00:43:11 จะไปเกิดเส้นเลือดสมองแตกหรือชักอะไรต่าง
00:43:11 → 00:43:13 ๆก็จะน้อยลงค่ะนะครับเพราะนั้นก็จะไม่
00:43:13 → 00:43:17 ค่อยเสียชีวิตหรอกถ้าเพราะฉะนั้นเเอ่อ
00:43:17 → 00:43:19 เป้าหมายหลักของการรักษาเลยคือเนี่ยนะ
00:43:19 → 00:43:20 ครับ
00:43:20 → 00:43:23 พยายามพาลูกไปให้ถึงจุดที่ปลอดภัยกตุน
00:43:23 → 00:43:25 ปลอดลูกให้ดีนะครับแล้วก็นะซื้อเวลาโดย
00:43:25 → 00:43:28 การให้ยาเพื่อป้องกันการชัของคุณแม่ไว้นะ
00:43:28 → 00:43:30 ครับพอให้กายากระตุ้นปอดครบเนี่ยเราจะ
00:43:30 → 00:43:33 ยุติการทั้งคันให้เร็วที่สุดอค่ะนะครับ
00:43:33 → 00:43:36 ค่ะเห็นคุณแม่ยุคใหม่เนี่ยค่ะคุณหมอส่วน
00:43:36 → 00:43:39 ใหญ่จะนิยมแบบออกกำลังกายบางคนก็ออกแบบ
00:43:39 → 00:43:43 ค่อนข้างเข้มข้นพอสมควรการออกกำลังกายของ
00:43:43 → 00:43:46 คุณแม่ที่ที่ตั้งครร์เนี่ยคมันจะมีส่วน
00:43:46 → 00:43:49 ช่วยได้บ้างมั้ยคะในการลดภาวะคันเป็นพิษ
00:43:49 → 00:43:52 เนี่ยค่ะครับประโยชน์ของการออกกำลังกาย
00:43:52 → 00:43:54 จริงๆไม่ต้องเป็นคุณแม่ตั้งคันหรอกเป็นคน
00:43:54 → 00:43:57 ทั่วๆไปเนี่ยที่ที่เราก็เราก็รู้อยู่
00:43:57 → 00:43:59 ประโยชน์แต่เราไม่ค่อยได้ทำอนะฮะพอดีไม่
00:43:59 → 00:44:03 ไม่ว่างนะฮะนะครับรู้ๆแต่ไม่ว่างนะฮะไอ้
00:44:03 → 00:44:05 ตรงเนี้ยนะครับเอ่อการออกกำลังกายเนี่ย
00:44:05 → 00:44:07 แน่นอนครับออกกำลังกายที่เราพูดถึงออก
00:44:07 → 00:44:09 กำลังกายแบบแอโรบิกคือออกกำลังกายแล้ว
00:44:09 → 00:44:11 เนี่ยมีการแบบเหมือนเหมือนเราเหมือนเรา
00:44:11 → 00:44:13 วิ่งแล้วหัวใจเต้นเร็วตึ๊บๆๆๆขึ้นอ่ะ
00:44:13 → 00:44:15 อย่างงั้นน่ะเออเนี้ยมันจะมีการสูบฉีด
00:44:15 → 00:44:17 โลหิตที่ดีขึ้นเพราะฉะนั้นเมื่อร่างกาย
00:44:17 → 00:44:19 ได้มีการออกกำลังกายมันเหมือนกับสร้าง
00:44:19 → 00:44:21 ความเคยชินสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
00:44:21 → 00:44:23 ของหล่อเลิศหัวใจให้มีความยืดหยุ่นได้ดี
00:44:23 → 00:44:26 ขึ้นเพราะฉะนั้นเก็จะมีความทนต่อการ
00:44:26 → 00:44:28 เปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดความดันหิตสูง
00:44:28 → 00:44:31 เนี่ยได้ดีขึ้นเหมือนกับสมมุติหลอดเลือด
00:44:31 → 00:44:33 เราเป็นท่อประปาครับถ้าท่อประปานมันแข็ง
00:44:33 → 00:44:35 อ่ะนะครับแรงดันเลือดที่เพิ่มขึ้นเนี่ย
00:44:35 → 00:44:38 มันก็ทำให้แรงดันของของปริมาณที่ไหลในท่อ
00:44:38 → 00:44:41 ประปาเนี่ยมันมันสูงความดันก็สูงขึ้นใน
00:44:41 → 00:44:43 ขณะที่ถ้าไอ้ผนังท่อประปานั้นเป็นเป็น
00:44:43 → 00:44:46 เป็นยางนุ่มๆที่มันยืดหยุ่นได้ต่อให้มี
