00:00:00 → 00:00:04 ปวดหัวแค่ไหนถึงควรใช้ยาจริงหรือไม่ยิ่ง

00:00:04 → 00:00:07 ปวดหัวยิ่งกินยายิ่งติดยาและทำให้ยิ่งปวด

00:00:07 → 00:00:09 หัวกว่าเดิมต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงและคำ

00:00:09 → 00:00:13 แนะนำจากผู้เชี่ยว

00:00:13 → 00:00:17 ชาญศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทยอสมท

00:00:17 → 00:00:19 สอบถามกับอายุรแพทย์โรคระบบประสาทคลินิก

00:00:19 → 00:00:22 โรคปวดศีรษะสาขาวิชาประสาทวิทยาภาควิชา

00:00:22 → 00:00:25 อายุรศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากกาชาต

00:00:25 → 00:00:28 ไทยและกรรมการชมรมศึกษาโรคปวดศีรษะภายใต้

00:00:28 → 00:00:31 สมาคมปราสาทวิทยาแห่งประเทศไทยเมื่อปวด

00:00:31 → 00:00:33 หัวหลายคนเชื่อว่ายิ่งกินยายิ่งติดยาจริง

00:00:33 → 00:00:37 มครับคือคนไข้อ่ะไม่อยากกินยามากกลัวติด

00:00:37 → 00:00:40 ยาแต่เขาเข้าใจผิดว่าไอ้ติดยาของเขาอ่ะ

00:00:40 → 00:00:43 มันคนละตัวกันยาไมเกรนมันมี 2 ชนิดมันมี 1

00:00:43 → 00:00:46 คือยาแก้ปวดอันเนี้ยติดอีกกลุ่มนึงอ่ะคือ

00:00:46 → 00:00:48 ยาป้องกันซึ่งมันไม่ทำให้ติดมันเป็นยาที่

00:00:49 → 00:00:51 ใช้ในการรักษาคนไข้ให้ปวดศีรษะที่ถี่ขึ้น

00:00:51 → 00:00:54 ด้วยแล้วจริงๆกินยาแก้ปวดศีรษะมากๆจะติดม

00:00:54 → 00:00:57 ครับขึ้นอยู่กับชนิดของยาครับถ้ามันเป็น

00:00:57 → 00:01:00 ยาแก้ปวดยาแก้ปวดเนี่ยมันสามารถทำให้เกิด

00:01:00 → 00:01:03 ภาวะนึงเรียกว่า medication Over a ก็

00:01:03 → 00:01:07 คือการใช้ยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็นและทำ

00:01:07 → 00:01:09 ให้เกิดอาการปวดศีรษะตามมาก็คือเกิดจาก

00:01:09 → 00:01:12 การใช้ยาแก้ปวดเช่นพารากลุ่มยาเอนเสด

00:01:12 → 00:01:15 กลุุ่มยาโอยกลุ่มยาิปแทนแล้วก็กลุ่มยา

00:01:15 → 00:01:17 เอกอเนี่ยเมื่อเรารับประทานไปมากขึ้น

00:01:17 → 00:01:20 เนี่ยก็ทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมาปวดมาก

