00:00:00 → 00:00:03 ครับๆก่อนที่จะไปถามเรื่องของเส้นเอ็น
00:00:03 → 00:00:06 ก่อนว่ามันหดตัวปั๊บนี่มันทำให้เกิดอาการ
00:00:06 → 00:00:10 บ้านหมุนก็เลยอยากจะให้คุณหมอช่วยอธิบาย
00:00:10 → 00:00:12 ก่อนว่าไอ้อาการที่เขาเรียกกันว่าบ้าน
00:00:12 → 00:00:17 หมุนเนี่ยลักษณะมันคืออาการแบบไหนแล้ว
00:00:17 → 00:00:21 แล้วแล้วแล้วมันต้องเป็นกันขนาดไหนถึงถึง
00:00:21 → 00:00:23 เข้าขายว่าบ้านหมุนฮะรู้คนไม่รู้ก็ยังไม่
00:00:23 → 00:00:28 รู้อ่ะใช่ฮะอครับคือความรู้สึกที่ว่าบ้าน
00:00:28 → 00:00:30 หมุนเนี่ยมันเป็นส่วนหนึของสิ่งที่เรา
00:00:30 → 00:00:33 เรียกว่าเวียนศีรษะนะครับอืครับคือโรค
00:00:33 → 00:00:35 เวียนศีรษะเนี่ยอ่าเวียนศีรษะมันเป็น
00:00:35 → 00:00:38 อาการนี้ประเด็นก็คือว่าเวียนศีรษะมันมี
00:00:38 → 00:00:41 หลายรูปแบบนะครับบางรูปแบบเนี่ยเราจะมี
00:00:41 → 00:00:45 ความรู้สึกว่ามีบ้านเรารอบๆตัวเราถึงเวด
00:00:45 → 00:00:48 รับรอบๆตัวเราเนี่ยมันหมุนนะครับบางรูป
00:00:48 → 00:00:51 แบบก็ก็จะรู้สึกว่าตัวเราเโครงเครงนะครับ
00:00:51 → 00:00:55 แล้วบางรูปแบบก็จะรู้สึกว่ามึนๆงงๆงั้นเน
00:00:55 → 00:00:57 ศีรษะมีหลายลักษณะแล้วก็สาเหตุที่เกิด
00:00:57 → 00:01:01 ขึ้นมันก็มีความแตกต่างกันด้วยครับอืคำ
00:01:01 → 00:01:05 ว่ามึนๆงงๆเนี่ยเราเราพอจะเข้าใจเพราะว่า
00:01:05 → 00:01:07 ตัวเองอ่ะเป็นคนมีความดันต่ำค่ะคุณหมอคะ
00:01:07 → 00:01:11 เวลาเราเปลี่ยนอิริยาบถเราเรานอนนอนราบ
00:01:11 → 00:01:14 เราลุกขึ้นมาเราก็จะแบบหน้ามืดเ้าเรียก
00:01:14 → 00:01:17 หน้ามืดแต่บ้านหมุนเนี่ยโอโหมันมันรับไม่
00:01:17 → 00:01:20 ได้เลยทีเดียวก็คือเหมือนแบบลักษณะจอภาพ
00:01:20 → 00:01:23 มันไปเลยค่ะคุณหมอคะอย่างเงี้ยค่ะทำไมมัน
00:01:23 → 00:01:26 แรงอย่างเงี้เจแบบบ้านหมุนเนี่ยเป็นความ
00:01:26 → 00:01:29 รู้สึกแบบหนึ่งนะครับเอ่อสาเหตุที่เกิด
00:01:29 → 00:01:33 เนี่ยเนี่ยเป็นเพราะว่าร่างกายเราอ่ะมี
00:01:33 → 00:01:37 อวัยวะในการรับรู้การทรงตัวของของเรานะ
00:01:37 → 00:01:39 ครับการรับรู้เนี่ยอยู่ในหูชั้นในเป็นจุด
00:01:39 → 00:01:42 เริ่มต้นอืแล้วก็ต่อจากหูชั้นในเนี่ยมัน
00:01:42 → 00:01:46 ก็จะวิ่งเข้าไปสู่ก้านสมองนะครับแล้วก็
00:01:46 → 00:01:49 เข้าไปสัมผัสส่วนต่างๆของสมองเราเยอะแยะ
00:01:49 → 00:01:53 เลยนะครับรวมทั้งส่งสัญญาณเข้าไปควบคุม
00:01:53 → 00:01:55 การเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติของร่างกายเรา
00:01:55 → 00:01:58 หลายส่วนเลยเช่นการเคลื่อนไหวของลูกตาการ
00:01:58 → 00:02:01 เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลำคอการเคลื่อน
00:02:01 → 00:02:04 ไหวของกล้ามเนื้อแขงขาและลำตัวของเราด้วย
00:02:04 → 00:02:07 นะครับเอ่ออวัยวะที่ว่าที่อยู่ในหูชั้นใน
00:02:07 → 00:02:10 เนี่ยที่ทำให้เรารับรู้ว่าเราทรงตัวอย่าง
00:02:10 → 00:02:13 ไรแล้วก็ถ้ามันมีความเสียหายหรือว่ามี
00:02:13 → 00:02:15 ปัญหาเกิดขึ้นเนี่ยเราก็จะรู้สึกว่าเวียน
00:02:15 → 00:02:19 หมนๆเนี่ยอยู่ในหูชั้นในเองอ่ะครับโอมัน
00:02:19 → 00:02:24 อยู่ในหูชั้นในอืคุณหมอครับถามถามง่ายๆ
00:02:24 → 00:02:28 ถามตรงๆว่าทำไมเราถึงรู้สึกเวียนศีรษะกัน
00:02:28 → 00:02:31 ได้มากขนาดนั้นฮะคุณหมอฮะคือถึงกับ
00:02:31 → 00:02:35 อาเจียนเลยบางครั้งอ่ะค่ะอืก็เป็นความรู้
00:02:35 → 00:02:39 สึกปกตินะครับของเสืนปสาทเอ่อที่ที่เริ่ม
00:02:39 → 00:02:41 ต้นจากหัวชั้นในเนี่ยที่เราเรียกว่า
00:02:41 → 00:02:43 เวสติบูลเนี่ยในทางการแพทย์เราเรียกอย่าง
00:02:43 → 00:02:47 นี้นะครับครับเอ่อจริงๆมันคืออวยวะนึงที่
00:02:47 → 00:02:50 มีรูปร่างเป็นเครื่องวงกลมอยู่อยู่บริเวณ
00:02:50 → 00:02:54 หูชั้นในถ้าเกิดใครเคยเสิรชดูนะครับใน
00:02:54 → 00:02:56 Google หรืออะไรก็ได้ดูรูปร่างของหูชั้น
00:02:56 → 00:02:58 ในเนี่ยจะพบว่ามันจะมีโครงสร้างที่เป็น
00:02:58 → 00:03:01 ลักษณะคล้ายๆครึ่งวงกมมี 3 ห่วงแล้วก็จะ
00:03:01 → 00:03:05 เรียงตัวในลักษณะแบบ 3 มิติด้วยนะครับรับ
00:03:05 → 00:03:08 รู้การทรงตัวของเราเวลาที่เราหมุนศีรษะ
00:03:08 → 00:03:12 เช่นหันซ้ายหันขวาเงยหน้าขึ้นก้มหน้าลง
00:03:12 → 00:03:14 หรือว่าลงนอนลูกขึ้นนั่งอะไรพวกอย่าง
00:03:14 → 00:03:17 เงี้ยนะครับขึ้นอยู่กับว่าเป็นข้อไหนแล้ว
00:03:17 → 00:03:20 ก็ความที่มันมีรูปร่างเป็นกลมๆเนี่ยมันมี
00:03:20 → 00:03:23 หน้าที่ในการรับรู้การหมุนของศีรษะของเรา
00:03:23 → 00:03:27 อ๋อเอ่อในสภาวะปกติอ่ะเวลาเราหันศีษะเรา
00:03:27 → 00:03:29 ก็จะรับรู้ได้ว่าตัวเราหมุนใช่มครับใช่
00:03:29 → 00:03:33 ค่ะตาตาด้วยมั้ยคะคุณหมอสายตาตามันจะ
00:03:33 → 00:03:35 เคลื่อนที่เพราะว่ามีสัญญาณจากเส้นประสาท
00:03:35 → 00:03:37 เเข้าไปควบคุมจากหัวชั้นในนี่แหละนะครับ
00:03:37 → 00:03:41 อืทีนี้ถ้าเกิดว่าอยู่ดีๆเนี่ยเรารู้สึก
00:03:41 → 00:03:43 ว่าตัวเราหมุมทั้งๆที่เราไม่ได้ขยับไป
00:03:43 → 00:03:44 เยื่อนเลยเนี่ยอันนี้แหละก็คือสิ่งที่
00:03:44 → 00:03:47 เรียกว่างีสะมันหมุนครับนั่นแหละนั่นแหละ
00:03:47 → 00:03:50 เออคำอธิบายอันนี้ใช่เลยคือเราไม่ได้
00:03:50 → 00:03:53 เคลื่อนที่เลยแต่มันหมุนก็คือแรกเลยที่
00:03:53 → 00:03:56 รู้สึกที่สัมผัสได้ก็คือไม่อาจจะนอนอยู่
00:03:56 → 00:04:00 แล้วเอียงจากหงายแล้วก็เอียงไปทันดังนั้น
00:04:00 → 00:04:04 มันมันความรู้สึกว่ามันหมุนติ้วเลยอย่าง
00:04:04 → 00:04:06 เงี้ยค่ะแม้แต่เราไม่ได้ขยับอะไรเลยอื
00:04:07 → 00:04:11 เอ่อจะจะถามถึงสาเหตุเนี่ยโรคิบ้านมนมี
00:04:11 → 00:04:14 หลายสาเหตุนะครับค่ะเ่าสาเหตุที่เจอบ่อย
00:04:14 → 00:04:16 ที่สุดเลยนะครับก็คือสาเหตุที่เรียกว่า
00:04:16 → 00:04:19 หินปูนหูช่นในมันเคลื่อนตัวแล้วหลุดไป
00:04:19 → 00:04:21 อยู่ติดที่นะครับอันนี้อันดับ 1 เลยใช่ม
00:04:21 → 00:04:25 บ่ออใช่แล้วก็อาการเนี่ยก็จะสอดคล้องกับ
00:04:25 → 00:04:27 ที่เล่ามาเนี่ยครับก็คืออเวลาเราเปลี่ยน
00:04:27 → 00:04:32 ท่าของศีรษะเช่นเ่าเอ็นตัวลงไปนอนนะครับ
00:04:32 → 00:04:36 หรือว่าลูกจากที่นอนหรือว่าก้มศีรษะนะ
