00:00:00 → 00:00:02 เคยไหมครับที่อยู่ดีๆก็รู้สึกแสบร้อนที่
00:00:02 → 00:00:05 กลางอกทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งจะกินอาหาร
00:00:05 → 00:00:09 ธรรมดาไปหรือบางทีก็มีอาการจุกๆที่คอ
00:00:09 → 00:00:12 เหมือนมีอะไรตีขึ้นมาหรือบางครั้งก็มีรส
00:00:12 → 00:00:15 เปรี้ยวๆขมๆในปากตอนตื่นนอนอาการเหล่านี้
00:00:16 → 00:00:17 อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดาอย่างที่คุณ
00:00:17 → 00:00:18 คิดนะครับ
00:00:18 → 00:00:21 >> ใช่แล้วค่ะอาการพวกนี้มันเหมือนเป็น
00:00:21 → 00:00:24 สัญญาณเตือนจากร่างกายว่าฉันไม่ไหวแล้วนะ
00:00:24 → 00:00:27 แต่หลายคนก็มองข้ามไปคิดว่าเดี๋ยวก็หาย
00:00:27 → 00:00:29 หรือไปกินยาเคลือบกระเพาะ
00:00:29 → 00:00:32 ก็เลยทำให้ปัญหาไม่เคยหายขาดสักทีเลยค่ะ
00:00:33 → 00:00:36 ที่สำคัญคือพฤติกรรมที่เราทำจนชินในทุกๆ
00:00:36 → 00:00:38 วันนี่แหละค่ะที่เป็นตัวการร้ายที่ทำให้
00:00:38 → 00:00:41 เกิดอาการที่เรียกว่าระเบิดในท้องเหล่า
00:00:41 → 00:00:42 นี้ขึ้นมา
00:00:42 → 00:00:45 >> ถูกต้องเลยครับและอาการที่เกดพูดถึงมันก็
00:00:45 → 00:00:49 คือกรดไหลย้อนนั่นเองครับที่ไม่ว่าจะแซ่บ
00:00:49 → 00:00:52 จะร้อนจะจุกก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจและ
00:00:52 → 00:00:55 ทำให้เราใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่เลยครับ
00:00:55 → 00:00:58 >> และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าทำไมถึงเกิด
00:00:58 → 00:01:00 อาการเหล่านี้ขึ้นและจะดูแลตัวเองได้
00:01:00 → 00:01:04 อย่างไรเราจะมาเปิดโปง 4 พฤติกรรมการกิน
00:01:04 → 00:01:07 ที่เราทำกันจนชินแต่จริงๆแล้วมันกำลังทำ
00:01:07 → 00:01:10 ร้ายกระเพาะของเราอย่างเงียบๆอยู่ค่ะ
00:01:10 → 00:01:13 >> ใช่แล้วครับและนี่คือรายการสุขภาพสนทนา
00:01:13 → 00:01:16 รายการที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นได้
00:01:16 → 00:01:18 ง่ายๆแค่มานั่งคุยกับเราครับเพราะเรา
00:01:18 → 00:01:22 เชื่อว่าสุขภาพดีเริ่มต้นจากความเข้าใจ
00:01:22 → 00:01:24 >> ถ้าคุณไม่อยากพลาดเรื่องสุขภาพดีๆที่จะ
00:01:24 → 00:01:26 ช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นอย่าลืมกดติดตาม
00:01:27 → 00:01:30 ช่องสุขภาพสนทนาของเราไว้ด้วยนะคะแล้ววัน
00:01:30 → 00:01:33 นี้เราจะมาเจาะลึกไปพร้อมๆกันค่ะว่าเจ้า
00:01:33 → 00:01:36 กรดไหลย้อนนี่มันคืออะไรกันแน่และทำไมถึง
00:01:36 → 00:01:38 ได้ทรมานคนจำนวนมากขนาดนี้
00:01:38 → 00:01:41 >> อย่างที่เกดบอกครับว่ากรดไหลย้อนคือภาวะ
00:01:41 → 00:01:44 ที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อน
00:01:44 → 00:01:47 ขึ้นไปที่หลอดอาหารเพราะว่าหูรูดที่กั้น
00:01:47 → 00:01:49 ระหว่างกระเพาะกับหลอดอาหารมันทำงานผิด
00:01:49 → 00:01:52 ปกติหรือคลายตัวบ่อยเกินไปซึ่งพอหูรูด
00:01:52 → 00:01:56 คลายตัวเจ้ากรดในกระเพาะก็เลยไหลขึ้นไปทำ
00:01:56 → 00:01:58 ให้เกิดการระคายเครื่องและอักเสบในหลอด
00:01:58 → 00:02:00 อาหารจนรู้สึกแสบร้อนอย่างที่เราคุ้นเคย
00:02:00 → 00:02:03 กันซึ่งถ้าอาการมันรุนแรงขึ้นก็อาจจะลาม
00:02:03 → 00:02:06 ไปถึงการเจ็บคอเรื้อรังหรือมีอาการขมใน
00:02:06 → 00:02:07 ปากได้เลยนะครับ
00:02:08 → 00:02:11 >> ฟังดูน่ากลัวเลยนะคะแค่คิดก็รู้สึกทรมาน
00:02:11 → 00:02:13 แล้วค่ะและสิ่งที่เราจะมาคุยกันวันนี้ไม่
00:02:13 → 00:02:17 ใช่แค่เรื่องอาการแต่เราจะพาไปดูต้นตอของ
00:02:17 → 00:02:19 ปัญหาเพื่อให้ทุกคนได้ปรับเปลี่ยน
00:02:19 → 00:02:21 พฤติกรรมที่ทำอยู่เพื่อหยุดอาการแซ่บๆรน
00:02:22 → 00:02:24 ร้อนเหล่านั้นอย่างยั่งยืนค่ะ
00:02:24 → 00:02:26 >> เอาล่ะครับหลังจากที่เราทำความเข้าใจกัน
00:02:26 → 00:02:29 แล้วว่ากรดกรดไหลย้อนคืออะไรและมันทรมาน
00:02:30 → 00:02:33 เราแค่ไหนตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่า
00:02:33 → 00:02:36 ต้นตอของปัญหาจริงๆแล้วมันมาจากไหนและ 4
00:02:36 → 00:02:39 พฤติกรรมการกินที่เราทำกันเป็นประจำเนี่ย
00:02:39 → 00:02:42 มันกำลังทำร้ายกระเพาะเราอยู่หรือเปล่า
