00:00:00 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:18 สเปดเทียงคู่บ้านเทียงคู่คุณผมไปเจองาน
00:00:18 → 00:00:20 วิจัยเช่นนี้ครับก็คือ
00:00:20 → 00:00:24 ว่าอาหารชนิดหนึ่งที่เขามาใช้กับสำหรับ
00:00:24 → 00:00:27 ผู้ป่วยโรคลมบ้าหมูครับรติกรเอ๊ะเดี๋ยว
00:00:27 → 00:00:29 มันมาเกี่ยวกับเกี่ยวครับเพราะไม่เกี่ยว
00:00:29 → 00:00:34 กับสออนะครับตรงที่ว่าเขไปค้นพบว่าอาหาร
00:00:34 → 00:00:37 ที่ช่วยบำรุงสมองเนี่ยมันมีสูตรอาหารที่
00:00:37 → 00:00:41 เรียกว่าคีโตเจนิอืคืออาหารที่ไม่กินแป้ง
00:00:41 → 00:00:45 น้ำตาลขาดเลย 100% ค่ะแม้แต่ผลไม้ที่มัน
00:00:45 → 00:00:47 อยู่ในใต้ดินและเป็นแป้งเนี่ยก็ไม่กิน
00:00:47 → 00:00:53 ด้วยพวกมันทั้งหลายแครอทแครเท้าอ่าไม่กิน
00:00:53 → 00:00:55 เลยที่เป็นมันๆเอามาผลิตเป็นแป้งได้เนี่ย
00:00:55 → 00:00:59 ไม่กินเลยนะครับแล้วก็กินแต่ไขมันโปรตีนอ
00:00:59 → 00:01:02 เป็นอาหารหลักหยุดคาร์โบไฮเดรต 100% ค่ะ
00:01:02 → 00:01:06 ปรากฏว่าอ่าที่มหาวิลัยจหฮิที่อเมริกานี้
00:01:06 → 00:01:09 ครับดังมากเลยปรากฏว่าคนที่เป็นโรคลมชัก
00:01:09 → 00:01:13 ลมบ้าหมูหายอืหายได้เลยครับกับอาหาร
00:01:13 → 00:01:15 ตระกูลนี้ค่ะเพราะว่าปัญหาน้ำตาลและ
00:01:15 → 00:01:18 คาร์โบเดสทำให้หลอดเลือดอักเสบในขณะที่ไข
00:01:18 → 00:01:20 มันโดยเฉพาะไขมันที่มาจากน้ำมันมะพร้าว
00:01:20 → 00:01:23 เนี่ยมันไปเลี้ยงสมองฟื้นฟูได้เร็วโดย
00:01:23 → 00:01:26 เฉพาะ medium เนไตรกีสลายหรือว่ากรดไขมัน
00:01:26 → 00:01:29 สายปานกลางซึ่งต่างจากกรดไขมันทุกชนิดไป
00:01:29 → 00:01:32 เลี้ยงเลี้ยงสมองปรากฏว่าอาการหายค่ะแล้ว
00:01:32 → 00:01:35 พอกลับมากินอาหาร 1 มื้อเนี่ยกลับมาชัก
00:01:35 → 00:01:37 ใหม่กับอาหารที่เป็นแป้งอ่ะครับ
00:01:37 → 00:01:40 คาร์โบไฮเดรตออและต่อมาก็มีการใช้อาหาร
00:01:40 → 00:01:45 คีโตนไปช่วยคนที่มีอาการอัลไซเมอร์ค่ะ
00:01:45 → 00:01:48 ซึ่งก็ดังมากที่ทำให้อาหารที่มีไขมันฟื้น
00:01:48 → 00:01:51 ฟูสมองคนที่เป็นอัลไซเมอร์พิสันก็มีอาการ
00:01:51 → 00:01:54 ดีขึ้นบางบางการศึกษานี้ดีถึงครึ่งหนึ่ง
00:01:54 → 00:01:57 เลยนะครับของผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสัน
00:01:57 → 00:02:00 คือบำรุงสมองค่ะเราก็เลยมาใช้อาหารคีโต
00:02:00 → 00:02:04 เจนิคกับคุณสมิตบัณฑิตก็คือไม่มีแป้งน้ำ
00:02:04 → 00:02:07 ตาลไม่หลอดเลือดอักเสบอีกแล้วก็ให้อาหาร