00:04:36 → 00:04:39 ครับบางคนน่ะยุคปัจจุบันเนี่ยชอบเล่นโยคะ
00:04:39 → 00:04:41 อย่างเงี้ยก็จะก็จะมีความเสี่ยงเรื่องนี้
00:04:42 → 00:04:45 มากขึ้นนะครับอ่าหรือว่าเวลาที่มันหลุด
00:04:45 → 00:04:48 ออกมาแล้วเนี่ยเวลาพลิกตัวก็จะมีปัญหา
00:04:48 → 00:04:51 อย่างที่ว่าครับคือมีอาการหมนปิ้วเลยคุณ
00:04:51 → 00:04:53 หมอคะมันเป็นได้ตั้งแต่วัยไหนอ่ะคะเรื่อง
00:04:53 → 00:04:57 ของหินปูนในหูชั้นในหลุดเนี่ยค่ะเอ่อ
00:04:57 → 00:05:00 สาเหตุอันนี้เนี่ยสามารถพบได้ได้ทุกๆวัย
00:05:00 → 00:05:04 นะครับแต่ว่าอจะพบได้บ่อยในคนที่อายุมาก
00:05:04 → 00:05:08 ขึ้นเรื่อยๆนะครับเช่นสัก 40 50 เนี่ยก็
00:05:08 → 00:05:11 จะพบบ่อยมากขึ้นะไปจนถึงอายุมากๆเนี่ย
00:05:11 → 00:05:14 ยิ่งเจอเยอะเพราะว่าหินปูนพวกเยมันจริงๆ
00:05:14 → 00:05:16 แล้วมันเป็นของปกติในร่างกายนะครับมัน
00:05:17 → 00:05:20 เป็นตัวถ่วงอ่ะถ่วงเอ่อเส้นประสาทตรงตัว
00:05:20 → 00:05:23 อยู่ตรงจุดนึงในหู้านในแต่ว่าวันดีคืนดี
00:05:23 → 00:05:26 มันสามารถแตกออกเป็นเม็ดเล็กๆได้อพออายุ
00:05:26 → 00:05:28 เยอะขึ้นเนี่ยมันจะแตกออกมากขึ้นนะครับ
00:05:28 → 00:05:30 เพราะว่าแคลเซียมในร่างกายเราที่มัน
00:05:30 → 00:05:34 เชื่อมประสานน่ะมันก็เสื่อมเสื่อมตัวแล้ว
00:05:34 → 00:05:37 ก็สามารถจะหลุดออกมาเป็นเม็ดเล็กๆได้สุด
00:05:37 → 00:05:40 ท้ายเนี่ยเวลาที่เราศีรษะลงต่ำอ่ะมัน
00:05:40 → 00:05:44 สามารถกลิ้งหลุดไปอยู่ผิดที่ได้ครับคือ
00:05:44 → 00:05:47 ฟังดูแล้วน่ากลัวมากแล้วกลัวมากคือมัน
00:05:47 → 00:05:50 เกิดขึ้นจากความเสื่อมของช่วงวัยใช่มั้ย
00:05:50 → 00:05:53 ฮะคุณหมอครับไอ้เจ้าหินปูนในหูชั้นใน
00:05:53 → 00:05:55 เนี่ยฮะมันหลุดออกไปอ่ะมันไม่ประสานอย่าง
00:05:55 → 00:05:57 คุณหมอบอกสาเหตุมีอยู่ 2-3 อย่างนะครับ
00:05:57 → 00:06:02 ครับ 1 ษะเคยไปกระทบกระแทกอะไรมาเช่นไ
00:06:02 → 00:06:06 กระแทกเล็กๆน้อยๆก็ก็ทำให้มันแปกออกมาได้
00:06:06 → 00:06:07 นะครับ
00:06:07 → 00:06:11 เอ่อมีอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตามก็แตกออกมา
00:06:11 → 00:06:15 ได้ครับอันที่ 2 ก็คือเกิดจากการที่สูง
00:06:15 → 00:06:19 วัยนะครับทำให้ไอ้ตัวเชื่อมประสานของหิน
00:06:19 → 00:06:21 ปุนหินปุนพวกนี้ไม่ได้เป็นก้อนเดี่ยวๆนะ
00:06:21 → 00:06:26 ฮะอืเป็นเป็นก้อนเล็กๆแล้วก็มาจับกันด้วย
00:06:26 → 00:06:30 ตัวเชื่อมประสานนะครับแล้วทำหน้าที่ถ่วงๆ
00:06:30 → 00:06:33 รับน้ำหนักเ่อรับน้ำหนักรังดึงดูดของโลก
00:06:33 → 00:06:36 เนี่ยเพื่อให้เซลล์ขนที่อยู่ในหูชนใน
00:06:36 → 00:06:39 เนี่ยรับรู้ว่าตอนนี้มีแรงกระทำต่อในแนว
00:06:39 → 00:06:45 ไหนอ่ะครับโอโอโมันดูแต่ลึกซึ้งดีนะอัน
00:06:45 → 00:06:48 นี้ขออนุญาตอธิบายดยวิธีแก้ของตัวเอง
00:06:48 → 00:06:50 เนี่ยเคยมีผู้ที่รู้เนี่ยเป็นผู้ที่สูง
00:06:50 → 00:06:53 วัยเช่นเดียวกันเขาบอกให้นอนห้อยหัวแล้ว
00:06:53 → 00:06:58 ก็ขยับเอ่อเอียงศีรษะไปมานะคะเพื่อให้ได้
00:06:58 → 00:07:02 ลักษณะให้ให้มันเคลื่อนไหวเนี่ยประมาณ 1
00:07:02 → 00:07:05 สัปดาห์หายเลยค่ะคุณหมอคะนอนให้หัวทุกวัน
00:07:05 → 00:07:09 เลย 10 นาที 5 นาทีษาเนี่ยโดยปกติถ้าเกิด
00:07:09 → 00:07:12 เราวินิจฉัยนะฮะหลักการวินิจฉัยก็คือว่า
00:07:12 → 00:07:15 ต้องนำมาตรวจนะครับตรวจร่างกายแล้วดูที่
00:07:15 → 00:07:19 ลูกตาของผู้ป่วยนะฮะดลูกตาเนี่ยลูกตาจะ
00:07:19 → 00:07:22 เคลื่อนไหวไปในทิศทางของท่อขึ้นอยู่กับ
00:07:22 → 00:07:25 ว่าหินปูนนั้นไปอยู่ในท่อไหนเช่นเอ่อท่อ
00:07:25 → 00:07:27 ที่อยู่ด้านหลังซึ่งเจอบ่อยที่สุดนะครับ
00:07:27 → 00:07:30 ก็คือที่เเรียกว่าพเกคาแนลเนี่ยนะครับ
00:07:30 → 00:07:34 เอ่ออันนี้จะมีลักษณะท่าของการเคลื่อนไหว
00:07:34 → 00:07:37 ที่จำเพาะที่จะทำให้หินปูนเคลื่อนกลับออก
00:07:37 → 00:07:40 ไปแล้วก็กลับไปที่เดิมนะครับอีกท่อนึงที่
00:07:40 → 00:07:43 เจอรองลงมาก็คือท่อที่เรียกว่าแลทคะแนวก็
00:07:43 → 00:07:46 คือท่อด้านข้างนะครับค่ะซึ่งก็มีท่าที่
00:07:47 → 00:07:50 ไม่เหมือนกันนะครับแล้วอีกท่อนึงอ่ะก็ใช้
00:07:50 → 00:07:53 วิธีการรักษาที่ไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้น
00:07:53 → 00:07:56 วิธีที่ที่ที่พูดมาเนี่ยไม่ได้สามารถ
00:07:56 → 00:08:00 รักษาได้ทุกๆท่อนะครับแล้วก็ส่วนใหญ่
00:08:00 → 00:08:02 เนี่ยบางครั้งเนี่ยหลุดจากท่อนึงเข้าไป
00:08:02 → 00:08:04 อยู่อีกท่อนึงรักษายากขึ้นไปอีกด้วยนะ
00:08:04 → 00:08:07 ครับออ๋อแสดงว่าทางที่ดีต้องให้คุณหมอดู
00:08:07 → 00:08:11 ลักษณะของคคุจะสูดวินิจฉัยว่าเป็นท่อไหน
00:08:11 → 00:08:13 แล้วเป็นด้านไหนด้วยเป็นซ้ายหรือเป็นขวา
00:08:13 → 00:08:16 บางทีเนี่ยเอ่อคนไข้ที่มาเนี่ยนะครับบอก
00:08:16 → 00:08:19 ว่าเป็นด้านขวาแต่ที่จริงเป็นด้านซ้าย
00:08:19 → 00:08:21 เพราะว่าบางทีพลิกเป็นทางซ้ายก็เป็นพลิก
00:08:21 → 00:08:23 ไปทางขวาก็เป็นจริงๆแล้วเแยกไม่ออกหว่า
00:08:23 → 00:08:27 ซ้ายหรือขวาครับอืแล้วถ้าสมมุติหายแล้ว
00:08:27 → 00:08:29 เนี่ยเราควรจะไปตรวจอย่างสม่ำเสมอยังไง
00:08:29 → 00:08:32 ต้องรอให้เป็นอีกมั้ยคะหรือว่ายังไงคะ
00:08:32 → 00:08:35 ปกติโรคนี้เนี่ยหายเองได้นะครับแต่ว่าใช้
00:08:35 → 00:08:39 เวลาเยอะนะครับคจะหายเองแต่ถ้าหากว่าไปพบ
00:08:39 → 00:08:43 แพทย์ที่เอ่อมีความชำนาญที่จะวิเคราะห์
00:08:43 → 00:08:46 ว่าอันนี้มาจากท่อไหนด้านไหนเนี่ยนะครับ
00:08:46 → 00:08:49 สามารถที่จะรักษาให้หายได้โดทั่วไปเนี่ย
00:08:49 → 00:08:52 บางทีทำครั้งเดียวก็หายแล้วนะครับทำเ่อ
00:08:52 → 00:08:55 พลิกตัวกายภาพให้ถูกต้องตามตามท่อแนของ
00:08:55 → 00:08:57 ท่ออ่ะครับอืนั่นคือการรักษาที่คุณหมอจะ
00:08:57 → 00:09:00 บอกเราใช่มั้ยคะถ้าเป็นหาคุณหมอเห็นบางคน
00:09:00 → 00:09:04 บอกว่าคุณหมอจะจับหันศีรษะไปแบบอ่าเป็น
00:09:04 → 00:09:07 การพลิกพลิกศีรษะแล้วก็พลิกลำตัวเพื่อให้
00:09:07 → 00:09:10 เอ่อก้อนหินเนี่ยค่อยๆกลิ้งกลับเข้าไป
00:09:10 → 00:09:13 อยู่ที่เดิมครับ
00:09:13 → 00:09:17 โอ้มันจะสามารถึซึ่งการรักษาอันนี้เนี่ย
00:09:17 → 00:09:20 เอ่อโดยปกติเนี่ยคนที่จะวินิจฉัยเนี่ยก็