00:02:42 → 00:02:45 >> ใช่ค่ะเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามจริงๆ
00:02:45 → 00:02:48 เพราะบางทีเราก็คิดว่าก็กินแค่นี้เองหรือ
00:02:48 → 00:02:51 กินนิดเดียวเองหน้าแต่ความจริงแล้วมัน
00:02:51 → 00:02:54 สะสมและส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารของเรา
00:02:54 → 00:02:56 โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยนะคะ
00:02:56 → 00:02:58 >> พฤติกรรมแรกที่อยากให้ทุกคนลองสังเกตตัว
00:02:58 → 00:03:01 เองเลยนะครับคือการกินแล้วนอนทันที
00:03:01 → 00:03:04 >> โอ้โหอันนี้เป็นกันเยอะมากเลยค่ะบางทีดู
00:03:04 → 00:03:07 หนังดูซีรียส์เพลินๆกินไปกินมาก็หลับคา
00:03:07 → 00:03:10 โซฟาไปซะอย่างนั้นหรือบางทีก็เหนื่อยจาก
00:03:10 → 00:03:13 การทำงานมากๆพอถึงบ้านก็อยากล้มตัวลงนอน
00:03:13 → 00:03:13 เลยค่ะ
00:03:13 → 00:03:16 >> นั่นแหละครับเป็นพฤติกรรมที่อันตรายมาก
00:03:16 → 00:03:19 เลยนะเพราะปกติแล้วกระเพาะอาหารของเรา
00:03:19 → 00:03:22 เนี่ยจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ช่มงในการ
00:03:22 → 00:03:25 ย่อยอาหารที่เรากินเข้าไปแต่พอเรากินอิ่ม
00:03:25 → 00:03:28 ๆแล้วไปนอนราบเลยเนี่ยมันทำให้กรดใน
00:03:28 → 00:03:31 กระเพาะที่กำลังย่อยอาหารอยู่ไม่มีแรง
00:03:31 → 00:03:34 โน้มถ่วงที่จะดึงมันไว้ด้านล่างครับพอไม่
00:03:34 → 00:03:37 มีแรงดึงไว้มันก็เลยไหลย้อนขึ้นมาตามหลอด
00:03:37 → 00:03:38 อาหารได้ง่ายๆเลยครับ
00:03:38 → 00:03:41 >> นึกภาพตามก็เห็นเลยค่ะเหมือนเราเทน้ำจาก
00:03:41 → 00:03:44 แก้วที่เต็มๆแล้วก็ตะแคงแก้วอย่างนั้นเลย
00:03:44 → 00:03:45 ใช่ไหมคะ
00:03:45 → 00:03:48 >> ใช่เลยครับพอไหลย้อนขึ้นมาบ่อยๆเข้ากรดใน
00:03:48 → 00:03:51 กระเพาะก็ไปกัดกล่อนหลอดอาหารจนเกิดการ
00:03:51 → 00:03:54 ระคายเคืองและอักเสบซึ่งนอกจากอาการแสบ
00:03:54 → 00:03:57 ร้อนแล้วบางคนอาจจะรู้สึกเหมือนมีอะไรจุก
00:03:57 → 00:03:59 อยู่ที่คอหรือเจ็บคอตอนเช้าบ่อยๆด้วยนะ
00:03:59 → 00:04:02 ครับเพราะกรดมันไหลย้อนขึ้นมาตอนที่เรา
00:04:02 → 00:04:03 นอนหลับโดยไม่รู้ตัว
00:04:03 → 00:04:06 >> แบบนี้แสดงว่าถ้าเราอยากจะลดความเสี่ยงก็
00:04:06 → 00:04:09 ต้องรอให้กระเพาะอาหารของเราทำงานจนเสร็จ
00:04:09 → 00:04:09 ก่อนใช่มั้คะ
00:04:10 → 00:04:13 >> ถูกต้องครับทางที่ดีที่สุดคือเราควรเว้น
00:04:13 → 00:04:15 ระยะเวลาอย่างน้อย 3 ช่โมงหลังกินอาหาร
00:04:15 → 00:04:18 เสร็จก่อนจะเข้านอนครับถ้าเป็นมื้อดึกก็
00:04:18 → 00:04:21 อาจจะเลี่ยงการกินอาหารหนักๆไปเลยหรือถ้า
00:04:21 → 00:04:24 ต้องกินจริงๆก็เลือกอาหารที่ย่อยง่ายๆ
00:04:24 → 00:04:27 อย่างเช่นผลไม้บางชนิดหรือโยเกิร์ตที่ไม่
00:04:27 → 00:04:28 หวานมากแทนครับ
00:04:28 → 00:04:31 >> ต่อไปเป็นพฤติกรรมที่ 2 ที่หลายคนอาจจะทำ
00:04:31 → 00:04:34 โดยไม่รู้ตัวนะคะนั่นก็คือการกินอาหารรส
00:04:34 → 00:04:37 จัดหรืออาหารที่มีไขมันสูงมากๆค่ะ
00:04:37 → 00:04:40 >> อันนี้คนไทยนี่เป็นกันเยอะเลยนะครับเพราะ
00:04:40 → 00:04:43 อาหารไทยอร่อยๆส่วนใหญ่ก็มักจะมีรสชาติ
00:04:43 → 00:04:46 ที่จัดจ้านทั้งเผ็ดเปรี้ยวหวานหรือเค็ม
00:04:46 → 00:04:47 จัดๆครับ
00:04:47 → 00:04:50 >> ใช่แล้วค่ะอาหารรสจัดอย่างเช่นต้มยำรส
00:04:50 → 00:04:54 แซ่บๆส้มตำที่เผ็ดถึงใจหรืออาหารที่มีรส
00:04:54 → 00:04:56 เปรี้ยวมากๆเนี่ยมันจะไปกระตุ้นให้
00:04:56 → 00:04:59 กระเพาะอาหารผลิตกรดออกมามากกว่าปกติ
00:04:59 → 00:05:02 เพื่อใช้ในการย่อยค่ะและถ้าเรากินอาหารรส
00:05:02 → 00:05:05 จัดเป็นประจำมันก็เหมือนกับการเปิดสวิตช์
00:05:05 → 00:05:08 ให้กระเพาะผลิตกรดตลอดเวลาซึ่งพอมีกรด
00:05:08 → 00:05:11 เยอะเกินไปโอกาสที่มันจะไหลย้อนขึ้นมาก็
00:05:11 → 00:05:12 มีมากขึ้นตามไปด้วย
00:05:12 → 00:05:15 >> ไม่ใช่แค่อาหารรสจัดนะครับแต่อาหารที่มี
00:05:15 → 00:05:18 ไขมันสูงก็ตัวการสำคัญไม่แพ้กันเลยไม่ว่า
00:05:18 → 00:05:22 จะเป็นของทอดต่างๆอาหารผัดน้ำมันเยิ้มๆ
00:05:22 → 00:05:24 หรือแม้แต่พวกเบเกอรี่ที่ใส่เนยเยอะๆก็
00:05:24 → 00:05:25 ตามครับ
