00:00:00 → 00:00:02 ก็สำหรับวันนี้เนี่ยเป็นประเด็นที่โอ๊ค
00:00:02 → 00:00:05 เตรียมมาอ่ะพยาธมันแฝงอยู่ในตัวทำร้าย
00:00:05 → 00:00:08 ร่างกายให้ทรุดได้ยังไงบ้างอันนี้น่าสนใจ
00:00:08 → 00:00:13 มากเลยเพราะว่าพยาธเนี่ยในอาหารในสิ่งที่
00:00:13 → 00:00:16 เรากินเข้าไปในผักเนี่ยบางทีมันก็อาจจะปน
00:00:16 → 00:00:19 เปื้อนมาอันนี้เป็นเรื่องที่หลายๆคนก็อาจ
00:00:19 → 00:00:21 จะเคยเผชิญมากับร่างกับตัวเองอะไรอย่าง
00:00:21 → 00:00:24 เงี้ยบางคนก็ตอนเด็กๆกินยาถ่ายพญาตอะไร
00:00:24 → 00:00:27 ทำนองนี้ใช่มั้ยคะครับก็สืบเนื่องมาเอา
00:00:27 → 00:00:30 อย่างงี้ก่อนิพี่ว่อนเอ่อสืบเนื่องมาจาก
00:00:30 → 00:00:33 ข่าวที่เอ่อบังเอิญเห็นที่หน้าแบบโซเชียล
00:00:33 → 00:00:37 นะก็มีเอ่อเห็นอยู่เป็นประจำนะทุกๆปีนะ
00:00:37 → 00:00:42 เราเห็นกันทุกปีว่าเอ้ยครอบครัวเจอเอ่อล
00:00:42 → 00:00:46 ลักษณะของวัตถุประหลาดที่พบในห้องน้ำ
00:00:46 → 00:00:49 กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำบ้างเป็นของเด็กของ
00:00:49 → 00:00:50 ผู้ใหญ่ที่เวลาเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเอ้ย
00:00:50 → 00:00:53 มันตัวอะไรไม่รู้ยึกยืยึๆติดกระดาษทิชชู่
00:00:53 → 00:00:57 อยู่หรือว่าอยู่ในห้องน้ำอ่ะก็เลยอ่ะมี
00:00:57 → 00:00:59 อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญก็มาเฉลยเอ้ยจริงๆมัน
00:00:59 → 00:01:02 คือพยาธนี่แหละเอ้ยก็เลยเป็นที่สนใจเ้า
00:01:02 → 00:01:06 พยาธิทุกคนก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการ
00:01:06 → 00:01:09 เผชิญกับพยาธได้แล้วมันแฝงอยู่ในร่างกาย
00:01:09 → 00:01:11 เราพี่ขวัญคุณผู้ฟังใช่เพราะว่าเราก็ไม่
00:01:11 → 00:01:14 รู้นะหลายคนคิดว่า 2025 แล้วเรื่องพยาธ
00:01:14 → 00:01:16 ไม่น่าจะมีแล้วอย่างงั้นหรือเปล่าเอเออ
00:01:16 → 00:01:19 เออก็ด้วยวิวัฒนาการด้วยความเจริญทาง
00:01:19 → 00:01:22 สาธารณสุขใช่มั้ยอาหารการกินก็ดีขึ้นอะไร
00:01:22 → 00:01:24 อย่าเงี้ยเอ้ยพยาธมันยังมีอยู่ในชีวิต
00:01:24 → 00:01:27 ประจำวันของเราหรือเรื่องนี้เอ่อมันจะมี
00:01:27 → 00:01:30 อยู่ที่ไหนบ้างมันจะทำให้สุขภาพร่างกาย
00:01:30 → 00:01:33 ทรุดได้อย่างไรอยู่ในสายกับเราแล้วนะครับ
00:01:33 → 00:01:37 ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์พจนอินทราพาพร
00:01:37 → 00:01:40 นะครับหัวหน้างานโรคติดเชื้อกลุ่มงาน
00:01:40 → 00:01:43 อายุรศาสตร์โรงพยาบาลราชวิถีกรมการแพทย์
00:01:43 → 00:01:46 สวัสดีครับคุณหมอครับครับสวัสดีครับ
00:01:46 → 00:01:49 สวัสดีคุณขวัญคุณโอ๊ปแล้วก็ท่านผู้ฟังราย
00:01:49 → 00:01:53 การทางบ้านด้วยครับสวัสดีค่ะคุณหมอคะวัน
00:01:53 → 00:01:54 นี้ขอบพระคุณมากเลยค่ะที่ให้เกียรติกับ
00:01:55 → 00:01:57 รายการสุขภาพดี 22:00 นแล้วก็มาพูดคุยกับ
00:01:57 → 00:02:02 แฟนๆรายการของเรานะคะค่ะคุณหมอขาพยาธ
00:02:02 → 00:02:05 เนี่ยคือมันอยู่ที่ไหนบ้างแล้วกว่าเขาจะ
00:02:05 → 00:02:09 มีเอ่อแนวทางหรือว่าช่องทางในการเข้ามา
00:02:09 → 00:02:11 สู่ร่างกายมนุษย์เนี่ยมาได้ยังไงบ้างคะ
00:02:11 → 00:02:17 คุณหมอครับพยาธเนี่ยจริงๆแล้วเอ่อมันก็
00:02:17 → 00:02:20 อยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วๆไปนะฮะค่ะที่อยู่
00:02:20 → 00:02:23 รกตัวมนุษย์น่ะนะครับไม่ว่าจะเป็นเอ่อ
00:02:23 → 00:02:28 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพทางอาหารที่เรารับ
00:02:28 → 00:02:33 ประทานนะครับก็สามารถพบได้นะครับค่ะส่วน
00:02:33 → 00:02:36 ใหญ่ก็อาจจะอยู่ในลักษณะที่เป็นไข่ที่มัน
00:02:36 → 00:02:41 ติดเข้าสู่มนุษย์ด้วยหลายๆช่องทาง
00:02:41 → 00:02:43 ปัจจุบันเนี่ยพยาธถ้าเราแบ่งง่ายๆมันก็จะ
00:02:43 → 00:02:48 มี 3 พวกนะฮะคือกลุ่มที่เป็นตัวกลมๆนะฮะ
00:02:48 → 00:02:52 ค่ะเป็นเส้นๆกลมๆแล้วก็อันที่ 2 เป็นพยาธ
00:02:52 → 00:02:54 ตัวแบนๆแล้วก็อันที่ 3 เป็นกลุ่มพยาธิใบ
00:02:54 → 00:02:59 ไม้นะตัวกลมๆนี่ก็อย่างเช่นพยาธิปักขอ
00:02:59 → 00:03:03 พยาธไส้เดืองครับระยะตัวจี๊ดนะครับพระยะ
00:03:03 → 00:03:06 เส้นด้ายเี้นะระยะแส่ม้าพวกนี้เป็นตัวกลม
00:03:06 → 00:03:11 ๆยาวๆส่วนตัวแบนด์ก็อย่างเช่นเอ่อพยาธตัว
00:03:11 → 00:03:15 ตืดนะฮะตัวก็จะเป็นแบนเป็นป้องๆจะแบนแบ
00:03:15 → 00:03:19 พยะตืดหมูตืดวัวเครับค่ะครับแล้วก็พยะใบ
00:03:19 → 00:03:24 ไม้ก็จะรรูปร่างเป็นลักษณะคล้ายๆเป็นแบรน
00:03:24 → 00:03:27 ๆแต่ว่าไม่เป็นกล้องเหมือนพวกแบนทั่วไปนะ
00:03:27 → 00:03:31 ฮะอย่าเช่นบปยาแบไม้ในเลือดในพอดในตับใน
00:03:31 → 00:03:35 ลำไส้นะครับอันนี้อือเอ่อเวลาเข้าสู่ร่าง
00:03:35 → 00:03:38 กายเนี่ยมันก็เข้าได้จากหลายทางเช่นทาง
00:03:38 → 00:03:42 ป่านะรับประทานอาหารเข้าไปที่อาหารหรือ
00:03:42 → 00:03:46 น้ำที่มีไข่หรือตัวอ่อนของพยาธในระยะที่
00:03:46 → 00:03:50 มันติดต่อได้นะครับค่ะอันที่ 2 คืออาจจะ
00:03:50 → 00:03:54 บางชนิดอาจจะเข้าทางเ่อจมูกจากการที่
00:03:54 → 00:03:58 สำลักหรือสูดอ่าไข่พยาธิเข้าไปนะเช่นพยาธ
00:03:58 → 00:04:01 ไขหมุดเนี่ยนะครับครับค่ะอันที่ 3 คือทาง
00:04:01 → 00:04:05 ผิวหนังโดยการใชชเข้าไปผ่านผิวหนังในระยะ
00:04:05 → 00:04:09 ที่เชื้อมันติดต่อได้เช่นเอ่อพวกพยาตัว
00:04:09 → 00:04:13 จีสนะครับครับค่ะเป็นต้นนะครับแล้วก็เ่อ
00:04:13 → 00:04:17 อาจจะผ่านทางพวกแมลงบางอย่างที่เป็นที่มี
00:04:17 → 00:04:20 ตัวอ่อนของพยาธิอยู่ในระยะติดต่อก็ได้นะ
00:04:20 → 00:04:23 ครับอืครับค่ะหรือว่าแมลงมันอาจจะกัดเรา
00:04:23 → 00:04:27 แล้วก็ปล่อยพยาธเข้าไปนะครับค่ะมีคุณโจ
00:04:27 → 00:04:30 จากทางบ้านนะคะคุณหมอบอกว่าเอ่อผมชอบกิน
00:04:30 → 00:04:33 ซอยจุ๊ซอยจุ๊นั่นแหละที่เป็นคนแบบตัวนำพา
00:04:33 → 00:04:37 พยาธตัวตืดเข้าไปในร่างกายพวกเอ่อพวกอ๋อ
00:04:38 → 00:04:40 ไม่ใช่พวกที่ชอบซอยจุ๊นั่นแหละที่นำพา
00:04:40 → 00:04:43 พยาธิตัวตืดเข้ามาในร่างกายแล้วก็ชอบกิน
00:04:43 → 00:04:46 ก้อยลาบปลาที่มาจากน้ำทุ่งนาก็มีพยาธิใบ
00:04:46 → 00:04:50 ไม้ตับอันนี้ก็คือเป็นอาหารที่เป็นที่
00:04:50 → 00:04:55 นิยมของเอ่อชาวอีสานชาวท้องถิ่นเออค่ะอัน
00:04:55 → 00:04:58 นี้ก็คืออเป็นอีกประเภทนึงที่คุณหมอบอก
00:04:58 → 00:05:02 ว่าพยาธเข้าไปทางการบริโภคใช่มั้ยคะครับ
00:05:02 → 00:05:06 พวกนี้อาหารประเภทนี้ก็จะมีพยาธสพรอยู่
00:05:06 → 00:05:11 ได้หลายชนินะครับที่เอ่อได้ได้เ่อท่านผู้
00:05:11 → 00:05:15 ฟังได้ได้เ่อตั้งประเด็นพวกนี้มานะครับ
00:05:15 → 00:05:19 อย่างตืดเอ่อตัวตืตืดหมูพวกเนี้ยก็เอ่อ
00:05:19 → 00:05:23 เมื่อรับประทานไข่ของตืดหมูเข้าไปเป็นตัว
00:05:23 → 00:05:26 อ่อนมันก็จะฟักตัวออกมาแล้วก็อาจจะเข้าไป
00:05:26 → 00:05:30 อยู่ในร่างกายเราได้ครับตามเนื้อเยื้อ
00:05:30 → 00:05:33 ทั่วร่างกายเลยนะครับอยู่ในสมองก็ได้อยู่
00:05:33 → 00:05:36 ในกล้ามเนื้อก็ได้นะครับแต่บางทีเราก็จะ
00:05:36 → 00:05:42 เห็นเอ่อลักษณะของเอ่อพยาที่ฝังตัวอยู่
00:05:42 → 00:05:45 ตามกล้ามเนื้อของพวกเนื้อหมูนะครับที่ดิบ
00:05:46 → 00:05:49 ๆที่ยังไม่ได้ปรุงสุกนะครับอั้นก็จะมี
00:05:49 → 00:05:52 ความเสี่ยงเวลารับประทานพวกเื้อสัตว์ที่
00:05:52 → 00:05:55 ไม่ได้ปรุงสุกหรือว่าปรุงอ่าสุกไม่พอนะ
00:05:55 → 00:05:59 ครับค่ะออันเนี้ยก็เป็นบางบางครั้งอาจจะ
00:05:59 → 00:06:04 เข้าใจีคิดว่าปลอดภัยนะครับเอ่อเช่นเดียว
00:06:04 → 00:06:07 กันว่าพยาธบางอย่างเนี่ยก็อาจจะอยู่ใน
00:06:07 → 00:06:11 เนื้อสัตว์น้ำในปลาในกุ้งได้นะครับอย่าง
00:06:11 → 00:06:15 เช่นพยาธตัวชีสก็เป็นตัวอย่างของพยาธที่
00:06:15 → 00:06:18 สามารถอ่าติดได้จากการรับประทานอาหาร
00:06:18 → 00:06:21 ประเภทดังกล่าวนะครับซึ่งเข้าสู่ร่างกาย
00:06:21 → 00:06:27 มันก็เนื่องจากเอ่อโดยธรรมชาติของเชื้อ
00:06:27 → 00:06:30 มันก็มีคุณสมบัติในการที่จะใช้ไปตาม
00:06:30 → 00:06:33 บริเวณต่างๆได้นะครับค่ะบางทีก็บางคนก็
