00:00:00 → 00:00:03 ก็สวัสดีครับมีหลายคนนะครับเวลาที่ไปหา
00:00:03 → 00:00:06 หมอนะครับก็จะได้รับการวินิจฉัยซึ่งอาจจะ
00:00:06 → 00:00:08 ไม่ตรงกับโรคนะครับรวมทั้งบางครั้งได้รับ
00:00:08 → 00:00:11 การรักษามาแล้วมันก็ไม่หายนะฮะทำให้
00:00:11 → 00:00:13 จำเป็นจะต้องไปหาหมอท่านครับถัดไปนะครับ
00:00:13 → 00:00:16 แล้วก็เสียเวลาเสียโอกาสในการรักษานะครับ
00:00:16 → 00:00:19 เรามีวิธีในการแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่าง
00:00:19 → 00:00:22 ไรนะครับเวลาที่เราจะไปหาหมอถ้าเราเกือบ
00:00:22 → 00:00:23 ตัวอะไรบางอย่างสักนิดนึงเนี่ยนะครับเรา
00:00:23 → 00:00:26 ก็มีโอกาสที่จะได้วินิจฉัยที่โปร่งกับโรค
00:00:26 → 00:00:30 เรานะครับแล้วก็การรักษาก็จะเป็นทางที่
00:00:30 → 00:00:32 ถูกต้องมาขึ้นนะครับวันนี้ผมก็จะมาพูดใน
00:00:32 → 00:00:34 แง่ของมุมมองของแพทย์คนนึงละกันนะครับ
00:00:34 → 00:00:38 เวลาที่จะเจอคนไข้โดยเฉพาะเคสที่อาจจะยาก
00:00:38 → 00:00:42 หน่อยนะครับแล้วถ้าเราพลาดบางอย่างไปก็จะ
00:00:42 → 00:00:44 ทำให้การวินิจฉัยไม่ถูกต้องได้นะครับผมก็
00:00:44 → 00:00:46 จะมาเล่าเรื่องให้ฟังว่าถ้าเป็นคนไข้
00:00:46 → 00:00:48 เนี่ยะเราจะเตรียมตัวอย่างไรและเวลา
00:00:48 → 00:00:52 ปรึกษาหมอเนี่ยจะเอาอะไรเป็นถามไปพูดบ้าง
00:00:52 → 00:00:54 นะครับโอเคพบกับผมนะครับในแพทย์ธานี
00:00:54 → 00:00:56 ธนียวันนะครับเป็นอาจารย์ถ้าอยู่ที่
00:00:56 → 00:00:59 ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปอด
00:00:59 → 00:01:01 การปลูกถ่ายพอแล้วกดติดตามบัตรนะฮะก่อน
00:01:01 → 00:01:04 อื่นเลยนะครับเวลาหาหมอนะครับสิ่งที่
00:01:04 → 00:01:07 สำคัญที่สุดคือประวัตินะครับถ้าเรายิ่ง
00:01:07 → 00:01:10 สามารถเล่าได้ตรงจุดเท่าไหร่นะครับมีการ
00:01:10 → 00:01:13 ขยายความในสิ่งที่เราเล่าแล้วก็ก็เล่า
00:01:13 → 00:01:15 เป็นช่วงเป็นระยะเวลาว่าอะไรเกิดเมื่อ
00:01:15 → 00:01:18 ไหร่เกิดก่อนเกิดหลังเกิดตอนไหนนะครับอัน
00:01:18 → 00:01:20 นี้จะเป็นสิ่งที่ดีมากนะครับแต่สิ่งที่
00:01:20 → 00:01:23 เราจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงเลยก็คือว่าการ
00:01:23 → 00:01:26 เล่าน้ำท่วมทุ่งนะครับเราไปเรื่อยๆโดยที่
00:01:26 → 00:01:28 ไม่มีแก่นสารนะครับหรือบางครั้งหมอเขาถาม
00:01:28 → 00:01:30 อย่างหนึ่งเราไปเล่าอีกอย่างนึงนะฮะอัน