00:05:25 → 00:05:28 >> ทำไมอาหารไขมันสูงถึงทำให้กรดไหลย้อน
00:05:28 → 00:05:29 กำเริบได้คะ
00:05:29 → 00:05:31 >> เพราะว่าอาหารที่มีไขมันสูงเนี่ยมันจะใช้
00:05:31 → 00:05:34 เวลาในการย่อยนานกว่าอาหารประเภทอื่นๆ
00:05:34 → 00:05:37 ครับพออาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้นกรดก็
00:05:37 → 00:05:40 ต้องหลั่งออกมาทำงานนานขึ้นตามไปด้วยครับ
00:05:40 → 00:05:44 แถมยังทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัวง่าย
00:05:44 → 00:05:45 ขึ้นอีกด้วยครับ
00:05:45 → 00:05:48 >> โอ้โหฟังแล้วรู้สึกว่าของอร่อยนี่ตัวร้าย
00:05:48 → 00:05:50 ทั้งนั้นเลยนะคะแล้วถ้าคนชอบกินช็อกโกแลต
00:05:50 → 00:05:53 ล่ะคะเหมือนเคยได้ยินว่าช็อกโกแลตก็ทำให้
00:05:53 → 00:05:55 กรดไหลย้อนแย่ลงได้เหมือนกัน
00:05:55 → 00:05:58 >> อันนี้ถูกต้องเลยครับช็อกโกแลตมีสารที่
00:05:58 → 00:06:00 เรียกว่าโอโบรมีน
00:06:00 → 00:06:03 ซึ่งจะทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัวครับ
00:06:03 → 00:06:06 เพราะฉะนั้นถ้ากินช็อกโกแลตมากๆก็จะทำให้
00:06:06 → 00:06:09 อาการกรดไหลย้อนกำเริบได้ง่ายเช่นกันครับ
00:06:09 → 00:06:11 >> แบบนี้ถ้าอยากกินของอร่อยๆก็ต้องเลือกกิน
00:06:11 → 00:06:14 อย่างระมัดระวังมากขึ้นหน่อยแล้วนะคะอาจ
00:06:14 → 00:06:17 จะลดปริมาณลงหรือกินเฉพาะตอนที่เราไม่ได้
00:06:17 → 00:06:18 มีอาการกำเริบ
00:06:18 → 00:06:21 >> ครับผมเราไม่ได้บอกให้เลิกกินนะครับแค่
00:06:21 → 00:06:24 ให้กินแต่พอดีและสังเกตตัวเองดูว่าอาหาร
00:06:24 → 00:06:26 ชนิดนิดไหนที่เรากินแล้วมีอาการบ้างเพื่อ
00:06:26 → 00:06:28 ที่จะได้เลี่ยงได้ถูกครับ
00:06:28 → 00:06:31 >> พฤติกรรมที่ 3 ที่เราอาจจะทำกันบ่อยๆก็
00:06:31 → 00:06:33 คือการดื่มเครื่องดื่มที่ทำร้ายกระเพาะ
00:06:33 → 00:06:34 ค่ะ
00:06:34 → 00:06:36 >> ผมว่านี่เป็นอีกอย่างที่หลายคนติดเลยนะ
00:06:36 → 00:06:39 ครับทั้งชากาแฟน้ำอัดลม
00:06:39 → 00:06:42 >> ใช่เลยค่ะเครื่องดื่มเหล่านี้มันส่งผล
00:06:42 → 00:06:44 เสียต่อกระเพาะอาหารของเราโดยตรงเลยนะคะ
00:06:44 → 00:06:47 ไม่ว่าจะเป็นกาแฟที่หลายคนต้องดื่มทุก
00:06:47 → 00:06:50 เช้าเพื่อกระตุ้นให้ตื่มตัวแต่คาเฟอีนใน
00:06:50 → 00:06:53 กาแฟนี่แหละค่ะที่ทำให้หูรูดหลอดอาหาร
00:06:53 → 00:06:56 คลายตัวและกระตุ้นให้กระเพาะหลังกรดออกมา
00:06:56 → 00:06:57 เยอะขึ้นด้วย
00:06:57 → 00:07:00 >> ส่วนน้ำอัดลมก็อันตรายไม่แท้กันเลยครับ
00:07:00 → 00:07:03 ทั้งฟองก๊าซในน้ำอัดลมก็ไปเพิ่มความดันใน
00:07:03 → 00:07:05 กระเพาะอาหารทำให้กรดมันถูกดันขึ้นไปที่
00:07:06 → 00:07:07 หลอดอาหารได้ง่ายๆเลยครับ
00:07:07 → 00:07:10 >> และน้ำอัดลมบางชนิดก็มีส่วนผสมของกรด
00:07:10 → 00:07:13 ซิริกด้วยซึ่งมันก็ยิ่งไปเพิ่มกรดใน
00:07:13 → 00:07:16 กระเพาะเข้าไปอีกค่ะคิดดูสิคะว่าเรากำลัง
00:07:16 → 00:07:18 เติมกรดเข้าไปในกระเพาะที่กำลังมีปัญหา
00:07:18 → 00:07:21 อยู่แล้วมันก็เหมือนกับการเติมเชื้อเพลิง
00:07:21 → 00:07:22 เข้าไปในกองไฟเลยนะคะ
00:07:22 → 00:07:25 >> ฟังดูน่ากลัวเลยนะครับแล้วถ้าเป็นชาหรือ
00:07:25 → 00:07:28 เครื่องดื่มชงอื่นๆที่มีคาเฟอีนล่ะครับ
00:07:28 → 00:07:32 >> ก็มีผลเหมือนกันค่ะทั้งชาโกโก้หรือแม้แต่
00:07:32 → 00:07:34 นมเปรี้ยวบางชนิดก็อาจจะไปกระตุ้นให้เกิด
00:07:34 → 00:07:37 อาการกรดไหลย้อนได้เหมือนกันทางที่ดีที่
00:07:37 → 00:07:40 สุดคือเราควรจะหันมาดื่มน้ำเปล่าให้มาก
00:07:40 → 00:07:42 ขึ้นค่ะเพราะน้ำเปล่านี่แหละที่ช่วยเจือ
00:07:42 → 00:07:45 จางโกรธในกระเพาะและช่วยให้ระบบย่อยอาหาร
00:07:45 → 00:07:47 ของเราทำงานได้ดีขึ้นด้วย
00:07:47 → 00:07:50 >> มาถึงพฤติกรรมสุดท้ายแล้วครับอันนี้เป็น
00:07:50 → 00:07:52 อีกอย่างที่คนวัยทำงานหรือคนที่ใช้ชีวิต
00:07:52 → 00:07:56 เร่งรีบเป็นกันเยอะมากๆนั่นก็คือการกิน
00:07:56 → 00:07:59 อาหารไม่เป็นเวลาหรือบางคนก็ถึงขั้นอดมือ
00:07:59 → 00:08:00 เช้าไปเลยนะครับ
00:08:00 → 00:08:03 >> ใช่ค่ะบางคนบอกว่ามื้อเช้าไม่สำคัญแต่
00:08:03 → 00:08:06 จริงๆแล้วมันเป็นมือที่สำคัญที่สุดเลยนะ
