00:00:00 → 00:00:05 The bests ThaiPBS คาสวีเวิลด์มายสบอย
00:00:05 → 00:00:10 ภาวะนี้เนี่ยเป็นภาวะที่มีจริงนะคะแล้วก็
00:00:10 → 00:00:13 สามารถเกิดขึ้นได้เพียงแต่ว่าโรคนี้หรือ
00:00:14 → 00:00:17 ภาวะนี้นะพบได้ไม่บ่อยนะคะถือว่ากันไป
00:00:17 → 00:00:19 แล้วเนี่ยทั้งโลกเนี้ยก็มีรายงานเนี่ยไม่
00:00:19 → 00:00:23 ถึง 100 Case หมอไม่อยากจะใช้คำว่าให้
00:00:23 → 00:00:26 มันเป็นเหงื่อออกอย่างเดียวเพราะว่าคือณ
00:00:26 → 00:00:29 ปัจจุบันเนี่ยคือมันก็ไม่ทราบว่าทำไมมัน
00:00:29 → 00:00:33 ถึงเกิดแบบนี้นะคะจะว่าก็เป็นไปได้ว่าจะ
00:00:33 → 00:00:37 เป็นจากเหนือหรือไม่ใช่เหงื่อก็ได้
00:00:37 → 00:00:41 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัพเดททุกโรคไทยฟังราย
00:00:41 → 00:00:47 การโรงหมอกับอิฉันสุรีย์พรวงศ์สถิตพรค่ะ
00:00:47 → 00:00:49 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอทาง Thai PBS พอดคาสคาวัน
00:00:53 → 00:00:56 นี้เราพบกันเช่นเคยนะคะติดตามสาระกันได้
00:00:56 → 00:00:58 ค่ะวันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่องของภาวะ
00:00:58 → 00:01:01 เมื่องออกเป็นอีหน้าเป็นยังไงเรื่องนี้
00:01:01 → 00:01:04 เราจะคุยกับแพทย์หญิงชิ้นมานัดเลยค่ะวัด
00:01:04 → 00:01:06 ค่ะประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่ง
00:01:06 → 00:01:09 ประเทศไทยค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอคะหาสวัสดี
00:01:09 → 00:01:12 ค่ะคุณดีค่ะฝั่งค่ะคุณหมอเขาเรื่องของ
00:01:12 → 00:01:15 ภาวะเหงื่อออกเป็นเลือดอ่ะจริงๆนะคือช่วง
00:01:15 → 00:01:18 ที่ผ่านมาก็ได้ยินข่าวคราวเหมือนกันที่มี
00:01:18 → 00:01:22 น้องนะคะอ่าน้องที่เป็นเด็กอยู่คนหนึ่ง
00:01:22 → 00:01:25 อยู่ๆก็มีภาวะเหงื่อออกเป็นเลือดคือตอน
00:01:25 → 00:01:27 แรกก็ไม่รู้ว่าเป็นเหงื่อออกเป็นเลือดนะ
00:01:27 → 00:01:30 แต่มองว่าเอ๊ะทำไมอ่ะอ่าน้ำตาไหลออกมา
00:01:30 → 00:01:34 เป็นเลือดนะคะเลือดออกอะไรออกจากฝ่ามือก็
00:01:34 → 00:01:37 สงสัยจริงเหมือนกันเพราะว่าคือ 1 ไม่มี
00:01:37 → 00:01:40 แผลลงเหลือมันสามารถออกเป็นเลือดได้ยังไง
00:01:40 → 00:01:42 เดี๋ยวเอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะคุณมองหาว่า
00:01:42 → 00:01:45 ถามเป็นเบื้องต้นก่อนเลยเกี่ยวกับเรื่อง
00:01:45 → 00:01:48 ของเมืองของคนเรานี่แหละนะคะที่มันออกมา
00:01:48 → 00:01:50 ทางผิวหนังเวลาที่ร่างกายเรามันมีความ
00:01:50 → 00:01:52 ร้อนอะไรต่างๆตรงนี้เนี่ยเรามาทำความเข้า
00:01:52 → 00:01:55 ใจเรื่องนี้ก่อนแล้วก็เห็นแล้วทำไมมันถึง
00:01:55 → 00:01:58 ออกมาเป็นเลื่อนได้มันได้จริงๆมันไม่ใช่
00:01:58 → 00:02:02 เป็นเรื่องที่มีหลายคนอาจจะมองไปเป็นแนว
00:02:02 → 00:02:05 บับอีกมุมหนึ่งไสยศาสตร์หรือเปล่า x มัน
00:02:05 → 00:02:08 ใช่แล้วหรือว่ามีวิธีหรือแอบอะไรเอาไว้
00:02:08 → 00:02:10 หรือเปล่าเรื่องนี้นะคะอ่าเดี๋ยวคุยกับ
00:02:10 → 00:02:13 คุณหมอที่มานัดนะคะคุณหมอครับเดี๋ยวคุย
00:02:13 → 00:02:15 เรื่องกลไกของเหมือนกันก่อนเลยคุณหมอค่ะ
00:02:15 → 00:02:19 ข้าคือเออต้องเรียนคุณรีและท่านผู้ฟังนี้
00:02:19 → 00:02:24 นะคะว่าภาวะนี้เนี่ยเป็นภาวะที่มีจริงนะ
00:02:24 → 00:02:27 คะแล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้เพียงแต่ว่าโรค
00:02:27 → 00:02:30 นี้หรือภาวะนี้นะพบได้ไม่บ่อยนะคะเพราะ
00:02:30 → 00:02:33 ว่าคือว่ากันไปแล้วเนี่ยทั้งโลกเนี้ยคือ
00:02:33 → 00:02:37 ก็มีรายงานเนี่ยไม่ถึง 100 Case นะคะก็
00:02:37 → 00:02:41 คือไม่ถึง 100 คนผู้ป่วยและจะประมาณอ่อ
00:02:41 → 00:02:43 อยู่ในช่วงซักเออ
00:02:43 → 00:02:48 36 จนถึงซัก 40 กว่า Case นะคะทั้งในโลก
00:02:48 → 00:02:53 นี้ก็คือคือมันสามารถเกิดตั้งแต่ว่าหมอ
00:02:53 → 00:02:56 ไม่อยากจะเอ่อใช้คำว่ามันเป็นเหงื่อออก
00:02:56 → 00:03:00 อย่างเดียวเพราะว่าคือณปัจจุบันเนี่ยคืน
00:03:00 → 00:03:04 แต่ไม่ทราบว่าทำไมมันถึงเกิดแบบนี้นะคะจะ
00:03:04 → 00:03:08 ว่าคือก็เป็นไปได้ว่าอย่างกรณีก็เป็นได้
00:03:08 → 00:03:09 ทั้งว่าอาจจะเป็นสักเหนือหรือไม่ใช่
00:03:09 → 00:03:12 เหงื่อก็ได้นะคะอย่างเช่นอย่างกรณีที่
00:03:12 → 00:03:15 สมมติว่าบางทีร่างกายเนี่ยอาจจะมีความ
00:03:15 → 00:03:19 เครียดจากอะไรสักอย่างหนึ่งหรือไม่ว่าจะ
00:03:19 → 00:03:21 เป็นทั้งความเครียดทางกายหรือความเครียด
00:03:21 → 00:03:26 ทางใจนะคะที่ระบบระบบประสาทเราเนี่ยมันก็
00:03:26 → 00:03:31 จะเหมือนเพิ่มกันสุฉีดหรือเพิ่มเค้าอ้ะ
00:03:31 → 00:03:35 ความดันอย่างนี้นะคะซึ่งในกรณีต่างถ้า
00:03:36 → 00:03:39 เนี่ยถ้าสมมติว่าเส้นเลือดเนี่ยเขาอ่อนแอ
00:03:39 → 00:03:43 คือมันก็อาจจะมีการรั่วของคือเม็ดเลื่อน