00:06:33 → 00:06:36 อาจจะเห็นว่าใครไปตามใต้ผิวหนังเห็นเป็น
00:06:36 → 00:06:40 รอยบวมๆแดงแดงอักเสบแล้วก็เลื่อนย้ายที่
00:06:40 → 00:06:44 ไปเรื่อยๆนะครับค่ะอ่าเงยก็บางคนก็ถ้ามา
00:06:44 → 00:06:46 อยู่ผิวที่ใกล้ผิวหนังมากๆก็อาจจะเห็น
00:06:46 → 00:06:51 เป็นเส้นแดงๆนะครับอือืแสดงว่าบ้านเก็
00:06:51 → 00:06:55 เรียกเรียกลมเพลมพัดอะไรต่างๆก็มีนะออ
00:06:55 → 00:06:59 แล้วก็ถ้ามันใช้เข้าในอวยวะสำคัญก็อาจจะ
00:06:59 → 00:07:01 ทำให้เกิดอาการรุนแรงได้อย่าเงี้เป็นต้น
00:07:01 → 00:07:04 นะครับค่ะแสดงว่าพยาธิเนี่ยมันแน่นอนแหละ
00:07:04 → 00:07:08 มันมีมันมีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็มีถิ่น
00:07:08 → 00:07:12 ที่อยู่อาศัยและก็มีวิธีในการเอ่อเข้าสู่
00:07:12 → 00:07:15 ร่างกายของเราแตกต่างกันใช่ครับขึ้นกับ
00:07:15 → 00:07:19 ว่าเอ่อมันอยู่ในระยะติดต่อแล้วคนเพื้อน
00:07:19 → 00:07:22 อยู่ในอาหารหรือสิ่งแวดล้อมประเภทไหนค่ะ
00:07:22 → 00:07:27 อืแล้วแล้วพยาธชนิดไหนคุณหมอชนิดไหนบ้าง
00:07:27 → 00:07:30 ชนิดไหนบ้างที่พอเข้าไปอยู่ในร่างกายเรา
00:07:30 → 00:07:36 เนี่ยมันไปทำปฏิกิริยาหรือทำให้หรือเขา
00:07:36 → 00:07:39 ไม่อาศัยเฉยๆแล้วไม่ทำอะไรหรือว่าจริงๆ
00:07:39 → 00:07:41 แล้วเข้าไปปุ๊บมันก็เป็นอันตรายต่อต่อ
00:07:41 → 00:07:43 ร่างกายของคนๆนั้นแล้วมันข้อเท็จจริงมัน
00:07:43 → 00:07:48 เป็นยังไงครับคุณหมอครับคือพยาทที่สามารถ
00:07:48 → 00:07:50 ทำอันตรายกับมนุษย์ได้
00:07:50 → 00:07:55 อ่อหลักๆเนี่ยก็มีอยู่ประมาณสัก 6 หรือ 7
00:07:55 → 00:07:58 ชนิดเป็นอย่างน้อยนะครับครับเอ่อตัวอย่าง
00:07:58 → 00:08:03 เช่นเอ่อเพยะไส้เดือนนะครับอันนี้อาจจะพบ
00:08:03 → 00:08:06 ในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ครับแล้วก็อาการก็จะ
00:08:06 → 00:08:11 รุนแรงโดยที่ถ้าพยาธมาอยู่มีปริมาณน้อย
00:08:11 → 00:08:13 เนี่ยอาจจะไม่ได้แสดงอาการอะไรแต่ว่าถ้า
00:08:13 → 00:08:16 อาการมากมันก็อาจจะทำให้มีอาการปวดท้อง
00:08:16 → 00:08:20 คลื่นไส้อาเจียนเป็นแบบเป็นๆหายๆเรื้อรัง
00:08:20 → 00:08:24 นะครับแล้วก็เอ่อถ้ามันมีปริมาณมากก็อาจ
00:08:24 → 00:08:28 จะหนึอุดตันลำไส้นะครับครับทำให้อาหาร
00:08:28 → 00:08:32 ผ่านไม่ได้บางครั้งก็อาจจะอยู่รวมกันเป็น
00:08:32 → 00:08:34 กลุ่มเป็นก้อนเลยนะอุตันลำไส้เลยอาหาร
00:08:34 → 00:08:39 ผ่านไม่ได้เลยหรือไม่ก็อาจจะทำให้เมื่อ
00:08:39 → 00:08:43 อยู่ในน้ำไส้แล้วอาจจะทำให้ท้องอืดเหบือ
00:08:43 → 00:08:45 อาหารทานอาหารไม่ได้ก็จะทำให้ขัดชานอาหาร
00:08:45 → 00:08:49 ผอมลงนะครับค่ะทานเท่าไหร่ก็รู้สึกเหมือน
00:08:49 → 00:08:52 ไม่หนักไม่ขึ้นไม่อ้วนเลยนะครับแล้วก็
00:08:52 → 00:08:55 เบื่ออาหารแล้วก็อาจจะเริ่มมีภาวะซีนะ
00:08:55 → 00:09:00 ครับงั้นถ้าเด็กเอ่อที่ติดพยพวกนี้ก็อาจ
00:09:00 → 00:09:03 จะมีอาการที่เป็นเป็นอหายบ่อยๆคือปวดท้อง
00:09:03 → 00:09:07 อาเจียนเป็นเป็นไหายไม่รู้สาเหตุนะหรือ
00:09:07 → 00:09:09 ว่าบางทีอาจจะมาด้วยเป็นลมทิษเรื้อรังโดย
00:09:09 → 00:09:12 ไม่ทราบสาเหตุอค่ะทีก็อาจจะต้องสงสัย
00:09:12 → 00:09:15 พยาธิตัวเนะพวกพยาธิไส้เดือนตัวต่อมาคือ
00:09:15 → 00:09:19 พยะเส้นด้ายค่ะครับหรือบางทีก็เรียกเป็น
00:09:20 → 00:09:22 พยะเียหมุดอันนี้ก็เป็นเอ่อลักษณะเป็น
00:09:22 → 00:09:26 เส้นเล็กๆขาวๆนะครับซึ่งเอ่อสมัยนี้ไม่
00:09:27 → 00:09:29 ค่อยไม่ค่อยพบแล้วแต่ว่าแต่ก่อนมักจะพบ
00:09:29 → 00:09:30 เรื่อยๆว่า
00:09:30 → 00:09:35 เอ่อมักจะมาด้วยอาการแบบคันก้นค่ะเวลา
00:09:35 → 00:09:39 กลางคืนเนี่ยก็มักจะเนื่องจากว่าเอ่อตัว
00:09:39 → 00:09:41 ญ่าตัวเมียเนี่ยก็ครับที่ผสมแล้วมันก็จะ
00:09:41 → 00:09:46 มาวางไข่ตรรงบริเวณปากทวงมันก็ทำให้มี
00:09:46 → 00:09:50 อาการคันงั้นเด็กก็จะเกาที่บริเวณก้นบ่อย
00:09:50 → 00:09:54 ๆอนะครับค่ะแล้วก็บางทีก็อาจจะเจอในเด็ก
00:09:54 → 00:09:58 ผู้หญิงได้ก็อาจจะมาพันตรงปากช่องคลอดอือ
00:09:59 → 00:10:03 ก็เอ่อจะเป็นเหตุทำให้เด็กรำคาญนอนไม่
00:10:03 → 00:10:07 หลับนะครับค่ะนะพวกนี้มันกระจายได้ง่ายใน
00:10:07 → 00:10:10 ในเพราะว่าเวลาเกามันก็จะติดอยู่ตามเล็บ
00:10:10 → 00:10:14 มือไข่มันก็ติดอยู่ตามเล็บมือตามมือค่ะนะ
00:10:14 → 00:10:16 ครับแล้วจะติดง่ายในครอบครัวเดียวกันหรือ
00:10:16 → 00:10:19 ว่าในโรงเรียนมีเด็กที่อยู่รวมๆกันหลายคน
00:10:19 → 00:10:22 ครับอันตรายก็อาจจะไม่ได้มากนอกจากทำให้
00:10:22 → 00:10:28 คันรำคาญนอนไม่หลับนะครับค่ะอ่าก็บาง
00:10:28 → 00:10:31 ครั้งเ่าได้ยาถ่ายพยาไปก็ดีขึ้นหรือว่า
00:10:32 → 00:10:34 บางครั้งก็ถ้าร่างกายแข็งแรงก็อาจจะดี
00:10:34 → 00:10:37 ขึ้นได้เองเมื่อโตขึ้นนะ
00:10:37 → 00:10:40 ครับต่อมาคือพยาแส่ม้าอนี้ก็พบในเด็ก
00:10:40 → 00:10:44 เหมือนกันก็อาการจะส่วนใหญ่แล้วก็ปดท้อง
00:10:44 → 00:10:47 นะครับเด็กๆบางรายก็อาจจะปวดรุนแรงได้นะ
00:10:47 → 00:10:52 ครับพยมาแล้วก็ครับเอ่อก็อาจจะมีบางราย
00:10:52 → 00:10:55 บ้างที่ที่มีอาการทางทวันหนักเป็นลักษณะ
00:10:55 → 00:10:57 เหมือนเป็นก้อนเรื้อแดงๆโผล่ออกมาข้างนอก
00:10:57 → 00:11:01 นะครับค่ะแล้วก็มีพยาธออกมาครับอืตัวต่อ
00:11:01 → 00:11:06 มาคือพยาธตัวจีอันนี้ส่วนใหญ่แล้วเอ่อพยา
00:11:06 → 00:11:07 นี้ส่วนใหญ่มีอาศัยอยู่ในกระเพาะของพวก
00:11:08 → 00:11:11 แมวหรือสุนัขอนะครับแต่ว่าครับเอ่อเราก็
00:11:12 → 00:11:17 จะพบว่ามักจะติดได้จากการรับประทานอาหาร
00:11:17 → 00:11:21 พวกสุขๆดิๆนะพวกกุ้งปลาหรือว่าเนื้อสัตว์
00:11:21 → 00:11:24 ดิบๆทั้งหลายนะสุขสดิๆพวกเยก็จะมีพยะพว
00:11:24 → 00:11:26 นี้เยอะอาการส่วนใหญ่ก็อย่างที่ได้เล่า
00:11:26 → 00:11:29 ให้ฟังเมื่อตอนแรกไปบ้างแล้วก็คือเ่อ
00:11:29 → 00:11:32 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วเนี่ยมันก็จะชัไป
00:11:32 → 00:11:37 ตามตำแหน่งต่างๆตามผิวหนังก็จะเห็นบวมแดง
00:11:37 → 00:11:39 เป็นแบบบวมๆย้ายที่ไปเรื่อยๆตามตำแหน่ง
00:11:39 → 00:11:43 ที่มันชไปครับแล้วก็เวลาชัไปที่นึงก็จะ
00:11:43 → 00:11:46 บวมอยู่สัก 3 วัน 4 วันบางทีก็อาทิตย์นึง
00:11:46 → 00:11:49 แล้วก็หลังจากนั้นมันก็ย้ายไปเรื่อยๆบวม
00:11:49 → 00:11:52 ย้ายไปเรื่อยๆนะครับอืแล้วก็ที่อันตรายก็
00:11:52 → 00:11:53 คือว่า
00:11:54 → 00:11:57 เอ่อส่วนใหญ่ก็คือเราไปทานพวกตัวอ่อนของ
00:11:57 → 00:12:00 ที่อยู่ในระยะที่ 3 ของมันที่ที่เรามันพบ
00:12:00 → 00:12:03 ในระยะพวกนี้อยู่ในพวกสัตว์น้ำจืดทั้ง
00:12:03 → 00:12:06 หลายนะแล้วก็สัตว์ปีสัตว์ธานพวกเมีนะครับ
00:12:06 → 00:12:09 ซึ่งก็เป็นระยะติดต่อของมันนะครับครับค่ะ
00:12:09 → 00:12:13 แล้วก็เอ่อเที่อันตรายก็คือถ้ามันชัยไปใน
00:12:14 → 00:12:17 เวะสำคัญนะครับเช่นใชขึ้นสมองนะครับอาจะ
00:12:17 → 00:12:22 ทำให้มีอาการอักเสบอยู่ในบริเวณที่มันชาย
00:12:22 → 00:12:25 ไปยังสมองในเยื่อหุ้มสมองนะครับก็ปวด
00:12:25 → 00:12:27 ศีรษะรุนแร้งตื่นแซงอาเจหรบางครั้งอาจจะ
00:12:27 → 00:12:30 หมดสติไปเลยก็ได้นะหรือว่าครับชักเกร็งก็
00:12:30 → 00:12:34 ได้ถ้าใชชเข้าไปงบริเวณไขสันหลังเนี่ก็
00:12:34 → 00:12:38 อาจจะทำให้ถ้ามันไปเอ่อเกิดการอักเสบ
00:12:38 → 00:12:41 บริเวณเส้นประสาทที่อยู่ในสันหลังที่ไป
00:12:41 → 00:12:45 เลี้ยงตามบริเวณแขนขาก็อาจจะทำให้มีอาการ
00:12:45 → 00:12:48 ของการอักเสบตามบริเวณที่เส้นประสาทนั้น
00:12:48 → 00:12:51 ไปเลี้ยงเช่นแขนขาก็อาจจะทำให้เป็นอัมพฤษ
00:12:51 → 00:12:55 อำมพาตได้ครับครับแล้วเข้าตาก็อาจจะทำให้
00:12:55 → 00:13:00 อักเสบบวมหรือว่าตาบอดได้นะครับอดก็ออด
00:13:00 → 00:13:04 อักเสบไอเป็นเลือดได้เข้าไปในท้องก็ปวด
00:13:04 → 00:13:07 ท้องรุนแรงหาสาเหตุไม่เจอได้นะครับครับ
00:13:07 → 00:13:10 ค่ะก็อตัวนี้ก็เป็นตัวที่ค่อนข้างน่ากลัว
00:13:10 → 00:13:14 เพราะว่าเ่อไม่ปัจจุบันก็ยังไม่มียาที่จะ
00:13:14 → 00:13:17 ฆ่าพยาธเวลามันชัยเข้าไปในที่ต่างๆก็อือ
