00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องของความ
00:00:03 → 00:00:07 เข้าใจไม่ถูกต้องในแง่ของไขมัน ldl นะ
00:00:07 → 00:00:09 ครับแล้วก็การตรวจแคลเซียม score นะครับ
00:00:09 → 00:00:13 ซึ่งผมได้ยินครั้งแรกนะครับจาก guru
00:00:13 → 00:00:17 สุขภาพบางท่านนะครับที่ออกมาบอกว่าถ้าเรา
00:00:17 → 00:00:20 กินอาหารคีโตเพื่อที่จะแก้ไขภาวะเบาหวาน
00:00:21 → 00:00:23 นะครับทำให้สุขภาพดีขึ้นเรื่องของความดัน
00:00:23 → 00:00:25 เรื่องของอะไรพวกนี้ก็จะดีขึ้นแต่พอกินไป
00:00:25 → 00:00:28 แล้วเนี่ยบางคนนะครับไปเจอว่าไขมัน ldl
00:00:28 → 00:00:31 สูงมากในร่างกายนะครับซึ่งภาวะพวกนั้น
00:00:31 → 00:00:34 เนี่ยเมื่อไปเจอหมอแผนปัจจุบันแน่นอนว่า
00:00:34 → 00:00:37 เขาก็ต้องบอกว่าอันตรายอย่างไรก็ตามกูดู
00:00:37 → 00:00:40 สุขภาพเหล่านี้ก็มักจะบอกว่าเฮ้ยอันนั้น
00:00:40 → 00:00:43 มันไม่จริงนะครับถ้าอยากจะพิสูจน์ก็ลอง
00:00:43 → 00:00:46 ให้หมอเขาตรวจแคลเซียมสกอร์สินะครับถ้า
00:00:46 → 00:00:48 แคลเซียมสกอร์ของเราเป็น 0 นะมันแปลว่า
00:00:48 → 00:00:51 เราไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือด
00:00:51 → 00:00:53 อุดตันแต่อย่างใดไม่มีความจำเป็นจะต้องไป
00:00:53 → 00:00:56 รักษาเรื่องของ ldl สูงในร่างกายเรื่อง
00:00:56 → 00:00:58 นี้เนี่ยเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันอย่าง
00:00:58 → 00:01:00 ยิ่งเลยนะครับแล้วผมก็จะมาอธิบายให้ฟัง
00:01:00 → 00:01:03 รวมทั้งจะแปะลิงก์งานวิจัยต่างๆซึ่งผมเอา
00:01:03 → 00:01:06 มาอ้างอิงแล้วก็จะมีเอกสารบางชนิดที่ไม่
00:01:06 → 00:01:10 ใช่งานวิจัยแต่ว่ามันทำมาเพื่อที่จะให้คน
00:01:10 → 00:01:12 ทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
00:01:12 → 00:01:14 อย่างไรก็ตามมันเป็นภาษาอังกฤษนะครับไม่
00:01:14 → 00:01:17 ได้มีภาษาไทยก็อาจจะต้องอาศัยความเชี่ยว
00:01:17 → 00:01:19 ชาญทางภาษาอังกฤษสักเล็กน้อยบ้างนะครับ
00:01:19 → 00:01:21 แต่ก็ยังดีกว่าการที่จะไปอ่านงานวิจัยที่
00:01:21 → 00:01:24 ลึกๆนะครับแต่สำหรับท่านที่เป็นกูรูท่าน
00:01:24 → 00:01:27 ที่คิดว่าตัวเองเนี่ยมีความรู้ความเชี่ยว
00:01:27 → 00:01:29 ชาญด้านนี้มากๆนะครับผมแนะนำว่าท่านลองไป
00:01:29 → 00:01:31 อ่านหลักฐานทางวิชาการแล้วตีความด้วยตัว
00:01:31 → 00:01:34 ท่านเองเลยดีกว่านะครับโอเคพบกับผมนะครับ
00:01:34 → 00:01:37 นายแพทย์ธานินทร์ธานินทร์วันนะครับเป็น
00:01:37 → 00:01:38 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
00:01:38 → 00:01:41 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:01:41 → 00:01:43 บำบัดนะครับก่อนอื่นนะครับ
00:01:43 → 00:01:48 เรื่องของคอเลสเตอรอล ldl ที่สูงขึ้นนะ
00:01:48 → 00:01:50 ครับไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตามนะครับมัน
00:01:50 → 00:01:54 มีอันตรายต่อการเกิดการอุดตันของหลอด
00:01:54 → 00:01:56 เลือดได้อันนี้ต้องบอกตรงๆนะครับเคยมีคน
00:01:56 → 00:02:00 ตอบผมอย่างนึงผมว่าคนที่กินคีโตเราเนี่ย
00:02:00 → 00:02:04 ldl ที่มันสูงน่ะมันเป็น ldl ตัว D หรือ
00:02:04 → 00:02:06 ที่เป็น ldl ขนาดใหญ่นะครับไม่ใช่ขนาด
00:02:06 → 00:02:09 เล็กนะครับอย่างไรก็ตามผมต้องบอกอย่างนี้
00:02:09 → 00:02:14 ครับเรื่องของขนาดของ ldl นะครับมีงาน
00:02:14 → 00:02:17 วิจัยไว้ตั้งแต่นานมากแล้วนะครับตอนตอน
00:02:17 → 00:02:20 นั้นคือ Doctor ronal crowse เป็นคนเจอ
00:02:20 → 00:02:22 เรื่องของขนาดของ ldl ว่ามันอาจจะมีผล
00:02:22 → 00:02:25 อย่างไรก็ตามผมเคยทำคลิปเรื่องนี้ไปแล้ว
00:02:25 → 00:02:28 แล้วก็มีหลักฐานงานวิจัยแปะให้ท่านไปอ่าน
00:02:28 → 00:02:31 ได้เองว่าสุดท้ายแล้วเนี่ยนะครับขนาดมัน
00:02:31 → 00:02:33 ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยนะครับมันเกี่ยวข้อง
00:02:33 → 00:02:37 กับจำนวน parical นะครับคือจำนวนของ ldl
00:02:37 → 00:02:41 ว่ามันมีอนุภาคเยอะแค่ไหนซึ่งถ้า ldl
00:02:41 → 00:02:44 ปริมาณในร่างกายมันสูงนะครับมันแปลว่า
00:02:44 → 00:02:48 อนุภาคจำนวนอนุภาคมันสูงเช่นกันนะครับ