00:03:43 → 00:03:46 อ่ะนะคะจากในเส้นเลือดปกตินะคะออกมาที่
00:03:46 → 00:03:49 บริเวณผิวหนังที่อาจจะมีความอ่อนแอนั้น
00:03:49 → 00:03:52 นี่คือเป็นสมมติฐานที่ว่าทำไมเราถึงเกิด
00:03:52 → 00:03:56 ได้นะคะก็เลยว่าอย่างบางทีก็เลยจะไม่ได้
00:03:56 → 00:04:00 เห็นนะคะว่าคือตามผิวหนังเนี่ยมีแผลมีผัว
00:04:00 → 00:04:03 ผิวหนังเขาก็ปกติเหมือนทั่วไปแต่ว่าอยู่ๆ
00:04:04 → 00:04:07 เหมือนหรือเลือกมันรั่วมาคืออาจจะเป็น
00:04:07 → 00:04:11 หลาบก็เรียกว่าเออรั่วออกมาผ่านทางคะหรือ
00:04:11 → 00:04:16 ว่าต่อมข้างๆเจอเขายังไงดีเป็นๆจากทาง
00:04:16 → 00:04:19 ต่อมเหงื่อทางเปิดของต่อมเหงื่อก็ได้หรือ
00:04:19 → 00:04:22 อาจจะร่วมมาจากทางที่เป็นเหมือนออกอะไร
00:04:22 → 00:04:25 ว่าบริเวณผิวหนังที่อ่อนแออย่างนี้ค่ะ
00:04:25 → 00:04:28 เพราะว่าคือจะเลื่อนก็จะอยู่ในผิวหนังนะ
00:04:28 → 00:04:31 คะดังนั้นพอเวลามันร่วงน้ำก็รั่วผ่าน
00:04:31 → 00:04:33 พิมพ์นะครับอยู่หนังอ่อนแอนก็รั่วออกมา
00:04:33 → 00:04:36 เห็นข้างนอกแต่มันก็จะไม่ใช่อยู่ๆเราวัน
00:04:36 → 00:04:39 ดีคืนดีเราแบบมีอะไรแสร้งออกมาจากพิมพ์
00:04:39 → 00:04:42 หนังงั้นก็จะไม่ไม่ไม่ปกตินะคะอันนี้มัน
00:04:42 → 00:04:46 เหมือนมันมีความที่เอ่อในเส้นเลือดเนี่ย
00:04:46 → 00:04:50 มันอาจจะมีเอ่อใครว่าระบบประสาทเนี่ยที่
00:04:50 → 00:04:53 มันเหมือนมันเพิ่มการสูบฉีดด้วยเหตุผลกล
00:04:53 → 00:04:57 ใดก็ตามอาจจะเป็นความเครียดหรืออะไรๆที่
00:04:57 → 00:05:01 ทำให้เหมือนมันหมอฉีดยาขึ้นตรงนั้นแล้วก็
00:05:01 → 00:05:06 พอผนังเนี่ยมันอ่อนแอนก็อาจจะลวกมาคุณหมอ
00:05:06 → 00:05:09 ใช้คำว่ารั่วนะคะคือมันไม่ใช่เป็นเชิง
00:05:09 → 00:05:13 แล้วทำการแบบค่อยๆซึมออกมาแต่มาเราจะใช้
00:05:13 → 00:05:17 คำว่าซึมก็ได้ว่าก็คือหมอเหมือนพยายาม
00:05:17 → 00:05:21 อยากจะให้ฉันฟังไม่เห็นภาพเป็นแบบไหนแต่
00:05:21 → 00:05:24 ว่าจะใช้คำว่าซึมในอาจจะเหมาะกว่าก็ได้
00:05:24 → 00:05:27 ค่ะเพราะว่ามันจะไม่ใช่ว่าโอ้โหออกมาเป็น
00:05:27 → 00:05:30 พักๆเราแบบเสียเลือดมากหมดสติเสียชีวิตจะ
00:05:30 → 00:05:33 ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะเธอค่ะก็จะเป็นเหมือน
00:05:33 → 00:05:36 หนึ่งเอ่อเขาก็ค่อยๆออกมาเพราะว่าบางที
00:05:36 → 00:05:40 อาจจะออกมากหรอกน้ออย่างนี้ค่ะก็เลยอาจจะ
00:05:40 → 00:05:44 เห็นปริมาณแตกต่างกันไปค่ะหนูแสดงว่ามัน
00:05:44 → 00:05:48 ก็ถ้าผิวหนังตรงไหนจุดไหนของเราอ่อนแอก็
00:05:48 → 00:05:52 มีโอกาสที่จะมีเลือกเนี่ยซึมออกมาหรือออก
00:05:52 → 00:05:55 มาก็ได้ใช่ไหมคะแจพูดอย่างนั้นก็ได้ค่ะ
00:05:55 → 00:05:58 แต่ว่าทั้งมาเรียนอย่างนี้คะว่าไม่ใช่ทุก
00:05:58 → 00:06:01 รับไม่ใช่ทุกคนที่เราจะเตือนฉันเช่นสมุด
00:06:01 → 00:06:04 หมอบอกว่าตายแล้ววันนี้หมออ๋อเครียดจัง
00:06:04 → 00:06:07 เลยเดี๋ยวมันก็มีเลือดร่วมออกมามันจะไม่
00:06:07 → 00:06:09 ใช่อย่างนั้นนะคะไม่ได้จากเกิดแค่เฉพาะ
00:06:09 → 00:06:13 บางท่านเท่านั้นซึ่งอย่างที่เรียนกันดี
00:06:13 → 00:06:16 และท่านผู้ฟังนะคะว่าคือทั้งลูกเนี้ยจะมี
00:06:16 → 00:06:21 สมมติเรามีประชากรแบบเป็นหลายบัดพันล้าน
00:06:21 → 00:06:24 คนเหมือนล้านคนเนี้ยคือก็มีคนเกิดแค่ไม่
00:06:24 → 00:06:28 ถึง 50 คนเนี้ยค่ะดังนั้นก็ไม่ใช่ทุกเอ่อ
00:06:28 → 00:06:31 ทุกคนจะมีเป็นแบบนั้นได้แต่ว่าถามว่าเกิด
00:06:31 → 00:06:35 ได้ไหมก็เกิดได้ค่ะแต่ว่าปัจจัยเนี่ยคือ
00:06:35 → 00:06:38 ต้องเรียนว่าคืออันนี้คือสมมติฐานแต่ว่า
00:06:38 → 00:06:41 ไอ้เรื่องสิ่งที่เกิดแค้จริงเนี่ยอย่าง
00:06:41 → 00:06:45 ยังไม่มีคนทราบว่าคือในผู้ป่วยละลายก็จะ
00:06:45 → 00:06:49 อยู่กันหลากหลายประเทศไปนะคะนั่นก็จะไม่
00:06:49 → 00:06:52 ใช่ว่า roe ว่าสามารถรวบรวมผู้ป่วยแต่ละ
00:06:52 → 00:06:55 ท่านเพื่อศึกษาว่าทำไมถึงเกิดได้อย่างชัด
00:06:55 → 00:06:58 เจนนะคะแต่อย่างที่ที่เป็นข่าวเป็นคราวมา
00:06:58 → 00:07:01 บางทีอ่ะเห็นทางผิวหนังมีแต่พอแบบออกมา
00:07:01 → 00:07:04 ทางตาเหมือนร้องไห้ออกมาเป็นเลื่อนห่วงก็
00:07:04 → 00:07:08 น่ากลัวเหมือนกันนะคะว่าหมอค่ะคำคืออย่าง
00:07:08 → 00:07:11 นี้ค่ะ kerry คืออย่างธรรมดาเนี่ยเขาบอก
00:07:11 → 00:07:14 ว่าคือโรคคือภาวะนี้นะคะเขาก็เกิดมาตั้ง
00:07:14 → 00:07:18 แต่ก่อนตั้งแต่ปี 2010 คือหมายถึงว่าเกิด
00:07:18 → 00:07:23 มานานมากแล้วคือตะก่อนทางทางด้านแบบพอ
00:07:23 → 00:07:26 เวลาเห็นเลือดออกต่างๆอีกใช่ไหมคะเขาก็
00:07:26 → 00:07:28 เลยจับภาษาอังกฤษก็จะเรียกโรคนี้ว่าเออ
00:07:28 → 00:07:32 Stick มาต้าหรือหน้าถ้าเป็นรักษาไทยนะ
00:07:32 → 00:07:36 ว่าได้ว่าเหมือนตราบาปมันใกล้ๆเอ่อมาทำ
00:07:36 → 00:07:39 ความเชื่อในศาสนาคริสต์เนี้ยค่ะดังนั้น
