00:00:04 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:22 [เพลง]
00:00:22 → 00:00:25 H School หรือบ้านเรียนคือการจัดการ
00:00:25 → 00:00:28 ศึกษาโดยครอบครัวเป็นทางเลือกหนึ่งในรูป
00:00:28 → 00:00:30 แบบการจัดการศึกษาที่มีความหลากหลาย
00:00:30 → 00:00:34 สำหรับผู้ปกครองโดยผู้ปกครองมีบทบาทอัน
00:00:34 → 00:00:37 สำคัญในการวางหลักสูตรการเรียนการสอนให้
00:00:37 → 00:00:39 เกิดความเหมาะสมกับระดับความสามารถของตัว
00:00:39 → 00:00:42 ผู้เรียนหรือลูกหลานของตนด้วยลักษณะที่มี
00:00:43 → 00:00:45 ความยืดหยุ่นต่อระดับพัฒนาการของผู้เรียน
00:00:45 → 00:00:48 รายบุคคลนี้เองทำให้การจัดการเรียนแบบ H
00:00:48 → 00:00:51 School นี้มีความเหมาะสมกับการนำมา
00:00:51 → 00:00:54 ประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนให้
00:00:54 → 00:00:56 กับกลุ่มนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ
00:00:56 → 00:00:58 หรือนักเรียนกลุ่มที่เราเรียกกันว่าเด็ก
00:00:58 → 00:00:59 พิเศษ
00:00:59 → 00:01:01 [เพลง]
00:01:01 → 00:01:05 ทำไมถึงต้องเป็นโฮ School ใช่มั้ยคะเพราะ
00:01:05 → 00:01:09 เด็กบางคนต้องการโอกาสในการเลือกการศึกษา
00:01:09 → 00:01:12 นอกเหนือจากระบบการศึกษาปกติอ่ะค่ะเพราะ
00:01:12 → 00:01:16 ว่าหลักสูตรปกติมี 8 แกนกลางเงี้ยค่ะบาง
00:01:16 → 00:01:19 คนเขาอาจจะไม่ได้สนใจเลขหรือว่าไม่ได้สน
00:01:19 → 00:01:22 ใจเรื่องภาษาอังกฤษแต่อาจจะเริ่มต้นจาก
00:01:22 → 00:01:25 ศิลปะก่อน Home School ก็คือตอบโจทย์ใน
00:01:25 → 00:01:28 ความสนใจของเด็กในเบื้องต้นที่เขาสนใจ
00:01:28 → 00:01:31 อะไรแล้วเราจัดการเรียนรู้ตามสิ่งที่เขา
00:01:31 → 00:01:36 สนใจและใช้กิจกรรมหรือกิจกรรมบำบัดเข้าไป
00:01:36 → 00:01:39 มีส่วนร่วมในการที่จะวิเคราะห์หรือเป็น
00:01:39 → 00:01:43 การออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้ให้เด็กได้
00:01:43 → 00:01:46 เหมือนเด็กตามระบบการศึกษาปกติอ่ะ
00:01:46 → 00:01:49 ค่ะในวันนี้รายการเล็กๆเปลี่ยนโลกจึงเดิน
00:01:49 → 00:01:53 ทางมาที่ศูนย์กายภาพบำบัดคณะกายภาพบำบัด
00:01:53 → 00:01:56 มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อนำเสนอภาพการจัดงาน
00:01:56 → 00:02:00 สัมมนาวิชาการเรื่อง H School ้าเรียน
00:02:00 → 00:02:02 ชวนเพลินและการประยุกต์ใช้ในทางคลินิก
00:02:02 → 00:02:05 เพื่อเด็กพิเศษโดยเล็งเห็นถึงความสำคัญ
00:02:05 → 00:02:07 ของการให้การศึกษาแก่เด็กที่มีความ
00:02:07 → 00:02:09 ต้องการพิเศษอีกทั้งยังเล็งเห็นถึง
00:02:10 → 00:02:13 ศักยภาพของการจัดการศึกษารูปแบบ H School
00:02:13 → 00:02:15 ต่อการนำมาประยุกต์ใช้ในทางคลินิกกิจกรรม
00:02:16 → 00:02:19 บำบัดซึ่งการจัดงานสัมมนาในวันนี้จะเป็น
00:02:19 → 00:02:21 ประโยชน์อย่างมากกับทั้งผู้ปกครองและนัก
00:02:21 → 00:02:25 กิจกรรมบำบัดรุ่นใหม่ที่สนใจการเรียนรู้
00:02:25 → 00:02:28 หรือการพัฒนาใดๆก็ตามเนี่ยมันต้องตั้ง
00:02:28 → 00:02:31 อยู่บนพื้นฐานของสุขภาพร่างกายที่ดีก่อน
00:02:31 → 00:02:34 แล้วเขาถึงจะสามารถที่จะพัฒนาหรือว่าใช้
00:02:34 → 00:02:38 งานร่างกายที่ดีนั้นให้ได้ทีนี้ถ้าสมมุติ
00:02:38 → 00:02:40 ว่าเอ่อเด็กมีปัญหาทางด้านร่างกายหลาย
00:02:40 → 00:02:43 อย่างนะเราก็ควรจะต้องดูแลทุกๆด้านเนี่ย
00:02:43 → 00:02:47 ไปพร้อมๆกันอย่ามุ่งไปในด้านใดด้านหนึ่ง
00:02:47 → 00:02:52 จนกระทั่งลืมลืมพัฒนาด้านอื่นๆเพราะว่า
00:02:52 → 00:02:55 ช่วงเวลา 0-7 ปีแรกของเด็กเนี่ยเป็นไหว
00:02:55 → 00:02:57 ทองในการเจริญเติบโตของทั้งสมองและร่าง
00:02:58 → 00:03:01 กายถ้าเรามุ่งเน้นไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
00:03:01 → 00:03:03 เพียงอย่างเดียวเนี่ยมันจะทำให้ด้านอื่น
00:03:03 → 00:03:07 เนี่ยถอยถอยหลังออกไปแล้วพอเมื่อเรามานึก
00:03:07 → 00:03:09 ได้สมมุติว่านึกได้ที่ 7 ปีเนี่ยการทำงาน
00:03:09 → 00:03:12 ของเราในการจะพัฒนาด้านที่เราละเลหรือ
00:03:12 → 00:03:15 ด้านที่เราลืมไปเนี่ยมันยากขึ้นกว่าเดิม
00:03:15 → 00:03:19 กว่าการที่เราจะทำตั้งแต่เริ่มต้นในช่วง
00:03:19 → 00:03:21 นี้เป็นการบรรยายในหัวข้อเรื่อง
00:03:21 → 00:03:24 ประสบการณ์ในการเลี้ยงดูบุตรเด็กพิเศษและ
00:03:24 → 00:03:27 การจัดการเรียนการสอนแบบบ้านเรียนโดย
00:03:27 → 00:03:29 แพทย์หญิงมาลินีกุสรานันท์ให้เกียรติแ่
00:03:29 → 00:03:32 ทางโครงการรวมแบ่งปัน
00:03:32 → 00:03:35 ประสบการณ์อันนี้ก็คือลูกชายนะคะที่เป็น
00:03:35 → 00:03:39 เด็กพิเศษนะคะเขาคลอดก่อนกำหนดตอนเขคลอด
00:03:39 → 00:03:41 เนี่ยแม่เพิ่งตั้งครรภ์ได้แค่ 23 สัปดาห์
00:03:41 → 00:03:44 ก็คือประมาณ 5 เดือนครึ่งเอ่อน้องเาออกมา
00:03:44 → 00:03:47 ตัวเล็กมากนะคะน้ำหนักเนี่ย
00:03:47 → 00:03:51 เอ่อไม่สามารถชั่งได้เพราะว่าเอ่อคุณหมอ
00:03:51 → 00:03:53 เาใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิตไว้ก่อนแล้วปอไป
00:03:53 → 00:03:56 ช่างมันก็ชั่งได้ประมาณ 600 กรัมโดยที่
00:03:56 → 00:03:59 ถ้าหากอุปกรณ์ออกก็คงจะประมาณ 500 กว่าๆ
00:03:59 → 00:04:02 นะคะทีนี้นี้ปัญหาที่มันมันยาวนานมาจนถึง
00:04:02 → 00:04:04 ปัจจุบันอันที่ 1 ก็คือปัญหาหลักตอนนี้
00:04:04 → 00:04:08 คือมีจอปสาทตาลอกเขาคลอดก่อนกำหนดจอ
00:04:08 → 00:04:10 ประสาทตามันเจริญไม่เต็มที่แล้วมันก็ลอก
00:04:10 → 00:04:13 หลุดออกมาก็คือหมอเขก็บอกว่าบายแน่นอนนนะ
00:04:13 → 00:04:15 ฮะปัจจุบันเนี่ยเราก็กระตุ้นสายตาขึ้นมา
00:04:15 → 00:04:17 จนกระทั่งอยู่ในระดับที่เขาเรียกว่า L
00:04:17 → 00:04:20 Vision L Vision ก็คือมองเห็นประมาณ
00:04:20 → 00:04:23 20/200 คือคนอื่นเห็น 200 ฟุตเด็กเด็ก
00:04:23 → 00:04:25 กลุ่มนี้ก็คือจะเห็นที่ประมาณ 20 ฟุตนะคะ
00:04:25 → 00:04:28 และอันที่ 2 คือเขาเป็นถุงลมปอดโป่งพองก็
00:04:28 → 00:04:31 ขอให้นึกภาพคนที่ที่สูบบุหรี่มาประมาณซัก
00:04:31 → 00:04:34 40-50 ปีฮะถุงลมเ้าเี่เป็นยังไงเด็ก
00:04:34 → 00:04:38 กลุ่มนี้ก็เป็นแบบนั้นนะคะแล้วก็อันที่ 3
00:04:38 → 00:04:41 คือเนื่องจากตัวเล็กมากเก็จะมีปัญหา
00:04:41 → 00:04:44 เรื่องการขัดออกซิเจนในสมองนะคะสิ่งที่
00:04:44 → 00:04:48 เราพบเมื่อตอนที่เขากลับบ้านก็คือว่าเขา
00:04:48 → 00:04:52 มีการแข็งเกร็งของแขนทั้งแขนทั้งขาแขนขา
00:04:52 → 00:04:54 มากกว่าแขนนะคะส่วนเรื่องของระดับสติ
00:04:54 → 00:04:56 ปัญญาในานั้นเราไม่เราไม่รู้ว่าเป็นยังไง
00:04:57 → 00:04:59 นะคะแล้วก็มีลำไส้ทะลุลำไส้มันอักเสบมัน
00:04:59 → 00:05:02 ขาดเลือดน่ะค่ะอักเสบแล้วก็ทะลุผ่าตัดไป 3
00:05:02 → 00:05:04 ครั้งตัดตอบอะไรประมาณเนี้ยนะคะแล้วก็อัน
00:05:04 → 00:05:07 ที่ 5 ก็คือมีิ้นหัวใจมันไม่ปิดเพราะคลอด
00:05:07 → 00:05:09 ก่อนกำหนดก็ไปผ่าตัดปิดตอนนั้นหนักแค่ 500
00:05:09 → 00:05:14 กรัมตอนที่ผ่านะคะแล้วก็ข้อ 6 ก็คือเจะ
00:05:14 → 00:05:17 พัฒนาการช้าเนื่องจากภาวะคลอดก่อนกำหนด
00:05:17 → 00:05:19 คือคลอดก่อนกำหนดอย่างเดียวโดยที่ไม่มี
00:05:19 → 00:05:21 โรคอื่นเลยเนี่ยเด็กจะเด็กจะมีพัฒนาการ
00:05:21 → 00:05:24 ช้าร่วมด้วยเสมอนะคะแล้วทีนี้เขาคก็มี
00:05:24 → 00:05:27 เสตาเรือนลงมันก็จะกระทบกับพันพัฒนาการเ
00:05:27 → 00:05:29 ก็้ไปอีกแล้วก็เอ่อสมาธิจะสั้นว่าเด็ก
00:05:29 → 00:05:31 กลุ่มเนี้ยเขาคอยู่ในตู้อบนานแล้วเก็จะ
00:05:31 → 00:05:34 ถูกกระตุ้นตั้งแต่เล็กมันก็จะทำให้เขา
00:05:34 → 00:05:37 เอ่อเหมือนกับเราเให้เปอร์ตลอดเวลานะคะเ
00:05:38 → 00:05:39 กลับมาบ้านแล้วทีนี้เนี่ยเราก็มาวางแผน
00:05:39 → 00:05:42 กันว่าเราจะดูแลเขายังไงนะคะสิ่งที่เรา
00:05:42 → 00:05:43 ให้ความสำคัญมากก็คือเรื่องการรักษา
00:05:43 → 00:05:46 สุขภาพอันที่ 2 ก็คือรักษาโรคตากระตุ้น
00:05:46 → 00:05:49 สายตาแล้วก็ป้องกันโรคอื่นๆที่จะมาจากที่
00:05:49 → 00:05:51 เขาเป็นเยอะนะฮะและสุดท้ายก็คือกระตุ้น
00:05:51 → 00:05:54 พัฒนาการสิ่งสำคัญสำหรับเด็กพิเศษของเรา
00:05:54 → 00:05:57 ก็คือว่าเราต้องทำ Early intervention
00:05:57 → 00:06:00 ก็คือการกระตุ้นตั้งแต่เรเร็วที่สุดทเร
00:06:00 → 00:06:02 สามารถจะทำได้เนี่ยยลูกตอนที่อยู่ห้อง
00:06:02 → 00:06:05 พิเศษในอยู่ที่โรงพยาบาลดราม่านะคะเราก็
00:06:05 → 00:06:07 พยายามจะกระตุ้นการเคลื่อนไหวการมองเห็น
00:06:07 → 00:06:10 เา้ามันตอนนี้เคือเขาไม่เห็นหรอกนะคะว่า
00:06:10 → 00:06:12 ตอนนี้เป็นช่วงที่จอประสัตาเหลุดแล้วก็
00:06:12 → 00:06:16 กำลังฉีดแก๊สอยู่แต่เราก็พยายามจะกระตุ้น
00:06:16 → 00:06:18 ให้เขามีการเคลื่อนไหวพอเคลื่อนไหวปุ๊บ
00:06:18 → 00:06:20 เขาจะต้องมีได้ยินเสียงหรือได้สัมผัสหรือ
00:06:20 → 00:06:22 ได้อะไรอย่างงั้นเพราะไม่งั้นเนี่ยเด็ก
00:06:22 → 00:06:24 กลุ่มที่ตามองไม่เห็นเนี่ยเขาจะไม่ขยับนะ
00:06:24 → 00:06:26 เพราะเไม่มีแรง 1 มองไม่เห็นไม่มีแรงจูง
00:06:26 → 00:06:28 ใจ 2 ขยับแล้วถ้าไม่เจออะไรมันไม่ได้
00:06:28 → 00:06:31 รีวอร์ดมันไม่ได้รางวัลเขาก็จะไม่ขยับไม่
00:06:31 → 00:06:35 เขยื้อนเขาจะมือตายลักษณะนี้นะคะถ้าเรา
00:06:35 → 00:06:38 ไม่กระตุ้นทุกๆอย่างจะต้องทำตั้งแต่เริ่ม
00:06:38 → 00:06:41 ทีนี้ถ้าเกิดว่าเราไปหาศูนย์การศึกษา
00:06:41 → 00:06:43 พิเศษซึ่งตัวเองก็เคยไปหาเนี่ยนะคะเขาจะ
00:06:43 → 00:06:46 เริ่มรับเด็กที่ 30 ขวบครึ่งหรือ 4 ขวบ
00:06:46 → 00:06:48 ครึ่งในบางที่ช้าเกินไปค่ะคุณพ่อคุณแม่
00:06:48 → 00:06:51 ทุกท่านเลยนะคะถ้าเรารอจนถึง 4 ขวบครึ่ง
00:06:51 → 00:06:53 แล้วเราไปพึ่งเขาเนี่ยลูกเราเสียโอกาส
00:06:53 → 00:06:57 สมองเด็กที่โตออกมาปุ๊บเนี่ย 90% มันโตใน