00:02:48 → 00:02:51 และมีอีกข้อค้านอันหนึ่งก็คือว่าในคนที่
00:02:51 → 00:02:55 มีโรค Family collectrol remia นะครับ
00:02:55 → 00:02:58 ldl เกือบทั้งหมดของเขานั้นจะเป็น ldl
00:02:58 → 00:03:02 ตัวใหญ่นะครับถ้าเราเชื่อตามกูรูสุขภาพ
00:03:02 → 00:03:05 ที่บอกว่า ldl ตัวใหญ่ไม่เป็นอะไรคนเหล่า
00:03:05 → 00:03:08 นี้ที่เป็นโรคไฮเปอร์คลอเรสเตอรอลิเมียนะ
00:03:08 → 00:03:11 ครับก็ไม่ควรที่จะมีปัญหาแต่อย่างใดถูก
00:03:11 → 00:03:14 ไหมครับแต่ไม่ใช่ครับเรารู้ว่าคนที่มี
00:03:14 → 00:03:18 Family ซึ่ง ldl เกือบทั้งหมดของเขาเป็น
00:03:18 → 00:03:21 ตัวใหญ่นั้นเกิดเรื่องของการอุดตันของ
00:03:21 → 00:03:25 หลอดเลือดได้มากกว่าคนปกติหลายเท่านะโดย
00:03:25 → 00:03:28 เฉพาะถ้าไม่ได้รับการรักษานะครับดังนั้น
00:03:28 → 00:03:32 ตรงนี้เนี่ยเป็นการบ่งบอกว่าโอเคขนาดของ
00:03:32 → 00:03:35 ldl เนี่ยมันไม่ได้มีประโยชน์มากขนาด
00:03:35 → 00:03:38 นั้นในการวินิจฉัยว่าเราควรจะใช้ยาหรือ
00:03:38 → 00:03:40 ไม่ใช้ยาหรือควรจะรักษาแต่อย่างใดแล้วนะ
00:03:40 → 00:03:43 ครับอันนี้ประกาศแรกเลยซึ่งผมเคยพูดไป
00:03:43 → 00:03:45 แล้วถ้าท่านไหนจำไม่ได้ก็ลองย้อนกลับไป
00:03:45 → 00:03:49 คิดเรื่องของไขมันของผมหลายหลายๆคลิปดู
00:03:49 → 00:03:51 แล้วกันนะครับผมเคยอธิบายไว้ชัดเจนแล้วนะ
00:03:51 → 00:03:53 ครับแต่ทีนี้มีเรื่องนึงซึ่งผมยังไม่ได้
00:03:54 → 00:03:56 อธิบายเรื่องของแคลเซียม score นะครับ
00:03:56 → 00:04:00 แคลเซียมสกอร์ผมเคยพูดไปเล็กน้อยนะครับใน
00:04:00 → 00:04:02 เรื่องของการอ่านผลไขมันนะครับแต่วันนี้
00:04:02 → 00:04:06 จะมาลงรายละเอียดเลยว่ามันคืออะไรนะครับ
00:04:06 → 00:04:08 แคลเซียม score ที่เราพูดกันเนี่ยนะครับ
00:04:08 → 00:04:12 เป็นการทำ CT Scan ของเส้นเลือดที่หัวใจ
00:04:12 → 00:04:15 ดูปริมาณแคลเซียมที่ไปเกาะอยู่ตรงเส้น
00:04:15 → 00:04:19 เลือดของหัวใจหรือ crowary นะครับโดยถ้า
00:04:19 → 00:04:22 มีแคลเซียมไปเกาะเยอะน่าจะแปลว่าท่านมี
00:04:22 → 00:04:24 ความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของหลอด
00:04:24 → 00:04:27 เลือดเพิ่มมากขึ้นกว่าคนที่ไม่มีการไป
00:04:27 → 00:04:31 เกิดแคลเซียมก่อนนะครับนี่คือความเชื่อนะ
00:04:31 → 00:04:35 ครับอย่างไรก็ตามมันมีเหตุผลอะไรที่มากไป
00:04:35 → 00:04:39 กว่านั้นนะครับคนปกติเนี่ยนะครับแคลเซียม
00:04:39 → 00:04:42 เนี่ยนะครับมันใช้เวลาในการก่อตัวนะครับ
00:04:42 → 00:04:46 มันไม่ใช่ว่าเราไม่มีแคลเซียมแล้วเราปลอด
00:04:46 → 00:04:49 ภัยเราไม่มีภาวะการเกิดจากกันในหลอดเลือด
00:04:49 → 00:04:51 หรือที่เราเรียกว่า
00:04:51 → 00:04:53 asteroalsis นะครับ
00:04:53 → 00:04:54 ภาวะ
00:04:54 → 00:04:58 ที่มีการพวกนี้นะครับหรือภาษาอังกฤษเรา
00:04:58 → 00:05:01 เรียกว่าพลิกนะครับไปเกาะในหลอดเลือดแล้ว
00:05:01 → 00:05:03 พอมันไปเกาะสักพักหนึ่งนี่นะครับเกิดการ
00:05:03 → 00:05:05 อักเสบเกิดอะไรก็แล้วแต่แคลเซียมมันถึงจะ
00:05:05 → 00:05:08 เริ่มเข้ามากระบวนการเกิดแคลเซียมใช้เวลา
00:05:08 → 00:05:12 เป็นปีหรือหลายๆปีเลยนะครับ
00:05:12 → 00:05:14 ดังนั้นเนี่ยการตรวจเจอแคลเซียมเนี่ยมัน
00:05:15 → 00:05:17 แปลว่าโรคของท่านได้ดำเนินการมานานมาก
00:05:17 → 00:05:19 แล้วมันไม่ได้พึ่งมาเป็นเอาตอนนี้นะครับ
00:05:19 → 00:05:21 ไม่ได้พึ่งมาเป็น
00:05:21 → 00:05:25 มันหมายความว่าอะไรมันมีความหมายหลายๆ
00:05:25 → 00:05:28 อย่างเลยครับเริ่มจากอีกอย่างแรกการไม่มี
00:05:28 → 00:05:32 แคลเซียมไม่ได้แปลว่าท่านปลอดภัยนะครับ
00:05:32 → 00:05:36 มันแปลว่าท่านสามารถมีพลิกเกาะอยู่ในหลอด
00:05:36 → 00:05:39 เลือดได้นะครับเล็กในที่นี้เนี่ยเราจะ
00:05:39 → 00:05:42 เรียกมันว่า Soft Take นะครับหรือเป็น
00:05:42 → 00:05:45 จัดการซึ่งอย่างไม่มีแคลเซียมมาเกาะแล้ว
00:05:45 → 00:05:48 การมีแต่การแบบนี้ต่อให้ไม่มีแคลเซียมมา
00:05:48 → 00:05:51 เกาะก็ตามก็แปลว่าท่านยังคงมีความเสี่ยง
00:05:51 → 00:05:54 ต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตันนะครับเช่นหลอด
