00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดเกี่ยวข้องกับ
00:00:03 → 00:00:07 โรคชื่อว่า als นะครับโรคนี้หลายคนอาจจะ
00:00:07 → 00:00:10 ไม่คุ้นหูนะครับแต่ว่าผมเชื่อว่าหลายคนคง
00:00:10 → 00:00:12 จะรู้จักนักวิทยาศาสตร์คนนึงชื่อว่า
00:00:12 → 00:00:15 สตีเฟ่นฮอร์คิงนะครับซึ่งเขาเป็นนัก
00:00:15 → 00:00:18 ฟิสิกส์ชื่อดังนะครับแล้วก็เป็นโรคนี้
00:00:18 → 00:00:21 แล้วเสียชีวิตด้วยโรค als นะครับโรคนี้
00:00:21 → 00:00:24 มันเป็นอย่างไรบ้างแล้วมันมีวิธีในการดู
00:00:24 → 00:00:27 แลรักษาอะไรบ้างนะครับผมก็จะมาเล่าให้ฟัง
00:00:27 → 00:00:29 กันเลยนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ทันที
00:00:29 → 00:00:31 ทันทีวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:31 → 00:00:33 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:33 → 00:00:37 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับโรค als
00:00:37 → 00:00:39 นั้นมันย่อมาจากคำว่า
00:00:39 → 00:00:44 miotic และนะครับซึ่งเป็นการที่ระบบ
00:00:44 → 00:00:46 ประสาทส่วนกลางในการควบคุมกล้ามเนื้อของ
00:00:46 → 00:00:49 เราเนี่ยมันเสียไปนะครับก็จะมีอาการกล้าม
00:00:49 → 00:00:52 เนื้ออ่อนแรงซึ่งจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆนะ
00:00:52 → 00:00:54 ครับแล้วสุดท้ายก็จะนำไปสู่การเสียชีวิต
00:00:54 → 00:00:57 เนื่องจากว่ากล้ามเนื้อต่างๆของเรารวม
00:00:57 → 00:00:59 ทั้งกล้ามเนื้อกลางหายใจของเราเนี่ยมันทำ
00:00:59 → 00:01:03 งานทำงานไม่ได้นะครับอาการเนี่ยก็มีได้
00:01:03 → 00:01:07 ค่อนข้างที่จะหลากหลายนะครับแล้วมันก็จะ
00:01:07 → 00:01:10 ไม่เหมือนกันด้วยในแต่ละคนนะครับอาการของ
00:01:10 → 00:01:13 เขาเนี่ยนะครับยกตัวอย่างเช่นมันอาจจะมี
00:01:13 → 00:01:16 อาการอ่อนแรงที่มือหรือที่ขาก่อนนะครับ
00:01:16 → 00:01:19 บางคนถ้าเป็นที่ขาเนี่ยช่วงแรกๆก็อาจจะ
00:01:19 → 00:01:21 รู้สึกว่าก็เดินอะไรแล้วเดินแล้วมันก็
00:01:21 → 00:01:24 สะดุดง่ายล้มง่ายนะครับหรือเอ๊ะทำไมเดิน
00:01:24 → 00:01:26 แล้วมันทำไมไม่ค่อยตรงทางอย่างนี้เป็นต้น
00:01:26 → 00:01:29 แล้วก็อาการจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆมันจะไม่
00:01:29 → 00:01:30 หายนะครับ
00:01:30 → 00:01:32 มักจะเริ่มเป็นจากข้างใดข้างหนึ่งก่อน
00:01:33 → 00:01:35 แล้วมันก็จะลามไปอีกข้างหนึ่งทีหลังนะ
00:01:35 → 00:01:39 ครับถ้าเราเป็นที่ขามันก็จะค่อยๆลามจาก
00:01:39 → 00:01:41 ปลายเท้าขึ้นมาที่น่องขึ้นมาที่ต้นขาแบบ
00:01:41 → 00:01:44 นี้เป็นต้นนะครับแต่มันจะไม่กระโดดข้ามนะ
00:01:44 → 00:01:46 ครับเช่นว่าถ้าเราเป็นที่เท้าแล้วต่อมา
00:01:46 → 00:01:48 มันเป็นที่แขนเลยมันจะไม่เป็นอย่างนี้นะ
00:01:48 → 00:01:51 ครับมันก็จะค่อยๆไต่ขึ้นมาส่วนบางคนก็จะ
00:01:51 → 00:01:54 เป็นที่มือก่อนนะครับก็อาจจะมีการเขียน
00:01:54 → 00:01:57 หนังสือแล้วมันเขียนไม่ได้นะครับมีมือมัน
00:01:57 → 00:02:00 ล้างง่ายกว่าปกตินะครับถ้าเป็นที่ขาขาก็
00:02:00 → 00:02:03 จะล้างง่ายกว่าปกตินะครับนี่คืออาการแรก
00:02:03 → 00:02:07 เริ่มนะครับที่มันเป็นตรงแขนและขาแต่บาง
00:02:07 → 00:02:09 คนเนี่ยอาการก็ไม่ได้เป็นที่แขนและขาก่อน
00:02:09 → 00:02:12 แต่จะเป็นที่กล้ามเนื้อที่ควบคุมโดยเส้น
00:02:12 → 00:02:16 ประสาทสมองนะครับเช่นอาจจะมีการกลืนไม่
00:02:16 → 00:02:19 ได้นะครับกลืนลำบากเพราะว่าระบบกล้าม
00:02:19 → 00:02:22 เนื้อที่อยู่ในช่องคอของเราที่ใช้ในการ
00:02:22 → 00:02:24 กลืนเนี่ยมันเสียไปนะครับกล้ามเนื้อลิ้น
00:02:24 → 00:02:27 อย่างเงี้ยเสียไปนะครับอ่าพวกเนี้ยมันจะ
00:02:27 → 00:02:30 เป็นระบบกล้ามเนื้อที่มันมีปัญหาได้นะบาง
00:02:30 → 00:02:33 คนก็จะมีเรื่องของการมองเห็นที่มันเสียไป
