00:00:00 → 00:00:04 ก็สวัสดีครับก็เนื่องจากผมพยายามเอาข้อ
00:00:04 → 00:00:06 มูลวิจัยออกมาเป็นการสนับสนุนในสิ่งที่ผม
00:00:06 → 00:00:09 พูดในแต่ละอย่างนะครับผมก็เลยอยากจะมา
00:00:09 → 00:00:12 เล่าให้ฟังว่าทำไมมันถึงสำคัญแล้ววิจัย
00:00:12 → 00:00:15 และสถิติพวกนี้เนี่ยมันมีความสำคัญอย่าง
00:00:15 → 00:00:18 ไรแบบไหนที่มันดีแบบไหนที่ไม่ดีและเรามี
00:00:18 → 00:00:21 บายการพิจารณาเบื้องต้นยังไงบ้างนะครับก็
00:00:21 → 00:00:23 จะเล่าตรงนี้ให้ฟังเลยนะครับพบกับผมนะ
00:00:23 → 00:00:25 ครับในแทนธานีธนิยะวันนะครับเป็นอาจารย์
00:00:25 → 00:00:27 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
00:00:27 → 00:00:29 เชี่ยวชาญว่าปลอดการปลูกถ่ายปอดและประกิต
00:00:29 → 00:00:33 บำบัดนะครับก่อนอื่นเลยนะฮะเวลาที่เราจะ
00:00:33 → 00:00:36 มีข้อมูลอะไรสักอย่างแล้วเราจะเชื่ออะไร
00:00:36 → 00:00:38 สักอย่างนะครับเราจะต้องดูก่อนว่ามันเป็น
00:00:38 → 00:00:41 ข้อมูลอะไรนะครับเราแบ่งทางการแพทย์ได้
00:00:41 → 00:00:44 หลายๆแบบหนึ่งเป็นความคิดเห็นนะครับหรือ
00:00:44 → 00:00:46 ที่เราเรียกว่า expert โอพีเนียนนะครับใน
00:00:46 → 00:00:49 กรณีนี้คือข้อมูลไม่ค่อยมีนะครับแต่ว่า
00:00:49 → 00:00:52 เราอาศัยความเชี่ยวชาญของผู้ที่เขาเชี่ยว
00:00:52 → 00:00:55 ชาญในเรื่องนั้นมากๆเป็นตัวในการตัดสินนะ
00:00:55 → 00:00:58 ครับข้อมูลเหล่านี้ก็มีน้ำหนักที่ไม่มาก
00:00:58 → 00:01:00 นะครับเพราะว่ามันถือว่าไม่มีข้อคะแล้วก็
00:01:00 → 00:01:03 เป็นคำพูดจากคนคนเดียวนะครับแต่ว่าเราก็
00:01:03 → 00:01:06 จะทำให้มันมีความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น
00:01:06 → 00:01:09 โดยที่เรามีคำว่า x เปิดแพนเน่านั่นเองนะ
00:01:09 → 00:01:11 ครับก็คือมีผู้เชี่ยวชาญสาขานั้นหลายๆคน
00:01:11 → 00:01:13 มาทำความตกลงกันว่าเออมันน่าจะต้องเป็น
00:01:13 → 00:01:16 แบบนี้แหละนะฮะตัวนี้คือข้อมูลจะไม่ค่อย
00:01:16 → 00:01:19 มีเท่าไหร่นะครับต่อมาก็มีเรื่องของ
00:01:19 → 00:01:21 Preview article Review articles ก็
00:01:21 → 00:01:23 คือถ้าเรามีคำถามหรือมีสิ่งที่เราสงสัย
00:01:23 → 00:01:27 อย่างใดอย่างหนึ่งอันนี้เราก็ไปค้นเอางาน
00:01:27 → 00:01:28 วิจัยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น
00:01:28 → 00:01:32 มาเขียนเป็นบทความใหญ่ๆนะครับโดยมีอ้าง
00:01:32 → 00:01:34 อิงนะครับจากหลายๆแหล่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่
00:01:34 → 00:01:38 กับว่าคนที่เค้าทำ ryoya เนี่ยเขาเลือก
00:01:38 → 00:01:41 เอางานวิจัยอะไรมาลงไว้ในงานของเขานะครับ
00:01:41 → 00:01:44 เพราะว่าการเลือกงานวิจัยซึ่งเห็นเป็นทาง
00:01:44 → 00:01:46 เดียวกันหมดมาลงในงานของเขาก็อาจจะทำให้
