00:00:00 → 00:00:03 สังเกตกันไหมครับเดี๋ยวนี้เอ่อไม่ว่าจะ
00:00:03 → 00:00:06 ฟังพcสหนังสือเสียงหรือว่าดูวีดีโอ
00:00:07 → 00:00:09 ออนไลน์โดยเฉพาะพวก YouTube TikTok อะไร
00:00:09 → 00:00:12 แบบเนี้ยหลายคนเลยนะครับชอบกดเร่งความ
00:00:12 → 00:00:15 เร็วกันแบบเป็นเรื่องปกติไว้แล้ววันนี้
00:00:15 → 00:00:17 เราเลยอยากจะมาคุยกันเรื่องนี้แหละครับมา
00:00:17 → 00:00:20 เจาะลึกกันหน่อยว่าการเสพข้อมูลเร็วๆแบบ
00:00:20 → 00:00:23 นี้เอ่อมันส่งผลต่อสมองต่อความจำเรายังไง
00:00:23 → 00:00:26 บ้างเราก็ไปเจอข้อมูลน่าสนใจจากบทความ
00:00:26 → 00:00:29 วิเคราะห์ของ BBC Newิวสไทยมาครับเไปรวบ
00:00:29 → 00:00:31 รวมงานวิจัยข้อมูลเชิงลึกมาจาก The
00:00:31 → 00:00:34 Conversation อีกทีเป้าหมายวันนี้ก็คือ
00:00:34 → 00:00:36 อยากจะชวนคิดชวนคุยกันครับว่าไอ้ความเร็ว
00:00:36 → 00:00:39 ที่เราได้มาเนี่ยมันคุ้มมั้ยกับความเข้า
00:00:39 → 00:00:42 ใจหรือความทรงจำที่อาจจะต้องแลกไปเริ่ม
00:00:42 → 00:00:44 จากข้อดีก่อนเลยอันนี้ชัดเจนมากๆเลยนะ
00:00:44 → 00:00:46 ครับคือเรื่องประหยัดเวลาใช่มั้ครับ
00:00:46 → 00:00:48 >> ใช่ค่ะประหยัดเวลาได้เยอะเลย
00:00:48 → 00:00:51 >> ทำให้เราดูเนื้อหาได้เยอะขึ้นในเวลาเท่า
00:00:51 → 00:00:53 เดิมหรือบางทีอยากย้อนกลับไปทบทวนก็ทำได้
00:00:53 → 00:00:56 ง่ายขึ้นอันนี้มีประโยชน์มากนะโดยเฉพาะ
00:00:56 → 00:00:58 กับการเรียนรู้อย่างมีผลสำรวจที่
00:00:58 → 00:01:00 แคลิฟอร์เนียเนี่ยเค้าบอกว่านักเรียน
00:01:00 → 00:01:03 เกือบๆ 90% เลยนะครับเร่งความเร็ววีดีโอ
00:01:03 → 00:01:05 บรรยายออนไลน์กันเป็นปกติอือ
00:01:05 → 00:01:09 >> ฮึถ้ามองในมุมการทำงานของสมองนะคะคือปกติ
00:01:09 → 00:01:11 เวลาเราพูดคุยกันเนี่ยความเร็วจะอยู่ที่
00:01:11 → 00:01:15 ประมาณ 150 คำต่อนาทีจังหวะประมาณนี้สมอง
00:01:15 → 00:01:19 เรามีเวลาพอที่จะเอ่อเรียกว่าเข้ารหัสทำ
00:01:19 → 00:01:22 ความเข้าใจความหมายคำศัพท์บริบทต่างๆอ่ะ
00:01:22 → 00:01:24 ค่ะแล้วข้อมูลพวกนี้มันจะถูกพักไว้ก่อนใน
00:01:24 → 00:01:27 ส่วนที่เรียกว่าหน่วยความจำใช้งานหรือ
00:01:27 → 00:01:29 working memory
00:01:29 → 00:01:31 อ๋อ working memory ที่เขาบอกว่าเหมือน
00:01:31 → 00:01:33 เป็นโต๊ะทำงานชั่วคราวของสมองใช่ไหมครับ