00:07:39 → 00:07:43 เนี่ยก็เลยทำให้อาจจะดูน่ากลัวแต่จริงๆ
00:07:43 → 00:07:46 อาจจะไม่ใช่ว่าคือตาจะต้องมีความผิดปกติ
00:07:46 → 00:07:50 หรือว่าจะออกที่อื่นไม่ได้นะคะว่าจากการ
00:07:50 → 00:07:54 ศึกษานะคะในผู้ป่วยที่
00:07:54 → 00:07:58 36 รายนะคะในขั้วโลกนะคะเขาก็อาจจะมี
00:07:58 → 00:08:01 เรื่องออกจากทางที่น่านี้นะคะอาจจะออกทาง
00:08:01 → 00:08:05 ตาออกจากทางดั้งกายรักแร้อย่างนี้นะคะ
00:08:05 → 00:08:09 หรือศีรษะได้ขึ้นมาเคยเห็นผู้ป่วยที่ออก
00:08:09 → 00:08:13 เลือดออกทางศีรษะหรือตัวคนไข้ของหมอเองก็
00:08:13 → 00:08:16 มีท่านนึงที่เลือดออกจากใต้เล็บก็เป็น
00:08:16 → 00:08:21 เป็นไปได้นะคะดังนั้นก็คือสามารถออกได้ใน
00:08:21 → 00:08:24 หลายๆที่ค่ะแต่ส่วนใหญ่ก็คือจะเป็นจากที่
00:08:24 → 00:08:28 หน้าเราก็ที่ตัวนะคะอันนี้ก็คือถึงแม้ว่า
00:08:28 → 00:08:31 จะเป็นส่วนน้อยแต่พอมันเป็นทีขึ้นมาเนี่ย
00:08:31 → 00:08:33 เพราะเป็นข่าวขึ้นมาก็หลายคนก็ตกใจนะคะ
00:08:33 → 00:08:38 แต่ที่นี่ว่าถ้าอย่างนั้นเออหนึ่งคือไม่
00:08:38 → 00:08:41 ได้เกิดเกิดเหมือนว่าเราเราเกิดมาปุ๊บ
00:08:41 → 00:08:46 เป็นหรือว่าพอมาสักระยะหนึ่งอรังการเรา
00:08:46 → 00:08:48 เอามีภาวะความเครียดเส้นเลือดออกผิวหนัง
00:08:48 → 00:08:51 อ่อนแอเส้นเลือดแบบผิดปกติเร่งเงี้ยลอง
00:08:51 → 00:08:53 ถึงค่อยเป็นคือมันไม่ได้เกิดจากกรรม
00:08:53 → 00:08:55 พันธุ์ใดๆเลยใช่ไหมคะเพราะว่าอย่างหนึ่ง
00:08:56 → 00:08:58 สาเหตุที่ยังหาไม่เจอตรงนี้ขับเล่นกันถาม
00:08:58 → 00:09:01 ที่ดีมากเลยนะคะก็เพราะว่าจริงๆในผู้ป่วย
00:09:01 → 00:09:05 บางดายเนี่ยอาจจะพบว่ามีความผิดปกติทาง
00:09:05 → 00:09:08 กรรมพันธุ์ได้เหมือนกันนะคะเพราะว่าอย่าง
00:09:08 → 00:09:11 ไรแต่ว่าก็ไม่ใช่คือนั่งเรื่องแต่ว่า
00:09:11 → 00:09:14 เทคโนโลยีของเราเนี่ยเพิ่งมามีมากขึ้นใน
00:09:14 → 00:09:17 ช่วงหลังใช่ไหมคะดังนั้นเนี่ยคือเราก็อาจ
00:09:17 → 00:09:21 จะไม่ได้คือ 36 เค้นอย่างเงี้ยก็คือตั้ง
00:09:21 → 00:09:25 แต่ในอดีตไม่ไม่ใช่ว่า 36 Case ต่อปี
00:09:25 → 00:09:27 อะไรเงี้ยค่ะอย่างนั้นเนี่ยก็ไม่ใช่ว่าใจ
00:09:27 → 00:09:31 ทุกรายที่มีรายงานเนี่ยได้รับการตรวจแต่
00:09:31 → 00:09:35 ที่นี่ก็จะมีเหมือนการศึกษาในช่วงก็ไม่
00:09:35 → 00:09:38 กี่ปีย้อนหลังนะคะก็บอกว่าอาจจะมีความผิด
00:09:38 → 00:09:42 ปกติที่ยืนอยู่เตชั่นได้ค่ะที่ยืนอยู่แต่
00:09:42 → 00:09:47 ชั่นดังนั้นเนี่ยก็คือถ้าสมมุติว่าในผู้
00:09:47 → 00:09:50 ในสถานที่ที่สามารถทำการตรวจได้นะคะอย่าง
00:09:50 → 00:09:55 เช่นเอ่ออย่างของที่หมอทำงานก็คือสถาบัน
00:09:55 → 00:09:58 โรคผิวหนังเนี่ยคืออาจจะสามารถตรวจเรื่อง
00:09:58 → 00:10:03 ยินอันนี้ได้นะคะและก็ถ้าจะว่าสมมติว่ามี
00:10:03 → 00:10:07 ท่านใดที่มีความผิดปกติในด้านเรื่องโรค
00:10:07 → 00:10:12 นี้ค่ะก็อาจจะมาให้เราดูกันแล้วก็อาจจะ
00:10:12 → 00:10:16 จรณาเป็นในไลน์ไปค่ะคือคือบอกว่าอย่าง
00:10:16 → 00:10:20 เวลาสมมติอย่างนี้พอดีคือเวลาเลือดออกคือ
00:10:20 → 00:10:23 พวกติดเราก็จะไม่ได้บอกว่าไอ้เป็นโรคนี้
00:10:23 → 00:10:26 ตั้งแต่แรกนะคะเพราะโรคนี้เนี่ยจะต้อง
00:10:26 → 00:10:29 วินิจฉัยโดยการที่ตัดสาเหตุอื่นออกไปก่อน
00:10:29 → 00:10:33 ค่ะเพราะว่าอย่างในผู้ป่วยท่านที่อาจจะมี
00:10:33 → 00:10:36 ความผิดปกติเรื่องเลือดออกผิดปกตินะคะก็
00:10:36 → 00:10:39 อาจจะมีเลือดออกอย่างเช่นเป็นจ้ำๆหรือมี
00:10:39 → 00:10:43 เลือดออกตามตัวหรือตามที่อื่นๆได้คือดัง
00:10:43 → 00:10:45 นั้นเนี่ยคือเวลาถ้าท่านใดที่มีเลือดออก
00:10:45 → 00:10:50 ผิดปกติอาจจะต้องไปตรวจไก่อนคือหรือว่า
00:10:50 → 00:10:53 ไม่ได้มีความเรื่องของการแข็งตัวของเลือด
00:10:53 → 00:10:57 ผิดปกติหรือความผิดปกติเกี่ยวกับทางด้าน
00:10:57 → 00:11:00 เม็ดเลือดนะคะแล้วก็ในด้านและคนอื่นๆ
00:11:00 → 00:11:03 อย่างเช่นบางคนก็อาจจะมีความผิดปกติ
00:11:03 → 00:11:07 เกี่ยวกับการแข่งตัวหรือคะเลยว่าเรื่อง
00:11:07 → 00:11:12 ของฮอร์โมนอื่นๆไงรอยหรืออย่างอื่นที่ที่
00:11:12 → 00:11:15 มันอาจจะมีความสัมพันธ์ได้ดังนั้นเนี่ยก็
00:11:15 → 00:11:18 ก็ต้องตรวจเรื่องเรื่องของเลือดก่อนว่า
00:11:18 → 00:11:21 ไม่ได้มีเรื่องของการแข็งตัวของเลือดผิด
00:11:21 → 00:11:24 ของสันตินะแล้วถ้าสมมติว่าก็พอเรื่องของ
00:11:24 → 00:11:27 การแข็งตัวของเลือดให้ผิดปกติก็คือต้องไป
00:11:27 → 00:11:31 รักษาเรื่องนั้นแต่ว่าถ้าจะบอกว่ากดเลือก
00:11:31 → 00:11:34 อย่างอื่นปกติดีก็ต้องมาดูว่า S เรื่อง
00:11:34 → 00:11:37 อันนั้นเลือดออกจริงไหมเพราะว่าบางคนนะคะ
00:11:37 → 00:11:41 บุรีก็คือบางคนอาจจะรู้ว่าเหมือนกังวล
00:11:41 → 00:11:45 เช่นมันทีเอ่อแล้วก็จะเห็นข่าวบ้างว่าเอ
