00:00:00 → 00:00:08 [เพลง]
00:00:10 → 00:00:12 สวัสดีครับคุณผู้ชมครับบ่ายนี้มีคำตอบนะ
00:00:12 → 00:00:15 ครับกับผมบอลธีรวัฒน์ผึ่งทองและน้องนุ่น
00:00:15 → 00:00:17 ชุติมาพึ่งความศุขนะฮะคุณผู้ชมครับ 29
00:00:17 → 00:00:20 ตุลาคมสิ้นเดือนที่กำลังจะถึงเี่นะฮะเป็น
00:00:20 → 00:00:23 วันโรคหลอดเลือดสมองโลกนะครับแน่นอนว่าวง
00:00:23 → 00:00:25 การแพทย์เนี่ยให้ความสนใจให้ความสำคัญกับ
00:00:25 → 00:00:28 โรคนี้มากเพราะว่าดูจากสถิติอุบัติกาของ
00:00:28 → 00:00:31 โรคที่เกิดขึ้นเนี่ยพบมากขึ้นเรื่อยๆนะฮะ
00:00:31 → 00:00:33 แล้วเราเองเนี่ยจำเป็นที่จะต้องตระหนัก
00:00:33 → 00:00:36 รู้ถึงโรคนี้เรามาทำความรู้จักโรคนี้กัน
00:00:36 → 00:00:38 เพราะว่าอาการต่างๆที่เกิดขึ้นเนี่ยเป็น
00:00:38 → 00:00:41 โรคที่เรียกว่าเป็นภัยเฉียบพลันหมายความ
00:00:41 → 00:00:43 ว่าถ้าเกิดคุณผู้ชมเนี่ยสามารถที่จะรู้
00:00:44 → 00:00:46 อาการได้รวดเร็วการรักษานั้นก็จะมี
00:00:46 → 00:00:48 ประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วยนะครับเรียก
00:00:48 → 00:00:52 ว่ารู้เร็วรอดนะครับวันนี้เราได้รับ
00:00:52 → 00:00:54 เกียรตินะครับจากทางรองศาสตราจารย์พิเศษ
00:00:54 → 00:00:57 แพทยหญิงอรอุมาชุติเนตรนะครับอาจารย์เป็น
00:00:57 → 00:00:59 หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้าน
00:00:59 → 00:01:02 โรคด้วยสมองแบบครบวงจรโรงพยาบาล
00:01:02 → 00:01:04 จุฬาลงกรณ์นะครับสวัสดีครับคุณหมอครับ
00:01:04 → 00:01:06 สวัสดีค่ะคุณบอลค่ะคุณหมอสวัสดีค่ะสวัสดี
00:01:06 → 00:01:08 ค่ะคุณนุ่นค่ะสวัสดีคุณผู้ชมด้วยนะคะวัน
00:01:09 → 00:01:11 นี้เราพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของโรคภัยไข้
00:01:11 → 00:01:14 เจ็บโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหลอดเลือดสมอง
00:01:14 → 00:01:16 เนี่ยนะคะคุณผู้ชมท่านใดมีคำถามเพิ่มเติม
00:01:16 → 00:01:19 หรืออยากแสดงความคิดเห็นสามารถส่งมาในราย
00:01:19 → 00:01:21 การได้นะคะโดยช่องทางในการส่งคำถามคุณผู้
00:01:21 → 00:01:24 ชมเข้าไปในเพจของ 9 MCOT ที่เรามีการ
00:01:24 → 00:01:27 ไลฟ์ควบคู่อยู่ณขณะนี้นั่นเองค่ะและที่
00:01:27 → 00:01:29 สำคัญอย่าลืมกดไลก์กดแชร์นะคะเพื่อที่
00:01:29 → 00:01:31 ความรู้นี้นี้จะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้
00:01:31 → 00:01:33 อื่นนั่นเองค่ะคุณหมอคะพอเราพูดถึงเรื่อง
00:01:33 → 00:01:38 ของโรคหลอดเลือดสมองถามนิดนึงค่ะว่าสถิติ
00:01:38 → 00:01:41 ของคนเป็นโรคนี้ค่ะภาพรวมของทั้งโลกและใน
00:01:41 → 00:01:44 ประเทศไทยสถิติมันเป็นยังไงคะค่ะต้องบอก
00:01:44 → 00:01:47 ว่าเป็นกันพบมากค่ะเป็นกันเยอะมากก็คือ 1
00:01:47 → 00:01:51 ใน 4 ของคนในโลกเนี้ยมีโอกาสจะเป็นรสหลด
00:01:51 → 00:01:55 ือสมองได้นะคะก็เหมือน 25% เลยออันนี้คือ
00:01:55 → 00:01:57 ภาพรวมของทั้งโลกแล้วมาดูเฉพาะของในไทย
00:01:57 → 00:02:00 ล่ะคะค่ะของในประเทศไทยก็พบผู้ป่วยราย
00:02:00 → 00:02:04 ใหม่นะคะปีนึงเนี่ยประมาณสัก 250,000 ราย
00:02:04 → 00:02:08 ที่เป็นโรคหลดืสมองใหม่ในแต่ละปีนะคะแล้ว
00:02:08 → 00:02:10 พอเป็นแล้วเนี่ยบางครั้งบางท่านก็มีโอกาส
00:02:10 → 00:02:12 เสียชีวิตได้เพราะว่ามีการเสียชีวิตจาก
00:02:12 → 00:02:15 โรคหดือสมองเนี่ยประมาณ 50,000 รายต่อปี
00:02:15 → 00:02:18 ค่ะโหสัดส่วนสูงเนาะใช่สดส่วนสูงมากแต่
00:02:18 → 00:02:22 ถ้าเรามาดูสถิติแบบนี้ถ้าดูค่าเฉลี่ยอายุ
00:02:22 → 00:02:26 ของคนที่เป็นโรคนี้รวมกับเพศค่ะมันมันมัน
00:02:26 → 00:02:29 มีนัยยะยังไงแล้วตรงไหนมันเป็นมากน้อยมาก
00:02:29 → 00:02:31 กว่าเอาอายุก่อนอายุก่อนต้องบอกว่าจริงๆ
00:02:31 → 00:02:34 แล้วโรกหล่อรือสวังเป็นได้ทุกอายุอายุ
00:02:34 → 00:02:36 น้อยก็เป็นได้เด็กๆก็เป็นได้แต่ว่ายิ่ง
00:02:36 → 00:02:39 อายุมากขึ้นก็มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงขึ้น
00:02:39 → 00:02:41 เรื่อยๆค่ะค่ะโดยเฉพาะอย่างเช่นถ้าอายุ
00:02:41 → 00:02:44 ซัก 70 60 70 ปีขึ้นไปเนี่ยก็จะยิ่งพบ
00:02:44 → 00:02:47 เยอะขึ้นเรื่อยๆอ๋อแล้วเพศหรอคะหญิงกับ
00:02:47 → 00:02:49 ชายเพศจริงๆแล้วหญิงกับชายก็เป็นได้มาก
00:02:49 → 00:02:52 ขึ้นเหมือนกันตามอายุเหมือนกันนะคะอมัน
00:02:52 → 00:02:55 มันเพิ่มมากขึ้นมั้ยฮะจากการที่พบผู้ป่วย
00:02:55 → 00:02:57 รายใหม่แต่ละปีที่ผ่านมาฮะค่ะต้องต้องบอก
00:02:57 → 00:03:00 ว่าสำหรับประเทศไทยยังพบมากขึ้นอ๋อตสส่วน
00:03:00 → 00:03:02 มากขึ้นเรื่อยๆใช่ในประเทศไทยหรือว่า
00:03:02 → 00:03:05 ประเทศที่อะไรอ่ะอาจจะกำลังพัฒนาค่ะยังพบ
00:03:05 → 00:03:07 สัดส่วนของคนที่เป็นรกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
00:03:07 → 00:03:10 อยู่อืค่ะเหมือนมีข้อมูลบางบางบางส่วนบอก
00:03:10 → 00:03:14 ว่าที่เราพบมาก 1 อาจจะมาจากวิวัฒนาการ
00:03:14 → 00:03:16 ทางการแพทย์หรือว่าการตระหนักรู้ของของ
00:03:17 → 00:03:19 ผู้คนเนี่ยทำให้เหมือนกับว่าพอมีความรู้
00:03:19 → 00:03:23 มากขึ้นก็จะจับสัญญาณได้ก็ไปตรวจแล้วก็
00:03:23 → 00:03:26 เจออันนี้ส่วนนึงด้วยมั้ยฮอันนั้นอาจจะ
00:03:26 → 00:03:28 เป็นส่วนนึงแต่ว่าแต่ว่าส่วนสำคัญจริงๆ
00:03:28 → 00:03:32 เนี่ยปัจจัยเสี่ยงเจอเยอะขึ้นอ๋อสิ่งที่
00:03:32 → 00:03:34 เราใช้ชีวิตของเราอยู่เนี่ยนะครับโลกนี้
00:03:34 → 00:03:36 มันมันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของ
00:03:36 → 00:03:38 กรรมพันธ์มั้ยแถเป็นเพราะว่าเด็กก็มีฮะค
00:03:38 → 00:03:41 หมมีค่ะกรพันธ์มีอย่างเช่นถ้ามีประวัติ
00:03:41 → 00:03:43 ครอบครัวเป็นโรคหล่อเลือดสมองเนี่ยเราก็
00:03:43 → 00:03:47 จะมีโอกาสเป็นได้มากขึ้นอืไปสอดคล้องกับ
00:03:47 → 00:03:50 ตรงนั้นด้วยใช่ค่ะอแล้วมันมีปัจจัยเสี่ยง
00:03:50 → 00:03:52 อื่นๆอีกมั้ยคะนอกจากเรื่องของกรมพรแล้ว
00:03:52 → 00:03:55 อ่ะมีค่ะอาจจะขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มแล้วกัน
00:03:55 → 00:03:58 ปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขได้ปรับเปลี่ยนได้
00:03:58 → 00:04:00 กับปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขไม่ได้หรือปรับ
00:04:00 → 00:04:02 เปลี่ยนไม่ได้ที่ไก้ไขไม่ได้ก็อย่างเช่น
00:04:02 → 00:04:05 อายุใช่มคะเราไปใก้อายุไม่ได้หรือว่าเพศ
00:04:05 → 00:04:07 อย่างเงี้ยนะคะหรือว่าเรื่องของเอ่อ
00:04:07 → 00:04:11 กรพันธ์อันเราแก้ไม่ได้แะครับแต่เรามาเอา
00:04:11 → 00:04:13 ยุ่งที่เราแก้ได้ดีกว่านะคะที่แก้ได้
00:04:13 → 00:04:18 อย่างเช่นมีความถิตสูงออนะคะมีเบาหวานนะ
