00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาเจาะลึกแนวคิดที่
00:00:03 → 00:00:06 เอ่อน่าทึ่งมากๆนะคะเกี่ยวกับการชะลอไว
00:00:06 → 00:00:09 แล้วก็การมีอายุที่ยืนยาวขึ้นค่ะเรื่อง
00:00:09 → 00:00:12 นี้เนี่ยเราได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ
00:00:12 → 00:00:15 Life Span หรือชื่อไทยแกช้าอายุยืนของ
00:00:15 → 00:00:17 ดร. David Sincle จาก Harvard ค่ะเราก็
00:00:17 → 00:00:20 ไปรวบรวมข้อมูลจากบทวิเคราะห์สรุปเนื้อหา
00:00:20 → 00:00:23 สำคัญๆของเล่มนี้มาแล้วก็มีคลิปวีดีโอที่
00:00:23 → 00:00:26 เขาอธิบายหลักการวิธีปฏิบัติที่แบบน่าสน
00:00:26 → 00:00:29 ใจมากๆเป้าหมายเราวันนี้ก็คืออยากจะมาทำ
00:00:30 → 00:00:33 ความเข้าใจมุมมองที่มันท้าทายความคิดเดิม
00:00:33 → 00:00:36 ๆของเราเหมือนกันนะคะที่ว่าความชราเนี่ย
00:00:36 → 00:00:38 จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นเหมือนเอ่อโรคชนิด
00:00:38 → 00:00:41 หนึ่งที่อาจจะรักษาหรืออย่างน้อยก็ชะลอ
00:00:41 → 00:00:43 ได้ไม่ใช่เรื่องที่แบบต้องยอมรับตาม
00:00:44 → 00:00:46 ธรรมชาติอย่างเดียวแล้วก็จะมาดูกันค่ะว่า
00:00:46 → 00:00:49 เอ๊ะมันมีอะไรที่เราพอจะเอาไปปรับใช้ได้
00:00:49 → 00:00:53 จริงบ้างจากข้อมูลที่เราดูกันมาค่ะโหเป็น
00:00:53 → 00:00:56 แนวคิดที่เปลี่ยนมุมมองไปเลยจริงๆครับคือ
00:00:56 → 00:00:59 ลองนึกภาพตามง่ายๆนะครับว่าเอ่อถ้าความ
00:00:59 → 00:01:02 แก่เนี่ยมันไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่
00:01:02 → 00:01:05 ได้จริงๆแต่เป็นเหมือนความผิดปกติอย่าง
00:01:05 → 00:01:08 นึงที่แบบเอ้ออาจจะแก้ไขได้ชีวิตเรามันจะ
00:01:08 → 00:01:11 เปลี่ยนไปขนาดไหนนี่แหละครับแก่นสำคัญที่
00:01:11 → 00:01:14 เราจะมาคุยมาเจาะลึกกันวันนี้ใช่เลยค่ะ
00:01:14 → 00:01:17 จุดที่ดร.ซินแคลเขาจุดประกายมากๆเลยก็คือ
00:01:17 → 00:01:19 เขาไม่ได้มองว่าความชราเป็นกระบวนการทาง
00:01:19 → 00:01:22 ธรรมชาติที่แบบต้องก้มหน้ายอมรับแต่เขา
00:01:22 → 00:01:25 เห็นว่ามันเป็นเหมือนความผิดปกติคล้ายๆ
00:01:25 → 00:01:28 กับโรคอื่นๆที่เราพยายามหาทางรักษาอย่าง
00:01:28 → 00:01:30 เช่นมะเร็งหรือว่าโรคหัวใจอะไรแบบเนี้ย
00:01:31 → 00:01:34 ค่ะนั่นสิครับน่าคิดมากทำไมเราถึงพยายาม
00:01:34 → 00:01:36 ต่อสู้กับโรคอื่นเต็มที่แต่กลับยอมรับ
00:01:36 → 00:01:39 ความชราไปง่ายๆหนังสือเล่มนี้เขาตั้งคำ
00:01:39 → 00:01:41 ถามตรงนี้ได้ดีเลยครับแล้วก็เสนอว่าเออ