00:01:46 → 00:01:50 มีปัญหาได้เพราะว่าถ้าเกิดเขามีงานวิจัย
00:01:50 → 00:01:51 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเห็นตรงกันข้ามและเรา
00:01:51 → 00:01:53 ไม่เอาร่วมด้วยไม่เอามาวิเคราะห์ด้วย
00:01:53 → 00:01:55 อย่างนี้เราก็สรุปพลาดได้นะครับนั้น
00:01:55 → 00:01:57 Review articles ก็เป็นอีกอันนึงซึ่ง
00:01:57 → 00:02:01 มันง่ายดีสะดวกดีนะก็อ่านแล้วก็ทำความ
00:02:01 → 00:02:03 เข้าใจทั้งเรื่องแต่ข้อควรระวังก็คือว่า
00:02:03 → 00:02:05 เขาเอางานเนี่ยมาทั้งหมดหรือเปล่าแล้วเขา
00:02:05 → 00:02:08 เลือกเอาเฉพาะงานที่เขาอยากเอามานะครับก็
00:02:08 → 00:02:11 จะต้องมีการบอกว่าวิธีการเลือกเอาเอางาน
00:02:11 → 00:02:14 วิจัยมาเนี่ยเขาทำอย่างไรนะครับตรงนี้ก็
00:02:14 → 00:02:16 เป็นสิ่งที่สำคัญนะคะในการดู Review
00:02:16 → 00:02:19 article นะครับต่อไปคือเรื่องของการ
00:02:19 → 00:02:22 วิจัยและนะครับการวิจัยเนี่ยมันก็แบ่ง
00:02:22 → 00:02:25 เป็นหลายประเภทหนึ่งเป็นเบสิคทรายเป็น
00:02:25 → 00:02:28 คลาส solosis เป็นคลินิกเข้าสายนะครับได้
00:02:28 → 00:02:31 สึกทรายเนี่ยก็คือเป็นพวกการทดลองในเซลล์
00:02:31 → 00:02:35 ในหลอดทดลองในเลือดในสัตว์ทดลองพวกนี้จะ
00:02:35 → 00:02:37 ถือว่าเป็นเบสิคทรายสมุดเพราะว่ามันเป็น
00:02:37 → 00:02:41 การทดลองเพื่อที่จะดูว่ามันมีโอกาสในการ
00:02:41 → 00:02:44 ได้ผลหรือเปล่านะครับถ้ามีโอกาสเราจะต้อง
00:02:44 → 00:02:47 เริ่มเอาไปลองในคนละนะฮะเพราะว่าการลองใน
00:02:47 → 00:02:51 สัตว์ผลดีไม่ได้แปลว่าในคนจะผลดีด้วยมีผล
00:02:51 → 00:02:53 เสียในสัตว์ทำให้สัตว์ตายคนไม่จำเป็นจะ
00:02:53 → 00:02:55 ต้องตายด้วยทุกคนไม่ใช่ไม่ใช่เป็นเหมือน
00:02:55 → 00:02:57 สัตว์นะครับเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอย่าง
00:02:57 → 00:02:59 เดียวกันนะคะเราเป็นคนละอย่างกันดังนั้น
00:02:59 → 00:03:01 การตอบสนองผู้ชมต้องมีความแตกต่างกันก็
00:03:01 → 00:03:03 คล้ายๆกับคนเรากินช็อกโกแลตก็ไปแล้วมี
00:03:03 → 00:03:06 ความสุขแต่ 500 สุนัขกินช็อกโกแลตเข้าไป
00:03:06 → 00:03:09 เข้าตายได้นะครับคนกินน้ำอุ่นคนก็รู้สึก
00:03:09 → 00:03:12 อร่อยดีเอาสุนัขไปกินน้ำอุ่นสุนัขก็ตาย
00:03:12 → 00:03:14 ได้นะครับนั้นเนี่ยมันไม่เหมือนกันนะครับ
00:03:15 → 00:03:16 ในคนและสุนัขนะครับหรือว่าหรือว่าในสัตว์
00:03:16 → 00:03:20 ทดลองแล้วก็แปะนะครับนี่คือเบนสัน
00:03:20 → 00:03:22 Translation เอาทรายนี่คือเป็นอยู่ตรง
00:03:22 → 00:03:25 กลางเป็นการเอาความรู้หรือการวิจัยทดลอง
00:03:25 → 00:03:28 ในขั้นเบื้องต้นที่เมื่อกี้ผมบอกเป็นทราย
00:03:28 → 00:03:31 เนี่ยไปประยุกต์ให้เข้ากับคนไข้นะครับโดย
00:03:31 → 00:03:34 มีความเกี่ยวข้องกันอันนี้จะเป็นอะไรที่