00:04:18 → 00:04:22 คะมีไข่มันในเรือสูงอนะคะหรือว่ามีโรคหัว
00:04:22 → 00:04:26 ใจเช่นหัวใจได้ผิดจังหวะบางชนิดนะคะอค่ะ
00:04:26 → 00:04:30 หรือว่าสูบบุหรี่ค่ะอ๋อปัจจัยพวกนี้ค่ะ
00:04:30 → 00:04:32 ดื่มแอลกอฮอลเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลนะ
00:04:32 → 00:04:35 คะหรืออาจจะน้ำหนักน้ำหนักเยอะน้ำหนัก
00:04:35 → 00:04:37 เกินครับเกลุ่มเนี้ค่ะเป็นสิ่งที่เราควร
00:04:37 → 00:04:41 จะแก้ไขหรือว่าไม่ค่อยได้ออกกำลังกายครับ
00:04:41 → 00:04:43 อันนี้เป็นปัจจัยเสิงที่สำคัญแต่ว่าปรับ
00:04:43 → 00:04:48 เปลี่ยนได้ค่ะนะคะออคุณหมอแล้วประเภทของ
00:04:48 → 00:04:51 โรคหลอดเลือดสมองเนี่ยค่ะมันมีกี่ประเภท
00:04:51 → 00:04:55 ด้วยกันคะค่ะมี 2 ประเภทใหญ่ๆนะคะก็คือ
00:04:55 → 00:04:57 โรคสมองขาดเลือดหรือว่าอาจจะเรียกว่าหลอด
00:04:57 → 00:05:00 เลือดสมองตีบก็ได้อือนะคะอันที่ 2 ก็จะ
00:05:00 → 00:05:03 เป็นโรคหลอดเลือดสมองแตกค่ะหรือว่าเลือด
00:05:03 → 00:05:05 ออกในสมองออตีบกับแตกใช่คือแบ่งเป็นตีบ
00:05:05 → 00:05:09 กับแตกและอาการของโรคนี้ทั้งตีบกับแตกที่
00:05:09 → 00:05:12 ว่าเนี่ยนะคะอาการมันเหมือนหรือต่างกัน
00:05:12 → 00:05:14 ยังไงคะต้องบอกว่าอาการโดยรวมเนี่ยเหมือน
00:05:14 → 00:05:17 กันนะคะอโดยรวมเหมือนกันโดยรวมที่ว่านี้
00:05:17 → 00:05:21 คือเช่นๆเอ่ออ่อนแรงครึ่งซีกนะคะจะแขน
00:05:21 → 00:05:23 หรือขาก็ได้หรือจะทั้งแขนทั้งขาก็ได้อ่อน
00:05:23 → 00:05:27 แดงครึ่งซีกนะคะหรือว่าชาครึ่งซีกนะคะ
00:05:27 → 00:05:30 หรือว่าบางทีมีการพูดที่ผิดปกติไปพูดไม่
00:05:30 → 00:05:33 ชัดอะไรงี้เช่นพูดไม่ชัดพูดินแข็งๆอนะคะ
00:05:33 → 00:05:35 หรือบางครั้งอาจจะดูเหมือนพูดคล่องแต่
00:05:35 → 00:05:38 เอ๊ะทำไมสื่อสารกันไม่เข้าใจเราถามอย่างเ
00:05:38 → 00:05:41 ตอบอีกอย่างนึงนะคะหรือบางบางท่านอาจจะ
00:05:41 → 00:05:44 พูดไม่ออกเลยก็ได้นะคะโอเอางี้ฮะเดี๋ยว๋ย
00:05:44 → 00:05:45 เรื่องอาการเนี่ยเนื่องจากว่าเป็นเรื่อง
00:05:45 → 00:05:48 ที่สำคัญมากสำหรับโรคนี้เดี๋ยวดี๋เราว่า
00:05:48 → 00:05:50 รายละเอียดกันอีกทีแต่อยากให้คุณหมอลงราย
00:05:50 → 00:05:54 ละเอียดก่อนว่าไอ้ตัวประเภทเนี่ยที่บอก
00:05:54 → 00:05:57 ว่าตีบเนี่ยมันมันเกิดอะไรขึ้นในสมองของ
00:05:57 → 00:05:59 เราหรือว่าแตกเนี่ยมันไปเกิดอะไรขึ้นกับ
00:05:59 → 00:06:01 เส้นเรืเลือของเรายังไงบ้างฮะได้ค่ะคือ
00:06:01 → 00:06:03 อย่างเช่นยกตัวอย่างเช่นการตีบนะคะบาง
00:06:03 → 00:06:06 ครั้งเช่นบางท่านอาจจะมีเอ่อหัวใจสมมุติ
00:06:06 → 00:06:09 หัวใจได้้พีจังวะนะคะการบีบตัวหัวใจก็จะ
00:06:09 → 00:06:12 ไม่ดีมันก็จะเกิดมีเลือดเนี่ยที่มันค้างๆ
00:06:12 → 00:06:15 อยู่ในหัวใจนะคะก็จะเกิดจับตัวเป็นก้อน
00:06:15 → 00:06:17 เป็นลิ่มเลือดขึ้นมาอ๋อแล้วบางครั้งลิ่ม
00:06:17 → 00:06:20 เลือดอันเนี้ยวันดีคืนร้ายมันก็จะหลุดไป
00:06:20 → 00:06:22 อุดตามส่วนต่างๆของร่างกายถ้าหลุดไปอุด
00:06:22 → 00:06:25 หลอดเลือดในสมองก็เกิดโรคสมองขาดเลือดค่ะ
00:06:25 → 00:06:29 นะคะหรือสมองเลือดเลือดอุตันในสมองนะคะ
00:06:29 → 00:06:32 อืออืตงนี้เรียกว่าตีบเหมือนกับลิ่มเลือด
00:06:32 → 00:06:34 ไปอุดแล้วก็คล้ายๆกับมีเค้าเรียกว่าอะไร
00:06:34 → 00:06:37 อ่ะถ้าเปรียบกับท่อระบายน้ำอ่ะมีเศษขยะมี
00:06:37 → 00:06:40 อะไรอยู่เลือดมันก็ไหลเวียนไม่ถึงใช่ค่ะ
00:06:40 → 00:06:42 ทีนี้พอเลือดไหลเวียนไม่ถึงเกิดอะไรขึ้น
00:06:42 → 00:06:44 กับสมองฮะก็ทำให้สมองขาดเลือดพอสมองขาด
00:06:44 → 00:06:48 เลือดแปลว่าสมองตรงนั้นก็จะเซลล์ตายใช่
00:06:48 → 00:06:51 เนื้อสมองที่ขาดเลือดเยอะๆก็จะตายตายนี่
00:06:51 → 00:06:54 คือตายตายไปเลยเจะฟื้นอะไรได้ตามตามจริง
00:06:54 → 00:06:57 มันควรจะตายเลยเชคเชจะมีอาการแหละอ๋อครับ
00:06:57 → 00:06:58 แล้วก็มักอาการนั้นถ้ามันตายจริงๆแล้ว
00:06:58 → 00:07:01 เนี่ยอาการมักจะไม่กลับไม่กลับคืนนมาแปล
00:07:01 → 00:07:03 ว่าเซลล์นั้นใช้งานไม่ได้แล้วใช่ๆอาจจะมี
00:07:03 → 00:07:05 โอกาสกลับมานิดหน่อยแต่ส่วนใหญ่มักจะไม่
00:07:05 → 00:07:07 กลับนะคะแต่ว่าบริเวณเนื้อสมองที่อยู่รอบ
00:07:07 → 00:07:10 ๆครับเลือดก็ไปเลี้ยงน้อยลงเหมือนกันค่ะ
00:07:10 → 00:07:13 แต่อาจจะยังไม่ถึงขนาดตายทีเดียวคนไข้ก็
00:07:13 → 00:07:15 มีอาการเช่นกันนะคะแต่ว่าเนื้อสมองอาจจะ
00:07:15 → 00:07:17 ยังยังไม่ถึงกับตายทีเดียวแต่ว่าเป็นส่วน
00:07:17 → 00:07:20 ที่ที่อ่อนไหวแหละอถ้ามันขาดเลือดไปมาก
00:07:20 → 00:07:23 กว่านี้หรือนานกว่านี้ก็จะตายตามมาไอ้ตรง
00:07:23 → 00:07:25 นี้เป็นส่วนที่สำคัญเดี๋ยวเราจะพูดเรื่อง
00:07:25 → 00:07:28 การรักษาต่ออีกทีนึงได้ค่ะออันนี้ในภาวะ
00:07:28 → 00:07:31 ที่มันติดตีบตีบแล้วถ้าเกิดว่าในภาวะที่
00:07:31 → 00:07:34 มันแตกอ่ะคะเกิดอะไรขึ้นในสมองคะใช่ค่ะ
00:07:34 → 00:07:36 ภาวะเอ่อหลอดเลือดสมองแตกก็อย่างเช่นยก
00:07:36 → 00:07:39 ตัวอย่างเช่นบางทีมีความดันโลหิตสูงมานาน
00:07:39 → 00:07:43 ๆนะคะแล้วก็วันดีคืนดีเนี่ยพวกนี้เวลาก
00:07:43 → 00:07:45 โลหิตสูงมานานๆหลอดเลือกเล็กๆเนี่ยมันจะ
00:07:45 → 00:07:48 ขยายตัวหดตัวอะไรได้ไม่ดีคผนำก็จะเหมือน
00:07:48 → 00:07:50 กับเริ่มโปร่งพองเรื่อยๆเหมือนลูกโป่งอ่ะ
00:07:50 → 00:07:53 ค่ะก็จะโป่งพองเป็นกระเปาะคค่ะวันดีคืน
00:07:53 → 00:07:56 ร้ายไอ้กระเปาะเยก็แตกออกค่ะก็เกิดเลือด
00:07:56 → 00:08:00 ออกมาอยู่ในเนื้อสมองอืที่ออกมาอยู่ใน
00:08:00 → 00:08:02 เนื้อสมองก็จะทำลายเนื้อสมองค่ะแบบคล้ายๆ
00:08:02 → 00:08:05 กันนะมันก็ขึ้นกับว่าก็เลือดมันใหญ่มัน
00:08:05 → 00:08:08 เล็กมันไปอยู่ตำแหน่งไหนของสมองครับนะคะ
00:08:08 → 00:08:11 ก็จะเกิดอาการต่างๆอ๋อคุณหมอครับแล้วถ้า
00:08:11 → 00:08:14 เกิดเราย้อนไปที่ตีบเนี่ยสมมุตินะฮะว่า
00:08:14 → 00:08:17 มันตีบมากขึ้นเรื่อยๆความดันโลหิตมันก็
00:08:17 → 00:08:19 เพิ่มมันจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยถูกมั้ยฮะแล้ว
00:08:19 → 00:08:22 โอกาสที่ตีบจะกลายเป็นแตกเป็นไปได้มั้ยฮะ
00:08:22 → 00:08:25 ใชเอ่อคงไม่ใช่คงไม่ใช่จากตีบตรงนั้นแล้ว
00:08:25 → 00:08:27 เป็นแตกแต่เดี๋ยวจะอธิบายอีกทดีคือบาง
00:08:27 → 00:08:30 ครั้งอย่างอย่างที่บอกว่าเวลาสมองขาเยอะๆ
00:08:30 → 00:08:32 เนื้อสมองจะตายใช่มั้ยคะค่ะร่างกายเี่ก็
00:08:33 → 00:08:35 จะมีระบบสลายลิ่มเลือดได้เองเหมือนกันอืค
00:08:35 → 00:08:37 1 อาจจะสลายลิ่มเลือจากยาซึ่งเดี๋ยวเรา
00:08:37 → 00:08:39 จะพูดต่อแต่ว่าบางครั้งร่างกายก็สลายได้
00:08:39 → 00:08:42 เองถ้ามันสลายเร็วคนข้าอาจจะอาการกลับ