00:01:30 → 00:01:33 นี้จะทำให้หมอเขาได้ใช้ไฟเกรดได้นะครับ
00:01:33 → 00:01:35 แล้วก็ที่สำคัญคือถ้าเกิดคุณหมอที่เขา
00:01:35 → 00:01:37 ตรวจเราเนี่ยเขามีคนไข้เยอะแล้วเขามีเวลา
00:01:37 → 00:01:40 ให้เราไม่มากนะครับถ้าเรายิ่งเล่าออกนอก
00:01:40 → 00:01:43 ลู่นอกทางไปเรื่อยๆนะครับก็แน่นอนว่าเรา
00:01:43 → 00:01:45 อาจจะไม่ได้รับการวิชัยที่ถูกต้องแล้วก็
00:01:45 → 00:01:48 เป็นบ่อเกิดของการที่รักษาแล้วมันไม่หาย
00:01:48 → 00:01:54 ได้นะครับถามว่าอะไรคือเขตที่คนไข้เหล่า
00:01:54 → 00:01:58 นี้เล่าออกนอกรถทางนะครับส่วนใหญ่แล้วคน
00:01:58 → 00:02:00 ไข้แน่นอนก็จะมีความทุกข์ยากนะครับผมเข้า
00:02:01 → 00:02:03 ใจนะครับเราก็ต้องการที่เราจะระบายความ
00:02:03 → 00:02:06 ทุกข์ความบวกพวกความลำบากใจต่างๆออกมานะ
00:02:06 → 00:02:09 ฮะจะทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้นแล้วก็
00:02:09 → 00:02:12 บางครั้งรู้สึกว่าการเล่ายิ่งเข้าไปในทาง
00:02:12 → 00:02:14 กล้องนะเนี่ยจะทำให้หมอเข้าใจในตัวเองมาก
00:02:14 → 00:02:16 ขึ้นซึ่งจริงๆแล้วนี่มันไม่ใช่เท่าไหร่นะ
00:02:16 → 00:02:18 ครับเพราะว่าผมก็มีเวลาที่ผมอยู่ประเทศ
00:02:18 → 00:02:22 ไทยบางครั้งเนี่ยผมเจอนะเช็ดว่าผมถามว่า
00:02:22 → 00:02:25 คุณลุงปวดหัวมากี่วันแล้วครับคุณลงก็จะ
00:02:25 → 00:02:28 เล่าบอกว่าเออเนี่ยวันก่อนผมเป็นไข้มัน
00:02:28 → 00:02:30 ไม่เกี่ยวอะไรกับปวดหัวเลยถูกไหมครับ
00:02:30 → 00:02:33 เนี่ยหรือว่าบางครั้งก็เล่าว่าโอ๊ยตั้ง
00:02:33 → 00:02:36 ตั้งนานแล้วงานของลุงนี่คือนานเมื่อไหร่
00:02:36 → 00:02:39 แต่ผมก็ถามว่าเธอคุณลุงปวดหัวมานานนาน
00:02:39 → 00:02:41 เท่าไหร่แล้วครับโหเป็นเป็นมาตั้งนานแล้ว
00:02:41 → 00:02:44 เนี่ยเป็นมาตั้งนานเนี่ยมันไม่ได้บอกอะไร
00:02:44 → 00:02:48 ผมจึงนะครับถ้าคุณลุงบอกสักนิดว่าโอเคคุณ
00:02:48 → 00:02:50 ลุงเริ่มรู้สึกตัวปวดหัวผิดปกติเมื่อ
00:02:50 → 00:02:52 ประมาณอาทิตย์ที่แล้วนะครับตอนแรกปวด
00:02:52 → 00:02:55 บริเวณขมับทั้งสองข้างเป็นลักษณะบิดบีบนะ
00:02:55 → 00:02:58 ครับเป็นเฉพาะตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมานะครับ
00:02:58 → 00:03:00 มีอาการง่วงเหงาหาวนอนตอนเช้าด้วยวันนี้
00:03:00 → 00:03:02 ผมก็จะบอกได้แล้วโหลดอย่างนี้มันรกอะไรนะ