00:02:07 → 00:02:09 ไปฟื้นฟูสมองให้เร็วที่สุดเขาก็มีอาการ
00:02:09 → 00:02:11 ทางสมองดีขึ้นเป็นลำดับเร็วขึ้นมากแต่มี
00:02:11 → 00:02:14 อาการเก๊าทก็คือร่างกายก็ผลิตยูริกมาเยอะ
00:02:14 → 00:02:16 แล้วกลายเป็นผลึกก็เลยกลายเป็นสิ่งที่
00:02:16 → 00:02:20 ทรมานอย่างยิ่งค่ะก็ปรากฏว่าจะทำยังไงถึง
00:02:20 → 00:02:23 จะแก้อาการเหล่านี้ได้ผมก็เลยไปดูการ
00:02:23 → 00:02:26 ศึกษาของมหาวิทยาลัย joh ฮิซึ่งเป็นเจ้า
00:02:26 → 00:02:29 ของสูตรอาหารคีโตนที่ว่านี่แหละครับเขา
00:02:29 → 00:02:33 ใช้วิธีอย่างนี้ครับเขาให้กินโปแทสเซียม
00:02:33 → 00:02:37 ซิเตรตแล้วจากเดิมคนที่เป็นผลึกผลึกกด
00:02:37 → 00:02:40 ยูริกอ่ะครับที่เป็นผลึกะแต่มันฟอร์มหรือ
00:02:40 → 00:02:44 ว่าเป็นรูปร่างของนิ่วในไตปรากฏว่าพอกิน
00:02:44 → 00:02:46 โพแทสเซียมซิเตรตออกมานี่นะครับในนี้เขา
00:02:46 → 00:02:51 เขียนเลยว่ามันทำให้ป้องกันการเกิดนิ่วใน
00:02:51 → 00:02:54 ไตในลักษณะของยูริกไปกาะกับแคลเซียมค่ะ
00:02:54 → 00:02:57 ลลายเลยครับแล้วก็การได้รับอาหาร
00:02:57 → 00:03:00 คีตนิพนธ์
00:03:00 → 00:03:03 ตาลเนี่ยก็ทำให้ร่างกายปัสสาวะเป็นด่างใน
00:03:03 → 00:03:06 ท้ายที่สุดจากการกิน 2 อย่างนี้อเขาก็เลย
00:03:06 → 00:03:10 แนะนำให้กินโปแตสเซียมซิเตรตคำถามก็คือ
00:03:10 → 00:03:12 ว่ามันมีอะไรล่ะที่มันมีมี
00:03:12 → 00:03:16 อะไรครับเราก็ต้องแยก 2 คำสิครับค่ะ
00:03:16 → 00:03:20 โปแตสเซียมอือแล่ธาตุค่ะซิเตรตก็มาจากกด
00:03:20 → 00:03:24 ซิตริกอกดซิตริกมาบวกกับโปแทสเซียมก็เป็น
00:03:24 → 00:03:27 โปแทสเซียมซิเตรตเอามาจากไหนครับ
00:03:27 → 00:03:32 โปแทสเซียมมีมากในอาหารบางชนิดก็คือ
00:03:32 → 00:03:39 1 กล้วยค่ะ 2 มะนาวอือ 3 แอปเปิลแต่จะมี
00:03:39 → 00:03:43 ซิตริกกดซิตริกได้เนี่ยต้องเป็นน้ำส้มสาย
00:03:43 → 00:03:45 ชู
00:03:45 → 00:03:49 อืดังนั้นคนจำนวนมากที่เป็นเก๊าทอ่ะครับ
00:03:50 → 00:03:52 ประหลาดมากแล้วเยังไม่เข้าใจเหตุผลแต่ผม
00:03:52 → 00:03:55 มาเจองานชิ้นนี้จึงเข้าใจได้ว่าการกิน
00:03:55 → 00:03:59 โพแทสเซียมซิเตรตผ่านแอปเปิลไซเดอร์เนก้า
00:03:59 → 00:04:02 น้ำส้มแอปเปิลน้ำส้มสายชุยแอปเปิ้ลนะครับ
00:04:02 → 00:04:07 ค่ะดื่มแล้วเนี่ยผลึกยูริกละลายออก
00:04:07 → 00:04:12 อืมะนาวซึ่งมีโพแทสเซียมสูงค่ะมีสภาวะ
00:04:12 → 00:04:15 เป็นกรดมะนาวดื่มทุกวันดื่มต่อเนื่องลด
00:04:15 → 00:04:21 ผลึกกดยูริกโดยไม่ทำให้ยูริกหายไปค่ะนะ
