00:00:00 → 00:00:03 คนทั่วไปที่นิยมใช้หูฟังเพื่อที่จะฟังเพลง
00:00:03 → 00:00:05 หรือคุยโทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน ๆ
00:00:06 → 00:00:09 อาจจะทำให้การได้ยินค่อย ๆ เสื่อม ทีละน้อย ทีละน้อย
00:00:09 → 00:00:15 [เสียงดนตรี]
00:00:15 → 00:00:19 การดูแลหูแบบผิดวิธี ก็อาจจะส่งผลกระทบกับการได้ยิน
00:00:19 → 00:00:22 ตลอดจนระบบการทรงตัวได้ค่ะ
00:00:22 → 00:00:26 [เสียงดนตรี]
00:00:26 → 00:00:32 โดยปกติแล้ว ขี้หูเป็นสารที่ร่างกาย สร้างขึ้นมาตามธรรมชาติอยู่แล้ว
00:00:32 → 00:00:36 แล้วก็มีหน้าที่ช่วยปรับสมดุลในบริเวณช่องหู
00:00:36 → 00:00:40 ทำให้ช่องหูมีความชุ่มชื้น ป้องกันการติดเชื้อ
00:00:40 → 00:00:44 หูสามารถมีกลไกที่จะขจัดขี้หูอยู่แล้ว
00:00:44 → 00:00:50 แต่ว่าในกรณีที่คนไข้มีอาการขี้หูอุดตัน จนมีอาการปวด
00:00:50 → 00:00:51 หรือว่ามีอาการหูอื้อ
00:00:51 → 00:00:55 ก็ควรที่จะมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย
00:00:55 → 00:00:57 แล้วก็การรักษาที่ถูกต้อง
00:00:57 → 00:01:01 [เสียงดนตรี]
00:01:01 → 00:01:04 การหลีกเลี่ยงเสียงดังที่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ
00:01:04 → 00:01:06 เช่น เสียงปืน หรือเสียงประทัด
00:01:06 → 00:01:11 แล้วก็หลีกเลี่ยงเสียงดังในระยะเวลานาน ๆ เช่น ในโรงมหรสพ
00:01:11 → 00:01:14 หรือว่าในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างนี้ค่ะ
00:01:14 → 00:01:17 จะทำให้เกิดอาการได้ยินที่ผิดปกติ
00:01:17 → 00:01:20 อาจจะเป็นแบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป
00:01:20 → 00:01:22 หรือว่าเป็นแบบฉับพลันก็ได้ค่ะ
00:01:22 → 00:01:25 [เสียงดนตรี]
00:01:25 → 00:01:29 คนไข้ควรที่จะหลีกเลี่ยงการปั่นหู หรือว่าแคะหู
00:01:29 → 00:01:31 หรือว่าการใช้อุปกรณ์ใด ๆ ก็ตาม
00:01:31 → 00:01:34 เข้าไปทำความสะอาดในบริเวณช่องหู
00:01:34 → 00:01:38 เพราะว่าสิ่งที่เราเอาเข้าไปปั่นนี่คือ อาจจะไปทำให้เกิดการระคายเคือง
00:01:38 → 00:01:43 อาจจะเป็นการดันขี้หูที่อยู่ด้านนอก ทำให้ลึกเข้าไปด้านใน
00:01:43 → 00:01:44 ถ้าสมมุติมีการอักเสบติดเชื้อเยอะ
00:01:44 → 00:01:49 ก็จะมีอาการปวด บวม หรือว่ามีน้ำหนองไหลออกมาจากช่องหูได้
00:01:49 → 00:01:51 หรือว่าคนไข้บางคนที่พบได้
00:01:51 → 00:01:54 ก็คืออาจจะเจอในกรณีของ เยื่อแก้วหูทะลุได้เลยค่ะ
00:01:54 → 00:01:57 [เสียงดนตรี]
00:01:58 → 00:02:00 พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเข้าหู
00:02:00 → 00:02:04 โดยเฉพาะคนไข้ที่มีประวัติ หูชั้นนอกอักเสบบ่อย ๆ
00:02:04 → 00:02:07 หรือว่ามีประวัติเยื่อแก้วหูทะลุอยู่แล้ว
00:02:07 → 00:02:09 เพราะว่าการที่น้ำเข้าหู
00:02:09 → 00:02:12 ก็อาจจะมีพวกเชื้อโรคอะไรอย่างนี้ค่ะ