00:01:41 → 00:01:44 เราอาจจะต้องมองความชราในมุมใหม่แล้วนะ
00:01:44 → 00:01:46 โดยมีวิทยาศาสตร์ใหม่ๆมารองรับมากขึ้น
00:01:46 → 00:01:49 เรื่อยๆด้วยครับเหมือนกับว่ามีเหตุผลทาง
00:01:49 → 00:01:51 วิทยาศาสตร์มารองรับแล้วไม่ใช่แค่แนวคิด
00:01:51 → 00:01:55 ลอยๆเนาะใช่ครับแล้วก็มีเรื่องส่วนตัวของ
00:01:55 → 00:01:57 ผู้เขียนด้วยที่เขาเล่าว่าได้รับแรง
00:01:57 → 00:02:00 บันดาลใจส่วนนึงจากคุณย่าที่สุขภาพถดถอย
00:02:00 → 00:02:05 ลงตามวัยมากๆอ๋อค่ะทำให้เกิดคำถามว่ามัน
00:02:05 → 00:02:08 จำเป็นต้องเป็นแบบนี้เสมอไปจริงๆหรือ
00:02:08 → 00:02:11 เปล่าครับผมและต้องบอกว่าดร.ซินแคนี่ไม่
00:02:11 → 00:02:14 ใช่ใครก็ได้นะครับท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ
00:02:14 → 00:02:18 ชั้นนำเลยด้านชีววิทยาความชรามีงานวิจัย
00:02:18 → 00:02:20 มีสิทธิบัตรได้รับการยอมรับในระดับโลก
00:02:20 → 00:02:24 จริงๆมิน่าล่ะคะแนวคิดถึงได้ดูหนักแน่น
00:02:24 → 00:02:26 มากครับแล้วถึงแม้เนื้อหาจะเป็น
00:02:26 → 00:02:29 วิทยาศาสตร์ที่ดูเหมือนจะลึกนะครับแต่ใน
00:02:29 → 00:02:30 หนังสือเนี่ยเขาพยายามเล่าเรื่องให้เข้า
00:02:30 → 00:02:34 ใจง่ายมากๆเลยมีการเปรียบเทียบที่น่าสนใจ
00:02:34 → 00:02:37 อย่างเช่นเปรียบ DNA เหมือนแผ่น DVD ครับ
00:02:37 → 00:02:41 DVD หรอคะยังไงคะคือข้อมูลบนแผ่น DNA
00:02:41 → 00:02:44 เนี่ยมันยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์นะแต่พอ
00:02:44 → 00:02:47 เวลาผ่านไปเครื่องอ่านหรือกลไกในการอ่าน
00:02:47 → 00:02:50 ข้อมูลเนี่ยมันอาจจะเริ่มมีปัญหาอ่านติดๆ
00:02:50 → 00:02:52 ขัดๆมันทำให้เราเห็นภาพการทำงานของ
00:02:52 → 00:02:55 พันธุกรรมชัดขึ้นว่าปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่
00:02:55 → 00:02:57 ที่ตัวข้อมูลอย่างเดียวแต่อยู่ที่การเข้า
00:02:57 → 00:03:01 ถึงและอ่านข้อมูลนั้นอ๋อเข้าใจแล้วค่ะน่า
00:03:01 → 00:03:05 สนใจมากแสดงว่าถ้าเราดูแลเครื่องอ่านหรือ
00:03:05 → 00:03:08 กลไกในร่างกายเราให้ดีๆก็อาจจะอ่านข้อมูล
00:03:08 → 00:03:11 พันธุกรรมได้ดีขึ้นแม้จะอายุมากขึ้นแบบ
00:03:11 → 00:03:14 นี้ใช่มั้ยคะถูกต้องครับประมาณนั้นเลยที
00:03:14 → 00:03:17 นี้พอเราเข้าใจแนวคิดคร่าวๆแล้วคำถาม
00:03:17 → 00:03:20 สำคัญต่อมาก็คือแล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง
00:03:20 → 00:03:23 ล่ะใช่ค่ะมีวิธีปฏิบัติอะไรบ้างมั้ยมี
00:03:23 → 00:03:25 หลักการหนึ่งที่หนังสือพูดถึงเยอะแล้วก็