00:05:54 → 00:05:56 เลือดหัวใจหลอดเลือดที่คอหลอดเลือดที่
00:05:56 → 00:05:59 สมองหลอดเลือดที่ขาหลอดเลือดในช่องท้อง
00:05:59 → 00:06:03 ซึ่งเรียกว่านะครับก็แปลว่าท่านยังมีความ
00:06:03 → 00:06:05 เสี่ยงอยู่ต่อให้ท่านตรวจแคลเซียมก่อนได้
00:06:05 → 00:06:08 0 ก็ตามนะครับตรวจออกมาเป็น 0 เลยเรา
00:06:08 → 00:06:11 สบายใจว่ามันปกติไม่ครับมันไม่ได้แปลว่า
00:06:11 → 00:06:16 ปกตินะครับมันอาจจะแปลว่าท่านมีประกัน
00:06:16 → 00:06:19 อยู่ในหลอดเลือดก็ได้นะครับหรือท่านอาจจะ
00:06:19 → 00:06:23 ไม่มีก็ได้อย่างไรก็ตามถ้าท่านก็มีไขมัน
00:06:23 → 00:06:25 ในร่างกายที่สูงมากๆอันนี้ท่านจะต้อง
00:06:25 → 00:06:29 ระวังแล้วนะครับไขมันที่บางคนบอกว่าตรวจ
00:06:29 → 00:06:32 ldl แล้วมันมันสูงเราอยากจะแน่ใจกว่า
00:06:32 → 00:06:34 นั้นท่านสามารถขอหมอเขาตรวจอีกตัวนึงก็
00:06:34 → 00:06:37 คือ apo lipop โปรตีนบีหรือเอโปรบีก็ได้
00:06:37 → 00:06:41 นะครับซึ่งตัวนี้มันมักจะสูงควบคู่กันไป
00:06:41 → 00:06:43 ด้วยนะครับแล้วก็สูงในคนที่รับประทาน
00:06:43 → 00:06:46 อาหารคีโตเจนิคไดเอทนะครับถ้ามันสูงมากๆ
00:06:46 → 00:06:49 ท่านก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
00:06:49 → 00:06:51 เพิ่มมากขึ้นแล้วก็โรคหลอดเลือดสมองหลอด
00:06:51 → 00:06:54 เลือดส่วนปลายที่สูงมากขึ้นนะครับ
00:06:54 → 00:06:57 เรามาทำความเข้าใจมากไปกว่านั้นอีกใน
00:06:57 → 00:07:01 เรื่องของแคลเซียมนะครับการที่มีประกัน
00:07:01 → 00:07:04 อยู่ในหลอดเลือดนะครับแล้วไม่มีแคลเซียม
00:07:04 → 00:07:08 ไปเกาะเราพบว่าประกันที่ไม่มีแคลเซียมไป
00:07:08 → 00:07:10 ก่อนนั้นมีโอกาสที่จะหลุดออกไปจากผนัง
00:07:10 → 00:07:12 หลอดเลือดแล้วไปอุดตันส่วนปลายของหลอด
00:07:12 → 00:07:15 เลือดได้มากกว่าชนิดที่มีแคลเซียมไปเกาะ
00:07:15 → 00:07:20 นะครับนะมีรายงานมีงานวิจัยมีทุกอย่างชัด
00:07:20 → 00:07:24 เจนหมดนะครับถ้ามีแคลเซียมไปเกาะเนี่ย
00:07:24 → 00:07:27 เราเจอว่าส่วนใหญ่เมื่อแคลเซียมเกาะแล้ว
00:07:27 → 00:07:32 ตะกรันมันมักจะมีความคงที่คงทนไม่ได้หลุด
00:07:32 → 00:07:34 ลอกออกไปง่ายๆนะครับหรือที่เราเรียกว่า
00:07:34 → 00:07:38 stable Page นะครับมันเกาะอยู่กับที่
00:07:38 → 00:07:40 เมื่อไหร่ก็ตามที่มีแคลเซียมมันยึดมันไว้
00:07:40 → 00:07:43 กับที่แต่ถ้าไม่มีแคลเซียมมันจะหลุดออกไป
00:07:43 → 00:07:45 ได้ง่ายขึ้นแล้วแม้กระทั่งในคนที่มี
00:07:45 → 00:07:48 แคลเซียมเกาะไปแล้วก็ตามส่วนที่มันหลุด
00:07:48 → 00:07:50 ออกไปเนี่ยมักจะเป็นส่วนที่ไม่มีแคลเซียม
00:07:50 → 00:07:52 เกาะครับ
00:07:52 → 00:07:55 ดังนั้นตรงนี้เราคุยมาถึงตรงนี้เราบอกได้
00:07:55 → 00:07:57 เลยครับว่าแคลเซียม
00:07:57 → 00:08:00 มันเป็นแค่ตัวชี้วัดว่ามีการอักเสบมานาน
00:08:00 → 00:08:03 มากแล้วแต่ตัวแคลเซียมเองไม่ได้ทำให้เกิด
00:08:03 → 00:08:07 โรคหลอดเลือดแต่อย่างใดตัวแคลเซียมไม่ก่อ
00:08:07 → 00:08:09 โรคนะครับบางคนจะบอกว่าเฮ้ยเราไปกิน
00:08:09 → 00:08:13 วิตามินอะไรที่ทำให้แคลเซียมมันออกไปจาก
00:08:13 → 00:08:15 ตรงนี้ได้ไหมกินวิตามิน k2d3 ที่ผมเคย
00:08:15 → 00:08:18 เล่าให้แคลเซียมมันออกไปจากตรงนี้จะดี
00:08:18 → 00:08:21 หรือเปล่าถ้าในถ้ามันทำได้จริงเช่นนั้น
00:08:21 → 00:08:23 จริงๆนะผมบอกได้เลยครับว่าไม่ดีนะครับแต่
00:08:23 → 00:08:25 มันทำไม่ได้แบบนั้นหรอกครับนะดังนั้นท่าน
00:08:25 → 00:08:27 กินก็กินต่อได้นะครับไม่ได้อันตรายอะไร
00:08:27 → 00:08:30 แต่อย่างใดนะครับแต่การที่ท่านไปเอา
00:08:30 → 00:08:32 แคลเซียมออกเนี่ยถ้าสมมุติมันมีวิธีขึ้น
00:08:32 → 00:08:35 มาในอนาคตจริงๆผมว่ามันเป็นวิธีที่ไม่ถูก
00:08:35 → 00:08:37 ต้องนะครับเพราะว่ามันจะทำให้ไอ้ตัว
00:08:37 → 00:08:40 ประกันเหล่านั้นเนี่ยเกิดความไม่คงทนแล้ว
00:08:40 → 00:08:42 มันสามารถหลุดไปอุดตันหลอดเลือดได้เลยนะ
00:08:42 → 00:08:45 ครับดังนั้นการที่มีเรื่องตรงเนี้ยท่านจะ
00:08:45 → 00:08:48 ต้องทราบด้วยว่าแคลเซียมเป็นตัวบ่งบอกว่า
00:08:48 → 00:08:52 อุบัติการเอ่อการเกิดการอักเสบการอ่ามี