00:44:46 → 00:44:48 แรงดันของเลือดมาสูงเนี่ยแต่พอมันยืด
00:44:48 → 00:44:51 หยุ่นได้เนี่ยความดันของโลหิตก็จะลดลงค่ะ
00:44:51 → 00:44:53 ดังนั้นการออกกำลังกายเนี่ยให้ประโยชน์
00:44:53 → 00:44:55 แน่นอนครับมันช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นตรง
00:44:55 → 00:44:58 นี้นะครับดังนั้นถ้าเป็นไปได้เนี่ยจริงๆ
00:44:58 → 00:45:00 เราก็แนะนำให้คุณแม่ออกกำลังกายนะครับค่ะ
00:45:00 → 00:45:03 เ่อเราควรจะออกกำลังกายเมื่อไหร่นะครับ
00:45:03 → 00:45:05 ที่เราบอกแล้วครับความเสี่ยงของการตั้ง
00:45:05 → 00:45:06 คันเนี่ยจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 12
00:45:06 → 00:45:09 สัปดาห์แรกครับจะเห็นได้ว่า 10 สัดาแรก
00:45:09 → 00:45:11 อวัยวะยังสร้างไม่สมบูรณ์ความเสี่ยงต่อ
00:45:11 → 00:45:14 การแพ้งก็ยังสูงนะครับการแยางต่าก็ยังให้
00:45:14 → 00:45:16 ไม่ได้นะครับเพราะฉะนั้น 12 สัปดาห์แรก
00:45:16 → 00:45:17 เนี่ยเราค่อนข้างจะให้คุณแม่พักอ่ะอย่าไป
00:45:17 → 00:45:19 ออกกำลังกายอย่าไปทำอะไรเสี่ยงๆนะครับแต่
00:45:19 → 00:45:22 พอพ้น 12 สัปดาห์ไปแล้วเนี่ยเริ่มออก
00:45:22 → 00:45:24 กำลังกายได้แหละอืแต่การออกกำลังกายนั้น
00:45:24 → 00:45:26 ก็ต้องอยู่ในการดูแลนะครับคือปรึกษาคุณ
00:45:26 → 00:45:28 หมอที่ว่าท่าทางท่าทางการออกกำลังกายที่
00:45:28 → 00:45:30 เหมาะสมควรจะเป็นยังไงนะครับเอ่อบางทีก็
00:45:30 → 00:45:33 เดี๋ยวนี้ก็มีการเห็นบางสถานก็จะมีโยคะ
00:45:33 → 00:45:35 ค่ะยืดเหยียดต่างๆมันก็จะช่วยเรื่องการ
00:45:35 → 00:45:37 ยืดเหยียดการไหลเวนของเลือดการยืดเหยียด
00:45:37 → 00:45:39 กล้ามเนื้อได้ดีขึ้นซึ่งตรงเนี้ยก็จะต้อง
00:45:39 → 00:45:42 เป็นโยคะในท่าที่ในท่าที่เหมาะกับคนท้อง
00:45:43 → 00:45:45 ด้วยค่ะส่วนจะไปวิ่งจ๊อกกิ้งออกกำลัง
00:45:45 → 00:45:47 เนี่ยก็ก็ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่าควรจะ
00:45:47 → 00:45:50 ทำได้มากน้อยแค่ไหนอะไรต่างๆนะครับแต่อัน
00:45:50 → 00:45:52 นี้เป็นประโยชน์แน่นอนแล้วก็ถึงเราจะยัง
00:45:52 → 00:45:54 ไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนว่าออกกำลัง
00:45:54 → 00:45:57 กายกับกพิษเนี่ยมันมีผลอย่างน้อยอย่ามาก
00:45:57 → 00:46:00 น้อยแค่ไหนเป็นเปอร์เซ็นต์เนี่ยนะครับแต่
00:46:00 → 00:46:02 เมื่อเรารู้ว่าการออกกำกายมีผลต่อการยืด
00:46:02 → 00:46:03 หยุ่นของหลอดเลือดซึ่งมามันช่วยควบคุม
00:46:03 → 00:46:06 ความดันโลหิตได้เนี่ยเอ่อออกกำลังกายไว้
00:46:06 → 00:46:08 ก็น่าจะมีส่วนช่วยนะครับมความเสียยเรื่อง
00:46:08 → 00:46:13 คผิดอืค่ะอืค่ะสำคัญจะมีเวลาออกรือเปล่า
