00:00:00 → 00:00:04 ก็สวัสดีครับผมรอยชนธงทองอย่างที่บอกเอา
00:00:04 → 00:00:07 ไว้ในอำเภอสดก่อนหน้าว่าคลิปนี้เป็นคลิป
00:00:07 → 00:00:10 ที่สำคัญมากและอยากจะให้แชร์กันเยอะๆแม้
00:00:10 → 00:00:15 หัวข้อของมันก็คือความลับของเบาหวานซึ่ง
00:00:15 → 00:00:18 หมายถึงเบาหวานประเภทที่ 2 หรือประเภทที่
00:00:18 → 00:00:21 3 ก็ได้ถ้าเกิดคุณรู้จักเบาหวานก็เพศที่
00:00:21 → 00:00:24 3 หมายถึงอัลไซเมอร์ชนมากที่เขาเป็นเบา
00:00:24 → 00:00:28 หวานในขณะเนี้ยมากมายมหาศาลอย่างกับโรค
00:00:28 → 00:00:31 ระบาดเนี่ยเขาหมายถึงเบาหวานประเภทที่ 2
00:00:31 → 00:00:34 และที่บอกว่าเชื่อหมอเนี่ยหมายถึงเชื่อ
00:00:34 → 00:00:38 หมอกระแสหลักคุณจะตายเร็วนะไม่ใช่ว่าคุณ
00:00:38 → 00:00:41 จะตายด้วยเบาหวานนะครับคุณอาจจะตายด้วย
00:00:41 → 00:00:44 โรคอื่นโลกที่มาพร้อมกับความชะล่าส่วน
00:00:44 → 00:00:49 อื่นๆของอวัยวะอื่นๆมันจะเสื่อมไปหมดไม่
00:00:49 → 00:00:52 ต้องขออภัยในคลิปนี้ที่จะต้องใช้ภาษาชาว
00:00:52 → 00:00:56 บ้านเพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจไม่ได้มีเจตนา
00:00:56 → 00:01:01 ที่จะโฆษณาหรือให้คุณให้โทษมีแต่ยี่ห้อใด
00:01:01 → 00:01:04 ๆทั้งสิ้นนะเนินยี่ห้อเหล่านี้ขายดีจึง
00:01:04 → 00:01:08 เป็นสัญลักษณ์เป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์
00:01:09 → 00:01:11 ประเภทเดียวกันและชาวบ้านเขาก็พูดกัน
00:01:11 → 00:01:12 อย่างนั้นด้วย
00:01:12 → 00:01:16 และที่ผมพูดมานี่ไม่ใช่ว่า Mono ขึ้นมา
00:01:16 → 00:01:21 เองมาจากหลักฐานการศึกษาเชิงประจักษ์ด้วย
00:01:21 → 00:01:24 กระบวนการวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องและบ่งชี้
00:01:24 → 00:01:27 ว่าการรักษาเบาหวานในขณะเนี้ยตามแบบ
00:01:27 → 00:01:31 มาตรฐานที่มีอยู่ในโรงพยาบาลเนี่ยมันเป็น
00:01:31 → 00:01:34 การแก้อาการเท่านั้นเองมันไม่ใช่การรักษา
00:01:34 → 00:01:37 เดี๋ยวผมจะมาอธิบายให้ละเอียดแล้วก็ตั้ง
00:01:37 → 00:01:42 ใจฟังที่ดีมันไม่ใช่แค่เบาหวานอย่างเดียว
00:01:42 → 00:01:48 มะเร็งอาบไอความดันและอื่นๆอีกมากมาย
00:01:48 → 00:01:53 เรียกรวมกันว่าโลกสมัยใหม่โรคที่คนโบราณ
00:01:53 → 00:01:56 เขาไม่รู้จักหรือมันเกิดขึ้นน้อยมากๆใน
00:01:56 → 00:02:00 สมัยก่อนชักก็เลยบอกว่าคนไทยเป็นโอ๊ยตาย
00:02:00 → 00:02:03 มากที่สุดหมอบอกว่าอาชีพที่เป็นเบาหวาน
00:02:03 → 00:02:07 มากที่สุดคือภิกษุเบาหวานนั้นมันเป็น
00:02:07 → 00:02:11 สัญลักษณ์ของความเสื่อมของร่างกายที่เร็ว
00:02:11 → 00:02:15 และมันเปิดโอกาสให้โลกอื่นๆตามมาเยอะแยะ
00:02:15 → 00:02:18 เลยไปที่ลิ้งกันโดยตรงเนี่ยก็คือโรคไต
00:02:18 → 00:02:21 ใครที่เป็นเบาหวานจะมีแนวโน้มที่จะเป็น
00:02:21 → 00:02:25 โรคไตสูงมากๆ
00:02:25 → 00:02:29 มันเกิดอะไรขึ้นกับ 40 ปีหลังทำไมคนโบราณ
00:02:29 → 00:02:33 เขาถึงไม่เป็นเบาหวานไม่เป็นโรคที่มาจาก
00:02:33 → 00:02:37 ความเสื่อมของร่างกายรวมถึงมะเร็งนัก
00:02:37 → 00:02:41 เศรษฐศาสตร์บอกว่าโอ๊ยสาเหตเนี่ยมันน่าจะ
00:02:41 → 00:02:44 มาจากตู้เย็นไอ้ 40 เป้หลังเนี่ยคนไทยมี
00:02:44 → 00:02:47 ตู้เย็นกันทุกบ้านและตั้งแต่มีตู้เย็น
00:02:47 → 00:02:51 เนี่ยนะโรคสารพัดโลกมันตามมาเพราะฉะนั้น
00:02:51 → 00:02:54 ในสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ในสายตาของนักปก