00:02:33 → 00:02:35 เพราะว่ากล้ามเนื้อควบคุมลูกตาเนี่ยเสีย
00:02:35 → 00:02:37 แต่บางคนเนี่ยจะมีอาการแปลกประหลาดอย่าง
00:02:37 → 00:02:40 หนึ่งก็คือว่าเป็นอาการทางเรื่องของระบบ
00:02:40 → 00:02:43 จิตใจนะครับบางครั้งร้องไห้ไม่หยุด
00:02:43 → 00:02:45 หัวเราะไม่หยุดก็ถือเป็นอาการในกลุ่มที่
00:02:45 → 00:02:47 เรียกว่า als เหมือนกันนะครับแต่ว่าพวก
00:02:47 → 00:02:50 นี้อาจจะเป็นอาการที่อาจจะแปลกนิดนึงนะ
00:02:50 → 00:02:53 ครับเราเรียกอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง
00:02:53 → 00:02:56 ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมของเส้นประสาท
00:02:56 → 00:02:59 สมองเนี่ยเรียกว่าเบาบ้างนะครับเบาบาง
00:02:59 → 00:03:01 สิ่งต้องก็คือเรื่องอะไรทุกอย่างที่มัน
00:03:01 → 00:03:03 เกี่ยวข้องกับตรงหน้าเราเลยตานะครับการ
00:03:03 → 00:03:06 กลืนลิ้นอะไรพวกนี้นะครับเกี่ยวข้องกัน
00:03:06 → 00:03:08 หมดแล้วก็เรื่องของการที่เมื่อกี้บอกว่า
00:03:08 → 00:03:10 มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้ก็เกี่ยวข้องนะ
00:03:10 → 00:03:14 ครับอ่าพวกเนี้ยคืออาการมันเริ่มแบบนี้
00:03:14 → 00:03:18 ได้หมดเลยนะครับแล้วอาการเหล่านี้เนี่ยนะ
00:03:18 → 00:03:21 ครับมันเป็นแล้วมันจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
00:03:21 → 00:03:25 นะครับโรคพวกนี้มีอาการอ่อนแรงโดยที่จะ
00:03:25 → 00:03:29 ไม่มีการเจ็บนะครับจะไม่เจ็บไม่ปวดนะครับ
00:03:29 → 00:03:32 แต่จะมีอ่อนแรงแล้วมันก็จะไม่ชาด้วยนะ
00:03:32 → 00:03:37 ครับมันจะไม่ชานะดังนั้นคนที่มีอาการชา
00:03:37 → 00:03:40 อ่อนแรงหรืออ่อนแรงแล้วมีการปวดร่วมด้วย
00:03:40 → 00:03:43 ไม่น่าจะใช้โรค als น่าจะเป็นโรคโรคอื่น
00:03:43 → 00:03:46 นะครับโรคนี้เนี่ยมันเป็นโรคที่น่าทรมาน
00:03:46 → 00:03:49 มากเพราะว่าสุดท้ายแล้วเนี่ยเราจะเคลื่อน
00:03:49 → 00:03:52 ไหวอะไรไม่ได้พูดก็ไม่ได้บางทีกระพริบตา
00:03:52 → 00:03:55 ก็ยังไม่ได้เลยนะครับแต่ว่าความรู้สึกของ
00:03:55 → 00:03:57 เราทุกอย่างจะยังอยู่เหมือนเหมือนเดิมหมด
00:03:57 → 00:04:00 เลยไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกสัมผัสความรู้
00:04:00 → 00:04:02 สึกเจ็บปวดนะครับความรู้สึกร้อนความรู้
00:04:02 → 00:04:04 สึกหนาวทุกอย่างอยู่กับเราหมดเหมือนกับ
00:04:04 → 00:04:07 เราโดนล็อคไว้อยู่ในร่างกายของตัวเองนี่
00:04:07 → 00:04:10 แหละครับแล้วมันเหมือนติดคุกตลอดเวลาคือ
00:04:10 → 00:04:12 เรานั่งนิ่งเฉยๆอย่างเงี้ยแล้วเราทำอะไร
00:04:12 → 00:04:14 ไม่ได้เลยแต่เรารู้สึกทุกอย่างได้หมดเลย
00:04:14 → 00:04:17 นะครับมันก็เป็นความน่ากลัวของโรคๆนี้นะ
00:04:17 → 00:04:21 ฮะคนที่เป็นโรคโรคนี้นะครับโดยเฉลี่ยแล้ว
00:04:21 → 00:04:24 เนี่ยอายุจะประมาณสัก 3 ปีนับตั้งแต่ที่
00:04:24 → 00:04:27 เราวินิจฉัยโรคนะครับคือจะตายภายใน 3 ปี
00:04:27 → 00:04:30 ประมาณนั้นแต่ก็ไม่ได้ทุกคนเป็นแบบนี้นะ
00:04:30 → 00:04:32 ครับยกตัวอย่างของคุณสตีเฟนท้องกิงส์นะ
00:04:33 → 00:04:35 ครับได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ในช่วงที่
00:04:35 → 00:04:37 เขากำลังอยู่ที่มหาวิทยาลัยตอนเขากำลัง
00:04:37 → 00:04:40 เรียนนะครับแต่เขามาเสียชีวิตเอาตอนที่
00:04:40 → 00:04:43 เขาอายุเยอะแล้วนะครับอย่างไรก็ตามคนที่
00:04:43 → 00:04:45 จะมีอายุยืนแบบ Stephen hawking ได้
00:04:45 → 00:04:48 เนี่ยนะครับก็มีแค่ประมาณ 5% เท่านั้นเอง
00:04:48 → 00:04:50 นะครับหรือจริงๆอาจจะน้อยกว่านั้นก็ได้นะ
00:04:50 → 00:04:53 ครับส่วนใหญ่แล้วเสียชีวิตในช่วงประมาณ
00:04:53 → 00:04:57 สัก 3 ปีนะครับเอ่อแล้วก็อาจจะมีสัก
00:04:57 → 00:05:01 ประมาณ 20% เนี่ยที่รอดจนถึง 5 ปีมี 10%