00:09:20 → 00:09:23 จะต้องมีความทำงานแล้วก็ต้องมีจินตนาการ
00:09:23 → 00:09:26 ของภาพของท่อเี่อยู่ในหัวของคุณหมอเลย
00:09:26 → 00:09:29 เพราะว่าปกติเนี่ยไอ้ท่อทรงตัวพวกเนี่ย
00:09:29 → 00:09:33 ไม่มีใครเคยเห็นนะครับเอ่อแล้วก็เวลาตรวจ
00:09:33 → 00:09:35 ร่างกลเนี่ยก็ได้แต่สังเกตลูกตาไม่มีใคร
00:09:35 → 00:09:38 ไปเห็นก้อนหินนั้นจริงๆจังฟังว่าก้อนหิว
00:09:38 → 00:09:40 มันกลิ้งไปหรือยังหรืออะไรอย่างเงี้ยนะ
00:09:40 → 00:09:43 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยจะต้องมี image มี
00:09:44 → 00:09:46 จินตนาการอยู่ในหัวเลยว่าตอนนี้กำลังอยู่
00:09:46 → 00:09:49 สภาวะไหนโอ้โหเอ่อมันเข้ามาหรือยังนะครับ
00:09:49 → 00:09:53 คุณหมอเคยรักษาเท่าที่รักษามันคุณหมอจะดู
00:09:53 → 00:09:56 ลักษณะดูลูกกตาของเขาเหรอคะของผู้ป่วยใช่
00:09:56 → 00:09:59 ครับลูกคตานี่จะสบัดไปในทิศทางที่ไม่
00:09:59 → 00:10:01 เหมือนกันนะครับในแต่ละข้างและแต่ละท่อ
00:10:01 → 00:10:03 ด้วยครับ
00:10:03 → 00:10:05 โอหน่ากลัวเหมือนกันนะครับเนี่ยอาการนี้
00:10:06 → 00:10:08 มีต้องใช้จินตนาการด้วยนะอันนี้คือจาก
00:10:08 → 00:10:11 สาเหตุเรื่องของหินปูในหูชั้นในเคลื่อน
00:10:11 → 00:10:15 ที่มันมีสาเหตุที่ทำให้เกิดบ้านหมวนจาก
00:10:15 → 00:10:18 เรื่องของภาวะอื่นๆด้วยมั้ครับคุณหมอครับ
00:10:18 → 00:10:22 มีครับเมื่อสักครู่เอ่อท่านวิทยากรผู้
00:10:22 → 00:10:26 หญิงเอ่อท่านชื่ออะไรผมู้พี่นกค่ะพี่นก
00:10:26 → 00:10:29 ค่ะคุณนกครับคุณุนกนะครับค่ะเอ่อได้ได้
00:10:29 → 00:10:33 พูดถึงสาเหตุอันเึงก็คือการพักผ่อนที่ไม่
00:10:33 → 00:10:37 เพียงพอไม่พอนะครับทำไมนไม่พอทำให้เวียน
00:10:37 → 00:10:40 หัวนอไม่พอเป็นปัจจัยกระตุ้นสาเหตุการ
00:10:40 → 00:10:42 เวียนหัวชนิดหนึ่งที่เรียกว่าเวียนศีรษะ
00:10:42 → 00:10:45 ไมเกรนนะครับถ้าเกิดใครเคยเป็นโรคไมเกรน
00:10:45 → 00:10:47 ก็จะทราบว่าอาการส่วนใหญ่เนี่ยเป็นอาการ
00:10:47 → 00:10:50 ปวดศีรษะแต่ว่าก็จะมีคนจำนวนนึงนะครับที่
00:10:50 → 00:10:52 เป็นไมเกรนแล้วอาการเด่นเนี่ยคืออาการยืน
00:10:52 → 00:10:56 ศีรษะเราเรียกโรคนี้ว่าเวะไมเกรนนะครับ
00:10:56 → 00:10:59 ซึ่งโรคเนี้ยเอ่อปัจจัยที่กระต้นที่ที่
00:10:59 → 00:11:01 หนักหน่วมรุนแรงที่สุดก็คือปัญหาการนอนนะ
00:11:01 → 00:11:05 ครับบางครั้งเนี่ยคนไข้เนี่ยไม่ได้ว่านอน
00:11:05 → 00:11:08 นอนไม่หลับนะครับบางคนเนี่ยนอนหลับมากเลย
00:11:08 → 00:11:12 นอนอุตุมากแต่ว่านอนกลนนอนกลนแล้วก็สะดุง
00:11:12 → 00:11:14 ตึ่นกลางคืนเรื่อยๆโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว
00:11:14 → 00:11:18 ครับครับอนี่ก็มีปัญหาเหมือนกันทำให้ว
00:11:18 → 00:11:20 ศีษะแบบนี้ได้เหมือนกันครับอ๋อเรื่องของ
00:11:20 → 00:11:23 ความดันเป็นมคะคุณหมอความดันต่ำความดัน
00:11:23 → 00:11:25 ความดันไม่ใช่ต้นเหตุของอาจารยเวียนศีรษะ
00:11:25 → 00:11:28 นะครับอเ่าแต่ว่าคนที่เวียนศีรษะแล้วความ
00:11:28 → 00:11:29 ดันพ
00:11:29 → 00:11:34 เสมออืครับเสมอเลยนะครับเพราะว่าเศีษะทำ
00:11:34 → 00:11:37 ให้เครียดทำให้ระบบเ่าอัตโนมัติของร่าง
00:11:37 → 00:11:40 กายทำงานนะครับเช่นหัวใจเต้นเร็วขึ้นทำ
00:11:40 → 00:11:43 ให้มีความเครดสูงขึ้นทำให้เส้เลือดหดตัว
00:11:43 → 00:11:48 อันเนี้ยทำให้เรามีความดันสูงอืแต่มัน
00:11:48 → 00:11:49 เริ่มมาจากเวียนหัวนะครับไม่ใช่เริ่มมา
00:11:50 → 00:11:54 จากความดันอ๋อความดันมาทีหลังครับคืออีก
00:11:54 → 00:11:57 อาการนึงเนี่ยเกี่ยวกับเรื่องของระบบไหล
00:11:57 → 00:12:00 เวียนโลหิตนี่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง
00:12:00 → 00:12:04 ของอาการเวเวียนวิงเวียนศีรษะด้วยมั้ยฮะ
00:12:04 → 00:12:08 คุณหมอฮะก็เป็นไปได้ครับเอ่อระบบไหลเวียน
00:12:08 → 00:12:11 โลหิตเนี่ยโดยเฉพาะระบบไหลเวนโลหิตที่ไป
00:12:11 → 00:12:14 เลี้ยงหูชั้นในนะครับหรือไปเลี้ยงสมองนะ
00:12:14 → 00:12:17 ครับครับถ้าโลหิตเหล่าเนี้ตืบกันันเนี่ย
00:12:17 → 00:12:20 จะทำให้หัวชัในขาดเลือดหรือสมองขาดเลือด
00:12:20 → 00:12:22 สมองส่วนที่รับผิดชอบต่อการทรงตัวเนี่ย
00:12:22 → 00:12:25 ขาดเลือดก็จะทำให้เราเรียนศีรษะครับเอ่อ
00:12:25 → 00:12:30 แม้กระทั่งโรคสตกที่ที่เรารู้จักอก็คือ
00:12:30 → 00:12:33 เอ่อสมองขาดเลิเนี่ยนะครับทำให้เราวศีรษะ
00:12:33 → 00:12:36 ขึ้นไส้อาเทียได้คล้ายๆกับโรคหินปูนูชน
00:12:36 → 00:12:39 หลุดแต่เป็นโรคที่มีความร้ายแรงนะครับ
00:12:39 → 00:12:43 เอ่อโรคที่เกี่ยวกับินปุนหูชนหลุดเนี่ย
00:12:43 → 00:12:46 ภาษาการแพทย์เขาเรียกว่าบีนายคือเป็นเป็น
00:12:46 → 00:12:49 แบบไม่ร้ายแรงไม่รุนแรงไม่อันตรายแต่ไอ้
00:12:49 → 00:12:51 โรคที่คล้ายๆกันเนี่ยที่เกิดจากเส้นเลือด
00:12:51 → 00:12:54 สมองตืหรือแตกหรือขาดเลือดเนี่ยนะครับมี
00:12:54 → 00:12:57 ความรุนแรงนะครับอันตรายถึงตายได้เพราะ
00:12:57 → 00:13:00 ฉะนั้นเนี่ยเอ่อการนิจฉัยตัวเองว่าใช่
00:13:00 → 00:13:02 หรือไม่ใช่โดยที่ขาดความรู้เนี่ยก็อาจจะ
00:13:02 → 00:13:05 ทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ค่ะคุณหมอคถาม
00:13:05 → 00:13:08 เรื่องเพศเพราะว่าเมื่อกี้ดิมดิมก็บอกว่า
00:13:08 → 00:13:12 คุณแม่เป็นส่วนพี่นกผู้จัดก็เป็นเองเป็น
00:13:12 → 00:13:15 เพศหญิงเพศหญิงเป็นมากกว่าเพศชายมั้ยคะ
00:13:15 → 00:13:17 เรื่องบ้านหมุนเค่ะใช่ครับเพศหญิงเป็นมาก
00:13:17 → 00:13:22 กว่าเพศชายอว่าแล้วเอ่อโดยปกติเนี่ยจะบอก
00:13:22 → 00:13:25 ว่าเพศหญิงไปมากกว่าเพศชายเนี่ยเอ่อเป็น
00:13:25 → 00:13:28 เต็มที่เนี่ยก็ไม่ค่อยได้แต่ต้องบอกว่า
00:13:28 → 00:13:30 เพศหญิงไปพบแพทย์ด้วยเรื่องยศีษะมากกว่า
00:13:30 → 00:13:33 เพศชายเนี่ยจริงนะครับเป็นเท่าตัวเลยนะ
00:13:33 → 00:13:37 ครับเหตุผลเพราะอะไรเหตุผลก็เพราว่าเพศ
00:13:37 → 00:13:40 หญิงเนี่ยมีมีหลายๆเหตุผลนะครับครับบาง
00:13:40 → 00:13:43 สาเหตุเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนอืเอ่อเพ
00:13:43 → 00:13:46 ฮอร์โมนเพศหญิงกระตุ้นเกี่ยวกับโรคไมเกรน