00:03:02 → 00:03:06 ครับแต่คุณลุงคุยไปว่าปวดหัวมานานแล้ว
00:03:06 → 00:03:09 เนี่ยลูกช่วงนี้เครียดนะครับแต่ก็ไม่แน่
00:03:09 → 00:03:11 ใจเหมือนกันว่ามันเป็นอะไรปวดหัวกินยาแก้
00:03:11 → 00:03:15 ปวดก็ไม่หายนะฮะไปกินยาสมุนไพรมากินอยู่
00:03:15 → 00:03:18 ซักระยะนึงมันก็ไม่หายเหมือนกันก็ไม่รู้
00:03:18 → 00:03:20 เป็นอะไรก็เลยมาหาหมอคือการเล่าแบบนี้
00:03:20 → 00:03:23 เนี่ยมันไม่มีแก่นสารของสิ่งที่เราจะไป
00:03:23 → 00:03:26 วิเคราะห์ได้นะครับส่วนเวลาที่เราต้องการ
00:03:26 → 00:03:29 จะวิสัยโรคพวกนี้นะฮะเราจะต้องอาศัย
00:03:29 → 00:03:32 ประวัติว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่นะครับ
00:03:32 → 00:03:35 เมื่อไหร่ที่เราเริ่มมีอาการนะครับอาการ
00:03:35 → 00:03:38 เหล่านั้นเวลาที่มีขึ้นมาเนี่ยใครยิ่ง
00:03:38 → 00:03:40 บรรยายได้เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะครับเช่น
00:03:40 → 00:03:44 นอนถามว่าปวดหัวมานานหรือยังครับปวดหัว 1
00:03:44 → 00:03:47 อาทิตย์ที่แล้วนะครับตอนขณะที่ปวดนั้นก็
00:03:47 → 00:03:49 คุณลุงก็เริ่มตื่นขึ้นมาแล้วก็ตื่นมาตอน
00:03:49 → 00:03:52 เช้ารู้สึกปวดเลยนะครับอ่ะตอนปวดทำอะไร
00:03:52 → 00:03:55 อยู่นะครับปวดบริเวณไหนนะครับลักษณะอาการ
00:03:56 → 00:03:59 ปวดเป็นอย่างไรความปวดนี้รุนแรงแค่ไหนมี
00:03:59 → 00:04:01 อาการอะไรหน้าที่ร่วมกับการปวดหรือเปล่า
00:04:01 → 00:04:04 นะครับมีทางทางอะไรไหมที่ทำให้การปวดเป็น
00:04:04 → 00:04:07 มากขึ้นท่าทางอะไรหมายที่ทำให้การปวดเป็น
00:04:07 → 00:04:10 ลดลงนะครับหรือว่ารับประทานยานี้ยาตัวไหน
00:04:10 → 00:04:13 ที่อ่านนะครับงั้นพวกนี้ถ้าเราสามารถบอก
00:04:13 → 00:04:16 หมอเขาได้เป็นฉากๆเลยเนี่ยจะดีที่สุดนะฮะ
00:04:16 → 00:04:19 รวมทั้งจะต้องสามารถจำโรคประจำตัวของตัว
00:04:19 → 00:04:22 เองได้เช่นว่ามีเบาหวานมีความดันอะไรเรา
00:04:22 → 00:04:24 ก็จะต้องบอกได้นะครับว่าโอเคเรามีความดัน
00:04:24 → 00:04:27 อยู่นะเรารับประทานยาชื่อนี้ชื่อนี้อยู่
00:04:27 → 00:04:30 นะครับกินขนาดเท่าไหร่นะครับตรงนี้เนี้ย
00:04:30 → 00:04:33 หลายๆคนอาจจะบอกว่าเธอมันก็เป็นยาความดัน
00:04:33 → 00:04:36 นะเราเอาคนไข้เราจะจำได้ยังไงนะครับรอบ
00:04:36 → 00:04:38 แต่ว่าผมอยากจะบอกอย่างเงี้ยคือร่างกาย
00:04:38 → 00:04:40 มันเป็นร่างกายของขั้นนะครับอะไรก็แล้ว