00:03:25 → 00:03:29 น่าสนใจมากครับเรียกว่า Horomesis
00:03:29 → 00:03:31 Horasis เหมือนเคยได้ยินอยู่ค่ะมันคือ
00:03:31 → 00:03:35 อะไรนะคะหลักการ Homesis เนี่ยมันอาจจะ
00:03:35 → 00:03:37 ฟังดูย้อนแย้งนิดหน่อยนะครับคือการที่
00:03:37 → 00:03:40 ร่างกายเราเนี่ยได้เจอกับความเครียดแบบ
00:03:40 → 00:03:43 อ่อนๆหรือแบบพอเหมาะพอดีมันไม่ใช่เรื่อง
00:03:43 → 00:03:46 แย่เสมอไปแต่กลับไปกระตุ้นกลไกการป้องกัน
00:03:46 → 00:03:48 ตัวการซ่อมแซมตัวเองของร่างกายให้แข็ง
00:03:48 → 00:03:51 แกร่งขึ้นทนทานขึ้นครับอ๋อตัวอย่างที่
00:03:51 → 00:03:54 เห็นชัดๆก็คือการออกกำลังกายใช่ไหมั้คะ
00:03:54 → 00:03:56 ที่ทำให้กล้ามเนื้อเราล้าไปบ้างแต่สุด
00:03:56 → 00:03:59 ท้ายมันก็แข็งแรงขึ้นใช่เลยครับการออก
00:03:59 → 00:04:01 กำลังกายเนี่ยชัดเจนมากหรือจะเป็นพวก
00:04:01 → 00:04:05 เight training คูฮoopที่มีน้ำหนักยางยืด
00:04:05 → 00:04:08 พวกนี้ก็เข้าข่ายคล้ายๆกันอย่าง IF เนี่ย
00:04:08 → 00:04:11 มันกระตุ้นหุ้นยังไงหรอคะพอจะอธิบายเพิ่ม
00:04:11 → 00:04:14 ได้มั้ยคะได้ครับคือการทำ IF เนี่ยนอกจาก
00:04:14 → 00:04:17 จะกระตุ้นโดยตรงแล้วมันยังทำให้ร่างกาย
00:04:17 → 00:04:19 เราเปลี่ยนไปใช้พลังงานจากไขมันแทนหรือ
00:04:19 → 00:04:23 ที่เรียกว่าคีโตนและที่สำคัญมากๆเลยคือ
00:04:23 → 00:04:26 มันส่งเสริมกระบวนการที่เรียกว่าออโตฟจี
00:04:26 → 00:04:30 ออโตฟyอ๋อที่เหมือนเป็นระบบกำจัดขยะหรือ
00:04:30 → 00:04:32 รีไซเคิลของเสียในเซลล์ใช่มั้คะถูกต้อง
00:04:32 → 00:04:35 ครับเปรียบเทียบได้ดีเลยมันช่วยกำจัด
00:04:35 → 00:04:37 เซลล์เก่าโปรตีนที่เสียหายทำให้เซลล์โดย
00:04:37 → 00:04:40 รวมทำงานได้ดีขึ้นเหมือนได้ทำความสะอาด
00:04:40 → 00:04:43 บ้านครั้งใหญ่นะครับฟังดูดีมากๆเลยค่ะ
00:04:43 → 00:04:46 แล้วถ้าจะเริ่มคำ IF มีคำแนะนำมั้คะแบบ
00:04:46 → 00:04:49 ไหนที่เหมาะกับคนเริ่มต้นรูปแบบที่นิยม
00:04:49 → 00:04:51 และค่อนข้างทำง่ายสำหรับมือใหม่ก็คือ 168
00:04:51 → 00:04:54 ครับคืออดอาหาร 16 ชมงแล้วก็มีช่วงเวลา
00:04:54 → 00:04:57 ทานอาหาร 8 ชมงซึ่งหลายคนพบว่ามันไม่ได้
00:04:57 → 00:05:01 ทรมานเกินไปพอปรับตัวได้น่าสนใจค่ะจดไว้
00:05:01 → 00:05:03 เลยนอกจากเรื่องการสร้างความเครียดที่
00:05:03 → 00:05:07 เหมาะสมหรือเรื่องอาหารการกินล่ะคะมี
00:05:07 → 00:05:09 ประเด็นอะไรน่าสนใจบ้างเรื่องอาหารนี่ก็
00:05:09 → 00:05:12 สำคัญไม่แพ้กันเลยครับโดยเฉพาะประเด็น