00:46:13 → 00:46:17 นะฮะตอนปกติยังไม่ค่อยออกเลยค่ะตอนท้อง
00:46:17 → 00:46:20 นี่คงจะลำบากก็อย่างหมอหมอก็ว่าจะออกเพอ
00:46:20 → 00:46:24 ดีต้องมาออกรายการตอน 22:00 นติดธุระพอดี
00:46:24 → 00:46:28 ออกกำลังกายตอนตอน 22:00 นตอนนี้บันว่าง
00:46:28 → 00:46:32 ตอนนี้พอดีก็เลยไม่ได้ออกใช่มค่ะครับเอ๊ะ
00:46:32 → 00:46:35 คุณหมอคะแล้วแบบเนี้ยค่ะเอออย่างวิธีป้อง
00:46:36 → 00:46:38 กันมันก็ค่อนข้างที่ที่จะยากอ่ะค่ะแต่
00:46:38 → 00:46:41 แล้ววิธีที่แบบดูแลตัวเองให้ลดความเสี่ยง
00:46:41 → 00:46:45 อ่ะค่ะมันมันมีเยอะอีกมั้ยอ่ะคะครับถ้า
00:46:45 → 00:46:47 เราพูดถึงเรื่องการเป็นพิษเนี่ยนะครับลด
00:46:47 → 00:46:49 ลดความเสี่ยงเนี่ยนะครับแน่นอนปัจจุบันเ
00:46:49 → 00:46:51 เรายังไม่รู้ว่าเกิดว่าเกิดจากสาเหตุตัว
00:46:51 → 00:46:53 ไหนเลยทำไมมันถึงคำให้กอักเสบและใคร
00:46:53 → 00:46:55 อักเสบใครไม่อักเสบถูกมั้ยครับเพราะ
00:46:55 → 00:46:58 ฉะนั้นพูดยว่าเราจะป้องกันคพิษเนี่ยมันทำ
00:46:58 → 00:47:01 ไม่ได้ 100% แต่ว่าถ้าลดปัจจัยเสี่ยง
00:47:01 → 00:47:03 เนี่ยอย่างที่เราบอกแล้วครับปัจจัยเสี่ยง
00:47:03 → 00:47:06 เกิดจากอะไรบ้างอายุที่มากขึ้นเราตั้งัน
00:47:06 → 00:47:09 ตอนอายุเกิน 40 ปีเนี่ยนะครับหลอดเลือด
00:47:09 → 00:47:11 ของคนอายุเกิน 40 ปีอายุมากขึ้นเราก็รู้
00:47:11 → 00:47:13 หลอดเลือดมันยืดหยุดไม่ดีใช่มครับเราเห็น
00:47:13 → 00:47:15 คนอายุมากขึ้นก็มีความดันโลหิตสูงเพิ่ม
00:47:15 → 00:47:18 ขึ้นอยู่แล้วนะครับเพราะฉะนั้นการยืนอยู่
00:47:18 → 00:47:20 หล่อเลือดที่ไม่ดีในคนที่อายุมากๆเนี่ย
00:47:20 → 00:47:23 เมื่อตั้งครันก็จะเริ่มแบบทำให้เกิดปัญหา
00:47:23 → 00:47:25 มากขึ้นเพราะว่าปริมาณเลือดมันเพิ่มขึ้น
00:47:25 → 00:47:28 ใช่มการทำงานของหัวหลอเรื่องก็หนักขึ้น
00:47:28 → 00:47:30 ดังนั้นการวางแผนของครอบครัวที่ดีเนี่ย
00:47:30 → 00:47:33 อันนี้ก็ดีนะครับอันดับ 1 เลยคือเอ่อ
00:47:33 → 00:47:35 พยายามดูแลพยายามมีลูกให้ครบนะครับก่อน
00:47:35 → 00:47:39 ที่คุณแม่จะอายุเกิน 40 ปีค่ะนะถ้าพูดถึง
00:47:39 → 00:47:41 ในแง่ของเรื่องความเสี่ยงเร่องคันชพิษนะ
00:47:41 → 00:47:43 แต่ว่าถ้าในแง่ทั่วๆไปที่เราบอกว่าความ
00:47:43 → 00:47:45 เสี่ยงเรื่องเรื่องที่แบบลูกจะมีความ
00:47:45 → 00:47:48 เสี่ยงเรื่องการเป็นดาวซดรมเป็นพันธกร
00:47:48 → 00:47:52 ปกติอันนั้นต้องไปที่ 35 ปีเลยอเพราะ
00:47:52 → 00:47:55 ฉะนั้นก็บอกเข้าใจครับเราก็แมมีครอบครัว
00:47:55 → 00:47:57 ก็ต้องสร้างฐานะครอบครัวให้ดีเพื่อจะมา
00:47:57 → 00:47:59 เลี้ยงลูกอะไเงี้นะครับแต่ว่าก็อย่ามัวจะ