00:11:45 → 00:11:46 มีพยาธิ
00:11:46 → 00:11:50 ต้องผิวหน้าค่ะใช่ไหมคะคือหรือว่าบางที
00:11:50 → 00:11:54 เรายังไงดีบางคนเค้าก็อาจจะมีความกังวล
00:11:54 → 00:11:57 ที่ผิวหนังส่วนในส่วนหนึ่งเขาก็อาจจะไป
00:11:57 → 00:12:00 แกะตรงนั้นน่ะค่ะโดยที่เขาอาจจะตั้งใจ
00:12:00 → 00:12:03 หรือไม่ตั้งใจมันก็จะทำให้มีเลือดออกตรง
00:12:03 → 00:12:07 นั้นนะคะดังนั้นเนี่ยคือเลยเวลาเราจะมี
00:12:07 → 00:12:10 นิจฉัยเรื่องเรื่องเรื่องออกเป็นเลือดอัน
00:12:10 → 00:12:13 นี้หรือภาษาอังกฤษได้ว่ามาที่โดน 4
00:12:13 → 00:12:15 เนี่ยก็คือต้องตัดสาเหตุพวกนั้นออกไปก่อน
00:12:15 → 00:12:19 แล้วแล้วถ้าฉันว่าคิดว่าเป็นจริงเช่นไม่
00:12:19 → 00:12:23 ใช่เรื่องเลือดออกผิดปกติไม่ได้มีโล่เกิน
00:12:23 → 00:12:26 แล้วก็ไม่ใช่เป็นแบบเหมือนเป็นเรื่องออก
00:12:26 → 00:12:30 จริงเอ่อเลขไม่ใช่เป็นแบบสีย้อมเลยเองนะ
00:12:30 → 00:12:33 หรือว่าไม่ใช่ไปแก่คนไข้ที่แกะเลยเนี้ย
00:12:33 → 00:12:36 คือถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเนี่ยเราก็ค่อยมา
00:12:36 → 00:12:39 ดูว่าเอ๊ะคือเขามีปัจจัยกระตุ้นอะไรไหม
00:12:39 → 00:12:42 ค่ะเช่นอาจจะมีปัจจัยกระตุ้นทางด้าน
00:12:42 → 00:12:46 เรื่องของจิตใจหรือร่างกายนะคะซึ่งอย่าง
00:12:46 → 00:12:49 บางทีเนี่ยก็ในบางแค่อย่างเช่นอาจจะมีการ
00:12:49 → 00:12:53 ย้ายโรงเรียนหรือมีปัญหาครอบครัวปัญหาที่
00:12:53 → 00:12:55 โรงเรียนเพื่อนล้อเลยเนี้ยค่ะก็เป็น
00:12:55 → 00:12:57 ปัจจัยกระตุ้นเลยทั้งนั้นค่ะอ๋องั้นก็
00:12:57 → 00:12:59 แสดงว่าหมายความว่าคืนหนึ่งมันต้องมาหา
00:12:59 → 00:13:02 กันหมู่ที่ 5 ปัจจัยกันก่อนว่าจริงๆแล้ว
00:13:02 → 00:13:04 เกิดจากอะไรถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
00:13:04 → 00:13:06 เรื่องของโรคหรือว่าที่เป็นเกี่ยวกับ
00:13:06 → 00:13:09 เลือดเนี่ยถ้าออกมาวินิจฉัยชัดเจนแล้วก็
00:13:09 → 00:13:12 จะมีผลที่ฉายที่ถูกต้องและการรักษาก็จะ
00:13:12 → 00:13:15 เป็นไปตามนั้นใช่มั้ยฮะแต่บางทีมันอาจจะ
00:13:15 → 00:13:18 มีอย่างอื่นสัมพันธ์ร่วมกับสิ่งเหล่านี้
00:13:18 → 00:13:19 ด้วยอย่างที่คุณหมอได้บอกมาเมื่อสักครู่
00:13:19 → 00:13:22 นี้โอ้วฟังดูแล้วมันคือคำว่า
00:13:22 → 00:13:25 คือถ้าสมมุติเหงื่อออกเป็นเลือดออกมา
00:13:25 → 00:13:27 อย่างนี้มันไม่ได้แค่มองทว่าอ่ะมีปัญหา
00:13:27 → 00:13:29 เรื่องเลือดหรือเปล่านะมันต้องลองปัจจัย
00:13:29 → 00:13:32 อื่นๆเสริมเข้ามาด้วยล่างขึ้นมาเนอะให้
00:13:32 → 00:13:36 ค่ะเผื่อต้องรั้วไม่ใช่โลกอื่นก็ไม่ใช่
00:13:36 → 00:13:38 โรคเลือดออกผิดปกติ
00:13:38 → 00:13:44 หรือว่าโรคทางด้านภูมิคุ้มกันนะคะแล้วก็
00:13:44 → 00:13:46 เรื่องโรคประจำตัวอย่างอื่นที่อาจจะเป็น
00:13:46 → 00:13:49 ปัจจัยสาเหตุได้อย่างเช่นโรคเส้นเลือด
00:13:49 → 00:13:53 อักเสบเลยค่ะคือถ้าไม่ใช่ปุ๊บแล้วก็ไม่
00:13:53 → 00:13:55 ใช่เป็นอันแรกก่อนอันนี้ต่อไม่ใช่เป็นการ
00:13:55 → 00:13:59 ปิดแกะเองเลือดออกไปจากการแกะอะไรเงี้ย
00:13:59 → 00:14:02 ค่ะและเราก็ค่อยมาดูว่าจะเป็นภาระเรื่อง
00:14:02 → 00:14:05 นี้หรือเปล่าถ้าเลือดออกอันนั้นมันเป็น
00:14:05 → 00:14:08 เรื่องเป็นเรื่องจริงนะคะให้คุณหมอคะมัน
00:14:08 → 00:14:10 มีข้อสังเกตได้ไหมคะเพราะว่ากำลังรู้สึก
00:14:10 → 00:14:13 ว่าอย่างเวลาถ้าเกิดปกติแล้วเนี่ยเวลา
00:14:13 → 00:14:15 เลือดออกหรืออะไรแล้วแต่พอสักพักนึงเนี่ย
00:14:15 → 00:14:19 เลือดจะแข็งตัวใช่มั้ยฮะแล้วก็จับเกาะกัน
00:14:19 → 00:14:21 เป็นก้อนกลมหรือนายกเวลาไปแกะมันก็ออกมา
00:14:21 → 00:14:25 อีกอะไรแบบนี้แต่ถ้ากรณีแบบนี้ออกไปเลือก
00:14:25 → 00:14:29 เนี่ยคือมันจะไม่ไม่แข็งตัวหรือเปล่าคะ
00:14:29 → 00:14:33 อันนี้เป็นจุดที่สังเกตุได้ไหมคะอ๋อค่ะ
00:14:33 → 00:14:38 คือเนี้ยยังอ่ะเออคือปลาลาสิ่งที่ออกมานะ
00:14:38 → 00:14:41 คะก็คือจะเป็นน้ำซึ่งมันกับคือก็สักบน
00:14:41 → 00:14:44 เรื่องของแม้งเลือกนะคะกรีดังนั้นเนี่ย
00:14:44 → 00:14:48 มันก็จะแข็งค่ะมันก็จะค่อยๆแข็งตัวเหมือน
00:14:48 → 00:14:51 เลือดปกติเลยค่ะแต่ที่นี้เนี่ยค่ะก็คือ
00:14:51 → 00:14:54 เป็นจุดหนึ่งที่อาจจะนั้นแต่ว่าบางทีถ้า
00:14:54 → 00:14:57 เรามองด้วยตาเปล่าคืออาจจะเห็นอย่างนั้น
00:14:57 → 00:15:00 แต่ว่าถ้าเอาให้แน่นอนเนี่ยก็คือไม่เอา
00:15:00 → 00:15:05 อ่ะสิ่งที่ออกมานะคะพอดีก็คือเอาไปเขา
00:15:05 → 00:15:08 เรียกว่าให้แพทย์ตรวจด้วยการที่เราอาจจะ
00:15:08 → 00:15:11 ประโยชน์ในสไลด์แล้วก็ไม่ยอมสีเพื่อดูว่า
00:15:11 → 00:15:16 ก็มีเม็ดเลือดแดงออกมาไหมนะคะแต่ว่าอัน
00:15:16 → 00:15:18 ที่สองคือสมมุติตอนที่ไอ้ท่านผู้ฟังก็ว่า
00:15:18 → 00:15:21 x เราอยู่บ้านเมืองจะวิ่งกว่าจะวิ่งไปหา