00:01:33 → 00:01:36 >> ใช่ค่ะใช่ครับเหมือนเป็นโต๊ะทำงานชั่ว
00:01:36 → 00:01:38 คราวนั่นแหละก่อนที่มันจะถูกส่งไปเก็บ
00:01:38 → 00:01:41 จริงๆในหน่วยความจำระยะยาวทีนี้ประเด็น
00:01:41 → 00:01:43 มันอยู่ที่ว่าไอ้โต๊ะทำงานหรือ working
00:01:43 → 00:01:46 mmory เนี่ยพื้นที่มันมีจำกัดค่ะถึงแม้
00:01:46 → 00:01:49 ว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะฟังทันนะที่
00:01:49 → 00:01:52 ความเร็ว 300 หรือ 450 คำต่อนาทีแต่ว่า
00:01:52 → 00:01:55 มันเหมือนเราเทน้ำใส่แก้วเร็วๆน่ะค่ะคือ
00:01:55 → 00:01:58 ถ้าน้ำมันเข้าเร็วเกินไปหรือข้อข้อมูลมัน
00:01:58 → 00:02:02 ถาโถมเข้ามาแบบเร็วมากๆเยอะมากๆมันก็จะ
00:02:02 → 00:02:04 เกิดภาวะที่เรียกว่าการรับรู้เกินพิกัด
00:02:05 → 00:02:06 หรือ cognitive overload
00:02:06 → 00:02:08 >> cognitive overload
00:02:08 → 00:02:11 >> ใช่ค่ะข้อมูลมันก็จะล้นออกมาเหมือนน้ำล้น
00:02:11 → 00:02:14 แก้วมันเสียหายไประหว่างทางก่อนที่จะได้
00:02:14 → 00:02:15 จัดเก็บจริงๆจังๆ
00:02:15 → 00:02:18 >> อ๋อเข้าใจเลยครับเหมือนสมองมันรับไม่ทัน
00:02:19 → 00:02:22 จริงๆนะครับซึ่งเอ่อก็น่าจะเชื่อมโยงกับ
00:02:22 → 00:02:25 งานวิจัยชิ้นนึงที่น่าสนใจมากที่เขาเรียก
00:02:25 → 00:02:27 ว่าเป็นการวิเคราะห์อภิมานหรือเมตต้า
00:02:27 → 00:02:30 analysis ใช่มั้ยครับดูผลจากงานวิจัย
00:02:30 → 00:02:32 ตั้ง 24 ชิ้นน่ะ
00:02:32 → 00:02:33 >> ค่ะเยอะมาก
00:02:33 → 00:02:36 >> เค้าเปรียบเทียบกลุ่มที่ดูวีดีโอความเร็ว
00:02:36 → 00:02:39 ปกคือ 1x กับกลุ่มที่ดูเร็วขึ้นเรื่อยๆ
00:02:39 → 00:02:45 เลย 1.25x 1.5x 2x จนถึง 2.5x 5x แล้ว
00:02:45 → 00:02:49 ก็มาวัดผลความเข้าใจกันผลนี่ออกมาค่อน
00:02:49 → 00:02:52 ข้างตรงไปตรงมาเลยครับคือยิ่งเร่งเร็ว
00:02:52 → 00:02:54 เท่าไหร่ความสามารถในการทำแบบทดสอบความ
00:02:55 → 00:02:57 เข้าใจก็ยิ่งลดลงเท่านั้นอือฮึ
00:02:57 → 00:03:00 >> ที่ความเร็ว 1.5x เนี่ยผลกระทบอาจจะยัง
00:03:00 → 00:03:03 น้อยหน่อยนะครับแต่พอแตะ 2x หรือเร็วกว่า
00:03:03 → 00:03:05 นั้นนี่คะแนนความเข้าใจตกควบเลย
00:03:05 → 00:03:06 >> ตกควบเลยเหรอคะ
00:03:06 → 00:03:10 >> ครับอย่างสมมุติว่าปกติทำได้ 75% พอเร่ง
00:03:10 → 00:03:13 เป็น 1.5x 5x อาจจะลดเหลือสัก 73% นิด