00:02:54 → 00:02:58 ครองก็ชี้ไปที่ตู้เย็นหืมมันนี่แหละคือ
00:02:58 → 00:03:00 สาเหตุของโรคเบาหวาน
00:03:00 → 00:03:03 ในขณะที่นักสังคมวิทยาบอกว่าสมัยแย่มัน
00:03:03 → 00:03:07 ไม่ต้องทำกินเองหากินก็ง่ายซื้อได้บ่อย
00:03:07 → 00:03:11 แวะปั๊มแทนที่จะเติมน้ำมันเอาก็หาของกิน
00:03:11 → 00:03:15 ไปด้วยหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาร้านสะดวกซื้อ
00:03:15 → 00:03:19 มีเยอะแยะทั่วประเทศไทยทุกมุมถนนยังไม่
00:03:19 → 00:03:23 รวมประเภทหาบเร่แผงลอยที่ขายอาหารสารพัด
00:03:23 → 00:03:27 อย่างเรียกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่กิน
00:03:27 → 00:03:31 อาหารไม่เป็นเวลาอยากจะกินตอนไหนก็มีและ
00:03:31 → 00:03:35 ทุกจังหวัดทุกอำเภอมีตลาดโต้รุ่งเรียกว่า
00:03:35 → 00:03:38 ดึกดื่นค่ำคืนคุณก็หากินได้เพราะสมัยนี้
00:03:38 → 00:03:42 ก็ไม่ใช้ตะเกียงเขาใช้หลอดไฟฟ้า
00:03:42 → 00:03:46 ใช้เตาแก๊สจุดติดเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำเป็น
00:03:46 → 00:03:48 จะต้องหุงด้วยเตาถ่าน
00:03:48 → 00:03:54 สะดวกง่ายใดถ้าไปถามคนขายอาหารเขาก็บอก
00:03:54 → 00:03:57 ว่าอาหารสมัยนี้มันไม่มีกากคนเขาไม่ชอบ
00:03:57 → 00:04:02 กินกากกันจะต้องเอาสกัดอย่าทิ้งคนสมัยนี้
00:04:02 → 00:04:06 จะกินอะไรมันจะต้องลื่นคอถ้าไปถามร้านหัว
00:04:06 → 00:04:10 มุมเค้าก็บอกโอ้โหยสมัยนี้เครื่องดื่มมัน
00:04:10 → 00:04:13 เยอะเหลือเกินสารพันยี่ห้อเปิดขวดก็ดื่ม
00:04:13 → 00:04:17 ได้เลยหาซื้อง่ายแล้วก็หลากหลายเฉพาะชา
00:04:17 → 00:04:22 ที่มีรสหวานมีสารพัดชนิดในขวดนึงอาจจะใช้
00:04:22 → 00:04:25 ใบชาแค่ 3 ใบเท่านั้นเองแต่ใส่น้ำตาลทั้ง
00:04:25 → 00:04:29 2 ช้อนโต๊ะคนก็ชอบคนก็ดื่มแล้วก็มองว่า
00:04:29 → 00:04:32 มันเป็นอาหารสุขภาพเพราะมันเป็นชาเขียว
00:04:32 → 00:04:36 ประการสำคัญก็คือสมัยเนี่ยอาหารมันอร่อย
00:04:36 → 00:04:39 ทุกชนิดมันไม่มีใครเขากินแล้วครับเข้า
00:04:39 → 00:04:43 ส่วนสมัยนี้มันต้องครัวซองกล้วยบวชชี
00:04:43 → 00:04:47 อย่างนี้มันล้าสมัยไปแล้วมันต้องเค้กนมสด
00:04:47 → 00:04:52 ลาดด้วยช็อกโกแลตแล้วมันหากินยากไหมมันหา
00:04:52 → 00:04:57 กินง่ายทำก็ง่ายมันหากินง่ายยิ่งกว่า
00:04:57 → 00:05:01 กล้วยบวชชีเต้าส่วนแต่ถ้ามันอยู่ไกลซะ
00:05:02 → 00:05:05 หน่อยสมัยก่อนต้องเดินไปสมัยนี้ก็ขี่
00:05:05 → 00:05:08 มอเตอร์ไซค์หรือขับรถไปอะไรมันก็สะดวก
00:05:08 → 00:05:12 เผลอๆอยู่หน้าปากซอยเลยรถประจำทางในต่าง
00:05:13 → 00:05:15 จังหวัดเนี่ยแทบจะสูญพันธุ์ไวรัสเล่นใช้
00:05:15 → 00:05:19 รถส่วนตัวกันหมดในนี่คือเหตุการณ์ใน 40
00:05:19 → 00:05:25 ปีหลังทั้งปกข้อมีส่วนถูก
00:05:25 → 00:05:29 แต่ถ้าจะเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มา
00:05:29 → 00:05:33 ประชันกันนั้นเรารู้ความจริงต่อไปนี้ก็
00:05:33 → 00:05:37 คือเบาหวานไม่ใช่โรคพันธุกรรมคนทวดบางคน
00:05:37 → 00:05:39 ยังไม่รู้จักเลยโรคเบาหวานเนี่ยเรียกว่า
00:05:39 → 00:05:43 ไม่มีใครเป็นในยุคสงครามโลกและที่สำคัญก็
00:05:43 → 00:05:47 คือมันไม่ใช่โรคเรื้อรังมันไม่ใช่ว่าคน
00:05:47 → 00:05:50 เป็นแล้วจะต้องเป็นทั้งชีวิตหรือกินยา
00:05:50 → 00:05:54 ทั้งชีวิตประโยคที่ผมจะพูดต่อไปนี้อาจจะ
00:05:54 → 00:05:56 หัดใจหมอบางคน
00:05:56 → 00:06:01 การรักษาเบาหวานหรือยาที่ดินสุรินทร์เป็น