00:08:52 → 00:08:54 อะไรไปอุดตลอดเรื่องเนี่ยมันเกิดมานาน
00:08:54 → 00:08:56 แล้วเป็นปีแล้วไม่ได้พึ่งมาเกิดตอนนั้นนะ
00:08:56 → 00:08:57 ครับ
00:08:57 → 00:09:00 นี้เราเราต้องเข้าใจคำว่า Soft Flex
00:09:00 → 00:09:03 หลุดง่าย Hard Cake ที่มีแคลเซียมหลุด
00:09:03 → 00:09:05 ยากหรือแทบจะหลุดไม่ได้เลยนะครับตรงนี้
00:09:05 → 00:09:09 ต้องเข้าใจความแตกต่างกันนะครับและการ
00:09:09 → 00:09:11 เกิดแคลเซียมเนี่ยที่บอกว่าแคลเซียม score
00:09:12 → 00:09:14 เป็นศูนย์ที่หลอดเลือดหัวใจมันมีความหมาย
00:09:14 → 00:09:18 มากกว่านั้นอีกครับปกติแล้วเนี่ยแคลเซียม
00:09:18 → 00:09:21 มันสามารถไปเกาะตามตะกรันบริเวณต่างๆของ
00:09:21 → 00:09:26 หลอดเลือดได้โดยแต่ละบริเวณนั้นมันจะมี
00:09:26 → 00:09:28 ความแตกต่างกันในการเกิดนะครับเส้นเลือด
00:09:28 → 00:09:32 ซึ่งมีการอุดตันแล้วก็เกิดการก่อตัวของ
00:09:32 → 00:09:35 แคลเซียมได้บ่อยที่สุดคือเส้นเลือดแดงที่
00:09:35 → 00:09:39 ขานะครับ framework รองลงมาคือเส้นเลือด
00:09:39 → 00:09:43 แดงที่คอโรติด ardery ตรงนี้นะครับรองลง
00:09:43 → 00:09:48 มาอีกคือเส้นเลือดท้อง aota นะครับและ
00:09:48 → 00:09:51 โหลยโท่ยที่สุดเลยโอกาสการเกิดแคลเซียมไป
00:09:51 → 00:09:56 เกาะมันได้ยากที่สุดคือหัวใจครับโคโรนี
00:09:56 → 00:09:58 มันแปลว่า
00:09:58 → 00:10:01 ได้มันแปลว่าถ้าท่านตรวจไม่เจอการเกาะของ
00:10:01 → 00:10:04 แคลเซียมที่หลอดเลือดหัวใจมันไม่ได้แปล
00:10:04 → 00:10:06 ว่าท่านไม่มีประกันอยู่ในร่างกายนะครับ
00:10:06 → 00:10:10 เพราะว่าอ้าวอย่างที่บอกมันเกาะที่เส้น
00:10:10 → 00:10:12 เลือดที่ขาที่คอที่เส้นเลือดแดงใหญ่
00:10:12 → 00:10:15 เอลซ่าในท้องได้ง่ายกว่าที่เส้นเลือดที่
00:10:15 → 00:10:19 หัวใจท่านอาจจะมีการเกิดอาการบริเวณนั้น
00:10:19 → 00:10:21 ไปเรียบร้อยแล้วซึ่งการเกิดจากกันในไม่
00:10:21 → 00:10:24 ว่าจะบริเวณไหนของเส้นเลือดก็ตามมันทำให้
00:10:24 → 00:10:27 มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดที่
00:10:27 → 00:10:31 อยู่ตรงปลายนั้นมีปัญหาได้ครับมีปัญหาได้
00:10:31 → 00:10:34 นะฮะไม่ว่าจะเป็นโรคสมองโรคอะไรก็แล้วแต่
00:10:34 → 00:10:38 นะครับแล้วอย่างที่บอกการไม่เจอแคลเซียม
00:10:38 → 00:10:40 ไม่ได้แปลว่าท่านไม่มีการแล้วถ้าเกิดท่าน
00:10:40 → 00:10:42 มีประกันอยู่ในหลอดเลือดหัวใจล่ะ
00:10:42 → 00:10:44 ถ้าท่านมีแต่การอยู่ในหลอดเลือดหัวใจโดย
00:10:44 → 00:10:47 ที่ไม่มีแคลเซียมมาก่อนละมันเป็นซอฟท์
00:10:47 → 00:10:50 เนี่ย Soft Take ไม่มีแคลเซียมไม่มี
00:10:50 → 00:10:52 แคลเซียมแปลว่าหลุดง่ายไปอุดตันหลอดเลือด
00:10:52 → 00:10:55 ส่วนปลายได้ง่ายครับเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
00:10:55 → 00:10:58 ได้ง่ายเพิ่มขึ้นนะครับและ
00:10:58 → 00:11:02 ที่นอกเหนือไปกันนั้นอีกมีงานวิจัยซึ่งผม
00:11:02 → 00:11:04 จะแปะลิงค์ไว้ให้ด้วยนะครับว่ายิ่งอายุ
00:11:04 → 00:11:08 น้อยโอกาสที่เราจะเจอแคลเซียมสกอร์เป็น
00:11:08 → 00:11:12 บวกน้อยมากแทบจะเป็นศูนย์เลยนะครับถ้าเรา
00:11:12 → 00:11:15 อายุต่ำกว่า 50 ปีเนี่ยโอกาสที่เราจะเจอ
00:11:15 → 00:11:18 แคลเซียมเกาะอยู่ในหลอดเลือดหัวใจเนี่ย
00:11:18 → 00:11:22 น้อยมากแต่มันไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสเกิด
00:11:22 → 00:11:26 โรคหลอดเลือดอุดตันนะครับไม่ได้แปลอย่าง
00:11:26 → 00:11:29 นั้นนะครับทำไมมันก็เพราะว่าการเกิด
00:11:29 → 00:11:32 แคลเซียมไปก่อนนั้นมันใช้เวลาครับมันไม่
00:11:32 → 00:11:35 ได้สำเร็จลุล่วงไปในเวลาแค่ 1 หรือ 2 วัน
00:11:35 → 00:11:39 หรือ 1 เดือนนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเรา
00:11:39 → 00:11:42 อายุน้อยนะครับกินคีโต ldl สูงแล้วเราไป
00:11:42 → 00:11:45 ตรวจดูแคลเซียมสกอร์ของเราได้เป็น 0
00:11:45 → 00:11:48 ท่านก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้นะครับว่าถ้าจะ
00:11:48 → 00:11:51 ไม่เกิดโรคอะไรโอเคแต่มันอาจจะทำให้เรา
00:11:51 → 00:11:54 สบายใจนิดๆนึงนะครับว่าถ้าแคลเซียมของเรา