00:08:42 → 00:08:45 เป็นปกติเลยเพียงเวลาไม่กี่นาทีหรือครึ่ง
00:08:45 → 00:08:47 ชั่วโมงชั่วโมงนึงอันนี้ดอยตของมันเอง
00:08:47 → 00:08:50 เนื้อสมองอาจจะยังไม่ทันถูกทำลายมากมันค
00:08:50 → 00:08:52 กลับเป็นปกติได้แล้วการสลายเองของร่างกาย
00:08:52 → 00:08:55 เมันมันต้องมีตัวอะไรมากระตุ้นมั้ยฮะเออ
00:08:55 → 00:08:57 ก็ก็จริงๆก็ไม่ได้มีเป็นกลไกปกติเลยแต่
00:08:58 → 00:08:59 อันนี้เคเรียกว่าถ้าเกิดหายเป็นปกติเลย
00:09:00 → 00:09:02 โดยเวลาไม่นานเ้าจะเรียกว่าสมองขัดเลือด
00:09:02 → 00:09:04 แบบชั่วคราวแต่ว่าจะต้องอาการน้อยๆถูก
00:09:04 → 00:09:06 มั้ยฮะเออไม่จำเป็นไม่จำเป็นด้วยใช่เพียง
00:09:06 → 00:09:08 แต่ว่าจะหายเร็วอ๋อซึ่งอันเนี้ยบางครั้ง
00:09:08 → 00:09:12 ทำให้ชะล่าใจอุ๊ยเคยเป็นอย่างงี้ผลนึงหาย
00:09:12 → 00:09:14 เองนี่ค่ะครั้งต่อไปเป็นใหม่ยังไม่ไปโรง
00:09:14 → 00:09:19 พยาบาลค่ะกะว่าจะให้หายเองปรากฏไม่หายอื
00:09:19 → 00:09:21 นะคะเพราะฉะนั้นถึงแม้บางท่านเป็นสวองขัน
00:09:21 → 00:09:23 เรือแบบชั่วคราวคือเป็นและเวลาไม่นานก็
00:09:23 → 00:09:26 หายปกติก็ควรจะต้องรีบไปโรงพยาบาลอเพื่อ
00:09:26 → 00:09:29 หาสาเหตุว่าเป็นจากอะไรจะได้ให้การรักษา
00:09:29 → 00:09:31 แบบเดียวกับโรกหลอดเลือดสมองเลยอ่ะค่ะค่ะ
00:09:31 → 00:09:33 แต่ที่คุณหมอบอกเนี่ยนะคะว่าอาการที่เรา
00:09:33 → 00:09:36 สังเกตได้เลยเนี่ยนะคะไม่ว่าคุณจะเป็น
00:09:36 → 00:09:39 หลอดเลือดสมองตีบหรือว่าหลอดเลือดสมองแตก
00:09:39 → 00:09:43 ใช่ค่ะมันจะมีภาพรวมของอาการคุณหมอบอกว่า
00:09:43 → 00:09:47 พูดลำบากค่ะปากตกค่ะยกไม่ขึ้นใช่ค่ะพูด
00:09:47 → 00:09:50 ลำบากเนี่ยติดๆขัดๆใช่หรือว่าไม่เข้าใจ
00:09:50 → 00:09:54 ภาษาใช้ภาษาผิดปกติปากตกนี่คือเป็นยังไง
00:09:54 → 00:09:56 คะคือหน้าเบี้ยวง่ายๆกจะให้ยิงฟันนะคะ
00:09:56 → 00:09:58 แล้วก็ดูว่าเอ๊ะหน้า 2 ข้างเี่เท่ากัน
00:09:58 → 00:10:00 หรือเปล่าครับนะคะตงปุมปาก 2 ข้างยกเท่า
00:10:01 → 00:10:03 กันมั้ยอะไเงี้นะคะค่ะแล้วอีกอันนึงคือยก
00:10:04 → 00:10:06 ไม่ขึ้นอะไรยกไม่ขึ้นคะขึ้นคือแขนหรือขา
00:10:06 → 00:10:09 ก็ได้ยกไม่ขึ้นนะคะง่ายๆอาจจะเช่นสมมุติ
00:10:09 → 00:10:11 แขนจะบอกว่าเอ๊ะดูแขนออแรงรือเปล่าก็ให้
00:10:12 → 00:10:14 ลองเอ่อเหย็ดยกแขน 2 ข้างขึ้นมาสมมติข้าง
00:10:14 → 00:10:16 ที่ไม่มีแรงเนี่ยอาจจะยกไม่ได้เลยนะคะ
00:10:16 → 00:10:18 หรือบางครั้งยกมานิดนึงแล้วก็ตกลงมาอะไร
00:10:18 → 00:10:20 อย่าเงี้ยออไม่เศ้ากันหรือขาก็เหมือนกัน
00:10:20 → 00:10:23 องให้ยกขาทีละข้างก็ได้อหรือว่าข้างใน
00:10:23 → 00:10:25 ข้างหนึงมันยกได้น้อยกว่าอีกข้างนึงมั้ย
00:10:25 → 00:10:27 นะคะอันนี้อาการที่พบบ่อยๆแต่จริงๆแล้ว
00:10:27 → 00:10:30 มันยังมีอาการอย่างอื่นอีกนะคะเช่นบาง
00:10:30 → 00:10:32 ท่านมีเรื่องของการมองเห็นผิดปกติครับ
00:10:32 → 00:10:35 อยู่ดีๆก็ไม่เห็นภ้าไปครึ่งซีกออหรือว่า
00:10:35 → 00:10:38 บางีอาจจะมืดไปเลยข้างนึงอส่วนมากมันจะ
00:10:38 → 00:10:40 เป็นครึ่งซีกเพราะอย่างที่บอกสมองมี 2
00:10:40 → 00:10:43 ข้างอ่ะค่ะนะคะหรือว่าบใช่วูปหมดสติก็ได้
00:10:43 → 00:10:46 ค่ะอืก็อาจจะต้องระวังเรื่องหลอดเรื่อง
00:10:46 → 00:10:49 สมองไว้ด้วยออนะคะหรือว่าบางทีปวดศีษะ
00:10:49 → 00:10:51 อย่างรุนแรงเลยแล้วก็หรือว่าหมดสติอย่าง
00:10:51 → 00:10:53 เงี้ยก็ต้องสงสัยมีคลื่นไส้อเจียนอะไร
00:10:53 → 00:10:56 ร่วมด้วยมั้ยฮะมีหรือว่าเบียนศีรษะอ๋อ
00:10:56 → 00:10:59 ร่วมกับเดินเซครับนะคะก็ต้องสงสัยหรือ
00:10:59 → 00:11:01 สมองไว้ก่อนโอมันแยกยากเหมือนกันเนาะ
00:11:01 → 00:11:04 เพราะว่ามันอาจจะไปสอดคล้องกับโรคอื่นๆก็
00:11:04 → 00:11:06 ได้แต่เอาเป็นว่าอาการในภาพรวมเนี่ยมันจะ
00:11:06 → 00:11:09 เป็นลักษณะนี้ให้สงสัยว่าน่าจะเกิดอาการ
00:11:09 → 00:11:13 หลอดเลือกสมองไม่ว่าจะตีบหรือแตกก็ตามแต่
00:11:13 → 00:11:15 แต่ทีเนี้ในส่วนของอาการต่างๆที่คุณหมอ
00:11:15 → 00:11:18 ได้พูดมาเนี่ยนะคะคือเราจะรู้ได้ยังไงอ่ะ
00:11:18 → 00:11:22 ว่าเราเนี่ยเป็นโรคนี้คือมันจะมีสัญญาณ
00:11:22 → 00:11:25 บ่งบอกเรามาก่อนหรือว่าอาการต่างๆพวกนี้
00:11:25 → 00:11:28 มันเป็นในลักษณะเฉียบพันธคะต้องเน้นว่า
00:11:28 → 00:11:30 เป็นลักษณะเฉียบพลันค่ะไม่มีสัญญาณเตือน
00:11:31 → 00:11:33 ไม่มีสัญญาณเตือนคำว่าสัญญาณเตือนก็คือ
00:11:33 → 00:11:35 ว่ามีปัจจัยเสี่ยงอันนน่าจะเป็นปัจจัย
00:11:35 → 00:11:37 เสี่ยงว่าเออมีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนที่
00:11:37 → 00:11:39 ไม่มีปัจจัยเสี่ยงนะอปัจจัยเสี่ยงในที่
00:11:39 → 00:11:43 นี้หมายความว่าคนที่มีภาวะไขมันสูงใช่ไข
00:11:43 → 00:11:47 เออเบาหวานความนโลหิตสูงค่ะสูบบุหรี่ค่ะ
00:11:47 → 00:11:50 ดื่มเื่องืมแอลกอฮอล์นะคะไม่ค่อยได้ออก
00:11:50 → 00:11:53 กำลังกายอ่าน้ำหนักอาจจะเยอะอออันเนี้ย
00:11:53 → 00:11:55 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เราทราบก่อนล่วงหน้า
00:11:55 → 00:11:58 และครับถ้าไปตรวจสุขภาพมาแล้วคุณมีภาวะ
00:11:58 → 00:12:00 ต่างๆพวกนี้
00:12:00 → 00:12:03 ค่ะ
00:12:03 → 00:12:07 ซึดเลือเพะต่างๆเห่านี้มันปัจัยเสี่ยงแต่
00:12:07 → 00:12:09 เอาเป็นว่าถ้าเกิดว่าเราไม่มีปัจจัย
00:12:09 → 00:12:11 เสี่ยงต่างๆนี้เลยไปตรวจสุขภาพแล้วทุก
00:12:11 → 00:12:14 อย่างมันดีมากเลยค่ะมีโอกาสที่จะเป็นโรค
00:12:14 → 00:12:17 หลอดเลือดสมีมีได้เหมือนกันก็คือบางครั้ง
00:12:17 → 00:12:19 มันจะเป็นเรื่องของหัวใจได้ผิดจังหวะซึ่ง
00:12:19 → 00:12:21 หัวใจได้ผิดจังหวะเนี่ยบางทีมันมันไม่ได้
00:12:21 → 00:12:25 เป็นตลอดเวลามันเป็นแบบชั่วคราวได้นะคะ
00:12:25 → 00:12:28 ซึ่งถ้าเป็นแบบตลอดอาจจะเจอง่ายหน่อยแต่
00:12:28 → 00:12:30 ถ้าเป็นแบบแบบชั่วคราวเช่นเดี๋ยวเป็น
00:12:30 → 00:12:32 เดี๋ยวไม่เป็นอย่างเงี้ยบางทีเราก็ไม่
00:12:32 → 00:12:34 ทราบว่าเราเป็นอแล้วมันเกิดได้ไงคุณหมอ
00:12:34 → 00:12:37 อยู่ๆหัวใจเราจะเต้น 10 จังหวมันก็เป็น
00:12:37 → 00:12:39 ระบบการเต้นของหัวใจซึ่งอันนี้จะพบบ่อย
00:12:39 → 00:12:42 เมื่อยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งพบบ่อยนั่น
00:12:42 → 00:12:44 แปลว่าถ้าเราไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงอย่าง
00:12:44 → 00:12:47 ที่น้องนุ่นถามค่ะแปลว่าวันเนี้ยสมมุติเเ
00:12:47 → 00:12:50 ๆนะวันอาจจะเดินออกไปแล้วก็เกิดอาการ
00:12:50 → 00:12:52 อย่างที่คุณหมอว่าขึ้นมาทันทีเลยก็ได้ที่
00:12:52 → 00:12:57 บอกว่าเันโอหูค่ะอุยเหมือนเราขับรถไปอ่ะ