00:05:01 → 00:05:04 ที่รอดจนถึงประมาณ 10 ปีถ้า 20 ปีนี้ก็
00:05:04 → 00:05:06 เหลือแค่ 5% หรือน้อยกว่านั้นนะครับ
00:05:06 → 00:05:11 คนๆไหนบ้างแล้วเราวินิจฉัยในช่วงอายุเท่า
00:05:11 → 00:05:14 ไหร่ยังไงบ้างนะครับส่วนใหญ่แล้วมักจะเจอ
00:05:14 → 00:05:17 ในผู้ชายนะครับเรายังไม่ทราบว่าทำไมโจทย์
00:05:17 → 00:05:21 ผู้ชายมากกว่านะครับแล้วก็อายุโดยเฉลี่ย
00:05:21 → 00:05:24 ที่เราเจอกันเนี่ยอยู่ที่ประมาณสัก 40-60
00:05:24 → 00:05:27 ปีนะครับเฉลี่ยก็ประมาณ 55 ปีแต่ก็ไม่
00:05:27 → 00:05:29 เสมอไปนะครับอย่างคุณสตีเฟ่นฮอกกลิ้งก็
00:05:29 → 00:05:32 วินิจฉัยตอนวัยรุ่นเท่านั้นเองนะครับยัง
00:05:32 → 00:05:35 ไม่ถึง 50 ปีเลยนะครับดังนั้นเรื่องนี้ก็
00:05:35 → 00:05:38 เป็นที่น่ากังวลมากๆนะครับเพราะมันเกิด
00:05:38 → 00:05:40 กับใครก็ได้
00:05:40 → 00:05:43 90% ไม่มีประวัติครอบครัวนะครับมันจะ
00:05:43 → 00:05:46 เป็นของมันเองในคนๆนั้นเองนะครับแต่จะมี
00:05:46 → 00:05:49 สักประมาณ 10% เนี่ยซึ่งมันเกิดใน
00:05:49 → 00:05:52 ครอบครัวนะครับอันนี้เราจะเรียกว่า Family
00:05:52 → 00:05:55 als นะครับจะเป็นความผิดปกติของยีนตัว
00:05:55 → 00:05:58 หนึ่งชื่อว่า sod1 หรือว่า Super of
00:05:58 → 00:06:00 Sign This mu-test One นะครับอันนี้
00:06:00 → 00:06:04 จะมีการรักษาเฉพาะเจาะจงนะครับอ่าซึ่ง
00:06:04 → 00:06:06 เดี๋ยวเราก็ได้พูดกันต่อไปว่าเออมันคือ
00:06:06 → 00:06:09 การรักษาแบบไหนกันแน่นะครับ
00:06:09 → 00:06:12 ทีนี้เวลา als เนี่ยเราสงสัยเออเรามี
00:06:12 → 00:06:14 อาการทำเนี้ยมันจะมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเรา
00:06:14 → 00:06:17 ตรวจยังไงเราซักประวัติอะไรเพิ่มเติมนะ
00:06:17 → 00:06:21 ครับแน่นอนเวลาที่เราสงสัยโรค als เนี่ย
00:06:21 → 00:06:24 นะครับมันเหมือนเป็นประโยคสั่งตายเลยว่า
00:06:24 → 00:06:27 คนที่เป็นโรคเนี้ยจะต้องตายแน่นอนยังไงก็
00:06:27 → 00:06:29 ต้องตายไม่มีทางรอดแน่ๆปัจจุบันยังไม่
00:06:29 → 00:06:32 สามารถรักษาให้หายได้นะครับงั้นเราก็ต้อง
00:06:32 → 00:06:34 แน่ใจก่อนว่ามันใช่โรคนี้จริงหรือเปล่า
00:06:34 → 00:06:37 มันเป็นโรคอื่นซึ่งมีวิธีในการรักษาได้ดี
00:06:37 → 00:06:38 กว่านี้ไหมนะครับดังนั้นหมอเขาก็จะต้อง
00:06:39 → 00:06:41 ซักประวัติตรวจร่างกายแล้วก็ตรวจพื้นฐาน
00:06:41 → 00:06:44 ต่างๆเพื่อที่จะดูว่าเออมันใช่โรคนี้จริง
00:06:44 → 00:06:46 หรือเปล่าก่อนที่จะบอกคนไข้นะครับ
00:06:46 → 00:06:49 โรคนี้แต่ละคนจะมีการดำเนินโรคที่ไม่
00:06:49 → 00:06:53 เหมือนกันเลยนะครับบางคนดำเนินการโรคเร็ว
00:06:53 → 00:06:55 มากนะครับคือเป็นปุ๊บไม่กี่เดือนแย่เลยนะ
00:06:55 → 00:06:59 ครับบางคนก็แย่ลงมานิดนึงแล้วก็คงที่สัก
00:06:59 → 00:07:01 พักหนึ่งแล้วก็แย่ลงอีกนะครับบางคนดีขึ้น
00:07:01 → 00:07:03 สักพักหนึ่งแล้วก็กลับมาแย่ลงใหม่นะครับ
00:07:03 → 00:07:05 อ่ามันจะไม่เหมือนกันในแต่ละคนเลยนะครับ
00:07:05 → 00:07:08 แล้วที่เรา
00:07:08 → 00:07:11 มันจะเกิดขึ้นในทุกๆคนก็คือว่าสุดท้าย
00:07:12 → 00:07:14 แล้วกล้ามเนื้อทุกอย่างจะทำงานไม่ได้ทั้ง
00:07:14 → 00:07:16 กล้ามเนื้อการกลืนก็กลืนไม่ได้น้ำลายก็จะ
00:07:16 → 00:07:18 ไหลออกมาทางปากนะคือก็จะสำลักเข้าก่อน
00:07:18 → 00:07:20 เกิดปอดอักเสบปอดติดเชื้อได้อย่างคุณ
00:07:20 → 00:07:22 stephent Talking ก็จะเกิดเยอะอย่างนี้
00:07:22 → 00:07:24 นะครับเป็นปอดติดเชื้อนะฮะ
00:07:24 → 00:07:27 เอ่อจะมีปัญหาเรื่องแผลกดทับได้เพราะว่า
00:07:27 → 00:07:29 เขาเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้นะครับก็จะ
00:07:29 → 00:07:33 เกิดแผลกดทับได้นะครับระบบหายใจจะทำงาน
00:07:33 → 00:07:35 ไม่ได้ก็ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจไปตลอด
00:07:35 → 00:07:38 ชีวิตถ้าเกิดว่ามีอาการหายใจวายนะครับคน
00:07:38 → 00:07:41 พวกนี้สุดท้ายแล้วก็จะทำอะไรไม่ได้เลยอาจ
00:07:41 → 00:07:44 จะเหลือแค่กล้ามเนื้อลูกแตกนะครับในการ
00:07:44 → 00:07:47 กระพริบตาแล้วก็กล้ามเนื้อที่ควบคุมอ่า
00:07:47 → 00:07:50 กระเพาะปัสสาวะอ่าหรือว่าระบบขับถ่ายที่
00:07:50 → 00:07:52 ยังพอทำงานได้อยู่บ้างเท่านั้นเองนะครับ
00:07:52 → 00:07:54 ดังนั้นการสื่อสารเนี่ยอย่างคุณ Steven
00:07:54 → 00:07:57 hawking ในช่วงแรกๆที่เขาใช้สื่อสารก็
00:07:57 → 00:07:59 อาจจะใช้มือในการควบคุมเครื่องต่างๆแต่
00:07:59 → 00:08:02 ว่าตอนหลังเนี่ยมือก็ทั้งทำงานไม่ได้แล้ว
00:08:02 → 00:08:04 ก็เลยต้องใช้การกระพริบตาเพื่อที่จะให้
00:08:04 → 00:08:08 คอมพิวเตอร์เนี่ยมีการวิเคราะห์ว่าเออเขา
00:08:08 → 00:08:10 ต้องการพูดอะไรในการเลือกคำมันก็ใช้การ
00:08:10 → 00:08:12 กระพริบตาซึ่งแบบเล็กน้อยมากที่เขาสามารถ
00:08:12 → 00:08:14 ทำได้นะครับ
00:08:14 → 00:08:19 โรคโรคนี้ยังมีคนดังหลายคนที่เป็นนะครับ
00:08:19 → 00:08:23 แล้วคนดังคนแรกในโลกที่ได้รับการวินิจฉัย
00:08:23 → 00:08:26 แล้วทำให้เป็นที่รู้จักว่าโรคนี้มันคือ
00:08:26 → 00:08:29 อะไรทำให้โลกนี้มันดังขึ้นมาเลยก็คือคุณ
00:08:29 → 00:08:33 ลูเกริกนะครับลูกหลายคนที่เป็นคนไทยคงไม่
00:08:33 → 00:08:35 รู้จักแน่นอนนะครับลูกก็เหล็กนี้เขาเป็น
00:08:35 → 00:08:38 นักเบสบอลซึ่งเก่งมากๆของอเมริกานะครับ
00:08:38 → 00:08:41 คือดังสุดๆเลยสมัยก่อนในช่วงประมาณสักปี
00:08:41 → 00:08:45 1930 กว่านะครับเขาอยู่ทีมอย่างที่นะ
00:08:45 → 00:08:47 ครับคนไทยคงไม่รู้จักเรื่องเบสบอลเท่า
00:08:47 → 00:08:49 ไหร่นะครับแต่ว่าที่อเมริกาเนี่ยเป็นอะไร
00:08:49 → 00:08:51 ที่ดังมากนะฮะอย่างที่ก็เป็นทีมดังแล้วก็
00:08:51 → 00:08:55 คุณลุงเนี่ยเขาทำลายสถิติไว้โอ้โหหลายราย
00:08:55 → 00:08:57 การมากเลยคือเรียกว่าเป็นแบบนักกีฬา
00:08:57 → 00:09:00 ท็อปฟอร์มในตอนนั้นแล้วบังเอิญเขาก็ได้
00:09:00 → 00:09:03 รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค als ในช่วงอายุ
00:09:03 → 00:09:07 36 ปีตอนนั้นแล้วก็ในวันชาติอเมริกาคือ
00:09:07 → 00:09:12 วันที่ 4 กรกฎาคมปี 1939 ตอนนั้นน่ะครับ
00:09:12 → 00:09:15 ทีมอย่างจีนนะครับก็ตั้งให้วันนั้นเนี่ย
00:09:15 → 00:09:20 เป็นวันที่เหมือนกับอ่าสดุดีลูกเกดเป็น
00:09:20 → 00:09:23 พิเศษเลยนะครับอ่าคือเขาได้รับการ
00:09:23 → 00:09:24 วินิจฉัยในช่วงนั้นแถวนั้นน่ะครับแล้วก็
00:09:24 → 00:09:28 เอ่อเรากำลังทำให้เป็นที่โด่งดังในข่าว
00:09:28 → 00:09:31 เยอะมากมากเราก็โรคนี้เป็นที่รู้จักกันนะ
00:09:31 → 00:09:31 ครับ
00:09:31 → 00:09:35 โรคนี้มันมียารักษาแต่มันก็ไม่หายนะครับ
00:09:35 → 00:09:38 ถ้าเราสงสัยโรคโรคนี้เนี่ยเราต้องทำยังไง
00:09:39 → 00:09:41 บ้างเวลาที่หมอเขาตรวจร่างกายเขาจะตรวจหา
00:09:41 → 00:09:43 อะไรบ้าง
00:09:43 → 00:09:47 แน่นอนว่าการยกตัวอย่างเช่นถ้าเท้าเรามี
00:09:47 → 00:09:49 การอ่อนแรงนะครับเราก็จะสะดุดล้มบ่อยๆ
00:09:49 → 00:09:52 เดินแล้วก็อาจจะไม่ไหวนะครับเราต้องไปดู
00:09:52 → 00:09:54 เวลาที่หมอเขาดูเขาจะดูกล้ามเนื้อพวกนี้
00:09:54 → 00:09:56 นะครับกล้ามเนื้อพวกนี้จะมีการสั่นพริ้ว
00:09:56 → 00:09:58 ยิกๆๆอย่างนี้นะครับเขาจะเรียกว่าเป็น
00:09:58 → 00:10:00 ภาษาทางการแพทย์เราจะเรียกว่า
00:10:00 → 00:10:03 fasticulation นะครับเราก็ดูกล้ามเนื้อ
00:10:03 → 00:10:05 ตรงไหนบ้างที่มันสั่นพลิ้วดูตรงกล้าม
00:10:05 → 00:10:08 เนื้อไหล่กล้ามเนื้อขาถ้าเราไปให้คนไข้
00:10:08 → 00:10:09 อยู่เฉยๆนั่งนิ่งๆอย่างเงี้ยแล้วเราไปมอง
00:10:09 → 00:10:12 ใกล้ๆนะมันจะมียิกๆๆอย่างนี้นะครับการที่