00:06:01 → 00:06:06 การขายผ้าเอาหน้ารอดก็เกิดรักษาที่อาการ
00:06:06 → 00:06:11 ที่ปรากฏภายนอกขณะเดียวกันก็เป็นการฆ่าคน
00:06:11 → 00:06:16 ไข้แบบผ่อนส่งด้วยที่สำคัญกว่าที่คุณต้อง
00:06:16 → 00:06:19 รู้ก็คือและต้องบอกคนที่เป็นเบาหวานก็คือ
00:06:19 → 00:06:26 เป็นโรคที่รักษาได้โดยที่ไม่ต้องใช้ยาและ
00:06:26 → 00:06:30 การรักษาดังกล่าวเป็นวิธีการที่ง่ายหาย
00:06:30 → 00:06:34 ขาดและเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่มนุษย์ค้นพบ
00:06:34 → 00:06:40 และผมจะนำมาเล่าในคลิปนี้ไอ้กรอื่นกลับไป
00:06:40 → 00:06:43 ดูอาชีพที่เป็นเบาหวานมากที่สุดก่อนว่า
00:06:43 → 00:06:47 เกิดอะไรขึ้นตามไปดูในกุฏิถ้าดูในกุฏิไม่
00:06:47 → 00:06:51 ได้ก็ตามไปดูที่ถังขยะไปกุฏิ
00:06:51 → 00:06:54 คำว่าพริกสูตรในที่นี้ผมไม่ได้หมายความ
00:06:54 → 00:06:58 ว่าภิกษุทุกรูปนะครับแต่ภิกษุสมัย
00:06:58 → 00:07:02 ปัจจุบัน 8 ที่นั่งจากสมัยก่อนมากมาย
00:07:02 → 00:07:05 เหลือเกินย้อนกลับไปร้อยปีที่แล้วคำว่า
00:07:06 → 00:07:09 ทางสายกลางเนี่ยหรือว่าเดินสายกลางคำว่า
00:07:09 → 00:07:12 กลางนั้นมันเป็นและในเกมก็คือมันเป็น
00:07:12 → 00:07:16 สัมพัทธ์มันไม่รู้อยู่ตรงไหนให้ใครก็บอก
00:07:16 → 00:07:18 ว่าตัวเองอยู่ตรงกลางเท่านั้นเพราะว่ามอง
00:07:18 → 00:07:21 ไปทางซ้ายก็มีมองมาทางขวาก็มีแต่คุณจะ
00:07:21 → 00:07:25 ต้องนึกถึงสมัยพุทธกาลพวกที่มีอันจะกิน
00:07:25 → 00:07:30 เขาก็กินกัน 3 มื้อพวกตามโยคีคลิปฝึกตน
00:07:30 → 00:07:34 สมัยนั้น 3 วันเขากินกันมื้อเดียว
00:07:34 → 00:07:38 ให้แบบเนี้ยเธอเจ้าท่านก็ปรับให้มาอยู่
00:07:38 → 00:07:42 ตรงกลางก็คือกินวันละ 1 มื้อเรียกว่าสาย
00:07:42 → 00:07:46 กลางของการกินท่านก็บัญญัติให้ภิกษุฉัน
00:07:46 → 00:07:49 วันละ 1 มื้อเรียกว่าเป็นหนึ่งมื้อจริงๆ
00:07:49 → 00:07:53 ก็คือมื้อเดียวอิ่มเดียวไม่ใช่มื้อเดียว
00:07:53 → 00:07:56 อิ่ม 2 ครั้งหรืออิ่ม 3 ครั้งและจะว่าไป
00:07:56 → 00:08:00 แล้วเวลาไหนก็ได้ที่เป็นช่วงกันวันห้ามอา
00:08:00 → 00:08:03 นิยามวิกาลเท่านั้นเองแค่หน้าที่ปัจจุบัน
00:08:03 → 00:08:08 ภิกษุฉันตั้งแต่ 07:00 นถึง 12:00 นจะฉัน
00:08:08 → 00:08:12 กินอิ่มก็ได้ผมเรียกว่าเลี่ยงบาลีก็คือ
00:08:12 → 00:08:16 ฉันมื้อเดียวแต่มีหลายอิ่มและไปดูถังขยะ
00:08:16 → 00:08:21 ก้นกุฏิไม่รู้ใครทิ้งขวดไมโลโอวัลติน
00:08:21 → 00:08:25 hellblueboy โยเกิร์ตปัจจุบันถือว่าเป็น
00:08:25 → 00:08:29 น้ำปานะกันหมดบางกุฏิมีเม็ดกระทั่งซอง
00:08:29 → 00:08:32 มาม่าก็มีกึ่งสำเร็จรูปทั้งหมายคนทิ้งก็
00:08:32 → 00:08:35 อาจจะเป็นเด็กวัดแต่ไม่รู้ใครกินเด็กวัด
00:08:35 → 00:08:39 อาจจะกินก็ได้ไปที่มันน่าแปลกใจตามที่นัก
00:08:39 → 00:08:44 เศรษฐศาสตร์ทำนายก็คือทุกกุฏิมีตู้เย็นก็
00:08:44 → 00:08:47 คือตู้เย็นนี่แหละมันคือสาเหตุของเบาหวาน
00:08:47 → 00:08:49 ปัจจุบันก็อาจจะต้องรวมการน้ำร้อนไปด้วย
00:08:49 → 00:08:54 เคยถ้ามีการฉันป้องกันความหิวระหว่างมื้อ
00:08:54 → 00:08:58 เมื่อไหร่มันก็ไม่ใช่ทางสายกลางแล้วมาทาง
00:08:58 → 00:09:02 สายกลางนั้นหมายอยู่ระหว่าง 3 วัน 1 มื้อ
00:09:02 → 00:09:07 กับ 1 วัน 3 มื้อตรงกลางก็คือวันละ 1
00:09:07 → 00:09:11 มื้อพริกสูตรที่ฉันอิ่มลายมือเนี่ยแสดง
00:09:11 → 00:09:15 ให้เห็นว่าขาดสัมมาวิริยะหรือจิตตั้งมั่น