00:15:21 → 00:15:25 หมอฝากรถติดไปก็ก็คงจะอาจจะแบบไม่เอาไม่
00:15:25 → 00:15:29 ทันอะไรเงี้ยค่ะคืออีกอันนึงก็คือต้องมี
00:15:29 → 00:15:34 เมย์ก็อย่างน้อยนะคะท่านผู้ฟังเธอมีคน
00:15:34 → 00:15:37 ใกล้ชิดที่สงสัยเนี้ยค่ะก็คือต้องมีพยาน
00:15:37 → 00:15:40 นิดนึงเดี๋ยวนี้เราก็ข่าวหลายอย่างน้อย
00:15:40 → 00:15:44 ต้องมีพยานว่า F คือมีพยานที่เป็นแบบเป็น
00:15:45 → 00:15:49 ผู้ใหญ่ที่ที่ที่เห็นไหมหรือว่าเป็น
00:15:49 → 00:15:52 บุคลากรทางการแพทย์นี้ค่ะอย่างเช่นคนไข้
00:15:52 → 00:15:56 ของหมอที่หมอเจอนะคะก็คือเราก็จดๆกันอยู่
00:15:56 → 00:15:59 วางแผนเรื่องการรักษาหรือการที่เราจะต้อง
00:15:59 → 00:16:02 ตรวจเพิ่มเติมนะคะถ้าพี่อยู่คนไข้เลือด
00:16:02 → 00:16:06 ออกอันนี้ก็คือคือมันก็จะยิ่งกันเลยว่ามี
00:16:06 → 00:16:10 ปัจจัยที่ช่วยเสริมในการเรื่องของ
00:16:10 → 00:16:13 วินิจฉัยได้มากขึ้นค่ะเพราะว่าส่วนใหญ่
00:16:13 → 00:16:16 เคสคือคนไข้เนี่ยมักจะเป็นเด็กและส่วน
00:16:16 → 00:16:19 ใหญ่นะคะซื้อจะไม่ใช่เป็นคนสูงอายุได้
00:16:19 → 00:16:23 อย่างนี้ค่ะส่วนใหญ่เขาก็บอกว่ามักจะจริง
00:16:23 → 00:16:27 ๆอยู่ในช่วงประมาณตั้ง 15 ปีอ่ะค่ะถ้าถ้า
00:16:27 → 00:16:32 กรณีคนไข้ที่ที่ในเหตุ 36 รายในทั่วโลก
00:16:32 → 00:16:35 นี้นะคะก็จะเห้ยช่องสามสิบประมาณ 15 ปี
00:16:35 → 00:16:39 แต่ก็เป็นได้นะคะตั้งแต่อายุน้อยจนถึง
00:16:40 → 00:16:43 แล้วทั้ง 70 ก็สามารถเป็นก็มีรายงาน
00:16:43 → 00:16:46 เหมือนกันค่ะมึงเล่าอย่างนี้คือเวลาที่จะ
00:16:46 → 00:16:49 มีเลือดออกมาที่ผิวหนังของเรานี้คุณหมอ
00:16:49 → 00:16:52 มันมีอาการอย่างอื่นบอกล่วงหน้าไม่เห็น
00:16:52 → 00:16:54 เช่นแบบอย่างที่น้องเขาเป็นอยู่ที่เป็น
00:16:54 → 00:16:57 ข่าวนี้เห็นบอกว่ามันมีอาการแสบก่อนอ่ะ
00:16:57 → 00:17:01 อย่างเงี้ยๆค่ะค่ะคือมีคนให้ส่วนใหญ่นะคะ
00:17:01 → 00:17:06 ก็คือเธอจะบอกว่าส่วนใหญ่มั้ยก็ประมาณน่า
00:17:06 → 00:17:09 จะประมาณสักเกือบเครื่องดีกว่าว่าอาจจะ
00:17:09 → 00:17:13 รู้สึกเหมือนเจ็บๆค่ะหรือแสบอย่างที่น้อง
00:17:13 → 00:17:18 ที่เค้าในข่าวนะคะจะมีอาการเจ็บๆหรือจิต
00:17:19 → 00:17:23 เกิดก่อนก่อนที่ผิวหนังนะคะก่อนหน้าที่จะ
00:17:23 → 00:17:26 มีอาการเลือดออกก็สามารถเป็นไปได้ค่ะหรือ
00:17:26 → 00:17:29 บ้าง LINE น่ะจะรู้สึกปวดศรีษะหรือปวด
00:17:29 → 00:17:33 ท้องรถขึ้นไส้แบบรู้สึกอยากจะอาเจียนอะไร
00:17:33 → 00:17:37 เงี้ยก็เป็นก็ก็มีรายงานที่เป็นอย่างนั้น
00:17:37 → 00:17:40 ได้นะคะแต่ว่าก็ทั้งนี้ทั้งนั้นบางท่านก็
00:17:40 → 00:17:43 จะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วก็เลือดออกตรง
00:17:43 → 00:17:46 บริเวณนั้นก็มีเหมือนกันนะคะอ่ะอย่าว่าบ่
00:17:46 → 00:17:49 อยากจะให้ค่ะไม่อยากจะให้เราสมมติว่าถ้า
00:17:49 → 00:17:53 ท่านใดที่เป็นอย่างนี้ค่ะก็คือควรจะต้อง
00:17:53 → 00:17:57 ดูเรื่องของว่ามีปัจจัยกระตุ้นมากกว่าคือ
00:17:57 → 00:18:00 อย่างเช่นอาจจะมีอะไรกระตุ้นธและร่างกาย
00:18:00 → 00:18:04 เช่นสมมติว่าย้ายจากที่ที่อุณหภูมิหนาวไป
00:18:04 → 00:18:07 ที่ร้านร้อนๆหรือมีอะไรกระตุ้นอย่างเช่น
00:18:07 → 00:18:13 เอ่ออย่างคนไข้หมอที่เคยมีนะคะก็คือเอ่อ
00:18:13 → 00:18:15 ถ้าไปเรียนยังไม่เป็นไรมันจะอยู่บ้าน
00:18:15 → 00:18:18 เนี่ยกลายเป็นอย่างนั้นไปก็อาจจะเลือดออก
00:18:18 → 00:18:22 อย่างนี้ค่ะค่ะก็มีหรือว่าบางคนสมมติว่า
00:18:22 → 00:18:24 ไปถูกแกล้งที่โรงเรียนถูกเพื่อนแกล้ง
00:18:24 → 00:18:29 อย่างนี้ค่ะก็ตั้งนานหน้าชาติสามารถมีผู้
00:18:29 → 00:18:33 ป่วยที่มีอาการอย่างนี้น่ะก็สำคัญก็คือ
00:18:33 → 00:18:35 ต้องหาถามว่ามีปัจจัยกระตุ้นมั้ยทางด้าน
00:18:35 → 00:18:38 งานและจิตใจเพื่อที่ว่าคือเราจะได้แก้ไข
00:18:38 → 00:18:43 สาเหตุแล้วก็ลดการกระตุ้นให้น้อยลงคนไข้
00:18:43 → 00:18:47 จะมีอาการที่น้อยลงนะคะแล้วก็ในบางรายถ้า
00:18:47 → 00:18:52 คิดว่าจะมีปัญหาทางด้านจิตใจร่วมด้วยใช่
00:18:52 → 00:18:55 ความเครียดอย่างเนี้ยบางทีก็แนะนำว่าจะคบ
00:18:55 → 00:18:59 กับจิตแพทย์ก็น่าจะเหมาะสมดีค่ะอ๋อคือ
00:18:59 → 00:19:02 ต้องดูเนื้อคู่กันไปด้วยว่าอาการ Karen
00:19:02 → 00:19:04 ไปสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของภาวะจิตใจไหม
00:19:04 → 00:19:08 ว่าเท่าที่ฟังดูเนี่ยมันมีความแอบเกี่ยว
00:19:08 → 00:19:11 กันอยู่นะมีความสำคัญหาอยู่ที่อยู่เหมือน
00:19:11 → 00:19:14 กันนะเพียงแต่ว่าแค่แบบตามากหรือน้อยแค่
00:19:14 → 00:19:17 นั้นเองนะคะอันนี้ก็เอ่อก็ต้องตรวจอย่าง
00:19:17 → 00:19:20 อย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยเพราะว่าสาเหตุ
00:19:20 → 00:19:23 ไม่มีความชัดเจนเหมือนโรคอื่นๆนะคุณฟัง