00:10:12 → 00:10:14 มันเกิดแบบนั้นน่ะมันเป็นเพราะว่าระบบ
00:10:14 → 00:10:17 ประสาทส่วนกลางเนี่ยมันไม่สามารถควบคุม
00:10:17 → 00:10:20 กล้ามเนื้อไฟเบอร์แต่ละแต่ละไฟเบอร์ของ
00:10:20 → 00:10:21 กล้ามเนื้อให้มันทำงานประสานกันได้มันก็
00:10:21 → 00:10:23 เลยต่างคนต่างสั่นก็ยึกๆๆอย่างนั้นขึ้นมา
00:10:24 → 00:10:27 นะครับอ่าเราสามารถเห็นด้วยตรงนี้ได้ลิ้น
00:10:27 → 00:10:29 เราก็สามารถเห็นได้นะครับถ้าคนไข้เป็นที่
00:10:29 → 00:10:31 ลิ้นให้อ้าปากนะครับไม่ต้องแลบลิ้นนะครับ
00:10:31 → 00:10:33 ให้เอาลิ้นไว้ที่เดิมแล้วจะเห็นลิ้นมัน
00:10:33 → 00:10:36 สั่นๆได้นอกเหนือจากนี้กล้ามเนื้อมันจะ
00:10:36 → 00:10:39 ฝ่อลงไปด้วยลิ้นเราก็จะฝ่อกล้ามเนื้อต่าง
00:10:39 → 00:10:41 ๆเราก็จะฝ่อถ้าเป็นที่มือเนี่ยส่วนที่
00:10:41 → 00:10:43 เห็นง่ายที่สุดคือไอ้ตรงร่องตรงเนี้ยนะ
00:10:43 → 00:10:43 ครับ
00:10:43 → 00:10:45 ร่องตรงนิ้วโป้งเนี่ยมันจะฝ่อไปมันจะ
00:10:45 → 00:10:47 เหี่ยวบุ๋มลงไปเลยนะครับตรงนี้จะเห็นง่าย
00:10:47 → 00:10:50 กว่าอย่างนี้นะครับเราก็จะก็จะตรวจดูด้วย
00:10:50 → 00:10:52 ว่ามันมีการบุ๋มลงไปตรงนี้หรือเปล่านะ
00:10:52 → 00:10:54 ครับ
00:10:54 → 00:10:56 นอกเหนือจากนี้เราก็อาจจะซักประวัติว่าใน
00:10:56 → 00:10:58 ครอบครัวมีไหมนะครับเพราะว่ามันมี 10%
00:10:58 → 00:11:02 ซึ่งในครอบครัวเป็นด้วยนะครับแต่ว่าก็ไม่
00:11:02 → 00:11:04 ได้เยอะสักเท่าไหร่นะฮะแล้วก็
00:11:04 → 00:11:08 บางคนเนี่ยถ้าเป็นที่กระบังลมเนี่ยนอนนอน
00:11:08 → 00:11:10 หงายลงไปมันจะหายใจลำบากมากเลยเพราะว่า
00:11:10 → 00:11:13 กระบังลมมันจะโดนไอ้พวกอ่า
00:11:13 → 00:11:16 ลำไส้กระเพาะเราเนี่ยดันขึ้นมานะครับกรรม
00:11:16 → 00:11:18 บังลมเราทำงานได้คือเวลาเราหายใจเข้าปุ๊บ
00:11:18 → 00:11:20 กระบังลมต้องหดตัวลงไปอย่างนี้ใช่ไหมครับ
00:11:20 → 00:11:23 ถ้ามันอ่อนแรงมันจะดันในกระเพาะกับลำไส้
00:11:23 → 00:11:25 เราลงไปไม่ได้มันก็จะเกิดอาการเหนื่อย
00:11:25 → 00:11:29 ขึ้นมานั้นเราก็คือเจอได้นะครับแล้วอ่า
00:11:29 → 00:11:31 ทุกท่านเคยเห็นเวลาที่เขาตรวจมั้ยครับ
00:11:31 → 00:11:34 เคาะเข่าแล้วขามันก็เด้งขึ้นมานะครับอัน
00:11:34 → 00:11:37 นั้นน่ะคือมันจะเป็น reflex นะครับเป็น
00:11:37 → 00:11:39 การเคาะ reflex ซึ่งในคนที่เป็นโรคเนี้ย
00:11:39 → 00:11:42 นะฮะ aos เนี่ยถ้าไปขอ reflex มันจะไวมาก
00:11:42 → 00:11:45 เลยเคาะปุ๊บเด้งเลยอย่างเงี้ยนะครับซึ่ง
00:11:45 → 00:11:47 หมอเขาจะมีการประเมินอ่าเขาจะดูคร่าวๆแบบ
00:11:47 → 00:11:51 นี้ก่อนหลังจากนั้นเนี่ยวิธีในการตรวจ
00:11:51 → 00:11:54 วินิจฉัยที่เหลือนะครับก็อาจจะมีการตรวจ
00:11:54 → 00:11:57 อันนึงคือตรวจเรื่องของการนำไฟฟ้าในกระแส
00:11:57 → 00:12:00 ประสาทของกล้ามเนื้ออ่าส่วน emg นะครับ
00:12:00 → 00:12:04 อิเล็กตรอนไมโครกรลาสีนะครับอ่าหมอก็จะมี
00:12:04 → 00:12:06 อาจจะมีการตรวจอย่างอื่นเช่นทำ MRI สมอง
00:12:06 → 00:12:09 MRI เอ่อตรงไขสันหลังที่คอเพื่อให้หน้า
00:12:09 → 00:12:11 จอว่าไม่มีโรคอื่นปนนะครับตรวจเลือดดูซิ
00:12:12 → 00:12:13 ว่าเอ๊ะมันมี
00:12:13 → 00:12:16 โปรตีนอะไรผิดปกติซึ่งจะบ่งบอกว่าเป็นโรค
00:12:16 → 00:12:19 อื่นนะครับพวกมี antibody ประหลาดๆในร่าง
00:12:19 → 00:12:21 กายซึ่งบ่งบอกว่าเป็นโรคอื่นอยู่หรือ
00:12:21 → 00:12:24 เปล่านะครับอย่างนี้เป็นต้นบางกรณีก็อาจ
00:12:24 → 00:12:26 จะต้องมีการเจาะเอาน้ำไขสันหลังไปตรวจดู
00:12:26 → 00:12:28 ซิว่ามันมีโรคอื่นที่ทำให้เป็นแบบนี้ไหม
00:12:28 → 00:12:32 นะครับพวกนี้คือเป็นการวินิจฉัยที่หมอเขา
00:12:32 → 00:12:34 ส่วนใหญ่ก็จะต้องทำนะครับคือการตรวจ emg
00:12:34 → 00:12:38 ตรวจ MRI ที่สมองหรือที่ก้านคอตรงนี้นะ
00:12:38 → 00:12:40 ครับแล้วก็อาจจะมีเอาน้ำไขสันหลังไปตรวจ