00:05:12 → 00:05:15 เรื่องโปรตีนที่หนังสือเน้นย้ำพอสมควร
00:05:15 → 00:05:18 โปรตีนเมีคำแนะนำยังไงคะคือหนังสือเขาแนะ
00:05:18 → 00:05:22 นำให้เอ่ออาจจะต้องระมัดระวังโปรตีนจาก
00:05:22 → 00:05:24 สัตว์มากขึ้นหน่อยครับเช่นพวกเนื้อวัว
00:05:24 → 00:05:27 เนื้อหมูนมไข่อะไรพวกนี้อ้าวทำไมล่ะคะ
00:05:28 → 00:05:30 ปกติเราก็เน้นกินโปรตีนกันใช่มั้หรอใช่
00:05:30 → 00:05:34 ครับโปรตีนจำเป็นแต่ประเด็นคือโปรตีนจาก
00:05:34 → 00:05:36 สัตว์เนี่ยมักจะมีกรดอะมิโนบางชนิดอย่าง
00:05:36 → 00:05:40 เช่นเมไทโอนีนเม็ดโอนีนในปริมาณที่ค่อน
00:05:40 → 00:05:43 ข้างสูงซึ่งเม็ดีนเนี่ยมันจำเป็นต่อการ
00:05:43 → 00:05:46 เติบโตของเซลล์นั่นแหละครับแต่ว่าการได้
00:05:46 → 00:05:49 รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะนะครับอาจจะ
00:05:49 → 00:05:52 ไปกระตุ้นกลไกการตรวจโตของเซลล์บางอย่าง
00:05:52 → 00:05:54 ที่เราไม่ต้องการรวมถึงเซลล์ที่อาจจะ
00:05:54 → 00:05:56 เกี่ยวข้องกับความชราหรือแม้กระทั่งโรค
00:05:56 → 00:05:58 บางชนิดได้ตามแนวคิดในหนังสือนะครับอ๋อ
00:05:59 → 00:06:01 หมายความว่าแหล่งที่มาของโปรตีนก็มีความ
00:06:01 → 00:06:04 สำคัญถูกต้องครับเ้าเลยแนะนำว่าโปรตีนจาก
00:06:04 → 00:06:07 พืชเนี่ยอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหรือ
00:06:07 → 00:06:10 ควรเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นโปรตีนพืชเช่น
00:06:10 → 00:06:14 อะไรบ้างคะก็พวกถั่วต่างๆเลยครับเต้าหู้
00:06:14 → 00:06:18 เทมเป้ธัญพืชหรือสมัยนี้ก็มีผงโปรตีนจาก
00:06:18 → 00:06:22 พืชเช่นโปรตีนถั่วลันตาวก็สะดวกดีโปรตีน
00:06:22 → 00:06:25 จากพืชเนี่ยมักจะมีสัดส่วนกรดอะมิโนที่
00:06:25 → 00:06:27 สมดุลกว่าแล้วก็อาจจะมีความเสี่ยงน้อย
00:06:27 → 00:06:30 กว่าในแง่ของการไปเร่งกระบวนการบางอย่าง
00:06:30 → 00:06:33 ที่เกี่ยวกับความชรานะครับเข้าใจแล้วค่ะ
00:06:33 → 00:06:35 นอกจากโปรตีนพืชแล้วมีอาหารอื่นๆที่
00:06:35 → 00:06:38 หนังสือพูดถึงเป็นพิเศษมั้คะก็มีพูดถึง
00:06:38 → 00:06:41 ผลไม้บางอย่างนะครับอย่างสับปะรดที่มี
00:06:41 → 00:06:44 เอนไซม์โบรมิเลนช่วยย่อยหรือพวกผลไม้
00:06:44 → 00:06:47 ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆที่เรารู้กันว่ามีสาร
00:06:47 → 00:06:50 ต้านอนุมูลอิสระสูงพวกแอนโทไซยานินอะไร
00:06:50 → 00:06:53 พวกนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีครับค่ะที
00:06:53 → 00:06:56 นี้นอกจากเรื่องไลฟ์สไตล์อาหารการกินแล้ว