00:03:13 → 00:03:16 หน่อยแต่ถ้าเร่งไป 2.5x 5x นี่เขาบอกว่า
00:03:16 → 00:03:19 คะแนนหายไปถึง 17% เหลือแค่ 58% เองนะ
00:03:19 → 00:03:20 ครับ
00:03:20 → 00:03:22 >> โหเยอะเหมือนกันนะคะ
00:03:22 → 00:03:24 >> เยอะเลยครับที่คุณหมอพูดเรื่อง Working
00:03:24 → 00:03:27 Memmory มีจำกัดเมื่อกี้ก็น่าจะอธิบายผล
00:03:27 → 00:03:28 ตรงนี้ได้ชัดเลย
00:03:28 → 00:03:31 >> ใช่ค่ะแล้วมันยังมีปัจจัยเรื่องอายุเข้า
00:03:31 → 00:03:33 มาเก่งด้วยนะคะมีงานวิจัยในการวิเคราะห์
00:03:33 → 00:03:37 นั้นเขาชี้ว่ากลุ่มผู้สูงอายุหน่อยประมาณ
00:03:37 → 00:03:41 61-94 ปีจะได้รับผลกระทบจากการเร่งความ
00:03:41 → 00:03:44 เร็วเนี่ยมากกว่ากลุ่มผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว
00:03:44 → 00:03:46 ที่อายุ 18-36 ปี
00:03:46 → 00:03:48 >> อ๋อ
00:03:48 → 00:03:49 ต่างกันด้วย
00:03:49 → 00:03:51 >> ค่ะอาจจะเป็นเพราะว่าความจุของ Working
00:03:51 → 00:03:54 memory อย่างที่ว่ามันอาจจะลดลงตามวัย
00:03:54 → 00:03:55 ตามธรรมชาตินะค่ะ
00:03:55 → 00:03:57 >> ครับผมมีอีกประเด็นที่ผมว่าน่าคิดเหมือน
00:03:58 → 00:04:01 กันคือแม้แต่ที่ความเร็วไม่สูงมากอย่าง
00:04:01 → 00:04:04 1.5X 5x ที่บอกว่าอาจจะยังไม่กระทบความ
00:04:04 → 00:04:04 จำเท่าไหร่
00:04:04 → 00:04:05 >> ค่ะ
00:04:05 → 00:04:08 >> แต่มีหลักฐานบอกว่ามันทำให้ความเพลิด
00:04:08 → 00:04:12 เพลินหรือความสนุกในการดูเนี่ยมันน้อยลง
00:04:12 → 00:04:13 >> อ๋อจริงด้วยค่ะ
00:04:13 → 00:04:15 >> จริงด้วยนะครับบางทีเราเร่งดูเอาแต่เนื้อ
00:04:15 → 00:04:19 หาจนลืมไปว่าเอ่อต้นฉบับเขาก็อาจจะตั้งใจ
00:04:19 → 00:04:21 เว้นจังหวะสร้างอารมณ์ร่วมอะไรแบบนี้
00:04:21 → 00:04:24 >> ใช่ค่ะบางทีจังหวะการเล่าเรื่องหรือเสียง
00:04:24 → 00:04:26 ดนตรีประกอบมันก็มีส่วนช่วยในการซึมซับ
00:04:27 → 00:04:28 เนื้อหาเหมือนกันนะคะ
00:04:28 → 00:04:28 >> ครับผม
00:04:28 → 00:04:32 >> อย่างไรก็ตามนะคะมันก็ยังมีเรื่องที่เรา
00:04:32 → 00:04:35 ยังไม่รู้ชัดเจนเหมือนกันคือผลกระทบใน
00:04:35 → 00:04:39 ระยะยาวของการที่เราเสพข้อมูลเร็วๆแบบนี้
00:04:39 → 00:04:42 เป็นประจำเนี่ยสมองเรามันจะปรับตัวได้ดี
00:04:42 → 00:04:46 ขึ้นมยหรือว่ามันจะเกิดความล้าสะสมกันแน่
00:04:46 → 00:04:48 >> อืมน่าคิดครับ