00:01:20 → 00:01:22 ขึ้นด้วยเพราะฉะนั้นปวดสีสะมากๆรับประทาน

00:01:22 → 00:01:24 ยาไปเยอะๆแล้วจะทำให้ติดยาแก้ปวดหรือ

00:01:24 → 00:01:26 เปล่าอันนี้เฉพาะแค่ยาแก้ปวดศีรษะเท่า

00:01:26 → 00:01:29 นั้นดังนั้นถ้าเป็นยาแก้ปวดอาจเสี่ยงจริง

00:01:29 → 00:01:31 แต่ไม่ได้เกิดกับยาอีกกลุ่มที่แพทย์ก็อาจ

00:01:31 → 00:01:33 จะจ่ายให้เช่นกันยาอีกกลุ่มนึงเนี่ยที่คน

00:01:33 → 00:01:36 ไข้อาจจะกลัวว่าติดยาแก้ปวดแต่จริงๆไม่

00:01:36 → 00:01:38 ได้ติดครับคือยากลุ่มยาป้องกันที่คุณหมอ

00:01:38 → 00:01:41 เขาสั่งให้เพื่อลดความถี่ของอาการปวดศีษะ

00:01:41 → 00:01:44 ไม่ว่าเป็นกลุ่มยากันชักกลุ่มยาต้านเศร้า

00:01:44 → 00:01:47 หรือยาลดความดันที่สามารถใช้ป้องกันอาการ

00:01:47 → 00:01:50 ปวดศีรษะกลุ่มยาต่างๆเหล่าเนี่ยใช้เพื่อ

00:01:50 → 00:01:52 ลดความถี่ของอาการปวดศีรษะคุณหมอเขาจะให้

00:01:52 → 00:01:54 รับประทานทุกวันเพื่อลดความถี่เพราะ

00:01:54 → 00:01:56 ฉะนั้นยากลุ่มเนี้ยครับผู้ป่วยเนี่ยอาจ

00:01:56 → 00:01:59 จำเป็นต้องรับประทานทุกวันเพื่อลดความถี่

00:01:59 → 00:02:01 ของอาการปวดสสาซึ่งมันจะเป็นคนละกลุ่มกัน

00:02:01 → 00:02:04 เพราะฉะนั้นภาวะที่ใช้ยาแก้ปวดเกินขนาด

00:02:04 → 00:02:07 หรือติดยาแก้ปวดเนี่ยจะพบในคนไข้ที่รับ

00:02:07 → 00:02:09 ประทานยาแก้ปวดเท่านั้นส่วนยาป้องกัน

00:02:09 → 00:02:12 เนี่ยไม่ได้ทำให้เกิดซึ่งยากลุ่มนี้แพทย์

00:02:12 → 00:02:14 จะให้รับประทานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะดี

00:02:14 → 00:02:17 ขึ้นเช่นอาจจะ 6 เดือนปีนึงความถี่ของ

00:02:17 → 00:02:20 อาการป่วดศีรษะเราลดลงะคุณหมอเาอาจจะลดยา

00:02:20 → 00:02:23 ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของแพทย์ไอ้กลุ่มนึง

00:02:23 → 00:02:25 เนี่ยก็คือยาแก้ปวดเนี่ยไม่ควรรับประทาน

00:02:25 → 00:02:28 ทุกวันไม่ควรรับประทานติดกันแล้วก็ถ้าปวด

00:02:28 → 00:02:31 ถี่ปวดบ่อยๆเนี่ยไม่พบแพทยละแต่สำหรับคน

00:02:31 → 00:02:34 ที่เลือกซื้อหายาแก้ปวดกินเองควรสังเกต

00:02:34 → 00:02:36 ปฏิกิริยาและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของอาการ

00:02:36 → 00:02:39 ปวดเดี๋ยวโออยากให้คนไข้ส่วนนึงปวดไมเกรน

00:02:39 → 00:02:41 เนี่ยที่ปวดหัวก็จะไปพลักไปนอนหลับพักถูก

00:02:41 → 00:02:44 มครับหรืออาจจะกินยาแก้ปวดเบื้องต้นเช่น

00:02:44 → 00:02:47 เป็นพาราหรืออาจจะมียาที่เป็นเอเซที่ติดา

00:02:47 → 00:02:49 ไว้ส่วนใหญ่เวลาเราจะประเมินประสิทธิภาพ

00:02:49 → 00:02:51 ของยาแก้ปวดก็คือกินไปแล้วประมาณ 2

00:02:51 → 00:02:54 ชั่วโมงแล้วมันไม่หายปวดถ้าเขากินอย่าง

00:02:54 → 00:02:56 เงี้ยแล้ว 2 ชั่วโมงไม่หายปวดแล้วกินถี่

00:02:56 → 00:02:59 ขึ้นมากๆกินบ่อยขึ้นมากๆเช่นอาทิตย์นึง

00:02:59 → 00:03:01 กินอย่างน้อย 2 วันอย่างเงี้ยแล้วอาการ

00:03:01 → 00:03:03 ปวดไม่ดีนะครับผมแนะนำให้ไปผบแพทย์ดีกว่า

00:03:03 → 00:03:06 เพราะว่ายิ่งเรากินถี่บ่อยมากๆหรือกินนาน

00:03:06 → 00:03:10 ๆไปมากๆเลยมันจะเกิดภาวะอาการปวดศีรษะที่

00:03:10 → 00:03:13 เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็น

00:03:13 → 00:03:15 ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมองที่ชินชาจากเดิมที่