00:08:06 → 00:08:08 คะเพราะลองคิดดูสิคะว่าตั้งแต่เรานอนหลับ
00:08:09 → 00:08:11 ตอนกลางคืนจนถึงเช้ากระเพาะของเราก็ว่าง
00:08:12 → 00:08:13 เปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว
00:08:14 → 00:08:17 >> และพอท้องว่างนานๆเนี่ยกระเพาะมันก็ยังคง
00:08:17 → 00:08:19 ผลิตกรดออกมาอย่างต่อเนื่องตามปกติพอไม่
00:08:19 → 00:08:23 มีอาหารให้ย่อยกรดที่ถูกผลิตออกมาก็จะไป
00:08:23 → 00:08:26 กัดกระเพาะของเราเองครับพอเราอดมื้อเช้า
00:08:26 → 00:08:29 ไปพอถึงมื้อกลางวันเราก็มักจะกินอาหารใน
00:08:29 → 00:08:32 ปริมาณที่เยอะกว่าปกติทำให้กระเพาะต้องทำ
00:08:32 → 00:08:33 งานหนักขึ้นไปอีก
00:08:33 → 00:08:36 >> การกินไม่ตรงเวลาหรือปล่อยให้ท้องว่างนาน
00:08:36 → 00:08:38 ๆมันเหมือนกับเรากำลังสร้างปัญหาให้
00:08:38 → 00:08:40 กระเพาะของเราทำงานผิดปกติไปเรื่อยๆเลย
00:08:40 → 00:08:44 ค่ะซึ่งพอระบบมันรวนแล้วอาการกรดไหลย้อน
00:08:44 → 00:08:46 ก็จะมาเยือนเราได้ง่ายๆเลย
00:08:46 → 00:08:49 >> เพราะฉะนั้นนะครับการกินอาหารให้ตรงเวลา
00:08:49 → 00:08:51 โดยเฉพาะมื้อเช้าเนี่ยถือเป็นหัวใจสำคัญ
00:08:51 → 00:08:54 เลยนะครับถ้าเรามีวินัยในการกินที่สม่ำ
00:08:54 → 00:08:57 เสมอกระเพาะของเราก็จะทำงานได้เป็นปกติ
00:08:57 → 00:09:00 และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการกรดไหล่
00:09:00 → 00:09:01 ย้อนได้เป็นอย่างดีเลยครับ
00:09:01 → 00:09:04 >> ที่สำคัญกว่านั้นคือการเลือกอาหารที่เรา
00:09:04 → 00:09:06 จะกินเข้าไปด้วยค่ะควรจะเลือกอาหารที่
00:09:06 → 00:09:09 ย่อยง่ายๆมีประโยชน์ต่อร่างกายและไม่
00:09:09 → 00:09:12 กระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดที่มากเกินไป
00:09:12 → 00:09:14 >> ใช่ครับเพราะฉะนั้นทุกคนลองกลับไปสังเกต
00:09:14 → 00:09:17 พฤติกรรมการกินของตัวเองดูนะครับว่ามี
00:09:17 → 00:09:20 พฤติกรรมไหนบ้างที่เข้าข่ายและถ้ามีก็ลอง
00:09:20 → 00:09:23 ค่อยๆปรับเปลี่ยนดูนะครับรับรองว่าอาการ
00:09:23 → 00:09:26 ระเบิดในท้องที่เคยเป็นจะดีขึ้นอย่างแน่
00:09:26 → 00:09:26 นอนครับ
00:09:27 → 00:09:30 >> และในส่วนต่อไปนะคะเราจะมาคุยกันว่าถ้า
00:09:30 → 00:09:32 อาการกรดไหลย้อนมันกำเริบขึ้นมาจริงๆแล้ว
00:09:32 → 00:09:35 เนี่ยเราจะมีวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นได้
00:09:35 → 00:09:37 อย่างไรและมีอาหารอะไรบ้างที่จะช่วย
00:09:37 → 00:09:40 บันเทิงอาการแสบๆร้อนๆเหล่านั้นได้ค่ะ
00:09:40 → 00:09:43 หลังจากที่เราได้เปิดโปงพฤติกรรมร้ายๆที่
00:09:43 → 00:09:46 ทำให้อาการโกรธไหลย้อนกำเริบไปแล้วตอนนี้
00:09:46 → 00:09:49 เรามาดูกันต่อเลยค่ะว่าถ้าอาการแสบร้อนๆ
00:09:49 → 00:09:52 จุกๆมันดันกำเริบขึ้นมาจริงๆแล้วเนี่ยเรา
00:09:52 → 00:09:54 จะมีวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นได้อย่างไร
00:09:54 → 00:09:55 บ้างค่ะ
00:09:55 → 00:09:58 >> อันนี้สำคัญมากเลยครับเพราะหลายคนพอมี
00:09:58 → 00:10:01 อาการปุ๊บก็ตกใจหรือบางคนก็รีบวิ่งไปหายา
00:10:01 → 00:10:05 มากินเลยแต่จริงๆแล้วมีวิธีง่ายๆที่เรา
00:10:05 → 00:10:07 สามารถทำได้ด้วยตัวเองเพื่อบรรเทาอาการ
00:10:07 → 00:10:09 ก่อนที่จะหนักกว่าเดิมครับ
00:10:09 → 00:10:11 >> วิธีแรกเลยนะคะลองเปลี่ยนท่าทางของเรา
00:10:11 → 00:10:15 ก่อนค่ะถ้าตอนนั้นกำลังนอนราบอยู่ให้รีบ
00:10:15 → 00:10:17 ลุกขึ้นมานั่งหรือยืนก่อนเลยค่ะ
00:10:17 → 00:10:19 >> ใช่ครับเพราะการที่เราลุกขึ้นมานั่งหรือ
00:10:19 → 00:10:22 ยืนเนี่ยมันจะช่วยให้แรงโน้มถ่วงทำงาน
00:10:22 → 00:10:25 ครับดึงเอาเจ้ากรดที่กำลังไหลย้อนขึ้นมา
00:10:25 → 00:10:27 ให้กลับลงไปในกระเพาะตามเดิมได้ครับแต่
00:10:27 → 00:10:30 ถ้าอาการมันยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะหาหมอนมา
00:10:30 → 00:10:33 รองศีรษะให้สูงขึ้นสักประมาณ 6-8 นิ้วใน
00:10:33 → 00:10:35 ตอนที่นอนก็ได้นะครับวิธีนี้จะช่วยป้อง
00:10:35 → 00:10:37 กันไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ในตอนกลาง
00:10:37 → 00:10:38 คืนครับ
00:10:38 → 00:10:41 >> ต่อไปเป็นวิธีง่ายๆที่หลายคนอาจจะคิดไม่