00:12:57 → 00:13:00 แล้วเครื่องยนต์เราอยู่ดีๆมันก็สะดุดอ่ะ
00:13:00 → 00:13:02 บกพร่องขึ้นมาแบบนี้จะเรียกว่าภัยเงียบ
00:13:03 → 00:13:05 ได้มั้ยคะคุณเป็นภัยเงียบได้ค่ะอเพราะ
00:13:05 → 00:13:07 หลายๆท่านก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีหัวใจได้
00:13:07 → 00:13:10 ผิดจังหวะค่ะมาทราบก็ตอนเป็นโรคสมองขาด
00:13:10 → 00:13:14 เลือดและแล้วก็มาเจอตอนนั้นค่ะโอนะคะแล้ว
00:13:14 → 00:13:16 เมื่อไหร่ควรที่จะไปพบคุณหมอค่ะถ้าเกิด
00:13:16 → 00:13:18 เรามีอาการดังกล่าวเพราะบางคนน่ะเรารู้
00:13:18 → 00:13:23 สึกเวียนหัวหรือเรารู้สึกแบบแค้นค้าอ่อน
00:13:23 → 00:13:26 แรงอะไรก็ตามแต่เนี่ยนะคะช่วงแรกเราอาจจะ
00:13:26 → 00:13:29 กินยาตามอาการเพราะไม่ได้คิดว่าเป็นอะไร
00:13:29 → 00:13:32 เยอะก็ได้ก็กินนยาไปแต่ท้ายที่สุดแล้ว
00:13:32 → 00:13:35 เนี่ยโอมันไม่ใช่กลายเป็นโรคหลอดเลือด
00:13:35 → 00:13:38 สมองเมื่อไหร่ถึงจะต้องไปพบคุณหมอค่ะจริง
00:13:39 → 00:13:41 ๆแล้วเมื่อมีอาการดังที่กล่าวมาเช่นเอา
00:13:41 → 00:13:46 ง่ายๆก็คือพูดลำบากปากตกยกไม่ขึ้นถ้าเป็น
00:13:46 → 00:13:49 แบบรวดเร็วทันทีทันใดเนี่ยให้รีบไปโรง
00:13:49 → 00:13:52 พยาบาลเร็วที่สุดครับนะคะก็จะดีที่สุดจะ
00:13:52 → 00:13:55 ได้ประเมินว่าเป็นโรคหลอเลือดสมองหรือ
00:13:55 → 00:13:58 เปล่าอนะคะถ้าถ้าไม่ใช่ก็จะได้รักษาตาม
00:13:58 → 00:14:00 โรคอื่นต่อไปครับแต่ถ้าใช่จะได้รีบรักษา
00:14:00 → 00:14:04 ให้ตรงตามชนิดของหลอดเลือสมองที่เป็นอไม่
00:14:04 → 00:14:06 ว่าจะเป็นหลอดเลือสมองตีบหรือหลอดเลสมอง
00:14:06 → 00:14:10 แตกค่ะจำเป็นมยฮคุณหมอว่าอาการของโรคหลอด
00:14:10 → 00:14:13 ด้วยสมองเนี่ยทั้งตีบทั้งแตกเนี่ยสัญญาณ
00:14:13 → 00:14:15 ไอ้ตัวเนี้ยมันจะต้องมาครบทุกอาการไม่
00:14:15 → 00:14:17 จำเป็นค่ะไม่จำเป็นบางท่านอาจจะเป็นอย่าง
00:14:17 → 00:14:20 เดียวได้เชอาจจะอ่อนแรงอย่างเดียวนับ
00:14:20 → 00:14:22 เยียวอย่างเดียวก็ได้อไม่มีอย่างอื่นหรือ
00:14:22 → 00:14:24 บางท่านก็มีนะคะบางครั้งพูดผิดปกติอย่าง
00:14:24 → 00:14:27 เดียวโดยที่ไม่ได้อ่อนแรงไม่ได้อะไรเลย
00:14:27 → 00:14:30 อ๋อก็ต้องแล้วแต่บางบางใช่หือบางท่านก็มา
00:14:30 → 00:14:32 อยู่ดีก็มาด้วยเช่นอาจจะขับรถไปอยู่ๆเอ๊
00:14:32 → 00:14:34 ขับรถชนวันนี้ออกจากบ้านก็ชนประตูรด้าน
00:14:34 → 00:14:37 ขวาสมมติอืขับไปบานี้ก็ไม่รู้ตัวหรอกว่า
00:14:37 → 00:14:41 ชนอืออ่ะเอ๊ทำไมรถรถเหมือนกับเป็นรอยด้าน
00:14:41 → 00:14:43 ขวาอะไรอย่าเงี้ยก็แสดงว่าอาจจะมองไม่
00:14:43 → 00:14:47 เห็นอ๋อีขวาค่ะนะคะหรือการแบ่งระยะต่างๆ
00:14:47 → 00:14:49 ที่ัวสมองใช่อันนี้ก็เป็นอาการที่ที่เจอ
00:14:49 → 00:14:51 ได้บ่อยเหมือนกันบางท่านก็ก็ไม่รู้ตัวว่า
00:14:52 → 00:14:54 ว่าเป็นแต่คุณผู้ชมสังเกตตรงนี้นะคะเพราะ
00:14:54 → 00:14:59 ว่าคุณหมอเนี่ยเน้นย้ำว่าให้ไปพบแพทย์โดย
00:14:59 → 00:15:02 โดยเร็วที่สุดใช่ค่ะตรงเยค่ะคุณหมอคะทำไม
00:15:02 → 00:15:05 เราต้องให้น้ำหนักกับเรื่องของเร็วที่สุด
00:15:05 → 00:15:08 อะไรตรงนี้ด้วยเพราะว่าอ่าเมื่อเกิดอาการ
00:15:08 → 00:15:11 แล้วคุณหมอบอกว่าไปก่อนเลยโรงพยาบาลใกล้
00:15:11 → 00:15:14 บ้านการที่ไปพบแพทย์เร็วหรือช้าค่ะมันมี
00:15:14 → 00:15:17 ผลลับที่แตกต่างกันยังไงสำหรับเรื่องของ
00:15:17 → 00:15:20 โรคนี้ใช่มีมีผลมากเลยนะคะอย่างที่บอก
00:15:20 → 00:15:22 เมื่อกี้ที่บอกว่าส่วนที่สมองขาดเลือดไป
00:15:22 → 00:15:24 แล้วครับอันนั้นจะมีส่วนที่สมองขัดเลือด
00:15:24 → 00:15:27 มากที่สุดกับส่วนที่อยู่รอบๆขาดเลือดลอง
00:15:27 → 00:15:30 น้อยลงมานะคะแล้วต้องการเอ่อรักษาส่วนที่
00:15:30 → 00:15:32 มันขาดเลือดน้อยลงมาเนี่ยให้กลับมามี
00:15:32 → 00:15:35 เลือดไปเลี้ยงมากที่สุดไวที่สุดอเพื่อจะ
00:15:35 → 00:15:37 ได้ไม่กลายเป็นส่วนที่เนื้อสมองตายไปคน
00:15:37 → 00:15:40 อาการคนไข้จะได้กลับคืนมาโดยปกติมากที่
00:15:40 → 00:15:43 สุดนะคะฉะนั้นรีบมาวาเร็วที่สุดดีที่สุด
00:15:43 → 00:15:46 ก็จะมีโอกาสในการเลือกการรักษาได้มากขึ้น
00:15:46 → 00:15:49 อืนะคะเพราะก็ต้องขึ้นกับคนไข้แต่ละท่าน
00:15:49 → 00:15:52 ด้วยอาการแต่ละท่านว่าว่าจะเลือกการรักษา
00:15:52 → 00:15:55 แบบไหนอ๋อนะคะแล้วก็เวลาก็เป็นข้อจำกัด
00:15:55 → 00:15:58 อันนึงค่ะค่ะแต่หลังจากที่ไปพบแพทย์แล
00:15:59 → 00:16:01 แล้วเนี่ยนะคะหลังจากนั้นแพทย์นั้นจะมี
00:16:01 → 00:16:04 การวินิจฉัยอย่างไรรวมไปถึงวิธีการรักษา
00:16:04 → 00:16:07 ของโรคนี้ทำอะไรได้บ้างเดี๋ยวช่วงหน้ามา
00:16:07 → 00:16:09 ตอบให้ฟังกัน
00:16:09 → 00:16:15 [เพลง]
00:16:15 → 00:16:19 ค่ะเน้นย้ำเลยคุณผู้ชมครับเมื่อเริ่มมี
00:16:19 → 00:16:21 อาการพูดลำบากปากตกแล้วยกไม่ขึ้นเนี่ยนะ
00:16:21 → 00:16:24 ฮะต้องรีบไปพบคุณหมอในทันทีให้เร็วที่สุด
00:16:24 → 00:16:27 เท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อจะวินิจฉัยว่า
00:16:27 → 00:16:29 เป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือเปล่าเปล่านะ
00:16:29 → 00:16:31 ครับทีนี้พอไปพบคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะฮะ
00:16:32 → 00:16:34 มีอาการอย่างที่ว่ามาอาจจะครบไม่ครบอย่าง
00:16:34 → 00:16:36 ที่คุณหมอว่าไปว่าไม่จำเป็นว่าจะต้องครบ
00:16:36 → 00:16:40 ทุกอาการในทุกๆคนนะครับไปให้เร็วที่สุดพอ
00:16:40 → 00:16:43 ไปถึงแล้วคุณหมอจะมีวิธีการในการวินิจฉัย
00:16:43 → 00:16:45 ได้อย่างไรว่าอันนี้คือโรคหลอดด้วยสมอง
00:16:45 → 00:16:47 หรือว่าเกี่ยวข้องกับโรคอื่นยังไงฮะค่ะก็
00:16:47 → 00:16:49 พอไปถึงโรงพยาบาลปุ๊บส่วนใหญ่ก็จะเป็น
00:16:49 → 00:16:52 ห้องฉุกเฉินเจะมาแบบแบบฉุกเฉินนะคะก็จะมี
00:16:52 → 00:16:54 ทีมแพทย์และพยาบาลรีบเข้าไปถามประวัติ
00:16:54 → 00:16:57 อย่างรวดเร็วตกอย่างรวดเร็วถ้าสงสัยว่า
00:16:57 → 00:17:00 เป็นโรคหลือสมองก็จะรีบส่งทำเซเรย์
00:17:00 → 00:17:03 คอมพิวเตอร์สมองครับหรือที่เราเรียกว่า CT
00:17:03 → 00:17:05 สแกนอ่ะค่ะอค่ะพืที่จะดูว่าเอ๊ะเป็นโรค
00:17:05 → 00:17:07 หลือสมองจริงหรือเปล่าหรือว่าจริงๆแล้วมี
00:17:08 → 00:17:10 อย่างอื่นแอบแฝงอยู่นะคะถ้าเป็นโรคหล่อ
00:17:10 → 00:17:13 เลือดสมองจริงก็จะมาดูต่อว่ามีเลือดออก
00:17:13 → 00:17:15 มั้ยถ้าไม่มีเลือดออกจะก็เป็นสมองขาด
00:17:15 → 00:17:19 เลือดอ๋อครับอ๋อก็จะต้องไปเจาะแยกอีกที
00:17:19 → 00:17:23 นึงว่าจะเป็นแบบอ่าขาดเลือดหรือว่าแตกอ
00:17:23 → 00:17:26 สมองยังไงเลือดออกไปแล้วือเปล่าใช่คพอ
00:17:26 → 00:17:29 วินิจฉัยเสร็จแล้วปุ๊บรู้สาหเหตุรู้ว่า