00:03:15 → 00:03:18 สมองเราอ่ะสามารถใช้ยาแก้ปวดแค่นิดเดียว

00:03:18 → 00:03:20 เราก็สามารถลดอาการปวดหัวเราได้แต่ถ้าเรา

00:03:20 → 00:03:22 ใช้ยาแก้ปวดไปเรื่อยๆเนี่ยสมองเรามันไม่

00:03:22 → 00:03:25 ได้เป็นแบบนั้นแล้วสมองเราชินชากับยาแก้

00:03:25 → 00:03:27 ปวดอันนั้นะมันทำให้การทำงานของสมองมัน

00:03:27 → 00:03:28 เปลี่ยนแปลงไปจากเติมที่ยาแก้ปวดมันหาย

00:03:29 → 00:03:31 ปวดมันไม่หายปปดแล้วทำให้อาการปวดสีซาที่

00:03:31 → 00:03:33 มากขึ้นไปหบดเอีกยาแก้ปวดโดยรวมๆก็คือไม่

00:03:33 → 00:03:36 ควรใช้เกิน 10 วันต่อเดือนอันนี้คือยาแก้

00:03:36 → 00:03:38 ปวดดังนั้นเมื่อจะใช้ยาแก้ปวดใช้ให้ถูก

00:03:38 → 00:03:41 ชนิดถูกขนาดถูกเวลาชมรวมศึกษาโรคปวดศีรษะ

00:03:41 → 00:03:44 ภายใต้สมาคมปราสาทวิทยาออกแคมเปญเพิ่ม

00:03:44 → 00:03:47 ความตระหนักรู้ของผู้ป่วยโรคปสีสาก็คือ

00:03:47 → 00:03:50 การใช้ยาให้ถูกต้อง 3 R ก็คือ 1 ไร้ดัก

00:03:50 → 00:03:53 ใช้ยาให้ถูกต้องให้เหมาะสมกับผู้ป่วยอัน

00:03:53 → 00:03:56 ที่ 2 ไร้ ose ใช้ยาให้ขณะที่ถูกต้องอัน

00:03:56 → 00:03:58 ที่ 3 ก็คือไ duration ระยะเวลาที่เหมาะ

00:03:59 → 00:04:02 สมช่วงเวลาที่เหมาะสมยาแก้ปวดธรรมดาเช่น

00:04:02 → 00:04:05 พาราเอเซตที่เรารู้จักกันเช่นไอบูเฟนไดค

00:04:05 → 00:04:08 phx เฟตแล้วก็กลุ่มพจำเพาะต่อไมเกรนเช่น

00:04:08 → 00:04:12 โกทาทิปแทนหรืออยซึ่งกลุ่มเครับกินเมื่อ

00:04:12 → 00:04:14 เริ่มมีอาการปวดศีรษะเลยเพราะว่าเรากิน

00:04:14 → 00:04:17 ช้าไปจะไม่แกทำให้หายมันคล้ายๆกับไฟมัน

00:04:17 → 00:04:20 ไหม้สมองอยู่ถ้าเรากินยาเร็วมันเหมือนไฟ

00:04:20 → 00:04:22 มันน้อยๆมันก็ดับลงได้แต่ถ้าเรากินตอนที่

00:04:22 → 00:04:25 ไฟมันลามไปหมดล่ะเราใช้ยาขนาดเท่าไหร่ก็

00:04:25 → 00:04:28 แล้วแต่มันก็จะไม่ช่วยดับไปที่อยู่ในสมอง

00:04:28 → 00:04:31 เราอีกกลุ่มนึงยาปป้องกันอาการปวดศีรษะยา

00:04:31 → 00:04:34 กลุ่มเนี่ยจะต้องรับประทานทุกวันเพื่อลด

00:04:34 → 00:04:37 ความไวของสมองลงเพื่อให้ความถี่ของอาการ

00:04:37 → 00:04:40 ปวดศีรษะลดลงไม่ว่ายาดีใดๆหากใช้ไม่ถูก

00:04:40 → 00:04:43 ต้องก็อาจจะก่อพิษและส่งผลต่อร่างกายและ

00:04:43 → 00:04:45 ชีวิตได้นะครับทงเรื่องน่าสงสัยแจ้งเตือน

00:04:46 → 00:04:48 ภัยข้อมูลเท็ปเพียงแอด Line ูนชัวร์ก่อน

00:04:48 → 00:04:50 แชร์ไว้นะครับเข้าไปที่เพิ่มเพื่อนแล้ว

00:04:50 → 00:04:53 ค้นหาชัวแ Share ยังมีอีกหลายเรื่องน่า

00:04:53 → 00:04:55 สงสัยพื่อสังคมออนไลน์หากได้รับอะไรมา

00:04:55 → 00:04:57 อย่าเพิ่งแชร์ต่อร่วมตรวจสอบไปด้วยกันกับ

00:04:57 → 00:05:02 ชั่วก่อนแชร์เอ