00:03:34 → 00:03:37 พิเศษน่ะจะต้องมีการดูเป็นพิเศษอันที่ 3
00:03:37 → 00:03:39 คือขึ้นในข้อซะดีหรือเคยกพาต่างๆตรงนี้
00:03:39 → 00:03:43 เป็นการทดลองจริงๆคนเลยนะครับโดยก็จะแบ่ง
00:03:43 → 00:03:46 เป็นเฟสต่างๆนะครับก็แน่นอนว่าในกลิ่น
00:03:46 → 00:03:49 โคตรคำว่าคืนคราวจริงๆจะมีเฟสอัพเฟส 1 2
00:03:49 → 00:03:52 3 แล้วก็ลึกอ่อนเฟสหนึ่งนะก็คือเป็นก่อน
00:03:52 → 00:03:54 เป็นนึงจะเป็นเรื่องของ Concept ก่อน
00:03:54 → 00:03:57 คอนเซปผู้ก็ไปลองในสัตว์ทดลองได้สัตว์ทด
00:03:57 → 00:04:00 ลองเสร็จปุ๊บได้ผลดีก็มาลองในคนน้ำแข็ง
00:04:00 → 00:04:02 แรงดีลองในคนที่แข็งแรงดีเสร็จปุ๊บก็ไป
00:04:02 → 00:04:05 ลองในคนที่เริ่มมีปัญหานะครับคนที่เป็น
00:04:05 → 00:04:08 โรคที่เราต้องการใช้ยากลุ่มนั้นสุดท้ายก็
00:04:08 → 00:04:10 ไปลองในโลกของความเป็นจริงและดูว่ามันมี
00:04:10 → 00:04:12 อะไรไหมนะครับนี่คือก็ก็เลยของคณิตเข้า
00:04:12 → 00:04:17 แต่ที่สำคัญก็คือการทำคือในข้อนะครับเวลา
00:04:17 → 00:04:20 เราเท่าลองในชั้นคลินิกเล็กในข้อเนี่ยนะ
00:04:20 → 00:04:22 ครับมีความสำคัญอย่างยิ่งอันหนึ่งคือใน
00:04:22 → 00:04:25 สิ่งที่เราต้องการหาคำตอบเช่นวัคซีนดี
00:04:25 → 00:04:27 หรือไม่นะครับว่าสินสามารถป้องกันอะไรได้
00:04:27 → 00:04:31 บ้างท่านจะต้องมีกลุ่มควบคุมนะครับต้องมี
00:04:31 → 00:04:33 กลุ่มควบคุมเพราะว่าถ้าไม่มีกลุ่มควบคุม
00:04:33 → 00:04:35 ท่านจะไม่มีตัวเปรียบเทียบและท่านจะไม่
00:04:35 → 00:04:37 สามารถบอกได้ว่านี้มันดีหรือไม่ดีนะครับ
00:04:37 → 00:04:40 ท่านจะเห็นหลายครั้งที่มีคนออกมาพูดใน
00:04:40 → 00:04:42 อินเตอร์เน็ตหรือว่าส่งข้อความมาบอกว่า
00:04:42 → 00:04:46 โอ้เรากินแล้วกินยาสมุนไพรตัวนี้สิมันดี
00:04:46 → 00:04:48 มากมันช่วยเรื่องตับเรื่องตายเรื่องสมอง
00:04:48 → 00:04:50 เรื่องกระดูกพรุนเรื่องมะเร็งเรื่องเบา
00:04:50 → 00:04:52 หวานทุกอย่างรักษาหายได้ด้วยสมุนไพรตัว
00:04:52 → 00:04:56 นี้นะครับอันนี้ใครๆก็พูดได้ครับจริงๆฮะ
00:04:56 → 00:04:58 มันมีตัวเปรียบเทียบไม่มีการทดลองไม่มี
00:04:58 → 00:05:00 งานวิจัยท่านพูดอะไรก็พูดอ่าถูกมั้ยฮะ
00:05:00 → 00:05:03 หน้าต่อให้ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัล
00:05:03 → 00:05:07 โนเบลเป็นศาสตราจารย์เป็นซุปเปอร์นาย
00:05:07 → 00:05:09 แพทย์นะครับหรือเป็นทุกอย่างในคนคนเดียว
00:05:09 → 00:05:12 กันเลยนะครับถ้าเราพูดลอยลอยโดยที่ท่าน
00:05:12 → 00:05:14 ไม่มีงานวิจัยเป็นตัวสนับสนุนเช่นบอกว่า
00:05:14 → 00:05:17 โอนเนี่ยดีอย่างนั้นอย่างนี้นะครับคำพูด
00:05:17 → 00:05:19 ชื่อไม่ได้นะครับหรือแม้กระทั่งผมเองครับ
00:05:19 → 00:05:22 ผมไม่มีงานวิจัยมาสนับสนุนพูดอะไรไปเนี่ย
00:05:22 → 00:05:24 นะฮะต่อให้มันน่าเชื่อถึงหายทุนก็เชื่อผม