00:04:21 → 00:04:24 ครับแล้วก็มีกล้วยถ้าไปเป็นกันหมักแบบ
00:04:24 → 00:04:27 เวนิก้าก็จะมีโพแทสเซียมสูงค่ะแล้วก็เป็น
00:04:27 → 00:04:31 โปแทสเซียมซิเตรตสูงด้วยก็จะทำให้เกิดการ
00:04:31 → 00:04:35 ภาวะที่เป็นผลึกของกรดยูริกน้อยลงในต่าง
00:04:35 → 00:04:37 ประเทศเนี่ยแพทย์ที่เป็นแพทย์ทางเลือกที่
00:04:37 → 00:04:40 เข้าใจโครงสร้างเคมีแบบนี้นะครับเขาก็เลย
00:04:40 → 00:04:43 ควบคุมที่น้ำปัสสาวะด้วยคือถึงแม้ว่า
00:04:43 → 00:04:46 ปัสสาวะจะไม่ลดปริมาณกรดยูริกในร่างกาย
00:04:46 → 00:04:48 หรอกเพราะว่ากดยูริกเอามาเพื่อมาซ่อมแซม
00:04:48 → 00:04:50 เยียวยาร่างกายหยุดอนุมูลอิสระในร่างกาย
00:04:50 → 00:04:54 นะครับเาใช้วิธีให้ดื่มน้ำด่างเข้าไปด้วย
00:04:54 → 00:04:58 รติกรคอืถ้าคนเป็นผลึกกดยูริกมากๆนี่นะ
00:04:58 → 00:05:01 ครับก็จะแนำให้ดื่มน้ำด่างที่เป็น
00:05:01 → 00:05:04 อัลคาไลน์เบอร์ 3 ในเครื่องทำน้ำด่างมี
00:05:04 → 00:05:07 ความเป็นด่างสูงเลยนะคะสูงเลยแล้วก็วัด
00:05:07 → 00:05:11 ที่ปัสสาวะถ้าพี 5 อยู่เนี่ยยังไงก็ยัง
00:05:11 → 00:05:16 เป็นเก๊าทอยู่ถ้าถึง 6 และ 6.5 ปั๊บอาการ
00:05:16 → 00:05:19 เก๊าทหยุดครับอืแม้จะมีกดยูริกสูงไม่หาย
00:05:19 → 00:05:23 ไปไหนเพราะร่างกายเยียวยาตัวเองเราก็จะทำ
00:05:23 → 00:05:27 ให้ทุกทรมานจากอาการเก๊าทน้อยลงวิตามินซี
00:05:27 → 00:05:29 ได้ครับผลไม้รถเปรี้ยวค่ะได้อยู่แล้วนะ
00:05:29 → 00:05:33 ครับลม้ทั่วไปก็ได้แต่ยหวานนะครับแล้วก็
00:05:33 → 00:05:37 กินกาแฟก็ได้นะครับแล้วก็ถ้าจะกินจาก
00:05:37 → 00:05:40 โปรตีนที่ไม่มีพิวรีนจากภายนอกจะกินเหลือ
00:05:40 → 00:05:44 อะไรรู้มยครับไข่ครับออแล้วโปรตีนจากไข่
00:05:44 → 00:05:47 แทนครับแล้วจากเดิมที่กินปลาไม่ได้เพราะ
00:05:47 → 00:05:50 ว่าปลามีพิวรีนเดี๋ยวจะเป็นเก๊าอีกนี่นะ
00:05:50 → 00:05:53 ครับแล้วปลาเป็นอาหารที่บำรุงสมองได้ดีก็
00:05:53 → 00:05:56 มาเลี่ยงเป็นไข่อือเพราะว่าไข่มันยังไม่
00:05:56 → 00:05:59 ทันจะเกิดมันจึงไม่มีพิวรีนแต่เป็นอาหาร
00:05:59 → 00:06:02 ที่บำรุงสมองได้ค่ะเพราะฉะนั้นแล้วเราก็
00:06:02 → 00:06:05 จะสามารถเยียวยาอาการทางสมองได้ควบคู่กับ
00:06:05 → 00:06:09 อาการเก๊าทค่ะแต่อาการเก๊าทสำหรับคนที่
00:06:09 → 00:06:11 เป็นโรคเหล่านี้จากงานวิจัยชิ้นแบบนี้นะ
00:06:11 → 00:06:14 ครับเรายิ่งมั่นใจเลยว่ามันเป็นสัญญาณที่
00:06:14 → 00:06:17 ถูกแล้วที่ร่างกายจะเยียวยาตัวเองอเพียง