00:10:41 → 00:10:43 ถึงค่ะนั่นก็คือการดื่มน้ำเปล่า
00:10:44 → 00:10:45 >> ทำไมการดื่มน้ำถึงช่วยได้ครับ
00:10:45 → 00:10:48 >> เพราะน้ำเปล่าเนี่ยจะช่วยเจือจางความเข้ม
00:10:48 → 00:10:50 ข้นของกรดในกระเพาะอาหารได้ค่ะแถแถมยัง
00:10:50 → 00:10:53 ช่วยฉะลกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาติดอยู่ที่
00:10:53 → 00:10:56 หลอดอาหารให้ลงไปด้วยนะคะแต่ย้ำว่าต้อง
00:10:56 → 00:10:59 เป็นน้ำเปล่านะคะไม่ใช่น้ำอัดลมหรือน้ำ
00:10:59 → 00:11:01 หวานเพราะยิ่งดื่มเครื่องดื่มพวกนี้เข้า
00:11:01 → 00:11:04 ไปมันจะยิ่งทำให้ระบบภายในของเราปั่นป่วน
00:11:04 → 00:11:05 หนักกว่าเดิมค่ะ
00:11:05 → 00:11:07 >> และอีกวิธีที่น่าสนใจครับคือการเคี้ยว
00:11:07 → 00:11:09 หมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาลครับ
00:11:09 → 00:11:11 >> หมากฝรั่งเนี่ยนะคะ
00:11:11 → 00:11:14 >> ใช่ครับการที่เราเคี้ยวหมากฝรั่งเนี่ยมัน
00:11:14 → 00:11:16 จะไปกระตุ้นการผลิตน้ำลายครับซึ่งน้ำลาย
00:11:16 → 00:11:19 ของเรานี่แหละครับที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน
00:11:19 → 00:11:21 ๆและสามารถช่วยล้างกรดที่ไหลย้อนขึ้นมา
00:11:21 → 00:11:24 ได้แถมยังช่วยให้เราเกลือนน้ำลายได้บ่อย
00:11:24 → 00:11:27 ขึ้นทำให้กรดที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในหลอด
00:11:27 → 00:11:29 อาหารถูกผลักกลับลงไปในกระเพาะได้อีกด้วย
00:11:29 → 00:11:29 ครับ
00:11:29 → 00:11:32 >> โอ้โหเป็นวิธีที่ง่ายและทำได้ทุกที่จริงๆ
00:11:32 → 00:11:35 ค่ะแต่ย้ำอีกครั้งนะคะว่าต้องเป็นชนิดที่
00:11:35 → 00:11:38 ไม่มีน้ำตาลนะคะเพราะน้ำตาลจะไปทำให้ระบบ
00:11:38 → 00:11:40 ย่อยอาหารทำงานหนักขึ้นค่ะ
00:11:40 → 00:11:42 >> นอกจากวิธีบรรเทาอาการแบบเร่งด่วยแล้ว
00:11:42 → 00:11:45 เนี่ยยังมีอาหารที่เราควรเลือกกินเพื่อ
00:11:45 → 00:11:47 ช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้มัน
00:11:47 → 00:11:50 กำเริบได้ด้วยนะครับเรามาดูกันดีกว่าครับ
00:11:50 → 00:11:51 ว่ามีอะไรบ้าง
00:11:51 → 00:11:54 >> อย่างแรกเลยที่อยากแนะนำคือข้าวโอ๊ตค่ะ
00:11:54 → 00:11:56 >> ข้าวโอ๊ตนี่ช่วยได้ยังไงครับ
00:11:56 → 00:11:59 >> ข้าวโอตเป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูงมากค่ะ
00:11:59 → 00:12:01 ซึ่งเจ้าไฟเบอร์นี่แหละที่จะทำหน้าที่
00:12:01 → 00:12:04 เหมือนฟองน้ำคอยดูดซับกรดในกระเพาะอาหาร
00:12:04 → 00:12:07 ทำให้กรดไม่สามารถไหลย้อนขึ้นไปที่หลอด
00:12:07 → 00:12:10 อาหารได้นอกจากเข้าโอ๊ตแล้วอาหารที่มี
00:12:10 → 00:12:13 ไฟเบอร์สูงอื่นๆอย่างเช่นข้าวกล้องหรือ
00:12:13 → 00:12:16 ผักใบเขียวบางชนิดก็มีคุณสมบัติคล้ายๆกัน
00:12:16 → 00:12:17 ค่ะ
00:12:17 → 00:12:19 >> แล้วถ้าพูดถึงของง่ายๆที่หาซื้อได้ตาม
00:12:19 → 00:12:22 ร้านสะดวกซื้อเลยเนี่ยก็ต้องนี่เลยครับ
00:12:22 → 00:12:23 กล้วยสุก
00:12:23 → 00:12:24 >> ทำไมต้องเป็นกล้วยคะ
00:12:24 → 00:12:26 >> เพราะว่ากล้วยเนี่ยเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์
00:12:26 → 00:12:29 เป็นด่างอ่อนๆครับซึ่งจะช่วยปรับสมดุล
00:12:29 → 00:12:32 ความเป็นกรดในกระเพาะอาหารได้และยังมีสาร
00:12:32 → 00:12:34 ที่ช่วยเคลือบกระเพาะของเราได้อีกด้วยนะ
00:12:34 → 00:12:36 ครับแต่ย้ำว่าต้องเป็นกล้วยสุกนะครับไม่
00:12:36 → 00:12:39 ใช่กล้วยห่ามเพราะกล้วยห่ามจะมีแป้งเยอะ
00:12:39 → 00:12:41 ซึ่งอาจจะย่อยยากและทำให้เกิดแก๊สใน
00:12:41 → 00:12:42 กระเพาะได้ครับ
00:12:42 → 00:12:45 >> และสมุนไพรที่เราต้องพูดถึงเลยนะคะนั่นก็
00:12:45 → 00:12:46 คือขิงค่ะ
00:12:46 → 00:12:49 >> ผมว่าหลายคนรู้จักขิงในแง่ของสมุนไพรแก้
00:12:49 → 00:12:51 คลื่นไส้อาเจียนใช่ไหมั้ครับแต่มันช่วย
00:12:51 → 00:12:53 เรื่องกรดไหลย้อนให้ด้วยหรอครับ
00:12:53 → 00:12:56 >> ช่วยได้แน่นอนค่ะขิงมีสารที่ช่วยต้านการ
00:12:56 → 00:12:59 อักเสบและช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร
00:12:59 → 00:13:03 ได้ค่ะลองหาขิงแก่ๆมาต้มดื่มเป็นน้ำอุ่นๆ
00:13:03 → 00:13:05 จะช่วยบรรเทาอาการแสบท้องและคลื่นไส้ได้