00:06:56 → 00:07:00 เหมือนเจอมีการพูดถึงพวกเอ่อโมเลกุลหรือ
00:07:00 → 00:07:03 สารบางอย่างที่กำลังศึกษาด้วยใช่มั้ยคะ
00:07:03 → 00:07:06 ใช่ครับในแวดวงวิทยาศาสตร์ชะลอไว้ตอนนี้
00:07:06 → 00:07:09 ก็มีการศึกษาโมเลกุลที่น่าสนใจอยู่หลาย
00:07:09 → 00:07:13 ตัวเลยอย่างเช่น Rverall ที่มักจะเจอใน
00:07:13 → 00:07:16 สารสกัดจากเปลือกหรือเมล็ดองุ่นหรือเม็ด
00:07:16 → 00:07:19 ซึ่งจริงๆเป็นยาที่ใช้รักษาเบาหวานอยู่
00:07:19 → 00:07:22 แล้วแล้วก็มีสารที่กำลังฮิตมากๆอย่าง NMN
00:07:23 → 00:07:25 หรือ NAD Plus ที่เชื่อกันว่ามีบทบาท
00:07:25 → 00:07:28 สำคัญในระดับพลังงานของเซลล์เลยครับฟังดู
00:07:28 → 00:07:32 มีความหวังมากๆเลยนะคะสารพวกนี้ครับแต่
00:07:32 → 00:07:35 ต้องเน้นย้ำตรงนี้มากๆนะครับว่าสารส่วน
00:07:35 → 00:07:37 ใหญ่พวกนี้เนี่ยเนี่ยยังอยู่ในขั้นตอนการ
00:07:37 → 00:07:40 วิจัยเป็นหลักผลกระทบระยะยาวจริงๆหรือผล
00:07:40 → 00:07:42 ข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นเนี่ยยังต้อง
00:07:42 → 00:07:45 ศึกษากันอีกเยอะครับการจะหาสารเหล่านี้มา
00:07:45 → 00:07:47 ใช้เองเนี่ยควรจะต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้
00:07:47 → 00:07:50 เชี่ยวชาญก่อนและศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน
00:07:50 → 00:07:53 มากๆนะครับโดยเฉพาะอย่าง NM นี่เหมือนใน
00:07:53 → 00:07:56 ไทยจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นอาหาร
00:07:56 → 00:07:59 เสริมใช่มั้ยคะใช่ครับตามกฎหมายปัจจุบัน
00:07:59 → 00:08:02 NMN ยังไม่ได้รับอนุญาตในไทยการเข้าถึง
00:08:02 → 00:08:04 จึงยังจำกัดและต้องระมัดระวังผลิตภัณฑ์
00:08:04 → 00:08:07 ที่อาจจะไม่ได้มาตรฐานด้วยครับค่ะแล้วมอง
00:08:07 → 00:08:10 ไปในอนาคตที่ไกลกว่านั้นล่ะคะมีอะไรที่
00:08:10 → 00:08:12 น่าตื่นเต้นอีกมั้ยคะก็มีแนวคิดที่ไปไกล
00:08:12 → 00:08:15 ถึงขั้นการย้อนไวเซลล์เลยครับอย่างเช่นมี
00:08:15 → 00:08:18 การทดลองที่ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟู
00:08:18 → 00:08:21 เส้นประสาทตาในหนูทัดลองให้กลับมามองเห็น
00:08:21 → 00:08:24 ได้ดีขึ้นหรือแนวคิดเรื่องยาที่อาจจะเข้า
00:08:24 → 00:08:26 ไปปรับการทำงานของยีนที่เกี่ยวกับการแก่
00:08:26 → 00:08:29 ชราโดยตรงในอนาคตซึ่งก็เริ่มมีการศึกษา
00:08:29 → 00:08:31 บ้างแล้วแต่ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