00:05:24 → 00:05:27 ไม่ได้นะครับแต่ถ้าเมื่อไหร่มีงานวิจัย
00:05:27 → 00:05:29 ลักษณะสมเยอะๆแล้วงานวิจัยที่นั้นเขียน
00:05:29 → 00:05:31 ได้ดีนะครับเขียนให้ถูกต้องมีจรรยาบรรณ
00:05:31 → 00:05:34 แล้วเราพิจารณาแล้วเนี่ยทุกอย่างดีท่าน
00:05:34 → 00:05:37 ถึงจะสามารถหน้าชื่อฟังแล้วก็เชื่อได้นะ
00:05:37 → 00:05:40 ครับที่นี่งานวิจัยเนี่ยมันมีช่องโหว่
00:05:40 → 00:05:43 หลายอย่างนะฮะอย่างแรกการที่เอามาพูดมัน
00:05:43 → 00:05:45 ต้องมีกลุ่มควบคุมเสมอถ้าไม่มีกลุ่มควบ
00:05:45 → 00:05:48 คุมแน่คิดไว้ก่อนและมันมีปัญหานะครับอัน
00:05:48 → 00:05:50 ที่สองคือถ้าจะเป็นจะต้องมีการเลือกกลุ่ม
00:05:50 → 00:05:53 ตัวอย่างที่เอามาแทนรุ่นที่ท่านจะทดลองนะ
00:05:53 → 00:05:56 ครับก็เลือกกลุ่มตัวอย่างนี้ก็มีมีสิ่ง
00:05:56 → 00:05:58 ที่เราต้องคิดหลายๆอย่างเลยนะครับเพราะ
00:05:58 → 00:06:00 ว่าการที่จะทดลองกับคนมีโรคเป็นไปไม่ได้
00:06:00 → 00:06:03 ถูกไหมครับถ้าเราทดลองกับคนทั้งโลกได้
00:06:03 → 00:06:05 อย่างนี้สิ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ดีนะฮะ
00:06:05 → 00:06:08 เพราะว่าเราจะรู้เลยว่าอ้ะยาตัวนี้มันได้
00:06:08 → 00:06:11 ผลและไม่ได้ผลกับคนทั้งโลกแต่มันทำไม่ได้
00:06:11 → 00:06:13 ท่านก็เราจำเป็นจะต้องเลือกตัวแทนมาทำการ
00:06:13 → 00:06:16 ทดลองเป็นกลุ่มนะครับแล้วขั้นตอนในการ
00:06:16 → 00:06:18 เลือกการทดลองท่านจะต้องเลือกให้ถูกต้อง
00:06:18 → 00:06:23 เช่นท่านบอกว่าอยากจะให้ยาตัวนี้มันดีถ้า
00:06:23 → 00:06:25 เพื่อคนที่เขาแข็งแรงดีมาหมดทุกคนนะครับ
00:06:25 → 00:06:27 แล้วก็ยาแล้วก็แข็งแรงนะไปเจออาการไปเจอ
00:06:27 → 00:06:29 ไวรัสซึ่งก็ไม่เห็นมีปัญหาสักคนนะครับก็
00:06:29 → 00:06:33 บอกว่ายาดีไม่ได้นะครับท่านจะต้องแล้วรถ
00:06:33 → 00:06:35 ถ้าท่านเอาเนี่ยผลการทดลองตอนเนี้ยไปใช้
00:06:35 → 00:06:39 ในคนที่อายุ 7 8 10 ผลอาจจะไม่ดีก็ได้
00:06:39 → 00:06:42 เอา 70 คนนี้หน้าที่อายุเยอะๆไปเจอเชื้อ
00:06:42 → 00:06:45 โรคแล้วเขาจะป่วยหนักก็ได้นะครับนั้นการ
00:06:45 → 00:06:48 ทดลองพวกก็ขึ้นตัวอย่างการก็จะต้องเขียน
00:06:48 → 00:06:51 ไว้ชัดเจนว่าท่านเลือกลงตัวอย่างมาอย่าง
00:06:51 → 00:06:54 ไรนะคะตอนสำคัญมากรวมทั้งเวลาที่ผมอ่าน
00:06:54 → 00:06:58 งานวิจัยผมจะไปอ่านตรงรูปแบบเอ่อวิธี
00:06:58 → 00:07:00 ระเบียบแผนการวิจัยหรือที่เรียกถ้าไม่
00:07:00 → 00:07:02 ตกลงวันที่เลยแม่ต่อตนเองนะครับผมจะไปดู
00:07:02 → 00:07:04 เลยว่าเขียนอะไรบ้างเขาทำอย่างไรในการ
00:07:04 → 00:07:07 เลือกขั้นตอนต่างๆนะครับรวมทั้งขั้นตอนใน
00:07:07 → 00:07:10 การวินิจฉัยวิจัยเนี่ยเช่นอ้ะต้องมีการ
00:07:10 → 00:07:13 ย้อมสีเซลล์ล้อมันพรุ่งนี้เขายอมยังไงนะ
00:07:13 → 00:07:16 ครับทดลองกับเซลล์เซลล์อะไรนะฮะเซลล์นั้น