00:04:40 → 00:04:42 แต่ที่ทำเกี่ยวกับร่างกายของทางนั้นคือ
00:04:42 → 00:04:46 สำคัญทั้งหมดนะครับนั้นอย่างถ้าเป็นยาน
00:04:46 → 00:04:48 ของผมเนี่ยแล้วรับประทานยาตัวไหนอยู่
00:04:48 → 00:04:50 เนี่ยแล้วถ้าเขาไม่ทราบเดี๋ยวผมจะบอกเลย
00:04:50 → 00:04:52 ว่าโอเคคุณไม่ทราบไม่เป็นไรแต่ว่าเขียน
00:04:52 → 00:04:54 ชื่อยาแล้วจะไปในกระเป๋าตัวเองนะครับเวลา
00:04:54 → 00:04:57 ที่ไปหาหมอก็เอาตัวนี้มาให้ดูอย่างน้อยๆ
00:04:57 → 00:04:59 ก็ยังพอบอกแปลว่าเราเป็นอะไรแล้วบางครั้ง
00:04:59 → 00:05:02 เนี่ยมันเกี่ยวอายานะครับยาบางอย่างที่พอ
00:05:02 → 00:05:04 จะจ่ายอาจจะไปตีกับยาที่เรารับประทานอยู่
00:05:04 → 00:05:07 ก็เกิดปัญหาขึ้นมาได้โดยที่ถ้าเราไม่บอก
00:05:07 → 00:05:09 หมอหรือหมอเขาไม่รู้นะครับว่าเราทำไรอยู่
00:05:09 → 00:05:12 เนี่ยนะฮะก็ให้การรักษาไปก็อาจจะเกิด
00:05:12 → 00:05:14 ปัญหาขึ้นมาได้นะครับแล้วตรงนี้สำคัญมาก
00:05:14 → 00:05:18 นะครับรวมทั้งถ้าสมมติว่าจะไปปรึกษาหมอ
00:05:18 → 00:05:20 ท่านอื่นเช่นผมเห็นหลายๆคนเนี่ยเอาอาการ
00:05:20 → 00:05:23 ต่างๆของที่ตัวเองเป็นหรือว่าของคนที่รู้
00:05:23 → 00:05:26 จักมาปรึกษาผมทาง YouTube นะครับผมก็ไม่
00:05:26 → 00:05:29 สามารถให้ความเห็นได้เท่าไหร่นะครับเพราะ
00:05:29 → 00:05:31 ว่าบางครั้งนี้ไปหาหมอมาแล้วหรือว่าคนไข้
00:05:31 → 00:05:33 กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้วนะครับ
00:05:33 → 00:05:36 ข้อมูลเหล่านั้นเนี่ยนะคะถ้าผมไม่มีนะ
00:05:36 → 00:05:39 ครับผมก็จะไม่สามารถบอกอะไรได้เพราะว่า
00:05:39 → 00:05:41 หลายๆครั้งเนี่ยเวลาคนไข้เราให้ผมฟังก็จะ
00:05:41 → 00:05:45 เป็นภาษาทางหาคนไข้ถูกไหมครับซึ่งมันจะ
00:05:46 → 00:05:48 แตกต่างจากภาษาทางการแพทย์เยอะแยะเลยนะฮะ
00:05:48 → 00:05:51 เช่นอาการเหนื่อยเนี่ยและการเดือนมันเป็น
00:05:51 → 00:05:53 แน่ๆโลกนะครับเป็นแม่จังจากโรคปอดโรค
00:05:53 → 00:05:57 โลหิตจางโรคหัวใจนะครับไอหรือเป็นโรคทาง
00:05:57 → 00:06:01 จิตประสาทหรือโรคระบบประสาทก็ข้อที่ 4
00:06:01 → 00:06:03 สิ่งที่ทำให้เรานั้นได้นะครับดังนั้นแล้ว
00:06:03 → 00:06:06 เนี่ยถ้าสมมติว่าจะไปปรึกษาหมอท่านที่สอง
00:06:06 → 00:06:09 หรือจะปรึกษาผมทาง YouTube นะครับสิ่งที่
00:06:09 → 00:06:13 ผมอยากจะได้มากที่สุดก็คือว่าเวลาที่