00:13:18 → 00:13:22 ยาก็เ่อบางครั้งหบางทั้บางครั้งเนี่ยการ
00:13:22 → 00:13:25 รักษาอาจจะให้ลองให้ดูแต่ว่าให้ไปแล้วก็
00:13:25 → 00:13:29 อาจจะไม่ได้ผลแบบ 100% นะครับพยะตัวี
00:13:29 → 00:13:32 เนี่ยนะครับแล้วก็ส่วนใหญ่ก็พยาไปตาม
00:13:32 → 00:13:37 อาการเป็นหลักอันต่อมาคือพยะปักขอนะครับ
00:13:37 → 00:13:40 อันนี้ก็เมื่อเอ่อในผ่านผิวหนาเข้าสู่
00:13:41 → 00:13:44 ร่างกายแล้วก็ไปอยู่ลำไส้นะครับก็จะเมื่อ
00:13:45 → 00:13:48 อยู่ในเืบลำไส้มันก็จะทำให้การดูซึมอาหาร
00:13:48 → 00:13:51 ลดลงเราก็มักเราก็อาจจะมีเลือดออกในลำไส้
00:13:51 → 00:13:56 ทำให้อ่ามีภาวะซีเรื้อรังครับนะครับค่ะ
00:13:56 → 00:13:59 คุณหมอคะถ้าต่อไปก็คือพยาตัวตืตัวตืครับ
00:13:59 → 00:14:04 ตัวตืดตัวนี้ก็พบอยู่ในเอ่อเื้อสัตว์ที่
00:14:04 → 00:14:07 ไม่สุกปูกไม่สุกเหมือนกันนะครับอันนี้
00:14:07 → 00:14:10 เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็สามารถกระจายอยู่
00:14:10 → 00:14:13 ตามเนื้อเยื้อทั่วร่างกายได้ผ่านไปตามผัง
00:14:13 → 00:14:16 กระแสเลือดได้นะครับแต่ก็ถ้าไปอยู่ในสมอง
00:14:16 → 00:14:21 ก็เอ่อจะเป็นลักษณะเหมือนเมสาคูเล็กๆอยู่
00:14:21 → 00:14:24 ในสมองได้นะครับเหมือนเมโเขียวอยู่นะครับ
00:14:24 → 00:14:27 แล้วก็เวลามันอยู่ในสมองกระจายหลายๆจุดก็
00:14:27 → 00:14:31 อาจจะเป็นเหตุทำให้มีอาการปวดศีรษะซึมลง
00:14:31 → 00:14:35 หรือว่ามีอาการชักบ่อยๆหรือตำแหน่งที่ไป
00:14:35 → 00:14:38 อยู่ถ้าเกี่ยวข้องกับอ่าเรื่อง
00:14:38 → 00:14:42 ของความคิดความจำก็อาจจะผิดปกติหรือว่ามี
00:14:42 → 00:14:47 อาการทางจิตประสาทได้อืค่ะก็ถือว่าเป็น 3
00:14:47 → 00:14:49 พยาธิใช่มั้ยคะที่คุณหมอได้กล่าวมาเมื่อ
00:14:49 → 00:14:52 สักครู่ครับแล้วก็ตัวสุดท้ายก็คือกลุ่ม
00:14:52 → 00:14:56 พยาตใบไม้นะครับค่ะอันนี้ก็พยาใบไม้นี่ก็
00:14:57 → 00:15:00 จะตัวแบนๆเนี่ยก็เ่ออันเนี้ยไปได้หลาย
00:15:00 → 00:15:05 อวัยวะเลยนะมีทั้งพยะใบไม้ในปอบในตับในลำ
00:15:05 → 00:15:10 ไส้แล้วก็ในเลือดมี 4 4 พวกพยะใบไม้ที่
00:15:10 → 00:15:14 เล่นงานใน 4 อวัยวะเก็จะทำให้เกิดอาการ
00:15:14 → 00:15:18 ของแต่ละยวะที่มันไปอยู่นะครับไปอยู่ใน
00:15:18 → 00:15:23 ปอดก็ทำให้ไอเรื้อรังมีไอมีเลือดปนนะครับ
00:15:23 → 00:15:27 อยู่ในลำไส้ก็มีอาการของลำไส้ตั้งแต่ปวด
00:15:27 → 00:15:33 ท้องไปจถึงท้องอืดครับจนกระทั่งอ่ารุนแรง
00:15:33 → 00:15:39 มากก็อาจจะอ่าอุจจระผิดปกตินะครับอาจจะมี
00:15:39 → 00:15:43 การอุดปันในลำไส้มีน้ำในห้องท้องอะไรเยอะ
00:15:43 → 00:15:47 แยะไปหมดนะครับค่ะถ้าเป็นในปับนะครับก็จะ
00:15:47 → 00:15:53 มีอาการตั้งแต่ปวดแน่นท้องนะครับจน
00:15:53 → 00:15:55 กระทั่ง
00:15:55 → 00:16:00 อ่าไล่จากระยะที่น้อยๆจนกระท้างไปถึงทาง
00:16:00 → 00:16:03 เดินน้ำดีมีดีซ่านตัวเหลืองตลาเหลืองนะ
00:16:03 → 00:16:07 ครับอ่าจะมีอาการรุนแรงได้ของทางตับนะ
00:16:07 → 00:16:12 ครับแล้วก็เอ่อพยาใบไม้ในเลือดก็อาจจะมา
00:16:12 → 00:16:16 ด้วยอาการของไข้ปวดท้องนะครับอุจจาระเป็น
00:16:17 → 00:16:21 มูกเลือดตับม้ำโตนะครับอนี้ก็จะเป็นอาการ
00:16:21 → 00:16:27 ตามชนิดของพยาใบไม้ที่ไปอืนะเยอะแยะเลยนะ
00:16:27 → 00:16:31 ครับใช่ค่ะก็โดยภาพรวมๆของพยาทที่มี
00:16:31 → 00:16:35 ประมาณสัก 7 ชนิดที่อาจจะต่อให้เกิดความ
00:16:35 → 00:16:37 รุนแรงในคนนะครับเยอะเหมือนกันนะคุณหมอ 7
00:16:37 → 00:16:40 ชนิดเลยเยอะอยู่แล้วก็มาหลากหลายที่มาซะ
00:16:40 → 00:16:43 ด้วยแต่หลักๆเนี่ยมาจากเรื่องของการกิน
00:16:43 → 00:16:46 นี่แหละการกินของเราเนี่ยแหละใช่มั้ยคุณ
00:16:46 → 00:16:50 หมอใช่ครับก็ต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน
00:16:50 → 00:16:53 เรื่องอ่าพยายามต้องอาหารก็ปรุงสุกผัก
00:16:53 → 00:16:57 ผลไม้สดก็ควรจะแช่ล้างทำความสะอาดอือ่า
00:16:58 → 00:17:00 ให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยรับประทานน่าจะปลอด
00:17:00 → 00:17:04 ภัยกว่านะครับค่ะอืในกรณีจมูกอ่ะค่ะที่
00:17:04 → 00:17:07 เข้าทางจมูกเนี่ยถ้าเราไปว่ายน้ำในแหล่ง
00:17:07 → 00:17:09 น้ำธรรมชาติเนี่ยมันมันเป็นไปได้มั้ยคะ
00:17:09 → 00:17:12 ที่จะพยาทจะเข้าไปในทางจมูกของเราอ่ะคะ
00:17:12 → 00:17:16 คุณหมออาจจะมีได้แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วการ
00:17:16 → 00:17:19 เอ่อสัมผัสจากแหล่งน้ำจืดธรรมชาติค่ะมัน
00:17:19 → 00:17:24 ก็จะมีพวกเ่อกลุ่มเค้าเรียกโปรโตซัวคือ
00:17:24 → 00:17:27 มันมันจะตัวใหญ่กว่าตัวพยาธอ่อตัวเล็ก
00:17:27 → 00:17:31 กว่าพยาธนิดนึงอ่ะนะคือค่ะเ่ออาจจะมองไม่
00:17:31 → 00:17:34 เห็นด้วยตาเป่าครับเอ่อมันก็จะเป็นกลุ่ม
00:17:34 → 00:17:38 อบ้าที่เเรียก fre Living อบ้าเป็นอบ้า
00:17:38 → 00:17:42 ที่อาศัยอยู่โดยธรรมชาตินะครับในครับเ่อ
00:17:42 → 00:17:45 อยู่ในน้ำจืดทั่วๆไปนะครับซึ่งเข้าไป
00:17:45 → 00:17:49 เนี่ยกลุ่มพวกอะมีบ้าประเภทเนี้ยมันก็อาจ
00:17:49 → 00:17:53 จะถ้าสำลักแล้วที่อันตรายคือสำลักเข้า
00:17:53 → 00:17:58 จมูกแลขึ้นสมองค่ะครับไปก่อโรคในสมองนะ
00:17:58 → 00:18:03 ครับทำให้มีอาการเ่อตาบอดสมองบวมชักเกร็ง
00:18:03 → 00:18:07 หมดสติเสียชีวิตนะครับอันนี้ก็ก็เป็น
00:18:07 → 00:18:11 กลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพวกอบ้าที่เข้า
00:18:11 → 00:18:14 นะครับค่ะซึ่งก็จะมีอยู่หลายชนิดอเหมือน
00:18:14 → 00:18:19 กันนะครับที่ที่ผ่านทางการสำลักน้ำใน
00:18:19 → 00:18:22 แหล่งน้ำรชาตินะครับครับค่ะ
00:18:22 → 00:18:26 อืถ้าหากว่าคล้ายๆกับที่อ่ะเชิญพี่ขวัญ
00:18:26 → 00:18:29 เชิญโอก่อนก็ได้ค่ะเคล้ายๆกับกรณีที่เกิด
00:18:29 → 00:18:33 อุบัติเหตุของศิลปินในอดีตนะอิบาศิลปิน
00:18:33 → 00:18:36 นักร้องชื่อดังใช่มั้ยใช่ๆๆอันนั้นเป็นชื
00:18:36 → 00:18:40 ราเป็นชราออเชื้อราอแสดงว่าในน้ำเนี่ยถ้า
00:18:40 → 00:18:42 เป็นการสำลักสำลักน้ำในแหล่งน้ำ
00:18:42 → 00:18:46 ธรรมชาติน่ากลัวกว่าพยาพยาธิใช่มั้ยฮะน่า
00:18:46 → 00:18:49 กลัวกว่าพยาธอันนั้นก็ไม่ได้ผ่านการกิน
00:18:49 → 00:18:53 แต่ว่าเข้าทางจมูกก็อืผ่านถ้าเป็นลักษณะ
00:18:53 → 00:18:58 เชื้อราส่วนใหญ่มักจะก็จะมีเชื้อราในบ้าน
00:18:58 → 00:19:01 เราอยู่หลายประเภศเหมือนกันค่ะที่เป็นใน
00:19:01 → 00:19:04 นักร้องในอดีตนี่ก็คือเป็นลักษณะคนเปืน
00:19:04 → 00:19:08 เช้ลายจากน้ำสกปรกอือนะที่อยู่ในสิ่งแวด
00:19:08 → 00:19:11 ล้อมนะครับึก็เป็นเชลาที่เข้าไปอยู่ใน
00:19:11 → 00:19:14 สมองเลยเป็นฝีในสมองนะครับอืออือค่ะครับ
00:19:14 → 00:19:17 แต่เดี๋ยวเราย้อนกลับมาธิยาตกันต่ออ่าใช่
00:19:17 → 00:19:21 ครับค่ะก็ส่วนถ้าเป็นเชื้อราบางประเภทอาจ
00:19:22 → 00:19:25 จะพบในผู้ป่วยที่ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นคน
00:19:25 → 00:19:29 ที่มีภูมิปกันต่ำเช่นบ้านเราจะจะมี
00:19:29 → 00:19:34 เอ่อโรคเอ่อโลหิตจางเรื้อรังหรือทีเนียอ
00:19:34 → 00:19:38 ครับนะซึ่งอันนี้ก็อาจจะมีโอกาสจะติด
00:19:38 → 00:19:42 เชื้อราบางประเภทที่ปนเฟื้อนอยู่ในเอ่อ
00:19:42 → 00:19:45 ต้นไม้ใบหญ้าที่แช่น้ำอยู่ในน้ำนะครับค่ะ
00:19:45 → 00:19:49 อ่ามันมีสปอของเชื้อราบางอย่างเมื่อเ่อ
00:19:49 → 00:19:54 สูตเอ่อสำลักน้ำเข้าไปก็อาจจะไปทำให้อ่อ
00:19:54 → 00:19:58 เข้าสู่ร่างกายแล้วก็เข้าไปทำให้เส้น
00:19:58 → 00:20:03 เลือดอุดตันอนะครับทำให้เส้นเลือดบริเวณ
00:20:03 → 00:20:07 แขงขาอุดตันก็ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงแล้ว
00:20:07 → 00:20:12 ก็แขนขาแล้วก็เอ่อเน่านะครับอืออันนี้ก็
00:20:12 → 00:20:14 จะเป็นพฤติกรรมของเชื้อราอีกประเภทนึงที่
00:20:14 → 00:20:18 อาจจะพบได้ในบ้านเราเหมือนกันในอ่าเดี๋ยว
00:20:18 → 00:20:19 คราวหน้าเดี๋ยวเรามาคุยกันเรื่องนี้กัน
00:20:19 → 00:20:21 กันดีกว่าเดี๋ยวอาจจะขออนุญาตคุณหมอซัก
00:20:21 → 00:20:24 หน่อยคุณหมอคะขอความรู้หน่อยค่ะว่าพยาธ