00:13:46 → 00:13:48 ค่อนข้างเยอะนะครับเชายไม่มีฮอร์โมน
00:13:48 → 00:13:51 เอสโตรเจนก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับ
00:13:51 → 00:13:54 เรื่องนี้มากนะครับแต่การนอนไม่พอเนี่ยก็
00:13:54 → 00:13:58 ก็พอๆกันนะฮะเอ่อส่วนเรื่องหินปูนหูชน
00:13:58 → 00:14:01 หลุดเพศหญิงก็เป็นเยอะกว่าเพศชายนะครับ
00:14:01 → 00:14:03 แต่เพศชายไม่ใช่ว่าเป็นไม่ได้คือเพศหญิง
00:14:04 → 00:14:07 เนี่ยเขาจะเ่อกระดูกผุกระดูกพุนง่ายกว่า
00:14:07 → 00:14:12 เพศชายค่ะแล้วก็เอ่อไอ้หินปูนพวกเนี้ยมัน
00:14:12 → 00:14:15 จะเป็นไปตามสภาวะกระดูกพูกระดูกพุนด้วยนะ
00:14:15 → 00:14:18 ครับถ้าหากว่ามีโรคพวกเนี้ยหินปูนก็จะแตก
00:14:18 → 00:14:21 เป็นเป็นเ็เล็กๆเนี่ยได้ง่ายกว่าคนทั่วๆ
00:14:21 → 00:14:24 ไปครับอืออเกี่ยวกับแคลเซียมที่คุณหมอบอก
00:14:24 → 00:14:27 อใช่ครับเพศหญิงไม่มีแคลเซียมคุณหมอครับ
00:14:27 → 00:14:31 มันมีอีกหนอาการที่ถูกพูดถึงกันอย่างมาก
00:14:31 → 00:14:33 ว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นำไปสู่เรื่อง
00:14:33 → 00:14:36 ของบ้านหมุนนั่นก็คือเรื่องของน้ำในหูไม่
00:14:36 → 00:14:39 เท่ากันตรงนี้นี่มันมีส่วนมีส่วนทำให้
00:14:39 → 00:14:42 เกิดบ้านหมุนได้มากน้อยขนาดไหนครับคุณหมอ
00:14:42 → 00:14:47 ครับครับเอ่อเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีการร่ำ
00:14:47 → 00:14:50 เรียนแล้วก็มีการสอนนะครับแต่ในสภาวะความ
00:14:50 → 00:14:54 เป็นจริงเนี่ยการวินิจฉัยโรคเนี้ยค่อน
00:14:54 → 00:14:58 ข้างที่จะมีความละหลวมมากนะครับอืเพราะ
00:14:58 → 00:15:01 ว่าการวินิจฉัยส่วนใหญ่เนี่ยอาศัยอาการ
00:15:01 → 00:15:03 ครับหลักในการวินิจฉัยเนี่ยใช้อาการเป็น
00:15:03 → 00:15:06 หลักเลยก็คือประกอบไปด้วย 34 อาการนะครับ
00:15:06 → 00:15:09 1 ก็คือมีอาการีศีรษะบ้านหมุนซึ่งอาการ
00:15:09 → 00:15:11 บ้านหมุนเนี่ยจะต้องเป็นอย่างน้อย 20
00:15:11 → 00:15:14 นาทีขึ้นไปและจะต้องหายไปภายใน 12
00:15:14 → 00:15:17 ชั่วโมงดังนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่าแพทย์หรือ
00:15:17 → 00:15:20 ว่าเอ่อประชาชนทั่วไปที่ไม่เข้าใจหลักการ
00:15:20 → 00:15:25 วินิจฉัยว่าจะจะต้องใช้เอ่อไครทีเรียใน
00:15:25 → 00:15:27 การวินิจฉัยที่ค่อนข้างแม่่นยำเนี่ยนะ
00:15:27 → 00:15:30 ครับในการจัดเนี่ยพอเวียนหมุนขึ้นมาปุ๊บ
00:15:30 → 00:15:32 ก็บอกว่าเป็นน้ำในหูอย่างเงี้ยก็จะมี
00:15:32 → 00:15:35 โอกาสวินิจฉัยผิดพลาดได้เยอะนะครับแล้วก็
00:15:35 → 00:15:39 อันที่ 2 นะครับจะต้องมีประสาทหูเสื่อมนะ
00:15:39 → 00:15:41 ครับแล้วก็อันที่ 3 เนี่ยจะต้องมีความรู้
00:15:41 → 00:15:44 สึกว่ามีความแน่นๆในหูหรือมีหูอื้อในข้าง
00:15:44 → 00:15:49 เดียวกันกับที่เอ่อที่มีประสาทูเสื่อมนะ
00:15:49 → 00:15:52 ครับและอันสุดท้ายก็คือจะต้องตัดโรคอื่นๆ
00:15:53 → 00:15:56 ออกนะครับไม่ใช่ว่าษาหูเสื่อมก็เอะอะก็
00:15:56 → 00:15:57 บอกว่าเป็นน้ำในหูหมดนะครับบางอย่างเนี่ย
00:15:58 → 00:16:01 เกิดจากยาไปปิดชวนะไปทำลายเส้นประสาทนะ
00:16:01 → 00:16:03 ครับบางอย่างเกิดจากไวรัสไปทำลายเส้น
00:16:03 → 00:16:06 ประสาทบางอย่างเกิดจากอายุเยอะแล้วหูตึง
00:16:06 → 00:16:08 มากขึ้นอย่างเงี้ยก็ไม่เกี่ยวนะครับต้อง
00:16:08 → 00:16:10 มีหลักการวินิจฉัยที่ค่อนข้างซับซ้อนแล้ว
00:16:10 → 00:16:14 ก็วินิจฉัยยากนะครับถ้าคนทั่วไปที่ไม่ไม่
00:16:14 → 00:16:17 ทำนานเนี่ยโอกาสวินิฉัยผิดก็ค่อนข้างเยอะ
00:16:17 → 00:16:21 นะครับโอนี่แสดงว่าก็ต้องคือพอมีอาการ
00:16:21 → 00:16:23 แล้วเนี่ยเราอยากจะไปหาหมอก็ต้องไปหา
00:16:23 → 00:16:26 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยใช่มั้ยฮะคุณหมอ
00:16:26 → 00:16:29 ครับถึงจะวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องผู้
00:16:29 → 00:16:32 เชี่ยวชาญด้านโรคเรนศีรษะนะครับโอเพราะ
00:16:32 → 00:16:34 ฉะนั้นก็ต้องต้องดูกันดีๆด้วยนะครับทีนี้
00:16:34 → 00:16:38 มาถึงเอ่อสิ่งที่เราอยากจะถามคุณหมออยาก
00:16:38 → 00:16:41 จะขอความรู้จากคุณหมอเพราะมันมีการส่งต่อ
00:16:41 → 00:16:44 ข้อมูลครับคุณหมอผ่านเอ่อสื่อ
00:16:44 → 00:16:46 โซเชียลมีเดียเนี่ยมากมายเหลือเกินครับ
00:16:46 → 00:16:50 บอกว่าว่าอาการบ้านหมุนบ่อยเกิดขึ้นเพราะ
00:16:50 → 00:16:54 เส้นเอ็นหดตัวครับคุณหมอครับไอ้ข้อมูลตรง
00:16:54 → 00:16:56 นี้เนี่ยมันจริงเท็จแค่ไหนแล้วมันทำให้
00:16:56 → 00:16:59 เกิดบ้านหมุนได้จริงหรือเปล่าครับคุณหมอ
00:16:59 → 00:17:04 ครับคือข้อมูลจำนวนมากนะครับครับเอ่อเป็น
00:17:04 → 00:17:06 วิทยาศาสตร์เทียมๆนะครับที่เรียกว่า
00:17:06 → 00:17:09 วิทยาศาสตร์เทียมียเนี่ยคือว่าเ้าพยายาม
00:17:09 → 00:17:11 จะอ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สุด้ายแล้ว
00:17:11 → 00:17:16 เจะไปสรุปใช่ดูเผินๆใช่นะครับแต่ว่าเจะไป
00:17:16 → 00:17:19 สรุปของเขาเองดื้อๆโดยที่ไม่มีหลักการ
00:17:19 → 00:17:22 อะไรเลยนะครับคืออย่างเช่นอย่างที่เราบอก
00:17:22 → 00:17:25 อ่ะว่าเอ่ออาจารย์เศีษะเนี่ยจะต้องมีความ
00:17:25 → 00:17:28 เชื่อมโยงกับอวัยวะที่รับรู้การทงตัวอือ
00:17:29 → 00:17:31 แต่เส้นเอ็นเนี่ยเส้นเอ็นเนี่ยนะครับมี
00:17:31 → 00:17:35 หน้าที่ในการยึดเอ่อข้อต่อของร่างกายเรา
00:17:35 → 00:17:38 เอ่อแล้วก็กล้ามเนื้อกับกระดูกเหล่าอัน
00:17:38 → 00:17:40 นี้คือเรที่เรียกว่าเส้นเอ็นก็คือแบบนี้
00:17:40 → 00:17:42 นะครับไม่ไม่แน่ใจว่าคนที่เขาเรียกแบบ
00:17:42 → 00:17:44 นั้นน่ะเขาไปหมายถึงเส้นเอ็นตรงไหนนะครับ
00:17:44 → 00:17:47 แต่ว่า้เอ็นในภาษาไทยทั่วๆไปเนี่ยก็หมาย
00:17:47 → 00:17:50 ถึงว่าเป็นเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งที่ยึด
00:17:50 → 00:17:52 ระหว่างกล้ามเนื้อกับกระดูกกับเนื้อเยื่อ
00:17:52 → 00:17:54 ที่ยึดระหว่างข้อต่ออันเนี้ยเรียกว่าเส้น
00:17:54 → 00:17:57 n ซึ่งไม่ได้มีอวัยวะอะไรที่เกี่ยวข้อง
00:17:57 → 00:18:01 กับเอ่อเอ่อการทงตัวโดยตรงนะครับค่ะเอ่อ
00:18:01 → 00:18:05 ถึงมันหนีบก็ไม่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการ
00:18:05 → 00:18:09 ทรงตัวอาจจะในในแง่ของอาการเจ็บปวดเนี่ย
00:18:09 → 00:18:12 เป็นไปได้นะครับมเอ็นหนีบเหดตัวแล้วมัน
00:18:12 → 00:18:15 หนีบืออะไรอย่างเงี้ยนะครับหดตัวแล้วมัน
00:18:15 → 00:18:18 ยังไงนะฮะหดตัวแล้วมันมันหนืดนะมันก็ดึง
00:18:18 → 00:18:21 ลั้งของตัวเองใช่มั้ยฮะถ้ามันหดตัวแต่ว่า
00:18:21 → 00:18:24 มันก็ไม่ใช่ส่วนไหนที่มันจะสไม่ได้แปลว่า
00:18:24 → 00:18:26 ต้องอายุเยอะอย่างเดียวนะครับคนที่ไม่
00:18:26 → 00:18:32 ค่อยยืดเส้นยืดสาวอ่ะนั่งันอนๆแขเอตามข้อ
00:18:32 → 00:18:35 ต่อต่างๆที่เราคิดทีนี้พอผู้สูไวฟังไม่
00:18:35 → 00:18:38 ค่อยได้เหยียบเส้นเนี่ยนานๆเนี่ยเราจะรู้
00:18:38 → 00:18:41 สึกเลยว่าพอเราจะเหยียดเนี่ยมันจะตึงละนะ
00:18:41 → 00:18:44 ครับอใครที่เคยเจ็บหัวไหล่เนี่ยจะเข้าใจ
00:18:44 → 00:18:47 เรื่องนี้ดีเลยเพอเจผัวไหล่เนี่ยจะไม่
00:18:47 → 00:18:50 ค่อยยอมใช้ไม่ใช้ไหล่้างนั้นเพราะนึกว่า
00:18:50 → 00:18:53 เ่าเอาไว้พักพอพักสักพักนึงแล้วก็จะหายนะ
00:18:53 → 00:18:56 ครับแต่พอไม่ใช้ไปซักไม่เกิน 2 อาทิตย์
00:18:56 → 00:18:59 อ่ะมันจะเริ่มยึดะทีนี้ขยับไม่ได้ะกาย
00:18:59 → 00:19:01 เป็นไหล่ติดแล้วครับรักษายากมากนะครับใช่
00:19:01 → 00:19:04 นั่นก็คือพอบอกว่าเส้นเอ็นหดตัวทำให้เอ่อ
00:19:04 → 00:19:07 เกิดบ้านหมุนเนี่ยทุกคนก็เข้าใจว่าใช่เลย
00:19:07 → 00:19:10 เพราะว่าสูงไวกันทั้งนั้นแล้วก็ไม่ได้คือ
00:19:10 → 00:19:14 นั่งๆเฉยๆไม่ได้เคลื่อนไหวนะริใชเป็น
00:19:14 → 00:19:17 ความงนะครับอือาการมันก็คือคนละอย่างกัน
00:19:17 → 00:19:19 เลยใช่มั้ยครับคุณหมอครับมันอยู่มันอยู่
00:19:19 → 00:19:22 ในส่วนของประสาทเส้นอเพราฉะนั้นแล้วข้อ
00:19:23 → 00:19:26 มูลตรงนี้ถ้าใครได้รับหรือว่าคิดว่าอยาก
00:19:26 → 00:19:29 จะส่งต่อข้อมูลที่อันเป็นประประโยชน์ให้
00:19:29 → 00:19:31 กับคนที่เรารักข้อมูลตรงนี้ไม่ควรจะส่ง
00:19:31 → 00:19:34 ต่อเลยใช่มครับคุณหมอครับไม่ควรส่งต่อ
00:19:34 → 00:19:38 ครับควรจะไปหาข้อมูลเอ่อให้ให้เพิ่มเติม
00:19:38 → 00:19:42 จนมีความแน่ใจก่อนแบบที่พระพุทธเจ้าเอ่อ
00:19:42 → 00:19:47 ทรงสอนนะครับเรื่องกลสูตรกลสูตรหาสาเหตุ
00:19:48 → 00:19:51 ที่มาคุณหมอคะอย่างอย่างพี่นกเนี่ยหาย
00:19:51 → 00:19:54 แล้วอย่างที่บอกว่าได้นอนห้อยหัวได้หันไป
00:19:54 → 00:19:59 หันมาอขยุ้มยุ้มหัวแล้วก็ประมาณสัปดาห์
00:19:59 → 00:20:02 นึงจริงๆนะคะแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอะมันหาย
00:20:02 → 00:20:05 แล้วอ่ะแล้วเราต้องไปตรวจอีกมั้ยคะเออถ้า
00:20:05 → 00:20:07 หายแล้วก็แปลว่าเข้าที่แล้วนะครับซึ่ง
00:20:07 → 00:20:10 จริงๆมันเข้าที่เองได้นะครับจากท่าทางเรา
00:20:10 → 00:20:12 เนี้ยมันกลิ้งออกมาแล้วมันก็กลิ้งกลับ
00:20:12 → 00:20:15 เข้าไปโดยบังเอิญเนี่ยมีความเป็นไปได้สูง
00:20:15 → 00:20:17 เหมือนกันนะครับประมาณ 56% เนี่ยหายเองนะ
00:20:17 → 00:20:20 ครับที่อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อยกว่าจะ
00:20:20 → 00:20:23 หายแล้วก็ถ้าหายแล้วก็ไม่ต้องตรวจก็ได้นะ
00:20:23 → 00:20:26 ฮะค่ะเพียงแต่ว่าแล้วเราต้องระวังไงต่อ
00:20:26 → 00:20:29 เป็นใหม่สิ่งที่ต้องระวังก็คือว่าอย่าไป
00:20:29 → 00:20:32 นอนหัวต่ำนะครับนอนหัวสูงหน่อยแล้วก็อย่า
00:20:32 → 00:20:35 ไปกุ้มกุ้มศีรษะเช่นกุ้มเก็บของกุ้มออก
00:20:35 → 00:20:38 กำลังกายอะไรพวกอย่างเงี้นะครับไม่ควรทำอ
00:20:38 → 00:20:40 ทีนี้ไอ้การนอนหัวต่ำเนี่ยหลายๆคนจะมี
00:20:40 → 00:20:44 ปัญหาเพราะว่าบางคนน่ะติดนอนหัวต่ำเพราะ
00:20:44 → 00:20:47 ว่าพอนอนหมอนสูงแล้วปวดคอครับออันนี้แหละ
00:20:47 → 00:20:51 ก็คือปัญหาของคนที่ไม่ยอมนอนหัวสูงนะครับ
00:20:51 → 00:20:54 ซึ่งจริงๆแล้วมันมีวิธีการที่จะนอนหัวสูง
00:20:54 → 00:20:58 แล้วไม่ปวดคอก็คือว่าอย่าเอาหัวไปพาดบน
00:20:58 → 00:21:00 หมอนสูงๆนะครับก็ป่อให้ลำคอเนี่ยเหมือน
00:21:00 → 00:21:02 สะพานรับน้ำหนักทั้งหมดถ้าทำอย่างนั้น
00:21:02 → 00:21:06 แล้วก็จะทำให้เราปวดปวดลำคอนะครับเพราะ
00:21:06 → 00:21:08 มันต้องรับน้ำหนักทั้งหมดเลยของร่างกาย
00:21:08 → 00:21:12 กับกับศีรษะเราเป็นเหมือนเป็นสะพานน่ะที
00:21:12 → 00:21:15 นี้ถูกเหยียบมากๆสะพานก็ถล่มอเพราะฉะนั้น
00:21:16 → 00:21:19 ทางที่ดีนะครับก็คือว่าเวลานอนน่ะนอนให้
00:21:19 → 00:21:23 ศีรษะก็มีตัวรองรับคอก็มีตัวรองรับแล้วก็
00:21:23 → 00:21:26 ไหล่ก็มีตัวรองรับด้วยก็จะทำให้ผ่อนคลาย
00:21:26 → 00:21:29 เอ่อแต่ละคนก็รับของตัวเองไปไม่ต้องไปเวด
00:21:29 → 00:21:32 แผ่อวยวะส่วนอื่นๆนะครับเพราะฉะนั้นเวลา
00:21:32 → 00:21:35 นอนหมอนบางคนก็จะมาสอบถามเหมือนกันว่าเรา
00:21:35 → 00:21:37 เอาแต่ส่วนหัวเราขึ้นไปหรือเราเอาคอหรือ
00:21:37 → 00:21:40 เราเอาไหล่ขึ้นไปยังไงคะหมอนใบใหญ่แค่ไหน
00:21:40 → 00:21:44 ยังไงคะคุณเป็นหมอนที่ที่มีสภาพที่สามารถ
00:21:44 → 00:21:48 ซอร์ได้ทั่วๆถ้าเกิดว่าเรานอนเฉพาะเอาเอา
00:21:48 → 00:21:51 หัวขึ้นไปเนี่ยคอเราจะลอยอยู่กนั้นอัน
00:21:51 → 00:21:53 นั้นจะเหนื่อยพอตื่นเช้ามาเราจะรู้เลยว่า
00:21:53 → 00:21:58 ปวดคอนะครับแต่ถ้าเราเอาเอ่อเราไม่เอาหัว
00:21:58 → 00:22:03 ใขึ้นไปเนี่ยก็มันจะมันก็จะลอยอยู่ดีอ่ะ
00:22:03 → 00:22:07 เพราะว่าลำคอเรามีน้ำหนักไม่เยอะอนะครับ
00:22:07 → 00:22:11 มันงตรงนั้นตรงคออใช่ครับใช่ครับงั้นถ้า
00:22:11 → 00:22:13 เรามีไหล่นิดนึงเนี่ยมันจะช่วยได้อ๋อที
00:22:13 → 00:22:15 นี้หมอนก็จะต้องมีความเหมาะสมถ้าหมอนแข็ง
00:22:15 → 00:22:17 เกินไป
00:22:17 → 00:22:21 มันเอเ้าไม่ยืดหยุ่นรองรับคอเราใชใช่ครับ
00:22:21 → 00:22:23 หมอนต้องพอดีพอดีๆนิ่มเกินนี่หัวเราก็จะ
00:22:23 → 00:22:28 จมลงไปมันก็เมื่อยอยู่ดีอ่ะครับอืเป็นว
00:22:28 → 00:22:33 วสดุที่เอ่อนูนในส่วนที่เราเว้านะฮะในคอ
00:22:33 → 00:22:36 ของเราก็คือเอาไหล่ขึ้นไปนิดนึงแต่ว่า
00:22:37 → 00:22:40 หมอนที่เว้าๆส่วนใหญ่จะเป็นหมอนแบบแบนๆ
00:22:40 → 00:22:42 เท่าที่เท่าที่เคยเห็นนะครับตามท้องตลาด
00:22:42 → 00:22:46 เนี่ยจะเป็นแบนๆแล้วก็เว้าให้เข้ากับคอ