00:06:13 → 00:06:15 รักษากับหมอเนี่ยหมอเขาวินิจฉัยว่าคุณ
00:06:15 → 00:06:19 เป็นโรคอะไรเป็นภาษาทางการแพทย์นะครับไม่
00:06:19 → 00:06:21 ใช่เป็นภาษาทางชาวบ้านนะครับเพราะว่าแบบ
00:06:21 → 00:06:24 นั้นมันมีหลายความหมายที่ผมตีความได้นะ
00:06:24 → 00:06:28 ครับเช่นหมอบอกว่าเป็นโรคหัวใจนะฮะแล้วก็
00:06:28 → 00:06:29 เข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจแต่ว่าโรคหัว
00:06:29 → 00:06:32 ใจมันเป็นโรคอะไรล่ะครับเช่นโรคหัวใจเต้น
00:06:32 → 00:06:35 ผิดปกตินะครับเป็นผิวก็ดีแบบไหนนะมีหลาย
00:06:35 → 00:06:38 แบบอีกต่างหากผมนะครับเป็นเป็นโรคกล้าม
00:06:38 → 00:06:40 เนื้อหัวใจตายอ้ะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาด
00:06:40 → 00:06:43 เลือดอะอย่างนี้เป็นต้นนะครับแล้วจดมา
00:06:43 → 00:06:45 เป็นภาษาทางการแพทย์แน่นอนว่าอาจจะเป็น
00:06:45 → 00:06:47 ภาษาที่ยากไปบ้างแต่ว่าเนื่องจากมัน
00:06:47 → 00:06:49 เกี่ยวข้องกับสุขภาพของท่านดังนั้นเนี่ย
00:06:49 → 00:06:51 ผมคิดว่ามันสำคัญนะฮะถ้าเราไม่สามารถ
00:06:51 → 00:06:54 เรียกชื่อโรคนั้นได้ถูกก็ให้คุณหมอหรือ
00:06:54 → 00:06:57 ว่าคุณพยาบาลที่ดูแลท่านอยู่นะครับเขียน
00:06:57 → 00:06:58 กันภาษาทางการแพทย์เป็นภาษาอังกฤษมันก็
00:06:58 → 00:07:01 ได้นะครับอันนั้นยิ่งแอบได้ยินดีนะครับ
00:07:01 → 00:07:03 เพราะว่ามันจะทำให้ผมเข้าใจว่าโอเคอาการ
00:07:03 → 00:07:05 ที่ท่านเล่ามานั้นคุณหมอเขาได้ใช้เป็น
00:07:05 → 00:07:09 อะไรนะครับแล้วก็การรักษาเขาทำอะไรบ้างนะ
00:07:09 → 00:07:12 ครับเช่นใช้ยากลุ่มไหนอยู่ที่อะไรนะครับ
00:07:12 → 00:07:15 ยาทุกตัวที่เราได้นั้นมีความสำคัญหมดนะ
00:07:15 → 00:07:17 ครับเราจะต้องจบไว้นะครับเป็นภาษาทางการ
00:07:17 → 00:07:20 แพทย์ก็จดไว้นะครับแล้วการให้การรักษาพวก
00:07:20 → 00:07:23 นั้นเนี่ยสิ่งที่ดีที่สุดก็คือเวลาที่คุณ
00:07:23 → 00:07:25 หมอก็สั่งการรักษาเราควรจะคุยกับคุณหมอ
00:07:25 → 00:07:29 ให้เขาแนะนำเราให้เข้าใจว่าการรักษาแบบ
00:07:29 → 00:07:32 นี้นะหมอเขาทำไมถึงคิดว่าคุณเป็นโรคนั้น
00:07:32 → 00:07:35 นะครับแล้วถ้าเกิดว่าการรักษาแบบนี้ถ้า
00:07:35 → 00:07:38 เกิดคุณเป็นโรคนั้นจริงๆสิ่งที่เราจะคาด
00:07:38 → 00:07:40 หวังได้ก็คือเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคตใช่
00:07:41 → 00:07:43 ว่าใช้ยาตัวนี้ไปนะครับเดี๋ยวอีก 2 วัน