00:20:24 → 00:20:27 ที่คุณหมอได้กล่าวมาในช่วงแรกนะคะถ้าเข้า
00:20:27 → 00:20:30 ไปสู่ร่างกาย
00:20:30 → 00:20:33 นที่ได้พยาเข้าไปในร่างกายกว่าเขจะรู้ตัว
00:20:33 → 00:20:36 เนี่ยใชระยะเวลานานหรือว่าเข้าไปแล้วก็
00:20:36 → 00:20:40 รู้ตัวทันทีเลยคะส่วนใหญ่ก็ใช้ระยะหลาย
00:20:40 → 00:20:43 วันนะครับตั้งแต่เป็นสัปดาห์ถึงเป็นเดือน
00:20:43 → 00:20:47 นะครับครับในช่วงระยะที่เป็นสัปดาห์หรือ
00:20:47 → 00:20:50 เป็นเดือนเนี่ยเขาจะส่งผลเสียต่อร่างกาย
00:20:50 → 00:20:53 โดยที่สะสะท้อนออกมาข้างนอกหรือยังหรือ
00:20:53 → 00:20:55 อยู่หรืออยู่เพียงแค่ภายในร่างกายเท่า
00:20:55 → 00:20:59 นั้นนะคะคุณหมอส่วนใหญ่ก็ขึ้นกับชนิดของ
00:20:59 → 00:21:05 เอ่อค่ะพยาธนะครับครับถ้าถ้าพยาธที่เอ่อ
00:21:05 → 00:21:07 อยู่บริเวณทางเดินอาหารแล้วก็ทำให้มี
00:21:07 → 00:21:11 อาการของล้ำไส้มันก็จะมีอาการท้องอืด
00:21:11 → 00:21:14 ท้องปวดท้องนะครับก็ใช้เวลาตั้งแต่เป็น
00:21:14 → 00:21:17 เป็นสัปดาห์ถึงเป็นเดือนเนะครับครับราใช้
00:21:17 → 00:21:19 อ่ามันจะมีระยะเวลาที่มันจะฟักตัวผ่านวง
00:21:19 → 00:21:24 ชีพของมันในร่างกายมนุษย์นะครับแล้วก็ถ้า
00:21:24 → 00:21:30 บางชนิดพยาธเอ่อตัวตืดหูเนี่ยบางทีก็ใช้
00:21:30 → 00:21:35 เวลาอยู่ในร่างกายได้เป็น 10 ปีอืโอโหไป
00:21:35 → 00:21:38 อยู่ในสมองเนี่ยเป็นฟีสอยู่ในสมองเนี่ย
00:21:38 → 00:21:41 บางทีใช้เวลาไป 10 ปีโอ้โหโดยโดยที่คนๆ
00:21:41 → 00:21:44 นั้นเอ่อไม่รู้ตัวเลยหรือว่าใช่ครับอาจจะ
00:21:44 → 00:21:47 มีอาการแต่คิดเป็นเรื่องอื่นนะรคะคุณหมอ
00:21:47 → 00:21:50 ส่วนใหญ่ก็อาจจะก็มีอาการเงียบๆน้อยๆจน
00:21:50 → 00:21:53 ผ่านไปเป็น 10 ปีแล้วถึงจะทำให้มีอาการ
00:21:53 → 00:21:57 ปวดศีรษะชักเกร็งไม่รู้สาเหตุซึ่งในคนผู้
00:21:57 → 00:22:02 ใหญ่ที่ที่เอ่อตอนเด็กไม่เคยมีโรคลมชัก
00:22:02 → 00:22:04 หรือว่าไม่เคยชักจากการเป็นไข้ตอนเด็กเลย
00:22:04 → 00:22:08 แล้วก็อยู่ดีๆพอเป็นผู้ใหญ่อายุมากไปแล้ว
00:22:08 → 00:22:11 เนี่ยอยู่ดีๆก็มีอาการชักโดยไม่รู้สาเหตุ
00:22:11 → 00:22:15 นะฮะก็จะเจอว่ามีมีหลายคนที่พบว่าเมื่อไป
00:22:15 → 00:22:18 เซเยสมองแล้วพบว่ามันมีเป็นจุดๆอยู่ใน
00:22:18 → 00:22:21 เนื้อสมองเพราะว่าพวกพยาธตัวตัวตื่นพวกเ
00:22:21 → 00:22:26 นะครับครับอส่วนพวกพยาธตัวจีสที่ชัไปตาม
00:22:27 → 00:22:29 ที่ต่างๆเนี่ยรวมถึงตัวตัวสตองจีหลอย
00:22:29 → 00:22:32 เนี่ยก็เป็นสพยาธกลุ่มที่ใชัได้เหมือนกัน
00:22:32 → 00:22:38 เนี่ยก็เอ่อในในผู้ที่รับประทานอาหารที่
00:22:38 → 00:22:42 กัตที่ไม่สุขอย่างเช่นปดิษฐ์นะก็ก็มีราย
00:22:42 → 00:22:45 งานนะอยู่เรื่อยๆเหมือนกันนะครับบางที
00:22:45 → 00:22:51 บริโภคปดิษฐ์แล้วก็เอ่อผ่านไปเป็นปีนะฮะ
00:22:51 → 00:22:54 ครับพบว่าถึงจะเริ่มมามีความผิดปกติให้
00:22:54 → 00:22:58 เห็นนะครับอือบางทีบางทีลืมไปแล้วคนรับ
00:22:58 → 00:23:00 ประทานนึกไม่ออกจำไม่ได้รประทานไปเมื่อ
00:23:00 → 00:23:05 ไหร่ค่ะคือเราก็มีอยู่เรื่อยๆเวลาเ่อมี
00:23:05 → 00:23:08 รายงานที่พบผู้ป่วยทางการแพทย์เบางครั้ง
00:23:08 → 00:23:11 ครับเราก็จะพบว่าถามแล้วบางทีก็จำไม่ได้
00:23:11 → 00:23:15 แต่ว่าอาจจะมีประวัติกินอยู่บ่อยๆเป็นต้น
00:23:15 → 00:23:18 ค่ะดังนั้นเรื่องของการสด้วยการแขนคาไม่
00:23:18 → 00:23:22 มีแรงมาด้วยอยู่ดีๆเอ่อตามบอดไปข้างนึง
00:23:22 → 00:23:24 โดยไม่รู้สาเหตุเป็นต้นหืออย่าเงี้เป็น
00:23:24 → 00:23:29 ต้นอันนี้ก็เจอเรื่อยๆค่ะการสืบเวัการพูด
00:23:29 → 00:23:33 คุยเนี่ยก่อนที่จะเอ่อวินิจฉัยว่าเป็นโรค
00:23:33 → 00:23:36 อะไรหรือหาสาเหตุของโรคเนี่ยเป็นเรื่อง
00:23:36 → 00:23:39 สำคัญมากเลยนะคะคุณหมอ
00:23:39 → 00:23:43 สำหรับพอฟังแล้วโอ้โหเขาอยู่ได้ถึง 10 ปี
00:23:43 → 00:23:45 มากกว่า 10 ปีหรือบางตัวก็อาจจะแบบเป็น
00:23:45 → 00:23:49 หลักเดือนหลักสัปดาห์แบบเนี้ยค่ะถ้าตั้ง
00:23:49 → 00:23:52 แต่วัยเด็กจนเราโตมาเป็นผู้ใหญ่เนี่ยความ
00:23:52 → 00:23:55 จำเป็นในการรับประทานเอ่อยาถ่ายพยาธเนี่ย
00:23:55 → 00:23:58 มันมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนแล้วใครจำ
00:23:58 → 00:24:04 เป็นบ้างคะคุณหมอก็เอ่อจริงๆแล้วในเด็ก
00:24:04 → 00:24:08 กับผู้ใหญ่ก็ก็มีความจำเป็นถ้าเอ่อเด็ก
00:24:08 → 00:24:14 ที่มีลักษณะที่เ่อมักจะถูกเลี้ยงดูแล้ว
00:24:14 → 00:24:19 เอ่ออยู่ในกับสิ่งแวดล้อมโดยที่เอ่อไม่
00:24:19 → 00:24:23 ค่อยเอ่อมีเวลาดูแลความสะอาดให้ให้เค้า
00:24:23 → 00:24:26 ล้างมือซึ่งหรือว่าเอ่อบางทีเค้าคุกคี
00:24:26 → 00:24:30 อยู่กับเอ่อเด็กด้วยการเล่นวิ่งเล่นอยู่
00:24:30 → 00:24:33 ในสิ่งแวดล้อมทั่วๆไปด้วยกันบ่อยๆเนี่ยย
00:24:33 → 00:24:37 ก็ครับอาจจะต้องมีการถ่ายพยาธบ้างนะครับ
00:24:37 → 00:24:41 ส่วนในผู้ใหญ่เนี่ยก็ถ้านิยมรับประทานของ
00:24:41 → 00:24:46 สุกติดบ่อยๆนะครับก็ก็แนะนำให้ควรจะเอ่อ
00:24:46 → 00:24:51 มีการถ่ายพยาธนะฮะถ้าถ้าไม่แน่ใจว่าอาหาร
00:24:51 → 00:24:53 ที่รับประธานเนี่ยมีความเสี่ยงหรือเปล่า
00:24:53 → 00:24:57 นะครับค่ะก็อาจจะอาจจะถายพยาธหรือว่าบาง
00:24:57 → 00:24:59 ครั้ง
00:24:59 → 00:25:03 มีสัญญาณเตือนแบบวมย้ายที่อยู่เรื่อยๆ
00:25:03 → 00:25:05 อย่างเงี้ก็แนะยำให้ถ่ายแต่ว่า
00:25:05 → 00:25:09 เอ่อยาที่ใช้เนี่ยบางทีก็อาจจะเคลียร์
00:25:09 → 00:25:11 พยาธิอื่นได้แต่ไอ้พยาธตัวที่มันใชแบบ
00:25:11 → 00:25:14 เป็นตัวจี๊ดเนี่ยอาจจะได้ผลไม่ค่อยดีอื
00:25:14 → 00:25:16 แต่ว่ามันก็เป็นการเตือนให้รู้ว่าร่างกาย
00:25:17 → 00:25:19 อาจจะมีพยาธอื่นแล้วบางครั้งการตรวจ
00:25:19 → 00:25:23 อุจจาระก็อาจจะช่วยเหมือนกันก็คือค่ะเ่อ
00:25:23 → 00:25:26 ถ้าเราสุ่มตรวจสุขภาพทั่วไปแล้วเนี่ยตรวจ
00:25:26 → 00:25:29 อุจจาระแล้วเอ่อเจระมันมีไข่พยาธให้เห็น
00:25:29 → 00:25:33 เนี่ยอย่างเงี้ยก็อาจจะต้องกินยาถ่ายพยาธ
00:25:33 → 00:25:38 นะก็น่าจะได้ประโยชน์นะครับอ๋อค่ะการกิน
00:25:38 → 00:25:41 ยาถ่ายพยาธเนี่ยใครๆก็ซื้อกินได้หรือต้อง
00:25:42 → 00:25:44 เอ่อได้รับการดูแลเป็นพิเศษยังไงมั้ยคะ
00:25:44 → 00:25:48 แล้วก็กินเวลาไหนได้ผลดีที่สุดอ่ะคะคุณ
00:25:48 → 00:25:52 หมอจริงๆแล้วเอ่อมันก็มีหลายชนิดนะยาย
00:25:52 → 00:25:55 ถ่ายพยาธยกตัวอย่างเช่นอาโซอย่างเงี้ยนะ
00:25:55 → 00:25:58 ครับก็ค่ะอาจจะ
00:25:58 → 00:26:01 ที่เราแนะนำให้ใช้เนี่ยก็เป็นยาขนาดสี
00:26:01 → 00:26:05 แล้วมกรรมวันละครั้งติดกัน 3 วันอันนี้ก็
00:26:05 → 00:26:09 จะสามารถเคลียพยาธได้หลายชนิดนะทั้งอ่า
00:26:09 → 00:26:14 ไส้เดือนเข็มหมุดแส้ม้าปากขอพยาธตัวตืดนะ
00:26:14 → 00:26:18 ครับพวกเนี้ยมันก็จะครับเคลียรได้แล้วก็
00:26:18 → 00:26:24 รวมถึงอ่อพวกสตองีหลอยพวกพยาธไไม้ในตับพ
00:26:24 → 00:26:28 เยนะครับมันก็จะเคลียร์ได้ครับนะ
00:26:28 → 00:26:30 เคลียรนี่หมายถึงว่ามันออกมาหมดเลยมยคุณ
00:26:30 → 00:26:33 หมอหรือว่ามันก็ยังแบบส่วนใหญ่ก็หลังจาก
00:26:33 → 00:26:37 กินครบโดสแล้วเนี่ยครับถ้าถ้าบางคนยังรู้
00:26:37 → 00:26:39 สึกว่ามีอาการหรือตรวจแล้วยังพบอีก 3
00:26:39 → 00:26:42 สัปดาห์หลังจากนั้นเยังพบว่ามีไข่พยาธ
00:26:42 → 00:26:45 อยู่เนี่ยหรือยังมีอาการเนี่ยก็อาจจะให้
00:26:45 → 00:26:51 กินซ้ำได้อืค่ะหลังจากกินครั้งแรกอ่าวัน
00:26:51 → 00:26:54 ละครั้งติดกัน 3 วันแล้วผ่านไป 3 สัปดาห์
00:26:54 → 00:26:57 แล้วเนี่ยหลัง 3 สัปดาห์แล้วยังมีอาการ
00:26:57 → 00:27:00 อยู่ค่ะก็กินซ้ำได้อีกอีกรอบนึงนะครับอ
00:27:00 → 00:27:03 อีกรอบนึงแต่ก็ไม่ได้มีจำกัดว่ากินได้ถี่
00:27:03 → 00:27:06 แค่ไหนนะครับคือขึ้นกับว่ามีความเสี่ยง
00:27:07 → 00:27:10 มากน้อยยังไงนะครับอันนี้ว่ายาบางชนิดก็
00:27:10 → 00:27:15 อาจจะอย่างโซนบางทีเราก็ยังไม่ได้แนะนำ
00:27:15 → 00:27:18 ให้ใช้เดด็กที่ต่ำกว่า 2 ขวบหรือว่าคนที่
00:27:18 → 00:27:21 ในในคู่ที่เตรียมจะตั้งพัน์ค่ะนะครับครับ