00:22:46 → 00:22:49 แต่ว่ามันเี้เกินไปนะครับแล้วทำให้หัวเรา
00:22:49 → 00:22:50 แหงนๆถ้าเป็นส่วนใหญ่เพราะมันจะไป
00:22:50 → 00:22:53 ซัพพอร์ตคอทำให้หัวเรายิ่งแหงนแล้วหัวตก
00:22:53 → 00:22:56 มากๆเนี่ยก็จะทำให้หินปุนหลุดออกมาได้
00:22:56 → 00:22:58 ง่ายนะครับอันนี้เท่าที่สถึงสาเหแล้วอีก
00:22:58 → 00:23:02 อันนึงคือคนที่มีรูปร่างท้วมนะครับเอ่อ
00:23:02 → 00:23:05 อ้วนว่าอ้วนก็ได้ไหล่เนี่ยจะหนานะครับ
00:23:05 → 00:23:07 เวลานอนแล้วเนี่ยเหมือนมีหมอนมาหนุนที่
00:23:07 → 00:23:10 ไหล่หัวก็จะยิ่งตกลงไปอีกนะครับเพราะ
00:23:10 → 00:23:12 ฉะนั้นจะต้องใช้หมอนที่สูงเป็นพิเศษนะ
00:23:12 → 00:23:15 ครับใชอย่างที่อย่างเราเห็นเหมือนฝรั่ง
00:23:15 → 00:23:19 เขาจะใช้หมอน 2 ใบนะคะคุณหมอคะในในหนัง
00:23:19 → 00:23:21 เวลาเราเห็นน่ะเใช้หมอนเยอะมากเลยก็ได้่
00:23:21 → 00:23:23 ถ้าหมอนนั้นหนาเพียงพอนะครับ
00:23:24 → 00:23:27 อืคือถ้าคุณหมอบอกว่าคนตให้สัวสูงหน่อย
00:23:27 → 00:23:30 ว่าไงคนที่มีรูปร่างท้วมเนี่ยเอ่อไหล่จะ
00:23:30 → 00:23:33 หนาอันอันนี้ผมถามในฐานะที่แบบถ้าคนที่
00:23:33 → 00:23:36 เขาออกกำลังกายตัวใหญ่ๆที่เขาหัวไหลหนาๆ
00:23:36 → 00:23:39 ด้วยมันมันมันจะมีความค่องเกี่ยวหรือมี
00:23:39 → 00:23:42 โอกาสที่จะเจอเนี่ยใกล้เคียงกับคนที่มี
00:23:42 → 00:23:45 รูปร่างท้วมด้วยใสังเกตเลยว่าเวลานอนราบ
00:23:45 → 00:23:47 แล้วหัวเทลงมั้ยถ้าหัวเทลงแปลว่าไม่พอนะ
00:23:48 → 00:23:51 ครับหัวต้องอยู่สูงกว่าลำตัวอืถ้าเทลง
00:23:51 → 00:23:54 เนี่ยไม่ดีเทลงไปจะทำให้ลักษณะของหินปูน
00:23:54 → 00:23:57 มันเลื่อลงหปูหลุดได้ง่ายขึ้นครับเพราะ
00:23:57 → 00:24:00 ฉะนั้นนึกถึงคืนนึงที่นอนหมอนลักษณะที่เ
00:24:00 → 00:24:02 ทำมาเป็นลักษณะหมอนสุขภาพอ่ะค่ะคุณหมอ
00:24:02 → 00:24:04 แล้วมันจะทิ่มลงตหมนพกนั้นแหละจะทำให้หัว
00:24:04 → 00:24:08 เราเทลงใช่แล้วคืนเช้าขึ้นเป็นเลยค่ะใช่
00:24:08 → 00:24:11 ครับอ๋อเป็นเพราะหมอนนี่เองอ่ะเพราะหัว
00:24:11 → 00:24:14 เราต่ำขหมอนก็เป็นอีก 1 ส่วนใช่มั้ยครับ
00:24:14 → 00:24:17 ที่ที่ทำให้เกิดอาการสูหมอนใบนั้นเลย
00:24:17 → 00:24:20 สาเหตุได้อยู่ใช่มแล้วพอนอนหมอนสูงมันมัน
00:24:20 → 00:24:23 ก็ดีขึ้นดีขึ้นออครับอคุณหมอครับทีนี้
00:24:23 → 00:24:27 เนี่ยพอถ้าหากเราเกิดอาการบ้าหมุนแล้ว
00:24:27 → 00:24:31 เนี่ยวิธีการปฏิบัติตัวเนี่ยในเบื้องต้น
00:24:31 → 00:24:34 เนี่ยที่เราควรจะต้องทำณเวลานั้นเนี่ยเรา
00:24:34 → 00:24:37 ควรจะต้องทำยังไงครับคุณหมอช่วยแนะนำนิด
00:24:37 → 00:24:38 นึงฮะ
00:24:38 → 00:24:42 เอ่อสาเหตุต้องต้องดูสาเหตุก่อนนะครับถ้า
00:24:42 → 00:24:44 เป็นสาเหตุเกี่ยวกับหินปูนหลุดรือเปล่าฮะ
00:24:44 → 00:24:46 ที่ที่ถามเนี่ยครับอ่าใช่ครับใช่ครับๆ
00:24:46 → 00:24:49 ครับอ่าข้อสังเกตว่ามันเกิดจากินปุหลุด
00:24:49 → 00:24:51 เนี่ยก็คือเกี่ยวกับท่าทางเวลาเราเปลี่ยน
00:24:51 → 00:24:55 ท่าเช่นลงไปนอนอ่าแล้วหมุนปิ้วเลยหรือลุบ
00:24:55 → 00:24:58 ขึ้นมาแล้วหมุนติ้วเนี่ยนะครับออ่าถ้า
00:24:58 → 00:25:00 เป็นตอนเช้านะครับให้เราลุกขึ้นมาแล้ว
00:25:01 → 00:25:03 อย่าลงไปนอนอีกบางคนเนี่ยพอลุกขึ้นมาหมุน
00:25:03 → 00:25:06 ปุ๊บก็กลับลงไปนอนพอลงไปนอนก็หมุนอีกพอ
00:25:06 → 00:25:08 ลุกขึ้นก็หมุนอีกพอลงไปนอนก็หมุดอีก 2-3
00:25:08 → 00:25:10 ครั้งเท่านั้นแหละก็จะอาเจียนนะครับเพราะ
00:25:10 → 00:25:13 ว่าจะเวียนหัวรุนแรงนะครับเพราะฉะนั้นถ้า
00:25:13 → 00:25:15 เป็นตอนเช้าเลุกแล้วลุกเลยพิงเอาหลังพิง
00:25:15 → 00:25:18 ฝาไว้สักครู่นึงอ่ะไม่เกินนาทีนึงไม่ต้อง
00:25:18 → 00:25:21 หาอะไรจับเลยนะคะคุณหมออไม่เกินนาทีนึงอ
00:25:21 → 00:25:23 ครับก็หายหลังจากนั้นไปทำงานได้ปกตินะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับหรือไปพบแพทย์ได้โดยไม่จำเป็นต้อง
00:25:27 → 00:25:29 เข็นไม่ต้องนั่งรถเขมไม่ต้องทำอะไรเลยนะ
00:25:29 → 00:25:33 ครับเอ่อแต่ถ้าเป็นกลางคืนนะครับให้
00:25:33 → 00:25:36 พยายามนอนหัวสูงๆไว้ยิ่งสูงยิ่งดีจะช่วย
00:25:37 → 00:25:39 ทำให้เวลาพลิกตัวแล้วไม่เวียนศีรษะนะครับ
00:25:39 → 00:25:43 ก็จะช่วยบรรเทาอาการในในระหว่างนั้นไป
00:25:43 → 00:25:46 แล้วก็ไปพบแพทร่วงเช้านะครับ
00:25:46 → 00:25:50 อืแล้วถ้าเป็นสาเหตุอื่นๆนะคุณหมอครับ
00:25:50 → 00:25:53 ลักษณะเนี่ยคือมันมันจะต้องปฏิบัติตัวแบบ
00:25:53 → 00:25:55 เดียวกันเลยมั้ยครับคุณหมอครับถ้าอย่าง
00:25:55 → 00:25:58 เช่นเอ่อความเครียดอย่างเงี้ยอ่าหรือไม่
00:25:58 → 00:26:01 ก็อาการปวดศีรษะจากไมเกรนที่อาจจะนำไปสู่
00:26:01 → 00:26:03 บ้านหมุนอะไรอย่าเงี้ยคุณหมอฮะมีมั้ยคะ
00:26:03 → 00:26:06 เออโรคไมเกรนที่ทำให้บ้านหมุนก็เรียกว่า
00:26:06 → 00:26:09 ศีษะไมเกรนนะครับครับอ่าต้นเหตุมาจากการ
00:26:10 → 00:26:12 นอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนะครับซึ่ง
00:26:12 → 00:26:15 สาเหตุการนอนหลับไม่พอเนี่ยมันมีเยอะนะ
00:26:15 → 00:26:17 ครับไม่ใช่เรื่องความเครียดอย่างเดียว
00:26:17 → 00:26:19 ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งนะครับที่สำคัญ
00:26:19 → 00:26:22 แล้วก็ยังมีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เรานอนไม่
00:26:22 → 00:26:24 หลับเช่นสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสมนะครับ
00:26:24 → 00:26:26 อย่างเช่นว่าอย่างช่วงที่ผ่านมาเนี่ยหมอ
00:26:26 → 00:26:30 ก็เจอนะครับคนไข้จะจนวนมากเลยอากาศร้อน
00:26:30 → 00:26:33 แล้วเอ่อบ้านเนี่ยไม่มีฐานะเพียงพอที่จะ
00:26:33 → 00:26:36 ไปซื้อแอร์มาติดนะครับออเอ่อก็จะทำให้
00:26:36 → 00:26:39 ร้อนแล้วก็นอนไม่หลับนิศีษะกันเยอะมากมา
00:26:39 → 00:26:41 โรงพยาบาลเยอะมากเลยตอนนี้ลดลดไปเยอะเลย
00:26:41 → 00:26:44 ครับเพราะว่าอากาศเริ่มเย็นเย็นขึ้นแล้ว
00:26:44 → 00:26:46 ก็เก็นอนได้มากขึ้นนะครับแล้วนอกจากนั้น
00:26:46 → 00:26:49 น่ะก็ยังมีสาเหตุอื่นๆเช่นคนอยู่กันมาก
00:26:50 → 00:26:53 เกินไปในครอบครัวไม่มีที่ทางพอที่จะให้มี
00:26:53 → 00:26:57 ความเป็นเอ่อไเวทส่วนตัวนะครับทำให้รบกวน