00:09:15 → 00:09:19 ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติเป็นหัวใจ
00:09:19 → 00:09:22 ของพุทธศาสนิกชนได้การการปฏิบัติเลยก็คือ
00:09:22 → 00:09:25 มักแป้งและผมก็ขอย้ำว่าไม่ใช่หมายถึง
00:09:25 → 00:09:29 ภิกษุทุกรูปและเหตุที่พูดอย่างนี้เพราะ
00:09:29 → 00:09:33 ว่าตามที่คุณหมอเล่าว่าเป็นอาชีพที่เป็น
00:09:33 → 00:09:35 เบาหวานมากที่สุดมันจะต้องมีเหตุปัจจัย
00:09:35 → 00:09:40 ที่ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของภิกษุ
00:09:40 → 00:09:43 ปัจจุบันแตกต่างจากภิกษุเมื่อ 50 ปีก่อน
00:09:43 → 00:09:48 ถูกไหมครับและนี่คือประเด็นที่สำคัญที่
00:09:48 → 00:09:53 เราสามารถนำไปสืบสวนได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
00:09:53 → 00:09:57 และไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดเป็นความผิด
00:09:57 → 00:10:02 ของภิกษุอาจจะมีความผิดของคนที่ใส่บาตรก็
00:10:02 → 00:10:07 ได้เดี๋ยวลองไปดูกันข้อแรกที่สังเกตเห็น
00:10:07 → 00:10:11 ก็คือชั้นอาหารซ้ำทุกวันไม่มีความหลาก
00:10:11 → 00:10:15 หลายผู้ที่เป็นตักบาตรใส่บาตรก็เพียงจะ
00:10:15 → 00:10:19 ใส่แต่ของอร่อยฉันได้มากก็ได้บุญมากเชื่อ
00:10:19 → 00:10:23 กันอย่างนั้นอาหารที่ตักบาตรประจำก็คือ
00:10:23 → 00:10:29 เข้าสวยแกงถุงไก่ทอดพะโล้ผัดกระเพราของ
00:10:29 → 00:10:34 ทอดขนมไม่ค่อยใส่บาตรด้วยผ่านสดหักต้มไม่
00:10:34 → 00:10:39 ได้ถั่วร้านที่สองที่พบในถังขยะป้ายกุฏิ
00:10:39 → 00:10:46 ก็คือไมโลโอวัลตินน้ำตาลเทียมคอฟฟีเมทขวด
00:10:46 → 00:10:53 น้ำผลไม้แท้ 100% โยเกิร์ต 0% แซ่บมาม่า
00:10:53 → 00:10:58 ครับโจ๊กเรียกว่านี่คือสูตรสำเร็จของโรค
00:10:58 → 00:11:03 เบาหวานเลยสิ่งที่พูดมาเนี่ยอีกปัจจัย
00:11:03 → 00:11:07 หนึ่งก็คือภิกษุปัจจุบันเดินไม่พอเดินวัน
00:11:07 → 00:11:11 นึงอ่ะไม่ถึง 4 กิโลกรัมแบบ 50 ปีก่อนก็
00:11:11 → 00:11:14 คือออกกำลังกายไม่พอนั่นเอง
00:11:14 → 00:11:18 ก่อนที่จะไปถึงว่าเบาหวานมันเกิดขึ้นได้
00:11:18 → 00:11:21 ยังไงเนี่ยผมจะต้องอธิบายคำศัพท์ที่
00:11:21 → 00:11:26 จำเป็นต้องใช้ต่อไปนี้แป้งกับน้ำตาลไม่
00:11:26 → 00:11:30 ว่าอยู่ในฟอร์มไหนเรียกว่าครับย่อมาจาก
00:11:30 → 00:11:31 คาร์โบไฮเดรต
00:11:31 → 00:11:37 ภาพของเรามีหน้าที่เปลี่ยนครับพวกนี้ก็
00:11:37 → 00:11:40 คือแป้งหรือน้ำตาลที่กินเข้าไปให้อยู่ใน
00:11:40 → 00:11:44 ฟอร์มของครู Coast มันทีจะต้องแตกมันให้
00:11:44 → 00:11:48 เป็นโปรคอสกับทุกโตสดีกว่าแตกให้มันเป็น
00:11:48 → 00:11:51 น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวโกลด์โคสต์นั้นเป็น
00:11:51 → 00:11:56 อวะที่สามารถนำไปใช้ได้โดยตรงเรียกว่า
00:11:56 → 00:12:00 เป็นอาหารพร้อมเสิร์ฟสำหรับเซลล์เซ็ตปลุก
00:12:00 → 00:12:03 เต็มที่มีอยู่ในเลือดคนไทยเรียกว่า 90%
00:12:03 → 00:12:06 เลยเป็นส่วนมากเกือบทั้งหมดเลยมาจากข้าว
00:12:06 → 00:12:10 รวมถึงเข้ากล้องด้วยเข้ากล้องที่ว่าดีกัน
00:12:10 → 00:12:13 นักกันหนาเนี่ยมันก็เป็นตัวที่ช่างปลูก
00:12:13 → 00:12:16 close ในเลือดด้วยก็หมายความว่ามันก็ไม่
00:12:16 → 00:12:19 ใช่ดีหรอกเพียงแต่มันเลวน้อยกว่าข้าวขาว
00:12:19 → 00:12:24 เวลาพูดถึงน้ำตาลในเลือดสูงเราหมายถึง
00:12:24 → 00:12:28 กลูโคสมันสูงเรียกว่าเกิน 100 มิลลิกรัม