00:27:21 → 00:27:25 อันนี้เราก็จะให้ระมัดระวังยากลุ่มนี้เส
00:27:25 → 00:27:32 ก่อนแล้วก็เวลารับประทานเนี่ยเ่อก็อาจ
00:27:32 → 00:27:38 จะอาจจะแนะนำให้รับประทานอ่าไม่ไม่ไม่
00:27:38 → 00:27:40 พร้อมกับอาหารประเภทที่มีไขมันเยอะเกินไป
00:27:40 → 00:27:43 ครับเพราะว่าการดูดปึนของยามันจะสูงมาก
00:27:43 → 00:27:47 ที่อือครับครับแล้วก็อาจจะมีผลจากยาการ
00:27:47 → 00:27:50 กินอาจจะกินให้ห่างจากมื้อของอาหารที่มี
00:27:50 → 00:27:51 ไขมัน
00:27:51 → 00:27:55 สูครับค่ะอันนี้ก็จะเป็นยาตัวอย่างยาที่
00:27:55 → 00:27:59 แนะนำว่าใช้แล้วโดยทั่วไปถ้าไม่ใช่เด็ก
00:27:59 → 00:28:01 เล็กหรือหญิงตั้งครรภเนี่ยถือว่าปลอดภัย
00:28:01 → 00:28:05 แต่ว่าเอ่อในกรณียาตัวอื่นๆเนี่ยก็แนะนำ
00:28:05 → 00:28:08 ว่าควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนดีกว่าให้กชกร
00:28:08 → 00:28:13 ก่อนนะครับอย่างอย่างกรณีที่เรากินยาข่าย
00:28:13 → 00:28:16 พยาธมาแล้วเนี่ยเอ่อเราต้องจัดการกับ
00:28:17 → 00:28:20 พยาธิที่มันออกมามีวิธีการที่ต้องต้องจัด
00:28:20 → 00:28:23 การเป็นพิเศษมั้ยคุณหมอหรือว่าก็ก็ชำระ
00:28:23 → 00:28:28 ล้างตามปกติเอ่อลงระบบชักโลกอะไรปกติเลย
00:28:28 → 00:28:30 หรือเปล่าคุณหมอหรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษย
00:28:30 → 00:28:34 ฮะควรจะลงระบบแชคโคปกตินะครับครับครับไม่
00:28:35 → 00:28:39 ควรจะเป็นลักษณะอ่าให้ถ่ายลงสิ่งแวดล้อม
00:28:39 → 00:28:41 อันเนี้ยซึ่งอันเนี้ยไม่ดีถือว่ามันจะพ้น
00:28:41 → 00:28:45 เพในสิ่งแวดล้อมนะครับอครับค่ะอันนี้มี
00:28:45 → 00:28:49 คุณผู้ฟังสอบถามมาค่ะคุณหมอคะว่าเอ่อปลา
00:28:49 → 00:28:52 ดิบของอาหารญี่ปุ่นน่ะมีพยาธมยคุณหมอเน้น
00:28:52 → 00:28:55 ย้ำให้คุณผู้ฟังอีกสักครั้งนึงค่ะว่าเอ่อ
00:28:55 → 00:28:59 มีความเสี่ยงมั้ยมีพยาธหรือเปล่า
00:28:59 → 00:29:03 คืออาหารที่งไม่สุกพวกเนื้อปลาหรือว่า
00:29:03 → 00:29:06 เนื้อสัตว์น้ำชนิดอื่นเนี่ยมีโอกาสจะมีนะ
00:29:06 → 00:29:09 ค่ะเ่อเพราะว่าเราก็ไม่ทราบว่าแหล่งของ
00:29:10 → 00:29:14 การได้มาของปลาดังกล่าวเได้มาจากที่ไหนนะ
00:29:14 → 00:29:19 ครับครับเราก็ไม่ทราบแหล่งเพราะงั้นบางที
00:29:19 → 00:29:21 แหล่งน้ำสจืด
00:29:21 → 00:29:25 ทั่วๆไปเนี่ยที่อาจจะเป็นปลาที่มาหรือ
00:29:25 → 00:29:28 สัตว์น้ำจืดที่ได้มาจากแหล่งน้ำจืดทั่วๆ
00:29:28 → 00:29:32 ธรรมชาติในแถว Sou อสเอเชียหรือเอเชีย
00:29:32 → 00:29:35 จังหวัดแงใต้บ้านเราเนี่ยมีเอ่อในสิ่งแวด
00:29:35 → 00:29:39 ล้อมจะปนเปื้อนไปด้วยทยาทหลายประเภทได้นะ
00:29:39 → 00:29:43 เพรางั้นถือว่ามีความเสี่ยงอยู่เพราะเอ่อ
00:29:43 → 00:29:46 เวลาหมอไปประชุมทางการแพทย์แม้กระทั่งเคย
00:29:46 → 00:29:49 ประชุมที่อเมริกาก็ยังมีรายงานว่าเป็นไข้
00:29:49 → 00:29:52 ที่เดินทางจากี่ปุ่นเกาหหลีค่ะแต่ว่าไป
00:29:52 → 00:29:55 ป่วยที่อเมริกาครับแล้วก็เอามาเป็นเคสนำ
00:29:55 → 00:29:58 เสนอในระหว่างประชุมอย่างเงี้ยเป็นครับอื
00:29:58 → 00:30:01 เ่าซึ่งก็ก็เค้าก็บริโภค
00:30:01 → 00:30:06 ปลาจากประเทศที่เนิยมบริโภคปาดิกอยู่แล้ว
00:30:06 → 00:30:10 ค่ะนะก็ก็เพราะว่าก็ป่วยนะก็มีครับแต่
00:30:10 → 00:30:13 เพราะฉะนั้นไม่ได้แปลว่าไม่มีนะครับก็ก็
00:30:13 → 00:30:17 อาจจะต้องระมัดระวังนะครับแต่ส่วนใหญ่
00:30:17 → 00:30:21 แล้วถ้าถ้าเป็นไปได้ไม่ทานน่าจะดีกว่าค่ะ
00:30:21 → 00:30:24 อครับนจะสุนะครับมันมีมีความเชื่ออย่าง
00:30:24 → 00:30:27 งี้คุณหมอมีความมันเป็นข้อข้อข้อความที่ส
00:30:27 → 00:30:31 ส่งต่อกันมาอยู่อยู่เสมอนะสำหรับคนที่สาย
00:30:31 → 00:30:35 กินกินปลาดปลาดิษนะพี่ขวัญคุณหมอิิเขาบอก
00:30:35 → 00:30:39 ว่าเขาบอกว่าปลาที่เป็นปลาทะเลเนี่ยโหกิน
00:30:39 → 00:30:42 ดิบได้พยาธิมันคนละตัวแบคทีเรียคนละตัว
00:30:42 → 00:30:45 มันไม่สามารถอาศัยอยู่ในท้องเราได้แต่ถ้า
00:30:45 → 00:30:48 เป็นปลาน้ำจืดอันเนี้ยอย่าไปกินเค้าเพราะ
00:30:48 → 00:30:50 ว่ามันมีพยาธใบไม้ตับนี้เรารู้กันอยู่แต่
00:30:50 → 00:30:54 ถ้าเป็นปลาทะเลอะไรอย่าเงี้ยมันมันมี
00:30:54 → 00:30:59 กระบวนการเขาเรียกว่าทั้งกระบวนการเอ่อทำ
00:30:59 → 00:31:02 ให้การแช่แข็งกันอะไรของของของกระบวนการ
00:31:02 → 00:31:05 ไอการรักษาปลาเนี่ยทำให้พวกพยาธเหล่า
00:31:05 → 00:31:07 เนี้ยที่อยู่ในปลาที่เป็นปลาทะเลเนี่ย
00:31:07 → 00:31:10 เอ่อมันมันมันไม่สามารถอยู่ในร่างกายของ
00:31:10 → 00:31:13 เราอันนี้เป็นข้อข้อเท็จจริงมันเป็นเป็น
00:31:13 → 00:31:16 เป็นไปตามนั้นมั้ยครับหรือว่ามันมันมัน
00:31:16 → 00:31:20 ผิดไปเวคนเปื้อนขึ้นมาจากทะเลอ่ะฮะคือ
00:31:20 → 00:31:22 ครับเค้าเอามาคนเปื้อนกสิ่งแวดล้อมด้วย
00:31:22 → 00:31:25 หรือเปล่ามันอยู่ตรงนั้นด้วยบางทีมันก็
00:31:25 → 00:31:28 ไม่ได้อยู่กับเนื้อปลาเดียอาจจะอยู่ในอ่า
00:31:28 → 00:31:32 ปนเืนอยู่ในสิ่งแวดล้อมอื่นที่ที่เอาปลา
00:31:32 → 00:31:37 ไปรวมไว้ก็คือพวกท่าเรือตลาดใช่ครับตัว
00:31:37 → 00:31:41 นี้มีโอกาสเขแล้วก็แม้ว่าเราจะบอกว่ามัน
00:31:41 → 00:31:45 อ่อตัวพยาธไม่ได้อยู่ในน้ำน้ำเค็มค่ะแต่
00:31:45 → 00:31:49 ว่าในในน้ำทะเลมันก็จะมีแบคทีเรียอื่นก็
00:31:49 → 00:31:52 อาจจะป่วยด้วยแบคทีเรียอื่นก็ได้ที่ไม่
00:31:52 → 00:31:54 ใช่พยาธ
00:31:54 → 00:31:59 อ๋อบริโภคแล้วเนี่ยบางทีจะมีเชื้อ
00:31:59 → 00:32:05 เอ่อจากแบคทีเรียในทะเลนะครับโดยเฉพาะใน
00:32:05 → 00:32:09 ผู้ป่วยบางบางท่านที่มีโรคประจำตัวบาง
00:32:09 → 00:32:13 อย่างเช่นอ่าโรคตับอักเสบเรื้อรังหรือตับ
00:32:13 → 00:32:16 แข็งอย่างเงี้ยนะฮะครับๆแล้วเอ่อไปรับ
00:32:16 → 00:32:20 ประทานไปบริโภคเนื้อสัตว์จากปลาทะเลหรือ
00:32:20 → 00:32:22 อะไรต่างๆเนี่ยก็อาจจะได้รับเชื้อ
00:32:22 → 00:32:24 แบคทีเรียและทำให้ติดเชื้อกระแสเลือดมา
00:32:24 → 00:32:29 อันนี้ก็พบเรื่อยๆค่ะครับบเรื่อยๆเลยถ้า
00:32:29 → 00:32:32 อย่างงั้นวิธีที่ดีที่สุดคือปรุงให้สุก
00:32:32 → 00:32:35 ใหม่กินตอนร้อนก็ปลอดภัยกับร่างกายนะคะ
00:32:35 → 00:32:39 คุณหมออย่างนั้นดีกว่าครับอภัยกว่านะครับ
00:32:39 → 00:32:42 แล้วมั่นใจได้ด้วยนะครับผสดล้างให้สะอาด
00:32:42 → 00:32:45 อาจจะใส่เดี๋ยวนี้เมีนวัตกรรมเรื่องของ
00:32:45 → 00:32:48 น้ำยาล้างผักหรือเบกิ้งโซดาหรือแช่เกลือ
00:32:48 → 00:32:51 อันนี้ก็เ่อเลือกใช้ตามความเหมาะสมช่วย
00:32:51 → 00:32:54 ได้ระดับนึงครับค่ะก็แนะนำให้ใช้อันนั้น
00:32:54 → 00:32:59 ด้วยด้วในกระบวนการเอ่อดูแลอาหารก่อนรับ
00:32:59 → 00:33:03 ประทานนะครับค่ะครับมีคุณสุรพัฒน์ค่ะเอ่อ
00:33:04 → 00:33:08 ถามมาว่าเคยได้ยินว่ามีเอ่อได้ยินข่าวว่า
00:33:08 → 00:33:13 หมัดสุนัขมักพบกพบกับพยาธในเลือดของสุนัข
00:33:13 → 00:33:16 สาเหตุมาจากสุนัขไปนอนให้ยุงกัดเอ่อให้
00:33:16 → 00:33:20 ยุงกัดจนนำเอาพยาธิมาสู่ร่างกายของสุนัข
00:33:20 → 00:33:23 จากนั้นแสดงว่าคนเราอ่ะไปนอนให้ยุงกัดเอง
00:33:23 → 00:33:25 ก็มีโอกาสจะตรวจพบพยาธิในเลือดได้สิครับ
00:33:25 → 00:33:28 อันเนี้ยมีการตั้งข้อสังเกตอ่าอันนี้ใน
00:33:28 → 00:33:31 เบื้องต้นนที่คุณหมอพูดเมื่อสักครู่มีแบบ
00:33:31 → 00:33:33 เหมือนว่าถ้าแมลงมากัดเราอันเนี้ยคล้ายๆ
00:33:33 → 00:33:34 กันมย
00:33:34 → 00:33:39 คะเอ่อส่วนใหญ่แล้วแมลงที่กัดแล้วเอ่อทำ
00:33:39 → 00:33:44 ให้เ่อพยาธบางชนิดในแมลงมาติดคนมันจะคนละ
00:33:44 → 00:33:49 พวกกับอพยาธที่ติดจากแมลงไปสุนัขอืค่ะ
00:33:49 → 00:33:52 ครับอ่ามันจะคนละประพวกคนละพวกกันนะคะคน
00:33:52 → 00:33:56 ละประเกันยุยุงบางทีเป็นพาหะของโรคเท้า
00:33:56 → 00:33:59 ช้างเคยได้ยินมยครับค่ะเคได้ยินค่ะคุณหมอ
00:33:59 → 00:34:02 เอ่าอย่างเงี้เป็นต้นงั้นก็ก็คือกลุ่มพวก
00:34:02 → 00:34:05 โรคเท้าช้ามันก็เป็นสิ่งมีชีวิตพวกโตตัว
00:34:05 → 00:34:10 อย่างหนึ่งนะซึ่งเ่อมันก็ติดมาจากงได้นะ
00:34:10 → 00:34:14 ฮะซึ่งมันจะเป็นเอ่อโลกหรือสิ่งมีชีวิต