00:12:40 → 00:12:43 ด้วยร่วมกับการตรวจเลือดหาปัจจัยอื่นๆ
00:12:43 → 00:12:45 แล้วถ้าเกิดคนไหนที่มีประวัติในครอบครัว
00:12:45 → 00:12:48 ว่าเป็นโรค als หรือคล้าย aism หมอเขาจะ
00:12:48 → 00:12:51 สั่งตรวจยีนด้วยนะครับว่ามีปัญหาของยีนส์
00:12:51 → 00:12:54 หรือเปล่านะครับแล้วถ้าวินิจฉัยแล้วเออทำ
00:12:54 → 00:12:58 ยังไงต่อนะครับวินิจฉัยแล้วนะครับมีการ
00:12:58 → 00:13:01 รักษาเฉพาะกับอีกอันนึงการรักษาที่ไม่
00:13:01 → 00:13:03 เฉพาะเริ่มจากการรักษาที่ไม่เฉพาะก่อนนะ
00:13:03 → 00:13:06 ครับการรักษาที่ไม่เฉพาะเนี่ยคือถ้าคนไข้
00:13:06 → 00:13:10 กลืนไม่ได้นะครับเราก็จะมีการใส่สายเข้า
00:13:10 → 00:13:12 ไปที่กระเพาะโดยตรงเพื่อให้อาหารนะครับ
00:13:12 → 00:13:15 ถ้าหายใจไม่ได้ก็จะต้องมีการใช้เครื่อง
00:13:15 → 00:13:17 ช่วยหายใจนะครับอาจจะเป็นเครื่องที่ปิด
00:13:17 → 00:13:20 ที่ปากกับจมูกอ่ะเป็นหน้ากากนะครับดันลม
00:13:20 → 00:13:22 หายใจเข้าไปเพื่อที่ให้คนไข้หายใจได้หรือ
00:13:22 → 00:13:25 บางครั้งเราต้องเจาะคอตรงนี้นะครับเพื่อ
00:13:25 → 00:13:27 ที่จะเอาเครื่องช่วยหายใจเข้าไปตรงนี้นะ
00:13:27 → 00:13:31 ครับแล้วคนพวกนี้จะมีเสมหะซึ่งเขาไม่
00:13:31 → 00:13:33 สามารถไอเองได้เนื่องจากความอ่อนแอนะครับ
00:13:33 → 00:13:35 งั้นถ้าเรามีที่เจาะคอตรงนี้เราก็จะ
00:13:35 → 00:13:38 สามารถใส่สายดูดเสมหะได้ง่ายนะครับนั่นก็
00:13:38 → 00:13:41 คือเป็นสิ่งที่อาจจะต้องทำเราก็ต้อง
00:13:41 → 00:13:43 พยายามให้ตัวเขาตั้งตรงไว้ตลอดเวลาเพราะ
00:13:43 → 00:13:45 ว่าถ้าคนพวกนี้นอนเขาจะเหนื่อยง่ายขึ้น
00:13:45 → 00:13:48 แล้วนอกเหนือจากนั้นคือพวกเสมหะต่างๆ
00:13:48 → 00:13:50 เนี่ยมันสามารถขึ้นมาตรงนี้ได้แล้วก็เข้า
00:13:50 → 00:13:52 ไปในปอดทำให้เกิดปอดติดเชื้อได้ง่ายนะ
00:13:52 → 00:13:55 ครับก็ต้องดูแล้วเรื่องของแผลกดทับต่างๆ
00:13:55 → 00:13:59 ด้วยนะฮะนอกเหนือจากนี้มีอะไรบ้างที่เรา
00:14:00 → 00:14:03 ต้องทำคือเรื่องของสภาพจิตใจคนเหล่านี้
00:14:03 → 00:14:05 เนี่ยมีภาวะซึมเศร้าได้ง่ายมากเนื่องจาก
00:14:05 → 00:14:07 ว่าตัวโรคเขาเป็นไม่หายนะครับแล้วมันจะ
00:14:07 → 00:14:10 เป็นมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงวันนึงเนี่ยเขาจะ
00:14:10 → 00:14:13 ไม่สามารถพูดกับเราได้นะครับคือเสียการ
00:14:13 → 00:14:17 พูดไปนะครับเสียการเดินการเขียนการทุก
00:14:17 → 00:14:19 อย่างเสียหมดเลยนะครับหายใจก็ไม่ได้กลืน
00:14:19 → 00:14:21 ก็ไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ได้แต่ความรู้สึก
00:14:21 → 00:14:23 อย่างอื่นมีเหมือนเดิมเป๊ะนะครับนั้นก็
00:14:23 → 00:14:25 คือเป็นสิ่งที่น่าเศร้านะ
00:14:25 → 00:14:29 ทีนี้มาดูเรื่องของการรักษาละเออเรารักษา
00:14:29 → 00:14:30 ยังไง
00:14:30 → 00:14:33 ในทางการแพทย์ยาตัวแรกที่เราให้กันนะครับ
00:14:33 → 00:14:36 มันชื่อว่ายาไรรูโซนะครับซึ่งปัจจุบัน
00:14:36 → 00:14:38 เนี่ยเราไม่แน่ใจว่ามันทำงานอย่างไรแต่
00:14:39 → 00:14:42 ว่าในคนที่ได้ยารอยรูโซตั้งแต่ตอนแรกนะ
00:14:42 → 00:14:46 ครับมันจะพอชะลอโรคได้บ้างนะครับเมื่อ
00:14:46 → 00:14:48 เทียบกับคนที่ไม่ได้กินยาตัวนี้เป็นยากิน
00:14:48 → 00:14:52 นะครับไวรัสด้วยนะครับ
00:14:52 → 00:14:55 เราจะให้ตั้งแต่แรกแล้วเป็นยาตัวแรกที่
00:14:55 → 00:14:58 เราจะเริ่มนะครับเขาเชื่อว่ามันอาจจะไปลด
00:14:58 → 00:15:02 สารพวกที่มันทำให้เกิดอันตรายต่อระบบ
00:15:02 → 00:15:05 ประสาทนะครับอ่าพวกสารกลูตาเมตอะไรอย่าง
00:15:05 → 00:15:09 นี้เป็นต้นนะครับยาตัวต่อมาซึ่งเรามักจะ
00:15:09 → 00:15:13 ให้นะครับหลังจากที่คนไข้ได้รับยาอะไร
00:15:13 → 00:15:15 ลูโซแล้วก็คือยาชื่อว่า irones นะครับ