00:06:17 → 00:06:20 แต่ถ้าคนยังไม่หยุดพฤติกรรมในการดื่ม
00:06:20 → 00:06:24 เหล้าค่ะกินหวานนะครับกินเนื้อสัตว์มากใน
00:06:24 → 00:06:27 อนาคตรับรองได้ว่ามีความเสี่ยงโรคหลอด
00:06:27 → 00:06:31 เลือดค่ะใครเป็นเาบ่อยๆอยากแก้ด้วยการกิน
00:06:31 → 00:06:33 แค่แอปเปิลไซเดอร์
00:06:33 → 00:06:37 กล้วยาานไซเดอร์หรือว่าอยากกินแค่มะนาวอ
00:06:37 → 00:06:41 กินมะนาวลดผลึกได้แต่ไม่ตอบโจทย์นะครับ
00:06:41 → 00:06:43 เพราะว่าสุดท้ายแล้วร่างกายยังยังคงผลิต
00:06:43 → 00:06:46 กรดยูริกเพื่อมาสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
00:06:46 → 00:06:49 ในหลอดเลือดต่อไปไม่จบสิ้นตราบใดที่เรา
00:06:49 → 00:06:52 ไม่หยุดพฤติกรรมอหยุดพฤติกรรมแล้วร่างกาย
00:06:52 → 00:06:55 ก็ต้องผลิตยูริกมามากอยู่ดีก็ลดอาการจาก
00:06:55 → 00:06:57 อาการเก๊าทเหล่านั้นได้ในท้ายที่สุดเพราะ
00:06:57 → 00:07:00 ฉะนั้นแล้วเราก็จะสามารถเข้าใจอยู่ได้ว่า
00:07:00 → 00:07:04 อาการเก๊าเป็นทั้งสัญญาณร้ายเตือนว่าเรา
00:07:04 → 00:07:07 กำลังอันตรายและเป็นสัญญาณบวกสำหรับผู้
00:07:07 → 00:07:09 ที่มีอาการโรคหลอดด้วยสมองที่กำลัง
00:07:09 → 00:07:12 เยียวยาว่าอดอาหารเหล่านั้นแล้วร่างกาย
00:07:12 → 00:07:15 กำลังฟื้นฟูเพียงแต่อย่าให้มันตกผลึกเท่า
00:07:15 → 00:07:17 นั้นเองครับค่ะหลายครั้งที่เราคุยกัน
00:07:17 → 00:07:20 อาจารย์คะบางโรคเนี่ยก็เป็น
00:07:20 → 00:07:22 พันธุกรรมหลายๆโรคที่เกิดมาก็เกิดจาก
00:07:22 → 00:07:25 พฤติกรรมครับในการใช้ชีวิตของคนในปกติทุก
00:07:25 → 00:07:27 วันนี้ส่วนใหญ่จะเกิดมาจากพฤติกรรม
00:07:27 → 00:07:29 พฤิกรรมส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมผมยืนยัน
00:07:29 → 00:07:32 ได้ครับค่ะเพราะว่าเวลาเข้าถึงอาหาร
00:07:32 → 00:07:35 ฟรุกโตสเนี่ยมันอยู่คอนไซรับอ่ะคือพวก
00:07:35 → 00:07:37 ไซรับพวกในข้าวโพดเนี่ยนะครับน้ำตาลข้าว
00:07:37 → 00:07:39 โพดเนี่ยมันอยู่ในเมนูอาหารเยอะมากขนม
00:07:39 → 00:07:42 ด้วยนะครับอยู่ในอาหารอุตสาหกรรมเยอะมาก
00:07:42 → 00:07:44 เลยครับเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยเรากินโดยรู้
00:07:45 → 00:07:46 ตัวไม่ใช่เราอยากกินนะครับเราไม่รู้ตัว
00:07:46 → 00:07:49 จริงๆค่ะค่ะถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกว่าตั้ง
00:07:49 → 00:07:51 แต่เมื่อครั้งที่แล้วที่เราเคยบอกอ่าที่