00:11:54 → 00:11:56 เนี่ยแคลเซียมสกอร์ที่ตรวจมามันได้เป็น 0
00:11:56 → 00:11:58 นะครับ
00:11:58 → 00:12:00 โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมอง
00:12:00 → 00:12:03 เนี่ยมันต่ำกว่าคนที่มีแคลเซียมไปเกาะแน่
00:12:03 → 00:12:06 นอนอันนี้ชัดเจนนะครับอ่าอันนี้ชัดเจนนะ
00:12:06 → 00:12:09 ครับต่ำกว่าแต่ไม่ได้หมายความว่าโอกาสของ
00:12:09 → 00:12:13 ท่านเป็นศูนย์นะครับน่ะเราต้องตีความตรง
00:12:13 → 00:12:15 นี้ให้ดีนะครับไม่ใช่ว่าเฮ้ยเราไปตรวจ
00:12:15 → 00:12:18 แคลเซียม score มาของเรามันได้ 0 เราสบาย
00:12:18 → 00:12:20 ใจมันสบายใจไม่ได้ครับ
00:12:20 → 00:12:22 โอเคมันอาจจะสบายใจได้อย่างหนึ่งเช่น
00:12:22 → 00:12:25 สมมุติว่าท่านอายุประมาณสัก 90 ปีอย่าง
00:12:25 → 00:12:27 นี้นะครับแล้วไปตรวจแคลเซียมสกอร์ของท่าน
00:12:27 → 00:12:30 ออกมาได้ 0 อันนั้นสั้นสบายใจได้เลยนะ
00:12:30 → 00:12:31 ครับไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่อย่างใดเพราะว่า
00:12:31 → 00:12:33 ถ้ามันจะเกิดแคลเซียมมาก่อนเนี่ยมันเกาะ
00:12:33 → 00:12:35 มาตั้งนานแล้วครับถ้าอายุ 90 ยังไม่เจอ
00:12:35 → 00:12:37 เนี่ยท่านไม่ต้องไปตรวจอะไรเพิ่มละครับ
00:12:37 → 00:12:39 ไม่ต้องรักษาแล้วด้วยซ้ำไปนะครับอันนั้น
00:12:39 → 00:12:43 อ่าแต่ถ้าท่านอายุแบบ 3 40 อย่างเงี้ยนะ
00:12:43 → 00:12:46 ครับแล้วไปตรวจแคลเซียมสกอร์ได้ 0 ท่านก็
00:12:46 → 00:12:49 บอกว่าเอ้ยมีกูรูบอกว่าแล้วสบายใจได้นะ
00:12:49 → 00:12:52 เรากินอาหารให้มันไขมันสูงต่อไปกินคีโต
00:12:52 → 00:12:55 เจนิคไดเอทต่อไปได้อันนี้ผมคิดว่ามันอาจ
00:12:55 → 00:12:58 จะเป็นการแปลความที่ไม่ถูกต้องของการตรวจ
00:12:58 → 00:13:03 แคลเซียมก่อนะครับอ่านอกเหนือจากนี้การ
00:13:03 → 00:13:05 ตรวจแคลเซียม score นี้มันยังมีข้อบก
00:13:05 → 00:13:07 พร่องอย่างหนึ่งก็คือถ้าแคลเซียมมันเป็น
00:13:07 → 00:13:10 จุดเล็กๆเนี่ยเครื่องมันตรวจไม่ได้ครับ
00:13:10 → 00:13:13 เครื่องมันตรวจไม่ได้นะ
00:13:13 → 00:13:16 ฟังเมื่อถึงตรงนี้เราพอจะเข้าใจเรื่องของ
00:13:16 → 00:13:19 แคลเซียมแล้วว่าเฮ้ยการไม่มีแคลเซียม
00:13:19 → 00:13:22 สกอร์ไม่มีแคลเซียมที่ไปเกาะที่หลอดเลือด
00:13:22 → 00:13:24 มันไม่ได้แปลว่าเราปราศจากความเสี่ยงต่อ
00:13:24 → 00:13:28 การเกิดหรอกโลกหลอดเลือดต่างๆนะครับหลาย
00:13:28 → 00:13:31 คนก็คงถามว่าเฮ้ยอย่างนี้มันจะมีโอกาสรู้
00:13:31 → 00:13:34 ไหมว่าเรามีประกันอยู่ในหลอดเลือดชนิดที่
00:13:34 → 00:13:38 ไม่มีแคลเซียมไปเกาะมีครับมีวิธีเหมือน
00:13:38 → 00:13:39 กันแต่มันแพงหน่อย
00:13:39 → 00:13:43 อันนี้เราจะเรียกมันว่า CT colonari
00:13:43 → 00:13:47 Angel คือทำ CT เหมือนกันนะครับแต่ไม่
00:13:47 → 00:13:50 ได้วัดแคลเซียมจะเป็นการฉีดสีเข้าไปใน
00:13:50 → 00:13:52 เส้นเลือดของเราเลยและไอ้สีเนี่ยมันจะ
00:13:52 → 00:13:53 วิ่งไปตรงหลอดเลือดหัวใจแล้วเราก็จะถ่าย
00:13:53 → 00:13:56 ภาพมาในอีกทีนึงนะครับสมมุติว่านี่เป็น
00:13:56 → 00:13:59 หลอดเลือดนะครับการวัดแคลเซียมสกอร์เป็น
00:13:59 → 00:14:02 การวัดดูว่ามันมีแคลเซียมไปเกาะตรงตรง
00:14:02 → 00:14:05 หลอดเลือดหรือเปล่านะครับมันจะทำในภาพ CT
00:14:05 → 00:14:08 Scan เนี่ยมันจะมีลักษณะขาวที่ชัดเจนมาก
00:14:08 → 00:14:11 สีขาวชัดเจนนั้นคือแคลเซียมนะครับแต่การ
00:14:11 → 00:14:14 ฉีดสีเข้าไปดูโคโรนารี antiogram ด้วย
00:14:14 → 00:14:16 วิธี CT เนี่ยเราฉีดสีเข้าไปสีมันจะเข้า
00:14:16 → 00:14:19 ไปอยู่ในรูหลอดเลือดของเรานะครับถ้า
00:14:19 → 00:14:22 บริเวณผิวของหลอดเลือดเนี่ยมันมีตะกรันไป
00:14:22 → 00:14:24 เกาะนะครับเราก็จะสามารถเห็นได้เลยว่า
00:14:24 → 00:14:26 เฮ้ยมันมีแต่การอยู่ตรงนี้เนื่องจากสี
00:14:26 → 00:14:31 เนี่ยมันไปมันไปทำให้เราเห็นรอบๆหลอด
00:14:31 → 00:14:33 เลือดได้นะครับมันทำได้เหมือนกันแต่ว่า
00:14:33 → 00:14:36 มันแพงกว่าการตรวจแคลเซียมสกอร์เนี่ยเป็น
00:14:36 → 00:14:39 10 เท่าเลยนะครับแล้วก็ปริมาณรังสีที่
00:14:39 → 00:14:41 ได้รับเนี่ยจะเยอะกว่าและแน่นอนว่ามีการ