00:15:15 → 00:15:18 อิดาระบมตัวนี้เนี่ยมันเป็นยามีทั้งแบบ
00:15:18 → 00:15:20 ฉีดแล้วก็แบบกลิ่นนะครับส่วนใหญ่ตอนหลัง
00:15:20 → 00:15:24 ก็ให้แบบกินกันนะครับวงตัวนี้มันเป็นยา
00:15:24 → 00:15:28 ที่เอาไปจับพวกอนุมูลอิสระนะครับเอ่อซึ่ง
00:15:28 → 00:15:31 จับได้ดีกว่าตัวอื่นที่มีในโลกนี้นะครับ
00:15:31 → 00:15:36 เราจะใช้อีดานนะครับแล้วตัวที่ 3 ที่เรา
00:15:36 → 00:15:38 อาจจะต้องให้เข้าไปนะครับคือมันทุกอย่าง
00:15:38 → 00:15:41 มันต้องให้เสริมกันไรโซโซก่อนตามด้วย
00:15:41 → 00:15:43 อินดาราโบนนะครับแล้วก็ตัวที่ 3 เนี่ย
00:15:43 → 00:15:48 เอ่อมันมันจะชื่อประหลาดหน่อยนะครับชื่อ
00:15:48 → 00:15:52 ว่าเอ่อโซเดียมเฟนนิ่วเทรดบวกกับยาชื่อ
00:15:52 → 00:15:53 ว่า
00:15:53 → 00:15:55 นะครับ
00:15:55 → 00:15:58 ถ้าบางทีเขาจะมีเรียกว่าชื่อว่า PB
00:15:58 → 00:16:04 torsal PB โทนหรือเฟนนิ่วบิวทีเรทบวก
00:16:04 → 00:16:08 กับ toro นะครับพอเราเสียแล้วนะครับชื่อ
00:16:08 → 00:16:11 มันจะประหลาดหน่อยนะครับพวกนี้แต่ว่าผม
00:16:11 → 00:16:13 ไม่แน่ใจที่ประเทศไทยมีหรือเปล่าแต่ที่
00:16:13 → 00:16:15 อเมริกามีนะครับ 3 ตัวนี้เนี่ยเป็นตัวที่
00:16:15 → 00:16:18 เราให้ในคนที่เป็นโรคนี้นะครับเป็น aos
00:16:18 → 00:16:21 นะฮะเป็นยากินทั้งหมดนะครับจะมีเฉพาะ
00:16:21 → 00:16:23 อีดาราโบนเท่านั้นแหละที่มันมียาฉีดได้
00:16:23 → 00:16:27 ด้วยนะครับแล้วยาพวกนี้ถ้าคนไข้กลืนไม่
00:16:27 → 00:16:29 ได้เราก็จะให้ทางสายยางที่เจาะเข้าหน้า
00:16:29 → 00:16:31 ท้องโดยตรงนะครับ
00:16:31 → 00:16:34 สุดท้าย
00:16:34 → 00:16:40 มีคนที่เป็นแบบเดี๋ยวนะเป็นในครอบครัวนะ
00:16:40 → 00:16:42 ครับคือถ้าเกิดว่าคนไข้แบบเป็นในครอบครัว
00:16:42 → 00:16:47 เนี่ยมันก็จะมียาพิเศษตัวนึงถ้าคนไข้มี
00:16:47 → 00:16:50 สารตัวหนึ่งผิดปกติชื่อว่า Super oxide
00:16:50 → 00:16:52 this mute นะครับพวกนี้มันเป็นยีนส์ที่
00:16:52 → 00:16:55 ผิดปกติแล้วถ้าเกิดสมมุติว่าเป็น
00:16:55 → 00:17:00 สารตัวนี้ที่ผิดปกติเราก็เราก็จะมียาแบบ
00:17:00 → 00:17:03 เฉพาะเจาะจงในคนที่เป็นโรคแบบนี้นะถ้า
00:17:03 → 00:17:04 เป็นในครอบครัวร่วมได้นะครับเราต้อง
00:17:04 → 00:17:07 พิสูจน์ว่าเป็นจากยีนส์ตัวนี้ชื่อ Super
00:17:07 → 00:17:10 oxide this ก่อนนะครับเดี๋ยวผมจำชื่อ
00:17:10 → 00:17:13 ไม่ได้น่าจะชื่อโทรเฟซนตัวนี้ผมเคยเห็น
00:17:13 → 00:17:16 ใช้ครั้งเดียวในในชีวิตผมนะครับมันยังไม่
00:17:16 → 00:17:18 เคยเห็นคนอื่นเขาใช้กันนะครับเพราะว่าเรา
00:17:18 → 00:17:21 ไม่ได้ดูแลเรื่องระบบประสาทนะครับแต่อย่า
00:17:21 → 00:17:23 โทร Frozen เนี่ยก็จะเป็นยาที่เราให้ใน
00:17:23 → 00:17:25 กรณีคนที่มีอ่า
00:17:25 → 00:17:28 มีการเปลี่ยนแปลงของยีนซุปเปอร์ออกไซด์
00:17:28 → 00:17:31 ดิเทสนะครับฉะนั้น
00:17:31 → 00:17:35 นี่คือ 4 ยาที่เราใช้ในกรณีคนเป็นโรค als
00:17:35 → 00:17:37 นะครับแล้วก็
00:17:37 → 00:17:40 ต่อให้เราใช้ยังไงเนี่ยมันก็ไม่ได้ทำให้
00:17:40 → 00:17:43 เรายืดชีวิตไปได้นานมากขนาดนั้นเท่าไหร่
00:17:43 → 00:17:46 นะครับแต่ว่าก็เป็นอะไรที่อย่างน้อยต่อ
00:17:46 → 00:17:50 ชีวิตให้คนไข้ได้มากกว่าปกติแต่ถ้าเกิดคน
00:17:50 → 00:17:52 ไข้มาถึงเนี่ยนะครับต้องใช้เครื่องช่วย
00:17:52 → 00:17:55 หายใจไปแล้วนะครับหรืออาการแย่มากไปแล้ว
00:17:55 → 00:17:57 การให้ยาพวกนี้ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นะ
00:17:57 → 00:17:59 ครับจริงๆส่วนใหญ่ถ้าถึงท่านท่านต้องใช้
00:17:59 → 00:18:03 เครื่องช่วยหายใจหรือว่าเคลื่อนไหวอะไร
00:18:03 → 00:18:04 ไม่ได้เลยเนี่ยไอ้ยาพวกนี้ไม่มีประโยชน์
00:18:04 → 00:18:06 ใดๆทั้งสิ้นแล้วนะครับมันจะมีประโยชน์ก็
00:18:06 → 00:18:09 ต่อเมื่อคนไข้ยังพอทำอะไรได้อยู่บ้างนะ