00:07:16 → 00:07:19 มันใช้คนได้หรือเปล่าบางทีทำทำการทดลอง
00:07:19 → 00:07:21 กับเซลล์มะเร็งซึ่งมันไม่ใช่เซลล์คนมัน
00:07:21 → 00:07:24 ไม่ใช่เซลล์ของปกติของคนนั้นผลข้างเคียง
00:07:24 → 00:07:27 ผลวิจัยต่างๆที่เกิดจากการวิจัยข้างนั้น
00:07:27 → 00:07:30 มาใช้ในกรณีของคนมันก็อาจจะใช้ได้ไม่เต็ม
00:07:30 → 00:07:33 ที่นะครับว่าไม่ได้เซลล์ปกติของคนเป็นต้น
00:07:33 → 00:07:34 นะฮะ
00:07:34 → 00:07:38 นี่คือเป็นสิ่งที่อยากจะแนะนำว่าอย่าง
00:07:38 → 00:07:40 หนึ่งนะครับแล้วที่นี้เนื่องจากบางครั้ง
00:07:40 → 00:07:43 นะครับงานวิจัยพวกนี้มันตัวอย่างมันไม่
00:07:43 → 00:07:45 ได้เยอะอาจจะสรุปอะไรไม่ได้ไม่ค่อยมาก
00:07:45 → 00:07:47 เหมือนก็จะมีงานอีกประเภทหนึ่งซึ่งได้ว่า
00:07:47 → 00:07:51 เป็นเมตตาอนาไลซิส and systematic
00:07:51 → 00:07:54 Review นะครับตรงนี้เนี่ยคืออะไรมันก็
00:07:54 → 00:07:57 คือการที่เราเอาจำนวนคนไข้ในการทดลองแต่
00:07:57 → 00:08:00 ละอย่างเนี่ยในหลายๆคืนคราว
00:08:00 → 00:08:02 ออกมาเลยนะครับการทดลองใจเนี่ยเข้ามาร่วม
00:08:02 → 00:08:04 กันให้มันมีกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่มากๆเลย
00:08:04 → 00:08:07 นะครับเพื่อจะตอบปัญหาบางอย่างนะครับอัน
00:08:07 → 00:08:11 นี้มีข้อดีคือตัวอย่างเยอะมากๆเลยนะครับ
00:08:11 → 00:08:13 มันก็จะเป็นตัวแทนในการตอบคำถามตัวนั้น
00:08:13 → 00:08:16 ได้ดีมากขึ้นนะครับแต่คำข้อเสียของมันก็
00:08:16 → 00:08:19 คือถ้าการทดลองในแต่ละอันนี้เล็กๆของมัน
00:08:19 → 00:08:21 เนี่ยมีเกณฑ์การทดลองที่ไม่เหมือนกันเลย
00:08:21 → 00:08:25 นะครับไม่เหมือนกันเช่นเปล่าวิธีการทดลอง
00:08:25 → 00:08:28 เนี่ยเหมือนการให้ยาตัวนี้อาจจะลองข้องอะ
00:08:28 → 00:08:30 เธอการทดลองที่ 1 ให้วันที่ 1 วันที่ 3
00:08:30 → 00:08:33 การทดลองอันที่ 2 ให้วันที่ 5 วันที่ 8
00:08:33 → 00:08:35 เอาอย่างนี้มันไม่เหมือนกันมันก็เลยเอามา
00:08:35 → 00:08:38 รวมกันแล้วอาจจะทำให้เราไม่สามารถสรุป
00:08:38 → 00:08:40 อะไรได้เท่าที่ควรนะครับหรือการที่สรุป
00:08:40 → 00:08:43 ได้เนี่ยเราไปดูมาแล้วมีปัญหาก็ได้นะครับ
00:08:43 → 00:08:48 โดยปกติเรื่องของตัว systematic Review
00:08:48 → 00:08:50 แม้ตาหน่อยสิเขาจะกำหนดค่าไว้ค่าหนึ่งก็
00:08:50 → 00:08:54 คือเรื่องของเพชรโรจิณ IG ก็คือแต่ละการ
00:08:54 → 00:08:55 ศึกษาเนี่ยมันมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่
00:08:55 → 00:08:58 ไหนถ้ามันแตกต่างกันมามากๆเลยเนี่ยเยอะๆ
00:08:58 → 00:09:01 เลยนะครับไอ้ตัวมีอะไร 4 ตัวนี้มันบอกเลย
00:09:01 → 00:09:03 ไม่ได้เลยนะครับเพราะว่าทุกคนต่างทำของ
00:09:03 → 00:09:05 ตัวเองนั้นเอามารวมกันก็ไม่ใช่เป็นตัว
00:09:05 → 00:09:07 อย่างที่มันสามารถมาเปรียบเทียบอะไรกัน