00:17:29 → 00:17:33 เป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้วค่ะวิธีการรักษา
00:17:33 → 00:17:35 มันมีวิธีการรักษาอะไรบ้างคะแล้วหลอด
00:17:36 → 00:17:38 เลือดสมองตีบกับหลอดเลือดสมองแตกการรักษา
00:17:38 → 00:17:41 มันต่างกันมั้ยคะต่างต่างกันค่ะถ้าเป็น
00:17:41 → 00:17:44 สมองขาดเลือดนะคะถ้ามาเร็วอยู่ในเกณฑที่
00:17:44 → 00:17:46 กำหนดเช่นอย่างน้อยไม่ควรจะเกิน 4 ชม
00:17:46 → 00:17:49 ครึ่งโดยโดยทั่วไปนะคะก็อาจจะดูว่ามี
00:17:49 → 00:17:52 โอกาสได้รับยาดาลลิ้มเลือดหรือเปล่ายาลิม
00:17:52 → 00:17:54 เลือดนี่จะให้ทางหลอดเลือดดำให้แค่ครั้ง
00:17:54 → 00:17:57 เดียวค่ะนะคะถ้าอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดคุณ
00:17:57 → 00:18:00 หมอเก็จะให้นะคะอกับอีกอันนึงก็คือว่า
00:18:00 → 00:18:03 เอ่อถ้าเราทำ xray สมองแล้วเนี่ยก็จะทำ
00:18:03 → 00:18:06 xray คอมพิวเตอร์ดดหลับเลือดไปด้วยนะคะ
00:18:06 → 00:18:09 ถ้ามีลอดเลือดใหญ่อุตันก็อาจจะดูว่าอยู่
00:18:09 → 00:18:12 ในเกณฑที่จะได้รับการใส่อุปกรณ์เข้าไปนำ
00:18:12 → 00:18:14 ลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองลิ่มเลือดในหลอด
00:18:14 → 00:18:17 เลือดสมองเนี่ยออกมาได้หรือเปล่าอ๋อนะคะ
00:18:17 → 00:18:21 คนแคก็จะมีโอกาสดีขึ้นได้มากกว่าคนที่ไม่
00:18:21 → 00:18:24 ได้รับการรักษาโดย 2 วิธีนี้ค่ะนะคะหลักๆ
00:18:24 → 00:18:29 แล้วก็จะมีการให้ยาหรือใช้อุปกรณ์ช่วดใช่
00:18:29 → 00:18:32 ค่ะซึ่งไม่ต้อง 2 อย่างควบคู่กันไปแล้ว
00:18:32 → 00:18:35 แต่คนแล้วแต่อาการมากน้อยใช่ใช่ใช่ค่ะคุณ
00:18:35 → 00:18:38 หมอแต่ที่คุณหมอบอกว่ายาละลายลิ่มเลือด
00:18:38 → 00:18:41 ค่ะมันเป็นยาฉีดหรือยาเม็ดคะที่ให้กินยา
00:18:41 → 00:18:44 ฉีดค่ะยาฉีดทางหลอดเลือดดำอนะคะให้ครั้ง
00:18:44 → 00:18:47 เดียวค่ะไม่ใช่ยาเม็ดนะคะอ้าแล้วยาเม็ด
00:18:47 → 00:18:49 ที่เขาบอกว่าคุณทันยาละลายลิ่มเลือดอยู่
00:18:49 → 00:18:51 หรือเปล่าอันนั้นมันคืออะไรอ่ะอันนั้นบาง
00:18:51 → 00:18:54 ทีเราอาจจะเอ่อใช้คำคำผิดนิดนึงหรือเข้า
00:18:54 → 00:18:57 ใจกันผิดนิดนึงคำว่ายาลจริงๆเนี่ยจริงๆ
00:18:57 → 00:19:00 แล้วเป็นยาฉีดอ๋ออนะคะแต่ยาที่รับประทาน
00:19:00 → 00:19:03 กันในแง่ป้องกันอ่อเรื่องสมองตีบสมมุตคน
00:19:03 → 00:19:05 ที่ต้องทานนะคะอันนั้นก็จะเป็นยาจริงๆมัน
00:19:05 → 00:19:07 เป็นยาต้านเกล็ดเลือดอ่ะค่ะอย่างเช่น
00:19:07 → 00:19:09 แอสไพรินอะไรอย่างเงี้ยนะคะจริงๆแล้วมัน
00:19:09 → 00:19:11 เรียกว่ายาต้านเกล็ดเลือดหรือว่าแอนตี้
00:19:11 → 00:19:15 เพลตนะคะกับอีกกลุ่มนึงบางท่านมีหัวใจได้
00:19:15 → 00:19:17 ผิดจังหวะก็จะต้องรับประทานยาที่เรียกว่า
00:19:17 → 00:19:20 เช่นฟารินนะคะจริงๆแล้วมันเป็นยาป้องกัน
00:19:20 → 00:19:23 เลือดแข็งตัวค่ะนะคะไม่ไม่ใช่ยาอะไลลิ่ม
00:19:23 → 00:19:27 เลือดโออันนี้เป็นความรู้ใหม่เหมือนกันใ
00:19:27 → 00:19:30 ทานทาเรเราก็นึกว่าเป็นยารับประานใช่วิธี
00:19:30 → 00:19:32 การรักษาหลักๆแล้วส่วนใหญ่ก็คือจะให้ยา
00:19:32 → 00:19:36 นี่แหละแล้วผลของการรักษาคะคุณหมอผลลัพธ์
00:19:36 → 00:19:39 ที่ออกมาเนี่ยค่ะมันเป็นยังไงอ่ะคะผลลัพธ
00:19:39 → 00:19:40 เนี่ยเป้าหมายที่ต้องการที่สุดคือคนไข้
00:19:40 → 00:19:43 หายมาเป็นปกติเลย 100% เหมือนเดิมใช่ซึ่ง
00:19:43 → 00:19:46 กลุ่มนึงก็จะหายมาเป็นปกติได้ค่ะถ้ามา
00:19:46 → 00:19:48 เร็วถ้ามาเร็วมีโอกาสปกติมากกว่าคนที่มา
00:19:48 → 00:19:51 ช้าอนะคะแต่ว่าก็จะมีบางส่วนเหมือนกันที่
00:19:51 → 00:19:55 ไม่ได้หายเป็นปกติก็อาจจะมีความอะไรอ่ะ
00:19:55 → 00:19:56 ช่วยตัวเองไม่ได้อยู่บ้างแต่ว่าอาจจะไม่
00:19:56 → 00:20:00 มากอาจจะมาทำงานได้อ๋อประสิทธิภาพจะลดลง
00:20:00 → 00:20:02 ไปบ้างไม่หายไม่หายร้อยบ้าแต่ไม่ได้หาย
00:20:02 → 00:20:05 น้อยแต่ก็จะมีอีกกลุ่มนึงที่เหลือความ
00:20:05 → 00:20:07 พิการค่อนข้างเยอะอืฉอาจจะกลับไปทำงาน
00:20:07 → 00:20:09 เหมือนเดิมไม่ได้และค่ะดูแลตัวเองไม่ได้
00:20:09 → 00:20:12 ต้องมีคนช่วยดูแลอย่างเงี้ยค่ะอ๋อนะคะก็
00:20:12 → 00:20:14 จะมีอยู่ส่วนนึงหรือบางท่านอาจจะเสีย
00:20:14 → 00:20:19 ชีวิตไปเลยค่ะก็ได้นะคะแล้วคนที่หายไปแบบ
00:20:19 → 00:20:22 100% แล้วมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำมีค่ะมี
00:20:22 → 00:20:24 ค่ะอันนี้สำคัญมากเลยเพราะบางท่านเนี่ย
00:20:25 → 00:20:29 ชะล่าใจอุ๊ยดีใจเรารักษาหายและอทานยป้อง
00:20:29 → 00:20:32 กันไปแค่ช่วงนึงแล้วก็ไม่ทานต่ออ๋อเ
00:20:32 → 00:20:34 อันเนี้ยบางส่วนก็กลับมาเป็นซ้ำได้นะคะ
00:20:34 → 00:20:37 เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าถึงจะหาย 100% ครับ
00:20:37 → 00:20:40 ก็ต้องทานยาเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำต่อ
00:20:40 → 00:20:41 อ๋ต้องทาก็คือยานี้จะเป็นทาต่อเนื่องเลย
00:20:42 → 00:20:44 เหรครับถ้าเกิดเราเริ่มเป็นแล้วเนี่ยใช่ย
00:20:44 → 00:20:46 ใช่ค่ะโอยาต้องทันต่อเื่องเพราะว่ายา
00:20:46 → 00:20:49 เนี่ยไม่ได้ช่วยณตอนนั้นและฮยาจะช่วยป้อง
00:20:49 → 00:20:51 กันของใหม่อืนะคะเช่นคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง
00:20:52 → 00:20:54 ๆให้มาเป็นปกติมากที่สุดหรือว่าป้องกัน
00:20:54 → 00:20:58 ไม่ให้มีอะไรอ่ะหลอดเลืองสวงตีบซ้ำอืนะคะ
00:20:58 → 00:21:01 นั่นแปลว่าคุณหมออาจจะต้องซักซักประวัติ
00:21:01 → 00:21:03 นอกจากเรื่องของอาการและการรักษาเนี่ย
00:21:03 → 00:21:05 เพื่อที่จะหลังจากหายไปแล้วเนี่ยเราจะได้
00:21:05 → 00:21:08 ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตด้วยเรื่อง
00:21:08 → 00:21:11 ของอาหารต่างๆที่เราทานหวานมันเค็มที่เรา
00:21:11 → 00:21:14 จะต้องลดไปใชค่ะโอ้ๆหลักๆคือคุมปัจจัย
00:21:14 → 00:21:18 เสี่ยงให้ปกติมากที่สุดแล้วก็ออกกำลังกาย
00:21:18 → 00:21:21 หลีกเลี่ยงเลิกได้ก็ดีที่สุดค่ะบุหรี่
00:21:21 → 00:21:23 เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
00:21:23 → 00:21:27 อืทีนี้ถ้าสมมุติในกรณีที่มาไม่ทันค่ะ
00:21:27 → 00:21:31 หรือว่าปผ่านไปจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ปฮะ
00:21:31 → 00:21:34 ค่ะค่ะเอ่อสมมุติบอกว่ามาไม่ทันจริงๆๆก็
00:21:34 → 00:21:36 ยังอยากให้มาอยู่นะคะคือมาแล้วที่เร็ได้
00:21:36 → 00:21:38 แล้วกันมาเถอะเพราะยไงก็ต้องดูอยู่ดีว่า
00:21:38 → 00:21:41 เป็นโรคหลดสมองจริงมั้ยแล้วถ้าเป็นเป็น
00:21:41 → 00:21:44 แบบไหนเพื่อจะได้รักษาต่อเหมือนกันค่ะนะ
00:21:44 → 00:21:47 คะออค่ะอืแล้วถ้าเกิดสมมุติว่าไปถึงแล้ว