00:26:57 → 00:27:00 กันบางคนคนคุยกันบางคู่คุยกันบางคู่จะนอน
00:27:00 → 00:27:04 ดึกบางคู่จะนอนเร็วบางคู่นอนกนอะไรอย่าง
00:27:04 → 00:27:07 เงี้ยนะครับทำให้รบกวนการนอนมากเกินไปอ
00:27:07 → 00:27:10 แล้วก็บางคนเนี่ยก็มีความวิตกกังวลลูก
00:27:10 → 00:27:13 หลานนะครับลูกยังไม่กลับแม่ก็นอนไม่หลัด
00:27:13 → 00:27:15 คิดอยู่นั่นแหละว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับ
00:27:15 → 00:27:17 อะไรอย่างเงี้ยนะครับอือๆเอ่อกลายเป็นว่า
00:27:17 → 00:27:20 หมอเนี่ยแทนที่จะต้องรักษาโรควิชกลับต้อง
00:27:20 → 00:27:22 มานั่งรักษาโรคพวกคไม่หลับเนี่ยแหละครับ
00:27:22 → 00:27:26 ค่อนข้างเยอะเสียเวลาด้วยครับอ๋อมันเป็น
00:27:26 → 00:27:30 เรื่องของการคิดเยอะคิดมากคิดไม่ตกนั่น
00:27:30 → 00:27:33 เองก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการ
00:27:33 → 00:27:36 บ้านหมุนได้ใช่มครับคุณหมอครับใช่ครับ
00:27:36 → 00:27:38 ความเครียดนี่บางทีพูดเหมือนกับง่ายๆนะ
00:27:38 → 00:27:41 ครับไปหาหมอเนี่ยไปหาหมอเนี่ยหมอบอกว่า
00:27:41 → 00:27:44 อย่าไปเครียดเออครับเออนอนเยอะๆอย่าไป
00:27:44 → 00:27:48 เครียดเอ่ออันนี้เนี่ยใครไม่เป็นเนี่ยก็
00:27:48 → 00:27:51 ไม่สามารถที่จะพูดได้นะครับว่าอย่าไป
00:27:51 → 00:27:53 เครียดเพราะไอ้อยากไปเครียดเนี่ยพูดง่าย
00:27:53 → 00:27:56 แต่ทำยากนะครับใช่ๆเออพอเป็นแล้วมันก็รู้
00:27:56 → 00:27:59 สึกว่าเออก็ก็เครียดเดิมฉันไม่อยากจะ
00:27:59 → 00:28:02 เครียดเนี่ยมันก็เลยเป็นสาเหตของการ
00:28:02 → 00:28:05 เครียดเนี่ยแม่ผมเป็นอย่างงี้คุณหมอนะ
00:28:05 → 00:28:08 ครับเอ่อการที่ไม่เอาสิ่งต่างๆมาทำให้เรา
00:28:09 → 00:28:11 เครียดจนนอนไม่หลับเนี่ยสามารถฝึกได้นะ
00:28:11 → 00:28:15 ครับอืคือฝึกที่จะไม่คิดอะไรเลยไม่ว่า
00:28:15 → 00:28:17 สิ่งนั้นจะเครียดหรือไม่เครียดจะเป็น
00:28:17 → 00:28:20 เรื่องดีหรือไม่ดีเนี่ยนะครับเราพยายาม
00:28:20 → 00:28:23 ที่จะไม่คิดอะไรเลยทำหัวให้ว่างที่สุด
00:28:23 → 00:28:25 แล้วเราจะนอนหลับได้ดีกว่าได้ดีขึ้นนะ
00:28:25 → 00:28:28 ครับต้องฝึกถ้าไม่ฝึกแล้วก็ความสามา้านี้
00:28:28 → 00:28:31 ก็จะไม่เกิดนะครับอืทุกครั้งที่หลับตาก็
00:28:31 → 00:28:33 จะนึกถึงแต่เรื่องราวต่างๆที่ทำให้เรา
00:28:33 → 00:28:36 เนี่ยมีอารมณ์แล้วก็ทำให้ฮอร์โมนของความ
00:28:36 → 00:28:38 เครียดเนี่ยหลั่งไลออกมาแล้วทำให้เรานอน
00:28:38 → 00:28:40 ไม่หลับครับโอคนปัจจุบันนี้เป็นกันเยอะ
00:28:41 → 00:28:43 กว่าสมัยก่อนเลยใช่มั้ยคะคุณหมอใช่ครับ
00:28:43 → 00:28:46 ปัจจุบันนี้เรื่องเครียดๆมันก็จะเยอะขึ้น
00:28:46 → 00:28:50 แล้วก็ชีวิตประจำวันน่ะมันจะไม่ไม่ไม่
00:28:50 → 00:28:52 เรียบง่ายเหมือนอย่างคนสมัยก่อนครับครับ
00:28:52 → 00:28:55 โอมันมีหลายปัจจัยเนาะคุณหมอทีนี้ก็เลย
00:28:55 → 00:28:59 อยากจะขอความอนุเคราะห์จากคุณหมอนิดนึงฮะ
00:28:59 → 00:29:01 เมื่อเอ่ออาการบ้านหมุนเนี่ยก็เป็นสิ่ง
00:29:01 → 00:29:04 ที่ค่อนข้างแหมน่ากังวลเหมือนกันถ้าเกิด
00:29:04 → 00:29:07 ขึ้นกับใครพอจะมีเทคนิคหรือว่าท่าทางใน
00:29:07 → 00:29:10 การที่จะบริหารร่างกายยังไงเพื่อที่จะ
00:29:10 → 00:29:13 ช่วยลดอาการบ้านหมุนได้บ้างมั้ครับคุณหมอ
00:29:13 → 00:29:18 ครับอันนี้หมายถึงเออแบบเผื่อมีเทคนิคท่า
00:29:18 → 00:29:22 นั่งท่ายืนท่านอนการบริหารตาอะไรการ
00:29:22 → 00:29:24 เคลื่อนไหวหรือว่าอะไรเงี้ฮะอาการอาการ
00:29:24 → 00:29:27 เย็นศีรษะเนี่ยนะครับต้องรักษาตามสาเหตุ
00:29:27 → 00:29:29 นะครับเช่นสาเหตุจากนอนไม่พอก็ต้องไปแก้
00:29:29 → 00:29:33 เรื่องการอนพอการนอนนะครับสาเหตุจากหิน
00:29:33 → 00:29:35 ปูนเนี่ยอันเนี้ยแก้ด้วยท่าทางได้นะครับ
00:29:35 → 00:29:38 ครับถ้าคนที่เป็นไม่รุนแรงเป็นไม่มาก
00:29:38 → 00:29:40 สามารถไปทำ Exercise ที่บ้านได้นะครับ
00:29:40 → 00:29:44 ครับคือให้นั่งข้างเตียงนะครับอหันหน้าไป
00:29:44 → 00:29:47 ทางด้านซ้าย 45 องศาแล้วเอนลงไปนอนทาง
00:29:47 → 00:29:52 ด้านขวาให้แหงนหน้าขึ้นนะครับสักประมาณ
00:29:52 → 00:29:55 อ่าครึ่งนาทีให้ลุกสปริงตัวขึ้นมาเร็วๆ
00:29:55 → 00:29:58 นั่งนิ่งๆสักครู่นึงจากนั้นให้หันหน้าไป
00:29:58 → 00:30:01 ทางขวา 45 นาทีแล้วเอนตัวลงไปนอนทางซ้าย
00:30:01 → 00:30:05 แล้วแหงหน้าขึ้นนะครับแล้วก็นอนรอประมาณ
00:30:05 → 00:30:07 สักครึ่งนาทีแล้วก็ลุกขึ้นนั่งเร็วๆทำแบบ
00:30:07 → 00:30:09 เนี้ยซ้ายขวาเนี่ยประมาณสัก 10 ครั้งนะ
00:30:09 → 00:30:13 ครับเอ่อวันละ 2 รอบอืเ่าคนที่เป็นหินปูน
00:30:13 → 00:30:16 แบบชนิดอ่อนๆนะครับคือไม่รุนแรงมากก้อน
00:30:16 → 00:30:19 หินปูนไม่ใหญ่มากเนี่ยหินปูนจะสามารถ
00:30:19 → 00:30:23 กระจัดกระจแล้วก็หายไปได้นะครับออเออเว
00:30:23 → 00:30:26 เวลาหินปูนที่บอกว่ามันหลุดอ่ะอย่างคุณ
00:30:26 → 00:30:28 หมอบอกมันกระจัดกระจายหายไปมันไม่ต้อง
00:30:28 → 00:30:30 กลับเข้าไปที่เดิมใช่มั้ยคะคุณหมอมัน
00:30:30 → 00:30:32 เหมือนแตกกระจายเหมือนเราเขย่าขุดนมอ่ะ
00:30:32 → 00:30:35 ครับลองูภาพค่ะแล้วเราเอาพวกเอ่อเม็ดทราย
00:30:35 → 00:30:39 ลงไปเขยาอ่ะไอ้ไอคราบประกันเนี่ยมันก็จะ
00:30:39 → 00:30:42 แตกสลายกระจายแล้วก็ละลายไปกับน้ำได้ครับ
00:30:42 → 00:30:47 ออ๋อให้มันแตกสลายไปอือืใช่ครับเอออาการ
00:30:47 → 00:30:50 มันก็แก้ได้นะมันก็แกได้อย่างคุณหมอบอก
00:30:50 → 00:30:53 ครึ่งนึงอ่ะอืหายเองเ่อต้องต้องเป็นคนที่
00:30:53 → 00:30:55 เป็นไม่รุนแรงนะครับถ้าเป็นรุนแรงเนี่ยเา
00:30:55 → 00:30:58 จะทนไม่ไหวนะครับเวลาลงนอนเวลาลุกขึ้น
00:30:58 → 00:31:01 เนี่ยเค้าจะทรมานมากเพราะฉะนั้นก็คงต้อง
00:31:01 → 00:31:05 ไปไปให้แพทย์จับศีรษะกลิ้งให้เข้าที่ดี
00:31:05 → 00:31:09 กว่านะครับออืคุณหมอครับมีคำถามจากคุณผู้
00:31:09 → 00:31:14 ฟังทางบ้านเหมือนกันเอ่อถามว่าเคบอกว่านะ
00:31:14 → 00:31:19 เหมือนผมมีอาการบ้านหมุนตอนผมดื่มหนักๆ
00:31:19 → 00:31:21 เมาเยอะๆโอ้แอลกอฮอล์อันนี้ถือว่าเป็น
00:31:21 → 00:31:23 เป็นเป็นอาการบ้านหมุนหรือว่ามันเป็น
00:31:23 → 00:31:26 แฮงค์คุณหมอฮะเออเข้าใจเกี่ยวมั้ยฮะเล่า