00:12:28 → 00:12:33 ต่อเดซิลิตร Red ชนิดนี้ก็คือ 144 และคน
00:12:33 → 00:12:36 ไทยในปัจจุบันเนี่ยเกินกันเยอะมากเรียก
00:12:36 → 00:12:39 ว่าส้มตรวจเนี่ยนะผมเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า
00:12:39 → 00:12:42 30 เปอร์เซ็นต์ที่เกิน 100 และเป็นค่า
00:12:42 → 00:12:46 ที่คุณหมอจะต้องจับตาดูละท่อนิยามของการ
00:12:46 → 00:12:50 เป็นเบาหวานนั้นเข้าไปตัดกันที่ 126 หัก
00:12:50 → 00:12:54 เออ 126 มิลลิกรัมต่อได้ชนิดเมื่อไหร่คุณ
00:12:54 → 00:12:58 หมอก็จะฟันธงว่าเนี่ยเป็นเบาหวานแล้วใน
00:12:58 → 00:13:01 สมัยก่อนเขาต้องคก็จะดูเอามดขึ้นหรือ
00:13:01 → 00:13:03 เปล่าทั้งหมดขึ้นเขาต้องถือว่าเป็นเบา
00:13:03 → 00:13:07 หวานมันสายเกินไปตรวจจะเลือกโดยตรงดีกว่า
00:13:07 → 00:13:12 ผมมีอนาโลจี้หรือการเปรียบเทียบฉากสมมติ
00:13:12 → 00:13:16 ให้คุณดูฉากหนึ่งแล้วคุณตั้งใจฟังให้ดีมี
00:13:16 → 00:13:21 งานเลี้ยงเค้กงาน 1 คนสั่งไม่ได้กินไอ้คน
00:13:21 → 00:13:24 กินก็ไม่ได้สั่งนึกว่าเจ้าภาพเอาแต่สั่ง
00:13:24 → 00:13:27 มาให้แขกซึ่งเป็นผู้กิน
00:13:27 → 00:13:32 ท่าแขกกินไม่หมดพนักงานเด็กเสิร์ฟก็จะไป
00:13:32 → 00:13:35 เก็บในตู้เย็นก็คือโอเคขี้เหลือเนี่ยไป
00:13:35 → 00:13:39 เก็บในตู้เย็นแต่หน้าที่ของเด็กเสิร์ฟพอ
00:13:39 → 00:13:43 เจ้าภาพสั่งเค้กเข้ามาแล้วต้องมีหน้าที่
00:13:43 → 00:13:47 เอาไปเสิร์ฟคือแขกในงานเขาจะกินหรือไม่
00:13:47 → 00:13:51 กินก็แล้วแต่จะต้องเอาไปเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ
00:13:51 → 00:13:55 นักถามเขาว่าเขาจะกินไหมถ้าไม่กินก็เดิน
00:13:55 → 00:14:00 ถือเค้กเอาไปเก็บในตู้เย็นแล้วเวลาเสิร์ฟ
00:14:00 → 00:14:02 อีกครั้งเนี่ยเสริฟได้ทีละชิ้นไม่ใช่
00:14:02 → 00:14:07 เสิร์ฟยกคณะเป็นปอนด์ปอนด์แนะเซิฟที่ได้
00:14:07 → 00:14:11 ชิ้นเท่านั้นและถามแขกว่าจะกินไหมไม่กิน
00:14:11 → 00:14:16 เอาไปเก็บอีก 2 นาทีเอาเค้กชิ้นใหม่มา
00:14:16 → 00:14:19 เสิร์ฟใหม่ไอ้เค้กเช่นเก่านั้นเอาไปเก็บ
00:14:19 → 00:14:22 ในตู้เย็นแล้วนะครับไอ้เค้กชิ้นใหม่เนี่ย
00:14:22 → 00:14:25 ที่จะภาพสั่งมาเนี่ยก็มาเสิร์ฟด้วยเนอะ
00:14:25 → 00:14:29 แล้วก็ถามแขกว่าจะกินหรือไม่กินถ้าไม่กิน
00:14:29 → 00:14:34 ก็เอาไปเก็บในตู้เย็นค่ำแบบนี้ทุกๆ 2
00:14:34 → 00:14:38 นาทีจนกว่าเจ้าภาพจะหยุดสังเค้กเด็ก
00:14:38 → 00:14:42 เสิร์ฟพึ่งจะหยุดเสริฟและไม่มีการเวียน
00:14:42 → 00:14:45 เทียนเอาเค้กเก่ามาเสิร์ฟนะครับพอเจ้าภาพ
00:14:45 → 00:14:49 เขาสั่งเค้กเข้ามาเรื่อยๆเล็กเซิฟมีหน้า
00:14:49 → 00:14:53 ที่เสริฟไม่มีหน้าที่มาเถียงเจ้าภาพแล้ว
00:14:53 → 00:14:57 ไม่มีหน้าที่ที่จะไปสั่งแขกให้กินเยอะๆ
00:14:57 → 00:15:02 เรียกว่ามีเค้กมามากและก็ต้องเสิร์ฟมาก
00:15:02 → 00:15:05 เท่านั้นและงานเลี้ยงบางนาเนี้ยไม่มีวัน
00:15:05 → 00:15:10 สิ้นสุดมันเลี้ยงกันทั้งวันยกเว้นเจ้าภาพ
00:15:10 → 00:15:14 หยุดสั่งเค้กมาซับ 10 ชั่วโมงเนี่ยงาน
00:15:14 → 00:15:18 เลี้ยงมาถึงซาและมันต้องรอถึง 14 ชั่วโมง
00:15:18 → 00:15:21 งานเลี้ยงมันถึงจะหยุด
00:15:21 → 00:15:25 นะเจ้าภาพคนนี้ก็ใจดีเหลือเกินสั่งเอา
00:15:25 → 00:15:29 สั่งเอาแนวสั่งเค้กโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า
00:15:29 → 00:15:34 แขกเข้าอิ่มแล้วไอ้การสั่งเค้กถ้ามีแขกมา
00:15:34 → 00:15:39 50 คนมือหนึ่งคุณสั่งเค้กแค่ 15 ปอนด์ก็