00:14:41 → 00:14:43 ฉีดสีเข้าไปในร่างกายนะครับดังนั้นอยู่ๆ
00:14:43 → 00:14:47 จะให้ไปทำเนี่ยเราคงไม่ส่งไปทำนะครับใน
00:14:47 → 00:14:50 ทางการแพทย์เราจะส่งทำเอ่อ CT coronary
00:14:50 → 00:14:52 and the Program ก็ต่อเมื่อเราสงสัย
00:14:52 → 00:14:55 มากๆว่าคนไข้มีโรคหลอดเลือดหัวใจเช่น
00:14:55 → 00:14:59 เขาอาจจะมีภาวะเอ่อเจ็บแน่นหน้าอกแล้วเรา
00:14:59 → 00:15:00 หาสาเหตุไม่ได้เราอาจจะส่งตรวจตรงนั้นได้
00:15:00 → 00:15:03 ถ้าเราส่งวิธีอื่นไม่ได้นะครับนี่ก็เป็น
00:15:03 → 00:15:05 การตรวจที่มันละเอียดขึ้นมาอีกขั้นนึงแต่
00:15:05 → 00:15:07 ว่ามันแพงนะครับตรงนั้นส่วนใหญ่ก็จะไม่
00:15:07 → 00:15:10 ค่อยแนะนำให้คนที่ไม่มีอาการอะไรไปตรวจนะ
00:15:10 → 00:15:15 ครับอ่ะแล้วนอกเหนือจากนี้มันมีคนที่
00:15:15 → 00:15:17 อาจจะรู้ดีเพิ่มขึ้นอย่างหนึ่งก็คือว่า
00:15:17 → 00:15:21 เฮ้ยเนี่ยถ้าเรากินยาสแตตินเพื่อที่จะลด
00:15:21 → 00:15:25 ไขมันนะเพราะว่าไปหาหมอแล้วเขาเห็น ldl
00:15:25 → 00:15:26 คอเลสเตอรอลของเราสูงมากเขาต้องจ่าย
00:15:26 → 00:15:29 statin แน่เลยแต่คุณอย่าให้หมอเขาทำแบบ
00:15:29 → 00:15:31 นั้นเด็ดขาดนะเพราะว่ามันมีงานวิจัยออกมา
00:15:31 → 00:15:34 บอกว่า statin เนี่ยถ้ากินแล้วค่า
00:15:34 → 00:15:37 แคลเซียมสกอร์ที่หัวใจมันจะสูงขึ้น
00:15:37 → 00:15:39 เฮ้ย
00:15:39 → 00:15:43 น่ากลัวงั้นแปลว่าไม่ดีถูกไหมครับไม่ถูก
00:15:43 → 00:15:47 ครับถามว่าทำไมนะมันมีอยู่ 2-3 อย่าง
00:15:47 → 00:15:50 อย่างแรกคืองานวิจัยเรื่องของ statin
00:15:50 → 00:15:53 ตั้งแต่ตอนที่มันออกมาเนี่ยนะครับพบว่าใน
00:15:53 → 00:15:57 กลุ่มที่ให้ statin ตามข้อบ่งชี้คือมีค่า
00:15:57 → 00:15:59 คอเลสเตอรอลที่มันสูงมากๆนะครับกับกลุ่ม
00:15:59 → 00:16:02 ที่ไม่ได้ให้แล้วปล่อยไว้เฉยๆเราพบว่าคน
00:16:02 → 00:16:05 ที่ได้ยา statin นั้นโอกาสในการเกิดโรค
00:16:05 → 00:16:07 หลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมองหลอดเลือด
00:16:07 → 00:16:10 ส่วนปลายมันต่ำกว่าคนที่ไม่ได้รับการ
00:16:10 → 00:16:13 รักษานะครับแต่จริงครับมันทำให้แคลเซียม
00:16:13 → 00:16:16 ไปก่อนไอ้ตรงหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นแต่
00:16:16 → 00:16:18 เนื่องจากว่าเมื่อกี้ผมบอกแล้วไงครับว่า
00:16:18 → 00:16:21 การที่มี Hard Click คือมีการเกิด
00:16:21 → 00:16:24 แคลเซียมไปเกาะตาม
00:16:24 → 00:16:27 จากการพวกนี้มันทำให้จากการเป็นไงครับ
00:16:27 → 00:16:32 คงที่คงตัวแล้วไม่หลุดออกไปอ่า
00:16:32 → 00:16:36 นั่นอาจจะเป็นการทำงานของ statin ก็ได้
00:16:36 → 00:16:38 เพราะว่าเรารู้มาตั้งนานแล้วนะครับว่า
00:16:38 → 00:16:41 statin เนี่ยมีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่ง
00:16:41 → 00:16:44 คือแพ็ค stabilization มันแปลว่า statin
00:16:44 → 00:16:47 นี้สามารถทำให้ตัวตะกรันนี้มันอยู่กับที่
00:16:47 → 00:16:49 มันไม่หลุดออกไปแล้วไปอุดตันหลอดเลือด
00:16:49 → 00:16:53 ต่างๆนะครับนี่อาจจะเป็นกลไกของซาตินที่
00:16:53 → 00:16:56 มันป้องกันไม่ให้ตัวจากการที่เรามีอยู่
00:16:56 → 00:17:00 นั้นหลุดไปอุดตันหลอดเลือดที่อื่นก็ได้นะ
00:17:00 → 00:17:03 ครับดังนั้นคำกล่าวที่ว่า statin ทำให้
00:17:03 → 00:17:06 แคลเซียมสกอร์สูงขึ้นแล้วมันจะเป็น
00:17:06 → 00:17:11 อันตรายนั้นไม่ถูกต้องครับนะไม่ถูกต้อง
00:17:11 → 00:17:14 งั้นถ้าเราพูดมาถึงตรงนี้เนี่ยเราพอจะ
00:17:14 → 00:17:17 เข้าใจเราว่าแคลเซียมสกอร์มันคืออะไรนะ
00:17:17 → 00:17:21 ครับคนที่มีแคลเซียมอยู่ในหลอดเลือดนั้น
00:17:21 → 00:17:24 แปลว่ามีการอักเสบมีการก่อเกิดแคลเซียมมา
00:17:24 → 00:17:27 เกาะนานพอสมควรแล้วหลายปีแล้วแน่นอนคนที่
00:17:27 → 00:17:29 มีแคลเซียมเมื่อเทียบกับคนที่ไม่มี
00:17:29 → 00:17:32 แคลเซียมคนที่มีแคลเซียมนั้นมีความเสี่ยง
00:17:32 → 00:17:37 สูงกว่านะครับคนที่ไม่มีแคลเซียมความ
00:17:37 → 00:17:40 เสี่ยงต่ำกว่าแต่ไม่ใช่ความเสี่ยงเป็น
00:17:40 → 00:17:45 ศูนย์นะครับบางคนบอกว่าเฮ้ยเราไม่อยากกิน