00:31:26 → 00:31:29 เล่าเป็นสาเหตุนะครับเราจะดูดซึมเข้าไปใน
00:31:29 → 00:31:34 ในหูชั้นในนะครับแล้วก็ไปดึงน้ำทำให้น้ำ
00:31:34 → 00:31:37 ในหูชั้นในเนี่ยเไม่สมดุลด้วยนะครับทำให้
00:31:38 → 00:31:39 มีการึงศีรษะอันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
00:31:39 → 00:31:42 ได้จริงครับเฮ้ยโอ้มีสาเหตุจริงๆโอนี่ตอน
00:31:42 → 00:31:45 แรกตอนแรกผมนึกว่าคนคุณผู้ฟังทางบ้านท่าน
00:31:45 → 00:31:48 นี้ส่งมานี่เอาฮ่านะออแสดงว่ามันว่าแยก
00:31:48 → 00:31:51 อาการไม่ออกกับอาการแงอารมึนตอนแล้วผม
00:31:51 → 00:31:54 เข้าใจว่าเอออาจอาการแฮ้งเป็นอีกแบบนึงนะ
00:31:54 → 00:31:56 ครับไม่ใช่อาการเยียนศีษะบ้านหมุนอาการ
00:31:56 → 00:32:00 แฮ้งเป็นอาการแบบเอ่อุนหัวมากกว่านะครับ
00:32:00 → 00:32:04 ค่ะโอจะน้อยกว่าโอแสดงว่ามีโอกาสเกิดขึ้น
00:32:04 → 00:32:07 ได้จริงๆนะถ้าเออมันดึงน้ำออกมาใช่ออการ
00:32:07 → 00:32:09 ดื่มแอลกอฮอล์อะไรอย่างงี้ใช่มั้ยฮะอัน
00:32:09 → 00:32:11 นี้คือต้องหนักมั้ยฮะหรือว่ายังไงก็แล้ว
00:32:11 → 00:32:13 แต่แล้วแต่สภาวะร่างกายนี้แล้วแต่คนนะ
00:32:13 → 00:32:16 ครับบางคนก็ไม่เป็นนะครับอืไม่ได้เป็นทุก
00:32:16 → 00:32:19 คนอืแล้วแต่อาการนะครับคุณหมอครับตอนนี้
00:32:19 → 00:32:22 มีคำถามจากคุณผู้ฟังทางบ้านท่านนึงถามมา
00:32:22 → 00:32:25 ว่าคือตอนนี้เนี่ยต้องกินยาปฏิชีวนะและ
00:32:25 → 00:32:28 ตอนนี้ปสาทหูเสื่อมข้างนึงคือพูดง่ายๆคือ
00:32:28 → 00:32:32 เป็นคนพิการทางหูข้างนึงแล้วเราจะป้องกัน
00:32:32 → 00:32:34 อย่างไรเพื่อที่จะ
00:32:34 → 00:32:39 เอ่อให้ประสาทหูอีกข้างนึงไม่ไม่เสื่อม
00:32:39 → 00:32:41 อะไรอย่าเงี้ยฮคือเข้างเดียวเหรอเออใช่ๆ
00:32:41 → 00:32:45 ครับอ่ออันนี้จะเป็นเป็นเรื่องเรื่องการ
00:32:45 → 00:32:48 ได้ยินนะครับแต่ไม่ใช่เรื่องการทรงตัวก็
00:32:48 → 00:32:52 คือเอ่อการได้ยินเสื่อมเนี่ยมีสาเหตุเยอะ
00:32:52 → 00:32:54 มากเลยนะครับถ้าจะป้องกันเนี่ยก็คือต้อง
00:32:54 → 00:32:57 ป้องกันทุกๆเรื่องทุกตัวอย่างนะครับเอ่อ
00:32:57 → 00:33:00 เ่อการนอนดึกการนอนน้อยการนอนไม่พอทำให้
00:33:00 → 00:33:04 ภูมิต้านทานอ่อนแอไวรัสจะลงไปเล่นงานเส้น
00:33:04 → 00:33:06 ประสาทแลทำให้ประสาทหูอักเสบแล้วก็หูดับ
00:33:06 → 00:33:09 นะครับเพราะฉะนั้นก็ต้องหลึกเลงการนอน
00:33:09 → 00:33:12 น้อยการนอนไม่พอนะครับเหรือนอนไม่หลับ
00:33:12 → 00:33:14 เนี่ยก็ต้องรีบไปจัดการรักษาให้หายนะครับ
00:33:14 → 00:33:17 เ่ออันที่ 2 นะครับการใช้ยาก็ต้องระวัง
00:33:17 → 00:33:20 ต้องบอกคุณหมอนะครับว่าอย่าเอายาที่มีมี
00:33:20 → 00:33:23 ฤิต่อกระสาทหูเนี่ยให้เพราะว่าจะทำให้
00:33:23 → 00:33:27 ประสาดหูเสื่อมได้นะครับแล้วก็เอ่อถ้ามี
00:33:27 → 00:33:30 โรคประจำตัวเช่นโรคเบาหวานโรคความดันพวก
00:33:30 → 00:33:32 เนี้ยนะครับทำให้เส้นเลือดมันติดตันเส้น
00:33:32 → 00:33:34 เลือดที่ไปเลี้ยงหูชั้นในเนี่ยถ้าติดตัน
00:33:34 → 00:33:37 แล้วหูชั้นในก็ดับได้เหมือนกันนะครับก็
00:33:37 → 00:33:39 อันนี้ก็เป็นหลักคร่าวๆนะครับที่อยากจะ
00:33:39 → 00:33:43 แนะนำนะครับอืถามนิดนึงค่ะเอ่ออาจจะเป็น
00:33:43 → 00:33:46 คำถามสุดท้ายพูดถึงหูชั้นในกันมากๆอะไร
00:33:46 → 00:33:48 ที่กินแล้วบำรุงหูชั้นในบ้างมั้ยคะหรือ
00:33:48 → 00:33:51 วิธีที่จะเคี้ยวคอยเคี้ยวหมากฝรั่งอะไยัง
00:33:52 → 00:33:56 ไงมั้ยฮะคุณหมอช่วยได้บ้างมั้ยฮะคือเคี้
00:33:56 → 00:33:59 หมักฝรั่งอือหรือว่าอะไรพวกอย่างเนี้ย
00:33:59 → 00:34:01 เป็นเรื่องของหูชั้นกลางนะครับเวลาที่เรา
00:34:01 → 00:34:04 เป็นหวัดแล้วหูอื้อเวลาที่เราขึ้นเครื่อง
00:34:04 → 00:34:06 บินแล้วรู้สึกว่าหูอื้อเนี่ยมีปัญหาเพราะ
00:34:06 → 00:34:09 ทอดระบายอากาศของหูชั้นกลางเนี่ยติดตัน
00:34:09 → 00:34:11 แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับหูชั้นในโดยตรงนะห
00:34:11 → 00:34:13 ชั้นในมันลึกมากเลยหูชั้นในเนี่ยเขาจะมี
00:34:13 → 00:34:16 น้ำของเขาเองหล่อเลี้ยงนะครับเขาไม่ชอบ
00:34:16 → 00:34:18 น้ำอะไรที่แปลกปอมเข้าไปเขไม่ชอบสารเคมี
00:34:18 → 00:34:20 อะไรทั้งนั้นแหละครับที่เราจะพยายามจะ
00:34:20 → 00:34:25 พ้อนให้เานะครับหัวชนอยากอยู่ของเเองอ่ะ
00:34:25 → 00:34:28 อยากอยู่ของเดีๆอ่ะนะคะอย่างเช่นอย่าง
00:34:28 → 00:34:30 เช่นเบอกว่าตบบ้องหูอย่างเงี้ยแรงๆอย่าง
00:34:30 → 00:34:33 เงี้ยหูชั้นในโดนมั้ยฮะใครมากระแทกกระทัน
00:34:33 → 00:34:36 ตบบ้องหูเนี่ยมีโอกาสสะเทือนอยเอ่อการฟัง
00:34:36 → 00:34:39 เสียงดังๆนะครับเสียงดังเนี่ยจะทำให้ปสาท
00:34:39 → 00:34:42 หูเสื่อมก็เพราะมีแรงกดดันจากภายนอกเนี่ย
00:34:42 → 00:34:45 กระแทกเข้าไปถึงเอ่อเซลล์หูชั้นในนะครับ
00:34:45 → 00:34:48 แล้วทำให้เซลล์เสื่อมสลายแล้วก็ตายได้นะ
00:34:48 → 00:34:51 ครับครับโอ้โหไม่ได้เลยการเขี่ยเขี่ยขี้
00:34:51 → 00:34:56 หูมีส่วนที่จะทำให้หินปูนในหูชั้นใน
00:34:56 → 00:34:59 เคลื่อนที่ได้ด้วยมั้ยฮะอะไรนะครับการ
00:34:59 → 00:35:01 เขี่ยหูเหรอการแคะหูการใช้คัตบัตหมุนอะไร
00:35:01 → 00:35:05 อย่างเงี้ยแคหูเฉยๆนี่มีผลเราไม่ึกขนาดน
00:35:05 → 00:35:08 แต่ว่าการแคะหูบางทีเนี่ยถูกกระแทกโดย
00:35:08 → 00:35:12 บังเอิญนะครับเช่นเอ่อลูกมาชนเอ่อระหว่าง
00:35:12 → 00:35:16 ที่แคหมเข้าไปเลยไม้ทิ่มเข้าไปก็สเทือนหู
00:35:16 → 00:35:18 ดับก็ได้เหมือนกันนะครับอย่าน้อยๆก็แก้ว
00:35:18 → 00:35:21 หูทะลุอย่างเงี้ยก็ก็เจอบ่อยนะครับกลัวอื
00:35:21 → 00:35:24 อืได้ครับคุณหมอครับค่ำคืนวันนี้โอ้โห
00:35:24 → 00:35:27 ต้องกราบขอบพระคุณคุณหมอจริงๆนะครับที่มา
00:35:27 → 00:35:31 ให้ความรู้กับเรานะครับไขข้อข้องใจนะครับ
00:35:31 → 00:35:34 ที่ถูกส่งต่อกันผ่านทางโลกออนไลน์แล้วก็
00:35:34 → 00:35:37 มาโอ้โหวิเคราะห์เรื่องของอาการต่างๆเให้
00:35:37 → 00:35:39 กับเรานะครับเกี่ยวกับเรื่องของบ้านหมุน
00:35:39 → 00:35:41 วันนี้ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับ
00:35:41 → 00:35:43 คุณหมอครับขอบพระคุณมากค่ะคุณหมอคครับ
00:35:43 → 00:35:48 ขอบพระคุณครับสวัสดีครับสวัสดีครับ