00:13:05 → 00:13:06 ดีเลยค่ะ
00:13:06 → 00:13:09 >> อีกหนึ่งสมุนไพรที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ
00:13:09 → 00:13:10 คมิ้นชันครับ
00:13:10 → 00:13:13 >> โอ้โหขมิ้นชันนี่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแล
00:13:13 → 00:13:15 กระเพาะอาหารเลยนะคะ
00:13:15 → 00:13:18 >> ใช่แล้วครับขมิ้นชันมีสารที่ชื่อว่า
00:13:18 → 00:13:21 เคอคูินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ
00:13:21 → 00:13:24 ของหลอดอาหารที่เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้น
00:13:24 → 00:13:27 มาครับแถมยังช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร
00:13:27 → 00:13:30 ได้ด้วยแต่ถ้าจะกินขมิ้นชันจริงๆควร
00:13:30 → 00:13:33 ปรึกษาเภสัชกรก่อนนะครับเพราะต้องกินใน
00:13:33 → 00:13:34 ปริมาณที่เหมาะสมครับ
00:13:34 → 00:13:37 >> เราพูดถึงอาหารที่ช่วยบรรเทาไปแล้วแต่ก็
00:13:37 → 00:13:40 ต้องย้ำถึงประเด็นที่ต้องระวังด้วยนะคะ
00:13:40 → 00:13:42 เพราะบางอาการเนี่ยไม่ใช่เรื่องที่เราจะ
00:13:42 → 00:13:45 ปล่อยไว้เฉยๆหรือดูแลตัวเองเบื้องต้นได้
00:13:45 → 00:13:48 >> ใช่ครับถ้าคุณมีอาการเจ็บเก็บหน้าอก
00:13:48 → 00:13:51 รุนแรงเหมือนถูกบีบหรือปวดร้าวไปที่ไหล่
00:13:51 → 00:13:54 หรือแขนให้รีบไปพบแพทย์ทันทีนะครับเพราะ
00:13:54 → 00:13:57 อาการเหล่านี้อาจจะใกล้เคียงกับอาการของ
00:13:57 → 00:13:59 โรคหัวใจขาดเลือดได้ครับ
00:13:59 → 00:14:02 >> นอกจากนี้ถ้าคุณกลืนอาหารลำบากหรือรู้สึก
00:14:02 → 00:14:05 เหมือนอาหารติดคอมีน้ำหนักลดโดยไม่มี
00:14:05 → 00:14:08 สาเหตุหรือมีอาเจียนป่นเลือดก็อย่ารอช้า
00:14:08 → 00:14:11 นะคะควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้
00:14:11 → 00:14:14 แน่ใจว่าเป็นอาการของกรดไหลย้อนจริงๆหรือ
00:14:14 → 00:14:18 อาจจะเป็นปัญหาสุขภาพอื่นๆค่ะถูกต้องครับ
00:14:18 → 00:14:20 เพราะการปล่อยไว้เนี่ยอาจจะทำให้อาการลุก
00:14:20 → 00:14:24 ลามจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เพราะฉะนั้น
00:14:24 → 00:14:26 อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกายนะครับ
00:14:26 → 00:14:29 >> เราทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องรับฟังเสียงจาก
00:14:29 → 00:14:32 ร่างกายของเราค่ะหากมีอะไรผิดปกติอย่า
00:14:32 → 00:14:34 ลังเลที่จะไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
00:14:34 → 00:14:37 >> ครับเพราะการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดคือการ
00:14:37 → 00:14:40 ป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆครับแต่ถ้าอาการมัน
00:14:40 → 00:14:44 มาถึงขั้นกำเริบแล้วอย่างน้อยตอนนี้เราก็
00:14:44 → 00:14:46 มีอาวุธอยู่ในมือที่จะช่วยบรรเทาอาการการ
00:14:47 → 00:14:49 ได้แล้วนะครับเอาล่ะครับเราคุยเรื่อง
00:14:49 → 00:14:52 พฤติกรรมการกินที่ทำร้ายกระเพาะไปแล้วเรา
00:14:52 → 00:14:54 ก็รู้วิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นไปแล้วแต่
00:14:54 → 00:14:57 มีอีกเรื่องนึงครับที่หลายคนมองข้ามไปเลย
00:14:57 → 00:15:00 และเป็นตัวการสำคัญไม่แพ้เรื่องอาหารการ
00:15:00 → 00:15:03 กินเลยนั่นก็คือความเครียดครับ
00:15:03 → 00:15:06 >> ใช่แล้วค่ะเพราะพูดถึงกรดไหลย้อนคนส่วน
00:15:06 → 00:15:08 ใหญ่จะนึกถึงเรื่องอาหารเป็นหลักแต่จริงๆ
00:15:08 → 00:15:11 แล้วสุขภาพจิตใจของเราก็มีผลอย่างมากเลย
00:15:11 → 00:15:14 นะคะเพราะร่างกายกับจิตใจมันเชื่อมโยงกัน
00:15:14 → 00:15:15 ค่ะ
00:15:15 → 00:15:17 >> ถูกต้องครับเวลาที่เราเครียดเนี่ยร่างกาย
00:15:17 → 00:15:20 ของเราจะหลั่งฮอร์โมนบางชนิดออกมาเช่น
00:15:20 → 00:15:23 คอร์ติซอลซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มันจะไป
00:15:23 → 00:15:25 กระตุ้นให้กล้ามเนื้อในร่างกายเราเกร็ง
00:15:25 → 00:15:28 ตัวรวมถึงกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารด้วย
00:15:28 → 00:15:31 ครับพอหูรูดมันเกร็งมันก็ทำงานได้ไม่ดีทำ