00:15:39 → 00:15:42 พอแล้วนะจ้างพนักงานเสิร์ฟแค่ 10 คนก็พอ
00:15:42 → 00:15:46 แล้วไอที่นี่เจ้าภาพใจดีกลัวแขกจะไม่อิ่ม
00:15:46 → 00:15:51 แขนมา 50 คนก็สั่งมันเลย 50 ก่อนแขกไม่มี
00:15:51 → 00:15:54 ปัญหาที่จะปฏิเสธว่าฉันอิ่มแล้วไม่ใช่
00:15:54 → 00:15:56 ปัญหาของแขกในงาน
00:15:56 → 00:16:01 ปัญหาก็คือเด็กเสิร์ฟอ่ะอ่ะเพิ่มเติม 75
00:16:01 → 00:16:05 ปอนด์มาเป็น 50 ปอนด์เนี่ยเด็กเสิร์ฟทัน
00:16:05 → 00:16:09 ไหมมันซื้อไม่ทันห้องมันมีหน้าที่จะต้อง
00:16:09 → 00:16:12 ไปเสิร์ฟให้เกิดเขาไม่กินแล้วเขากินเหลือ
00:16:12 → 00:16:18 ต้องนำกลับมาแช่ตู้เย็นที่นี้ปัญหาก็คือ
00:16:18 → 00:16:22 ถ้าคุณจ้างเด็กเสิร์ฟมาเยอะเนี่ยคุณจ้าง
00:16:22 → 00:16:25 เด็กเสริฟมา 50 คนคุณช่วยเด็กเสริมมาเยอะ
00:16:25 → 00:16:28 เดินชนกันไหมเด็กเสิร์ฟเยอะมันก็ดูเหมือน
00:16:28 → 00:16:33 ดีถูกไหมครับเพราะร้านมันขายดีอ่ะคุณนึก
00:16:33 → 00:16:35 ถึงอย่างนี้แล้วกันคนเดินเข้าไปในเซเว่น
00:16:35 → 00:16:40 อีเลฟเว่นมีพนักงานขาย 2 คนคุณก็มองว่า
00:16:40 → 00:16:44 ไอ้สาขายนี้คงจะขายน้อยถ้ามี 3 คนอ้ะก็
00:16:44 → 00:16:49 น่าจะเป็นปกติตามที่เห็นถ้า 4 คนช้าค้า
00:16:49 → 00:16:52 นี้ก็คงจะขายดีแต่ถ้าเกิดคุณเข้าไปใน
00:16:52 → 00:16:55 เซเว่นอีเลฟเว่นแล้วมีพนักงานขาย 20 คน
00:16:55 → 00:17:00 คุณรู้สึกว่ามันผิดปกติไหมคือมันขายดีรูป
00:17:00 → 00:17:03 ภาพจนบริจารไม่ทันจะต้องใส่พนักงานเข้าไป
00:17:03 → 00:17:07 20 คนในสาขานั้นแล้วมันก็ยังทำไม่ทันเอง
00:17:07 → 00:17:11 มันจะต้องเอาคุณยนต์มาช่วยในงานเลี้ยงนี้
00:17:11 → 00:17:15 ก็เหมือนกันจ้างพนักงานมาเสิร์ฟน่าใช้งาน
00:17:15 → 00:17:19 ก็เดินเบียดกันละก็ยังไม่ทันเพราะว่าเค้ก
00:17:19 → 00:17:21 มันเข้ามาเยอะเลยเกิดไม่ใช่ต้องเอาไปส่ง
00:17:21 → 00:17:24 แขกที่มาที่งานถามเขาว่าเขาจะรับไหมถ้า
00:17:24 → 00:17:27 เกิดเขาไม่รับก็ต้องนำกลับมาแช่ตู้เย็น
00:17:27 → 00:17:31 และเจ้าภาพก็ยังจะสั่งเค้กมาเพิ่มอีกใน
00:17:31 → 00:17:34 เมื่อเค้กมันเยอะขนาดนี้คนเสริฟมันก็
00:17:34 → 00:17:38 เสิร์ฟไม่ทันเพราะเธอไม่ทันเจ้าภาพก็สั่ง
00:17:38 → 00:17:42 เค้กเพิ่มเพราะกลัวว่าเค้กมันเสิร์ฟไม่
00:17:42 → 00:17:46 ทันแล้วคุณหมอก็แก้ปัญหาง่ายๆว่าอย่าง
00:17:46 → 00:17:48 นั้นก็ต้องเอาหุ่นยนต์มาช่วยเสิร์ฟให้คุณ
00:17:48 → 00:17:51 เห็นความผิดปกติไหมครับ
00:17:51 → 00:17:55 ถ้าคุณทำไม่กี่วันมันก็พอแก้ปัญหาโชคข่าว
00:17:55 → 00:17:59 ได้แต่คุณโดนสิอะไรมันจะพังตู้เย็นมันจะ
00:17:59 → 00:18:03 พังถ้างั้นเอ้อในตู้เย็นนี้มันขยายไปได้
00:18:03 → 00:18:07 เรื่อยๆแต่มันใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูก
00:18:07 → 00:18:10 หรือเปล่าเค้กมันก็สั่งมาอยู่อย่างนั้น
00:18:10 → 00:18:14 น่ะไม่ได้ใช้มันก็ไปเก็บในตู้เย็นผมถาม
00:18:14 → 00:18:17 หน่อยเหอะไอ้บรรทัดไหนที่มันผิดปกติ
00:18:17 → 00:18:21 มันผิดปกติตั้งแต่บรรทัดแรกเลยไอ้คนสั่ง
00:18:21 → 00:18:24 ไม่ได้กินไอ้คนกินไม่ได้สั่งให้เจ้าฆ่า
00:18:24 → 00:18:27 เมียมันก็สั่งเค้กเข้ามามากมายมหาศาลแล้ว
00:18:27 → 00:18:31 มันก็บ่นว่าเสิร์ฟไม่ทันเพราะคนเซ่อมัน
00:18:31 → 00:18:35 เบียดกันจะแย่อยู่แล้วเรายังต้องสั่งเค้ก
00:18:35 → 00:18:39 เพิ่มคนนึกว่าเหตุที่เสิร์ฟล่าช้านั้นพบ