00:06:57 → 00:07:00 ช่วง 3 ปีแล้วกแล้วที่เหลือมันมาโตต่อแต่
00:07:00 → 00:07:02 เราทิ้งช่วงลูกเรา 3 ปีเราขาดทุนค่ะลูก
00:07:02 → 00:07:04 เราขาดทุนนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยเรารอไม่
00:07:04 → 00:07:07 ได้ถึงแม้ว่าไม่มีใครดูเราก็ต้องทำเองทำ
00:07:07 → 00:07:10 ผิดทำถูกเราก็ต้องศึกษาหาความรู้แล้วก็ทำ
00:07:10 → 00:07:14 เถอะค่ะทำดีกว่าไม่ทำลูกชายเนี่ยตอนที่
00:07:14 → 00:07:16 ออกมาเนี่ยหมอเขาแทงว่าตาบอดเรากระตุ้ม
00:07:16 → 00:07:18 สายตาตลอดนะฮะแล้วเขาดีขึ้นเพียงแค่เห็น
00:07:18 → 00:07:21 วัตถุอย่างน้อยก็ดีไม่เดินชนพอเขาเห็น
00:07:21 → 00:07:23 วัตถุปุ๊บเขาเห็นอย่างอื่นขึ้นมาเห็นสี
00:07:23 → 00:07:26 เห็นแสงขึ้นมาอีกหน่อยก็ดีเอาไว้แย่แยก
00:07:26 → 00:07:29 แบงค์แยกเสื้อผ้าทุกอย่างมีแต่ดีไม่มีขาด
00:07:29 → 00:07:31 ทุนเพราะฉะนั้นเราก็ทำมาเรื่อยๆณปัจจุบัน
00:07:31 → 00:07:34 เนี้ยลูกชายคนเนี้ยเขาสามารถที่จะอ่าน
00:07:34 → 00:07:38 หนังสือได้เลยนะคะตัวตัวเล็กๆนะคะอายุ 6
00:07:38 → 00:07:40 ขวบนะคะคือแม่ไม่ได้สอนหนังสือเขาเยอะนะ
00:07:40 → 00:07:42 แม่สอนแต่สิ่งที่เขาชอบก็คือตัวเลขเขาชอบ
00:07:42 → 00:07:45 ตัวเลขก็ให้เขาดูประมาณตัวประมาณนิ้วนึง
00:07:45 → 00:07:48 ถึงครึ่งนิ้วเนี่ยเขาเริ่มมองเห็นแล้วแต่
00:07:48 → 00:07:50 ไม่ทราบว่าจะอ่านหนังสือเป็นคำได้หรือ
00:07:50 → 00:07:52 เปล่านะคะเพราะว่าเรายังไม่ได้สอนเขาใน
00:07:52 → 00:07:54 เรื่องการผสมคำการผสมคำก็จะมีความยาก
00:07:54 → 00:07:56 สำหรับเขาอีกเพราะมันมาเรียงติดๆๆๆกันใช่
00:07:56 → 00:07:58 มั้ยคะมันไม่ได้ใช้ช่องว่างเราก็ไม่รู้
00:07:58 → 00:08:01 นั้นเราก็ไม่เป็นไรอะไรที่ได้ก็เป็นกำไร
00:08:01 → 00:08:05 ทั้งนั้นนะคอันนี้ตอนน่าจะสักประมาณ 8-9
00:08:05 → 00:08:07 เดือนเพิ่งกลับถึงบ้านนะคะทุกอย่างเรา
00:08:07 → 00:08:10 พยายามเอ่อนี่คือการกระตุ้นสายตานะคะผ้า
00:08:10 → 00:08:13 ปู่ที่นอนเนี่ยการกระตุ้นสายตาแบบนี้ก็
00:08:13 → 00:08:16 คือการทำสอนสมองให้มันรู้จักแยกระหว่าง
00:08:16 → 00:08:20 วัตถุกับพื้นหลังอ่าอันนี้เเรเพิ่งเริ่ม
00:08:20 → 00:08:23 เห็นวัตถุเราก็กระตุ้นมันอันดับต่อไปทุก
00:08:23 → 00:08:27 อย่างจะต้องเป็นขาวดำขาวดำหมดก็ไปอะไรที่
00:08:27 → 00:08:30 เราทำได้แล้วก็ซื้อมาผ้ามากลุ้มถักไอ้ขวด
00:08:30 → 00:08:33 นมถักโครเชขวดนมเป็นขาวดำขาวดำไงเพื่อที่
00:08:33 → 00:08:35 เขาจะง่ายต่อการเห็นพอเขาง่ายต่อการเห็น
00:08:35 → 00:08:37 เขาก็อยากจะเอื้อมมือไปหยิบเพราะเเอื้อม
00:08:37 → 00:08:39 มือไปหยิบกล้ามเนื้อมัดใหญ่มัดเล็กเขาก็
00:08:39 → 00:08:42 ได้ทำงานตากับสมองเก็ได้ทำงานผสมกันอัน
00:08:42 → 00:08:45 นี้ก็เป็นพื้นรองคานธรรมดานะคะเราไม่รู้
00:08:45 → 00:08:47 หรอกว่าเขามองเห็นสีหรือไม่เห็นสีแต่ว่า
00:08:47 → 00:08:50 แม่เทำหน้าที่เป็นตาให้เขาทุกสิ่งทุก
00:08:50 → 00:08:53 อย่างเราบรรยายหมดเราไม่รู้เขาดับได้แค่
00:08:53 → 00:08:56 ไหนได้แค่ไหนก็เท่านั้นแต่ว่าถ้าเราไม่
00:08:56 → 00:08:59 พูดเลยูค่ะอายุได้ 2 ขวบครึ่งเนี่ยก็
00:08:59 → 00:09:01 เริ่มมองหาโรงเรียนแต่ปรากฏว่าเขาปฏิเสธ
00:09:02 → 00:09:04 หมดเลยค่ะเขาบอกว่าเขาไม่สามารถที่จะดูแล
00:09:04 → 00:09:07 เด็กสายตาเรือนรางได้ก็เลยตัดสินใจว่าจะ
00:09:07 → 00:09:11 ทำยังไงดีก็เลยมองหาวิธีที่จะให้การศึกษา
00:09:11 → 00:09:15 แก่ลูกโดยกันที่ทำโฮม School แทนคำถามที่
00:09:15 → 00:09:19 สำคัญเลยทำยังไงพอจะทำโมสคูณปุ๊บจะทำยัง
00:09:19 → 00:09:21 ไงต่อไปแล้วจะยังไงไม่รู้จะเริ่มต้นตรง
00:09:21 → 00:09:24 ไหนอันดับที่ 1 ก็คือก่อนที่เราจะคิดหา
00:09:24 → 00:09:27 วิธีการอย่างอื่นเราต้องมองก่อนว่าตัดสิน
00:09:27 → 00:09:30 ใจให้ได้ก่อนว่าลูกเราเนี่ยด้วย
00:09:30 → 00:09:33 ด้วยต้นทุนเขาขนาดเนี้ยเราอยากให้เขาได้
00:09:33 → 00:09:36 อะไรบ้างในชีวิตเขาเราต้องการอะไรอะไรคือ
00:09:36 → 00:09:40 เป้าหมายหลักเป้าหมายรองของเรานะคะสำหรับ
00:09:40 → 00:09:43 ที่บ้านเนี่ยอันที่ 1 เลยย้ำอีกแล้วขอ
00:09:43 → 00:09:46 สุขภาพดีแค่นั้นก็พอค่ะไม่เจ็บไม่ป่วยพอ
00:09:46 → 00:09:49 ใจและนะคะอันที่ 2 ก็คือถ้าเขาจะเรียนรู้
00:09:49 → 00:09:51 เนี่ยขอให้เขาเป็น Active learner ไม่
00:09:51 → 00:09:54 ใช่ Passive learner ไม่ใช่นั่งแล้วแม่
00:09:54 → 00:09:57 เอาอะไรมาป้อนทำตามแม่เอาอะไรมาป้อนทำตาม
00:09:57 → 00:09:59 ไม่คิดที่จะออกไปหาอะไรข้างนอกเลยอย่าง
00:09:59 → 00:10:01 เงี้ยเราไม่ต้องการนะคะเพราะว่าเราไม่ได้
00:10:01 → 00:10:04 อยู่ป้อนเค้าตลอดชีวิตเราต้องการให้เค้า
00:10:04 → 00:10:07 ยืนได้ด้วยตัวเองค่ะอันที่ 3 ก็คือเค้าจะ
00:10:07 → 00:10:10 ต้องรู้คุณค่าของเขามีความภาคภูมิใจในตัว
00:10:10 → 00:10:13 เองแล้วก็รู้คุณค่าในตัวของคนอื่นด้วยว่า
00:10:13 → 00:10:16 คนอื่นเขามาช่วยเราเนี่ยไม่ใช่ว่าเคเป็น
00:10:16 → 00:10:19 หน้าที่ของเขาที่มาช่วยเรานะเคมีน้ำใจเค
00:10:19 → 00:10:21 มีค่าที่เขามาช่วยเราเขาต้องรู้คุณค่าของ
00:10:21 → 00:10:24 เขาแล้วก็รู้คุณค่าของตัวเองอันสุดท้าย
00:10:24 → 00:10:27 ที่เป็นเป้าหมายสำคัญอันอยู่ในอนาคตมัง
00:10:27 → 00:10:29 ไม่ถึงก็คือเขาต้องเป็นคนที่เป็น
00:10:29 → 00:10:32 independent Person ก็คือเขาเป็นอิสระ
00:10:32 → 00:10:34 ในการที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองไม่ต้อง
00:10:34 → 00:10:36 พึ่งพาคนอื่นนะคะได้ไม่ได้เรายังไม่รู้
00:10:36 → 00:10:39 แต่ว่าเราก็ตั้งความหวังไว้หรือจะต้อง
00:10:39 → 00:10:41 พึ่งคนอื่นก็ให้มันน้อยที่สุดก็แล้วกัน
00:10:41 → 00:10:45 อะไรประมาณเนี้ยนะคะทีนี้พอเราได้เป้า
00:10:45 → 00:10:47 หมายแล้วคุณอันดับที่ 1 ก็คือเราต้องหา
00:10:47 → 00:10:49 ว่าเราจะสอนแล้วต้องการให้ลูกเราเป็นยัง
00:10:49 → 00:10:52 ไงก่อนอันที่ 2 ก็คือวิธีการน่ะทำยังไง
00:10:52 → 00:10:55 เราถึงจะไปถึงวิธีการนั้นได้เราจะเลือก
00:10:55 → 00:10:58 วิธีการแบบไหนมันมีทางให้เดินเลือกเยอะ
00:10:58 → 00:11:03 มากคุณพ่อคุณแม่เอ่อต้องพิจารณาจากลูกจาก
00:11:03 → 00:11:06 องค์ประกอบทางบ้านของเราแล้วก็จากความ
00:11:06 → 00:11:11 พร้อมของเราความชอบของเรานะคะหลักๆก็คือ
00:11:11 → 00:11:13 แนวการศึกษาทางเลือกนะคะแนวการศึกษาทาง
00:11:13 → 00:11:16 เลือกในปัจจุบันเยที่ที่ใช้กันเยอะก็มี
00:11:16 → 00:11:19 ดอฟนะฮะดอฟนี่ก็จะเป็นแนวศึกษาที่เกี่ยว
00:11:19 → 00:11:22 กับอ่าธรรมชาติเกี่ยวกับจิตวิญญาณอันที่ 2
00:11:22 → 00:11:26 ก็เป็นแนว mony mony เนี่ยจะเป็นเอ่อการ
00:11:26 → 00:11:29 ศึกษาที่เขาสร้างเมื่อแรกเริ่มเดินทีเเ
00:11:29 → 00:11:32 สร้างสำหรับเด็กพิเศษโดยเฉพาะดรมารีย mony
00:11:32 → 00:11:35 เนี่ยเป็นเป็นเป็นหมอที่ชำนาญเรื่องเด็ก
00:11:35 → 00:11:39 พิเศษนะฮะอันที่ 3 ก็คือแนว neist ก็จะ
00:11:39 → 00:11:42 เป็นเรื่องเกี่ยวกับเ่าธรรมชาติของมนุษย์
00:11:42 → 00:11:45 อันที่ 4 ก็เป็นแนวเรกจิโอ Media นะคะก็
00:11:45 → 00:11:48 แล้วแต่ผู้ผู้ปกครองจะไปสนใจไปศึกษาเอา
00:11:48 → 00:11:51 เลือกเอาไอ้อย่างที่เราชอบเราคิดว่าสมควร
00:11:51 → 00:11:53 อันที่ 2 ก็คือตามแนวกระแสหลักอันนี้ก็
00:11:53 → 00:11:56 ง่ายถ้าเราสุขใสจำแตวกระแสหลักนะคะเราก็
00:11:56 → 00:12:00 ไปโหลดมาเลยค่ะเปิดเน็ตซ้อๆว่าทก็มีีอก็
00:12:00 → 00:12:02 มีมันมีหลักสูตรหมดเลยนะคะอนุบาล 1 ต้อง
00:12:02 → 00:12:05 รู้อะไรบ้างป 1 ป 2 ป 3 ป 4 บอกหมดเลย
00:12:05 → 00:12:07 แล้วบอกแม้กระทั่งว่าครูเนี่ยต้องทำอะไร
00:12:07 → 00:12:10 บ้างนะคะไม่ใช่เรื่องยากเลยอันที่ 3 ก็
00:12:10 → 00:12:13 คือเราทำตามที่เราต้องการอย่างเป็นแนวที่
00:12:13 → 00:12:16 บ้านเนี่ยเป็นที่บ้านเนี่ยก็น่าจะออกเป็น
00:12:16 → 00:12:19 แนวที่ 3 คือเราใช้เอ wof นะคะเป็นหลัก
00:12:19 → 00:12:22 แต่ว่าเราก็มาปรับปรับใช้ให้เหมาะกับลูก
00:12:22 → 00:12:25 ของเราเหมาะกับบริบทของเรานะคะแล้วก็ไป
00:12:25 → 00:12:28 เลือกเอาตรงนนนนิดตรงนี้หน่อยชอบอันไหนก็
00:12:28 → 00:12:29 เอาอันนั้นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในโรง
00:12:29 → 00:12:33 เรียนเราอยากจะทำอะไรเราก็ทำนะคะอันสุด
00:12:33 → 00:12:35 ท้ายก็คือ Un schooling Un schooling
00:12:35 → 00:12:38 เนี่ยมาสำหรับเด็กบ้านเรียนก็คือเขาไม่
00:12:38 → 00:12:41 สอนนะคะเขาจะสอนเขาจะดูแลให้เด็กอ่านออก
00:12:41 → 00:12:44 เขียนได้แล้วก็ให้ข้อมูลเมื่อเด็กอย่าง
00:12:44 → 00:12:46 ต้องการอะไรเท่านั้นเองเมื่อเราได้เป้า
00:12:46 → 00:12:48 หมายแล้วว่าต้องการปลายทางเราต้องการให้
00:12:48 → 00:12:51 ลูกเราเป็นอะไรอันที่ 2 เราจะมีทางเดิน
00:12:51 → 00:12:53 ให้ลูกเป็นอย่างงั้นได้ยังไงเราก็จะต้อง
00:12:53 → 00:12:56 ทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายนะคะสำหรับตัว
00:12:56 → 00:12:58 เองนี่ก็จดทะเบียนกับเขตพื้นที่การศึกษา
00:12:58 → 00:13:02 จังหวัดนครปฐมนั่นหมายความว่าเอ่อเขาก็
00:13:02 → 00:13:04 เป็นนักเรียนของเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม
00:13:04 → 00:13:06 เอ้ยเป็นนักเรียนของที่บ้านเรียนแต่ว่า
00:13:06 → 00:13:08 เอกสารทุกอย่างอะไรอย่างเงี้ยก็จะออกจาก
00:13:08 → 00:13:11 เขตพื้นที่การศึกษานครปฐมนะ 1 ปีเมา
00:13:11 → 00:13:13 ประเมินครั้งนึงระหว่าง 1 ปีเขาอาจจะมาดู
00:13:13 → 00:13:16 ที่บ้าน 1 ครั้งหรือ 2 ครั้งนะคะพี่น้า
00:13:16 → 00:13:18 เนี่ยเอ่อลูกชายเนี่ยประเมินไปแล้วอนุบาล
00:13:18 → 00:13:20 1 นะคะก็ผ่านดีไม่มีปัญหาอะไรนะคะตอนนี้