00:15:31 → 00:15:33 ให้กรดมันไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายขึ้นครับ
00:15:33 → 00:15:36 >> แถมเวลาเราเครียดเรายังมักจะมีพฤติกรรม
00:15:36 → 00:15:39 การกินที่ไม่ดีตามมาด้วยนะคะเช่นบางคนกิน
00:15:39 → 00:15:43 เยอะขึ้นกินอาหารรสจัดขึ้นหรือกินของหวาน
00:15:43 → 00:15:45 เพื่อปลอบใจตัวเองซึ่งมันก็ยิ่งไปซ้ำเติม
00:15:45 → 00:15:48 อาการการกรดไหลย้อนให้แย่ลงไปอีกค่ะ
00:15:48 → 00:15:50 >> นี่ยังไม่รวมถึงอาการเกร็งตัวของกล้าม
00:15:50 → 00:15:52 เนื้อกระเพาะอาหารที่เกิดจากความเครียด
00:15:52 → 00:15:55 ด้วยนะครับซึ่งอาการเกร็งนี้เองที่ทำให้
00:15:55 → 00:15:58 เกิดอาการปวดท้องท้องอืดท้องเฟ้อหรือรู้
00:15:58 → 00:16:00 สึกแน่นท้องร่วมด้วยครับ
00:16:00 → 00:16:02 >> ฟังดูแล้วน่ากลัวเลยค่ะแสดงว่าถ้าเรา
00:16:02 → 00:16:05 ปล่อยให้ตัวเองเครียดมากๆก็เหมือนกับเรา
00:16:05 → 00:16:08 กำลังสร้างปัญหาให้ร่างกายทำงานผิดปกติ
00:16:08 → 00:16:10 จากทั้งภายในและภายนอกเลยนะคะ
00:16:10 → 00:16:13 >> ใช่ครับเพราะฉะนั้นการดูแลสุขภาพใจก็
00:16:13 → 00:16:16 สำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกายเลยนะครับถ้า
00:16:16 → 00:16:18 เราอยากหายจากอาการกรดไหลย้อนอย่างยั่ง
00:16:19 → 00:16:21 ยืนเราก็ต้องจัดการความเครียดของเราให้
00:16:21 → 00:16:22 ได้ด้วย
00:16:22 → 00:16:24 >> แล้วเราจะจัดการความเครียดที่ส่งผลต่อกรด
00:16:24 → 00:16:26 ไหลย้อนได้อย่างไรบ้างคะ
00:16:26 → 00:16:28 >> มีหลายวิธีง่ายๆที่ทุกคนทำได้ครับอย่าง
00:16:28 → 00:16:32 แรกเลยก็คือการฝึกหายใจครับแคลองหาเวลา
00:16:32 → 00:16:35 ว่างสัก 5-10 นาทีในแต่ละวันนั่งนิ่งๆ
00:16:35 → 00:16:39 แล้วหายใจเข้าออกช้าๆลึกๆให้ท้องพองขึ้น
00:16:39 → 00:16:42 ตอนหายใจเข้าและยุบลงตอนหายใจออกการหายใจ
00:16:42 → 00:16:45 แบบนี้จะช่วยให้ระบบประสาทของเราผ่อนคลั
00:16:45 → 00:16:48 ลงและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อต่างๆ
00:16:48 → 00:16:48 ได้ครับ
00:16:48 → 00:16:51 >> หรืออีกวิธีนึงที่น่าสนใจก็คือการหาช่วง
00:16:51 → 00:16:54 เวลาผ่อนคลายที่แท้จริงค่ะไม่ใช่แค่การไถ
00:16:54 → 00:16:57 มือถือหรือดูหนังไปเรื่อยๆแต่เป็นการหา
00:16:57 → 00:17:00 กิจกรรมที่เราชอบทำจริงๆเช่นอ่านหนังสือ
00:17:00 → 00:17:04 ฟังเพลงวาดรูปหรือจะออกไปเดินเล่นในสวน
00:17:04 → 00:17:05 สาธารณะก็ได้นะคะ
00:17:05 → 00:17:08 >> ที่สำคัญคือเราต้องพยายามทำให้ตัวเองไม่
00:17:08 → 00:17:10 จมอยู่กับความคิดที่เครียดครับให้เราหัน
00:17:10 → 00:17:13 มาโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าแทน
00:17:13 → 00:17:16 >> เพราะสุดท้ายแล้วนะคะกรดไหลย้อนเหมือนก็
00:17:16 → 00:17:18 เป็นเหมือนสัญญาณเตือนจากร่างกายค่ะว่า
00:17:18 → 00:17:21 เรากำลังใช้ชีวิตที่ตึงเครียดเกินไปเพราะ
00:17:21 → 00:17:23 ฉะนั้นการดูแลตัวเองให้ครบทุกมิติทั้ง
00:17:23 → 00:17:26 เรื่องอาหารการนอนหลับและการจัดการความ
00:17:26 → 00:17:29 เครียดจะช่วยให้เรากลับมามีสุขภาพที่ดี
00:17:29 → 00:17:32 ได้อย่างแท้จริงค่ะเอาล่ะค่ะทุกคนหลังจาก
00:17:32 → 00:17:34 ที่เราได้เจาะลึกเรื่องกรดไหลย้อนกันไป
00:17:34 → 00:17:38 อย่างเต็มอิ่มแล้วนะคะเราก็ได้รู้แล้วว่า
00:17:38 → 00:17:41 อาการแสบๆร้อนๆที่หลายคนคุ้นเคยกันเนี่ย
00:17:41 → 00:17:43 ไม่ใช่เรื่องที่น่ามองข้ามเลย
00:17:43 → 00:17:46 >> ใช่ครับและสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจาก 4
00:17:46 → 00:17:49 พฤติกรรมที่เราทำกันบ่อยๆโดยไม่รู้ตัวไม่
00:17:49 → 00:17:53 ว่าจะเป็นการกินแล้วนอนทันทีที่ทำให้กรด
00:17:53 → 00:17:56 ไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายๆการกินอาหารรสจัด
00:17:56 → 00:17:59 หรือไขมันสูงที่ไปกระตุ้นให้กระเพาะผลิต
00:17:59 → 00:18:02 กรดเกินความจำเป็นดื่มเครื่องดื่มที่ทำ
00:18:02 → 00:18:06 ร้ายกระเพาะอย่างชากาแฟหรือน้ำอัดลมและ
00:18:06 → 00:18:09 สุดท้ายคือการกินอาหารไม่เป็นเวลาที่ทำ
00:18:09 → 00:18:12 ให้ระบบการทำงานของกระเพาะรวนไปหมดครับ
00:18:12 → 00:18:15 >> ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มันค่อยๆสะสมและส่ง