00:07:43 → 00:07:45 คุณอยากความดันดีขึ้นอะไรอย่างนี้เป็นต้น
00:07:45 → 00:07:49 นะครับหรือยาบางตัวเช่นยาเรื่องของเบา
00:07:49 → 00:07:51 หวานอาจจะต้องกินไปสักระยะนึงน่าจะเป็น
00:07:51 → 00:07:53 อาทิตย์นึงสองอาทิตย์อาจจะถึงจะเห็นผลที่
00:07:53 → 00:07:56 ดีนะครับยาฉีดบางตัวนะครับอาจจะไม่ได้ชี
00:07:56 → 00:07:58 วันนี้และพรุ่งนี้ดีขึ้นมาจะต้องฉีดไป
00:07:58 → 00:08:00 เป็นเดือนถึงจะเริ่มเห็นผลนี้เป็นต้นนะ
00:08:00 → 00:08:03 ครับดังนั้นถ้าเกิดว่าคุณหมอเขาเล่าให้
00:08:03 → 00:08:06 เราฟังก็จะเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าคุณหมอเขา
00:08:06 → 00:08:07 ไม่เล่าให้เราฟังเนี่ยเวลาเรากลับบ้านมา
00:08:07 → 00:08:10 เราจะสงสัยตรงนะครับเราควรจะถามเขาตั้ง
00:08:10 → 00:08:13 แต่ต้นเลยนะครับพยายามถามนะครับอ่าผมเข้า
00:08:13 → 00:08:15 ใจว่าคุณหมอที่ประเทศไทยเนี่ยหาจะมีเวลา
00:08:15 → 00:08:18 น้อยนะครับและบางครั้งเนี่ยเขาอาจจะยุ่ง
00:08:18 → 00:08:20 กะจะไม่อยากจะคุยกับเราเท่าไหร่นะครับ
00:08:20 → 00:08:23 หรือบางคนก็อาจจะได้ประสบอ่านไม่ดีมานะ
00:08:23 → 00:08:26 ครับว่าเขาพูดจากับเราไม่ค่อยดีนะครับแต่
00:08:26 → 00:08:28 ว่าต้องบอกว่าอย่างนึงนะครับนี่คือร่าง
00:08:28 → 00:08:31 กายของท่านท่านมีสิทธิ์ขาดนะครับถ้าเกิด
00:08:31 → 00:08:33 ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาคนที่รับผลเนี่ย
00:08:33 → 00:08:36 คือท่านเองนะฮะดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำที่
00:08:36 → 00:08:39 ดีที่สุดก็คือถ้าท่านสงสัยอะไรให้ถามออก
00:08:39 → 00:08:42 ไปให้หมดนะครับให้เคลียร์นะครับแต่ว่าการ
00:08:42 → 00:08:46 ถามนั้นแนะนำว่าควรจะถามเท่าที่ที่มี
00:08:46 → 00:08:48 ประโยชน์ต่อการรักษาโรคของท่านนะครับไม่
00:08:48 → 00:08:52 ใช่ถามพกไปวนมานะครับแล้วก็บางครั้งการ
00:08:52 → 00:08:55 ถามเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองเข้าใจว่าถูก
00:08:55 → 00:08:58 ต้องหรือไม่ถามแทบครั้งเดียวพอนะครับไม่
00:08:58 → 00:09:00 ต้องถามสองสามครั้งนะครับเพราะว่าถ้า
00:09:00 → 00:09:02 เมื่อสองสามครั้งแน่นอนว่าใครๆก็ต้อง
00:09:02 → 00:09:05 หงุดหงิดผมนะครับถ้าท่านมีคนมาถามงานท่าน
00:09:05 → 00:09:08 งานสบู่ว่าท่านเป็นผู้บริหารนะครับหรือ