00:47:59 → 00:48:01 ใช้เวลาสร้างนานเกนไปจนกระทั่งอายุมันมาก
00:48:02 → 00:48:05 ขึ้นแล้วก็เพิ่มความเสี่ยงพยายามมีลูกค่ะ
00:48:05 → 00:48:08 ให้ครบก่อน 40 ปีนะครับในเรื่องความคันพิ
00:48:08 → 00:48:11 ก็จะโอกาสลดลงดูแลน้ำหนักตัวเองนะครับมัน
00:48:11 → 00:48:13 ก็กลับมาถึงออกกำลังกายควบคุมอาหารการกิน
00:48:13 → 00:48:17 นะครับดูแลดัชนีมวลกกเราไม่ให้เกิดนะครับ
00:48:17 → 00:48:20 นะแล้วก็อันอันอื่นๆก็แน่นอนครับได้มีการ
00:48:20 → 00:48:23 ออกกำลังกายได้มีการพักผ่อนที่เพียงพอนะ
00:48:23 → 00:48:26 ครับตรวจสุขภาพให้สม่ำเสมอนะครับตรวจสุภ
00:48:26 → 00:48:28 ประจำปีเห็นมั้ยมีเจาะเลือดเรามีตรวจ
00:48:28 → 00:48:31 ปัสสาวะด้วยเพราะตรวจปัสสวะเนี่ยมันก็จะ
00:48:31 → 00:48:33 ได้ดูด้วยครับว่านอกจากการอักเสบในทางเด
00:48:33 → 00:48:35 ปัสสวะเนี่ยมันมีน้ำตาลมีโปรตีนรั่วมาไ
00:48:35 → 00:48:38 ซึ่งมันบ่งบอกถึงว่าไปมันเริ่มเสื่อนการ
00:48:38 → 00:48:40 ทำงานมั้ยมันมันจะมีความเสี่ยงเรื่องคพิษ
00:48:40 → 00:48:44 ตามมามอค่ะแคุยกันเพลินๆเวลาเดินเร็วมาก
00:48:44 → 00:48:47 เลยนะคะคุณหมอวันนี้ต้องขอขอบพระคุณมากๆ
00:48:48 → 00:48:50 เลยนะคะสำหรับเรื่องของภาวะครรภ์เป็นพิษ
00:48:50 → 00:48:54 เนี่ยค่ะครับผมก็เอ่อก็ต้องเรียนว่าภาวะ
00:48:54 → 00:48:56 นี้มันอย่างที่บอกครับฟังฟังมาทั้งรายการ
00:48:56 → 00:48:58 ิก็แต่ละท่านคงปวดหัวเหมือนกันเพราะว่า
00:48:58 → 00:49:00 มันไปสับแสงวิชาการเยอะแล้วก็ถึงจะฟังมา
00:49:00 → 00:49:03 จนหมดแล้วเนี่ยนะฮะโดยสรุปก็คือก็เราไม่
00:49:03 → 00:49:06 รู้สาเหตุอยู่ดีนะครับเรารู้แต่ว่ามัน
00:49:06 → 00:49:08 เกี่ยวข้องกับความดลหิตที่มันสูงขึ้นแล้ว
00:49:08 → 00:49:10 ก็ถ้าเราจะดูแลรักษาเนี่ยนะครับก็พยายาม
00:49:10 → 00:49:13 ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆแล้วก็ดีที่สุดก็คือ
00:49:13 → 00:49:15 ไปฝากครันถึงแม้ว่าการฝากครันจะไม่ได้ยืน
00:49:15 → 00:49:18 ยัน 100% ว่าเราจะตรวจภาวะนี้ได้ได้ครบ
00:49:18 → 00:49:20 ทั้งหมดแต่อย่างน้อยๆอยู่ในสายตาคุณหมอ
00:49:20 → 00:49:22 เนี่ยถ้ามันเกิดมันก็มีโอกาสเจอได้เร็ว
00:49:22 → 00:49:25 ขึ้นค่ะนะครับวันนี้ต้องขอขอบพระคุณมากๆ
00:49:25 → 00:49:28 เลยค่ะสวัสดีค่ะครับสำหรับท่านไหนที่ฟัง
00:49:28 → 00:49:30 รายการเสร็จจะไปฉลองฮาโลวีนต่อก็ดูแล
00:49:30 → 00:49:33 รักษาสุขภาพตัวเองนะครับนะก็อยากอยากให้
00:49:33 → 00:49:37 มันดึกมากนะฮะค่ะสวัสดีค่ะครับสวัสดีครับ
00:49:37 → 00:49:40 ค่ะในแพทย์พูนศักดิ์สุชนวันนี้สูตินารี
00:49:40 → 00:49:44 แพทย์ประจำรายการของเรานะคะ