00:19:23 → 00:19:27 แต่อันนี้คือเราเป็นแล้วหายได้ใช่ไหมคะ
00:19:27 → 00:19:31 คุณหมอหาเธอเป็นแล้วหายได้ค่ะเพราะว่า
00:19:31 → 00:19:37 อย่างในกรณีมีผู้ป่วยที่ในอดีตนะคะคะส่วน
00:19:37 → 00:19:41 ใหญ่เนี่ยก็คือเขาก็บังคือทั้ง 2 แบบมี
00:19:41 → 00:19:44 ทั้งสองรูปแบบก็คือหายได้เลยไม่เป็นอีก
00:19:44 → 00:19:48 เลยให้ในระยะเวลาเป็นเดือนหรือว่า 1 ปี
00:19:48 → 00:19:51 อะไรอย่างนี้นะคะค่ะแต่ว่าก็บางคนเนี่ยพอ
00:19:51 → 00:19:54 รักษาไปแล้วเนี่ยคือออกเหมือนกันต่อน้อย
00:19:54 → 00:19:58 ลงดังนั้นก็คือคนจะพบแพทย์เพื่อจะหนึ่ง
00:19:58 → 00:20:00 ยืนยันการวินิจฉัย
00:20:00 → 00:20:04 คะอันที่สองเนี่ยเพื่อร่วมกันหาทางรักษา
00:20:04 → 00:20:06 แล้วก็แก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่าง
00:20:06 → 00:20:11 กายและจิตใจแล้วก็มียานะคะบุรีคือท่านผู้
00:20:11 → 00:20:14 ฟังก็มียารับประทานที่อาจจะช่วยลดทางด้าน
00:20:14 → 00:20:18 เรื่องของความกังวลรวมถึงอาการที่ใจสั่น
00:20:18 → 00:20:22 ใจเต้นเร็วเปิดเหมือนเพราะว่าก็เวลามันมี
00:20:22 → 00:20:26 การกระตุ้นในทางระบบประสาทเนี่ยบางทีก็
00:20:26 → 00:20:29 ท่านยาบางอย่างที่ช่วยทำให้เหมือนเค้า
00:20:29 → 00:20:31 เรียกว่าการ
00:20:31 → 00:20:35 ตื่นเต้นตกใจน้อยลงก็จะทำให้เรื่องของ
00:20:35 → 00:20:39 อาการดีขึ้นบ้างค่ะอันนี้ก็ถ้าอาจจะไม่
00:20:39 → 00:20:42 ต้องต้องห่วงกังวลหรือหวงอะไรมากเพียงแค่
00:20:42 → 00:20:45 ว่าเข้าสู่กระบวนการเช็คให้แน่ใจมีภาวะ
00:20:45 → 00:20:47 เกี่ยวกับเรื่องของเรื่องหรือเปล่านะคะ
00:20:47 → 00:20:51 แต่ถ้าในทั้งนี้ทั้งนั้นคือบางทีความที่
00:20:51 → 00:20:54 เราไม่ค่อยได้รู้จักโรคนี้นะคะเราไม่รู้
00:20:54 → 00:20:58 จักค่าวันนี้เท่าไหร่แล้วก็นานๆทีอาจจะมี
00:20:58 → 00:21:01 ข่าวกันออกมาทีนึงแต่ก็ตกลงมีไม่เยอะ
00:21:01 → 00:21:05 รักษาหายได้นะคะนี่ก็ไม่ไม่น่าห่วงมันจะ
00:21:05 → 00:21:08 มีอะไรที่แฝงที่มันน่ากังวลอยู่ในโลกนี้
00:21:08 → 00:21:12 อยู่ไหมคะถ้าสมมติว่ากรณีที่แบบอ่ะรักษา
00:21:12 → 00:21:14 ไประยะหนึ่งแล้วเอ๊ะทำไมมันยังไม่ดีขึ้น
00:21:14 → 00:21:18 น่ะควบคู่กับเรื่องกันรักษาทางภาวะจิตใจ
00:21:18 → 00:21:20 หรือความเครียดอะไรต่างๆเหล่านี้แล้วมัน
00:21:20 → 00:21:23 มีอะไรแฝงอยู่ในนั้นได้มั้ยฮะสิ่งที่แฝง
00:21:23 → 00:21:26 รักคือว่าเป็นโรคนี้จริงหรือเปล่าคะลี
00:21:26 → 00:21:30 เพราะว่าอันนี้เป็นปัจจัยแรกเลยเนื่องจาก
00:21:30 → 00:21:34 ว่าอย่างในกรณีโรคนี้นะเนื่องจากว่าสัญญา
00:21:34 → 00:21:37 ใหญ่น่ะประมาณสร้าง 66% ก็จะถูกกระตุ้น
00:21:37 → 00:21:42 โดยความเครียดหรือร่างกายจิตใจนะคะจังนะ
00:21:42 → 00:21:46 เนี่ยส่วนใหญ่ก็มักจะค่อยๆดีขึ้นโดยเฉพาะ
00:21:46 → 00:21:50 ถ้าได้รับกับการรับประทานยาแล้วกันดูแล
00:21:50 → 00:21:53 ร่วมด้วยจากจะเป็นจากจิตแพทย์อะไรเนี่ย
00:21:53 → 00:21:57 ร่วมด้วยในท่านที่จำเป็นอ่ะนะคะก็มักจะดี
00:21:57 → 00:21:59 ขึ้นมานั้นถ้าไม่ดีขึ้นน่ะมึงที่อาจจะ
00:21:59 → 00:22:02 เป็นโรงอื่นหรือเปล่าคือเพราะว่าอย่าง
00:22:02 → 00:22:04 อย่างที่เรียนก็รีและท่านผู้ฟังหน่อยนะคะ
00:22:04 → 00:22:07 ว่าต้องแนะนำมันวินิจฉัยด้วยการที่เรา
00:22:07 → 00:22:10 ต้องตัดสาเหตุอื่นออกไปก่อนเธอเช่นเป็น
00:22:10 → 00:22:13 โรคเลือดออกผิดปกติไหมเป็นเส้นเลือด
00:22:13 → 00:22:18 อักเสบไหมเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรคทางเยื่อ
00:22:18 → 00:22:22 บุกลืนโลกทั้ง Auto มูลหรือโรคทางคุมไว้
00:22:22 → 00:22:25 แต่ตัวเองอย่างนี้ค่ะชื่อเกิดหรือว่าเป็น
00:22:25 → 00:22:28 จากการแกะกันเก่าของเขาเองหรือเปล่าถ้ามี
00:22:28 → 00:22:31 เลือดออกดังนั้นเนี่ยคือถ้าถ้าถ้าไม่ไม่
00:22:31 → 00:22:34 ดีขึ้นอ่ะควรจะต้องดูแล้วว่าอาจจะไม่ใช่
00:22:34 → 00:22:38 โลกนี้ไหมนะคะอันนี้เป็นอันที่นั่นแต่ว่า
00:22:38 → 00:22:41 ทางด้านปัจจัยเกี่ยวกับเรื่องของเธออาจจะ
00:22:41 → 00:22:47 มีภาวะโรคปริว่าเกิดจากผลข้างเคียงจากการ
00:22:47 → 00:22:50 เป็นภาวะนี้เนี่ยจะเท่าที่มีรายงานเนี่ย
00:22:50 → 00:22:53 จะไม่มีนะคะแต่ว่าคือเค้าเป็นโรคนี้เป็น
00:22:53 → 00:22:57 ทีอาจจะเจอว่าเออมีลงอื่นคู่การหรือเปล่า
00:22:57 → 00:23:01 เห็นบางคนคือถ้ามีทั่วประเทศนะคะเขาก็บอก
00:23:01 → 00:23:05 ว่าก็จะมีผู้ป่วย 1 รายที่อาจจะมีเรื่อง
00:23:05 → 00:23:09 ของตับผิดปกติแต่ว่าไม่ได้ถือว่าเป็นโรค
00:23:09 → 00:23:11 ตับนะคะแค่มันเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยค่ะค่า
00:23:11 → 00:23:14 ของตับหรืออันที่สองเนี่ยอาจจะมีเรื่อง
00:23:14 → 00:23:17 ของเกี่ยวกับเรื่องลำไส้อย่างนี้ได้ค่ะ