00:13:20 → 00:13:23 ก็อยู่ในช่วงอนุบาล 2 นะคะอันสุดท้ายข้อ
00:13:23 → 00:13:26 สำคัญก็คือว่าลงมือทำเลยพอเราคิดว่าเราจะ
00:13:26 → 00:13:28 ทำเราติใจฮักทั้งได้แล้วเราก็ทำไปเลยไม่
00:13:28 → 00:13:30 ต้องกลัวทถูกไม่ต้องกลัวผิดมันทั้งถูก
00:13:30 → 00:13:34 ทั้งผิดตลอดเวลาค่ะทำเลยแล้วก็เรียนรู้
00:13:34 → 00:13:36 ใหม่สิ่งใหม่ๆแล้วก็ปรับปรุงแล้วก็ทำแล้ว
00:13:36 → 00:13:39 ก็แล้วก็เรียนรู้แล้วก็ปรับปรุงทำไม่ต้อง
00:13:39 → 00:13:43 คิดไกลไม่ต้องคิดว่าป 3 ป 4 เราจะสอนได้ม
00:13:43 → 00:13:45 เราไม่จำเป็นต้องสอนทั้งหมดนะฮะคุณพ่อคุณ
00:13:45 → 00:13:49 แม่เรามี outsource เราไปหาคนอื่นให้เขา
00:13:49 → 00:13:52 ช่วยสอนบ้างก็ได้ทีนี้ข้อดีของการทำโ
00:13:52 → 00:13:54 School นะคะที่ที่คุณพ่อคุณแม่ที่มีเด็ก
00:13:54 → 00:13:56 พิเศษเนี่ยอันที่ 1 ก็คือสุขภาพดีลดการ
00:13:57 → 00:13:59 ติดเชื้อจากโรงเรียนเด็กเล็กๆไปโรงเรียน
00:13:59 → 00:14:02 เนี่ยจะต้องป่วยเป็นหวัดอย่างน้อยเดือนละ
00:14:02 → 00:14:05 2 ครั้งนนี่เป็นเรทปกติและถ้าเป็นเด็ก
00:14:05 → 00:14:07 พิเศษของเราเนี่ยป่วย 1 ครั้งอย่างลูกชาย
00:14:07 → 00:14:10 เนี่ยเป็นหวัด 1 ครั้งนะคะป่วยไปเดือนนึง
00:14:10 → 00:14:13 ต้องหยุดเดือนนึงเป็นหวัดแค่ครั้งเดียว
00:14:13 → 00:14:16 ป่วยเดือนนึงไม่สบายเป็นหวัด 1 ครั้งเขา
00:14:16 → 00:14:19 จะหอบเขียวเลยถ้าแม่พ่นยาให้ออกซิเจนที่
00:14:19 → 00:14:21 บ้านถ้าแม่ไม่ได้เป็นหมอก็คือต้องนอนโรง
00:14:21 → 00:14:23 พยาบาลทุกครั้งใช่มั้ยคะค่าใช้จ่ายตั้ง
00:14:23 → 00:14:27 เท่าไหร่แล้วเวลาป่วยทีนึงเนี่ยน้ำหนักลด
00:14:27 → 00:14:29 ไอ้น้ำหนักเดิมมันก็น้อยอยู่แล้วพัฒนาการ
00:14:29 → 00:14:33 มันก็ลดถอยหลังไปอีกนะคะไม่ต้องเรียนกัน
00:14:33 → 00:14:35 อันที่ 2 ก็คือไม่ต้องเสียเวลาไปกับการ
00:14:35 → 00:14:37 เดินทาง 3-4 ชั่วโมงไม่ต้องเสียค่ะที่
00:14:37 → 00:14:39 เหลือเนี่ยนะคะไม่ต้องเรียนอะไรเลยให้ลูก
00:14:39 → 00:14:41 นั่งเล่นๆนอนๆเฉยๆเนี่ยเขาก็ได้เรียนรู้
00:14:41 → 00:14:44 อะไรขึ้นมาแล้วอันที่ 3 ก็คือไม่ติดนิสัย
00:14:44 → 00:14:46 ที่ไม่พึงประสงค์จากนอกบ้านอันนี้มีวง
00:14:46 → 00:14:48 เล็บถ้านิสัยไม่พึงผสมจากในบ้านเราก็ต้อง
00:14:48 → 00:14:52 ค่อยปรับปรุงที่บ้านเรานะคะแล้วก็เรามี
00:14:52 → 00:14:54 เวลาให้เลือกในการทำกิจกรรมต่างๆได้อย่าง
00:14:54 → 00:14:57 เป็นอิสระเราไม่ต้องแย่งไปทำกิจกรรมคน
00:14:57 → 00:15:00 อื่นในเวลาที่เป็นช่วงวันหยุดวัน weekend
00:15:00 → 00:15:02 ได้ราคาถูกกว่าด้วยค่ะคุณพ่อคุณแม่ไม่มี
00:15:02 → 00:15:04 ความเสี่ยงในเรื่องการใช้ความรุนแรงหรือ
00:15:04 → 00:15:07 การล้อเรียนจากเด็กอื่นลูกไม่ต้องถูกคน
00:15:07 → 00:15:11 อื่นว่าจนกว่าเขาจะสามารถที่จะมีความเข้ม
00:15:11 → 00:15:14 แข็งทางด้านภายในของเขาเขามั่นคงแล้วเขา
00:15:14 → 00:15:16 รู้ว่าเขามีความคุ้นค่ามีความหมายกับ
00:15:16 → 00:15:18 ชีวิตตัวเองแล้วก็กับพ่อแม่กับครอบครัว
00:15:18 → 00:15:21 แล้วเนี่ยเขาไม่ต้องไปเผชิญกับคำพูดหรือ
00:15:21 → 00:15:24 อะไรที่มันจะต้องบั่นทอนให้เขาถอยหลังไป
00:15:24 → 00:15:29 นะคะแล้วก็ปลอดภัยจากยาเสพติดนะคะแล้วก็
00:15:29 → 00:15:30 ข้อดีที่ตัวเองเห็นว่าดีที่สุดนะคะ
00:15:30 → 00:15:33 ปัจจุบันเนี้ยถึงแม้ว่าจะมีคุณครูเชิญให้
00:15:33 → 00:15:35 ไปเข้าโรงเรียนที่เรียนร่วมนะฮะเราก็
00:15:35 → 00:15:38 ปฏิเสธตรงนั้นไปเพราะว่าเราคิดว่าการได้
00:15:38 → 00:15:41 จัดการศึกษาที่จะดีสำหรับแต่ละคนเนี่ยมัน
00:15:41 → 00:15:44 ดีกว่าเด็กเนี่ยเมีความสามารถและก็จังหวะ
00:15:44 → 00:15:46 ในการเรียนรู้เนี่ยไม่เท่ากันไม่เหมือน
00:15:46 → 00:15:48 กันบางคนเรียนด้วยการฟังบางคนเรียนด้วย
00:15:48 → 00:15:50 การดูบางคนเรียนเรื่องนี้แป๊บเดียวเคคลิก
00:15:50 → 00:15:52 เเข้าใจเข้าไปเรื่องอื่นได้เลยทำไมลูกเรา
00:15:52 → 00:15:55 จะต้องไปชาร์จตรงนั้นหรือบางทีลูกเรา
00:15:55 → 00:15:57 เนี่ยขอตรงเนี้ยอยากดูตรงนี้อีกชั่วโมง
00:15:57 → 00:15:59 นึงอ่ะแต่ถ้าเกิดอยู่อยู่ในห้องเรียนมัน
00:15:59 → 00:16:03 ทำไม่ได้แล้วเขาก็จะพลาดโอกาสนั้นไปเลย
00:16:03 → 00:16:06 อย่างเงี้ยนะคะการเรียนรู้ที่บ้านเนี่ย
00:16:06 → 00:16:09 มันเป็นรรูปแบบ 1:1 หรือ 1 ต 2 ทุกสิ่ง
00:16:09 → 00:16:11 ทุกอย่างมันปรับได้ยืดหยุ่นได้เขาจะได้
00:16:11 → 00:16:14 เรียนรู้เต็มที่อย่างลูกตัวเองเนี่ยสายตา
00:16:14 → 00:16:17 เรือนลงที่ว่าเนี่ยนะคะเขาจะมองเห็นการ
00:16:17 → 00:16:19 มองเห็นของเขาเนี่ยมันจะเป็นวงประมาณแล้ว
00:16:19 → 00:16:22 เหมือนเรามองเข้าไปในถังคุกกี้เนี่ยออก
00:16:22 → 00:16:25 นอกถังคุกกี้จะไม่เห็นเลยแล้วภาพที่เห็นเ
00:16:25 → 00:16:28 ก็จะลางๆเหเรามองผ่านกระจกฝ้าแล้วก็มีจุด
00:16:28 → 00:16:31 ดำๆเป็นจุดๆเป็นหย่อมๆเนื่องจากจอภาษาตา
00:16:31 → 00:16:34 มันหลุดถ้าเขานั่งอยู่ในห้องเรียนแล้วครู
00:16:34 → 00:16:36 ไม่เอาของมาตรงหน้าเนี่ยเขาจะไม่มีวันได้
00:16:36 → 00:16:38 เรียนเลยไปเรียน 8 ช่วโมงเนี่ยครูก็จะมี
00:16:38 → 00:16:41 เวลาสักกี่ชั่วโมงมา recognise ลูกเรามา
00:16:41 → 00:16:43 เอาของให้ลูกเราเรียน 8 ช่วโมงลูกเราอาจ
00:16:43 → 00:16:46 จะได้เรียนรู้แค่ 20 นาทีแต่ถ้าอยู่ที่
00:16:46 → 00:16:48 บ้านเนี่ยเท่าไหร่ก็ได้เพราะว่าเราเป็นคน
00:16:48 → 00:16:52 ทำต่อไปก็คือลดความขัดแย้งหรือการกระทำ
00:16:52 → 00:16:55 ที่มีผลสกัดกั้นกับการเรียนรู้นะคะเนื่อง
00:16:55 → 00:16:58 จากว่าเรามีมีไอเดียทางการศึกษาไม่เหมือน
00:16:58 → 00:17:01 กันนะคะแล้วก็เด็กเนี่ยจะมีความสุขแล้วก็
00:17:01 → 00:17:04 ได้อยู่ใกล้ชิดแล้วก็ได้รับความออบอ่นจาก
00:17:04 → 00:17:06 ครอบครัวซึ่งมันเป็นพื้นฐานสำคัญในการที่
00:17:06 → 00:17:10 เขาจะโตขึ้นไปอันนี้ตัวอย่างการจัดการ
00:17:10 → 00:17:12 เรียนรู้ที่บ้านนะคะขอแบ่งเป็นกิจกรรมนอก
00:17:12 → 00:17:14 บ้านกับในบ้านนะคะนอกบ้านเนี่ยทุกวัน
00:17:14 → 00:17:16 จันทร์เราก็จะพาเไปเข้าโปรแกรม Early
00:17:17 → 00:17:18 intervention โปรแกรมของสถาบันราชภัฏ
00:17:18 → 00:17:21 ส่วนดุสิตนะคะทุกวันเสาร์เราก็จะไปที่จ
00:17:21 → 00:17:24 Center แล้วก็เราจะมีการรวมกลุ่มของผู้
00:17:24 → 00:17:26 ปกครองในช่วงิดเทอมแล้วก็ในช่วงเทศกาล
00:17:27 → 00:17:29 เพื่อจัดกิจกรรมสำหรับเอ่อเด็กๆ Jo
00:17:29 → 00:17:31 Center นี่ชื่อเต็มๆคือ Joy Center for
00:17:31 → 00:17:34 visually impair children นะคะสำหรับ
00:17:34 → 00:17:37 เด็กที่มีสายตาเรือนล้างข้อดีของการทำ
00:17:37 → 00:17:39 Home School อีกอย่างนึงก็คือเราสามารถ
00:17:39 → 00:17:42 ทำทุกอย่างได้ตามใจเราตัวเองเนี่ยคิดว่า
00:17:42 → 00:17:45 เราไม่ควรจะปิดเทอมหน้าร้อนหรอกร้อนจะตาย
00:17:45 → 00:17:47 ออกไปนอกบ้านใช่ไหมคะออกไปเที่ยวกันใหม่
00:17:47 → 00:17:49 ตอร้อนๆเนี่ยเด็กออกไปข้างนอกนางแจ้งก็
00:17:49 → 00:17:51 ไม่ได้ต้องอยู่แต่ในที่ร่มเพราะฉะนั้นที่
00:17:51 → 00:17:53 บ้านปิดเถิมหน้าหนาวค่ะหน้าหนาวปุ๊บเรา
00:17:53 → 00:17:57 Outdoor เราออกไปเที่ยวทุกอย่างเอ่อ
00:17:57 → 00:18:00 ปิกนิกทั้งวันนอกบ้านเด็กได้วิ่งได้เล่น
00:18:00 → 00:18:02 สำหรับเด็กที่มีสายตาเรือนลงเนี่ยการ
00:18:02 → 00:18:04 เคลื่อนไหวข้างนอกบ้านสเกลใหญ่ๆเพื่อเดิน
00:18:04 → 00:18:07 บนพื้นราบที่พื้นที่ไม่เท่ากันเเป็น
00:18:07 → 00:18:09 เรื่องยากมากสำหรับเขานะคะถ้าเรานเป็นนัก
00:18:09 → 00:18:11 กิจกรรมบำบัดเราต้องมาหากิจกรรมให้เด็ก
00:18:11 → 00:18:14 เดินบนพื้นที่ไม่สม่ำเสมออย่างเงี้ยไม่
00:18:14 → 00:18:17 ต้องหัดไม่ต้องฝึกไม่ต้องบังคับเล่นอย่าง
00:18:17 → 00:18:20 เดียวอันนี้เป็นนาเกลือเขาคือเด็กเด็กที่
00:18:20 → 00:18:23 โลวันเนี่ยภาพภาพเขาเนี่ยมันแหว่งวิ่นข้อ
00:18:23 → 00:18:26 มูลเอทคด้วยด้วยภาพที่ไม่ 100% นึกออกใช่
00:18:26 → 00:18:30 มั้คะเพราะฉะนั้นเนี่ยยังไงเถึงจะได้
00:18:30 → 00:18:34 คอนเซปของคำว่าเกลือเนี่ยจะต้องถูกใส่
00:18:34 → 00:18:37 เข้าไปด้วยทุกประสาทสัมผัสแล้วก็ถึงจะจำ
00:18:37 → 00:18:39 สิ่งนั้นได้แม่นนะคะเราก็พยายามที่จะให้
00:18:39 → 00:18:42 เขคทุกอย่างเท่าที่เขาสามารถทำได้นี้อัน
00:18:42 → 00:18:45 นี้เรือประมงเชอบเชอบเรือประมงช่วงนั้นนะ
00:18:45 → 00:18:48 คะต่อไปเป็นกิจกรรมในบ้านวันอังคารเราก็
00:18:48 → 00:18:52 ทำอาหารนะคะวันพุธระบายสีน้ำวันพฤหัสทำ
00:18:52 → 00:18:53 งาน้านส่วนวันเสาร์หลังจากที่ไปจอย
00:18:53 → 00:18:57 เซ็นเตอร์เราก็มาทำสวนกันทำขนมนะคะก็ก็
00:18:57 → 00:19:02 เด็กเก็ทำคือทำตั้งแต่ยังทำได้นิดเดียวจน
00:19:02 → 00:19:04 กระทั่งเขาทำได้เยอะขึ้นเยอะขึ้นเรื่อยๆ
00:19:04 → 00:19:07 เขามีส่วนร่วมมากขึ้นเวลาก็จะมีมากขึ้น
00:19:07 → 00:19:10 ตอนสมัยใหม่ๆที่เขาเริ่มทำเนี่ยเขาทำได้
00:19:10 → 00:19:12 นิดเดียวทำเสร็จแล้วเไม่อยากทำแหละเลิก
00:19:12 → 00:19:15 เลิกเราก็ปล่อยไปมันไม่บังคับนะฮะแต่เรา
00:19:15 → 00:19:17 ยังทำนะคะแล้วก็ให้เขาอยู่ในบริเวณนั้น
00:19:17 → 00:19:21 เขาก็จะเห็นแม่ทำแล้วเราก็จวนเมั่งหรือ
00:19:21 → 00:19:23 อะไรมั่งไม่ทำไม่เป็นไรแต่เราพอเราเข้ามา
00:19:23 → 00:19:25 ทำปุ๊บเราให้คุณค่าให้ความสำคัญมันเป็น
00:19:25 → 00:19:28 มันเป็นการให้รางวัลเชิงบวกนะฮะอันนี้ทำ
00:19:28 → 00:19:31 งานบ้านอันนี้เขาไปตทุกครั้งที่มีคนไป
00:19:31 → 00:19:34 ตลาดมานะคะเขาก็จะต้องกลับมาช่วยล้างปลา
00:19:34 → 00:19:36 ล้างปลาหมึกล้างปลาทูพวกนี้ช่วยกระตุ้น
00:19:36 → 00:19:39 ประสาทสัมผัสแล้วเราสอนสอนได้ทุกอย่างตอน
00:19:39 → 00:19:41 เค่ะใส่เข้าไปเถอะอยากรู้ทั้งนั้นแหละปลา