00:21:47 → 00:21:50 แล้วเกิดมันช้าจริงๆแล้วเนี่ยจะเกิดอะไร
00:21:50 → 00:21:53 ขึ้นกับผู้ป่วยฮะค่ะบางครั้งถ้าไปถึงช้า
00:21:53 → 00:21:55 จริงๆนะคะบางครั้งถ้ามันเป็นสมองขันเลือก
00:21:55 → 00:21:59 ขนาดใหญ่นะคะก็มีโอกาสที่สมองมันจะบวมมาก
00:21:59 → 00:22:02 ขึ้นนะคะแล้วก็จะไปกดเบียดสมองอีกข้างนึง
00:22:02 → 00:22:05 ได้ทำให้คนไข้เนี่ยอาการจะแย่ลงได้ความ
00:22:05 → 00:22:09 รู้สึกตัวก็จะลดลงบางครั้งถ้ารักษาไม่อาจ
00:22:09 → 00:22:12 จะเสียชีวิตได้เลยนะคะแต่ถ้ารักษาทันบาง
00:22:12 → 00:22:14 ครั้งก็อาจจะต้องได้รับการท่าตัดเหมือน
00:22:14 → 00:22:17 กันนะคะเพื่อจะเปิดกะโหลกให้สมองที่มัน
00:22:17 → 00:22:20 บัวเเยอะเนี่ยเอ่อพยายามพยายามดันออกมา
00:22:20 → 00:22:23 ได้ไม่ไปกดเบียดสมองด้านตรงข้ามที่จะทำ
00:22:23 → 00:22:25 ให้เสียชีวิตได้ค่ะค่ะที่คุณหมอบอกว่า
00:22:25 → 00:22:28 วิธีการรักษาหนึ่งในนั้นมันมีเรื่องของ
00:22:28 → 00:22:31 การผ่าผ่าตัดด้วยจุดไหนที่จะต้องแบบอื
00:22:31 → 00:22:33 ต้องผ่าตัดแล้วนะค่ะการผ่าตัดสำหรับคนไข้
00:22:33 → 00:22:35 ที่เป็นสมองขาดเลือดเนี่ยมาใช้ในสมองขาด
00:22:35 → 00:22:38 เลือดขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะแล้วก็มีเนื้อ
00:22:38 → 00:22:41 สมองตายค่อนข้างเยอะแล้วก็มีสมองบวมกด
00:22:41 → 00:22:43 เบียดสมองอีกข้างนึงเยอะอันนี้อาจจะต้อง
00:22:43 → 00:22:46 ผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตพแต่เพื่อเปิดกะโหลก
00:22:46 → 00:22:49 ศีษาค่ะเพื่อให้สมองมีที่เบียดออกมาได้
00:22:49 → 00:22:51 ต้องบอกกว่าไม่ได้ทำให้หายนะคะอันนี้
00:22:51 → 00:22:54 เพื่อช่วยชีวิตไม่ให้เป็นสมองซีกนึงไป
00:22:54 → 00:22:57 เบียดอีกซีกนึงอแล้วจะเสียชีวิตครับแล้ว
00:22:57 → 00:23:00 โอกาสเห็นการที่เกิดความพิการหรือว่าเป็น
00:23:00 → 00:23:02 อัมพฤกษ์อัมพาตต่างๆเนี่ยมันมี
00:23:02 → 00:23:04 เปอร์เซ็นต์สูงมั้ยฮะถ้าถ้ากลุ่มที่สมองค
00:23:04 → 00:23:06 ขนาดใหญ่ก็จะมีความพิการค่อนข้างค่อนข้าง
00:23:06 → 00:23:09 สูงค่ะค่อนข้างเยอะอ๋อครับพอคุณหมอพูดถึง
00:23:09 → 00:23:13 การผ่าตัดคือมีเหมือนข้อมูลบางแหล่งซึ่ง
00:23:13 → 00:23:15 ก็อาจจะน่าเชื่อถือหรือเปล่าไม่รู้เลยจะ
00:23:15 → 00:23:18 ถามคุณหมอเห็นบอกว่าพวกเจาะหูเจาะปลาย
00:23:18 → 00:23:20 นิ้วเพื่อเอาเลือดอะไรออกมาเนี่ยมัน
00:23:20 → 00:23:22 อันเนี้ยมันเป็นเรื่องจริงมั้ยฮะอจริงๆ
00:23:22 → 00:23:24 ไม่ไม่ควรทำไม่ได้ช่วยไม่ไม่ควรด้วยไม่
00:23:24 → 00:23:26 ได้ช่วยไม่ควรด้วยค่ะครับมันมันมันเกิดมา
00:23:26 → 00:23:29 จากอะไรถึงมีแนวคิดพวกนี้ไม่แน่ใจเหมือน
00:23:29 → 00:23:31 กันคะว่าว่าได้มาจากไหนแต่เคยได้ยิน
00:23:31 → 00:23:32 เหมือนกันใช่มั้ยฮแล้วมันจะไปเกิดอะไร
00:23:32 → 00:23:34 ขึ้นมฮะถ้าเราไปสมมุติไปเจาะนิ้วมัน
00:23:34 → 00:23:37 เกี่ยวอะไรมั้ยฮะก็ก็คือ 1 ไม่ได้ช่วยอ่า
00:23:37 → 00:23:39 ถเลือสมองที่สมมุติลหเลสมองที่เป็นอยู่
00:23:39 → 00:23:40 เนี่ยอาจจะแย่ลงเพราะถ้าเราไม่ได้ไปโรง
00:23:40 → 00:23:43 พยยาบาลถููมั้ยเรามามัวแต่เจาะกูเรืมัว
00:23:43 → 00:23:45 แต่มานั่งทำผิดวิธีมันเสีย 2 ก็อาจจะเจ็บ
00:23:45 → 00:23:48 ตัวโดยไม่ได้จำเป็นอกลันทีเดี๋ยวไปจอดติด
00:23:48 → 00:23:52 เชื้ออีกอ๋อทางที่ดีอย่าไปทำอะไรเองเพราะ
00:23:52 → 00:23:54 มันจะเสียโอกาสในการรักษาที่มันถูกต้องไง
00:23:54 → 00:23:56 เพราะมันยิ่งเป็นโรคที่เป็นภัยเงียบเป็น
00:23:56 → 00:23:59 ภัยเฉียบพลันมันต้องไปเร็วมากถูกแล้วมัน
00:23:59 → 00:24:01 อันตรายด้วยนะคะคุณหมอบางคนเนี่ยแ่ะใช่พอ
00:24:01 → 00:24:04 เป็นโรคแบบนี้และสังเกตแบบนี้แล้วปุ๊บไป
00:24:04 → 00:24:07 ซื้อยาละลายลิ่มเลือดกินเองอย่างเงี้ยค่ะ
00:24:07 → 00:24:09 ไม่ควรไม่ควรไม่ควรเนาะจริงๆมันคงไม่ใช่
00:24:09 → 00:24:12 ยาลิ้มเลือดเนาะเออไปซื้อคงเป็นพวกแพียา
00:24:12 → 00:24:14 ต้านเกร็ดเลือดคนถามว่าเอ๊ะจะทานเลยดีมย
00:24:14 → 00:24:17 พอมีอาการปุ๊บบอกไม่ควรนะคะเพราะไม่
00:24:17 → 00:24:20 เหมือนหัวใจหัวใจเนี่ยก็จะมีก็หัวใจขาด
00:24:20 → 00:24:22 เลือดเฉียบพลันใช่มั้ยคะไม่ได้มีเลือดออก
00:24:22 → 00:24:25 ในหัวใจงไม่มีค่ะนะคะแต่เราได้สมองเมันคน
00:24:25 → 00:24:28 ละอย่างมันมีทั้งตีบทั้งแตกครับถ้าเกิด
00:24:28 → 00:24:30 เรามีอาการปุ๊บวเราไปซื้อยาต้านเกล็ด
00:24:30 → 00:24:33 เลือดเช็ดไีมาทานเลยเพื่อจะป้องกันปรากฏ
00:24:33 → 00:24:35 ว่าอถ้ามันเป็นแตกล่ะเลือดอสมอยู่แล้วก็
00:24:35 → 00:24:38 จะยิงเลือดออกมากขึ้นค่ะคนก็จะเป็นผลเสีย
00:24:38 → 00:24:40 กับคนไข้เองอืนะคะเพราะฉะนั้นมันต้องมา
00:24:40 → 00:24:42 โรงพยาบานก่อนแล้วก็ต้องทำเซเรย์
00:24:42 → 00:24:45 คอมพิวเตอร์สมองหรือว่าจริงๆแล้วมันตีบ
00:24:45 → 00:24:48 หรือแตกกันแน่จะได้รักษาให้ตรงอ๋อครับ
00:24:48 → 00:24:50 แล้วการการการรักษาแบบที่ใช้อุปกรณ์ที่
00:24:50 → 00:24:53 คุณหมอว่าที่อันนี้คือการสวนที่เค้าเรียก
00:24:53 → 00:24:55 ว่าการสวใชๆๆๆคล้ายๆสวนหัวใจเหมือนกันแบบ
00:24:55 → 00:24:58 เดียวกันแต่อันนี้เป็นเป็นเข้าไปทางไปสู่
00:24:58 → 00:25:01 หลอดเลือกสมองเลยครับนะคะแบบนี้เนี่ยมี
00:25:01 → 00:25:03 ทุกโรงพยาบาลมั้ยฮะเออต้องบอกว่ายังไม่มี
00:25:03 → 00:25:05 ทุกโรงพยาบาลต้องเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่
00:25:05 → 00:25:07 หรืออย่างโรงพยาบาลเอ่อมหาวิทยาลัยอย่า
00:25:07 → 00:25:10 เงี้คจะมีทุกแห่งค่ะนะคะอนั่นแปลว่าทาง
00:25:10 → 00:25:12 สูยความเป็นเลิศของทางจุฬาก็จะมี
00:25:12 → 00:25:15 เทคโนโลยีในการรักษาแบบนี้ค่ะก็สามารถให้
00:25:15 → 00:25:17 บริการได้ตลอด 24 ช่มครับอาเขเปิด 24
00:25:17 → 00:25:19 ชั่วโมงเลยใช่ค่ะก็สามารถช่วยคนไข้ได้แต่
00:25:20 → 00:25:21 ว่าก็ต้องก็ต้องมานะคือถ้าถ้าเป็นแล้วไม่
00:25:22 → 00:25:24 มาเราก็เราก็อยากจะช่วยแะแต่ว่าไม่รู้จะ
00:25:24 → 00:25:27 ช่วยยังไงค่ะคุณหมอมีคำถามจากคุณผู้ชมทาง
00:25:27 → 00:25:30 บ้านคามมาบอกบอกว่าปัจจัยเรื่องของการพัก
00:25:30 → 00:25:34 ผ่อนน้อยนอนดึกอย่างเงี้ยค่ะมันจะนำมาสู่
00:25:34 → 00:25:37 โรคหลอดเลือดได้มั้คะโอเคต้องบอกว่ามัน
00:25:37 → 00:25:39 มันไม่ใช่เป็นปัจจัยหลักโดยตรงเพียแต่ว่า
00:25:39 → 00:25:42 สมมุติพักผ่อน้อยนอนดึกเนี่ยก็อาจจะมี
00:25:42 → 00:25:44 โอกาสทำให้ปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายเนี่ยมัน
00:25:44 → 00:25:48 เป็นมากขึ้นได้ใช่มเช่นความดันรสูงอะไร
00:25:48 → 00:25:51 อย่างเงี้ยมันก็จะมีโอกาสมากขึ้นได้นะคะ
00:25:51 → 00:25:53 มันคงไม่ใช่เป็นปัจจัยหลักโดยตรงแต่ว่า