00:18:09 → 00:18:12 ครับเพราะว่ามันจะช่วยทำให้อาการมัน
00:18:12 → 00:18:15 กำเริบช้าลงนะครับเพราะฉะนั้นนี่คือ
00:18:15 → 00:18:20 เรื่องของ als ทั้งหมดที่เอ่อผมพอจะสรุป
00:18:20 → 00:18:23 ให้ได้นะครับดังนั้นโรคเอวเอสโตรฟิกและ
00:18:23 → 00:18:26 ทรอลล์ 10 เป็นโรคที่ระบบประสาทที่ใช้ใน
00:18:26 → 00:18:28 การควบคุมกล้ามเนื้อของเรามันเสียไป
00:18:28 → 00:18:31 ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุนะครับ
00:18:31 → 00:18:33 พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงช่วงอายุประมาณ
00:18:33 → 00:18:37 สัก 40-60 ปีที่เราจะเจอได้นะครับอาการ
00:18:37 → 00:18:39 เนี่ยก็จะมีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อนะ
00:18:39 → 00:18:43 ครับมีถ้าเป็นที่เท้ามันก็จะอาจจะมีสะดุด
00:18:43 → 00:18:45 ล้มง่ายนะครับมีกล้ามเนื้อล้าได้ง่ายนะ
00:18:45 → 00:18:49 ครับแต่จะไม่มีการปวดนะครับแล้วมันก็จะ
00:18:49 → 00:18:52 ไม่มีอาการเจ็บหรือชาแต่อย่างใดนะครับ
00:18:52 → 00:18:54 ความรู้สึกอย่างอื่นมีเหมือนเดิมหมดนะ
00:18:54 → 00:18:56 ครับแต่ว่าจะมีอาการอ่อนแรงเท่านั้นนะ
00:18:57 → 00:19:00 ครับมีแค่ประมาณ 10% ที่เป็นในครอบครัว
00:19:00 → 00:19:03 ส่วน 90% เนี่ยจะไม่มีประวัติครอบครัวใดๆ
00:19:03 → 00:19:06 ทั้งสิ้นนะครับเวลาไปหาหมอตรวจเนี่ยเขาก็
00:19:06 → 00:19:10 จะดูทั้งหมดเลยนะครับทั้งระบบการกลืนระบบ
00:19:10 → 00:19:11 เส้นประสาทสมองของเราที่อยู่ตรงบริเวณ
00:19:11 → 00:19:13 หน้าของเราแล้วก็เรื่องของกล้ามเนื้อทั้ง
00:19:13 → 00:19:18 หมดจะมีการตรวจเลือดตรวจ MRI ตรวจกล้าม
00:19:18 → 00:19:20 เนื้อนะครับ emg ดูเรื่องของการนำกระแส
00:19:20 → 00:19:22 ประสาทนะครับบางครั้งก็จะต้องมีการเจาะ
00:19:22 → 00:19:25 เอาน้ำไขสันหลังไปตรวจโรคหายอย่างอื่น
00:19:25 → 00:19:27 ด้วยนะครับถ้าเป็นโรคอย่างอื่นอ่าอันนี้
00:19:27 → 00:19:29 การรักษาก็จะเป็นไปตามแบบอื่นและแต่ถ้า
00:19:29 → 00:19:30 ยัง
00:19:30 → 00:19:33 ยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นโรค als นะครับ
00:19:33 → 00:19:37 ก็จะต้องมีการใช้ยาอย่างที่บอกไปมีไร
00:19:37 → 00:19:39 ลูโซวเป็นตัวแรก indarabone ตัวที่ 2 นะ
00:19:39 → 00:19:43 ครับ PB Toyo เป็นตัวที่ 3 แล้วก็ตัวสุด
00:19:43 → 00:19:46 ท้ายถ้าสมมติมีประวัติครอบครัวนะครับก็
00:19:46 → 00:19:50 จะมียาชื่อโทฟาเซนอีกตัวหนึ่งที่เราต้อง
00:19:50 → 00:19:53 ให้นะครับอ่าแบบนี้เลยครับเราก็นอกเหนือ
00:19:53 → 00:19:56 จากนั้นคือการดูแลทางด้านจิตใจนะครับการ
00:19:56 → 00:19:58 ให้อาหารอาจจะต้องมีการเจาะให้สัญญาณหน้า
00:19:58 → 00:20:02 ท้องการใช้เครื่องช่วยหายใจนะครับการที่
00:20:02 → 00:20:04 ต้องดูแลเรื่องของการพลิกตัวการป้องกัน
00:20:04 → 00:20:08 การติดเชื้อต่างๆนะครับแล้วแน่นอนว่าผู้
00:20:08 → 00:20:10 ดูแลเนี่ยก็หนักเป็นพิเศษเราก็จะต้องดูแล
00:20:10 → 00:20:12 ผู้ดูแลอีกต่อหนึ่งด้วยนะครับเพราะว่ามัน
00:20:12 → 00:20:15 ลำบากมากเลยแล้วก็คนเหล่านี้เนี่ยเอ่อ
00:20:15 → 00:20:17 ส่วนใหญ่หลังจากวินิจฉัยแล้วมักจะอยู่ได้
00:20:17 → 00:20:20 แค่ประมาณสัก 3 ปีนะครับแต่ก็ไม่เสมอไปนะ
00:20:20 → 00:20:22 ครับอย่างคุณสตีเฟ่นท้องกิงนะครับก็อยู่
00:20:22 → 00:20:25 ได้นานหลายสิบปีเหมือนกันนะครับ
00:20:25 → 00:20:27 อ่ะถ้าใครเป็นโรคนี้หรือรู้จักใครเป็นโรค
00:20:27 → 00:20:30 นี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้เลยนะครับมันเป็น
00:20:30 → 00:20:33 โรคที่รักษาไม่หายแล้วลำบากจริงๆนะครับ
00:20:33 → 00:20:35 วันนี้เท่านี้นะครับถ้าใครมีอะไรสงสัยก็
00:20:35 → 00:20:37 สอบถามมาแล้วนะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:20:37 → 00:20:39 ครับ