00:19:41 → 00:19:44 หมึกมันเป็นยังไงแม่หนวดมันเป็นยังไงมัน
00:19:44 → 00:19:46 ว่ายน้ำยังไงแล้วมันไปยังไงปลามันเป็นไง
00:19:46 → 00:19:49 มันมีเหงือกมยมีตามยเนี่ยนะคะทั้งคลำทั้ง
00:19:49 → 00:19:53 ดูทั้งสัมผัสตลอดเวลาแล้วทำซ้ำๆนะคะเด็ก
00:19:53 → 00:19:57 ต้องการการเรียนรู้ซ้ำค่ะทำซ้ำๆขนมปังทำ
00:19:57 → 00:20:00 ขนมอะไรเนี่ยูนาอย่าเปลี่ยนบ่อยทำมันทุก
00:20:00 → 00:20:02 วันเด็กเขาไม่ได้เรียนรู้ทำขนมปังได้ใน
00:20:02 → 00:20:06 ครั้งเดียวหรอกนะคะทำมันเป็นเดือนๆนะคะ
00:20:06 → 00:20:08 ยิ่งของเราเป็นเด็กพิเศษเยิ่งต้องการการ
00:20:08 → 00:20:13 นำซ้ำค่ะอันนี้ทำสวนรดน้ำต้นไม้ทำสวนแล้ว
00:20:13 → 00:20:15 เราก็ได้คือตลอดเวลาเนี่ยมันมันมันสอนได้
00:20:15 → 00:20:19 หมดเลยจะสอนเลขสอนภาษาสอนวิทยาศาสตร์
00:20:19 → 00:20:21 เนี่ยมันสอนได้หมดเลยแล้วเขาอยากรู้เอง
00:20:21 → 00:20:24 ค่ะแต่ว่าต้องใช้เวลาเลยอ่ะค่ะอย่างลูก
00:20:24 → 00:20:26 ชายเนี่ยคือทำยังไงเราถึงจะกระตุ้นให้เขา
00:20:27 → 00:20:28 อยากออกไปเรียนรู้ข้างนอกในเมื่อเราเข้า
00:20:29 → 00:20:31 มาตลอดเวลาเลยใช่มั้คะพอเราหยุดปุ๊บเนี่ย
00:20:31 → 00:20:34 เขเดินวนรอบห้องเลยนะคะแม่ต่อไปให้เขาทำ
00:20:34 → 00:20:37 อะไรต่อไปให้เขาทำอะไรเเดินวนเทำเทำไม่
00:20:37 → 00:20:40 ถูกเลยคเไปไม่ถูกเลยเพราะว่าเราอ่ะตัวเอง
00:20:40 → 00:20:42 ก็รู้เลยว่าโอ๋นี่แสดงว่าเราอ่ะป้อนลูก
00:20:42 → 00:20:45 มากเกินไปเราจะมาผิดทางละเพราะนี่มันไม่
00:20:45 → 00:20:49 ใช่สิ่งที่ปลายทางของเรานะฮะการทำโฮ
00:20:49 → 00:20:52 School เนี่ยมันให้ให้อะไรกับลูกเราเยอะ
00:20:52 → 00:20:54 มากจริงๆคือทุกวันนี้ตัวเองก็เห็น
00:20:54 → 00:20:57 ประโยชน์มากๆเลยค่ะขอบคุณค่ะลูกเราเนี่ย
00:20:57 → 00:21:01 อืมอืมเราอยากให้เขาโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน
00:21:01 → 00:21:04 เป้าหมายของเราเนี่ยคืออะไรแล้วเราก็
00:21:04 → 00:21:06 เลือกทางที่เราชอบแล้วเราคิดว่าเหมาะกับ
00:21:06 → 00:21:09 ลูกเราในการที่จะเดินไปในทางนั้นซึ่งมัน
00:21:09 → 00:21:12 ไม่มีทางไหนถูกทางไหนผิดเราคิดว่าลูกเรา
00:21:12 → 00:21:15 เนี่ยมีความพิเศษทางด้านนี้เราก็ควรจะ
00:21:15 → 00:21:17 ต้องส่งเสริมอีกด้านนึงหรือว่าทดแทนในอีก
00:21:17 → 00:21:20 ด้านนึงอย่างเงี้ยเราก็เลือกทางนั้นไปที
00:21:20 → 00:21:22 นี้ทำยังไงเราถึงจะรู้ว่าทางไหนมันถึงจะ
00:21:22 → 00:21:25 ดีกับเราเราก็ต้องศึกษาค่ะ 1 ศึกษาลูกเรา
00:21:25 → 00:21:28 ว่าลูกเราเนี่ยมีความพิเศษแบบไหนสิ่งที่
00:21:28 → 00:21:31 เขาต้องต้องกเป็นพิเศษคืออะไรอันที่ 2
00:21:31 → 00:21:33 แนวทางการศึกษาที่เราจะใช้เนี่ยมันมีอะไร
00:21:33 → 00:21:35 บ้างอะไรที่เหมาะกับลูกของเราเราก็จะต้อง
00:21:35 → 00:21:38 เป็นคนเลือกมันไม่สามารถที่จะปล่อยเขาโต
00:21:38 → 00:21:41 ไปตามธรรมชาติแล้วหวังแลคาดหวังว่าสิ่ง
00:21:41 → 00:21:44 นั้นจะดีขึ้นเราต้องพัฒนาตัวเราเรียนรู้
00:21:44 → 00:21:47 เพื่อที่จะถ่ายทอดสิ่งเนี้ยไปให้
00:21:47 → 00:21:51 ลูกอีกสักครู่เรากลับมาฟังสาระความรู้ดีๆ
00:21:51 → 00:21:54 จากงานสัมมนาวิชาการเรื่อง H School
00:21:54 → 00:21:56 บ้านเรียนชวนเพลินและการประยุกต์ใช้ในทาง
00:21:56 → 00:22:00 คลินิกเพื่อเด็กพิเศษโดยคณะกายภาพบำบัด
00:22:00 → 00:22:02 มหาวิทยาลัยมหิดลกันต่อในรายการเล็กๆ
00:22:02 → 00:22:05 เปลี่ยนโลกช่วง
00:22:05 → 00:22:10 [เพลง]
00:22:10 → 00:22:14 หน้าสำหรับเด็กพิเศษแล้วเนี่ยเอ่อตาม
00:22:14 → 00:22:16 มาตรา 10 ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่ง
00:22:16 → 00:22:19 ชาติเนี่ยคุ้มครองความบกพร่องทางการเรียน
00:22:19 → 00:22:22 รู้บางเรื่องของเด็กๆอยู่แล้วนะคะเพราะ
00:22:22 → 00:22:25 ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่เนี่ย
00:22:25 → 00:22:27 ก็ต้องเลือกที่จะจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
00:22:27 → 00:22:30 ให้เหมาะสมกับความพิเศษของเด็กๆนั้นถูกม
00:22:30 → 00:22:33 คะดังนั้นถ้าทำ Home School สิ่งที่จะ
00:22:33 → 00:22:36 ต้องทำคือการวางแผนการจัดการศึกษาให้สอด
00:22:37 → 00:22:39 คล้องกับความพิเศษของเด็กๆที่เราต้อง
00:22:39 → 00:22:42 พัฒนาการเรียนรู้และดูแลความพิเศษของเขา
00:22:42 → 00:22:46 ให้เกิดพัฒนาขึ้นน่ะค่ะเรื่องเรื่องนึง
00:22:46 → 00:22:50 ที่เอ่อจะต้องทำก็คือจะเป็นฮ School แบบ
00:22:50 → 00:22:53 ไหนโฮ School แบบจดทะเบียนกับโรงเรียน
00:22:53 → 00:22:54 หรือจะเป็นโฮ School แบบจดทะเบียนกับ
00:22:54 → 00:22:57 สำนักงานเขตพื้นที่หรือจะเป็นโฮ School
00:22:57 → 00:23:01 แบบอิสระอันนี้ก็อยากแนะนำว่าในเมื่อกฎ
00:23:01 → 00:23:04 หมายของประเทศไทยเราเนี่ยรับรองเรื่อง
00:23:04 → 00:23:06 สิทธิของพ่อแม่ในการจัดการศึกษาขั้นพื้น
00:23:06 → 00:23:09 ฐานแล้วเนี่ยก็อยากให้ไปจดทะเบียนใช้
00:23:09 → 00:23:12 สิทธิ์ในการจัดการศึกษาฮ School กับสำนัก
00:23:12 → 00:23:15 งานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งจริงๆแล้วทาง
00:23:15 → 00:23:20 สพฐเนี่ยเมีโครงการดูแลนักเรียนที่มีภาวะ
00:23:20 → 00:23:22 เป็นเด็กพิเศษในระบบโรงเรียนแล้วเราก็คง
00:23:22 → 00:23:26 จะต้องผลักดันให้สพฐเนี่ยเข้ามาดูแลเด็ก
00:23:26 → 00:23:29 โฮ School ซึ่งเป็นเด็กพิเศษด้วยนะะคะใน
00:23:29 → 00:23:32 เบื้องต้นเรามีภาคีเครือข่ายของกลุ่ม H
00:23:32 → 00:23:35 School เนี่ยจะช่วยกันดูแลเรื่องการวิธี
00:23:35 → 00:23:38 การจัดทำแผนการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบท
00:23:39 → 00:23:42 ของครอบครัวแล้วก็สอดคล้องกับแผนพัฒนา
00:23:42 → 00:23:46 ความเป็นเด็กพิเศษของแต่ละครอบครัว
00:23:46 → 00:23:50 ค่ะในช่วงนี้รายการเล็กๆเปลี่ยนโลกขอนำ
00:23:50 → 00:23:54 เสนอการบรรยายในหัวข้อรูปแบบวิธีการและกฎ
00:23:54 → 00:23:57 หมายที่ควรรู้ในการจัดการ H School โดย
00:23:57 → 00:24:00 ได้รับเกียรติจากคุณกนกพรสบายใจรอง
00:24:00 → 00:24:03 เลขาธิการสมาคมสภาการศึกษาทางเลือกไทย
00:24:03 → 00:24:06 เครือข่ายบ้านเรียนเป็นวิทยากรให้ความรู้
00:24:06 → 00:24:09 ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง H School บ้าน
00:24:09 → 00:24:12 เรียนชวนเพลิงและการประยุกต์ใช้ในทาง
00:24:12 → 00:24:15 คลินิกเพื่อเด็กพิเศษกิจกรรมของการจัดการ
00:24:15 → 00:24:18 ศึกษาโดยครอบครัวไม่ว่าจะสำหรับลูกที่
00:24:18 → 00:24:22 เป็นเด็กพิเศษแต่สำหรับพี่นิมคิดว่าเด็ก
00:24:22 → 00:24:25 ทุกคนเป็นเด็กพิเศษของเรานะคะถ้าคุณพ่อ
00:24:25 → 00:24:27 คุณแม่ก็คือลูกเป็นเด็กพิเศษของเราทุกคน
00:24:27 → 00:24:31 เพราะฉะนนั้นไม่ว่าลูกจะมีศักยภาพอย่างไร
00:24:31 → 00:24:34 มีธรรมชาติในการเรียนรู้อย่างไรซึ่งแตก
00:24:34 → 00:24:38 ต่างกันในแต่ละบุคคลเราก็มีหน้าที่ในการ
00:24:38 → 00:24:40 ที่จะส่งเสริมให้ธรรมชาติในการเรียนรู้
00:24:40 → 00:24:44 ของเขาเนี่ยงอกงามและเติบโตไปเพื่อให้เขา
00:24:44 → 00:24:47 เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวแล้วก็เป็น
00:24:47 → 00:24:51 สมาชิกที่ดีของสังคมไทยผ่านกระบวนการ
00:24:51 → 00:24:54 เรียนรู้ที่เราเรียกว่าการศึกษามองอาจจะ
00:24:54 → 00:24:56 มองเป็นภาพใหญ่แต่จริงๆแล้วกระบวนการ
00:24:56 → 00:24:59 เรียนรู้ทั้งหมดเนี่ยส้าให้เด็กคนนึงเติบ
00:24:59 → 00:25:02 โตเป็นเด็กแล้วก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
00:25:03 → 00:25:07 ได้เอ่อด้วยวิธีการต่างๆนะคะเอ่อในใน
00:25:07 → 00:25:10 เรื่องของการจัดการศึกษาดยครอบครัวถ้าใน
00:25:10 → 00:25:13 สังคมยุคนี้แล้วจริงๆแล้วมองว่าน่าน่าจะ
00:25:13 → 00:25:17 เป็นอะไรที่เริ่มชัดเจนขึ้นแล้วแต่ว่าพอ
00:25:17 → 00:25:20 นิ่มได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในสังคมอื่นๆนะ
00:25:20 → 00:25:23 คะเวลาไปประชุมที่เวทีอื่นก็ยังไม่มีใคร
00:25:23 → 00:25:25 ค่อยรู้จักฮ School หรือบ้านเรียนเท่า
00:25:25 → 00:25:28 ไหร่เลยแม้แต่คำว่าการศึกษาทางเลือกเลือก
00:25:28 → 00:25:32 นะคะการศึกษาทางเลือกคือสิทธิของพ่อแม่
00:25:32 → 00:25:35 หรือสิทธิของเด็กในการเลือกการศึกษาที่
00:25:35 → 00:25:38 เหมาะสมกับเขาอันนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
00:25:38 → 00:25:42 ของมนุษย์อันนี้ก็เลยอยากให้พวกเรากลับไป
00:25:42 → 00:25:46 มองภาพใหญ่ของสังคมโลกที่เกิดนวัตกรรม
00:25:46 → 00:25:49 หรือหรือเอ่อการพัฒนากการศึกษามาตั้งแต่
00:25:49 → 00:25:53 ในยุคที่ยุคเก่าก่อนกับยุคปัจจุบันซึ่ง
00:25:53 → 00:25:56 เป็น Age of information ซึ่งมีการไหล
00:25:56 → 00:25:59 เลื่อนมีการเคื่อนตัวของข้อมูลข่าวสารที่
00:25:59 → 00:26:03 รวดเร็วมากเราคงจะต้องช่วยกันตั้งคำถาม
00:26:03 → 00:26:06 กับตัวเองว่าในยุคที่ข้อมูลความรู้
00:26:06 → 00:26:10 เคลื่อนตัวเร็วมากแล้วการเรียนรู้ของเด็ก
00:26:10 → 00:26:13 ๆแบบไหนที่จะเหมาะกับเด็กๆของเราที่เราดู
00:26:13 → 00:26:17 แลอยู่หรือว่าการมีส่วนร่วมในการจัดการ
00:26:17 → 00:26:20 ให้เด็กๆแต่ละกลุ่มแต่ละกลุ่มได้เรียนรู้
00:26:20 → 00:26:23 ตามศักยภาพแล้วก็สอดคล้องกับธรรมชาติใน
00:26:24 → 00:26:27 การเรียนรู้พร้อมไปกับความรู้ที่ต้องคิด
00:26:27 → 00:26:30 และวิเคราะห์เพื่อให้ชีวิตเาอยู่ในโลก
00:26:30 → 00:26:34 อย่างมีคุณภาพได้อย่างอย่างตลอดเวลานะคะ
00:26:34 → 00:26:38 ในวิวัฒนาการของโลกช่วงนึงที่เป็นยุคของ
00:26:38 → 00:26:42 การปฏิวัติอุตสาหกรรมมีการเอ่อคิดค้นวิธี
00:26:43 → 00:26:46 การผลิตที่ทำให้เกิดระบบการผลิตสินค้าออก