00:18:39 → 00:18:43 เค้กมันไม่พอแล้วจะต้องเอาคุณยนต์มาช่วย
00:18:43 → 00:18:48 เสิร์ฟอีกเอาแล้วทำให้เจ้าภาพในงานเค้ก
00:18:48 → 00:18:51 เมื่อกี้เนี้ยไม่เคยกิเลสมันคือความอยาก
00:18:51 → 00:18:55 ของคุณและแขกในงานเลี้ยงเนี่ยมันก็คือ
00:18:55 → 00:18:59 เซลล์ในร่างกายของคนกิเลสมันเป็นตัวสั่ง
00:18:59 → 00:19:03 เคร้านแก๊สเซลล์ในร่างกายของคุณเป็นผู้
00:19:03 → 00:19:07 กินเค้กเคสที่สั่งเข้ามาแต่ว่าแขกในงาน
00:19:07 → 00:19:09 มันไม่กินน่ะมันก็ต้องเอาไปเก็บแล้วมันก็
00:19:09 → 00:19:12 เก็บที่พุงของคุณนั่นแหละและพนักงาน
00:19:12 → 00:19:16 เสิร์ฟที่นำเค้กไปให้แขกหรือนำโกลด์โคสต์
00:19:16 → 00:19:21 ไปให้เซลล์มีชื่อว่าอินซูลินเพราะฉะนั้น
00:19:21 → 00:19:23 ถามว่าอินซูลินคืออะไร in Trend ก็คือ
00:19:23 → 00:19:27 เด็กเสิร์ฟในงานเลี้ยงที่ผมพูดถึงเมื่อ
00:19:27 → 00:19:28 สักครู่นี้
00:19:28 → 00:19:34 เอาล่ะผมถามง่ายๆว่าข้อไหนถูกแขกมา 50 คน
00:19:34 → 00:19:38 สั่งเค้ก 100 ปอนด์ไปเสิร์ฟไม่ทันหามัน
00:19:38 → 00:19:41 เป็นความผิดของใครเป็นความผิดของเด็ก
00:19:41 → 00:19:44 เสิร์ฟมั้ยที่มันเถอะไม่ทันหรือเป็นความ
00:19:44 → 00:19:48 ผิดของแขกในงานที่มันกินไม่ทันหรือเป็น
00:19:48 → 00:19:52 ความผิดของเจ้าภาพที่มันเอาแต่สั่งเค้ก
00:19:52 → 00:19:55 เข้ามาในงานโดยที่มันไม่สนใจเลยว่าแขกเขา
00:19:55 → 00:19:59 จะกินแล้วไม่กินพนักงานเสริฟเบียดกันตัว
00:19:59 → 00:20:01 แทบจะติดที่อยู่แล้วเหมือนกับเดินเข้า
00:20:01 → 00:20:05 เซเว่นแล้วก็มีพนักงานขาย 50 คนในร้าน
00:20:05 → 00:20:09 และด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันที่ Mask
00:20:09 → 00:20:13 กระถานในโรงพยาบาลในขณะนี้อะไรๆก็โทษ Inn
00:20:13 → 00:20:17 สุรินทร์โทษเด็กเสิร์ฟประจำเลยคุณต้อง
00:20:17 → 00:20:20 เข้าใจว่า infringe เป็นฮอร์โมนจำเป็น
00:20:20 → 00:20:25 ต้องมีมันนำกลูโคสไปให้แขกซึ่งก็คือเซลล์
00:20:25 → 00:20:28 ส่วนต่างๆของร่างกายที่ต้องใช้พลังงานใช้
00:20:28 → 00:20:33 เป็นเชื้อเพลิง 5 sale เช็กลูโคสไม่ทัน n
00:20:33 → 00:20:36 สลีนเนี่ยกลุ่มเด็กเสริมเนี่ยก็จะเอา
00:20:36 → 00:20:41 กลูโคสหรือเค้กเนี่ยไปสะสมโดยเปลี่ยนเป็น
00:20:41 → 00:20:44 ไขมันก็คือเติมพุงให้คุณถ้าเกิด
00:20:44 → 00:20:48 โกลด์โคสต์มันเข้ามามากแล้วเข้ามาบ่อยตับ
00:20:48 → 00:20:51 อ่อนมันก็จะต้องผลิตอินซูลินบ่อยแล้วก็
00:20:51 → 00:20:54 ผลิตมากเหมือนกับจ้างเด็กเสิร์ฟอ่ะหรือ
00:20:54 → 00:20:58 จ้างพนักงานขายในร้านถ้าลูกค้าเข้ามาตลอด
00:20:58 → 00:21:02 เวลาก็ต้องจ้างทำงานตลอดเวลานะปอนด์มันก็
00:21:02 → 00:21:05 มีหน้าทิศเติมเด็กเสิร์ฟเธอเป็นเติม
00:21:05 → 00:21:08 อินเตอร์ลิ้งเข้าไปถ้าคุณกินบ่อยมันก็
00:21:08 → 00:21:12 เติมเข้าไปบ่อยๆและหน้าที่หลักๆของมัน
00:21:12 → 00:21:15 เนี่ยพอมันเดินทางไปถึงเซลล์เซลล์ก็บอก
00:21:15 → 00:21:18 ว่าอิ่มแล้วมันก็เดินทางกลับแล้วก็เอา
00:21:18 → 00:21:21 เก็บเป็นไขมันก็เหมือนกับเด็กเสิร์ฟในงาน
00:21:21 → 00:21:25 เลี้ยงเมื่อสักครู่นี้ก็คือเอาเค้กไปให้
00:21:25 → 00:21:29 แขกที่มาในงานและแขกที่มาในงานเขาบอกว่า
00:21:29 → 00:21:31 เขาอิ่มแล้วเขาก็เอาเค้กไปเก็บในตู้เย็น
00:21:32 → 00:21:35 แต่ถ้าเค้กมันเข้ามาเยอะครับ Horn มันก็
00:21:35 → 00:21:39 ผลิตอินซูลินเยอะผลิตเด็กเสิร์ฟเยอะแล้ว