00:04:48 → 00:04:51 >> แล้วก็คนรุ่นใหม่ๆที่เขา้าเติบโตมากับ
00:04:51 → 00:04:54 ความเร็วแบบนี้เลยอ่ะเขาจะรับมือกับภาระ
00:04:54 → 00:04:57 ทางปัญญาหรือ cognitive หลดที่มันเพิ่ม
00:04:57 → 00:04:59 ขึ้นเนี่ยได้ดีกว่าคนรุ่นก่อนจริงหรือ
00:04:59 → 00:05:02 เปล่าอันนี้ก็ยังต้องการข้อมูลการศึกษา
00:05:02 → 00:05:04 เพิ่มเติมอยู่ค่ะยังไม่มีหลักฐานทาง
00:05:04 → 00:05:06 วิทยาศาสตร์มายืนยันชัดเจนณตอนนี้
00:05:06 → 00:05:10 >> ครับก็สรุปได้ว่าการเร่งความเร็วเนี่ยมัน
00:05:10 → 00:05:13 เป็นเครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลาได้จริง
00:05:13 → 00:05:16 อันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยแต่ก็อาจจะต้องยอม
00:05:16 → 00:05:18 รับว่าต้องแลกมาด้วยความเข้าใจที่อาจจะ
00:05:18 → 00:05:21 ตื้นเขินลงหรือความสามารถในการจดจำที่ลด
00:05:21 → 00:05:22 ลง
00:05:22 → 00:05:24 >> ค่ะโดยเฉพาะเมื่อเร่งสูงๆ
00:05:24 → 00:05:27 >> ใช่ครับโดยเฉพาะเมื่อเร่งสูงๆแล้วก็อาจจะ
00:05:27 → 00:05:29 ลดทอนความสุขความเพลิดเพลินในการเสพเนื้อ
00:05:29 → 00:05:31 หานั้นๆไปด้วย
00:05:31 → 00:05:34 >> อืมใช่เลยค่ะทีนี้มันก็มีคำถามทิ้งทายที่
00:05:34 → 00:05:37 น่าสนใจชวนให้คิดต่อนะคะคือในเมื่อผล
00:05:37 → 00:05:40 กระทบระยะยาวอย่างไม่ชัดเจนเนี่ยการที่
00:05:40 → 00:05:43 เราเริ่มคุ้นชินกับการเสพข้อมูลเร็วๆใน
00:05:43 → 00:05:46 ทุกๆวันมันกำลังค่อยๆเปลี่ยนแปลงวิธีที่
00:05:46 → 00:05:49 สมองเราประมวลผลหรือว่าจัดลำดับความสำคัญ
00:05:49 → 00:05:50 อะไรบางอย่างหรือเปล่า
00:05:50 → 00:05:51 >> อืม
00:05:51 → 00:05:54 >> แบบว่าเรากำลังให้ค่ากับความเร็วมากกว่า
00:05:54 → 00:05:57 ความลึกซึ้งในการทำความเข้าใจโดยที่เรา
00:05:57 → 00:05:59 ไม่รู้ตัวหรือเปล่าหรือจริงๆแล้วนี่อาจจะ
00:05:59 → 00:06:02 เป็นการปรับตัวของสมองที่อาจจะนำไปสู่
00:06:02 → 00:06:05 ทักษะการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ๆในอนาคตก็
00:06:05 → 00:06:06 ได้ใครจะรู้ใช่มั้คะ
00:06:06 → 00:06:09 >> โอ้โหเป็นคำถามที่น่าคิดมากๆเลยครับว่า
00:06:09 → 00:06:11 เรากำลังเทรดความลึกกับความเร็วอยู่หรือ
00:06:11 → 00:06:15 เปล่าหรือนี่คือวิวัฒนาการใหม่ทางปัญญาก็
00:06:15 → 00:06:18 น่าติดตามกันต่อไปนะครับ