00:26:46 → 00:26:49 มาได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองกับความ
00:26:49 → 00:26:55 ต้องการของผู้คนเอ่อมีผลกระทบมามาสู่เอ่อ
00:26:55 → 00:26:59 วิธีการคิดระบบการศึกษาที่ที่จะต้องไปตอบ
00:26:59 → 00:27:01 รับความต้องการอย่างเช่นในประเทศไทยช่วง
00:27:02 → 00:27:05 นึงที่มีการยุคของการล่าอณานิคมเราจะต้อง
00:27:05 → 00:27:09 ตอบโจทย์ของนานาชาติว่าเรามีการ
00:27:09 → 00:27:12 เอ่อสร้างคนที่มีคุณภาพเพื่อรองรับกับ
00:27:13 → 00:27:16 เอ่อความเปลี่ยนแปลงของประเทศได้อย่างไร
00:27:16 → 00:27:19 รองรับระบบอุตสาหกรรมอย่างไรรองรับการการ
00:27:19 → 00:27:23 ในยุคที่เราต้องการระบบราชการและต้องการ
00:27:23 → 00:27:27 มีคนเข้าไปรองรับระบบราชการจำนวนมากจึง
00:27:27 → 00:27:30 เกิดวิีที่การคิดการศึกษาของประเทศเพื่อ
00:27:31 → 00:27:35 ให้ทุกคนมีคุณภาพตามหลักสูตรกำหนดมันถึง
00:27:35 → 00:27:39 เป็นคำถามที่จะบอกว่าการศึกษาในวิธีการ
00:27:39 → 00:27:41 เดียวนั้นตอบโจทย์ความหลากหลายของมนุษย์
00:27:41 → 00:27:44 หรือไม่อันนี้เป็นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา
00:27:45 → 00:27:48 การศึกษาไทยในปัจจุบันมีการงานวิจัยของ
00:27:48 → 00:27:53 ทางสสคนะคะพบว่าในเด็ก 10 คนที่เข้าระบบ
00:27:53 → 00:27:58 มามีเพียง 1 คนนเท่านั้นที่ไปสู่ความ
00:27:58 → 00:28:02 สำเร็จตามที่คุณภาพที่ประเทศชาติต้องการ
00:28:02 → 00:28:06 นั่นคือตอบโจทย์ว่า 10 คน 1 คนมีงานทำแต่
00:28:06 → 00:28:10 ระหว่างทางเนี่ยหลุดร่วงออกจากระบบหแต่
00:28:11 → 00:28:13 ว่าที่หลุดล่วงนั้นยังไม่ได้มีงานวิจัย
00:28:13 → 00:28:15 ต่อว่าจริงๆแล้วอาจจะเป็นเด็กโฮ School
00:28:15 → 00:28:18 ในนั้นบ้างหรือว่าจะเป็นคนที่ไปเลือก
00:28:18 → 00:28:21 เรียนวิธีการอื่นๆแต่เขาอาจจะประสบความ
00:28:21 → 00:28:24 สำเร็จในเส้นทางของเขาก็ได้แต่ว่าการ
00:28:24 → 00:28:26 ประสบความสำเร็จในงานวิจัยนี้ก็คือเพียง
00:28:26 → 00:28:30 แค่เรียนจบแล้วมีงานทำนะคะเอ่อลองดูว่า
00:28:30 → 00:28:32 หลักสูตรของประเทศไทยตอนนี้เป็นหลักสูตร
00:28:32 → 00:28:35 ที่เน้น 8 กลุ่มสาลาการเรียนรู้นะคะให้
00:28:35 → 00:28:39 แต่ละสีแทนกลุ่มศาลาที่ที่โรงเรียนคาด
00:28:39 → 00:28:42 หวังให้เด็กๆต้องได้เรียนแต่เมื่อมันเกิด
00:28:42 → 00:28:47 เหตุการณ์ที่อาจจะเป็นความกดดันในสภาวะ
00:28:47 → 00:28:49 แวดล้อมของห้องเรียนชั้นเรียนง่ายๆอย่าง
00:28:49 → 00:28:52 เงี้ยนะคะเด็กแต่ละคนพวกเราทุกคนเนี่ยมี
00:28:53 → 00:28:58 ความพร้อมที่ต่างกันหลายคนอาจจะถูกทำให้
00:28:58 → 00:29:01 ศักยภาพในการเรียนรู้ลดลงภาพที่ 2 นะคะลด
00:29:01 → 00:29:03 ลงด้วยเหตุปัจจัยต่างๆซึ่งแต่ละคนไม่
00:29:03 → 00:29:06 เหมือนกันทั้งสภาพแวดล้อมตอนนี้ยิ่งหนัก
00:29:06 → 00:29:09 คือสภาพแวดล้อมในโรงเรียนเรื่องครูเรื่อง
00:29:09 → 00:29:13 เพื่อนเรื่องจำนวนเด็กที่มากขึ้นซึ่งครู
00:29:13 → 00:29:16 ดูแลไม่ไหวหรือแม้แต่การยัดเยียดเนื้อหา
00:29:16 → 00:29:19 ในในเรื่องราวที่เด็กไม่มีความพร้อมที่จะ
00:29:19 → 00:29:23 เรียนหรือว่ากลยุทธ์ในการสอนยังไม่ทำให้
00:29:23 → 00:29:25 เด็กมีความพร้อมหรือตื่นตื่นตัวในการ
00:29:25 → 00:29:29 เรียนขนาดนั้นทำให้ผลการเรียนรู้ของเด็ก
00:29:29 → 00:29:32 น้อยลงอถูกกดๆๆลงไปจนทำให้เด็กบางคนไปสน
00:29:33 → 00:29:35 ใจเรื่องอื่นอย่างเช่นอันนี้เราใช้ขนม
00:29:35 → 00:29:38 เค้กแทนเรื่องการทำอาหารหรือการเรื่อง
00:29:38 → 00:29:42 คุกกิ้งอะไรเงี้ยค่ะก็ไปสนใจเรื่องอื่น
00:29:42 → 00:29:45 แต่ว่าในการสนใจเรื่องอื่น
00:29:45 → 00:29:49 นั้นในวิธีการเรียนรู้ในระบบโรงเรียนไม่
00:29:49 → 00:29:52 ได้เอามาแปลเป็นคุณค่าเมื่อกี้พี่ิบอก
00:29:52 → 00:29:54 แล้วนะคะเราสามารถที่จะเทียบโอน
00:29:54 → 00:29:56 ประสบการณ์จากการเรียนรู้ทุกๆแบบกลับเข้า
00:29:56 → 00:29:59 สู่ผลการเรียนรู้รู้ได้แต่ว่าในความเป็น
00:30:00 → 00:30:03 จริงของการศึกษาในศาลศึกษาที่ที่มีความ
00:30:03 → 00:30:06 แข็งตัวมากเมื่อเราพาเด็กด็ไปเรียนรู้
00:30:06 → 00:30:08 ข้างนอกในเรื่องอื่นแม้จะเป็นเรื่อง
00:30:08 → 00:30:11 ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเรื่องอาหารการกิน
00:30:11 → 00:30:15 ดนตรีแต่ว่าผลการเรียนรู้ไม่ได้ถูกนำมา
00:30:15 → 00:30:18 ประเมินผลให้เป็นผลพัฒนาคุณภาพให้เป็น
00:30:18 → 00:30:21 เกรดหรือว่าเป็นคะแนนของเด็กในโรงเรียน
00:30:21 → 00:30:25 ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำให้ตอบสนองกับพ.ร.บ
00:30:25 → 00:30:28 การศึกษาแห่งชาติและแนวทางที่การศึกษาทาง
00:30:28 → 00:30:31 เลือกทำอยู่ก็คือการเรียนรู้ในสังคมที่
00:30:31 → 00:30:35 เป็นจริงโดยมีฐานจากครอบครัวอันนี้หมาย
00:30:35 → 00:30:38 ความว่าทุกคนอาจจะไม่ต้องจัดการศึกษาด้วย
00:30:38 → 00:30:41 ครอบครัวก็ได้แต่ขอให้พ่อแม่และครอบครัว
00:30:41 → 00:30:44 ตระหนักในการที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาก
00:30:44 → 00:30:47 การเรียนรู้ของเด็กและทำให้ทุกๆกิจกรรม
00:30:47 → 00:30:50 การเรียนรู้ของเด็กถูกแปลผลออกมาเป็นเป็น
00:30:50 → 00:30:52 การประเมินคุณภาพของเด็กอย่างเป็นจริงนะ
00:30:52 → 00:30:55 คะในกลุ่มการศึกษาทางเลือกเราทำได้แล้ว
00:30:55 → 00:30:58 แต่ในโรงเรียนเนี่ยก็อาจจะต้องอาศัยพลัง
00:30:58 → 00:31:00 ของคุณพ่อคุณแม่เข้าไปขับเคลื่อนให้เกิด
00:31:00 → 00:31:04 การเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้เอ่อเพื่อเป็นผล
00:31:04 → 00:31:06 ให้เด็ก 1 คนที่มีศักยภาพที่หลากหลากหลาย
00:31:07 → 00:31:10 ไม่ไม่ใช่เฉพาะวิชาการกีฬาดนตรีหรือว่า
00:31:10 → 00:31:13 เด็กพิเศษที่จะต้องการพัฒนาให้เขาได้รับ
00:31:13 → 00:31:16 การประเมินผลตามศักยภาพที่เขาพัฒนาได้
00:31:16 → 00:31:19 จริงๆเป็นการประเมินผลตามสภาพจริงงั้นถ้า
00:31:19 → 00:31:23 สมมุติเด็กๆมีการเรียนรู้ที่หลากหลายชอบ
00:31:23 → 00:31:25 ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมชอบเรื่องเครื่องยนต์
00:31:25 → 00:31:28 กลไกชอบกีฬาชอบคุกกิ้ง
00:31:28 → 00:31:31 ทุกอย่างจะเป็นองค์ประกอบจะถูกสร้างขึ้น
00:31:31 → 00:31:34 เป็นองค์ความรู้ในตัวซึ่งครบ 8 สาระการ
00:31:34 → 00:31:38 เรียนรู้แต่หนักเบาจำนวนที่หนักเบานั้น
00:31:38 → 00:31:41 เป็นไปตามศักยภาพของผู้เรียนซึ่งสอดคล้อง
00:31:42 → 00:31:45 กับแนวทางการจัดการศึกษาในพรบการศึกษา
00:31:45 → 00:31:48 แห่งชาติอันเนี้ยนะคะเป็นสิ่งหนึ่งที่เรา
00:31:48 → 00:31:51 ต้องเข้าใจกันและต้องเข้าไปขับเคลื่อนให้
00:31:51 → 00:31:54 เกิดขึ้นในทุกศาลศึกษาอันนี้เป็นเรื่อง
00:31:54 → 00:31:57 ของของในพระราชบัญญัติการศึกษาที่ส่ง
00:31:57 → 00:32:00 เสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิตเอ่อ
00:32:00 → 00:32:03 พรบการศึกษาแห่งชาติเนี่ยจะแบ่งระดับการ
00:32:03 → 00:32:06 ศึกษาออกเป็น 3 ระดับคือระดับประถมศึกษา
00:32:06 → 00:32:09 มัธยมศึกษาตอนต้นแล้วก็มัธยมศึกษาตอนปลาย
00:32:09 → 00:32:12 นะคะใน 1 ระดับวิธีการเรียนในระบบโรง
00:32:12 → 00:32:17 เรียนแพลนหรือแผนการสอนมาจากใครคะมาจาก
00:32:17 → 00:32:20 คุณครูและ assessment ใครมา assessment
00:32:20 → 00:32:24 เด็กๆคุณครูทั้งนั้นเลยแต่ว่าในรูปแบบ
00:32:24 → 00:32:27 กระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษใหม่นะคะตอนนี้
00:32:27 → 00:32:30 เนี่ยช่วยกันขับเคลื่อนนะคะว่าให้ทั้ง
00:32:30 → 00:32:34 plan แล้วก็ process และ assessment
00:32:34 → 00:32:37 เป็นการขับเคลื่อนโดยให้นักเรียนผู้เรียน
00:32:37 → 00:32:41 มีส่วนร่วมนะคะเพราะฉะนั้นเอ่อในในในภาพ
00:32:41 → 00:32:44 นี้จะเห็นชัดว่าถ้าในระบบชั้นเรียนจำนวน
00:32:44 → 00:32:47 เยอะๆเด็กเนี่ยค่ะจะอยู่ในขั้นตอน process
00:32:47 → 00:32:49 นิดเดียวเป็นตัวเล็กๆอยู่ใน process แต่
00:32:49 → 00:32:52 จริงๆแล้วการเรียนรู้คือการเรียนรู้ของเค
00:32:52 → 00:32:55 ผลการเรียนรู้ก็คือผลการเรียนรู้ของเค
00:32:55 → 00:32:58 เพราะฉะนั้นเขาควรจะมีส่วนร่วมในการที่จะ
00:32:58 → 00:33:01 มากำหนดถูกกำหนดโดยตัวเขาเองตั้งแต่การ
00:33:01 → 00:33:04 เริ่มแผนการศึกษากระบวนการเรียนรู้และการ
00:33:04 → 00:33:08 ประเมินผลนะคะดังนั้นในวิธีการส่งเสริม
00:33:08 → 00:33:12 การเรียนรู้ตลอดชีวิตเนี่ยจะเห็นว่าจะมี
00:33:12 → 00:33:16 ูปของการพัฒนาเคลื่อนตัวตลอดเวลาแล้วทุกๆ
00:33:16 → 00:33:19 การเรียนรู้จะต้องถูกประเมินให้เป็นผลการ
00:33:19 → 00:33:22 พัฒนาคุณภาพของผู้เรียนที่เป็นผลของเด็ก
00:33:22 → 00:33:26 คนหนึ่งๆแล้วก็จะเป็นวงหรูปต่อไปแต่ว่า
00:33:26 → 00:33:30 ถ้าเราไปให้คุณค่ากับการเรียนรู้และตัด
00:33:30 → 00:33:33 สินในชั้นเรียนคุณครูวางแผนคุณครูจัดการ
00:33:33 → 00:33:37 เรียนรู้เด็กถูกประเมินผลจบเมื่อสอบเสร็จ
00:33:37 → 00:33:40 แล้วก็จบไปจบชั้นไปการเรียนรู้ในชั้นใหม่
00:33:40 → 00:33:44 เริ่มระดับชั้นใหม่เริ่มต้นขึ้นถูกวางแผน
00:33:44 → 00:33:48 ถูก Run process แล้วก็ถูกประเมินผลเรา
00:33:48 → 00:33:51 ก็จะสังเกตเห็นว่าการเรียนรู้มันถูกตัด
00:33:51 → 00:33:55 ตอนนะค่ะตัดเป็นช่วงๆช่วงๆเพราะฉะนั้นคุณ
00:33:55 → 00:33:58 พ่อคุณแม่ก็ต้องตระหนักแล้วก็ก็น่าจะเกิด
00:33:58 → 00:34:02 ไอเดียว่าเราจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาลูก
00:34:02 → 00:34:06 ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองและต่อ
00:34:06 → 00:34:10 เนื่องตลอดชีวิตได้อย่างไรไม่ว่าจะเรียน
00:34:10 → 00:34:14 ในศาศึกษาหรือว่าจะจัดโ School นะคะเรา