00:25:53 → 00:25:55 เราก็ควรจะพักกว่อได้เพียงพออันนี้พูถึง
00:25:55 → 00:25:59 โดทๆไปมันทำให้ร่างกายเราอ
00:25:59 → 00:26:04 อุโนี้อยู่เป็นปกติอยู่แล้วอันแล้วคุณหมอ
00:26:04 → 00:26:07 ก็บอกแล้วว่าปัจจัยที่เราควรที่จะหลีก
00:26:07 → 00:26:09 เลี่ยงเพื่อห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บไม่
00:26:09 → 00:26:11 ใช่เฉพาะโรคนี้อย่างเดียวใช่ค่ะกินอาหาร
00:26:11 → 00:26:15 ที่มีประโยชน์ดูแลสุขภาพให้ดีออกกำลังกาย
00:26:15 → 00:26:19 สม่ำเสมออยู่เป็นประจำคุณหมอทีนี้เนี่ย 29
00:26:19 → 00:26:23 ตุลาคมถือว่าเป็นวันหลอดเลือดสมองใช่ค่ะ
00:26:23 → 00:26:27 วันโรคหลอดเลือดสมองโลกออในส่วนของศูนย์
00:26:27 → 00:26:30 เรามีการจัดกิจกรรมมั้ยคะมีค่ะในส่วนของ
00:26:30 → 00:26:32 ศูนย์โรคเรสมองที่โรงพยาบาจุฬาลงกรณ์
00:26:32 → 00:26:36 เนี่ยก็มีการจัดงานวันโรคหลอือสมองโลกนะ
00:26:36 → 00:26:39 คะแต่ปีนี้เราจัดวันที่ 19 ตุลาคมเป็นวัน
00:26:39 → 00:26:43 พุธนะคะในช่วงเช้าครึ่งวันเช้านะคะก็จะมี
00:26:43 → 00:26:46 การเอ่อเหมือนกับเสวนาพูดคุยเกี่ยวกับโรค
00:26:46 → 00:26:49 หลอดือดสมองนะคะแล้วก็จะมีเอ่อเอ่อคนไข้
00:26:49 → 00:26:53 ซึ่งท่านก็ให้เกียรติมามาร่วมงานกับเรา
00:26:53 → 00:26:55 แบ่งปันประสบการณ์แบ่งประสบการณ์ใช่ว่า
00:26:55 → 00:26:57 ทำไมเอ๊ะท่านถึงดีขึ้นท่านมาโรงานเร็วยัง
00:26:58 → 00:27:00 ไงอะไรอย่าเงี้ยดูแลตัวเองยังไงค่ะนะคะก็
00:27:00 → 00:27:04 จะได้แชร์แบ่งปันประสบการณ์กันนะคะก็จะ
00:27:04 → 00:27:06 ค่ะค่ะถ้าเกิดว่าคุณผู้ชมทางบ้านอาจจะไม่
00:27:07 → 00:27:10 สะดวกไปที่สถานที่จัดงานเลยเนี่ยนะคะเขา
00:27:10 → 00:27:13 สามารถติดตามได้ยังไงบ้างคะค่ะได้ค่ะแล้ว
00:27:13 → 00:27:15 ก็จะมีทั้งส่วนที่มาที่โรงพยาบาลเลยแต่
00:27:15 → 00:27:17 ว่าเราต้องบอกว่ารับจำเนินจำกัดอยู่เพราะ
00:27:17 → 00:27:19 เราก็ยังต้องต้องลงทะเบียนแล้วนั้นเราจะ
00:27:19 → 00:27:22 รับแค่ 50 คนก่อนเพราะว่าเราก็ยังเอ่อไม่
00:27:22 → 00:27:24 อยากให้โควิดมาใกล้ชิดกันเยอะๆนะคะแลส่วน
00:27:24 → 00:27:26 ที่เหลือเนี่ยหรือท่านที่ไม่สวโรงพยาบาล
00:27:26 → 00:27:29 ก็สามารถลงทะเบียนแล้วรับชมทางมีทั้งทั้ง
00:27:29 → 00:27:32 Zoom แล้วก็ Facebook Live ได้ค่ะอืนะ
00:27:32 → 00:27:34 คะครับซึ่งทางศูนย์ความเป็นเลิศทางการ
00:27:34 → 00:27:37 แพทย์ของทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เนี่ยคือ
00:27:37 → 00:27:39 ในโรคหลอดเลือดสมองเนี่ยมีแบบการรักษาแบบ
00:27:39 → 00:27:41 ครบวงจรอย่างที่คุณหมอว่าเลยใช่มั้ย
00:27:41 → 00:27:43 เรื่องของการวินิจฉัย CT ต่างๆเนี่ยใช่ใช
00:27:43 → 00:27:46 ใช่ค่ะอืแล้วทีนี้สมมุติในกรณีที่คนไข้
00:27:47 → 00:27:50 เกิดไปที่ใกล้บ้านเพราะว่าอาการเนี่ยมัน
00:27:50 → 00:27:52 มาแล้วต้องรีบไปหาคุณหมอเนี่ยแล้วเป็นอาจ
00:27:52 → 00:27:55 จะเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กแล้วจำเป็นว่าจะ
00:27:55 → 00:27:58 ต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆอันนี้แปลว่าจะต้องมี
00:27:58 → 00:28:00 มีการส่งต่อหรือว่าใช่ต้องมีการส่งต่อ
00:28:00 → 00:28:02 แล้วต้องบอกว่าที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
00:28:02 → 00:28:04 เนี่ยก็เป็นศูนย์ส่งต่อเหมือนกันเรามีโรง
00:28:04 → 00:28:06 พยาบาลที่เราเอ่อช่วยดูแลอยู่นะคะตามรอบๆ
00:28:06 → 00:28:08 ในกรุงเทพฯกับชานเมืองเนี่ยประมาณ 20
00:28:08 → 00:28:11 กว่าโรงพยาบาลได้นะคะซึ่งก็จะเป็นเครือ
00:28:11 → 00:28:13 ข่ายกันอยู่แล้วนะคะส่วนนึงเขาก็จะส่งต่อ
00:28:13 → 00:28:16 มาที่เราอยู่แล้วส่วนนึงนะคะแต่ยังอยาก
00:28:16 → 00:28:19 เชียรว่าถ้ามีอาการปุ๊บเนี่ยให้เป็น
00:28:19 → 00:28:21 โรงบาลเร็วที่สุดค่ะนะคะเอาโรงบาลใกล้ๆ
00:28:21 → 00:28:23 ก่อนก็ได้ใกล้ๆ 2 ก็ได้ออเพราะว่ามัน
00:28:23 → 00:28:26 เฉียบพันจริงๆนะถูกต้องเพราะว่าถ้าเกิด
00:28:26 → 00:28:30 ว่าสมมุติว่าเรารู้เร็วรักษาเร็วโอกาสหาย
00:28:30 → 00:28:33 ก็เร็วแต่โดยระยะเวลาเฉลี่ยของการรักษา
00:28:33 → 00:28:36 สำหรับโรคหลอดเลือดสมองเนี่ยคุณหมอมันใช้
00:28:36 → 00:28:39 เวลาสั้นยาวขนาดไหนคะเอ่อเวลาอาจจะบอก
00:28:39 → 00:28:41 ลำบากเพราะแต่ละคนไม่เท่ากันอย่างที่บอก
00:28:41 → 00:28:43 บางครั้งถ้าเป็นแบบชั่วคราวสำคัแลชั่ว
00:28:43 → 00:28:46 คราวเนี่ยหายเองเลยค่ะนะคะแต่ถ้าเกิดไม่
00:28:46 → 00:28:49 ใช่เอ่อใช่นับยาอะไรลิ่มเลือดหรือไปนำ
00:28:49 → 00:28:51 ลิ่มเลือดใส่อุปกรณ์ไปนำลิ่มเลือดออกมา
00:28:51 → 00:28:53 เนี่ยก็อาจจะหายง่ายหน่อยนะคะแต่ถ้าไม่
00:28:53 → 00:28:55 ใช่บางครั้งก็ต้องก็ต้องดูแลกันตลอดอ่ะ
00:28:55 → 00:29:00 ค่ะอืค่ะแล้วที่สำคัญการทำกายภาพบำบัดนะ
00:29:00 → 00:29:03 คะสมมุติเป็นแล้วก็ต้องฟื้นฟูร่างกายทำ
00:29:03 → 00:29:05 กายภาพบำบัดเพื่อไม่ให้ให้กล้ามเนื้อมัน
00:29:05 → 00:29:08 มีแรงดีแล้วก็ไม่ให้ยึดติดนะคะเวลามันมี
00:29:08 → 00:29:10 โอกาสหายจะได้ขยับได้ดีถ้ากล้าเมืมันยึด
00:29:11 → 00:29:13 ติดไปแล้วมันก็ลำบากและมันก็จะเกร็งนะคะ
00:29:13 → 00:29:16 ในๆคุณหมอพูดถึงเรื่องของการกายภาพบำบัด
00:29:16 → 00:29:18 แล้วขอลงลึกตรงนี้นิดนึงว่าสำหรับการ
00:29:18 → 00:29:21 กายภาพบำบัดสำหรับคนที่เป็นโรคหลอดเลือด
00:29:21 → 00:29:24 สมองอ่ะค่ะมันมีวิธีการทำกายภาพบำบัดยัง
00:29:25 → 00:29:27 ไงอ่ะคะค่ะมันคงจะมีหลายวิธีอาจจะขึ้น
00:29:27 → 00:29:31 อยู่กับเป็นตำแหน่งไหนค่ะนะคะสมมุติคเช่น
00:29:31 → 00:29:36 เป็นตำแหน่งชาครึ่งซีกค่ะแขนขาค่ะก็จะมี
00:29:36 → 00:29:38 วิธีการที่จะต้องขยับกล้ามเนื้อถูกมั้ยคะ
00:29:38 → 00:29:41 ใช่อันในแง่อ่อนแรงนะคะก็จะมีการขยับ
00:29:41 → 00:29:43 กล้ามเนื้อที่เดี๋วนี้ปัจจุบันบางครั้งก็
00:29:43 → 00:29:45 มีการใช้อุปกรณ์เพิเพิ่มด้วยเช่นมีการทำ
00:29:45 → 00:29:48 ใช้หุ่นยนต์โรบอที่ช่วยในการออกกำลังกาย
00:29:48 → 00:29:51 ด้วยเหมือนกันนะคะแต่การกายภาพบำบัดแบบ
00:29:51 → 00:29:55 นี้เราสามารถทำเองที่บ้านได้หรือต้องไป
00:29:55 → 00:29:58 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไปโรงพยาบาลค่ะส่วน
00:29:58 → 00:30:00 ใหญ่เราจะให้พบผู้เชี่ยวชาญก่อนสมมติเป็น
00:30:00 → 00:30:02 คนไข้ในโรงพานอยู่แล้วพบผู้เชี่ยวชานก่อน
00:30:02 → 00:30:05 แล้วก็จะให้คำแนะนำบางสวนอาจจะทำเองที่
00:30:05 → 00:30:07 บ้านได้เลยบส่วนอาจจะให้มาโงชานก่อนระยะ
00:30:07 → 00:30:11 แรกอย่าเงี้ยค่ะค่ะก็ได้ทั้ง 2 วิธีอนะคะ
00:30:11 → 00:30:13 การให้ความสำคัญกับเรื่องของการกายภาพ