00:34:14 → 00:34:17 ที่ก่อโรคในคนแต่ว่าเป็นคนละประเภทกับที่
00:34:17 → 00:34:21 ก่อโรคในสัตว์ครับค่ะพยาที่ก่อโรคในสัตว์
00:34:21 → 00:34:24 อย่างในสุนัก็จะไม่ได้ติดคนง่ายๆอย่างไ
00:34:24 → 00:34:30 นะค่ะอือโอ้โหโอแต่ละคือจริงๆเค้าตัวเล็ก
00:34:30 → 00:34:33 มากจนบางครั้งเราก็มองไม่เห็นถ้าแบบมัน
00:34:33 → 00:34:36 เล็กจริงๆเนี่ยยิ่งถ้าเข้าไปในวงจรชีวิต
00:34:36 → 00:34:39 ในร่างกายเรากว่าเขาจะเติบโตที่คุณหมอบอก
00:34:39 → 00:34:43 ว่าถึง 10 ปีเนี่ยคนเราพอถ้ากรณีที่เขาไป
00:34:43 → 00:34:46 ฝังตัวอยู่เป็น 10 ปีเนี่ยแนวทางในการ
00:34:46 → 00:34:49 รักษามันเป็นยังไงคะแล้วก็เมีอันตรายทำ
00:34:49 → 00:34:52 ให้เราถึงขั้นเสียชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน
00:34:52 → 00:34:54 คะคุณหมอ 10 ปีนี่จะเป็นเพื่อนที่ก็สนิท
00:34:54 → 00:34:57 กันมากเลยนะความสัมพันธ์นี่ยาวนานนะอ่า
00:34:57 → 00:35:00 ใช่คือส่วนใหญ่ถ้ามันยังเป็นเป็นลักษณะ
00:35:00 → 00:35:02 เป็นตัวตืดตัวอะไรพวกเนี้ยคือการกำจัด
00:35:02 → 00:35:04 ด้วยยารับประทานเนี่ยมันก็ช่วยได้ระดับ
00:35:04 → 00:35:06 นึงแต่ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นซีส
00:35:06 → 00:35:10 แล้วไปอยู่ในบริเวณสำคัญำคัญอย่างเช่นใน
00:35:10 → 00:35:13 สมองเนี่ยงค่ะอ่ายาอาจจะได้ผลบ้างแต่ว่า
00:35:13 → 00:35:17 ก็ไม่ได้เ่อได้ 100% อะไรคือครับอ่อตัว
00:35:17 → 00:35:20 ซีสบางทีเอ่อโดย
00:35:20 → 00:35:23 ธรรมชาติตัวพยาธที่อยู่ในซีสมันอาจจะตาย
00:35:23 → 00:35:28 เองแล้วแต่ว่าซีสมันจะถูกกระบวนการอักเสบ
00:35:28 → 00:35:32 ในร่างกายทำให้มันกลายเป็นมีแคลเซียมมี
00:35:32 → 00:35:36 อะไรมาเกาะอยู่ในซีสที่ที่เป็นซากของพยาธ
00:35:36 → 00:35:39 อย่างเงี้ยก็ครับมันก็จะเหมือนกับมี
00:35:39 → 00:35:43 แคลเซียมมาหุ้มๆอยู่ในรอบๆซิสก็ครับมันก็
00:35:43 → 00:35:46 จะฝังตัวอยู่ในเนื้อสมองเนี่ยค่ะเยมันไม่
00:35:46 → 00:35:51 หายไปไหนครับเอซึ่งมันก็จะส่วนใหญ่มันก็
00:35:51 → 00:35:53 จะมีมากกว่า 1 จุดกระจายระบางรายก็กระจาย
00:35:53 → 00:35:56 เต็มสมองไปหมดเลยอย่างเงี้เป็นต้นโอแล้วึ
00:35:56 → 00:35:59 บางทีบางทีตัวพยาธิเมันอาจจะตายไปแล้วแต่
00:35:59 → 00:36:03 ว่าผลของการอักเสบกับแคลเซียมที่ไปเกาะ
00:36:03 → 00:36:06 อยู่รอบรอบๆซิสมันก็จะอยู่เงี้ยไปตลอดมัน
00:36:06 → 00:36:09 ก็ทำให้อ่าสมองเนี่ยมันมีอาการผิดปกติ
00:36:10 → 00:36:14 อยู่ตลอดจากผลของพวกแคลเซียมที่มันเกาะ
00:36:14 → 00:36:17 ไว้อย่างเงี้ยนะครับค่ะแล้วถ้าเป็นแบบนี้
00:36:17 → 00:36:20 เนี่ยเ่อแล้วคนไข้มีอาการปวดหัวหรือไม่
00:36:20 → 00:36:24 ไม่ไม่ปกติแล้วเนี่ยแนวทางในการช่วยเหลือ
00:36:24 → 00:36:27 คนไข้การรักษาคนไข้เคือต้องผ่าตัดสมองเอา
00:36:27 → 00:36:30 ซีดเหล่านั้นออกมาเลยมั้ยหรือว่าดูเฉพาะ
00:36:30 → 00:36:33 ที่เฉพาะจุดที่เป็นจุดสำคัญจริงๆเพราะว่า
00:36:34 → 00:36:36 สมองก็มีความอ่อนไหวค่อนข้างสูงอ่ะค่ะคุณ
00:36:36 → 00:36:40 หมอคะคือบางทีถ้าเราไม่แน่ใจว่าพยาธเมัน
00:36:40 → 00:36:44 ตายหมดมั้ยเราก็ลองให้ยาดูแต่ว่าที่เหลือ
00:36:44 → 00:36:47 นอกจากลองให้ยาดูเนี่ยถ้าจุดไหนที่เราคิด
00:36:47 → 00:36:51 ว่ามันยังมีการอักเสบกับค่ะตัวพยาธอยู่
00:36:51 → 00:36:53 เนี่ยเราก็อาจจะมีการให้พวกสารกฎการ
00:36:53 → 00:36:56 อักเสบเช่นสเตียรอยด์บ้างเป็นบางรายแล้ว
00:36:56 → 00:36:59 ก็ครับอืออ่าที่เหลือเนี่ยก็เป็นยากันชัก
00:36:59 → 00:37:02 ถ้ากรณีคนไข้ชักแต่ว่าการไปผ่าตัดออกมา
00:37:02 → 00:37:05 เนี่ยจะเป็นเรื่องที่โอกาสทำได้เนี่ยค่อน
00:37:05 → 00:37:07 ข้างยุ่งยากเพราะว่าส่วนใหญ่มันมักจะ
00:37:07 → 00:37:11 กระจายไปเต็มเนื้อสมองหลายจุดอือค่ะการ
00:37:11 → 00:37:14 ผ่าเข้าไปเนี่ยก็จะไปเอาเป็นแค่ไม่แแบ
00:37:14 → 00:37:16 เป็นสักัวออกมาเนี่ยมันจะเป็นเรื่องที่ทำ
00:37:16 → 00:37:20 ได้ยากอคครับแล้วอาจจะกระทบต่อเนื้อสมอง
00:37:20 → 00:37:22 ด้วยใช่มั้ยคะคุณหมอใช่ครับใช่ครับเพนั้น
00:37:23 → 00:37:25 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นได้แค่ให้ยากัญชักไว้
00:37:25 → 00:37:29 แล้วก็ให้ยาพยาธให้เต็มคอร์สเท่าที่จะทำ
00:37:29 → 00:37:32 ได้แล้วก็อือเ่อถ้ามันยังมีการอาเสี่ย
00:37:32 → 00:37:35 อยู่บ้างก็อาจจะให้ศาเตียลอยบ้างเป็นช่วง
00:37:35 → 00:37:37 ช่วงเป็นอย่ากดคุ้มกันไว้ชั่วคราวกดการ
00:37:37 → 00:37:40 อักเสกไว้ชั่วคราวเป็นอย่างงั้นมากกว่า
00:37:40 → 00:37:43 ค่ะครับแล้วอย่างกรณีที่เป็นเอ่อที่เรา
00:37:43 → 00:37:46 เห็นตามหน้าข่าวนะพี่ขวัญนะคุณหมอเอ่อ
00:37:46 → 00:37:48 เห็นกันเป็นประจำเลยที่แบบคุณหมอเอาภาพมา
00:37:48 → 00:37:51 แชร์ว่าเอ้ยพพยาตัวตื่นกระจายไปทั่วทั่ว
00:37:52 → 00:37:54 ร่างกายเลยทุกส่วนของร่างกายเลยแบบเนี้ย
00:37:54 → 00:37:58 ยากกว่าเคสอื่นๆมยครับคุณหมอคือถ้าเป็น
00:37:58 → 00:38:01 เป็นเส้นเป็นตัวตืดออกมาเป็นเส้นเลยอย่าง
00:38:01 → 00:38:04 เงี้ยมันก็ส่วนใหญ่ถ้ามันออกขับอันนี้มา
00:38:04 → 00:38:08 รักษาด้วยยาได้ค่ะจะขับมันออกมานะครับให้
00:38:08 → 00:38:11 ยากำจัดได้แล้วก็ครับเอ่อยกเว้นว่ามันมี
00:38:11 → 00:38:14 ปริมาณมากมันอาจจะอุดตันลำไส้ถ้ากรณีอุด
00:38:14 → 00:38:18 ตันลำไส้จนออกไม่ได้จริงๆแล้วก็เเรพบว่า
00:38:18 → 00:38:22 มันอุดตันลำไส้เนี่ยก็อาจบางรายถ้ารุนแรง
00:38:22 → 00:38:24 จริงๆอาจต้องยอมอาจจะต้องยอมผัดตัดเพื่อ
00:38:24 → 00:38:28 ที่จะเอาก้อนพยาทออกไปถ้ากรณีมันรุนแรง
00:38:28 → 00:38:31 มากคืออุดตันจนไม่สามารถจะออกเองได้นะ
00:38:31 → 00:38:34 ครับค่ะครับโทำไมมันถึงเติบโตได้ดีขนาด
00:38:34 → 00:38:37 นั้นคุณบอกใช่ครับบางทีมันอาจจะเติบโต
00:38:37 → 00:38:40 แล้วก็อยู่หลายตัวอยู่พันกันไปจนเป็น
00:38:40 → 00:38:43 กระจุกเป็นกลุ่มเป็นก้อนสามารถมีลูกสืบ
00:38:43 → 00:38:49 หลานได้ใช่ครับอค่ะคุณหมอคะเอ่อทำไมทำไม
00:38:49 → 00:38:52 เขาถึงเติบโตได้ได้ดีเหลือเกินอ่ะคุณหมอ
00:38:52 → 00:38:55 มันมีโในลำไส้คนเนี้ยสารอาหารมีครบถ้วน
00:38:55 → 00:38:58 เลยช่วยกินกันเยอะเลยอ้ออย่างงี้นี่เอง
00:38:58 → 00:39:01 แหล่งอาหาร้วนเลยครับอ่ามันได้ครบอาหาร
00:39:01 → 00:39:03 ครบทุกหมู่จากเหมือนกับที่ร่างกายมนุษย์
00:39:03 → 00:39:05 ได้เลยครับแล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาไปหาด้วย
00:39:06 → 00:39:08 นะโอ๊คอยู่กับที่ก็ได้กินเออใช่มีคนหามา
00:39:08 → 00:39:10 ให้ใช่มั้ยมีคนหามาให้ถึงเวลาเออคนหามา
00:39:10 → 00:39:13 ให้จริงๆแเพราะคนอยู่เป็นคนเป็นคนจริงๆ
00:39:13 → 00:39:16 อันนี้เป็นคนหามาให้จริงๆเอใช่ๆถึงเวลา 3
00:39:16 → 00:39:21 เวลาได้กินครบทุกมื้อค่ะเออใช่ๆๆก็มันก็
00:39:21 → 00:39:24 แย่งอาหารจากเรามันก็ทำให้เ่อร่างกาย
00:39:24 → 00:39:28 มนุษย์ที่มีพยาธิอยู่ก็มักจะบางรายถ้า
00:39:28 → 00:39:30 เป็นมีพยาธปริมาณมากเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย
00:39:30 → 00:39:33 ๆก็อาจจะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารค่ะครับ
00:39:33 → 00:39:37 ครับทั้งเพิ่มจำนวนได้ทั้งตัวใหญ่ขึ้นได้
00:39:37 → 00:39:41 ใช่ครับฮะอออันต่อมาก็คือมันก็ทำลายเนื้อ
00:39:41 → 00:39:43 เยื่อบริเวณที่มันอยู่นะครับอย่างเช่นถ้า
00:39:43 → 00:39:46 มันไปทำลายยบู่ลำไส้เรือยๆก็มีเลือดออก
00:39:46 → 00:39:50 เลือดออกมาเรื่อยๆนะครับค่ะครับตัวค่ะ
00:39:50 → 00:39:53 เชิญค่ะถ้ามันอยู่อย่างสตองจีหลออย่า
00:39:53 → 00:39:56 เงี้ยขยะพวกนี้ถ้ามันอยู่ในร่างกายนานๆ
00:39:56 → 00:40:00 แล้วบังเอิญเอ่อเป็นผู้ผู้ป่วยที่ต้อง
00:40:00 → 00:40:03 เข้ากการรักษาบางอย่างที่ต้องใช้ยากดภูมิ
00:40:04 → 00:40:06 พุ้มกันเช่นในโรคแพ้ภูมิตัวเองบางอย่าง
00:40:06 → 00:40:10 ต้องใช้ยากดุ้มกันปริมาณสูงเงี้ยหรือว่า
00:40:10 → 00:40:13 เอ่อรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษามะเร็งอย่าง