00:18:15 → 00:18:18 ผลกระทบต่อร่างกายของเราโดยที่เราไม่รู้
00:18:18 → 00:18:19 ตัวเลยนะคะ
00:18:19 → 00:18:22 >> แต่ถึงแม้ว่าเราจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็ไม่
00:18:22 → 00:18:24 ได้หมายความว่าเราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
00:18:24 → 00:18:27 นะครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้ว
00:18:27 → 00:18:30 ว่าต้นตอของปัญหาคืออะไรและรู้วิธีจัดการ
00:18:30 → 00:18:31 กับมันแล้ว
00:18:31 → 00:18:34 >> ถ้าอาการกรดไหลย้อนมันกำเริบขึ้นมาจริงๆ
00:18:34 → 00:18:37 เราก็มีวิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นแล้วนะคะ
00:18:37 → 00:18:39 ไม่ว่าจะเป็นการลุกขึ้นมานั่งหรือดื่มน้ำ
00:18:39 → 00:18:42 เปล่าและยังได้รู้จักกับอาหารที่เป็นมิตร
00:18:42 → 00:18:45 ต่อกระเพาะของเราอย่างข้าวโอ๊ตกล้วยหรือ
00:18:45 → 00:18:47 แม้แต่น้ำขิงอุ่นๆค่ะ
00:18:47 → 00:18:49 >> และที่สำคัญที่สุดที่เราคุยกันไปเมื่อกี้
00:18:49 → 00:18:52 นะครับคือเราต้องไม่ลืมที่จะดูแลสุขภาพใจ
00:18:53 → 00:18:55 ของตัวเองด้วยเพราะความเครียดนี่แหละครับ
00:18:55 → 00:18:58 ที่เป็นเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้กรด
00:18:58 → 00:19:00 ไหลย้อนกำเริบหนักกว่าเดิม
00:19:00 → 00:19:03 >> เพราะฉะนั้นนะคะการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
00:19:03 → 00:19:06 ทั้งการเลือกกินอาหารที่ดีการปรับเปลี่ยน
00:19:06 → 00:19:09 พฤติกรรมและการจัดการความเครียดมันคือการ
00:19:09 → 00:19:12 ลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อตัวเราเองค่ะ
00:19:12 → 00:19:15 >> ผมอยากให้ทุกคนมองว่ากรดไหลย้อนเป็น
00:19:15 → 00:19:17 เหมือนสัญญาณเตือนจากร่างกายนะครับเขาแค่
00:19:17 → 00:19:20 กำลังบอกเราว่าฉันทำงานหนักเกินไปแล้วนะ
00:19:20 → 00:19:23 ช่วยดูแลฉันหน่อยได้มยถ้าเราลองฟังเสียง
00:19:23 → 00:19:26 ของร่างกายดูบ้างการดูแลสุขภาพก็จะไม่ได้
00:19:26 → 00:19:29 เป็นเรื่องน่าเบื่อหรือเป็นภาระอีกต่อไป
00:19:29 → 00:19:29 ครับ
00:19:29 → 00:19:31 >> มันจะกลายเป็นเรื่องที่เราสนุกกับการค้น
00:19:31 → 00:19:34 หาวิธีที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นในทุก
00:19:34 → 00:19:37 ๆวันค่ะและทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลที่เรา
00:19:37 → 00:19:40 ตั้งใจรวบรวมและนำมาแบ่งปันเพื่อเป็น
00:19:40 → 00:19:41 ประโยชน์กับทุกคนนะคะ
00:19:41 → 00:19:44 >> ถูกต้องครับแล้วเราอยากรู้จังเลยครับว่า
00:19:44 → 00:19:46 หลังจากที่ฟังตอนนี้จบแล้วเนี่ยมีใครที่
00:19:46 → 00:19:49 เพิ่งจะรู้ตัวบ้างว่าพฤติกรรมการกินที่
00:19:49 → 00:19:52 เคยทำกำลังเป็นตัวการร้ายที่ทำให้เกิด
00:19:52 → 00:19:54 อาการกรดไหลย้อนอยู่หรือเปล่าครับลองมา
00:19:54 → 00:19:56 คอมเมนต์เล่าให้เราฟังกันได้นะครับ
00:19:57 → 00:19:59 >> หรือถ้าใครมีวิธีดูแลตัวเองดีๆที่เรายัง
00:19:59 → 00:20:02 ไม่ได้พูดถึงก็สามารถมาแชร์กันในคอมเมนต์
00:20:02 → 00:20:05 ได้เลยค่ะพวกเราอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยน
00:20:05 → 00:20:06 กับทุกคนนะคะ
00:20:06 → 00:20:08 >> สำหรับวันนี้พวกเรา 2 คนต้องขอตัวลาไป
00:20:08 → 00:20:11 ก่อนนะครับแต่เราเชื่อว่าในทุกๆการปรับ
00:20:11 → 00:20:14 เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีทุกคนทำ
00:20:14 → 00:20:15 ได้แน่นอนครับ
00:20:15 → 00:20:18 >> ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนมีสุขภาพดีทั้งกาย
00:20:18 → 00:20:21 และใจนะคะแล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ
00:20:21 → 00:20:24 >> สุขภาพดีเริ่มต้นจากความเข้าใจเนื้อหาใน
00:20:24 → 00:20:26 ตอนนี้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมื้อของ
00:20:27 → 00:20:29 ปัญญาประดิษฐ์และเสียงที่คุณได้ยินก็ถูก
00:20:29 → 00:20:32 สังเคราะห์ขึ้นด้วย AI เช่นกันเพื่อให้
00:20:32 → 00:20:35 เราสามารถนำเสนอข้อมูลสุขภาพดีๆได้อย่าง
00:20:35 → 00:20:39 สม่ำเสมอและมีคุณภาพครับ