00:23:17 → 00:23:20 แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราก็เป็นโรคร้ายแรงว่าไม่
00:23:20 → 00:23:23 ใช่ว่าไอ้เป็นภาวะเลือดออกคือใหม่ที่ว่าง
00:23:23 → 00:23:26 ออกไปเลื่อนอันนี้แล้วทำให้กลายเป็นโรค
00:23:26 → 00:23:29 อะไรๆที่มันอันตรายอื่นอาจจะไม่ใช่อย่าง
00:23:29 → 00:23:32 นั้นอันนี้ก็ทำความเข้าใจกับคุณผู้ฟัง
00:23:32 → 00:23:35 ด้วยเพราะว่าบางคนอาจจะไปมองเรื่อง a
00:23:35 → 00:23:39 เป็นอะไรเกี่ยวกับขนาดโรคเวรโรคกรรมหรือ
00:23:39 → 00:23:41 เปล่ามุมมันด้วยความที่ไม่ได้หมดไม่ค่อย
00:23:41 → 00:23:43 ได้เหมือนใครแล้วมันไม่ได้เป็นโรคที่เรา
00:23:43 → 00:23:46 คุ้นคือนะแล้วไปมองอีกมุมหนึ่งเราไปทำ
00:23:46 → 00:23:49 เรื่องการรักษาเนี่ยในแบบที่ผิดวิธีนะคะ
00:23:49 → 00:23:53 เป็นเป็นไปตามความเท่า her คะที่ครัวที่
00:23:53 → 00:23:56 กูนี้เท่านี้กลัวถ้าไม่ฟังเอาไปรักษาเอา
00:23:56 → 00:23:59 ออกคนไข้ที่ควรได้รับแต่ละสไปรักษาอย่าง
00:23:59 → 00:24:03 อื่นตั้งค่าที่อาจจะสมุดว่าไปเป่าบ้าง
00:24:03 → 00:24:08 หรือว่าบางทีสมมติว่าเอ่ออาจจะมีพิธีการ
00:24:08 → 00:24:11 เมืองทางความเชื่อของชาวบ้านอย่างนี้นะคะ
00:24:11 → 00:24:13 เธอคือบางทีเนี่ยแทนที่เขาจะได้รับการ
00:24:13 → 00:24:17 รักษาเขาอาจจะอาการแย่ลงเพราะว่าอย่างจะ
00:24:17 → 00:24:21 หมดต้นที่เอาไปรังเกียจเขาหรือว่าไปว่า
00:24:21 → 00:24:24 Toy ไปบางๆทีในบางประเทศเค้าก็จะมี
00:24:24 → 00:24:28 เหมือนความเชื่อที่รุนแรงอะไรง่ะไว้วัน
00:24:28 → 00:24:32 นี้คือแบบไม่ดีต้องปรับอยู่กับในชุมชนไม่
00:24:32 → 00:24:34 ได้เหรอเนี่ยค่ะหมอว่ามันอาจจะยิ่งไป
00:24:34 → 00:24:38 กระตุ้นทำให้โลกเป็นมากขึ้นเนี้ยค่ะ
00:24:38 → 00:24:40 เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเต่านะคะพอดีช่วงนี้
00:24:40 → 00:24:43 เราโควิชอ่ะคือเข้าไปป่าวเนี่ย
00:24:43 → 00:24:46 กลัวจะเริ่มโคลอีกมากที่สุดในขณะนั้นคือ
00:24:47 → 00:24:49 เดี๋ยวจะทำให้เขามีความเสี่ยงเรื่องติดคง
00:24:49 → 00:24:53 with ได้นะคะจะต้องระหว่างคือเข้าใจใน
00:24:53 → 00:24:57 เส้นทางของความเชื่อของแต่ละพื้นที่นะคะ
00:24:57 → 00:24:59 นี้เราไม่ว่าการแต่ว่าในเรื่องบางเรื่อง
00:24:59 → 00:25:02 เนี่ยขวดหมอจะวินิจฉัยโรคนะฮะในทางการ
00:25:02 → 00:25:05 แพทย์ในแผนปัจจุบันด้วยนะคะไม่ใช่ทำอย่าง
00:25:05 → 00:25:08 ไรอย่างหนึ่งหรือว่าไปทางนั้นอย่างเดียว
00:25:08 → 00:25:11 นะคะแล้วก็ระวังเรื่องราวแบบเดี๋ยวแผลติด
00:25:11 → 00:25:14 เชื้อเออเรื่องของโควิชอีกเข้าไปอีกอะไร
00:25:14 → 00:25:18 เงี้ยนะคะก็ฝากรวยด้วยเป็นเป็นแนวทางนะคะ
00:25:18 → 00:25:21 ให้หลายๆท่านได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าจริง
00:25:21 → 00:25:23 ๆบางอย่างนี้คือโรคนะมาเป็นภาวะผิดปกติ
00:25:23 → 00:25:26 ของร่างกายที่อยู่ภายในเพียงแค่ว่าเราไม่
00:25:26 → 00:25:29 ได้รู้แค่นั้นเองคุณหมอเน้อเออให้ค่ะ
00:25:29 → 00:25:33 เพราะว่าคือถ้าเราก็ได้รับการวินิจฉัยที่
00:25:33 → 00:25:36 ถูกเรารักษาถูกต้องก็โลกจะทำให้ดีขึ้นได้
00:25:36 → 00:25:40 นะคะแต่ว่าท่านผู้ฟังมีคำถามหรือข้อสงสัย
00:25:40 → 00:25:43 หรืออยากจะอ่านเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของ
00:25:43 → 00:25:47 สมาคมแพทย์ผิวหนังรวมถึง Facebook เพจครบ
00:25:47 → 00:25:49 เครื่องเรื่องผิวหนังของสมาคมแพทย์ผิว
00:25:49 → 00:25:53 หนังแห่งประเทศไทยนะคะก็จะมีบทความอันนี้
00:25:53 → 00:25:57 เนี่ยที่ให้ความรู้ประชาชนค่ะก็สามารถติด
00:25:57 → 00:26:00 ตามได้ทั้งใน Facebook แล้วก็ทางเว็บไซต์
00:26:00 → 00:26:02 นี้เป็นข้อมูลประชาชนได้เลยค่ะอันนี้ติด
00:26:02 → 00:26:05 ตามข้ามูลกันได้นะคะเพราะว่าข้อมูลต่างๆ
00:26:05 → 00:26:07 เหล่านี้ก็ไปแอบอ่านว่ามันจะทันแล้วก็ได้
00:26:07 → 00:26:10 ยินนำมาพูดคุยในรายการด้วยเช่นเดียวกันนะ
00:26:10 → 00:26:13 ฮะเอาล่ะก็วันนี้ต้องขอบคุณคุณหมอที่มา
00:26:13 → 00:26:15 นัดค่ะที่มาให้ความรู้กับรายการโรงของเรา
00:26:15 → 00:26:19 ด้วยนะคะคุณคุณหมอค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ
00:26:19 → 00:26:23 เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังคะเราจะกลับมาพบกัน
00:26:23 → 00:26:25 ใหม่ครั้งหน้ากรรมการโรงหมอทาง Thai PBS
00:26:25 → 00:26:28 คอร์ดคลาสนะคะวันนี้ขอบคุณที่ติดตามรับ
00:26:28 → 00:26:30 ฟังค่ะลาไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ
00:26:30 → 00:26:34 S Choice TV espace ประเทศไทยเดิน
00:26:34 → 00:26:37 แห่งผักผลไม้แต่ทำไมพบว่าคนไทยกินน้อยและ
00:26:37 → 00:26:40 ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ควรผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.