00:40:13 → 00:40:17 เงี้ยเป็นต้นเอ่อมันก็จะมีผลทำให้คุ้มกัน
00:40:17 → 00:40:20 ลดลงั้นไอ้พยาธที่มันอยู่อย่างซองเฉหลที่
00:40:20 → 00:40:23 มันอยู่เี่มันก็อาจจะชอยู่ในร่างกายชเข้า
00:40:23 → 00:40:27 ไปในปอดชเข้าไปในที่ต่างๆแล้วก็ครับแล้ว
00:40:27 → 00:40:31 ก็ก็จะพาแบคทีเรียติดตัวมันไปด้วยจนเ่อ
00:40:31 → 00:40:34 ปอดอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมไปที่
00:40:34 → 00:40:38 ที่มันชัไปนะในในผู้ที่มีภุมกันต่ำก็จะ
00:40:38 → 00:40:41 เจอปัญหาแบบเนี้ยเพิ่มขึ้นอืนะครับค่ะ
00:40:41 → 00:40:44 ครับงั้นเวลาเ่อผู้ป่วยที่เขาจะให้ยากดู
00:40:44 → 00:40:48 ุ้มกันหรือว่ายารักษนาด้วยยาเคมีบัตเก็จะ
00:40:48 → 00:40:51 ูจะรับไปตรวจก่อนว่ามีไข่พยาธมั้ยถ้ามีก็
00:40:51 → 00:40:53 ต้องเคลียรก่อนหรือไม่ก็กินยาไถพยาธสัก
00:40:54 → 00:40:58 รอบนึงนะฮะเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะเ่อทำ
00:40:58 → 00:41:01 ให้ตัวพยาธมาเล่นงานตอนที่ภูมิกันกำลัง
00:41:01 → 00:41:03 ต่ำนะครับค่ะครับ
00:41:03 → 00:41:06 เอ่ออีกอีอีกความเชื่อนที่เคยได้ยินมา
00:41:06 → 00:41:09 ตั้งแต่เด็กๆเลยนะฮะเอ่อที่ที่บอกว่าเอ้ย
00:41:09 → 00:41:13 คนที่เอ่อยิ่งมีร่างกายอ้วนๆยิ่งแบบกิน
00:41:13 → 00:41:18 เก่งๆยิ่งแบบเอ่อพุงโตๆเนี่ยไอ้พวกเแหละ
00:41:18 → 00:41:21 เสี่ยงพยาธเยอะไอ้คนผอมๆไม่มีหรอกข้อเท็จ
00:41:21 → 00:41:23 จริงในการดูภายนอกเนี่ยมันเป็นเป็นอย่าง
00:41:23 → 00:41:28 งั้นมั้ยคุณหมอคงคือพยาตมันไม่ได้ชอบคน
00:41:28 → 00:41:31 เอ่ออ้วนแล้วมันเลยไปไปอยู่มันขึ้นกับว่า
00:41:31 → 00:41:36 บังเอิญว่าไปรับประทานอหรือว่าปนเพื่อน
00:41:36 → 00:41:39 เชื้อโรคหรือพยาธเข้าไปทางไหนทางหนึ่งมาก
00:41:39 → 00:41:43 กว่าแล้วทำให้ป่วยซึ่งเอ่อถ้ามันไปอยู่
00:41:43 → 00:41:46 แล้วคนนั้นบังเอิญอ้วนอยู่เนี่ยมันก็ผอม
00:41:46 → 00:41:50 ได้อ่ะผอมจับพยาธิได้พยาธิแย่งกินจนึงออ
00:41:50 → 00:41:53 ใช่ครับแต่ถ้าอ้วนตลอดเนี่ยมันเป็นสัญญาณ
00:41:53 → 00:41:55 ที่ดีกว่านะแสดงว่าร่างกายเด็กคนนั้นอาจ
00:41:55 → 00:41:59 จะไม่มีพยาทอยู่ออ๋อถ้าอ้วนอยู่แล้วๆผอม
00:41:59 → 00:42:02 เดือนต่อมาผอมแบบผอมผิดปกตินี่ต้องคิดและ
00:42:02 → 00:42:06 อต้องสงสัยแล้วว่าเอ๊ะเป็นเพราะว่าเผื่อ
00:42:06 → 00:42:08 อาหารกินอะไรไม่ได้บ่นปวดท้องอยู่เรื่อยๆ
00:42:08 → 00:42:11 ไม่รู้สาเหตุเงี้ยเป็นต้นแล้วผอมลงมลง
00:42:11 → 00:42:14 เนี่ยเนี้ยต้องสงแต่สมัยเยพูดตรงๆว่า
00:42:14 → 00:42:17 โอกาสจะติดคนเพื่อนด้วยวิธีแบบสมัยก่อน
00:42:17 → 00:42:23 อาจจะน้อยะแต่ว่ามันเป็นจากการบริโภคเอ่อ
00:42:23 → 00:42:26 ที่ไม่ถูกวิธีมากกว่าซึ่งดูแล้วไปมาความ
00:42:26 → 00:42:28 เสี่ยงปจจุบันเนี่ยจะพบในผู้ใหญ่มากกว่า
00:42:28 → 00:42:32 เด็กอืค่ะครับเพราะว่าพวกอาหารที่ไม่สุก
00:42:33 → 00:42:36 นะฮะคืออันที่คุณหมอมองว่าเป็นผู้ใหญ่มาก
00:42:36 → 00:42:38 กว่าเด็กเพราะว่าผู้ใหญ่บางบางครั้งกิน
00:42:38 → 00:42:41 รับประทานอาหารนอกบ้านความเร่งรีบในการ
00:42:41 → 00:42:45 ที่ต้องเอ่อไปทำงานการใช้ชีวิตเนี่ยก็เลย
00:42:45 → 00:42:48 อาจจะไม่ได้ใส่ใจอาหารที่รับประทานเป็น
00:42:48 → 00:42:51 พิเศษอันเนี้ยประมาณนี้ใช่มั้ยคะหรือว่า
00:42:51 → 00:42:54 มันมีปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติมคะบวกกับบวกกับ
00:42:54 → 00:42:59 เอ่อนิยมรับประทานอาหารไม่สุกอ๋ออาหารอ่า
00:42:59 → 00:43:02 ที่เป็นอย่างเช่นปลาดิบอย่างเงี้ยนะฮะค่ะ
00:43:02 → 00:43:06 ยกตัวอย่างนะครับปาดิบเหือดิบประทานพวก
00:43:06 → 00:43:10 สลัดผักแต่ว่าแต่ว่าล้างไม่สะอาดไม่ทราบ
00:43:10 → 00:43:13 แหล่งที่มาว่าเอดูแลทำความสะอาดได้ดีมั้ย
00:43:13 → 00:43:17 อย่างเงี้ยเป็นก้อนนะครับล้างแหละแต่ล้าง
00:43:17 → 00:43:19 ด้วยน้ำปกติไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษอะไร
00:43:19 → 00:43:22 อย่างงี้มันก็จะเสี่งได้ซึ่งเราก็ไม่ทราบ
00:43:22 → 00:43:24 ว่าเ้าแหล่งที่มาของอาหารเ้าดูแลความ
00:43:24 → 00:43:28 สะอาดดีแค่ไหนนะครับครับไหนจะมาจากสวนนะ 1
00:43:28 → 00:43:32 นะมาจากสวนไหนจะตลาดไหนจะ
00:43:32 → 00:43:36 เอ่อรถราที่เอามาขายต่ออีกโอ้มันมีความปน
00:43:36 → 00:43:39 โอกาสปนเปื้อนหลากหลายนะคุณหมอนะใชใช่
00:43:39 → 00:43:41 ครับเพะงั้นถ้าถ้ารับบริโภคเองถ้าเป็นไป
00:43:41 → 00:43:45 ได้เอ่อไม่ยุ่งยากเกินไปก็อาจจะดูแลความ
00:43:45 → 00:43:48 สะอาดล้างเองแช่เองครับค่ะถ้าทำได้ก็จะ
00:43:48 → 00:43:52 ปลอดภัยขึ้นอระยะระดับหนึ่งนะครับค่ะเออ
00:43:52 → 00:43:56 ถ้าเรามีพยาธิอยู่ในตัวมีแบบเอ่อเค้าฝัง
00:43:56 → 00:43:58 อยู่ในตัวเราอย่าเงี้ยค่ะมันจะเกิดภาวะ
00:43:58 → 00:44:02 แทรกซ้อนอะไรขึ้นได้บ้างคะคุณหมอคะ
00:44:02 → 00:44:05 เอ่อบางครั้งพยาบางชนิดเนี่ยถ้ามันฝัง
00:44:05 → 00:44:07 อยู่นาเช่นในกล้ามเนื้อเงี้ยบางทีไป
00:44:07 → 00:44:10 บริโภคอันนี้คือหมายถึงกรณีพยาธที่อาจจะ
00:44:10 → 00:44:13 เจอไม่บ่อยเช่นพบอยู่ในเนื้อสัตว์ป่า
00:44:13 → 00:44:15 อย่างเงี้ยนะครับออก็เคยมีแรยงานแล้วก็ไป
00:44:15 → 00:44:19 รับประทานเข้าไปจากการไปเ่อรับประทาน
00:44:19 → 00:44:23 อาหารประเภทที่มาจากป่าทั้งหลายค่ะนะแล้ว
00:44:23 → 00:44:26 ก็ได้พยาเข้าไปบางทีพยามันกระจายไปอยู่
00:44:26 → 00:44:28 ตามกล้ามเนื้อเงี้ยก็อาจจะมีภาวะแทรกซ้อน
00:44:28 → 00:44:30 จากกล้ามเนื้ออักเสบทั้งตัวอย่างเงี้ยนะ
00:44:31 → 00:44:33 ครับค่ะครับก็อาจจะทำให้พอกล้ามเนื้อมัน
00:44:33 → 00:44:37 อักเสบทั้งตัวเนี่ยเอ่อนอกจากไข้ขึ้นอ่อ
00:44:37 → 00:44:40 สารของที่เป็นองค์ประกอบของกล้ามเนื้อ
00:44:40 → 00:44:43 เนี่ยมันก็ละลายมาอยู่ในกระแสเลือดค่ะก็
00:44:43 → 00:44:48 อาจจะทำให้อ่ามีปัญหาเรื่องเอ่อกล้าม
00:44:48 → 00:44:51 เนื้ออักเสบปวดกล้ามเนื้อรุนแรงไตวายนะ
00:44:51 → 00:44:56 ครับเอ่อปัสสาวะเป็นสีน้ำโค้กต่างๆอย่า
00:44:56 → 00:44:59 เงี้ก็อาจจะเกิดขึ้นมาจากจากการที่เป็น
00:44:59 → 00:45:02 ภาวะแซกซ้อนถ้าเป็นพยาธชนิดที่มันไปอยู่
00:45:02 → 00:45:04 ตามกล้ามเนื้อแต่ว่าภาวะแซกซ้อนกรณีอย่าง
00:45:04 → 00:45:07 ที่บอกว่าถ้ามันอ่าไปอยู่ในสมองเนี่ยก็จะ
00:45:07 → 00:45:10 เป็นเรื่องอาการของทางสมองไปอยู่ถ้ามันชั
00:45:10 → 00:45:13 ไปอยู่ตามเส้นประสาทในไครสันหลังก็อาจจะ
00:45:13 → 00:45:17 ไปนำพือาพาตหรือว่าความเติของบริเวณที่
00:45:17 → 00:45:19 เส้นประสาทนั้นไปเลี้ยงนะครับถ้าเส้น
00:45:19 → 00:45:23 ประสานั้นไปเลี้ยงบริเวณอ่อที่เกี่ยวกับ
00:45:23 → 00:45:26 การกลั้นอุจจารปัสสาวะก็อาจจะทำให้กลั้น
00:45:26 → 00:45:29 ปัสสาวะระะไม่ได้ครับเป็นต้นอันนี้เป็น
00:45:29 → 00:45:32 ภาวะแท็กซ้อนของพยาธไหรือว่าเ่อพยาธนั้น
00:45:33 → 00:45:37 เ่อเข้าไปแล้วเอ่อทำให้เป็นฝีอยู่ในตับใน
00:45:37 → 00:45:40 ม้ามก็อาจจะต้องก็จะมีอาการของอรินอาหาร
00:45:40 → 00:45:43 กับตับม้ามดีซ่านตัวเหลืองสาเหลืองถ้ามัน
00:45:43 → 00:45:46 ไปอยู่ในท่อน้ำดีเี้เป็นต้นอันนี้เป็นภา
00:45:46 → 00:45:49 ว่าแซกซ้อนที่เกิดจากอ่าพยาธสนพยาธิถ้า
00:45:49 → 00:45:53 มันอยู่มันมีลำตัวขนาดใหญ่แล้วอยู่ปริมาณ
00:45:54 → 00:45:56 มากเป็นกระจุกเป็นกลุ่มเป็นก้อนเงี้ยมัน
00:45:56 → 00:46:00 ก็อาจจะตันลำไส้นะฮะทำให้มีอาการที่เ่อ
00:46:00 → 00:46:04 ปวดท้องอืดแน่นท้องเพราะอาหารผ่านไม่ได้
00:46:04 → 00:46:09 นะครับครับเป็นต้นก็ขึ้นกับว่าพยาธนั้นไป
00:46:09 → 00:46:11 ไปอยู่ตรงบริเวณไหนก็อาจจะก่อโรคภาวะไซก
00:46:11 → 00:46:13 ซ้อนตรงบริเวณนั้นเพญาติใบไม้เนี่ยถ้าไป
00:46:13 → 00:46:17 อยู่ในปอดชอยู่ในปอดก็อาจจะทำให้มีเลือด
00:46:17 → 00:46:20 ออกในปอดอายเป็นเลือดไอเป็นเลือดถ้าเลือด
00:46:20 → 00:46:24 ออกมากไปโดนเส้นเลือดสำคัญเลือดก็อาจจะ
00:46:24 → 00:46:27 อยู่ในปอดจนกระทั่งหายใจไม่ได้ระบบหายใจ
00:46:27 → 00:46:31 ล้มเหลวเป็นต้นนะอันนี้ก็ก็เป็นภาวะแทรก