00:21:39 → 00:21:42 พอเด็กเสิร์ฟเยอะมากๆเนี่ยเด็กเซอร์มันก็
00:21:42 → 00:21:45 เบียดกันเองประสิทธิภาพมันก็ต่ำถึงไหม
00:21:45 → 00:21:48 ครับให้นึกถึงร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่คุณ
00:21:48 → 00:21:52 เดินเข้าไปแล้วมีพนักงานขาย 50 คนคุณคิด
00:21:52 → 00:21:55 ว่าเค้าก็บริการคุณด้วยความรวดเร็วนั่น
00:21:55 → 00:21:59 แหละไปว่าประสิทธิภาพต่อคนมันต่ำไหมมันก็
00:21:59 → 00:22:03 จะแต่ถ้าถามว่าตัดก่อนมันเหนื่อยไหมมันก็
00:22:03 → 00:22:05 เหนื่อยมันต้องผลิตเด็กเสิร์ฟออกมามากมาย
00:22:05 → 00:22:07 มหาศาล
00:22:07 → 00:22:12 และนี่คือวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นในคนที่
00:22:12 → 00:22:13 เป็นโรคเบาหวาน
00:22:13 → 00:22:18 สิ่งที่คุณหมอส่วนมากลองเห็นเนี่ยก็คือ
00:22:18 → 00:22:21 เด็กเสิร์ฟมันมีประสิทธิภาพต่ำเดินเข้าไป
00:22:21 → 00:22:23 ในร้านเซเว่นเมื่อสักครู่นี้เจอพนักงาน
00:22:23 → 00:22:27 ขาย 50 คนสิ่งที่คุณหมอกระแสหลักสรุปก็
00:22:27 → 00:22:30 คือพนักงานขายวันมีประสิทธิภาพต่ำพนักงาน
00:22:30 → 00:22:34 เสริฟมีประสิทธิภาพต่ำทำให้เค้กมันล้นวาง
00:22:34 → 00:22:38 ระเกะระกะทั่วงานเลยเพราะมันเซิร์ฟไม่ทัน
00:22:38 → 00:22:41 เอาไปเก็บก็ไม่ทันและแก้ปัญหาง่ายๆคือ
00:22:41 → 00:22:44 อะไรเพิ่มเด็กเสริฟเข้ากันมันจะได้เสิร์ฟ
00:22:44 → 00:22:48 ทันมันก็เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นถูกไหม
00:22:48 → 00:22:52 ครับสิ่งที่เห็นในโรงพยาบาลขณะนี้ถ้าเกิด
00:22:52 → 00:22:55 มีใครเป็นโรคเบาหวานสิ่งที่หมอแผน
00:22:55 → 00:22:58 ปัจจุบันกระแสหลักเห็นไม่ได้หมายความอ๋อ
00:22:58 → 00:23:01 ทุกคนนะครับอ่าสิ่งที่เขาเห็นก็คือ
00:23:01 → 00:23:04 อินซูลินมีประสิทธิภาพต่ำเล็กเซอร์มันมี
00:23:04 → 00:23:08 ประสิทธิภาพต่ำเป็นเหตุให้รวม Course ใน
00:23:08 → 00:23:12 เลือดไม่ถูกนำไปใช้ทำให้กลูโคสมันเยอะก็
00:23:12 → 00:23:15 แก้ปัญหาง่ายๆคือเติมอินซูลินเข้าไปเพื่อ
00:23:15 → 00:23:19 ให้นำปลุกโพสต์ไปใช้ขอบคุณเติมอิสลินเข้า
00:23:19 → 00:23:22 ไปแล้วเนี่ยอินซูลินเดิมทีเดียวมันมาก
00:23:22 → 00:23:24 อยู่แล้วที่นี่มันก็ยิ่งมากเข้าไปใหญ่
00:23:24 → 00:23:28 พนักงานในร้านสะดวกซื้อมันทั้ง 50 คนแล้ว
00:23:28 → 00:23:32 บริการลูกค้าไม่ทันก็ยังจะเติมพนักงาน
00:23:32 → 00:23:34 เข้าไปอีกมันเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
00:23:34 → 00:23:36 หรือเปล่า
00:23:36 → 00:23:40 เอาแล้วครับคลิปนี้ยาวพอสมควรแล้วผมจะ
00:23:40 → 00:23:43 ต้องแบ่งเป็นสองคลิปในจะปิดด้วยคำถามง่าย
00:23:43 → 00:23:48 ถ้าแขกมา 50 คนในงานสร้างเค้ก 100 ปอนด์
00:23:48 → 00:23:52 เนี่ยให้เธอไม่ทันก็จะจ้างพนักงาน
00:23:52 → 00:23:56 เสริมมาล้นหน่อยถามว่ามันเป็นความผิดของ
00:23:56 → 00:23:56 ใคร
00:23:56 → 00:24:00 เป็นความผิดของเด็กเสิร์ฟที่มันเธอไม่ทัน
00:24:00 → 00:24:03 คะหรือเป็นความผิดของแขกในงานที่มันจะกิน
00:24:03 → 00:24:07 ไม่ทันหรือเป็นความผิดของเจ้าภาพที่มัน
00:24:07 → 00:24:11 เท่าเองสั่งมา 100 ก่อนและคลิปหน้าจะเป็น
00:24:11 → 00:24:14 คลิปที่ลงรายละเอียดรวมถึงวิธีการแก้
00:24:14 → 00:24:18 ปัญหาเอานะครับคลิปนี้ยาวพอสมควรแล้วนะ
00:24:18 → 00:24:24 ต่อพิษหน้าสวัสดีครับอ่า
00:24:24 → 00:24:39 [เพลง]