00:34:14 → 00:34:18 อาจจะจัดการศึกษาโดยครอบครัวได้หลายรูป
00:34:18 → 00:34:21 แบบนะคะอันนี้ตามมาตรา 12 เราอาจจะเกิด
00:34:21 → 00:34:24 ศูนย์การเรียนโดยบุคคลโดยครอบครัวก็ถือ
00:34:24 → 00:34:26 ว่าเป็นครอบครัวเดี่ยวหรือครอบครัวกลุ่ม
00:34:26 → 00:34:28 หรือในกลุ่มชุมชนของของผู้ปกครองเด็ก
00:34:28 → 00:34:30 พิเศษหรือกลุ่มชุมชนที่มีฐานวัฒนธรรม
00:34:30 → 00:34:33 เดียวกันอาจจะรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งศูนย์
00:34:33 → 00:34:37 การเรียนเพื่อพัฒนาเด็กร่วมกันได้นะคะก็
00:34:37 → 00:34:40 จะมีทั้ง 6 รูปแบบนี้มีกฎกระทรวงและแนว
00:34:40 → 00:34:44 ปฏิบัติออกมารับรองแล้วนะคะรูปแบบการจัด
00:34:44 → 00:34:46 การศึกษาโดยครอบครัวปัจจุบันก็จะมีหลาก
00:34:46 → 00:34:49 หลายเอ่อโรงเรียนมูลนิธิเด็กเป็นโรงเรียน
00:34:49 → 00:34:52 แห่งแรกโรงเรียนเครือข่ายที่ที่รับจด
00:34:52 → 00:34:55 ทะเบียนตั้งแต่ยังไม่มีกฎหมายรับรองนะคะ
00:34:55 → 00:34:57 แล้วก็ปัจจุบันก็ยังมีเด็กอยู่ในโรงเรียน
00:34:57 → 00:35:01 อยู่เด็กของโฮ School แล้วก็มีเมื่อมีกฎ
00:35:01 → 00:35:04 หมายรับรองแล้วก็ก็คือเขาให้ไปจดทะเบียน
00:35:04 → 00:35:06 จัดการศึกษากับสำนักงานเขตพื้นที่การ
00:35:06 → 00:35:11 ศึกษาแล้วก็ยังมีพ่อแม่หลายท่านที่ไม่ได้
00:35:11 → 00:35:13 ไม่ไม่ได้รับทราบข้อมูลแต่ไปเลือกการ
00:35:13 → 00:35:16 ศึกษาเพราะว่าเด็กเรียนในโรงเรียนแล้ว
00:35:16 → 00:35:19 เกิดปัญหาบ้างหรือว่าคิดว่าไม่ตรงไม่สอด
00:35:19 → 00:35:22 คล้องกับการพัฒนาของครอบครัวแล้วก็เด็กก็
00:35:22 → 00:35:25 ไปเลือกวิธีการเรียนกศนก็มีทั้ง 3 ระบบ
00:35:25 → 00:35:28 คือระบบปกติทางไกลแล้วก็
00:35:28 → 00:35:31 สอบเทียบนะคะซึ่งจริงๆแล้วการจัดโฮ School
00:35:31 → 00:35:34 สามารถจะจดทะเบียนกับโรงเรียนก็ได้อันนี้
00:35:34 → 00:35:38 ก็ต้องไปคุยกับโรงเรียนแล้วก็สามารถเรียน
00:35:38 → 00:35:41 รู้ร่วมกับกศนก็ได้โดยการจดทะเบียนร่วม
00:35:41 → 00:35:44 กับสำนักงานเขตพื้นที่นะคะเดี๋ยวนี้ก็มี
00:35:44 → 00:35:48 ครอบครัวที่จัดอิสระอันนี้ก็คือตามกติกา
00:35:49 → 00:35:51 สัญญาระหว่างประเทศที่บอกว่าเอ่อรัฐมี
00:35:51 → 00:35:55 สิทธิ์ดูแลเพียงเกณฑ์ขั้นต่ำนะคะก็คือ
00:35:55 → 00:35:58 สามารถที่จะไปขอสอบสอบเทียบเพื่อได้รับ
00:35:58 → 00:36:01 การรับรองจากกระทรวงศึกษาก็ได้เช่นจะเห็น
00:36:01 → 00:36:04 ว่ามีการสอบ ged igcse อันนี้ก็เป็น H
00:36:04 → 00:36:07 school ของต่างประเทศในประเทศไทยถือว่า
00:36:07 → 00:36:09 การจัดการศึกษา H School เนี่ยเราสามารถ
00:36:09 → 00:36:12 จัดทำแผนการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของ
00:36:12 → 00:36:15 ครอบครัวสอดคล้องกับศักยภาพของเด็กๆได้
00:36:15 → 00:36:18 แล้วสามารถสร้างนวัตกรรมในการจัดการเรียน
00:36:18 → 00:36:22 รู้ให้เด็กๆได้นะคะก็จากสรุปว่าเราทำม
00:36:22 → 00:36:24 School หรือว่าเราส่งเสริมการเรียนรู้
00:36:24 → 00:36:27 ของลูกให้เติบโตอย่างมีความสุขให้เรียน
00:36:27 → 00:36:30 รู้อย่างมีความสุขแล้วเอ่อเติบโตเต็ม
00:36:30 → 00:36:33 ศักยภาพเนี่ยเป็นสิทธิและหน้าที่ของคุณ
00:36:33 → 00:36:36 พ่อคุณแม่ที่จะเมื่อเมื่อเราช่วยให้เด็กๆ
00:36:36 → 00:36:39 เรียนรู้อย่างมีความสุขนั้นเราส่งผลกระทบ
00:36:40 → 00:36:42 กลับมาที่ครอบครัวเราก็มีความสุขเราก็
00:36:42 → 00:36:45 เป็นประชากรที่มีความสุขของชาตินะคะเรา
00:36:45 → 00:36:49 สามารถครีเอททุกอย่างได้ด้วยมือของเราเอง
00:36:49 → 00:36:52 นะคะด้วยความตระหนักในสิทธิของพ่อแม่ใน
00:36:52 → 00:36:55 การที่จะช่วยดูแลเด็กๆให้เป็นเด็กที่มี
00:36:55 → 00:36:58 คุณภาพและสร้างสังคมเข้มแข็งร่วมกันค่ะใน
00:36:58 → 00:37:02 ในมุมของผู้ปกครองนะคะอาจจะเป็นมุมที่ยัง
00:37:02 → 00:37:06 มีทัศนคติติดวิธีการนะติดกรอบวิธีการ
00:37:06 → 00:37:08 เรียนรู้ในระบบโรงเรียนเพราะฉะนั้นถ้าเรา
00:37:08 → 00:37:12 สลายกรอบวิธีการนั้นทำให้เอ่อการเรียนรู้
00:37:12 → 00:37:15 เนี่ยส่งผลพัฒนาที่ตัวเด็กโดยตรงเนี่ยโดย
00:37:15 → 00:37:19 ที่เราจะสามารถเลือกวิธีการไหนก็ได้ที่
00:37:19 → 00:37:22 เหมาะสมในการเข้ามาช่วยเสริมกระบวนการ
00:37:22 → 00:37:24 เรียนรู้ให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข
00:37:24 → 00:37:26 อย่างรอบด้านเนี่ยนะคะถ้ามุมมองตรงเของ
00:37:26 → 00:37:29 ผู้ปกครองเปิดเราก็จะสามารถหยิบวิธีการ
00:37:29 → 00:37:31 หรือเลือกกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะกับ
00:37:31 → 00:37:34 เด็กๆได้ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นเอ่อสิ่ง
00:37:34 → 00:37:38 หนึ่งที่อาจจะต้องสร้างขึ้นคือกระบวน
00:37:38 → 00:37:41 ทัศน์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการศึกษา
00:37:41 → 00:37:45 ที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละศักยภาพนะคะเพราะ
00:37:45 → 00:37:47 ว่าสิ่งนี้ก็จะแตกต่างไปกับวิธีการจัดการ
00:37:47 → 00:37:50 ศึกษาในระบบโรงเรียนซึ่ง H School จะ
00:37:51 → 00:37:54 สามารถยืดหยุ่นแลก็ปรับได้สอดคล้องกับ
00:37:54 → 00:37:56 เรื่องการบริหารจัดการเวลาของครอบครัว
00:37:56 → 00:38:00 แล้วก็การเรียนรู้ตามความสนใจของเด็ก
00:38:00 → 00:38:03 พัฒนาความสนใจให้เป็นเอ่อการพัฒนากการ
00:38:03 → 00:38:07 เรียนรู้จนทำให้เกิดการเรียนรู้ด้านต่างๆ
00:38:07 → 00:38:10 ขึ้นแล้วก็ต่อยอดให้เป็นความเชี่ยวชาญถ้า
00:38:10 → 00:38:14 เป็นความสนใจต่อเนื่องหรือว่าในกรณีเด็ก
00:38:14 → 00:38:17 พิเศษการเรียนรู้ตามความสนใจจะเป็นจุดนึง
00:38:17 → 00:38:21 ที่จะสร้างกระบวนการที่ทำให้เด็กค้นหาตัว
00:38:21 → 00:38:24 เองให้เราได้เรียนรู้ธรรมชาติในการเรียน
00:38:24 → 00:38:27 รู้ของเขาเพื่อที่จะวิเคราะห์แล้วก็ตอบ
00:38:27 → 00:38:30 ต่อยอดว่าสำหรับเด็กพิเศษในกรณีต่างๆตั้ง
00:38:30 → 00:38:33 แต่ระดับน้อยมากจนถึงระดับมากที่สุดเนี่ย
00:38:33 → 00:38:37 เราจะมีวิธีการจัดกิจกรรมอย่างไรให้สอด
00:38:37 → 00:38:42 คล้องกับบริบทของเด็กพิเศษนั้นๆค่ะติดตาม
00:38:42 → 00:38:45 สาระความรู้ดีๆจากงานสัมมนาวิชาการเรื่อง
00:38:45 → 00:38:48 H School บ้านเรียนชวนเพลินและการ
00:38:48 → 00:38:51 ประยุกต์ใช้ในทางคลินิกเพื่อเด็กพิเศษโดย
00:38:51 → 00:38:53 กลุ่มนักศึกษากิจกรรมบำบัดชั้นปีที่ 4
00:38:53 → 00:38:57 คณะกายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดลกันต่อได้
00:38:57 → 00:39:01 ในรายการเล็กๆเปลี่ยนโลกช่วง
00:39:01 → 00:39:07 [เพลง]
00:39:07 → 00:39:11 หน้ารายการเล็กๆเปลี่ยนโลกในช่วงนี้ขอนำ
00:39:11 → 00:39:14 เสนอภาพการสรุปเนื้อหาในหัวข้อเรื่องบท
00:39:14 → 00:39:17 บาทของนักกิจกรรมบำบัดในบ้านเรียนและใน
00:39:17 → 00:39:20 เด็กพิเศษแต่ละประเภทโดยตัวแทนจากกลุ่ม
00:39:20 → 00:39:22 นักศึกษากิจกรรมบำบัดชั้นปีที่ 4 คณะ
00:39:22 → 00:39:26 กายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดลในงานของผม
00:39:26 → 00:39:29 อ่ะครับมันก็จะเป็นกิจกรรมบำบัติในเด็ก
00:39:29 → 00:39:32 พิเศษอยู่แล้วการใช้กิจกรมบำบัติไปช่วย
00:39:32 → 00:39:36 เนี่ยมันก็จะเป็นการเข้าไปช่วยเสริมสร้าง
00:39:36 → 00:39:41 ทักษะบางอย่างผ่านการทำกิจกรรมให้กับเด็ก
00:39:41 → 00:39:44 โดยที่ว่าเราก็จะมีทฤษฎีหลายๆอย่างที่จะ
00:39:44 → 00:39:46 เข้าไปสนับสนุนเพื่อให้เด็กเสามารถสามารถ
00:39:47 → 00:39:51 ทำทักษะต่างๆในชีวิตของเขาได้ครับโดยโดย
00:39:51 → 00:39:53 เป้าหมายของเราเนี่ยก็คือให้เด็กสามารถ
00:39:53 → 00:39:56 ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดนะครับคือ
00:39:56 → 00:39:59 แนวทางของกิจกรรมบัติบทบาทของนักกิจกรรม
00:39:59 → 00:40:02 บำบัดในฝ่ายเด็กก็คือ 1 เป็นการประเมิน
00:40:02 → 00:40:05 ความสามารถด้านต่างๆของเด็ก 2 ส่งเสริม
00:40:05 → 00:40:08 และพัฒนาทักษะในด้านต่างๆให้เหมาะสมกับ
00:40:08 → 00:40:11 ช่วงวัย 3 เป็นการสร้างเครือข่ายทางด้าน
00:40:11 → 00:40:14 การศึกษาก็คือที่เราทำกันในวันนี้ 4 แนะ
00:40:14 → 00:40:17 นำวิธีการดูแลและส่งเสริมพัฒนาแก่ผู้ปก
00:40:17 → 00:40:20 ครองก็คือเป็นการให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครอง
00:40:20 → 00:40:24 ครับต่อมาครับอันนี้จะเป็นการประเมินหัว
00:40:24 → 00:40:26 ข้อที่เราสนใจในเด็ก 0-6 เดือนของนัก
00:40:26 → 00:40:29 กิจกรรมบำบัตอันดับแรก reflex reflex
00:40:29 → 00:40:32 คืออะไร reflex ก็คือปฏิกิริยาสะท้อนกลับ
00:40:32 → 00:40:34 reflex ในเด็กแรกเกิดเนี่ยก็คือจะมี
00:40:34 → 00:40:36 เพื่อที่จะสามารถให้เด็กมีชีวิตอยู่รอด
00:40:37 → 00:40:41 ได้เช่นรีเฟกในการดูดนมเป็นต้นซึ่งนัก
00:40:41 → 00:40:43 กบัตก็ต้องตรวจประเมินว่าเด็กเนี่ยมี
00:40:43 → 00:40:44 รีเฟกดังกล่าวหรือไม่เพราะถ้าเด็กไม่มี
00:40:44 → 00:40:47 เนี่ยมันก็อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตนะ
00:40:47 → 00:40:50 ครับไมอคือกล้ามเนื้อมัดเล็กก M คือกล้าม
00:40:50 → 00:40:53 เนื้อมัดใหญ่ซึ่งในการเคลื่อนไหวเนี่ย God
00:40:53 → 00:40:56 มอเตอร์เช่นศูนเดือนก็เป็นการชันคออ่า
00:40:56 → 00:40:58 เด็กก็คือเวลาเราเริ่มมีการเคลื่อนไหวก็
00:40:59 → 00:41:01 ต้องเริ่มจากการชันคอขึ้นมาพลิกตะแคงซ้าย
00:41:01 → 00:41:03 ขวาได้หรือเปล่าอันนี้นักกิตบำบัติต้อง
00:41:03 → 00:41:05 ประเมิน Social Development เป็น
00:41:05 → 00:41:08 พัฒนาการด้านสังคมสังคมก็อาจจะเป็นการ
00:41:08 → 00:41:10 เริ่มที่การมองหน้าสบตาเด็กมีการมองหน้า