00:46:31 → 00:46:35 ซ้อนของของพยาธิถ้ามันไปอยู่ในเวสำคัญนะ
00:46:35 → 00:46:38 ครับค่ะถ้าภาวะแทรกซ้อนเนี่ยเกิดขึ้นใน
00:46:38 → 00:46:41 ลักษณะเฉียบพลันหรือเป็นลักษณะเอ่อรุนแรง
00:46:42 → 00:46:47 ความรวดเร็วแค่ไหนยังไงได้บ้างคะคุณหมอก็
00:46:47 → 00:46:51 เอ่อคือจะเร็วจะช้าเนี่ยขึ้นกับชนิดของ
00:46:51 → 00:46:53 พยาตแล้วตำแหน่งที่มันอยู่ด้วยใช่ครับ
00:46:53 → 00:46:58 ครับอถ้าถ้าเกิดว่ามันไปอยู่ในพยาบางชนิด
00:46:58 → 00:47:02 ถ้ามันชัยแล้วไปอยู่ในบริเวณที่สำคัญที
00:47:02 → 00:47:07 เดียวอย่างเช่นชัเอ่อเข้าไปอยู่ในจอประสา
00:47:07 → 00:47:10 ตาในลูกตาอย่างเงี้แล้วก็ทำให้ตามัวมอง
00:47:10 → 00:47:13 ไม่เห็นตาบอดอันนี้ก็อาจจะเกิดแบบเฉียบ
00:47:13 → 00:47:17 พันธได้เหมือนกันค่ะอครับมันขึ้นมันก็
00:47:17 → 00:47:20 ขึ้นกับว่าตำแหน่งที่มันไปเสำคัญด้วยหรือ
00:47:20 → 00:47:23 เปล่าแล้วก็แต่ส่วนใหญ่แล้วมันก็ใช้เวลา
00:47:23 → 00:47:27 เป็นสัปดาห์เป็นเดือนขึ้นไปค่ะครับ
00:47:27 → 00:47:30 อือบางทีเป็นสัปดาห์เป็นเดือนขึ้นไปเนี่ย
00:47:30 → 00:47:33 เราลืมไปแล้วอาทิตย์ที่แล้วเรารับประทาน
00:47:33 → 00:47:37 อาหารไม่สุกหรือเปล่าน่ะเออมันก็อาจจะใช่
00:47:37 → 00:47:39 ครับไม่รู้ที่มานะว่าเรารู้ที่มาเหมือน
00:47:39 → 00:47:44 กันนะคะทำอะไรลงไปอ่าเออใชครับบางทีเอ่อ
00:47:44 → 00:47:47 จะยกเว้นว่าเป็นพยาธิชนิดที่เอ่ออย่างที่
00:47:47 → 00:47:50 เคยยกตัวอย่างว่ามาจากสัตว์ป่าเนื้อสัตว์
00:47:50 → 00:47:52 ป่าอย่างเงี้ยมันครั้งอ่ามันไปอยู่ตาม
00:47:52 → 00:47:55 กล้ามเนื้อของมนุษย์มันก็กระจายเป็นกระแส
00:47:55 → 00:47:57 เลือดแล้วไปอยู่ตามกล้ามเนื้อต่างๆทั่ว
00:47:57 → 00:48:00 ร่างกายมันก็อาจจะเการเร็วเจ็บทันได้เป็น
00:48:00 → 00:48:02 สัปดาห์ได้ก็มีนะครับ
00:48:02 → 00:48:07 ค่ะจริงๆก็คือพยาธมันไปอยู่ในอวัยวะของ
00:48:07 → 00:48:09 สัตว์ที่เรากินเนี่ยเราไม่รู้ว่ามันไป
00:48:09 → 00:48:12 อยู่ตรงไหนซึ่งมันมองเห็นเห็นได้ไม่ชัด
00:48:12 → 00:48:15 เจนน่ะนะคุณหมอนะเพราะฉะนั้นเองมันก็ต้อง
00:48:15 → 00:48:19 เซฟตัวเองด้วยกันทำให้มันความร้อนความ
00:48:19 → 00:48:22 ร้อนเท่านั้นที่จะฆ่าเขาได้ใช่มั้ยฮะครับ
00:48:22 → 00:48:25 ใช้ความร้อนเป็นหลักเลยนะครับอ๋ออุณหภูมิ
00:48:25 → 00:48:29 มันต้องเท่าไหร่ขึ้นไปคุณหมอก็สุบคือจริง
00:48:29 → 00:48:33 ๆแล้วก็ถ้า 100 องศาได้ดีที่สุดนะครับ
00:48:33 → 00:48:40 อืมผมเคยเห็นผมเคยเห็นคลิปๆนึงไม่ไม่ไม่
00:48:40 → 00:48:42 คลิปนึงอหลายคลิปละนะครับเอ่อมันเป็น
00:48:42 → 00:48:45 เหมือนปรสิทธิ์อ่ะที่ออกมาจากแมลงพวก
00:48:45 → 00:48:49 ตั๊กแตนพวกอะไรพวกเนี้ยเอ่อครับมันใช่
00:48:49 → 00:48:52 พยาทมั้ยคุณหมอมันหรือว่าเป็นปาราสิตชนิด
00:48:52 → 00:48:57 อื่นอันนี้มันน่าจะเป็นปาราสิตของของูแรง
00:48:57 → 00:48:58 เอง
00:48:58 → 00:49:01 อ๋อเพราะเคยอันนี้ที่ถามนะเพราะเคยมีคนมา
00:49:01 → 00:49:04 แชร์แชร์บอกว่าอุ๊ยกินพวกตั๊กแตนพวก
00:49:04 → 00:49:07 ตั๊กแตนทอดระวังนะเดี๋ยวจะเจอพวกนี้ในใน
00:49:07 → 00:49:10 ตั๊กแตนเออหรือเปล่าอะไรเงี้ยมันก็เกิด
00:49:10 → 00:49:14 เกิดความตแต่ว่าถ้าถ้าผ่านการทอดอ่ะคิด
00:49:14 → 00:49:17 ว่าเชื้อน่าจะโดนความร้อนจากการทอดแล้ว
00:49:17 → 00:49:19 ล่ะครับค่ะซึ่งมันก็กลายเป็นโปรตีนชนิด
00:49:19 → 00:49:23 หนึ่งใช่ครับอ๋อแต่แต่ถ้าใครเห็นมันก็
00:49:24 → 00:49:27 สะอีดสะเอียนหน่อยนะมันก็
00:49:27 → 00:49:30 ใช่มฮะมันไม่น่าจะกินไปต่อได้แล้วหรอคุณ
00:49:30 → 00:49:34 หมอถามอีกนิดนึงถามอีกนิดนึงว่าอย่างพวก
00:49:34 → 00:49:37 เอ่อน่าจะเป็นตัวตื่นั้พยาธตัวตื่นั้ที่
00:49:37 → 00:49:39 มันยาวๆอ่ะคุณหมอที่เราเห็นตามข่าวยิ่ง
00:49:39 → 00:49:42 สมัยก่อนยิ่งเห็นบ่อยอ่ะต้องเจอไ้คุณยาย
00:49:42 → 00:49:45 ถ่ายออกมาแล้วเจอติดเอ่อก้นออกมาแล้วต้อง
00:49:45 → 00:49:49 ดึงกันออกมาใช่ใช่ใช่ตัวตื่นใช่มั้ยครับ
00:49:49 → 00:49:51 ใช่ครับอเออถ้าเราเจออย่างนั้นน่ะ
00:49:51 → 00:49:54 สถานการณ์แบบนั้นคุณหมอปัจจุบันยังเจอมย
00:49:54 → 00:49:57 แล้วก็ถ้าเจอจริงๆมันควรจะทำไงคุณหมอ
00:49:57 → 00:50:00 จริงๆน้อยแล้วนะครับแต่ว่าอก็ยังมีอยู่
00:50:00 → 00:50:03 บ้างนะครับยังมีอยู่บ้างโดยปัจจุบันเนี่ย
00:50:03 → 00:50:08 เท่าที่พบเนี่ยมักจะพบในในเอ่อไม่ค่อยเจอ
00:50:08 → 00:50:11 ในคนไทยบ่อยเหมือนสมัยก่อนแล้วแต่ว่าจะพบ
00:50:11 → 00:50:15 ในเ่อผู้ที่อพยพเข้ามาบ้านเราอ่ะอ๋อครับ
00:50:15 → 00:50:18 เป็นเพื่อนบ้านมากกว่าที่ระบบการสาธารสุข
00:50:18 → 00:50:21 ต่างๆเยังไม่ค่อยดีเอ่อหรือว่าอุปนิสัย
00:50:21 → 00:50:25 การบริโภคเยังเ่อไม่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับ
00:50:25 → 00:50:29 วิธีบริโภคที่มันถูกสุขลักษณะเก็อาจจะพบ
00:50:29 → 00:50:32 ได้จากคนที่อพยพเข้ามาทำงานบ้านเราอยู่
00:50:32 → 00:50:37 บ้างนะครับครับครับนะอค่ะและถ้าเจอจริงๆ
00:50:37 → 00:50:40 สถานการณ์แบบนั้นเราควรจะทำไงคุณมอดึงออก
00:50:40 → 00:50:42 มาให้หมดมั้ยหรือว่าเสร็จแล้วต้องมาหาหมอ
00:50:43 → 00:50:48 ก่อนเคือก็ควรจะคือถ้ามันออกมาได้เนี่ยคง
00:50:48 → 00:50:51 ก็ก็คงจะต้องดึงออกมานะครับจนหมดแล้วก็
00:50:51 → 00:50:53 แต่ว่าเราไม่ทราบหรอกว่ามันจะมีเหลือตก
00:50:53 → 00:50:58 ค้างอยู่แค่ไหนใช่เก็จะอาจต้องเอ่อดอุระ
00:50:58 → 00:51:02 ดูว่ามันมีพยาธอ่ามีไข่พยาธอยู่มั้ยอส่วน
00:51:02 → 00:51:05 ของมันอยู่หรือเปล่านะครับซึ่งบางทีถ้ามี
00:51:05 → 00:51:09 ก็อาจจะทำให้หรือว่ามีพยาธิชนิดอื่นอยู่
00:51:10 → 00:51:14 ด้วยเนี่ยอันนี้ก็สันนิษฐานว่าก็ก็น่าจะ
00:51:14 → 00:51:17 เป็นไปได้ว่าอาจจะมีอาจจะมีมากกว่า 1
00:51:17 → 00:51:20 ชนิดอยู่อย่าเงี้เป็นต้นก็ก็ควรจะต้องให้
00:51:20 → 00:51:23 ยาถ่าพยาธินะครับที่ยารักษาตรงนั้นก่อน
00:51:23 → 00:51:27 แล้วก็หลังจากนั้นก็ต้องติดตามดูการอีกที
00:51:27 → 00:51:29 ว่าเมีอาการอะไรที่ยังเหลือตกค้างอยู่ม
00:51:29 → 00:51:33 เพราะบางครั้งเ่อถ้ามันมีตกค้างแล้วมัน
00:51:33 → 00:51:35 เป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างเงี้ยอุดกับไส้
00:51:35 → 00:51:38 เนี่ยแล้วเยังมีอาการอยู่เนี่ยอันนี้ก็จะ
00:51:38 → 00:51:44 ต้องมีกระบวนการตรวจหาสาเหตุต่อเช่นอาการ
00:51:44 → 00:51:48 ท้องอืดคล้ายว่าอุจจาระไม่ค่อยออกขึ้นแส
00:51:48 → 00:51:51 อาเซียนบ่อยๆปวดท้องี้ก็อาจจะต้องถึงขั้น
00:51:51 → 00:51:55 ไปเซเรย์หรือว่าอ่ากลืนแป้งดูว่ามีอุตัน
00:51:55 → 00:51:58 มั้ยหรือว่าส่องกล้องดูพวกเนี้ยครับอีก
00:51:58 → 00:52:01 หลายวิธีเพื่อจะดูว่ามีเ่อการอุดตันของ
00:52:01 → 00:52:04 พวกกลุ่มก้อนของพยาธมั้ถ้าถ้ากรณีเห็นออก
00:52:04 → 00:52:07 มาเป็นเส้นอย่างงั้นนะครับครับค่ะ
00:52:07 → 00:52:11 ครับก็ถือว่าครบถ้วนในเกี่ยวกับเรื่อง
00:52:11 → 00:52:14 พยาธิโอ๊กมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมั้ยคะโอ้
00:52:14 → 00:52:16 ไม่ไม่สงสัยแล้วครับถ้ามีสงสัยอีกเดี๋ยว
00:52:16 → 00:52:19 คราวนะอาจจะต้องรบกวนคุณหมอมาไขความรู้
00:52:19 → 00:52:22 ให้เราเกี่ยวกับเรื่องนี้จเพิ่มเติมนะคุณ
00:52:22 → 00:52:24 ผู้ฟังได้รับทราบแล้วก็ได้ดูแลสุขภาพตัว
00:52:24 → 00:52:29 เองให้ถูกสุสุขอนามัยใช่มั้คุณหมอครับอัน
00:52:29 → 00:52:32 นี้เป็นเรื่องสำคัญครับโดยเฉพาะเอ่อเป็น
00:52:32 → 00:52:36 ยุคบริโภคนิยมเนี่ยครับควรจะต้องอย่าไป
00:52:36 → 00:52:39 กินตามแฟชั่นมากครับครับให้ให้ดูว่าอัน
00:52:39 → 00:52:44 ไหนมันถูกสุขลักษณะจะดีกว่าครับครับค่ะก็
00:52:44 → 00:52:46 เรขอบคุณคุณหมอมากเลยครับค่ะขอบพระคุณคุณ
00:52:46 → 00:52:48 หมอมากเลยนะคะที่ให้เกียรติกับรายการและ
00:52:48 → 00:52:51 ให้ความรู้กับเราในวันนี้ค่ะครับยินดี
00:52:51 → 00:52:55 ครับสสคุณหมอขอบคุณครับสวัสดีครับครับ
00:52:55 → 00:52:57 สวัสดีครับครับสวัสดีท่านผู้ฟังทางบ้าน
00:52:57 → 00:53:01 ด้วยครับสวัสดีค่ะ