00:09:08 → 00:09:10 เป็นคนทำงานแล้วมีรุ่นน้องมาถามงานท่าน
00:09:10 → 00:09:13 เนี่ยอ่ะถามอย่างเดิมซ้ำกัน 3-4 รอบผมว่า
00:09:13 → 00:09:16 ท่านก็คงจะหมดฮิตถูกไหมครับยิ่งถามอย่าง
00:09:16 → 00:09:18 นี้ 3 ไปทุกๆครั้งที่เกิดคำถามการกระทำ
00:09:18 → 00:09:21 ซ้ำเดิม 3 4 ครั้งเนี่ยเนี้ยแน่นอนว่า
00:09:21 → 00:09:23 ท่านหงุดหงิดแล้วที่สำคัญคือถ้าหมอเขา
00:09:23 → 00:09:25 เวลาให้เราไม่เยอะนะครับเขาก็จะพูดตัดบท
00:09:25 → 00:09:28 เลยแล้วก็พูดแล้วก็จบไปเลยท่านก็จะเสีย
00:09:28 → 00:09:31 โอกาสในการถามสิ่งที่มันจำเป็นต่อโรคของ
00:09:31 → 00:09:34 ทางจริงๆนะครับแล้วตรงนี้เนี่ยเป็นสิ่ง
00:09:34 → 00:09:36 ที่สำคัญมากเวลาที่ไปหาหมอผมอยากจะให้
00:09:36 → 00:09:39 ท่านมีระดาษหมายหนึ่งหรือว่าถ้าใครมีมือ
00:09:39 → 00:09:41 ถือนะครับมี iPad หรืออะไรก็แล้วแต่นะ
00:09:41 → 00:09:44 ครับจดโรคประจำตัวของตัวเองเป็นภาษาทาง
00:09:44 → 00:09:46 การแพทย์นะครับรวมทั้งว่าวินิจฉัยเมื่อ
00:09:46 → 00:09:49 ไหร่นะครับมีการผ่าตัดอะไรไปเมื่อไหร่นะ
00:09:49 → 00:09:51 ครับอ่าตัดนั้นภาษาทางการแพทย์เรียกว่า
00:09:51 → 00:09:56 อะไรมีผลข้างเคียงหรือไม่พาไปเมื่อไหร่นะ
00:09:56 → 00:09:58 ครับยาที่รับประทานอยู่มียาชื่อว่าอะไร
00:09:58 → 00:10:02 บ้างไม่สั่งการแพทย์มีขนาดเท่าไหร่โดน
00:10:02 → 00:10:05 เท่าไหร่มีแพ้ยาอะไรนะครับนะฮะแล้วถ้ามี
00:10:05 → 00:10:08 อาการอะไรที่ไปหาหมอไล่ระยะเวลาให้ได้นะ
00:10:08 → 00:10:12 ครับนะฮะถ้าไปบอกหมอมาถึงหมอปุ๊บผมบอกเลย
00:10:12 → 00:10:16 ว่าโอเคผมเจอหมอคนหนึ่งผมก็บอกว่าหมอครับ
00:10:16 → 00:10:19 ผมมาเนี่ยผมรู้สึกว่าผมเหนื่อยมาได้สัก
00:10:19 → 00:10:21 ประมาณ 2 อาทิตย์แล้วในช่วง 2 อาทิตย์แรก
00:10:21 → 00:10:24 ที่ผมเป็นครั้งแรกก็คือผมเดินขึ้นบันได
00:10:24 → 00:10:27 แล้วรู้สึกหอบเหนื่อยนะครับหายใจไม่ทันนะ
00:10:27 → 00:10:30 ครับหายใจรวีเสียงวิวิทออกมานะครับแล้วก็
00:10:30 → 00:10:32 รู้สึกแน่นหน้าอกนะครับแน่นหน้าอกก็นั้น
00:10:32 → 00:10:35 ตรงกลางนะฮะอาการแน่นไม่มีการเล่าไปไหน
00:10:35 → 00:10:37 เลยนะครับแล้วก็มันมีอย่างเดียวที่ทำให้
00:10:37 → 00:10:41 ดีขึ้นก็คือใช้ยาพ่นเพื่อขนาดหลอดลมนะฮะ
00:10:41 → 00:10:43 ผมก็รู้สึกอาการดีขึ้นแต่มันก็ยังไม่หาย
00:10:43 → 00:10:45 นะครับแล้วก็รู้สึกเป็นมากขึ้นทุกวันทุก