00:41:10 → 00:41:16 สบตามยมีการยิ้มมยมีการเอ่อส่งสายตาสื่อ
00:41:16 → 00:41:19 ความหมายไปยังคู่สนทนาหรือไม่อาจอาจจะไม่
00:41:19 → 00:41:21 ได้เป็นการสื่อสารที่มีความหมายมากนักใน
00:41:21 → 00:41:24 เด็กช่วงนี้นะครับ Language Language
00:41:24 → 00:41:27 Development ก็เอ่อเด็กแน่นอนว่าศูน 6
00:41:27 → 00:41:30 เดือนยังพูดไม่ได้แต่ว่า lage คือการภาษา
00:41:30 → 00:41:33 ภาษาเนี่ยก็คือเด็กจะเรียนรู้ด้วยการทำ
00:41:34 → 00:41:37 เลียนแบบอาจจะมี - 6 เดือนอาจจะเริ่มจาก
00:41:37 → 00:41:40 การทำเสียงคลางในลำคอหรือว่าคิงทำเสียงอื
00:41:40 → 00:41:43 ๆเป็นการเลียนแบบเสียงส่วนสุดท้ายเป็น
00:41:43 → 00:41:45 sucking and swallowing ก็คือการดูด
00:41:45 → 00:41:47 กลืนซึ่งการดูดกลืนนักกิบำบัตก็ต้อง
00:41:47 → 00:41:51 ประเมินว่าเอ่อกำลังกล้ามเนื้อเด็กดีหรือ
00:41:51 → 00:41:52 ไม่
00:41:52 → 00:41:55 เอ่อปากเด็กปิดสนิทหรือไม่เวลาดูดอย่าง
00:41:55 → 00:41:58 เงี้ยครับเป็นต้นต่อมา 7-12 เดือนก็จะ
00:41:58 → 00:42:01 เป็นหัวข้อคล้ายๆเดิมแต่ว่าจะต่างกันออก
00:42:01 → 00:42:04 ไปรีเฟลกเนี่ยใน 7-12 เดือนรีเฟลกบาง
00:42:04 → 00:42:07 อย่างของเด็กควรจะหายไปแล้วไมอเตอรในระยะ
00:42:07 → 00:42:09 นี้เด็กก็สามารถเริ่มที่จะใช้กล้ามเนื้อ
00:42:09 → 00:42:11 มะเเล็กกล้ามเนื้อมะเเล็กคือกล้ามเนื้อ
00:42:11 → 00:42:13 มือกับกล้ามเนื้อตาเริ่มใช้ได้อย่างมี
00:42:13 → 00:42:15 ความหมายมากขึ้นเริ่มมีกำลังกล้ามเนื้อ
00:42:15 → 00:42:18 มากขึ้น gross M คือเด็กสามารถพลิกตะแคง
00:42:18 → 00:42:21 ตัวได้ชันคอได้ลุกขึ้นนั่งได้แล้วเตรียม
00:42:21 → 00:42:23 พร้อมที่จะไปสู่ Stage ของการเดินต่อไป
00:42:23 → 00:42:28 อ่า 1-6 ขวบจะเป็นเด็กเล็กในส่วนของเด็ก
00:42:28 → 00:42:29 ที่เริ่มจะเข้าสู่โรงเรียนเนี่ยกล้าม
00:42:29 → 00:42:32 เนื้อมัดเล็กก็จะพัฒนาในสูตทักษะที่สูง
00:42:32 → 00:42:35 มากขึ้นจากการเอื้อมมือจับก็จะเป็นการ
00:42:35 → 00:42:38 เริ่มเข้าโรงเรียนก็จะมีการเขียนพัฒนาการ
00:42:38 → 00:42:39 ด้านการเขียนเป็น handwriting
00:42:39 → 00:42:41 Development ก็จะมีพัฒนาการในการจับ
00:42:42 → 00:42:44 อินสอนในแบบต่างๆอันนี้นักจิตสมบัติก็
00:42:44 → 00:42:47 ต้องรู้ว่าจับแบบไหนถูกหรือผิดเพื่อที่จะ
00:42:47 → 00:42:50 สามารถสอนให้เด็กสามารถจับิสอได้ถูกวิธี
00:42:50 → 00:42:52 เพื่อที่จะทำให้เด็กเนี่ยสามารถเขียนได้
00:42:52 → 00:42:55 ง่ายขึ้นถูกมยครับถ้าเราจับินสอถูกวิธี
00:42:55 → 00:42:59 ต่อมาก็เป็นกมอเตอร์ในเด็ก 1-6 ขวบเนี่ย
00:42:59 → 00:43:01 จะถือว่าเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่เราค่อยๆ
00:43:01 → 00:43:04 พัฒนาจนถึงขีดสุดก็คือจะเป็นช่วงในวัยนี้
00:43:04 → 00:43:07 1ถึง 6 ขวบพอถึง 6 ขวบปุ๊บเนี่ยกล้าม
00:43:07 → 00:43:09 เนื้อมัดใหญ่ก็ถือว่าพัฒนาได้สุดและก็คือ
00:43:09 → 00:43:11 เด็กสามารถวิ่งเดินกระโดดอะไรได้เหมือน
00:43:11 → 00:43:14 ผู้ใหญ่เลยแต่ว่าอาจจะแข็งแรงแค่ไม่เท่า
00:43:14 → 00:43:16 ผู้ใหญ่เฉยๆต่อมาเป็น cognitive
00:43:16 → 00:43:19 cognitive หรือว่าภาษาไทยเรียกว่ากระบวน
00:43:19 → 00:43:22 การรู้คิดปัญญาครับก็คือเป็นเกี่ยวกับ
00:43:22 → 00:43:25 เอ่อทักษะการเรียนรู้เป็นความฉลาดอย่าง
00:43:25 → 00:43:28 หนึ่งนะครับอันนี้คือ cognitive ส่วนต่อ
00:43:28 → 00:43:30 มาคือ Language คือด้านภาษา 1-6 ขวบก็จะ
00:43:30 → 00:43:33 มีการพัฒนามากขึ้นเริ่มใช้คำพูดที่เป็น
00:43:33 → 00:43:36 สามารถสนทนาได้สามารถเล่าเรื่องได้แล้ว
00:43:36 → 00:43:40 รู้เรื่องเลย 6 1-6 ขวบ Emotion อันนี้
00:43:40 → 00:43:43 สำคัญมากในเด็ก 1-6 ขวบเนี่ยก็จะมีการ
00:43:43 → 00:43:46 พัฒนาในเรื่องของอารมณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
00:43:46 → 00:43:48 ซึ่งอารมณ์เนี่ยมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึง
00:43:48 → 00:43:51 พฤติกรรมแล้วก็การเลี้ยงดูของเด็กนะครับ
00:43:51 → 00:43:54 ซึ่งจะมีทฤษฎีมากมายที่ที่มาซัพพอร์ตใน
00:43:54 → 00:43:57 ส่วนของพัฒนาการด้านอารมณ์ต่อมาเป็น Play
00:43:57 → 00:44:00 Development เด็กยังไงก็เป็นเด็กครับยัง
00:44:00 → 00:44:03 ก็ต้องเรียนรู้ผ่านทางด้านการเล่นการเล่น
00:44:03 → 00:44:05 เนี่ยแต่ว่าการเล่นมันก็จะมีพัฒนาการเช่น
00:44:05 → 00:44:08 เล่นแบบค้นหาแบบเอ่อ exploratory หรือว่า
00:44:08 → 00:44:11 เป็นการเล่นแบบมีจุดประสงค์ซึ่งในเด็ก 1-6
00:44:11 → 00:44:14 ขวบถ้าเป็นใกล้ๆ 6 ขวบเนี่ยการเล่นของ
00:44:14 → 00:44:16 เด็กก็จะเป็นการเล่นที่ซับซ้อนมากขึ้น
00:44:16 → 00:44:18 กว่าเด็กถ้าอย่างเป็นเด็กเล็กๆเนี่ยอาจจะ
00:44:18 → 00:44:23 อ่ะจับมาดมอ่ะปล่อยจับเดินไปคานๆๆนๆดูอ
00:44:23 → 00:44:25 อย่างเงี้คือเป็นการเล่นแบบ sensory Play
00:44:25 → 00:44:27 คือการเรียนรู้ผ่านภาษาสัมผัสแต่ถ้าเด็ก
00:44:27 → 00:44:29 เริ่มโตแล้วเนี่ยจะเป็นการเล่นแบบมีเป้า
00:44:29 → 00:44:32 หมายมากขึ้นเอาบล็อกมาต่ออ่าเริ่มเป็น
00:44:32 → 00:44:35 construct ก็คือเหมือนกับมีการก่อสร้าง
00:44:35 → 00:44:37 เป็นการความคิดที่ซับซ้อนมากขึ้นเริ่มมี
00:44:37 → 00:44:41 การีมากขึ้นในเด็กที่โตขึ้นสุดท้ายเป็น
00:44:41 → 00:44:43 Social Development Social ก็จะมีแบ่ง
00:44:43 → 00:44:45 เป็นเป็น PE relation ก็คือเหมือนกับว่า
00:44:45 → 00:44:48 เป็นปฏิสัมพันธ์กับบุคคลวัยเดียวกันซึ่ง
00:44:48 → 00:44:50 ก็คือเหมือนพูดง่ายๆคือปฏิสัมพันธ์กับ
00:44:50 → 00:44:52 เพื่อนนี่เองนะครับ moral moral
00:44:52 → 00:44:54 Development moral Development ก็คือ
00:44:54 → 00:44:57 เป็นเอ่อคุณธรรมจริยธรรมซึ่งเด็กก็ก็จะ
00:44:57 → 00:45:00 ต้องเริ่มการเรียนรู้ว่าเอออันเนี้ยถูกนะ
00:45:00 → 00:45:03 อันนี้ผิดนะเพื่อที่จะเพิ่มเติมเป็นทักษะ
00:45:03 → 00:45:05 ที่จะสามารถให้เด็กเหล่านั้นเนี่ยสามารถ
00:45:05 → 00:45:07 ไปอยู่ในสังคมได้ Self Control and
00:45:08 → 00:45:09 aggressive Development ก็คือเด็กจะ
00:45:09 → 00:45:13 ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองเรียนรู้ที่
00:45:13 → 00:45:16 จะมีพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้องไม่ก้าว
00:45:16 → 00:45:18 ร้าวอันนี้ก็เป็นพฤติกรรมด้านหนึสุดท้าย
00:45:18 → 00:45:20 เป็น adl หรือว่าที่เรียกว่า activity
00:45:20 → 00:45:23 Daily Living เป็นเอ่อกิจกรรมการดำเนิน
00:45:23 → 00:45:26 ชีวิตในชีวิตประจำวันเช่นการอาบน้ำกิน
00:45:26 → 00:45:28 ข้าวแปลงฟันเด็กในวัยนี้ก็จะมีการเรียน
00:45:28 → 00:45:31 รู้เหล่านี้เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือตัว
00:45:31 → 00:45:33 เองได้อย่างเอ่อได้อย่าง independent
00:45:33 → 00:45:38 หรือได้อย่างอิสระครับผมต่อมา 7-12 ก็จะ
00:45:38 → 00:45:40 เป็นวัยที่โตขึ้นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็จะ
00:45:40 → 00:45:43 เริ่มเป็น Education และต่อจากต่อยอดจง
00:45:43 → 00:45:45 อันเมื่อกี้เด็กก็จะมีพัฒนาการทุกด้าน
00:45:45 → 00:45:47 เนี่ยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ Cross M
00:45:47 → 00:45:50 cognitive Emotion adl แต่ว่าสิ่งที่
00:45:50 → 00:45:52 เพิ่มเข้ามาในวัยนี้คือเป็นเด็กในวัย
00:45:52 → 00:45:54 เรียน 7-12 ปีก็จะเป็นเด็กที่เริ่มเข้า
00:45:54 → 00:45:56 โรงเรียนแล้วเข้าโรงเรียนเนี่ยมันก็จะมี
00:45:56 → 00:45:59 มีหลายอย่างทั้งในด้านของการเรียนเนื้อหา
00:45:59 → 00:46:03 วิชาการรวมไปถึงการเข้าสังคมเราก็ยังคง
00:46:03 → 00:46:06 อยู่ในมครับ Social Development เด็กที่
00:46:06 → 00:46:08 จะเข้าโรงเรียนได้มันก็ต้องมีทักษะในด้าน
00:46:08 → 00:46:11 สังคมที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ซึ่งในวัย
00:46:11 → 00:46:13 นี้มันก็จะเป็นการพัฒนามากขึ้นเด็กก็จะมี
00:46:13 → 00:46:18 วุฒิภาวะมากขึ้นครับผม 13-18 ก็จะอย่าง
00:46:18 → 00:46:20 ที่ผมได้กล่าวไปตอนแรกเป็น adl เป็น
00:46:20 → 00:46:23 activity Daily Living แต่ถ้า 13-18
00:46:23 → 00:46:26 เนี่ยจะเป็น iadl หรือเป็น adl ที่เป็น
00:46:26 → 00:46:28 ขั้นสูงขึ้นขึ้นมามีการใช้เครื่องไม้
00:46:28 → 00:46:32 เครื่องมือเข้ามาด้วยเช่นการซักผ้าการรีด
00:46:32 → 00:46:34 ผ้าอะไรที่เป็นการใช้เครื่องมือเข้ามา
00:46:34 → 00:46:36 ด้วยครับเป็นอขั้นสูงกว่าเด็กในวัยนี้ก็
00:46:36 → 00:46:40 ต้องเริ่มเรียนรู้ขึ้นมาว่าทำยังไงทำ
00:46:40 → 00:46:43 อย่างไรเพื่อที่เขาจะสามารถโตเป็นผู้ใหญ่
00:46:43 → 00:46:46 แล้วก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติบทบาทหน้าที่
00:46:46 → 00:46:50 ของนักกิจกรรมบำบัดนะคะในแต่ละโรคที่เป็น
00:46:50 → 00:46:52 เด็กพิเศษเพราะว่าในส่วนนี้เนี่ยจะเกี่ยว
00:46:52 → 00:46:54 เชื่อมโยงกับ Home School ด้วยนะคะเพราะ
00:46:54 → 00:46:56 ว่านักกิจกรรมบัติเองก็จะมีบทบาทหน้าที่
00:46:56 → 00:46:58 ใน Home School เช่นกันแต่ว่าก่อนอื่น
00:46:58 → 00:47:00 เนี่ยเรามารีวิวเกี่ยวกับแต่ละโลกกันเลย
00:47:00 → 00:47:03 คร่าวๆนะคะเพื่อให้สมาชิกทุกท่านเข้าใจ
00:47:03 → 00:47:06 เนาะโลกคร่าวๆที่วันนี้เบจะพูดนะคะจะมี
00:47:06 → 00:47:07 pdd
00:47:07 → 00:47:12 adhd LD แล้วก็ CP ค่ะอ่าอันแรกเลย
00:47:12 → 00:47:14 pervasive Development disorder นะคะ
00:47:14 → 00:47:17 จะเป็นกลุ่มโรคของ autistic เนาะจะมีด้วย
00:47:17 → 00:47:20 กัน 5 กลุ่มโรคนะคะประกอบด้วย autistic
00:47:20 → 00:47:23 disorder asperger disorder นะคะ Child