00:09:07 → 00:09:10 ได้นะครับตัวนี้ก็คือเป็นปัญหาของการทำ
00:09:10 → 00:09:12 ให้ต้านอะไรเศษนะครับแต่ข้อดีของมันเนี่ย
00:09:12 → 00:09:14 มันมีเยอะเหมือนกันนะครับเพราะเป็นการดู
00:09:14 → 00:09:17 ตัวอย่างใหญ่ๆได้นะครับก็เป็นสิ่งที่เรา
00:09:17 → 00:09:21 เอามาใช้กันนะฮะลองจากนี้
00:09:21 → 00:09:25 เราต้องมารู้จักมันอาจจะมีคนเคยได้ยินเฟซ
00:09:25 → 00:09:30 เธอทำคำกล่าวคำนี้คือไม่มีคำว่าลายเดิม
00:09:30 → 00:09:34 ลายส์แอนด์เดอะสเตจเด็กลายคือการโกหกแดง
00:09:34 → 00:09:38 ลายนี้คือสุดยอดโคตรโกหกนะครับและสถิติ
00:09:38 → 00:09:42 มันหมายความว่าในประโยคนี้เนี่ยโกหกนี่
00:09:42 → 00:09:45 คือโกหกหน้าตายไม่มีเหตุผลอะไรส่วน 0 นะ
00:09:45 → 00:09:47 ฮะกบมากๆเนี่ยอันนี้น่าจะมีศัพท์เหตุผล
00:09:47 → 00:09:50 สนับสนุนมากขึ้นหน่อยเช่นแบบใครที่ดูฟัง
00:09:50 → 00:09:52 ดูแล้วน่าเชื่อถือนะครับเรามีตำแหน่งของ
00:09:52 → 00:09:55 เราเป็น CEO เราเป็น Super Doctor โรบิน
00:09:55 → 00:09:57 ซุปเปอร์ศาสตราจารย์ลองเป็นคนที่มีคนติด
00:09:57 → 00:10:00 ตามเยอะๆเป็นอินเฟรนเซอร์แล้วพูดอะไรติด
00:10:00 → 00:10:02 ต่อให้เราโกหกคนก็เชื่อเนี่ยเป็นสุดยอด
00:10:02 → 00:10:06 การโกหกนะครับแล้วมันก็มีสถิตินะครับหมาย
00:10:06 → 00:10:09 ความว่าอะไรมันคะว่าถ้าท่านไม่รู้ว่า
00:10:09 → 00:10:11 สถิติเขาทำกันยังไงนะครับจะดีๆมันจะมี
00:10:11 → 00:10:14 วิธีในการผลิตแปลงเพื่อหาคำตอบบางอย่าง
00:10:14 → 00:10:17 ได้นะครับและสถิตินี่แหละครับมันจะสามารถ
00:10:17 → 00:10:21 เราจะเลือกใช้สถิติตัวไหนก็ได้นะครับแล้ว
00:10:21 → 00:10:24 สมมติว่าผมเนี่ยจะต้องการเปลี่ยนผลจากขาว
00:10:24 → 00:10:27 เป็นดำผมสามารถใช้วิธีทางสถิติเพื่อทำ
00:10:27 → 00:10:30 เช่นนั้นได้นะครับเช่นท่านที่ออกมาบอกว่า
00:10:31 → 00:10:33 เออว่าซินโคมินมันอันตรายอย่างนั้นอย่าง
00:10:33 → 00:10:37 นี้อาจเจอโอ้โหเนี่ยฉีดไป 93% ที่ตายนะ
00:10:37 → 00:10:39 มันเป็นเพราะว่าสิ้น 180 มันเป็นนกสิน
00:10:39 → 00:10:42 ล้วนๆเลยนะครับท่านก็สามารถใช้วิธีทาง
00:10:42 → 00:10:45 สถิติเพื่อให้ผลมันเป็นไปอย่างที่ท่านบอก
00:10:45 → 00:10:49 ได้นะครับอ่านี่แหละอันนี้คือปัญหาดัง
00:10:49 → 00:10:52 นั้นคนที่อ่านงานวิจัยพวกนี้เป็นจริงๆ
00:10:52 → 00:10:55 แล้วเข้าใจสถิติจริงๆจะอ่านตรงวิธีในการ
00:10:55 → 00:10:58 จะหาคำตอบตรงนี้ของเขาเอามาก่อนถ้ามันผิด
00:10:58 → 00:11:00 ตั้งแต่แรกนั่นก็ผิดทำงานรถยนต์ที่ได้เลย
00:11:00 → 00:11:03 นะครับมีให้เห็นทางการแพทย์เยอะแยะไปหมด
00:11:03 → 00:11:05 นะครับงานบางอันเนี่ยลงตีพิมพ์ไปแล้วด้วย
00:11:05 → 00:11:08 เราไปเจอว่าเขาโกงเขามีอคติเขามีจริยธรรม
00:11:08 → 00:11:12 ที่ผิดไปในการทำงานวิจัยรอบตัวที่หลังงาน