00:07:51 → 00:07:54 เ่อบอกว่าก็เคยได้ยินมาที่บอกว่าคนที่
00:07:54 → 00:07:56 อายุยังน้อยอยู่เนี่ยสามารถจะเป็นโรคเกา
00:07:56 → 00:08:00 ได้ก็มาจากพฤติกรรมการกินหลักครับค่ะดัง
00:08:00 → 00:08:04 นั้นเก๊าเนี่ยเป็นสัญญาณเตือนภัยรีบปรับ
00:08:04 → 00:08:06 พฤติกรรมเสียตั้งแต่วันนี้อย่าให้ไปเป็น
00:08:06 → 00:08:10 เหมือนคุณสมิธค่ะนะครับที่เป็นเก๊าทมา
00:08:10 → 00:08:12 ตั้งนานแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพราะอะไร
00:08:12 → 00:08:15 แล้วก็อยากจะเตือนนะครับยาบางชนิดเนี่ย
00:08:15 → 00:08:19 ที่เป็นโรคเกานี่นะครับมีผลทำให้ร่างกาย
00:08:19 → 00:08:21 เหมือนไหม้ทั้งตัวเลยนะครับเมื่อเมื่อ
00:08:21 → 00:08:23 เกิดอาการภูมิแพ้แล้วจะไม่รู้ตัวแล้วครับ
00:08:23 → 00:08:26 เพราะมันจะผืนขึ้นเล็กๆก่อนแล้วก็แม่ของ
00:08:26 → 00:08:30 คุณของคุณสมิธก็เป็นโรคเก๊าแล้วทค่ะทั้ง
00:08:30 → 00:08:34 ทั้งหลังจากนั้นต้องมาล้างไตฟอกไตแล้วก็
00:08:34 → 00:08:37 เสียชีวิตคุณพ่อคุณแอมจินารัตน์ก็ใช้ยา
00:08:37 → 00:08:40 ตัวเดียวกันไม้ทั้งตัวผื่นขึ้นทั้งตัวค่ะ
00:08:41 → 00:08:44 ออกจากโรงพยาบาลจากการแพ้ยาที่แก้โรคเก๊า
00:08:44 → 00:08:47 ค่ะมันไม่ใช่การแก้ที่ถูกอ่ะครับการแก้
00:08:47 → 00:08:50 ที่ถูกก็คือต้องแก้หาสาเหตุว่าทำไมเราถึง
00:08:50 → 00:08:53 เป็นเกาค่ะวิธีคิดของผมจึงไม่มองยูริก
00:08:53 → 00:08:57 ผลึกยูริกอไม่ได้มองยูริกเป็นเป็นศัตรู
00:08:57 → 00:09:01 ค่ะมองยูริกเป็นมิตรแต่เหเหตุที่เป็นเหตุ
00:09:01 → 00:09:04 ในการสร้างยูริกขึ้นมานี่เป็นเป็นศัตรู
00:09:04 → 00:09:06 ที่เราต้องกำจัดมันคือพฤติกรรมเราเองไม่
00:09:06 → 00:09:09 มีใครทำร้ายเราเท่ากับตัวเราเองครับค่ะ
00:09:09 → 00:09:11 ติดตามชมปฏิวัติสุขภาพนะคะเพื่อเปลี่ยน
00:09:11 → 00:09:14 ความคิดของเราป้องกันไม่ให้มันเกิดโรคดี
00:09:14 → 00:09:16 กว่าที่เราต้องมาคอยนั่งรักษากันในตอน
00:09:16 → 00:09:18 หลังนะคะขอบคุณอาจารย์บานเทพค่ะครับหมด
00:09:18 → 00:09:21 เวลาแล้วนะคะลากันไปก่อนสวัสดีค่ะสวัสดี
00:09:21 → 00:09:26 ครับสนับสนุรายการโดยน้ำมันมะร้าวคุณภาพ
00:09:26 → 00:09:30 จากเนเจอร์
00:09:30 → 00:09:33 ตรวจเลือดเปลี่ยนชีวิตตรวจสุขภาพโดยไม่
00:09:33 → 00:09:37 ต้องอดน้ำอดอาหารกับ Manager laab
00:09:37 → 00:09:40 Center แล้วคุณจะรู้ว่าเลือด 1 หยดก็
00:09:40 → 00:09:43 เปลี่ยนชีวิตคุณ
00:09:43 → 00:09:58 [เพลง]
00:09:58 → 00:10:02 ได้ y