00:17:45 → 00:17:47 ยาเราตรวจแคลเซียมสกอร์แล้วมันได้ 0 น่ะ
00:17:47 → 00:17:51 ขอลองตรวจประจำทุกปีก่อนได้ไหมว่าถ้า
00:17:51 → 00:17:52 เมื่อไหร่ก็แล้วแต่เราเริ่มที่จะมี
00:17:52 → 00:17:54 แคลเซียม score มันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
00:17:54 → 00:17:57 เนี่ยเราถึงค่อยรักษาด้วยการกินยาถามว่า
00:17:57 → 00:17:59 ความคิดแบบนี้ถูกหรือเปล่าสำหรับผมนะครับ
00:18:00 → 00:18:03 ความคิดเหล่านี้ไม่ถูกนะครับทำไมมันถึง
00:18:03 → 00:18:06 ไม่ถูกก็อย่างที่บอกไปแคลเซียมมันใช้เวลา
00:18:06 → 00:18:11 ในการสร้างนะครับใช้เวลาในการก่อตัวนะมัน
00:18:11 → 00:18:14 แปลว่าเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เราเจอมาแล้ว
00:18:14 → 00:18:18 เนี่ยมันแปลว่าเรามีการอักเสบมีการก่อตัว
00:18:18 → 00:18:20 ของประกันในหลอดเลือดเรามานานมากแล้วนะ
00:18:20 → 00:18:24 ครับนานมากแล้วแล้วเราจะไปเราอยากจะป้อง
00:18:24 → 00:18:27 กันก่อนที่มันจะเกิดหรือเราอยากจะรอให้
00:18:27 → 00:18:31 มันเกิดแล้วเราไปป้องกันล่ะครับนะฮะมันก็
00:18:31 → 00:18:34 เหมือนกับการที่ว่าโอเคเราเจอเราเจอ
00:18:34 → 00:18:36 แคลเซียมไปก่อนละนะครับก็แปลว่าเฮ้ยนี่
00:18:36 → 00:18:39 เราอาจจะต้องมารักษาย้อนหลังแล้วส่วนผล
00:18:39 → 00:18:41 มันจะเป็นยังไงเราก็บอกไม่ได้นะครับ
00:18:41 → 00:18:43 เนื่องจากว่าความเสียหายมันได้เกิดขึ้นไป
00:18:43 → 00:18:45 เรียบร้อยแล้วแต่ถ้าเกิดก่อนความเสียหาย
00:18:45 → 00:18:47 มันจะเกิดขึ้นเราจัดการมาตั้งแต่ก่อน
00:18:47 → 00:18:50 แคลเซียมจะไปเกาะมันไม่ดีกว่าเหรอถูกไหม
00:18:50 → 00:18:53 ครับนะปัจจุบันเนี่ยผมก็เข้าใจแล้วครับ
00:18:53 → 00:18:55 ว่ามีกูรูสุขภาพ
00:18:55 → 00:19:00 infer ใส่สุขภาพมากมายนะครับเพื่อเขาทำ
00:19:00 → 00:19:02 วีดีโอทำคลิปออกมานะครับให้คำแนะนำเพื่อ
00:19:02 → 00:19:05 ประโยชน์แก่สุขภาพของคนทั้งหลายนะครับ
00:19:05 → 00:19:08 อย่างไรก็ตามนะฮะเรื่องนี้เนี่ยมันมีความ
00:19:09 → 00:19:12 ละเอียดอ่อนแล้วก็ความสามารถในการเข้าใจ
00:19:12 → 00:19:14 งานวิจัยเรื่องของการตรวจและเรื่องของการ
00:19:14 → 00:19:17 แปลผลต่างๆเนี่ยนะครับมันต้องอาศัยความ
00:19:17 → 00:19:20 เข้าใจที่มากไปกว่านั้นนะครับเพราะว่าผม
00:19:20 → 00:19:25 เคยได้คุยกับกูรูซุสุขภาพบางคนนะครับด้วย
00:19:25 → 00:19:27 อยากจะรู้ว่าเหตุผลจริงๆที่เขาแนะนำของ
00:19:27 → 00:19:30 บางอย่างเนี่ยคืออะไรนะครับผมก็คุยคือมา
00:19:30 → 00:19:35 ก็เข้าใจเลยว่าเออเขาอาจจะไม่เข้าใจลึกๆ
00:19:35 → 00:19:37 จริงๆว่าการทำงานหลักการทำงานของแต่ละ
00:19:37 → 00:19:39 อย่างในร่างกายเนี่ยมันเป็นอย่างไรนะครับ
00:19:39 → 00:19:42 วิธีการตรวจต่างๆที่เราใช้มันมีข้อจำกัด
00:19:42 → 00:19:45 นะครับอย่างไรนะครับเขาไม่ทราบในข้อนี้
00:19:45 → 00:19:48 แต่สิ่งที่เขาทราบก็คือข้อมูลใหม่ๆที่มัน
00:19:48 → 00:19:51 ออกมาโดยที่เขาไม่มีพื้นฐานนะครับพอไม่มี
00:19:51 → 00:19:53 พื้นฐานในการตีความข้อมูลเหล่านี้เนี่ย
00:19:53 → 00:19:56 มันอาจจะลำบากนะครับผมก็เข้าใจว่าเขาหวัง
00:19:56 → 00:19:58 ดีกับคนทั่วไปนะครับคงไม่มีกูรูสุขภาพ
00:19:58 → 00:20:01 ด้านไหนที่หวังร้ายกับคนทั่วไปนะครับไม่
00:20:01 → 00:20:04 น่ามีนะครับหรือถ้ามีก็คงจะส่วนน้อยนะ
00:20:04 → 00:20:05 ครับ
00:20:05 → 00:20:08 แต่แน่นอนว่าเดี๋ยวนี้มันเป็นธุรกิจนะ
00:20:08 → 00:20:12 ครับก็คือเราหวังดีให้เขามาทำตามเราอะไร
00:20:12 → 00:20:14 อย่างเงี้ยนะครับเพื่อมีผลประโยชน์ทาง
00:20:14 → 00:20:16 ธุรกิจซึ่งผมว่าผมมองว่ามันไม่ได้ผิดนะ
00:20:16 → 00:20:18 ครับเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจเรื่องของ
00:20:18 → 00:20:20 การหารายได้เรื่องนี้ไม่ใช่ผิดเลยนะครับ
00:20:20 → 00:20:23 แต่ว่าเรื่องของวิธีการต่างหากล่ะครับที่
00:20:23 → 00:20:26 มันมีปัญหาถ้าท่านได้ฟังคลิปนี้แล้วนะ
00:20:26 → 00:20:29 ครับแล้วย้อนไปอ่านงานวิจัยถ้าสามารถตี
00:20:29 → 00:20:30 ความได้ด้วยตัวเองนะครับผมเชื่อว่าถ้า
00:20:30 → 00:20:33 เป็นกูรูสุขภาพที่มีความรู้หน่อยนะครับ