00:02:12 → 00:02:15 ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้
00:02:15 → 00:02:19 แต่ว่าในกรณีที่น้ำเข้าหูไปแล้วอย่างนี้ค่ะ
00:02:19 → 00:02:22 เราก็สามารถที่จะพยายามเอาน้ำออกได้
00:02:22 → 00:02:26 โดยการที่ตะแคงศีรษะด้านที่น้ำเข้าหู
00:02:26 → 00:02:30 คือให้ด้านนั้นต่ำลง แล้วก็พยายามที่ดึงใบหูกางออก
00:02:30 → 00:02:32 แล้วก็โยกไปทางด้านหลังค่ะ
00:02:32 → 00:02:37 เพราะว่าโดยปกติ ช่องหูจะมีลักษณะโค้งเป็นรูปตัว S
00:02:37 → 00:02:41 การที่ทำในลักษณะดังกล่าว จะทำให้ช่องหูมีลักษณะตรงขึ้น
00:02:41 → 00:02:43 แล้วก็น้ำไหลออกมาได้ง่ายค่ะ
00:02:43 → 00:02:47 [เสียงดนตรี]
00:02:47 → 00:02:51 เวลาที่เราเป็นหวัดหรือว่ามีอาการคัดจมูก มีอาการของไซนัสอักเสบ
00:02:51 → 00:02:54 ก็ไม่ควรที่จะสั่งน้ำมูกแรง ๆ นะคะ
00:02:54 → 00:02:59 ก็คือควรที่จะรีบรักษา แล้วก็ให้อาการบรรเทาโดยเร็วที่สุด
00:02:59 → 00:03:04 เพราะว่าการที่สั่งน้ำมูกแรง ๆ โดยเฉพาะบีบจมูกเวลาสั่งน้ำมูก
00:03:04 → 00:03:10 อาจจะทำให้เชื้อโรคที่บริเวณในจมูก หรือหลังโพรงไซนัสย้อนกลับเข้าไป
00:03:10 → 00:03:13 ทำให้เกิดอาการติดเชื้อ ทางบริเวณหูชั้นกลางได้
00:03:13 → 00:03:17 [เสียงดนตรี]
00:03:17 → 00:03:19 อย่างต่อไปที่ควรทำก็คือ
00:03:19 → 00:03:24 เวลาที่เราจะใช้ยา ไม่ว่าจะเป็นยากิน ยาฉีด หรือโดยเฉพาะยาหยอดหูนี่ค่ะ
00:03:24 → 00:03:27 ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนค่ะ
00:03:27 → 00:03:31 เพราะว่ายาบางชนิด มีส่วนประกอบที่มีอันตรายต่อประสาทหู
00:03:31 → 00:03:33 และระบบประสาทการทรงตัว
00:03:33 → 00:03:39 ดังนั้น การที่ใช้ยาโดยผิดวิธี หรือว่าไม่ทราบข้อบ่งชี้อย่างชัดเจน
00:03:39 → 00:03:42 ก็อาจจะทำอันตรายต่อระบบประสาทการได้ยิน
00:03:42 → 00:03:44 และระบบประสาทการทรงตัวได้ค่ะ
00:03:44 → 00:03:49 วิธีการสังเกตตนเองว่า มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับหู
00:03:49 → 00:03:53 อาจจะสังเกตตามลักษณะของกลุ่มอาการที่มีปัญหา
00:03:53 → 00:03:56 เช่น ในกลุ่มอาการที่มีปัญหาเรื่อง การได้ยินผิดปกติอย่างนี้ค่ะ
00:03:56 → 00:04:00 ก็อาจจะมีลักษณะของหูอื้อ มีเสียงดังในหูได้นะคะ
00:04:01 → 00:04:04 ในกลุ่มที่มีอาการอักเสบติดเชื้อ
00:04:04 → 00:04:06 ก็คืออาจจะมีอาการปวดหู
00:04:06 → 00:04:08 มีอาการน้ำไหลออกมาจากหูได้
00:04:08 → 00:04:13 แล้วก็กลุ่มสุดท้าย ในกลุ่มที่มีลักษณะ ความผิดปกติของระบบการทรงตัว
00:04:13 → 00:04:17 คนไข้ก็อาจจะรู้สึกว่า มีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน
00:04:17 → 00:04:21 ก็ถ้าสมมุติว่ามีอาการเหล่านี้ ก็ควรที่จะรีบมาพบแพทย์ค่ะ
00:04:21 → 00:04:29 [เสียงดนตรี]
00:04:29 → 00:04:32 ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพ อย่าลืมมาพบหมอกันนะคะ