00:30:13 → 00:30:17 บำบัตมาเพราะบางคนละเลยค่ะจริงๆเราควรให้
00:30:17 → 00:30:19 ความสำคัญตรงจุดนี้เป็นเพราะอะไรคะคุณหมอ
00:30:19 → 00:30:22 เพราะว่ามันจะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แรงเ
00:30:22 → 00:30:25 กลับมาเหมือนเดิมได้มากที่สุดอืกับชอย่าง
00:30:25 → 00:30:27 น้อยไม่ให้กล้ามเนื้อยึดติดด้วยเพถ้ามัน
00:30:27 → 00:30:29 ยึดติดแล้วมันก็จะขยับลำบากแล้วมันเจ็บ
00:30:29 → 00:30:33 ค่ะนะคะออ่ะเพราะฉะนั้นโดยรวมรู้เร็วรอด
00:30:33 → 00:30:36 แล้วก็รีบไปรักษาให้เร็วที่สุดเพื่อที่
00:30:36 → 00:30:39 เราอาจมีโอกาสหายขาดได้แต่หลังจากนั้นเรา
00:30:39 → 00:30:41 ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยใช่อันนั้น
00:30:41 → 00:30:44 คือสำคัญที่สุดเลยห่างไกลจากโรคภัยไข้
00:30:44 → 00:30:46 เจ็บคุณต้องไปดูต้นต่อต้นทางก่อนต้น
00:30:46 → 00:30:49 เรื่องเลยปัจจัยการใช้ชีวิตของเราเนี่ย
00:30:49 → 00:30:51 สำคัญที่สุดเพราะว่าหลายโรคภัยเนี่ยนะคะ
00:30:51 → 00:30:53 ที่มันเป็นภัยเงียบมากๆคุณหมอคะอย่างงี้
00:30:53 → 00:30:56 ถ้าเกิดว่าคุณผู้ชมทางบ้านอยากจะหาข้อมูล
00:30:56 → 00:30:59 เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนี้โดยเฉพาะสามารถ
00:30:59 → 00:31:01 ติดต่อหรือว่าไปติดตามได้ช่องทางไหนบ้าง
00:31:01 → 00:31:04 คะใชค่ะสามารถเข้าไปดูใน Facebook ได้นะ
00:31:04 → 00:31:06 คะของศูนย์โรกต่อเลือดสมองโรงพาน
00:31:06 → 00:31:09 จุฬาลงกรณ์สภากาชาติไทยค่ะค่ะก็อย่างที่
00:31:09 → 00:31:12 ขึ้นหน้าจอณขณะนี้นะคุณผู้ชม Facebook
00:31:12 → 00:31:15 ของทางศูนย์รวมไปถึงเบอร์โทรศัพท์อันนี้
00:31:15 → 00:31:19 ก็สามารถโทรไปได้นะคะเพื่อสอบถามเราอาจจะ
00:31:19 → 00:31:22 มีคนใกล้ชิดนะคะก็แบ่งปันความรู้กันได้นะ
00:31:22 → 00:31:24 วันนี้ต้องกราบขอบพระคุณคุณหมอมากๆเลยค่ะ
00:31:24 → 00:31:25 ที่มาให้ข้อมูลกับเราในวันนี้ขอบพระคุณนะ
00:31:25 → 00:31:28 คะขอบคุณขอบพระคุณค่ะคุณผู้ชมคะเดี๋ยว
00:31:28 → 00:31:31 ช่วงนี้เราพักกันสักครู่นะคะส่วนช่วงหน้า
00:31:31 → 00:31:33 มาเติมเต็มความรู้เกี่ยวกับเรื่องถ้าเกิด
00:31:33 → 00:31:36 ว่าเราเจอในเหตุการณ์ที่บอกว่าเด็กเนี่ย
00:31:36 → 00:31:40 เขไปเจอเหตุการณ์รุนแรงแล้วเราจะรับมือ
00:31:40 → 00:31:43 กับสิ่งนี้อย่างไรเดี๋ยวช่วงหน้ามาตอบให้
00:31:43 → 00:31:44 ฟังกัน
00:31:44 → 00:31:55 [เพลง]
00:31:55 → 00:31:58 ค่ะช่วงนี้เนี่ยมันมีความเรื่องความรุน
00:31:58 → 00:32:00 แรงเนี่ยมันเยอะมากนะมันไม่ใช่เฉพาะใน
00:32:00 → 00:32:03 ประเทศไทยของเราแต่ในต่างประเทศก็เยอะมาก
00:32:03 → 00:32:05 แล้วสิ่งที่สำคัญคือถ้าเด็กได้รับผลกระทบ
00:32:05 → 00:32:09 จากเหตุการณ์ต่างๆมีผลกับเรื่องของจิตใจ
00:32:09 → 00:32:11 ของเด็กเป็นอย่างมากเลยนะฮะเนื่องจากว่า
00:32:11 → 00:32:14 เด็กๆคุณผู้ชมฮะเขาจะมีความเข้าใจกับเหตุ
00:32:14 → 00:32:18 การณ์ในความรุนแรงเนี่ยน้อยกว่าผู้ใหญ่
00:32:18 → 00:32:21 ของแบบเรานะครับ 2 เด็กเขาจะรู้สึกว่าตัว
00:32:21 → 00:32:24 เองเนี่ยไม่สามารถที่จะเป็นคนไปควบคุม
00:32:25 → 00:32:28 หรือว่าจัดการกับสถานการณ์ต่างๆได้เรื่อง
00:32:28 → 00:32:30 ที่ 3 ก็คือเด็กอาจจะรู้สึกว่าตัวเขาเอง
00:32:30 → 00:32:33 ไม่มีประสบการณ์ที่จะรับมือสถานการณ์ที่
00:32:33 → 00:32:36 ยากลำบากค่ะไอ้สิ่งเหล่านี้ต่างๆเนี่ยพอ
00:32:36 → 00:32:38 เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วเนี่ยมันจะไปกระทบ
00:32:38 → 00:32:41 กับความรู้สึกของเขา 1 เลยนะสุขภาพจิตอื
00:32:41 → 00:32:46 อาจจะเกิดภาวะซึมเศร้าวิตกกังวล 2 เกิด
00:32:46 → 00:32:48 ขึ้นกับพัฒนาการของเขาพัฒนาการอาจจะอยู่
00:32:48 → 00:32:52 ชะงักอาจจะโตอยู่แล้วก็อ้าวช้าลงค่ะนะ
00:32:52 → 00:32:56 ครับ 3 ก็คือการเรียนหนีเรียนโดดเรียน
00:32:56 → 00:32:58 แล้วผลการเรียนตกอย่างงี้เป็นต้นหรือ
00:32:58 → 00:33:01 พฤิกรรมไม่แน่นะบางคนเจอเหตุการณ์แบบนี้
00:33:01 → 00:33:04 มามีภาพฝังใจหรือว่าอะไรต่างๆเนี่ยอาจจะ
00:33:04 → 00:33:06 มีพฤติกรรมก้าวร้าวหลังจากนี้ก็ได้อันนี้
00:33:06 → 00:33:08 เราไม่ได้เจาะจงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์
00:33:08 → 00:33:10 หนึ่งแต่อาจจะหมายถึงความรุนแรงที่เกิด
00:33:10 → 00:33:13 ขึ้นในครอบครัวแล้วเขาซึมซับหรือเขาเห็น
00:33:13 → 00:33:16 อันนี้ก็เป็นไปได้นะมันขึ้นชื่อว่าผล
00:33:16 → 00:33:19 กระทบครับพอเป็นผลกระทบเนี่ยมันออกทางไหน
00:33:19 → 00:33:22 ก็ได้หมดเลยนะคะเพราะว่ามันกระทบกับ
00:33:22 → 00:33:24 เรื่องของจิตใจของเขาด้วยเนี่ยนะคะแล้ว
00:33:24 → 00:33:27 คุณพ่อคุณแม่จะรับมือกับสิ่งนี้ยังไงจะ
00:33:27 → 00:33:29 ช่วยให้เด็กๆเนี่ยรับมือกับผลกระทบจาก
00:33:29 → 00:33:32 เหตุการณ์รุนแรงได้อย่างไรก็มีคำแนะนำนะ
00:33:32 → 00:33:35 คะเขาบอกว่าให้เด็กเได้เล่าเได้พูดถึง
00:33:35 → 00:33:38 เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปสิ่งนี้จะช่วย
00:33:38 → 00:33:41 กระตุ้นให้เด็กได้แบ่งปันความคิดแล้วก็
00:33:41 → 00:33:44 ถามคำถามต่างๆถ้าเด็กเขาต้องการเล่าก็ให้
00:33:44 → 00:33:47 เขาเล่าเองอย่าไปบังคับเขาเด็ดขาดนะคะและ
00:33:47 → 00:33:50 นอกเหนือจากนี้ให้เด็กได้อยู่ใกล้ชิดกับ
00:33:50 → 00:33:54 ผู้ปกครองครูหรือผู้ใหญ่ที่เขาไว้เนื้อ
00:33:54 → 00:33:55 เชื่อใจเพราะตรงนี้ถือว่าเป็นเซฟโซนของ
00:33:55 → 00:33:59 เขาแลเพื่อที่จะให้เขารู้สึกปลอดภัยสงบ
00:33:59 → 00:34:01 เชื่อมต่อแล้วก็รู้สึกมีความหวังมากยิ่ง
00:34:01 → 00:34:06 ขึ้นว่ามีคนเคียงข้างเนะที่สำคัญลดการดู
00:34:06 → 00:34:09 สื่อให้มากที่สุดค่ะลดการดูสื่อที่เกี่ยว
00:34:09 → 00:34:11 ข้องกับเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นหลัง
00:34:11 → 00:34:14 จากนั้นและนอกเหนือจากนี้เมื่อเด็กพร้อม
00:34:14 → 00:34:16 ควรที่กระตุ้นให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัด
00:34:16 → 00:34:19 การผลกระทบบางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคม
00:34:19 → 00:34:21 เพื่อให้เขาเนี่ยมีความรู้สึกว่าตัวเอง
00:34:21 → 00:34:24 สามารถควบคุมสถานการณ์ได้บ้างค่ะอ่าถ้า
00:34:24 → 00:34:25 เราเห็นสังเกตพฤติกรรมพวกนี้นะครับโทรไป
00:34:26 → 00:34:30 ปรึกษาได้สายดุสุขภาพจิต 1 32 3 ค่ะฝาก
00:34:30 → 00:34:31 ไว้ด้วยนะคะเอาล่ะค่ะวันนี้รายการของเรา
00:34:31 → 00:34:33 หมดเวลาแล้วนะคะต้องลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:34:33 → 00:34:35 สวัสดีครับ
00:34:35 → 00:34:41 [เพลง]