00:11:12 → 00:11:15 นั้นก็โดนถอนออกนะครับมีให้เห็นทางการค้า
00:11:15 → 00:11:19 เยอะแยะไปหมดแม่อย่างล่าสุดที่ผมเจอนะล่า
00:11:19 → 00:11:22 สุดก็เมื่อประมาณ 3 4 ปีที่แล้วมีศาสนา
00:11:22 → 00:11:25 การคนนึงชื่อดังเลยนะฮะชื่อดังมากๆนะคะ
00:11:25 → 00:11:28 เป็นเป็นศาสตราจารย์ทางด้านทำเต็มเซลล์
00:11:28 → 00:11:31 ของหัวใจนะครับชื่อแบบกล้องโลกและเป็น
00:11:31 → 00:11:34 เป็นอันดับหนึ่งเป็นต้นๆของโลกที่ทำ
00:11:34 → 00:11:36 เรื่องของเซ็นเซอร์ของคนใจก็ทำงานวิจัย
00:11:36 → 00:11:38 แล้วก็ลงตีพิมพ์แต่ไม่หมดในวารสารที่เป็น
00:11:38 → 00:11:42 ชั้นนำของโลกแต่ต่อมาเราไปจับได้ว่าผลการ
00:11:42 → 00:11:44 ทดลองที่เขาทำมาทั้งหมดเนี่ยเขาแปลงหมด
00:11:44 → 00:11:48 เลยนะฮะเขาแปลงเขาทำให้มันเข้าข้างเขาก็
00:11:48 → 00:11:50 ใช้สถิติบางอย่างให้เข้าข้างเขาเพราะจับ
00:11:50 → 00:11:52 ได้เนี่ยอสจารย์คนนี้ถูกถอดออกจากตำแหน่ง
00:11:52 → 00:11:55 ที่อเมริกานะครับแล้วก็งานวิจัยเขาถูก
00:11:55 → 00:11:58 เพิกถอนหมดเลยนะเราจะไม่เจอชื่อเขานี้ถ้า
00:11:58 → 00:12:01 ท่านที่อยู่ในวงการการวิจัยท่านจะทราบว่า
00:12:01 → 00:12:03 คนนี้คือใครนะครับเพราะว่าชื่อก็ดังมากนะ
00:12:03 → 00:12:06 ฮะอ่ะโอเควันนี้ผมก็พูดเก่าๆนะครับเพราะ
00:12:06 → 00:12:08 ว่าทุกอย่างเวลาเราอ่านงานวิจัยพรุ่งนี้
00:12:08 → 00:12:11 ต้องระวังนะฮะถ้าใครไม่มีอะไรเป็นงาน
00:12:11 → 00:12:14 วิจัยหลักๆนะครับหรือเป็นแค่คำพูดหรือ
00:12:14 → 00:12:18 เป็นเช็คเปิดโอพีเนียนหรือเป็นแค่ไปที่
00:12:18 → 00:12:20 แย่แล้วกันนะนี่ก็คือผู้ตามงานประชุมต่าง
00:12:20 → 00:12:22 ๆโดยที่ยังไม่มีการตีพิมพ์ใดใดทั้งสิ้น
00:12:22 → 00:12:25 พวกแย่ที่สุดนะครับเชื่อถือไม่ได้เลยนะ
00:12:25 → 00:12:27 ครับชื่อถึงไม่ได้เลยท่านจะต้องให้มันตึง
00:12:27 → 00:12:31 มาก่อนแล้วติมให้จะต้องมาดูว่ามันตีพิมพ์
00:12:31 → 00:12:33 แล้วใช้สถิติแบบไหนอ่านให้เข้าใจอ่านแล้ว
00:12:33 → 00:12:36 ก็ทำยังไงนะครับเพราะไม่ฉะนั้นจะเหมือน
00:12:36 → 00:12:38 หลายๆคนนะครับที่อ่านแต่หัวข้อเรื่องอาจ
00:12:38 → 00:12:40 จะสรุปเรื่องแล้วก็เอามาบอกว่านั้นมัน
00:12:40 → 00:12:43 เป็นสิ่งที่จริงนะครับอย่างที่ผมเคยอ่าน
00:12:43 → 00:12:45 งานวิจัยให้ฟังหลายเรื่องแล้วนะครับว่า
00:12:45 → 00:12:48 การอ่านวิจัยทำยังไงนะครับถ้าลองไปกดย้อน
00:12:48 → 00:12:51 อยู่ที่ผมอ่านให้ท่านฟังก็ได้ว่าเวลาผม
00:12:51 → 00:12:53 อ่านผมอ่านตรงไหนบ้างนะครับเพราะผมก็ยัง
00:12:53 → 00:12:56 เห็นอย่างยังพบกลุ่มหมอก็ยังเป็นเองเลยนะ
00:12:56 → 00:12:58 ครับหมอหลายๆท่านที่อ่านงานวิจัยไม่ได้นะ
00:12:58 → 00:13:00 อ่านไม่เข้าใจเขาก็จะมีหัวข้อแล้วเอาหัว
00:13:00 → 00:13:03 ข้อเนี่ยมาแปะนะฮะแล้วบอกว่าเป็นเช่นนั้น