00:47:23 → 00:47:26 Hood dis integrative disorder ค่ะ
00:47:26 → 00:47:28 Red disorder แล้วก็ pervasive
00:47:28 → 00:47:30 developmental disorder not otherwise
00:47:30 → 00:47:34 specified นะคะโดยที่กลุ่มโลกนี้นะคะจะ
00:47:34 → 00:47:37 มีพฤติกรรมอาการคล้ายๆกันนะคะก็คือจะมี
00:47:37 → 00:47:40 พฤติกรรมทางสังคมถดถอยก็คือไม่สามารถเข้า
00:47:40 → 00:47:44 สังคมได้เนาะแล้วก็มีพฤติกรรมซ้ำๆชอบเล่น
00:47:44 → 00:47:47 มือนะคะชอบมองของหมุนๆอะไรอย่างงี้แล้วก็
00:47:47 → 00:47:51 พฤติกรรมด้านภาษาการสื่อสารผิดปกติไปนะคะ
00:47:51 → 00:47:55 อาจจะพูดไม่ชัดหรือว่าอาจจะมีพัไม่ค่อย
00:47:55 → 00:47:57 พูดอะไรอย่างงี้เนาะที่แบบเด็กเด็กปาก
00:47:57 → 00:47:59 หนักไม่พูดอะไรอย่างงี้นะคะอันนี้ก็จะ
00:47:59 → 00:48:03 เป็นพวกอาการคร่าวๆนะคะของออทิสติกเนาะบท
00:48:03 → 00:48:05 บาทหน้าที่ของนักกิจกรรมบำบัดในส่วนโลก
00:48:05 → 00:48:09 นี้นะคะก็จะผ่านการประเมินพฤติกรรมส่วน
00:48:09 → 00:48:12 ที่เป็นปัญหาแล้วก็ลดพฤติกรรมส่วนที่เป็น
00:48:12 → 00:48:15 ปัญหาลงนะคะแล้วก็ส่งเสริม adl กิจกรรม
00:48:15 → 00:48:17 การดำเนินชีวิตเป็นการทำให้น้องเนี่ย
00:48:17 → 00:48:20 สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขที่สุดช่วย
00:48:20 → 00:48:23 ตัวเองได้มากที่สุดเนาะแล้วต่อไป adhd
00:48:23 → 00:48:25 หรือสมาธิสั้นนั่นเองนะคะตัวนี้ก็จะมี
00:48:25 → 00:48:29 ปัญหาพฤติกรรมคร่าวๆตรงนี้ก็คือมีช่วง
00:48:29 → 00:48:33 ความสนใจสั้นนะคะอ่าหันเหความสนใจง่ายมี
00:48:33 → 00:48:37 ความไฮเปอร์นะซนๆหน่อยอะไรอย่างงี้การ
00:48:37 → 00:48:40 รักษาในส่วนของ adhd นะคะจะมี 3 ส่วนนะคะ
00:48:40 → 00:48:43 เป็น medication behav therapy แล้วก็
00:48:43 → 00:48:45 occupational therapy นะคะตัวนี้ก็จะ
00:48:45 → 00:48:47 เป็นส่วนของการใช้ยาหรือว่าพบแพทย์ซึ่ง
00:48:47 → 00:48:50 คุณหมอก็จะแนะนำมาว่าเราควรจะรักษาน้อง
00:48:50 → 00:48:52 ยังไงเป็นการปรับพฤติกรรมหรือว่าเป็นการ
00:48:52 → 00:48:55 ทำทางกิจกรรมบำบัดมต้องบำบัดรักษาเพิ่ม
00:48:55 → 00:48:58 เติมมากแค่ไหนใหนะคะซึ่งส่วนนี้เนี่ยจะ
00:48:58 → 00:49:01 เน้นไปที่ให้น้องมีความสนใจเนาะเพราะว่า
00:49:01 → 00:49:04 สกิลความสามารถทางด้านอื่นๆเนาะค่อนข้าง
00:49:04 → 00:49:06 ปกตินะคะอ่าต่อไปเป็น Learning
00:49:06 → 00:49:09 disability หรือความผิดปกติทางด้านการ
00:49:09 → 00:49:13 เรียนนะคะก็จะเป็นความผิดปกติที่สมองเนาะ
00:49:13 → 00:49:17 แต่ว่าน้องจะมี IQ ปกตินะคะแต่ว่าน้องจะ
00:49:17 → 00:49:19 มีปัญหาทางด้านการเรียนอ่าแล้วก็อาจจะส่ง
00:49:19 → 00:49:23 ผลให้มีพัฒนาการล่าช้าด้วยเล็กน้อยด้าน
00:49:23 → 00:49:26 ที่มีความผิดปกตินะคะก็จะมี 3 ด้านหลักๆ
00:49:26 → 00:49:28 เนาะจะมีการการอ่านการเขียนแล้วก็การ
00:49:28 → 00:49:31 คำนวณนะคะในส่วนของการอ่านเนี่ยน้องอาจจะ
00:49:31 → 00:49:35 แบบไม่เข้าใจตัวอักษรหรือว่ามีปัญหาทาง
00:49:35 → 00:49:38 ด้านการมองเห็นอาจจะมองตัวอักษรจำไม่ได้
00:49:38 → 00:49:40 หรือว่าไม่เข้าใจคอนเซปของตัวอักษรนี้ว่า
00:49:40 → 00:49:43 นี่คือกไก่ขไขนะคะทำให้น้องอ่านไม่ได้
00:49:43 → 00:49:46 ส่วนของการเขียนจะมี 2 ส่วนก็คือบกพร่อง
00:49:46 → 00:49:49 ทางด้านทักษะการสะกดคำแล้วก็บังคับกล้าม
00:49:49 → 00:49:50 เนื้อมือในการเขียนหรือกล้ามเนื้อมัดเล็ก
00:49:50 → 00:49:53 นั่นเองถ้าสะกดคำไม่ได้ก็เขียนไม่ได้ถูก
00:49:53 → 00:49:57 มั้ยคะแต่ว่าบางคนสะกดคำได้แต่ว่ามือเรา
00:49:57 → 00:50:00 ไม่แข็งแรงเราก็เขียนไม่ได้เหมือนกันซึ่ง
00:50:00 → 00:50:02 2 ส่วนนี้ก็จะไม่เกี่ยวกับสติปัญญาเนาะ
00:50:02 → 00:50:05 ส่วนนี้จะเกี่ยวข้องบ้างนะคะก็คือเป็น
00:50:05 → 00:50:07 เกี่ยวกับการคำนวณบางคนเนี่ยสามารถเขียน
00:50:07 → 00:50:11 ภาษาไทยได้อ่านได้ออกได้แต่พอไปส่วนของ
00:50:11 → 00:50:14 วิชาคณิตศาสตร์ต้องคำนวณเลขพอเชื่อมโยงไป
00:50:15 → 00:50:17 ใช้ในชีวิตประจำวันเนี่ยน้องจะต้องไปซื้อ
00:50:17 → 00:50:19 ของจริงๆน้องทำไม่ได้เพราะว่าน้องคำนวณ
00:50:20 → 00:50:22 เลขไม่ได้ส่วนนี้เนี่ยนักกิจกรรบำบัดก็จะ
00:50:22 → 00:50:25 ต้องเพิ่มความสามารถของเขาอย่างน้อยๆให้
00:50:25 → 00:50:27 เขาเข้าใจจำนวนตัวเลขให้เขาสามารถบวกลบ
00:50:28 → 00:50:30 ได้เพราะว่ามันมีผลต่อการใช้ชีวิตจริงๆ
00:50:31 → 00:50:33 ของน้องด้วยนะคะอ่าแล้วะส่วนสุดท้ายก็คือ
00:50:33 → 00:50:36 CP หรือ cal pry นั่นเองหรือเด็กสมอง
00:50:36 → 00:50:40 พิการนะคะด้านที่พัฒนาการลช้าเนาะก็จะมีไ
00:50:40 → 00:50:43 M perception คือการรับรู้นะคะมีทั้ง
00:50:43 → 00:50:47 การมองเห็นการได้ยินการสัมผัสนะคะซึ่งจะ
00:50:47 → 00:50:49 ส่งผลต่อการทำกิจวัตรประจำวันของน้องอาจ
00:50:49 → 00:50:52 จะทำให้น้องไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ถ้า
00:50:52 → 00:50:56 น้องแบบไฮเปอร์มากๆแบบแตะนิดเดียวก็เจ็บ
00:50:56 → 00:50:58 อะไรอย่างงี้นะคะเราก็จลดความรู้สึกส่วน
00:50:58 → 00:51:02 นี้ลงด้วยคอกีความคิดความเข้าใจนะคะมีผล
00:51:02 → 00:51:05 ต่อการเรียนของน้องโดยตรงเลยนะคะ Sensor
00:51:05 → 00:51:09 ก็คือการรับความรู้สึกเนาะแล้วก็ Emotion
00:51:09 → 00:51:11 แล้วก็โซเชียลเหมือนเดิมนะคะสังคมแล้วก็
00:51:11 → 00:51:14 อารมณ์อ่าในส่วนของหน้าที่นักกิจกรรม
00:51:14 → 00:51:17 บำบัดในโรงเรียนนะคะจะเป็นส่วนเดียวกับ
00:51:17 → 00:51:19 ที่นักกิจกรรมบำบัดสามารถช่วยเหลือ H
00:51:19 → 00:51:21 School ได้สิ่งที่เราจะทำเนาะอย่างแรก
00:51:21 → 00:51:25 คือกระตุ้นตรวจประเมินพัฒนาการนะคะในด้าน
00:51:25 → 00:51:29 ต่างๆทั้งด้านร่างกายสังคมอารมณ์เนาะนอก
00:51:29 → 00:51:31 จากนั้นเนี่ยเราสามารถนำข้อมูลมาปรับ
00:51:31 → 00:51:34 ประยุกต์ใน IEP หลายๆท่านน่าจะรู้จักแผน
00:51:34 → 00:51:38 การเรียนเฉพาะบุคคลนะคะก็คือเป็นการร่วม
00:51:38 → 00:51:40 มือกันของสหวิชาชีพเนาะหนึในนั้นเนี่ยอาจ
00:51:40 → 00:51:43 จะเป็นนักกิจกรรมบำบัดด้วยได้มีแพทย์มี
00:51:43 → 00:51:46 นักกิจกรรมบำบัดคุณครูการศึกษาพิเศษงี้นะ
00:51:46 → 00:51:48 คะเพื่อให้โปรแกรมการเรียนเนี่ยมันเหมาะ
00:51:48 → 00:51:50 สมกับน้องมากที่สุด environmental
00:51:50 → 00:51:52 modification คือการปรับสิ่งแวดล้อมให้
00:51:52 → 00:51:55 เหมาะสมกับการเรียนนะคะโรงเรียนแต่ละที่
00:51:55 → 00:51:57 เนี่ยจะมีการปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
00:51:57 → 00:51:59 เรียบร้อยแล้วอย่างเช่นอาการถ่ายเทศสะดวก
00:51:59 → 00:52:04 แสงสว่างเพียงพอไม่มีของระเกะระกะที่พื้น
00:52:04 → 00:52:05 งี้นะคะเพื่อให้น้องเนี่ยสามารถเรียนได้
00:52:05 → 00:52:09 อย่างเต็มที่แล้วก็ Education ตัวนี้ไม่
00:52:09 → 00:52:11 ใช่แค่การให้การศึกษาน้องนะคะแต่เป็นการ
00:52:11 → 00:52:14 ให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ปกครองและผู้
00:52:14 → 00:52:16 ดูแลด้วยอย่างวันนี้ก็เป็น Education
00:52:16 → 00:52:18 อย่างหนึ่งที่มอบให้กับผู้ปกครองเช่นกัน
00:52:18 → 00:52:22 ค่ะประโยชน์จากวันนี้นะครับก็อย่างอย่าง
00:52:22 → 00:52:25 น้อยในการสัมมนาครั้งเนี้ยผมหวังว่าคนที่
00:52:25 → 00:52:27 มาเข้าฟังเนี่ยเนี่ยเขาจะได้รับความรู้
00:52:27 → 00:52:31 พื้นฐานให้เขาได้กระจ่างในเรื่องของการทำ
00:52:31 → 00:52:32 Home School มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นใน
00:52:32 → 00:52:36 เรื่องของกฎหมายวิธีการเป็นเชิงนโยบาย
00:52:36 → 00:52:39 ต่างๆหรือว่าเป็นเชิงของประสบการณ์จริง
00:52:39 → 00:52:42 จากผู้ที่มีประสบการณ์ในส่วนของผู้ที่มา
00:52:42 → 00:52:44 บรรยายแล้วก็เอ่อผู้ปกครองที่มาแลก
00:52:44 → 00:52:47 เปลี่ยนกันวันนี้ผมก็อยากให้กลุ่มคนที่มา
00:52:48 → 00:52:51 วันเนี้ยเอาแค่กลุ่มเล็กๆนี้ก่อนครับได้
00:52:51 → 00:52:54 ความรู้พื้นฐานได้กระจ่างในส่วนของโฮ
00:52:54 → 00:52:57 School นี้แต่ว่าถ้าในอนาคตต่อสังคม
00:52:57 → 00:53:00 เนี่ยผมก็หวังลึกๆว่าการมาสัมมนาครั้ง
00:53:00 → 00:53:03 เนี้ยมันจะเป็นการสร้างเครือข่ายที่
00:53:03 → 00:53:06 สำหรับผู้ที่มีความสนใจในด้านโฮ School
00:53:06 → 00:53:09 แล้วในวันนึงถ้าแบบเรามีเครือข่ายที่ที่
00:53:09 → 00:53:12 เข้มแข็งมากขึ้นที่ที่ยิ่งใหญ่เราก็
00:53:12 → 00:53:15 สามารถเป็นตัวที่ผลักดันสังคมช่วยเหลือ
00:53:15 → 00:53:18 ให้เด็กที่ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาเนี่ย
00:53:18 → 00:53:21 ได้มีทางเลือกได้มีโอกาสเข้ากับการศึกษา
00:53:21 → 00:53:25 มากขึ้นโดยใช้มสคูเป็นสื่อครับผม
00:53:25 → 00:53:26 [เพลง]
00:53:26 → 00:53:29 รายการเล็กๆเปลี่ยนโลกในตอนนี้ขอนำเสนอ
00:53:29 → 00:53:32 เป็น 2 ตอนด้วยกันโดยในครั้งหน้าเรากลับ
00:53:32 → 00:53:34 มาฟังการบรรยายและตัวอย่างจากกิจกรรมบ้าน
00:53:34 → 00:53:37 เรียนโดยได้รับความอนุเคราะห์จากทางบ้าน
00:53:37 → 00:53:40 เรียนชวนชื่นเพื่อนำเสนอภาพตัวอย่างการ
00:53:40 → 00:53:42 จัดการศึกษาแบบ H School และตัวอย่างการ
00:53:42 → 00:53:45 จัดกิจกรรมให้กับเด็กพิเศษโปรดติดตามชมใน
00:53:45 → 00:53:49 ตอนหน้าท่านผู้ชมที่สนใจสามารถสอบถามข้อ
00:53:49 → 00:53:51 มูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่คณะ
00:53:51 → 00:53:55 กายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดลผ่านทาง
00:53:55 → 00:54:00 โทรศัพท์หมายเลข 02 441 5450 หรือทาง
00:54:00 → 00:54:06 เว็บไซต์ www.ptd.ac.th
00:54:06 → 00:54:26 [เพลง]
00:54:26 → 00:54:29 แ
00:54:29 → 00:54:54 [เพลง]