00:20:33 → 00:20:36 อ่านงานวิจัยเหล่านี้ก็คงจะเข้าใจได้ไม่
00:20:36 → 00:20:38 ยากนะครับแล้วก็คงจะเข้าใจว่าเออไอ้
00:20:38 → 00:20:40 แคลเซียม score ที่เราเข้าใจมาทั้งหมดที่
00:20:40 → 00:20:43 เราแนะนำไปเนี่ยมันไม่ถูกต้องซะแล้วล่ะ
00:20:43 → 00:20:46 ครับนะโอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับผมจะแปะ
00:20:46 → 00:20:48 ลิงค์งานวิจัยทุกอย่างที่มีความเกี่ยว
00:20:48 → 00:20:51 ข้องกับเรื่องนี้รวมทั้งงานเขียนที่อาจจะ
00:20:51 → 00:20:54 ไม่ใช่งานวิจัยแต่ว่าคนทั่วไปอาจจะเข้าใจ
00:20:54 → 00:20:56 เรื่องของแคลเซียมสกอร์ได้ง่ายกว่านะครับ
00:20:56 → 00:21:00 ท่านก็ลองไปอ่านดูเลยนะครับสำหรับผมนะฮะ
00:21:00 → 00:21:04 แคลเซียมสกอร์มันพอที่จะช่วยบอกอะไรได้นะ
00:21:04 → 00:21:07 ครับโดยเฉพาะถ้าท่านอายุเยอะนะครับถ้า
00:21:07 → 00:21:09 ท่านอายุน้อยมันแทบไม่บอกอะไรเลยนะครับ
00:21:09 → 00:21:12 หรือในเรื่องของความเสี่ยงนะครับถ้าคน
00:21:12 → 00:21:14 อายุน้อยแล้วตรวจแคลเซียมสกอร์เป็นบวก
00:21:14 → 00:21:16 ขึ้นมาแล้วล่ะก็อันนั้นท่านอาจจะมีความ
00:21:16 → 00:21:19 เสี่ยงมากกว่าเพื่อนนะครับแต่ถ้าคนที่
00:21:19 → 00:21:21 อายุน้อยเช่นน้อยกว่า 50 แล้วไปตรวจ
00:21:21 → 00:21:24 แคลเซียมสกอร์ได้เป็น 0 ท่านแปลว่าท่าน
00:21:24 → 00:21:26 อาจจะมีความเสี่ยงนะครับอาจจะมีความ
00:21:26 → 00:21:29 เสี่ยงโดยเฉพาะถ้าท่านมีค่า ldl
00:21:29 → 00:21:32 คอเลสเตอรอลที่มันสูงอยู่มีโรคเบาหวานนะ
00:21:32 → 00:21:36 ครับมี apo B สูงขึ้นอ่าไปตรวจแล้วเจอ
00:21:36 → 00:21:40 ว่ามีโรคไรโปโปตีนหรือตัว a นะครับที่
00:21:40 → 00:21:43 เยอะขึ้นนะครับเรานี้เนี่ยสำหรับผมนะครับ
00:21:43 → 00:21:45 ท่านไม่มีความจำเป็นจะต้องไปตรวจแคลเซียม
00:21:45 → 00:21:47 สกอร์อะไรหรอกครับถ้าท่านมี ldl ที่มัน
00:21:47 → 00:21:50 สูงเนี่ยผมก็แนะนำว่าท่านควรจะต้องหาวิธี
00:21:50 → 00:21:52 รักษานะครับอาจจะไปด้วยการออกกำลังกาย
00:21:52 → 00:21:54 ด้วยการคุมอาหารนะครับด้วยการออกจากคีโต
00:21:54 → 00:21:56 หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับถ้าท่านไม่อยากจะ
00:21:56 → 00:21:59 ใช้ยาสแตตินนะครับนั่นก็เป็นสิ่งที่ท่าน
00:21:59 → 00:22:02 ควรทำแล้วก็ไปตรวจเลือดซ้ำว่ามันยังมีค่า
00:22:02 → 00:22:03 คอเลสเตอรอลที่สูงเกินอยู่หรือเปล่านะ
00:22:03 → 00:22:06 ครับถ้ามีอันนั้นท่านก็ต้องไปคุยกับหมอ
00:22:06 → 00:22:08 แล้วว่าท่านจะเอายังไงต่อนะครับท่านจะไม่
00:22:08 → 00:22:10 ใช้ยาไม่มีใครว่าเลยนะครับเพราะว่านั่น
00:22:10 → 00:22:13 คือสุขภาพของท่านท่านสามารถตัดสินใจได้
00:22:13 → 00:22:15 เองแต่ผมอยากจะให้ท่านมีข้อมูลครบทุกด้าน
00:22:15 → 00:22:18 ก่อนที่ท่านจะเลือกวิธีในการรักษานะครับ
00:22:18 → 00:22:22 จำไว้อย่างนึงนะครับยาทุกอย่างมีผลดีแล้ว
00:22:22 → 00:22:24 มันก็มีผลเสียเราต้องเลือกให้มันถูก
00:22:24 → 00:22:26 สถานการณ์นะครับถ้าเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เรา
00:22:26 → 00:22:29 มีโรคอะไรสักอย่างที่เราปล่อยไว้แล้วผล
00:22:29 → 00:22:32 เสียมันมากกว่าผลดีนะครับกรณีแบบนั้นท่าน
00:22:32 → 00:22:35 ก็อาจจะต้องใช้ยานะครับการที่มีคนบอกว่า
00:22:35 → 00:22:37 สแตนตินเนี่ยมันมีผลข้างเคียงมากมายทั้ง
00:22:37 → 00:22:39 เรื่องของกล้ามเนื้อเรื่องของความจำ
00:22:39 → 00:22:41 เรื่องของ statin มันทำให้เราตายมันฆ่า
00:22:41 → 00:22:44 คุณอะไรอย่างเงี้ยนะครับผมมองว่าอันนั้น
00:22:44 → 00:22:46 เป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปมากเลยนะครับอ่า
00:22:46 → 00:22:49 คนไข้ของผมที่ใช้สแตตินมาทุกคนก็ไม่เห็น
00:22:49 → 00:22:51 มีใครมีปัญหานะครับอาจจะมีบางคนที่ทนยา
00:22:51 → 00:22:54 บางตัวไม่ได้เราก็แค่เปลี่ยนชนิดยาเท่า
00:22:54 → 00:22:56 นั้นเองไม่ได้มีความลำบากยากเย็นแต่อย่าง
00:22:56 → 00:22:58 ใดนะครับอ่ะวันนี้ก็เล่าไว้เท่านี้นะครับ
00:22:58 → 00:23:01 ใครมีอะไรสงสัยก็สอบถามมาแล้วกันนะครับ
00:23:01 → 00:23:04 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