00:13:03 → 00:13:07 ไม่ถูกต้องนะครับแล้วได้ทางการแค่นี้มัน
00:13:07 → 00:13:09 ไม่ดีเลยด้วยซ้ำไปอย่างเป็นโรคที่ผมสอน
00:13:09 → 00:13:11 อยู่ผมก็จะบอกว่าไปคุณอาจจะคุณต้องเข้าใจ
00:13:11 → 00:13:14 มันจริงๆไม่ใช่อ่านหัวข้อแล้วบอกให้ผมฟัง
00:13:14 → 00:13:16 นะมันไม่ได้นะฮะก็ต้องเข้าไปย่อยเลยว่า
00:13:16 → 00:13:19 เออมันทำได้อยู่ถูกต้องหรือเปล่างานวิจัย
00:13:19 → 00:13:21 ชิ้นนี้มีข้อเสียมีข้อจำกัดอย่างไรบ้างใน
00:13:21 → 00:13:24 การสรุปแบบนั้นข้อสรุปใช้กับใครได้บ้างนะ
00:13:24 → 00:13:26 ครับใช้ได้กับทุกคนจริงหรือเปล่าหรือต้อง
00:13:26 → 00:13:29 ได้เฉพาะในบางสถานการณ์นะฮะและเลือกตรง
00:13:29 → 00:13:31 นี้ก็มีความสำคัญมากๆนะครับ
00:13:31 → 00:13:35 เดี๋ยวนี้โซเชียลมันค่อนข้างที่จะเป็น
00:13:35 → 00:13:37 ช่องทางหลักในการสื่อสารดังนั้นหลายๆคน
00:13:37 → 00:13:40 เนี่ยก็มีและเวลาเห็นงานวิจัยตัวนึงขึ้น
00:13:40 → 00:13:42 มาอาวุธชื่อมันน่าสนใจน่ากลัวดีเราไป
00:13:42 → 00:13:46 โพสต์ไปแปะเราไม่ได้ไม่ได้สนใจว่าจะเกิด
00:13:46 → 00:13:48 ปัญหาอะไรขึ้นบ้างนะครับซ้ำร้ายกว่านั้น
00:13:48 → 00:13:52 ก็คือคนที่รู้ทั้งรู้หรือว่าอย่างน้อยมี
00:13:52 → 00:13:55 ความรู้ด้านงานวิจัยเก่งด้านงานวิจัยมากๆ
00:13:55 → 00:13:57 นะครับตีพิมพ์งานวิจัยเยอะๆแล้วดันไปเอา
00:13:57 → 00:14:00 ข้อมูลพวกนี้ที่ยังไม่มีข้อสรุปหรือว่าก็
00:14:00 → 00:14:01 รู้อยู่แล้วว่าถ้าเราหารเข้าไปแล้วข้อมูล
00:14:01 → 00:14:05 ไม่ดีแล้วมาแปะให้คนในโซเชียลเห็นหรือถ้า
00:14:05 → 00:14:08 ท่านเป็นอินเฟรนเซอร์และพวกนี้มาแปะใน
00:14:08 → 00:14:11 โซเชียลของท่านให้คนอื่นก็เห็นเดินทำต้อง
00:14:11 → 00:14:14 ทำบาปสุดยอดมากของโลกเราเลยนะครับมันทำ
00:14:14 → 00:14:16 ให้คนอื่นเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้
00:14:16 → 00:14:19 เนี่ยสับสนมากมหาศาลนะครับแล้วผมคิดว่า
00:14:19 → 00:14:23 มันจริงๆไม่ถูกต้องเลยนะครับก็เราเนี่ยผม
00:14:23 → 00:14:25 ก็อยากจะบอกให้ทุกๆท่านเนี่ยเวลาจะอ่าน
00:14:25 → 00:14:27 อะไรก็ระวังให้ดีนะครับจะโพสต์อะไรใน
00:14:27 → 00:14:30 โซเชียลจะแชร์อะไรส่งต่อไปก่อนนะท่านท่าน
00:14:30 → 00:14:32 ดูให้ดีก่อนว่ามันคืออะไรนะครับมันน่า
00:14:32 → 00:14:35 เชื่อถือแค่ไหนนะฮะถ้าท่านมีปัญหาอะไร
00:14:35 → 00:14:38 เรื่องงานวิจัยและทหารไม่เข้าใจ 5 ส่งมา
00:14:38 → 00:14:40 ถามที่ผมเดี๋ยวผมจะดูให้นะครับถ้าเอาลิ
00:14:40 → 00:14:43 งานวิจัยมาผมดูเลยนะครับผมจะเข้าไปอ่านมา
00:14:43 → 00:14:45 จริงๆแล้วดูว่าเออมันน่าเชื่อถือจริงๆ
00:14:45 → 00:14:47 หรือเปล่าถ้ามันไม่จริงของผมจริงนะฮะโอเค
00:14:47 → 00:14:49 วันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:14:49 → 00:14:52 ครับ