00:26:40 → 00:26:42 เอกราชบำรุงพืชชาญด้านโภชนาการ
00:26:42 → 00:26:45 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มาบอกให้รู้
00:26:45 → 00:26:46 ครับ
00:26:46 → 00:26:49 หากเนี่ยจริงๆมันแบ่งออกเป็น 2 หมวดท่า
00:26:49 → 00:26:51 ทางโภชนาการและการกำหนดอาหารเนี่ยขวดกอ
00:26:51 → 00:26:54 หมวดขอให้แคลอรี่ไม่ให้แคลอรี่เพราะผัก
00:26:54 → 00:26:57 บางชนิดเนี่ยมันไม่ได้มีแคลอรี่นะครับอ่า
00:26:57 → 00:27:01 คือแคลอรี่แบบน้อยมากเลยเว้นค่าหัวที่มา
00:27:01 → 00:27:03 อาจจะมีแป้งแสงอยู่มันก็เลยให้แคลอรี่
00:27:03 → 00:27:06 หน่อยนะครับแต่ว่าหนึ่งส่วนของมันก็ให้
00:27:06 → 00:27:09 25l ก็ไม่ได้เยอะอะไรค่ะคุณกินผัดยังไง
00:27:09 → 00:27:12 ก็ไม่อ้วนแต่ผลไม้เนี่ยถ้ากินเลือกน้ำตาล
00:27:12 → 00:27:14 สูงเพราะอ้วนครับถ้าฝ้าลําไยจริงครึ่งโล
00:27:14 → 00:27:18 อย่างเงี้ยจะเหลือเหรอน้องเพลินไงอ่ะแล้ว
00:27:18 → 00:27:21 ก็ปีนึงก็มีฤดูกาลอยู่แค่ใช่แล้วก็กลาย
00:27:21 → 00:27:25 เป็นโอ๊ตผลไม้กินเยอะไม่ดีหาแต่น้ำตาลมัน
00:27:25 → 00:27:28 สูงกับคุณไปเลือกชนิดที่น้ำตาลสูงล่ะต้อง
00:27:28 → 00:27:31 สลับบ้านได้คุณได้อย่าลืมนะคุณได้วิตามิน
00:27:31 → 00:27:34 และแร่ธาตุสารพฤกษเคมีได้อาหารนะจะผลไม้
00:27:34 → 00:27:37 อ่าบอกทุเรียนอย่างนี้น้ำตาลสูงคุณก็อยาก
00:27:37 → 00:27:40 กินเยอะฟาดสักเม็ดหน้าเต็มที่ 2 เม็ดนะฮะ
00:27:40 → 00:27:43 ไม่ใช่ว่าเราพูดสองคูณหรือลูกสองลูก
00:27:43 → 00:27:46 ทุเรียนนี้ก็ใยอาหารสูงค่าหน้าเบต้าทะเล
00:27:46 → 00:27:49 ทีนสูงซันเฟอร์สูงบูตกูต้าไธโอนให้ด้วย
00:27:49 → 00:27:52 ช่วยกระตุ้นกระบวนการดีท็อกซ์เธอไม่ได้ดี
00:27:52 → 00:27:54 มันก็มีด้านมีเยอะกว่าค่ะอ่า
00:27:54 → 00:27:58 กันแล้วตอนเนี้ยคือเราเราไม่ใช่ว่าแบบ
00:27:58 → 00:28:01 เฮ้ยกูรู้ว่ามันแต่ใครการเลือกรินให้มัน
00:28:01 → 00:28:04 เหมาะสมน้ำหักเนี่ยยังภาควันนึงเขาแนะนำ 6
00:28:04 → 00:28:07 ทัพพีเรากินถึงในทุกวันนี้ถ้าผลไม้วัน
00:28:07 → 00:28:10 หนึ่งต้อง 400 กรัมเกือบครึ่งกิโลนะแต่คน
00:28:10 → 00:28:12 ไทยกินวันนึงประมาณแค่ 140 กรัมไม่ถึง
00:28:12 → 00:28:16 ครึ่งมาแล้วก็ทำให้ได้รับใยอาหารน้อยมี
00:28:16 → 00:28:19 แต่มินและถ้า 3 สัตว์เคมีก็น้อยอันแล้วก็
00:28:19 → 00:28:22 เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังวันนึงเนี่ย
00:28:22 → 00:28:25 ผักผลไม้เนี่ย 400 กรัมหรือให้ได้อาหาร 25
00:28:25 → 00:28:28 ตามถึง 30 กรัมมาคนไทยได้ไม่ถึงครึ่งก็
00:28:28 → 00:28:31 กินกันน้อยที่ดูสิเนี่ยคานไปสมมติว่าสอง
00:28:31 → 00:28:34 มื้อเช้ากลางวันนี้เรากินผักน้อยแค่ไหน
00:28:34 → 00:28:36 ผลไม้มากน้อยแค่ไหนเราเน้นผัดก่อนนะครับ
00:28:36 → 00:28:40 เพราะว่าน้ำตาลแป้งมาน้อยแล้วผลไม้ก็ค่อย
00:28:40 → 00:28:43 เลยตามมาแต่ผลไม้วันนึงเนี่ยก็ประมาณสัก
00:28:43 → 00:28:46 สามส่วนก็คือว่างก็ได้นะครับหลังหลัง
00:28:46 → 00:28:50 อาหารก็ได้นะมาคุณมาอุ้ยกินหลังอาหาร
00:28:50 → 00:28:53 ผลไม้ต้องกินก่อนอาหารกินหลังอาหารไม่ดี
00:28:53 → 00:28:56 บางคนมาต้องกินหลังอาหารครับผลไม้คือกลาย
00:28:56 → 00:28:58 เป็นว่าแบบไม่กินเลยเพราะว่ากลัวว่า
00:28:58 → 00:29:01 เดี๋ยวกินหลังอาหารจะทำให้ท้องอืดนู่นนี่
00:29:01 → 00:29:05 แหละใช่เราก็เลือกชนิดของผลไม้อ่าไม่ต้อง
00:29:05 → 00:29:06 ผู้สูงอายุถ้าผู้สูงอายุสมมติว่าไปกิน
00:29:06 → 00:29:09 ฝรั่งอย่างเงี้ยถ้ามันอาจจะทำให้ท้องอืด
00:29:09 → 00:29:13 หลังมื้ออาหารก็เปรียบเป็นมะละกอนุ่มๆ
00:29:13 → 00:29:17 แก้วมังกรนิ่มๆครับมันก็ได้นะชั้นนี้ของ
00:29:17 → 00:29:21 ผลไม้ก็มีมีผลหาเรามันก็ทำให้เราเนี่ยได้
00:29:21 → 00:29:24 ประโยชน์เต็มที่ที่จะแล้วขอให้กินจากผัก
00:29:24 → 00:29:26 ผลไม้ส่วนเป็นหลักล้างทำความสะอาดให้ดี
00:29:26 → 00:29:29 อันนี้คือสิ่งที่ที่เราจะได้รับประโยชน์
00:29:29 → 00:29:32 จากนั้นก็คือใยอาหารนี้แหละเป็นหลักเลย
00:29:32 → 00:29:34 ต่อให้คุณบอกว่าเว้ยผลไม้เนี่ยไปวางขาย
00:29:34 → 00:29:37 โดนแดดรถขนส่งวิตามินหายหมดแล้วกินไปไม่
00:29:37 → 00:29:40 ได้ประโยชน์หรอกนะไม่ใช่นะคือวิตามินหาย
00:29:40 → 00:29:43 ก็ไม่เป็นไรแต่อย่าอาหารไม่มีอยู่ถูกไหม
00:29:43 → 00:29:46 ครับค่าอ่ะยังไงมันก็ยังได้ประโยชน์จาก
00:29:46 → 00:29:49 ไฟเบอร์หรือใยอาหารที่มันช่วยในการชะลอ
00:29:49 → 00:29:52 วัยชะลอโลกได้ในการที่จะลดความเสี่ยงต่อ
00:29:52 → 00:29:55 การเกิดเบาหวานความดันไขมันหัวใจมะเร็งก็
00:29:55 → 00:30:00 ใหญ่อาหารนี่แหละเวลา
00:30:00 → 00:30:03 The Best Choice PBS พ็อดคาสท์
00:30:03 → 00:30:07 ที่ตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
00:30:07 → 00:30:11 ของไทยที่บช.ปสคาส spotify soundcloud
00:30:11 → 00:30:14 Google พ็อดคาสท์ Upper เปิด Task ละ
00:30:14 → 00:30:16 YouTube Channel Thai PBS สด Task
00:30:17 → 00:30:20 ใช้ premiere path ขาด you the world's
00:30:20 → 00:30:23 เปียโบว์อีกอ่ะ
00:30:23 → 00:30:27 [เพลง]