00:08:31 → 00:08:34 กันอีกยาวๆครับผมโหฟังดูเหมือนนิยาย
00:08:34 → 00:08:37 วิทยาศาสตร์เลยนะคะแต่ก็น่าสนใจมากๆค่ะพอ
00:08:37 → 00:08:40 พูดถึงเรื่องอายุยืนยาวมากๆเนี่ยหนังสือ
00:08:40 → 00:08:43 เองก็ชวนให้เราคิดถึงผลกระทบในมุมกว้างๆ
00:08:43 → 00:08:46 ด้วยใช่มั้ยคะใช่ครับอันนี้ก็เป็นประเด็น
00:08:46 → 00:08:49 ที่น่าสนใจมากอย่างเช่นคำถามว่าถ้าคนเรา
00:08:49 → 00:08:52 อายุยืนเป็น 100 ปีหรือมากกว่านั้น
00:08:52 → 00:08:56 ทรัพยากรบนโลกจะเพียงพอมหรือว่าเทคโนโลยี
00:08:56 → 00:08:59 ชะลอวัยพวกนี้ใครจะได้ใช้บ้างมันจะเกิด
00:08:59 → 00:09:01 ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นหรือเปล่าหรือแม้
00:09:01 → 00:09:04 แต่คำถามเชิงจริยธรรมว่าถ้าคนไม่ดีมีอายุ
00:09:04 → 00:09:07 ยืนยันยาวขึ้นล่ะจะเป็นยังไงหนังสือก็
00:09:07 → 00:09:09 หยิบยกประเด็นพวกนี้ขึ้นมาให้เราฉุกคิด
00:09:09 → 00:09:12 แต่ไม่ได้ให้คำตอบตายตัวนะคะครับเป็นคำ
00:09:12 → 00:09:15 ถามใหญ่ที่สังคมคงต้องช่วยกันหาคำตอบถ้า
00:09:15 → 00:09:17 เทคโนโลยีมันไปถึงจุดนั้นจริงทั้งหมดนี้
00:09:17 → 00:09:19 ก็เป็นแนวทางที่พอจะนำไปปรับใช้ได้ใน
00:09:19 → 00:09:23 ชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นแล้วก็
00:09:23 → 00:09:26 อาจจะช่วยชะลอความเสื่อมต่างๆได้บ้างสุด
00:09:26 → 00:09:29 ท้ายนี้ผมอยากจะฝากคำถามทิ้งท้ายให้ลองไป
00:09:29 → 00:09:32 คิดกันต่อเล่นๆนะครับว่าถ้าวันหนึ่ง
00:09:32 → 00:09:35 วิทยาศาสตร์มันก้าวหน้าไปถึงจุดจุดที่เรา
00:09:35 → 00:09:39 สามารถแก่ช้าลงได้จริงๆหรืออาจจะย้อนไว
00:09:39 → 00:09:42 ได้บางส่วนเนี่ยมันไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ
00:09:42 → 00:09:44 กายอย่างเดียวนะครับแต่มันจะเปลี่ยนมุม
00:09:44 → 00:09:47 มองที่เรามีต่อการวางแผนชีวิตการทำงาน
00:09:47 → 00:09:50 ความสัมพันธ์หรือแม้กระทั่งความหมายของคำ
00:09:50 → 00:09:53 ว่าชีวิตที่คุ้มค่าหรือชีวิตที่สมบูรณ์ไป
00:09:53 → 00:09:56 มากน้อยแค่ไหนอันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ
00:09:56 → 00:09:59 มากๆและอาจจะสำคัญไม่แพ้ตัววิทยาศาสตร์
00:09:59 → 00:10:03 เองเลยก็ได้ครับลองเก็บไปคิดกันดูนะครับ
00:10:03 → 00:10:06 ถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ฝากกดติดตามกดไลก์กด
00:10:06 → 00:10:08 แชร์ให้คนที่คุณห่วงใยและเป็นกำลังใจให้
00:10:08 → 00:10:11 กับช่องสุขภาพสนทนาได้มีแรงสร้างสรรค์
00:10:11 → 00:10:14 เรื่องราวดีต่อไปนะ