00:10:45 → 00:10:48 วันนะฮะเวลาที่เข้าห้องครัวทีไรก็เลือก
00:10:48 → 00:10:51 เป็นเยอะขึ้นนะครับอ่าตกกลางคืนก็มันจะ
00:10:51 → 00:10:53 เป็นเยอะขึ้นแต่ถ้าเป็นช่วงกลางวันเนี่ย
00:10:53 → 00:10:56 ก็อาจจะการอาการน้อยหน่อยทุเลาหน่อยนะ
00:10:56 → 00:11:00 ครับไม่มีอาการไข้ไม่มีเสมหะนะครับจะได้
00:11:00 → 00:11:03 ไปเจอคนไข้ที่ป่วยอะไรมานะฮะถ้าเราไปถึง
00:11:03 → 00:11:05 พูดแล้วบอกเขาแบบนี้เนี่ยเป็นขั้นเป็นตอน
00:11:05 → 00:11:08 เป็นเหตุเป็นผลกันนะครับหมอร้อยทั้งร้อย
00:11:08 → 00:11:11 นะฮะวินิจฉัยได้เร็วขึ้นแน่นอนนะครับไม่
00:11:11 → 00:11:15 จะต้องเสียเวลาพวกวนอะไรเยอะแยะเลยนะครับ
00:11:15 → 00:11:18 แล้วก็ถ้าคุณหมอเขาถามอะไรเนี่ยพยายามฟัง
00:11:18 → 00:11:20 คำถามก็ดีๆนิดนึงนะครับแล้วก็ตอบตามคำถาม
00:11:20 → 00:11:22 นะครับอย่าไปตอบอะไรนอกเหนือจากนั้นเพราะ
00:11:22 → 00:11:24 ว่าบางครั้งเนี่ยมันอาจจะทำให้คุณหมอเขา
00:11:24 → 00:11:28 หลงทางแล้วก็เสียเวลาไปเยอะนะฮะบางครั้ง
00:11:28 → 00:11:31 อย่างผมจออยู่ที่เมืองไทยก็เคยเจอนะถามคน
00:11:31 → 00:11:33 ไข้โปรถามอย่างหนึ่งแล้วก็ตอบอีกอย่างนึง
00:11:33 → 00:11:35 นะครับกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่องนะครับผม
00:11:35 → 00:11:38 ก็จะต้องข้ามคำถามไปหลายๆคำถามแล้วก็ไม่
00:11:38 → 00:11:43 ได้ใช้ด้วยจะต้องด้วยยังไงเชื่อใจของ
00:11:43 → 00:11:45 เชื่อใจตัวเองว่าคนไข้น่าจะเป็นโรคนี้
00:11:45 → 00:11:46 แล้วลองรักษาไปทางนั้นเพราะว่าผมคุยกับ
00:11:46 → 00:11:48 เขาเนี่ยสิบนาทีแล้วมันไม่ได้อะไรขึ้นมา
00:11:48 → 00:11:51 เลยก็เคยเจอมาแล้วนะครับอ่ะดังนั้นเนี่ย
00:11:51 → 00:11:54 บางครั้งมันจะลำบากตรงนี้นะครับแต่ว่าว่า
00:11:54 → 00:11:57 มันเป็นอะไรที่เราจะต้องช่วยกันนะครับหมอ
00:11:57 → 00:12:00 ก็ต้องช่วยในการพูดให้คนไข้เข้าใจคนไข้ก็
00:12:00 → 00:12:02 ก็เตรียมตัวมาพบหมอนะครับเพราะว่าโรคของ
00:12:02 → 00:12:05 คนไข้เนี่ยะมันสำคัญมากเราจะต้องช่วยกัน
00:12:05 → 00:12:06 รักษาไม่ใช่ว่าพึ่งหมออย่างเดียวแล้วมัน
00:12:06 → 00:12:09 จะได้ผลนะครับถ้าเราเพิ่งตัวเองด้วยเราก็
00:12:09 → 00:12:12 มีโอกาสที่จะรักษาได้ตรงโลกแล้วก็โอกาสดี
00:12:12 → 00:12:14 ขึ้นก็เยอะกว่านะครับโอเควันนี้ผมฝากไว้
00:12:14 → 00:12:18 เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